บทรุกที่ 16: แข่งเรือแข่งพายได้ แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้
(แข่งเรือแข่งพายได้
แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้ : บุญวาสนาของแต่ละคนไม่เท่ากัน
การแข่งเรือเป็นการเอาชนะกันด้วยกำลัง ย่อมจะทำได้ง่าย แต่แข่งความเจริญรุ่งเรืองอันเป็นเรื่องของบุญวาสนาเป็นสิ่งที่แข่งกันได้ยาก)
ระหว่างเราสองคนกำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะกินข้าวข้างล่าง
ผมก็เริ่มเปิดประเด็นที่ตกค้างจากบทสนทนาเมื่อคืนภายหลังจากขนุนเล่นปิดเครื่องหนีผมไปก่อน
“เอาล่ะฮะขนุน สำหรับการเปลี่ยนแปลตัวเองของขนุนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะจีบผู้ชายหน้าหวานคนใหม่อีกครั้ง
เราสองคนคงจะเลี่ยงขั้นตอนต่อไปนี้ไม่ได้”
“ขั้นตอนอะไรเหรอน็อต”
คนฟังที่กำลังนั่งกินขนมปังปิ้งกับกาแฟอย่างเพลิดเพลินเงยหน้าขึ้นมา
แล้วส่งสายตามองผมลอดแว่นป้า... ทำอย่างกับว่า ทำท่าแบบนั้นแล้วมันช่วยให้เห็นได้อย่างนั้นแหละฮะขนุน...หรือว่าผมควรลองจับขนุนไปวัดสายตาประกอบแว่นดูใหม่อีกที
เผื่อว่าจริงๆแล้วสายตาแม่งไม่สั้นมากอย่างที่ผมเคยเข้าใจ
ผมอธิบายต่อด้วยเสียงและท่าทีเป็นการเป็นงาน
“อย่างแรกซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในเวลานี้ ก็คือ...การเปลี่ยนวิธีพูดของขนุนเวลาอยู่กับคนที่ไม่สนิท”
“อ๋อ...เรื่องนี้เอง
ใช่สินะ น็อตบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่ ว่าน็อตหาวิธีแก้ปัญหานี้ของขนุนได้แล้ว”
คนฟังวางมือจากแก้วกาแฟแล้วเปลี่ยนมานั่งตัวตรงเพื่อฟังผมอย่างตั้งอกตั้งใจ
ผมยกยิ้มมุมปากให้ขนุนก่อนตอบอย่างผู้ทรงภูมิ
“ใช่ฮะ... และวิธีการแก้ปัญหาที่น่าจะได้ผลที่สุดคือ....
.
...ขนุนต้องได้รับการลงโทษทุกครั้งเมื่อทำผิด”
ขนุนทำหน้างงราวกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไปถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นเสียงในภาษาอาราบิกเอากลางอากาศก่อนจะวิ่งไปกระแทกเข้ากับกระดูกค้อน
ทั่ง โกลนข้างในหู ผู้ฟังกิตติมศักดิ์ของผมถามออกมาด้วยหน้าตาไม่เข้าใจ “เอ๋??
มันยังไงกัน ไอ้วิธีที่น็อตว่าเนี่ยะ?”
ผมเผลอยิ้มให้ขนุนอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าหมางงที่ขนุนส่งมาให้
“ก็ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ขนุนเคยลองทำโน่นทำนี่เพื่อแก้ไขการพูดของตัวเองมาก่อนใช่ไม๊ล่ะฮะ?...
...แต่น็อตว่า
ยังมีสิ่งนึงที่ขนุนไม่เคยได้ลงมือทำเลยตลอดช่วงเวลานั้น...นั่นคือ ทุกๆครั้งที่ขนุนเกิดพูดจาแปลกๆออกไป ขนุนไม่เคยได้รับโทษใดๆ
จิตใต้สำนึกของขนุนจึงไม่เกิดการเรียนรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นไม่ดี มันก็เลยไม่มีกลไกใดๆเตือนให้รู้ว่า
ถึงเวลาที่ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจังเสียที...
...น็อตเลยคิดได้ว่า
เราควรบัญญัติบทลงโทษที่ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป หากแต่สามารถช่วยเตือนสติให้ขนุนไม่หลุดพูดจาแปลกๆออกมาในครั้งต่อไปได้อีกยังไงล่ะฮะ...
...ขนุนรู้ไม๊ฮะว่า
ถ้าเราไม่หมั่นเตือนตัวเองตลอดเวลาถึงสิ่งที่เราทำ ว่ามันเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร...เราอาจจะเผลอละเลย
หรือปล่อยให้นิสัยนั้นกลายเป็นความเคยชินไปในที่สุดยังไงล่ะฮะ”
ขนุนทำหน้าทึ่งๆเมื่อได้ยินคำอธิบายอันสวยหรูดูมีสาระของผม
หึ หึ...ดีนะ
ที่ไม่ได้พูดเรื่องนี้ไปตั้งแต่เมื่อคืน เพราะผมแม่งเพิ่งคิดเหตุผลอันมีหลักการที่เพิ่งร่ายให้ขนุนฟังไปนี่ออกอีเอาตอนสมองโล่งหลังจากช่วยตัวเองในห้องน้ำเสร็จเมื่อคืนนี่เองว่ะ
พอได้พูดอะไรแบบนี้ออกไป...มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่า ผมแม่งยิ่งดูหล่อ มีความรู้และน่าเชื่อถือไปกันใหญ่...
...ขนุนฮะ
คุณต้องเสร็จไอ้น็อตแน่ๆฮะ งานนี้ หึ หึ หึ
“โอเค...ขนุนเข้าใจคอนเซปต์แล้วล่ะ...
แล้วถ้าขนุนเกิดยังจะพูดแปลกๆแบบเดิมอยู่ ขนุนจะโดนอะไรเหรอ?”
แหม่...ว่าที่เมียผมแม่งก็เข้าเรื่องตรงประเด็นได้ทันทีไม่มีเสียเวลาจริงจริ๊ง...โดนว่ะ
ไม่เยอะดี
“หนึ่งคำ ต่อหนึ่งจูบ...
...และการลงโทษจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อมีโอกาส
ไม่มีการยกยอดไปวันอื่น หรือหลบเลี่ยงใดๆเป็นอันขาด...
...การตัดสินโทษ
จะอยู่ที่วิจารณญาณของน็อตเพียงคนเดียวเป็นหลักฮะ” ผมแม่งต้องกลั้นยิ้มแทบตาย
เพื่อไม่ให้ขนุนจับได้ว่าผมแม่งดีใจสัดอ่ะ ที่หัวสมองอันปราดเปรื่องคิดเรื่องฉวยโอกาสเลวๆแบบนี้ออกได้ด้วย
ผมงี้ได้ประโยชน์เต็มๆอ่ะ...
...ต้นเหตุที่ทำให้ผมคิดได้
ก็ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ...
...ตั้งแต่เมื่อคืน
หลังจากที่ได้จูบกับขนุน ตาผมแม่งก็คอยเอาแต่จะวนเวียนจับจ้องปากเล็กๆนั่นอยู่ตลอด
จะให้บอกอย่างไรดีล่ะ คือ ผมว่า...ผมโคตรติดใจรสหวาน และสัมผัสวาบหวาม
รวมทั้งความแนบแน่นระหว่างเราสองคนระหว่างที่เราแลกลิ้นกันเมื่อคืน...นี่ขนาดจูบกันไม่นานนะเว่ย
ผมแม่งยังแทบคลั่ง...แล้วนี่ถ้าได้จูบบ่อยๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
ผมแม่งจะฟินขนาดไหนกันวะ
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า
ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าเมื่อไรที่ขนุนหลุดพูดจาแปลกๆต่อหน้าคนอื่น
ขนุนต้องโดนน็อตจูบทุกคำที่ขนุนพูดเลยใช่ไม๊?”ผมพยักหน้ายืนยันความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างเรา
“ทั้งต่อหน้า...และลับหลังน็อตเลยรึเปล่า?...
.
.
...คือถ้าขนุนไม่อยู่กับน็อตในเวลานั้นพอดี
ขนุนจะไม่บอกน็อตก็ได้ใช่ไม๊?”
“อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับความซื่อสัตย์ของขนุนน่ะแหละฮะ...
.
.
...ไม่ว่าเรื่องอะไร
ถ้าขนุนไม่ยอมน็อตซะอย่าง เพื่อนธรรมดาๆแบบไอ้น็อตคนนี้ จะไปทำอะไรขนุนได้...
...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
น็อตเชื่อใจขนุนนะฮะ ว่าขนุนจะซื่อสัตย์กับน็อต เหมือนที่น็อตจะซื่อสัตย์กับขนุนยังไงล่ะฮะ”
ขนุนทำหน้านิ่งๆรับฟัง ผมแม่งก็ไม่รู้หรอกว่าขนุนจะเชื่อน้ำยาผมหรือเปล่า
แต่ความจริงแม่งก็เป็นความจริงอยู่วันยันค่ำแหละวะ ก็ผมเชื่อใจเขาจริงๆนี่หว่า
และก็ไม่คิดว่าขนุนจะคิดไม่ซื่อกับผมหรอก
“จริงเหรอ...ที่น็อตบอกว่าซื่อสัตย์กับขนุนน่ะ?”...นั่นแหน่ะ...กูว่าแล้ว
ว่าขนุนแม่งต้องสงสัยในตัวผม...
นี่ก็อีกเรื่องที่ผมเข้าใจได้นะ
ก็ผมแม่งทำตัวมีลับลมคมในกับเขามาตลอดนี่หว่า
แล้วก็ไอ้เรื่องที่โกหกเกี่ยวกับตัวเองอยู่ตลอดเวลานี่อีกล่ะ...
ผมแม่งก็อยากจะทำตัวโปร่งใสเป็นที่ไว้วางใจได้อยู่นะฮะ แต่จะให้ทำไงล่ะ ก็งานมันค้ำคอ
.
.
...เท่าที่ทำได้ตอนนี้ก็คงจะเป็นบอกความจริง...
...ไม่หมดเท่านั้นเอง
เฮ้ออออ
“จริงสิฮะ........ทำไม
ขนุนไม่เชื่อน็อตเหรอ?” ผมพยายามปั้นยิ้มจริงใจส่งไปให้หวังเพื่อให้อีกคนเชื่อถือ
“ถ้างั้น ไม่ว่าขนุนจะถามอะไร...น็อตก็ต้องตอบตามความจริงล่ะสินะ”
ตอนนี้คนที่คอแห้งจนจิบกาแฟไม่วางมือกลับกลายเป็นผมเองเสียแล้วสิ.........ไอ้สายตาตรวจสอบนั่น
มันคืออัลไลกันฮะขนุน???!!
“ฮะ...แน่นอนฮะ...
แต่มันก็ต้องมีบางเรื่องที่น็อตอาจจะไม่สะดวกใจตอบบ้างเหมือนกันนะฮะ
ขนุนคงจะเข้าใจ” ผมบอกตรงๆ
“อืม
ขนุนเข้าใจ...คนเราก็มีเรื่องแบบนี้กันบ้างแหละ
แต่ถ้ามันไม่ได้กระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ของเรา
ขนุนก็ไม่ได้ซอกแซ่กอยากรู้อะไรหรอกนะ น็อตสบายใจได้” ขนุนยิ้มปลอบ
“ฮะ น็อตรู้ฮะ
ว่าขนุนจะเข้าใจ...แต่ที่พูดมาแบบนี้นี่ เหมือนขนุนมีอะไรอยากจะถามน็อตเลยนะฮะเนี่ยะ”
“ก็นิดหน่อย...
.
.
...ขนุนอยากรู้ว่า
เมื่อคืนน่ะ...
...ที่เราทำกันก่อนนอนน่ะ
น็อตรู้สึกยังไงบ้าง?...
...คือ....ขนุนอยากรู้รายละเอียดจากปากน็อตบ้างน่ะ”
คนพูดเม้มปากเป็นเส้นตรงเมื่อพูดจบ
อืมม...เดี๋ยวนี้ทำไมขนุนแม่งชอบพูดไปเม้มปากไปตลอดเลยวะ
ทั้งที่ตอนนี้ไม่ได้พูดเรื่องที่มันชวนให้อารมณ์เสียเลยนี่หว่า...ถ้าทำให้อารมณ์เสียวก็ว่าไปอย่าง...
...เดี๋ยวคงต้องไปหาอ่านในเน็ทแล้วล่ะ
ว่าไอ้การเม้มปากเนี่ยะ มันหมายความว่าอะไร...แม่งเสือกเป็นท่าทางที่ผมไม่ค่อยจะทำเสียด้วยสิ
ผมแม่งก็มัวแต่คิดเรื่องเม้มปากอยู่พักหนึ่ง
จนพอเหลือบกลับไปมองหน้าขนุนก็ต้องตกใจที่อีกฝ่ายยื่นหน้าแว่นๆมาใกล้เพื่อรอฟังคำตอบ “เฮ่ย!!......อ๋อ...เอ้อ...จริงสินะ...สถานการณ์เมื่อคืนมันก็น่าจะเอาไว้ใช้เขียนนิยายได้เหมือนกันนี่เนอะ...
.
.
...ทำนองว่า หนุ่มใหญ่สอนรักหนุ่มน้อยมือใหม่ในเรื่องอย่างว่าอะไรแบบนี้ใช่ป่ะฮะ?”
ผมเห็นขนุนพยักหน้าให้โดยสายตาจับจ้องหน้าผมอย่างคาดหวังคำตอบ
จะให้ผมบอกตอนนี้เลยก็ได้นะ...แต่เดี๋ยวเรื่องมันจะยาว
เอาไว้ให้เราทำเรื่องที่ต้องทำในวันนี้ให้เสร็จก่อนแล้วกัน ผมค่อยรอบอกทีเดียว...ขนุนคงไม่ลงแดงตายหรอกม้างงงงง
“งั้นเอางี้นะฮะ
เอาไว้น็อตจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋
ตีแผ่ทุกรายละเอียดให้ขนุนฟังตอนเราอยู่บนรถดีไม๊ฮะ” ผมรวบจานของเราทั้งสองคนมาซ้อนรวมกัน
แล้วทำท่าจะคว้าแก้วกาแฟของขนุนที่อยู่บนโต๊ะมาวางไว้ข้างบนจานอีกที แต่มือเรียวๆขาวๆนั่นกลับคว้าแก้วไปถือเอาไว้แล้วมองผมงงๆ
“เอ๋???
เราจะไปไหนกันเหรอน็อต?”
ผมตอบคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปอย่างชิลๆ
“วันนี้เราจะไปเดทกันฮะ”
ยิ่งฟังที่ผมตอบ
ขนุนก็ยิ่งทำหน้าประหลาดใจไปกันใหญ่ “เดทเหรอ?”
“ฮะ......ก็ในหนังสือคู่มือการจีบของขนุนบอกเอาไว้ว่าให้พาคนที่เราชอบไปออกเดทเพื่อทำความรู้จักซึ่งกันและกันให้มากขึ้นยังไงล่ะฮะ...
.
.
...น็อตก็เลยอยากรู้ว่า
ถ้าขนุนจะพาคนที่ตัวเองชอบไปเดท ขนุนจะพาคนๆนั้นไปที่ไหน
ทำอะไรเพื่อสร้างความประทับใจให้กับเค้าได้บ้าง แล้วระหว่างนั้น...ขนุนจะสามารถทำความรู้จักกับคนที่ตัวเองชอบได้ดีขนาดไหน
และนี่คือเรื่องสำคัญเรื่องที่สองที่เราต้องทำกันอย่างเร่งด่วนยังไงล่ะฮะ”
คนฟังพยักหน้าหงึกหงักไม่มีท่าทีจะประท้วง
แล้วพูดด้วยเสียงดังกว่าปกติคล้ายๆจะตื่นเต้น “อืม...เข้าใจแล้วล่ะ ไปเดทที่ๆขนุนอยากพาคนที่ชอบไปใช่ไม๊ล่ะ?”
“ถูกต้องฮะ!! แต่ขนุนต้องแต่งตัวดีหน่อยนะฮะ” พอผมพูดจบ
ขนุนก็ส่งสายตาขุ่นๆมาให้ผมทันที เหมือนกับไม่พอใจ
“ทำไมต้องแต่งตัวดีด้วยล่ะน็อต?”...แหม่
หางเสียงตวัดนี่มาเชียวนะฮะ ไอ้เรื่องแต่งตัวนี่ขอกันไม่ได้เลยหรือไง ไม่เข้าใจหรือครับคุณ
ว่าเรากำลังจะไปเดทหวานแหววแนวสวีทกันเนี่ยะ
ใครหน้าไหนก็อยากจะเห็นคนที่เราชอบแต่งตัวดีเป็นพิเศษกันทั้งนั้นแหละฮะ
สงสัยต้องหว่านล้อมอีกแล้วล่ะสินะ...
“อ้าวขนุนฮะ...ถึงคราวนี้จะเป็นการซ้อมเดทกับน็อต
แต่ขนุนต้องทำเหมือนเรื่องจริงทุกอย่างนะฮะ เรื่องแต่งตัวก็ด้วย......อย่างที่เราคุยกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ยังไงล่ะฮะ
ว่าคนที่เราชอบเค้าอาจจะคาดหวังอยากให้เราแต่งตัวดีๆเพื่อที่เวลาเดินด้วยกัน
จะได้ดูเหมาะสมกันยังไงล่ะฮะ"
.
.
.
หลังจากนิ่งไปนาน
ขนุนก็พยักหน้าน้อยๆพร้อมยกธงขาวให้ “เข้าใจแล้วล่ะ”
ตามประสาว่าที่เมียที่ดี...ขนุนยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มจนหมดแล้วยื่นแก้วให้ผมนำไปล้าง
โดยเจ้าตัวเดินนวยนาดย้ายร่างอ้อนแอ้นที่ใส่เพียงเสื้อยืดโคร่งๆตัวใหญ่กับบ็อกเซอร์ตัวสั้นจู๋โชว์ขาขาวๆที่ผมบูชา
จนดูคล้ายกับว่าเจ้าตัวใส่แค่เสื้อยืดเพียงตัวเดียวมายืนพิงเคาน์เตอร์ข้างๆอ่างล้างจานเพื่อรอผมเงียบๆ
และตามประสาว่าที่ผัวที่ดี...ผมก็อาสาทำทุกอย่างตั้งแต่เตรียมอาหารเช้าอย่างง่ายๆลากยาวมาจนถึงล้างถ้วยล้างชามขอแค่ให้เมียสบายตัวอย่างที่สุด
ระหว่างนั้นผมก็คอยส่งสายตาไปทักทายต้นขาเนียนๆที่โผล้พ้นชายเสื้อลงมาอยู่เป็นระยะๆ
ช่วยไม่ได้ฮะ...เมียชอบโชว์ ผัวก็ต้องคอยสอดส่องเป็นธรรมดา หึ หึ...
เอ๊ะ!!
แต่เรื่องมองขาแม่งไม่ใช่ว่ะ...กูกำลังลืมเรื่องสำคัญระดับโลกอะไรไปหรือเปล่า???...
...นึกออกแล้ว!!
...ไอ้เหี้ยน็อต...นี่มึงกลายเป็นพวกเอาใจเมียอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูไปตั้งแต่เมื่อไรกันวะ???!!
.
.
...แต่เมียผมแม่งมือบางอ้ะ...
...ผมแม่งไม่อยากให้มือนุ่มนิ่มนั่นต้องมาโดนน้ำยาล้างจานกัดเลยให้ตาย!
...สู้สงวนรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีเพื่อให้ของเหลวในร่างกายผมกัดจนเสียวสยิวโดยเฉพาะจะดีกว่า กรั่ก กรั่ก กรั่ก
แต่เรื่องที่ผมกำชับขนุนให้แต่งตัวดีนั้น
จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่แค่เพื่อให้เราดูดีสมกันหรอกฮะ แต่วันนี้น่ะ
ผมตั้งใจจะพาขนุนไปเดทแม่งทั้งวันนี่แหละ...ทั้งเดทแบบขนุนๆ และเดทแบบน็อตๆ แล้วความสำคัญมันก็ดันอยู่ตรงไอ้เดทของผมนี่แหละ...เกิดขนุนแต่งตัวพลาดขึ้นมา...ความประทับใจแรกก็จะพลอยเสียไปหมด
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ผมถอยรถเข้าซองจอดยังสถานที่ๆขนุนบอกพิกัดเอาไว้ก่อนออกจากบ้าน
จากนั้นก็ได้แต่เดินตามร่างเพรียวอ้อนแอ้นขึ้นบันไดเลื่อนไปเรื่อยๆเพื่อเข้าสู่ตัวห้างที่ผมเคยได้ยินชื่อมานาน
ผ่านก็หลายครั้ง แต่ยังไม่เคยเข้ามาสักที
ไอ้ผมก็ไม่รู้หรอกฮะว่า
ที่ๆขนุนอยากพาแฟนมาเดทมันคือที่ไหน
ออกจะแปลกใจเสียด้วยซ้ำเมื่อเจ้าตัวบอกว่าจะพาผมมาที่ห้างนี้
เพราะสถานที่เดทแบบขนุนในความคิดผม...แม่งโคตรต่างไปจากที่ๆเรากำลังเดินอยู่มากจริงๆ...
ถ้าเปลี่ยนจากที่นี่เป็นคลองถมคืนวันเสาร์ แล้วไปนั่งคุ้ยกองของเล่นมือสองยังจะเข้าเค้าเสียมากกว่า
ผมเดินตามร่างอ้อนแอ้นแขนอ่อนยังไม่ทันจะเมื่อยดี และแล้ว...ขนุนก็มาหยุดยืนยิ้มอย่างพอใจตรงหน้าร้านเล็กๆร้านหนึ่งที่แม่งตั้งอยู่ท่ามกลางร้านอื่นๆซึ่งบรรยากาศโดยให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในย่านร้านค้าญี่ปุ่น...
จะว่าไป ไอ้ร้านพวกนี้แม่งก็ทำให้ผมนึกถึงเทศกาลออกร้านในเกียวโตซึ่งผมเคยเดินผ่านตอนไปเที่ยวกับที่บ้านเมื่อสองปีก่อนขึ้นมาได้เลยว่ะ
พอผมแหงนหน้าดูป้ายหน้าร้าน
และสังเกตคนที่ยืนอออยู่ตรงทางเข้าดีๆ ผมชักไม่แน่ใจว่าไอ้ร้านนี้น่ะคือสิ่งที่ขนุนใฝ่หาอยากจะได้มาเป็นฉากในการเดทอย่างหวานฉ่ำ
แต่เรื่องหนึ่งที่ผมมั่นใจสัดๆ คือร้านนี้แม่งต้องเป็นที่สิงสถิตย์ของคนประเภทเดียวกับขนุนๆไม่ผิดแน่ๆ
เพราะผมเห็นหน้าค่าตาไอ้ลูกค้าที่เพิ่งเดินออกจากร้านมาแต่ละคนแล้ว...เก้าในสิบคนจากพวกที่ยืนยิ้มหื่นๆอยู่ตรงหน้าร้านนี้
แม่งต้องเป็นโอตาคุในหมวดหมู่อะไรสักอย่างที่ผมเองก็ไม่อาจรู้ได้แหงๆ
ผมหันกลับไปมองคนหน้าแว่นที่ทำตาเป็นประกายอยู่ข้างๆอย่างไม่แน่ใจ
แล้วถามออกมาเพื่อย้ำชัดให้ชัวร์ๆอีกครั้งว่าเรากำลังยืนอยู่ในทำเลที่เหมาะสมกับการเดทในวันนี้แน่ๆใช่หรือไม่
“ขนุนแน่ใจนะฮะ ว่าที่นี่คือที่ๆขนุนอยากพาคนรักมาออกเดท?”
“แน่สิ...ที่นี่ถือเป็นสถานที่แรกๆที่ขนุนอยากจะพาคนที่ชอบมาเดทด้วยรองจากงานคอมิคคอนเลยนะ”
ตอนนี้ขนุนแม่งทำหน้าตามีความสุขเหมือนคนเมาน้ำตาล มือทั้งสองข้างกุมประสานกันไว้ตรงหน้าอก
ในขณะที่สี่ตากำลังมองไปยังป้ายตรงหน้าร้านอย่างมีความหวัง
นี่ยังดีนะที่ขนุนแม่งยังหุบปากเอาไว้อยู่
ไม่อย่างนั้น...น้ำจิ้มที่ไหลบ่าอยู่ข้างในมีสิทธิ์เยิ้มย้อยออกมาแน่ๆ
พอผมได้เห็นอาการปลื้มปริ่มสุดลิ่มทิ่มประตูของขนุนอย่างที่เป็นอยู่นี่
ผมก็ถึงกับอึ้งจนไปไม่เป็น...
...แย่แล้วกู!! นี่ว่าที่เมียกูแม่งเป็นโอตาคุเต็มตัวขนาดนี้เลยเหรอวะ??
...ขนุนแม่งเป็นเอามากสัดๆอ่ะ เผลอๆ...เวลานี้อาการแม่งหนักกว่าตอนซุ่มเฝ้าคอยส่องบ้านพี่กานต์อีกว่ะ
ผมหลุดปากทวนคำถามไปให้ขนุนอีกครั้ง
เผื่อว่าสิ่งที่ผมกังวลอยู่ทั้งหมดนี่ จะเป็นเพียงแค่ฝันร้ายของชายหนุ่มวัยใสอย่างผมเท่านั้น
“เอ่อ.....เมดคาเฟ่เนี่ยะนะฮะ?”
“อื้อ ก็เมดคาเฟ่นี่แหละ
ขนุนดีใจมากเลยนะที่ในที่สุด ร้านนี้ก็มาเปิดสาขาที่เมืองไทยจนได้...
.
.
...ใจจริงขนุนอยากไปร้านนี้ที่ญี่ปุ่นมาตั้งหลายปีแล้ว
แต่เพราะมัวเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเขียนนิยาย เลยไม่มีเวลาบินไปสัมผัสประสบการณ์การความสุขที่แท้จริงจากการได้ไปเยือนดินแดนแห่งความฝันท่ามกลางบรรดาน้องเมดสุดคาวาอี้แบบต้นตำรับถึงญี่ปุ่นซะที”....เหยดดด
ขนุนแม่งก็จริงจังเกิ๊นนนว่ะ ชักจะกลัวๆขึ้นมาแล้วนะเว่ย...
นี่กูเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับอะไรที่มันไม่ถูกไม่ควรหรือเปล่าวะ???!!
คิดจะถอนตัวตอนนี้...แม่งคงจะสายไปแล้วแหงๆ เอาวะไอ้น็อต... ท่องไว้ เพื่อความสุขของเมีย...เรื่องขี้ประติ๋วแค่นี้
มึงต้องยอมรับให้ได้!!
.
.
แต่ขนุนแม่งก็ยังไม่จบ
“...จริงๆ เมดคาเฟ่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ขนุนคาดหวังเอาไว้ซะทีเดียวหรอก
ขนุนอยากไปโฮสต์คลับมากกว่า แต่เมืองไทยยังไม่มี...ก็เลยมาที่นี่แทน” เอ่อ...ผมว่าผมเริ่มจะดีใจแล้วล่ะ
ที่เราได้มาเมดคาเฟ่กันวันนี้ อย่างน้อยๆ...ก็สบายใจได้ว่าที่นี่แม่งก็ไม่ต่างอะไรกับของแสลงที่เจ้าตัวเอาไว้กินแก้ขัดเท่านั้นล่ะวะ...
...แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นให้เมืองไทยมีโฮสต์คลับแบบในย่านชิบูย่าขึ้นมาจริงๆ
แล้วขนุนเลือกจะพาผมไปเดทด้วยที่นั่น ผมแม่งคงได้กลายร่างเป็นหมาบ้าวิ่งพล่านคอยไล่งับผู้ชายทุกตัวในร้านที่เผลอเดินเข้ามาอยู่ในระยะสายตาของขนุนแหงๆ...
“โอเค...
ตามนั้นเลยฮะ.... เอ่อ แล้วนี่เราจะรออะไรกันอยู่อีกล่ะฮะ
ทำไมเราถึงไม่เข้าไปข้างในกันซักที?”
ผมถามกายหยาบของขนุนที่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงที่เดิม
ทั้งที่จิตลอยเข้าไปในร้านนั่นเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อสิบนาทีที่แล้ว
ขนุนหันกลับมามองหน้าผมด้วยสีหน้าลำบากใจ
แล้วเอ่ยเรียบๆ “อืม คือ...ขนุนรอพี่เกี๊ยวอยู่น่ะ”
“ห๊ะ???...ไอ้พี่เจี๊ย....เอ๊ย! พี่เกี๊ยวน่ะเหรอฮะ?...มัน..เอ๊ย! เค้าจะมาที่นี่เหรอฮะ?” เลือดผมนี่เดือดปุดๆขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินชื่อไอ้พี่เจี๊ยวนั่น...ทั้งที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวยแล้วแท้ๆ
ทำไมขนุนต้องลากไอ้พี่เจี๊ยวเข้ามาเกี่ยวในเดทแรกของเราด้วยฟระ!!!!
“อื้อ
คือขนุนเคยบอกพี่เกี๊ยวเรื่องที่จะมาที่นี่เอาไว้นานแล้วล่ะ
พี่เกี๊ยวแกก็บอกว่าอยากมาเหมือนกัน เพราะถ้ามาคนเดียว...แกคงเขินแย่
แกเลยสั่งเอาไว้ว่า ถ้าวันไหนขนุนมาที่นี่ ให้ชวนแกด้วยน่ะ”
ขนุนอธิบายด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ้าว
นี่แล้วแกไม่ทำงานทำการหรอกเหรอฮะ? หรือว่าเอาแต่ยุ่มย่ามกับชีวิตนักเขียนจนเกินพอดี
เลยโดนไล่ออกจากงานไปแล้ว” ผมอดแดกออกไปไม่ได้จริงๆว่ะ วินาทีนี้...ขอหน่อยเหอะ
มีอย่างที่ไหนวะขนุน...มาเดทกับผม ถึงจะเดทปลอมๆก็เถอะ
ทำไมต้องไปชวนไอ้พี่เกี๊ยวมาเอี่ยวด้วยก็ไม่รู้
“บ้าเหรอน็อต...
นี่น็อตลืมวันลืมคืนรึไง??! วันนี้มันวันชดเชยวันสงกรานต์
สำนักพิมพ์และออฟฟิศบางที่ก็เลยยังปิดอยู่...
.
.
...แต่น็อตไม่ต้องกังวลหรอกนะ
เพราะพี่เกี๊ยวไม่ได้มาคนเดียว แกพาเพื่อนแกมาด้วย... แกบอกว่า
ร้านนี้ต้องมากันหลายๆคน จะได้มีคนช่วยหารค่าข้าวเยอะหน่อย
พวกเราจะได้สั่งอาหารมาชิมกันได้หลายๆอย่างไงล่ะ”
“โอ้ววว
บทจะมาก็ไม่ได้มาตัวเปล่า...ยังจะเอาเพื่อนมาอีก
แล้วอย่างนี้เราจะเรียกวันนี้ว่าเดทได้อีกเหรอฮะ?” ขนุนเห็นหน้าน็อตตอนนี้ไม๊ฮะ?
เห็นไหมว่าน็อตนี่แทบจะสแยะเขี้ยวของทั้งตัวเองและหมาทุกตัวที่เลี้ยงเอาไว้ในปากออกมาหมดแล้วเนี่ยะ
ทำไมขนุนทำกับน็อตแบบนี้ล่ะเฮ้ย???!!
“เถอะน่าน็อต ก็เราไม่ได้มาเดทกันจริงๆซะหน่อย...
น็อตบอกเองนี่ ว่าน็อตเป็นเพื่อนที่อยากจะช่วยขนุนเรื่องเปลี่ยนแปลงตัวเองและก็เรื่องงาน...ส่วนการเดทวันนี้
มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของข้อตกลงของเราเท่านั้น...
.
...หรือน็อตจะบอกว่าขนุนจำผิด?” ขนุนถามลอยหน้าลอยตา
ผมแอบเห็นแววตาคล้ายๆกับสะใจที่ได้แกล้งผมอยู่แว่บหนึ่ง...
ผมแม่งคงตาฝาดไปเองแล้วล่ะ
พอได้ฟังขนุนพูดคำของผมเองออกมาแบบนี้...ผมจึงทำได้แค่ก้มหน้ารับกรรมไปเท่านั้นน่ะสิฮะ
“อ๋ออออ..ฮะ ไม่ผิดฮะ ขนุนจำได้ถูกต้องเป๊ะทุกตัวอักษรเลยฮะ”
ขนุนวางมือลงบนบ่าของผม
แล้วบีบเบาๆเชิงปลอบใจ “งั้นก็ดีแล้ว น็อตก็ถือซะว่าวันนี้
เรามากินข้าวกันฉันท์มิตรหลายๆคนดีไม๊ล่ะ จะได้สนุกๆ
แถมขนุนยังได้สำรวจร้านนี้เอาไว้ก่อน เผื่อว่าพาคนที่ชอบมา...จะได้รู้ทางหนีทีไล่
แล้วก็จะได้ไม่เผลอตัวทำอะไรเปิ่นๆออกไปยังไงล่ะ...
.
.
...โอ๊ะ!! นั่นไง...พี่เกี๊ยวมาแล้ว
อีกคนที่มากับพี่เกี๊ยวนั่นชื่อพี่ปลานะ...
...ขนุนเลยชอบเรียกรวมกันทั้งสองคนทีเดียวเลยว่า
พี่เกี๊ยวปลา... เป็นไง น่ารักป่ะ?”
ขนุนยิ้มแล้วโบกมือให้กับสองร่างที่เดินลงมาจากบันไดเลื่อนที่เห็นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
เมื่อผมมองตามขนุนไปยังทิศทางนั้นก็ต้องผงะ
เพราะไอ้ชื่อที่ขนุนเรียกแขกไม่ได้รับเชิญสองคนนั่นรวมกัน ไม่ได้ดูสอดคล้องกับสิ่งที่ผมกำลังเห็นอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
ปากไวๆของผมก็เลยพูดออกไปโดยไม่คิดไตร่ตรอง
“เหรอฮะ...แต่น็อตว่าน่าจะเรียกรวมกันว่า พี่ปาเกียวมากกว่านะฮะ”
ลำพังแค่เฉพาะไอ้พี่เจี๊ยวที่แยกดูเดี่ยวๆ
ก็ไม่เท่าไร...
แต่พอไอ้ผู้ชายตัวหนาอย่างพี่เจี๊ยว ถูกจับให้มาเดินคู่กันกับผู้ชายรูปร่างสันทัด
แต่ดูเนื้อตัวแน่นๆ แถมยังมีรากฐานมั่นคงอย่างไอ้พี่ปลานั่น
ผสมโรงด้วยหน้าตาของทั้งสองคนที่ดูถึกๆเหมือนปลาบึกชนเขื่อนออกซะขนาดนั้น มันสองตัวรวมกันยิ่งทำให้ดูเป็นมวลสสารที่โคตรพ่อโคตรแม่ลำหักลำโค่นไปกันใหญ่... สาบานได้นะ ว่าเวลาว่าง
พวกมึงไม่ได้ทำงานพาร์ทไทม์เป็นนักมวยปล้ำคู่ขาตามบาร์แถวพัทยาใต้
แล้วไอ้พี่ปลาฮะ...นั่นต้นขาหรือว่าอะไร
ทำไมมันใหญ่เกินไซส์ตัวได้ซะขนาดนั้นฮะ???!!!
สงสัยวันนี้ผมต้องคอยระวังปากเอาไว้หน่อยซะแล้วล่ะ
เกิดผมแม่งพูดจาให้พี่ปลาไม่พอใจจนพี่แกโมโหเลือดขึ้นหน้า
แล้วพี่แกลุกขึ้นมาเตะเข้ากลางลำตัวผมเอา...ตัวผมไม่ต้องขาดออกเป็นสองท่อนหรืออย่างไรกัน...
หูยยย แค่คิดภาพตามก็สยองแล้ว
“........”
ขนุนฟังผมพูดเงียบๆโดยไม่ตอบโต้อะไร
หากแต่ส่งสายตา ‘น็อตนี่ก็จริงๆเลยนะ’ มาให้ผมเป็นรางวัล...
...เหยดดดดด ผมแม่งโคตรชอบเลยว่ะ
อะไรจะดูเย็นชาน่าทดสอบความอดทนได้มากขนาดนี้กันวะขนุน
ดูเหมาะกับการดำรงตำแหน่งราชินีเคะผู้บ้าอำนาจในชุดหนังมันวาวสีดำปลาบเสียเหลือเกิน...
เอาแส้เฆี่ยน เอาเทียนลนน็อตเลยฮะ น็อตรออยู่!!
...แต่ถ้าจะให้ได้อารมณ์และฟินยิ่งๆขึ้นไป ช่วยเอาไอ้เหี้ยหมีควายสีน้ำตาลสองตัวที่กำลังเดินหน้าแป้นเข้ามาหาพวกผมสองคนนี่ออกไปห่างๆตีน อย่าให้ต้องมาพบเจอหน้าหรือคบค้ากันอีกเลยจะได้ไหมฮะ...ขอทีเถอะ!!
เมื่อไอ้หมีควายอาวุโสทั้งสองเดินมาหยุดข้างๆเราสองคน
ขนุนก็ยกมือไหว้และทักทายทันที “พี่เกี๊ยว พี่ปลา หวัดดีครับ”
ยังไม่ทันที่ไอ้พี่เจี๊ยวแม่งจะได้พูดอะไร
พี่ปลาขาใหญ่ก็เอ่ยออกมาอย่างร่าเริง “ขนุน!!! ดีใจจังเลยที่วันนี้ได้เจอกัน พี่ไม่นึกเลยนะ
ว่าขนุนจะโทรมาชวนเกี๊ยวมาที่นี่...
.
.
...พี่เลยพลอยได้อานิสงส์ติดรถมาเที่ยวที่นี่วันนี้ด้วย
รู้มะ...พี่นะ อยากเมดคาเฟ่มาตั้งนานแล้ว
เพราะอ่านรีวิวแล้วเค้าบอกว่าน้องเมดน่ารักมากๆๆๆๆ...
อีกอย่างก็อยากพาน้องด๋อยมาถ่ายรูปข้างๆจานไจแอนท์ออมเล็ทไรซ์ด้วยน่ะ...
.
.
...แต่ที่สำคัญที่สุด
พี่อยากมาเจอหน้าขนุนสุดๆไปเลยล่ะ...ใช่มะเกี๊ยว
แกอยากมาเจอขนุนเหมือนชั้นใช่มะ?...
...เอ๊ะ
แล้วนี่ใครกันเอ่ย?” พี่ปลาถามขนุนแต่หันหน้ามามองผมอย่างสนอกสนใจ...ไม่ใช่และ
พี่แม่งไม่น่ากลัวเหมือนกับมาดภายนอกแล้วว่ะ จริงๆพี่ปลาแม่งออกจะนุ่มนิ่มอ่อนโยนและร่าเริงสัด
ผมว่าถ้าจับแกมาฟีทเจอริ่งกับน้องหัวม่วง...สองคนนี้แม่งต้องกลายร่างเป็นคู่หูดูโอ้ปล่อยพลังความร่าเริงเจิดจ้าทำลายล้างความหมองหม่นบนโลกใบนี้ได้แหงๆ...แรร์ไอเท่มสัดๆอ่ะ
พอเห็นท่าทางอารีมีไม่ตรีจิตรของพี่ปลาแล้ว
พลอยทำให้ผมแม่งนึกถึงพวกเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยม
ที่มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าแม่งต้องนิสัยดี เรียนเก่ง เห็นอกเห็นใจคนอื่น แถมยังมีมนุษยสัมพันธ์ดีจนกล้าที่จะเข้ามาทักคนอื่นก่อนในวันเปิดภาคเรียนใหม่โดยไม่มีใครรู้จักกันมาก่อน ถึงจะรู้ดีแก่ใจว่า...คบกับเพื่อนแบบพี่ปลานี่
ชีวิตผมคงจะเจริญและลืมตาอ้าปากได้เพราะแกจะนำพาความเจริญมาให้แน่ๆ แต่ผมก็มองขาดว่า มันคงต้องแลกด้วยการอดฟันหญิงไปพร้อมๆกับดูด้อยไม่ถ่อยเท่ห์ไปตลอดชาติ...
ซึ่งคงจะไม่ใช่คนประเภทที่เด็กเหี้ยๆอย่างผมเลือกคบแหงๆ
ลองถ้าไอ้พี่เจี๊ยวแม่งสนิทกับพี่ปลาขาใหญ่จริงๆ
ไอ้พี่เจี๊ยวแม่งก็คงจะหนีไม่พ้นพวกเด็กหน้าห้องนิสัยดีแต่ไม่มีโอกาสตีหม้อขึ้นครูมาก่อนน่ะสิวะ...
ถึงว่า แม่งเพิ่งจะมาออกอาการเห่อกระปู๋เอาอีตอนแก่ปูนนี้ หึ! อ่อนว่ะสัด!
ขนุนยิ้มแล้วตอบพี่ปลาไปอย่างสุภาพ
“คนนี้เพื่อนขนุนเองครับ ชื่อน็อต......
.
...น็อต นี่พี่ปลา
แล้วนี่ก็พี่เกี๊ยว...คนที่น็อตเคยเจอที่ออฟฟิศไง”
“หวัดดีฮะ” ผมยกมือไหว้พี่ปลา...ลามไปถึงไอ้พี่เจี๊ยวที่ผมจำใจต้องไหว้แม่งอย่างเสียไม่ได้...
กูไม่น่าเกิดหลังมึงเลยจริงจริ๊งงง ไหว้แม่งแล้วเสียมือว่ะสัด!!
“อ๋ออออ...คนนี้น่ะเหรอที่ชื่อน็อต”...นี่ยังไงล่ะ
ฤทธิ์ของไอ้เหี้ยพี่เจี๊ยว แม่ง...กูไม่น่าไหว้แม่งไปเล๊ยยย
ไม่ทันไรแม่งก็มองกวนส้นตีนผมเสียแล้ว
ไอ้ความคิดที่ว่าผมกับแม่งศรศิลป์ไม่กินกันขนาดนี้เนี่ยะ
คงไม่ใช่เพราะหวังในตัวขนุนเหมือนกันอย่างเดียวเสียแล้วล่ะว่ะ แม่งคงต้องเป็นเพราะความเกลียดน้ำหน้ากันมาตั้งแต่ชาติปางไหนที่ช่วยเสริมส่งอาการส้นตีนกระตุกของผมได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย...เห็นทีว่าชาตินี้กูคงจะไม่มีทางญาติดีกับมึงได้อีกต่อไปแล้วล่ะไอ้เหี้ยเจี๊ยวเสียวรูมดเอ๊ย!!
ผมแยกเขี้ยวส่งให้ไอ้เจี๊ยวแล้วตอบช้าๆชัดๆเพื่อให้แม่งได้ยินเต็มๆสองรูหู
“ใช่ฮะ... ผมนี่แหละน็อต และก็เป็นน็อตคนเดียวของขนุน...ไม่มีน็อตอื่น น็อตไหนอีกแล้ว”
พี่ปลาชิงเอาตัวรอดโดยการหันไปคุยกับขนุนทันที
“เอ่อ...พี่ว่า เราเข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่านะ
บรรยากาศตรงนี้มันมาคุๆยังไงก็ไม่รู้ซิ...ป่ะป๊ะ ไปกันเถอะขนุน” แกกึ่งจูงกึ่งลากขนุนให้เดินเข้าร้านไปด้วยกัน
แต่ว่าที่เมียผมแม่งก็น่ารักเหลือกิน
เพราะขนุนหันกลับมาคว้ามือของผมเพื่อให้เดินตามเข้าไปพร้อมๆกัน
ขนุนยิ้มให้ผมหลังจากที่มือเราสองคนประสานกัน
“มาเร็วน็อต เดี๋ยวไม่ทันได้เห็นน้องเมดนะ” ...ให้มันได้อย่างนี้สิเมียกู!!
ผมนี่แทบจะลอยตามขนุนเข้าไปในร้านเหมือนลูกโป่งอัดแก๊สที่ผูกเอาไว้ตามข้อมือเด็กๆ
แต่เพื่อความสะใจ
ผมก็ไม่ลืมหันกลับไปยิ้มเยาะใส่หน้าบอกบุญไม่รับของไอ้เจี๊ยวที่กำลังเดินตามมา... ไหนๆก็ไหนๆ ซ้ำเติมแม่งอีกหน่อยจะเป็นไรไปวะ ผมจึงบรรจงมองหน้าแม่งอย่างกวนตีนเต็มสูบ
ก่อนจะหัวเราะเย้ยแม่งอยู่ในลำคออย่างดังอ่ะ “หึ หึ หึ!”
เมื่อเราทั้งสี่คนได้ที่นั่งแล้ว
ก็มีน้องเมดหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเดินมาต้อนรับพวกเราทั้งหมดที่โต๊ะแล้วนั่งยองๆลงกับพื้นตรงข้างๆโต๊ะของเรา
ก่อนจะทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสและรอยยิ้มที่สดใส่ยิ่งกว่าสามเท่าครึ่ง “เมดคาเฟ่ยินดีต้อนรับค่า!!...
.
...ต่อจากนี้นายท่านทั้งหลายจะเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
เรามานับถอยหลังกันนะค้า........3............2............1” เมื่อพูดและทำท่าประกอบจบ น้องเมดหน้าตาน่าเอ็นดูคนนั้น ก็เป่าแก้วใส่เทียนที่ถืออยู่ในมือจนเทียนเปลี่ยนเป็นสีแดงบิวท์อารมณ์ประมาณว่าไฟแห่งความฝันแม่งติด...
เออ ดี มีพิธีกรรมเยอะกันเข้าไปสิ
แต่นี่มันยังแค่เริ่มต้น...เพราะไอ้ที่โหดสัดยิ่งกว่านี้มันตามมาแล้วล่ะฮะ
น้องเมดแม่งยังไม่หยุดร่ายพิธีปลุกจิตวิญญาณโอตาคุที่หลับใหลอยู่ภายในสัญชาติญาณดิบตรงซอกหลืบของจิตใจ
ด้วยการส่งยิ้มหวานประเคนเข้าตามาอีกรอบ หลังแจกเมนูให้กับเราทุกคน
แล้วพูดประกอบท่า “ถ้านายท่านต้องการสั่งอาหาร หรือเรียกพนักงาน
ต้องทำท่าแบบนี้นะค้า”.......แหน่ะ...น้องเมดนี่ลีลาเหลือล้ำว่ะ
มีหยุดพูดเพื่อกระชากสายตาและความสนใจอีก!!
จนเมื่อเราทุกคนมองไปที่น้องเมดเป็นตาเดียว
น้องเมดก็ยกกำปั้นทั้งสองข้างขึ้นมาไว้ข้างๆแก้มเหมือนแมวกวัก
แล้ว...แม่งก็ทำท่าแมวกวักจริงๆด้วย แถมปากน้องแม่งยังร้องว่า “เนี๊ยวๆ”
.
.
.
...เหี้ย!!! แล้วไอ้เนี๊ยวๆที่เห็นอยู่นี่มันคืออัลไล!!!
...ไงนะ
น้องเมดบอกว่าต้องทำท่านี้ก่อนจะสั่งอาหารเหรอ???...
...ได้
ไม่ด่งไม่แดกแม่งแล้ว สัด!!
...แค่มากินข้าวในร้านสีหวานแหววที่โคตรไม่เข้ากับตัวผม
แถมด้วยสาวน้อยชุดเมดเดินกันให้ว่อนนี่ พวกน้องๆยังไม่พอใจอีกเหรอวะ... ทำไมต้องมาให้ผมลำบากทำท่าเนี๊ยวห่าๆอะไรแบบนี้ด้วยอีกล่ะเนี่ยะ
“ลองทำตามสิค้าาาาาาาาา”...อ้าวงานงอกแล้วสิกู! อยู่ดีไม่ว่าดี จะให้ลองทำให้ดูอีก...น้องเมดฮะ
ยังจะต้องมาสำรวจความถูกต้องของท่าและองศามืออยู่อีกเหรอฮะ?
แม่งจะเอาอะไรกับผมนักหนา ผมมากินข้าวกับแฟนและตัวประกอบไม่ได้รับเชิญอีกสองคนพร้อมจ่ายตังค์ให้พวกน้องๆนี่...ยังไม่พอใจอีกเหรอวะฮะ???!!
แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับผมเหลือเกิน
เพราะสมาชิกผู้ร่วมโต๊ะกับผมทั้งสามคนแม่งเต็มใจเนี๊ยวเอาใจน้องเมดกันเต็มเหนี่ยว...โดยเฉพาะขนุน
ที่แม่งทำท่านี้แล้วน่ารักสัด!!... จนผมแม่งเอาแต่จ้องคนนั่งข้างๆไม่วางตา
“เนี๊ยวๆ!!”
สมาชิกทั้งสามคนในโต๊ะผมส่งเสียงร้องและทำท่าพร้อมๆกัน
โดยที่ผมเอาแต่จ้องมองขนุนอย่างไม่ละสายตา
...เออแฮะ...
ผมแม่งเริ่มชอบร้านนี้ขึ้นมาหน่อยๆแล้วว่ะ
ไม่นึกว่าโมเอ้คุงจะทำอะไรแบบนี้แล้วแม่งจะยิ่งน่ารักได้ขนาดนี้...แถมแม่งยังเต็มใจทำด้วยตัวเองอย่างไม่ต้องบังคับกันด้วยนะ
หืยยย...อยากลากขนุนกลับบ้านไปเนี๊ยวกันตัวตัวเสื้อผ้าไม่ต้องเหลือเกินฮะ
“นายท่านได้โปรดทำโดยพร้อมเพรียงกันด้วยค่ะ
เอาใหม่อีกทีนะค้า” น้องเมดคนนี้แม่งต้องเป็นครูฝึกทหารกลับชาติมาเกิดแหง
ถึงได้ไม่ยอมปล่อยผมให้รอดตัวไปได้ง่ายๆ... แต่ไม่เป็นไร
ผมยอมทำให้แม่งก็ได้...เพราะผมจะได้เห็นขนุนทำท่าเนี๊ยวๆเป็นบุญตาอีกสักรอบนึง
“เนี๊ยวๆ!!” ขนุนที่นั่งข้างๆผมทำท่าแมวกวักไปแล้วก็ยิ้มอายๆไปด้วย
เพราะดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้แล้วว่ากำลังถูกผมจ้องตาเป็นมันอยู่.....อ๊ากกกกกก
ขนุนแม่งน่ารักโฮกกกกกกอ่ะ
หลังจากน้องเมดเสร็จสมอารมณ์หมายได้ข่มขืนผมทางใจจนยอมเสียเนี๊ยวให้น้องเขาไปแล้ว
อยู่ๆไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งก็ดันทำเสียงหล่อพูดขัดความสุขในการแอบมองขนุนของผมเมื่อตะกี๊ขึ้นมาจนได้สิน่า
“เป็นไงครับขนุน...ดีใจไม๊ ที่ในที่สุดก็ได้มาที่นี่อย่างที่ตั้งใจแล้ว?”
ขนุนเงยหน้าเปี่ยมสุขขึ้นมาจากเมนูแล้วตอบไอ้เหี้ยเจี๊ยวนั่นด้วยเสียงน่ารักน่าใคร่
“มากเลยล่ะครับพี่เกี๊ยว...แล้วพี่เกี๊ยวกับพี่ปลาล่ะ เป็นไงมั่งครับ?”
...หนอย!!! นี่มึงตั้งใจแหย่กูใช่ไม๊ไอ้พี่เจี๊ยว
ถึงได้ชวนขนุนคุยแบบนี้...
...อดทนไว้ได้น็อต
อดทนไว้ ดูท่าทีแม่งไปก่อนสักพักก็ยังไม่สาย
ขืนทำหน้างิ้วตั้งแต่หัววันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้
ขนุนที่เป็นคนกลางแม่งต้องลำบากใจแหงๆ
แต่คนที่ตอบกลับกลายเป็นพี่ปลาที่วางมือจากตุ๊กตาฟิกเกอร์ตัวเล็กๆที่แกจับวางท่าทางโน้นที
ทางนี้ทีหลังจากเราได้ที่นั่ง “ก็จะอะไรได้ล่ะขนุน...
.
.
...ไอ้เกี๊ยวเนี่ยะ
แค่เห็นขนุนยิ้มได้...มันก็คงจะดีใจมากแล้วล่ะมั้ง......เนอะเกี๊ยวเนอะ”
พี่ปลาพูดแล้วเอาศอกกระทุ้งสีข้างไอ้เหี้ยเจี๊ยวนั่นเหมือนจะแซว
ไอ้คนที่โดนกระทุ้งก็เสือกยกมือขึ้นเกาหัวแล้วส่งยิ้มเขินๆมาให้ขนุนเข้าอีกดอก
...อ่าว
แล้วนั่นพี่ปลาจะชงให้ไอ้เจี๊ยวทำไมล่ะฮะ...
...ท่าไม่ดีแล้ว
เห็นทีผมต้องตัดกองหนุนอย่างลูกสมุนกีกี้แบบพี่ปลาออกไปก่อน
จะได้สู้กับบอสช็อคเกอร์ตัวเดียวให้รู้ดำรู้แดงกันไป
“พี่ปลาไม่ถ่ายรูปต่อเหรอฮะ
ผมเห็นพี่ปลาเอาน้องตุ๊กตามาจัดท่าเอาไว้ตั้งนานแล้ว แสงกำลังสวยเลยนะฮะ ถ่ายก่อน
ไม๊ฮะ?/ อ้อ...เอ้อ จริงด้วย เดี๋ยวพี่ขอถ่ายรูปก่อนนะ” ผมยิ้มอย่างพอใจให้พี่ปลาที่ว่านอนสอนง่ายมาก
แต่ก็ต้องหูกระดิกอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของไอ้พี่เจี๊ยวพ่นออกมา
“ขนุน...
พี่ได้อ่านต้นฉบับเรื่องใหม่แล้วนะ...
.
.
...ที่เราตัดสินใจแบบนี้น่ะ
คิดดีแล้วเหรอ?” ไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งทำหน้าซีเรียสจนเริ่มน่ากลัวใส่ขนุน
จริงๆแม่งไม่น่าจะแค่จริงจังนะฮะ ผมว่าแม่งดูออกจะไม่พอใจเอามากๆด้วยน่ะสิ
“ครับ...คิดดีแล้วครับ
ผมใช้เวลาคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้วก็ครบถ้วนเป็นอย่างดีในทุกๆด้านแล้วล่ะครับ...
.
...ผมคิดว่ามันน่าจะมีผลดีกับตัวผมมากกว่าผลเสียอื่นๆที่อาจจะตามมา
ผมก็เลยตัดสินใจทำแบบนี้น่ะครับ” ขนุนตอบเรียบๆโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากเมนู
ไอ้เจี๊ยวแม่งดูเดือดร้อนเมื่อได้ยินคำตอบของขนุน
ไหนจะท่าทีไม่สนอกสนใจที่โมเอ้คุงของผมทำใส่อีกล่ะ
“ทำไมขนุนไม่คุยเรื่องนี้กับพี่ก่อนล่ะครับ?...
.
.
.
...ถ้าพี่รู้ว่าขนุนอยากจะทำอะไรแบบนี้ พี่นี่ยิ่งกว่ายินดีที่จะให้ความช่วยขนุนอีกนะ...
...เผลอๆ
พี่อาจจะช่วยได้ดีกว่าทั้งด้านประสบการณ์ ความเข้าอกเข้าใจ
และก็ด้านเทคนิคด้วยซ้ำ” เอ๊ะ!! มันชักจะยังไงๆแล้วล่ะฮะ ไหนว่าคุยเรื่องงาน แล้วทำไมปิดท้ายประโยค
ไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งถึงต้องเหลือบหางตามามองผมเหยียดๆด้วยล่ะวะ???!! ไอ้เจี๊ยวเล็กเซ็กส์เสื่อมนี่เอาใหญ่แล้วนะเฮ่ย
เห็นผมไม่ว่าอะไรปล่อยให้คุยงานแค่นี้ แม่งยังจะแว้งกัดผมอีกเหรอ...ได้!! เจอกันหน่อยโว้ย!!
ผมเสือกเมนูไปข้างหน้าขนุนแล้วถามด้วยเสียงออดอ้อน
“ขนุนฮะ... ขนุนอยากกินข้าวแกงกะหรี่ หรือข้าวห่อไข่ฮะ... ขนุนดูเมนูกับน็อตนะฮะ
น็อตจะได้รู้ว่าขนุนอยากกินอะไร พี่ๆเค้าจะได้ตัดสินใจเลือกอย่างอื่นที่เหลือ...
เราจะได้กินอาหารที่นี่กันหลายๆอย่างแบบที่ขนุนอยากลองไงฮะ” ผมยิ้มประจบแล้วเลื่อนมือไปกุมมือนุ่มนิ่มของอีกคนที่วางหราอยู่บนโต๊ะเพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นแบบจะจะ
ขนุนก้มลงมองหน้าเมนูที่ผมเปิดค้างเอาไว้แล้วอ่านรายละเอียดของแต่ละเมนูอย่างตั้งอกตั้งใจ
โดยไม่เลื่อนมือหนีมือของผมไปไหน “เอ่อ...ไหน มีอะไรบ้างล่ะ....อืมมม.........”
หลังจากที่นางเอกของเราหลบเข้าไปในโลกอันแสนบริสุทธิ์ของเมดคาเฟ่เป็นที่เรียบร้อย พระเอกอย่างผมก็เริ่มห้ำหั่นทางสายตากับไอ้ตัวร้ายที่หมายจะฉกตัวนางเอกไปจากอ้อมอกว้างๆของผมทันที
นี่ถ้าผมกับไอ้เหี้ยเจี๊ยวเป็นตัวการ์ตูน ระหว่างที่ผมกับแม่งจ้องตากันอยู่นี่
จะต้องมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงๆลงบนพื้นหลังถมดำอยู่แหงๆ...ศึกในครั้งนี้
ใครจะอยู่หรือจะไป เราจะได้รู้กัน....
(Canon in D Rock ◘ Sungha Jung – เสียงเรียกเข้ามือถือน็อต)
...ถ้าพี่ปีย์ไม่โทรเข้าเครื่องผมเสียก่อนแบบนี้น่ะนะ เฮ้อออออ
ผมกดรับสายโดยที่ไม่ได้ลุกออกจากโต๊ะไปที่อื่น
เพราะผมแน่ใจว่าแม้จะเป็นเรื่องงาน แต่คงไม่มีใครรู้แน่ๆว่าผมกับพี่ปีย์คุยอะไรกัน
อีกอย่าง...ผมแม่งไม่อยากจะคลาดสายตาไปจากทั้งขนุนและไอ้เหี้ยเจี๊ยว “ฮะ
พี่ปีย์.......คุยได้ฮะ.....
ตอนที่ผมกำลังติดสายกับพี่ปีย์
ขนุนก็เรียกพนักงานมาสั่งอาหารแทนเราทั้งสี่เป็นที่เรียบร้อย... หลังจากนั้น
ผมแม่งต้องคอยกันประสาทหูเอาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อคอยฟังบทสนทนาที่ดูเหมือนจะดุเดือดไม่น้อย
ระหว่างขนุนกับไอ้เหี้ยเจี๊ยว “ขนุน
พี่ว่าขนุนลองกลับไปคิดเรื่องนั้นดูใหม่ก็น่าจะดีนะ...
.
.
...จริงๆพี่ว่า
เปลี่ยนพล็อตเรื่องตอนนี้ก็ยังไม่น่าจะสายเกินไป คือ เปลี่ยนตัวพระเอกไปเลยน่ะ...
...เพราะเท่าที่อ่านนิยายช่วงหลังๆมา
พี่ว่า...พล็อตเรื่องรักๆใคร่ๆที่ดำเนินเรื่องโดยมีพระเอกเลวๆเป็นตัวหลักน่ะ
มันเกร่อเกินไปแล้ว คนอ่านเค้าอาจจะเบื่อกันก็ได้นะ” ไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งทำเสียงอ้อนวอน
ในขณะที่หน้าแม่งบอกชัดเลยว่าแม่งอยากจะตายเต็มแก่... แม่งคุยเรื่องนิยายเองนะเว่ย
มันจะอะไรกันนักหนาวะ???
“แต่พี่เมี่ยงแกโอเคนะครับ
หลังจากที่อ่านโครงเรื่องที่ผมส่งไปให้ ดูแกออกจะชอบ” ขนุนตอบนิ่งๆ
“ขนุน...พระเอกนิยายเรื่องนี้พี่ว่าไม่เหมาะนะ
แล้วอีกอย่าง ขนุนก็รู้นี่ว่าพระเอกมันหลอกลวง
แล้วขนุนยังจะเชื่อไอ้พระเอกนั่นอีกเหรอ?
มันอาจจะเข้ามาเพื่อหวังบางอย่างจากตัวนายเอก
แล้วก็ทำให้นายเอกของเรื่องเสียใจมากก็ได้นะ”
ขนุนตัดบทเรียบๆ
“พี่เกี๊ยวครับ ผมว่าเราอย่าคุยเรื่องนี้กันอีกเลยนะครับ เพราะผมตัดสินใจไปแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทีของขนุน
ไอ้เหี้ยเจี๊ยวถึงกับนิ่งไป แล้วก็พูดออกมาอย่างคนอยู่ในสภาวะจำยอม “อืมม
เรื่องนี้พี่จะปล่อยให้ขนุนตัดสินใจตามที่เห็นสมควรก็แล้วกัน
แต่ในฐานะของผู้ช่วยบ.ก. พี่เองก็มีสิทธิออกปากเตือนเมื่อเห็นว่าเรื่องที่ขนุนกำลังเขียนอยู่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายในภายหลังก็ได้...ไม่ใช่เหรอ?”
“ครับ...ผมขอบคุณนะครับ
ที่พี่เกี๊ยวเป็นห่วง แต่ผมว่าผมดูแลเรื่องนี้ได้...
.
.
...อีกอย่าง...ผมว่า
พระเอกคนนี้ก็ใช้ได้นะครับ...ติดแค่ว่าเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจเฉยๆ แต่ที่เหลือ ผมว่าเค้าก็น่ารักดี”
ขนุนพูดไปอมยิ้มไป... ขนุนแม่งพูดถึงนิยายหรือใครกันวะ
ทำไมต้องทำหน้าน่ารักๆแบบนั้นด้วยล่ะ... ไม่เอาแล้ว ไม่อยากจะฟัง ...โอ๊ะ!! พี่ปีย์วางสายพอดีเลยเว่ย
แทรกแม่งเลยดีกว่าว่ะ...
“คุยเรื่องานกันเหรอฮะ??...
วันนี้วันหยุด เรามาคุยเรื่องไม่เครียดกันดีไม๊ฮะ ใช่ไม๊ฮะพี่ปลา?” ผมแม่งต้องกระชากวิญญาณพี่ปลาที่แม่งเข้าโหมดโลกส่วนตัวกับตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อยไปแล้วให้กลับมาช่วยเบรคสองคนนี้ออกจากกันเสียหน่อย
“อ้อ...เอ้อๆ
ใช่ อย่าเครียด...อย่าเครียด แต่พวกนายคุยกันไปเลยนะ ไม่ต้องห่วงพี่...พี่ขอถ่ายรูปหน่อย...แฟนเพจเค้าเรียกร้องน่ะ
ฮ่าๆๆๆ” ไอ้พี่ปลาแม่งก็กลับเข้าโลกของแม่งไปแล้ว แต่ก็ยังดี
ที่พูดเข้าข้างผมก่อนจะไป
ไม่ทันไร
ไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งก็เอาอีก “แล้วนึกยังไงถึงมาที่นี่วันนี้ได้ล่ะขนุน?”
“อ๋อ...ก็น็อตเค้าบอกว่าจะพามาเดทกันน่ะครับ
แล้วก็ให้ผมเลือกที่ๆผมอยากพาแฟนมาเดทด้วย” วินาทีนี้ผมแม่งรักขนุนสัดๆอ่ะ
ไอ้ข้อความกำกวมของขนุนเมื่อกี๊นี่ทำเอาหูตาไอ้เหี้ยเจี๊ยวแหกจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้าอยู่แล้ว
“นี่ขนุนไปตกลงเป็นแฟนกับน็อตแล้วเหรอ?”
ไอ้เหี้ยเจี๊ยวมันถามอย่างเจ็บปวดฮะ... บอกได้เลยว่า ผมแม่งชนะราบคาบ!!
เพื่อให้ไม่เสียของ...ก็ขนุนอุตส่าห์ตั้งลูกมาให้อย่างสวยงาม
ผมเลยกระโดดเทคตัวท้ายสนามแล้วตบหวดลูกตอกฝาโลงไอ้เหี้ยเจี๊ยวเพื่อทำคะแนนสุดท้ายทันที “แหม่...พี่เกี๊ยวฮะ
เมื่อกี๊พี่เกี๊ยวก็ได้ยินนี่ฮะ ว่าขนุนเค้าพูดว่ายังไง...ยังจะมาถามอะไรแบบนี้อยู่อีก
ถ้าพี่เกี๊ยวฟังไม่ทัน...เดี๋ยวผมพูดให้ฟังอีกรอบก็ได้นะฮะ”
ไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งคงเริ่มจะขึ้นเสียจนขาดการควบคุม
เพราะผมเห็นแม่งกำหมัดทั้งสองข้างด้วยความลืมตัว...
หรือจะเอาแม่งตรงกลางดงน้องเมดนี่เลย... ก็ได้นะ ผมพร้อม!!
แต่อยู่ๆก็มีเสียงหวานๆของน้องเมดคนเดิมแทรกเข้ามา
“นายท่านคะ เดี๋ยวพนักงานจะถามทั้งร้านนะคะว่า
‘วันนี้มีคนสั่งเมนู
Giant Kare Rice ด้วยค่ะ อยากทราบว่านายท่านโต๊ะไหนสั่งกันนะ นายท่านโต๊ะไหนสั่ง
ให้ทำท่าเนี๊ยวๆ ด้วยนะคะ’ แล้วหลังจากนั้นจะมีพนักงาน มาเสิร์ฟให้นะคะ”
นั่นไง...บริกรรมคาถาของโลกแห่งโอตาคุ มันมาอีกแล้ว...ช่างเบรคอารมณ์คุกรุ่นระหว่างผมกับไอ้เหี้ยเจี๊ยวได้ดีเหลือเกิน
หลังจากนั้น
ก็มีน้องเมดสามสี่คน เดินขึ้นบันไดมา พร้อมกับถือจานอาหารที่แม่งใหญ่โตโอฬารกว่าที่ไหนๆที่ผมแม่งเคยเห็นมา..
ไอ้พวกผมที่แม่งนั่งอยู่ที่โต๊ะก็เตรียมตัวจะตอบ แต่ก่อนจะได้เนี๊ยวอะไรไป ไฟทั้งร้านแม่งก็เกิดดับ
แต่กลับมีไฟส่องลูกบอลดิสโก้ที่แขวนอยู่ตรงกลางร้าน จนมีลายสะท้อนวิ่งไปทั่ว ราวกับต้องการเรียกความนสนใจของลูกค้าทุกโต๊ะให้หันกลับมาดูน้ำหน้าของไอ้คนที่แม่งกล้าสั่งอาหารจานเบ้งที่ว่า...อยากจะประจานพวกผมล่ะสินะ
หึ หึ...น้องเมดแม่งต้องเป็นพวกชอบเห็นความเจ็บปวดของคนอื่นแหงๆว่ะ
หลังจากไฟละลานตาแม่งทำพวกผมมึนหัวได้ที่แล้ว น้องเมดก็พูดใส่ไมค์ว่า (เสียงพูดออกลำโพงของร้าน -- ‘วันนี้มีคนสั่งเมนู Giant Kare
Rice ด้วยค่ะ
แต่เอ อยากทราบว่านายท่านโต๊ะไหนสั่งกันน้าาาาา นายท่านโต๊ะไหนสั่ง
ให้ทำท่าเนี๊ยวๆ ด้วยนะค๊าาาาาา’)
พวกผมแม่งก็เลยต้องทำท่าสนองตัณหาเมดบ้าเลือดทั้งหลายอย่างเสียไม่ได้
“เนี๊ยว...เนี๊ยว”...
จริงๆต้องบอกว่าเป็นผมคนเดียวมากกว่า
ที่แม่งใม่เห็นจะสนุกห่าอะไรเลยกับพิธีกรรมของร้านนี้ ไอ้ที่ดีอย่างเดียวก็คือ ได้มานั่งมองขนุนทำท่าแปลกๆน่ารักๆนี่ล่ะ
แต่.....อนิจจา..ไอ้พิธีกรรมประจานก่อนกินแม่งยังไม่เสร็จสิ้นสาแก่ใจของน้องเมด ผมขอบอกเอาไว้เลยนะ
ว่าถ้ามาร้านนี้เลิกคิดไปได้เลยว่า ทำแค่ท่าเนี๊ยวๆแล้วทุกอย่างจะเป็นไปได้ดั่งใจ
เพราะก่อนจะได้กิน...แม่งยังมีท่ายากอีกหลายท่า ตามแต่อาหารที่เราสั่ง
โดยเฉพาะอาหารจานใหญ่มหึมาทั้งหลาย
น้องเมดที่ดูแลโต๊ะเราพูดต่อ
“นายท่านคะ ก่อนจะกิน เราจะต้องมีท่าเพื่อเพิ่มความอร่อย ให้กับอาหารด้วย” จากที่ไม่หิว...ผมแม่งก็เริ่มหิวขึ้นมาตงิดๆ
จากที่ไม่หงุดหงิด...ผมแม่งก็เริ่มจะนับถอยหลังแล้วนะเว่ย...นี่จะกินได้ยังวะเฮ่ย??
แต่น้องเมดแม่งก็ทำมึนไม่สนใจแล้วก็ทำท่าร่ายคาถาห่าเหวอะไรของน้องแม่งให้เราทั้งสี่คนดู
โดยไม่ลืมบอกบทอาขยาน
“เนื่องจากพลังร่ายเวทย์ของน้องเมด
ยังไม่กล้าแกร่งจึงต้องขอให้นายท่านช่วยกันร่ายเวทย์พร้อมๆ
กันด้วยนะค๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา.... โออิชิ คุนาเระ โมเอะโมเอะ บีมมมมม!!” กว่าจะได้กิน บอกได้คำเดียวว่า...ห่า!!
แต่พอจะได้กิน...ผมแม่งก็ต้องขึ้นอีกรอบ
เพราะไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งเสือกตักไก่ทอดที่อยู่ฝั่งมันมาให้โมเอ้คุงของผม
“ขนุน...กินไก่ทอดนี่นะ เอาแต่กินข้าวกับแกงกะหรี่ เดี๋ยวก็ไม่อิ่มกันพอดีหรอกครับ”
“ขอบคุณครับพี่เกี๊ยว
แต่พี่เกี๊ยวทานเถอะ ที่น็อตตักมาให้ผมนี่ ผมก็จะกินไม่ทันอยู่แล้วครับ” ว่าที่เมียผมแม่งอยู่ในโอวาทและวางตัวดีแท้ๆ
น่ารักมาก...ขอให้น่ารักอย่างนี้ทั้งต่อหน้าและลับหลังน็อตเลยนะฮะเบ่เบ๋
.
.
.
แค่นั้นไม่ได้ทำให้ไอ้เหี้ยเจี๊ยวเสียวรูมดหมดกำลังใจ
เพราะลูกตื๊อคราวนี้ทำเอาขนุนหันกลับไปสนใจแม่งจนได้ “เออ
ขนุน...เดี๋ยวเพื่อนพี่จะบินไปญี่ปุ่นเดือนหน้า ขนุนอยากได้อะไรรึเปล่า?
เอาดอลหรือฟิกเกอร์ตัวไหนไม๊ ไอ้นี่มันก็นักสะสมตัวยงเหมือนกัน
มันบอกว่าเพื่อนคนญี่ปุ่นของมันจะพาไปร้านดอลเจ๋งๆน่ะ”
“จริงเหรอครับ?
ถ้างั้น เดี๋ยวขอผมกลับไปดูในเว็บก่อน ว่ามีอะไรที่ผมอยากได้รึเปล่า
แล้วเดี๋ยวผมค่อยบอกพี่เกี๊ยวอีกทีนะครับ”
ขนุนทำหน้าดีอกดีใจแล้วส่งยิ้มให้ไอ้เหี้ยเจี๊ยวอยู่หลายรอบ
แต่ไอ้ที่ทำผมเจ็บคงหนีไม่พ้นรอยยิ้มแสยะของไอ้เหี้ยเจี๊ยวที่แม่งส่งมาเย้ยผมเมื่อครู่นี้นี่แหละ
ผมเลยตักไก่ทอดเหมือนกับที่ไอ้เหี้ยเจี๊ยวเพิ่งจะตักให้ขนุนมาให้คนหน้าแว่นกินเพื่อแสดงแสนยานุภาพ
“ขนุนฮะ...กินอันนี้ก่อนนะ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน”
“อื้อ...ได้ๆ” และแล้วก็เป็นตาผมที่ได้ส่งรอยยิ้มกวนส้นตีนกลับไปให้แม่งได้อย่างเจ็บแสบ...
...ของที่มึงตักให้
ขนุนไม่กินเว่ย เพราะเค้าจะกินของที่กูเป็นคนตักให้เท่านั้น หึ หึ
หึ...ให้มันรู้เสียมั่งว่าใครเป็นใคร
แต่ไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งก็ตื๊อเหลือใจฮะ
เพราะแม่งยังจะจิกขนุนอยู่ไม่เลิกไม่รา “ขนุน...เอางี้ไม๊ล่ะ
เดี๋ยวตอนที่ขนุนออนไลน์เช็คแค็ตตาล็อกบนเว็บอยู่
เราโทรคุยกันดีไม๊...พี่จะได้ช่วยแนะนำ ก็ขนุนอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกไม่ใช่เหรอ?” แสรดดด...ทำมาเป็นเก่งภาษาที่สามเกทับผมเหรอ...
โด่ ผมพูดภาษาอาหลับ - อิสราเอน
- เลบานอนได้คล่อง
ผมแม่งยังไม่เคยคิดจะเอามาคุยเลยว่ะ
“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับพี่เกี๊ยว...เดี๋ยวผมลองทำเองดูก่อน
แล้วถ้าติดขัดอะไร
ผมโทรไปหาพี่เกี๊ยวเพื่อขอความช่วยเหลืออีกที...ผมไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของพี่เกี๊ยวน่ะครับ
เห็นพี่เมี่ยงบอกว่าช่วงนี้ต้องรีบปิดเล่มนิยายหลายเรื่องไม่ใช่เหรอครับ"
พอผมได้ยินที่ขนุนพูด
ผมแม่งก็รู้ทันทีว่าขนุนแม่งต้องไม่พอใจอะไรเหี้ยเจี๊ยวแน่ๆ
ไม่อย่างนั้นขนุนคงไม่ทำท่าทางตัดรอนแม่งไปเสียทุกเรื่อง
ผมเลยปิดประตูแห่งความหวังอันริบหรี่ของไอ้เหี้ยเจี๊ยวด้วยการสำทับไปอีกประโยค
"งั้นเดี๋ยวน็อตช่วยขนุนดูก็ได้นะ...น็อตเคยสั่งซื้อของจากญี่ปุ่นบ่อยเหมือนกัน...
.
.
...อีกอย่าง...ถ้าติดเรื่องภาษาตรงไหน
เดี๋ยวน็อตถามพี่ปีย์ให้ก็ได้ เพราะพี่ปีย์อ่านภาษาญี่ปุ่นได้น่ะ โอเคไม๊ฮะ?”
“อืมมม
ก็ได้...งั้นเดี๋ยวเราค่อยกลับบ้านไปดูแล้วกันนะ”
“ฮะ...ตอนนี้กินกันก่อนเถอะฮะ
เมื่อกี๊เอาแต่ร่ายเวทย์มนตร์จนหิวไปหมดแล้ว ถ้ามัวเอาแต่คุย
เดี๋ยวจะเป็นลมเอาได้นะฮะ พี่ปลาฮะ...กินก่อนไม๊ฮะ?”
ผมทำท่าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเริ่มกินข้าวอย่างจริงจังหลังจากต้องผ่านพิธีกรรม และการฟาดฟันกับไอ้เหี้ยเจี๊ยวจนนับครั้งไม่ถ้วนมาตลอดเกือบชั่วโมงที่ผ่านมา
“แหะๆ โทษทีๆ
พี่ถ่ายรูปน้องๆเพลินไปหน่อย มาๆ กินๆกันเถอะนะ”
พี่ปลาตอบผมแล้วจึงวางมือจากกล้องและตุ๊กตาเพื่อหันมากินข้าวเป็นเรื่องเป็นราวเสียที...
พี่ปลานี่แม่งก็เล่นไม่เป็นเวล่ำเวลาอย่างกับเด็กๆ โชคดีนะที่เกิดก่อนผม
ไม่งั้นเป็นน้องเป็นนุ่งหน่อยไม่ได้ ไอ้น็อตจะจับมาสวดเสียให้เข็ด
หลังจากถ่ายรูปกับน้องเมดที่หน้าร้านและเคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นที่เรียบร้อย
ก็ถึงคราวที่เราทุกคนต้องแยกย้ายกันไปเสียที จังหวะนั้นไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งก็เอาเลย
“เสร็จจากนี่แล้วขนุนจะไปไหนต่อเหรอครับ?”
“ก็แล้วแต่น็อตน่ะครับ”
ขนุนตอบโดยที่หันหน้ามามองผมเพื่อให้ผมตอบคำถามนี้ให้อีกทอดหนึ่ง
ผมเลยพูดทั้งรอยยิ้มกว้าง...ซึ่งแน่นอน
มันเป็นยิ้มสำหรับขนุน ไม่ใช่ไอ้เหี้ยเจี๊ยว
“อ๋อ...ผมว่าจะพาขนุนไปเดทต่อน่ะฮะพี่เกี๊ยว...
.
...ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาทจนเกินไปนัก
พวกผมขอตัวก่อนนะฮะ เพราะผมไม่อยากจะไปถึงที่เดทที่สองของเรามืดไปซะก่อน...
.
.
...ไปกันเถอะฮะขนุน
รับรองว่าที่ๆสองที่น็อตจะพาไปเนี่ยะ ขนุนต้องชอบแน่ๆฮะ...
...อีกอย่าง
น็อตรอจะตอบคำถามของขนุนที่ถามเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าอยู่นะฮะ”
ผมแม่งทั้งหยอดทั้งเชิญชวนแบบหว่านเสน่ห์ขั้นสูงสุดเพื่อกวนประสาทไอ้เหี้ยเจี๊ยวที่แม่งกำลังจ้องหน้าผมจนตาแม่งจะหลุดออกมาเต็มแก่แล้ว
ผมส่งมือยื่นออกไปข้างหน้าขนุนเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนรู้ว่า
ถึงเวลาไปของเราเสียที
“พี่ปลาครับ พี่เกี๊ยวครับ...ผมขอโทษนะครับ
ที่วันนี้ต้องขอตัวกลับก่อน แต่วันนี้ผมสนุกมาก
เอาไว้คราวหน้าเรามาเที่ยวด้วยกันแบบนี้อีกนะครับ” เมื่อพูดจบ
ขนุนก็ยื่นมือมาประสานมือของผมเอาไว้
“อืมม
ไปเถอะ...เดินทางดีๆนะขนุน
เดี๋ยวเอาไว้พี่จะให้ไอ้เกี๊ยวชวนมาเที่ยวด้วยกันอีกแล้วกัน” พี่ปลาพูดกับขนุนโดยที่ไม่ละสายตาไปจากมือของเราสองคนที่สอดประสานกันอยู่ในเวลานี้เลย....ซึ่งไม่ต่างไปจากไอ้เหี้ยเจี๊ยวเท่าไรนัก
ก่อนเราสองคนจะเดินหันหลังออกมา
ไอ้เหี้ยเจี๊ยวแม่งยังจะสั่งเสียทิ้งท้าย “ขนุน...เดี๋ยวพี่โทรหานะครับ” เดี๋ยวแม่งได้ตายจริงๆแน่...สาดดดด!!!
“ครับพี่เกี๊ยว
สวัสดีครับ” ขนุนก้มหัวลงน้อยๆแทนการไหว้อีกฝ่ายแล้วส่งยิ้มให้ปิดท้ายการลา
“หวัดดีนะฮะพี่ๆ
ผมพาขนุนไปเดทก่อนนะฮะ”
ผมบอกลาคู่หูปาเกียวแล้วเดินจูงมือขนุนลงบันไดเลื่อนเพื่อไปเอารถและมุ่งหน้าไปยังที่หมายถัดไปของเรา พอกันที...ไอ้เดทหมู่ดุเดือดเลือดพล่านอาหารดาดๆเนี่ยะ
ของจริงหลังจากนี้กำลังรอเราอยู่ข้างหน้า
และขนุนจะได้เจอคนที่ผมอยากให้เห็นหน้าอีกกลุ่มหนึ่งเหลือเกิน
...จะได้รู้เสียที
ว่าว่าที่สะใภ้คนนี้ จะเป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาไอ้ตัวดีทั้งหลายนั่นหรือเปล่า
...วันนี้คนที่ผมรักหลายๆคนจะได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
ในบรรยากาศที่ผมเป็นตัวของตัวเองที่สุด โดยที่ขนุนจะกลายเป็นหนึ่งในนั้น
แค่คิด...ผมแม่งก็สุขใจสุดๆแล้วล่ะฮะ
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
พี่ปลาเอาพี่เกี๊ยวไปเก็บซิ เอาไปจัดการเลย 555555
ReplyDeleteยังขนุนเขาก็ไม่ยอมเธอหรอกกกก เขายอมน็อตคนเดียวค่ะ โฮะๆๆๆ
มะลิมารุสบายดีไหม ช่วงนี้งานเยอะดีเนอะ ใกล้สอบอีกด้วย อยากจิร้องไห้ 5555
ฮ่าๆๆๆๆ มีเชียร์พระเอกเราเต็มที่แบบว่าแนะนำให้พี่ปลายื่นมือมากำจัดออกไปให้ด้วย... ถ้าน็อตรู้นี่น็อตรักคุณนาราตายเลยนะคะ ฐานะเป็นผู้สนับสนุนที่คอยอุ้มสมให้พ่อคุณได้กับขนุนเร็วๆ ฮ่าๆๆๆ
ReplyDeleteมะลิสบายดีค่ะ เรื่องงานก็เรื่อยๆค่ะ เพราะตอนนี้มะลิพักงานออกมาอยู่บ้านและเขียนหนังสืออย่างเดียว (เริ่มจะขี้เกียจกลับไปทำงานแล้วสิ ฮ่าๆๆๆ) ใกล้จะสอบแล้วเหรอคะ ถ้างั้น มะลิขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้อ่านหนังสือเข้าหัวปรู๊ดๆๆๆๆ ความรู้ติดแน่นอยู่ในสมอง และเข้าใจเนื้อหาได้ทะลุปรุโปร่งจนทำข้อสอบได้คะแนนดีสุดๆไปเลยนะคะ
แต่ถ้ามีอะไรเหนือบ่ากว่าแรงอยากจะบ่น...บ่นมาให้มะลิรับฟังได้เลยนะคะ...
มะลินี่ยิ่งกว่ายินดีรับฟังอีกค่ะ (อยากจะเป็นคนช่วยบรรเทาความเครียดให้คุณนาราอีกทางน่ะค่ะ) รักนะคะ เชิฟๆๆๆๆ