<|No.20|>
จากพญาวิหคในวันวาน
สู่บุรุษอมตะที่โลกต้องกล่าวขานแซ่ซ้อง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
||สามปีผ่านไปว่องไวปานนิยาย||
หลังจากนำรถตู้สุดหรูหราจอดเทียบฟุตบาทข้างคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้เพียงชั่วอึดใจ
คนขับรถประจำตำแหน่งก็หันกลับมาถามความเห็นจากเจ้านายที่นั่งอยู่ในส่วนโดยสารตอนหลัง
“ให้ผมลงไปรับไหมคุณยิมดีไหมครับคุณชายน้อย?”
“ไม่ต้องหรอกครับลุง
จอดรถรออยู่นี่แหละ อีกเดี๋ยวเดียวยิมก็ลงมาแล้วล่ะครับ” สายเปย์ในชุดกึ่งทางการกึ่งลำลองตอบคำเรียบง่ายหากแต่ไม่ละสายตาจากชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผึ่งผายในชุดนักศึกษาที่กำลังก้าวเดินลงจากตัวอาคารเลยสักวินาที
“หึ! ถ้ามึงคิดจะวางตัวสุขุมให้ได้จริง ๆ ก็ช่วยเลิกทำหน้าอยากสิงเด็กกลุ่มนั้นให้ได้ก่อนดีไหมไอ้ชาย”
ผู้โดยสารจอมเหวี่ยงที่นั่งถัดลงไปอีกแถวหนึ่งยื่นหน้ามาแสยะยิ้มเยาะเย้ยสหายเป็นกรณีพิเศษ
ฝ่ายชายชาตรีที่จิตใจร้อนรุ่มกลับทำได้แค่ถอนหายใจพลางจิกปลายเท้าลงกับพรมพร้อมกับข่มใจไม่ให้วิ่งถลาลงจากรถไปแยกยิมออกจากกลุ่มรุ่นน้องทั้งหนุ่มและสาวที่กรูกันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังคนรักของเขาราวกับเหล่าภมรร่อนชิมเกสรดอกไม้
“ก็ยิมหล่อนี่พิชญ์
ถ้าพิชญ์เป็นชาย พิชญ์ก็ต้องหวงยิมเหมือนกันนั่นแหละ” แม้ชายหน้าเข่าจะเอาขันติเข้าข่มจนร่างกายสมยอมอยู่นิ่ง
แต่ความรู้สึกที่แท้จริงกลับพรั่งพรูออกจากปากดั่งสายน้ำเชี่ยวกรากยากควบคุม
ลึก
ๆ แล้ว ชายชาตรีปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบรู้สึกภาคภูมิใจที่ตัวเขาสามารถต้อยเด็กหนุ่มหน้าตาดีมาเป็นสามีได้หนึ่งคน
ทว่าภายหลังจากที่เด็กหนวดเริ่มทำงานเป็นมือขวาให้บิดาเพียงไม่นาน บุคลิก
การวางตัว อีกทั้งความพิถีพิถันในการแต่งกายให้เหมาะสมกับตำแหน่งเลขาประจำตัวคุณชายพจน์ก็ส่งผลให้ออร่าความน่ารับประทานของเด็กหนวดฟุ้งกระจายจนเจ้าตัวกลายเป็นที่ต้องการของท้องตลาดไปในที่สุด
“เสียใจ
กูไม่ได้บ้าผู้ชายเหมือนมึง!”
“แต่ชายไม่ได้บ้าผู้ชายไปทั่วนะพิชญ์
ชายบ้าแค่ยิมคนเดียว แล้วก็บ้ามากด้วย บ้าจนอยากจะขังตัวเองอยู่ในห้องกับยิมทั้งวันทั้งคืนเลยถ้าทำได้”
สายเปย์สวนกลับอย่างมีอารมณ์ ใครใช้ให้ยิมหล่อล้ำน่าปล้ำไปทุกอณูแบบนี้ล่ะ...
นั่น
ๆ ! เด็กผู้ชายคนนั้นเอานมถูแขนยิมของเขาเข้าให้แล้ว!!
อ๋อ! ไม่ใช่ ชายมองผิดไป
น้องเขาเอานมถูแขนเพื่อนอีกคนของยิมต่างหาก เฮ่อ! ค่อยยังชั่วหน่อย
“ทุ้ย! ถ้าอาการมึงจะหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ขอคุณชายพ่อมึงลาออกจากงานแล้วหอบผ้าหอบผ่อนมานั่ง
ๆ นอน ๆ เฝ้าผู้ชายให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียเลยล่ะ คนสมบัติเยอะอย่างมึงคงนั่งเฝ้าไอ้ยิมไปได้ยันชาติหน้าโน่นแหละ”
พิชญ์ถอนหายใจพร้อมกดมุมปากคว่ำทำหน้าเหม็นเบื่ออาการเห่อแฟนอย่างเหลือรับของเพื่อนสนิท
“โธ่พิชญ์! พิชญ์อย่ารวนชายสิ พิชญ์ก็รู้หนิว่าคุณชายพ่อท่านไม่ยอมให้ชายมาต่อโทกับพิชญ์
ไม่อย่างนั้นชายคงไม่ต้องทรมานใจที่ไม่ได้เห็นหน้ายิมตลอดทั้งวันแบบนี้หรอก”
“หนอย...
กล้าพูดนะ แล้วสองวันก่อนหมาตัวไหนน้อสะเออะมานั่งกินข้าวกลางวันกับเด็กวิศวะปีสี่ถึงที่คณะนี่น่ะฮึ?”
ว่าที่มหาบัณฑิตแห่งคณะบริหารเหน็บสายเปย์เต็มแรง เพราะถ้าชายหนุ่มจำไม่ผิด เขามักจะเห็นอีกฝ่ายเที่ยวโดดงานมาเดินลอยชายอยู่แถว
ๆ มหาลัยบ่อยยิ่งกว่าการที่เขาเจอหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์เสียอีก
“ก็ชายคิดถึงยิมนี่นา
วันไหนชายพอมีเวลา ชายก็แวะมาหายิมบ้างไง”
“ส่วนวันที่เหลือมึงก็ให้คนขับรถมารับไอ้ยิมออกไปกินข้าวด้วยกัน
เนี่ยเหรอที่มึงบอกว่ามึงแทบจะไม่ได้เห็นหน้ามันเลยน่ะ?!”
ข้อมูลเชิงลึกของพิชญ์กลายเป็นเพียงลมปากเมื่อเพื่อนรักชี้นิ้วชักนำให้ชายหนุ่มมองตามเป้าหมายใหม่ของเหล่าวัยรุ่นใต้ตึกที่เพิ่งเดินตามมาสมทบกับกลุ่มเด็กวิศวะปีสี่
“อุ๊ย! พิชญ์ดูโน่นสิ
เด็กพวกนั้นย้ายไปรุมน้องเดียวแทนแล้วล่ะ!”
“โวะ! แล้วมึงจะบอกกูทำไม กูไม่ได้อยากรู้กับมึงเสียหน่อย!” คนปากไม่ตรงกับใจแสร้งไถหน้าจอมือถือเป็นพัลวันเพื่อปกปิดอาการหงุดหงิดอันเกิดจากภาพบาดตาดังกล่าว
“อุ๊ยยิม! ยิมมาแล้ว... ลุงครับ
เปิดประตูรอยิมเลยครับ”
“พี่ชาย”
เด็กหนวดที่เพิ่งปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนและรุ่นน้องคลี่ยิ้มหวานให้สายเปย์ก่อนจะหันไปยกมือไหว้เพื่อนสนิทคนรักอย่างนอบน้อมตามความเคยชิน
“หวัดดีครับพี่พิชญ์”
“ยิมขึ้นมาเร็ว
ข้างนอกแดดมันร้อน!” ระหว่างที่ชายชาตรีกำลังฉุดมือเด็กวิศวะปีสี่ที่เพิ่งเลิกเรียนให้ขึ้นมานั่งยังเบาะข้าง
ๆ กัน หนึ่งเดียวก็วิ่งกระหืดกระหอบตามหลังเกลอมาติด ๆ
ก่อนที่เจ้าตัวจะปราดขึ้นไปนั่งยังเบาะด้านหลังอันเป็นฐานที่มั่นซึ่งพิชญ์ประจำการอยู่
“พี่ชายหวัดดีครับ”
“หวั...”
สายเปย์ยังไม่ทันจะรับไหว้รุ่นน้องให้เป็นเรื่องเป็นราว
สีหน้าไม่เอาใครของจอมเหวี่ยงก็เตะตาเดียวเข้าอย่างจัง
“พิชญ์...
พิชญ์เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”
“ง่วง! ไม่ต้องมายุ่ง จะนอน!” เจ้าของน้ำเสียงฉุนเฉียวปรับเบาะเอนพลางพลิกตัวนอนหลับตาหันหน้าเข้าหากระจกรถโดยไม่สนสีหน้างุนงงของคู่สนทนาเลยสักนิด
“อ้าว! พิชญ์ง่วงเหรอ? ไหนเมื่อกี๊ไลน์มาบอกว่าหิวไง
เดียวซื้อขนมมาฝาก ลุกขึ้นมากินก่อนสิครับ”
“ไม่เอา!”
“น่านะ
กินก่อนนะ เดี๋ยวค่อยนอนทีเดียว”
“พี่ชายมารอนานไหมครับ?”
ในเมื่อเดียวกับพิชญ์ชิงพาตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวที่มีกันอยู่แค่สองชีวิต
จึงไม่แปลกหากยิมจะหันมาหงุงหงิงใส่คนที่นั่งติดกันบ้าง
“แป๊บเดียวเองยิม”
สายเปย์กวาดตามองใบหน้าหล่อเหลาของเด็กเครางามอย่างหลงใหล
ความเป็นห่วงเป็นใยและรักใคร่ทำให้ชายหนุ่มอดถามไถ่ถึงความเป็นไปในรอบวันของอีกฝ่ายไม่ได้
“เป็นไง เรียนเหนื่อยไหมครับ?”
“นิดหน่อยครับ
แต่พอคิดว่าสองวันนี้จะได้ไปเที่ยวกับพี่ชาย ผมก็หายเหนื่อยแล้ว” คนพูดว่าพลางเหลือบมองไปยังเบาะด้านหลัง
ที่ตอนนี้กลายร่างเป็นก้อนขยุกขยิกใต้ผ้าห่มนุ่มนิ่มผืนใหญ่หนำซ้ำยังส่งเสียงพึมพำเป็นระยะ
ๆ ไปเสียแล้ว เห็นดังนั้น ชายหนุ่มจึงอดนึกถึงสมาชิกร่วมทริปที่เหลือไม่ได้ “พวกพี่ผึ้งไปรถอีกคันเหรอครับ?”
“ใช่
คยองโอปป้าขับไปตั้งแต่เช้าแล้ว แกบอกอยากให้คยองจูเนียร์ได้เห็นทะเลเร็ว ๆ ”
“หึ! ขนาดพี่ผึ้งเพิ่งท้องได้สี่เดือนเฮียยังเห่อขนาดนี้
สงสัยถ้าได้เป็นคุณพ่อเต็มตัว เฮียต้องหลงเจ้าตัวเล็กไม่ลืมหูลืมตาแน่ ๆ เลยครับ” วีรกรรมส่งไลน์ประกาศข่าวดีเรื่องเจ้าตัวน้อยที่เจ้าของร้านข้าวต้มทำกับเด็กในร้านทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าตลอดสองเดือนทำให้เด็กวิศวะสามารถทำนายทายทักอนาคตอันใกล้ของคองได้โดยแทบไม่เสียเวลาคิด
“นั่นสิ”
“แล้ววันนี้งานเยอะไหมครับ?
คุณธณัตเข้ามาคุยกับพี่ชายเรื่องแบบอพาร์ทเมนท์ใหม่แล้วหรือยังครับ?” เด็กวิศวะกลับเข้าสู่โหมดเลขาคุณชายพจน์ผู้ควบตำแหน่งที่ปรึกษาสารพัดด้านของทายาทอสูรหน้าเข่าไปพร้อม
ๆ กัน
“เมื่อเช้าพี่ชายคุยกับคุณธณัตแล้ว
แบบร่างที่แก้ไขมาล่าสุดคุณชายพ่อท่านก็โอเค แต่เดี๋ยวต้องให้ยิมดูใบเสนอราคาให้ใหม่อีกทีนะ
ถ้าต่อได้อีกก็ดี เราจะได้มีเงินไว้เผื่อต้องโปะตอนตกแต่งภายในเพิ่มขึ้น”
“งั้นเดี๋ยวผมดูให้เลยก็ได้ครับ”
ยิมรับคำฉับไวพลางกดเปิดอีเมลในมือถือขึ้นทันทีแต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้เริ่มงาน คนข้างกายกลับทัดทานทันควัน
“ไหนยิมสัญญากับพี่ชายว่ายิมจะไม่ทำงานระหว่างที่เราไปเที่ยวกันไง?
ยิมไม่อยากใช้เวลาสองต่อสองกับพี่ชายให้คุ้มค่าหน่อยเหรอ?” สายเปย์ช้อนตามองคนรักอย่างมาดหมาย
สีหน้าผิดหวังระคนน้อยใจของคนโตกว่าช่วยเรียกสติของคุณเลขาได้ชะงัดนัก
“ครับ
ๆ ไม่ทำงานแล้วครับ” เด็กหนวดรับรองแข็งขันพลางยัดเครื่องมือสื่อสารรุ่นล่าสุดลงกระเป๋ากางเกงเร็วรี่ไม่มีอิดออด
“สองวันนี้พี่ชายห้ามยิมพูดถึงเรื่องงานเด็ดขาดเลยนะ”
“ไม่พูดครับไม่พูด
สองวันนี่ผมสัญญาว่าจะพูดแต่เรื่องของเราสองคน ดีไหมครับ?” เจ้าของประโยคทำท่ารูดซิปปาก
แล้วจึงคลี่ยิ้มละไมหลังสาดเสียงสองแถมท้ายด้วยสายตาพิฆาตใส่ชายชาตรีจนรุ่นพี่หน้าร้อน
ใจเต้นตึกตักเป็นสาวน้อยวัยละอ่อนริรัก
$$$$$$$$
“คยองโอปป้ากับพี่ผึ้งมาถึงนานหรือยังครับ?”
สายเปย์ทักทายตัวอ่อนมนุษย์ป้ากับสามีที่กำลังนั่งกินลมชมวิวทะเลช่วงบ่ายแก่ ๆ อยู่ตรงมุมหนึ่งของระเบียงกว้างข้าง
ๆ สระน้ำของโรงแรมที่พวกเขาเข้าพัก
“ตั้งแต่สิบเอ็ดโมงครึ่ง”
คองยิ้มย่องผ่องใสพลางจับจ้องคนรักอย่างเทิดทูนบูชาหนักหนายิ่งกว่าตอนที่เจ้าหล่อนยังไม่ตั้งครรภ์
อาการเห่อลูกของเจ้าของร้านข้าวต้มทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่อดอมยิ้มตามไม่ได้
“พวกมึงก็อ้อยอิ่งกันเหลือเกิน
ปล่อยให้คนท้องตั้งตารอมันบาปนะโว้ย!” ปาณัธละสายตาจากน้ำทะเลสีครามกับหาดทรายขาวตรงหน้าเพื่อหันมาเหน็บเพื่อนสนิทโดยเฉพาะ
“แต่ชายบอกพี่ผึ้งแล้วนี่ครับว่าชายจะรอรับยิมกับน้องเดียวก่อน”
“แต่มันนานนี่หว่า
ดูดิ๊ กูนั่งดูทะเลรอพวกมึงจนรากต้นไม้จะไชออกจมูกอยู่แล้วเนี่ย”
“ใจเย็น
ๆ สิผึ้ง ผึ้งเหวี่ยง ลูกก็เหวี่ยงนะ” คองบีบมือผึ้งเบา ๆ
เพื่อปรามและปลอบจากนั้นจึงหันไปแบ่งปันความรู้ประสาว่าที่คุณพ่อมือใหม่ร้อนวิชาแก่บรรดาชายฉกรรจ์ต่อทันที
“พวกมึงอย่าคิดมากเลย เมียท้องอ่อนของเฮียกำลังอยู่ในช่วงฮอร์โมนสวิงน่ะ”
“จิ๊!” หญิงสาวเพียงคนเดียวในที่นั้นตวัดหางตามองค้อนผัวด้วยความขัดใจก่อนจะเบนเป้าหมายไปตั้งป้อมลอบทำร้ายสหายอีกคนแทน
“เออนี่พิชญ์ ปีหน้ากูไม่ไปงานรับปริญญามึงนะ แต่ถ้ามึงอยากให้กูไปจริง ๆ มึงก็ดร็อปเรียนไว้ก่อนแล้วค่อยกลับไปต่อให้จบหลังลูกกูเข้าอนุบาลแล้วก็ได้”
“พี่ผึ้งไม่ต้องมาหรอกครับ
จริง ๆ ผมยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเข้าพิธีดีไหม”
“ทำไมล่ะพิชญ์?! ชายกับคุณชายพ่อ คุณหญิงแม่อุตส่าห์ตั้งใจจะไปถ่ายรูปด้วยเลยนะ!” ชายชาตรีโหวกเหวกเล่นใหญ่แม้ในความเป็นจริง
การปลีกตัวไปร่วมแสดงความยินดีกับพิชญ์เป็นเพียงผลพลอยได้ของกิจกรรมตามติดว่าที่บัณฑิตหนวดของคนอวดผัวอยู่แล้ว
“ไม่รู้ว่ะ
กูไม่อยากทำให้คนอื่นต้องพลอยลำบากขนญาติกันมา ตอนจบตรีก็ทีนึงแล้ว” จอมเหวี่ยงทำหน้ามู่ทู่พลางพูดจาแบ่งรับแบ่งสู้คล้ายยังปลงไม่ได้
ทว่าปาณัธกลับจับสังเกตอาการเฉไฉหน้าตายของเพื่อนได้อย่างแม่นยำล้ำเลิศ
“เออ
ๆ กูเข้าใจ ช่วยไม่ได้นี่นะ ใครใช้ให้บริหารกับวิศวะรับปริญญาวันเดียวกันล่ะเนอะ”
คนพูดลอบปรายตาจ้องมองปฏิกิริยาของพิชญ์กับเดียวอย่างจดจ่อ “เพราะขืนมึงตัดสินใจรับปริญญาจริง
ๆ ไอ้เดียวคงกลายเป็นหมาหัวเน่าไม่มีคนคอยเฝ้าประคบประหงมแหง ๆ ”
“ก็ช่างมันสิพี่ผึ้ง
ครอบครัวมันก็มี ผู้หญิงมันก็เยอะแยะ แค่จะจัดคิวถ่ายรูปให้รถไฟไม่ชนกันกลางงานยังยากเลยมั้ง”
สีหน้าไร้เยื่อใย ไม่ยี่หระของพี่บัณฑิตทำหนึ่งในเด็กวิศวะปีสี่เดือดร้อน
“พิช...!”
“อะไร?!” แค่พิชญ์ยกนิ้วชี้หน้าพร้อมตวาดแว้ดเพียงครั้ง
หนึ่งเดียวที่เดิมตั้งใจจะแก้ต่างให้ตนเองก็เปลี่ยนเป็นหุบปากแล้วกลืนคำพูดลงคอไปเดี๋ยวนั้น
และนั่นก็ทำให้ปาณัธฟันธงได้ทันทีว่า เด็กวิศวะหน้าหล่อได้ถูกเพื่อนของหล่อนล่อลวงเข้าสู่ชมรมพ่อบ้านใจกล้าไปเป็นที่เรียบร้อย
“แล้วพี่โจกับคนอื่น
ๆ ล่ะครับเฮีย?” ยิมถามแทรกขึ้นเพราะไม่อยากปล่อยให้การห้ำหั่นทางสายตาของสองหนุ่มทำลายบรรยากาศผ่อนคลายริมชายทะเลของส่วนรวมไปเสียก่อน
“โน่นไง
เล่นน้ำกันอยู่โน่น”
“ไหนครับคยองโอปป้า
พี่โจตู๋อยู่ตรงไหน?” ชายชาตรีชูคอพลางหยีตามองหากระปุกตั้งฉ่ายท่ามกลางผู้คนมากมายที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในผืนน้ำกว้างใหญ่ตรงหน้า
“นั่นไง
กลุ่มนั้นไง ห้าคนตรงนั้นที่เสียงดัง ๆ น่ะ”
“อ๋อ
ตรงนั้นใช่ไหมครับ?!”
ที่สุดแล้ว
สายตาของชายหนุ่มหน้าเข่าก็สามารถจับภาพเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
สภาพของกระปุกตั้งฉ่ายขณะกึ่งว่ายกึ่งวิ่งชิงบอลที่โดนคนอื่นขว้างหลบไปมาประหนึ่งสิงโตทะเลกำลังแสดงความสามารถพิเศษในสวนน้ำ
ทำให้ชายชาตรีรู้สึกฉงนปนทึ่งอยู่ไม่น้อย
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าพี่โจตู๋จะชอบเล่นน้ำ
ผมนึกว่ามานี่แล้วจะเจอแกนั่งสังสรรค์กับคยองโอปป้าเสียอีก” ใครกันจะคิดว่าพ่อครัวใหญ่ที่ขยันสร้างภาพต่อหน้าเด็กเสิร์ฟหมายเลขสามเมื่อหลายปีก่อนจะยอมลงทุนเล่นน้ำจนตัวเปียกปอน
เส้นผมบนหนังหัวขอดหยอยเป็นสาหร่ายสยายแปะอยู่บนหน้าผากเงาวาวไม่เหลือเค้าชวนมองเลยสักนิด
“หึ! มันคงเล่นเอาใจตำลึงล่ะมั้ง
คนมีแฟนก็อย่างนี้แหละ จะปล่อยให้แฟนไปเล่นน้ำกับผู้ชายคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องหรือเปล่า”
เจ้าของร้านข้าวต้มอธิบายตามความเข้าใจ แต่นั่นกลับทำให้สายเปย์นึกชื่นชมเด็กตำลึงไปกันใหญ่
เพราะจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับตัวตนของเจ้าหล่อนเหมือนเขาเลยสักคน
ว่าแต่
พี่โจตู๋เถอะ ป่านนี้จะรู้หรือยังนะว่าน้องตำลึงพิเศษกว่าหญิงสาวทั่ว ๆ ไป?
“พี่ชาย
เดี๋ยวผมมานะครับ”
“ยิมจะไปไหน?”
เสียงเรียกของคนรักทำให้ชายชาตรีหลุดออกจากห้วงความคิดเพื่อกลับมาทำตัวเป็นยอดมนุษย์ติดแฟนอีกครั้ง
“ผมจะไปเอากุญแจห้อง
จะได้ทยอยขนของขึ้นไปเก็บน่ะครับ”
“พี่ชายไปด้วย
พี่ชายอยากเปลี่ยนกางเกง” หนุ่มหน้าเข่ารวบรัดรวดเร็วก่อนจะหันไปทิ้งท้ายกับคู่สามีภรรยา
“เดี๋ยวชายมานะครับพี่ผึ้ง คยองโอปป้า”
“เออ
ๆ พวกมึงไปเถอะ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะนั่งพักบนห้องแป๊บนึงก็ได้นะ
สักห้าโมงค่อยลงมากินข้าวเย็นพร้อมกัน”
สองหนุ่มพยักหน้ารับคำ
ก่อนที่จะเป็นชายชาตรีที่ออกอาการเหลียวซ้ายแลขวามองหาสมาชิกที่เหลือ “อ้าว! แล้วพิชญ์กับน้องเดียวล่ะ?
ยิมเห็นสองคนนั้นไหม?”
“ผมว่าพี่พิชญ์คงขึ้นห้องไปแล้วล่ะครับ
กระเป๋าพี่พิชญ์กับของ ๆ ไอ้เดียวก็ไม่อยู่แล้ว”
“เมื่อกี๊กูเห็นมันเดินตามกันเข้าไปข้างในแล้วล่ะ
สงสัยจะลากกันไปฉะต่อในห้อง”
“โธ่ผึ้ง! ผึ้งอย่าแซวเพื่อนบ่อยนักเลย
เฮียเห็นพิชญ์แล้วสงสาร” คองโอดโอยราวกับเป็นเหยื่อขี้ปากของตัวอ่อนมนุษย์ป้าเสียเอง
แต่ต่อให้คนรักจะพยายามเกลี้ยกล่อมสักเพียงใด ว่าที่คุณแม่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนจุดยืนง่าย
ๆ อยู่ดี
“ไม่! ถ้าไอ้พิชญ์ไม่เลิกซึน ผึ้งก็จะคอยจิกมันจนกว่าจะตายกันไปข้าง!” ปาณัธประกาศเจตนารมย์เสียงกร้าวค่าที่มหากาพย์อันมีท้องเรื่องเกี่ยวพันกับความรักแบบลับ
ๆ ของพิชญ์และเดียว สร้างความรำคาญใจให้กับคนชัดเจนอย่างหล่อนเป็นที่สุด
“โธ่พี่ผึ้งครับ! ให้เวลาพิชญ์หน่อยเถอะครับ ผมเชื่อว่าถ้าพิชญ์พร้อม
พิชญ์จะยอมเล่าให้พวกเราฟังเองนั่นแหละครับว่าพิชญ์กับน้องเดียวเป็นอะไรกัน”
“กว่าวันนั้นจะมาถึง
ลูกกูคงขึ้นปีหนึ่งแล้วมั้ง” ผึ้งใช้คำปรามาสมาหักล้างเหตุผลของชายชาตรีเสียราบคาบ
“เกินไปผึ้ง”
เจ้าของร้านข้าวต้มปรามคู่ชีวิตอย่างใจเย็น ชายหนุ่มแสร้งทำมองไม่เห็นสายตาอาฆาตมาดร้ายของภรรยาระหว่างพูดจาแสดงความคิดเห็นในมุมมองของตัวเอง
“จริง ๆ
เฮียว่าไม่จำเป็นหรอกนะที่พิชญ์จะต้องมาประกาศความสัมพันธ์ของตัวเองให้คนอื่นรู้
แค่ทุกวันนี้สองคนนั่นอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข เพื่อน ๆ
อย่างพวกเราก็น่าจะพอใจแล้ว จริงไหม?”
“เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับเฮียนะครับ”
ยิมออกตัวสนับสนุนอดีตเจ้านายเป็นรายแรก แถมยังแทรกเหตุผลรองรับเสร็จสรรพไปเสียอีก
“ถึงพี่พิชญ์จะปากแข็งไม่ยอมรับว่าอะไรเป็นอะไร แต่ตั้งแต่ปีหนึ่ง เดียวมันก็ทำตัวชัดเจนจนทุกคนที่คณะผมรู้กันหมดว่ามันมีแฟนแล้ว
แถมยังรักยังหลงแฟนเอามาก ๆ ”
“จริงเร้อ?
มึงไม่ได้ยกหางเพื่อนมึงเกินจริงใช่ไหมไอ้ยิม” แม้สีหน้าดื้อดึงของตัวอ่อนมนุษย์ป้าจะอ่อนลงมาก
แต่เจ้าหล่อนกลับยังไม่ยอมย้ายฟากปรับเปลี่ยนความคิดง่าย ๆ
เด็กหนวดส่ายหัวดิกพร้อมเสริมคำอธิบายตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นภายในคณะวิศวะซึ่งคนอื่น
ๆ ในที่นั้นไม่เคยรับรู้ “เดียวมันไม่เคยพูดเลยครับว่าใครเป็นแฟนมัน ขนาดกับผมมันก็ไม่เคยหลุด
แต่หลังจากที่ทุกคนเห็นมันคอยตามประกบรุ่นพี่บริหารตั้งแต่ตรียันโทอย่างกับเงา
ทุกคนก็พอเดาได้”
“แต่แบบนี้ไอ้เดียวมันจะไม่ท้อไปก่อนเหรอวะ
ไอ้พิชญ์แม่งก็นะ จะซึนไปไหนนักหนา!”
“บางความสัมพันธ์
สถานะหรือนิยามอาจจะไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่คนสองคนมีต่อกันหรอกผึ้ง” คองเปรยพลางยิ้มพรายก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการยิงมุกหายนะทำร้ายตัวเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
“ดูอย่างคู่เราสิ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ผึ้งยังเป็นสก๊อยฝึกหัดจนกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาว
เราผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งเยอะ แต่จนป่านนี้ ผึ้งก็ยังไม่เคยบอกใครเลยว่าผึ้งเป็นอะไรกับเฮีย”
“หนอย! แล้วไอ้ที่ป่องอยู่นี่ฝีมือใคร?
หมาตัวไหนมันทำกูท้องกันล่ะฮึ?!”
“โอ๋
ๆๆๆ ! ไม่เหวี่ยงนะผึ้ง
เฮียแค่ล้อเล่นหน่อยเดียว ไม่เหวี่ยงนะจ๊ะทูนหัวของผัว” เจ้าของร้านข้าวต้มถลาเข้าไปนวดบ่าภรรยาท้องอ่อนของตนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดอย่างมหันต์
ฝ่ายตัวอ่อนมนุษย์ป้านั้นก็โดนฮอร์โมนเล่นงานจนหน้าเบะ ออกอาการงอแงทันที
“ไอ้เฮียบ้า
ทีหลังห้ามว่าผึ้งนะ ผึ้งท้องลูกของเราอยู่นะไม่เห็นหรือไง?!”
“ครับ
ๆ ไม่ว่าแล้วครับ เฮียขอโทษนะครับ”
“เอ่อ...
เฮียครับ พวกผมไปเก็บของก่อนดีกว่านะครับ” เด็กวิศวะเปรยเบา ๆ ก่อนจะจูงคนรักหน้าเข่าจรลีจากสถานที่เกิดเหตุด้วยความรวดเร็ว
$$$$$$$$
“อีกแก้วนะคะเฮีย”
ตำลึงผู้รับหน้าที่สาวเชียร์เบียร์ประจำค่ำคืนไม่รอฟังคำปฏิเสธ เจ้าหล่อนบรรจงรินของเหลวสีอำพันลงในแก้วเปล่าตรงหน้าคองอย่างคล่องแคล่ว
สมแล้วที่ขวบปีหลัง ๆ เด็กสาวจะกลายเป็นพนักงานเสิร์ฟมือหนึ่งประจำร้านที่ลูกค้าขาประจำโปรดปรานมากที่สุด
“พอแล้วตำลึงเอ๊ย
เฮียจะอยู่คุยเป็นเพื่อนพี่ผึ้งเขา” แม้ปากจะพูดอย่าง แต่หลังจากเห็นฟองเบียร์ตรงปากแก้วค่อย
ๆ ยุบตัวลง เจ้าของร้านก็ส่งความดื่มด่ำระลอกใหม่ผ่านลงลำคอไปอย่างว่องไวจนตัวอ่อนมนุษย์ป้าทนนิ่งเฉยไม่ได้
“จริง
ๆ ก็น่าจะพอได้ตั้งนานแล้วนะเฮีย เฮียเมาจนแทบจะพูดไม่รู้เรื่องอยู่แล้วเนี่ย”
“ก็เฮียดีใจนี่ที่เมียเฮียท้อง
เฮียอยากฉลองให้เมียเฮีย!” คองผุดลุกขึ้นโก่งคอประกาศด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้
อาการจะล้มไม่ล้มแหล่ของเจ้าตัวทำให้ยิมต้องช่วยประคองร่างโผเผของอดีตเจ้านายให้นั่งลงอีกครั้ง
“หึ! เฮียอยากเมาฉลองให้ตัวเองที่มีน้ำยามากกว่าม้าง”
กระปุกตั้งฉ่ายยกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะตบท้ายจนเจ้าของร้านข้าวต้มเต้นเร่า ๆ
“ไอ้โจ!!”
“พี่โจขา
ดื่มอีกหน่อยสิคะคนเก่ง” ตำลึงที่เพิ่งหย่อนตัวลงนั่งบนที่เท้าแขนของเก้าอี้ตัวที่โจจับจองแล้วประคองแก้วเบียร์ขึ้นจรดริมฝีปากคนรักจนใบหน้าของอีกฝ่ายแดงก่ำทันตา
แต่ก่อนที่ใครจะอาสาแซะเขาจนเสียอาการ พ่อครัวใหญ่ก็ชิงเบี่ยงประเด็นสนทนาขึ้นเสียก่อน
“นี่แน่ะไอ้ชาย
ถ้ามึงกับไอ้ยิมกินดองกันเมื่อไร อย่าลืมตบรางวัลผู้มีพระคุณล้นเหลืออย่างกูนะโว้ย!”
“มึงไปสร้างบุญคุณให้พวกมันตอนไหน
ฮะไอ้โจ? กูเห็นมึงดีแต่ยุแยงให้มันเอากันทุกวัน ๆ แค่นั้นแหละ” แม้คองจะไม่ติดใจกับอาการลามปามไม่เลือกเวลาของโจ
แต่กับปาณัธ หล่อนไม่ใจดีแบบนั้น...
ทว่าแทนที่ตัวอ่อนมนุษย์ป้าจะได้บันดาลโทสะสนองคืนแก่ตัวต้นเรื่อง
เจ้าหล่อนกลับถูกสามีผู้เมามายดึงความสนใจไปจนหมดสิ้น “ฮื่อผึ้ง ไม่เอาครับ
เมาแล้วไม่พูดหยาบคายนะ เดี๋ยวเกิดลูกฟังมาก ๆ เข้า เขาจะพูดไม่เพราะเป็นนิสัย”
“โอ๊ยไอ้เฮีย! ใครกันแน่ที่เมา?
ลืมไปแล้วหรือไงว่าผึ้งกินเหล้าไม่ได้! ที่สำคัญลูกเราน่ะยังเป็นวุ้นอยู่ในท้องผึ้งอยู่เลย
ลูกจะมาได้ยินที่ผึ้งพูดเมื่อกี๊ได้ยังไงวะ?!” ปาณัธเบนเข็มไปแผดเสียงใส่คู่ชีวิตที่นั่งยิ้มตาเยิ้มให้กับดินกับฟ้ามาได้สักพัก...
โอ๊ย! มันจะอะไรกันนักหนา ลูกน้องปากหมาน่ะไม่เท่าไร
แต่ผัวเมาจนพูดอะไรไม่รู้เรื่องนี่สิที่รุงรังยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
“พี่ผึ้งใจเย็น
ๆ ครับ ที่เฮียห้ามเมื่อกี๊เพราะเฮียเป็นห่วงพี่ผึ้งนะครับ” ชายชาตรีลูบหลังลูบไหล่ปาณัธเบา
ๆ พลางเตือนสติ โดยมีพิชญ์คอยเป็นลูกคู่อีกทอดหนึ่ง
“นั่นสิพี่ผึ้ง
ไม่เหวี่ยงครับไม่เหวี่ยง”
“ชาย
พิชญ์... พวกมึงสองคนโชคดีมากเลยนะที่มีผัวแล้วท้องไม่ได้เหมือนกู”
“เฮ่ยพี่ผึ้ง! พี่ผึ้งพูดอะไรของพี่ผึ้งเนี่ย?!”
เป็นเพราะตัวอ่อนมนุษย์ป้ากำลังหัวเสียอย่างหนัก
เจ้าหล่อนจึงปล่อยไม่ได้ใส่ใจอาการฟาดงวงฟาดงาของขาเหวี่ยงเลยสักนิด “กูบอกพวกมึงเอาไว้ตรงเลยนะว่า
ถ้ากูไม่รักไอ้หนูในท้องกูแบบหัวปักหัวปำ กูไม่มีทางอดทนเป็นมนุษย์แม่ให้ลำบากหรอกโว้ย!”
“เฮียก็รักผึ้งกับลูกมากเหมือนกันจ๊ะ! เอ้าโชน!!”
“ทีนี้พวกมึงเข้าใจกูแล้วหรือยังล่ะ?”
ผึ้งทำหน้าเอือมระอากับสามีผู้เมาจนไม่รู้เหนือรู้ใต้อยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเบนกรอบสายตาเลื่อนไปเหม่อมองท้องทะเลมืดสนิทคล้ายกับไม่อยากรับรู้ถึงสภาพน่าอดสูของคนรักมันดื้อ
ๆ กระนั้นเสียงเรียกของเด็กเสิร์ฟสาวสวยเพียงคนเดียวของร้านก็ทำให้หล่อนจำต้องหันกลับมาดูดำดูดีคู่ชีวิตอย่างไม่มีทางเลือก
“เจ๊คะ”
“อะไร?”
“เอาไงกับเฮียดีอ่ะคะ?
เฮียพับไปแล้วอ่ะค่ะ?” ตำลึงอึกอักเมื่อเห็นนายใหญ่ไหลพาดไปตามระนาบสูงต่ำของเก้าอี้ราวกับไม่มีกระดูกสันหลัง
“เฮ่อ!” ตัวอ่อนมนุษย์ป้าถอนหายใจพลางทำหน้าหงุดหงิดก่อนจะสรุปง่าย
ๆ คล้ายกับไม่เดือดร้อน “ปล่อยให้นอนตรงนี้นี่แหละ”
“แต่แถวนี้ยุงเยอะนะคะเจ๊”
“ทิ้งให้มันโดนยุงหามสักคืนก็น่าจะดี
เผื่อตื่นมาแล้วจะรู้จักยั้งคิกับเขาได้” แม้ปาณัธจะรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยคนรักอยู่บ้าง
แต่เพราะเจ้าหล่อนรู้ว่า พนักงานร้านข้าวต้มทั้งห้าตั้งหน้าตั้งตาจะนั่งก๊งสุรากันยันเช้า
การปล่อยให้คองนอนกองอยู่ข้าง ๆ วงเหล้าจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจของคุณแม่ท้องสาวอย่างหล่อน
“อย่าปล่อยเฮียนอนตากยุงเลยครับพี่ผึ้ง
เดี๋ยวชายกับยิมช่วยกันแบกเฮียขึ้นไปนอนที่ห้องให้ก็ได้ครับ”
“มึงไม่ต้องเลยไอ้ชาย!” พิชญ์ชูมือขึ้นปรามเพื่อนสนิทพลางหันไปจิกเดียวด้วยสายตาก่อนจะงุบงิบกับอีกฝ่ายเสียงเบา
“มึงไปช่วยไอ้ยิมมันอุ้มเฮียสิวะ!”
“เดี๋ยวผมกับยิมไปส่งเฮียที่ห้องให้เองครับ”
หนึ่งเดียวเสนอตัวหลังโดนจอมเหวี่ยงกดดันยิก ๆ
“งั้นกูขึ้นไปนอนเลยแล้วกัน”
“ชายไปด้วยครับพี่ผึ้ง”
สายเปย์รวบข้าวของ ๆ ตนและคนรักพร้อมรับคำปาณัธในทันใด
“แล้วมึงล่ะพิชญ์
จะขึ้นพร้อมพวกกูเลยไหม หรือจะนั่งอยู่นี่ก่อน?”
“ขึ้นเลยครับ”
เหตุที่เจ้าของชื่อพยักหน้ารับคำตัวอ่อนมนุษย์ป้าโดยไม่ลีลาก็เพราะสายตาเว้าวอนที่เด็กวิศวะหน้าหล่อส่งให้ตั้งแต่ไปยืนหิ้วปากเจ้าของร้านข้าวต้มพร้อม
ๆ กับยิมเมื่อสักครู่
ได้ยินดังนั้น
ปาณัธจึงหันไปกำชับกำชาลูกน้องทั้งห้าที่ยังนั่งชนแก้วกันอย่างหนักหน่วงด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
“ถ้าเมาก็อย่าเที่ยวเดินเพ่นพ่านลงทะเลไปล่ะ กูสงสารชาวบ้านแถวนี้
เดี๋ยวเขาจะนึกว่าผีทะเลออกอาละวาด”
“ครับเจ๊
เจ๊ไปพักผ่อนเถอะ ดึกแล้ว”
“เก็บข้าวเก็บของให้เรียบร้อยด้วยนะพวกมึง”
“คร้าบ”
.
.
.
.
.
.
.
“พี่ผึ้ง
ขอคีย์การ์ดด้วยครับ”
“อ่ะ
เอาไป” ปาณัธส่งบัตรพลาสติกสีขาวล้วนให้ชายชาตรีที่อุตส่าห์เดินวกกลับมาหาก่อนจะวิ่งแซงริ้วขบวนแห่คนเมาไปเปิดประตูห้องพักของหล่อนไว้รอท่า
“ฮื่อ...
อยากนอนแล้ว” ยังไม่ทันที่เด็กวิศวะปีสี่ทั้งสองจะลากสังขารเจ้าของร้านข้าวต้มไปถึงเตียง
คนเมาก็แสดงฤทธาอภินิหารย์ทันที
“เฮ่ยเฮีย! อย่าเพิ่งครับ ยังไม่ถึงเตียงเลย” ยิมหลุดปากโวยวายเมื่อคองพยายามจะทิ้งตัวใส่พื้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ชายหนุ่มจึงพยักหน้าส่งสัญญาณให้เพื่อนเร่งรัดการหิ้วปีกอดีตเจ้านายไปส่งยังปลายทาง
แต่เสียงประกาศอ้อแอ้ของคนเมากลับทำให้ผู้คนในขบวนแห่เริ่มตื่นตระหนก
“อ้วก...
จะอ้วก...”
“เฮ่อ!” ปาณัธที่เพิ่งเดินมาถึงได้แต่ยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องพลางส่ายหัวมองตามคนรักที่กลายเป็นภาระสังคมไปเสียแล้ว
“คออ่อนแล้วยังไม่เจียม”
“ไอ้เหี้ยยิม
เร็ว!” เดียวที่สัมผัสได้ถึงการกระเพื่อมของกระบังลมของคองเร่งเพื่อนพลางประคองคนเมาให้มุ่งหน้าไปยังห้องน้ำเดี๋ยวนั้น
ฝ่ายยิมที่รู้ทันกันก็หันไปขอความช่วยเหลือจากคนรักทันที
“พี่ชายเปิดประตูห้องน้ำให้หน่อยครับ!” ไม่ทันขาดคำ สายเปย์ก็วิ่งหน้าตั้งไปเปิดประตูห้องน้ำรอให้เด็กวิศวะพาร่างไร้สติเข้าไประบายความคลื่นเหียน
แต่ก่อนที่ความตั้งใจของยิมและเดียวจะเป็นผล หลักฐานแห่งความเมามายทีหมักบ่มมาเป็นอย่างดีภายในร่างกายของเจ้าของร้านข้าวต้มก็สาดกระจายไปทั่วเนื้อตัวของพวกเขาทั้งสามคนแบบล้นปรี่
“เฮ้ยยย!!”
“โอ้โหเฮีย!”
“เหยดดด!! ไอ้อ้วกเหี้ย! ยิม... กู... ฮึบ... กู จะไม่ไหว”
“อย่าอ้วกออกมาเชียวนะมึง!” ยิมถลึงตาใส่เพื่อนจนอีกฝ่ายรีบกลั้นหายใจพลางเบือนหน้าหนีไปมองอีกทางด้วยไม่อยากสร้างปัญหาซ้อนให้คนอื่นต้องพลอยเดือดร้อนตามคองไปอีกคน
“ยิมกับเดียวพาเฮียไปนอนที่เตียงเร็ว! เดี๋ยวพี่ชายกับพี่ผึ้งดูเฮียต่อเอง” ชายชาตรีเอ่ยด้วยน้ำเสียงระรัวก่อนจะพุ่งเข้าไปหาคนรักพลางจัดแจงเร็วรี่
“พิชญ์ ชายขอผ้ากับน้ำเช็ดตัวเฮียหน่อย”
“อ่อ
เออ ได้ ๆ ” ประโยคคำสั่งของสายเปย์ทำให้ขาเหวี่ยงที่ยืนดูสถานการณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้าเอ๋อ
ๆ เริ่มรู้สึกตัวและออกตามล่าของที่เพื่อนหน้าเข่าร้องขอด้วยความว่องไว ฝ่ายชายชาตรีที่ย้ายมวลร่างกายไปยืนจัดที่นอนรอรับคองก็ชี้นิ้วบอกพิกัดทิ้งคนเมาลงบนเตียงแก่เด็กวิศวะทั้งสองเป็นรายการถัดไป
“ยิมกับเดียวไปล้างตัวเดี๋ยวนี้เลย”
สายเปย์ว่าพลางถอดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้อดีตเจ้านายไปพร้อม ๆ กัน
แม้จะซาบซึ้งใจกับทีท่าไม่รังเกียจคองของชายชาตรี
แต่การนิ่งดูดาย ยืนดูเพื่อนทำหน้าที่ของตัวเองโดยใช้การตั้งครรภ์เป็นข้ออ้างก็ดูจะไม่ใช่นิสัยของผึ้งเลยสักนิด
“พวกมึงแค่เอาน้ำกับผ้ามาก็ได้ เดี๋ยวที่เหลือกูจัดการเอง”
“พี่ผึ้งไหวแน่นะครับ?”
สายเปย์ยังไม่วางใจเพราะกลัวว่าการเคลื่อนไหวร่างกายมาก ๆ
จะส่งผลต่อเด็กในท้องของเพื่อนสนิท ก่อนที่หญิงสาวจะหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงอย่างเป็นกิจลักษณะ
ชายหนุ่มจึงจัดลอกเสื้อเปื้อนคราบไม่พึงประสงค์ออกจากร่างของคองเพื่อป้องกันไม่ให้ปาณัธต้องออกแรงหนักเกินความจำเป็น
“แค่พวกมึงพาเฮียมาส่งถึงเตียงก็ช่วยกูได้มากแล้ว
ที่เหลือกูทำเองได้ ไม่ต้องห่วง” ตัวอ่อนมนุษย์ป้าตัดบทเด็ดขาด “ไปสิ
เดี๋ยวไอ้เดียวมันก็อ้วกแตกตามเฮียไปอีกคนหรอก”
“ครับ
ๆ พรุ่งนี้เจอกันนะครับพี่ผึ้ง”
“เออ”
“เดี๋ยวตื่นแล้วผมโทรหา”
พิชญ์ทิ้งท้ายหลังชายชาตรีเอ่ยคำอำลากับเจ้าหล่อนไปเมื่อสักครู่
“เออ! รู้แล้วน่า!” ผึ้งโบกมือไล่สี่หนุ่มอย่างไม่ใยดี
แต่ก่อนเพื่อน ๆ ของหล่อนจะเดินพ้นประตูห้อง ปาณัธที่ก้มหน้าก้มตาเช็ดตัวให้คนเมาก็เปรยขึ้นเบา
ๆ ด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบใจพวกมึงมากนะที่ชวนกูมาเที่ยวด้วย...
นานแล้วที่กูไม่ได้มาเที่ยวกับเฮียแบบนี้”
“ไม่ต้องขอบคุณพวกผมก็ได้พี่ผึ้ง
พวกผมก็อยากมาเที่ยวกับพี่ผึ้งด้วยเหมือนกัน” พิชญ์คลี่ยิ้มละไมพลางตอบคำว่าที่คุณแม่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง
ฝั่งชายชาตรีเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน
“ไว้เรามาเที่ยวด้วยกันอีกนะครับ
ชายอยากพาหลานมาเล่นน้ำทะเล”
“อืม
พวกมึงไปนอนเถอะ”
$$$$$$$$
“ผมชอบตอนพี่เข้ามาช่วยจัดการเรื่องเฮียให้ผมกับไอ้เดียวจังเลยครับ”
หลังจากตั้งหลักในอ่างอาบน้ำได้สักพัก อยู่ ๆ ยิมก็เปรยขึ้นพร้อมกับกดปลายจมูกลงสูดกลิ่นแก้มของคนโตกว่าที่นอนแช่ฟองสบู่อยู่ในอ้อมกอดเขา
“ทำไมล่ะ?”
“เวลาพี่ชายจริงจัง
พี่ชายดูเซ็กซี่น่ะครับ” ภาพของชายชาตรีในเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่โผล่ขึ้นในหัวเรียกรอยยิ้มกรุ้มกริ่มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนวดได้ในชั่วพริบตา
ถ้าจะให้พูดว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอีกฝ่ายในมาดคนสั่งการก็คงจะไม่ใช่
แต่การที่ชายชาตรีกลายเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์วุ่นวายทั้งหมดก็ทำให้ชายหนุ่มนึกอยากปลดเปลื้องเสื้อผ้าอีกฝ่ายจนเปลือยเปล่าก่อนจะลากมาเอาเปรียบเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“หึ! มีแต่ยิมนี่แหละที่บอกว่าพี่ชายเซ็กซี่
คนอื่นเขายี้พี่ชายกันทั้งนั้น”
“ไม่งั้นพี่ชายไม่รอดมาถึงมือผมหรอกใช่ไหมครับ”
เด็กวิศวะชิงต่อประโยคของคู่สนทนาด้วยใจความที่มักจะได้ยินชายชาตรีหลุดปากรำพึงรำพันด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจให้ฟังบ่อย
ๆ
“หรือไม่จริง?”
สายเปย์พูดกลั้วหัวเราะ
“จริงหรือไม่จริงผมก็ไม่สนใจหรอกครับ
เพราะยิ่งคนอื่นไม่เห็นพี่แบบที่ผมเห็นมากเท่าไร ผมก็ยิ่งสบายใจมากเท่านั้น” สิ้นเสียง
อดีตยาจกก็หาเศษหาเลยกับแก้มเนียนของคนรักด้วยความลุ่มหลงอีกหลายครั้ง
“ทำไมล่ะ?”
ชายชาตรีเลิกคิ้วรอฟังคำด้วยความตั้งใจ ซึ่งการได้เห็นสีหน้าคร่ำเคร่งของสายเปย์ใกล้
ๆ ก็ทำให้ยิมนึกหมั่นเขี้ยวจนยื่นหน้าลงสูดกลิ่นแก้มอีกฝ่ายเข้าเต็มปอดอีกครั้ง “ฮื่อยิม
อย่าเพิ่งหอม ตอบก่อน”
“ก็ถ้าคนอื่นเห็นพี่ชายน่ารัก
ผมคงเป็นบ้าตายกันพอดีสิครับ”
“ถ้างั้นพี่ชายจะตั้งใจทำงานเก็บเงินแล้วบินไปโมหน้าที่เกาหลีดีไหม
พี่ชายอยากให้ยิมเห็นพี่ชายน่ารักกว่านี้” หลังจากผิดหวังเพราะคำสั่งห้ามของบิดามานานกว่าสองรอบ
สายเปย์ก็เปลี่ยนมาโยนหินถามทางกับผู้ปกครองร่างกายและหัวใจคนใหม่แทน
กระนั้นยิมกลับคิดเห็นตรงกันกับคุณชายพจน์แบบที่ไม่ต้องนั่งหารือกันให้เหนื่อย
“อย่าเลยพี่
ผมรักพี่ที่พี่เป็นแบบนี้ ผมรักหน้าพี่ รักรอยยิ้มของพี่ รักตัวพี่
รักสิ่งที่พี่เป็น รักความคิด รักจิตใจของพี่ พี่ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร
เพื่อเอาใจผมหรอกครับ แค่พี่เป็นพี่ ผมก็รักพี่หมดหัวใจแล้ว”
“ปากหวานแถมยังหล่อล่ำถูกใจพี่ชายไปเสียทุกอย่างแบบนี้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่ชายดาวน์คอนโดแถมถอยรถให้เลยนะ” ชายชาตรีอมยิ้มพลางมองหน้าคนรักด้วยความเทิดทูนและหลงใหลสุดหัวใจ
“แล้วเดี๋ยวนี้ล่ะ
เป็นไงครับ?”
“ยิม...
ขอตังค์ชอปปิ้งหน่อย!” สายเปย์แบมือของเงินคู่สนทนาพลางแลบลิ้นจนคนมองรู้สึกชอบใจจนหลุดหัวเราะ
“หึ
ๆๆๆ ไม่มีครับ ตอนนี้มีแค่ตัว อยากได้ไหม?”
“บ้า! ไม่ต้องมาแกล้งหยอดให้พี่ชายเขินเล่นเลย!”
“ผมไม่ได้หยอดพี่
ตอนนี้ผมมีแค่ตัวจริง ๆ ครับ เพราะหัวใจ ผมให้พี่ไปนานแล้ว” เด็กวิศวะกระชับวงแขนดึงตัวอีกฝ่ายมากอดให้แน่นกว่าเดิม
ก่อนจะวางคางลงพาดบ่าคนรักพลางอ้อนวอนเสียงนุ่ม “เรื่องทำศัลยกรรมน่ะผมขอได้ไหมครับพี่ชาย
ไม่ทำนะ แล้วก็เลิกคิดเรื่องหน้าตาได้แล้วนะพี่”
“...อืม...”
“ขนาดพี่ชายไม่ได้ทำอะไร
ทุกวันนี้ผมยังหึงพี่อย่างกับอะไร ขืนพี่ทำหน้ามาใหม่ ผมคงต้องล็อกพี่ชายไว้ในห้อง
จะได้ไม่ต้องเจอใครอีก” ยิมฟัดแก้มคนรักอีกหนึ่งยกใหญ่จนโดนอีกฝ่ายต่อว่าอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“เด็กขี้หวง!”
“ไม่ใช่แค่ขี้หวงอย่างเดียวนะครับ
ขี้หื่นด้วย”
“จะขี้หวงหรือขี้หื่น
ถ้าเป็นยิม พี่ชายชอบทั้งนั้นแหละ”
“แค่ชอบเองเหรอครับ?”
เด็กหนวดไม่พูดเปล่าหากแต่ส่ง ‘นุ้งยิม’ ลงพื้นที่หยอกเย้าเคล้าคลึงบั้นท้ายของอีกฝ่ายจนสายเปย์เผลอส่ายสะโพกตอบรับแบบอัตโนมัติ
“ว่าไงครับ? แค่ชอบเองเหรอ?”
เสียงกระซิบแผ่วข้างหูกับความแข็งขืนที่รู้กันดีอยู่ทำเอาชายหัวหมุนติ้ว
“รัก รักมากเลยล่ะ”
“ผมรักพี่ชายครับ”
เมื่อคำสารภาพถูกเอื้อนเอ่ยอย่างจงใจ เด็กวิศวะก็บรรจงประทับริมฝีปากลิ้มรสความหวานของรสจูบจากอีกฝ่ายเป็นนานสองนาน
“อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นะครับพี่ชาย”
“ไม่ต้องห่วง
พวกเราได้อยู่กันอีกนานแน่ ๆ เพราะยิมทำให้พี่ชายเป็นอมตะ พี่ชายจะอยู่ค้ำฟ้าเลยคอยดู!” สายเปย์ตอบรับด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ถ้าพี่ชายเป็นอมตะ
แล้วผมล่ะครับจะเป็นอะไร?” สีหน้าติดใจสงสัยของชายชาตรีทำให้ยิมรีบเฉลยความด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ก็ผมกินพี่ชายที่เป็นอมตะอีกที อย่างนี้ผมจะไม่เป็นสุดยอดอมตะไปแล้วเหรอครับ?”
“นั่นสินะ!” สิ้นเสียงตอบรับแข็งขันของชายชาตรี
พวกเขาก็ต่างพร้อมใจกันระเบิดหัวเราะจนสุดเสียงไปกับเรื่องขำขันที่ช่วยแต่งเติมสีสันให้กับแต่ละวันที่ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันท์คนรักเฉกเช่นดังที่เป็นมาตลอดสามปี
และเชื่อเถอะว่า ต่อให้วันข้างหน้าจะมีเรื่องร้ายหรือดีรออยู่ก็ตาม ยิมกับชายจะช่วยกันเติมความสุข
ร่วมกันต้านทุก ๆ อุปสรรคโดยไม่ปล่อยมืออีกฝ่ายไปอย่างแน่นอน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค
ๆ :
ชายว่า การเป็นอมตะเกิดจากความสุขสงบ
และความพอใจกับสิ่งละอันพันละน้อยในชีวิตประจำวันของเราเองนี่แหละ
หากเรายินดีกับสิ่งที่เรามี
และดูแลเอาใจใส่คนดี ๆ ที่รักและเห็นคุณค่าของเราอย่างสม่ำเสมอไปทุก ๆ วัน
ชายเชื่อว่าทุก ๆ
คนก็จะสัมผัสความเป็นอมตะได้เหมือน ๆ กันกับชาย / ยิ้มกว้างพลางโบกมือให้ทุก
ๆ คนด้วยสเต็ปเดียวกับพี่เบิร์ด ธงไชย
$$$$<| THE END |>$$$$