Monday, October 27, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 23: ขนมพอผสมกับน้ำยา# 2



บทรุกที่ 23: ขนมพอผสมกับน้ำยา# 2
(ขนมพอผสมกับน้ำยา : เสมอกัน ความพอดี ที่มา จากขนมจีนน้ำยาขนมพอสมน้ำยา ก็คือการเอาขนมจีนผสมคลุกเคล้ากับน้ำยาให้พอดีเหมาะสม จึงรับประทานอร่อย ไม่ขาดไม่เกิน)




5
 (นับถอยหลัง)
  

(ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะกระจกรถยนต์)

“ฮื่อออ....” ผมขยี้ตาพลางหาว แล้วจึงค่อยๆลืมตาข้างหนึ่งขึ้น แสงจ้าจากภายนอกส่องสะท้อนกระจกมองข้างของรถอีกคันแยงเข้าตาผมอย่างจัง จนผมแม่งต้องเบี่ยงหน้าหลบก่อนจะลงซบตรงเบาะอีกฝั่ง แต่ผมก็ฝืนทนหลับตานอนได้เพียงไม่นาน เพราะมีเสียงทุ้มๆของผู้ชายที่น่าจะมีอาวุโสกว่าคุณป๋าหลายสิบปีร้องเรียกเบาๆไม่ห่างจากหูเท่าไรนัก...

“(คุณ! คุณ! นี่คุณ!..คุณไม่เป็นอะไรใช่ไม๊ครับ?)”  (ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะกระจกรถยนต์ดังต่อเนื่อง)

...ใครแม่งจะมาเรียกผมแผ่วๆอย่างนี้กันวะ??? สงสัยผมจะฝันไปล่ะมั้ง...
.
(ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะกระจกรถยนต์รัวๆ)
.
...ไม่ใช่ฝันแล้วล่ะว่ะ เพราะผมแม่งรู้สึกถึงแรงสะเทือนน้อยๆจากด้านหลังปิดท้ายทุกครั้งที่ไอ้เสียงดังก็อกๆๆ แม่งดังขึ้น



สุดท้ายผมแม่งก็ทนรำคาญไม่ไหว เลยต้องยืดตัวขึ้น แล้วฝืนใจลืมตามองไปรอบๆ แต่ยังไม่ทันที่จะหมุนตัวไปครบรอบ ไอ้ริ้วความเจ็บกับอาการเหน็บชาที่แดกขาอยู่ตอนนี้แม่งก็สำแดงเดชออกมาทันที “โอ๊ะ.....ซี๊ดดดส์   อูยยยย...เมื่อยไปทั้งตัวเลยแฮะ”

“(คุณ! คุณ!.. ตกลงคุณไม่เป็นอะไรใช่ไม๊ครับ?)” เสียงเรียกนั้นยังคงดังอยู่ข้างๆหู ผมเลยหันกลับไปมองยังต้นเสียง แล้วก็เจอเข้ากับคุณลุงยามคนหนึ่ง แกกำลังแนบหน้ามองเข้ามาในรถอย่างเป็นห่วงเป็นใย ผมเลยสตาร์ทเครื่องแล้วกดกระจกลงทันทีเพื่อคุยกับแกให้รู้เรื่อง

“อ๊ะ..... เอ่อ  ไม่เป็นไรฮะ ผมแค่เผลอหลับไปน่ะฮะ” ผมตอบออกไปอย่างนอบน้อม

ผู้สูงวัยกว่ายิ้มให้อย่างโล่งอก แล้วพูดตอบด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน  “อ้อ...อืม ก็ดีแล้วครับ ที่ผมปลุกคุณน่ะ เพราะว่าเห็นว่า นี่มันก็สายมากแล้ว...อากาศมันก็เริ่มจะร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าขืนปล่อยให้คุณนอนต่อ คุณอาจจะเป็นลมล้มพับไปซะก่อน เพราะว่าคุณไม่ได้แง้มกระจกรถระบายอากาศเอาไว้เลยน่ะครับ”

“ขอบคุณนะฮะลุง...
.
...ว่าแต่ นี่มันกี่โมงแล้วเหรอฮะ?” ผมถามออกไปทันที เพราะแบตเตอรี่มือถือ และไอแพ็ดผมแม่งตายเรียบไปหมดทั้งสองเครื่อง ตั้งแต่หลังจากขนุนอาบน้ำเสร็จ เพราะเรานอนคุยกันเรื่องโน้นนี้ไปจนผล็อยหลับ ไอ้ผมแม่งก็คงจะเปลือกตาหนักเสียจนไม่มีกะใจลุกขึ้นมาปิดเครื่องก่อนจะทิ้งดิ่งเอนตัวลงนอน

ลุงยามชี้นิ้วมือไปตรงตัวเลขหน้าคอนโซลรถเช่าของผม แล้วตอบออกมาสั้นๆ “อีกสิบนาทีสิบเอ็ดโมงน่ะครับ... ถ้านาฬิการถคุณไม่เดินเร็วหรือช้าเกินไปนะครับ”

พอผมได้มองตามนิ้วมือนั้นและเห็นตัวเลขบอกเวลาด้วยสองตาตัวเอง...ผมแม่งก็ต้องแหกปากสบถออกมาเป็นชุดด้วยความตกใจ “...ตายห่าๆๆๆๆ!!  โดนพี่ปีย์ด่าพ่อแหงๆ...
.
.
...ขอบคุณลุงมากนะฮะที่ช่วยปลุก...ผมตื่นแล้วล่ะฮะ  ลุงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ...ขอบคุณอีกครั้งฮะ” ผมพูดพลางยกมือไหว้ขอบคุณแกอีกครั้ง จากนั้นสองมือผมก็รวบเอาของจำเป็นติดตัวทั้งหมดเอาไว้ในอ้อมอก ดับเครื่อง แล้วก้าวออกมาจากรถทันที

ลุงยามที่ยังยืนดูอาการของผมอย่างสงบก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินลับหายไป “ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของพวกผมอยู่แล้วล่ะ”




หลังจากวิ่งกระหืดกระหอบกลับเข้ามาในห้อง ผมก็เจอกับเจ้ากรรมนายเวรนั่งถลึงตาจ้องผมอยู่บนเตียง พี่ปีย์ส่งเสียงเข้มทักผมทันทีที่เราสบตากัน “ไอ้น็อต!! มึงหายหัวไปนอนที่ไหนมา???”

...นี่ถ้าไม่ติดว่าเราสองคนเป็นพี่น้องที่คบหากันมานาน ผมแม่งต้องเผลอเข้าใจผิดว่าพี่ปีย์แม่งต้องคิดอะไรเกินเลยกับผมแหงๆ มีอย่างที่ไหน...เล่นยิงคำถามเหมือนพวกเมียหลวงในละครเวลาผัวแอบเดินเข้าบ้านหลังจากหายหน้าไปหาอีหนูมาทั้งคืนก็ไม่ปาน

ผมเลี่ยงสายตาของอีกฝ่ายแล้วก็โกหกคำโตออกไปทันที “เฮ๊ยยย...พี่ปีย์  พี่พูดอะไรของพี่กันวะ...ผมแค่ออกไปหาไรกินข้างนอกที่ตลาดตั้งแต่เมื่อเช้าน่ะฮะ พี่ก็รู้..อาหารโรงบาลแม่งไม่เอาไหน” ผมพูดพลางยักไหล่ ทำหน้าไม่ยี่หระ

“มึงอย่ามาตอแหลเลยไอ้ห่า กูแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาสองรอบ ตอนตีสามกับเจ็ดโมง... กูก็ไม่เห็นเงามึงอยู่ตรงไหนของห้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่มึงแอบมีกิ๊กซ่อนเอาไว้ที่ขอนแก่น ถึงขนาดต้องแว่บไปลงพื้นที่ตอกบัตรเข้างานมาด้วยเหรอวะ?...กูไม่ยักรู้”

ไอ้พี่ผมแม่งก็เป็นพวกจมูกหมา ตาสับปะรดเสียด้วย... ขืนผมโกหกข้างๆคูๆแบบนี้ต่อไป คงจะเหลว  สงสัยผมแม่งต้องบอกความจริงครึ่งเดียวเสียแล้วสิ “โหยยยย เพ้อเจ้อว่ะพี่ปีย์แม่ง!..  เมื่อคืนผมไปนอนที่รถมา เพิ่งตื่นเนี่ยะแหละ ไม่ได้ไปที่ไหนอย่างที่พี่ปีย์เข้าใจซะหน่อยฮะ” ผมเดินเข้าไปเอาไอแพ็ดกับมือถือไปชาร์จ แล้วหยิบข้าวของออกมาเพื่อเตรียมเข้าไปอาบน้ำ เพราะเพิ่งจะรู้สึกว่าเหนียวตัวชิบหาย

แต่พี่ปีย์แม่งก็ยังไม่พอใจ เพราะซัดกลับมาอีกคำถามทันที “อ้าว...มึงไม่ชอบนอนที่โซฟารึไง? ไปนอนทำไมร้อนๆในรถน่ะ?”

และนี่ก็คืออีกครึ่ง ที่ผมแม่งต้องสร้างเรื่องเพื่อทำให้แกหมดข้อสงสัย... และสิ่งที่เหมาะที่สุดที่ผมควรยกขึ้นมาเล่น เห็นจะไม่พ้น X1 หึ หึ  “ก็พี่ปีย์เล่นนอนละเมอทั้งคืน ใครแม่งจะไปนอนหลับได้ลงกันล่ะฮะ... เพ้ออะไรก็ไม่รู้  กานต์ กานต์...กานต์ อยู่นั่นแหละ ผมเลยต้องระเห็จไปนอนแบบเมื่อยๆ ร้อนๆในรถยังไงล่ะฮะ...
.
...อนิจจา ไอ้เราน่ะรึก็เหยื่อคนนอนละเมอเพ้อพกชัดๆ เรายังไม่เคยคิดจะปริปากบ่นซักกะแอะ...
...แต่คนต้นเรื่องนี่สิ เอาแต่จะจ้องจะเล่นงานเราอย่างเดียว  เฮ้อออ...น่าสงสารไอ้น็อตจริงจริ๊งงงงง” ผมยืนเอาแขนทั้งสองข้างกอดผ้าเช็ดตัวเอาไว้แนบอกก่อนจะบิดส่ายลำตัวท่อนบนไปมา พลางส่งสายตา และสีหน้าน่าสงสารแบบอ้อนตีนกลับไปให้

และก็ได้ผลเหมือนทุกที เพราะพี่ผมแม่งตีหน้ายักษ์แล้วตะโกนออกปากไล่แบบไม่ต้องร้องขอ “ไปเลย!! มึงไปอาบน้ำเตรียมตัวเลย เดี๋ยวจะได้เก็บของแล้วออกจากโรงบาลนี่ซะที กูอยากกลับบ้านเต็มแก่แล้ว!

พอพี่ปีย์ออกท่าทางแบบนี้...จะไม่ตอกย้ำความสนุกอีกสักทีสองที คงจะกระไร... ผมเลยปิดท้ายให้แกไปอีกดอกใหญ่ “จะกลับไปหา กานต์ กานต์ กานต์ น่ะเหรอฮะ?”

พี่ปีย์พยายามกลั้นความโกรธด้วยการหายใจเข้าลึกๆแล้วผ่อนออกอย่างช้าๆ แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ดวงตาเข้มๆคู่นั้นที่กำลังจับจ้องผมอย่างเอาเป็นเอาตายน็น็อ   ็เย็นลงได้เลย  “ไอ้คุณน็อตครับ...มึงจะไปอาบน้ำดีๆ หรือมึงจะเข้าไปอาบน้ำด้วยน้ำตากันครับ?”

เพื่อไม่ให้เสียยี่ห้อไอ้น็อต ผมเลยแถมให้พี่ปีย์ไปอีกดอก “แหม่...แตะนิดแตะหน่อยเป็นไม่ได้เลยนะ เฮอะ...กระทั่งน้องนุ่งแม่งยังไม่ละเว้น.... เห่อกระปู๋ว่ะพี่ปีย์”

“ไอ้สัดน็อต!! มึงอย่าอยู่เลย!!” พี่ปีย์แม่งทำท่าเหมือนจะลากสังขารลงจากเตียงมาเพื่อชำระโทษกับผมโดยเฉพาะ แต่ผมเห็นท่าทุลักทุเลของแกแล้วก็อดนึกสงสารไม่ได้ แต่ผมก็ไม่วายส่งสีหน้าเยาะเย้ยไปให้คนป่วยที่ยังเยื้องย่างไม่พ้นจากขอบเตียงตัวเอง

“วะฮ่าๆๆๆ... จ้างให้ก็ไล่ไม่ทัน....” แต่พี่ปีย์ก็ยังคงเป็นพี่ปีย์ที่ผมเคารพในทุกๆเรื่อง เพราะเมื่อรู้ขีดจำกัดของตัวเอง พี่แกเลยคิดจะส่งรีโมททีวีข้างหัวนอนด้วยความเร็วเหนือแสงมาประเคนใส่หน้าผม... และผมรู้ดีว่า ระยะนี้ พี่ปีย์ไม่เคยพลาด ผมเลยเผ่นเข้าห้องน้ำไปทันที โดยไม่คิดจะรอให้ของแข็งแล่นผ่าอากาศมากระแทกเข้าเบ้าตา  “เหวอออออออ!! (ปัง!! เสียงปิดประตูห้องน้ำ)”

4
(นับถอยหลัง)

ภายในร้านกาแฟบริเวณชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง  หลังจากที่โอ่ง กานต์ และขนุน เดินกลับมานั่งลงตรงเก้าอี้รับแขกของทางร้านพร้อมด้วยเครื่องดื่มของตน  โอ่งจึงเอ่ยกับกานต์และขนุน ด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผ่านท่าทางจีบปากจีบคอ โดยในมือได้ถือแก้วเครื่องดื่มเย็นในระดับพอดีอกต่างไมโครโฟน  “เอาล่ะค่ะ ในที่สุดเราทั้งสามก็ได้มาถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังอันเป็นสถานที่นัดหมายของเราในวันนี้แล้วนะคะ... ก่อนอื่น กระเทยขอเช็คความพร้อมทางร่างกาย จิตใจ รวมไปถึงสภาพคล่องทางการเงินของน้องสาวเสียก่อนที่เราจะเริ่มปฏิบัติภารกิจเปลี่ยนลุค...ปลุกความเป็นรับในตัวคุณกันค่าาาาาา” 

คนที่ทำตัวประหนึ่งโฆษกเบี่ยงตัวเข้าหาหนุ่มหน้าแว่นที่ออกอาการเหรอหราอย่างเห็นได้ชัดกับการละเล่นของอีกฝ่าย “รู้สึกยังไงบ้างคะ กับเหตุการณ์ที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ในชีวิตครั้งนี้?” เมื่อพูดจบ ไมโครโฟนจำลองในมือของผู้ถามก็ถูกยื่นตรงเข้าหน้าแว่นๆของขนุนทันที

ขนุนกลับทำได้เพียงแค่เปล่งเสียงไม่มั่นใจออกมา พลางส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปหากานต์อย่างเร่งด่วน “เอ่อออ.....

ฝ่ายกานต์ที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอดก็พูดแทรกออกมาทันที “โอ่งนี่ล่ะก็ มัวแต่เล่นอยู่ได้ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เริ่มงานของวันนี้กันซักทีล่ะเนี่ยะ กานต์ชวนโอ่งมาเพื่อจะให้ช่วยนะ ไม่ได้ทำให้ยิ่งช้า”

แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะยิ่งช้า เพราะฝ่ายที่โดนตำหนิกลับไม่มีทีท่าจะสำนึกได้ตามถ้อยคำเตือนสติอย่างหวังดีของกานต์ “อุ๊ต๊ะ!!  ♪♫ พกแม่มาด้วยเหรอ พกแม่มาด้วยเหรอเนี่ยะ แหมมาแค่เนี้ยะ ต้องพกแม่มาด้วยยยยย......
.
.
...ขุ่นพี่ไม่นึกว่าน้องสาวจะพาขุ่นแม่มาด้วย เดี๋ยวขอขุ่นพี่เจรจากับขุ่นแม่ก่อนนะคะ...เพี่อความเข้าใจที่ตรงกัน”

เมื่อสั่งความกับขนุนที่ยังนั่งหน้างงอยู่เป็นที่เรียบร้อย โอ่งก็ขยับเปลี่ยนมุมนั่งให้หันไปอีกข้างเพื่อคุยกับเพื่อนรักของตนทันที “...ถะ ถะ โถ...ขุ่นแม่ขาาาาา ขุ่นแม่เศร้าก็หยุดกระเดี๋ยวสิคะ  ไม่เห็นจะต้องเอาความเจ็บปวดของการถูกว่าที่สามีทอดทิ้งหนีหน้าหายไปทำงานที่ตอจอวอ มาลงกับกระเทยในรูปของคำพูดคำจาฟังน่าระคายหูแบบนี้เลย!  
.
.
...วันนี้ ขุ่นแม่มาเป็นเพื่อนน้องสาวนะคะ... ไม่ได้เป็นคนที่กลับไปแล้วต้องเข้าคอร์สเจ้าสาวซะเองเสียหน่อย เพราะฉะนั้น...หยุดทำตัวเป็นกระเทยวัยหมดเมนส์ ณ  บัดนาวค่ะ!! โอ่งส่งสายตาปรามไปให้กานต์หวังจะให้อีกฝ่ายยอมให้ตัวเองเล่นได้ตามใจ




ถึงอย่างนั้น ด้วยนิสัยเข้าอกเข้าใจผู้อื่นและขี้เกรงใจของกานต์ ทำให้เจ้าตัวไม่ยอมถอย แล้วปล่อยให้เพื่อนพูดจาเลอะเทอะจนพลอยทำให้กำหนดการต่างๆของวันต้องเสียไป กานต์จึงพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “โธ่โอ่ง...ก็มันจริงนี่นา ไหนโอ่งบอกว่าเรามีอะไรต้องทำอีกตั้งเยอะแยะหลายสิ่งจิงเกอร์เบลล์ไม่ใช่เหรอ แล้วถ้ามัวเอาแต่โอ้เอ้อ้อยอิ่งกันอยู่ เย็นนี้พวกเราจะได้กลับถึงบ้านก่อนฟ้ามืดกันไม๊ล่ะ?”

โอ่งยกมือสองข้างขึ้นเสมอไหล่แล้วตอบกานต์อย่างยอมจำนน “โอเคๆ กระเทยยอมแพ้แก่หลักเหตุผลของขุ่นแม่แล้วค่ะ...ถ้างั้น เราเริ่มจากไปร้านแว่นเป็นอันดับแรก จะได้วัดสายตาเอาไว้ก่อน ตอนเย็นค่อยกลับไปสอยแว่น หรืออุปกรณ์อะไรก็แล้วแต่ที่จะเปลี่ยนทรงหน้าของน้องสาวได้..
.
...จากนั้น เข้าร้านทำผมต่อเลย เพราะกระเทยว่า เราควรต้องปล่อยนกโพระดกโขกโป๊กๆบนหัวน้องสาวให้เป็นอิสระซะที  แล้วค่อยปิดท้ายด้วยเสื้อผ้ากันค่ะ”

ขนุนที่นั่งตั้งใจฟังอยู่เมื่อครู่อย่างทึ่งๆก็เอ่ยออกมาในที่สุด “ฟังดูเหมือนเรามีอะไรต้องทำกันเยอะเลยนะครับ”

เมื่อโอ่งได้ยินคำของอีกฝ่าย จึงพยักหน้าหลายครั้งส่งกลับไปให้เพื่อยืนยันความเข้าใจแบบหนักแน่น  “แน่ล่ะสิคะน้องหนุนหนุน เพื่อให้คืนนี้ เป็นคืนที่ผู้บ่าวต้องจดจำไปจนวันตาย เราต้องลงทุนลงแรงกันเยอะหน่อย...
.
.
...อีกอย่าง...จำเอาไว้นะคะ ริจะอ่อยบุรุษ อย่าหยุดสวยค่ะ!!...
...ว่าแล้ว ก็เดินหน้าไปพิชิตภารกิจของวันนี้กันเถอะค่ะ!”  โอ่งพูดจบก็ดูดเครื่องดื่มของตนรวดเดียวหมดแก้ว จนก้นแก้วและหลอดเริ่มจะทะเลาะกันจนส่งเสียงประหลาดๆออกมาช่วยเรียกสายตาขวางๆจากโต๊ะข้างๆ  หากแต่เจ้าตัวกลับแสดงอาการไม่สะทกสะท้านหรือหวั่นไหวใดๆ  จากนั้นจึงลุกเดินออกจากร้านไป โดยไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไปมองเพื่อนรัก และ น้องสาวคนใหม่ที่กำลังกระวีกระวาดเก็บข้าวของประจำตัวขึ้น และออกจ้ำตามชายหนุ่มจิตใจหญิงผู้เป็นเจ้าของรูปร่างสันทัดไปอย่างรีบเร่ง

ระหว่างที่เดินตามหลังโอ่ง กานต์หันไปบอกกับขนุนด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน “คุณขนุน คุณขนุนอย่าไปคิดมากเรื่องเพ้อเจ้อที่โอ่งพูดเลยนะ...โอ่งน่ะ เค้าอาจจะพูดจาฟังไม่รู้เรื่อง หรือบางครั้งอาจจะละลาบละล้วงไปบ้าง แต่โดยเนื้อแท้แล้ว เค้าเป็นคนไม่มีอะไร แถมยังเป็นคนจิตใจดีและน่าคบหามากคนนึงเลยเชียวล่ะ”

คนฟังยิ้มน้อยๆให้ด้วยเข้าใจในเจตนาที่ดีของกานต์ ขนุนอธิบายเพื่อปลอบให้กานต์สบายใจ “ครับ คุณกานต์ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผมเข้าใจ...อีกอย่าง ผมว่าฟังคุณโอ่งพูด ก็คลายเครียดดีนะครับ...
.
...เราไปกันเถอะครับ คุณโอ่งไปรออยู่ตรงชั้นสองโน่นแล้ว เดี๋ยวจะสายนะครับ” กานต์มองตามสายตาของขนุนที่กำลังจับจ้องสูงขึ้นไปแล้วหยุดค้างอยู่กลางอากาศ

ที่ตรงนั้น...โอ่งได้ไปยืนจิกปลายเท้าโพสท่าเป็นคุณนายรอทั้งสองคนอยู่แล้ว เมื่อเห็นพิกัดที่แน่ชัดของเพื่อนเป็นที่เรียบร้อย กานต์ก็หันกลับไปยิ้มให้ขนุนแล้วพูดชวนอย่างช้าๆ แต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงแห่งความสุข “คุณขนุนไม่คิดมากกานต์ก็สบายใจแล้วล่ะ... ไป...ถึงเวลาแปลงโฉมกันซะที”

ขนุนหันกลับไปหากานต์แล้วส่งยิ้มอย่างจริงใจกลับไปให้เพื่อนใหม่ของตัวเอง “ครับ”

3
(นับถอยหลัง)


ระหว่างขนุนกำลังถอดกางเกงตัวที่เพิ่งลองเสร็จอยู่ภายในห้องลองเสื้อของร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังร้านหนึ่ง ขนุนได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆคล้ายๆกับคนวิ่งตื๋อจากภายนอกห้องลองเข้ามาข้างใน แต่จู่ๆเสียงฝีเท้านั้นกลับหยุดลงตรงหน้าห้องลองเสื้อที่ตนใช้อยู่  ไม่ถึงชั่วอึดใจหลังจากนั้น...ม่านที่กั้นหน้าห้องลองเสื้อของตนก็ถูกเลิกขึ้นจากภายนอก ก่อนที่ผู้บุกรุกร่างสันทัดจะมุดลอดม่านที่เปิดนั้นเข้ามายืนเบียดอยู่ภายในพื้นที่แคบๆของห้องลองเสียด้วยกัน


เมื่อเห็นแน่ใจว่า คนที่ตนเองตามหาอยู่ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว โอ่งก็เปิดบทสนทนาอย่างละล่ำละลักทันที “น้องหนุนหนุนคะ...ขุ่นพี่มีเรื่องจะถามค่ะ”

ขนุนที่ทั้งอึ้งและตกใจอย่างที่สุดถึงกับลืมตัวเอ่ยถามออกมาทันที โดยไม่ทันคิดบดบังร่างกายส่วนใดอย่างที่คนโดนล่วงละเมิดในขณะที่ตัวเองกำลังอยู่ในสภาพเกือบจะนุ่งลมห่มฟ้าควรจะทำ “คุณโอ่งจำเป็นต้องเข้ามาถามผมให้ได้ความเอาตอนนี้เลยเหรอครับ?”

โอ่งถึงกับถอนหายใจและกลอกตาอย่างเอือมๆให้กับขนุนผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรบ้างเสียเลย “แน่สิคะ ก็นี่เป็นเวลาเดียว ที่กานต์จะไม่เข้ามาขัดขวางการคุยของเรานี่คะ...
.
...หรือขุ่นน้องอยากจะเผยแพร่เรื่องของขุ่นน้องให้เป็นวิทยาทานแก่เพื่อนกานต์ของขุ่นพี่ไปพร้อมๆกัน  ขุ่นพี่ก็ยินดีนะคะ” คนพูดทำหน้าทำตามีเลศนัย จนขนุนสามารถจับเจตนาของการบุกรุกได้ทันที

“อืมมมมม... สงสัยว่าคุณโอ่งจะอยากคุยเรื่องผมกับน็อตใช่ไม๊ครับ?”

โอ่งชูนิ้วโป้งทั้งสองข้างขึ้นมาให้กับอีกฝ่าย แล้วทำหน้าชื่นชมความฉลาดเฉลียวของขนุนแบบออกหน้าออกตา “เจี้ยมมมมมากเข่อะขุ่นน้อง!!!!... ฉลาดล้ำโลกสมกับที่จะเป็นว่าที่น้องสะใภ้ของผู้บ่าวจอมกะล่อนอย่างแท้จริงเลยค่ะ”

แต่นั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่ขนุนอยากได้ยิน   เวลานี้...เขาอยากรู้แค่อย่างเดียว ว่าอะไรที่ทำให้โอ่งกล้ามุดห้องลองเสื้อเข้ามายืนอยู่กับเขาตรงนี้กัน “คุณโอ่งอยากจะถามอะไรผมเหรอครับ?”

“ขุ่นน้องกับผู้บ่าวถึงขั้นไหนกันแล้วคะ?” แม้สิ่งที่โอ่งถามออกมาจะเป็นเรื่องที่ควรต้องระมัดระวังในการพูดกับคู่สนทนา หากแต่เพราะเจ้าตัวไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย หรือเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องมีมารยาท โอ่งเลยลอยหน้าลอยตารอฟังคำตอบอย่างไม่มีเหนียมอาย

คนฟังที่ต้องการความแน่ใจ เพราะไม่เคยได้พูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยหัวข้อนี้มาก่อน เพราะยังไม่สนิทสนมกันเท่าที่ควรจึงเอ่ยถามออกมาอีกรอบเพื่อยืนยันความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างคนทั้งคู่ “เอ่อ.... เรื่องอย่างว่าน่ะเหรอครับ?”

โอ่งจึงจีบปากจีบคอตอบ แล้วส่งสายตาตำหนิน้อยๆไปให้ “แน่ซิคะ คิดว่าคุณพี่อยากจะรู้เรื่องสุขภาพของเส้นผมของขุ่นน้อง กับน้องน็อตหรอกเหรอคะ? แหม”

ขนุนยิ้มให้อีกฝ่าย แล้วใช้เวลาสั้นๆฉุกคิดนิดหนึ่ง ก่อนตอบคำ “เรายังไม่มีอะไรกันหรอกครับ... แค่เรียนรู้ร่างกายกันแบบผิวเผินน่ะครับ”

หลังจากได้รับการยืนยันออกจากปากขนุน โอ่งก็พูดต่อทันทีด้วยการอธิบายอย่างยืดยาวและเป็นจริงเป็นจัง ผิดกับคำพูดคำจาในยามปกติของเจ้าตัว “โอเค...เก็ทแล้วค่ะ  ถ้างั้น...ขุ่นพี่ว่า คืนนี้ขุ่นน้องน่าจะได้เปิดป้ายแจ็คพ็อตพลอดรักกับผู้บ่าวเป็นแน่...
.
...เพราะเท่าที่ขุ่นพี่จับยามสามตาดูแล้ว...
...ถ้าลองว่า เสื้อผ้าหน้าผมขุ่นน้องได้เล่นแร่แปรร่างจากหงอกหงอยหอยกระจิ๊ดริด เปลี่ยนมาเป็นเลิศวิจิตรวิลิสมาหราแบบทันตาอย่างนี้ล่ะก็  ขุ่นพี่รับรองเลยค่ะว่า ไม่ถึงสองชั่วโมงหลังจากที่ผู้บ่าวได้กลับเข้าบ้านมาเจอหน้าขุ่นน้อง... ขุ่นน้องก็เตรียมนับถอยหลังฟังเสียงครางอย่างหยาบโลนของอีกฝ่ายได้เลยค่ะ...
.
.
...แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัฐที่ขุ่นพี่ต้องการจะบอกขุ่นน้องหรอกนะคะ...
...สิ่งที่ขุ่นพี่ต้องการจะแชร์แม่ชะม้อยกับขุ่นน้อง ก็คือ  ฝ่ายรับอย่างเรา...ความสะอาดต้องมาเป็นอันดับแรก เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าคนของเราเค้าจ้องจะล้างตู้เย็นของเราเพื่อเอาใจก่อนจะล่วงล้ำรึเปล่า  แล้วลองคิดดูซิคะว่า ถ้าเกิดตรงปากปล่องช่องทางสวรรค์ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์หลงเหลืออยู่... จะทำให้เจ้ามือแทงหวยใส่คำเค้าขยาดได้มากขนาดไหน ดีไม่ดี...อาจจะล้มโต๊ะโละทิ้งทั้งสำรับ จนไม่อยากจะกลับมากินตับเราไปตลอดชีวิตก็เป็นได้นะคะ... 
.
...สองต้องใจเย็นๆนะคะขุ่นน้อง ห้ามทำตัวก๋ากั่นมั่นหน้าเป็นอันขาด...และต้องอย่าลืมกำชับผู้บ่าวเลยนะคะว่า ต้องอดทนและนุ่มนวลกับเราอย่างที่สุด เพราะโดยธรรมชาติแล้วน่ะ... ประตูโดเรมอนของเรา มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นทางออก ไม่ใช่ทางเข้า... ดังนั้น จึงไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง ที่จะชิงสุกรุกฆาตก่อนการกระตุ้น และขยายด้วยมือมาเป็นอย่างดีและนานพอสมควรเป็นอันขาด ไม่งั้นงานนี้ต้องมีแหก แหก และแหกแน่ๆค่ะ... 
.
...แล้วขุ่นพี่ขอวโบกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า เมื่อไรก็ตามที่ปล่อยให้ตัวเองมีแผลจนน้องริดซี่ถามหา ชีวิตเราจะหมดสนุกไปอีกเย๊อะเชียวค่ะ...
.
.
...สาม ถ้าขุ่นน้องมีความกล้าเพียงพอ ขุ่นพี่แนะนำเลยว่า อีตอนเปิดซิงครั้งแรก..ถ้ามันเข้ายากเพราะฝืด หรือเพราะขนาดของเคผู้บ่าวยาวใหญ่เกินไป นาทีนั้น...ออนท็อปคร่อมตอมันไปเลยนะคะขุ่นน้อง อย่าได้กลัวเกรง  เพราะมันจะช่วยให้ดำเนินสะดวกกว่าเป็นไหนๆ... ที่ขุ่นพี่พูดมา ขุ่นน้องเข้าใจดีชิมิเคอะ?” โอ่งจิกตาใส่ขนุนอย่างมาดหมายและคาดหวังคำตอบ

ขนุนที่นึกภาพตามโดยละเอียดเสร็จสิ้นพอดีกับคำถามของรุ่นพี่ในสมรภูมิแห่งรักก็ยิ้มแห้งๆส่งคืนไปให้ แล้วตอบรับคำ“ครับ...ผมว่าผมตามทันนะครับ”

โอ่งพอใจกับคำตอบที่ได้ จึงส่งรอยยิ้มคืนกลับให้อีกฝ่ายที่หน้าตาไม่สู้จะดีนัก หลังจากได้ฟังบทบรรยายแบบถึงแก่นของตนไปหมาดๆ “ดีมากค่ะ ที่เหลือก็ขอแค่ให้ทุกอย่างเป็นใจ และอย่าลืมเป็นตัวของตัวเองแบบสุดๆนะคะ”

“ขอบคุณครับคุณโอ่งที่เป็นห่วงผมเรื่องนี้ ผมเองก็หนักใจเหมือนกัน แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด” ขนุนตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่สายตายังคงฉายแววของความหนักแน่นและไม่หวั่นไหวใดๆ จนทำเอาโอ่งที่เฝ้ามองอย่างตั้งใจอดถามออกมาไม่ได้

“คนนี้เอาจริงใช่ไม๊คะ? ขุ่นพี่เห็นสีหน้า เห็นแววตาของขุ่นน้องแล้ว ท่าทางจะโงหัวไม่ขึ้นกันทั้งคู่เลยนะคะ”

ขนุนยิ้มอายๆ ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นพลางพูด “ผมก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นเหมือนกันแหละครับ” เมื่อพูดจบ เจ้าตัวก็เม้มปากแน่นทันที ทั้งที่ใบหน้าออกอาการทำตัวไม่ถูกแบบออกนอกหน้า

ตามประสาคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เมื่อเห็นท่าทางของขนุน ผู้อาวุโสกว่าเพียงขวบปีก็รู้สึกเอ็นดูในอาการขวยเขินของชายหนุ่มรุ่นน้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เลยพูดจาให้กำลังใจผู้ที่เพิ่งตัดสินใจเดินตามรอยการเป็นฝ่ายรับของตน หลังจากการคบหาสมาคมกับหนุ่มแบดบอยอย่างน็อตได้เพียงไม่นาน    “ถ้าขุ่นน้องผ่านคืนนี้ไป และมัดใจผู้บ่าวเอาไว้ได้ รับรองเลยค่ะว่า ผู้บ่าวจะต้องได้หลังแล้วลืมหน้าแน่ๆ... เพราะว่า ชายเหนือชาย คือยอดชายค่ะ...
.
.
...และไอ้น้องน็อตน่ะ มันต้องกระหายการเป็นยอดชายอย่างที่สุดแน่ๆค่ะ เชื่อหัวขุ่นพี่ได้เลย”

ขนุนยิ้มพลางคิดถึงคนรักของตน “หึ หึ...คงอย่างนั้นล่ะมั้งครับ...”
.
.
หลังจากเหม่อลอยคิดถึงคนที่อยู่ห่างตัวไปไกลหลายร้อยกิโลเมตร ขนุนก็ได้สติแล้วพูดกับโอ่งอย่างมีพิธีรีตรองอีกครั้ง “...เอ่อ...ว่าแต่คุณโอ่งออกไปก่อนดีไม๊ครับ ขอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จก่อน เราจะได้ไปจ่ายเงินกัน”

คนฟังที่เพิ่งจะรู้สึกถึงสถานการณ์อันชวนให้กระอักกระอ่วนนี้ถึงกับเอามือทาบอกแล้วพูดออกมาทันที “อุ๊ต๊ะ!! ขุ่นพี่ลืมค่ะ แหะ แหะ โทษทีนะคะขุ่นน้อง เมาท์นานไปหน่อย... ไปนะคะ!!” เมื่อพูดจบ... คนพูดที่แว่บเข้าห้องลองเสื้อมาโดยไม่ได้รับเชิญ ก็แว่บออกไปรวดเร็วราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น ไม่เคยปรากฏมาก่อน

2
 (นับถอยหลัง)


ผมเดินลงมาจากชั้นสามของบ้านหลังจากพยุงพี่ปีย์ขึ้นไปส่งที่ห้องเรียบร้อยตามพระบัญชาของท่านผู้ป่วย สายตาผมเหลือบไปมองเวลาตรงนาฬิกาแขวนข้างผนังห้องรับแขกชั้นล่าง เมื่อเห็นเข็มสั้นกับเข็มยาวอยู่ในตำแหน่งไกลเกินกว่าที่ตัวเองคาดคิดเอาไว้ ผมก็หลุดสบถออกมาทันทีอย่างขัดอกขัดใจ “สี่ทุ่มกว่าแล้วเหรอวะเนี่ยะ....
.
...เฮ้อ!! กว่าจะกลับมาถึงบ้านได้ พี่คนขับแท็กซีแม่งก็เสือกขับช้าเป็นเต่ากัดยางอยู่นั่น คนยิ่งรีบๆเพราะอยากจะกลับมาเห็นหน้าเมียเต็มแก่อยู่ ฮึ่ย!!” พูดพลางผมก็วิ่งปรู๊ดออกไปทางหน้าบ้าน แล้วเลี้ยวเข้าประตูรั้วบ้านหลังข้างๆที่เปิดไฟสว่างโร่ไปทั้งหลังรอรับผมอยู่ทันที   “...ไฟข้างล่างเปิดอยู่อย่างนี้ สงสัยจะนั่งรอเจอหน้าพี่ปีย์กันอยู่ในห้องรับแขกล่ะมั้งเนี่ยะ” ผมอมยิ้มให้กับตัวเองพลางพูดออกมาเบาๆ ทั้งที่อีกคนที่ผมคุยด้วยไม่มีทางได้ยิน “...ขนุนฮะ!! น็อตกลับมาแล้วนะฮะ”

ผมบิดลูกบิดประตูไม้หน้าบ้านแล้วเปิดเข้าไป เมื่อผมมองเข้าไปด้านในของบริเวณชั้นล่างของบ้านที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในช่วงอาทิตย์ให้หลัง ผมก็เห็นพี่กานต์กำลังนั่งคุยอยู่กับขนุน...

...แต่ขนุนคนที่ผมกำลังจ้องอยู่อย่างไม่วางตาคนนี้ แม่งแตกต่างไปจากขนุนคนเมื่อคืนก่อน ราวกับเอารถเก่าไปเทิร์นแลกรถใหม่ที่เพิ่งออกจากศูนย์มาขับอย่างไรอย่างนั้น  ขนุนแม่งต้องไปทำอะไรกับตัวเองมาแน่ๆ ไม่อย่างนั้น แม่งจะดูน่ารักน่าใคร่สไตล์เกาหลี ผสมคาวาอี้เดสก๊ะได้มากขนาดนี้ภายในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร??!!

ก็ไอ้คนที่หน้าเหมือนขนุน แต่หน้าตาและการแต่งกายดูดีกว่าเดิมหลายเท่าที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆพี่กานต์คนนั้นน่ะ  แม่งโคตรโมเอ้ตรงใจผมสุดๆ ราวกับหลุดออกมาจากหนังเอวีเรื่องโปรดของผมเลยนี่หว่า  ขนุนแม่งต้องโดนอะไรเข้าสิง ไม่ก็ผีบ้านผีเรือนเข้าฝันแหงๆ ถึงได้ยอมทำอะไรผิดไปจากนิสัยเดิมอย่างนี้  ทั้งที่ร้อยวันพันปี...ไม่มีทางเสียหรอก ที่ขนุนจะยอมลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีเพื่อดึงดูดสายตาใครๆ

เท่าที่มองผ่านๆ  อย่างน้อยๆ ผมว่า ขนุนแม่งต้องไปทำผมมา...
...เพราะผมทรงใหม่ ถึงแม่งจะดูคล้ายๆทรงเดิม แต่มันดูอยู่กับร่องกับรอยจนไม่เหลือคราบของการเป็นอดีตรังนกอีกต่อไป  แถมขนุนแม่งต้องทำอะไรกับสีผมมาแน่ๆ เพราะไอ้ไฮไลท์สีทองซีดตรงปลายมันหายไปแล้ว 

หน้าแม่งก็ผ่องๆเหมือนจะขาวอมชมพูอูมาหมิผิดไปจากทุกวันมากอยู่ว่ะ...
หรือ แม่งจะเป็นเพราะผมเอง ที่เฝ้าคิดถึงแต่ขนุนมากเสียจนทนไม่ไหว พอได้กลับมาเห็นหน้ากันอีกครั้ง เลยทำให้อุปทานมองผิดไปว่า ขนุนแม่งน่ารักทะลักทะลายอย่างที่ไม่เคยเป็นกันวะ??

โอ๊ะ!! วันนี้ใส่คอนแทคด้วยนี่หว่า...  ฮื๊ยยยย น่ารักอ่ะ ตาโตกลมใสแม่งดึงดูดสายตาผมดีชะมัดเลยว่ะ!!
หึ!..พอผมไม่อยู่นี่ก็ลุกขึ้นมาใส่คอนแทคเปิดตาเพื่อจ้องหน้าพี่กานต์เลยเหรอ...ขนุน??  ทีตอนอยู่กับผมนะ...ถ้าผมไม่คะยั้นคะยอแกมบังคับเสียงแข็ง คุณแม่งแทบจะไม่ยอมใส่คอนแทคอย่างที่ผมบอกดีๆ เลยสักครั้ง

แถมคืนนี้แม่งยังแต่งตัวน่ารักอีก...
ไอ้เสื้อเส้อย้วยๆ กับกางเกงนักเรียนขาสั้นที่ใส่ประจำแม่งหายไปไหนเสียล่ะ หรือว่ากลัวพี่กานต์ไม่ถูกใจ เลยต้องขนกลับไปเก็บกัน???!!!... หึ! สองวันจาก นารีเป็นอื่นจริงๆว่ะ!!


แต่ถึงจะหงุดหงิดที่เห็นขนุนเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากภายในเวลาไม่ถึงสองวันช่วงที่ผมไม่อยู่ แต่ผมก็ต้องยอมรับล่ะฮะว่า ผมเองก็ชอบในสิ่งที่เห็นอยู่ไม่น้อย เอ่ออออ...ผมจะบอกอย่างไรดีล่ะ คือ...ผมว่าขนุนแม่งดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมากขึ้นแบบผิดหูผิดตา คือ...แม่งน่ารักโคตรๆอ่ะฮะ บอกได้เลย

เอาเถอะฮะ... ไม่ว่าขนุนแม่งจะทำแบบนี้เพื่อพี่กานต์หรือใครก็ตาม ผมก็ถือว่า ผมแม่งได้อานิสงส์ไปด้วย เพราะสุดท้าย คนที่ได้ชื่นชมความน่ารักของขนุนในค่ำคืนนี้แบบเนื้อๆเน้นๆ ก็คือผมเพียงคนเดียวเท่านั้น  หึ หึ...รับรองเลยฮะว่า คืนนี้ ผมจะสูด-ดม-อม-เลียขนุนเข้าร่างไป ไม่เหลือซากให้ใครได้เห็นความน่ารักของเจ้าตัวไปมากกว่านี้อีกเลย กรั่ก กรั่ก กรั่ก

ทันทีที่ผมเดินเข้าไปใกล้ๆกับสองหนุ่มหน้าหวานตรงโซฟา ทั้งสองคนก็หยุดคุย แล้วหันกลับมามองที่ผมอย่างคาดหวัง สายตาของพี่กานต์ดูจะล่อกแล่กมากกว่า เพราะเมื่อเห็นผมเดินเข้าไปหา ก็เลื่อนกลับไปจ้องที่ประตูเพื่อมองหาพี่ปีย์สลับกับมองหน้าผมไปมา ราวกับจะตั้งคำถามว่าอีกคนไปไหน แต่ผมกลับทำเป็นไม่สนใจ เพราะกำลังเอาแต่จ้องตากลมใสไร้แว่นบดบังของอีกคนไม่วาง

เจ้าของดวงตามนั่งอมยิ้มมุมปากส่งมาให้ โดยไม่คิดหลบสายตาของผมไปที่อื่น ใจผมตอนนี้แม่งอยากจะกระโดดเข้าใส่คนหน้าผ่องเหลือเกิน ผมอยากให้ขนุนรู้ว่า ไอ้ความคิดถึงของผมที่มีให้เขานั้น มันทำเอาผมแทบบ้าเจียนตาย และระหว่างที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมฝันว่าได้คว้าตัวเขากลับเข้ามาฝังเอาไว้ในอ้อมอกตลอดช่วงเวลาที่ผมหลับตานอน

แต่ตอนนี้...มันกลับยิ่งทรมานหนักไปกว่าตอนที่เราอยู่ห่างกันเสียอีก...
เพราะทั้งๆที่ขนุนอยู่ตรงหน้าผม และเราทั้งสองก็กำลังประสานสายตาโดยไม่ลดละอยู่อย่างนี้  แต่ผมก็ยังไม่อาจจะทำอะไรๆได้อย่างใจ  เพราะยังมีบุคคลที่สามผู้ใม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรอยู่ร่วมเหตุการณ์อีกทั้งคน...
...สงสัยผมแม่งต้องรีบกำจัดบุคคลที่สามออกไปให้เร็วที่สุดเสียแล้วสิ

เมื่อผมเดินมาหยุดตรงข้างๆโซฟา ผมจึงเอ่ยทักโมเอ้คุงของผมอย่างล้อๆเป็นคนแรกตามลำดับความคิดถึงในใจ  “ใครทำอะไรขนุนฮะ...มองเห็นเป่าเนี่ยะ ทำไมวันนี้ไม่ใส่แว่นล่ะ...อ่ะ...ไหนบอกซิว่านี่กี่นิ้ว?” ผมพูดพลางชูนิ้วเป็นจำนวนจ่อเข้าตรงหน้าขนุนในระยะที่ทำคนมองตาเหล่ได้ แต่ขนุนแม่งก็ไม่เล่นด้วย เพราะเอาแต่จ้องมองหน้าพี่กานต์อยู่อย่างนั้น

มือเรียวเล็กของอีกฝ่ายส่งมากดมือของผมลงแล้วกุมเอาไว้แทน เจ้าตัวเอ่ยเสียงนุ่มๆอย่างสุภาพแบบที่เจ้าตัวมักจะพูดกับผมเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น “คุณน็อตครับ...อย่าเพิ่งเล่นสิครับ...แล้วคุณปีย์ไปไหนล่ะครับ?”

...นี่คุณทำเป็นเมินผมเหรอ?!! แถมยังจะเอาแต่มองหน้าพี่กานต์อยู่ได้...
...ไม่เห็นจะหันมามองผมให้ชื่นใจอีกสักครั้ง  นี่มันชักจะมากไปแล้วนะขนุน!!!   
...ไอ้เรารึก็อุตส่าห์ตั้งใจออกปากทักทายคุณก่อนใครๆ ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันเสียมารยาทที่ต้องคุยข้ามหัวพี่กานต์ผู้เป็นเจ้าของบ้านอยู่แบบนี้ก็ตาม...
...อย่าให้ได้อยู่ด้วยกันสองคนเมื่อไรเชียว ผมจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุดเลย... คอยดูสิ!!

หึ! แต่ก็ยังดีนะ ที่คุณจับมือผมเอาไว้ไม่ปล่อย  ไม่งั้นผมแม่งไม่ใจเย็นแน่ๆ  และดูเหมือนโมเอ้คุงของผมจะรู้ตัว เพราะมือเรียวที่กำลังกุมมือผมอยู่บีบมือผมเบาๆเป็นจังหวะ เหมือนต้องการจะบอกให้ผมใจเย็นๆ และให้ความสนใจกับพี่กานต์ก่อนเป็นอันดับแรก

ผมหันกลับไปมองหน้าพี่กานต์ตามขนุนแล้วก็เข้าใจ เพราะพี่กานต์ในเวลานี้ กำลังทำสีหน้าไม่สบายใจสุดๆ  หลังจากที่สอดส่ายสายตามองหาพี่ปีย์เพียงไม่นาน พี่กานต์ก็ถามออกมาโดยไม่ปล่อยให้ผมยืนนิ่งๆระหว่างส่งสายตาพิฆาตขนุนเป็นรอบที่สองได้นานกว่านี้  “ใช่..น็อต...ปีย์ล่ะ...ปีย์อยู่ไหน ทำไมปีย์ไม่มาด้วยกัน? แล้วนี่น็อตมายังไง ทำไมพี่ถึงไม่ได้ยินเสียงรถเลยล่ะ?”

ผมเลยจำเป็นต้องตอบพี่กานต์พอเป็นพิธี ด้วยการบอกอีกฝ่ายว่าให้ขี้นไปเก็บของใช้เท่าที่จำเป็นลงมา  เพื่อให้พี่กานต์ย้ายไปอยู่ที่บ้านผมชั่วคราวระหว่างช่วงที่พี่ปีย์พักฟื้น ตามพระราชโองการของคนป่วยกิตติมศักดิ์ พอสั่งความเสร็จ ผมก็คว้ามือที่กุมมือของผมอยู่นั้นให้ลุกตามมา โดยไม่ลืมก้มลงอุ้มพี่ปลิงติดมือมาด้วย  ก่อนจะเดินออกจากบ้านพี่กานต์ไปยืนรอเจ้าของบ้านตรงชั้นล่างของบ้านตัวเอง เพื่อหาโอกาสให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน... แม้จะเป็นเวลาสั้นๆก่อนที่พี่กานต์จะตามมาสมทบก็เถอะ

1
 (นับถอยหลัง)


เมื่อผมและขนุนเดินเข้ามาในชั้นล่างของบ้านที่ปิดไฟมืด  ด้วยความคุ้นเคยกับพื้นที่เป็นอย่างดี ผมจึงสามารถลากให้คนตัวเล็กกว่าเดินตามเข้ามาหยุดตรงโซฟา ก่อนจะนั่งลง ปล่อยพี่ปลิงลงเบาะข้างๆ แล้วจึงปิดท้ายด้วยการกระตุกข้อมือเพรียวทีเผลอ ทำให้ร่างบางๆนั้นล้มลงมานั่งทับบนตักของตัวเองได้อย่างพอดิบพอดี  ผมเอาแขนทั้งสองข้างคล้องรอบเอวสอบของอีกฝ่ายแล้วจู่โจมด้วยการหอมแก้มใสๆหอมกรุ่นกลิ่นวนิลาที่ผมเพิ่งเห็นไปทันที

“(ฟอดดดด) คิดถึงน็อตไม๊ฮะคนเก่ง?” ผมยิงคำถามตรงเข้าข้างหูของอีกคนทันทีไม่มีอ้อมค้อม

ขนุนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหูเอาไว้ แล้วส่งเสียงปรามออกมาด้วยความตกอกตกใจ พลางมองอย่างระวังไปยังทิศทางของประตูหน้าบ้าน “น็อต!! ทำอะไรแบบนี้น่ะ??!! เดี๋ยวคุณกานต์ก็เข้ามาเห็นหรอก!!

ผมถึงกับยิ้มให้ขนุนอย่างเอ็นดู แล้วตอบออกไปแบบชิลๆ “หึ หึ ไม่หรอกฮะ พี่กานต์ไปเก็บของ อีกซักพักโน่นล่ะ กว่าจะตามมา...”
.
.
ผมที่อุตส่าห์นั่งนิ่งๆเพื่อจ้องมองใบหน้าเล็กๆจากทางด้านข้างของขนุนเพื่อให้หายคิดถึง กลับต้องมาเสียอารมณ์เพราะอีกคนเอาแต่จ้องมองประตูหน้าบ้านไม่ละสายตา จนผมแม่งชักจะทนไม่ไหว เลยต้องพูดทำลายความเงียบระหว่างเราสองคนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “...ห่วงแต่คนอื่นจะเห็น  ไม่ห่วงใจน็อตหน่อยเหรอฮะ??
.
.
...ขนุนไม่อยากรู้บ้างเลยเหรอฮะว่า...น็อตเป็นยังไงบ้าง? น็อตเหนื่อยไม๊?... ใจคอนี่ไม่คิดจะถามกันซักคำเลยเหรอฮะ?”

ยังไม่ทันสิ้นประโยคตัดพ้อยาวเหยียดของผม ขนุนก็หันกลับมาจ้องหน้าผมนิ่งๆอยู่นาน และทันทีที่ผมพูดจบ ขนุนก็บอกด้วยเสียงอ่อนๆออกมาเหมือนกับจะปลอบใจ และขอโทษไปพร้อมๆกัน “ขนุนรู้ ว่าน็อตเหนื่อย ก็หน้าน็อตน่ะดูอิดโรย แถมเมื่อกี๊ตอนเดินเข้าบ้านคุณกานต์มา ก็เดินเซนิดๆด้วย... เอาน้ำเย็นๆซักแก้วไม๊ล่ะ เดี๋ยวขนุนไปเอาให้” คนพูดทำท่าจะลุกขึ้นไปทำอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ

แต่ผมกลับฉุดร่างบางๆนั่นเอาไว้ไม่ยอมให้หนีไปไหนห่างตัวอีกแล้ว “ไม่เอาฮะ ตอนนี้น็อตอยากกอดขนุนมากกว่า...
.
...ไหน บอกน็อตซิ ว่าวันนี้นึกครึ้มอะไรขึ้นมา ถึงได้ลุกมาแต่งตัวน่ารักแบบนี้? หื้มมม?? (ฟอดดด)”

คนถูกหอมยิ้มน้อยๆแล้วอธิบายเหตุผลให้ผมฟัง “ก็คุณกานต์เค้าชวนให้ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูน่ะ ขนุนเห็นว่าเค้าดูเหงาๆ ถ้าขนุนยอมเล่นเป็นตุ๊กตาให้เค้าได้จับแต่งตัว เค้าก็คงจะมีความสุขและสนุกขึ้นมาบ้างน่ะ”

 “เท่านั้นเหรอฮะ?? เพราะพี่กานต์ขอ เลยยอมง่ายๆอย่างนั้นเหรอฮะ?” โชคดี ที่ผมยังนั่งอยู่ ไม่อย่างนั้น ผมคงล้มหงายลงไปกับพื้นเมื่อได้ยินสิ่งที่ขนุนเพิ่งพูดออกมา... ประโยคง่ายๆไม่ซับซ้อนของขนุนนี่แม่งทำเอาผมเจ็บหัวใจของแท้เลยฮะ

แต่อีกคนแม่งก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไร เพราะขนุนแม่งยังถามออกมาแบบซื่อๆอยู่อีก“ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ? พอขนุนยอมรับปาก คุณกานต์เค้าก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันทีเลยนะ” ...หึ หึ ถามอย่างนี้ ทำไมไม่เดินมาฉีกหัวใจของไอ้น็อตให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปเลยล่ะฮะ แหม่!

ผมเลยพูดออกไปอย่างเหลืออด “ทีน็อตขอ... ต้องพูดกันจนปากเปียกปากแฉะเป็นนานสองนานกว่าขนุนจะยอม...
.
...เฮ้อออ  ไอ้เรานะมันก็เป็นแค่เพื่อน ส่วนอีกคน...เค้าเป็นถึงคนในสเปค ชาตินี้...ไม่มีวันที่คำขอของไอ้น็อตจะมีน้ำหนักเทียบเท่ากับคำขอของคุณกานต์ของขนุนไม่ได้จริงๆแล้วล่ะมั้ง  ฮึ!!

คนฟังถอนหายใจหนักๆแล้วหันมามองหน้าผมนิ่งๆ แล้วจึงตอบอย่างช้าๆอย่างใจเย็น “น็อต... มีเหตุผลหน่อยซิ ขนุนไม่ได้เลือกปฏิบัติซะหน่อย แค่จังหวะมันพอดีกันเฉยๆเอง...
.
.
...น็อตตตต....
...เด็กๆงอนน่ะน่ารักนะ  แต่ผู้ใหญ่หัวจุกบางคนงอนน่ะ...ระวังขนุนจะไม่รักนะค๊าบบบ รู้ไม๊???” ขนุนพูดกับผมด้วยเสียงการ์ตูนที่ผมชอบเหลือเกิน... ผมแม่งไม่น่าเสียรู้บอกความลับนี้ให้ขนุนไปง่ายๆเลย ดูสิ...ผมเลยโดนเมียเอามาใช้เป็นวิธีจัดการกับผมได้ง่ายๆแบบนี้  แต่นั่นกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ผมควรต้องให้ความสนใจ เพราะไอ้ความหมายของประโยคที่ขนุนเพิ่งจะบอกออกมา มันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะมองข้ามไปได้ง่ายๆ

ผมรีบกอดให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ๆตัวผมมากขึ้น แล้วก็ถามออกไปเพื่อให้แน่ใจ “งั้นก็แปลว่า ถ้าคนหัวจุกไม่งอน ขนุนก็จะรักคนหัวจุกใช่ไม๊ฮะ?”

ขนุนเบี่ยงหน้าหันไปทางอื่นแล้วพูดเสียงเรียบๆเหมือนปกติ  “ไม่รู้เหมือนกัน...ต้องดูนิสัยอย่างอื่นอีกเยอะเลยล่ะ หึ หึ” อาจจะเป็นเพราะความมืดหรือตาลาย แต่ผมรู้สึกว่า เหมือนผมจะเห็นอีกฝ่ายยิ้มน้อยๆมุมปากระหว่างเอ่ยประโยคสั้นๆนี้ ผมแม่งดีใจสัดๆอ่ะ ที่รู้ว่าขนุนแม่งน่าจะคิดอะไรกับผมแน่ๆ ไม่อย่างนั้น ขนุนแม่งต้องไปพูดจาให้ความหวังกับผมแบบนี้หรอกฮะ

พอได้คืบ ผมก็เอาศอกทันที “เรื่องดูนิสัยเอาไว้ก่อนแล้วกันฮะ... เพราะคืนนี้ เรามีเรื่องอื่นที่ต้องดูกันไปยาวๆตลอดทั้งคืน หึ หึ” หลังจากที่จบประโยค ผมก็เอาแต่จับจ้องหน้าเนียนๆที่ลอยอยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบ ว่าเจ้าตัวจะเผลอแสดงอาการอะไรออกมาให้ผมจับความรู้สึกได้อีกหรือเปล่า... ผมว่า ขนุนเองแม่งก็ต้องอยากเจอผมเหมือนกันแหละฮะ ไม่อย่างนั้น แม่งจะหลุดคำพูด และหน้าตาที่ผมไม่เคยเห็นออกมาง่ายๆแบบเมื่อตะกี๊หรอกเหรอฮะ

ขนุนยิ้มน้อยๆพลางมองหน้าผม แล้วตอบอย่างหนักแน่น “....อื้อ...ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ...” ไอ้สิ่งที่ผมเพิ่งได้เห็น ได้ยินไปนี่ มันยิ่งช่วยทำให้ขนุนดูน่ารักไปกันใหญ่ คนอะไร...จะเกิดมาเพื่อเอาใจผมได้มากขนาดนี้  แถมยังมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมใฝ่ฝันอยากจะให้คนรักของตัวเองครอบครองเหลือเกิน ทั้งสิ่งที่อยู่ภายนอก และสิ่งที่อยู่ภายใน รวมทั้งทุกๆอย่างที่เป็นขนุนทั้งหมด

ผมแม่งทนปล่อยให้คนน่ารักคนนี้ลอยนวลต่อไปโดยไม่หาโอกาสเชยชมไม่ได้จริงๆ ผมเลยต้องจัดชุดเล็กๆพอให้กระชุ่มกระชวยกันเสียหน่อย ด้วยการอ้อนขอกันแบบไม่คิดปิดบังความต้องการกันอีกต่อไป “(ฟอด)  ขอน็อตจูบหน่อยได้ไม๊ฮะ (ฟอดดดดด) เมื่อวานตอนได้ยินเสียงขนุนน่ะ (ฟอด ฟอด ฟอด) น็อตนะอยากจูบขนุนมากเลยล่ะฮะ (ฟอดดด)”

คนที่โดนผมหอมจนแก้มใกล้จะช้ำพูดปัดออกมาอย่างอายๆเบาๆ “ฮื่ออออออ....อย่าเพิ่งเลยน็อต เดี๋ยวคุณกานต์ก็เข้ามาแล้ว” เสียงเล็กๆของขนุนนี่ ยิ่งพอได้มาฟังใกล้ๆ ใจผมก็ยิ่งละลาย

แต่เพื่อให้ช่วงเวลาสั้นๆนี้คุ้มค่ามากที่สุด ผมแม่งก็ต้องด้านต่อไป “น่าาาาา...ทีเดียวนะฮะ ไม่นาน...สัญญา”
ขนุนหันหน้าตรงมาจ้องมองผมใกล้ๆ คล้ายๆกับจะบอกใบ้ว่า คำขอของผม...ได้รับการตอบสนองแล้ว “สัญ... ผมไม่ได้รอให้อีกคนพูดจบ เพราะเมื่อขนุนอยู่ใกล้ในระยะหายใจรดกันแล้วทำเอาสยิวเส้นสะดือแบบนี้ ผมก็ต้องฉวยโอกาสทันที

ต่อให้ผมมองไม่เห็นปากเล็กๆนั่นแบบชัดๆเพราะขาดแสงไฟ แต่ตราบใดที่ผมรู้ว่าขนุนยังนั่งอยู่ตรงหน้าผมแบบนี้  ที่หมายของริมฝีปากผมก็เด่นชัดในความทรงจำเสมอ ผมประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากเล็กเด้งดึ๋งของขนุนเบาๆเพื่อชิมและสูดดมความหอมหวานที่เพ้อหามาตลอดสองวันกับอีกหนึ่งคืน คนถูกจูบคลี่ยิ้มบางๆอย่างพออกพอใจเมื่อปากของเราส่งกระแสไฟฟ้าอ่อนๆแล่นผ่านซึ่งกันและกัน

ผมกดน้ำหนักลงบนกลีบปากคู่นั้นแล้วบดเบียดเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับปลายลิ้นได้เข้าไปทิ้งร่องรอยในโพรงปากของอีกฝ่าย เมื่อปากเล็กๆของขนุนเปิดรับผมอย่างเต็มใจ ปลายลิ้นผมก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีของลิ้นเจ้าบ้าน เราแลกลิ้นกันอย่างโหยหาในรสสัมผัสอันชุ่มฉ่ำอ่อนนุ่มของอีกคน จมูกของผมขยี้กดลงบนแก้มนิ่มๆพลางสูดกลิ่นกายที่มอมเมาผมได้กระทั่งในยามหลับฝัน ลิ้นของผมซุกซอนวิ่งต้อน วิ่งไล่ลิ้นเรียวของอีกฝ่ายอย่างเอาเถิดเจ้าล่อ ลิ้นของขนุนที่ทันเล่ห์และลีลาของผมเป็นอย่างดีก็ดีดดิ้นพลิ้วไหวสะบัดสร้างความรู้สึกตื่นเต้น และวาบหวามให้ผมได้อย่างสาหัส

แต่ก่อนที่ผมจะได้เอาคืนกับลวดลายท้าทายฝีมือของขนุน คนตัวเล็กก็เอาสองมือดันหน้าอกของผมแล้วผละหน้าห่างออกไป ก่อนจะพูดเสียงกระเส่า “....อืมม............ฮื่มมมม..................ฮ่าห์  น็อต... น็อต  น็อต...พอก่อน!!  เดี๋ยวเอาไว้ให้เราอยู่กันสองคนก่อนนะ”

ผมเห็นสายตาเป็นกังวลของขนุนแล้วก็ได้แต่ยอมจำนน เพราะผมเองก็ไม่อยากให้พี่กานต์ได้รู้เรื่องของผมกับขนุนก่อนหน้าที่เราสองคนจะผ่านคืนนี้ไปก่อนสักเท่าไร  “ก็ได้ฮะ แต่ขอนั่งอยู่อย่างนี้ซักพักจนกว่าพี่กานต์จะมานะฮะ น็อตอยากกอดให้หายคิดถึงซะหน่อย”

ขนุนไม่ได้พูดอะไร แต่ทิ้งตัวลงมาในอ้อมอกผมทันที  เราสองคนนั่งเงียบๆฟังเสียงลมหายใจผ่อนคลายของอีกฝ่ายอยู่ในความมืดอย่างมีความสุข...  ผมเพิ่งเคยรู้ว่า ลำพัง...แค่ได้กอดใครสักคนที่เรารักมากๆเอาไว้แนบกาย ก็ทำให้รู้สึกดีได้มากถึงขนาดนี้  เราสองคนนั่งอยู่ในท่านั้นพักใหญ่ๆ จนได้ยินเสียงพี่กานต์ตะโกนเรียกมาจากทางหน้าบ้านก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาถึง

“น็อต  คุณขนุน...........เอ อยู่รึเปล่าน้า?” พี่กานต์เปิดประตูเข้ามาพอดีแล้วยืนหยุดนิ่งๆอยู่ตรงนั้น คงจะกำลังปรับสายตาให้ชินกับความมืดของชั้นล่างบ้านผมอยู่ล่ะมั้ง แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย ผมเลยดันตัวขนุนให้ลุกยืนขึ้น ก่อนที่ผมจะอุ้มพี่ปลิงแล้วลุกยืนตาม

จากนั้นผมก็เดินจูงมือขนุนไปหยุดตรงมุมด้านหนึ่งของโซฟาที่พอจะมีแสงจากข้างนอกส่องเข้ามาอยู่บ้าง แล้วตอบขานพี่กานต์กลับไป “อยู่ฮะ อยู่ตรงโซฟานี่แหละฮะ”

พี่กานต์คงเห็นผมกับขนุนแล้ว เลยเดินเข้ามาใกล้ๆอย่างระมัดระวังพลางถามอย่างสงสัย “แล้วทำไมไม่เปิดไฟล่ะ มานั่งทำอะไรกันมืดๆเหรอ?”

ผมเลยตอบแกไปอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก “คือ เดี๋ยวเราก็ขึ้นข้างบนกันแล้ว น็อตเลยไม่อยากจะเปิดๆปิดๆไฟให้เปลืองน่ะฮะ แต่ช่างเรื่องไฟเถอะฮะ... เราขึ้นข้างบนกันเถอะฮะ ป่านนี้พี่ปีย์รอแย่แล้ว”  ผมปล่อยมือจากขนุนครู่หนึ่งแล้วเดินสวนพี่กานต์กลับไปหน้าบ้าน เพื่อล็อคประตูไม้หน้าบ้านลงและตรวจสอบประตูและหน้าต่างทุกบานอีกครั้ง

หลังจากปิดบ้านเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินจูงมือขนุน พร้อมกับอุ้มพี่ปลิงนำหน้าพี่กานต์ขึ้นไปยังชั้นสาม ก่อนจะไปหยุดยืนตรงหน้าประตูห้องพี่ปีย์ ผมบอกพี่กานต์เกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคืนแรกของพี่กานต์ที่นี่ แล้วก็ขอปลีกตัวออกมาทันทีโดยไม่ลืมลากหมาและเมียติดมือมาด้วย

0
 (นับถอยหลัง)


ทันทีที่ประตูห้องผมปิดลง ผมก็ปล่อยพี่ปลิงให้เป็นอิสระแล้วคว้าตัวของขนุนเข้ามากอดเอาไว้ แล้วไซ้ซอกคอเพื่อดมกลิ่นหอมกรุ่นทันทีแบบไม่คิดจะบอกกล่าว จนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ คนตัวเล็กกว่าพยายามส่งมือมาดันหัวผมออกจากตัวนั่นแหละ  “ฮื่ออออ...น็อตนี่ล่ะก็...อย่าเพิ่ง!! น็อตไปอาบน้ำก่อนดีกว่า กลับมาเหนื่อยๆ...อาบน้ำอาบท่าซักหน่อยจะได้ช่วยให้สบายตัวขึ้นยังไงล่ะ”

ผมจึงต้องจำใจเปลี่ยนมาเป็นกอดขนุนเอาไว้ มองอีกคนตาละห้อย แล้วส่งเสียงอ้อนเต็มสูบ “ง่าาาาาาาา ก็ได้ฮะ น็อตไปอาบน้ำก่อนก็ได้... ว่าแต่ ขนุนไม่มาอาบน้ำด้วยกันเหรอฮะ?”

ขนุนเม้มปากแน่น ก่อนจะพูดเสียงเรียบๆ “ไม่ล่ะ ขนุนเพิ่งอาบน้ำเสร็จก่อนจะเจอน็อตที่บ้านคุณกานต์ไม่นานนี้เองนะ อาบบ่อยๆ เดี๋ยวจะตัวเปื่อยไปซะก่อน” ไอ้ท่าทีนิ่งๆแบบนี้ แปลว่า...ต่อให้ผมจะเล่นบทงอแงให้ตายอย่างไร ก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจขนุนได้แน่นอน ซ้ำร้าย...ไอ้สิ่งที่ผมตั้งตารออยากทำด้วยใจจดจ่อ จะยิ่งถูกเลื่อนให้เริ่มต้นช้ากันไปใหญ่

ผมเลยยอมทำตามคำขอของเมียโดยดี เพื่อที่เราจะได้เริ่มเรื่องหลักของคืนนี้แบบจริงๆจังๆกันเสียที หลังจากที่ไอ้น็อตวิ่งผ่านน้ำเรียบร้อยแล้ว “เดี๋ยวน็อตมานะฮะ” ผมปล่อยขนุนออกจากอ้อมกอดแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ผมมีของสำคัญจะมอบให้กับขนุนในคืนวันนี้... คืนแรกของเราสองคน ผมเลยเดินกลับมาแล้วเปิดกระเป๋าตังค์เพื่อหยิบกระดาษสีขาวที่ถูกพับเอาไว้เป็นอย่างดีออกมา “...เกือบลืมไปเลยฮะ น็อตมีอะไรจะให้แหน่ะ...”
.
.
ผมยัดกระดาษต่อเนื่องบางๆที่พับเอาไว้แผ่นนั้นใส่มือขนุนที่แบออกมารับอย่างว่าง่าย พร้อมกับกำชับเจ้าตัวถึงกติกาเพียงข้อเดียวที่ใช้แลกของขวัญชิ้นนี้ของผม  “...เดี๋ยวค่อยเปิดอ่านนะฮะ รอให้น็อตเข้าไปอาบน้ำก่อน โอเคนะฮะ (ฟอดดด)” ผมก้มลงหอมแก้มขนุนที่ก้มมองกระดาษแผ่นนั้นในมืออย่างสนอกสนใจ

“อื้อ...” ทันทีที่ขนุนตอบรับคำขอของผม ผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างมีความสุข


1
 (เริ่มต้นใหม่)


เมื่อน็อตเดินคล้อยหลังไป ขนุนก็ค่อยๆคลี่กระดาษแผ่นที่ถูกกรีดและพับเอาไว้เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอย่างตั้งใจออกอ่าน ใจความของสิ่งแทนความจริงใจของน็อตขิ้นแรกนี้  จะว่าไปแล้ว...มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่ากระดาษบางๆ ที่มีน้ำหมึกสีดำพิมพ์เอาไว้ไม่กี่บรรทัด กับรอยตวัดปากกาสั้นๆ  ซึ่งน่าจะเป็นลายมือของเจ้าตัวที่เขียนข้อความทิ้งเอาไว้เพื่อให้คนอ่านได้รับรู้ถึงความจริงจังและจริงใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้

แต่สำหรับคนรับแล้ว... ทันทีที่ขนุนเข้าใจความหมายของตัวอักษรที่ถูกพิมพ์เอาไว้อย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับใจความของประโยคที่เขียนด้วยน้ำหมึกเพียงไม่กี่ตัวอักษร เขาก็ยิ้มกับตัวเองออกมาด้วยความดีใจ แฝงไปด้วยความรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก

ข้อความสั้นๆ บนกระดาษใบเล็กๆ กลายเป็นของขวัญชิ้นพิเศษสุด เพราะมันช่วยทำให้เขาสบายใจ และมั่นใจในความถูกต้องของการตัดสินใจของตัวเอง ที่จะสานต่อความสัมพันธ์กับผู้ชายมาดกวนๆเหลือรับประทานคนนี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น


และสิ่งที่น็อตตั้งใจมอบให้ขนุนนั้น  มีเนื้อหาดังนี้...






ผลการตรวจเลือด


ผู้เข้ารับการตรวจ: นาย นรธิป  พิมรรักษา
วันที่เข้ารับการตรวจ:  XX/YY/2014


Anti-HIV Screening Test:  NEGATIVE

จากวันนี้...เรามาเริ่มต้นนับหนึ่งไปพร้อมๆกันนะฮะขนุน ^_^




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




1 comment:

  1. ออนท็อปช่วยได้!? เอิ่ม! พี่จาจาคะแนะนำขนุนได้ดีจริงๆ 555555
    ขนุนจะเสียตัวแล้ววว หลังจากที่ยั่วยวน(?)น็อตมาเนิ่นนาน

    ReplyDelete