ออกตัวก่อนว่าตอนนี้สั้นหน่อยนะคะ
(เวลาเขียนฉากอย่างว่าทีไรเป็นต้องสั้นทุกที ไม่รู้ทำไม แหะ แหะ)
(เวลาเขียนฉากอย่างว่าทีไรเป็นต้องสั้นทุกที ไม่รู้ทำไม แหะ แหะ)
และขอแจ้งเอาไว้ล่วงหน้าว่า
เราตั้งใจให้ฉากร่วมรักของพี่หมีและบูบู้เป็นแบบนี้ค่ะ
ขอโทษด้วยหากใครลุ้นให้เนื้อหาแจ่มชัดและยาวนาน
เพราะมันไม่ใกล้เคียงเลย
(สำหรับเรา... ความรักของคู่นี้
ไม่หวือหวา ไม่วูบวาบ ออกจะเป็นความรักเรื่อย ๆ ยั่งยืน ๆ ค่ะ)
ส่วนตอนหน้า...
ไม่ต้องบอกเนอะว่าเป็นใคร อ่านตอนนี้จบแล้วค้างด้วยคู่ไหน ก็คู่นั้นแหละค่ะ ^^
ขอให้มีความสุขกับการเฉลิมฉลองส่งท้ายฯ
& ต้อนรับปีใหม่กันโดยถ้วนทั่วนะคะ
ไม่จน ไม่เจ็บ
ไม่จ๋อย ไม่เจ๊งค่ะ... รักคนอ่านทุก ๆ ท่านมากค่ะ!!
เจอกันปีหน้าฟ้าใหม่เลยนะคะ
(ดูเหมือนนานเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
The 03rd
Bonding
Two Become One... ผสานร่าง!!!
“... อ๊ะ!
พี่หมี!...” เสียงเรียกฟังตระหนกที่เพิ่งได้ยินทำเอาการเคลื่อนไหวของฝ่ามือหยุดชะงัก
ดวงตาคู่สวยละขึ้นมองใบหน้าซับสีแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์ดำฤษณาของคนรัก
ชายหนุ่มรูปงามโน้มตัวลงเพื่อพรมจูบพวงแก้มไล่ไปถึงริมฝีปากคู่ที่เขาลุ่มหลง
“เจ็บเหรอครับบูบู้?”
ธันวากระซิบถามลอดไรฟันระหว่างที่กลีบปากของทั้งสองคลอเคลียชิดใกล้ แววตาห่วงใยเหลือประมาณหาได้รบกวนความรู้สึกคนมองรุนแรงเท่าความทรมานถึงขีดสุดซึ่งฟ้องชัดอยู่ทั่วทุกอณูของใบหน้าหล่อเหลาชื้นเหงื่อที่ลอยห่างออกไปไม่ถึงคืบ
ทำไมบ๊วยจะไม่รู้ว่าอดีตเดือนมหาลัยกำลังรู้สึกปั่นป่วนเพียงใด ในเมื่อต่างฝ่ายต่างหยิบยื่นความขมขื่นอันหวานหอมนี้ให้แก่อีกคนด้วยความเต็มใจค่าที่โหยหากันและกันอย่างสาหัสตลอดสองวันที่ผ่านมา...
ชายกลางจึงค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจ ก่อนจะกล่อมร่างกายให้ยอมเปิดรับสัมผัสรุกล้ำแปลกปลอมที่เพิ่งเคยประสบอย่างช้า
ๆ
“....ฮื่อ.....
ไม่... ไม่เจ็บครับ..... ต่อเถอะ...” ขาดคำ หนุ่มสถาปัตย์ก็โน้มคอคนรักลงต่ำแล้วส่งปลายลิ้นไปเลาะเล็มละเลียดเลียกลีบเนื้อนุ่มสีแดงสดทั้งสองเพื่อช่วยให้ความรู้สึกประหลาดระคนหวาดหวั่นปลาสนาการไปในชั่วพริบตา
อีกฝ่ายจึงตอบสนองด้วยการป้อนรสจูบร้อนแรงรุกเร้าเสียจนร่างผอมอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งลนไฟอย่างไม่คิดเลิกรา
ส่วนนิ้วทั้งสามซึ่งรู้งานเป็นเลิศก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนคว้านสร้างความคุ้นเคยและหวามไหวให้กับส่วนเร้นลึกอ่อนนุ่มอย่างทนุถนอมทว่าสม่ำเสมอ
แม้เสียงครางหวานในลำคอที่ดังสอดรับกับร่างกายเปลือยเปล่าในอ้อมกอดซึ่งส่ายไหวไปมาคล้ายกำลังระบำรำฟ้อนจะทำให้ใบหน้าหล่อไร้ที่ติแย้มยิ้มด้วยความแช่มชื่นใจ
ทว่าท่วงท่าสุดเย้ายวนของคนรักซึ่งปรากฏอย่างเด่นชัดอยู่ในคลองจักษุกลับส่งความรู้สึกปวดหนึบเกินทนไหวให้แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์
ทันทีที่ตระหนักถึงขีดสุดของตัวเอง อริยะตรัยผู้น้องจึงปล่อยริมฝีปากที่เริ่มจะเจ่อนิด
ๆ ของแฟนตัวน้อยให้เป็นอิสระเพื่อเกริ่นนำ... ถาม และขอความเห็นชอบจากอีกฝ่ายอย่างไม่รั้งรอ
“บูบู้ไม่ต้องกลัวนะ...
เค้าอยู่นี่ เค้าสัญญา เค้าจะไม่ทำให้บูบู้เจ็บ” พอเห็นคนตัวอ่อนตาเชื่อมปรือปรอยพยักหน้าน้อย
ๆ แทนคำตอบรับ เก็กก็กระซิบคีย์เวิร์ดสำคัญพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนทันที “เค้าขอนะ”
“...ฮ่าห์....
คะ..ครับ....” ความรู้สึกเปลือยเปล่าโล่งโล้นกับเสียงถอดถอนน่าอับอายทำบ๊วยเขินจนต้องรีบเสหลบตาอดีตเดือนมหาลัยอย่างไม่คิดชีวิต แต่แล้ว... ดวงตาเจ้ากรรมกลับซุกซนเลื่อนไปจับจ้องจุดยุทธศาสตร์ของทั้งตัวเองและแฟนหนุ่มเข้าอย่างจังแถมยังไม่ยอมละไปไหน
ภาพล่อแหลมดังกล่าวเลยยิ่งส่งเสริมให้ชายหนุ่มร่างผอมเขินอายจนหน้าร้อนจวนระเบิด
สัมผัสแข็งขืนดุนดันที่มาพร้อมกับความลื่นเย็นนำพาความตื่นเต้นและความหวาดหวั่นมาทักทายหนุ่มสถาปัตย์ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ทั้งสองจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง
ช่วยไม่ได้หากนั่นจะทำให้ชายกลางหลับตาปี๋พลางนับถอยหลังด้วยใจระทึก...
การไม่เห็น คงช่วยให้ไม่เจ็บเท่ากับถ่างตามองดูความใหญ่โตมโหฬารของอีกฝ่ายค่อย ๆ คืบคลานเข้ามารุกรานร่างกายของเขาแน่
ๆ
จนแล้วจนรอด...
ทั้งที่ความปรารถนาของคนรักยังปักหลักอยู่ตรงหลังบ้านของเขาไม่ได้หนีไปไหนด้วยซ้ำ...
ทว่าความรู้สึกเจ็บปวดคล้ายร่างแหลกสลายกลายเป็นเสี่ยงกลับไม่มีทีท่าว่าจะมาเยี่ยมเยือนเรือนกายของเขาเสียที
หรือจริง ๆ
แล้ว ครั้งแรกมันจะไม่เจ็บอย่างที่คนอื่นแชร์กันว่อนในเน็ท?!
“...ฮืมมมมมมมมมมมมม!...” เสียงแหบต่ำครางยาวด้วยความสุขสมในลำคอของอดีตเดือนมหาลัยตามติดด้วยแรงสั่นสะเทือนหลังการกระตุกอย่างมีจังหวะจะโคน
กอปรกับความรู้สึกอุ่นร้อนเปียกปอนเปรอะเปื้อนที่ราดรดลงบนผิวกายรอบ ๆ ส่วนอ่อนไหวก็ปลุกความสงสัยจนชายกลางค่อย
ๆ หยีตามองยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง...
นั่นไม่ใช่...
หรือใช่นะ?!
เข้มข้นระคนอุ่นเสียขนาดนั้น
คงจะเป็นกาวลาเท็กซ์ไปไม่ได้หรอก!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เพียงชั่วพริบตาหลังจากที่อะไรต่อมิอะไรกระจ่างแจ้งแก่ใจสองหนุ่ม...
บรรยากาศหวานชื่นระคนหื่นกระหายกลายกลับเป็นหนาวเหน็บอ้างว้างดั่งมีฝูงกาบินผ่านหน้าส่งเสียงร้องเย้ยหยันดัง ‘ก้า ก้า ก้า’ ใส่ทั้งคู่
จนหนุ่มรูปงามไม่อาจทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ตีหน้าแบ๊วได้อย่างที่ใจคิด...
ตายห่า! ทั้งที่เป็นตัวตั้งตัวตีเร่งรัดมัดมือชกจัดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์กันตั้งแต่คืนแรกที่ปรับความเข้าใจกับอีกฝ่ายได้
แต่ยังไม่ทันจะได้ถล่มประตูเมืองให้เสร็จสมอารมณ์หมาย
แม่ทัพใหญ่ผู้จ้องจะพรากอธิปไตยลูกชายแม่บัวกลับถูกม้าศึกดีดตกจากหลัง สมองไหลตายอย่างน่าอนาถ
แถมหลักฐานยังแจ่มชัดจัดเต็มสี่ตาจนถ้าแถว่าของเหลวปริมาณท่วมตลาดสะพานใหม่ได้ถึงข้อเท้านี่หลั่งลงมาจากฟากฟ้าแล้วอีกฝ่ายคงได้ประนามเขาว่าตอแหลไม่มีใครเกิน...
ถ้าแกล้งตายตอนนี้
ตื่นมาอีกทีมันจะวาร์ปข้ามไปเป็นปีหน้าเลยหรือเปล่า?!
หรือถ้าแอบเอาหน้ากดลงกับหมอนให้ขาดอากาศหายใจตายมันดื้อ
ๆ เลยจะดีไหมวะ?!!!
“...เอ่อ...
แหะ แหะ....” อริยะตรัยผู้น้องหัวเราะแห้ง ๆ ด้วยความอับอายฉิบหายวายวอด สองตามองหน้าคนรักสลับกับเหลือบแลอวัยวะคู่กายที่ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมหลังจากฉีกหน้าตัวพ่อเสียป่นปี้
พนันได้เลยว่าโลกนี้แม่งต้องไม่มีใครตื่นเต้นเพราะเซ็กส์จนล่มปากอ่าวได้เร็วเท่าเขาแน่
ๆ !
“คืนนี้เปลี่ยนเป็นนอนกอดกันไปก่อนดีไหมครับ?
ไหนพี่หมีว่าพี่หมีอยากนอนกอดเค้าไง?...
.
...นอนกันเถอะนะ...
เค้าเริ่มจะง่วงนิด ๆ แล้วด้วยน่ะครับ” ท่าทางกระอึกกระอักพิพักพิพ่วนของหนุ่มรูปงามทำให้เด็กสถาปัตย์นึกเห็นใจจนต้องรีบพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ...
ลองว่าอีกฝ่ายร่ำ ๆ อยากจะ ‘ทำ’ กับเขาตั้งแต่ก่อนพวกเขาจะถอนพรของเจ้าพ่อไทรทอง เหตุการณ์พังพินาศทางเทคนิคเมื่อสักครู่คงเล่นงานสุดหล่อจนหมดกำลังใจไปแล้วแน่
ๆ
ฝ่ายธันวาที่เห็นแฟนตัวน้อยขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบทจากพร้อมรับเป็นนอนราบแบบฉับพลัน
หนำซ้ำยังคว้าผ้าผวยมาปกปิดร่างกายสนับสนุนคำพูดชักชวนเมื่อครู่
อดีตเดือนมหาลัยก็ยิ่งเดือดเนื้อร้อนใจจนอยู่เฉยไม่ได้
“ไม่เอา
ไม่นอน... บูบู้หลับตาก่อน ขอเวลาเค้าเดี๋ยวเดียว เชื่อสิ... เดี๋ยวก็ต่อได้แล้วล่ะ”
“...แต่...” เด็กเต็กขัดขึ้นพลางเหลือบส่องท่อนล่างของอีกฝ่ายอย่างว่องไว
ซึ่งธันวาน้อยในสภาพยืนคู้ตัวสำนึกผิดกดหัวชิดซิกแพ็คก็สั่งให้บ๊วยพูดรักษาหน้าคนรักโดยไม่ละล้าละลัง
“...เอ่อ... ขอเวลาเค้าทำใจอีกคืนนึงไม่ได้เหรอ?”
“ยิ่งบูบู้พูดอย่างนี้
เค้ายิ่งต้องรีบทำเลย!”
จากประสบการณ์ชีช้ำหลังต้องกินแห้วซ้ำซาก อริยะตรัยผู้น้องจึงอาศัยจังหวะที่แฟนหนุ่มเหลือบตามองบนทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เปิดโอกาสให้แก้ตัว
ลงมือแหย่มังกรร้ายที่หลับไหลรัว ๆ
โดยหวังให้มันฟื้นคืนชีพกลับมาอาละวาดได้อีกครั้งอย่างอหังการ
“มา! พี่หมีตื่นแล้ววววว! มาแล้วครับ!... รับรองว่าคราวนี้มีเฮแน่นอน!!” พอรู้สึกเคลิ้ม ๆ ปากก็เริ่มจะอวดอ้างสรรพคุณไม่หยุดหย่อนเพราะกลัวแฟนตัวน้อยจะถอนตัวยิ่งกว่าอะไร
กระนั้น ความหื่นที่ไหลขึ้นสมองก็ทำให้ธันวาหลงลืมไปชั่วคราวว่า
ที่ผ่านมา... นิ้วทั้งห้าและฝ่ามือของตนไม่เคยทำให้ความปรารถนาสำเร็จผลได้เลยสักครั้ง...
และดูท่าว่าร่างกายจะยังชินกับฟังก์ชั่นพิเศษตลอดเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่หายเสียด้วยสิ
“...เอ่อ...” แม้นี่จะเป็นประสบการณ์สิบแปดบวกครั้งแรก
ทว่าบ๊วยกลับต้องส่งเสียงขัดขึ้นเพราะพวงเครื่องปรุงที่คนรักภูมิใจนำเสนอดูจะยังไม่พรั่งพร้อมสักเท่าไร
สายตากึ่งประเมินกึ่งปรามาสของชายกลางทำให้หนุ่มวิศวะรูปงามต้องร้องห้ามคนรักออกมาทันที
“ขอเวลาเค้าเดี๋ยวเดียว! คือจริง
ๆ ตอนแรกมันปึ๋งปั๋งมากเลยนะ แต่เมื่อกี๊เค้าฟินเกินไปไง ตอนนี้เค้าเลยควบคุมมันไม่ได้”
ยิ่งพูด เก็กก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังแก้ตัวอย่างน่าสมเพช แต่ความ ‘เสื่อมฯ’ ที่เกิดขึ้นหน้างานกลับช่างดื้อด้านเกินรับมือเสียเหลือเกิน
“โธ่
บูบู้อย่าเพิ่งทำหน้าง่วงสิครับ! อย่าเพิ่งนอนเลยนะ นะบูบู้นะ!!... ทำไมต้องมาหมดแม็กเอาตอนนี้ด้วยวะ?!!” หางเสียงคล้ายจะบ่นกับอวัยวะสุดอินดี้ที่ถึงจะบดขยี้ด้วยปลายนิ้วหนักมือแค่ไหน
บ้องข้าวหลามที่เขาเคยภูมิใจก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับตัวเขาเลยสักนิด
“งั้นเราเปลี่ยนบรรยากาศมานอนคุยกันสักพักดีไหมครับพี่หมี?...
ขอเวลาให้เค้าทำใจเพิ่มอีกนิดนึงแล้วกันครับ”หนุ่มสถาปัตย์ตะแคงร่างขยับขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้น
แล้วตบที่ว่างข้าง ๆ ตนชักชวนร่างสูงใหญ่ที่คร่อมเหนือตัวย้ายมานอนคุยกันตามคำเชิญที่ตนเพิ่งเอื้อนเอ่ย...
เท่าที่เดา ความเครียดที่เกิดจากอาการเสียหน้าบวกกับการกดดันตัวเองจนเกินไป
คือสาเหตุที่ทำให้ ‘อะไร ๆ ’ ไม่เป็นใจกับผู้ใช้งานจนต้องหน้าม้านซ้ำสอง ชายกลางจึงช่วยซื้อเวลาเพื่อเกลื่อนความรู้สึกประดักประเดิดให้ลดน้อยลง
“อืม...
ก็ดีเหมือนกัน เมื่อกี๊เหมือนมันเกร็งๆยังไงก็ไม่รู้เนอะ” แค่เด็กเต็กไม่ตัดรอนด้วยการชิงนอนหลับไปก่อนแถมยังไม่รื้อฟื้นถึงเหตุน่าสลด
ธันวาก็สามารถลดตัวลงนอนสู้หน้ากับอีกฝ่ายได้อย่างโล่งอก
“แล้วบูบู้อยากคุยเรื่องอะไรล่ะ?”
.
.
.
.
.
.
“เค้าอยากรู้ว่าพี่หมีรู้ตัวว่าเริ่มรักเค้าตั้งแต่เมื่อไรครับ?”
หลังจากนิ่งนึกตรึกตรองอยู่นานหลายนาที
บ๊วยก็ยอมเปรยคำถามคาใจออกมาให้แฟนหนุ่มช่วยไขให้กระจ่าง...
ที่กล้าจำเพาะเจาะจงถามตรง
ๆ อย่างนี้ เป็นเพราะชายกลางแน่ใจแล้วว่า คำขอต่อเจ้าพ่อห่อไหล่ของตน กับพรจากเจ้าพ่อไทรทองของกังฟูไม่มีผลต่อความรู้สึกของอดีตเดือนมหาลัยหลังจากทั้งสองผ่านสองวันอันโหดร้าย
และหัวค่ำแห่งการปรับความเข้าใจไปหมาด ๆ อย่างแน่นอน
“พอดีเลย...
เค้าก็ว่าจะถามบูบู้อยู่เหมือนกัน ถ้างั้นบูบู้ตอบเค้าก่อนดีไหม” เก็กยิ้มมุมปากทำไก๋พลางส่งสายตาเจ้าชู้ก่อนจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสอย่างน่าหมั่นไส้
“นะครับ นะ...น้า ปลอบใจเค้าไง... นะนะ ถือว่าเห็นใจคนที่เพิ่งเฟลมาหมาด ๆ เถอะนะครับ”
คนฉวยโอกาสพาดแขนกวาดร่างผอมเข้าแนบเนา ก่อนจะล้วงมือลงใต้ผ้าห่มผืนบางแล้วลูบไล้แผ่นหลังเปล่าเปลือยเบา
ๆ อย่างเพลิดเพลิน ผัสสะต่อเนื่องเพียงผะแผ่วที่ก่อกวนระบบความคิดของบ๊วยเสียวุ่นวายทำให้อริยะตรัยผู้น้องได้ในสิ่งที่ต้องการแม้จะเป็นการโกงแบบซึ่ง
ๆ หน้าก็ตามที
“ก็ได้ครับ”
“บูบู้น่ารักที่สุดเลย!” ปะเหลาะพอเป็นพิธีแล้วจึงยื่นหน้าไปกดจมูกสูดดมกลิ่นแป้งเด็กอ่อน
ๆ บนผิวแก้มของชายกลางอย่างเต็มรักจนคนตั้งใจตอบคำถามต้องยันแผ่นอกของอดีตเดือนมหาลัยให้ผละห่างเพื่อตั้งคำถามเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่หมีจำได้ไหมว่าตอนมอปลายเราเคยคุยกันครั้งนึง?”
“หึ!
เค้ารู้แต่ว่าเราเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน
แต่เค้าไม่ยักกะจำได้ว่าก่อนหน้านี้เราเคยเจอกันมาก่อน” คนพูดสะบัดหน้าแรงเสียจนผมตกลงมาปรกหน้าเป๋ไม่เป็นทรง
เพราะเท่าที่ลองนึกภาพตาม เก็กจำไม่ได้เลยว่า ช่วงปลายของชีวิตนักเรียนกินนอนของตน
มีนายบวรพลเป็นส่วนหนึ่งในนั้น
แต่ทันทีที่ประโยคดังกล่าวหลุดออกจากปากไป
เก็กก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่า บางครั้ง... การพูดความจริง ก็ใช่จะเป็นผลดีกับชีวิตคู่สักเท่าไร
โดยเฉพาะกับแฟนตัวน้อยผู้ที่มีระดับความมั่นใจน้อยกว่าคนทั่วไปอยู่หลายเท่าตัวคนนี้
“บูบู้ฟังแล้วห้ามน้อยใจนะครับ ตอนนั้นเค้าใส ๆ
ถึงได้เห็นจอมมารยาสาไถยกลายเป็นดอกบัวได้ไงก็ไม่รู้” เด็กวิศวะรีบออกตัวพลางกระชับวงแขนที่พาดเหนือลำตัวของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น
“เค้าไม่คิดมากหรอก
เรื่องมันผ่านมานานแล้ว... หึ หึ หึ... อย่าทำหน้าหงิกแบบนั้นสิครับพี่หมี” สีหน้าหวาดหวั่นของคนหล่อจัดเรียกเสียงหัวเราะของคนโดนกอดได้เป็นอย่างดี
มือเซียวเอื้อมไปเกลี่ยผมที่บดบังสายตาคนรักออกแล้วเลื่อนลงลูบสันกรามอีกฝ่ายไปมาอย่างหลงใหล
“จริงนะ?
/ ฮื่อ” ธันวายื่นหน้าไล่กดจูบฝ่ามือเรียวเป็นพัลวันแทนการให้รางวัลกับคำตอบที่ฟังแล้วชื่นใจจนชายกลางหัวเราะคิก
“แล้วที่บอกว่าเราเคยเจอกัน
สรุปเราเจอกันตอนไหน ยังไงเหรอบูบู้?”
“พี่หมีเคยช่วยเค้าไว้ครั้งนึงครับ”
อริยะตรัยผู้น้องที่กำลังเมามันกับการแจกจุ๊บไปทั่วฝ่ามือบ๊วยถึงกับหยุดพักการละเล่นลงชั่วคราว
ชายหนุ่มเลิกคิ้วพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนรัก
“หือ?! ถามจริง?”
“จริงสิครับ...
...วันที่เราคุยกัน
คือ วันที่มอห้าวันสอบวันสุดท้าย พอสอบเสร็จเค้าก็รีบขนของลงมารอพ่อมารับกลับบ้าน...
...แต่ตอนที่กำลังลากกระเป๋าผ่านสนามบาส เด็กมอต้นที่เดินสวนกันอยู่ก็โบกไม้โบกมือแล้วส่งเสียงโวยวายใส่หน้าเค้าจนต้องหันไปมองตาม
รู้อีกทีลูกบาสก็พุ่งเข้าหน้าเสียแล้ว”
ฟังถึงตรงนี้
ภาพของเย็นวันนั้นก็ค่อย ๆ ย้อนกลับมาฉายในหัวของธันวาอีกครั้ง...
ที่อดีตเดือนมหาลัยรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับเรื่องเล่าของอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เพราะไม่บ่อยนักที่เซ็นเตอร์ขาประจำอย่างเขาจะต้องทิ้งพื้นที่ในเส้นสามคะแนนออกมาเก็บบอลด้วยตัวเอง
“อย่าบอกนะว่าบูบู้คือคนที่เค้ากระแทกล้มตอนเค้าวิ่งไปเก็บลูกบาส?”
“ครับ”
ทันทีที่บ๊วยพยักหน้ารับคำ เก็กก็สละร่างผึ่งหงายคล้ายคนหมดแรง ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดด้วยน้ำเสียงผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“โห่! ไม่เห็นจะเหมือนพระเอกนิยายตรงไหนเลย
เค้าหลงคิดว่าบูบู้จะตกหลุมหลงรักเค้าเพราะแอบเห็นตอนเค้าทำความดีในที่ลับตาคนเสียอีก
ดูดิ๊... นอกจากจะไม่เท่ห์แล้ว ยังชนบูบู้ล้มทำของหล่นกระจายอีกต่างหาก”
“แต่แค่เซล้มกับโดนลูกบากกระแทกหน้านี่เจ็บต่างกันเยอะเลยนะครับ”
ชายกลางขัดขึ้นเพราะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของคนรัก “สำหรับพี่หมี... การวิ่งตามมาคว้าลูกบาสที่หลุดออกนอกสนามคงเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องเล็กน้อยไม่น่าจดจำ...
.
.
...แต่สำหรับเค้า
แผ่นหลังของคนใจดีที่อุตส่าห์วิ่งมาช่วยเค้า ทำให้เค้าเริ่มมองตามพี่หมีไปทุก ๆ ที่นับตั้งแต่วันนั้นเลยนะครับ”
“หืม...
จริงดิ?” สุดหล่อดีกรีเดือนมหาลัยถามพลางพลิกตัวนอนตะแคงกอดคนรักแน่นยิ่งกว่าเดิม
ฝ่ายเด็กเต็กก็กดหน้าชิดอกเร็ว ๆ แล้วจึงเสริมรายละเอียดอย่างเปิดอกด้วยน้ำเสียงแบ่งรับแบ่งสู้
“ถ้าเค้าบอกว่า
ที่เค้าเลือกมาเรียนที่นี่เพราะแอบได้ยินอาจารย์ห้องแนะแนวคุยกันเรื่องมหาวิทยาลัยที่พี่หมีจะเลือกโดยบังเอิญ
พี่หมีจะหาว่าเค้าเป็นพวกโรคจิตที่คอยตามพี่หมีเป็นเงารึเปล่าครับ?” บ๊วยยู่หน้าหลังจากสารภาพความผิดของตัวเองแบบหมดเปลือกต่อหน้าต่อตาคนรัก
เพราะหากมองมุมกลับในฐานะของคนถูกติดตามอย่างธันวา... สิ่งที่เขาเป็นก็ฟังดูน่ากลัวอยู่ไม่น้อย
ทว่านั่นกลับนำพารอยยิ้มกว้างมาประดับลงบนใบหน้าน่ามองของอริยะตรัยคนน้องได้อย่างง่ายดาย...
ความรักใคร่ก็แบบนี้...
มันเล่นตลกกับใจคนอยู่เสมอ
ลองว่าถ้าเป็นคนแปลกหน้าเดินมาพูดประโยคเดียวกันนี้กับหนุ่มวิศวะ
ผลลัพธ์อาจจะไม่สวยงามดั่งที่เป็นอยู่นี่ก็ได้
ดีไม่ดี...
คำเรียกที่เจ็บแสบยิ่งกว่า ‘โรคจิต’ อาจจะถูกชายหนุ่มนำมาใช้สาปส่งชายโชคร้ายคนนั้นไปแล้ว
“หึ! ไม่เลย! ถ้าบูบู้ไม่ตามเค้ามาที่นี่แล้วเราจะรักกันยังไงล่ะครับ? จริงไหม?” ร่างหนากว่าปล้นหอมปล้นจูบแฟนตัวน้อยของตนเป็นการใหญ่จนอีกฝ่ายต้องยกฝ่ามือขึ้นรับสัมผัสจากริมฝีปากพร้อมประท้วง
“ฮื่อ... พี่หมี อย่าเพิ่งสิครับ
ถึงตาพี่หมีแล้ว พี่หมีตอบเค้าก่อนว่าพี่หมีเริ่มรักเค้าตอนไหน?”
.
.
.
.
.
.
“ถ้าให้เค้าฟันธง
เค้าคงทำไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าให้บอกว่าเหตุการณ์ไหนที่ทำให้เค้าเริ่มประทับใจและรู้สึกดีกับบูบู้...
ก็น่าจะเป็นตอนที่บูบู้ปะทะคารมกับเฮียฟูบนชิงช้าสวรรค์วันที่เราไปออกเดทกันครั้งแรกยังไงล่ะ”
เป็นเพราะสิ่งที่เพิ่งได้ยินอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปเยอะมาก
หนุ่มสถาปัตย์จึงกระชับฝ่ามือที่ตนใช้กั้นกลีบปากรูปกระจับสุดยุกยิกของแฟนหนุ่มเอาไว้แน่นด้วยไม่อยากไขว้เขวเพราะสัมผัสน่าจั๊กจี้ไปเสียก่อน
“จริงเหรอครับพี่หมี?!”
“อื้อ! จริงสิ เกิดมาจนป่านนี้
ไม่เคยมีใครออกหน้าปะทะกับเฮียเพื่อให้ได้คบกับเค้ามาก่อนเลยนะ”
คำอธิบายของอริยะตรัยคนน้องสร้างความฉงนให้แก่เด็กเต็กร่างผอมไม่น้อย
“แต่เท่าที่เค้าเห็น
ตอนนี้คุณอิ๊กก็ดูไม่กลัวเฮียสักเท่าไรเลยนี่ครับ”
“คนกล้าต่อสู้เพื่อความรัก
กับ คนเสียสติเพราะโดนเฮียด่าล้างโคตรมันต่างกันนะครับบูบู้ ฮอบบิทนี่เป็นอย่างหลังแบบไม่ต้องสงสัยเลยแหละ”
เก็กขมวดคิ้วฉับเมื่อฉุกคิดอะไรได้ มือใหญ่ประคองใบหน้าของแฟนหนุ่มเอาไว้เพื่อให้ไม่อาจหลบสายตากันได้
“เดี๋ยวนะ... ที่เปรียบเทียบกับฮอบบิทนี่แอบคิดมากอะไรอยู่หรือเปล่า?”
“...เปล่า
เปล่าสักหน่อยครับพี่หมี...”
“น้อยใจ?
/ หึ!!!” บ๊วยส่ายหัวดิกพลางส่งสายตาใสซื่อไปยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ทว่าธันวากลับยังไม่คลายใจ
“คิดมาก?
/ เปล่าครับ!”
“จิตตก? / เค้าไม่ได้จิตตกจริงๆนะครับ!!!”
“เค้าไม่เชื่อ!
สงสัยงานนี้คงต้องถึงมือของเครื่องจับเท็จเสียแล้ว! /พี่หมี?! พี่หมีจะทำอะไรครับ?!!” ไม่ทันขาดคำ ร่างสูงสมส่วนก็พลิกตัวลงคร่อมหนุ่มสถาปัตย์จนหลังจมฟูกนอนอีกครั้ง
จากนั้นสองมือของคนตัวเล็กกว่าก็ถูกรวบสูงเหนือหัว เพื่อให้มือหนาอีกข้างหนึ่งเลื่อนลงไปจื้เนื้ออ่อนตรงเอวได้อย่างสะดวก...
ที่เคยเข้าใจว่าวิธีหยอกเอินทั่ว
ๆ ไปที่พบได้ในนิยายหลาย ๆ เรื่องจะได้ผลกับแฟนตัวน้อย
เอาเข้าจริง...
นอกจากร่างผอมจะไม่รู้สึกรู้สา หน้าเขาสิที่แหกจนไม่เหลือชิ้นดีเสียเอง...
แม่ง! นี่มันวันอะไรวะ ทำห่าอะไรก็ไม่เห็นจะได้ดั่งใจสักอย่าง?!
“...บูบู้...
ใจคอบูบู้จะไม่บ้าจี้ให้เค้าสมหวังหน่อยเหรอครับ?” สีหน้าผิดหวังจนบอกบุญไม่รับของสุดหล่อทำเอาบ๊วยขำอย่างทุกข์ทรมานเกินทน...
แม้จะอยากหัวเราะให้กับความเปิ่นของคนรักสักแค่ไหน
ทว่าความเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายกลับมีมากกว่า
เด็กสถาปัตย์จึงพยายามปั้นหน้าให้นิ่งที่สุด
ก่อนจะต้องก้มหน้างุดแล้วยกมือขึ้นอุดปากเพื่อกั้นเสียงขบขันด้วยไม่อาจสะกดกลั้นความรู้สึกขบขันได้อีกต่อไป
“โห่! บูบู้อ่ะ ไม่หนุกเลย!! เค้างอนแล้ว!!” คนเสียฟอร์มผุดลุกขึ้นนั่งหันหลังก็อปท่าตาลุงห่อเหี่ยวใสชายกลางในชั่วพริบตา
“พี่หมีงอนจริงๆเหรอครับ?”
พอเห็นท่าไม่ดี หนุ่มร่างผอมก็รีบตามง้อทว่าคู่กรณีกลับถัดก้นหนีไปอีกด้าน “พี่หมี...
เค้าขอโทษ!!”
ชายกลางโถมตัวเข้ากอดแผ่นหลังแล้วพักใบหน้าลงเหนือบ่าคนรักก่อนจะทอดเสียงเอ่ย “เค้าขอโทษที่เค้าไม่บ้าจี้...
เมื่อกี๊เค้าแค่สงสัยก็เลยถามขึ้นมาเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไรเรื่องคุณอิ๊กเลยจริง
ๆ ”
.
.
.
.
.
.
.
.
“จูบหน่อย”
ถึงจะตีหน้านิ่ง ทว่าแววตาของอดีตเดือนมหาลัยกลับลุกวาวและดูซุกซนเหมือนเด็ก ๆ
“หืมมมม?! / ถ้าอยากให้หายงอนต้องจูบเค้าก่อน” ธันวารวบรัดขึงขัง
ฝั่งบ๊วยเลือกจะไม่ตอบโต้ด้วยถ้อยคำ ทว่าร่างผอมกลับเอี้ยวตัวแล้วยื่นหน้าไปจูบอีกฝ่ายเบา
ๆ ตามคำขอ แต่ยังไม่ทันที่เด็กสถาปัตย์จะถอนริมฝีปากผละจาก
คนโลภมากก็รวบเอวบาง ดึงเอาร่างผอมมานั่งบนหน้าตักของตัวเองเข้าจนได้
“เค้ายังไม่ได้บอกอีกอย่าง
เค้ารักรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของบูบู้มากเลยครับ ถ้าไม่เชื่อ... บูบู้ลองถามพี่หมีผงาดข้างล่างดูสิ”
น้ำเสียงกระเส่าที่กระซิบข้างหูไม่ได้ทำให้คนฟังตกใจจนเบิกตาโพลงได้เท่ากับความเข้มแข็งร้อนแรงตามแบบฉบับผู้ชายที่แนบกับบั้นท้ายของตัวเองอยู่ในขณะนี้
“เรามาต่อกันเถอะครับบูบู้...
เค้าอยากเป็นของบูบู้จนแทบจะขาดใจแล้วเนี่ย” พอพาดหัวข่าวแจ้งความประสงค์ของตัวเองให้แฟนตัวน้อยได้รับฟังเสร็จสรรพ อริยะตรัยผู้น้องก็สวมวิญญาณนักล่าลงสนามรักอีกครั้ง
ร่างผอมถูกจัดวางลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวลเพื่อให้เขาดอมดมกลิ่นกายเคล้าแป้งเด็กสุดรัญจวนของอีกฝ่ายได้จนสมใจ
หนุ่มรูปงามค่อย ๆ ลิ้มรสผิวกายถ้วนทุกอณูของคนใต้ร่างผ่านชิวหาและนาสิกอย่างเชื่องช้าคล้ายยอดพยัคฆ์กำลังเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับเนื้อทรายวัยกำดัดก็ไม่ปาน
เสียงครางเครือไม่ขาดช่วงที่เล็ดรอดออกจากริมฝีปากที่ถูกเจ้าของกัดเม้มเสียจมเขี้ยวเสริมส่งให้ธันวายิ่งครึ้มอกครึ้มใจจนรีบฉวยโอกาสส่งปลายกรเข้าล่วงล้ำสัมผัสความอบอุ่นโอบล้อมภายในเรือนกายของชายกลางอีกครั้งอย่างเบามือ
ก่อนจะสื่อความนัยอันเป็นใจความสำคัญสูงสุดผ่านแววตาเว้าวอนเพื่อขอให้คนรักยอมฝากทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ที่เขาโดยสมบูรณ์...
ทั้งหัวใจ และร่างกาย
ที่สุดแล้ว
บ๊วยก็ได้เรียนรู้ว่า สำหรับเขา... ความปรารถนาในเพศรสมีราคาที่ต้องจ่ายอยู่ไม่น้อย
ทว่าปลายทางที่รอคอยพวกเขาทั้งคู่ กลับดูสวยงาม หอมหวาน และเย้ายวนเสียจนอยากจะลิ้มลองอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โดยเฉพาะแววตาที่อีกฝ่ายทอดมองมายังเขาตลอดเวลาของการหลอมรวมเป็นหนึ่ง...
สายตาซึ่งกู่ร้องพร่ำบอกคำรัก
แถมยังเฝ้าตอกย้ำความรู้สึกสิเน่หาอย่างลึกซึ้งที่หนุ่มรูปงามมีให้แก่ตัวเขาแต่เพียงผู้เดียว
สายตาที่หยุดได้แม้กระทั่งเวลา...
ทำให้ชั่วขณะแห่งความสุขสมใจยามอยู่ในวงแขนแกร่งกลายเป็นนิรันดร์
สายตาที่เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายโดยพลัน...
ทำให้คนไม่มั่นใจรับรู้ว่า เขาคือคนสำคัญที่ธันวาหวงแหนอย่างแท้จริง
พอหัวโล่ง
ตัวเบา พวกเขาก็ส่งยิ้มเขิน ๆ ให้กันและกันเหมือนจะบอกว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธี ทว่าหลังจากนั้นไม่ถึงเสี้ยววินาที
ร่างผอมที่นอนผ่อนลมหายใจคร่อมอยู่เหนือร่างสูงใหญ่ของอดีตเดือนมหาลัยกลับต้องส่งเสียงอุทธรณ์ดังลั่น
“หืม...พี่หมี
อีกแล้วเหรอครับ?!!”
“ก็เมื่อกี๊บูบู้ยิ้มอ่ะครับ...
ขอเค้าอีกรอบนะ” อริยะตรัยผู้น้องยิ้มเผล่ให้กับแฟนตัวน้อยที่เลื่อนขั้นเป็นภรรยาทางพฤตินัยไปหมาด
ๆ พลางประคองร่างหนุ่มสถาปัตย์ให้เปลี่ยนท่าเป็นนั่งคร่อมหลอมร่าง ก่อนจะตั้งโต๊ะเลาะเล็มเนื้อหวาน
ๆ ของเนื้อทรายตัวโปรดอีกคำรบโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของชายกลางเลยสักนิด
“ฮื่อออออออ
พี่หมี!!!”
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
“ฌอน...
ฌอนต้องห้ามเก็กดุแตกนะ เดี๋ยวอิ๊กจะเชิญองค์คุณแม่นก สินจัยมาสิงเอง” อดีตเดือนบริหารกำชับกับแฟนหนุ่มหลังจากทั้งสองตะกายบันไดขึ้นมาถึงชั้นสี่ของหอพักในอันเป็นนิวาสถานที่อคิราอาศัยร่วมกับเมทร่างบึ้กเมื่อไม่กี่อึดใจก่อน
“เลอะเทอะ!” สิ้นคำ มือใหญ่ก็เอื้อมไปมอบมะเหงกให้คนตัวเล็กกว่าหนึ่งดอก
“เดี๋ยวเถอะ!
เดี๋ยวคืนนี้ก็ไม่ได้ทดลองขับขี่เครื่องยนต์ชั้นดีอย่างอิ๊กหรอก!” อิ๊กขู่ฟ่อพลางลูบเหม่งตัวเองป้อย ๆ ด้วยความขัดใจ
ทว่าหนุ่มสถาปัตย์กลับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“หึ หึ หึ...
ต่อให้อิ๊กแกล้งเล่นบทดราม่าอ้อนวอนขอชีวิต ยังไงคืนนี้ฌอนก็ไม่ปล่อยอิ๊กไปแน่ๆ” เจ้าของประโยคยักคิ้วหลิ่วตาพลางยกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้ายคล้ายพระเอกเลวที่หมายมั่นจะสะบั้นความบริสุทธิ์ของนางเอกตั้งแต่แรกพบหน้า
ซึ่งทีท่าดังกล่าวกลับทำให้หนุ่มหน้าหวานชอบอกชอบใจเป็นที่สุด
“นายมันสามหาว
ก้าวราว คาวโลกีย์ไม่มีใครเกิน!!... แต่เค้าชอบอ่ะ อรั๊ยยยส์!” หนุ่มบริหารร่างบางกัดริมฝีปากล่าง พลางกระพือแพขนตาหนารัว
ๆ ระหว่างส่งสายตายั่วยวน
“หึ! ติงต๊องเอ๊ย!!” ฌอนโยกหัวแฟนหนุ่มด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เอาล่ะนะ...
จะเปิดห้องล่ะนะ!
ห้า... สี่... สาม... สอง... แอ็คชั...
เสียงให้คิวของอคิรามีอันต้องถูกเจ้าตัวกลืนลงคอไปในพริบตาทันทีที่ประตูห้องเปิดอ้าเผยให้เห็นวงกีฬาบัตรขนาดย่อมที่สมาชิกทั้งสามกำลังฟาดไพ่ใส่หน้ากันและกันอย่างเมามัน
“อ้าวเพื่อนเมท! เพื่อนเมทกับแฟนกลับมาแล้วเหรอ?! มา มา! มานั่งนี่ คืนนี้เกวนตั้งวงจับหมูจ้า มาเร็ว! ขาขาดอยู่พอดี!!” กวินทร์ยิ้มร่าราวกับเจอแบงค์พันหล่นอยู่ข้างทาง
เรือนร่างลำหักลำโค่นจัดแจงโบกไม้โบกมือใส่หน้าขาไพ่อีกสองหน่อให้ขยับขยายเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับรูมเมทและแฟนหนุ่มอย่างกุลีกุจอ
“เอ้าอีไดอาน่าเหยิบเร็ว
ๆ ซี่! แล้วก็เลิกสับไพ่ได้แล้วห่า
ไพ่ละเอียดจนจะทำบะช่อได้แล้วนั่น!!... แจกไพ่เลยอีนี่ เราจะเปลี่ยนมาจับหมูกัน”
“แล้วทำไมพวกหล่อนถึงไม่เป็นเล่นที่อื่นกันล่ะ?
ห้องดนัยไม่ว่างแล้วเหรอ?” อดีตเดือนบริหารที่จำต้องนั่งร่วมวงอดสงสัยไม่ได้ ดวงตากลมใสมองหน้ากวินทร์สลับกับหนุ่มล่ำดำแน่นอีกรายที่เพิ่งถูกไล่ที่ไปเมื่อครู่
“แอร๊ยส์นังเดือนฉุกเฉิน!
ฉันบอกกี่รอบแล้วว่าต่อหน้าผู้ชายให้เรียกชื่อในวงการ!” ดนัยเล่นใหญ่ด้วยการแหวใส่เจ้าของห้องร่างบางอย่างไม่ไว้หน้า
แต่ก่อนที่อคิราจะได้เปิดปากด่า กวินทร์ก็ปาดหน้าเค้กไปเสียเรียบ
“ต่อให้มึงชื่ออั้ม
พัชราภากูว่าผู้ก็ไม่น่าจะอ้อยมึงหรอก!” พอจวกเพื่อนสาวจนสงบปาก รูมเมทสุดล่ำก็หันมาอธิบายถึงเหตุผลของการยกพลมาเล่นไพ่กันที่นี่ให้อิ๊กและฌอนได้เข้าใจ
“พี่ห้องอีไดอาน่ามันตั้งวงดื่มสุรากันอย่างเถื่อนค่ะเพื่อนเมท...
ถึงจะวิศวะและหน้าปังเป้าเป๊ะ แต่ไดอาน่า มีล่า และเกวนก็จัดเป็นกุลเกย์รับผู้เพียบพร้อมงามสรรพระดับยูนิเวิร์สนะคะ
จะให้เพื่อนเมทยอมลดตัวไปนั่งเฟลิร์ทกับพวกพี่เขาง่าย ๆ หรือยังไง?” อิ๊กแอบกลอกตาและเบ้ปากอย่างว่องไวกับเนื้อหาตอนท้ายที่ออกจะเป็นการโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงไปมาก
“นั่นแหละ! พวกเราป็อบแองเจิ้ลเลยเปลี่ยนบรรยากาศมารำพัดกันที่นี่ไง....
หนอยอีเกวน อย่ามาทำเนียนมองผู้! ตาเมื่อกี๊กูป๊อกเก้าสองเด้ง รีบ ๆ จ่ายเงินมึงมาเลย เร็ว ๆ !!!”
กวินทร์บ่นหงุงหงิงเมื่อโดนเพื่อนสาวทวงหนี้โดยไม่ละเว้นหรือเห็นแก่ชื่อเสียงของตน
ฝ่ายสองหนุ่มคู่รักก็ได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายปลง
ๆ ด้วยตระหนักแล้วว่า การจะเปลี่ยนใจขาไพ่ทั้งสามให้ย้ายทำเลน่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการหาจังหวะผูกพันกันทางกายเป็นไหน
ๆ ...
ไว้ค่อยว่ากันใหม่คืนพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
ถ้าเครื่องยนต์ชั้นดีนั้นฟิตจริง
จะทิ้งช่วงการขับขี่ไปสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
«♥»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «♥»