Monday, December 28, 2015

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 03rd Bonding|| 28.12.2015



ออกตัวก่อนว่าตอนนี้สั้นหน่อยนะคะ
(เวลาเขียนฉากอย่างว่าทีไรเป็นต้องสั้นทุกที ไม่รู้ทำไม แหะ แหะ)
และขอแจ้งเอาไว้ล่วงหน้าว่า เราตั้งใจให้ฉากร่วมรักของพี่หมีและบูบู้เป็นแบบนี้ค่ะ
ขอโทษด้วยหากใครลุ้นให้เนื้อหาแจ่มชัดและยาวนาน เพราะมันไม่ใกล้เคียงเลย
(สำหรับเรา... ความรักของคู่นี้ ไม่หวือหวา ไม่วูบวาบ ออกจะเป็นความรักเรื่อย ๆ ยั่งยืน ๆ ค่ะ)  
ส่วนตอนหน้า... ไม่ต้องบอกเนอะว่าเป็นใคร อ่านตอนนี้จบแล้วค้างด้วยคู่ไหน ก็คู่นั้นแหละค่ะ ^^

ขอให้มีความสุขกับการเฉลิมฉลองส่งท้ายฯ & ต้อนรับปีใหม่กันโดยถ้วนทั่วนะคะ
ไม่จน ไม่เจ็บ ไม่จ๋อย ไม่เจ๊งค่ะ... รักคนอ่านทุก ๆ ท่านมากค่ะ!!
เจอกันปีหน้าฟ้าใหม่เลยนะคะ (ดูเหมือนนานเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า)



«»------------------------------------------------------------------------------------«»








The 03rd Bonding       
 Two Become One... ผสานร่าง!!!  




“... อ๊ะ! พี่หมี!...” เสียงเรียกฟังตระหนกที่เพิ่งได้ยินทำเอาการเคลื่อนไหวของฝ่ามือหยุดชะงัก  ดวงตาคู่สวยละขึ้นมองใบหน้าซับสีแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์ดำฤษณาของคนรัก  ชายหนุ่มรูปงามโน้มตัวลงเพื่อพรมจูบพวงแก้มไล่ไปถึงริมฝีปากคู่ที่เขาลุ่มหลง  

“เจ็บเหรอครับบูบู้?” ธันวากระซิบถามลอดไรฟันระหว่างที่กลีบปากของทั้งสองคลอเคลียชิดใกล้  แววตาห่วงใยเหลือประมาณหาได้รบกวนความรู้สึกคนมองรุนแรงเท่าความทรมานถึงขีดสุดซึ่งฟ้องชัดอยู่ทั่วทุกอณูของใบหน้าหล่อเหลาชื้นเหงื่อที่ลอยห่างออกไปไม่ถึงคืบ

ทำไมบ๊วยจะไม่รู้ว่าอดีตเดือนมหาลัยกำลังรู้สึกปั่นป่วนเพียงใด  ในเมื่อต่างฝ่ายต่างหยิบยื่นความขมขื่นอันหวานหอมนี้ให้แก่อีกคนด้วยความเต็มใจค่าที่โหยหากันและกันอย่างสาหัสตลอดสองวันที่ผ่านมา...  ชายกลางจึงค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจ ก่อนจะกล่อมร่างกายให้ยอมเปิดรับสัมผัสรุกล้ำแปลกปลอมที่เพิ่งเคยประสบอย่างช้า ๆ  


“....ฮื่อ..... ไม่... ไม่เจ็บครับ..... ต่อเถอะ...” ขาดคำ หนุ่มสถาปัตย์ก็โน้มคอคนรักลงต่ำแล้วส่งปลายลิ้นไปเลาะเล็มละเลียดเลียกลีบเนื้อนุ่มสีแดงสดทั้งสองเพื่อช่วยให้ความรู้สึกประหลาดระคนหวาดหวั่นปลาสนาการไปในชั่วพริบตา   

อีกฝ่ายจึงตอบสนองด้วยการป้อนรสจูบร้อนแรงรุกเร้าเสียจนร่างผอมอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งลนไฟอย่างไม่คิดเลิกรา  ส่วนนิ้วทั้งสามซึ่งรู้งานเป็นเลิศก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนคว้านสร้างความคุ้นเคยและหวามไหวให้กับส่วนเร้นลึกอ่อนนุ่มอย่างทนุถนอมทว่าสม่ำเสมอ  

แม้เสียงครางหวานในลำคอที่ดังสอดรับกับร่างกายเปลือยเปล่าในอ้อมกอดซึ่งส่ายไหวไปมาคล้ายกำลังระบำรำฟ้อนจะทำให้ใบหน้าหล่อไร้ที่ติแย้มยิ้มด้วยความแช่มชื่นใจ  ทว่าท่วงท่าสุดเย้ายวนของคนรักซึ่งปรากฏอย่างเด่นชัดอยู่ในคลองจักษุกลับส่งความรู้สึกปวดหนึบเกินทนไหวให้แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์  ทันทีที่ตระหนักถึงขีดสุดของตัวเอง  อริยะตรัยผู้น้องจึงปล่อยริมฝีปากที่เริ่มจะเจ่อนิด ๆ ของแฟนตัวน้อยให้เป็นอิสระเพื่อเกริ่นนำ... ถาม และขอความเห็นชอบจากอีกฝ่ายอย่างไม่รั้งรอ


“บูบู้ไม่ต้องกลัวนะ... เค้าอยู่นี่ เค้าสัญญา เค้าจะไม่ทำให้บูบู้เจ็บ” พอเห็นคนตัวอ่อนตาเชื่อมปรือปรอยพยักหน้าน้อย ๆ แทนคำตอบรับ เก็กก็กระซิบคีย์เวิร์ดสำคัญพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนทันที “เค้าขอนะ”

“...ฮ่าห์.... คะ..ครับ....”  ความรู้สึกเปลือยเปล่าโล่งโล้นกับเสียงถอดถอนน่าอับอายทำบ๊วยเขินจนต้องรีบเสหลบตาอดีตเดือนมหาลัยอย่างไม่คิดชีวิต  แต่แล้ว... ดวงตาเจ้ากรรมกลับซุกซนเลื่อนไปจับจ้องจุดยุทธศาสตร์ของทั้งตัวเองและแฟนหนุ่มเข้าอย่างจังแถมยังไม่ยอมละไปไหน  ภาพล่อแหลมดังกล่าวเลยยิ่งส่งเสริมให้ชายหนุ่มร่างผอมเขินอายจนหน้าร้อนจวนระเบิด

สัมผัสแข็งขืนดุนดันที่มาพร้อมกับความลื่นเย็นนำพาความตื่นเต้นและความหวาดหวั่นมาทักทายหนุ่มสถาปัตย์ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่ทั้งสองจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง  ช่วยไม่ได้หากนั่นจะทำให้ชายกลางหลับตาปี๋พลางนับถอยหลังด้วยใจระทึก... การไม่เห็น คงช่วยให้ไม่เจ็บเท่ากับถ่างตามองดูความใหญ่โตมโหฬารของอีกฝ่ายค่อย ๆ คืบคลานเข้ามารุกรานร่างกายของเขาแน่ ๆ

จนแล้วจนรอด... ทั้งที่ความปรารถนาของคนรักยังปักหลักอยู่ตรงหลังบ้านของเขาไม่ได้หนีไปไหนด้วยซ้ำ...  
ทว่าความรู้สึกเจ็บปวดคล้ายร่างแหลกสลายกลายเป็นเสี่ยงกลับไม่มีทีท่าว่าจะมาเยี่ยมเยือนเรือนกายของเขาเสียที 
หรือจริง ๆ แล้ว ครั้งแรกมันจะไม่เจ็บอย่างที่คนอื่นแชร์กันว่อนในเน็ท?!


“...ฮืมมมมมมมมมมมมม!...”  เสียงแหบต่ำครางยาวด้วยความสุขสมในลำคอของอดีตเดือนมหาลัยตามติดด้วยแรงสั่นสะเทือนหลังการกระตุกอย่างมีจังหวะจะโคน กอปรกับความรู้สึกอุ่นร้อนเปียกปอนเปรอะเปื้อนที่ราดรดลงบนผิวกายรอบ ๆ ส่วนอ่อนไหวก็ปลุกความสงสัยจนชายกลางค่อย ๆ หยีตามองยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง...


นั่นไม่ใช่...
หรือใช่นะ?!
เข้มข้นระคนอุ่นเสียขนาดนั้น คงจะเป็นกาวลาเท็กซ์ไปไม่ได้หรอก!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เพียงชั่วพริบตาหลังจากที่อะไรต่อมิอะไรกระจ่างแจ้งแก่ใจสองหนุ่ม... บรรยากาศหวานชื่นระคนหื่นกระหายกลายกลับเป็นหนาวเหน็บอ้างว้างดั่งมีฝูงกาบินผ่านหน้าส่งเสียงร้องเย้ยหยันดัง  ก้า ก้า ก้าใส่ทั้งคู่ จนหนุ่มรูปงามไม่อาจทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ตีหน้าแบ๊วได้อย่างที่ใจคิด...

ตายห่า! ทั้งที่เป็นตัวตั้งตัวตีเร่งรัดมัดมือชกจัดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์กันตั้งแต่คืนแรกที่ปรับความเข้าใจกับอีกฝ่ายได้   แต่ยังไม่ทันจะได้ถล่มประตูเมืองให้เสร็จสมอารมณ์หมาย แม่ทัพใหญ่ผู้จ้องจะพรากอธิปไตยลูกชายแม่บัวกลับถูกม้าศึกดีดตกจากหลัง สมองไหลตายอย่างน่าอนาถ แถมหลักฐานยังแจ่มชัดจัดเต็มสี่ตาจนถ้าแถว่าของเหลวปริมาณท่วมตลาดสะพานใหม่ได้ถึงข้อเท้านี่หลั่งลงมาจากฟากฟ้าแล้วอีกฝ่ายคงได้ประนามเขาว่าตอแหลไม่มีใครเกิน... 

ถ้าแกล้งตายตอนนี้ ตื่นมาอีกทีมันจะวาร์ปข้ามไปเป็นปีหน้าเลยหรือเปล่า?!
หรือถ้าแอบเอาหน้ากดลงกับหมอนให้ขาดอากาศหายใจตายมันดื้อ ๆ เลยจะดีไหมวะ?!!!


“...เอ่อ... แหะ แหะ....” อริยะตรัยผู้น้องหัวเราะแห้ง ๆ ด้วยความอับอายฉิบหายวายวอด  สองตามองหน้าคนรักสลับกับเหลือบแลอวัยวะคู่กายที่ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมหลังจากฉีกหน้าตัวพ่อเสียป่นปี้  พนันได้เลยว่าโลกนี้แม่งต้องไม่มีใครตื่นเต้นเพราะเซ็กส์จนล่มปากอ่าวได้เร็วเท่าเขาแน่ ๆ !  

“คืนนี้เปลี่ยนเป็นนอนกอดกันไปก่อนดีไหมครับ? ไหนพี่หมีว่าพี่หมีอยากนอนกอดเค้าไง?...
.
...นอนกันเถอะนะ... เค้าเริ่มจะง่วงนิด ๆ แล้วด้วยน่ะครับ” ท่าทางกระอึกกระอักพิพักพิพ่วนของหนุ่มรูปงามทำให้เด็กสถาปัตย์นึกเห็นใจจนต้องรีบพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ...  ลองว่าอีกฝ่ายร่ำ ๆ อยากจะ ทำ กับเขาตั้งแต่ก่อนพวกเขาจะถอนพรของเจ้าพ่อไทรทอง  เหตุการณ์พังพินาศทางเทคนิคเมื่อสักครู่คงเล่นงานสุดหล่อจนหมดกำลังใจไปแล้วแน่ ๆ

ฝ่ายธันวาที่เห็นแฟนตัวน้อยขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบทจากพร้อมรับเป็นนอนราบแบบฉับพลัน  หนำซ้ำยังคว้าผ้าผวยมาปกปิดร่างกายสนับสนุนคำพูดชักชวนเมื่อครู่ อดีตเดือนมหาลัยก็ยิ่งเดือดเนื้อร้อนใจจนอยู่เฉยไม่ได้


“ไม่เอา ไม่นอน... บูบู้หลับตาก่อน ขอเวลาเค้าเดี๋ยวเดียว เชื่อสิ... เดี๋ยวก็ต่อได้แล้วล่ะ”

“...แต่...” เด็กเต็กขัดขึ้นพลางเหลือบส่องท่อนล่างของอีกฝ่ายอย่างว่องไว  ซึ่งธันวาน้อยในสภาพยืนคู้ตัวสำนึกผิดกดหัวชิดซิกแพ็คก็สั่งให้บ๊วยพูดรักษาหน้าคนรักโดยไม่ละล้าละลัง “...เอ่อ... ขอเวลาเค้าทำใจอีกคืนนึงไม่ได้เหรอ?”

“ยิ่งบูบู้พูดอย่างนี้ เค้ายิ่งต้องรีบทำเลย!” จากประสบการณ์ชีช้ำหลังต้องกินแห้วซ้ำซาก อริยะตรัยผู้น้องจึงอาศัยจังหวะที่แฟนหนุ่มเหลือบตามองบนทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เปิดโอกาสให้แก้ตัว  ลงมือแหย่มังกรร้ายที่หลับไหลรัว ๆ โดยหวังให้มันฟื้นคืนชีพกลับมาอาละวาดได้อีกครั้งอย่างอหังการ  

“มา! พี่หมีตื่นแล้ววววว! มาแล้วครับ!... รับรองว่าคราวนี้มีเฮแน่นอน!!” พอรู้สึกเคลิ้ม ๆ  ปากก็เริ่มจะอวดอ้างสรรพคุณไม่หยุดหย่อนเพราะกลัวแฟนตัวน้อยจะถอนตัวยิ่งกว่าอะไร  กระนั้น ความหื่นที่ไหลขึ้นสมองก็ทำให้ธันวาหลงลืมไปชั่วคราวว่า  ที่ผ่านมา... นิ้วทั้งห้าและฝ่ามือของตนไม่เคยทำให้ความปรารถนาสำเร็จผลได้เลยสักครั้ง... และดูท่าว่าร่างกายจะยังชินกับฟังก์ชั่นพิเศษตลอดเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่หายเสียด้วยสิ   

“...เอ่อ...” แม้นี่จะเป็นประสบการณ์สิบแปดบวกครั้งแรก ทว่าบ๊วยกลับต้องส่งเสียงขัดขึ้นเพราะพวงเครื่องปรุงที่คนรักภูมิใจนำเสนอดูจะยังไม่พรั่งพร้อมสักเท่าไร  สายตากึ่งประเมินกึ่งปรามาสของชายกลางทำให้หนุ่มวิศวะรูปงามต้องร้องห้ามคนรักออกมาทันที  

“ขอเวลาเค้าเดี๋ยวเดียว!  คือจริง ๆ ตอนแรกมันปึ๋งปั๋งมากเลยนะ แต่เมื่อกี๊เค้าฟินเกินไปไง ตอนนี้เค้าเลยควบคุมมันไม่ได้” ยิ่งพูด เก็กก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังแก้ตัวอย่างน่าสมเพช แต่ความ เสื่อมฯที่เกิดขึ้นหน้างานกลับช่างดื้อด้านเกินรับมือเสียเหลือเกิน

“โธ่ บูบู้อย่าเพิ่งทำหน้าง่วงสิครับ! อย่าเพิ่งนอนเลยนะ นะบูบู้นะ!!... ทำไมต้องมาหมดแม็กเอาตอนนี้ด้วยวะ?!!” หางเสียงคล้ายจะบ่นกับอวัยวะสุดอินดี้ที่ถึงจะบดขยี้ด้วยปลายนิ้วหนักมือแค่ไหน  บ้องข้าวหลามที่เขาเคยภูมิใจก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับตัวเขาเลยสักนิด  

“งั้นเราเปลี่ยนบรรยากาศมานอนคุยกันสักพักดีไหมครับพี่หมี?... ขอเวลาให้เค้าทำใจเพิ่มอีกนิดนึงแล้วกันครับ”หนุ่มสถาปัตย์ตะแคงร่างขยับขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้น แล้วตบที่ว่างข้าง ๆ ตนชักชวนร่างสูงใหญ่ที่คร่อมเหนือตัวย้ายมานอนคุยกันตามคำเชิญที่ตนเพิ่งเอื้อนเอ่ย...

เท่าที่เดา ความเครียดที่เกิดจากอาการเสียหน้าบวกกับการกดดันตัวเองจนเกินไป  คือสาเหตุที่ทำให้ อะไร ๆไม่เป็นใจกับผู้ใช้งานจนต้องหน้าม้านซ้ำสอง  ชายกลางจึงช่วยซื้อเวลาเพื่อเกลื่อนความรู้สึกประดักประเดิดให้ลดน้อยลง


“อืม... ก็ดีเหมือนกัน เมื่อกี๊เหมือนมันเกร็งๆยังไงก็ไม่รู้เนอะ” แค่เด็กเต็กไม่ตัดรอนด้วยการชิงนอนหลับไปก่อนแถมยังไม่รื้อฟื้นถึงเหตุน่าสลด  ธันวาก็สามารถลดตัวลงนอนสู้หน้ากับอีกฝ่ายได้อย่างโล่งอก  “แล้วบูบู้อยากคุยเรื่องอะไรล่ะ?”
.
.
.
.
.
.

“เค้าอยากรู้ว่าพี่หมีรู้ตัวว่าเริ่มรักเค้าตั้งแต่เมื่อไรครับ?” หลังจากนิ่งนึกตรึกตรองอยู่นานหลายนาที  บ๊วยก็ยอมเปรยคำถามคาใจออกมาให้แฟนหนุ่มช่วยไขให้กระจ่าง...

ที่กล้าจำเพาะเจาะจงถามตรง ๆ อย่างนี้ เป็นเพราะชายกลางแน่ใจแล้วว่า คำขอต่อเจ้าพ่อห่อไหล่ของตน กับพรจากเจ้าพ่อไทรทองของกังฟูไม่มีผลต่อความรู้สึกของอดีตเดือนมหาลัยหลังจากทั้งสองผ่านสองวันอันโหดร้าย และหัวค่ำแห่งการปรับความเข้าใจไปหมาด ๆ  อย่างแน่นอน


“พอดีเลย... เค้าก็ว่าจะถามบูบู้อยู่เหมือนกัน ถ้างั้นบูบู้ตอบเค้าก่อนดีไหม” เก็กยิ้มมุมปากทำไก๋พลางส่งสายตาเจ้าชู้ก่อนจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสอย่างน่าหมั่นไส้ “นะครับ นะ...น้า ปลอบใจเค้าไง... นะนะ ถือว่าเห็นใจคนที่เพิ่งเฟลมาหมาด ๆ เถอะนะครับ” คนฉวยโอกาสพาดแขนกวาดร่างผอมเข้าแนบเนา ก่อนจะล้วงมือลงใต้ผ้าห่มผืนบางแล้วลูบไล้แผ่นหลังเปล่าเปลือยเบา ๆ อย่างเพลิดเพลิน  ผัสสะต่อเนื่องเพียงผะแผ่วที่ก่อกวนระบบความคิดของบ๊วยเสียวุ่นวายทำให้อริยะตรัยผู้น้องได้ในสิ่งที่ต้องการแม้จะเป็นการโกงแบบซึ่ง ๆ หน้าก็ตามที

“ก็ได้ครับ”

“บูบู้น่ารักที่สุดเลย!” ปะเหลาะพอเป็นพิธีแล้วจึงยื่นหน้าไปกดจมูกสูดดมกลิ่นแป้งเด็กอ่อน ๆ บนผิวแก้มของชายกลางอย่างเต็มรักจนคนตั้งใจตอบคำถามต้องยันแผ่นอกของอดีตเดือนมหาลัยให้ผละห่างเพื่อตั้งคำถามเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงจริงจัง  

“พี่หมีจำได้ไหมว่าตอนมอปลายเราเคยคุยกันครั้งนึง?”

“หึ! เค้ารู้แต่ว่าเราเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่เค้าไม่ยักกะจำได้ว่าก่อนหน้านี้เราเคยเจอกันมาก่อน” คนพูดสะบัดหน้าแรงเสียจนผมตกลงมาปรกหน้าเป๋ไม่เป็นทรง เพราะเท่าที่ลองนึกภาพตาม เก็กจำไม่ได้เลยว่า ช่วงปลายของชีวิตนักเรียนกินนอนของตน มีนายบวรพลเป็นส่วนหนึ่งในนั้น  

แต่ทันทีที่ประโยคดังกล่าวหลุดออกจากปากไป เก็กก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่า บางครั้ง... การพูดความจริง ก็ใช่จะเป็นผลดีกับชีวิตคู่สักเท่าไร โดยเฉพาะกับแฟนตัวน้อยผู้ที่มีระดับความมั่นใจน้อยกว่าคนทั่วไปอยู่หลายเท่าตัวคนนี้


 “บูบู้ฟังแล้วห้ามน้อยใจนะครับ ตอนนั้นเค้าใส ๆ ถึงได้เห็นจอมมารยาสาไถยกลายเป็นดอกบัวได้ไงก็ไม่รู้” เด็กวิศวะรีบออกตัวพลางกระชับวงแขนที่พาดเหนือลำตัวของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น

“เค้าไม่คิดมากหรอก เรื่องมันผ่านมานานแล้ว... หึ หึ หึ... อย่าทำหน้าหงิกแบบนั้นสิครับพี่หมี” สีหน้าหวาดหวั่นของคนหล่อจัดเรียกเสียงหัวเราะของคนโดนกอดได้เป็นอย่างดี มือเซียวเอื้อมไปเกลี่ยผมที่บดบังสายตาคนรักออกแล้วเลื่อนลงลูบสันกรามอีกฝ่ายไปมาอย่างหลงใหล

“จริงนะ? / ฮื่อ” ธันวายื่นหน้าไล่กดจูบฝ่ามือเรียวเป็นพัลวันแทนการให้รางวัลกับคำตอบที่ฟังแล้วชื่นใจจนชายกลางหัวเราะคิก

“แล้วที่บอกว่าเราเคยเจอกัน สรุปเราเจอกันตอนไหน ยังไงเหรอบูบู้?”

“พี่หมีเคยช่วยเค้าไว้ครั้งนึงครับ” อริยะตรัยผู้น้องที่กำลังเมามันกับการแจกจุ๊บไปทั่วฝ่ามือบ๊วยถึงกับหยุดพักการละเล่นลงชั่วคราว ชายหนุ่มเลิกคิ้วพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของคนรัก

“หือ?! ถามจริง?”

“จริงสิครับ...
...วันที่เราคุยกัน คือ วันที่มอห้าวันสอบวันสุดท้าย พอสอบเสร็จเค้าก็รีบขนของลงมารอพ่อมารับกลับบ้าน...
...แต่ตอนที่กำลังลากกระเป๋าผ่านสนามบาส  เด็กมอต้นที่เดินสวนกันอยู่ก็โบกไม้โบกมือแล้วส่งเสียงโวยวายใส่หน้าเค้าจนต้องหันไปมองตาม รู้อีกทีลูกบาสก็พุ่งเข้าหน้าเสียแล้ว” 

ฟังถึงตรงนี้ ภาพของเย็นวันนั้นก็ค่อย ๆ ย้อนกลับมาฉายในหัวของธันวาอีกครั้ง...
ที่อดีตเดือนมหาลัยรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับเรื่องเล่าของอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่บ่อยนักที่เซ็นเตอร์ขาประจำอย่างเขาจะต้องทิ้งพื้นที่ในเส้นสามคะแนนออกมาเก็บบอลด้วยตัวเอง


“อย่าบอกนะว่าบูบู้คือคนที่เค้ากระแทกล้มตอนเค้าวิ่งไปเก็บลูกบาส?”

“ครับ” ทันทีที่บ๊วยพยักหน้ารับคำ เก็กก็สละร่างผึ่งหงายคล้ายคนหมดแรง ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปดด้วยน้ำเสียงผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด  

“โห่! ไม่เห็นจะเหมือนพระเอกนิยายตรงไหนเลย เค้าหลงคิดว่าบูบู้จะตกหลุมหลงรักเค้าเพราะแอบเห็นตอนเค้าทำความดีในที่ลับตาคนเสียอีก ดูดิ๊... นอกจากจะไม่เท่ห์แล้ว ยังชนบูบู้ล้มทำของหล่นกระจายอีกต่างหาก”  

“แต่แค่เซล้มกับโดนลูกบากกระแทกหน้านี่เจ็บต่างกันเยอะเลยนะครับ” ชายกลางขัดขึ้นเพราะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของคนรัก “สำหรับพี่หมี... การวิ่งตามมาคว้าลูกบาสที่หลุดออกนอกสนามคงเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องเล็กน้อยไม่น่าจดจำ...
.
.
...แต่สำหรับเค้า แผ่นหลังของคนใจดีที่อุตส่าห์วิ่งมาช่วยเค้า ทำให้เค้าเริ่มมองตามพี่หมีไปทุก ๆ ที่นับตั้งแต่วันนั้นเลยนะครับ”

“หืม... จริงดิ?” สุดหล่อดีกรีเดือนมหาลัยถามพลางพลิกตัวนอนตะแคงกอดคนรักแน่นยิ่งกว่าเดิม ฝ่ายเด็กเต็กก็กดหน้าชิดอกเร็ว ๆ แล้วจึงเสริมรายละเอียดอย่างเปิดอกด้วยน้ำเสียงแบ่งรับแบ่งสู้   

“ถ้าเค้าบอกว่า ที่เค้าเลือกมาเรียนที่นี่เพราะแอบได้ยินอาจารย์ห้องแนะแนวคุยกันเรื่องมหาวิทยาลัยที่พี่หมีจะเลือกโดยบังเอิญ พี่หมีจะหาว่าเค้าเป็นพวกโรคจิตที่คอยตามพี่หมีเป็นเงารึเปล่าครับ?” บ๊วยยู่หน้าหลังจากสารภาพความผิดของตัวเองแบบหมดเปลือกต่อหน้าต่อตาคนรัก เพราะหากมองมุมกลับในฐานะของคนถูกติดตามอย่างธันวา... สิ่งที่เขาเป็นก็ฟังดูน่ากลัวอยู่ไม่น้อย 

ทว่านั่นกลับนำพารอยยิ้มกว้างมาประดับลงบนใบหน้าน่ามองของอริยะตรัยคนน้องได้อย่างง่ายดาย...
ความรักใคร่ก็แบบนี้... มันเล่นตลกกับใจคนอยู่เสมอ
ลองว่าถ้าเป็นคนแปลกหน้าเดินมาพูดประโยคเดียวกันนี้กับหนุ่มวิศวะ ผลลัพธ์อาจจะไม่สวยงามดั่งที่เป็นอยู่นี่ก็ได้
ดีไม่ดี... คำเรียกที่เจ็บแสบยิ่งกว่า โรคจิต อาจจะถูกชายหนุ่มนำมาใช้สาปส่งชายโชคร้ายคนนั้นไปแล้ว


“หึ! ไม่เลย! ถ้าบูบู้ไม่ตามเค้ามาที่นี่แล้วเราจะรักกันยังไงล่ะครับ? จริงไหม?” ร่างหนากว่าปล้นหอมปล้นจูบแฟนตัวน้อยของตนเป็นการใหญ่จนอีกฝ่ายต้องยกฝ่ามือขึ้นรับสัมผัสจากริมฝีปากพร้อมประท้วง

“ฮื่อ... พี่หมี อย่าเพิ่งสิครับ ถึงตาพี่หมีแล้ว พี่หมีตอบเค้าก่อนว่าพี่หมีเริ่มรักเค้าตอนไหน?”
.
.
.
.
.
.
“ถ้าให้เค้าฟันธง เค้าคงทำไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าให้บอกว่าเหตุการณ์ไหนที่ทำให้เค้าเริ่มประทับใจและรู้สึกดีกับบูบู้... ก็น่าจะเป็นตอนที่บูบู้ปะทะคารมกับเฮียฟูบนชิงช้าสวรรค์วันที่เราไปออกเดทกันครั้งแรกยังไงล่ะ” เป็นเพราะสิ่งที่เพิ่งได้ยินอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปเยอะมาก หนุ่มสถาปัตย์จึงกระชับฝ่ามือที่ตนใช้กั้นกลีบปากรูปกระจับสุดยุกยิกของแฟนหนุ่มเอาไว้แน่นด้วยไม่อยากไขว้เขวเพราะสัมผัสน่าจั๊กจี้ไปเสียก่อน

“จริงเหรอครับพี่หมี?!

“อื้อ! จริงสิ เกิดมาจนป่านนี้ ไม่เคยมีใครออกหน้าปะทะกับเฮียเพื่อให้ได้คบกับเค้ามาก่อนเลยนะ” คำอธิบายของอริยะตรัยคนน้องสร้างความฉงนให้แก่เด็กเต็กร่างผอมไม่น้อย

“แต่เท่าที่เค้าเห็น ตอนนี้คุณอิ๊กก็ดูไม่กลัวเฮียสักเท่าไรเลยนี่ครับ”

“คนกล้าต่อสู้เพื่อความรัก กับ คนเสียสติเพราะโดนเฮียด่าล้างโคตรมันต่างกันนะครับบูบู้  ฮอบบิทนี่เป็นอย่างหลังแบบไม่ต้องสงสัยเลยแหละ” เก็กขมวดคิ้วฉับเมื่อฉุกคิดอะไรได้ มือใหญ่ประคองใบหน้าของแฟนหนุ่มเอาไว้เพื่อให้ไม่อาจหลบสายตากันได้ “เดี๋ยวนะ... ที่เปรียบเทียบกับฮอบบิทนี่แอบคิดมากอะไรอยู่หรือเปล่า?”

“...เปล่า เปล่าสักหน่อยครับพี่หมี...”
“น้อยใจ? / หึ!!!” บ๊วยส่ายหัวดิกพลางส่งสายตาใสซื่อไปยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ทว่าธันวากลับยังไม่คลายใจ
“คิดมาก? / เปล่าครับ!
“จิตตก? / เค้าไม่ได้จิตตกจริงๆนะครับ!!!
“เค้าไม่เชื่อ! สงสัยงานนี้คงต้องถึงมือของเครื่องจับเท็จเสียแล้ว! /พี่หมี?! พี่หมีจะทำอะไรครับ?!!” ไม่ทันขาดคำ ร่างสูงสมส่วนก็พลิกตัวลงคร่อมหนุ่มสถาปัตย์จนหลังจมฟูกนอนอีกครั้ง จากนั้นสองมือของคนตัวเล็กกว่าก็ถูกรวบสูงเหนือหัว เพื่อให้มือหนาอีกข้างหนึ่งเลื่อนลงไปจื้เนื้ออ่อนตรงเอวได้อย่างสะดวก...

ที่เคยเข้าใจว่าวิธีหยอกเอินทั่ว ๆ ไปที่พบได้ในนิยายหลาย ๆ เรื่องจะได้ผลกับแฟนตัวน้อย
เอาเข้าจริง... นอกจากร่างผอมจะไม่รู้สึกรู้สา หน้าเขาสิที่แหกจนไม่เหลือชิ้นดีเสียเอง...
แม่ง! นี่มันวันอะไรวะ ทำห่าอะไรก็ไม่เห็นจะได้ดั่งใจสักอย่าง?!


“...บูบู้... ใจคอบูบู้จะไม่บ้าจี้ให้เค้าสมหวังหน่อยเหรอครับ?” สีหน้าผิดหวังจนบอกบุญไม่รับของสุดหล่อทำเอาบ๊วยขำอย่างทุกข์ทรมานเกินทน...

แม้จะอยากหัวเราะให้กับความเปิ่นของคนรักสักแค่ไหน ทว่าความเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายกลับมีมากกว่า
เด็กสถาปัตย์จึงพยายามปั้นหน้าให้นิ่งที่สุด ก่อนจะต้องก้มหน้างุดแล้วยกมือขึ้นอุดปากเพื่อกั้นเสียงขบขันด้วยไม่อาจสะกดกลั้นความรู้สึกขบขันได้อีกต่อไป


“โห่! บูบู้อ่ะ ไม่หนุกเลย!! เค้างอนแล้ว!!” คนเสียฟอร์มผุดลุกขึ้นนั่งหันหลังก็อปท่าตาลุงห่อเหี่ยวใสชายกลางในชั่วพริบตา

“พี่หมีงอนจริงๆเหรอครับ?” พอเห็นท่าไม่ดี หนุ่มร่างผอมก็รีบตามง้อทว่าคู่กรณีกลับถัดก้นหนีไปอีกด้าน “พี่หมี... เค้าขอโทษ!!” ชายกลางโถมตัวเข้ากอดแผ่นหลังแล้วพักใบหน้าลงเหนือบ่าคนรักก่อนจะทอดเสียงเอ่ย “เค้าขอโทษที่เค้าไม่บ้าจี้... เมื่อกี๊เค้าแค่สงสัยก็เลยถามขึ้นมาเฉย ๆ  ไม่ได้คิดอะไรเรื่องคุณอิ๊กเลยจริง ๆ ”  
.
.
.
.
.
.
.
.
“จูบหน่อย” ถึงจะตีหน้านิ่ง ทว่าแววตาของอดีตเดือนมหาลัยกลับลุกวาวและดูซุกซนเหมือนเด็ก ๆ

“หืมมมม?! / ถ้าอยากให้หายงอนต้องจูบเค้าก่อน” ธันวารวบรัดขึงขัง ฝั่งบ๊วยเลือกจะไม่ตอบโต้ด้วยถ้อยคำ ทว่าร่างผอมกลับเอี้ยวตัวแล้วยื่นหน้าไปจูบอีกฝ่ายเบา ๆ  ตามคำขอ   แต่ยังไม่ทันที่เด็กสถาปัตย์จะถอนริมฝีปากผละจาก คนโลภมากก็รวบเอวบาง ดึงเอาร่างผอมมานั่งบนหน้าตักของตัวเองเข้าจนได้

“เค้ายังไม่ได้บอกอีกอย่าง เค้ารักรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของบูบู้มากเลยครับ  ถ้าไม่เชื่อ... บูบู้ลองถามพี่หมีผงาดข้างล่างดูสิ” น้ำเสียงกระเส่าที่กระซิบข้างหูไม่ได้ทำให้คนฟังตกใจจนเบิกตาโพลงได้เท่ากับความเข้มแข็งร้อนแรงตามแบบฉบับผู้ชายที่แนบกับบั้นท้ายของตัวเองอยู่ในขณะนี้  

“เรามาต่อกันเถอะครับบูบู้... เค้าอยากเป็นของบูบู้จนแทบจะขาดใจแล้วเนี่ย” พอพาดหัวข่าวแจ้งความประสงค์ของตัวเองให้แฟนตัวน้อยได้รับฟังเสร็จสรรพ  อริยะตรัยผู้น้องก็สวมวิญญาณนักล่าลงสนามรักอีกครั้ง

ร่างผอมถูกจัดวางลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวลเพื่อให้เขาดอมดมกลิ่นกายเคล้าแป้งเด็กสุดรัญจวนของอีกฝ่ายได้จนสมใจ  หนุ่มรูปงามค่อย ๆ ลิ้มรสผิวกายถ้วนทุกอณูของคนใต้ร่างผ่านชิวหาและนาสิกอย่างเชื่องช้าคล้ายยอดพยัคฆ์กำลังเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับเนื้อทรายวัยกำดัดก็ไม่ปาน  

เสียงครางเครือไม่ขาดช่วงที่เล็ดรอดออกจากริมฝีปากที่ถูกเจ้าของกัดเม้มเสียจมเขี้ยวเสริมส่งให้ธันวายิ่งครึ้มอกครึ้มใจจนรีบฉวยโอกาสส่งปลายกรเข้าล่วงล้ำสัมผัสความอบอุ่นโอบล้อมภายในเรือนกายของชายกลางอีกครั้งอย่างเบามือ ก่อนจะสื่อความนัยอันเป็นใจความสำคัญสูงสุดผ่านแววตาเว้าวอนเพื่อขอให้คนรักยอมฝากทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ที่เขาโดยสมบูรณ์... ทั้งหัวใจ และร่างกาย

ที่สุดแล้ว บ๊วยก็ได้เรียนรู้ว่า สำหรับเขา... ความปรารถนาในเพศรสมีราคาที่ต้องจ่ายอยู่ไม่น้อย ทว่าปลายทางที่รอคอยพวกเขาทั้งคู่ กลับดูสวยงาม หอมหวาน และเย้ายวนเสียจนอยากจะลิ้มลองอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะแววตาที่อีกฝ่ายทอดมองมายังเขาตลอดเวลาของการหลอมรวมเป็นหนึ่ง...

สายตาซึ่งกู่ร้องพร่ำบอกคำรัก แถมยังเฝ้าตอกย้ำความรู้สึกสิเน่หาอย่างลึกซึ้งที่หนุ่มรูปงามมีให้แก่ตัวเขาแต่เพียงผู้เดียว  
สายตาที่หยุดได้แม้กระทั่งเวลา... ทำให้ชั่วขณะแห่งความสุขสมใจยามอยู่ในวงแขนแกร่งกลายเป็นนิรันดร์
สายตาที่เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายโดยพลัน... ทำให้คนไม่มั่นใจรับรู้ว่า เขาคือคนสำคัญที่ธันวาหวงแหนอย่างแท้จริง








พอหัวโล่ง ตัวเบา พวกเขาก็ส่งยิ้มเขิน ๆ ให้กันและกันเหมือนจะบอกว่าเป็นอันเสร็จสิ้นพิธี ทว่าหลังจากนั้นไม่ถึงเสี้ยววินาที ร่างผอมที่นอนผ่อนลมหายใจคร่อมอยู่เหนือร่างสูงใหญ่ของอดีตเดือนมหาลัยกลับต้องส่งเสียงอุทธรณ์ดังลั่น


“หืม...พี่หมี อีกแล้วเหรอครับ?!!” 

“ก็เมื่อกี๊บูบู้ยิ้มอ่ะครับ... ขอเค้าอีกรอบนะ” อริยะตรัยผู้น้องยิ้มเผล่ให้กับแฟนตัวน้อยที่เลื่อนขั้นเป็นภรรยาทางพฤตินัยไปหมาด ๆ พลางประคองร่างหนุ่มสถาปัตย์ให้เปลี่ยนท่าเป็นนั่งคร่อมหลอมร่าง ก่อนจะตั้งโต๊ะเลาะเล็มเนื้อหวาน ๆ ของเนื้อทรายตัวโปรดอีกคำรบโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของชายกลางเลยสักนิด

ฮื่อออออออ พี่หมี!!!


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“ฌอน... ฌอนต้องห้ามเก็กดุแตกนะ เดี๋ยวอิ๊กจะเชิญองค์คุณแม่นก สินจัยมาสิงเอง” อดีตเดือนบริหารกำชับกับแฟนหนุ่มหลังจากทั้งสองตะกายบันไดขึ้นมาถึงชั้นสี่ของหอพักในอันเป็นนิวาสถานที่อคิราอาศัยร่วมกับเมทร่างบึ้กเมื่อไม่กี่อึดใจก่อน    

“เลอะเทอะ!” สิ้นคำ มือใหญ่ก็เอื้อมไปมอบมะเหงกให้คนตัวเล็กกว่าหนึ่งดอก

“เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวคืนนี้ก็ไม่ได้ทดลองขับขี่เครื่องยนต์ชั้นดีอย่างอิ๊กหรอก!” อิ๊กขู่ฟ่อพลางลูบเหม่งตัวเองป้อย ๆ ด้วยความขัดใจ ทว่าหนุ่มสถาปัตย์กลับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

“หึ หึ หึ... ต่อให้อิ๊กแกล้งเล่นบทดราม่าอ้อนวอนขอชีวิต ยังไงคืนนี้ฌอนก็ไม่ปล่อยอิ๊กไปแน่ๆ” เจ้าของประโยคยักคิ้วหลิ่วตาพลางยกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้ายคล้ายพระเอกเลวที่หมายมั่นจะสะบั้นความบริสุทธิ์ของนางเอกตั้งแต่แรกพบหน้า ซึ่งทีท่าดังกล่าวกลับทำให้หนุ่มหน้าหวานชอบอกชอบใจเป็นที่สุด

“นายมันสามหาว ก้าวราว คาวโลกีย์ไม่มีใครเกิน!!... แต่เค้าชอบอ่ะ อรั๊ยยยส์!” หนุ่มบริหารร่างบางกัดริมฝีปากล่าง พลางกระพือแพขนตาหนารัว ๆ ระหว่างส่งสายตายั่วยวน

“หึ! ติงต๊องเอ๊ย!!” ฌอนโยกหัวแฟนหนุ่มด้วยความหมั่นเขี้ยว

“เอาล่ะนะ... จะเปิดห้องล่ะนะ! ห้า... สี่... สาม... สอง... แอ็คชั...

เสียงให้คิวของอคิรามีอันต้องถูกเจ้าตัวกลืนลงคอไปในพริบตาทันทีที่ประตูห้องเปิดอ้าเผยให้เห็นวงกีฬาบัตรขนาดย่อมที่สมาชิกทั้งสามกำลังฟาดไพ่ใส่หน้ากันและกันอย่างเมามัน


“อ้าวเพื่อนเมท! เพื่อนเมทกับแฟนกลับมาแล้วเหรอ?! มา มา! มานั่งนี่ คืนนี้เกวนตั้งวงจับหมูจ้า มาเร็ว! ขาขาดอยู่พอดี!!” กวินทร์ยิ้มร่าราวกับเจอแบงค์พันหล่นอยู่ข้างทาง เรือนร่างลำหักลำโค่นจัดแจงโบกไม้โบกมือใส่หน้าขาไพ่อีกสองหน่อให้ขยับขยายเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับรูมเมทและแฟนหนุ่มอย่างกุลีกุจอ

“เอ้าอีไดอาน่าเหยิบเร็ว ๆ ซี่! แล้วก็เลิกสับไพ่ได้แล้วห่า ไพ่ละเอียดจนจะทำบะช่อได้แล้วนั่น!!... แจกไพ่เลยอีนี่ เราจะเปลี่ยนมาจับหมูกัน”

“แล้วทำไมพวกหล่อนถึงไม่เป็นเล่นที่อื่นกันล่ะ? ห้องดนัยไม่ว่างแล้วเหรอ?” อดีตเดือนบริหารที่จำต้องนั่งร่วมวงอดสงสัยไม่ได้ ดวงตากลมใสมองหน้ากวินทร์สลับกับหนุ่มล่ำดำแน่นอีกรายที่เพิ่งถูกไล่ที่ไปเมื่อครู่

“แอร๊ยส์นังเดือนฉุกเฉิน! ฉันบอกกี่รอบแล้วว่าต่อหน้าผู้ชายให้เรียกชื่อในวงการ!” ดนัยเล่นใหญ่ด้วยการแหวใส่เจ้าของห้องร่างบางอย่างไม่ไว้หน้า แต่ก่อนที่อคิราจะได้เปิดปากด่า กวินทร์ก็ปาดหน้าเค้กไปเสียเรียบ

“ต่อให้มึงชื่ออั้ม พัชราภากูว่าผู้ก็ไม่น่าจะอ้อยมึงหรอก!” พอจวกเพื่อนสาวจนสงบปาก รูมเมทสุดล่ำก็หันมาอธิบายถึงเหตุผลของการยกพลมาเล่นไพ่กันที่นี่ให้อิ๊กและฌอนได้เข้าใจ

“พี่ห้องอีไดอาน่ามันตั้งวงดื่มสุรากันอย่างเถื่อนค่ะเพื่อนเมท... ถึงจะวิศวะและหน้าปังเป้าเป๊ะ แต่ไดอาน่า มีล่า และเกวนก็จัดเป็นกุลเกย์รับผู้เพียบพร้อมงามสรรพระดับยูนิเวิร์สนะคะ จะให้เพื่อนเมทยอมลดตัวไปนั่งเฟลิร์ทกับพวกพี่เขาง่าย ๆ หรือยังไง?”  อิ๊กแอบกลอกตาและเบ้ปากอย่างว่องไวกับเนื้อหาตอนท้ายที่ออกจะเป็นการโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงไปมาก  

“นั่นแหละ! พวกเราป็อบแองเจิ้ลเลยเปลี่ยนบรรยากาศมารำพัดกันที่นี่ไง.... หนอยอีเกวน อย่ามาทำเนียนมองผู้! ตาเมื่อกี๊กูป๊อกเก้าสองเด้ง รีบ ๆ จ่ายเงินมึงมาเลย  เร็ว ๆ  !!!

กวินทร์บ่นหงุงหงิงเมื่อโดนเพื่อนสาวทวงหนี้โดยไม่ละเว้นหรือเห็นแก่ชื่อเสียงของตน  ฝ่ายสองหนุ่มคู่รักก็ได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายปลง ๆ ด้วยตระหนักแล้วว่า การจะเปลี่ยนใจขาไพ่ทั้งสามให้ย้ายทำเลน่าจะเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการหาจังหวะผูกพันกันทางกายเป็นไหน ๆ ...

ไว้ค่อยว่ากันใหม่คืนพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
ถ้าเครื่องยนต์ชั้นดีนั้นฟิตจริง จะทิ้งช่วงการขับขี่ไปสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง




«»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»