Friday, November 28, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : ❽ แสดงความรักบ่อยๆ อ่อยแต่พอดีๆ



มะลิขอลาวันเสาร์อาทิตย์นี้นะคะ เพราะติดธุระกับที่บ้าน 
เราจะกลับมาเจอกันอีกทีวันจันทร์เลยนะค้า ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่า ^^



แสดงความรักบ่อยๆ อ่อยแต่พอดีๆ[โปรดเถอะ โยคีเพลย์บอย]


To:  khemnun@ilovebananapress.com
From: malinee@ilovebananapress.com
Subject: re: re: re: re: re: re: re: re: re:  บทนำนิยายเรื่องใหม่ (แนวทดลอง)



แม่ขนุน!!...


ก่อนอื่น ขอให้ชั้นได้เฉ่งหล่อน จากการกระทำความผิดในหลายๆคดีที่หล่อนได้ก่อเอาไว้โดยจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามให้สาสมใจก่อนนะยะ  เพราะดูจากรูปการณ์ในตอนนี้แล้ว...เห็นทีชั้นจะปล่อยหล่อนให้ลอยนวลเดินเชิดใช้ชีวิตอย่างผาสุกโดยไม่ด่าว่าให้หล่อนได้สติ คงจะไม่ถูกต้องนัก... เดี๋ยวคนอื่นจะมาเมาท์ชั้นลับหลังเอาได้ว่า บ.ก.ตงฉินผู้เที่ยงธรรมแต่ไม่ดำเท่าเปาบุ้นจิ้นจะสิ้นลายกลายเป็นแค่เสือกระดาษ เพราะคอยจะให้ท้ายนักเขียนที่มีศักดิ์เป็นเหลนรหัสสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

  นับวัน...หล่อนก็ยิ่งจะทำตัวงามหน้ามากขึ้นทุกที ทุกที...

...หล่อนรู้หรือไม่ว่า คดีที่หล่อนไปแสดงฤทธาอภินิหารย์ออกร้านเป็นการแสดงของดีที่บุพการีให้มาต่อหน้าต่อตาไอ้คนที่เราก็รู้ว่าใครน่ะ มันมีผลเลวร้ายกับคนในวงกว้างยังไงบ้าง?

ชั้นอยากจะให้หล่อนมาเห็นไอ้คนที่เราก็รู้ว่าใครด้วยสี่ตาของหล่อนเองเสียเหลือเกิน หล่อนจะได้เบิกตามองตอนที่มันกระอักก้อนเลือด และหลั่งน้ำตาของลูกผู้ชายออกมาด้วยความคั่งแค้นจากภายใน เพื่อที่หล่อนจะได้เข้าใจความลำบากลำบนของเพื่อนร่วมงานผู้บริสุทธิ์อย่างพวกชั้น ที่ต้องมาทนรับมือกับอารมณ์แปรปรวนเป็นสตรีมีเมนส์ แถมยังต้องคอยเคี่ยวเข็ญให้มันทำงานจนปากชั้นจะฉีกถึงรูหอยอยู่แล้วเนี่ยะ! 

ไอ้คนที่เราก็รู้ว่าใครมันหงอยเสียจนปล่อยไอความสร้อยเศร้าให้ออกมาเคล้ากับอากาศที่เราร่วมอาศัยหายใจระหว่างทำงาน คนในออฟฟิศเลยไม่ต้องเป็นอันทำอะไร นอกไปจาก...คอยแปะมือกันเดินมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเหยื่อผู้ประสบภัยหื่นกันจนพื้นหน้าห้องชั้นสึก จนชั้นจะโรยตัวลงไปประชุมกับฝ่ายบัญชีที่ชั้นเจ็ดได้โดยไม่ต้องอาศัยบันไดอีกต่อไป...

...เห็นหรือยังยะว่า สิ่งที่หล่อนทำด้วยอารมณ์อยากชั่ววูบนี่ ทำชั้นเดือดร้อนขนาดไหน...
...หล่อนก็คิดเอาเองแล้วกันว่า...หล่อนควรทำอย่างไรเพื่อแก้ไขความผิดที่หล่อนเป็นคนก่อ...
...ส่วนเรื่องการออกหื่นนอกสถานที่ของหล่อนกับสามี  ถ้าเลือกได้...ช่วยหักห้ามตัวเอง ไม่เผลอตัวทำเรื่องอุกอาจแบบนี้ต่อหน้าคนที่เราก็รู้ว่าใครอีกเป็นอันขาด เพราะไอ้คนที่เราก็รู้ว่าใคร มันอาจจะกลายเป็นบ้า แล้วลุกขึ้นมาไล่ปล้ำช่างพิมพ์ ไม่ก็อาร์ตไดฯเพราะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอีกต่อไปแล้ว

(หมายเหตุ: หล่อนรู้ใช่ไหมว่า ไอ้คนที่เราก็รู้ว่าใครมันไม่ได้ทำอย่างนั้นจริงๆ...ที่ชั้นเขียนไปก่อนหน้านี้น่ะ คือ figurative speech เฉยๆนะยะ อย่าไปเที่ยวเข้าใจว่ามันหลั่งเลือดนองน้ำตาตรงหน้าโต๊ะทำงานชั้นล่ะ...เดี๋ยวจะเสียชาติที่เกิดมานักเขียนกันพอดี)


เอาล่ะ... กลับมาว่าเรื่องงานกันเสียที (รัวคีย์บอร์ดด้วยมือข้างที่ถนัด พลางจัดปกเสื้อ และลูบปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าให้เรียบกริบด้วยมือที่ถนัดน้อยกว่าประสาคนเก่งรอบด้าน)

สองตอนล่าสุดที่หล่อนเขียนมา มันแซ่บเว่อร์ และเป๊ะอย่างที่หล่อนได้โฆษณาเอาไว้ แต่ชั้นว่า คนอ่านอาจจะไม่ค่อยหนำใจสักเท่าไรหรอกนะ หากจะได้อ่านเนื้อหาเด็ดดวงด้วยใจความน้ำจิ้มๆแบบนี้ เพราะฉะนั้น...เพื่อไม่เป็นการทำลายความสุขของเหล่าสาววายทั่วฟ้าเมืองไทย หล่อนจงรีบส่งตอนต่อไปมาให้ชั้นได้อ่านโดยเร็วที่สุด ถ้าเป็นไปได้...ขอเนื้อหาแบบเซ็กซ์คลูซีฟเลยได้ไหมยะ จะได้เรียกน้ำทั้งหลายของคนอ่านให้หลั่งท่วมแต่ละหน้าของหนังสือจนบวมไม่ได้รูปหลังจากรวมเล่มตีพิมพ์ โฮะ โฮะ โฮะ

สุดท้ายนี้...ชั้นขอขอบใจหล่อนมาก ที่หล่อนยังจดจำ และเฝ้าหาคำตอบให้กับคำถามของชั้นที่ว่า หลังจากที่เราได้ผ่านประสบการณ์คืนแรกอันแนบแน่นกับคนรัก เรามองโลกเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่? 

แต่ขอโทษเถอะนะยะ ถามจริงๆ...ที่หล่อนตอบชั้นมาเมื่อคราวก่อนนั้นน่ะ หล่อนโง่จริง...หล่อนแกล้งโง่...หรือว่าหล่อนอยากจะโชว์เหนือว่าหล่อนกับผัวกินกันได้ไม่เลือกที่ โดยยินดีที่จะระรานพื้นที่สาธารณะไปทั่วกันแน่ยะ?  อ่านคำตอบของหล่อนวนไปวนมาหลายๆรอบ ชั้นก็ชักจะสงสัยแล้วล่ะสิว่า...ไอ้ที่หล่อนคอยหาโอกาสอวดเรื่องบนเตียงของหล่อนกับผัวให้ชั้นได้รับฟังอยู่เนืองๆแบบเนียนๆนี่  เพราะหล่อนอยากจะทำให้ชะนีขาดน้ำอย่างชั้นต้องสะเทือนใจที่ไม่ได้ ไม่โดนผู้ชายกระหน่ำซั่มร่างอย่างหล่อนบ้างใช่หรือไม่ยะ...ตอบ!!!!

อย่างไรก็ดี...อย่าคิดว่าอาการโจ๊ะพองฟูเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากสามีของหล่อนจะทำอะไรชั้นได้...
...อย่าลืมว่า ชั้นไม่ได้ตำแหน่งบ.ก.มาโดยง่าย ด้วยการอาศัยหน้าตาเป็นใบเบิกทางอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ
!!


แม่หญิงเมี่ยง เสลี่ยงเลี่ยมทอง (บ.ก.)

ป.ล. ชั้นเชื่อแล้วล่ะว่า ชายหนุ่มหน้าละอ่อนผู้มีใบหน้า และออร่าน่ากินคนนั้นเป็นสามีของหล่อนโดยสนิทใจ เพราะเมื่อวันก่อน ชั้นได้เจอตัวเค้าเป็นๆกับตัวเองมาแล้ว  พ่อคุณมาคุยธุระอะไรก็ไม่รู้อยู่ตรงหน้าออฟฟิศกับไอ้คนที่เราก็รู้ว่าใครอยู่เป็นนานสองนานทีเดียว...

...เห็นแค่หน้าตาและรูปร่างก็บอกได้เลยทันที ว่าพ่อคนนี้จะเซี้ยวไม่หยอก...
...บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่า เวลาเค้าอยู่บนเตียงกับหล่อนนี่ เค้าดีงามตามท้องเรื่องได้มากขนาดไหน???
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
💋 แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย...เป็นเลสเบี้ยนเสียเลยจะดีกว่า


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


🚹 บ่นบนบล็อก
ชื่อโพสต์ : How to Tame a Bad Boy 👿 อ่อยเธอ...เลยเจอรัก แต่อ่อยหนักๆ...โดนรักไม่พักเลย }}
สถานะ : Draft



หากใครคุ้นเคยกับการดูหนัง หรือละครเป็นอย่างดี คงจะคุ้นเคยกับประโยคคำถามที่มักจะทำให้ตัวละครสะดุดคิดไปพักหนึ่งเสมอๆ  ซึ่งประโยคสุดคลาสสิกทำหน้าที่ประหนึ่งสัญญาณบอกใบ้ให้คนดูได้รับรู้จุดแตกหักที่จะนำมาซึ่งบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด มีใจความไม่สั้นไม่ยาวเพียงว่า มีทั้งข่าวดี และข่าวร้าย...อยากฟังข่าวไหนก่อน?...

...การบ่นของผมในครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะผมจะขอเริ่มมันด้วยประโยคคำถามนี้...
...เนื่องจาก ถึงเวลาแห่งการผูกปมของเรื่องกันเสียที หลังจากที่เสียเวลาอารัมภบทกันมานานหลายเดือน  นั่นก็หมายความว่า  เราทุกคนได้ร่วมเดินทางฝ่าฟันเรื่องราวบ่นๆมากมายกันมาถึงตอนใกล้จบแล้วล่ะครับ... 
.
...อ้ะ อ้ะ! อย่าเพิ่งดีใจจนออกนอกหน้าไปครับ สิ่งที่ผมเพิ่งบอกไปนั้น..ไม่ใช่ทั้งข่าวดี หรือข่าวร้ายที่ผมต้องการจะบอกให้พวกคุณร่วมรับรู้ในครั้งนี้แต่อย่างใด...ของจริงน่ะ กำลังจะมาให้พวกคุณได้อ่านหลังจากนี้เป็นต้นไปต่างหากล่ะ



ในเมื่อไม่มีใครที่จะสามารถเลือกคำตอบของคำถามข้างบนอกจากผมได้  ผมจึงขอเลือกแถลงข่าวดีอย่างที่สุดแทนการต้อนรับทุกๆท่านกลับเข้าสู่บล็อกบ่นๆของผมอย่างเป็นทางการ  ถือเสียว่า...เป็นการเบิกฤกษ์อุ่นเครื่องสายตาก่อนเริ่มอ่านงานเขียนยาวๆทรมานสายตาของผม  ด้วยความน่าอภิรมย์ชวนให้หัวใจกลายเป็นสีชมพูและพองฟูอย่างที่สุด  เผื่อว่าความสุขจากข่าวดี จะมีมากเสียจนช่วยทำให้คุณๆ ไม่ต้องรู้สึกตึงเครียดจนเกินไป หลังจากเนื้อความของข่าวร้ายออกแผลงฤทธิ์

ข่าวดีที่สุดของผมประจำช่วงเวลานี้ของชีวิตก็คือ ผมกับน็อตได้เริ่มคบหากันเป็นแฟนแล้วครับ...

...เรื่องน่าปลื้มยิ่งไปกว่านั้นเห็นจะได้แก่  เราสองคนได้สารภาพความในใจที่เรามีต่อกันอย่างหมดเปลือก แถมน็อตยังได้ยืนยันความรู้สึกรักที่เขามีให้ผมด้วยการมอบของขวัญแทนใจ คล้ายกับการตีตราจองทั้งตัว และหัวใจของผมอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเรียบร้อยแล้วด้วยล่ะครับ...... ขนาดผมที่เป็นคนเขียนซึ่งประสบพบเจอเรื่องนี้ด้วยตัวเองเมื่ออาทิตย์กว่าๆมาแล้ว  เมื่อได้กลับมาอ่านใจความข้างบนนี้อีกครั้ง ยังรู้สึกเลยว่า...บรรดาข่าวดีทั้งหลายที่ผมเพิ่งกล่าวถึงมานี่  ช่างฟังดูโรแมนซ์แสนสวีทชวนให้แอบกรี๊ดอยู่ข้างในอย่างไรก็ไม่รู้เนอะ...(กรี๊ดดดดดด!!)

แต่กว่าที่เรื่องทั้งหมดจะดำเนินมาถึงบทส่งท้ายด้วยความสมหวังของเราทั้งสองได้นั้น  ขั้นตอนทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็ทำเอาผมหืดขึ้นคอ เพราะต้องเข็น ต้องรุน ต้องกระตุ้นพ่อคุณให้รุกฆาตผมจนเหนื่อย

เนื้อหาที่ผมจะเล่าต่อไปนี้  จะจาระไนให้พวกคุณได้รับรู้ถึงรายละเอียดการเตรียมการทั้งหมด รวมทั้งเบื้องลึกเบื้องหลังของแผนปิดการขายเพื่อให้ได้นายตัวร้ายมาเป็นแฟน  อันเป็นที่มาของความสุขสมหวังตรงปลายทางแห่งรักระหว่างผมกับน็อต ณ เวลานี้ แต่ไหนๆจะโปรยหัวทั้งที... ผมขอจั่วประเด็นเรียกน้ำย่อยให้พวกคุณได้รับทราบแต่เนิ่นๆก่อนเลยครับว่า สิ่งที่ผมทุ่มเทกายใจทั้งหมดลงไปนี่ ไม่ใช่แค่เพื่อทำให้เราสองคนปลงใจคบหากันในฐานะคนรักเท่านั้น หากแต่มันคือการปูรากฐานไปสู่การครองคู่อย่างยั่งยืนไปจนกาลปาวสานอีกด้วย



สำหรับคู่รักคู่อื่นแล้ว กว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะรวบรวมความกล้าเพื่อสารภาพความในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้  หรือกว่าจะได้เริ่มคบหาดูใจในแบบคนรักนั้น จะยากเย็นเข็ญใจสักเพียงไหน...ผมเองก็ไม่อาจรู้ 

แต่ถ้าให้วัดจากประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อปักใจจะทำให้น็อตกลายมาเป็นคนรักคนแรก และคนสุดท้ายของผม  มันได้สอนผมให้รู้ว่า...การที่คนสองคนจะได้ลงเอยด้วยการครองคู่กันนั้น  ไม่ง่ายเลย...  ที่สำคัญ เพื่อจะไปถึงจุดหมายที่ว่า ทุกๆก้าวย่างต้องอาศัยความอดทน ความพยายาม ความตั้งใจอันแน่วแน่ และความรักที่มีให้กับน็อตอย่างมากมายมหาศาลเป็นเชื้อเพลิงคอยสนับสนุน   ไม่เท่านั้น...ผมยังต้องอุทิศเวลาไม่น้อย รอคอยจังหวะที่ดีที่สุด ก่อนจะลงมือตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อจะแน่ใจว่า แผนที่วางเอาไว้จะเดินหน้าไปอย่างใจหวัง 

แต่พอเอาเข้าจริง...บรรดาแผนหลัก แผนรอง แผนสองแผนเสริมที่เคยคิดสะระตะซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับซักซ้อมหาทางแก้มาเป็นร้อยเป็นพันครั้งอย่างรัดกุมกลับแทบใช้ไม่ได้  เพราะการตอบสนองของพ่อคุณกลับต่างไปจากแนวทางการรับมือที่ผมได้คิดเผื่อเอาไว้ล่วงหน้าราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ  สุดท้ายแล้ว...จากที่คิดว่าจะจัดการทุกๆอย่างได้สำเร็จด้วยตัวเองเพียงลำพัง กลับกลายเป็นว่า ผมต้องใช้กองกำลังเสริมเป็นบุคคลที่สามเพื่อเร่งปฏิกิริยาให้พ่อยอดชายยอมคายความรู้สึกที่มีให้ผมได้รับฟังเสียที

กระนั้น...อย่างที่ผมได้เกริ่นไปข้างต้นนั่นแหละครับว่า การได้มาซึ่งความรักหมดทั้งหัวใจ และการได้เป็นสุดที่รักของน็อต เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น... ซึ่งภาพรวมของแผนการทั้งหมด ผมจะทยอยเล่าให้พวกคุณได้รับฟังในลำดับถัดๆไป  แต่สำหรับเวลานี้... เรามารับรู้เบื้องหลังอันยากลำบากของการสร้างข่าวดีที่ว่ากันก่อนดีไหมครับ

ครั้งที่แล้ว เมื่อผมเปรยถึงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเราสองคน กับความจริงจังจริงใจของอีกฝ่ายที่จะทำให้ผมยอมรับรักที่ดูจะไม่กระเตื้องสักเท่าไร  ทำให้ผมต้องกลับมานั่งไล่อ่านเนื้อหาของหนังสือคู่มือจีบหนุ่มฯอีกครั้ง  แล้วก็พบว่า ยังมีข้อแนะนำอีกหลายบท ที่ผมควรต้องปฏิบัติตาม หากคิดจะมัดใจอีกฝ่ายโดยปราศจากความผิดพลาดใดๆ  ผมจึงไม่คิดลังเลเมื่อต้องทำตามคำแนะนำของท่านกูรู จนครบถ้วนทุกบทถึงหยดสุดท้าย... แม้ว่าในเวลานั้น หัวผมเริ่มจะมองเห็นปลายทางอันสุขสมหวังกำลังรอเราทั้งคู่อยู่เป็นแน่แท้แล้วก็ตามที

นี่เอง...คือต้นกำเนิดของแผนการพิชิตคำว่ารักและตำแหน่งแฟนน็อต รวมถึงความสำเร็จที่เกิดจากหยาดเหงื่อและความยากแค้นทั้งหลายทั้งปวงของผม   เรื่องราวที่ผมกำลังจะเล่าให้พวกคุณฟังต่อจากนี้ จะยึดเอาแนวทางการจีบพ่อยอดขมองอิ่มจากเนื้อหาสองบทในหนักสือคู่มือฯ ซึ่งผมได้รวบทุกอย่างเอาไว้ด้วยกัน  เพราะทั้งสองต่างเอื้อให้การมัดใจสุดหล่อในช่วงโค้งสุดท้ายอย่างนี้ ประสบความสำเร็จได้โดยส่งเสริมเติมเต็มซึ่งกันและกัน 

กล่าวคือ เนื้อหาของบทที่เจ็ดนั้นเกี่ยวกับการแสดงออกทางความรักที่เรามีต่ออีกฝ่ายเป็นประจำ  เพื่อบอกให้คนที่เราชอบตระหนักถึงความรู้สึกที่เรามี  ก่อนที่เป้าหมายที่ถูกหมายปองจะตัดสินใจตบปากรับคำ หรือ ขยำหัวใจฝ่ายจีบจนไม่เหลือชิ้นดี  และใจความสำคัญจากบทที่สิบเอ็ดซึ่งเป็นบทปิดท้าย ได้เน้นหนักขั้นตอนของสารพัดวิธีการในการสารภาพรักอันน่าประทับใจ เพื่อทำให้คนที่เราชอบจดจำไปตลอดชีวิต  เมื่อเข้าใจเจตนาของท่านกูรูอย่างแตกฉาน ผมจึงดัดแปลงให้ขั้นตอนของบทที่เจ็ดอยู่ในรูปของการกระทำที่ชาวบ้านอย่างเราๆมักจะเรียกกันติดปากว่า อ่อยเพื่อล่อให้เสือหนุ่มติดกับเสียก่อน แล้วค่อยจับพ่อเสือที่อยู่ในกรงมาฟังคำบอกรัก ผ่านทางการเลี้ยงดูและอยู่กินกันตลอดชีวิตตามคำแนะนำในบทที่สิบเอ็ดเป็นรายการถัดไป...

...ฟังดูเก๋ไก๋ไม่หยอกใช่ไหมล่ะครับ หึ หึ...
...แต่เมื่อถึงบทที่จะต้องลงมือทำตามที่คิดเอาไว้จริงๆ  ความคิดสวยหรูของผมในคราวนี้ ก็ทำเอาผมลำบากใจไม่ใช่น้อย... เฮ้อออ!

อย่างแรกเลย นั่นคือ... กิริยาที่เรียกว่า อ่อยค่อนข้างจะสวนทางกับตัวตนของผมมากพอดู   ยิ่งไปกว่านั้น...เมื่อพิจารณาจากหนังหน้า และสิ่งที่ผมเป็นทุกๆประการโดยถ่องแท้แล้ว ต่อให้เด็กเล็กๆคนไหนๆ ยังสามารถบอกได้เลยว่า ให้ตายอย่างไร...ผมก็ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้อ่อยที่น่าพิศวาสแม้แต่น้อย...

...ตามความเคยชินของเราๆท่านๆ  เมื่อเอ่ยถึงกิจกรรมการทอดสะพานสมานฉันท์ระหว่างคนสองคนนั้น เรามักจะนึกถึงการเล่นหูเล่นตาอย่างน่ารักน่าชังของสาวๆ ราวกับการรำแพนหางอย่างสวยงามของนกยูงตัวผู้ เพื่อบอกใบ้แก่ฝ่ายชายที่ตนหมายปองว่าเธอยินดีให้เขาจีบ หรือถ้ารีบหน่อยก็ลองคบกันเลยดีไหม  ซึ่งมันดูเป็นธรรมชาติและไม่ขัดหูขัดตา เพราะว่ามันเป็นแอพพลิเคชั่นที่สวรรค์รังสรรค์ให้ติดตัวเพศแม่มาตั้งแต่เกิดต่างเสน่ห์ประจำกาย...

...แต่พอเมื่อเอาคำว่า อ่อยมาห้อยคอผม บอกได้เลยว่า...แค่ครั้งแรกที่ผมคิดเรื่องอ่อยพ่อเจ้าประคุณขึ้นมา ก็ทำเอาขนทั้งร่างลุกเกรียวจากหัวจรดเท้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนตอนที่รอเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายหนัก  เพราะนอกจากหน้าตาของผมจะดูธรรมดาค่อนไปทางไม่น่าสนใจแล้ว  รูปร่างก็ยังดูแคระแกร็นเมื่อยืนเทียบกับน็อตหรือบรรดาผู้ชายแมนๆส่วนใหญ่ แถมยังเกิดมาเพื่อเป็นประชากรชาวเนิร์ดแบบเต็มขั้น  แค่ฝันว่าจะทำตัวเหมือนคนปกติยังจะยาก...แล้วนี่ต้องแสดงอาการขั้นแอดวานซ์ด้วยการสร้างอารมณ์ให้อีกฝ่ายเกิดความต้องการ อยากจะลากเราเข้าไปทำมิดีมิร้ายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น ผมว่า...ฝันเอาดูจะง่ายกว่าเป็นไหนๆ

แต่เมื่อมานั่งคิด นอนคิดอยู่หลายตลบ ผมก็ไม่เห็นทางไหนที่จะบอกใบ้ความรู้สึกรักที่ผมมีให้กับน็อตได้รับรู้ได้ดีไปกว่าการแสดงออกในรูปแบบนี้อีกแล้ว เพราะสาเหตุที่สนับสนุนให้ผมปลงใจยอมใช้การอ่อยเป็นสื่อเพื่อแสดงออกทางความรัก ที่ชักนำไปสู่การตกลงปลงใจของเราทั้งสองฝ่าย  ทั้งที่รูปสมบัติและคุณสมบัติส่วนตัวผมไม่ค่อยจะอำนวยกับแนวความคิดนี้เท่าใดนัก น่าจะเป็นเพราะ...

...ข้อแรก ในเวลานั้น ผมยังไม่อาจจะบอกความในใจให้กับน็อตได้รับรู้ได้เนื่องจากเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงที่ผมเคยได้บอกกับพวกๆคุณเอาไว้  เพราะฉะนั้น...คุณคิดว่า จะมีวิธีไหนที่พอจะเปิดโอกาสให้คนที่ไม่อาจเอ่ยปากบอกรักก่อนได้อย่างผม ควรใช้เพื่อส่งผ่านความรู้สึกรักและปรารถนาครอบครอง  ให้กับอีกฝ่ายซึ่งเป็นชายผู้รักการแสดงออกถึงอารมณ์ทางเพศอยู่ตลอดเวลาแบบน็อตได้ดีไปกว่าการยั่ว หรือ อ่อย เพื่อเปิดช่องให้อีกฝ่ายหาโอกาสล่วงเกินเราได้กันอยู่ตลอดเวลากันล่ะครับ

...และเหตุผลอีกข้อของผม เห็นจะเป็นเพราะ การอ่อย คือเครื่องมือชิ้นสำคัญในการปูทางไปสู่แผนการขั้นที่สองที่ผมเพิ่งจะเพิ่มเติมขึ้นมาเอาเองในภายหลัง ซึ่งผมสัญญาว่า พวกคุณจะได้รับทราบสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำทุกๆขั้นตอนโดยไม่มีหมกเม็ด เพราะฉะนั้น...รบกวนอดใจรอหน่อยนะครับ
 

ถึงแม้ว่าตัวผมจะได้ข้อสรุปที่แน่นอนถึงแนวทางในการพิชิตคำว่ารักของน็อต และผมเริ่มจะทำใจให้อ่อยอีกฝ่ายได้แล้วก็ตาม  หากแต่ความสาหัสที่เป็นดั่งบททดสอบอันยิ่งใหญ่ที่ผมต้องเผชิญระหว่างหนทางแห่งความสำเร็จนั้น ก็เล่นงานผมเสียจนเกือบถอดใจไปหลายครั้งเสียเต็มประดา  

อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของงานช้างในครั้งนี้ เห็นจะไม่มีใครคนไหนที่ทำเรื่องยุ่งยากได้เก่งมากไปกว่า พ่อเจ้าประคุณบุญทุ่มของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น  เพราะแรกสุดเลย...ความสงบนิ่งของเขา คืออีกหนึ่งสาเหตุที่นอกเหนือไปจากการทำตามหนังสือคู่มือฯ ที่เร่งเร้าให้ผมไม่อาจนิ่งนอนใจทำตัวเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนหลับสวยๆ ระหว่างเฝ้ารอจุมพิตแห่งรักของเจ้าชายได้อีกต่อไป...

...ลองคิดดูสิครับ หากพวกคุณต้องมาเป็นผม พวกคุณจะเครียดแค่ไหน เมื่อภายหลังจากคืนแรกที่เราทั้งสองได้ร่วมรักกันอย่างสุขสม จนรู้จักร่างกายของกันและกันเป็นอย่างดีแล้ว ความสัมพันธ์ทางกายของคุณกับคนที่คุณชอบก็รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว รุนแรง และเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ...  ในขณะเดียวกัน การยืนยันความรู้สึกอันมั่นคงทางจิตใจ ที่การันตีได้เมื่อคำว่ารักถูกเอ่ยผ่านริมฝีปากของอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียวนั้น  กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆให้เห็น ราวกับว่า...คำว่ารักระหว่างเรา  โดนทิ้งขว้างให้หล่นหายไปตกอยู่ตรงไหนของความสัมพันธ์ทางกายก็ไม่รู้... 

...ยิ่งคืนและวันผ่านพ้นไปนานเท่าไร คนของผมก็ไม่มีทีท่าจะเปิดประเด็นเกี่ยวกับความรู้สึกลึกๆที่เขามีขึ้นมาพูดคุยกับผมอย่างเป็นจริงเป็นจังเลยแม้แต่น้อย  นั่นเลยทำให้ผมเริ่มจะกังวลจนพาลคิดไปว่า หรือผมโดนเจาะไข่แดงไปกินฟรีๆแบบเติมฟรีไม่มีอั้น  เพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้รับประกันว่า เขาจะยอมรับตำแหน่งสามีอย่างออกหน้าออกตาให้กับผมเสียเมื่อไร...

...ด้วยความวิตกเพราะน็อตยังรีๆรอๆ ผมก็เริ่มจับสังเกตอากัปกิริยา และการแสดงออกของพ่อคุณผ่านการพูดคุยครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อสืบหาต้นตอว่าอะไรที่ทำให้สุดหล่อของผมยังไม่คิดจะเปิดใจกับผมเสียที จนได้รู้ว่า เจ้าตัวหวาดกลัวกับผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากเอ่ยคำนั้นให้ผมฟัง สิ่งที่เขาพูดนั้น...บอกได้ดีว่า เขากลัวที่จะสูญเสียผมไปตลอดชีวิต เพราะไม่ว่าอย่างไร คนที่ผมมองหาเป็นลำดับแรกคือผู้ชายในอุดมคติของผมเท่านั้น  ทั้งๆที่การกระทำของผมนี่ เฉลยให้เห็นกันอยู่ว่าผมตกลงใจไปถึงไหนๆแล้ว

แล้วอย่างนี้...ถ้าผมคงยังปักหลักเฝ้ารอให้น็อตเข้ามาจูบปลุกผมให้ตื่นจากนิทรา  จากเจ้าหญิงออโรร่าผู้เลอโฉม...ผมคงจะได้กลายเป็นเจ้าหญิงโอ้-ชราเมื่อตอนตื่นแน่ๆเชียวครับ นั่นเลยเป็นแรงผลักดันทำให้ผมยอมสลับสับเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกเพื่อการมีสามีโดยเฉพาะ

พอตัดสินได้ บวกกับแผนการคร่าวๆที่มีอยู่ในหัว ผมจึงริเริ่มขั้นตอนสู่ความสำเร็จด้วยการนำมาตรการต่างๆมาใช้ โดยเลือกปรับระดับความเข้มข้นของการลงมือไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพื่อขีดเส้นนำร่องให้อีกฝ่ายออกปากสารภาพความในใจได้เสียที 

ช่วงแรกๆ ผมพยายามส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายได้รับรู้ผ่านการพูดคุยซักถามถึงมุมมองต่างๆเกี่ยวกับความรัก และความสัมพันธ์ของเจ้าตัว รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดของผมคืนให้อีกฝ่ายได้รับรู้ไปพร้อมๆกัน โดยใจความของคำตอบทั้งหลายของผมมักจะบอกกับน็อตกลายๆอยู่เสมอว่า แท้ที่จริงแล้ว...เราสองคนต่างก็มีความคิดอ่านในเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้แบบที่น่าจะไปด้วยกันได้ดีมากๆ...  ถ้าน็อตจะเฉลียวใจ และเก็บเอาถ้อยคำ กับการกระทำต่างๆของผมกลับไปคิดตรึกตรองดูให้ดีๆสักนิด เขาก็จะรู้ได้เลยว่า หากเขายอมเปิดปากบอกความรู้สึกที่เขามีให้ผมรับรู้ก่อน เขาจะได้รับคำว่ารักตอบแทนกลับไปในทันที   แต่ต่อให้ผมลุ้นแทบตาย... ทุกๆอย่างหลังจากนั้นก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อสังเกตเห็นว่า การชวนคุยเรื่อยเปื่อยเริ่มจะไม่ได้ผล ผมจึงเปลี่ยนกลยุทธมาเป็น...ชวนน็อตคุยโดยพาดพิงถึงบุคคลที่สามซึ่งไม่มีตัวตนอยู่จริง ผมพยายามวาดฝันสวยหรูให้น็อตกังวลไปคนเดียวว่า ผมอาจจะไปเป็นของคนอื่นในเร็ววันก็ได้ หลังจากมีความมั่นใจในฝีมือการร่วมรักที่ได้ตั้งใจร่ำเรียนกับน็อตมากระดับหนึ่งแล้ว

ที่ผมตัดสินใจอุปโลกเอาใครสักคนขึ้นมาเป็นเป้าหมายแบบนี้  เพราะผมรู้จักน็อตเป็นอย่างดีว่า อีกฝ่ายมักจะแสดงตนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทุกๆสิ่งที่มีค่ากับเขา  เมื่อใดก็ตามที่พ่อคุณรู้สึกว่ากำลังจะเสียของรักไป เขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเอกสิทธิ์ในการครอบครองคน หรือ ของชิ้นนั้นเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว  ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ...ผมเชื่อว่า การไม่มีคู่แข่งอาจเป็นบ่อเกิดสำคัญซึ่งทำให้คนของผมไม่มีความมุ่งมั่นกับการขอความรักจากผมอยู่แบบนี้  ตัวร้ายในอากาศจึงถูกสร้างขึ้นมา เพื่อช่วยปลุกให้น็อตตื่นจากความฝันอันแสนหวาน  แล้วกระโดดลงสู้ในสนามรักจริงๆจังๆเสียที

เมื่อเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการข่มขู่ทางวาจามาได้สักพัก จนเริ่มเห็นว่าพ่อคุณดูหนักอกหนักใจเมื่อต้องเห็นผมเฝ้าพร่ำเพ้อถึงชายอื่นจนออกนอกหน้า  ผมก็เดินหน้าเพิ่มความรุนแรงด้วยการยิงคำถามเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์โดยใช้ตัวผมกับตัวเขาเป็นตุ๊กตาในกรณีสมมติต่างๆ บวกกับการตอบคำถามโดยอาศัยเล่ห์เหลี่ยมทางจิตวิทยา เพื่อกดดันให้อีกคนรู้สึกอึดอัดจนเกือบจะหลุดปากถึงสิ่งที่ตนเองรู้สึกออกมาหลายครั้ง

ระหว่างทุกๆช่วงที่ว่ามานั้น  ไม่ว่าปากผมจะคอยคุยด้วยหัวข้อธรรมดาๆ  หรือพูดจาสรรเสริญเยินยอชายอื่นที่ไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้า หนักมากๆถึงขั้นว่า ผมเคยบอกปัดเขาถึงการวาดฝันอนาคตร่วมกัน จนคนฟังทำหน้าสลดหดเหลือสองนิ้ว  ผมก็จะคอยแสดงออกความต้องการทางกายผ่านการสัมผัสเรือนร่างของน็อตอย่างรักใคร่อยู่เสมอ...

...บอกได้เลยว่า หลังจากที่เริ่มอ่อยจนไม่อายแล้ว ผมก็สามารถนำเสนอการสัมผัสทุกรูปแบบในเชิงชู้สาวที่มีจารึกอยู่ในโลก ออกมาสู่สายตาน็อตได้อย่างเร้าอารมณ์ใคร่ของอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด   ผมปรนเปรอความสุขสมทางเพศอันหาใดเปรียบได้เท่าที่คนๆหนึ่งจะทำให้เกิดกับคนอีกคนได้จนล้นเกินพอดี   ถึงกระนั้น...มันก็ยังไม่ใช่เป้าหมายของผม

เพราะแท้ที่จริงแล้ว  ผมต้องการทำให้เขารับรู้ว่า ไม่มีวันที่เขาจะได้สัมผัสประสบการณ์ทางกายผ่านบทรักที่ถึงอกถึงใจแบบที่ผมทำให้เขาได้ที่ไหนอีกต่อไป ผมจงใจจะทำให้น็อตเสียผู้เสียคนเรื่องเซ็กส์ที่เขามีกับผมจนเข้าขั้นยากเกินจะถอน  ผมคอยแต่จะอ่อย ยั่ว คั่ว ขย่ม อม ดึง เคล้นคลึง ทึ้ง และทำอย่างอื่นอีกมากมายอย่างเต็มที่...เพื่อให้เราทั้งสองคนได้แลกเปลี่ยนความรู้สึกหฤหรรษ์ผ่านการสังวาสแบบถึงลูกถึงคนอยู่ตลอดเวลา  ด้วยหวังจะหลอกล่อให้พ่อเสือหนุ่มเสพติดรสรักของเราโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว  ซึ่งต่อไปในภายภาคหน้า... การดำรงชีวิตอยู่โดยปราศจากสัมผัสจากกายผม จะกลายเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเขา

เมื่อความกระสันอยากในร่างกาย และการโหยหาความอิ่มเอมจากเซ็กส์อันดิบเถื่อนราวสัตว์ป่าที่ผมมอบให้เขา เกิดขึ้นควบคู่ไปกับความรู้สึกรัก ต้องการครอบครอง และอยากเป็นเจ้าของผมแต่เพียงผู้เดียว  สุดท้ายแล้ว...จากเสือร้าย น็อตก็จะกลายเป็นเพียงลูกแมวเชื่องๆตัวหนึ่ง ที่ไม่คิดจะก้าวเท้าออกจากชีวิตผมเพื่อเดินตามรอยสิงห์นักล่าดั่งที่เคยเป็นเมื่อก่อนอีกต่อไป

อ่านมาถึงตรงนี้ พวกคุณคงจะเริ่มคิดในใจแล้วว่า เออ...คนยั่วอย่างผมนี่ก็ลงทุนทำทุกวิถีทางเพื่อส่งสัญญาณไฟเขียวตอบรับ จนจะเหลือก็แต่พูดคำว่ารักออกมาเท่านั้น ส่วนน็อตเองก็แสดงออกว่ารักผมอย่างโจ่งแจ้งแทบจะทุกลมหายใจอยู่แล้ว ทุกอย่างก็ควรจะจบเรื่องกันไปด้วยความสุขใจเสียที...

...แต่เปล่าเลย
!...
...ผมทำถึงขนาดนี้  ทว่า...พ่อยอดชายตัวดี ก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามความกลัวของตัวเองมาได้...
...น็อตก็ยังคงหวาดผวากับเรื่องเดิมๆ จนเลือกที่จะเฝ้ารอเพื่อให้แน่ใจว่าผมคิดตรงกันกับเขา พ่อคุณเลยไม่ยอมบอกคำนั้นออกมาสักครั้ง  ผมจึงต้องเริ่มมาตรการที่สอง ซึ่งโดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไรนักเพราะวุ่นวายมากกว่า และดูจะควบคุมขอบเขตของปัญหาแทรกซ้อนเฉพาะหน้าได้ยากจนน่าปวดหัวงเ หากแต่ค่อนข้างการันตีผลสัมฤทธิ์มากที่สุดในระยะเวลาอันสั้น



ซึ่งนั่นก็คือ...กลยุทธยืมมือคนนอกมาปลุกปั่น  ความคิดนี้ผุดขึ้นเมื่อผมได้เปรยกับพ่อเจ้าประคุณว่า ผมเริ่มเมียงๆมองๆและพิจารณาเป้าหมายหัวใจคนใหม่  แค่ครั้งแรกที่ได้ฟังความคิดอันก๋ากั่นของผม น็อตก็ออกอาการร้อนรนจนนั่งไม่ติด เฝ้าแต่คอยย้ำให้ผมฟังซ้ำๆว่าผมยังไม่พร้อมจะลงมือจีบใครในขณะที่ยังไม่บรรลุเคล็ดวิชากามาคร่าโลกันต์  วินาทีที่ผมเห็นใบหน้า..สายตา ท่าทาง และรับรู้ถึงความรู้สึกหวาดระแวงของเขา ทำให้ผมเกิดความคิดพิเรนทร์ๆที่จะลากใครสักคนที่พร้อมจะลงเล่นในเกมครั้งนี้ ในฐานะมือที่สาม ผู้ที่มีภาษีดีเท่าเทียม หรืออาจจะดีกว่าน็อตเข้ามาเป็นตัวช่วยอย่างจริงๆจังๆ

เดิมที...ผมตั้งใจจะใช้เคะน่ารักๆสักคนแถวบ้านเข้ามาเป็นบุคคลที่สามในความรักของผม...

น้องคนนั้น เป็นคนที่น็อตมักจะเฝ้าอิจฉา และคอยระแวงยามที่ได้เห็นผมใช้เวลาร่วมกับน้องอยู่เสมอ  แต่เมื่อผมได้รู้ว่า...พี่ชายฝาแฝดของน้องเคะคนดังกล่าว  ยินดีรับงานพิเศษทำนองนี้โดยแลกกับเงินค่าขนมนิดๆหน่อย ในอัตราซึ่งผมพอจะจ่ายได้โดยไม่เสียดายมากนัก ผมเลยกลับมาคิดทบทวนเรื่องตัวละครที่ผมกำลังหาอยู่ดูอีกครั้ง  แล้วก็ได้ข้อสรุปอันน่าสนใจว่า... แทนที่จะให้มือที่สามเป็ยชายหนุ่มตามสเปคของผม ทำไมไม่เปลี่ยนให้คนที่เข้ามาติดพันผม หรือคนที่ผมชอบใจเป็นคนที่ดูคล้ายๆกับน็อตดูเสียล่ะ  ทีนี้...น็อตจะได้เห็นภาพของการสูญเสียอย่างชัดเจน  จนต้องรีบแจ้นมาบอกรักผม และขอผมเป็นแฟนภายในวันสองวันแน่ๆ...

พวกคุณเชื่อไหมครับว่า ทันทีที่น็อตเริ่มไหวตัวว่าเขาอาจจะไม่ใช่เสือนหนุ่มเพียงตัวเดียวที่เข้ามาป้วนเปี้ยนในสังเวียนรักครั้งนี้อีกต่อไป  ทุกอย่างที่ผมเฝ้ารอมานานแสนนานก็เกิดดอกออกผลจนน่าชื่นใจขึ้นในเวลาอันรวดเร็วแบบไม่น่าเชื่อ เพราะระหว่างที่ผมยังใคร่ครวญเรื่องมือที่สามอยู่นั้นเอง  ผมก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการติดต่อน้องเคะเป็นลำดับแรกไปพร้อมๆกัน  เพื่อแหย่ให้พ่อยอดชายตื่นตระหนกถึงภัยคุกคามด้านความมั่นทางความสัมพันธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้

และในตอนดึกของคืนนั้นเอง... หลังจากเซ็กส์ตามบทบาทสมมติอันเร่าร้อนของเราจบลงอย่างงงๆ เพราะน็อตแอบเปลี่ยนบทกลางอากาศ โดยแทรกการบอกรักที่ผมไม่ได้กำหนดเอาไว้เข้ามาระหว่างการละเล่นของเรา ทำเอาผมถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ๆ  น็อตก็ขอผมเป็นแฟนด้วยอาการหน้ามึนอย่างที่สุด

แต่พวกคุณรู้ไหมครับว่ายังมีสิ่งที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นเกิดขึ้นอีกหนึ่งอย่าง...
.
.
...จนแล้วจนรอด  น็อตก็ยังไม่ยอมเปิดปากเผยความรู้สึกที่เขามีต่อผมอยู่ดี...  

ถึงอย่างนั้น...สุดท้ายแล้วผมก็ยอมตามน้ำไปกับการรวบหัวรวบหางของอีกฝ่ายไปก่อน เพราะผมเห็นใจเจ้าตัวมากพอดู  เพราะเขาน่าจะกำลังตกอยู่ในภาวะจนตรอกยิ่งกว่าครั้งไหนๆ   ใจหนึ่งเขาคงกลัวว่าผมจะกลายเป็นของคนอื่นไปเสียก่อน  เขาเลยตัดสินใจรั้งผมเอาไว้ด้วยสถานะแฟนด้วยเหตุผลครึ่งๆกลางๆ ซึ่งฟังไม่ขึ้นสักเท่าไร

ส่วนอีกใจ...เขาคงกำลังต่อสู้กับความกลัวว่าอาจจะสูญเสียผมไป หากพลั้งปากเอ่ยคำว่ารักออกมาโดยที่เขาไม่ใช่คนที่ผมต้องการ นั่นเลยเป็นคำอธิบายให้ผมเข้าใจได้ถึงการบิดเบือนบทบาทสมมติที่เราเพิ่งเล่นจบ เพราะเขาคงอยากจะเห็นปฏิกิริยาของผม ด้วยการจำลองการบอกรักผ่านบทบาทในฉากเซ็กส์ เพื่อจะได้ตัดสินใจว่า ควรจะทำอย่างไรกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อผมดี   

เห็นไหมครับ ที่ผมเกริ่นไปตั้งแต่แรกว่า กว่าที่ผมจะทำให้เราสองคนตกลงปลงใจ และบอกรักกันได้นั้น ผมต้องฝ่าฟันกับอะไรมากมายน่ะไม่ใช่การพูดเกินจริงแม้แต่น้อย...  หึ! แต่อย่าลืมนะครับว่า เราเพิ่งจะผ่านขั้นแรกมาได้เท่านั้นเอง  ผมเลยเดินหน้าเพื่อทำให้อีกคนบอกรักผมให้ได้ต่อทันที

เมื่อเห็นผลด้านบวกของมาตรการอ้างอิงชื่อมือที่สามขึ้นมาลอยๆอย่างเป็นรูปธรรม ขนาดที่ว่าสามารถกดดันให้น็อตมาขอผมเป็นแฟนได้ภายในวันเดียว  ผมเลยเชื่อมั่นว่า หนทางนี้จะนำมาซึ่งความสำเร็จในความรักของผมจนสมใจเป็นแน่แท้  ดังนั้น...ทันทีที่ผมตกลงเป็นแฟนกับน็อต ผมก็เริ่มติดต่อมอบหมายหน้าที่มือที่สามให้น้องแฝดผู้พี่ทางอีเมลทันที และน้องคนนี้...มีชื่อสมมติว่าเปอร์ครับ 



จะว่าไปแล้ว การเข้ามามีบทบาทของน้องเปอร์ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความต้องการที่จะทำให้น็อตยอมเอ่ยความในใจเพียงอย่างเดียวหรอกครับ หากแต่มันมีอะไรมากกว่านั้น... และสิ่งที่พวกคุณๆยังไม่ได้รู้นี่แหละครับ คือส่วนหนึ่งของข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงนี้

จากตอนต้นที่ผมบอกให้ทุกคนได้ทราบมาโดยตลอดว่า การทำให้น็อตบอกรัก และการตกลงเป็นแฟนกัน เป็นเพียงแค่แผนแรกที่ผมคิดมาตลอดว่าผมจะทำให้สำเร็จให้จงได้  แต่พอเราสองคนอยู่ด้วยกันมากๆเข้า ผมจึงได้มีโอกาสเห็นตัวตนของอีกฝ่ายอย่างถ่องแท้ จึงทำให้ผมตระหนักได้ทันทีว่า ถ้าผมมัวแต่หลับหูหลับตาขุดหลุมรัก ก่อนเอาตัวเข้าล่อเพื่อให้พ่อสุดหล่อตกลงไปโดยไม่อาจถอนตัวขึ้นจากหลุมนั้นมาได้เพียงอย่างเดียว  สุดท้าย...คนที่จะต้องหน้าชื่นอกตรมอยู่ในสรวงสวรรค์บนชั้นสูงสุดของนรก จะกลายเป็นตัวผมไปเสียเอง

เพราะพ่อคุณมีข้อเสียอยู่ประการหนึ่ง  ซึ่งสำหรับผมแล้ว...หากน็อตแสดงข้อเสียนี้ออกมาในยามปกติ มันจะช่วยส่งเสริมให้เขากลายเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดูเสียมากๆ... แต่เมื่อมันปรากฏกายในยามที่เจ้าตัวเกรี้ยวกราดไร้สติ มันจะกลายเป็นเป็นมหันภัยอันร้ายกาจที่สามารถทำลายความสงบสุขในชีวิตคู่ของเราสองคนได้อย่างราบคาบในชั่วพริบตา  นั่นคือ...ด้านมืดของความรักที่เขามีให้ผมนั่นเอง

ด้านมืดที่ว่านั้น มีร่างอวตารเป็นการหึงหวงครับ...

ช่วงแรกๆที่น็อตออกอาการหึงผมเวลาที่ผมต้องไปเจอกับใครๆที่ออกอาการกระลิ้มกระเหลี่ยใส่ผมอย่างไม่คิดปิดบัง  ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้ผมรู้สึกดีและเป็นปลื้มไม่น้อย ที่เขามองผมเป็นคนสำคัญ...คนที่เขาอยากถนอมเอาไว้กับตัวโดยไม่คิดจะให้ไปยุ่งเกี่ยวกับใครในเชิงชู้สาวอีกเลย  แต่ลึกๆแล้ว...ยิ่งนานวัน ความหวาดกลัวกับอาการหึงหวงจนเกินพอดีในบางครั้งของพ่อคุณ ค่อยๆเริ่มสะสมจนก่อตัวเป็นความกังวลอยู่ในใจผมแทบไม่เว้นแต่ละวัน

ยิ่งเขารักผมมากขึ้นเท่าไร...
...ยิ่งเขาได้ครอบครองร่างกายของผมโดยสมบูรณ์...
...เขาก็หวังจะให้ผมรักเขามาก และรักเขาเพียงคนเดียวไปตลอด...

นั่นจึงทำให้น็อตออกอาการหึงหวงอย่างร้ายกาจแบบที่ว่า พักหลังๆมานี่ พ่อคุณไม่ยอมปล่อยให้ผมคลาดสายตา ไม่ยอมให้ผมได้คุยกับใคร หรือเปิดโอกาสให้ใครมาคุยกับผม ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนใหม่ หรือ แค่คนรู้จักก็ตาม และหากคนที่เข้ามาดื้อดึงเกินไปกว่าการเจรจาแต่โดยดีจะจัดการได้ เขาก็จะเริ่มพึ่งพาการใช้ความรุนแรงทุกวิถีทางเข้ามาเป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดผู้มาใหม่ที่ไม่พึงประสงค์ให้หลบลี้หนีหน้าไปจากสายตาผมโดยเร็วที่สุด


การตั้งความหวังเพื่อแค่ขอให้เราสองคนเป็นแฟนกัน รักกัน และอยู่ด้วยกันไปตลอดเท่านั้นจึงเริ่มจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป เพราะหากผมต้องการที่จะปูรากฐานเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันมั่นคงให้เกิดขึ้นระหว่างสองเราตราบชั่วฟ้าดินสลาย ผมจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปรับเปลี่ยนนิสัยหึงโหดร้าย และอาศัยความรุนแรงเป็นเครื่องตัดสินปัญหาให้หมดไป... หรือถ้าหากมันจะเป็นไปไม่ได้ ผมแค่หวังจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้น็อตยอมร่วมมือ และพยายามแก้ไขสิ่งเหล่านี้ให้ลดน้อยลง...ชีวิตคู่ของเรา คงจะเป็นสุขได้ในที่สุด

การดัดนิสัยหึงไม่ได้สติของน็อต จึงกลายเป็นเป้าหมายที่ขยายผลต่อมาจากแผนการแรกอย่างช่วยไม่ได้ครับ...

พวกคุณหลายคนอาจจะเริ่มตั้งคำถามในใจว่า...แล้วทำไมผมต้องมาทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นเรื่องยากอยู่แบบนี้ด้วย ทำไมผมถึงไม่พยายามเดินเข้าไปคุยกับอีกฝ่ายให้เข้าใจ แล้วขอให้เขาปรับตัว... หึ หึ ถ้ามันทำได้ง่ายและมีความเป็นไปได้จริง ผมคงจะเดินหน้าทำไปแล้ว...




...อย่าลืมสิครับว่า คนที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี่ คือน็อต พ่อยอดขมองอิ่มจอมเอาแต่ใจของผมหนึ่งเดียวคนนั้นนะครับ และถ้ามันเป็นเรื่องที่น็อตไม่เห็นด้วย หรือไม่อยากทำ... พ่อคุณของผมก็จะตีรวน และหาเรื่องป่วนทันที ซึ่งการจะขอให้น็อตเลิกหึงหวงนั้น...น่าจะเข้าขั้นยากเกินกว่าจะเกิดขึ้นจริงได้หากใช้แค่วาจาต่อรองแน่ๆ

ผมเลยนำน้องเปอร์เข้ามาเป็นตัวช่วยเพื่อให้แผนของผมสำเร็จได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น...
ผมหวังให้การมาของน้องเปอร์ช่วยเร่งให้น็อตกล้าบอกรักผมเร็วยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้ผมมอบบทเรียนสั่งสอนพ่อสุดหล่อของผม เพื่อที่เขาจะได้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองดูสักตั้ง เมื่อเห็นว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการยิงปืนนัดเดียวแต่ได้นกถึงสองตัว ผมก็ไม่คิดจะรีรออีกต่อไป

อย่างไรก็ดี...เพื่อขับเคลื่อนให้สุดยอดแผนการสำเร็จลงได้ คงไม่ใช่แค่น้องเปอร์เท่านั้น ที่จะต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ขมีขมัน  ผมเองก็เช่นเดียวกัน...ผมจึงกำหนดทิศทางการวางตัวในแผนการนี้อย่างชัดเจน ด้วยการแสดงออกทางความรักที่ผมมีให้กับน็อตอย่างโจ่งแจ้ง เพราะผมต้องการทำให้น็อตได้สัมผัสถึงการแสดงออกตามธรรมชาติของผม เมื่อเรากลายเป็นคู่รักกันโดยสมบูรณ์ทั้งสถานะ และความรู้สึก ซึ่งมันจะช่วยทำให้เขามั่นใจได้ว่า ต่อให้น็อตไม่คอยมาควบคุมผมอยู่ตลอดเวลา เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่า จะเสียผมให้กับใคร

อย่างไรก็ดี...ผมคงไม่อาจเริ่มต้นหน้าที่ของตัวเองได้ หากเราสองคนยังไม่ได้สารภาพความรู้สึกที่เรามีให้อีกฝ่ายได้รับรู้...มันจึงถึงคราวที่ผมต้องเปลี่ยนแผนปลีกย่อยจากความตั้งใจเดิมอีกครั้ง

ผมเปลี่ยนจากฝ่ายตั้งรับ เป็นการแสดงท่าทีเป็นผู้ชง ผู้ชี้ช่องให้อีกคนสามารถเฉลยความรู้สึกในใจได้อย่างไม่ขัดเขินเสียเอง... พูดง่ายๆก็คือ การที่น็อตบอกรักกับผมได้นั้น หลักๆแล้ว เป็นเพราะผมเป็นฝ่ายหยอดออกมาก่อน โดยไม่รอท่าใดๆอีกต่อไปน่ะแหละครับ  ซึ่งผมอดขอบคุณตัวเองไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าไม่ใช่ผมเริ่มชี้โพรงให้กระรอกก่อน มีหวังผมคงต้องได้ร้องเพลงรอพ่อเจ้าประคุณไปตลอดแหงๆ

แต่ก่อนที่ผมจะตัดสินในเปลี่ยนแผนการในครั้งนี้ ผมได้ทดสอบความเชื่อของตัวเองในเรื่องอาการหึงหวงของน็อตด้วยความช่วยเหลือของน้องเปอร์อยู่หลายครั้ง   และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ผมตัดสินใจทำจะเปลี่ยนแปลงนิสัยของสุดหล่อในข้อนี้โดยเร็วที่สุดก็คือ เมื่อได้เห็นพ่อเจ้าประคุณวิ่งเข้ามาชาร์จน้องเปอร์ โดยหมายจะทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายเพื่อสั่งสอน หลังจากที่น็อตเห็นน้องเปอร์สัมผัสหน้าผมด้วยเหตุสุดวิสัยบางอย่าง พอผมเห็นสภาพบ้าคลั่งของเขาต่อหน้าต่อตาตัวเอง ผมก็ไม่อาจจะหลับตาข้างหนึ่งแล้วปล่อยให้แฟนกลายเป็นคนหึงหวงราวกับหมาบ้าพูดจาไม่รู้เรื่องอยู่อย่างนี้อีกต่อไป



และนี่คือที่มาของข่าวร้ายที่สุดระหว่างผมกับน็อต...
เพราะแผนนี้นี่เอง ที่ทำให้ผมกับน็อตในตอนนี้ ต้องแยกกันอยู่โดยไม่มีกำหนดครับ





๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

Wednesday, November 26, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 34: กงเกวียนกำเกวียน



บทรุกที่ 34: กงเกวียนกำเกวียน
(กงเกวียนกำเกวียน : สิ่งที่เกิดตามกันมา ใช้เปรียบกับการกระทำของมนุษย์ ว่าผู้ใดทำกรรมอย่างใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้น)




 ทุ่มกว่า/ วันพุธ/ ห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล

ผมกำลังถูกขังอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมใบเล็กๆใบหนึ่ง... 
ผมไม่รู้ว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังผม...สิ่งอื่นๆที่อยู่ร่วมกันภายในกล่องนี้ คืออะไรบ้าง...

แต่ผมรู้ว่า ที่ข้างนอกกล่องมีอะไร...
ที่ตรงนั้น ร่างบอบบางสุดที่รักของผมกำลังยืนหันหลังให้   ข้างๆกายขนุน มีแผ่นหลังของผู้ชายคนอื่น...ซึ่งมองอย่างไร ก็ไม่ใช่ผม กำลังโอบไหล่เล็กๆของเมียผมแล้วลูบต้นแขนเบาๆราวกับจะปลอบ  หลังจากนั้นไม่นาน...แผ่นหลังของขนุนก็กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง เหมือนกับกำลังสะอื้นหนัก...ผมพยายามเปล่งเสียงร้องเรียกชื่อขนุนซ้ำไปซ้ำมา หากแต่ว่า...ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากปากผมแม้แต่นิดเดียว...

แต่ผมจะสิ้นหวังและยอมแพ้ไม่ได้...
ผมพยายามวิ่งเอาตัวเข้ากระแทก เตะ ทุบ และทำทุกวิถีทางให้กระจกใสตรงหน้าแตกละเอียด... ขอแค่รอยแตกเพียงเล็กน้อย ที่จะพาผมหลุดออกจากกล่องใบนี้ไปให้จงได้...
เพื่อให้ผมได้กลับไปยืนอยู่กับขนุนตรงนั้น ไปทำหน้าที่ที่ผมเหมาะสมอย่างที่สุด...
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นผล...


สักพัก ผมก็ได้ยินเสียงของไอ้ผู้ชายที่กำลังหาเศษหาเลยกับขนุนพูดกับร่างบางของผม “พี่ขนุนครับ...ทำไมพี่ต้องทนอยู่กับคนที่เอาแต่สร้างความเดือดร้อนไม่มีหยุดหย่อนอย่างเค้าด้วยล่ะครับ”

...ฟังแค่เสียง ผมก็รู้ได้ทันทีว่าไอ้เหี้ยที่กำลังยืนเกาะไหล่เมียผมอยู่นั้น มันเป็นใคร...
...กะอยู่แล้วเชียว ว่าจะต้องเป็นมึง...ไอ้เหี้ยช็อป!  มึงเอามือของมึงออกจากไหล่เมียกูเดี๋ยวนี้นะ!!

“ฮึก...แต่พี่รักน็อตนะช็อป พี่รักเค้ามาก และพี่จะรักเค้าเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิตของพี่...
.
...ฮึก ฮึก แต่ถึงจะรักมากแค่ไหน ดูเหมือนว่าความรักของพี่ก็ไม่มีความหมาย..
...พี่ไม่รู้จะทำยังไงดี...ตลอดมา พี่พยายามจะขอร้องให้เค้าเปลี่ยนนิสัย  บอกให้เค้าใจเย็น ห้ามไม่ให้เค้าใช้กำลัง...
...จนแล้วจนรอด เค้าก็ยังจะดื้อแพ่ง ทำตามความต้องการตัวเองโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอยู่อีก” เสียงสะอื้นที่เบาลงมากแล้วของขนุนระบายความรู้สึกออกมาอย่างหนักใจ

ไอ้เหี้ยช็อปยังคงยุแยงเมียผมไม่ขาดปาก “ก็นั่นน่ะซิครับ... คนๆนี้ ต่อให้พูดอะไรไปเท่าไร คงจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกครับ...อีกอย่าง ที่เค้าหึงหวงพี่ขนุนออกนอกหน้าอยู่ตลอดเวลาแบบนั้นน่ะ มันไม่ได้หมายความว่า เค้าไม่เคยไว้ใจพี่ขนุนเลยซักครั้งหรอกเหรอครับ?” พูดจบ มันก็เอื้อมมือมาลูบผมขนุนเบาๆ แล้วกดให้หัวทุยของเมียผมเอนลงซบกับบ่าของมันทันที

...หนอย!! นี่มึงชักจะทำเกินกว่าเหตุไปแล้วนะ อย่าให้กูออกไปได้เชียวนะมึง...
...กูรับรองเลยว่า คราวนี้...มึงต้องได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ!!!

พอหัวของขนุนวางลงบนไหล่ของอีกฝ่าย เมียผมก็เริ่มจะสะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆออกมาอีกรอบ “ฮึก...ฮึก...ช็อปว่าพี่ควรทำยังไงดี... พี่เหนื่อยกับการคอยตามแก้ปัญหาที่เกิดเพราะความวู่วามของน็อตเต็มทีแล้วล่ะ ฮึก..”

...ขนุน!! ขนุนอย่าเพิ่งถอดใจไปจากเค้าสิฮะ... 
...เค้าสัญญา...เค้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเตง  เตงให้โอกาสเค้าอีกครั้งนะฮะ!

ไอ้เหี้ยช็อปเหลือบมามองยังที่ๆผมยืนอยู่ แล้วยิ้มร้ายๆอย่างเจ้าเล่ห์ พลางเอ่ยเสนออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ “หึ หึ...ไม่เห็นจะยากเลยครับ พี่ก็เปลี่ยนมารักกับผมแทนซิ รับรองว่า...จะไม่มีปัญหางี่เง่าพวกนั้นมาคอยทำให้พี่ขนุนปวดหัวอีกต่อไป”

...มึงเองสินะ ที่เป็นคนจับกูมาขังเอาไว้ในนี้ แล้วก็ทรมานกูด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดอยู่ต่อหน้ากูนี่...
...ไอ้เหี้ยช็อป...มึงต้องไม่ได้ตายดีแน่ เชื่อตีนกูได้เลย!

“จริงเหรอช็อป... ต่อไป พี่ไม่ต้องมาคอยเสียใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนั้นอีกต่อไปแล้วใช่ไม๊?” เมียผมถามอย่างโล่งอก ราวกับสนใจข้อเสนอของไอ้เหี้ยช็อปเสียเต็มประดา

“ครับ...เชื่อใจผมซิครับ ผมรักพี่ขนุนนะครับ” ไอ้คนใจหมาที่กล้ามาแย่งคนรักของผมไปหน้าด้านๆ แม่งก็ตอบรับคำด้วยน้ำเสียงระรื่น แต่นั่นยังไม่ชวนให้เจ็บปวดเท่ากับสิ่งที่ผมได้ยินออกจากปากขนุน

“ฮื่อออ...พี่ก็รักช็อปเหมือนกัน” พูดจบ ใบหน้าด้านข้างของเมียผมก็ส่งยิ้มหวานแบบที่เจ้าตัวมักจะยิ้มให้ผมเพียงคนเดียวไปให้ไอ้เหี้ยช็อป แล้วริมฝีปากแดงก่ำของเขา ก็ประทับลงบนแก้มของไอ้เด็กเวรนั่นราวกับการลงนามท้ายสัญญา

...ขนุน ขนุน...ขนุน เดี๋ยวก่อนซิฮะ!...
...ขนุนอย่าเปลี่ยนใจไปจากน็อตนะฮะ เค้ารักเตงนะ เค้ารักเตงมาก........ไม่นะ!!!!!



รู้สึกตัวอีกที ก็เป็นตอนเดียวกับที่มือของพี่กานต์แตะลงบนไหล่ของผมเบาๆจนผมเผลอสะดุ้งตื่น เมื่อมองไปรอบๆก็พบว่า ข้างนอกมืดไปหมดแล้ว... ผมยังอยู่ที่โรงพยาบาล และบนเตียงที่ผมนั่งฟุบหลับไปนั้น มีร่างของพี่ปีย์นอนหลับสนิทอยู่ พอผมหันกลับไปหาเจ้าของฝ่ามือที่บีบหัวไหล่ผมอย่างเป็นห่วง ผมก็เห็นพี่กานต์กำลังยิ้มให้อย่างเอ็นดู ก่อนจะถามออกมาด้วยความสงสัย “น็อต...น็อต เป็นอะไรรึเปล่า?... กลับบ้านไปพักก่อนดีไม๊ ไม่ต้องห่วงปีย์หรอกนะ พี่มาเปลี่ยนเวรนอนเฝ้าปีย์คืนนี้ให้แล้ว”

จริงสิ...พี่กานต์กลับบ้านไปตั้งแต่เช้าเพื่อไปเคลียร์งานที่ค้างมาหลายวัน แล้วก็เตรียมข้าวของที่จะใช้ระหว่างการมาเฝ้าไข้คนป่วย  เมื่อสองวันก่อน... พี่ปีย์โดนผลักตกลงจากชั้นสองทำให้หัวกระแทกพื้นสระ จนป่านนี้คนป่วยก็ยังไม่ลืมตา สีหน้ายิ้มๆของพี่กานต์ดูหม่นลงทันที เมื่อสองตานั้นเลื่อนจากใบหน้าผมไปจับจ้องคนรักของตัวเองที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติงราวกับคนหลับลึกที่ปลุกเท่าไรก็ไม่ยอมตื่นเสียที  

เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายใจเสีย ผมเลยรายงานอาการล่าสุดของพี่ชายต่างสายเลือดให้พี่สะใภ้ได้รับทราบ พลางยกมือไหว้ทักทายตามความเคยชิน “พี่กานต์...หวัดดีฮะ พี่ปีย์ยังไม่ฟื้นฮะ หมอบอกว่าอาการน่ะไม่น่าเป็นห่วง แต่ที่นอนหลับไปนาน อาจจะเพราะร่างกายเหนื่อยสะสม  แถมยังถูกความเครียดจู่โจมจากเรื่องเมื่อวานเข้าไปอีกดอกน่ะฮะ”

“อืมม พี่ถามอาการจากพยาบาลมาแล้วล่ะ ที่เหลือก็แค่รอให้เค้ายอมตื่นมาเจอโลกใบเก่า เพื่อเริ่มเรื่องราวใหม่ๆซะที...ใช่ไม๊น็อต” พี่กานต์พยายามกลบเกลื่อนความกังวลด้วยใบหน้า และน้ำเสียงร่าเริง ดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าผมเป็นห่วงพี่ปีย์มากแค่ไหน  นี่ถ้าพี่กานต์ไม่ได้หน้าตาดีมากเป็นทุนเดิม...ผมว่า ความโทรมเนื่องจากการประสานงานเรื่องโน่นนี่จิปาถะ จะต้องเล่นงานคนๆนี้อ่วมจนดูไม่ได้ขนาดนี้แน่ๆ

ผมมองกระเช้าผลไม้นอกที่ดูแพงไม่ใช่เล่นที่วางอยู่ตรงโต๊ะข้างๆหัวนอนของคนป่วย ก็อดรู้สึกแปลกใจขึ้นมาไม่ได้... ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่กานต์ ซึ่งเป็นแฟนของคนป่วยจะต้องสิ้นเปลืองจัดกระเช้ามาเอาใจพี่ปีย์... ทำไมต้องทำเหมือนกับเป็นคนอื่นคนไกลแบบนี้ด้วยล่ะ??

ด้วยความสงสัย ผมก็เผลอหลุดปากตั้งข้อสังเกตออกมาดังๆจนได้ “พี่กานต์ไม่เห็นต้องซื้อของแพงๆอย่างนั้นมาเยี่ยมพี่ปีย์เลยนี่ฮะ...ลำบากเปล่าๆ” พี่กานต์ทำหน้าสงสัยในทีแรก แต่เมื่อมองตามสายตาผมไป เจ้าตัวเลยยิ้มน้อยๆออกมาให้อย่างเอ็นดูอีกครั้ง แล้วพูดเสียงเบา

“อ๋อ...ไม่ใช่ของพี่หรอกจ๊ะ พอดีคุณขนุนเค้าเอาของเยี่ยมปีย์ฝากพี่มา ตอนพี่กลับไปเอาของที่บ้านน่ะ...
.
.
...ว่าแต่ น็อตกับคุณขนุนมีเรื่องอะไรกันรึเปล่าจ๊ะ วันสองวันมานี่...พี่เห็นน็อตขลุกอยู่ที่ห้องคนป่วยกับพี่ตลอดเวลา ไม่เห็นจะกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่า หรือเอาของใข้ส่วนตัวที่ไหนเลย...
...ทั้งที่ปกติ น็อตกับคุณขนุนไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้เลยนี่  มีอะไรให้พี่ช่วย...บอกได้นะ”

ผมเห็นท่าไม่ดี เลยรีบลุกขึ้น แล้วเลี่ยงบทสนทนาที่ไม่จำเป็นเสียดื้อๆ “ไม่มีอะไรหรอกฮะ... พอดีผมยุ่งๆเพราะเป็นห่วงพี่ปีย์ เราเลยยังไม่ได้คุยกันน่ะฮะ......ผมกลับก่อนนะฮะพี่กานต์ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะมาใหม่” พูดจบ ผมก็เดินออกนอกประตูห้องคนป่วย โดยทิ้งพี่กานต์ให้ยืนงงอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ใยดี


กลางดึกสงัด/ วันจันทร์/ บ้านน็อต

เสียงเล็กๆของเมียที่กำลังนอนหนุนแขนผม พลางเอามือไล้ไปตามรอยสักที่หน้าท้องผมแบบที่เขาชอบทำเวลาที่เรานอนคุยกันระหว่างเซ็กส์เอ่ยออกมาเรียบๆ “เตง เค้าว่าพรุ่งนี้เค้าจะคุยกับน้องช็อปให้รู้เรื่องนะ”

ผมถึงกับยันตัวขึ้นแล้วคร่อมทาบทับร่างบางเอาไว้เพื่อจะได้มองเห็นหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างถนัดถนี่ และถามคาดคั้นถึงเหตุผลของอีกฝ่ายออกมาทันทีอย่างหัวเสีย “ทำไมเตงต้องไปคุยกับมันด้วย เค้าว่ามันก็น่าจะรู้ได้แล้วนะว่าอะไรเป็นอะไร”

ใบหน้าและดวงตาขุ่นๆของขนุนบอกผมว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกเดือดร้อนใจกับท่าทางของผมไม่น้อย คนข้างล่างตัวผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆหลายครั้ง แล้วพูดช้าๆชัดๆยิ่งกว่าทุกที “เตง ใจเย็นๆก่อนซี่... เค้าอยากให้เตงฟังเค้าก่อนได้ไม๊? นะครับหัวจุก.....  เค้าคิดว่า ถ้าเค้าบอกปัดน้องช็อปอย่างเป็นเรื่องเป็นราวด้วยตัวของเค้าเอง มันน่าจะช่วยให้อีกฝ่ายเข้าใจทุกๆอย่างได้ชัดแจ้ง  น้องเค้าจะได้ไม่ต้องเสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึกกับเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ยังไงล่ะ...
.
.
...เตงรู้ไม๊ ความเจ็บปวดที่รุนแรงรวดร้าวยิ่งกว่าการแอบชอบและ เฝ้าหลงใหลใฝ่ฝันในตัวใครซักคนแบบลมๆแล้งน่ะ ยังเทียบไม่ได้กับการที่เราลงมือ ลงแรงทุ่มเททำทุกอย่างอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เพื่อแลกกับการทำให้คนที่เราแอบชอบหันกลับมามองเราซักครั้ง โดยที่เราไม่รู้เลยว่า...ตลอดเวลาที่ผ่านไปนั้น นอกจากความพยายามของเราจะไม่มีค่าแล้ว มันยังเป็นสิ่งที่สร้างความรำคาญให้กับคนๆนั้นมหาศาลอีกด้วย...
.
.
...เตงเชื่อเค้าเถอะ เค้าผ่านเรื่องแบบนี้มาบ่อยซะจนนับครั้งไม่ถ้วน...
...เค้าเข้าใจความเจ็บปวดชนิดนี้เป็นอย่างดี  เค้าเลยไม่อยากให้ใครต้องมาสัมผัสความรู้สึกเดียวกันกับที่เค้าเคยเป็นอีกต่อไป... การที่เค้าเดินเข้าไปบอกน้องช็อปด้วยตัวเอง ก็ถือเป็นการช่วยให้น้องเค้าเข้าใจ และได้รับรู้ถึงความจริงทั้งหมดออกจากปากเค้าด้วยตัวเอง”

ผมมองสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่ทำใจ เพราะทั้งเข้าใจ และแน่ใจว่า ขนุนต้องคิดและตัดสินใจเรื่องนี้มาเป็นอย่างดีแล้ว ที่สำคัญ...เขายังคิดถึงวิธีที่จะหว่านล้อมผมจนต้องยอมลงให้อย่างที่ผมกำลังจะทำอยู่นี่...

...แต่ใครบอกว่าผมจะยอมโดยไม่มีเงื่อนไขกันล่ะฮะ...

“เฮ้อออ...เอาล่ะ เอาล่ะ...เค้ายอมเตงก็ได้ แต่เค้าต้องอยู่กับเตงด้วย” ผมยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเจ้าเล่ห์... เรื่องอะไรที่ผมจะยอมปล่อยเมียให้อยู่ในที่รโหฐานกันสองต่อสองกับไอ้เด็กเหี้ยที่จ้องจะตีท้ายครัวผมอยู่ตลอดเวลา ถ้าขนุนจะทำแบบนั้นจริงๆ ขนุนก็ต้องทำด้วยวิธีที่ผมเห็นชอบแล้วเท่านั้น

“ไม่!! เสียงเล็กๆสวนกลับมาทันควัน คิ้วดำสนิทบนใบหน้าขาวผ่องขมวดเข้าหากัน... นี่ถ้าคนตัวเล็กนิ่วหน้าไปมากกว่านี้ สงสัยขนคิ้วทั้งหมดคงจะสมัครสมานรวมร่างกันจนแยกไม่ออกอีกต่อไปแหงๆ

ผมก้มมองใบหน้าเด็ดเดี่ยวของเมียด้วยความตื่นตะลึง ก่อนจะร้องขัดเจตนาอีกฝ่ายออกมาอย่างเสียไม่ได้ “ขนุน!!!

เสียงเล็กๆที่เริ่มจะมีอารมณ์ก็ตอบโต้ผมออกมาอย่างไม่ไว้หน้า “เตง...เรื่องแบบนี้น่ะมันละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกนะ เค้าไม่อยากให้น้องเข้าใจไปว่า เราสองคนแท็คทีมกันแกล้งเด็ก”...ขนุนน่ะคงไม่ แต่ผมน่ะ...อยากจะทำมากกว่าแกล้งไอ้เด็กเหี้ยนั่นเสียอีก หึ!

ผมเห็นท่าไม่ดี เลยตัดสินใจต่อรองอย่างไม่คิดจะยอมแพ้พ่ายในศึกครั้งนี้ไปง่ายๆ “(จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ) เค้าสัญญาว่าเค้าจะไม่พูดอะไรซักคำ เค้าจะฟังเฉยๆ...ต่อให้เตงอ้อนวอนให้เค้าพูด เค้าก็จะไม่หลุดเสียงออกมาซักแอะ... นะฮะ นะ...ขอเค้าอยู่ด้วยนะ (จุ๊บ จุ๊บ)” พูดจบผมก็ยิ้มประเหลาะอีกฝ่าย... ใช่ว่าขนุนจะรู้จักจุดอ่อนของผมดีอยู่คนเดียวเสียเมื่อไร เจ้าตัวเองก็แพ้ลูกอ้อน และรอยยิ้มของผมไม่แพ้กันน่ะแหละฮะ... ผมเลยได้ใจทุกครั้งที่การออดอ้อนผสมการสัมผัสร่างกายของคนหน้าแว่นเล็กๆน้อยๆ เพราะมันมักจะให้ผลดีตามที่ผมต้องการอยู่เสมอ

มือทั้งสองข้างของเมียวางทาบลงตรงข้างแก้มผม เจ้าของมือจับหน้าผมแล้วส่ายไปมาระหว่างที่ออกคำสั่ง “เตงห้ามพูดแม้แต่คำเดียวนะ...ไม่ว่าน้องช็อปจะพูดจาไม่เข้าหู ไม่ว่าเตงจะโดนยั่วยุมากแค่ไหน เตงต้องห้ามปริปาก และห้ามทำร้ายร่างกายน้องช็อปด้วย...
.
...ถ้าเตงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขึ้นมาเมื่อไหร่... เค้าจะไล่เตงให้ออกไปรอเค้าข้างนอก จนกว่าเค้าจะคุยกับน้องช็อปจบ...ทุกอย่างจะเป็นตามนี้นะ เตงเข้าใจใช่ไม๊?” ขนุนปิดท้ายประโยคคำถามด้วยการหยิกแก้มผมทั้งสองข้างเบาๆ

“โธ่...เตง! เตงพูอย่างกับว่าเค้าเป็นพวกเลือดร้อนควบคุมตัวเองไม่ได้ยังงั้นแหละ” ผมอดตัดพ้อออกมาไม่ได้ ที่อีกฝ่ายเห็นว่าผมต้องได้รับการควบคุมความประพฤติอย่างเคร่งครัดถึงขนาดนี้...

...ผมแน่ใจว่า ผมโตพอที่จะรักษาสัญญา และรู้ตัวดีว่า ควรวางตัวอย่างไรในสถานการณ์แต่ละประเภทได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องให้ใครมาคอยบอก คอยเตือนอย่างนี้มาก่อนแม้สักครั้ง  ขนุนนี่ก็เหลือเกิน...ทำไมต้องคอยตอกย้ำเรื่องไร้สาระพวกนี้ด้วยก็ไม่รู้

 “หรือไม่จริง?” ขนุนแสยะยิ้มมุมปาก แล้วทำหน้ากวนๆ

...เมื่อลองนึกย้อนดู ผมคงจะปฏิเสธขนุนไม่ได้อีกต่อไป ในเมื่อเมียผมต้องตกอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีอยู่บ่อยครั้ง เมื่อผมโมโหหึงจนขาดสติ ผมเลยยอมรับออกมาเสียงอ่อย “ง่า...ก็เฉพาะแต่เรื่องที่เกี่ยวกับเตงน่ะแหละ ที่เค้าห้ามตัวเองไม่ได้ซักที”

ทันทีที่ได้ยินคำตอบของผม แม้เจ้าตัวจะมีสีหน้าชอบอกชอบใจอยู่ไม่น้อย หากแต่ขนุนกลับตอบผมด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมชักจะหวั่นใจ “เค้าไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ เตงไม่ต้องมาคอยหวง คอยห่วงเค้าอยู่ทุกฝีก้าวซะหน่อย...
.
...เตงอย่าลืมซิ  ถึงตอนอยู่บนเตียง...เค้าจะเป็นเมียตัว แต่เค้าก็เป็นผู้ชายเหมือนกับเตงทุกๆอย่างนะ...
...เค้าดูแลตัวเองได้” ดวงตากลมสุกใสจ้องมองเข้ามาในตาผมนิ่งๆ นั่นก็บอกผมได้ดีว่า...ทุกๆคำที่อีกฝ่ายเพิ่งเอ่ยมา หนักแน่น และเจ้าตัวต้องการให้ผมตระหนักถึงความหมายของมันอย่างจริงจัง

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... ต่อให้ขนุนจะเป็นผู้ชาย และสรีระทุกๆอย่างไม่ต่างอะไรไปจากผม แต่ผมก็ยังอยากจะเฝ้าทนุถนอมตัวเขาด้วยความรัก และการดูแลอย่างดีที่สุดอยู่เสมอ เพราะผมปฏิเสธตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้วว่า ขนุนคือบุคคลผู้เป็นที่รักอย่างที่สุด

ผมตอบเมียไปอย่างจริงจังไม่แพ้กัน “แต่เตงเป็นเมียเค้า...เค้าต้องดูแลเตง...
.
.
...ไม่เคยมีใครบอกให้เตงรู้ตัวเลยเหรอว่า เตงน่ะน่ารัก น่ามอง แล้วก็เซ็กซี่มาก...
...ยิ่งหลังจากที่เรามีอะไรกัน...หลังจากที่เตงเป็นเมียเค้า เตงยิ่งดูมีน้ำมีนวลจนใครๆก็มักจะมองตามเตงกันเหลียวหลัง...
...ถ้าเค้าไม่คอยประกบเตงเอาไว้ ไอ้พวกตัวผู้ไม่ซ้ำหน้าทั้งหลายแม่งต้องรี่เข้ามาหาทางหม้อเตงแน่ๆ”

“ไม่หรอก...เค้าว่าไม่มีอะไรอย่างที่เตงว่าหรอก...
...ก่อนที่เค้าจะคบกับเตง...ทุกอย่างก็เป็นงี้อยู่แล้วนะ คือ...เวลาไปไหนๆ ผู้ชายคนอื่นก็มักจะมองมาที่เค้าด้วยสายตาแปลกๆอยู่บ่อยๆ  แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไร...เพราะไม่เคยมีใครมาทำอะไรอย่างที่ตัวว่าซักคน” ขนุนยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะสิ่งที่เขาตอบผมนั้น บอกได้ดีว่าเจ้าตัวไม่เคยตระหนักถึงความน่ารักน่าใคร่ และเสน่ห์ความเย้ายวนของตัวเองตามประสาเคะตัวแม่แต่กำเนิดที่แผ่อานุภาพรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่โดนผมเจาะไข่แดง และดูดไข่กินจนพรุนไปหมดทั้งตัว

ระหว่างผมพลิกตัวลงนอน ผมก็สอดแขนงัดเอาร่างบางให้กลับขึ้นมาเป็นฝ่ายคร่อมผมเอาไว้แทน แล้วเอาแขนทั้งสองข้างกอดเอวขนุนเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะโต้เมียไปอย่างเผ็ดร้อน  “ก็เพราะเมื่อก่อนเตงไม่ได้คิดว่าเตงจะเป็นรับให้ใครยังไงล่ะฮะ เตงเลยไม่ได้ระแวงว่า ไอ้พวกตัวผู้ที่แม่งชอบมาด้อมๆมองๆรอบๆตัวเตงน่ะ มันหวังที่จะทำมากกว่าแค่ส่งสายตาโลมเลียร่างกายเตงจากแค่ภายนอกแบบนั้นไง...

...แต่เตงจะมัวไว้ใจคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าอีกต่อไปไม่ได้ เพราะเตงรู้ไม๊ว่า ฟีโรโมนของเตงน่ะ...ทำลายความยับยั้งชั่งใจของผู้ชายทุกคนได้ในพริบตาเลยนะ ดูเค้าเป็นตัวอย่างซิ...เค้านี่แทบจะทิ้งเตงไปไหนไกลๆไม่ได้เลยนะ...... ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ดมกลิ่น ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้สัมผัสร่างกายเตงซักสิบห้านาที เค้าก็เริ่มรู้สึกคล้ายกับจะขาดใจตายซะให้ได้ยังไงก็ไม่รู้”

ขนุนเอามือมาหยิกปลายจมูกผมเบาๆ ใบหน้าใสเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ได้ฟังคำผม ก่อนเจ้าตัวพยายามซ่อนความงดงามนั้นเอาไว้ใต้ใบหน้าถมึงทึงที่ดูจะไม่แนบเนียนนัก เสียงเล็กๆเอ่ยออกมาราวกับรำคาญ...หากแต่ความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้นั้น  กลับไม่ใกล้เคียงแม้แต่น้อย

“เว่อร์!!! เตงนี่ช่างจินตนาการยังไม่พอ เตงยังรักเค้ามากขนาดที่ว่าเริ่มจะพูดจาเป็นตุเป็นตะ ทำอย่างกะเค้าหน้าตาดีมากกกกอย่างงั้นแหละ...... อย่าไปเที่ยวพูดถึงเค้าแบบนี้ให้คนอื่นฟังนะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเตงเพ้อเจ้อ เพราะตัวตนที่แท้จริงของเค้า ดีไม่ได้ครึ่งของที่ตัวพูดมาเมื่อตะกี๊เลย หึ หึ...
.
.
...ไม่รู้ล่ะ เรื่องของน้องช็อป เตงต้องทำให้ได้ตามที่รับปากเอาไว้นะ...ห้ามตุกติก ห้ามใช้กำลัง ห้ามทำตามใจตัวเองเด็ดขาด  ถ้าเตงพูดไม่รู้เรื่อง...ก็เดินออกไปรอข้างนอก เตงเข้าใจนะ......และอย่าคิดนะว่าเค้าจะยอมอภัยให้ ถ้าตัวไม่รักษาสัญญา...เพราะเราตกลงกันแล้ว โอ่เค๊?” เมียผมกำชับเสียงเฉียบอีกครั้งจนผมชักจะอ่อนใจ

พอขนุนพูดจบ ผมก็ยกมือสองข้างขึ้นเสมอไหล่แล้วทำท่ายอมแพ้ พร้อมเอ่ย “ฮะ โอเคฮะ...แหม่ พูดซะอย่างกับเค้าเป็นเด็กๆเลยนะฮะ”

“หรือเตงไม่เด็ก?” สายตาจริงจังเมื่อครู่วูบวาบเป็นประกายขึ้นทันทีราวกับรู้สึกสนุกที่ได้แหย่ผม

ผมเลยถือโอกาสปิดบทสนทนาเกี่ยวกับคนอื่นลง เพื่อดึงอีกฝ่ายมาเข้าเรื่องระหว่างเราสองคนเสียที “เด็กกว่าตัว แต่ไม่เล็กนะฮะ”  พูดพลาง ผมก็เอามือเล็กๆของร่างบางไปจับรูดน้องชายที่ยังอ่อนนุ่มอยู่ของตัวเองเอาไว้ทันที แล้วยิ้มให้อย่างสื่อความหมาย

ขนุนยิ้มให้อย่างเข้าใจก่อนพูดเบาๆ “หึ หึ...แล้วใครบอกว่าเล็กล่ะ” เมื่อพูดจบ...ปลายลิ้นเล็กๆก็ลากเส้นตรงผ่านกลางหน้าอกระหว่างคืบคลานลงต่ำไปตามตัวผม ทำเอาผมเผลอถอนหายใจหนักๆออกมาทันที

เมื่อมือและลิ้นของขนุนชักจะซุกซนได้ที่ ผมก็แซวอีกฝ่ายพร้อมกับส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรับทราบถึงสิ่งที่ผมอยากจะให้เกิดขึ้นเต็มแก่ “ตอนนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นมากแล้วด้วย...รับของใหญ่ไปทานเล่นซักหน่อยไม๊ฮะ?”

ขนุนตวัดปลายลิ้นเล็กๆเลียไปรอบๆริมฝีปากแดงเต่งของตัวเองราวกับหมายมั่น แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าน่าเอาสัดๆ “อืมมม...เค้าไม่กินของใหญ่หรอก  แต่ถ้าน้ำที่อยู่ข้างในน่ะ...ชอบมากเลยล่ะ หึ หึ”


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



ก่อนหกโมง/ วันพฤหัสบดี/ ข้างๆรั้วบ้านขนุน

สองคืนที่ผ่านมา ในความคิดผม...ผมว่า ช่วงเวลากลางคืนแม่งยาวนาน และทรมานยิ่งไปกว่าทุกที...
...ใช่ว่าผมจะไม่เคยโต้รุ่งมาก่อนที่จะมาเจอขนุน หนักกว่าเซ็กส์ทั้งคืนที่ทำกับคนหน้าแว่น ผมก็ทำมาแล้ว แต่ผมกลับไม่ชินเมื่อต้องนอนเดียวดายบนเตียงโดยไม่มีขนุนอยู่เคียงข้างอีกต่อไป นี่ล่ะมั้ง...คือเหตุที่ทำให้ผมไปอยู่โยงนอนเฝ้าพี่ปีย์โดยไม่คิดจะลี้ไปที่อื่น

พอรู้ตัวว่าหมดหวังที่จะข่มเปลือกตาให้หลับลงได้ ผมก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วลุกขึ้นมานั่งจ๋องอยู่ตรงหน้าศาลพระภูมิเลขที่ 21 ตั้งแต่ก่อนตีห้า จนตอนนี้ฟ้าเริ่มจะสางเพราะแสงของวันใหม่ หลังจากไฟทั้งบ้านดับพรึ่บลงโดยพร้อมเพรียงกัน ก็มีร่างเล็กๆหัวสีม่วงๆเปิดประตูแล้วเดินออกมาตรงหน้ารั้ว ผมที่แอบมองอยู่ตรงข้างบ้านเลยรีบเดินไปดักหน้าคนที่เพิ่งออกมาจากบ้านของขนุนทันที


“นิ้ง!..นิ้ง ขอพี่เข้าไปเจอหน้าขนุนหน่อยได้ไม๊?” ผมอ้อนวอนน้องเมียอย่างหมดท่า เพราะตอนนี้ นิ้งเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ผมได้มีโอกาสเจอหน้าขนุนอีกสักครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวตัดขาดการติดต่อทั้งหมดของผมไปราวกับอีกฝ่ายกลายเป็นคนสาบสูญ

อาจจะเป็นเพราะผมเข้ามาทักอีกฝ่ายอย่างกะทันหัน น้องหัวม่วงจึงมีสีหน้าตกใจราวกับเห็นผี  คงไม่มีใครคาดการณ์มาล่วงหน้าหรอกฮะ ว่าผมจะมานั่งดักรอตั้งแต่ก่อนไก่โห่อยู่แบบนี้  น้องเมียพูดด้วยเสียงลนลาน พลางหันกลับไปมองที่ห้องชั้นสองอยู่เกือบตลอดเวลาที่คุยกับผม “พี่เขย  พี่เขยกลับบ้านไปก่อนดีกว่า แจ้เค้ายังไม่อยากเจอหน้าพี่ตอนนี้น่ะ”

พูดจบ สองมือของยัยนิ้งก็ทั้งดันทั้งผลักผมไปให้พ้นจากระยะหน้าบ้าน...ทำอย่างกับว่า ถ้าผมยืนอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้ จะมีคนกดให้ระเบิดที่ฝังอยู่ใต้ดินตูมตามขึ้นมาอย่างนั้นแหละ  ผมพยายามขืนตัวแล้วร้องขอความเมตตาจากอีกคนด้วยความอับจนหนทางอย่างที่สุด “นิ้ง...ตอนนี้พี่ใกล้จะตายเต็มทีแล้วนะ... เห็นใจพี่เถอะ  พี่ไม่ได้เจอหน้าเค้ามาจะสามวันแล้วนะนิ้ง นิ้งช่วยพี่ด้วยนะ”

น้องเมียที่ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจคำขอของผม  เพราะมัวแต่หวาดระแวงอำนาจที่ส่งตรงออกมาจากห้องชั้นสอง ก็ละล่ำละลักออกมาด้วยเสียงหวั่นๆ “พี่เขย...งานนนี้นิ้งช่วยพี่เขยไม่ได้จริงๆ เพราะแจ้ยื่นคำขาดว่า ถ้านิ้งช่วยพี่เขย หรือยอมให้พี่เขยเข้าบ้าน แจ้จะตัดเงินเดือนนิ้ง”

พอดันผมพ้นหน้าบ้านมาได้หน่อยนึง ยัยนิ้งก็หันกลับมามองหน้าผมก่อนจัดทรงผมและเสื้อผ้าของตัวเองที่อยู่ผิดที่ผิดทางหลังจากใช้ความพยายามในการย้ายมวลร่างกายผม ออกจากอาณาเขตหน้าบ้านตัวเองตลอดหลายนาทีที่ผ่านมาให้เข้าที่  แล้วจึงพรั่งพรูคำพูดออกมาไม่ขาดสาย  “พี่เขยโคตรซวยเลยอ่ะที่มาทะเลาะกับแจ้ตอนนี้  เพราะผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของพี่เขยอย่างเฮียก็ดันมาติดบินยาว อีกตั้งสองอาทิตย์โน่นแหน่ะกว่าเฮียจะกลับไทย  พี่เขยเลยไม่เหลือใครมาคอยเป็นแบ็คอัพช่วยไกล่เกลี่ยให้...
.
...ทางที่ดี นิ้งว่า...พี่เขยอดทนรอให้แจ้เย็นลงอีกหน่อย แล้วค่อยหาทางมานั่งคุยกันอีกทีแล้วกันนะ...นะ นะ...  
...ถ้าพี่เขยจะไม่คิดถึงใจใคร นิ้งขอให้พี่เขยคิดถึงชะตากรรมของน้องเมียคนนี้หน่อยเท๊อะ... เพราะเวลาแจ้โกรธจริงๆขึ้นมา กระทั่งเฮีย...เฮียยังไม่กล้าแหยมแจ้เลย...
.
.
...พี่เขยอย่าโกรธนิ้งเลยน้า...เค้าขอโทษ ที่ต้องเลือกข้างแจ้เพื่อความอยู่รอดของตัวเค้าเอง  พี่เขยอย่าว่าเค้าเลยน้า!! ...
...อูยยย หน้าพี่เขยนิ๊งนิ่ง...งั้น...นิ้งขอกราบลาไปเรียนก่อนนะค้า...แหะ แหะ” พูดจบยัยนิ้งก็วิ่งตื๋อหายลับตาผมไปราวกับนักวิ่งลมกรดโดนหมาวิ่งไล่ ผมที่เอาแต่จ้องมองอย่างเลื่อนลอยขึ้นไปยังห้องชั้นสองอันเป็นฐานทัพของเมียจึงไม่ทันได้คว้าร่างยัยนิ้งเพื่อยื่นข้อเสนอต่อรองแลกกับการได้เข้าไปหาขนุนในบ้าน โดยมีข้ออ้างและเกราะกำบังที่ดีพอ

ผมสิ้นหวังเสียจนเผลอบ่นกับตัวเองออกมาอย่างหงุดหงิด “โธ่เว้ย!!! ทำไมล่ะขนุน...ทำไมเตงไม่ยอมเจอหน้าเค้า ทำไมเตงถึงไม่ยอมคุยกับเค้า... หรือว่าความผิดที่เค้าทำ มันรุนแรงเกินกว่าที่เตงจะยอมอภัยให้ง่ายๆ??? ทำไม?????!!!” สองมือผมก็เฝ้าแต่กดปุ่มโทรออกไปยังหมายเลขเดียวซ้ำๆทุกๆเมื่อที่ผมทำได้ และเสียงเพลงรับน้องก็ดังลอดออกลำโพงมาเบาๆอย่างไม่ขาดสาย จนมันทนตัวเองต่อไปไม่ไหว...แล้วก็ตัดสายไปเองในที่สุด

(... โอ้ทะเลแสนงาม  ฟ้าสีครามสดใส มองเห็นเรือใบ.......แล่นอยู่ในทะเล....หาดทรายงามเห็นปู.......ดูซิดูหมู่ปลา กุ้งหอยนานา อยู่ในท้องทะเล เมื่อเราเดินเที่ยวไป........................................................)

ผมมองหน้าจอมือถืออย่างเหม่อลอย แล้วก็ได้แต่พูดเบาๆกับตัวเอง “แค่รับสายเค้า ตัวก็ยังไม่ยอม...ทำไมล่ะฮะ....ทำไม?? แล้วเมื่อไรเราจะได้คุยกันซักทีล่ะฮะ???”



เก้าโมงเช้า/วันอังคาร/ ห้องรับแขกบ้านขนุน

ยังไม่ทันจะนั่งลง ไอ้เด็กเหี้ยที่เดินหน้าตาบอกบุญไม่รับเข้าบ้านขนุนมาก็ถามโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ที่พี่นัดผมมาคุยวันนี้ มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?”

...ไอ้เด็กเหี้ยนี่แม่งโคตรจะไม่มีสัมมาคารวะเลยให้ตาย...เจอหน้ารุ่นพี่ตั้งสองคน มันยังไม่คิดจะยกมือไหว้เพื่อทักทายตามสมควร...ไอ้เด็กพ่อแม่สั่งสอนแล้วไม่รู้จักจำเอ๊ย!!

เมียผมรอจนไอ้ม้าหมากรุกหย่อนก้นลงบนโซฟาตัวเดี่ยวที่ไม่ห่างออกไปเรียบร้อยแล้ว จึงพูดออกมาเบาๆ “ช็อป... คือพี่ว่า เราควรต้องคุยเรื่องที่เกิดขึ้นให้เข้าใจได้แล้วนะ”

ระหว่างที่เมียผมพูด ไอ้เหี้ยช็อปก็เอาแต่มองหน้าผมกับขนุนสลับกันไปมา...
...ผมไม่รู้ว่าแม่งกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ...ความรังเกียจที่แผ่ออกมาจากสายตามันเป็นระยะๆน่ะ น่าถูกเจ้าตัวเจาะจงส่งออกเพื่อใช้จ้องผมโดยเฉพาะแน่ๆล่ะฮะ รับรองได้

“ระหว่างเรา มีเรื่องอะไรที่ยังต้องคุยอยู่อีกเหรอครับ?” ดูไอ้เด็กเปรตนี่แม่งตอบเมียผมสิครับ...แล้วอย่างนี้ ผมจะทนนั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จาอะไรได้นานสักกี่น้ำกัน

ขนุนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แล้วพูดเต็มเสียงแม้จะดูไม่มั่นใจเท่าไรนัก “คือ... พี่แค่อยากจะบอกว่า พี่รักพี่น็อตน่ะ และเราสองคนกำลังคบหาดูใจกันในฐานะคนรัก... ช็อปเข้าใจใช่ไม๊?”

ไอ้เหี้ยช็อปมองหน้าเมียผมนิ่งๆ แล้วพูดอย่างเชือดเฉือน “ผมขอแสดงความยินดีกับการที่พี่สองคนคบกัน และรักกัน...
.
.
...พี่ได้ยินทุกอย่างตามที่พี่อยากได้ยินอย่างนี้แล้ว...
...ทีนี้ ผมก็ไปได้ซักทีซินะครับ” ไอ้เหี้ยช็อปทำท่าจะลุกขึ้น แต่ขนุนกลับรั้งมันเอาไว้

...เฮ๊ยย!! นี่มันอะไรกันวะ???
...ทำไมไอ้เหี้ยช็อปต้องทำท่าเสียอกเสียใจจนแทบจะเป็นบ้า ทั้งๆที่แม่งเพิ่งจะพูดจาแดกดันเมียผมออกมาอยู่หยกๆ...
...แล้วทำไมขนุนต้องใส่ใจ และทำท่าเหมือนรู้สึกผิดสัดๆ ในเมื่อขนุนไม่ได้ทำร้ายจิตใจอะไรของแม่งเลยแม้แต่น้อย... ได้ข่าวว่า ไอ้ที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่นี่ คือ การยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพื่อทำให้ไอ้เด็กเหี้ยนี่มันทำใจได้ไม่ใช่หรือไง หรือผมกำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า??? ใครก็ได้ ช่วยบอกผมหน่อยเถอะฮะว่า...ไอ้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั้งหมดต่อหน้าผมนี่ มันคืออัลไล????!!

ขนุนถึงกับหลับตาแล้วถอนหายใจอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นท่าที่เจ้าตัวชอบทำเพื่อข่มอารมณ์ขุ่นมัว และไม่ออกอาการหงุดหงิดโดยไม่จำเป็น เสียงเล็กๆของเมียผมพูดช้าๆ “ช็อป... พี่ว่าพี่เคยคุยเรื่องนี้กับเราแล้วนะ”

...เห???!! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขนุนคุยเรื่องนี้กับไอ้เหี้ยช็อปหรอกเหรอ?
...เมียผมเคยพูดจาแบบนี้ต่อหน้ามันมาแล้ว และที่ขนุนต้องพูดซ้ำแบบนี้ ก็แสดงว่า อีกฝ่ายแม่งไม่อยากจะยอมรับความจริงข้อนี้หรอกเหรือ?? นี่ผมควรจะดีใจที่เมียบอกอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาดไปก่อนหน้านี้แล้ว หรือควรจะเสียใจที่จนป่านนี้ ไอ้เหี้ยช็อปแม่งก็ยังจะตื๊อไม่เลิกรา เลยพลอยทำให้ผมกับเมียต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นครั้งที่สองอยู่แบบนี้...
...ไอ้สัดช็อป ไอ้สมองหนา...มึงน่าจะเข้าใจอะไรๆได้ง่ายๆไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ขนุนบอกมึงแล้วนะ... หรือว่ามึงอยากจะให้กูเอากับเมียให้มึงดูต่อหน้า มึงถึงจะประจักษ์แจ้งแก่ใจว่า มึงสมควรจะตัดใจจากเมียกูได้สักที???

ไอ้เหี้ยช็อปตอบออกมาเนือยๆอย่างไม่ใส่ใจนัก “เรื่องที่พี่บอกผมว่า พี่กับพี่น็อตรักกันน่ะเหรอครับ...ใช่ครับ เราเคยเคลียร์รื่องนี้กันมาก่อนแล้ว และผมก็ความจำดีพอ พี่ขนุนไม่ต้องออกปากย้ำให้เหนื่อยหรอกครับ”

...นี่มึงกล้าย้อนเมียกูเหรอ???
...ตั้งแต่ที่มึงมานั่งลงตรงนี้โดยที่ไม่แสดงความนอบน้อมกับผู้ใหญ่อย่างกูสองคนนี่ มึงพูดจาหมาไม่แดกมากี่ครั้งกันแล้ววะเนี่ยะ? สงสัยหลังจากนี้ผมคงต้องหาทางสั่งสอนแม่งนอกรอบให้สาสมเสียหน่อยแล้ว มันจะได้เป็นผู้เป็นคนมากขึ้นบ้าง
.
.
.
ขนุนนิ่งไปสักพัก แล้วพูดออกมาอย่างช้าๆ ชัดๆ “ที่พี่อยากจะบอกก็คือ...พี่ขอบคุณช็อปมากนะ ที่รู้สึกดีๆกับพี่ แต่...พี่คงรับมันไว้ไม่ได้”

...ผมมองหน้าขนุนอย่างภูมิใจ ที่สุดท้าย เขาก็สามารถทำในสิ่งที่เขาตั้งใจได้สำเร็จ แม้ว่าจะต้องเป็นฝ่ายถูกไอ้เด็กเหี้ยเมื่อวานซืนค่อนขอดจนไม่เหลือชิ้นดีก็ตาม

ไอ้เหี้ยช็อปเสริมหลังจากขนุนพูดจบ “พี่ขนุนไม่ต้องพูดอะไรให้มากความไปหรอกครับ แค่การกระทำของพี่กับพี่น็อตที่ทะเลเช้าวันนั้น มันก็อธิบายทุกอย่างได้ดีทั้งหมดแล้ว...
.
...ไหนๆเราก็มาเจอกันทั้งที  ผมขอถามพี่ขนุนให้หายข้องใจหน่อยเถอะครับว่า...คนแบบนี้น่ะเหรอครับ ที่พี่ขนุนรัก? คนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ชอบทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ แถมยังเที่ยวหาเรื่องคนอื่นเค้าไปทั่ว...
...อย่างนี้น่ะเหรอครับคือคนที่สมควรจะได้รับความรักดีๆจากพี่?” ตั้งแต่ที่แม่งเริ่มพูดเรื่องนี้ สายตากวนตีนของไอ้เหี้ยช็อปก็จ้องประสานกับสายตาผมอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ราวกับฉากบู๊ล้างผลาญในหนังโหดบัดซบของอาหลองอย่างเรื่องโคตรทองลำดับที่สามสิบ

“นั่นมันก็เป็นเรื่องของพี่ สิทธิของพี่ ที่พี่จะรักใครก็ได้...และเวลานี้ น็อตคือคนที่พี่รัก” เสียงเล็กๆที่เริ่มจะหงุดหงิดน้อยๆของเมียผมตอบโต้ออกไปทันที...

...หึ หึ...เมียผมเริ่มจะไม่พอใจที่ผัวต้องมาถูกไอ้เด็กห่านี่ด่าอยู่อย่างนี้ใช่ไหมจ๊ะ...
...ฮึ่ยยย! น่ารักจริงๆเล๊ย เดี๋ยวพอกลับบ้านเราไปแล้ว พี่จะตอบแทนความน่ารักของเมียอย่างถึงอกถึงใจจนครางไม่ทันไปเลยนะจ๊ะ เบ่เบ๋

แต่ผมก็สุขได้ไม่นาน เพราะเสียงของไอ้เหี้ยช็อปดังลอดมาทำลายภาพหวานในหัวผมลงในพริบตา “ชีวิตพี่จะมีความสุขสงบไปตลอดเหรอครับ ถ้าแฟนพี่เล่นไปหาเรื่องคนโน้นที คนนี้ที  เพราะไม่อยากให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้พี่อีกต่อไปน่ะครับ?”

...กูไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย...
...เพราะมีคนคิดไม่ซื่ออย่างพวกมึงคอยมาป้วนเปี้ยนล้อมหน้าล้อมหลังเมียกูตลอดเวลา กูถึงได้อารมณ์เสียได้ทุกเมื่ออยู่แบบนี้ไงสัด!!  

“ขอบคุณนะช็อปที่เป็นห่วงพี่ แต่พี่ว่าพี่จัดการได้นะ” ขนุนเริ่มจะเข้าโหมดไม่ต่อปากต่อคำแล้วฮะ สงสัยว่าเมียผมจะกลายเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวเสียเองโดยที่ผมไม่ต้องออกแรงแยกสองคนนี้ออกจากกันให้เหนื่อย หึ หึ...จะว่าไป วิธีนี้ก็ดีเหมือนกันนะ

ถึงอย่างนั้น ไอ้เหี้ยช็อปแม่งก็ยังจะกัดไม่ปล่อย “พี่ขนุน...ผมมั่นใจว่าผมดูคนไม่ผิด และผมก็ยิ่งมั่นใจไปกันใหญ่ว่า คนอย่างพี่...ต้องไม่มีความสุขกับการต้องอยู่ท่ามกลางความรุนแรงแน่ๆ เพราะฉะนั้น..ถอนตัวออกมาตอนนี้ ผมว่าก็ยังไม่น่าจะสายเกินไปหรอกนะครับ...
.
.
...พี่ไม่ต้องชอบผมก็ได้ แต่พี่ช่วยหยุดคิดซักนิดเถอะครับว่า ต่อไป...ชีวิตพี่จะเป็นยังไง หากคนที่อยู่เคียงข้าง เอาแต่สร้างปัญหาไม่รู้จักหยุดหย่อน”

...ชั่ววินาทีนั้น ผมได้ยินเสียงวี๊ดดดดดดังสั้นๆขึ้นในหู ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสงัดไร้เสียงใดๆแทรกแซง...
...รู้ตัวอีกที ผมก็หลุดปากออกไปอย่างที่ใจคิด พร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ร่างที่นั่งอยู่อีกฟากฝั่งของโซฟาเป็นที่เรียบร้อย

“หนอยยยย...ไอ้เหี้ยช็อป มึงงงง!!! ผมกระชากคอเสื้อไอ้เหี้ยหน้าเดียวขึ้นมาแล้วจ้องหน้ามันอย่างกับต้องการจะใช้สายตาทิ่มแทงแม่งให้ตาย แต่ทันทีที่ผมรู้สึกถึงแรงกระตุกเบาๆของชายเสื้อด้านหลัง ผมก็ยอมปล่อยมือจากไอ้เหี้ยช็อปทันที

จังหวะที่ผมหันหลังกลับไปหาร่างเล็ก เจ้าของเรือนร่างน่ามองสุดที่รักของผมก็สั่งเสียงเฉียบขาดออกมาทันที “เตงออกไปรอเค้าอยู่ข้างนอกเดี๋ยวนี้เลย ขอเค้าคุยกับน้องแค่สองคนพอ!!

ถึงผมจะรู้ดีว่าสายตาแข็งๆของขนุนจะหมายความตามที่พูดทุกอย่าง และไม่คิดจะอ่อนข้อให้ก็ตาม ผมก็ยังจะเจรจาต่อรอง เพื่อให้คนตัวเล็กกว่ายอมผ่อนผันอีกครั้งให้จงได้ “เตง!! เตงทำอย่างงี้ไม่ได้นะ เตงก็เห็นอยู่ไม่ใช่เหรอว่า มันกำลังพูดยุแยงให้เตงแตกกับเค้าอยู่นะ... ถ้าขืนเค้าปล่อยให้เตงอยู่กับมันสองต่อสอง แล้วเตงเกิดเชื่อที่มันเป่าหูเตง...เค้าก็ตายกันพอดีสิ”

ขนุนบอกปัดผมทันทีอย่างไร้เยื่อใย “เตง...เตงออกไปรอข้างนอกเถอะนะ เค้าขอคุยกับน้องช็อปก่อน...ไม่นานหรอก รับรอง”

พอรู้ว่าไม่มีหวังจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเมีย ผมก็หันไปข่มขู่ไอ้มือที่สามทันทีก่อนที่จะเดินออกจากบ้านไป “มึงอย่าได้คิดพูดจาอะไรให้ร้ายกูเชียวนะ...ถ้าหลังจากนี้ กูกับขนุนมีเรื่องบาดหมางกัน...
.
...มึงเตรียมรอโดนกูกระทืบได้เลย”

“น็อต!!” เสียงปรามของขนุนดังไล่หลังผมมาทันที แต่ผมก็เลือกจะไม่เอามันมาใส่ใจ เพราะลำพังแค่ต้องเดินออกมาจากตรงโดยปล่อยให้ขนุนอยู่กับไอ้เหี้ยช็อปสองต่อสองนั้นก็ยากพออยู่แล้ว


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



เก้าโมงเช้า/ วันพฤหัสบดี/ ห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล


ก่อนที่ผมจะเปิดประตูที่ตรงป้ายหน้าห้องมีชื่อและนามสกุลของพี่ชายต่างสายเลือดของผมสอดอยู่ ก็มีเสียงต่ำของผู้ชายสองคนคุยกันงุ้งๆงิ้งๆดังลอดออกมาพอให้ได้ยิน และเสียงนั้นก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ทันที


หลังจากที่ผมเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปข้างใน ผมก็ตะโกนเรียกชื่อคนที่สลบไสลเป็นเวลากว่าสองวันออกมาอย่างร่าเริง โดยที่ยังไม่ต้องเห็นหน้าอีกฝ่าย “พี่ปีย์!!! พี่ปีย์ฟื้นแล้ว!!!

พี่ชายผมนั่งยิ้มกริ่มพิงหมอนอยู่บนเตียง หน้าตาของพี่ปีย์วันนี้ดูสดใสและไม่เหลือเค้าของคนป่วยอีกต่อไป พอเห็นหน้าผม พี่ปีย์ก็แซวออกมาทันที  ตามสไตล์ของพี่แกล่ะฮะ...“หึ หึ...ไงครับคุณน็อต ดีใจเหมือนเจอเงินพันนึงตกอยู่บนพื้นเลยนะมึง”

ผมยิ้มรับแต่ไม่สนใจ เพราะอยากรู้อาการของพี่ปีย์มากกว่า “พี่ปีย์ พี่ปีย์รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อไรอ่ะ?”

คนป่วยหันไปยิ้มกับแฟนตัวเองระหว่างที่ทำท่านึกอะไรอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงตอบผม “รอบแรกก็กลางดึกเมื่อคืน  แล้วนี่ก็เพิ่งตื่นก่อนมึงมาแป็บนึงนี่แหละ...
.
.
...มึงล่ะ เป็นไงมั่ง...ได้พักมั่งไม๊ป๊ะเนี่ยะ?...ทำไมหน้าตามึงดูไม่ค่อยสดชื่นเลยวะ... ถูกเมียโหมรีดน้ำจนซีดเซียวไปหมดทั้งตัวแล้วรึไง?”

พอนึกถึงเรื่องหลายวันที่ผ่านมา โดยที่ไม่ได้เจอกระทั่งหน้าตาสักเสี้ยวของขนุน ผมก็หลุดปากบ่นออกมาทันทีด้วยความน้อยใจ “หึ! ถ้าได้อย่างงั้นก็ดีดิวะพี่  เมียผมแม่ง...”

พี่ปีย์ถามออกมาอย่างอารมณ์ดี “แม่งทำไม? เค้าบอยคอตไม่ให้มึงนอนกับเค้างะ?”

เมื่อไม่รู้จะสรรหาถ้อยคำสวยหรูอะไรมาเคลือบความจริงอันแสนเจ็บปวดเอาไว้ได้ ผมก็เลยต้องรับสารภาพกับพี่ชายไปตรงๆ “เค้าบอกว่าให้เราลองอยู่ห่างๆกันซักพักว่ะพี่ปีย์”

“โธ่ไอ้น็อตเอ๊ยยย!!...แล้วมึงไปทำอีท่าน๊ายยย คนใจเย็นอย่างคุณขนุนเค้าถึงได้ปรี๊ดจนแตะจุดเดือดได้?” พี่ปีย์ถามออกมาอย่างเหลืออด

...หึ! ก็ไม่ยังไงหรอกฮะ...
...แค่ผมเผลอทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ แถมยังออกปากห้ามเอาไว้หลายครั้งหลายหนต่อหน้าต่อตาเขา...
...แถมคราวนี้ ผมยังทำให้เขาต้องเจ็บตัวเพราะสิ่งที่ผมทำอีกด้วยอย่างไรล่ะฮะ



เก้าโมงเช้า/วันอังคาร/ ห้องรับแขกบ้านขนุน


แม้ผมจะรับปากว่าผมจะยอมหลบออกไปอยู่ข้างนอกเพื่อรอให้ขนุนกับไอ้เหี้ยช็อปแม่งสะสางปัญหากันให้จบจริงๆ แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่แอบดูให้รู้เสียหน่อยนี่ฮะ ว่าสองคนนั้นทำอะไรกันอยู่ข้างในบ้าน ระหว่างที่ผมถูกเตะโด่งออกมาอยู่ตรงหน้าบ้านนี่  ผมแอบมองลอดม่านลายดอกที่ถูกรูดปิดกั้นสายตาคนนอก แล้วก็เห็นช็อตเด็ดเข้าพอดี!!...

...ไอ้เหี้ยช็อปแม่งกำลังจับข้อมือของขนุนอยู่ แม้อีกฝ่ายจะพยายามสะบัด และขืนตัวสู้ แต่ดูเหมือนว่าไอ้เด็กเหี้ยมันจะไม่ยอมปล่อยเมียผมง่ายๆ ผมเลยสวมวิญญาณจาพนม วิ่งกลับเข้าข้างในบ้านด้วยความรวดเร็วกว่าที่ใจคิด พร้อมๆกับส่งเสียงตะโกนสุดคอหอย “ไอ้เหี้ยช็อป มึงทำอะไรเมียกู??? อย่าอยู่เลยมึ้งงงงง !!” จากนั้นก็ต่อยเสยเข้าตรงชายคางของไอ้เด็กเหี้ยจนมันล้มลงไปกองเปลี้ยอยู่กับพื้น

พอเห็นไอ้เด็กเหี้ยทำสำออยส่งสายตาละห้อยมองมาหาเมียผม ผมก็ก้มลงไปกระชากคอเสื้อแม่ง เพื่อจะจัดการมันในรอบต่อไปได้ง่ายๆ

“น็อตต!! เสียงขนุนร้องห้ามดังจนผมเองก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าขนุนจะตะโกนได้ดังถึงขนาดนี้...เมื่อมองหน้าขนุน ผมก็เข้าใจได้ เพราะเมียผมแม่งกำลังถูกองค์เทพธิดาขันแตกแหลกไม่มีชิ้นดีเข้าประทับร่างอยู่ แต่ผมกลับไม่สนใจ เพราะตอนนี้คือเวลาของการกำจัดไอ้สัดตรงหน้านี่ไปให้พ้นหูพ้นตาเสียก่อน

ผมตะคอกใส่หน้าไอ้เหี้ยช็อปที่อยู่ห่างไปไม่กี่นิ้ว “เมียกูก็พูดออกจะชัดว่าเค้าไม่คิดอะไรกับมึง ทำไมมึงยังกล้าทำรุ่มร่ามกับเค้าอีก....หึ หรือว่ามึงไม่รักตัวกลัวตาย ถึงได้กล้าแส่เอาชีวิตมาทิ้งแบบนี้.... ได้!! เดี๋ยวกูจะช่วยสงเคราะห์ให้”

ไอ้เด็กเหี้ยมันคงจะอกหักจนไม่รักชีวิตอีกต่อไป เพราะแม่งยังมีแก่ใจเห่าหอนต่อปากต่อคำกับผมอยู่ดี แม้ว่าตัวมันจะตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบผมมากเหลือเกิน “หึ หึ...มึงคิดว่าที่มึงทำอยู่นี่คือการปกป้องพี่ขนุนเหรอ?...
.
...เคยถามเค้าซักคำไม๊ว่าเค้าอยากให้มึงปกป้องแบบนี้รึเปล่า?...
...เค้าเคยร้องขอความช่วยเหลือจากมึงให้คอยมาทำแบบนี้ให้เค้าไม๊?...
...หรือว่ามึงไม่มีอะไรดีพอที่จะมัดใจเค้าเอาไว้กับมึง มึงถึงได้คอยกันไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้เค้า???...
.
.
...ต่อไป มึงไม่ต้องใช้โซ่ล่ามขาเค้าเอาไว้เพื่อไม่ให้ไปไหนห่างจากสายตามึงเลยงั้นซิ???!!...
...กูว่า พี่ขนุนน่าสงสารว่ะ ที่เค้ายอมเป็นคนรักของมึง เพราะกะอีแค่จะใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ เค้ายังทำไม่ค่อยจะได้ แถมยังต้องมาคอยระวังตัวแจ เพราะไม่อยากให้แฟนตัวเองกลายร่างเป็นหมาบ้าวิ่งไล่กัดใครต่อใครไปทั่วอย่างงี้อีก...
.
.
...หึ หึ...ที่แท้มันเป็นเป็นแค่การกระทำของไอ้หน้าตัวเมียที่กลัวว่าจะเสียคนรักไปก็เท่านั้น...
...มึงนี่น่าสมเพชจริงๆ” พูดจบ ไอ้เหี้ยช็อปก็ลอยหน้าลอยตามองผมอย่างสะใจ

ทั้งสิ่งที่มันสำรอกออกมา และหน้าตากับท่าทางที่ไม่สลดของมัน ทำเอาผมเผลอง้างหมัดออกมาตั้งท่าอีกครั้งอย่างอดไม่ได้  “ไอ้สัดช็อป...มึง!!!

“น็อต!! เตงหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” ขนุนเข้ามารั้งข้อศอกข้างที่ยกหมัดเอาไว้ แล้วออกแรงดึงเพื่อขืนไม่ให้ผมทำอะไรได้ตามใจชอบ

ผมที่กำลังเลือดขึ้นหน้าก็ตอบเมียออกไปโดยไม่คิดจะลดราวาศอก “ไม่!! เค้าไม่หยุดจนกว่ามันจะเลิกปากหมาถึงเรื่องเราสองคนซะที” แต่ด้วยความที่ผมเอาแต่โมโห จ้องจะเอาชนะไอ้เด็กเปรตด้วยกำลังเพียงอย่างเดียว ผมเลยเผลอลืมตัวสะบัดแขนข้างที่ถูกเกาะกุมให้เป็นอิสระ โดยไม่ทันได้คิดว่า...แรงเพียงหยิบมือหนึ่งของผม อาจจะมากเกินกว่าที่ร่างบางๆของขนุนจะต้านทานได้

...เมื่อผมรู้สึกตัวอีกที ผมก็หันกลับไปมองตรงที่ๆขนุนเคยยืนเมื่อครู่ แต่แล้วกลับต้องเห็นภาพที่ทำให้เลือดในกายผมจับตัวเป็นก้อนได้อย่างรวดเร็วด้วยความกลัวถึงขีดสุด เพราะร่างบางๆของคนตัวเล็กกำลังลอยละลิ่วปลิวไปตกกระทบเข้ากับมุมตู้โชว์อย่างจัง ก่อนจะล้มลงฟาดเข้ากับพื้น  เสียงเล็กๆของขนุนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ยยย!!.....ซี๊ดดดดส์”

ผมปล่อยมือจากไอ้เหี้ยช็อปแล้ววิ่งไปประคองร่างบางที่กำลังกุมหัว กุมบั้นเอวของตัวเองเอาไว้ พลางเอ่ยปากด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิดอย่างที่สุด “ขนุน!!!! ขนุน...ขนุนเจ็บมากรึเปล่าฮะ???!! น็อตไม่ได้ตั้งใจนะฮะ น็อตขอโทษ!!!

“ปล่อยนะ!! อย่ามายุ่ง!!...อะ...อูยย...” คนตัวเล็กปัดมือของผมออกจากตัว ก่อนจะเดินกลับไปนั่งลงอย่างช้าๆตรงโซฟา พลางมองผมตาเขียว

“ขนุน!!! อย่าทำอย่างนี้ซิฮะ ไหนขอเค้าดูหน่อย ว่าเตงเป็นอะไรมากรึเปล่า” ผมพยายามยื่นมือเข้าไปหาใบหน้าขนุนใกล้ๆเพื่อจับดูว่ามีส่วนไหนแตก หรือเลือดตกยางออกรุนแรงจนต้องรีบปฐมพยาบาล หรือส่งตัวไปหาหมอหรือไม่

แต่แล้ว...ฝ่ามือขาวเนียนละเอียดก็ปัดมือผมออกจากตัวอีกครั้ง ขนุนพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวกว่าทุกที ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวคงโกรธเสียจนไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ได้อีกต่อไป “ตัวหายบ้าแล้วเหรอ? ตัวเป็นปกติแล้วใช่ไม๊? ตัวพร้อมจะคุยแล้วใช่ไม๊? ต้องให้เค้าเจ็บก่อนใช่ไม๊ ตัวถึงจะยอมหยุดน่ะ?” ดวงตาใสรื้นน้ำตาของขนุนจ้องมองผมอย่างขมขื่น...จนผมรู้สึกละอายใจอย่างที่สุด

...ผมเริ่มจะรู้สึกว่า สิ่งที่ขนุนพูดมาฟังดูจะถูกต้องไปเสียทั้งหมด จนผมชักจะเริ่มกลัว...
...นี่ผมจะต้องบ้าไปจนกว่าทำลายทุกอย่างเสียสิ้นซาก  กระทั่งขนุน...คนที่ผมรักมากที่สุดอย่างนั้นหรือ???
.
.
...ไม่...ผมจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก่อนอื่น...ผมต้องทำให้ขนุนเข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดเสียก่อน

ผมพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ...ทั้งๆที่ยิ่งพูด ก็ยิ่งฟังดูเหมือนการแก้ตัวเข้าไปทุกที “ไม่ใช่อย่างนั้นนะฮะ เค้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายตัว...เค้าแค่พลั้งมือไปเท่านั้น”

ขนุนตอกหน้าผมกลับมาอย่างเหลืออด “เค้าบอกกี่รอบแล้วว่าไม่ให้ตัวใช้ความรุนแรง...แล้วรอยพวกนี้มันคืออะไร???...” ขนุนถลกชายเสื้อขึ้นเพื่อเปิดให้ผมดูรอยแดงเข้มเป็นปื้นยาวตรงสีข้างของเขา...ตำแหน่งของร่างกายที่ฟาดเข้ากับตู้โชว์ ผมถึงกับหน้าถอดสีเมื่อรู้ว่า สิ่งที่ผมทำเมื่อตอนขาดสติ ส่งผลร้ายแรงกับคนรักของตัวเองมากขนาดไหน... ทั้งๆที่ผมตั้งใจมาตลอดว่า ผมจะเป็นคนๆเดียวบนโลกนี้ ที่จะไม่ทำให้ขนุนต้องเจ็บทั้งกาย ทั้งใจแท้ๆ
.
.
เมื่อเห็นว่าผมยอมรับฟัง ขนุนก็พูดต่อทันที “...เค้าขอให้ตัวออกไปรอข้างนอก เพราะว่าเค้าจะจัดการเรื่องของน้องข็อปเอง แต่ตัวก็ไม่เชื่อใจ แอบกลับเข้ามา แล้วก็ยังก่อเรื่องอีกตั้งเท่าไร...
.
...ดูซิ น้องช็อปเลยต้องมาโดนหางเลขไปด้วย ทั้งๆที่น้องเค้าไม่ได้ผิดอะไร” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยพลางก็ทำหน้าเสียอกเสียใจระหว่างที่มองหน้าไอ้เหี้ยช็อปที่ยังนั่งหน้างงอยู่บนพพื้น ทันทีที่มันได้ยินเมียผมเรียก...ไอ้เด็กเหี้ยที่กำลังถูกพาดพิงก็เปลี่ยนสีหน้าหน้าเป็นเสียใจเสียเต็มประดา ราวกับบิดามันเพิ่งจะตายส่งกลับมาให้ทั้งผมและขนุนดู...

...ไอ้เหี้ยเอ๊ย!! นี่ขนาดมึงอยู่เฉยๆ มึงยังดราม่าออเชาะขอคะแนนความเห็นใจได้ขนาดนี้.. เห็นหน้ามึงตอแหลได้โล่ห์ต่อหน้าต่อตา ส่วนเมียผมนี่ ไปโดนมันเป่าหูมาหรืออย่างไร ทำไมต้องออกโรงปกป้องไอ้เด็กเวรนี่ด้วย???
...ผมว่าผมจะไม่แล้วนะ...แต่ผมคงจะทนโดนประนามว่าเป็นไอ้ตัวร้ายต่อไปไม่ไหวอีกแล้วว่ะ

ด้วยความโกรธที่โดนได้เหี้ยช็อปยั่วยุ ที่มาเป็นแพ็คคู่กับความน้อยใจเมีย ผมเลยตะคอกถามขนุนออกมาอย่างลืมตัว “เตงพูดออกมาได้ไงว่ามันไม่มีความผิด...ก็เค้าเห็นมันจับมือเตงอยู่เมื่อกี๊ด้วยสองตาของตัวเอง แล้วตัวยังจะกล้าแก้ตัวให้มันอยู่อีกเหรอ?”

ดูเหมือนว่าผมไม่ควรจะทำอะไรตอนขาดสติเสียจริงๆ เพราะเมื่อประโยคที่ผมพูดจบลง ความอดทนของขนุนก็คล้ายกับโดนทำลายลงในพริบตา เสียงเล็กๆของเมียที่น่าฟังในยามปกติเปลี่ยนเป็นเสียงสั่นเครือระหว่างโต้ตอบผม “นี่ที่ผ่านมา ตัวไม่เชื่อใจเค้าเลยใช่ไม๊??? ถ้าลองว่าเค้าอยู่ลับหลังตัว เค้าต้องไปมีใคร ต้องไปกอดกับใคร ต้องไปนอนกับใครที่ไม่ใช่ตัวใช่ไม๊?”

...ร่างของผมชาดิกตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากได้รับฟังสิ่งที่ขนุนรู้สึกผ่านคำพูดที่สื่อมากกว่าความหมายของประโยคคำถามทั่วๆไปไม่กี่ประโยค เพราะว่ามันกำลังสะท้อนให้ผมรับรู้ได้ถึงความเสียใจ น้อยใจ และผิดหวังในตัวผมอย่างที่สุดของเจ้าตัว

ผมอึกอัก แต่ก็ยังไม่หยุดเอ่ยปาก เพราะไม่อยากให้เกิดความเงียบขึ้นในเวลานี้... เพราะมันจะยิ่งทำให้เราต้องอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้า จนไม่ใครก็ใคร อาจจะบอกศาลาแล้วเดินหนีไปก่อนที่เราจะปรับความเข้าใจกันได้ “ขนุน...เปล่านะฮะ ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเค้าไม่เชื่อใจตัว แต่เค้าไม่เชื่อใจคนอื่นที่เข้ามาหาตัวมากกว่า...
.
.
...ตัวน่ะเชื่อคนง่าย และก็ใจดี...ตัวอาจจะโดนหลอกใช้ หรือตักตวงผลประโยชน์จากร่างกายได้ง่ายๆ เค้าเลยเป็นห่วง อยากจะคอยดูแลเตงอยู่ตลอดเวลา”

คนฟังลุกยืนขึ้นแล้วถามตรงๆใส่หน้าผมด้วยความโกรธอย่างที่สุด “เตงจะบ้าเหรอ? เตงจะมาคอยอยู่เฝ้าเค้าตลอดเวลาได้ยังไง??  เตงมีงาน เค้าเองก็มีงาน มีหน้าที่ที่ต้องดูแลรับผิดชอบไม่ต่างกัน...ถ้าเตงจะมาคอยจับตาดูเค้า เพื่อไม่ให้ยุงมาไต่ ไรมาตอมได้...ตัวไม่ต้องลาออก เค้าไม่ต้องลาออก แล้วไม่ต้องทำอะไร...จะได้มาอยู่ด้วยกันในโลกที่มีแต่เราสองคนหรอกเรอะไง?”

...ถ้าผมย้อนเวลาไปได้... ผมจะกลับไปบอกตัวเองให้ใจเย็นลงกว่านี้ เพราะผมจะเข้าใจได้ดีว่า ถ้าได้ยินประโยคที่ขนุนเพิ่งจะประชดออกมาหมาดๆประโยคนี้แล้ว ผมควรเลือกที่จะเอ่ยคำขอโทษออกมาอีกสักร้อยสักพันครั้ง ดีกว่าที่จะพูดจาเอาแต่ใจตอบเขาออกไปแบบที่ผมกำลังจะทำในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า...

“ต่อให้ถ้าตัวอยากจะทำอย่างนั้นจริงๆ  เค้าก็สามารถบันดาลให้ได้...เพราะเค้ามีปัญญา เค้าเลี้ยงตัวโดยที่ตัวไม่ต้องทำงานอะไรเลยก็ยังได้ ขอแค่ให้ตัวไม่ต้องไปเจอหน้าใคร ไม่ต้องไปอยู่ใกล้ใครที่เค้าไม่ไว้ใจ เค้าสามารถเนรมิตรให้ตัวได้ทุกอย่าง”
.
.
.
ร่างบางถึงกับทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาอย่างคนหมดแรง แล้วเอ่ยออกมาโดยไม่มองหน้าผมอีกเลย “น็อต...เค้าว่าเราห่างกันซักพักจะดีกว่า”

...เมื่อกี๊ขนุนว่าอะไรนะ???...
...ห่างกันซักพักเหรอ?...
...ห่างกันทำไม ทำไมต้องห่างด้วย??... ห่างกัน แล้วเมื่อไรจะได้กลับมาเจอหน้ากันล่ะ???...
...นี่แปลว่าขนุนอยากจะเลิกกับผมหรือเปล่า???... ไม่นะ ผมไม่อยากห่าง ผมไม่เข้าใจ...ทำไม?????

เมื่อต้องได้ยินในสิ่งที่ผมไม่อยากฟังมากที่สุด ผมก็อดคาดคั้นขนุนออกมาไม่ได้ “ขนุน!!! ทำไมเตงพูดงั้นล่ะฮะ” ผมนั่งคุกเข่าแบบหมดสภาพลงตรงหน้าร่างบอบบาง ที่กำลังก้มหน้าแล้วเอาสองมือประคองปิดใบหน้าตัวเองเอาไว้ ราวกับไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรอีกต่อไป

เสียงเล็กๆฟังอ่อนล้าเอ่ยตอบ “เค้าไม่เคยคิดว่าตัวจะเป็นเอามากถึงขนาดนี้...
...ตลอดมา เค้าไม่เคยเชื่อที่ใครๆเคยเตือนว่า ถ้าเค้าคบตัว...เรื่องราวรอบๆตัวเค้ามันจะยุ่งและวุ่นวายอย่างที่สุด เพราะตัวจะต้องคอยราวีทุกๆคนไม่ให้เข้าใกล้เค้าแน่ๆ  เคราะห์หามยามร้ายมากๆเข้า...ถ้าตัวเกิดไม่พอใจใครก็ตามที่เข้ามาหาเค้า เข้าขั้นไม่ถูกชะตา หน้าไม่อยากจะมอง...ตัวก็จะหาเรื่องต่อยตีกับคนๆนั้น จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมแพ้พ่ายและร้างลาไปเอง...
.
.
...แต่ตัวรู้ไม๊...เค้ากลับเลือกที่จะเชื่อใจตัวเอง เลือกที่จะให้โอกาสทั้งเค้าและตัวได้เรียนรู้ ได้รักกัน....
...ระหว่างนั้น เค้าก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะแก้ไข ปรับความเข้าใจ รวมทั้งแสดงออกอย่างชัดเจนให้ตัวได้เล็งเห็นตลอดมาว่า ตัวสามารถไว้ใจเค้าได้ นอกจากนั้น...เค้ายังเป็นคนรักเดียวใจเดียว ที่พร้อมจะทุ่มเททุกๆอย่างที่เค้ามีให้กับตัวมากขนาดไหน...
.
.
.
...หึ หึ...แต่ดูเหมือนว่า แค่ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา...ทุกๆอย่างที่ตัวทำ สิ่งที่ตัวอ้างว่ามันเป็นการปกป้องเค้าจากเงื้อมมือของคนอื่น กลับทำให้ความพยายามทั้งหมดที่เค้าเคยเฝ้าทำมาสูญเปล่า ไร้ค่า และหมดความหมายไปในชั่วพริบตาเข้าจนได้... 
.
...เค้าชักเริ่มจะเชื่อที่คนอื่นพูดกรอกหูเค้าซะแล้วซิว่า คงไม่มีวันนั้น...วันที่ตัวจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเริ่มที่จะเชื่อใจ ไว้ใจเค้าโดยสมบูรณ์ได้หรอก...ไหนตัวลอกบอกเค้าซิว่า เราจะรักกันได้ยังไง ถ้าเราไม่รู้จักการเชื่อใจกันและกัน?”

ผมเอ่ยเสียงอ่อน เพราะรู้ว่าผิดเต็มประตู “เค้าเชื่อใจตัวนะฮะ แต่เค้าจะวางใจได้ไงว่าตัวจะไม่เพลี่ยงพล้ำถ้าเจอไอ้พวกที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว หรือตุกติกจนเป็นสันดาน เค้าเลยต้องลงมือทำอะไรซักอย่าง”

ใบหน้าเล็กๆที่ผมรัก หากแต่ดวงตากลับแดงก่ำไม่สดใสหันมองผมด้วยสายตาว่างเปล่าขณะที่เอ่ยอย่างเศร้าสร้อย “นั่นมันห่างไกลกับคำว่าเชื่อใจที่เค้าคิดไว้มากเลยนะน็อต...
.
...เค้าว่า มันคงดีที่สุดแล้วล่ะ ถ้าเราจะลองใช้เวลาอยู่กับตัวเองซักพัก เพื่อตัดสินใจอีกครั้งว่า เราได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมและดีที่สุดสกำหรับตัวเราแล้วหรือยัง...
.
...ระหว่างนี้ เค้าขอใช้เวลาเป็นส่วนตัวซักหน่อยนะ...
...เอาไว้ถ้าเค้าพร้อมคุยกับตัวเมื่อไร เค้าจะติดต่อไปเองก็แล้วกัน” พูดจบ ขนุนก็ยืนขึ้นแล้วทำท่าเหมือนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองโดยไม่เหลียวกลับมามองผมเลยแม้แต่น้อย

ผมเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของขนุนเอาไว้แล้วร้องขอความเห็นใจของอีกฝ่าย “ขนุน!!!” ...ผมยอมโดนโกรธ ผมยอมโดนเกลียด โดนตี โดนด่าว่าแรงๆอย่างไรก็ได้ ขอแค่อย่างเดียว...ได้โปรดอย่าห้ามผมไม่ให้อยู่ข้างๆคุณได้ไหม? ผมคงทนอยู่ต่อไปไม่ไหวจริงๆ

ขนุนพูดเสียงเย็น กระทั่งหางตาของเขาในเวลานี้...ยังไม่ปรายมองมาที่ผมเลย “เตงอย่าทำให้เค้าต้องคิดไปว่า...รู้อย่างนี้  เค้ากลับไปแอบชอบเคะเหมือนเดิมซะยังจะดีกว่าตกลงใจมาคบหากับตัวเลยนะ...
.
.
...ปล่อย! สิ้นคำ ขนุนก็สะบัดมือผมทิ้งอย่างง่ายๆ... ส่วนหนึ่งเพราะผมไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะยื้อร่างบางเอาไว้อีกต่อไป เพราะพลังกายพลังใจทั้งหมดของผมได้เหือดหายไปทั้งหมด ตั้งแต่ขนุนยืนยันเรื่องที่เราต้องแยกกันโดยไม่มีกำหนดเป็นครั้งที่สองแล้ว

“ขนุน... ขนุน เราคุยกันก่อนได้ไม๊ฮะ? เค้าว่าเตงเข้าใจเค้าผิดนะ” ผมร้องขออีกคนที่กำลังเดินหันหลังขึ้นบันไดไปอย่างมั่นคงอีกครั้ง โดยที่ยังหมดแรงนั่งกองจ่อมอยู่ตรงที่เดิม



ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลุกขึ้นไปตามตื๊อขอความเห็นใจจากเมีย โทรศัพท์ผมก็สั่นขึ้นมาเพราะว่ามีสายเรียกเข้า ใจผมต้องการจะแค่เช็คดูว่าใครโทรมา ถ้าไม่สำคัญ...ผมจะได้ตัดสายทิ้งเพื่อจะได้ตามขึ้นไปอ้อนเมียให้หายโกรธ แต่เมื่อชื่อบนหน้าจอเป็นชื่อพี่ปีย์ เห็นทีว่าจะเลี่ยงสายนี้ไม่ได้จริงๆ


ผมกดรับสายพลางกรอกคำถามเข้าไปตามความเคยชิน แต่เสียงปลายสาย กลับไม่ใช่คนที่ผมคิดว่าจะได้คุยด้วย....และ  บทสนทนาสั้นๆที่เรามีด้วยกันเป็นครั้งแรก ก็ลากเอาตัวผมออกห่างจากขนุนได้โดยที่ผมไม่ทรมานใจมากเท่าที่ผมคาดเอาไว้ “ฮัลโหล...พี่ปีย์ ว่าไงฮะ?...
.
.
...อ้าว พี่กานต์เองเหรอฮะ...
...ห๊ะ?!! อะไรนะฮะ???...
...ได้ฮะ เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยฮะ...
...พี่กานต์ทำใจดีๆก่อนนะฮะ เดี๋ยวเจอกันฮะ”

ผมเก็บมือถือกลับเข้าไปในกางเกง แล้ววิ่งออกจากบ้านขนุนไปทันที แต่ก็ไม่วายบ่นกับตัวเองออกมาด้วยการเล่นตลกของโชคชะตา “ทำไมแม่งจะต้องเกิดเรื่องอะไรแบบนี้เอาอีตอนมีเรื่องกับขนุนอยู่อย่างนี้ด้วยวะ???”

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



บ่ายสามโมง/ วันศุกร์/ ส่วนต้อนรับสำนักพิมพ์คนรักกล้วย


ผมเดินวนไปวนมาอยู่ข้างหน้าสำนักพิมพ์ของขนุนอยู่นานสองนาน เพราะไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ผมคิดจะทำต่อไปนี้  มันดูงี่เง่าชวนให้เสียหน้า เสียศักดิ์ศรีเกินกว่าที่คนแบบผมควรจะลดตัวลงไปทำดีหรือไม่... แต่หลังจากที่เดินเถียงกับตัวเองอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง จนผมชักจะเริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาเป็นห่วง ไม่ก็วิตกกังวลของประชาสัมพันธ์ กับคนอื่นๆที่มานั่งรอติดต่องานอยู่ด้านใน ผมก็ตัดสินใจเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปทำมันจนได้



ระหว่างที่ผมก้มหน้าเหม่อสำรวจพรมอยู่นั้น ก็มีเสียงกวนประสาทดังขึ้นอย่างไม่พอใจ ระคนแปลกใจทักออกมา “คุณมาที่นี่วันนี้ มีธุระอะไร?”

ผมเงยหน้ามองคนที่จะช่วยเหลือผมได้เพียงคนเดียวในเวลานี้ด้วยสายตาซาบซึ้งอย่างที่สุด ก่อนจะพูดอย่างนอบน้อมแบบที่ผมไม่เคยทำให้คนๆนี้เห็นมาก่อน และนั่นก็ทำให้เขาถึงกับออกอาการเงิบไปพักใหญ่ “ผมมีเรื่องจะรบกวนให้คุณช่วยผมหน่อยน่ะฮะ...ได้โปรดเถอะ  ผมไหว้ล่ะ” พูดจบผมก็ยกมือไหว้อีกฝ่ายปลกๆอย่างสิ้นท่า

เมื่อเห็นท่าทางจนตรอกของผม คนตรงหน้าก็เริ่มจะยิ้มออกมาอย่างสะใจ แล้วจึงถามไถ่เหมือนเป็นเรื่องสนุกที่สุดของวัน “เรื่องขนุน?”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนเปิดไพ่ทั้งมือให้อีกฝ่ายได้เห็นอย่างลืมอาย “ฮะ...เรื่องขนุน   เค้าไม่ยอมเจอหน้าผม เค้าปฏิเสธไม่ยอมติดต่อกับผมมาจะอาทิตย์ได้แล้ว ผมกำลังจะเป็นบ้าฮะ ผมกำลังจะตาย” ผมไม่ได้พูดเกินไป..เพราะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  ทุกๆคืนที่ต้องนอนโดยไม่มีขนุน...ผมแทบไม่ได้หลับตา ทุกๆมื้อที่ไม่ได้เห็นหน้า...ผมก็กินข้าวไม่ลงไปเสียดื้อๆ นี่ถ้าผมไม่ตัดสินใจกลับไปนอนที่บ้านใหญ่เมื่อสองคืนก่อน ผมว่าผมคงเหี่ยวแห้งตายอยู่ที่บ้านใหม่ ไม่ก็ที่คอนโดแหงๆ

ร่างที่ยืนค้ำหัวผมมาตั้งแต่ต้นพูดนุ่มๆแต่หางเสียงฟังคล้ายกับชอบใจกับสถานการณ์ที่จะได้เอาคืนผมอย่างหนำใจ โดยที่โอกาสดีที่ว่า...ลอยมาตกลงตรงหน้าแบบที่ไม่ต้องเสียเหงื่อออกแรง “หึ หึ...ผมจะยอมช่วยคุณก็ได้... แต่ของอย่างนี้ มันต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันหน่อยนะคุณ”

ผมที่อยู่ในโหมดสิ้นไร้ไม้ตอกก็เอ่ยออกมาอย่างไม่คิดต่อรอง “คุณอยากได้อะไรคุณบอกมาได้เลยฮะ ผมยินดีทำให้คุณได้ทุกอย่าง...ยกเว้นรื่องยกขนุนให้คุณ” ...เรียกได้ว่า วินาทีนี้ ถ้าไม่นับเรื่องขนุนแล้ว...ต่อให้คนตรงหน้าจะอยากได้เดือนได้ดาวบนฟ้า ผมก็ต้องพยายามมหามากองให้เขาจนได้
.
.
.
คนฟังทำหน้าเจ้าเล่ห์จนผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ก่อนจะพูดออกมาอย่างใจเย็น “คุณก็รู้ใช่ไม๊ว่า... ผมไม่ค่อยชอบขี้หน้าคุณเท่าไร......ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยเรื่องขนุนจริงๆแล้วล่ะก็...
.
.
...กราบตีนผมซักครั้งซิ  ผมจะยอมช่วยโดยไม่ลังเลเลย หึ หึ”

 “......” แค่ได้ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการให้ผมแลกกับความช่วยเหลือของเขา ก็ทำเอาผมอึ้งจนแทบไปไม่เป็น

...น่านนนนไง!! คิดอยู่แล้วเชียวว่าแม่งต้องได้ทีจัดหนักกับผมก็คราวนี้...
...เข้าใจเล่นนะฮะไอ้เหี้ยพี่เจี๊ยว... กะจะทำกูให้ซาบซึ้งถึงกึ๋นเลยใช่ไหม??? ...แสรดดด!!...
.
...แต่เอาเถอะฮะ ไอ้ครั้นจะมานั่งเสียใจ กลับลำเอาตอนนี้ เรื่องของผมกับขนุนคงไม่ไปถึงไหน...

“หรือจะไม่ทำ...ก็ได้นะ  ผมก็ไม่เดือดร้อนอะไร” พูดจบ ไอ้เหี้ยพี่เจี๊ยวแม่งก็ทำท่าจะเดินกลับเข้าข้างในไปโดยปล่อยผมทิ้งเอาไว้เป็นซากเพื่อประจานความผิดพลาดของตัวเองตั้งแต่มีเรื่องกับขนุนเมื่อต้นอาทิตย์

ผมเลยต้องเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายออกไปทันที เพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาสได้คืนดีกับขนุนไปเสียก่อน “ได้ฮะ... แต่คุณต้องรับปากก่อนว่า คุณต้องช่วยผมให้ได้เจอกับขนุนให้ได้”

ไอ้เหี้ยพี่เจี๊ยวทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนตอบผมเพื่อยืนยันให้มั่นใจ “ผมเป็นคนพูดจริงทำจริง”

“ผมก็เป็นลูกผู้ชายพอ” นั่นคือสิ่งที่ผมตอบอีกฝ่ายออกไปก่อนที่จะเดินหน้าทำตามคำขอของอีกฝ่ายอย่างหน้าชื่นอกตรม




บ่ายสามโมง/ วันพฤหัสบดี/ หน้าบ้านขนุน


 (... โอ้ทะเลแสนงาม  ฟ้าสีครามสดใส มองเห็นเรือใบ.......แล่นอยู่ในทะเล....หาดทรายงามเห็นปู.......ดูซิดูหมู่ปลา กุ้งหอยนานา อยู่ในท้องทะเล เมื่อเราเดินเที่ยวไป.......................................................)

ผมจ้องมองหน้าจอที่ต่อสายหาขนุนเป็นรอบที่ล้านของวัน พลางฟังเสียงเพลงรอสายแสนร่าเริงดังคลอซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆจากคนที่ผมอยากคุยด้วยที่สุด  พลาปรารภกับตัวเองอย่างอ่อนอกอ่อนใจพลางไล่สายตามองไปยังระเบียงของห้องชั้นสอง แล้วคอยคิดเข้าข้างตัวเองว่า หลังม่านหนาๆนั่น...ขนุนคงกำลังแอบเฝ้ามองดูผมอย่างเศร้าซึมไม่ต่างกัน “เฮ้ออออ...จนป่านนี้แล้ว ขนุนยังไม่คิดจะรับสายผมอีกเหรอวะเนี่ย?...
.
.
...คุณจะปล่อยให้ผมต้องทรมานใจไปอีกจนถึงเมื่อไรฮะ... 
...ผมสำนึกผิดแล้ว ผมรู้ดีว่าผมทำเกินไป...
.
.
...เตง...เตงฮะ...ได้ยินเค้าไม๊... เค้าอยากบอกเตงจังเลยฮะว่า ต่อไ...เค้าจะไม่วู่วาม  เค้าจะไม่ทำอะไรให้เตงต้องเสียใจอีกแล้วฮะ เค้าสัญญา“ สายตาที่ยังมองเข้าไปในบ้านขนุนของผมต้องมีอันเบิกกว้าง เมื่อเห็นร่างของไอ้เหี้ยช็อปเดินอย่างสบายใจออกมาจากรั้วบ้านของเมียผม

...ไอ้เหี้ยช็อปมันเข้าไปทำอะไรในบ้านขนุน...
...หรือว่า...ตั้งแต่เมื่อวันนั้น มันยังไม่ได้ย่างกรายออกจากบ้านขนุนไปไหนเลยแม้แต่ครั้งเดียว... หรือว่ามันดอดเข้าไปทำหน้าที่ปลอบใจขนุนแทนผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว???
...ไม่!! ผมต้องไม่คิดอย่างนั้น ผมต้องหัดเชื่อใจขนุน ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้!!


แม้ว่าใจผมจะพยายามห้ามปรามตัวเองไม่ให้คิดไปไกล แต่ร่างกายผมแม่งเสือกขยับเข้าไปขวางหน้าไอ้เด็กเวรเอาไว้ แล้วถามอย่างข่มขู่ออกไปทันที “ไอ้เหี้ยช็อป มึงมาทำอะไรที่บ้านขนุน?”

“หึ หึ...ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ” ไอ้เด็กเวรมันตอบผมด้วยสีหน้าอมภูมิอย่างที่สุด... กูล่ะเกลียดขี้หน้ามึงจริงๆเลยว่ะ...พับผ่าสิ!!  
.
.
.
ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าไอ้เด็กเวรนี้มากแค่ไหน แต่พอเห็นปลายคางช้ำๆบนหน้าแม่ง  สุดท้าย...ผมก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ขนุนต้องดีใจมากๆ หากได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผมในครั้งนี้ในภายหลัง เพราะมันเป็นก้าวแรกที่จะนำผมไปสู่เส้นทางที่เราสองคนจะเดินร่วมกันอย่างมีความสุขในภายภาคหน้า 

“ขอโทษ...” ผมเอ่ยออกไปเบาๆ... แต่ก็มั่นใจว่า ไม่ว่าอย่างไร...ไอ้คนตรงหน้าผมจะต้องได้ยินเป็นแน่แท้

“เมื่อกี๊คุณพูดอะไรออกมารึเปล่านะ?  เผอิญผมไม่ทันได้ยิน” ไอ้เหี้ยช็อปเสือกกลับทำหน้าไขสือ พลางเอามือตบเข้าที่หูตัวเองเบาๆราวกับจะบอกว่า เมื่อกี๊นี้...ไม่มีอะไรลอยผ่านเข้าหูแม่งแม้แต่ประโยคเดียว...

...ไอ้เด็กเหี้ยนี่แม่งโคตนจะวอนอยู่ไม่ถึงปีหน้าเสียจริงๆ!

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ พร้อมกับเรียกความมั่นใจ และบอกตัวเองว่า...ผมกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง ผมกำลังแก้ไขความผิดของตัวเอง และผมใกล้จะเป็นคนใหม่...คนที่ขนุนจะรักได้อย่างหมดหัวใจโดยไม่ต้องหวาดระแวง และเจ็บปวดทั้งกายและใจในอนาคตที่จะถึง แล้วผมก็เอ่ยคำนั้นออกไปให้ไอ้เด็กเหี้ยหน้านิ่งฟังดังๆอีกครั้ง

“กูบอกว่าขอโทษ!!
.
.
.
“หึ หึ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคนอย่างคุณจะยอมขอโทษใครก่อน” ไอ้เด็กเวรแม่งตอบผมง่ายๆ ด้วยสีหน้าแบบที่ผมอยากจะเอาฝ่าเท้าไปประทับเพื่อวัดความยาวจากตีนผมถึงปลายคางให้แม่งเสียจริงๆ...

...ใครสั่งใครสอนให้มึงตอบรับคำขอโทษอย่างจริงใจของคนอื่นด้วยท่าทางแบบนี้กัน???...
...อย่าให้รู้นะ...กูจะ..
...กูจะตามไปชื่นชมคนๆนั้นถึงบ้านทีเดียว...
...ใจเย็นไว้นะไอ้น็อต มึงต้องผ่านมันไปให้ได้!!


“เออ ก็กูผิด กูก็ต้องขอโทษก่อนซิ” ผมเลยย้ำให้แม่งได้ชื่นใจไปอีกครั้งอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก... แหม่ ก็ใครกันล่ะฮะจะชอบสาวไส้ตัวเอง ให้เห้อย่างไอ้เด็กนี่กินกันนักล่ะ

ไอ้เด็กเวรตอบผมออกมาอย่างขำๆ “โอเคๆ...ผมยกโทษให้ และไม่ติดใจอะไร...
.
.
...หวังว่า คุณคงจะสบายใจได้ซักที  ถ้างั้น...ผมขอตัวก่อนนะครับ” ไอ้เหี้ยนี่แม่งก็กลัวเปลืองเวลาเหลือเกิน... คุยกับผมได้ไม่ถึงห้านาที แม่งก็มองนาฬิกาข้อมืออีกแล้ว... นี่มึงจะรีบไปไหนนักหนา? ลืมเปิดก็อกน้ำทิ้งไว้หรือไง ถึงได้ต้องรีบกลับบ้านไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับขนุนเลย

ผมเลยไม่ปล่อยให้อีกคนเดินหายไปโดยที่ยังไม่ได้ข่าวคราวของคนที่ผมอยากรู้เรื่องราวของเขามากที่สุด “เฮ๊ยยย เดี๋ยวก่อนดี้... ขนุนล่ะ ขนุนอยู่ในบ้านไม๊? เค้าเป็นไงมั่ง?”

“ได้ข่าวว่าคุณสองคนเป็นแฟนกัน รักกัน แถมยังชอบเอากันมากไม่ใช่เหรอครับ...แล้วทำไมคุณถึงไม่เข้าไปหาแฟนคุณด้วยตัวเองล่ะครับ?...จะมาถามไอ้มือที่สามอย่างผมไปทำไม?” ไอ้เหี้ยช็อปแม่งสวนมาอย่างจัดหนักแบบครบทุกดอกที่ผมเคยเล่นแม่งเอาไว้อย่างสาสม เล่นเอาผมสะอึกไปหลายทีในคราวเดียว...

...คุณช็อปครับ กระผมรู้ครับว่าผมได้ทำการลบหลู่คุณเอาไว้ไม่ใช่น้อย แต่นี่มันใช่เวลากวนตีนกระผมไหมครับ???

ด้วยความปากไว ผมเลยสวนกลับไปอย่างลืมตัว “นี่กูอุตส่าห์บากหน้ามาขอโทษมึงถึงที่นี่  ใจคอมึงจะไม่เห็นใจ แล้วให้โอกาสพี่มึงได้แก้ตัวหน่อยเหรอวะ”

ไอ้เด็กเวรแม่งก็ตอกผมเสียหน้าหงาย “คุณเคยบอกว่า คุณไม่เคยนับผมเป็นน้อง... แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะต้องยอมช่วยคุณ”

...โคตรเหนื่อยฮะบอกเลย...
...เผลอๆเหนื่อยกว่าทำงานเจ็ดวันรวดมาทั้งเดือน  เหนื่อยกว่าต้อนให้ขนุนยอมรับข้อตกลงกับยอมเป็นแฟนผมรวมกันอีกฮะ ผมยอมรับเลยว่า ไอ้เด็กนี่แม่งโหดสัสกระดูกขัดมันสุดๆ!!

ผมเลยอ้อนวอนแม่งแบบไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป “จะให้กูไหว้ก็ได้นะช็อป แต่กูจนปัญญาจริงๆว่ะ  กูอยากเจอหน้าเค้า อยากกอดเค้า... แต่หลังจากวันนั้นที่มีเรื่องกัน เค้าก็ไม่ยอมเจอหน้ากู ไม่ยอมให้กูเข้าบ้านไม่ยอมรับโทรศัพท์  เค้าเลี่ยงไม่เจอหน้ากูที่โรงบาลตอนที่เต้าไปเยี่ยมพี่ปีย์...
.
...ไม่ว่ากูจะพยายามทำให้ตายยังไง เค้าก็ไม่ยอมให้กูเจอหน้า....
...แต่ตอนนี้ กูเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ กูคิดถึงเค้าว่ะ”
.
.
.
ไม่ว่าผมจะมาไม้ไหน ไอ้เด็กเหี้ยแม่งก็ยังคงเหี้ยได้อย่างสม่ำเสมอ “มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของคนนอกอย่างผม” พูดจบแม่งก็อมยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข...

...มึงคงจะพอใจกับช่วงเวลาเอาคืนกูล่ะสินะ ไอ้เหยดแม่งเอ๊ย!!
...นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อง้อให้เมียกลับมาอยู่ในอ้อมอกผมเหมือนที่เคยเป็นนะ ผมไม่ยอมก้มหัวให้ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำเงินอย่างแม่งมาลอยหน้าพูดจาแบบนี้ใส่อยู่ได้ โดยไม่ตั๊นหน้าแม่งสักหมัดหรอก...
...แต่ก็เอาวะ ไอ้ที่ต่อยหน้าแม่งไปเมื่อวันก่อน ผมจะถือเสียว่ามันจ่ายดาวน์ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วก็แล้วกัน

ผมยังไม่หยุดหว่านล้อมไอ้เด็กเปรต แหล่งข่าวเดียวที่ผมจะพอหาได้ในยามยากเช่นนี้ “จะไม่ใช่ได้ไง ก็มึงชอบขนุนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? แล้วก็มึงอีกนี่แหละ ที่เข้ามาสร้างเรื่องจนทำกูเป็นบ้าไล่หึงขนุนจนเรามีปัญหากัน”

“หึ หึ...ผมแค่เคยชอบพี่ขนุนครับ...
...แต่ถ้าคุณยังมองไม่ออกว่าพี่ขนุนรักและแคร์ใครที่สุด  คุณสองคนคงหมดหวังที่จะได้คืนดีกันแล้วล่ะ...
.
.
...หึ หึ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี...ผมจะได้ขอพี่ขนุนจากคุณเลยก็แล้วกันนะ...
...ถึงก่อนหน้านี้ ผมจะเฮิร์ทมากที่พี่เค้าไม่ค่อยจะใยดี...
...แต่พอมาคิดๆดูอีกที...สีหน้าพี่ขนุนตอนมีอารมณ์นี่ก็เอ็กซ์ใช้ได้เลยนะครับ”

“ไอ้เหี้ยช็อป!!” ผมสืบเท้าเข้าไปจ้องหน้าไอ้เด็กเวรตรงหน้าอย่างเหลืออด  

หากแต่อีกฝ่ายกลับหาได้รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด เพราะมันเอาแต่ยิ้มอย่างมีเลศนัยส่งมาให้พลางพูดนิ่มๆ “หึ หึ...เค้าว่ากันว่า ไม่ใช่นิสัยหรอกที่เปลี่ยนกันไม่ได้ สันดานตั่งหากที่ยากเกินจะปรับ”

“ถ้ามึงจะเห่ามากกว่านี้ ก็ไปให้พ้นๆหน้ากูเลยไป รำคาญว่ะ! ผมตอบแม่งไปอย่างเหลืออด...

...ไอ้เด็กเหี้ยนี่ก็ขยันทดสอบความอดทนของผมดีเหลือเกิน...
...ผมว่า ตั้งแต่ที่เริ่มคุยกับไอ้ช็อปมา ผมน่าจะใช้เครดิตความอดทนในอนาคตข้างหน้าจนหมดไม่เหลือสักหยดแล้วแน่ๆ

“ถ้าคุณไม่รีบทำอะไรซักอย่าง ผมจะรุกแล้วนะ เพราะพี่ขนุนเค้าไม่มีพันธะอะไรกับคุณแล้วนี่” ไอ้ช็อปพูดนิ่มๆด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผิดอยู่แต่ว่า...คราวนี้ พอผมออกปากไล่ มันกลับไม่ได้เดินหนีไป ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้แม่งทำหน้าอย่างกับอยากจะกลับบ้านอยู่ใจจะขาดรอนๆ ผมว่าแม่งต้องอยากอยู่กวนตีนผมให้ล้มตายไปต่อหน้าแหงๆ

ผมเลยต้องเตือนความจำให้แม่งได้เข้าใจให้ถูกต้องอีกครั้ง “กูกับเค้ายังไม่เลิกกันเว่ย...เค้ายังเป็นเมียกูอยู่ เพราะฉะนั้น...มึงต้องข้ามศพกูไปก่อน มึงถึงค่อยคิดเรื่องจะแอ้มขนุนอย่างที่มึงคุยเอาไว้”

แล้วไอ้เหี้ยช็อปแม่งก็สาดน้ำเกลือราดรดแผลสดของผมอย่างไม่ไว้หน้าใดๆ “ผมว่าคงจะไม่ยากเท่าไรหรอก กับแค่จะข้ามศพคุณ... แต่ผมเดินเข้าไปบอกพี่ขนุนว่าคุณมาดักทำร้ายผมอยู่ข้างนอก... คุณก็จะได้กลายเป็นศพโดยที่มือผม ไม่ต้องเปื้อนเลือดซักหยด หึ หึ”

ผมเลยพลั้งปากพูดอย่างใจเพื่อชมแม่งไปสักดอก “มึงนี่มันเหี้ยใช้ได้จริงๆ”

ไอ้เด็กเหี้ยยิ้มรับอย่างภูมิใจ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง “คุณเองก็เหี้ยเหมือนกันแหละฮะ...แต่เป็นพวกเหี้ยใช้ไม่ได้ เพราะดีแต่ปากและก็ใช้กำลัง ทั้งที่ก็ไม่ได้โง่อะไร...
.
.
...คุณลองไปนั่งทบทวนดูแล้วกันฮะ ว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไรเอาไว้บ้าง...
...บางอย่างมันเกินไปไม๊ แล้วคุณพอจะแก้ไขตัวเองได้รึเปล่า เพราะจนถึงตอนนี้...พี่ขนุนเค้าก็ยังรอคุณ รอให้คุณเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ได้คิดจะมีใครใหม่ง่ายๆ... หึ หึ...ผมว่าเค้าคงไม่มองใครนอกจากคุณหรอก...
...เรื่องง่ายๆแบบนี้ ไม่เห็นจะต้องให้เด็กมาสอนเล๊ย  นี่ถ้าใครรู้...ผมว่า น่าอายนะคุณ... เสียชื่อแบดบอยคาสโนว่ากันพอดี คุณว่าไม๊ หึ หึ”

ถึงจะไม่ค่อยชอบใจในสิ่งที่ได้ยินเท่าไรนัก แต่ผมก็เห็นด้วยกับความคิดของไอ้เหี้ยหน้านิ่งนี่อย่างเถียงอะไรไม่ออก สุดท้าย..เมื่อมันพูดจบ ผมก็พูดกับมันไปสั้นๆด้วยความตั้งใจจริง “ขอบใจ”
.
.
.
พอได้ยินที่ผมพูด คราวนี้ไอ้เด็กเหี้ยก็ออกเดินทันทีฮะ แต่ก็ยังไม่วายจะตอบทิ้งท้ายเอาไว้ให้ผมได้งงไปหลายวิฯ “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก... ผมซิ ต้องขอบคุณๆมากกว่า เพราะว่า แกล้งคุณนี่สนุกดีว่ะ...
.
.
... ผมเข้าใจแล้ว ว่าทำไมพี่ขนุนถึงได้ลงมือแกล้งดัดนิสัยคุณซะแรงแบบนี้”

“ห๊ะ??? เมื่อกี๊มึงว่าไงนะ?”

...นั่นแหละฮะ คือ สิ่งที่ผมรู้สึกและเอ่ยปากถามออกไปในจังหวะเดียวกันกับที่ใจคิด แต่ไอ้เด็กเวรแม่งก็เดินเข้าบ้านไปสักพักแล้ว จึงไม่เหลือใครมานั่งสาธยายขยายความสิ่งที่ไอ้ช็อปแม่งเพิ่งหย่อนระเบิดทิ้งเอาไว้...

...ไอ้ช็อปบอกว่าขนุนกำลังดัดนิสัยผมอยู่หรอกเหรอ??
...แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่าไอ้เด็กเหี้ยนี่พูดความจริงหรือเปล่าล่ะ?
...สงสัยผมคงต้องรีบกลับบ้านไปตรวจสอบอะไรเสียหน่อยแล้วล่ะ ได้ข่าวว่า ตั้งแต่ที่ผมเริ่มเป็นแฟนกับขนุน ผมละเลยเรื่องพวกนี้ไปนานเหลือเกิน... ...หึ หึ... แล้วเราจะได้เห็นดีกัน


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



บ่ายสอง/ วันเสาร์/ ในรถเกี๊ยว/ หน้าบ้านขนุน


เกี๊ยวค่อยๆชับรถเทียบจอดหน้าบ้านขนุนอย่างช้าๆและนุ่มนวลผิดปกติ  เพราะเจ้าตัวยังไม่ค่อยชินกับรถยุโรปราคาแพงคันนี้มากเท่าไร เนื่องจากเพิ่งจะได้ขับเป็นครั้งแรกเมื่อเช้านี้เท่านั้น ตุ๊กตาหน้ารถของเขาในวันนี้ถามออกมาทันทีเมื่อทั้งสองคนกลับมาถึงหน้าบ้านของเจ้าตัว


“ที่วันนี้พี่เกี๊ยวพาผมออกไปทานข้าว ก็เพื่อจะคุยเรื่องสัพเพเหระเองหรอกเหรอครับ?”

เกี๊ยวยิ้มแหยๆให้อีกฝ่ายที่ทำหน้าสงสัยอย่างที่สุด...แน่ล่ะ ก็ร้อยวันพันปีเขาไม่มีทางขับรถมารับขนุนออกไปทานอาหารกลางวัน แล้วก็พากลับมาส่งบ้านอยู่อย่างนี้หรอก... ที่สำคัญ เขาเองก็ไม่นึกว่า อีกฝ่ายจะตอบรับคำชวนของเขาง่ายๆ โดยไม่อิดออด ทั้งที่เมื่อก่อน ขนุนมักจะปฏิเสธคำชวนของเขาอยู่เสมอๆ กระทั่งเอาเรื่องงานมาบังหน้าอย่างในครั้งนี้ก็ตามที

เขาพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติ แล้วตอบอีกฝ่ายตามบทที่ตนเองได้ซักซ้อมมาเป็นอย่างดี “ไม่หรอก... พี่บอกตั้งแต่ตอนที่มารับขนุนแล้วไม่ใช่เหรอครับว่า วันนี้...พี่มาเจอเราด้วยเรื่องงาน แต่พี่แค่เห็นว่า นานแล้วที่เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันสองต่อสอง พี่เลยพาขนุนออกไปกินข้าวก่อนยังไงล่ะครับ...
.
...แต่ครั้นจะนั่งคุยแต่เรื่องที่พี่เมี่ยงสั่งแก้งาน เดี๋ยวอาหารจะไม่อร่อยไปซะก่อน
...อ่ะนี่... งานด่วนที่ต้องรีบแก้แล้วส่งให้แกภายในอาทิตย์หน้า” พูดพลางก็ยื่นเอกสารที่เสียบอยู่ข้างๆฝั่งคนขับให้

“อืมม...แปลกดีนะครับ เมื่อเช้าตอนที่แกตอบเมลผม ก็ไม่เห็นแกจะพูดอะไรเรื่องงานแก้ซักนิดเลยนี่นา” ขนุนตั้งข้อสังเกตอย่างเฉียบขาด จนอีกฝ่ายต้องลอบถอนหายใจออกมาทันที

เกี๊ยวยิ้มแห้งๆ แล้วบอกปัดขนุนเป็นพัลวัน “แกคงจะลืมล่ะมั้ง แต่ก็ช่างเถอะ...แกคงจะเริ่มป้ำๆเป๋อๆลืมนั่นลืมนี่ไปตามวัยกล้วยไม้ของแกแหละครับ...
.
...เอาล่ะ พี่มาส่งขนุนถึงบ้านโดยปลอดภัยแล้วนะครับ แต่ก่อนจะลงไป ขนุนนั่งรอพี่อยู่ในรถก่อนนะ พี่ขอเดินไปหยิบงานที่ต้องแก้เพิ่มเติมที่พี่เก็บเอาไว้ตรงกระโปรงหลังก่อน” พูดจบคนขับก็รีบลงจากรถไปทันที อีกฝ่ายที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านเอกสารที่มีรอยปากกาชี้แจงการแก้ไขของงานล่าสุดเลยไม่ทันได้สังเกตอาการลุกลี้ลุกลนจนเกิดเอะใจ

เกี๊ยวลงจากรถไปไม่ถึงนาทีดี ประตูฝั่งคนขับก็ปิดลงมาอีกครั้ง ก่อนที่ออโต้ล็อคของทั้งคันจะทำงานอีกทอดหนึ่ง เมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ขนุนก็เงยหน้าขึ้นจากต้นฉบับในมือ พลางถามระหว่างหันไปมองฝั่งคนขับด้วยสีหน้าสงสัยกับการกระทำแปลกๆของอีกฝ่าย หากแต่กลับเป็นเขาเองที่ต้องตกใจจนร้องเสียงหลงออกมาในที่สุด

“พี่เกี๊ยวทำไมกลับมาเร็วจังล่ะครับ?... น็อต???!! น็อตมาได้ไงอ่ะ?... แล้วพี่เกี๊ยวล่ะ? พี่เกี๊ยวไปไหน? แล้วนี่น็อตจะพาขนุนไปไหน?” ขนุนถามออกมาเป็นชุดเมื่อเห็นว่ารถกำลังเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ต่างจากสปีดที่คนขับคนก่อนหน้าเลือกใช้อย่างลิบลับ ตามประสาเจ้าของรถที่ย่อมต้องมั่นใจในระยะดีกว่าคนอื่นที่เขาให้รถไปยืมขับเพียงชั่วคราวเท่านั้น... ไม่ต่างอะไรกับการให้ยืมควงแฟนตามข้อตกลงระหว่างกัน

“เค้าจะพาเตงไปรับโทษข้อหาที่ทำกับเค้าเอาไว้เจ็บแสบยังไงล่ะ” น็อตตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เพราะเจ้าตัวกำลังข่มความโกรธถึงขีดสุดที่โดนอีกฝ่ายต้มเสียจนสุก

ขนุนพยายามตีหน้าตายแล้วถามออกไปนิ่งไม่ต่างจากทุกที ทั้งที่ในใจกำลังเต้นตุ๊มๆต่อมๆกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน “นี่เตงพูดอะไร เค้าไม่เข้าใจ”

น็อตตอบกลับอีกฝ่ายด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม “เตงจำได้ไม๊ เตงเคยบอกเค้าว่า...ถ้าคิดจะหลอกใครจริงๆ  มันต้องเนียนๆเข้าไว้... 
.
.
...เตงรู้ไม๊...
.
...เตงเกือบจะหลอกเค้าได้สำเร็จแล้วล่ะ...
...ถ้าเตงไม่เผลอเขียนสารภาพความผิดทั้งหมดเอาไว้ในพล็อตของนิยายเรื่องใหม่ของเตงน่ะ”

พูดจบ...คนขับก็เร่งเครื่องด้วยความรวดเร็ว และขับอย่างฉวัดเฉวียนจนน่าเวียนหัวยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่า แต่นั่นกลับไม่ได้ทำให้คนที่นั่งข้างๆตัวหวาดกลัวได้เท่ากับเมื่อได้รู้ว่า ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองได้ทำกับอีกฝ่ายเอาไว้ ได้ถูกเปิดเผยจนหมดไส้หมดพุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  
.
.
.
ต่อจากนี้...คือ...ครั้งแรกที่ขนุนได้จะสัมผัสกับน็อตในรูปแบบหนุ่มวายร้ายเต็มคราบ




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐