Monday, February 23, 2015

หลากเรื่องรักเกือบสั้น...ว่าด้วยพยัญชนะตัวที่ ๔๑ :: ให้ (เรื่องสั้นหมายเลขสาม)



ตอนใหม่มาแล้วค่า ขอบคุณทุกท่านที่ตามมาอ่านเป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค้า ^^

๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


ให้(ท่า)



เยิ้ว!...ไข่สั่น



แอบเหลือบมองพี่ๆในห้องประชุม
เย่ส...ทางสะดวก!
ผมล้วงกระเป๋าเอามือถือออกมางุบงิบเช็คข้อความใหม่ที่เขย่าจนไข่กับหน้าขาชาสะท้าน


 ‘ปวดหัวงับ...
เดี๋ยวจบคาบตึ๋งจะคลานขึ้นพี่แท็กกลับบ้าน...
ไว้โซ่สั่นมาบอกทะเบียนรถอีกทีนะ


อ่านจบ ถึงกับต้องรีบเช็คตารางเรียนของเจ้าตัวเล็กที่เม็มไว้ในเครื่อง แล้วครุ่นคิดในใจ
เสร็จประชุม ผมปลีกตัวไปขอหัวหน้าออกก่อนเวลา
แกอนุญาต แต่ไม่วายขู่ให้เตรียมใจ...พ้นโปรฯเมื่อไร จะไม่มีโอกาสได้กลับบ้านก่อนไฟถนนเปิดอีกเลย...
หึ! กลัวที่ไหน กลับเช้ายังไหวเลยครับพี่  ยี่ห้อไอ้แทนเสียอย่าง


ผมลาพวกพี่ๆ แล้ววิ่งไปคว้าปิ่นโตที่ล้างคว่ำเอาไว้ในครัว ก่อนวิ่งสี่คูณร้อยไปขึ้นรถไฟฟ้า...
กะเวลาเดินทางจากออฟฟิศไปมหาลัยโซ่แล้ว ผมน่าจะถึงทันก่อนเลิกเรียนคาบสุดท้าย

พอรู้ว่าโซ่ไม่สบาย ก็ไม่อยากปล่อยให้ขึ้นรถกลับบ้านคนเดียว
ถ้าเป็นคนอื่น คงบอกว่าผมห่วง และหวงน้องมาก...


...เมื่อก่อนผมก็ว่าใช่...
...แต่เดี๋ยวนี้  ชักไม่แน่ใจอย่างไรไม่รู้สิ



๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



เอาอีกแล้ว...
สัมผัสแบบนี้อีกแล้ว...

ผมค่อยๆเปิดเปลือกตา ในใจแอบหวังลึกๆว่า ความรู้สึกที่สัมผัสอยู่นี้ ไม่ใช่ของจริง

แต่กลับต้องผิดหวัง...
เพราะเมื่อตื่นเต็มที่...ร่างเล็กๆที่คุ้นตามาตั้งแต่เด็กก็ปรากฏอยู่ไม่ห่างจากใบหน้า 
โซ่แม่งกำลังนอนหลับอุตุเอาหน้าซุกอกผมอย่างกับจะรวมร่าง


เมื่อยืนยันความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อย
ผมก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังไม่ตื่น นอนตะแคงมองหน้าใส แก้มอิ่ม ปากแดงของเขาพลางคิดไปเรื่อย...

นอนจนจะหลอมเป็นร่างเดียวกันแบบนี้โซ่ก็ไม่น่าจะหนาว... ทำไมต้องซุกเสียแนบ?
หรือจะเป็นเพราะเสื้อนอนเก่า กับบ็อกเซอร์ย้วยๆแม่งไม่ช่วยเก็บกักอุณหภูมิ? ใส่แล้วไม่อุ่นแบบนี้...ถอดทิ้งเสียเลยดีไหม?
แล้วนี่จะขาวไปไหน?...กินลิขวิดแกล้มสำลีเป็นของว่างหรือไง?

รู้ไหม คนมองใจสั่น...
เย้ยยย!! ไม่ใช่แล้วไอ้แทน...

ไม่เอา ไม่เอา...ตั้งคำถามใหม่...
ทำไมโซ่ถึงโผล่มานอนที่นี่อีกแล้ววะ?
แล้วทำไมถึงต้องเป็นห้องผม?


กำลังจะเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อที่ร่นลงไปจนเกือบจะเห็นหน้าอกขึ้นมาปิดที่ว่างขาวจั๊วแม้ในแสงสลัวยามเช้านั่นเอาไว้
แต่ไอ้ตัวเล็กกลับลืมตาจ้องผมเขม็ง...ก่อนจะยิ้มร่าแล้วดีดตัวลุกขึ้นนั่ง


“ง่า...โซ่ละเมออีกแล้วเหรอพี่แทน?” เสียงอู้อี้ลอดออกจากฝ่ามือทั้งสองข้างที่เจ้าตัวยกขึ้นมาปิดหน้า...ท่าประจำของเขาล่ะ

“คิดว่าไงล่ะ?”

“ก็พี่แทนละเมอมานอนห้องโซ่ไง” คนพูดยอมหันกลับมาคุยดีๆ ทั้งที่ทำหน้าเจื่อน

“คงต้องรอให้น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนมั้ง”

“ตื่นมาก็เอาเชียว”

ผมลุกขึ้นนั่งข้างๆ ถามพลางวางมือลงบนไหล่บาง “โซ่...ไม่กินน้ำก่อนนอนได้ไม๊?”

ไอ้ตัวเล็กหันมาจ้องหน้า แล้วส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก “ไม่ได้ เดี๋ยวตื่นมาหน้าไม่เด้ง ไอ้ตู๋ กับเบิ้มจะได้ล้อโซ่ตาย...
.
...โซ่ไปทำกับข้าวก่อนนะ เดี๋ยวเที่ยงนี้พี่แทนไม่มีอะไรกิน” พูดจบก็วิ่งตื๋อออกจากห้องผมลงบันไดไป


ไม่ถึงสองนาที เสียงแม่เอ็ดโซ่เรื่องทำครัวเลอะเทอะก็ดังไปทั่วบ้าน
ตามด้วยเสียงคนโดนว่าที่เอาแต่หัวเราะ ก่อนจะเคาะกระทะ เคาะหม้อก็อกๆแก็กๆต่อเหมือนไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด
ส่วนผม...ก็ได้แต่นั่งถอนใจ เหม่อมองที่ว่างข้างๆเตียง ตรงตำแหน่งที่ร่างเล็กๆนั้นนอนคุดคู้หลับตาพริ้มอยู่เมื่อครู่


นับวัน...ผมยิ่งสับสน
จะไม่ให้มึนอย่างไรไหว...
ก็ตื่นมาทีไร เป็นต้องเจอเจ้าตัวเล็กออกตัวเริ่มกิจวัตรประจำวันที่ห้องผมไปเสียทุกเช้า


แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น...
คือ ความหงุดหงิด ซึ่งเกิดขึ้นทันทีที่เผลอถามตัวเองว่า
หากโซ่หยุดนิสัยกินน้ำเป็นลิตรๆก่อนนอน จนเลิกเดินละเมอถ่ายเบา แล้วไม่เผลอเลี้ยวเข้ามานอนห้องผมขึ้นมาเมื่อไร...
ผมจะทำใจยอมรับ...ได้จริงๆหรือ?


นั่นล่ะมั้ง...สาเหตุที่แท้จริง ซึ่งทำให้ผมไม่เคยขอร้องโซ่ให้เลิกกินน้ำก่อนนอนได้อย่างเป็นกิจลักษณะเสียที


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



พี่โอ๋กับพี่คนอื่นๆเดินผ่านโต๊ะผมแล้วร้องถามเหมือนทุกวัน  “เฮ๊ย! ไอ้แทน...เที่ยงนี้ไปกินคั่วไก่กับพวกพี่ป่ะ?”

“ไม่ล่ะครับ ผมเอากับข้าวที่บ้านมา” ผมลุกเดินตามพวกแก แต่ไม่ลืมหยิบถุงข้าวที่โซ่เตรียมให้เมื่อเช้าติดมือไปแพนทรี่ด้วย


พี่ต่อก้มลงมองถุงผ้าลายคิตตี้ของโซ่ตาโต
ก่อนจะเดินมาโอบไหล่ผมแล้วถามด้วยสีหน้าสงสัยติดหมัด


“ไอ้แทน......พี่ถามจริงเหอะ มึงแอบซุกเมียไว้ที่บ้านรึป่าววะ...
...ยอมรับมาเหอะน่า ที่ถามน่ะไม่ได้อะไร แค่อยากบอกเฉยๆว่า...พี่โคตรอิจฉาที่เมียมึงโคตรขยัน  ยอมตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวให้มึงกินได้ทุกวันเลยเนี่ยะ”

พี่โอ๋คงเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของผม แกเลยเบิ๊ดหน้าผากพี่ต่อแล้วขัดขึ้น  “แหม่...คุณต่อลาภครับ คุณไม่มีของดีๆกินอย่างน้อง คุณก็อย่าไปเที่ยวแซวให้แทนมันเสียหายซิครับ......ไอ้แทน พวกพี่ไปก่อนดีกว่าว่ะ เดี๋ยวซื้อหนมมาฝาก”




ช่วงที่ทยอยอุ่นกับข้าว ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็คข้อความใหม่และเก่าที่เด้งเข้าเครื่องตั้งแต่เช้า


 ‘วันนี้ไม่ต้องวิ่งขาลากก็เข้าห้องทัน...
แหม...ชักอยากให้พี่แทนมาส่งทู๊กกกกกวันซะแล้วซิ


 ‘จารย์ก้อยป็อบควิซไม่บอกกล่าว...นั่งจั๊ดง่าวกันทั้งห้องเลยงับ ^_^’


 ‘เมื่อเช้าลืมบอกว่าทำไข่ลูกเขย กับผัดขิงไก่ของโปรดใครก็ไม่รู้...
ฝืดคอมั้ย กินได้ป่าว


ระหว่างอ่าน ผมรู้ตัวว่าแอบยิ้ม แอบหัวเราะตามทุกข้อความของโซ่เสมอ
ตั้งแต่ผมเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ได้ไปโรงเรียนพร้อมกับโซ่ เราสองคนจะส่งข้อความหาอีกฝ่ายตลอด...

เมื่อก่อนตอนเรียน ยังพอส่งทางไลน์ ทางเฟซได้
แต่หลังจากเริ่มทำงาน ผมก็ตกลงกับโซ่ว่า จะพยายามงดโซเชี่ยล งดคุยโทรศัพท์พร่ำเพรื่อ
โซ่เลยส่งข้อความแทน เพราะแม้ผมจะปิดเสียง...แต่เครื่องจะสั่นเตือนเสมอ



ผมเอาปิ่นโตแยกร่างมาวางเต็มโต๊ะอย่างไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะทั้งออฟฟิศ มีผมคนเดียวที่ห่อข้าวมา
กินไป...ก็อดคิดถึงคำของพี่ต่อกับพี่โอ๋ไม่ได้
เอาตรงๆ ผมมีคำอธิบายตามจริงที่ทำให้พวกแกเข้าใจได้แน่ๆ
แต่เอาตามความรู้สึก...ผมสะอึก เพราะเผลอคิดตามที่พี่ต่อแซวไม่ได้...


...แอบซุกเมีย...
.
...โซ่ไม่ใช่...เมีย...
...แต่สายใยที่เชื่อมเราสองคนไว้ด้วยกัน ชักจะทำให้ผมหวั่นไหว...
...กลัวใจตัวเองว่า สักวันจะเผลอคิดเลยเถิดมากไปกว่าพี่น้องต่างสายเลือด



ยังกินได้ไม่ถึงไหน  ข้อความใหม่ก็เข้ามา...
คราวนี้มาเป็นภาพ เพราะคนส่งพักเที่ยงแล้วเหมือนกัน
รูปถ่ายนั้น เป็นรูปโซ่ยิ้มหวานจนตาเป็นสระอิ ในมือถือกล่องข้าวที่มีกับทุกอย่างไม่ต่างจากปิ่นโตของผม
หากแต่บนข้าวสวยสีขาว มีซอสมะเขือเทศของโปรดเจ้าตัววาดเส้นเป็นรูปหัวใจ
มีคำอธิบายส่งตามมาติดๆ...


 ‘ พี่แทนเปิดกล่องข้าวแล้วปลื้มจนใจหายใช่ไม๊...
...นี่ไง ใจพี่แทน!!...
...โซ่จะกินใจพี่แทนให้หมดเลย วะฮ่า ฮ่า



ใจผมเต้นตึกตัก 
ความรู้สึกเต็มตื้นยินดี ตีคู่มาพร้อมกับความรู้สึกผิด


ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อบรรเทาอาการใจเต้นแบบแปลกๆทุกครั้งที่นึกถึงโซ่เสียแล้วล่ะ...
ก่อนอื่น ต้องเริ่มจากเปลี่ยนรูปแบบการกินข้าวกลางวันเสียใหม่  จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องไม่มีสังคมที่ทำงาน และไม่ต้องคอยห่วงว่าใจจะลอยไปเพ่นพ่านแถวไหนแค่ได้เปิดฝาปิ่นโต


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



ทันทีที่เดินเข้าบ้าน แม่ก็เรียกผมไปนั่งประจำที่เพื่อเริ่มมื้อเย็นโดยพร้อมหน้า
ผมไหว้พ่อกับแม่ แล้วก็หันไปสบตากับน้องชายต่างแม่ที่จ้อผมตาแป๋ว
วันนี้เจ้าตัวเล็กอาการดี ผมเลยไม่ต้องซิ่งไปรับกลับบ้านพร้อมกัน

สายตาชื่นชมอย่างโจ่งแจ้งของโซ่ ทำให้ผมต้องสูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมความกล้าอีกครั้ง 
แล้วจึงเอ่ยประโยคที่ท่องมาตลอดทางก่อนถึงบ้าน


“โซ่...พรุ่งนี้ไม่ต้องทำข้าวกล่องให้พี่แล้วนะ  พี่จะกินข้าวกลางวันกับพี่ๆที่ออฟฟิศน่ะ” ผมไม่ละสายตาไปจากใบหน้าขาวเนียนที่ซีดลงทันทีเมื่อได้ยินเนื้อความ

“.........” โซ่นิ่งเหมือนกับหยุดหายใจ ไม่แม้แต่จะตอบผม

บรรยากาศอึดอัดแบบไม่คาดฝัน ทำให้แม่กลายเป็นฝ่ายต้องออกหน้าตัดพ้อแทนน้องเสียเอง
“อ้าว...พี่แทนเคยบอกเองไม่ใช่เหรอครับว่า กับข้าวข้างนอกไม่ค่อยถูกปาก...
.
...บ่นว่า ผงชูรสเยอะบ้างล่ะ ผักมีหนอน หมูเหม็น ปลาคาวอย่างนั้นอย่างนี้บ้างล่ะ...
...โซ่เค้าก็อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาเข้าครัวช่วยผ่อนภาระแม่ แต่อยู่ดีๆพี่แทนกลับเปลี่ยนใจ น้องจะไม่เสียความตั้งใจเหรอลูก?”

“ผมขอโทษครับแม่...
.
...พี่ขอโทษนะโซ่...
...แต่พี่ว่า ถ้าพี่พยายามปรับตัวจนกินข้าวแถวออฟฟิศได้ โซ่ก็ไม่ต้องเหนื่อยตื่นแต่เช้า ไม่ต้องปวดหัวหาเมนูใหม่ๆมาลองทำให้พี่กิน...นะครับโซ่  ไม่โกรธพี่แทนนะ” ผมเอื้อมมือไปจับมือน้อยๆไกวไปมา เผื่อน้องจะยอมเงยหน้ามาสบตาผมบ้าง

คนตัวเล็กเบือนหน้า หรุบตาหลบ ตอบเสียงเบา แล้วชักมือหนี “ครับ โซ่เข้าใจ”





เรื่องข้าวกล่องจบไปตั้งแต่มื้อเย็น...
แต่ผมยังเจ็บกับท่าทางเศร้าๆ และสายตาว่างเปล่าของโซ่จนถึงตอนนี้
พยายามข่มใจไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน นั่งเล่นเกม อ่านกระทู้อะไรไปเรื่อย
แต่หน้าเซื่องๆ ท่าทางซึมๆที่เจ้าตัวเล็กแสดงออกตลอดเวลากินข้าว ยังคงแจ่มชัดอยู่ในหัว

แม้น้องจะรับปาก แต่ผมรู้ดี  โซ่ไม่มีวันเข้าใจ...
โซ่ไม่มีทางรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงที่สั่งผมให้ทำแบบนี้  และผมจะไม่อธิบาย
เพราะถ้าเมื่อไรที่โซ่เข้าใจ โซ่อาจจะไม่อยากนับผมเป็นพี่ชายอีกเลยก็ได้





ผมผุดลุกขึ้นดูหน้าปัดเรืองแสงของนาฬิกาข้างหัวเตียง...
เที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่โซ่ก็ยังไม่มา
หรือว่าคืนนี้จะไม่ละเมอ?...
แต่คนละเมอ เลือกคืนเลือกวันทำการได้ด้วยเหรอวะ?

ยังไม่ทันคิดเตลิดไปไกล เสียงจากด้านนอก ก็ทำให้ผมรีบจัดแจงทำท่าเหมือนนอนหลับทันที
แต่หูผมนี่คอยดักจับเสียงการเคลื่อนไหวแบบไม่ยอมให้หลุดรอดได้แม้แต่เสียงเดียว...

...เสียงเปิด ปิดประตูห้องไม่ใกล้ไม่ไกล
...เสียงฝีเท้าแผ่ว ดังเป็นจังหวะเนิบๆ
...เสียงกดชักโครก
...เสียงลากฝีเท้าเข้ามาใกล้ๆห้องผมขึ้นทุกที ทุกที
...เสียงประตูห้องผมเปิด และปิดลงทันที  ปิดท้ายด้วยเสียงเดินลากเท้าที่มาหยุดลงตรงข้างเตียงผม

จากนั้น ฟูกข้างๆตัวผมก็ยุบยวบลง
ตัวต้นเสียงขยับซุกเข้าหาความอบอุ่นจากร่างกายผมจนพอใจ
ผมหรี่ตาแอบมองเจ้าตัวเล็กที่นอนขดตัวนิ่งเหมือนแมวตะกร้าตรงหน้าอกอยู่นานสองนาน
ก่อนจะค่อยๆตวัดปลายผ้าห่มฝั่งผมมาคลุมร่างบางเอาไว้
แล้วกวาดแขนโอบเอาก้อนนุ่มนิ่มเข้าหาตัวเพื่อทดแทนความอบอุ่นที่หายไป


เพียงแค่โซ่กลับมาอยู่ในอ้อมแขนของผมเท่านั้น...
ความกังวล ความสงสัย เรื่องค้างคาใจทั้งหลาย กลับมลายหายไปในพริบตา


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



หงุดหงิดโว้ย...หงุดหงิด!!!

เอะอะรถไฟฟ้าแม่งก็จอดแช่ แถมยังวิ่งช้าเกิ๊น... ต้องให้กูเดินไปหรือไงครับ?
ทำไมพวกพี่ๆถึงได้นั่งหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ได้... งานสบาย หรือ รวมหัวกันอู้วะแม่ง?
ไอ้สัดแทน...แค่ถ่ายเอกสารง่ายๆ ไหงมึงถึงพลาดแบบโง่ๆได้อีกวะ? เชรี่ยแม่งเอ๊ย!!
ห่า....กับข้าวร้านที่พวกพี่ๆภูมิใจนำเหนอไม่เห็นจะเทพตรงไหน  แดกลงกันเข้าไปได้ยังไงกันครับ?
โหพี่...สาบานได้ว่านี่กาแฟ ไม่ใช่โสมผสมถั่งเช่า ทำไมมันชืดหนืดคอเหมือนตายมาแล้วสามวันอย่างนี้ล่ะเฮ้ย? แสร่ดดดด!
แล้ววันนี้สัญญาณโทรศัพท์แม่งล่มหรือไง...ทำไมป่านนี้ ยังไม่มีข้อความใหม่เข้า?
ว้อท เดอะ ฟ๊ากกกกกกก!!!!  ไอ้แทนอยากพ่นไฟ.....อ๊ากกกกกกกกกซ์!!!!!!


ถ้าให้ย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของหายนะทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับผมตลอดทั้งวัน คงเป็นเพราะ...
...พอลืมตา ก็ไม่เห็นโซ่นอนอยู่ข้างๆอย่างเคย
...ลงมาข้างล่าง ผมคือคนสุดท้ายที่รู้ว่า เจ้าตัวเล็กออกไปเรียนตั้งแต่เช้ามืด
...ก่อนก้าวพ้นประตู  เผลอถามแม่ถึงปิ่นโต ต้องรอให้แม่เดินมาตบไหล่เบาๆก่อนนั่นแหละ ถึงนึกขึ้นได้
...ที่สำคัญ วันนี้ไข่ผมไม่สั่นแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดว่าอีกเดี๋ยวจะเลิกงาน โซ่ก็ยังไม่ติดต่อมา แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมบ้าอย่างไรไหวกันล่ะครับ


อดใจรอจนเลิกงาน ผมจึงโทรหาคนที่อยากได้ยินเสียงที่สุดทันที
อุตส่าห์กะจังหวะโทรไปตอนเลิกเรียน...
จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้คุย เพราะเจ้าตัวลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้
แถมต้องมารู้จากตู๋ที่รับสายแทนอีกว่า คืนนี้ทั้งกลุ่มติดกินเลี้ยงสายรหัส อาจกลับดึก  ฝากผมบอกพ่อกับแม่ให้ด้วย


อย่าบอกนะว่า ที่โซ่หายต๋อมไปตั้งแต่เช้านี่...จงใจ?


วางสายจากเพื่อนสนิทเจ้าตัวเล็กเสร็จ ผมถึงกับหมดเรี่ยวแรง
ห้าชั่วโมงหลังจากตบเท้าเข้าบ้าน  ยาวนานราวกับห้าปี
ถึงอย่างนั้น คนที่ดูจะทรมานยิ่งกว่า เห็นจะไม่พ้นพ่อกับแม่ที่ต้องคอยปากเปียกปากแฉะแซะให้ผมทำโน่นนี่อยู่ตลอดเวลา



หลังจากนั่งเหม่อจนรากงอกพันโซฟาหน้าทีวีได้สี่ล้านเกลียว
เสียงระฆังชุบชีวิตผมก็ดังขึ้นในรูปของเสียงเรียกเข้า


(พี่แทน...นี่ตู๋นะครับ พี่แทนช่วยมารับโซ่หน่อยได้ไม๊... โซ่มันเมา ผมก็จะไม่ไหวเหมือนกันครับ)


พอถามไถ่ชื่อร้าน และรายละเอียดอื่นๆเรียบร้อย ผมก็คว้ากุญแจรถพ่อห้อออกไปแบบไม่คิดชีวิต...
โซ่ไม่เคยแตะของมึนเมา ต่อให้ตั้งวงกินที่บ้านซึ่งมีทั้งผมและพ่อคอยดูแล...โซ่ก็ไม่เคยขอลอง

แล้วอยู่ๆนึกอะไร...ทำไมถึงปล่อยตัวให้เมา?
อกหัก... กลุ้มใจ หรืออยากประชดใคร?
ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ก็อดไม่ได้...
หรือจะเป็นเพราะผมเลิกหิ้วปิ่นโต ทำเอาโซ่เสียใจจนริดื่มเหล้า?!





พอแม่เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้โซ่เสร็จ ผมก็รับช่วงนอนคุมคนเมาไม่ให้อาละวาดต่อ...
เอาตามจริง มันไม่ได้วุ่นวายอะไรมากหรอกครับ
แค่โซ่เอาแต่เรียกหาผมไม่ขาดปาก แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาคลุกวงในผมจนไม่เป็นอันทำอะไร
ขากลับระหว่างขับรถมาบ้าน ก็หวิดไต่ฟุตบาทฟาดเสาไฟไปหลายรอบ จนต้องขอร้องให้แม่มาช่วยเมื่อครู่นั่นแหละ...
ขืนผมลงมือทำให้เอง มีหวังทั้งผม ทั้งโซ่จะไม่ได้ตัวแห้งพร้อมนอนกันแบบนี้

ผมนอนกอดโซ่ที่ยังไม่ยอมอยู่นิ่งเอาไว้แน่น 
เพราะแค่ลองปล่อยให้น้องเลื้อยไปมาใกล้ๆอย่างอิสระอยู่ครู่หนึ่ง...
ก็เกือบทำเอาชิ้นส่วนร่างกายผมที่ไม่ควรพร้อมใช้งาน จวนจะเด้งดึ๋งตึงเปรี๊ยะขึ้นมาเสียให้ได้
เพื่อสวัสดิภาพของน้องและตัวเอง  ต่อให้ต้องรวมร่างตั้งแต่ยังไม่หลับตานอน...ผมก็ยินดีทำ

โซ่น่าจะรับรู้ได้ว่ามีผมอยู่ข้างๆ เขาเลยยอมนอนนิ่งๆให้ผมลูบหัวเบาๆ
พอทั้งสองฝ่ายชักจะเคลิ้มๆ ผมก็ได้ยินโซ่ละเมอส่งเสียงอ้อแอ้ “พี่แทน....ฮื่อ...พี่แทน.....พี่แทน....”

“โซ่คนดี... พี่แทนอยู่นี่แล้วนะ” ผมกระซิบข้างหู

“...ฮือ.....ไม่รักโซ่...พี่แทนไม่รักโซ่” เสียงเล็กๆพ้อสั่นเครือ


น้องน้อยใจ...ก็จะความผิดใครเสียอีกล่ะ
ต่อให้พูดตอนนี้แล้วน้องจำไม่ได้ ก็ยังดีกว่าไม่ยอมพูดไปล่ะวะ


“ชู่ว์...พี่แทนผิดไปแล้ว...
...พี่แทนขอโทษนะครับ...
.
...โซ่รู้ไม๊ ร้านข้าวแถวออฟฟิศไม่อร่อยเลย  สู้กับข้าวฝีมือโซ่ไม่ได้ซักอย่าง...
...โซ่ยกโทษให้พี่แทนได้ไม๊ครับ...
.
.
...พี่แทนรักโซ่นะ”


ผมประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนของโซ่ แล้วกดจูบแผ่วซ้ำๆอยู่หลายครั้ง
จนเมื่อเสียงฮึดฮัดของคนเมา เปลี่ยนเป็นเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ผมก็ค่อยๆหลับตา ปล่อยตัวเองให้ล่องลอยในความอบอุ่นหอมหวานเจือกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆจนหลับไป


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



 ‘ พี่มีนัดกับไอ้คีย์ ฝากบอกพ่อแม่ด้วย...จะรีบกลับนะครับ


ผมกดส่งข้อความก่อนลงรถไฟฟ้าป้ายสุดท้ายเพื่อไปยังที่นัดหมายของผมกับไอ้เพื่อนรัก
วันนี้ทั้งวัน เจ้าตัวเล็กกลับมาทำตัวร่าเริงเป็นปกติ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเริ่มรับได้
หรือเพราะถ้อยคำที่ผมบอกก่อนนอน ส่งผ่านความมึนเมาเข้าไปถึงใจโซ่แล้ว
โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย...ที่ความหมายกินความเกินกว่าที่ควรจะเป็น


 (สถานีต่อไป...ชิดลม    Next station, Chidlom เสียงประกาศแจ้งสถานีในขบวนรถไฟฟ้า)


โอ้สสสส! ไข่สั่น!
ผมจำต้องปล่อยให้ไข่สั่นถึงสองรอบ... ระหว่างรีบจ้ำออกจากสถานี
ขอหาที่เหมาะๆก่อน แล้วค่อยละเลียดอ่านข้อความจากเจ้าตัวเล็ก


 ‘ ใช่ซี่!  กิ๊กคีย์เค้าดีกว่าโซ่...
...ไม่กลับดึกเนอะ ^_^...
รออยู่นะงับ <3’


ตอนจะเขียนข้อความตอบโซ่ ผมดันเหลือบไปเห็นไอ้คีย์ยืนทอดสายตามองตามอะไรสักอย่างด้านในสถานี
ผมเลยเดินเข้าไปลากเพื่อนรักเข้าห้างโดยไม่ถามไถ่ ไม่อยากให้สติสตังของมันเลือนหายเพราะบีทีเอสไปเสียก่อน


“เมื่อคืนโซ่เล่นมึงหนักเหรอวะ?” ไอ้คีย์เปิดประเด็นที่ผมจั่วหัวเอาไว้ตั้งแต่เมื่อกลางวัน

“ก็ไม่เชิงว่ะ... คืองี้ เมื่อคืนโซ่เมากูก็เลยพามานอนด้วย”

“แล้วไง?...โซ่ละเมอดริฟท์กลับไปนอนที่ห้องเค้าเรอะไง มึงถึงได้เรียกหาตัวสำรองอย่างกูได้เนี่ยะ?”

“ฟังให้จบก่อนไม๊สัด...เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว!...
.
...เมื่อคืน หลังจากนอนไปได้ซักพัก อาการโซ่แม่งแปลกๆว่ะ...
...อยู่ๆเค้าก็เพ้อชื่อกู  ซักพักก็กอด ซักพักก็ก่าย...
.
.
...มึงก็รู้  เสื้อนอนโซ่มันออกจะย้วยๆใช่ป่ะ...
...ทีนี้พอดิ้นมากๆ ทั้งเสื้อ ทั้งบ็อกเซอร์แม่งก็เลิกไปถึงไหนๆ...
.
...แรกๆกูก็พยายามดึงชุดนอนโซ่ให้มันกลับลงไปคลุมเนื้อตัวให้ตามเดิม  แต่โซ่แม่งดิ้นไม่หายไง สุดท้ายกูเลยต้องเอาผ้าห่มมาห่อตัวโซ่แล้วนอนกอดเอาไว้ทั้งคืนนั่นแหละ กูถึงจะหลับตาได้ลง”

“แหน่ะ! อย่าบอกนะว่ามึงคิดอกุศลกับน้องมึงไปแล้ว” ไอ้คีย์เอานิ้วชี้หน้าผม จ้องตาจับผิด

“..............” ผมปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ

“ไอ้สัดแทน! ไอ้พี่ทรพี ไอ้หงี่ทรยศความรักอันบริสุทธิ์ของน้อง! ปากด่า แต่ตาแม่งพราวระยับ...ผมรู้ มันลุ้นคู่ผมกับโซ่มาหลายปี

“ไอ้เหี้ยคีย์ ได้ทีขี้แพะไหลเลยนะมึง.....เออใช่! กูเผลอเห็นโซ่โป๊แล้วใจเต้น กล้วยไข่ตั้ง...พอใจยัง สัด!!

“มึงเลยลากกูมาซื้อชุดนอนให้เป็นของขวัญวันเกิดโซ่ซะเลยงะ?”

“ตามนั้น”

“กูว่า ต่อให้มึงซื้อเสื้อเกราะกันกระจู๋ไปคลุมร่างโซ่ตั้งแต่หัวจรดง่ามนิ้วเท้า มันก็ไม่ใช่ป่าววะ...
.
.
...มึงกำลังเกาไม่ถูกที่คันว่ะแทน... 
...ทำไมมึงไม่ลองถามน้องมันไปตรงๆเลยวะ ว่าคิดยังไงกับมึงกันแน่”

“แต่ถ้าโซ่ไม่ได้คิดเลยเถิดอย่างที่กูคิด...กูนี่งิ่ดเลยนะเว่ย”

“หึ! ทีนี้เสือกมาป๊อด...งั้นเอางี้คืนนี้มึงกับกูไปแดกเหล้า แล้วช่วยกันคิดว่าจะเอาไงเรื่องโซ่ดี...โอป่ะ?”

“เออ ก็ดีเหมือนกันว่ะ นานๆแดกเหล้าแก้กลุ้มทีก็ดีเหมือนกัน”

“เดี๋ยวกูพาไปร้านแถวออฟฟิศ บรรยากาศดี ดนตรีเพราะ ค่าเหล้าพอเหมาะกับวัยรุ่นอย่างมึงและกู...
.
.
...ส่วนตอนนี้  มึงได้โปรดช่วยเลือกของขวัญวันเกิดโซ่ให้เสร็จๆไปซักทีจะได้ไหมวะ...
...กูชักจะทนบรรยากาศฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งน่าสิงสู่สีชมพูอวลๆเอียนๆนี่ไม่ไหวแล้วเหอะ...
...น้องมึงแม่งก็เหลือเกิน จะบ้าคิตตี้อะไรกันนักหนา”

“เอาน่า ถือว่าทำเพื่อเพื่อน...ผลบุญทันตาเลยนะมึง” ผมรีบลากไอ้คีย์เข้าดงสีชมพูที่มันเกลียดนักหนา โดยไม่รอให้มันด่าพ่อเป็นรอบที่สอง


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


หลังจากไอ้คีย์แนะนำให้ผมรู้จักกับพี่เผ่า กับพี่เจที่บาร์ จนได้ดื่มน้ำเมาละลายพฤติกรรมกันเป็นที่เรียบร้อย
พวกผมก็ตีหน้ามึน ผสมโรงคุยกับพวกพี่ๆถึงประเด็นร้อนที่น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวผมอย่างต่อเนื่อง

ระหว่างนั้น ผมก็สังเกตเห็นพี่เผ่า แอบซุบซิบถามไอ้เกลอผมอยู่บ่อยๆ 
แต่นั่งใกล้กันแทบขี่ ต่อให้หูไม่ค่อยดี ไอและอีคิวด๋อย...
แค่เหลือบไปเห็นท่าทางสุมหัวกันแบบมีเลศนัย สลับกับจ้องมองผมตาไม่วาง
เป็นใครก็ต้องเดาออกอยู่แล้ว ว่าสองคนนั่นกำลังเผาผมอยู่
ไหนๆก็ไหนๆ... อย่าให้เรื่องของผมต้องถูกเล่าผ่านปากบุคคลที่สามอย่างไอ้คีย์เลยจะดีกว่า


ผมกระแอมเรียกความสนใจ “อ่ะแฮ่มๆ...ในเมื่อพี่เจรับผมเป็นศิษย์แล้ว...
.
ผมขอถือโอกาสนี้ แบ่งปันเรื่องหนักใจให้แก่สหายร่วมสำนักทั้งหลายได้ร่วมแบกรับโดยทั่วกัน”

ไอ้คีย์ก็เผือกมาเลย “คืองี้ครับ...น้องชายไอ้แทนมันชอบเดินละเมอมานอนกับมันทุกคืน...
.
...นอนไปนอนมาอีท่าไหนไม่รู้  ไอ้เพื่อนผมแม่งก็ชักอยากจะทำมิดีมิร้ายน้องตัวเองขึ้นมาซะยังงั้น...
...เอวัง เรื่องของมันก็มีอยู่เท่านี้แหละครับพี่น้อง”

“โห ไอ้ห่า...ปาดหน้าเค้กเฉ๊ยยยยย!” ผมอดด่ามันไม่ได้

“เห็นอารัมภบทมึงยาว กูกลัวช้า เลยรวบรัดให้...ไม่ดีเหรอ?” ...กวนตีนนะมึง อย่าให้ถึงทีกูเชียว!

“แทน พี่ว่ามึงใฝ่อธรรมเกินไปหน่อยเป่าวะ?...
.
...แค่ละเมอมานอนด้วยทุกคืน...
...มึงยังกล้าคิดผิดผีกับน้องในไส้ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” ไอ้พี่เผ่าแม่งก็กวนตีน...ได้ข่าวว่าเพิ่งเจอหน้ากันวันแรก  ออฟฟิศไอ้คีย์นี่มันยังไง?!

ผมเลยยิ้มกวนตีนกลับไป แล้วลากเสียงเรียกไอ้พี่เผ่า “ได้โปรดฟังเรื่องราวของศิษย์น้องก่อน...
.
...โซ่มันเป็นน้องคนละแม่กับผมคร๊าบ...
...โปรดทราบว่า พ่อผมแต่งงานใหม่กับแม่โซ่ตั้งแต่พวกเรายังเล็กๆครับตั่วเฮียยยยยย”

“เพราะฉะนั้น...ลืมเรื่องพี่น้องท้องชนกันไปได้เลยครับพี่เผ่า” ไอ้คีย์เจ๋อมาอีกตามเคย “แต่ถ้าผมเป็นไอ้แทน ผมก็คิดลึกนะ ก็น้องแม่งเอาอกเอาใจไอ้แทนสารพัด ปรนนิบัตรพัดวีดีกว่าเมีย แถมหน้าตา ผิวพรรณโซ่แม่งเข้าขั้นโคตรน่ารัก...
.
.
...พี่เชื่อป่ะ โซ่แม่งหัดเข้าครัวกับแม่ตั้งแต่ปอสี่ เพราะอยากทำข้าวกล่องให้ไอ้แทนเอาไปกินโรงเรียนทุกวัน...
...ทุกคนที่รู้จักไอ้แทนจะรู้ดีว่า โซ่แม่งอยู่ในโอวาทของไอ้แทนสุดๆ... 
...แบบว่าโคตรเชื่อฟัง...บอกให้นอนก็นอน บอกให้นั่งก็นั่ง ขอมือ...น้องแม่งยังให้เลยอ่ะ พี่คิดดูดิ”

“สัด! น้องกูไม่ใช่หมา!

“มึงเงียบๆไปเลยไอ้แทน...แล้วไงต่อวะคีย์?” พี่เผ่าแม่งยังไม่เลิก

“โหพี่...โซ่แม่งทุ่มเทกับไอ้แทนลืมตายถวายหัว...
...ตอนเลือกมหาลัย น้องมันอุตส่าห์สอบได้ทุนไปเรียนนอก...
...แทนที่จะเลือกอนาคตตัวเอง กลับยอมเปลี่ยนมาเลือกมหาลัยเดียวกับพวกผม แค่เพราะไม่อยากอยู่ห่างไอ้แทน...
.
.
...ตั้งแต่มัธยมยันมหาลัย น้องไอ้แทนมีคนเข้ามาจีบเยอะมาก แต่โซ่แม่งบอกแต่ว่า รอให้พี่ชายมีแฟนก่อน...
...เวลาไม่มีเรียน โซ่จะคอยมาหา มานั่งรอ เอาข้าวเอาขนมมาสังเวยพวกผมไม่มีขาด...
...เวลาเข้าเรียน โซ่นี่ทั้งโทร ทั้งเท็กซ์รายงานตัวกับไอ้แทนตลอด เลิกเรียนก็มานั่งคอยไอ้เหี้ยแทนซ้อมบาสฯไม่ปริปากบ่น...
...พอไอ้แทนเอ่ยปากว่าไม่ชอบหน้าเพื่อนคนไหน โซ่ก็เลิกคบทันทีไม่มีต่อรอง...
...ไอ้แทนร้องยากได้อะไร โซ่แม่งก็เก็บตังค์ซื้อมาเซอร์ไพรส์ให้ทุกครั้ง...
.
...ผมถามหน่อยเหอะ ถ้าพวกพี่ๆเป็นไอ้แทนจะไม่คิดลึกยังไงไหว?”

“กูเข้าใจได้นะ...แต่ทำไมมึงไม่พาน้องไปหาหมอวะ? เดินละเมอนี่อันตรายนะเว่ย” พี่เจถามนิ่งๆ

ผมตอบโดยไม่ชักช้า “นั่นแหละพี่ ที่ผมชักจะเอะใจว่าไอ้ที่โซ่ละเมอน่ะ มันใช่ของจริงรึเปล่า...
.
...แรกๆที่โซ่มาโผล่ที่ห้อง ผมกับพ่อแม่ก็พยายามหว่านล้อมโซ่ให้ไปหาหมอ แต่ให้ตายยังไง น้องผมก็ไม่ยอมไป...
...ที่น่าสังเกตก็คือ ไอ้ตัวเล็กกลับไม่มีนิสัยเดินละเมอแบบนี้เวลาไปนอนบ้านใคร...
...ไม่เคยเข้าไปนอนห้องพ่อแม่ ไม่เคยไปตื่นข้างล่างหรือนอกบ้านเลยแม้แต่คืนเดียว”

“แล้วมึงเริ่มรู้สึกแปลกๆกับน้องตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ที่ผ่านมา...ผมคงเข้าใจผิดมาตลอดว่าผมรักโซ่แบบน้องชาย...
...แต่พอต้องทำงาน ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบทั้งวันเหมือนเมื่อก่อน ผมก็เริ่มคิดถึงโซ่ตลอดเวลา...
...หลังๆมา ทุกๆคืนที่นอนด้วยกัน  ความคิดด้านมืดของผมแม่งก็เอาแต่เฝ้าหาทางล่วงเกินน้องอยู่ร่ำไป...
...รู้อีกที ก็ไม่อยากปล่อยให้เค้ากลายไปเป็นของๆใคร...
...อยากให้เค้ารัก และสนใจแค่ผมเท่านั้น”

“ว่าแต่ ถ้ามึงคิดอะไรกับน้องมึงจริงๆ บ้านมึงจะไม่แตกเอาเหรอวะ? พ่อแม่มึงจะเสียลูกชายไปทีเดียวสองคนเลยนะเว่ย?”

“ไม่หรอกพี่เผ่า... ถ้าผมคบกับโซ่ ก็น่าจะดี เพราะพ่อกับแม่จะไม่เสียลูกคนไหนไปเลย”

ไอ้คีย์โฆษกส่วนตัวก็ยื่นปากมาตอบพี่เผ่าแทนผม “ไอ้แทนมันหมายความงี้ฮะพี่เผ่า...
.
...ถ้ามันกับโซ่กลายเป็นพี่น้องท้องชนกัน ทั้งมันกับโซ่ก็จะอยู่กับพ่อและแม่ไปตลอด...
...จะไม่มีลูกคนไหนต้องแต่งงานออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น...
.
...ผมว่า พ่อกับแม่มันน่ะแหละจะดีใจ เพราะจะได้มีพวกมันอยู่คอยดูแลไปตลอด”

“ก็เหลือแต่พิสูจน์ให้แน่ใจว่า ไอ้ที่น้องมึงละเมอเดินเข้าถ้ำเสือทุกคืนนี่...ของจริง หรือของเก๊งั้นสิ?”

“ครับพี่เจ”

“หึ หึ...ไม่เห็นจะยาก ลองชิมลางดูซะหน่อย เดี๋ยวมึงก็รู้เองน่ะแหละ”

“ยังไงอ่ะพี่เจ?”

“เดี๋ยวกูมอบกระบวนท่าลับจับเกย์ให้มึงไปใช้...
.
...ขออย่างเดียว...มึงต้องรับปากก่อนว่า มึงจะไม่หลงมัวเมาไปกับอวิชชาจนหน้ามืดเป็นอันขาด...
...ไม่งั้นน้องมึงจะไม่หลงมานอนละเมอใกล้ๆให้มึงใจเต้นอีกต่อไปแน่ๆ”

“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ปราณี จอกนี้ศิษย์ขอดื่มให้ท่านอาจารย์มีอายุยืนหมื่นๆปี!!


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



“โซ่...คอไปโดนอะไรมาลูก ทำไมแดงเถือกอย่างงี้ล่ะ?” แม่ร้องทักโซ่เสียงดัง จนผมกับพ่อต้องเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวแล้วมองตาม


เท่าที่มองด้วยตาเปล่าจากระยะไกลๆ ผมเห็นร่องรอยสีกุหลาบตามต้นคอด้านหลัง ไรผม และกกหู...
เออ...รอยเยอะแฮะ ถ้าแม่ไม่ทักสิ ผมว่าน่าแปลก
ผม พ่อ และแม่ต่างมองหน้าโซ่โดยพร้อมเพรียง
ผมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่คิดอะไร...
ส่วนตัวแล้ว ผมกำลังลุ้นคำตอบของโซ่ราวกับรอฟังผลสลากกินแบ่งรางวัลที่หนึ่ง


“มะ...มะ..ไม่รู้เหมือนกันครับ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้แล้ว” เจ้าตัวเล็กแก้มเนียนก้มหน้างุดพลางตอบแม่ไม่เต็มเสียง พอเห็นอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของน้อง แม่เลยหันกลับมาคาดคั้นผมเอาคำตอบทันที 

“พี่แทน...เมื่อคืนทำอะไรน้องรึเปล่า?”

ประสาผู้บริสุทธิ์ ผมรีบส่ายหน้าพลางปฏิเสธ “เปล่านะครับแม่ เมื่อคืนผมเมา กลับมาถึงบ้านเมื่อไหร่ผมยังไม่รู้เลยครับ”


ดูเหมือนคำตอบของผมจะไม่ถูกใจแม่เท่าไร
แม่เลยเบี่ยงวิถีกระสุนเข้าหาโซ่ ซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมดดีกว่าใครๆ


“โซ่...เมื่อเช้าตื่นนอนห้องไหน?”


โห...นานๆที แม่ถึงจะทำเสียงเข้มแบบนี้ 
ผมนี่นั่งแทบไม่ติด...

น้องผมน่ะเหรอครับ...
หึ! ไม่ต้องพูดถึง ถ้าหดหัวกลับเข้าคอตัวเองได้ โซ่คงทำไปนานแล้ว
ผมเลยตอบคำถามแม่แทนเจ้าตัวเล็กที่กำลังสลด


“ห้องผมครับ  แม่มีอะไรรึเปล่า?” ผมมองหน้าแม่งงๆ กลับกัน...แม่ตวัดสายตาคมไปจ้องโซ่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“หึ หึ...เปล่าหรอก สงสัยห้องพี่แทนแมลงจะเยอะ...
...เล่นกัดน้องซะตัวลายพร้อยไปหมดอย่างนี้...
.
.
...แม่ว่า คืนนี้พี่แทนนอนล็อคห้องดีไม๊ลูก น้องจะได้ไม่เดินละเมอเข้าไปโดนกัดอีก”

“ได้ครับ/ไม่ได้นะแม่!!” แม้จะพร้อมใจกันตอบ แต่คำตอบของผมกับโซ่กลับต่างกันลิบลับ

“ตกลงตามนั้นนะพี่แทน...น้องโซ่”  สุดท้าย พ่อก็ต้องยื่นมือเข้ามาปิดประเด็น ก่อนที่แม่จะเต้นเป็นเจ้าเข้ายิ่งไปกว่านี้


สายตาที่ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของแม่ ดูจะบอกได้ว่า...งานนี้ น้องผมคงตกที่นั่งลำบาก
แต่ผมคงอยู่ช่วยอะไรเจ้าตัวเล็กไม่ได้ เพราะถ้าเผลอเอ้อระเหยอีกนิด ผมคงได้เข้างานสายกันพอดี


“ครับ... ผมไปทำงานก่อนนะครับ หวัดดีครับพ่อ หวัดดีครับแม่...พี่ไปนะโซ่” ไหว้พ่อแม่เสร็จ ผมก็เอื้อมมือไปขยี้ผมนุ่มของโซ่เบาๆ แล้วเดินผิวปากลิ่วออกจากบ้านโดยไม่เหลียวหลัง  


สายวันนั้น ข้อความแรกจากโซ่ก็ทำผมเผลออมยิ้ม...
ท่าทางเคล็ดวิชาของท่านอาจารย์จะได้เรื่อง...
ทีนี้ก็เหลือแค่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด


หึ หึ...คืนนี้แหละ ที่ผมจะได้รู้ ว่าอะไรเป็นอะไรสักที
คิดแล้วก็กดอ่านข้อความของเจ้าตัวเล็กให้กระชุ่มกระชวยอีกรอบก่อนวิ่งฉิวเข้าห้องประชุม 


 ‘ พี่แทน...คืนนี้ห้ามล็อคห้องเด็ดขาดนะ!’



๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑




และแล้วก็เที่ยงคืนกว่า...
เวลาที่ผมรอคอย
เสียงต่างๆที่คุ้นเคย ค่อยๆดังขึ้นตามสเต็ป...


...เสียงโซ่เปิด ปิดประตูห้อง
...เสียงฝีเท้ามุ่งหน้ามายังห้องน้ำ... ถ้าฟังไม่ผิด ผมว่าคืนนี้เสียงฝีเท้าโซ่เบาราวกับย่อง
...เสียงกดชักโครก ซึ่งสั้นและห้วนกว่าที่ควรจะเป็น
...เสียงลากฝีเท้าเข้าใกล้ประตูห้องผม  จะว่าไป..ผมว่าจังหวะการเดินออกจะเร่งๆชอบกล
...เสียงขยับลูกบิดประตูห้องผม ตามด้วยเสียงเปิด ก่อนจะปิดลงทันที...  เอ๊ะ! เมื่อกี๊ผมว่ามีเสียงถอนหายใจดังแทรกขึ้นมาอีกเสียงด้วยนะ 
...ปิดท้ายด้วยเสียงเดินที่หยุดทันทีตรงข้างเตียงผม


สิ่งที่ควรจะเป็น คือ...ร่างเล็กๆที่กำลังหยุดนิ่งอยู่ขอบเตียง ควรหย่อนตัวนอนราบลงไปกับที่นอนตั้งแต่เมื่อนาทีที่แล้ว
แต่ภาพที่ผมเห็น กลับเป็นอีกอย่าง...


ที่ผมเคยเข้าใจว่า เจ้าตัวเล็กเดินละเมอเข้ามานอนห้องผมทุกคืน  ยังยืนแน่นิ่ง แถมไม่มีทีท่าว่าจะเขยื้อนกายไปไหน
ระหว่างเฝ้ามองร่างไม่ไหวติงของน้องจากมุมมืดข้างๆบานประตู ผมกลั้นหายใจไม่กล้ากระดุกกระดิก
พลางลุ้นในใจให้โซ่ทำอะไรสักอย่าง...


อะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่นอนลงกับเตียง...


สวรรค์คงเห็นใจไอ้แทน...
เพราะวินาทีนี้  ผมได้เห็นภาพที่ต้องการเห็นที่สุดแล้ว


จากที่ยืนแข็งเป็นรูปปั้น
อยู่ๆโซ่ก็เท้าสะเอว แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ “ไหนพี่แทนบอกว่า เปลี่ยนใจไม่ออกไปกินแหล้าข้างนอกแล้วไง...
.
...ฮึ! คอยดูนะ กลับมาคืนนี้จะอ้อนให้ไม่ได้นอนเลย...”


พอรู้ว่าน้องไม่ได้ละเมอ...ผมก็ไม่อาจฝืนความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไป
ระหว่างเจ้าตัวเล็กยังยืนบ่นหงุงหงิงไปเรื่อยเปื่อยตามลำพัง ผมก็ค่อยๆโหย่งปลายเท้าเดินเข้าไปหา


“...เมื่อคืนทำกับเค้าไว้เยอะ  อ๊ะ!! พี่แทน!?” เสียงน้องฟังดูตกใจ ก็จะอะไรล่ะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะผมกอดรวบเอวบางๆของโซ่เอาไว้แน่น ถึงอย่างนั้น เจ้าตัวเล็กกลับไม่ดิ้นรนขัดขืนแต่อย่างใด

“คืนนี้โซ่ไม่นอนกับพี่แล้วเหรอครับ?” ผมกระซิบถามตรงข้างใบหู... กลัวโซไม่ได้ยิน เลยต้องบริการน้องเสียหน่อย

“พี่แทน...พี่แทนไม่ได้ออกไปข้างนอกเหรอ?” เสียงโซ่ร้อนรน

“เปล่านี่ครับ พี่แค่นอนไม่ค่อยหลับ เลยออกไปยืนสูดอากาศตรงระเบียง...
.
...รอคนละเมอให้มานอนด้วยกัน...
...แต่สงสัยคืนนี้จะไม่มีคนละเมอ ใช่ไม๊ครับโซ่? หื้มมมม (ฟอดดดดด)” ผมกดจมูกลงตรงแก้มนิ่มหอมละมุน

“พี่แทนรู้?” โซ่เอียงหน้าจ้องตาผม

“เพิ่งรู้เมื่อกี๊ครับ...ตอนที่โซ่กำลังจะเดินออกจากห้องไปนั่นแหละ (ฟอด ฟอด ฟอด)” จัดอีกสามดอกรวด ค่าที่โดนสายตาวาววับคู่นั้นจับจ้องอยู่นาน

“ฮื๊ออออ....พี่แทนใจร้าย!!” เจ้าตัวเล็กอุทรณ์เสียน่าฟัง


ผมค่อยๆดันร่างบางให้เอนตัวลงบนฟูก พลางทอดตัวลงตามไม่ยอมห่าง...
ถึงคราวใช้มาตรการสอบสวนขั้นเด็ดขาด


“ใครกันแน่ที่ใจร้าย  ย่องมานอนซบอยู่ข้างๆทำใจพี่จะวายได้ทุกคืน...
...ใครกันแน่  คอยมาทำพี่หวั่นไหวจนไม่เป็นอันหลับอันนอน...
.
...ใครครับ ไหนโซ่ลองบอกพี่ซิ? หื้มมม คนดี...บอกพี่หน่อยได้ไม๊ครับ?”


ในเมื่อท่านอนของโซ่เป็นใจกับผมเสียเหลือเกิน...
คงไม่ผิดอะไร หากผมจะทำตามเสียงเรียกร้องจากข้างในที่อัดอั้นมานานเสียที

ผมฝังจมูกลงสูดดมความหอมหวานของซอกคอขาว ที่ยังมีร่องรอยของริมฝีปากผมแต้มชัดอยู่
แปลกจริง...
ยิ่งดม ยิ่งดื่มด่ำ ยิ่งทำให้อยากสัมผัสไปกันใหญ่
ก่อนที่มือของผมจะไล้ลงต่ำ เสียงห้ามหวานหูของโซ่ก็ดังกระทบโสตประสาท


“ฮื่ออออ..พี่แทน เดี๋ยวก่อนซี่....อาห์....พี่แทน คุยกับโซ่ก่อนนะ” ฝ่ามือเล็กยันหน้าอกของผมออกห่างตัว เมื่อสบตา...ผมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้หมายปัดป้อง หากแต่เรียกร้องคำอธิบาย

“ถ้าเมื่อคืนพี่ไม่ได้แกล้งเมาแล้วลวนลามโซ่  พี่จะรู้ไม๊...ว่าที่แท้ เราสองคนก็ใจตรงกัน” ผมรวบความ ส่งยิ้มเผล่

“พี่แทนแม่งเจ้าเล่ห์อ่ะ!


แก้มเจ้าตัวเล็กพองลมเสียป่อง...
คำพูดผมคงทำน้องไม่พอใจ...
สงสัยต้องใช้ภาษากายอ้อนเสียหน่อย


“เจ้าเล่ห์แล้วรักพี่ไม๊...รักพี่ไม๊ครับโซ่?”


ริมฝีปากผมระดมจูบไปทั่ว
อาห์....เนื้ออ่อนๆ หอมกรุ่นๆ ให้รสสัมผัสดีชะมัด
เหลือแค่ถ้อยคำหวานหู ที่ยังต้องคาดคั้นให้ยอมรับออกมาตรงๆ


“อื้อ...อาห์...รัก โซ่รักพี่แทน.....ฮื่ออออ.... แต่พี่แทน....ฮื่ออออ...หยุด หยุดก่อน!!” ผมจำต้องหยุด เพราะไม่บ่อยนักที่โซ่จะทำเสียงแข็งใส่ผม

“ทำไมครับ?” ผมสงสัยจริงจัง

“ก็....ก็รอยจูบของพี่แทนเมื่อคืนน่ะ ทำให้แม่กับพ่อสั่งห้ามไม่ให้โซ่เข้าใกล้พี่แทนอีก...
.
...พวกท่านบอกว่าเป็นเพราะโซ่มาหาพี่แทนที่ห้องทุกคืน...พี่แทนเลยเอาเปรียบโซ่ทั้งที่ยังไม่รู้ตัวว่ารู้สึกยังไงกับโซ่กันแน่...
...แม่กับพ่อไม่อยากให้โซ่เสียตัวและเสียใจเพราะพี่แทนทำเรื่องอย่างว่าไปด้วยอารมณ์”

“พ่อกับแม่รู้แล้ว?” ...เหวอเลยสิครับงานนี้

“อื้อ...ก็ตั้งแต่ที่โซ่รู้ตัวว่าโซ่รักพี่แทนมากกว่าพี่ชาย โซ่ก็เดินไปบอกพ่อกับแม่ตรงๆ...
.
...ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกแต่ว่า ของแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน...
...ถ้าพี่รักโซ่ ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร...
...โซ่เลยบอกท่านว่า โซ่จะทำให้พี่แทนรักโซ่ เหมือนที่โซ่รักพี่แทนให้ได้”

“ถึงได้ว่า ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่เคยมัดมือชกพาโซ่ไปหาหมอจริงๆจังๆซักที... ร้ายนะไอ้ตัวเล็ก” ผมจับหัวทุยโยกเบาๆ เจ้าตัวยิ้มหวานให้ แต่ก็หุบยิ้มฉับแล้วทำหน้าจริงจังเหมือนเมื่อครู่

“สรุปคือ...พี่แทนรักโซ่จริงๆใช่ไม๊?”

“หึ หึ...ถ้าพี่ไม่รักโซ่ เมื่อคืนพี่จะแกล้งโซ่ไปไกลถึงไหนต่อไหนได้ลงคอเหรอครับ?...
.
...อ่ะนี่ ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าครับ พี่ซื้อมาให้...
...พี่รักโซ่นะครับ ต่อจากนี้ไป ไม่ต้องแกล้งละเมอแล้วนะ...
...เพราะต่อให้โซ่ไปนอนที่ไหน พี่ก็พร้อมจะตามไปนอนกับโซ่ทุกคืนเลยล่ะ”  ผมหยิบกล่องของขวัญที่ซ่อนเอาไว้ใต้หมอนส่งให้เจ้าตัวเล็กที่ผุดลุกนั่ง พลางทำตาวาว และยิ้มแก้มเต่ง

“โซ่ก็รักพี่แทน รักมาก รักมาตั้งแต่จำความได้...
.
...โซ่แกะของขวัญนะ...
...เอ พี่แทนซื้ออะไรให้โซ่กันเอ่ย?”


พอฝากล่องเปิด มือเรียวก็หยิบชุดนอนข้างในออกมากางแล้วยิ้มใหญ่
แม้จะเห็นสีหน้า และรอยยิ้มตรึงตา แต่ผมก็อดถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งไม่ได้


“ชอบไม๊? พี่กับไอ้คีย์ไปยืนเลือกอยู่ตั้งนานแหน่ะ”

“ชอบมากกกกก...แต่...” คนในอ้อมกอดผมทำท่าลังเลจนผมใจเสีย

“แต่อะไรครับโซ่?”

“แต่โซ่กลัวว่าจะไม่ค่อยได้ใช้...
.
.
...ใช่ไม๊พี่แทน? (จุ๊บ)” เจ้าตัวเล็กทำหน้าเจ้าเล่ห์...หึ! รู้ใจจริง

“หึ หึ...เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่คุยกับพ่อแม่เรื่องของเราเลยก็แล้วกัน...
...ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องโซ่จะเสียใจ...และเสีย  อุ๊บ!!


โซ่ไม่รอจนผมพูดจบ
คนใจร้อนโน้มตัวเข้าใกล้...เพื่อเร่งให้ผมลงมือทำอะไรๆตามแต่เราอยากให้เป็น ในขอบเขตที่ทั้งพ่อกับแม่เราจะเข้าใจ และยอมรับได้


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



ตัวเล็ก...เย็นนี้พี่ไปรับนะครับ...
...จะได้เลยไปซุปเปอร์ด้วยกัน...
...อยากกินข้าวกลางวันฝีมือตัวเล็กจะแย่แล้วครับผม...
...รักตัวเล็กนะครับ


“โซ่ ยิ้มมึงทรามมาก บอกมา...เมื่อกี๊มึงคิดเรื่องอะไร?” ผมกดปิดหน้าจอมือถือแล้วหันกลับไปยิ้มจิกตู๋  ส่ายหัว พลางตอบด้วยสีหน้าส่อพิรุธสุดๆ

“เปล๊า...กูแค่อ่านข้อความของพี่แทน”
...ปฏิเสธเสียงสูง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากูโกหก ซึ่งมึงควรจะดูออกนะคุณเพื่อน

“หรือว่า? มึงกับพี่แทน?”
...ฉลาดเลิศ!!  เพียงคำใบ้เดียวก็เข้ารอบเปิดป้ายแจ็กพ็อต...รับเงินล้านไปเลยแจร้

“หึ หึ หึ....จะเหลือเรอะ”
...โกหกนิดๆหน่อยๆ สร้างสีสัน จริงๆมันก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นเสียทีเดียวหรอก แต่คงจะอีกไม่นาน หุ หุ หุ

“อร๊ากกกกส์...โซ่ มึงมันสุดยอด!! นอนอ่อยพี่แทนมาหลายปี...ในที่สุด!” ไอ้ตู๋ทำหน้าประหลาดใจปนทึ่ง
...อาฮะ กูรู้...กูเริ่ด!! ไม่งั้นกูคงรวบหัวรวบหางพี่กูไม่สำเร็จหรอกคุณเพื่อน... ห่วงก็แต่มึงนี่แหละตู๋

“จริงเหรอโซ่? เราดีใจด้วยนะ ในที่สุด โซ่ก็ได้สมหวังกับพี่แทนซะที” เบิ้มยิ้มด้วยความหวังดีและจริงใจสุดๆ
...โอ๊ย เบิ้ม เบิ้มจะน่ารักและเป็นคนดีไปไหน... น่าเอานิสัยเบิ้มมาสลับกับไอ้ตู๋ซะจริงๆ

“เดี๋ยวเบิ้มช่วยเราหาเมนูใหม่ๆหน่อยซิ  ช่วงนี้พี่แทนเค้ากำลังสร้างกล้ามเนื้อน่ะ” ผมอ้อนเบิ้ม ส่วนไอ้ตู๋ทำหน้าหงิก
...ทำหน้าแบบนั้น คงไม่พ้นอิจฉา...
...ก็แหงล่ะ ถึงเราไม่ได้เรียนมัธยมที่เดียวกัน แต่ผมกับมันก็เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์แอบรักรุ่นพี่มาตั้งแต่ยังไม่ขึ้นมอต้น...
...พอรู้ว่าผมชิงตัดช่องน้อยหนีไป ทั้งที่ตัวเองยังไปไม่ถึงไหน คงทั้งท้อทั้งว้าเหว่...
...เฮ้อ บอกให้รับรักพี่ท็อปบัญชีไปให้รู้แล้วรู้รอด มันก็ยังจะดื้อไม่ยอมเค้าอีก ไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี

“ได้เลย รอเราแป๊บนะ” เบิ้มกระวีกระวาดหาข้อมูลในมือถือให้ผมทันที
...เบิ้ม...เบิ้มรู้ไม๊ว่า เบิ้มเป็นคนนิสัยน่ารักขัดกับใบหน้าที่สุดเลย...รักเบิ้มจัง!! แต่เดี๋ยว ต้องเก็บกู้ไอ้ตู๋ก่อน

“ส่วนมึง...ไอ้ตู๋  ผู้เสียวซ่านด้านโลกีย์  อย่าลืมส่งลิงค์เด็ดๆมาให้กู ณ บัดนาว พี่แทนจะได้หนีกูไปไหนไม่รอด”
...นั่นแหละ ท่องเว็บเกย์ของมึงไป มึงจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

แต่ดูเหมือนไอ้ตู๋มันจะรู้ตัว ว่าถูกผมหลอกใช้ มันเลยเงยหน้าจากไอแพ็ดขึ้นมาจ้องตาเขียว “แล้วกูต้องช่วยมึงเพื่อ?”
...เยอะ! ทีกับเพื่อนนี่เรื่องเยอะมากมาย แต่กับผู้ชาย...ทำเป็นไม่กล้า

ผมแอบกลอกตาแล้วถอนหายใจเบาๆ “แหม เพื่อนตู๋...มึงไม่รู้เหรอว่า การทำความดีด้วยการทำให้คนรักกัน มันจะช่วยสนองให้ความรักที่มึงเฝ้ารอคอยมานานหลายปี มีผลสำเร็จในชั่วข้ามวัน...เชื่อกูซิ”
...เชื่อกูเถอะนะตู๋ กูขอร้อง!!

“เออๆ ก็ด้ะ...เห็นแก่พี่แทนหรอกนะ”
...สาธุ! ขอให้เพื่อนผมได้ผัวในเร็ววันเพื่อตอบแทนคุณงามความดีของมันด้วยเท๊อะ!!



๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑