Wednesday, October 1, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 14: น้ำนิ่งไหลลึก


บทรุกที่ 14: น้ำนิ่งไหลลึก
 (น้ำนิ่งไหลลึก : คนที่เงียบ หงิม ๆ มักจะมีความคิดลึกซึ้ง)

                                                                              


คุณเคยมีประสบการณ์ต้องเจอกับเรื่องราวแบบเดียวกันซ้ำๆตลอดทั้งวันแม้จะเปลี่ยนตัวแสดงประกอบฉาก หรือสิ่งแวดล้อมไหมฮะ?  อย่างเช่น วันมหาซวยที่แค่ก้าวเท้าออกจากบ้านก็เหยียบขี้หมาสด ลากไปจนถึงก่อนเข้านอนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมมือถือรุ่นล่าสุดที่เพิ่งซื้อได้ไม่ถึงอาทิตย์ทิ้งไว้บนรถเมล์ และพอลองพยายามโทรเข้าเครื่อง ก็รู้ได้ทันทีว่าโทรศัพท์เราได้เช็คอินเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโทรศัพท์อีกพันล้านเครื่องที่มาบุญครองแลนด์ เซคกันแฮนด์โฟนไปเสียแล้ว

ผมเองก็มีฮะ แถมยังเพิ่งเคยเจอเข้ากับตัวเองแบบสดๆร้อนๆก็วันนี้นี่แหละฮะ...
สำหรับผม ขอเรียกวันนี้ว่า วันไหล....ไร้อำนาจ


วันนี้เป็นอีกวันที่ผมจำต้องรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่เช้า แต่สถานการณ์ที่ทำผมตื่นกลับไม่เหมือนกับหลายวันก่อน...

ที่ผมต้องยอมแหกขี้ตาตื่น เป็นเพราะคนตัวเล็กกว่าซึ่งถูกผมกอดจากทางด้านหลังมาตลอดทั้งคืนนี่แหละฮะ เขากระดุกกระดิก ทำท่าเหมือนอยากพลิกตัวเปลี่ยนท่าไปมาอยู่หลายรอบตั้งแต่ประมาณสิบนาทีที่แล้วได้ ไอ้ผมก็พยายามแกล้งหลับเต็มที่ เผื่อว่าถ้าไม่ยอมปล่อยตัวขนุน เขาอาจจะยอมนอนต่อเป็นเพื่อนผมอีกสักหน่อย

แต่คนนี้เขาเป็นขาตื่นเช้ามาแต่ไหนแต่ไร เพราะคงจะติดนิสัยเข้าเวรจ้องหลังคาบ้านพี่กานต์รอบเช้ามาหลายเดือน สุดท้ายร่างผอมเพรียวทนรำคาญไม่ไหว จึงส่งเสียงประท้วงออกมาเบาๆราวกับแมวขู่แค่พอให้เราสองคนได้ยิน “ฮื่ออออ...น็อตตตตตต ตื่นเถอะ”

“...” เรื่องอะไรผมจะยอมง่ายๆ ก็กอดแล้วอุ่นนุ่ม แถมยังหอมออกอย่างนี้ ปล่อยให้หลุดมือไปรอบนี้....ผมต้องทนรอให้เราเข้านอนกันอีกรอบนั่นแหละ ขนุนถึงจะยอมให้กอดใหม่
.
.
พอรู้ว่าผมไม่ยอมตื่นแถมยังไม่ปล่อยตัวเขาออกไปง่ายๆ ขนุนก็ค่อยๆตะแคงกลับด้านหันหน้ามาหาผม แล้วหยิกเข้าที่แก้มผมเบาๆแล้วหนีบค้างเอาไว้ “น็อตตตต น็อตตต น็อตตตต...ถ้าไม่ตื่นก็ปล่อยก่อน” ใครสั่งใครสอนว่าให้แกล้งคนกำลังนอนอยู่แบบนี้กันวะขนุน  ...อีกหน่อยเท๊อะ น็อตจะจับอบรมมารยาทและข้อควรปฏิบัติอันเหมาะสมต่อสามีที่รักให้ขึ้นใจ จะได้ทำตัวอยู่ในโอวาทสมกับเป็นภรรยาที่ดี หึ หึ

“อือออออออ ขนุนตื่นแล้วเหรอฮะ....นอนต่อกันไม๊อ่ะ น็อตยังไม่อยากตื่นเลยฮะ” ผมส่งเสียงงัวเงียตอบโดยที่ไม่ยอมลืมตา เพื่อให้มือขนุนหยุด

“น็อตก็นอนต่อไปคนเดียวสิ ผมตื่นแล้ว” ขนุนตอบฉุนๆ และไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยมือ...ชักจะเริ่มเจ็บแล้วนะเฟ่ย!!
.
.
.
“โอเค โอเค น็อตยอมตื่นให้ก็ได้.............วันนี้เราออกไปเปิดหูเปิดตากันนะฮะ” ผมลืมตาแล้วยิ้มให้อีกคน

“เปิดหูเปิดตา?” หน้าขนุนที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือบอกความสงสัยไม่มีอ้อมค้อม จนผมต้องตัดบท

“น่า...เดี๋ยวขนุนก็รู้เองแหละฮะ”

“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ...
.
.
...น็อต ปล่อยได้แล้ว ผมบอกว่าผมจะไปอาบน้ำไงเล่า” ตอนนี้มือที่เคยหยิกแก้มผมเปลี่ยนมาเป็นดันอกผมให้ออกห่างตัว หึ! คงจะหวังให้ระยะทางที่กว้างขึ้นจากแรงผลักช่วยแยกมือสองข้างของผมออกจากกันเสียทีล่ะมั้ง... แต่มันเป็นความคิดที่ตื้นเกินไปนะจ๊ะเบ่เบ๋ น็อตจะไม่ยอมพลาดท่าปล่อยขนุนง่ายๆ เพราะเรายังไม่ได้ชำระความเรื่องก่อนนอนเมื่อคืนกันเลยนะฮะที่รัก

“ยัง น็อตยังไม่ปล่อย... เพราะน็อตนึกออกแล้วว่าต้องลงโทษขนุนเรื่องเมื่อคืนกี่ที และคนทำผิดจะไม่มีวันลอยนวลไปได้โดยไม่ถูกลงโทษเป็นอันขาด...

...เมื่อคืนขนุนไม่ได้คุยกับพี่ปีย์เลย และถามพี่กานต์ไปแค่สองคำถามเอง เพราะฉะนั้น...มารับโทษซะดีๆ”

“อ่ะ...งั้นก็ลงโทษซะทีสิ ผมจะได้ไปอาบน้ำ” ตอนนี้มือทั้งสองข้างถูกเจ้าตัวย้ายไปวางข้างๆตัวแล้ว ขนุนเปลี่ยนเป็นนอนหงายทันทีที่ผมยกตัวขึ้นคร่อมอีกฝ่ายเอาไว้ข้างใต้

“ขนุนพร้อมนะฮะ” ที่ผมถามออกไป...ผมไม่ได้จะถามเพื่อความแน่ใจของอีกฝ่ายเลยจริงๆ ให้ตาย!! แต่ที่ผมถามเนี่ยะ เพราะผมแม่งโคตรตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็ขนุนแม่งกำลังนอนตาใสมองผมมาจากข้างล่างตัว ซึ่งแม่งเป็นวิวที่ผมนึกเอาไว้ในใจว่าอยากเห็นมาตลอด ปากแดงๆ แก้มเด้งๆ ตากลมๆกำลังรอให้ผมก้มลงไปหาอย่างไม่มีขัดขืน... ขนุนพร้อมแล้ว แต่ผมนี่สิ....แม่งพร้อมจริงหรือเปล่าวะ???!!!

“อื้อ...น็อตก็เร็วๆสิ” โอย....แล้วขนุนจะพูดแบบนี้ออกมาอีกทำไมกันว้า...แม่งจะกลั่นแกล้งผมไปถึงไหนกัน? ความอดทนอดกลั้นของผมแม่งยิ่งมีต่ำๆอยู่ด้วย 

ไม่ใช่อะไรหรอกฮะ.... แม่งเป็นเพราะตอนนี้ผมกำลังมองเจาะเฉพาะแค่หน้าขนุน แล้วจินตนาการข้ามช็อตพร้อมกับทำโฟโต้ช็อปลบชุดนอนสติทช์น้อยออกออกจากผิวกายขาวๆของขนุนอยู่ในใจ จนเห็นร่างกายส่วนที่ต่ำกว่าคอลงไปของคนข้างล่างแม่งกำลังเปลือยเปล่าเป็นภาพซ้อนขึ้นมา  แล้วนี่ดันมาเจอคำพูดเร่งเร้าให้ผมลงมือจู่โจมแบบเร็วๆเข้าไปอีก หัวสมองอันสูงส่งของผมแม่งก็คิดหื่นลงต่ำกว่าสะดือไปถึงไหนๆ ที่มากกว่าการลวนลามผิวๆหัวสิวเด็กอนุบาลแบบหอมแก้มกันอะไรกันอย่างนี้


“......”
.
.
.
.
ผมจ้องหน้าขนุนที่กำลังมองผมด้วยสายตาสงสัย สลับกับดูอารมณ์ตัวเองแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า ท่านี้แม่งล่อแหลมเกินไป ผมล่ะกลัวใจตัวเองว่าจะยั้งมือเอาไว้ไม่ได้ แล้วจะต้องมานั่งเสียใจเพราะเผลอทำอะไรเกินเลยไปจนไก่ตื่น ผมเลยยอมเสียฟอร์มมันง่ายๆ ก่อนเอ่ยขอความร่วมมือจากอีกฝ่ายแทน  “.....เอ่อ ขนุนฮะ เราเปลี่ยนเป็นท่านั่งเหมือนเมื่อวานน่าจะสะดวกกว่านะฮะ”

“การลงโทษนี่ก็มีพิธีรีตรองมากกว่าที่คิดเนอะน๊อต...ถ้าไม่สะดวก ก็ทำไม่ได้...แปลกดีนะ”.... จะเถือหนังผมเอาไปปูนั่งเลยไหมฮะขนุน ถ้าจะถากถางกันไม่เหลือชิ้นดีขนาดนี้แล้วล่ะก็ ....รู้บ้างไหมว่าไอ้ที่น็อตยอมได้ขนาดนี้ ก็เพื่อขนุนคนเดียวเท่านั้นเลยนะฮะ ถ้าเป็นคนอื่นที่น็อตไม่สนใจ ป่านนี้น้ำแตกก็แยกทางกันไปนานแล้ว...
.
... ไอ้น็อตเอ๊ย ท่องเอาไว้นะว่า....เพื่อเมียผู้ไร้เดียงสา อย่าริข้ามขั้นตอน!!!

“แหม่...มันก็ต้องมีลำดับและท่าบังคับของมันสิฮะ ไม่อย่างนั้นมันจะศักดิ์สิทธิ์ตรงไหนกันล่ะ” แถเท่านั้น คือคำตอบของทุกคำถามในจักรวาลเวลานี้ แต่ที่พอจะชดเชยได้ คือการที่ขนุนกลับมานั่งตักผมอีกครั้ง แถมคราวนี้ยังเพิ่มดีกรีความแนบชิดด้วยการคล้องคอเข้าให้อีกหนึ่งอย่างราวกับเป็นการปลอบใจผมกลายๆ

“อืมมม ก็คงจะจริงล่ะมั้ง.... อ่ะ นี่แก้มผม....เชิญน็อตลงโทษให้เต็มที่เลยนะ” ขนุนน่ารักมากฮะ เพราะเขาเอียงแก้มยื่นมาใกล้ๆหน้าผมจนแทบไม่ต้องขยับหน้าไปไหนเลยทีเดียว

(ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด) “สี่ทีแรก...สำหรับการที่ขนุนไม่พูดตามจำนวนที่เราตกลงกันเอาไว้ ระหว่างที่เรากินข้าวเย็นด้วยกันเมื่อวาน” (ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด) “ส่วนสี่ทีนี้...สำหรับการที่ขนุนแอบนอนหลับทิ้งน็อตไปก่อนจะรับโทษ   น็อตถือว่าขนุนคิดไม่ซื่อ” ผมทำท่าจะกดจมูกลงบนแก้มหอมๆนิ่มๆนั้นอีกรอบ แต่ขนุนกลับพูดขัดออกมาเสียก่อน จนผมต้องค้างท่าอยู่กลางอากาศ

“หยุด!!!....แล้วที่จะหอมผมอีกนี่ คืออะไรน็อต?”

ในเมื่อเริ่มวันด้วยการแถ เราก็แถกันยาวปายยยยย “ก็เมื่อวานคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับขนุนไม่ได้มีแค่พี่กานต์กับพี่ปีย์นี่ฮะ... ขนุนลืมไปแล้วเหรอ ว่ามีผมนั่งอยู่อีกทั้งคน หึ หึ” ขนุนดูอึ้งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมเพิ่งอธิบายด้วยสีข้าง  แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมจะต้องหอมขนุนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้สมกับความอยาก และความเจ็บปวดที่ถูกเพิกเฉยไม่ใยดี... คอยดูเถอะนะขนุน คุณจะซึ้งที่ทำให้ไอ้น็อตอยากแล้วจากไปนอนง่ายๆแบบนั้น

แต่เรื่องทั้งหมดกลับตาลปัตร เมื่อขนุนเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าหาแก้มของผมฝั่งที่อยู่ใกล้หน้าเจ้าตัว ก่อนจะกดจมูกและปากลงบนแก้มของผมเพื่อระดมหอมรัวๆอยู่หลายครั้งจนผมทั้งตื่นเต้น ดีใจ และสับสนจนประมวลผลอะไรไม่ถูก

 (ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด)

“อ๊ะ..............ขะ.....ขนุนหอมผมทำไมฮะ?” ผมว่าผมเอ๋อใช้ได้เลยว่ะตอนนี้

ขนุนแค่ตอบผมออกมาด้วยเสียงนิ่งๆไม่มีท่าทางเขินอายหรือมีความรู้สึกอื่นใด  “ก็ขนุนหอมน็อตเพื่อแทนการรับโทษกับการกระทำผิดของตัวเองตามที่น็อตบอกมาเมื่อกี๊ไง นี่ลงทุนหอมแถมอีกสามทีเลยนะ เผื่อว่าน็อตจะเหมานับเอาตัวผมที่นั่งรวมโต๊ะอยู่ด้วยเข้าไปด้วยอีกคน...
.
.
...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปอาบน้ำก่อนนะน็อต” คนพูดปล่อยวงแขนออกจากคอผม แล้วก็ลุกออกไปจากตักผมอย่างง่ายๆ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกละครที่โดนพระเอกล่อลวงไปขืนใจเพราะความเข้าใจผิดมาแต่ชาติปางไหน ก่อนที่อีกฝ่ายจะทิ้งเงินฟ่อนหนึ่ง กับก้นบุหรี่เกือบทั้งซองเอาไว้ให้ดูต่างหน้าตรงหัวนอน แล้วก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่ใยดี...

...เอ แล้วนี่ผมควรจะต้องนอนร้องไห้กระซิกๆเพื่อให้สมกับความรู้สึกอับอายขายหน้า ที่ถูกคนซิงไม่รู้ประสายึดอำนาจ ก่อนตอกกลับด้วยวิธีถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ดีไหมนะ???


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


ผมขับรถพาขนุนมาที่ร้านของคุณเน้ยพี่สาวคนโตเพื่อให้ช่วยหาเสื้อผ้าที่เหมาะกับเจ้าตัวให้สักหลายชุดหน่อยตามที่ได้โทรบอกเอาไว้เมื่อเช้าระหว่างรอขนุนอาบน้ำชะโลมครีมทั้งเคาน์เตอร์ พอคุยจบ คุณเน้ยก็ทำเสียงเสียอกเสียใจอย่างออกนอกหน้าเพราะเธอเกิดติดธุระด่วนช่วงที่ผมจะเข้าไปที่ร้านพอดี  นั่นคงจะเป็นเพราะหลังจากผมบอกกับทุกคนในบ้านเกี่ยวกับเรื่องเดินหน้าจีบขนุน  พี่ๆน้องๆของผมทุกคน ต่างตื่นเต้นอยากเจอหน้าว่าที่สะใภ้ผู้มีกิตติศัพท์เลื่องลืองว่าสามารถทำผมเสียศูนย์ไปได้ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นแฟน

แต่หลังจากที่ผมนั่งรอขนุนที่เข้าไปลองชุดข้างในได้ไม่นาน พี่สาวคนสวยของผมก็เดินสวยโดดเด้งออกมาจากห้องลองเสื้อข้างหลังด้วยรอยยิ้มกว้างไม่ต่างจากที่ผมเคยเห็นในวันที่คุณเน้ยแต่งงาน แล้วทักผมด้วยน้ำเสียงสดใส “คุณน็อต....ไม่ได้เจอหน้าตั้งนาน เน้ยคิดทึ๊ง คิดถึง”

คุณเน้ยกับคุณเนยพี่สาวคนรองเป็นคนช่วยคุณบี๋เลี้ยงผมกับคุณโน๊ตน้องคนสุดท้องมาตั้งแต่ยังเล็กๆ จึงไม่แปลกที่พี่สาวของผมทั้งสองจะมีอาการไม่ต่างจากคุณบี๋ ที่ชอบกอดชอบหอมผมและน้องชายอยู่ตลอดเวลา โดยไม่สนว่าจะมีใครมองอยู่หรือไม่... แต่เวลานี้ผมคงยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ ยิ่งมีขนุนมาด้วยแบบนี้ เดี๋ยวจะโดนเข้าใจผิดไปเสียเปล่าๆ

เมื่อผมเห็นคุณเน้ยตั้งท่าจะเดินเข้ามากอด ผมจึงรีบยกมือไหว้แล้วย้ายไปนั่งโซฟาตัวเดี่ยวเพื่อกันไม่ให้พี่สาวเข้าประชิดตัวได้  “หวัดดีฮะคุณเน้ย เห็นพี่แต้วบอกว่าคุณเน้ยจะไม่เข้าร้าน น็อตเลยไม่ทันได้เข้าไปทักในออฟฟิศ”

“ตอนแรกเน้ยก็ไม่ได้คิดจะแวะเข้าร้านหรอกค่ะ เพราะยังคุยเรื่องงานกับทางโน้นไม่เสร็จดี แต่พี่แต้วน่ะเค้าโทรไปเมาท์ บอกว่าคุณน็อตพาเพื่อนมาที่ร้านตามที่เน้ยสั่งความเอาไว้  รายนั้นเค้าทั้งดีใจที่จะได้เจอหน้าคุณน็อตสุดหล่อ และก็ตกใจใหญ่โต เพราะไม่คิดว่าเพื่อนคุณน็อตจะพิเศษแบบนี้
.
...เน้ยหมายถึงเรื่องลุคน่ะนะคะ...
.
.
...พอได้ยินลูกน้องรีบโทรไปแย่งกันรายงานกันแทบจะแทรกสาย เน้ยก็ทนพวกเด็กๆที่ร้านรบเร้าไม่ไหว....เปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน เพราะอยากแวะเข้ามาแอบดูหน้าว่าที่น้องสะใภ้ก่อนหน้าคุณคนไหนๆในบ้านซะหน่อย   เน้ยอยากรู้น่ะค่ะ ว่าแฟนคุณน็อตคนนี้ จะเป็นเด็กแนวสมคำร่ำลือของน้องๆในร้านรึเปล่า หึ หึ หึ” พี่สาวสุดสวยของผมแซวออกมาอย่างตั้งอกตั้งใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมพาคนถูกใจบุกมาเลือกซื้อเสื้อผ้าถึงที่ร้านของตัวเอง

“อ๋อ...พี่แต้วคงจะบอกคุณเน้ยว่าขนุนเค้าเป็นเด็กแนวแกงค์แว่นหนาหน้าห้อง กับผู้นำกลุ่มไอดอลหนอนหนังสือทั้งประเทศใช่ไม๊ล่ะฮะ เลยทำให้คุณเน้ยสนใจเอามากๆ หึ หึ...
.
.
...แล้วพอเจอตัวจริงแล้ว คุณเน้ยว่ายังไงฮะ? ผ่านไม๊? ” ผมตั้งหน้าตั้งตารอฟังความเห็นของพี่สาวคนโตราวกับรอฟังคำพิพากษา เพราะถ้าคุณเน้ยว่าโอเค นั่นก็แปลว่าทุกคนในบ้านก็น่าจะโอเคได้ไม่ยากเหมือนกัน

“ครั้งแรกที่เน้ยเห็น เน้ยก็ว่าลุคแกแปลกดีนะคะ แต่พอจับถอดแว่นแล้วหวี้เผ้าหวีผมกับทำโน่นทำนี่นิดหน่อย... บอกได้คำเดียวว่าน่ารักมากๆเลยล่ะค่ะ  พี่แต้วแกเกือบหลุดกรี๊ดตอนเห็นน้องสะใภ้ลองชุดแรกของคอลเลคชันล่าสุด...แกบอกว่าเหมือนกำลังดูนิยายฉากนางเอกชุบตัวน่ะค่ะ ฮะ ฮะ ฮะ...

...แต่น้องสะใภ้คนนี้ เค้าเป็นคนพูดจามีแบบแผนมากเลยนะคะ โชคดีที่ตอนเรียนเน้ยตั้งใจเรียนวิชาภาษาไทย เลยเข้าใจศัพท์แสงของแกง่ายกว่าคนอื่น  ตอนพี่แต้วชวนแกคุยครั้งแรกนี่...รายนั้นถึงกับอึ้งไปหลายนาที เพราะต้องเสียเวลาแปลความกันอยู่ตั้งนาน...

...ที่พูดมานี่ ไม่ได้จะว่านะคะ เพราะเน้ยมองว่ามันทำให้แกน่ารักมากขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ ดูเป็นคนมีคาแรคเตอร์ชัดเจนดี...
.
.
...ส่วนเรื่องความเห็นของเน้ย  เน้ยไม่ยังหรอกค่ะ ขอแค่รู้ว่าคุณน็อตรักใคร เน้ยก็รักด้วยทั้งนั้นแหละ...
.
.
.
...พูดก็พูดเถอะ เน้ยต้องขอชมคุณน็อตเลยนะคะ เพราะคุณน็อตตาแหลมจริงๆ อุตส่าห์มองทะลุแว่นหนาๆไปคว้าเอาคนหน้าตาน่ารักแถมยังมีเสน่ห์แบบธรรมชาติๆอย่างนี้มาเป็นแฟนได้อีก...

...เน้ยบอกได้เลยนะคะว่า เน้ยหลงรักหน้าตาน้องสะใภ้มาก แกดูเป็นแอนดรอจินัสสุดๆกว่าใครๆที่เน้ยเคยเจอมาเลยนะคะ ขนาดนายแบบหล่อๆที่เคยทำงานร่วมกันมาเกือบทั้งวงการ ยังไม่มีใครดูน่าสนใจเท่าน้องสะใภ้ของเน้ยคนนี้เลยค่ะ แถมสัดส่วนกับความสูงก็ใช้ได้...
.
...สนใจจะปล่อยตัวออกจากอ้อมอกให้มาลองเดินแบบในคอลเลคชันหน้าหนาวให้เน้ยหน่อยไม๊อ่ะคะ?”
(หมายเหตุ: androgynous หรือ ตามรากศัพท์ความหมายหนึ่งแปลว่า ที่มีลักษณะของทั้งสองเพศ ในที่นี้มักจะเอาไว้ใช้เรียกคนที่มีหน้าตาละม้ายทั้งชายและหญิงในคนเดียว)

“ไม่ล่ะฮะ น็อตหวงฮะ เห็นเนิร์ดแบบจัดหนักขนาดนี้...มีคนมาเลียบๆเคียงๆเยอะเหมือนกันนะฮะ”...พูดขึ้นมาแล้วก็ขึ้น ไอ้พี่เจี๊ยว คราวหน้าผมจะกระโดดขาคู่กระแทกใส่กลางหลังแม่งบ้าง จะได้เอาคืนเรื่องที่หน้าประตูสำนักพิมพ์ให้หายกัน

“โอ้โห ท่าทางว่าคนนี้จะของจริงเหมือนอย่างที่คุณป๋าเมาท์ให้ฟังซะแล้วล่ะมั้งเนี่ยะ ใจคอนี่จะเก็บเอาไว้ดูคนเดียวเลยเหรอคะ? ...เน้ยเพิ่งรู้นะคะ ว่าคุณน็อตชอบแบบเนิร์ดๆอย่างนี้  ถึงได้ว่า....ที่ผ่านมาไม่เห็นคบสาวๆคนไหนยืดซ้ากกกกคน”

ผมยิ้มอายๆส่งให้คนเป็นพี่ “ฮะ...คนนี้น็อตหวงสุดๆไปเลยฮะ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าเค้า คุณเน้ยอย่าทำตัวตื่นเต้นจนเกินไปนะฮะ น็อตเพิ่งเริ่มจีบเค้าโดยไม่ได้บอกให้เค้ารู้ตัว แถมเค้าก็ไม่ได้ตกลงปลงใจอะไรกับน็อตเลยซักนิดเดียว... 

...ถ้าเกิดเค้ารู้ว่าทางเราคุยเรื่องเค้าไปถึงไหนๆ เค้าอาจจะเปลี่ยนใจตีตัวออกห่าง  ทีนี้น็อตจะแย่เอานะฮะ” ผมทำหน้าเว้าวอนพี่สาวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน คุณเน้ยดูประหลาดใจแต่ไม่วายส่งยิ้มอย่างต่อเนื่องมาให้ด้วยความเอ็นดู

“เน้ยอยากจะอัดเสียงที่คุณน็อตพูดเมื่อกี๊เอาไว้จริงๆเล๊ยยย นี่ถ้าคุณเนย คุณเน็ต คุณโน๊ตรู้เรื่องนี้นะ รับรองได้เลยว่า น้องสะใภ้ต้องได้ดังกลายเป็นกระแสใหญ่โตคับบ้านเราแน่ๆ เพราะเธอจะเป็นคนแรกที่ทำให้คุณน็อตยอมหมอบราบคาบแก้วไม่เหลือลายเสือได้แบบนี้น่ะ” คุณเน้ยพูดล้อๆ

“ไหว้ล่ะฮะคุณเน้ย...คุณเน้ยจะให้น็อตทำอะไรก็ได้ แต่คุณเน้ยต้องรับปากก่อนนะฮะ ว่าจะทำตามที่น็อตขอ...นะฮะ”

“อะไรก็ได้จริงๆเหรอคะ?...ถ้างั้น เสร็จจากนี่ เราสามคนไปกินข้าวกันดีไม๊คะ?” ดูท่าพี่สาวของผมจะอยากทำความรู้จักกับขนุนเอาเสียมากๆ เจ้าตัวเลยยอมเจียดเวลางานมาเพื่อตั้งโต๊ะสอบประวัติว่าที่สะใภ้คนใหม่อย่างเอาจริงเอาจัง

“เฮ๊ยยย คุณเน้ย!!....น็อตว่าขนุนเค้ายังไม่พร้อมหรอกฮะ เอาไว้วันหลังนะ เดี๋ยวพากลับไปให้เล่นถึงบ้านเลยเอ้า”

โชคยังเข้าข้างผมอยู่บ้าง ตรงที่พี่แต้วพาขนุนกลับออกมาทันเวลาพอดี “คุณเน้ย คุณน็อตขาาาาาาา....พี่แต้วขอแนะนำ น้องขนุนรุ่นโมฯเหมือนใหม่ค่าาาาาาา”

ผมหันไปมองขนุนอย่างไม่วางตา เพราะแม้ว่าผมจะเคยเห็นขนุนตอนไม่ใส่แว่นมาแล้วหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นขนุนแต่งเนื้อแต่งตัวครบสูตร เรียกว่าดูดีไม่มีเค้าเดิมของเด็กเนิร์ดอีกต่อไป และก็จริงอย่างที่คุยเน้ยว่า พอจัดทรงผมดีๆ บวกกับเสื้อผ้าที่เหมาะกับเจ้าตัว ผมว่าขนุนแม่งน่ารักกว่าเดิมอีกเป็นร้อยเท่าเลยว่ะ พอผมหันไปมองปฏิกิริยาของคนอื่นๆที่อยู่ในร้าน รวมทั้งพนักงานทุกคนที่จ้องมองขนุนด้วยสายตาชื่นชมอยู่ในเวลานี้ ผมถึงกับโล่งใจที่งานชิ้นแรกของผมประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าเอาไว้แล้ว

“ว้าว คุณขนุนเปลี่ยนลุคไปมากจนเน้ยเกือบจำไม่ได้แน่ะค่ะ แต่งตัวอย่างนี้แล้วเหมาะกับคุณขนุนดีนะคะ”

“ขอบคุณครับ” ขนุนตอบคุณเน้ยอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เหมือนจะยังไม่ค่อยมั่นใจกับสภาพโดยรวมของตัวเองเท่าไรนัก

ผมเห็นสายตาของคุณเน้ยที่วิบวับผิดปกติก็รู้ได้ทันทีว่าพี่สาวคนโตของผมกำลังจะดำเนินแผนอ้อนให้ขนุนยอมไปกินข้าวด้วยแหงๆ ชักจะไม่ดีแล้ว...ถ้าบอกปัดคุณเน้ยไม่ได้ เรื่องงานครั้งนี้ก็จะโป๊ะแตกกันพอดีน่ะสิวะ  ผมเลยรีบปาดหน้าเค้กไม่ให้พี่สาวได้มีโอกาสเล่นสนุกตามใจ “คุณเน้ย พี่แต้ว น็อตขอบคุณมากนะฮะสำหรับเรื่องวันนี้....เดี๋ยวพรุ่งนี้น็อตโทรหานะฮะ...
.
.
...ป่ะ ชนุน ไปกันเถอะ!! ผมคว้าข้อมือของขนุนแล้วพาอีกคนเดินออกจากร้านทันที

ขนุนพยายามเอี้ยวตัวกลับไปไหว้และบอกลาทุกๆคนในร้านทั้งที่เกือบทั้งตัวกำลังจะเดินพ้นบานประตูกระจกหน้าร้านอยู่แล้ว  “ขอบคุณอีกครั้งนะครับ...สวัสดีครับ”


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


“น็อตพาผมมาที่นี่ทำไมเหรอ?” ขนุนถามผมระหว่างที่เรากำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งย่านพระรามสาม

“อ้าว...ก็เปิดหูเปิดตาไงฮะ ขนุนอุตส่าห์แต่งตัวเต็มยศทั้งที น็อตเลยเห็นดีเห็นงามว่าเราควรใช้เวลาช่วงเย็นๆ อากาศกำลังสบายแบบนี้ มานั่งกินข้าวอร่อยๆ ฟังเพลงเบาๆ ฉลองให้กับความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงตัวเองขั้นแรกของขนุนกันที่นี่ยังไงล่ะฮะ...
.
...ไปฮะ เราเข้าข้างในกันเถอะ” ดูเหมือนการชวนของผมจะกลายเป็นการตั้งค่าอัตโนมัติระหว่างเราสองคนไปแล้ว เพราะเมื่อไรก็ตามที่ผมออกปากชวนอีกฝ่าย ผมก็จะยื่นมือไปคว้าข้อมือของขนุนมาจับเอาไว้ก่อนออกเดินไปเสมอ แต่คราวนี้ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ แม้ประโยคของผมจะยังพูดไม่จบ แต่อีกคนก็ยกข้อมือมาใส้เอาไว้ในอุ้งมือผมเรียบร้อยแล้ว...

...ยิ่งอยู่ด้วยแม่งยิ่งทำตัวน่ารักจังเลยวุ้ยยย  ว่านอนสอนง่าย จำได้ทุกเม็ด แถมยังให้ความร่วมมือเต็มที่แบบนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าเปลี่ยนจากจับข้อมือเป็นทำอย่างอื่นที่มันเร้าใจกว่า ขนุนแม่งจะทำตัวน่ารักได้มากขนาดไหนกัน....เชดดดดดด แค่คิดก็มันแล้ว

หลังจากได้โต๊ะตรงมุมซึ่งค่อนข้างสงบสุดโรแมนติกของร้าน และการสั่งอาหารเครื่องดื่มเสร็จสิ้นลง ขนุนก็ชะโงกหน้ามาหาผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วพูดออกมาเบาๆ “น็อต...ขอบคุณนะที่ช่วยผม...   ถ้าไม่ได้น็อต...ผมคงจะไม่ได้เริ่มทำอะไรดีๆให้กับตัวเองได้เร็วแบบนี้หรอก” พูดจบก็ส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้ผมเป็นของแถมอีกหนึ่งอย่าง จนคนมองอย่างผมอดเขินไม่ได้

“ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกฮะ น็อตเต็มใจช่วย แค่ได้เห็นขนุนเช้าใกล้กับสิ่งที่ฝันมากขึ้นเรื่อยๆ น็อตก็พลอยมีความสุขไปด้วยน่ะฮะ”
.
.
ขนุนนิ่งไปนานก่อนจะอ้ำอึ้งออกมา “เอ่อ ผมถามอะไรหน่อยได้ไม๊ครับ?...ที่ร้านเสื้อเมื่อกี๊ คนที่คุยอยู่กับน็อตเป็นใครเหรอครับ?” ดีนะที่ผมไม่ได้นั่งโซฟาตัวเดียวกันกับคุณเน้ย ไม่อย่างนั้นขนุนแม่งต้องสงสัยมากไปกว่านี้แหงๆ

“อ๋อออออ...พี่สาวที่สนิทน่ะฮะ ชื่อคุณเน้ย...บังเอิญเค้าเป็นดีไซเนอร์  น็อตก็เลยลองขอให้เค้าช่วยขนุนวันนี้นิดหน่อย... ทำไมเหรอฮะ...มีอะไรรึเปล่า?”

“อืม ผมเจอเค้าข้างในตอนลองเสื้อ เค้าดูสนใจผมมากจนผมทำตัวไม่ค่อยถูกน่ะ แถมยังคอยเข้ามาถามผมตลอดว่าโอเคไม๊ อยากได้อะไรเพิ่มรึเปล่า...ผมก็เลยแปลกใจ เพราะเขาดูแลลูกค้าธรรมดาๆอย่างผมดีมากๆน่ะ”

คุณเน้ยๆนะคุณเน้ย สงสัยจะไปทำท่ากระดี๊กระด๊าตอนที่อยู่ข้างในเอาไว้แน่ๆ ขนุนเลยติดใจจนเอากลับมาถามอยู่แบบนี้  ถ้าผมมีปัญหากับขนุนนะ...พ่อจะโทรไปชวนพี่แบงค์ออกมากินเหล้าให้เมาปลิ้นไม่กลับบ้านกลับช่องสักสองวันสองคืนแม่งเลย จะได้รู้ว่ามีปัญหากับแฟนน่ะเรื่องใหญ่ขนาดไหน...ฮึ่ย!!

“เค้าคงเห็นขนุนแล้วชอบใจล่ะมั้ง เออ..ว่าแต่ขนุนเถอะฮะ ทำไมถึงยอมใส่คอนแทคได้แล้วล่ะฮะ? ไม่กลัวแล้วเหรอ?” ผมถามทั้งที่รู้ดีอยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนเตรียมเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แค่ขอให้คนของคุณเน้ยคะยั้นคะยอขนุนให้ลองใส่ดูให้ได้ เพราะผมคิดว่า ขนุนน่าจะเกรงใจคนที่ทำดีด้วยมากพอสมควร...แล้วก็จริงอย่างที่คิดเอาไว้เสียด้วย

“ก็พี่เน้ยนี่แหละครับ เธออ้อนผมให้ใส่คอนแทคมาตั้งแต่ตอนเข้ามาเห็นผมลองเสื้อน่ะ...

...ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่ยอมเธอหรอกนะฮะ  แต่สุดท้ายก็เกิดกลัวเพราะโดนเธอขู่เอาว่า...ถ้าผมไม่ยอมใส่คอนแทคก่อนออกจากร้านไปวันนี้ เธอจะเอารูปผมที่เธอถ่ายเก็บเอาไว้ไปส่งโมเดลลิ่งน่ะครับ...

...เธอบอกว่า อย่างผมน่ะเป็นนายแบบได้สบายๆ และถ้ารูปที่ผมลองเสื้อร้านเธอหลุดไปถึงเอเยนซี่เจ้าไหนๆในเมืองไทย รับรองเลยว่าไม่เกินสามวัน...ผมต้องได้รับการติดต่อคุยเรื่องงานและสัญญาแน่ๆ...

...ผมมองหน้าจริงจังของพี่เน้ยแล้วอดกลัวไม่ได้ว่าเธอจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ผมก็เลยยอมให้เธอช่วยสอนวิธีการใส่คอนแทคให้น่ะครับ... ตอนใส่ก็ไม่กังวลแล้วล่ะ ที่เหลือก็ต้องมาลุ้นเอาตอนถอดกันอีกที” โห!!! พี่สาวผมแม่งแผนสูงว่ะ นี่ถึงขนาดขู่ว่าแอบถ่ายรูปเอาไว้แล้วด้วยเหรอ ต้องเปลี่ยนจากชวนพี่แบงค์ไปกินเหล้านอกบ้าน เป็นรับอาสาพาคุณเน้ยไปทำสปาสักวันสองวันแล้วล่ะมั้ง หึ หึ

“แต่พอขนุนแต่งตัวแบบนี้แล้วดูแปลกตาไปมากเลยนะฮะ”

“เหรอครับ?....ผมว่ามันคงออกไปทางจะแปลกประหลาดมากกว่าล่ะมั้งน็อต...
.
.
... ยิ่งพอไม่ได้ใส่แว่นแบบนี้...ผมยิ่งคิดว่าตัวเองหน้าตาแปลกไปกันใหญ่ คนพูดเอามือจับหน้าจับตาตัวเองเหมือนยังไม่คุ้นกับหน้าไร้แว่นในตอนนี้

“ไม่หรอกฮะ วันนี้ขนุนน่ารักมากเลยล่ะ รู้ตัวรึเปล่าฮะ?” ผมอดชมคนน่ารักออกมาตรงๆไม่ได้จริงๆ โชคดีที่ผมโทรมาจองโต๊ะเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานเพื่อเลือกที่นั่งที่พลุกพล่านน้อยที่สุดเอาไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมแม่งต้องนั่งทำหน้าเป็นม้าหมากรุกคอยขู่ไล่ไอ้ตัวผู้หน้าเงือกที่แม่งกล้าแอบมองขนุนแหงๆ แค่ตอนเดินเข้าร้านมานี่ ผมก็เห็นหลายคนเหล่โมเอ้คุงของผมจนเกือบจะตกเก้าอี้....

ผมว่า สมัยนี้ คนรักสนุกไม่แคร์เพศ...แบบว่าหญิงก็ได้ ชายก็เข้าท่าน่าจะเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว แล้วอย่างขนุนนี่ นับว่าหน้าตาเรียกแขกดีชิบหาย ทั้งน่ารัก ขาวจั๊วน่าเจี๊ยะ รูปร่างกำลังดี แถมยังดูไม่ออกว่าเป็นเพศอะไร คนที่ได้เห็นแล้วถูกใจแม่งน่าจะเยอะอยู่... ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่า การจับขนุนแปลงโฉมนี่แม่งดีจริงหรือเปล่า

ระหว่างที่ผมกำลังเผลอเครียดเรื่องขนุน ผมก็ได้ยินเสียงของคนนั่งตรงข้ามพึมพำอะไรเบาๆ โดยที่ผมไม่อาจจับความหมายได้ทัน “น่า  รัก  เหรอ........อืมมม...ถ้างั้นต่อไปก็เปลี่ยนเป็นรักล่ะสินะ” พูดจบขนุนก็อมยิ้มกับตัวเอง

“ห๊ะ? เมื่อกี๊ขนุนว่าอะไรนะ น็อตได้ยินไม่ถนัด...พูดอีกทีได้ไม๊ฮะ?”

“ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี๊ผมเผลอคิดเรื่องพล็อตนิยายน่ะ เดี๋ยวผมมานะ...ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน” เมื่อกี๊แม่งต้องพูดอะไรเกี่ยวกับผมแน่ๆเลย พอถามแล้วก็ชิ่งหนีไปห้องน้ำเฉ้ยยยยย

ในจังหวะที่ขนุนเดินหายลับไปเข้าห้องน้ำ ผมก็ได้รับข้อความภาพจากคุณเน้ย จนเมื่อภาพที่พี่สาวส่งมาให้ขึ้นมาเต็มจอ ผมถึงกับต้องร้องออกมาดังๆ “เฮ๊ยยยย!! คุณเน้ย...นี่คุณเน้ยให้ขนุนเปลี่ยนเสื้อข้างนอกห้องลองเหรอวะเนี่ยะ ถึงได้ว่า พี่แต้วแม่งมองขนุนแล้วกรี๊ดแล้วกรี๊ดอีก!! ผมก้มลงมองรูปถ่ายนั้นอยู่เป็นนานสองนาน ดีเท่าไรแล้วที่คุณเน้ยไม่ส่งรูปนี้มาให้ผมตอนยังขับรถอยู่บนถนน ไม่อย่างนั้นผมแม่งต้องประคองรถไม่ค่อยตรงแน่ๆหลังจากเปิดดูรูปนี้ไปแล้ว

รูปที่ผมเพิ่งได้รับเป็นรูปขนุนเปลือยท่อนบน กำลังถือเสื้อเชิ้ตลายทางสีม่วงอ่อนเอาไว้ ผมที่เคยปรกหน้าถูกรวบขึ้นเป็นมวยหลวมๆและมีลูกผมตกลงมาหลายปอย เจ้าตัวกำลังส่งยิ้มเขินๆหันหน้ามาทางกล้อง คุณเน้ยเขียนข้อความสั้นๆแนบมาพร้อมกันว่า ถ้าอยากได้ทั้งอัลบั้ม....พาน้องสะใภ้มากินข้าวกับเน้ยๆเร็วๆนะคะ ^_^ ’

ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ไอ้ที่คุณเน้ยเอามาใช้ขู่ขนุนนี่ก็ของจริงอ่ะเด่ะ... หรือพี่สาวผมแม่งจะคิดดันขนุนให้เป็นนายแบบจริงๆวะ?  แล้วที่บอกว่าถ่ายรูปเอาไว้เป็นอัลบั้มนี่ กะจะเอาไปปล่อยที่บ้านให้คุณป๋ากับคุณบี๋และพี่น้องที่เหลือของผมดูล่ะสิ ดีไม่ดี...คุณเน้ยอาจจะเอาไว้ใช้ต่อรองกับผมระหว่างนี้ก็ได้.... แผนสูงเกินไปแล้วนะฮะคุณเน้ย

ผมนั่งมองรูปนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ระหว่างคิดหนักเพื่อหาคำตอบที่กำลังวนไปวนมาในหัว....
.
.
...ทำไมยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าขนุนแม่งโคตรน่ากินได้ขนาดนี้วะ
....อยากจะลองลิ้มชิมรสเนื้อตัวขาวๆนั่นตั้งแต่หัวจรดเท้าเสียจริงๆเลยวุ้ย!!  แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ชื่นชมกับภาพในหัว อยู่ๆก็มีเสียงคุ้นๆดังขึ้นทำลายวงจรความคิดหื่นของผมลงในพริบตา


 “อ้าวเสี่ยน็อต!! นี่มึงมากินข้าวร้านนี้เหมือนกันเหรอวะ?....ลมอะไรหอบมึงมาที่นี่เย็นวันทำงานแบบนี้ได้กันวะ?”

“ไอ้เบนซ์...นี่มึงมาไงเนี่ยะ?” ผมไม่ได้คิดตอบแถมยังถามกลับไปด้วยความประหลาดใจ ไอ้คนเพิ่งมาใหม่แม่งก็โคตรทำตัวตามสบายเต็มที่ เพราะตอนนี้มันนั่งลงบนเก้าอี้ของขนุนเรียบร้อยแล้ว ผมเลยต้องย้ายของๆขนุนมาไว้ตรงเก้าอี้ตัวติดกันแทน

“ก็ไม่ไงหรอกว่ะ วันนี้ไอ้เหี้ยเฟี๊ยตนัดแดกข้าวเนื่องในวันเกิด”

“วันนี้วันเกิดเฟี๊ยตเหรอวะ กูไม่ยักรู้”

“มึงไม่ต้องตื่นเต้นไปครับเสี่ย...วันเกิดที่ไอ้เหี้ยเฟี๊ยตว่า ก็คือวันเกิดอยากจะนั่งชิลประจำเดือนของแม่งมัน... ไอ้ห่า เหตุผลแม่งติสต์แดก...
.
.
.
...แต่เชื่อเหอะ กูว่าไม่ใช่ไรหรอก สงสัยแม่งคงจะกลัวข้อเข่าข้อขาเสื่อมเร็วเพราะเอาแต่ยืนส่องสาวทุกคืนๆ  วันนี้แม่งก็เลยอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเหล่แทนยืนเล็งเพื่อให้ขาแม่งได้พักบ้าง”

“งั้นอย่างงี้พวกมึงก็มากันครบองค์ประชุมเลยดิวะ? แล้วไอ้สองตัวนั้นแม่งไปไหนอ่ะ?” ผมคาดไม่ถึงว่าจะเจอไอ้พวกนี้วันนี้เสียด้วย หมดกัน!! ไอ้ที่อยากจะพาขนุนมาสวีทกันสองต่อสอง เฮ้ออออ

“ไอ้โฟล์คจอดรถอยู่ แม่งกลัวจะหาโต๊ะไม่ได้ เลยให้กูเข้ามาจองก่อน...
...ส่วนไอ้เหี้ยเฟี๊ยตแม่งก็อกรั่ว มันมาถึงก่อนพวกกู บ่นปวดเยี่ยวตั้งแต่ที่พวกกูโทรหาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว  ถ้าแม่งไม่เรื้อนขนาดจอดรถแล้วฉี่ทับรอยหมาลงล้อแม็กตัวเอง...กูว่าตอนนี้แม่งก็คงอยู่ในห้องน้ำแหละว่ะ...
.
.
...นั่นไง ตายยากชิบหาย พูดถึงไม่ทันไร แม่งเดินหน้าหม้อหูดำดูเด่นเป็นสง่ามาโน่นแล้ว....
...เออ แล้วนี่มึงมากับใครวะ? อย่าบอกนะเว่ย ว่ามึงพาสาวมาดินเนอร์...............ฮั่นแน่!! ใช่แหงๆเลยช่ะ??” ไอ้เบนซ์พยายามซักไซ้ไล่เลียง แต่อย่างแม่งหรือจะได้แอ้มหล่อหน้าตายอย่างผม

“ไหน...ไหน? สาวไหนวะ?” ไอ้เฟี๊ยตตะโกนถามออกมาตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง  สงสัยแม่งจะเป็นเอามาก นี่ขนาดไม่ได้อยู่ฟังด้วยกัน แม่งยังเสือกรู้อีกว่าไอ้เบนซ์พูดถึงอะไร......จิตวิญญาณแม่งคงจะอุทิศให้กับการหม้อหญิงไปทั้งหมดแล้วล่ะมั้ง

“แหม่ ไอ้เหี้ยเฟี๊ยต...หูมึงนี่คอยเงี่ยฟังแต่คำว่าสาวอย่างเดียวรึไงวะ มึงถึงได้กระโดดเทคตัวไถลเข้ามาเสือกเรื่องคนอื่นอยู่ได้ตลอด...
.
.
...นี่กูเห็นแม่งวิ่งปรี่เข้ามาเสียบกลางวงจากตรงหน้าประตูห้องน้ำ ตั้งแต่แม่งอ่านปากพวกมึงสองคนออก ว่ากำลังคุยกันเรื่องผู้หญิงเลยน่ะเว่ย หึ หึ” ไอ้โฟล์คเดินมาสมทบจากอีกทางหนึ่ง ส่วนไอ้เฟี๊ยตที่เพิ่งถูกด่าไปก็ไม่สลด เพราะแม่งกำลังนั่งส่งยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยไปให้สาวโต๊ะข้างๆโดยไม่สนใจพวกผมที่ทำหน้าเบื่อหน่าย

“ไงพวกมึง” ผมทักทายเหล่าเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวที่บังเอิญมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย...พวกมันน่ะนัดกัน แต่ผมน่ะไม่อยากเจอพวกมันเลย...ให้ไอ้เหี้ยเฟี๊ยตตายห่าไปสิ เฮ้อออ!!

“ไงครับเสี่ย...นี่พวกกูนั่งได้ป่าวเนี่ย? ไม่ได้มาขัดขวางทางรักของเสี่ยน็อตใช่ไม๊ครับ?” ฟังดูคล้ายจะเป็นคำถามที่แสดงถึงมารยาทและความเกรงอกเกรงใจของผู้พูด แต่แม่งขัดกับการกระทำชิบหาย เพราะแม้ปากไอ้โฟล์คจะเอ่ยถาม แต่มือแม่งก็กวักเรียกเด็กเสิร์ฟให้มารอรับออเดอร์เพิ่มเติมเสร็จสรรพ

“สัด...ไม่ถามกูซะอาทิตย์หน้าไปเลยวะ  พวกมึงก็เสือกนั่งแม่งจนเต็มทุกเก้าอี้ แถมยังเรียกเด็กมาสั่งอาหารเยอะเหมือนจะตั้งรกรากอย่างนี้   กูคงจะมีปัญญาขับไล่เพื่อนดีๆที่แสนประเสิรฐอย่างพวกมึงไปหาแดกเอาข้างหน้าได้ล่ะมั้งครับทั่น...
.
.
...เชิญคร๊าบบบบบ ขอเชิญพวกทั่นนั่งแดกกันให้สำราญ มรรย่ง มรรยาทกับคนกันเองอย่างกูนี่....ไม่ต้องมีมันแล้วเหอะ”

ไอ้เฟี๊ยตยิ้มก่อนตบบ่าผมเบาๆ “เอาน่าๆ อย่าซีสิคร๊าบเสี่ย เดี๋ยวกูเล่าเรื่องคนประหลาดที่กูเพิ่งเจอในห้องน้ำให้มึงฟังแก้เครียดก็แล้วกัน”

“จะมีใครประหลาดเกินหน้ามึงได้อีกวะ? กูว่า ตั้งแต่กูเจอมึง...คนอื่นที่เหลือในโลกแม่งกลายเป็นคนธรรมดา ดาดๆไปหมดแล้วนะเว่ย” ไอ้เบนซ์พูดไปชงเหล้าแจกเพื่อนคนอื่นๆไป

“เฮ๊ยยย... คนนี้ประหลาดจริงเว่ย!!! คืออย่างงี้นะพวกมึง...ก่อนกูจะเดินออกจากห้องน้ำมา กูก็แวะไปล้างมือตามประสาหนุ่มตี๋หล่อผู้รักความสะอาดช่ะ...ไอ้ตอนที่กูล้างมือเสร็จและกำลังหันไปคว้าทิชชู่มาเช็ดมืออ่ะ กูก็ดันหันไปกระแทกคนๆนึงเข้าอย่างจังจนคนๆนั้นเซไปเลยว่ะ...
.
.
...พอหายตกใจ...กูก็กะจะขอโทษที่ทำเสื้อเค้าเปียกไปหมดเพราะมือกูช่ะ... แต่ยังไม่ทันที่กูจะได้อ้าปากพูดอะไร เค้าแม่งก็ชิงพูดประโยคยืดยาวห่าอะไรก็ไม่รู้ ทำนองว่า....ขอโทษที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ อะไรเงี้ยะแหละว่ะ...
...แต่พวกมึง.....กูน่ะ เป็นฝ่ายหันไปชนเค้านก่อนะเว่ย คนที่ควรขอโทษน่ะต้องเป็นกูไม่ใช่เหรอวะ...
.
.
...เท่านั้นยังไม่พอ....หลังจากขอโทษกูเสร็จ เค้าก็เดินหนีหายเข้าไปในห้องน้ำเฉ๊ยยยยย...
...ลำบากกูเลยสิทีนี้    เพราะกูแม่งต้องยืนแกร่วรออยู่หน้าห้องน้ำตั้งนานเพื่อรอขอโทษเค้าซะหน่อย  แต่รอเท่าไร...แม่งก็ไม่ยอมออกมาซะที  ไอ้ที่กลับมานั่งที่โต๊ะนี่ กูยังไม่ทันได้ขอโทษเค้าเลยนะเว่ย”

“กูก็ไม่เห็นว่าเค้าจะแปลกยังไงเลยนี่หว่า...ออกจะมารยาทดี ขอโทษแทนมึงแล้วไง มึงก็ไม่เห็นต้องใส่ใจอะไรเลยนี่หว่า” ไอ้โฟล์คออกความเห็น

“พวกมึงไม่รู้อะไรอย่ามาพูดเลยเหอะ... ก็ไอ้ภาษาที่เค้าพูดน่ะ แม่งอย่างกะภาษาเทพ กูฟังแล้วโคตรไม่รู้เรื่องเลยว่ะ...ทั้งที่หน้าตาออกจะน่า.....

ผมเห็นขนุนเดินกลับมาที่โต๊ะพอดี เขาดูมีสีหน้าลำบากใจนิดๆเมื่อเห็นไอ้เพื่อนสามตัวของผมมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน ผมเลยรีบทักเพื่อให้โมเอ้คุงกลับเข้ามานั่งด้วยกัน “อ้าว ขนุน มาพอดีเลย!!  มาๆ นั่งเลยฮะ  โทษทีนะ...บังเอิญเพื่อนน็อตมากินข้าวที่เดียวกันพอดี น็อตเลยชวนให้พวกมันมานั่งด้วย...ขนุนโอเคไม๊ฮะ?”

“อื้อ เอาสิ” ขนุนนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวที่ผมเว้นเอาไว้ให้ แต่ทันทีที่ไอ้เฟี๊ยตมองหน้าขนุนเต็มตา มันก็ยิ้มแล้วพูดออกมาอย่างดีอกดีใจเหมือนเจอหน้าคนรู้จัก

“อ้าว!!! คุณนั่นเอง........เราเจอกันเมื่อกี๊ในห้องน้ำไงครับ” ไอ้เฟี๊ยตชี้ไปที่หน้าอกเสื้อตัวเองแต่ไม่วางตาจากขนุน คนฟังทำท่านึกแล้วจึงพยักหน้าน้อยๆให้
.
.
“...ผมขอโทษนะฮะ เรื่องที่ชนคุณที่อ่างล้างมือ เสื้อคุณโอเคไม๊ฮะ?” ไอ้ห่านี่มีมารยาทเกินไปหน่อยหรือเปล่าวะ นี่แม่งลืมไปไหมว่ากำลังคุยกับผู้ชายเหมือนๆกัน ไม่เห็นต้องทำท่าเหมือนตอนเขินผู้หญิงน่ารักๆก็ได้นี่หว่า

“ไม่เป็นไรครับ ดีแล้วครับ”

“ไม่มั้งฮะ...เสื้อคุณยังเปียกอยู่เลย  ต้องไปเปลี่ยนเสื้อไม๊ฮะ เอาเสื้อผมไม๊???...ในรถผมมีเสื้อนะฮะ” ไอ้เฟี๊ยตแม่งต้องแดกอะไรผิดสำแดงมาแน่ๆ ร้อยวันพันปี ผมแม่งไม่เคยเห็นมันจะเอื้ออาทรเพื่อนร่วมโลกเพศชายออกนอกหน้าอย่างนี้มาก่อน.... หรือว่า แม่งเกิดจะเล็งเห็นความโมเอ้ของขนุนเข้าแล้ว????!!!!!!

ผมไม่ยอมปล่อยโอกาสให้ขนุนตอบไมตรีลวงๆของไอ้หน้าหม้อป้อไปทั่วอย่างไอ้เฟี๊ยตเป็นอันขาด เลยใช้จังหวะที่ขนุนยังไม่ได้ตอบอะไรพูดแทรกขึ้นมาอย่างเนียนๆ “เออ พวกมึง!..นี่เพื่อนกู  ชื่อขนุน....
.
.
...ขนุนฮะ นี่ไอ้โฟล์ค ไอ้เบนซ์ และไอ้ตั่วเฮียนี่ชื่อเฟี๊ยตฮะ”

“สัด!!! แนะนำกูดีๆหน่อยสิไอ้ห่า ทำกูเสียหมด” ไอ้เฟี๊ยตหันมาแยกเขี้ยวใส่ผม แล้วหันไปยิ้มให้ขนุนก่อนพูดด้วยเสียงหล่อแบบที่มันชอบเอาไว้ใช้ขอเบอร์หญิง “ยินดีที่ได้รู้จักฮะขนุน ชื่อน่ารักดีนะฮะ”

ขนุนยิ้มมุมปากแล้วตอบเรียบๆ “ขอบคุณครับ”

“ว่าแต่ เปลี่ยนเสื้อไม๊ฮะ?”

พอเห็นว่าไอ้เฟี๊ยตยังตื๊อไม่เลิก ผมก็เริ่มจะขึ้นจนห้ามปากตัวเองเอาไว้ไม่ได้  “คุณเฟี๊ยตครับ อาหารมาแล้ว แดกกันเถอะครับ แล้ววันนี้มึงไม่ส่องหญิงเหรอวะ? ตอนกูเดินเข้ามา....เห็นแจ่มๆเยอะนะมึง”

“เออว่ะ...เดี๋ยวขอกูนั่งส่องก่อนแล้วกัน” ไอ้เฟี๊ยตทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้แล้วก็รีบทำหน้าที่เรดาร์หาหญิงงามก่อนให้คะแนนและจัดอันดับต่อไป....   

...เฮ้อออ กำจัดไปได้หนึ่งตัว ตอนนี้ก็เหลืออีกแค่สอง แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร เพราะไอ้เบนซ์กับไอ้โฟล์คก็ไม่น่าจะอะไรกับขนุนอยู่แล้วล่ะ แต่ผมก็ไม่อาจจะวางใจได้มากนัก เพราะไอ้เบนซ์ที่ชงเหล้าให้สมาชิกแกงค์สุสานรถจนครบทุกคนแล้ว ก็หันมาถามขนุนเป็นคนสุดท้าย “ขนุนกินเหล้าไม๊ฮะ? เดี๋ยวผมชงให้”

ผมไม่มีทางให้ไอ้พวกนี้เห็นขนุนตอนเมาเป็นอันขาด ไม่ใช่เพราะผมอายถ้าเพื่อนจะรู้ว่าผมแม่งคิดจะฟาดหัวฟาดหางผู้ชายด้วยกันผ่านการสัมผัสร่างกายของผมกับขนุนที่กึ่มได้ที่...  แต่เวลาขนุนเมาได้ที่ แม่งน่ารักได้อีก... ต่อให้ไอ้พวกนี้มันจะฝักใฝ่ประตูหน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าประตูหลังน่าสนใจ แม่งจะไม่อยากลองนี่ฮะ

“พอเลยมึงไอ้เบนซ์ ถ้าเป็นมึงชง เดี๋ยวขนุนก็เมาตายห่ากันพอดี อีกอย่าง...ขนุนเค้าไม่กินเหล้าเว่ย เค้าคออ่อน”

“เสี่ยน็อตครับ กูถามขนุนครับ ไม่ได้ถามมึง”

“ไม่ครับเบนซ์ ขอบคุณครับ”

แต่ไอ้โฟล์คกลับไม่ยอมปล่อยให้ผมมีความสุขกับการชื่นชมขนุนอยู่คนเดียวในใจได้นาน เพราะแม่งดันหยิบเอาประเด็นซึ่งผมไม่อยากพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้ขึ้นมาได้ถูกจังหวะพอดีสัดๆ “เออ ไอ้น็อต เมื่อกลางวันกูเจอน้องเนิฟของมึงว่ะ เค้าด่ากูซะยกใหญ่เพราะมึงเล่นไม่ติดต่อกลับไปหาเค้าเลยตั้งแต่ต้นเดือนที่แล้ว เค้าบอกว่าถ้ากูเจอมึง...ให้บอกมึงด้วย ว่าเค้าคิดถึง”

เมื่องานงอกแบบนี้ ผมก็รีบตีหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ใส่ไอ้โฟล์คแม่งไปเลยทันที “เนิฟไหนวะ กูไม่เคยรู้จักคนชื่อเนิฟนะเว่ย” ไอ้โต๊ะร้านนี้แม่งก็เสือกกั้นระหว่างสองฝั่ง นี่ถ้าตีนผมยื่นไปหาไอ้โฟล์คได้นะ...แม่งโดนกระทีบตีนแหกโทษฐานปากสว่างเกินไปแล้ว

แต่ไอ้โฟล์คกลับไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ “อ้าว!!  ไอ้ห่าเกิดจะความจำสั้นขึ้นมากะทันหันไง??....ก็น้องเนิฟฟี่พริตตี้มอเตอร์โชว์ที่ตามมึงต้อยๆไปทุกหนทุกแห่งอยู่เป็นเดือนๆ จนมึงต้องยอมสนองพระเดชพระคุณเข้าให้ ก่อนพาไปปิดบัญชีให้แม่งจบๆไปคนนั้นไงวะ”

โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยโฟล์คยอดกตัญญู รู้คุณเพื่อนฝูงคร๊าบบบบ กูรู้...กูจำได้ตั้งแต่ได้ยินชื่อแล้ว แต่กูไม่ได้อยากจะไปงานรวมญาติกับบ้านน้องเนิฟอะไรนั่นอีกแล้วไงล่ะว้า.....นี่มึงเป็นเพื่อนกูจริงๆหรือเปล่าวะไอ้โฟล์ค เรื่องพวกนี้ทำไมคิดไม่ได้วะ ฮึ่ย!!!  “กูไม่รู้จัก ไอ้โฟล์คมึงจำผิดแล้ว”

“เออๆ ถ้ามึงบอกว่าไม่รู้จักก็ดี กูจะได้ทาบ...แม่งนางฟ้าลงมาจุติชัดๆเลยว่ะ...
.
.
...มึงจะมาเสียดายแล้วขอคืนทีหลังไม่ได้นะโว้ย” มึงนี่มันหม้อทำลายล้างจริงๆว่ะไอ้โฟล์ค ถ้ามึงอยากได้เขาขนาดนั้น ทำไมมึงไม่ทำเรื่องหรือส่งสัญญาณห่าอะไรก็ได้มาบอกกูก่อนหน้านี้วะ กูอาจจะจัดการอุ้มสมให้มึงกับน้องเขาได้กันจนมีลูกมีหลานไปหลายสิบคนแล้วล่ะไอ้เพื่อนห่า!!!

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก...“น็อตเค้าผู้หญิงเยอะเหรอครับ?” วันนี้ขนุนแม่งก็เกิดจะพูดรู้เรื่องขึ้นมาอะไรเนี่ย..สงสัยแม่งติดที่อยู่กับผม เลยไม่หลุดภาษาเทพเวลานี้  แล้วขนุนจะอยากรู้เรื่องไร้สาระพวกนี้ไปทำไมกันล่ะฮะ?? ไอ้เรื่องในอดีตพวกนั้น มันไม่สำคัญเท่ากับปัจจุบันอย่างขนุนหรอกนะฮะ.......กูอยากจะบ้า!!!!

“ขนุนฮะ กินอันนี้หน่อยนะฮะ อันนี้อร่อยน้าาาาาา” ผมจัดแจงตักกับข้าวใส่จานให้ขนุนอย่างเอาอกเอาใจ โดยที่พยายามเรียกให้อีกฝ่ายลืมๆเรื่องที่ตัวเองกำลังสนใจไปให้ได้ แต่ดูเหมือนอะไรๆจะไม่เป็นใจกับผมเอาเสียเลย

“น็อตตตตต... อย่าเพิ่งสิ ขนุนฝึกตั้งคำถามอยู่นะ ว่าไงฮะคุณโฟล์ค” เวร!! แล้วขนุนจะมาเกิดฮึดอยากถามคำถามเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารเอาอะไรกันวันนี้ด้วยวะ ทีเมื่อวานอยู่กับพี่กานต์พี่ปีย์ แม่งก็เสือกไม่ถาม

“โฮ๊ยยยยยยย เพื่อนผมคนนี้เค้าไม่มั่ว แต่ทั่วถึงครับ...
.
.
...พูดง่ายๆว่า ถ้าสาวๆคนไหนไม่มีคำว่านางนำหน้าชื่อ และไม่ถือตัว ไม่เรื่องมาก ไม่อยากผูกมัด เสี่ยน็อตก็จัดได้เกือบทุกคนแหละฮะ” ไม่พูดเปล่า ไอ้เหี้ยโฟล์คแม่งยังทำหน้าปลื้มอกปลื้มใจเหมือนที่พวกลิ่วล้อตัวโกงในหนังชอบทำเวลาเอาความชั่วของลูกพี่ตัวเองไปป่าวประกาศ... สัด ถ้ามึงจะทำกับกูอย่างนี้ มึงเอาขี้มาป้ายหน้ากูจะดีกว่าไหมครับไอ้คุณโฟล์ค!!

...ไอ้เหี้ยโฟล์ค...นั่นมันกูในอดีตก่อนที่จะมาเจอกับขนุนโว๊ยยย แล้วขนุนแม่งจะติดใจอะไรนักหนาวะเนี่ยะ???...

“ขนุน กินข้าวเถอะนะฮะ เดี๋ยวปวดกระเพาะนะ” ผมเล่นบทพระเอกผู้ห่วงใย แต่ขนุนกลับทำเมิน และยังคงตั้งอกตั้งใจโต้ตอบกับไอ้เหี้ยโฟล์คปากลำโพงอย่างไม่ลดละ

“อ๋ออย่างนี้นี่เอง......น็อตเค้าเสน่ห์แรงจังนะฮะ หึ หึ...
.
...แล้วพวกคุณรู้จักกันมานานแล้วเหรอครับ?”... ขนุนแม่งต้องสงสัยอะไรแน่ๆ ถึงได้ถามแต่คำถามหมิ่นเหม่แทบทั้งนั้น สงสัยท่าจะไม่ดีแล้ว...ผมว่าผมพาขนุนกลับก่อนดีกว่า

ปากของไอ้เหี้ยโฟล์คนอกจากจะรั่วแล้ว แม่งยังเร็วกว่านรก เพราะผมยังไม่ทันได้อ้าปากพูดแทรก แม่งก็ตอบขนุนออกมาแบบไม่มีกั๊ก ไม่มีกรอง “อ๋อ...ก็ตั้งแต่เล่นบาสทีมมหาลัยมาด้วยกันน่ะครับ ไอ้นี่น่ะมันป็อบมากกกกกกก ไปเล่นที่ไหนก็มีแต่สาวกรี๊ด” ........ไอ้โฟล์ค...กูจะจำเอาไว้ว่ามึงเคยทำกับกูแบบนี้ คอยดูนะมึง ฮึ่มมมม!!!

ผมไม่คิดจะรอความชิบหายให้มาเยือนมากกว่านี้ จึงรีบตัดบท “เออเฮ๊ย...พวกมึง กูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ะ ว่ากูมีธุระด่วน เดี๋ยวกูกับขนุนกลับก่อนนะ....ฝากจ่ายด้วย เดี๋ยวกูเลี้ยงเหล้าร้านไอ้ลิงสามรอบ โทษทีนะเว่ย พวกกูไปก่อนนะ.......ไปฮะ ขนุน” ผมลุกแล้วคว้าข้อมือของขนุนติดมาพร้อมกัน โดยที่อีกคนยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

ขนุนยื้อมือผมเอาไว้แล้วถามออกมาซื่อๆ “อ้าว...ไปแล้วเหรอ ผมยังไม่ทันได้ถามทุกคนจนครบเลยนะ”...นี่ยังจะคิดเรื่องโดนลงโทษอยู่อีก หรือว่าขนุนแม่งตั้งใจไก๋เพราะว่าอยากจะจับไต๋ผมกันแน่วะ???!!

“น่า....ไปเถอะฮะ มื้อนี้น็อตไม่นับฮะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ขนุนจึงยอมลุกเดินตามผมมาอย่างว่าง่าย แล้วเราสองคนก็ปล่อยให้ไอ้สามตัวนั่นนั่งมองหน้ากันไปมาอย่างงงๆ




เมื่อผมขับรถออกจากร้านได้ไม่นาน ขนุนก็ถามผมด้วยน้ำเสียงกังวล “น็อตมีธุระแล้วทำไมไม่บอกล่ะครับ พาผมมาเที่ยวทั้งวันแบบนี้.....ผมก็ยิ่งรู้สึกเกรงใจไปกันใหญ่น่ะสิ”

เพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย ผมจึงรีบตอบด้วยข้ออ้างอะไรก็ได้ที่พอจะนึกออกในเวลานั้น “อ๋ออออ เมื่อกี๊น็อตถามคนที่นัดด้วยทางข้อความไปอีกทีแล้วเห็นเค้าบอกว่าเค้าไม่รอน็อตแล้วน่ะฮะ เอาไว้เราค่อยนัดเจอกันคราวหน้าแทน.... ขนุนอย่าคิดมากไปเลยฮะ...คือ...มันก็ไม่ได้เป็นนัดสำคัญอะไร  น็อตเลยเผลอลืมไปซะสนิทใจเลยน่ะฮะ”

“แล้วทำไม เราไม่กลับเข้าไปกินข้าวกับเพื่อนน็อตในร้านล่ะครับ นี่ก็เพิ่งขับรถออกมาได้ไม่เท่าไรเอง”

“อย่าเลยฮะ เดี๋ยวพวกนั้นมันจะงงกันซะเปล่าๆ เดี๋ยวน็อตพากลับไปพักเลยดีกว่าฮะ เราค่อยไปสั่งอะไรง่ายๆกินเอาแถวๆนั้นก็แล้วกันฮะ”

“เราจะไม่กลับบ้านกันหรอกเหรอครับ?” ขนุนทำหน้าแปลกใจ

“ไม่ฮะ... เพราะน็อตจะเริ่มวิชาสปท.เรื่องเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาคทฤษฎี ผ่านสื่อการสอนต่างๆในคืนนี้แล้วล่ะฮะ แล้วน็อตมีที่ๆเหมาะกับการเรียนเรื่องนี้ที่สุดเตรียมเอาไว้แล้ว” ผมตอบขนุนยิ้มๆ

...ใช่ ผมมีสถานที่ๆเหมาะกับการเริ่มต้นการเรียนรู้เรื่องอย่างว่าที่เป็นส่วนตัวกว่าที่บ้านอยู่ในใจแล้ว แถมที่นั่น...ยังมีคู่มือและสื่อการเรียนการสอนให้ขนุนได้ค้นคว้ามากมายนับไม่ถ้วน... ขอต้อนรับขนุนสู่โลกอีกใบของน็อตนะฮะเบ่เบ๋

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


“นี่ห้องใครเหรอน็อต?” เมื่อไฟทั้งห้องถูกเปิดให้ความสว่าง ขนุนก็มองไปรอบๆห้องพักในคอนโดย่านสาทรของผมด้วยความแปลกใจ

“คอนโดผมเองฮะ...ที่บ้านซื้อให้เอาไว้อยู่ก่อนที่จะรู้ว่ามีพี่ปีย์เป็นพี่ชายอีกคนน่ะฮะ” ผมไม่เดือดร้อนที่พาขนุนมาที่นี่ แม้มันอาจจะทำให้ขนุนสงสัยเรื่องตัวตนของผมกับพี่ปีย์มากขึ้น แต่ผมว่า..เท่าที่ผมรู้จักขนุนมา เขาไม่ค่อยจะสนใจ หรือยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครที่เขาไม่เห็นความสำคัญเท่าไร เพราะฉะนั้น ขนุนคงจะไม่ซักไซ้อะไรผมเรื่องพวกนี้มากให้ต้องลำบากใจแหงๆ

“ห้องนี้สวยดีนะ แถมยังกว้างด้วย...ที่นี่น่ะเหรอ ที่เราจะเรียนกัน?” ร่างผอมเพรียวยังไม่หยุดเดินสำรวจรอบๆ ระหว่างถามคำถามผมมาเรื่อยๆ

“ฮะ...ขนุน เดี๋ยวน็อตสั่งข้าวข้างล่างขึ้นมาให้ ร้านนี้เค้าทำนานเลยต้องสั่งตั้งแต่เนิ่นๆ ขนุนเอาอะไรฮะ?”

“ผมกินเหมือนน็อตก็ได้”

“งั้นขนุนไปนั่งรอที่โซฟาก่อนนะฮะ  เดี๋ยวน็อตตามไป” พูดจบขนุนก็เดินไปนั่งลงตรงโซฟาแล้วเปิดทีวีดูรายการอะไรไปเรื่อย ระหว่างที่ผมกำลังต่อสายสั่งอาหารกับร้านข้าวแถวๆคอนโดที่พัก




หลังจากจัดการเรื่องของกินเรียบร้อย ผมก็เดินมานั่งลงข้างๆขนุนที่กำลังนั่งดูหนังอย่างตั้งอกตั้งใจ “เอาล่ะฮะ... ขนุนเคยดูหนังโป๊แบบปกติมาก่อนไม๊ฮะ?” ผมคิดมาหลายรอบก่อนจะเบิกฤกษ์เปิดประเด็นเรื่องนี้กับขนุน ผมว่าเราควรเริ่มจากสามัญแล้วค่อยไล่ไปหาอะไรๆที่มันเฉพาะทางมากกว่านี้... อะไรที่ผมต้องรอเวลาอีกหน่อย กว่าจะได้ตัวช่วยมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้... อดใจรออีกไม่นานเท่านั้นนะฮะขนุน หึ หึ หึ

“หนังโป๊ของผู้ชายกับผู้หญิงน่ะเหรอ?.....เคยสิ ก็ตอนที่หาคำตอบให้กับตัวเองเรื่องเป็นเกย์น่ะ มันก็ต้องเคยดูเพื่อถามใจตัวเองมาบ้างเหมือนกัน” ขนุนตอบผมนิ่งๆโดยไม่วางตาจากรายการทีวี

“ดีฮะ ถ้าอย่างนั้น คืนนี้เราจะเรียนรู้เรื่องอย่างว่าผ่านสื่อการสอนที่คลาสสิคที่สุด ก็คือหนังโป๊ทั่วๆไป เรื่องที่น็อตเลือกมานี่ เป็นหนังอาร์นะฮะ ไม่ฮาร์ดคอร์แล้วก็ไม่มีฉากน่าตกใจมากจนเกินไป......น็อตว่าขนุนน่าจะพอดูได้”

“อื้มมม ดูได้แหละ ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ น็อตมีหนังแบบนี้เยอะเหรอ?” คราวนี้ดูเหมือนขนุนจะเริ่มสนใจเรื่องที่ผมกำลังพูดขึ้นมา เพราะผมวางแผ่นหนังอย่างว่าสามสี่แผ่นลงบนโต๊ะตัวกลางตรงหน้าของเขา สายตาขนุนมองหน้าผมสลับกับจ้องหน้าปกของแต่ละกล่องอย่างตั้งใจ

“บอกว่าเป็นของสะสมจะดีกว่าฮะ แต่น็อตก็ไม่ได้เก็บไปเรื่อยเปื่อยนะฮะ...น็อตเก็บเฉพาะเรื่องที่มันเนื้อเรื่องดีๆ ไม่ก็ภาพสวยๆเท่านั้น แล้วก็มีพวกหนังสือภาพอะไรพวกนี้ด้วยฮะ ถ้าขนุนสนใจ พรุ่งนี้ค่อยลองเอามาดูก็ได้ฮะ” ผมไม่รอเวลา สองมือผมก็จัดการเปิดแผ่นและตั้งค่าทุกๆอย่างแล้วปล่อยให้ภาพบนหน้าจอดึงความสนใจของขนุนไป

ระหว่างที่เรื่องราวของตัวละครในแผ่นกำลังดำเนินอยู่นั้น ผมก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าขาวๆของอีกคนอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อจับสังเกตอารมณ์ต่างๆของขนุน ซึ่งเจ้าตัวอาจเผลอแสดงออกมาตอบสนองช่วงต่างๆของหนัง แต่ไม่ว่าผมจะจ้องหน้าโมเอ้นั้นนานเท่าไร ก็ไม่มีทีท่าว่าขนุนจะอินจนแสดงอาการอะไรออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย

...หรือขนุนแม่งจะไม่ชอบหนังแบบนี้หลังจากที่รู้ว่าตัวเองชอบแบบไหนไปแล้ววะ ถึงได้ไม่หือไม่อืออะไรสักอย่างวะ???
.
.
...แต่แล้วสายตาของขนุนก็เริ่มจะล่อกแล่กและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวค่อยๆกัดริมฝีปากล่างทีละนิด ละนิด จนสุดท้าย...ริมฝีปากล่างแดงๆเกือบทั้งหมดก็ถูกกลืนหายเข้าไปใต้แผงฟันหน้า ท่านี้แม่งทำเอาผมเกือบอดใจไม่ไหว...ขนุนกัดปากนี่แม่งท่าไม้ตายทำร้ายความอดทนของผมได้ดีจริงๆว่ะ

เมื่อผมละสายตาไปจากปากเล็กๆเพื่อมองจอ...ผมก็เข้าใจ เพราะตอนนี้ตัวเอกทั้งสองกำลังจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม ส่งเสียงฮื้อฮ๊า จ๊วบจ๊าบไม่ได้หยุดหย่อน จนผมเองก็เผลอนั่งจ้องตาค้างไปเหมือนกัน... ฝรั่งสองคนนี้แม่งก็จูบกันมันสัด นี่ถ้าแม่งแลกวิญญาณกันระหว่างจูบได้ ป่านนี้แม่งคงจะสลับร่างกันไปหลายรอบแล้วล่ะมั้งเนี่ยะ

แต่อยู่ๆ เสียงเล็กๆน่าฟังก็ดังทำลายอารมณ์คุกรุ่นที่ถูกกระตุ้นโดยภาพในจอไปโดยสิ้นเชิง “น็อต... จำความรู้สึกตอนที่จูบครั้งแรกได้ไม๊?”

“อืมมมม จำไม่ค่อยได้หรอกฮะ เพราะว่าตอนนั้นมันเกิดขึ้นเร็วมาก” ผมยอมรับไปตามตรง

“ผมอยากรู้ว่าจูบแรกมันจะทำให้เรารู้สึกยังไงจังเลย” แม่เจ้า...สายตาของขนุนตอนนี้แม่งโคตรเย้ายวนเลยว่ะ ...หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณบอกใบ้อะไรสักอย่างจากสวรรค์!!!!!

...เมื่อขนุนพูดจบ ผมก็เลิกให้ความสนใจกับกายกรรมลิ้นอ่อนบนหน้าจอโดยสิ้นเชิง ผมมองหน้าขาวๆของอีกคนที่นั่งอยู่เบาะข้างๆอย่างลึกซึ้ง ตาผมจ้องเข้าไปในตากลมสุกใสของขนุนที่ไร้แว่นปกปิด

แววตาคู่นั่นบอกให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่า อีกฝ่ายกำลังเชิญชวนให้ผมมอบรสชาติของจูบแรกให้เขาเสียที เพราะจากเดิม ที่เราแค่นั่งข้างๆกัน ก็กลายมาเป็นนั่งตัวติดกันโดยที่หน้าของเราทั้งคู่เลื่อนเข้ามาหากันมากขึ้นเรื่อยๆจนตาผมเริ่มพร่าและมองอะไรไม่ชัดมากขึ้นจนเริ่มจะเห็นเป็นภาพซ้อน

“เหรอฮะ........ ผมตอบรับประโยคของขนุนเบาๆจนฟังคล้ายกับการกระซิบ เวลานี้...ผมเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจเข้าออกของอีกฝ่ายที่พ่นรดผิวหนังบนหน้าจนทำให้ขนทั้งตัวลุกเกรียว กลิ่นกายอ่อนๆที่หอมติดตรึงข้างในกำลังทำให้หัวสมองของผมปั่นป่วน

(ก็อก ก็อก ก็อก  - เสียงเคาะประตูหน้าห้อง)

เมื่อระยะระหว่างใบหน้าของเราทั้งคู่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สำหรับผมแล้ว มันคล้ายกับว่าเวลาได้หยุดลงโดยสมบูรณ์ ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกไปจากเสียงหัวใจตัวเองที่มันเต้นตึงตังก้องอยู่ในอก และเสียงลมหายใจหนักๆของทั้งผมกับขนุน ผมจ้องมองตำหนิจางๆกลางริมฝีปากล่างสีแสดฉ่ำ ปลายจมูกผมแตะโดนปลายจมูกรั้นนิดๆของอีกฝ่ายเบาๆ เวลาอีกแค่อึดใจข้างหน้า ผมจะได้ลิ้มรสความหวานผ่านริมฝีปากนุ่มนิ่มนั้นอีกครั้ง คราวนี้ ผมจะมอบความสุขสันต์อย่างที่สุดให้กับอีกฝ่ายจนยากเกินจะลืมได้อีกต่อไป

(ก็อก ก็อก ก็อก..........ก็อก ก็อก ก็อก  - เสียงเคาะประตูหน้าห้องยังดังต่อเนื่อง)

แต่ทุกอย่างที่ผมวาดหวังเอาไว้กลับต้องกลายเป็นแค่ความฝันที่ลอยค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น เพราะขนุนได้ผละหน้าและเอนตัวกลับไปนั่งพิงโซฟาอีกด้านเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวพูดบอกผมอย่างอายๆ “น็อต..........ประตู”

ผมถึงกับหลับตาและเม้มริมฝีปากแน่น พลางถอนหายใจลึกถึงกึ๋น เพื่อสะกัดกลั้นอารมณ์หลากหลายเอาไว้ข้างในแล้วตอบขนุนออกไปสั้นๆ “ฮะ.......ได้ฮะ”


แม่ง!!! แล้วร้านข้าวห่านี่ก็ทำไมต้องมาส่งเอาตอนนี้ด้วยวะ
ถ้าต้องรออีกห้านาทีมึงจะตายหรือไง???....หรือมึงกลัวว่าไอ้หมูกรอบกระเพราที่เรียงรายอยู่ในจานแม่งจะกระโดดหนีออกมา แล้ววิ่งหายลับตาไปหรือยังไงกันวะ แสรดดดด!!!


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


เมื่อเราทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ ผมจึงชวนขนุนให้ไปอาบน้ำอาบท่าเพื่อย้ายที่มั่นเข้ามาในห้องนอนแทน ผมขนเอาแผ่นหนังที่เด็ดยิ่งกว่าเรื่องที่แล้วเข้ามาในห้องนอนเพื่อเตรียมการสร้างอารมณ์ที่เคยมีก่อนไอ้เด็กส่งข้าวเวรนั่นจะเข้ามาขัดจังหวะให้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างหมายมั่นปั้นมือ


แต่ขนุนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำในเสื้อกล้ามตัวโคร่งกับกางเกงบ็อกเซอร์สั้นของผมกลับร้องห้าม “เรานอนกันเถอะนะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

“อ้าว ขนุนจะไม่ดูต่อแล้วเหรอฮะ?” หน้าผมตอนนี้แม่งคงจะฟ้องว่าเสียดายสัดๆ เพราะเสียงผมแม่งฟังดูพ่ายแพ้มาก

“ไม่ล่ะ...ผมไม่รู้สึกว่ามันน่าสนใจเท่าไหร่น่ะ สงสัยเพราะว่ามันเป็นเรื่องของผู้หญิงกับผู้ชายด้วยล่ะมั้ง” ขนุนนั่งลงบนเตียงก่อนมองมาที่ผมด้วยสายตาขำๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรฮะ... แต่น็อตรับรองเลยฮะว่า สื่อการสอนที่น็อตเตรียมเอาไว้สำหรับรอบหน้า ขนุนต้องถูกใจแน่ฮะ”

“อืม งั้นเราก็นอนกันเถอะนะ” ขนุนพูดไปก็เอนตัวลงบนที่นอนไปพร้อมๆกัน

“ขนุน....ขนุนลืมอะไรรึเปล่าฮะ?” ผมถามเมื่อเห็นหน้าเกลี้ยงๆของขนุน

“อะไรล่ะน็อต.... ก็น็อตบอกเองไม่ใช่เหรอว่า มื้อที่กินข้าวกับเพื่อนน็อตไม่นับยังไงล่ะ แล้วตอนที่เรากินข้าวกันเมื่อกี๊ ขนุนก็ชวนคุยไปตั้งเยอะแล้วนะ” ท่าทางจะติดใจเรื่องบทลงโทษมากนะเนี่ยะ เอะอะอะไรก็เอาแต่คิดถึงเรื่องนี้... แหม่ ชักอยากจะเปลี่ยนเป็นลงโทษเป็นเซ็กส์เหลือเกิน  วันทั้งวันขนุนแม่งจะได้หมกมุ่นอยู่กับการมีอะไรกับผมคนเดียว หึ หึ หึ

“น็อตยังไม่ได้ว่าเลยว่าน็อตจะลงโทษขนุนซะหน่อยนี่ฮะ...
.
.
.
...ที่น็อตบอกว่าลืมน่ะ น็อตว่าขนุนลืมถอดคอนแทคเลนส์รึเปล่าฮะ?” ในเมื่อผมเป็นคนหาทางทำให้ขนุนใส่คอนแทคได้ ผมก็ต้องรับผิดชอบด้วยการดูแลตักเตือนขนุนเรื่องคอนแทคให้ถึงที่สุดตามประสาว่าที่สามีที่รักภรรยามาก

“เออ จริงด้วยซิ ผมลืมไปซะสนิทเลย ทั้งที่พี่เน้ยย้ำนักย้ำหนาแล้วนะเนี่ยะ สงสัยจะยังไม่ชิน” ขนุนลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ ผมเลยรีบเดินไปประกบข้างๆก่อนคว้าข้อมือเล็กๆนุ่มนิ่มเอาไว้

“ป่ะ!! เดี๋ยวน็อตไปด้วย ขากลับจะได้พาขนุนเดินกลับมาที่เตียงได้ยังไงล่ะฮะ”

ขนุนถามผมก่อนเราจะเดินมาหยุดตรงหน้ากระจกตรงอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ขนุนมีสีหน้าครุ่นคิดและเหม่อมองมาทางผมผ่านเงาสะท้อน เจ้าตัวถามผมด้วยเสียงเรียบๆ “น็อต....น็อตกับเพื่อนกลุ่มที่เจอวันนี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัยเหรอ? งั้นก็แสดงว่าทุกคนยังเป็นนักศึกษาอยู่น่ะสิ ใช่ไม๊?” ขนุนกำลังง่วนกับการถ่างตา ถอดเลนส์อย่างเงอะๆงะๆและระมัดระวังสูงสุด

“เปล่าฮะ...คือ น็อตคงยังไม่ได้บอกขนุนมั้งฮะ ว่าน็อตเคยเรียนมหาลัยอื่นปีนึงก่อนจะเปลี่ยนมาเรียนราม ไอ้สามตัวเนี่ยะก็เป็นนักกีฬาบาสมหาลัยที่เล่นมาด้วยกันตอนเรียนน่ะฮะ แล้วก็เป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวกันมาตั้งแต่ตอนนั้น... ตอนนี้พวกมันทำงานกันหมดแล้วน่ะฮะ เหลือแต่น็อตคนเดียวที่ยังเรียนไม่จบ”

“อย่างนั้นเองหรอกเหรอ...ถึงได้ว่า ขนุนเห็นแต่ละคนแต่งตัวเหมือนพนักงานบริษัท...
.
.
...เอาล่ะ... เสร็จซะที ในที่สุดก็ถอดเองได้แล้ว”  ทันทีที่ถอดเลนส์แล้ว ขนุนก็ก้มหน้าลงโดยเลี่ยงไม่มองหน้าผมอีกเลย... ต่อให้ผมไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป ผมก็ว่าอาการขนุนตอนนี้แม่งก็แลแปลกๆขึ้นมานิดหน่อย... หรือว่าขนุนแม่งจะคิดมากเรื่องผู้หญิงที่ไอ้โฟล์คมันพูดถึงที่ร้านตอนนั้นกันวะ???

แล้วทำไมผมแม่งต้องไม่สบายใจและไม่อยากปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังด้วยล่ะเว้ยเฮ้ย???

ถ้ากับแฟนคนอื่นที่ผมเคยคบ... เรื่องแค่นี้ผมไม่มานั่งเป็นห่วงจนชักจะนอยขึ้นมาหน่อยๆแบบนี้หรอก แถมยังไม่เคยเต้นเป็นเจ้าเข้าเวลาเห็นหน้าตาไม่สบายใจแบบที่เห็นขนุนกำลังเป็นอยู่นี่ให้เหนื่อยอีกตะหาก แต่กับคนๆนี้...ผมแม่งปล่อยผ่านไปโดยไม่อธิบายตัวเองไม่ได้จริงๆว่ะ

“ขนุน... อย่าไปสนใจเรื่องที่ไอ้โฟล์คมันพูดก่อนหน้านั้นเลยนะฮะ”

“เรื่องอะไรหรอ?...
.
.
...อ๋อ เรื่องน้องพริตตี้ชื่อเนิฟฟี่ที่สวยเหมือนนางฟ้าน่ะเหรอ?”.... น่านไง แม่งคิดมากจริงๆด้วย จำได้ทั้งชื่อ ทั้งอาชีพ ทั้งกิตติศัพท์ นี่ถ้าขนุนรู้ชื่อจริง ที่อยู่ และสำมะโนครัว สงสัยแม่งต้องจำฝังใจไปจนวันตายแหงๆ

“ฮะ.....มันไม่มีอะไรเลย น็อตไม่ได้อะไรกับเค้าจริงๆนะฮะ”

“น็อตนี่คิดมากจังนะ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย...
.
.
...กลัวผมโกรธเหรอ?” ขนุนยิ้มกว้างให้ผมเหมือนไม่คิดอะไร 

เอ...หรือว่าขนุนแม่งจะไม่คิดอะไรจริงๆวะ เพราะหน้าตาขนุนนี่แม่งดูเฉยมาก แถมยังไม่ได้มีอาการแปลกๆอะไรเลย... นี่กูร้อนตัวไปคนเดียวเหรอวะเนี่ยะ!?!

“เปล่าฮะ แค่อยากบอกเอาไว้เฉยๆ ขนุนจะได้สบายใจว่าผมไม่ได้มีพันธะ พอขนุนสบายใจ...เราสองคนจะได้โฟกัสเรื่องเร่งด่วนของเราได้อย่างเต็มที่ยังไงล่ะฮะ” ผมเดินเข้าไปประกบข้างด้านหลังแผ่นหลังขาวๆของอีกฝ่ายที่เงาสะท้อนในกระจกกำลังบอกผมว่า เขาตั้งใจฟังคำผมอธิบายทุกคำพูด

ขนุนยิ้มให้อีกครั้งแล้วหันหน้ากลับมาประขิดกับผม โดยที่ร่างเพรียวเอาหลังพิงอ่างล้างหน้าเอาไว้ “น็อตนี่น่ารักดีนะ” พูดจบ ขนุนก็กระเถิบเข้ามาใกล้แล้วเขย่งขึ้นมาหอมแก้มผมแบบไม่บอกไม่กล่าว (ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด ฟอด)

เมื่อถูกจู่โจมโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ผมกลับทำได้แค่โอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วผงะหน้าถอยห่างออกไป ผมรุนให้ร่างผอมเพรียวถดไปพิงอ่างล้างหน้า ก่อนยกตัวขนุนขึ้นเพื่อจัดให้คนตัวเล็กกว่านั่งลงบนอ่าง “เดี๋ยวก่อนฮะ...แล้วนี่หอมผมทำไมฮะ?” ผมยิ้มให้อีกคนที่ทำตัวมีลับลมคมในได้อย่างน่ารัก... แต่วันนี้ผมโดนขนุนจู่โจมไปกี่รอบแล้ววะ??? รู้ตัวอีกทีขนุนแม่งก็กลายเป็นคนคุมเกมไปแล้ว

“ก็ไม่ทำไม...ผมเห็นว่าวันนี้น็อตทำอะไรให้ผมตั้งเยอะ ผมก็เลยจ่ายค่าถามคำถามมื้อเย็นไม่ครบให้น็อตยังไงล่ะ...
.
.
...ไม่ชอบเหรอ? หรือว่าอยากให้หยุด...นี่ยังขาดอีกตั้งเจ็ดทีเลยนะ” ขนุนถามหน้านิ่งแต่หางเสียงนี่แม่ง...ท้าทายผมชัดๆ

ถึงการกระทำของขนุนในเวลานี้ จะถูกใจผมเอามากๆ แต่ตอนนี้ผมแม่งเริ่มสงสัยขึ้นมาตงิดแล้วว่าทำไมขนุนแม่งถึงได้ดูเป็นงานขนาดนี้กัน ที่สำคัญ...แม่งยังไม่มีอาการเขินห่าอะไรออกมาสักอย่าง ทั้งที่ท่าทางของเราสองคนตอนนี้แม่งล่อแหลมมาก...

...ก็ผมน่ะ กำลังยืนตรงหว่างขาเรียวๆสองข้างที่อ้ากว้างเพื่อให้ผมเข้าไปยืนใกล้ๆจนขากางเกงของอีกฝ่ายแม่งเลิกขึ้นไปถึงไหนๆ สองแขนของอีกคนก็ถูกส่งมาคล้องคอผมเอาไว้เพื่อกันไม่ให้ผมส่ายหน้าหนีเขาไปได้ไกลนัก... นี่ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า แม่งต้องเข้าใจว่าผมกำลังเป็นฝ่ายถูกต้อนให้จนมุมอยู่แหงๆ

วินาทีนี้...ผมว่าอารมณ์อยากจะเอาเนี่ยะแม่งเริ่มมาแล้วว่ะ เหลือแค่ต้องให้แน่ใจว่าจะเดินหน้าต่อได้ ผมเลยต้องถามอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ “เราไปต่อกันที่เตียงดีไม๊ฮะ....
.
.
...แล้วเปลี่ยนจากหอมเป็นจูบทีนึงแทนแล้วกันนะฮะ คืนนี้ขนุนจะได้รู้ยังไงล่ะฮะ ว่าจูบแรกมันรู้สึกยังไง”  ถ้าได้จูบ...รับรองว่าผมไม่ยอมให้จบง่ายๆแน่ หึ หึ

“ไปที่เตียงก็ได้...
.
.
...แต่ไม่จูบ เพราะว่าหัวข้อที่เรียนวันนี้ยังไม่ถึงไหน ผมยังไม่อยากข้ามหัวข้อการเรียนการสอนไปมา...เดี๋ยวผมจะงงไปซะก่อน น็อตโอเคใช่ไม๊?” เอากับเขาสิฮะ...หรือหน้าผมแม่งจะหื่นจนขนุนยังจับอาการได้ ถึงได้ไม่ยอมตามน้ำขึ้นมาแบบนี้วะ...แต่ก็เอาเถอะ กำขี้ดีกว่ากำตดเยอะเลย


ผมจับขาทั้งสองข้างของขนุนตวัดรอบๆเอวผมเอาไว้ ประสานมือทั้งสองข้างเอาไว้ข้างใต้แก้มก้นนุ่มๆเพื่ออุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาแล้วพากันกลับไปที่เตียง โดยที่ระหว่างการเดินทางของเราในครั้งนี้นั้น...หน้าผมกับหน้าเล็กๆของขนุนอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

เราจ้องตากันอย่างไม่ลดละ และผลัดกันผ่อนลมหายใจสั้นๆเหมือนคนเพิ่งออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆรดลงบนหน้าของอีกฝ่าย หัวใจผมแม่งเต้นแรงหนักยิ่งกว่าเก่าด้วยความตื่นเต้นจากความใกล้ชิดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ และดีใจที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ขัดขืนความแนบแน่นระหว่างเราที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ผมยังไม่หยุดต่อรองเพื่อสร้างความมั่นใจคืนให้ตัวเองในฐานะผู้ควบคุมเกมรักอีกครั้ง “หอมอย่างเดียวก็ได้ฮะ แต่น็อตขอเป็นคนหอมอีกเจ็ดทีที่เหลือเองนะฮะ....ถ้าไม่ยอม น็อตปล่อยให้ตกพื้นจริงๆด้วย” ผมยักคิ้วให้อีกคนแบบกวนๆ

ขนุนก็ยักคิ้วตอบกลับมาให้ก่อนจะพูดด้วยเสียงนิ่งๆ “ได้สิ แต่ต้องสัญญาก่อนว่าแค่เจ็ดที ไม่มีตุกติก” พอพูดจบ ขนุนก็วางหน้าผากนูนๆของตัวเองลงบนหน้าผากผมเบาๆแล้วส่งยิ้มหวานบาดใจมาให้

ผมยิ้มตอบโดยอัตโนมัติโดยไม่ลืมรับปาก “ฮะ เจ็ดทีฮะ ไม่ต้องห่วง” แต่เจ็ดทีที่ว่า...ผมจะหอมแม่งช้าๆแล้วจัดท่ายากไปให้เต็มที่เลย คอยดูสิว่าขนุนแม่งต้องอยากโดนลงโทษแบบนี้ทุกวัน เชื่อผมเหอะ...





แต่พวกคุณรู้สึกอย่างผมไหมฮะ....ว่าขนุนของผมนี่แม่งเป็นงานแถมเป็นใจดีเหลือเกิน จนบางทีผมแม่งก็ไม่แน่ใจว่าจริงๆว่าแม่งยั่วผมอยู่ หรือไม่รู้ประสีประสากันแน่...

อีกอย่าง..ไอ้ที่ขนุนแม่งเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองแมนเหลือคณาจนกล้าจะเป็นเมะให้พี่กานต์เนี่ยะ.....แม่งน่าจะเข้าใจผิดไปเองเสียแล้วว่ะ เพราะปฏิกิริยาของขนุนเวลาอยู่กับผมแม่งโคตรเซ็กซี่ แถมยังทำตัวได้น่ากด น่าขี่ และอ่อยเรี่ยราดผิดธรรมชาติจของฝ่ายรุกอย่างเหลือเชื่อ

ถึงวันนี้หรือวันไหนๆผมแม่งจะพลาดท่าเสียที กลายเป็นคนควบคุมจังหวะของเกมรักไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรหรอกว่ะ... เพราะสุดท้าย ผมแม่งก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่ดี อย่างเรื่องคืนนี้ก็เหมือนกัน หึ หึ




สรุปผลความคืบหน้าการดำเนินการเบื้องต้นครั้งที่ 2

เป็นฝ่ายถูกหอมคืนบ้าง : สำเร็จ
อุ้มแบบแนบแน่นครั้งแรก : สำเร็จ!! (อยากให้มีคราวหน้าอีกเร็วๆจังเลยโว๊ย!!)


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


2 comments:

  1. ต๊ายยยยย!! ขนุนอ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไงแล้ว
    พี่น็อตจัดหนักเถอะ น็อตก็ระวังตัวหน่อยนะ ขนุนก็รุกหนักแล้ว 5555555

    มะลิมารุ ที่เป็นลมพิษน่ะเพราะว่าแพ้ฟางข้าวน่ะ 555555 ตอนแรกก็แค่คันธรรมดาพอตกดึกก็ผื่นขึ้นอย่างรุนแรงเลย แต่ตอนนี้หายแล้วล่ะ ยาแก้แพ้สามเม็ดทำให้หลับเป็นตายเลย 555555
    รักษาสุขภาพด้วยนะ เรามาปูเสื่อรอทุกวันเว้นวัน 555 เลิฟนะเชิฟๆๆ

    ReplyDelete
  2. ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ต้องรอการจัดหนักของน็อตอีกซักพักนะคะ เพราะมะลิตั้งใจให้สองคนนี้ได้กันบนพื้นฐานของความรู้สึกรักใคร่ชอบพอกันน่ะค่ะ มันเลยต้องอาศัยเวลานิดนึง ขอโทษที่อาจจะต้องรอนะคะ แหะๆๆๆ

    คุณนาราไปทำอีท่าไหนถึงแพ้ฟางข้าวได้ล่ะคะ? ขอบคุณที่มาคอยเป็นกำลังใจให้อย่างสม่ำเสมอนะคะ...ถ้าไม่มีคุณนาราเนี่ยะ มะลิหมดแรงเขียนไปนานแล้วล่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ (อันนี้พูดจริงๆนะคะ ไม่ได้เอาใจ หลายวันมานี่มะลิเขียนไม่ค่อยออกเลยค่ะ) รักคุณนาราค่ะ เชิฟๆๆๆ

    ReplyDelete