<|No.19|>
รสชาติแห่งความเป็นอมตะ
ยากจะหาคำใดเปรยเปรียบ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
“พี่ชายเอาอะไรในเซเว่นไหมครับ?”
คนขับเปรยถามขณะค่อย ๆ ผ่อนเครื่องยนต์พร้อมกับบังคับมอเตอร์ไซค์คู่ใจให้จอดในซองด้านหน้าร้านสะดวกซื้อยอดนิยมใกล้
ๆ หอ
“ไม่อ่ะ
แต่พี่ชายจะเข้าไปเป็นเพื่อนนะ”
เด็กวิศวะอมยิ้มเมื่อเห็นคนซ้อนปีนลงจากท้ายเบาะมายืนยื่นหน้าให้ช่วยถอดหมวกนิรภัยอย่างรู้หน้าที่
“ไม่ต้องถอดหมวกก็ได้ครับ ผมซื้อของแป๊บเดียว... ไปครับ”
“อื้อ”
เมื่อฝ่ามือของตัวเองโดนเกาะกุมด้วยสัมผัสจากอีกฝ่าย
ชายชาตรีก็ปล่อยให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ละม้ายโจรปล้นร้านทองของตัวเองปลิดปลิวหายไป
เพราะต่อให้คนอื่นจะคิดอย่างไร ก็ไม่เทียบเท่ากับสีหน้าพออกพอใจของรุ่นน้องที่เดินอยู่ข้าง
ๆ กายเลยสักนิด
อย่างไรก็ดี
เมื่อโดนความเย็นของเครื่องปรับอากาศกับเสียงต้อนรับเนือย ๆ ของแคชเชียร์รอบดึกจู่โจม
คนที่เพิ่งประกาศโครม ๆ ว่าจะไม่ซื้ออะไรกลับปล่อยมือจากเด็กหนวดอย่างง่ายดาย
ก่อนจะปลีกตัวไปสอดส่องชั้นวางสินค้าต่าง ๆ ด้วยความว่องไวคล้ายเห็นป้ายเซลล์ ฝ่ายยิมที่เห็นดังนั้นก็อาศัยจังหวะปลอดคนปราดเข้าไปเลือกของใช้จำเป็นตรงหน้าเคาน์เตอร์ทันที
.
.
.
.
.
.
“พี่ชายเอาอันนี้ด้วยยิม”
สายเปย์เอ่ยอย่างร่าเริงพลางชูซองขนมขบเคี้ยวสำหรับเด็กห่อเล็ก ๆ ราคาไม่ถึงสิบบาทขึ้นโบกไหว
ๆ ให้คนรักรับไปคิดเงินรวมกัน กระนั้นเมื่อหางตาของเด็กบริหารปรายไปเห็นสิ่งที่อยู่ในมือเด็กปีหนึ่งต่างคณะ
ใบหน้ารูปเข่าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในบัดดล
“เอานี่ด้วยครับ”
แม้จะยื่นขนมส่งให้กับพนักงานแต่ยิมกลับไม่ละสายตากรุ้มกริ่มจากเด็กบริหารสักวินาที
“รับขนมจีบซาละเปาเพิ่มไหมคะ?”
“ไม่ครับ
ขอบคุณครับ”
“ค...
ค่ะ” แม้ยอดขายจะไม่กระเตื้อง แต่สายตาหวานหยดของคนพูดที่เพิ่งเดินควงแขนผู้ชายหุ่นล่ำพอ
ๆ กันเดินออกจากร้านไปก็ทำให้พนักงานหลังเคาน์เตอร์อดรู้สึกเก้อเขินแทนไม่ได้
เพราะต่อให้ทั้งคู่ได้ติ่มซำติดมือกลับไปจริง ๆ แต่ดึกดื่นป่านนี้ ไม่มีทางที่ของกินเล่นจะมีภาษีเหนือกว่าเจลหล่อลื่นขวดใหญ่ที่หล่อนเพิ่งหย่อนใส่ถุงไปเมื่อครู่แน่
ๆ
$$$$$$$$
“จะไม่ปิดไฟหน่อยเหรอยิม?”
ชายชาตรีอ้อมแอ้มพลางเลื่อนสายตาหลบเด็กหนวดตัวดีที่ริเริ่มปาร์ตี้ชุดวันเกิดใต้แสงนีออนทันทีที่พวกเขาอาบน้ำเสร็จ
“ถ้าปิดไฟ
ผมก็มองอะไรไม่เห็นสิครับ” ยิมตอบพลางกดรีโมทเปิดแอร์ด้วยสเต็ปเทพแห่งป๋า
หากแต่เจตนาที่แท้นั้นก็เพราะต้องการหลอกล่อคนโตกว่าให้คลายความวิตกจากสถานการณ์ล่อแหลมตรงหน้าลงทีละนิด
ๆ
ฝ่ายชายชาตรีที่สำเหนียกแล้วว่าการหรุบตามองต่ำทำให้เห็นอะไร
ๆ ของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน จะแจ้ง และคับแน่นเต็ม ๆ ตามากเกินไป สายเปย์จึงรีบตวัดสายตากลับขึ้นกระพือมองเพดานพลางบ่นหงุงหงิง
“แต่พี่ชายเขินอ่ะ ปิดเถอะนะ”
คุณพระคุณเจ้า
ไม่ใช่แค่กล้ามเสียแล้วล่ะที่ใหญ่...
ถึงว่าสิ
ต่อให้กินเยอะแค่ไหน เด็กหนวดก็ไม่ลงพุง
“หึ! ไม่ต้องเขินหรอกพี่ ผมเคยจับพี่แก้ผ้ามาแล้วนะครับ
อย่าลืมสิ”
“แต่มันไม...
อื้อ!” จังหวะที่ชายชาตรีกำลังจะอ้าปากชี้แจงความแตกต่างของสถานการณ์ให้เป็นที่เข้าใจโดยทั่วกัน
เด็กวิศวะก็ชิงโรมรันพันตูมันเดี๋ยวนั้นนั่นเอง
แม้จะเคยจูบกันมาบ้าง
แต่การที่ทั้งสองต่างไม่เคยผ่านประสบการณ์ในสนามรักมาก่อน จึงทำให้สัมผัสและการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเก้
ๆ กัง ๆ อีกทั้งยังมีหลายครั้งที่ต้องสะดุดกลางคัน กระนั้น รสหวานจากปลายลิ้นพัวพันที่พวกเขามอบให้แก่กัน
อีกทั้งฝ่ามือสากหากแต่อุ่นชื้นรื้นเหงื่อที่ลากไปทั่วสรรพางค์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยคู่นั้น
กลับสามารถทำให้เปลวเพลิงร้อนแรงแห่งดำฤษณาลุกโชนพร้อมเผาไหม้ได้ไม่ยาก
ค่าที่คุ้นเคยกับร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี
ยิมจึงรู้วิธีที่จะเสริมสร้างความสุขให้คนรักได้อย่างถูกจังหวะและถูกใจ
เชื่อเถอะว่าชายหนุ่มไม่ได้หลงตนจนทะนงไปเอง
หากแต่เสียงครางที่ดังเล็ดรอดจากริมฝีปากที่เขาบดจูบอย่างแนบแน่น กับการตอบรับของชายชาตรีที่แข็งแกร่งอยู่ในอุ้งมือต่างหากที่เสริมสร้างความมั่นใจให้ยิมได้อีกโข
รู้ดังนั้น เด็กวิศวะจึงเปลี่ยนเป้าหมายเบนสู่ชัยภูมิสำคัญทันที
“อ๊ะ!” จังหวะที่กายละเอียดกำลังเพริดไปกับความวาบหวามอันวูบหวิว
สัมผัสเย็นลื่นชื้นแฉะผ่านปลายนิ้วระอุก็ทำให้สายเปย์อดตื่นเต้นแกมหวาดหวั่นไม่ได้
“ถ้าเจ็บต้องบอกผมนะครับ”
เฟรชชี่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นรุ่นพี่นิ่วหน้า
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการควานหาเหนือชายให้ได้สักคนนั้นยากเย็นจนเลือดตาแทบสาดกระเซ็น
แต่ชั่วขณะที่โดนเด็กหนวดกล้ามล่ำกระทำการตรวจภายในด้วยท่วงท่าคล้ายสตรีปีนขาหยั่งกลับทำให้สายเปย์รู้แจ้งแก่ใจในบัดเดี๋ยวนั้นว่า
ความเจ็บปวดใด ๆ ในโลกล้วนเทียบกับความรู้สึกยามต้องนั่งแบะขาแล้วปล่อยให้เด็กหนวดใช้กลุ่มนิ้วงัดแงะเนื้อตัวตามใจชอบไม่ได้สักกระผีก เพราะขนาดยิมสาดความชุ่มชื้นใส่จุดเกิดเหตุประหนึ่งฝนคะนองท้องฟ้ารั่ว
เขายังรู้สึกราวกับลำตัวกำลังจะปริแตกแหกกลางแบ่งข้างซ้ายขวาเสียให้ได้
“...ฟู่ว์!...” ชายชาตรีหลับตาปี๋พลางสูดลมหายใจถี่
ๆ พาลคิดถึงแกนนำกลุ่มผู้นิยมบริโภคเด็กอย่างมารดาเพื่อสร้างแรงจูงใจในการต่อสู้กับความรู้สึกแปลก
ๆ ระคนหนึบ ๆ หน่วง ๆ ให้ตลอดรอดฝั่ง แต่ประโยคคำสั่งชวนหน้ามืดตาลายของเฟรชชี่ต่างคณะก็ทำให้สายเปย์หลุดออกจากสมาธิอย่างง่ายดาย
“พี่ชายช่วยแกะถุงแล้วใส่ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”
เด็กหนวดอ้อนวอนพลางส่งสายตาชี้แนะพิกัดซองเครื่องป้องกันให้แก่รุ่นพี่
แต่สายตาของชายชาตรีกลับจับจ้องมองหน้า ‘นุ้งยิม’ อย่างตื่นตะลึง
ให้ตายสิยิม
นี่ยิมตั้งใจจะทรมานให้พี่ชายหัวใจวายตายไปก่อนที่เราจะได้กันอย่างนั้นน่ะเหรอ?
ยะ...
ยะ เยอะ! พ่อยิมให้ยิมมาเยอะเกินไปแล้ว!
กระนั้นสีหน้ากึ่งลำบากใจกึ่งทรมานนิด
ๆ ของคนที่นั่งประจันหน้าก็เรียกสติของเด็กบริหารให้หวนกลับเข้าร่าง
หนำซ้ำยังเผลอรับปากอย่างเสียไม่ได้ไปอีก “...กะ ก็ได้...” คนพูดรับคำพลางเลื่อนฝ่ามือสั่นเทาไปคว้าซองสี่เหลี่ยมบาง
ๆ ข้าง ๆ ตัวขึ้นมาฉีกอย่างเลื่อนลอย
อา...
ใกล้แล้วสินะ
พี่ชายใกล้จะได้เป็นอมตะสมใจแล้วสินะ
“สะ...
สะ ใส่เลยเหรอ?”
“ครับ
ใส่ให้ผมหน่อยนะครับ มือผมไม่ว่าง” เด็กวิศวะตอบสั้น ๆ
ก่อนจะหันกลับไปตรวจภายในรุ่นพี่อย่างขมักเขม้นจนเจ้าของร่างกายเผลอตวัดตามองตามจนหน้าเห่อร้อนซ้ำล้าซ้ำเล่า...
นาทีนี้ อย่าให้เขาต้องบอกเลยว่า ระหว่างท่วงท่าสุดล่อแหลมของตัวเอง กับ ‘นุ้งยิม’ ที่สะกดจิตเร่งให้เขาช่วยแต่งตัวยิก ๆ นั้น อะไรดูลามกกว่ากัน
ไม่ใช่เล็ก
ๆ เลยนะยิม ยางวงแค่นี้ จะมัดรอบหรือเปล่าก็ไม่รู้... เฮ่ย!!
“ยิม...
มันขาด!” รอยบากขนาดใหญ่บนของกลางในมือทำสายเปย์เสียอาการ
หรือเมื่อกี๊เขาจะตื่นเต้นจนเผลอซุ่มซ่ามฉีกซองหนักมือเกินไป ถุงยางเจ้ากรรมจึงถึงแก่ความตายแบบสะพายแล่งเช่นนี้?!
“อ้าวเฮ่ย?! ไหงงั้นล่ะ?! โธ่!!” ยิมโอดเสียงอ่อนด้วยไม่นึกว่าถุงยางเพียงซองเดียวที่ได้รับแจกฟรีมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายจะมีอายุขัยสั้นจนน่าตกใจ
“แล้วเราจะเอายังไงกันดีล่ะยิม?”
รุ่นพี่หน้าสลดเพราะอดเห็นใจเด็กหนวดไม่ได้
“ผม...
ผม” สีหน้าทรมานของยิมฟ้องชัดว่าเจ้าตัวกำลังจะไม่ไหว แต่ปากของชายหนุ่มกลับตอบไปอีกอย่างด้วยเห็นแก่สวัสดิภาพของชายชาตรีมากกว่าความสุขส่วนตัว
“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมช่วยพี่ก่อนแล้วค่อยไปเอาออกในห้องน้ำอีกที”
ที่สุดแล้ว
วาจาเด็ดเดี่ยวกับน้ำเสียงหนักแน่นของรุ่นน้องวิศวะก็ทำให้ชายชาตรีตัดสินใจได้
เอาวะ! ต่อให้พิธีบูชายัญปลุกปั้นเหนือชายเพื่อครองความเป็นอมตะจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดรวดร้าวสักเพียงไหน
แต่ถ้านั่นสามารถบันดาลความสุขสำราญแก่เด็กหนวดตรงหน้าได้ เขาก็จะไม่ลังเลใจที่จะริลอง
“ไม่ต้องหรอกยิม
ทำเถอะ” สายเปย์พึมพำพลางหรุบตามองต่ำพลางเอ่ยเสียงแผ่ว
“พี่ชายอยากเป็นคนแรกของยิมแล้วล่ะ”
“พี่ชายไม่ใช่แค่คนแรกหรอกครับ
แต่พี่จะเป็นคนเดียวของผมด้วย” สิ้นคำสัญญา ยิมก็ทำให้สายเปย์ประจักษ์ถึงความหฤหรรษ์ระคนทุกข์ทรมานของการเป็นอมตะจนต้องร้องขอชีวิตอย่างกึ่งก้าวร้าวกึ่งกระเส่าโดยพลัน
$$$$$$$$
“อือ”
“พี่ชายรู้สึกยังไงมั่งครับ?”
เฟรชชี่ที่ยืนตากผ้าอยู่ตรงระเบียงปราดเข้ามาลูบหน้าลูบตาคนรักทันทีที่ได้ยินเสียงครางครวญดังมาจากร่างที่นอนฟุบอยู่บนเตียง
“เจ็บหรือเปล่า?”
“พี่ชายไม่เจ็บหรอก
แค่เสียด ๆ นิดหน่อย” ชายชาตรีก็ก้มหน้ากัดฟันกั้นเสียงร้องโอดโอยขณะยันตัวขึ้นนั่งอย่างช้า
ๆ จากนั้นจึงพยายามเหยียดยกมุมปากให้ดูละม้ายกับการระบายยิ้มด้วยหวังจะตบตาเด็กหนวดไม่ให้ต้องคอยลุ้นตามจนเหง้าหน้าเสียทรง
“งั้นพี่ชายเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะครับ
เดี๋ยวผมอุ่นโจ๊กรอ”
“อืม”
บทสรุปของอีกฝ่ายทำชายชาตรีใจแป้ว เพราะลำพังแค่ลุกขึ้นนั่ง สารร่างก็แทบจะแหลกสลายกลายกลายเป็นผุยผงนับประสาอะไรกับการแสร้งเดินสองเท้าเข้าห้องน้ำด้วยตัวเองกันล่ะ
อย่างไรก็ดี ก่อนที่หนุ่มรุ่นพี่จะวุ่นวายใจจนไม่เป็นอันทำอะไร เด็กหนวดก็พุ่งเข้ามาช่วยประคองสีข้างราวกับรู้ทันความคิด
“ไปครับ
เดี๋ยวผมพาพี่ไปส่งนะ”
“ขอบใจนะ”
“พี่ชายไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ
ถ้าไม่ใช่เพราะผม พี่คงไม่เป็นแบบนี้” ยิ่งยอมรับตามตรง
ความรู้สึกผิดในใจเฟรชชี่ก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว จริงอยู่ ปลายทางของค่ำคืนที่พ้นผ่านได้เติมเต็มความสัมพันธ์
อีกทั้งยังสร้างความอิ่มเอมใจให้แก่พวกเขาทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเพียงสายเปย์เท่านั้นที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดทางกายเพียงลำพัง
“แต่ถ้าเจ็บแบบเมื่อคืนแล้วยิมมีความสุข
พี่ชายยอมนะ”
“โธ่พี่ชาย! พี่ชายจะทำให้ผมหลงพี่ไปถึงไหนกันครับ
แค่นี้เมื่อเช้าผมก็ไม่อยากลุกไปซื้อโจ๊กแล้วนะครับ” เด็กหนวดโอดอย่างหมดท่าพลางสัญญากับตัวเองว่า
นับจากนี้ เขาจะรัก ภักดี และทำให้ชายชาตรีมีความสุขยิ่งกว่าตัวเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยทีเดียว
“เว่อร์!”
“ผมไม่ได้เว่อร์นะครับ
ผมพูดจริง ๆ ผมหลงพี่ชายไปถึงไหน ๆ แล้วก็ไม่รู้ครับ” คนพูดกดจูบหนัก ๆ บนแก้มเนียนของรุ่นพี่ต่างคณะเพื่อช่วยยืนยัน
ฝ่ายคนฟังก็รีบเปลี่ยนเรื่องด้วยยังรู้สึกประหม่ากับเหตุการณ์กระชับความสัมพันธ์เมื่อคืนไม่หาย
“ตอนนี้ยิมไม่ต้องหลงพี่ชายไปถึงไหนไกลหรอก
เอาถึงแค่ห้องน้ำก่อนก็พอ พี่ชายปวดฉี่แล้วก็อยากอาบน้ำด้วย” สายเปย์ยิ้มแหย
“ครับ
ๆ ได้ครับ”
เด็กปีหนึ่งรับคำแข็งขันก่อนจะนิ่งไปพักหนึ่งหลังเห็นอาการยักแย่ยักยันของคนที่ตนประคองปีกอยู่
“ว่าแต่ พี่ชายอาบน้ำเองเองไหวไหมครับ หรืออยากให้ผมช่วย?”
“ไม่ต้อง
พี่ชายไหวหรอกน่า”
รุ่นพี่บริหารเผลอเข้าใจไปว่าอาการหางลู่หูตกของคนรักหลังรับฟังคำตอบล่าสุดเป็นผลจากความรู้สึกผิดที่ยังคงฝังติดแน่นอยู่ภายในใจ
หากแต่ความเป็นจริงแล้วไซร้ จิตด้านมืดของเด็กหนวดกลับแอบรู้สึกเสียดายจับใจเมื่อตระหนักว่าสายเปย์ไม่ได้เข้าใจนัยยะเร่าร้อนซ่อนเร้นเลยสักนิด
“ครับ
ๆ งั้นผมไปอุ่นโจ๊กรอพี่ชายนะครับ ไม่ต้องรีบอาบน้ำนะครับ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ เรียกผม
เดี๋ยวผมเข้ามาช่วย”
“อืม”
เมื่อส่งรุ่นพี่ถึงยังใจกลางห้องน้ำ ยิมก็กำชับเสียงเข้มก่อนจะหอมแก้มชายชาตรีเสียเต็มฟอดเป็นการทิ้งท้าย
สายเปย์จึงทำได้แค่ยืนก้มหน้าเกาะผนังพลางส่งยิ้มเอียงอายให้กระเบื้องปูพื้นคล้ายมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันมาเนิ่นนาน
ทว่าภายหลังจากเริ่มอาบน้ำชำระร่างกายไปได้สักพัก
ชายชาตรีผู้กำลังหลับตาปี๋ขณะขยี้ฟองยาสระผมอยู่อย่างเมามันกลับรู้สึกถึงการโดนสวมกอดจากด้านหลังอย่างเนื้อ
ๆ เน้น ๆ ไม่เว้นช่องว่าง อารามตกใจ ชายหนุ่มหน้าเข่าจึงรีบหยีตา สะบัดหน้าหันขวับไปมองหาตัวการอย่างทันท่วงที
“ขอผมอาบด้วยคนนะครับ
เมื่อเช้าตื่นมายังไม่ได้อาบน้ำเลย” เด็กปีหนึ่งในสภาพไร้เสื้อผ้าปกคลุมยืนยิ้มหน้าแป้นแผ่ออร่าแห่งความสุขสาดกระจายไปทั่วทุกอณูห้องน้ำ
คนโตกว่าจึงละล่ำละลักถามด้วยความสงสัย
“อ้าว
แล้วโจ๊กล่ะ จะไม่อุ่นแล้วเหรอยิม?”
“ไว้ก่อนก็ได้ครับ
ผมอยากอาบน้ำกับพี่มากกว่า
ผมจะได้ช่วยพี่ชายดูด้วยไงว่าไม่เหลืออะไรตกค้างข้างในอีกแล้ว” ยาจกเคราเฟิ้มยิ้มกริ่มก่อนจะลงมือสำรวจร่างกายรุ่นพี่โดยละเอียดดังที่เอ่ยอ้างเอาไว้จริง
ๆ
$$$$$$$$
“เดี๋ยวผมมานะครับ”
.
.
.
.
.
“อือ”
สายเปย์พลิกตัวนอนหงายพลางยิ้มพรายพร้อมกับวาดมือเปะปะไปยังที่ว่างข้าง ๆ ตัวเพื่อตามหาไออุ่นของเด็กหนวดจอมซุกซนที่ขยันทำการบ้านเสียจนเขาสำลักความสุขแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลา
โชคยังดีที่ตอนอาบน้ำด้วยกันเมื่อเช้า ท้องเจ้ากรรมเกิดร้องประท้วงขึ้นมาเสียก่อน
ไม่อย่างนั้น ชายหนุ่มหน้าเข่าคงโดนยิมจู่โจมยาว ๆ จนไม่เป็นอันกินข้าวกินปลาไปแล้วแน่
ๆ
“ยิม”
เมื่อแน่ใจว่าไร้ไออุ่นจากคนคุ้นเคย เด็กบริหารก็ผงกหัว เงยหน้าขึ้นชูคอมองหาคนรักด้วยความหวั่นใจ
จนเมื่อลากกรอบสายตาลากไปบรรจบกับประตูหน้าห้องที่เปิดอ้ากว้างทั้งที่ไม่ใช่วิสัยของอีกฝ่าย
ชายหน้าเข่าก็ไม่อาจทนนอนนิ่งเฉยได้อีกแล้ว
“ยิม!” ชายชาตรีส่งเสียงเรียกพลางลากสังขารย้วย
ๆ ลงจากเตียงแล้วออกไปชะโงกหน้ามองหาคนรักที่หายตัวอย่างไร้ร่องรอยตรงหน้าประตู แต่ความว่างเปล่า
เงียบงันก็ทำให้ชายหนุ่มวิ่งตาลีตาเหลือกกลับเข้าห้องเพื่อควานหาโทรศัพท์คู่ใจให้จ้าละหวั่น
กระนั้นเสียงริงโทนเชยสะบัดที่ดังลั่นห้องกลับบอกใบ้ให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายทิ้งมือถือรุ่นพระเจ้าเหาเอาไว้ที่ห้องนี่เอง
ยิมไปไหน?!!
ก่อนที่เด็กบริหารปีสามจะวุ่นวายใจจนไม่เป็นอันทำอะไร
สายเรียกเข้าจากอีกหมายเลขก็ทำให้อุปกรณ์สื่อสารในมือแผดเสียงขัดขึ้นเสียก่อน ทว่าจังหวะอันประจวบเหมาะบวกกับชื่อของคนปลายสายกลับสร้างความประหลาดใจแก่ชายชาตรีได้ไม่น้อย
“คุณชายพ่อ? คุณชายพ่อโทรมาทำไม? คุณชายพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ถ้ากูไม่มีอะไร
กูจะโทรไปหามึงไม่ได้ใช่ไหมไอ้ชาย?” หางเสียงของคนปลายสายฟังฉุน ๆ
จนสายเปย์ต้องรีบอธิบายตัวเองอย่างว่องไว
“เปล่าครับ
ชายแค่สงสัยเฉย ๆ เพราะคุณชายพ่อไม่เคยโทรมาเวลานี้
ว่าแต่คุณชายพ่อมีอะไรจะเรียกใช้ชายหรือเปล่าครับ?”
“กูแค่จะโทรมาบอกว่า
เด็กยิมอยู่กับกูที่วังนี่ ถ้าอยากเจอก็รีบตามมา”
“ห๊ะ?! เมื่อกี๊คุณชายพ่อว่ายังไงนะครับ?”
|| ย้อนไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ||
“หืม?!”
คุณลักษณะเด่นข้อหนึ่งของห้องเช่าราคาถูก
คือ ผนังบาง ดังนั้นจึงไม่แปลกหากคนหูไวอย่างยิมจะได้ยินเสียงโวยวายล้งเล้งของเพื่อนบ้านทั้งบนล่าง
ซ้ายขวาอยู่เสมอ ยิ่งเมื่อเป็นเสียงโต้เถียงที่ดังมาจากห้องตรงข้ามซึ่งมีความหลังต่อกันด้วยแล้ว
มีหรือที่โสตประสาทของเขาจะละเลยเพิกเฉยได้
“เดี๋ยวผมมานะครับพี่ชาย”
ยาจกยิมผู้มีอนุสติตั้งอยู่บนการอดออมถนอมเงินดีดตัวขึ้นจากเตียงได้ทั้ง ๆ
ที่เพิ่งออกกำลังกายในร่มไปเมื่อไม่ถึงชั่วโมงดี ชายหนุ่มประทับจูบข้างขมับคนรักก่อนจะถลาออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
จนเมื่อเห็นแผ่นหลังของคนคุ้นตาวิ่งหน้าตั้งลงบันได อาการงกเงินในสายเลือดก็ทำให้เด็กวิศวะซอยเท้าไล่กวดอีกฝ่ายโดยแทบไม่เสียเวลาคิดใคร่ครวญ
“ไอ้โก้! มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง ผู้ถูกติดตามก็หันกลับมา
ก่อนจะเปลี่ยนไปใส่เกียร์หมาพุ่งลงบันไดด้วยความว่องไวยิ่งกว่าเดิม แต่ต่อให้อีกฝ่ายเป็นบุตรแห่งพระพาย
สายลมไหน ๆ ก็ไม่สามารถต่อกรกับเด็กหนวดโหมดหิวเงินได้ทั้งนั้น “หยุด! กูบอกให้หยุด!”
และแล้ว
ความพยายามของยิมก็ผลิดอกออกผลทันตา เพราะในที่สุด ช่วงขายาว ๆ ของเขาก็ได้ปรับท่วงท่าจากการวิ่งเป็นการกระโดดเทคตัวขาคู่ใส่แผ่นหลังของผู้ร้ายจนอีกฝ่ายล้มคะมำหน้าคว่ำลงกับพื้นลาดยางหน้าหอพักนั่นเอง
ทันทีที่เป้าหมายเสียหลัก เด็กหนวดร่างยักษ์ก็ทิ้งลงตัวนอนทาบพร้อมกับจับแขนทั้งสองข้างของคนถูกไล่ล่ามาไพล่ไว้ข้างหลัง
ก่อนจะคำรามลั่นซอยอย่างเหลืออด “ไอ้โก้! มึงเอาเงินหกหมื่นห้าคืนกูมาเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่มี! กูไม่มีเงินแล้ว!”
“คิดเหรอว่ากูจะเชื่อ?”
คนร้ายฉ้อโกงพยายามดิ้นหนีจนยิมต้องสละแขนข้างหนึ่งสอดล็อกใต้ต้นขาของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรัดกุม
“ถ้าไม่อยากติดคุก มึงต้องเอาเงินหกหมื่นห้าไปคืนพี่ชายเดี๋ยวนี้!”
“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่มี
ไม่มี!” โก้รวบรวมกำลังเท่าที่ยังพอเหลือดีดตัวพลิกกลับข้างเปลี่ยนเป็นนอนหงายหลังทับร่างหนา
ๆ ของเด็กมหาลัยห้องตรงข้าม จากนั้นจึงตอกส้นใส่ช่วงกลางลำตัวอีกฝ่ายอย่างจังจนยิมมือไม้อ่อนชั่วคราว
เมื่อรู้สึกว่าตนเองขยับเขยื้อนร่างกายได้ดั่งใจ
จอมฉ้อฉลก็รีบผุดลุกขึ้นอย่างว่องไวก่อนจะตั้งท่าออกวิ่งทั้งที่ยังเหยียดยืนไม่เต็มศูนย์ดี
กระนั้นก่อนที่คนขี้โกงจะหายจ้อยลอยเข้ากลีบเมฆอีกคำรบ
กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดซาฟารีสีดำก็โผล่มายืนล้อมชาวหอทั้งสองเอาไว้ แล้วก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“เอาตัวมันไปหานาย!!” สิ้นคำ
บาปกรรมในรูปของการโดนอุ้มก็ตามทันโก้ในบัดดล เพราะชายชุดดำสามคนได้เข้าประชิดตัวชายหนุ่มก่อนจะหิ้วปีกพากันเดินหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อจับตัวคนร้ายได้แล้ว
ชายชุดดำผู้รั้งตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มก็หันมาช่วยฉุดยิมให้ลุกขึ้นก่อนจะออกคำสั่งถัดมาด้วยน้ำเสียงสุภาพกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว
“นายให้เชิญคุณยิมไปพบนายด้วยครับ”
“นาย?
นายไหนคร...”
“เชิญครับ”
แม้จะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
แต่การผายมือโดยไม่พูดอะไรของอีกฝ่ายก็ทำให้เด็กหนวดยอมเดินตามกลุ่มชายชุดดำไปขึ้นรถอย่างไม่มีทางเลือก
$$$$$$$$
“ยิม!”
“พี่ชาย!”
“ยิมมาที่นี่ได้ไง?”
ความเจ็บปวดรวดร้าวบั้นเอวเมื่อราว ๆ ชั่วโมงก่อนปลาสนาการไปทันทีที่ชายชาตรีเห็นหน้าคนรักอีกครั้ง
แต่การพบกับอีกฝ่ายที่วังพูนทรัพย์ทวีโดยมีคุณชายพจน์อยู่เบื้องหลังกลับไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักเท่าไร
“คนของคุณพ่อพาผมมาครับ”
ยิมตอบพลางลูบหน้าสายเปย์อย่างทะนุถนอม “ผมขอโทษนะครับพี่ชาย
ผมไม่ได้ตั้งใจทิ้งพี่ชายไว้ที่ห้องคนเดียวจริง ๆ ”
“ไม่เป็นไร
แค่พี่ชายเจอยิม พี่ชายก็สบายใจแล้วล่ะ”
“มากันพร้อมหน้าเสียทีนะ”
เด็กบริหารเริ่มรู้สึกใจไม่ดีเมื่อบุพการีเดินส่ายอาด ๆ
เข้ามาในห้องด้วยสีหน้าทองไม่รู้ร้อน
“คุณชายพ่อ
คุณชายพ่อให้คนพายิมมาที่นี่ทำไมครับ?!”
“ทำไม?
ถ้าไม่มีอะไรกูจะเจอหน้าไอ้เด็กยิมมั่งไม่ได้เลยเรอะ?” คุณชายพจน์เดาะลิ้นยียวนทายาทก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งยังเบาะโซฟาหนังกว้างอย่างมีมาด
“แล้วคุณชายพ่อจะอยากเจอหน้ายิมไปทำไมกันครับ
คราวก่อนคุณชายพ่อก็ไม่เห็นจะโปรดยิมสักเท่าไร” หนุ่มหน้าเข่าต่อปากต่อคำกับประมุขของวังโดยไม่ยั้งมือ
“มึงเป็นกูรึไงถึงได้รู้ดีไปหมด?!”
“ก็วันนั้นคุณชายพ่อเป็นคนเรียกพี่แมนสรวงมานี่ครับ!”
“ก็กูอยากรู้นิว่าไอ้ยิมมันจะทำยังไง
ถ้ามันอดทนอดกลั้นกับเรื่องแค่นั้นไม่ได้ มันก็ไม่สมควรที่จะเป็นผัวมึง!” สายเปย์ตัดพ้อต่อว่าบิดาด้วยความอัดอั้นตันใจ
แต่พอโดนอีกฝ่ายออกหมัดสวนเข้าให้ ชายชาตรีก็ถึงกับเอ๋อไปเหมือนกัน
“หืม?! เมื่อกี๊คุณชายพ่อว่ายังไงนะครับ?” ชายชาตรีมองหน้าผู้เป็นพ่อสลับกับสามีหมาด
ๆ ด้วยความฉงนสนเท่ห์ อาการดังกล่าวทำให้เด็กหนวดข้างกายต้องช่วยยืนยันอีกแรง
“คุณพ่อท่านยอมรับผมในฐานะแฟนของพี่ชายแล้วครับ”
“จริงเหรอ?”
ผละจากยิม สายเปย์ก็จ้องมองคาดคั้นผู้เป็นบิดาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“จริงเหรอครับคุณชายพ่อ?!”
“ใช่
แต่กูมีข้อแลกเปลี่ยนนะ” คุณชายพจน์หรี่ตามองหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรครับ?”
เจ้าบ้านลอบส่งสายตาให้เด็กหนวดพร้อมรอยยิ้มบาง
ๆ ราวกับนัดแนะกัน “ตั้งแต่ปิดเทอมใหญ่เป็นต้นไป ผมต้องย้ายมาฝึกเป็นเลขาส่วนตัวคุณพ่อน่ะครับ”
“ถ้ามันยืนกรานว่ามันจะไม่เลิกกับมึงง่าย
ๆ การเป็นคนที่กูไว้ใจก็น่าจะทำให้มันกับมึงอยู่ในฐานะที่เหมาะสมกันมากขึ้น” คุณชายพจน์ชำเลืองมองหน้าเลือดในอกด้วยสีหน้าจริงจังพลางเสริมความด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เพราะกูคงไม่ดีใจเท่าไรถ้าต้องมาทนฟังคนอื่นสบประมาทมึงว่า มึงมันหน้าโง่
หลงผู้ชายจนโงหัวไม่ขึ้น มีอะไรก็ประเคนให้ผู้ชายหมด”
“คุณชายพ่อ!” เด็กบริหารมองหน้าบิดาด้วยสายตาซาบซึ้ง
เพราะนอกจากเหตุผลดังกล่าวจะสะท้อนการยอมรับเด็กหนวดอย่างเต็มรูปแบบแล้ว บิดาบังเกิดเกล้ายังช่วยวางแผนชีวิตในอนาคตให้พวกเขาทั้งคู่อีกด้วย
“ที่คุณพ่อท่านไม่ให้ผมเริ่มงานเลยเพราะถ้าผมเริ่มงานเร็วเกินไป
ท่านก็กลัวว่าเฮียคองกับพี่ผึ้งจะหาคนมาแทนลำบากน่ะครับ” ยิมให้เครดิตพ่อตาทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว
ชายหนุ่มคือคนขอร้องประมุขใหญ่แห่งวังพูนทรัพย์ทวีให้ยืดกำหนดเวลาด้วยเห็นแก่เจ้าของร้านข้าวต้มเป็นสำคัญ
แน่ล่ะ
ลองว่าถ้าเด็กหนวดออกตัวล้อฟรีสรรเสริญเยินยอคุณชายพจน์เสียดิบดี
มีหรือที่ชายชาตรีจะไม่แฮปปี้จนหน้าบานเป็นจานเชิง “คุณชายพ่อ!!”
“เรียกอยู่ได้
มึงเป็นอะไรของมึง ฮึ?!”
“ชายขอบพระคุณคุณชายพ่อมากนะครับที่ให้โอกาสพวกเรา
ชายดีใจที่สุดเลย” สายเปย์ยิ้มร่าพลางไถลตัวลงไปก้มกราบแทบเท้าบุพการีก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“ว่าแต่ ทำไมอยู่ ๆ คุณชายพ่อถึงยอมรับยิมล่ะครับ?”
“ก็ถ้ากูให้มึงตบแต่งกับแมนสรวง
ทางนั้นคงเอาสมบัติของปู่ย่าตาทวดเราไปถลุงลงพรรคการเมืองหมด อีตอนเอาไปน่ะไม่เท่าไรหรอก
แต่ถ้าถอนทุนคืนได้ กูมั่นใจว่าทางนั้นคงไม่โง่คืนเงินต้นตระกูลมาให้เราแน่ ๆ ”
“โธ่คุณชายพ่อล่ะก็! ชายอุตส่าห์รอฟังเหตุผล!”
ไม่ว่าเมื่อไร
คุณชายพจน์ก็เลือกที่จะกั๊กเหตุผลที่แท้จริงจากคนอื่น ๆ อยู่เสมอ
เคราะห์ดีคุณหญิงกีรติยืนหยัดอยู่ข้างกายท่านไม่ห่าง
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีผู้ใดในโลกใบนี้ที่จะอ่านคุณชายพจน์ได้แตกฉานราวอ่านหนังสืออีกแล้ว
อย่างไรก็ดี
สำหรับบทสนทนาในครั้งนี้ ฝ่ายสองหนุ่มกลับเพลี่ยงพล้ำแก่ความท่ามากของผู้เป็นพ่อ
เพราะประมุขหญิงของบ้านออกไปสังสรรค์กับก๊วนภริยาผู้ใหญ่บ้านผู้ใหญ่เมืองทั้งหลายตั้งแต่เมื่อเช้า
ดังนั้นจึงไม่แปลกหากคุณชายพจน์จะปล่อยให้ลูกชายตะบึงตะบอนค่อนแคะเรื่อยไปโดยไม่เดือดร้อนอธิบาย...
เรื่องอะไรเขาถึงจะชมเชยไอ้ลูกเขยให้ชายชาตรีได้หน้าล่ะ?
แค่เพราะจะได้เด็กยิมมาเป็นผู้ช่วยกอบกู้ดูแลสมบัติตระกูลมีทรัพย์มากอนันต์ให้มีอนาคตสว่างสดใสขึ้นอีกหลายเท่า
แค่เพราะจะได้คนที่รู้จักคุณค่าของเงินเป็นอย่างดี
แถมยังอดออม ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้เอามาก ๆ มาอยู่เคียงข้างลูกชายเพื่อทำให้ทรัพย์สินงอกเงยเพิ่มพูน
เหตุผลเพียงแค่นั้นน่ะเหรอที่ทำให้เขาควรชื่นชมสรรเสริญมันออกหน้าไมค์?
ง่ายไปหรือเปล่า?
แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องเผยความชอบใจเมื่อรู้ว่ายิมเป็นเดือดเป็นร้อนกับเงินทองของลูกชาย
กระทั่งเงินที่โดนเชิดไป เจ้าตัวยังกัดไม่ปล่อยทั้ง ๆ ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเลยสักแดงเดียว?
แค่ความเชื่อมั่นในคุณสมบัติบางอย่างในตัวเด็กยิม
แค่ลางสังหรณ์ที่บอกเขาว่า
เด็กหนุ่มคนนี้จะสามารถดูแลอาณาจักรสีขาวอมเทาของเขาได้ตลอดรอดฝั่ง หลังจากเคยหมดหวังกับลูกชายที่เหลาะแหละและดีแต่เต๊าะผู้ชายไปวัน
ๆ มาแล้ว เหตุผลเพียงแค่นี้ คงไม่พอที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจการตัดสินใจของเขาได้ทะลุปรุโปร่งหรอก...
โดยเฉพาะไอ้ลูกชายตัวดีที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง
ปล่อยให้ไอ้ชายมันโง่ต่อไปเถอะ
ปล่อยให้มันมีความสุขอยู่ในโลกของมันไป
แล้วฝากเด็กยิมให้ช่วยดูแลอนาคตของมันต่ออีกทอดนึง เพียงเท่านี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้เขากับคุณหญิงกีรติต้องคอยห่วงพะวงอีกแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นหมดเทอมนี้พี่ชายก็ต้องลาออกจากร้านพี่ผึ้งเหมือนกันน่ะสิ”
สายเปย์ปรารภขึ้นอย่างเลื่อนลอย ชายหนุ่มอดรู้สึกใจหายไม่ได้ที่รู้ว่า ในอีกไม่ช้า
ตนเองจะต้องร้างลาจากวงการร้านข้าวต้มไปจริง ๆ
“ผมว่าพี่ชายควรจะหยุดก่อนสอบนะครับ
เพราะเดี๋ยวพี่ชายจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ”
“ไม่เอา
พี่ชายอยากทำงานกับยิม” เด็กบริหารปีสามคัดค้านหัวชนฝา เขาจะอ่านหนังสือเตรียมสอบรู้เรื่องได้อย่างไรทั้ง
ๆ ที่รู้แก่ใจว่าเด็กหนวดกำลังทำงานหาเงินงก ๆ อยู่ที่ร้านจนดึกดื่น... ไม่ได้
ถ้าเหนื่อยก็ต้องเหนื่อยด้วยกัน!
“พอ
ๆๆๆ ไว้พวกมึงค่อยไปเถียงกันต่อทีหลัง
วันนี้ช่วยกลับไปขนของแล้วย้ายออกจากห้องรังหนูนั่นเร็ว ๆ ทีเถอะ
กูทนเห็นพวกมึงอุดอู้อยู่แบบนั้นไม่ไหวแล้ว”
“ครับ?”
“พวกมึงจะย้ายไปอยู่ที่คอนโดเสียด้วยกันก็ได้
กูไม่ห้าม!” คุณชายพจน์ตัดบทลูกชายด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
คำพูดของบิดาเหมือนการโยนก้อนหญ้าขนลงตรงหน้าควายหิว
เพราะจากที่จะเป็นจะตายด้วยเรื่องลาออกจากงาน ภาพของยิมในชุดวาบหวิวขณะเดินชมวิวกรุงเทพฯ
บนเพนท์เฮาส์ที่คุณหญิงแม่ซื้อให้เขาก็ทำให้ดวงตาของชายชาตรีสุกสกาว
เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง
“จริงด้วย! เดี๋ยวอีกหน่อยยิมก็ต้องมาทำงานกับคุณชายพ่อแล้วใช่ไหม
งั้นพี่ชายว่าเราต้องเตรียมความพร้อมอะไรอีกหลายอย่างเลยล่ะ” สิ้นเสียง
ชายหนุ่มหน้าเข่าก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงก่อนจะคว้าแขนคนรักเข้ามาควงพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ไป! เดี๋ยวพี่ชายพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่เองนะ”
“ไอ้ชาย! ไม่ทันไรลายมึงก็ออกแล้วเรอะ?!”
“แหมคุณชายพ่อล่ะก็
นาน ๆ ทีน่ะครับ” แม้คุณชายพจน์จะแหวเสียงเขียว
แต่ชายชาตรีกลับหาได้เหลียวแลไม่
“ไหนพี่ชายสัญญากับผมว่าจะเลิกใช้เงินฟุ่มเฟือยแล้วไงครับ?”
“ครั้งเดียวเองนะ
นะยิมนะ พี่ชายอยากเดินห้าง พี่ชายไม่ได้เดินห้างมาเดือนกว่าแล้วนะยิม” สายเปย์ออดอ้อนเสียงหวานจนเด็กหนวดใจอ่อน
“พรุ่งนี้กลางวันผมพาพี่ไปเดินห้างก็ได้ครับ
แต่ถ้าพี่ชายอยากซื้อของ พี่ชายต้องใช้เงินที่หามาได้ด้วยตัวเองซื้อเท่านั้น
ห้ามใช้เงินของคุณพ่อคุณแม่เด็ดขาด ตกลงไหมครับ?”
“ก็ได้
แต่พรุ่งนี้ยิมจะพาพี่ชายไปเดินห้างแน่นะ?”
ประมุขแห่งวังพูนทรัพย์ทวีอมยิ้มชอบใจเมื่อประจักษ์ถึงความสามารถในการจูงใจลูกชายสายเปย์ของยิม
พอกันทีกับการก่นด่าทายาทจนปากเปียกปากแฉะ
ปล่อยให้เด็กยิมควบคุมความประพฤติให้นี่แหละ เขาจะได้กลายเป็นยอดบิดาสุดคูลดูน่าเคารพนับถือเหมือนอย่างพ่อบ้านอื่นเขาบ้าง
“ครับ
ถ้าพี่ชายตื่นไหวนะครับ”
หากชายชาตรีไม่มัวแต่ยิ้มร่ายินดีกับแผนการเดินเที่ยวห้างในวันพรุ่งนี้จนเกินไป
เด็กบริหารคงสำเหนียกจนตกผลึกทางความคิดไปนานแล้วว่า เงื่อนไข ‘ถ้าพี่ชายตื่นไหว’ ใช้ไม่ได้กับไลฟ์สไตล์ของเหล่าผู้เป็นอมตะ
ยิ่งถ้าคู่ขาทั้งเด็ก ทั้งอึด แถมยังขยันขันแข็ง หมั่นฝึกปรือทำการบ้านอย่างหาตัวจับยากแบบยิมด้วยแล้วล่ะก็
แค่ลากสังขารไปเข้างานที่ร้านข้าวต้มให้ทันเวลาก็นับว่าทนทายาดมาก
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ :
ทีแรกชายก็เข้าใจว่า สาเหตุที่ยิมเลิกส่งหนังสือพิมพ์ตอนเช้าเพราะคุณชายพ่อสั่งห้าม
แต่อยู่ดี ๆ บ่ายวันหนึ่ง เด็กหนวดก็เดินมาสารภาพกับชายว่า
เงินค่าส่งหนังสือพิมพ์ที่เสียไปเทียบไม่ได้กับความอิ่มเอมใจหลังได้กกกอดชายอย่างหนำใจจนถึงเช้า...
ก็ไม่รู้สินะ ฮิ ๆ (ยืนกอดอกอมยิ้มพลางยักคิ้วข้างซ้ายให้ตัวเองเบา
ๆ )
$$$$<| TBC |>$$$$