Wednesday, March 29, 2017

ถ้าต้อยได้ ชายจะเป็นอมตะ ||#19|| 29.03.2017



<|No.19|>
รสชาติแห่งความเป็นอมตะ ยากจะหาคำใดเปรยเปรียบ

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...

“พี่ชายเอาอะไรในเซเว่นไหมครับ?” คนขับเปรยถามขณะค่อย ๆ ผ่อนเครื่องยนต์พร้อมกับบังคับมอเตอร์ไซค์คู่ใจให้จอดในซองด้านหน้าร้านสะดวกซื้อยอดนิยมใกล้ ๆ หอ

“ไม่อ่ะ แต่พี่ชายจะเข้าไปเป็นเพื่อนนะ”

เด็กวิศวะอมยิ้มเมื่อเห็นคนซ้อนปีนลงจากท้ายเบาะมายืนยื่นหน้าให้ช่วยถอดหมวกนิรภัยอย่างรู้หน้าที่ “ไม่ต้องถอดหมวกก็ได้ครับ ผมซื้อของแป๊บเดียว... ไปครับ”

“อื้อ” เมื่อฝ่ามือของตัวเองโดนเกาะกุมด้วยสัมผัสจากอีกฝ่าย ชายชาตรีก็ปล่อยให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ละม้ายโจรปล้นร้านทองของตัวเองปลิดปลิวหายไป เพราะต่อให้คนอื่นจะคิดอย่างไร ก็ไม่เทียบเท่ากับสีหน้าพออกพอใจของรุ่นน้องที่เดินอยู่ข้าง ๆ กายเลยสักนิด  

อย่างไรก็ดี เมื่อโดนความเย็นของเครื่องปรับอากาศกับเสียงต้อนรับเนือย ๆ ของแคชเชียร์รอบดึกจู่โจม คนที่เพิ่งประกาศโครม ๆ ว่าจะไม่ซื้ออะไรกลับปล่อยมือจากเด็กหนวดอย่างง่ายดาย ก่อนจะปลีกตัวไปสอดส่องชั้นวางสินค้าต่าง ๆ ด้วยความว่องไวคล้ายเห็นป้ายเซลล์ ฝ่ายยิมที่เห็นดังนั้นก็อาศัยจังหวะปลอดคนปราดเข้าไปเลือกของใช้จำเป็นตรงหน้าเคาน์เตอร์ทันที
.
.
.
.
.
“พี่ชายเอาอันนี้ด้วยยิม” สายเปย์เอ่ยอย่างร่าเริงพลางชูซองขนมขบเคี้ยวสำหรับเด็กห่อเล็ก ๆ ราคาไม่ถึงสิบบาทขึ้นโบกไหว ๆ ให้คนรักรับไปคิดเงินรวมกัน กระนั้นเมื่อหางตาของเด็กบริหารปรายไปเห็นสิ่งที่อยู่ในมือเด็กปีหนึ่งต่างคณะ ใบหน้ารูปเข่าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในบัดดล

“เอานี่ด้วยครับ” แม้จะยื่นขนมส่งให้กับพนักงานแต่ยิมกลับไม่ละสายตากรุ้มกริ่มจากเด็กบริหารสักวินาที  

“รับขนมจีบซาละเปาเพิ่มไหมคะ?”

“ไม่ครับ ขอบคุณครับ”

“ค... ค่ะ” แม้ยอดขายจะไม่กระเตื้อง แต่สายตาหวานหยดของคนพูดที่เพิ่งเดินควงแขนผู้ชายหุ่นล่ำพอ ๆ กันเดินออกจากร้านไปก็ทำให้พนักงานหลังเคาน์เตอร์อดรู้สึกเก้อเขินแทนไม่ได้ เพราะต่อให้ทั้งคู่ได้ติ่มซำติดมือกลับไปจริง ๆ แต่ดึกดื่นป่านนี้ ไม่มีทางที่ของกินเล่นจะมีภาษีเหนือกว่าเจลหล่อลื่นขวดใหญ่ที่หล่อนเพิ่งหย่อนใส่ถุงไปเมื่อครู่แน่ ๆ

$$$$$$$$

“จะไม่ปิดไฟหน่อยเหรอยิม?” ชายชาตรีอ้อมแอ้มพลางเลื่อนสายตาหลบเด็กหนวดตัวดีที่ริเริ่มปาร์ตี้ชุดวันเกิดใต้แสงนีออนทันทีที่พวกเขาอาบน้ำเสร็จ

“ถ้าปิดไฟ ผมก็มองอะไรไม่เห็นสิครับ” ยิมตอบพลางกดรีโมทเปิดแอร์ด้วยสเต็ปเทพแห่งป๋า หากแต่เจตนาที่แท้นั้นก็เพราะต้องการหลอกล่อคนโตกว่าให้คลายความวิตกจากสถานการณ์ล่อแหลมตรงหน้าลงทีละนิด ๆ

ฝ่ายชายชาตรีที่สำเหนียกแล้วว่าการหรุบตามองต่ำทำให้เห็นอะไร ๆ ของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน จะแจ้ง และคับแน่นเต็ม ๆ ตามากเกินไป สายเปย์จึงรีบตวัดสายตากลับขึ้นกระพือมองเพดานพลางบ่นหงุงหงิง “แต่พี่ชายเขินอ่ะ ปิดเถอะนะ”

คุณพระคุณเจ้า ไม่ใช่แค่กล้ามเสียแล้วล่ะที่ใหญ่...
ถึงว่าสิ ต่อให้กินเยอะแค่ไหน เด็กหนวดก็ไม่ลงพุง

“หึ! ไม่ต้องเขินหรอกพี่ ผมเคยจับพี่แก้ผ้ามาแล้วนะครับ อย่าลืมสิ”

“แต่มันไม... อื้อ!” จังหวะที่ชายชาตรีกำลังจะอ้าปากชี้แจงความแตกต่างของสถานการณ์ให้เป็นที่เข้าใจโดยทั่วกัน เด็กวิศวะก็ชิงโรมรันพันตูมันเดี๋ยวนั้นนั่นเอง

แม้จะเคยจูบกันมาบ้าง แต่การที่ทั้งสองต่างไม่เคยผ่านประสบการณ์ในสนามรักมาก่อน จึงทำให้สัมผัสและการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ อีกทั้งยังมีหลายครั้งที่ต้องสะดุดกลางคัน กระนั้น รสหวานจากปลายลิ้นพัวพันที่พวกเขามอบให้แก่กัน อีกทั้งฝ่ามือสากหากแต่อุ่นชื้นรื้นเหงื่อที่ลากไปทั่วสรรพางค์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยคู่นั้น กลับสามารถทำให้เปลวเพลิงร้อนแรงแห่งดำฤษณาลุกโชนพร้อมเผาไหม้ได้ไม่ยาก

ค่าที่คุ้นเคยกับร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี ยิมจึงรู้วิธีที่จะเสริมสร้างความสุขให้คนรักได้อย่างถูกจังหวะและถูกใจ
เชื่อเถอะว่าชายหนุ่มไม่ได้หลงตนจนทะนงไปเอง หากแต่เสียงครางที่ดังเล็ดรอดจากริมฝีปากที่เขาบดจูบอย่างแนบแน่น กับการตอบรับของชายชาตรีที่แข็งแกร่งอยู่ในอุ้งมือต่างหากที่เสริมสร้างความมั่นใจให้ยิมได้อีกโข รู้ดังนั้น เด็กวิศวะจึงเปลี่ยนเป้าหมายเบนสู่ชัยภูมิสำคัญทันที

“อ๊ะ!”  จังหวะที่กายละเอียดกำลังเพริดไปกับความวาบหวามอันวูบหวิว สัมผัสเย็นลื่นชื้นแฉะผ่านปลายนิ้วระอุก็ทำให้สายเปย์อดตื่นเต้นแกมหวาดหวั่นไม่ได้

“ถ้าเจ็บต้องบอกผมนะครับ” เฟรชชี่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นรุ่นพี่นิ่วหน้า

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการควานหาเหนือชายให้ได้สักคนนั้นยากเย็นจนเลือดตาแทบสาดกระเซ็น แต่ชั่วขณะที่โดนเด็กหนวดกล้ามล่ำกระทำการตรวจภายในด้วยท่วงท่าคล้ายสตรีปีนขาหยั่งกลับทำให้สายเปย์รู้แจ้งแก่ใจในบัดเดี๋ยวนั้นว่า ความเจ็บปวดใด ๆ ในโลกล้วนเทียบกับความรู้สึกยามต้องนั่งแบะขาแล้วปล่อยให้เด็กหนวดใช้กลุ่มนิ้วงัดแงะเนื้อตัวตามใจชอบไม่ได้สักกระผีก  เพราะขนาดยิมสาดความชุ่มชื้นใส่จุดเกิดเหตุประหนึ่งฝนคะนองท้องฟ้ารั่ว เขายังรู้สึกราวกับลำตัวกำลังจะปริแตกแหกกลางแบ่งข้างซ้ายขวาเสียให้ได้

“...ฟู่ว์!...” ชายชาตรีหลับตาปี๋พลางสูดลมหายใจถี่ ๆ พาลคิดถึงแกนนำกลุ่มผู้นิยมบริโภคเด็กอย่างมารดาเพื่อสร้างแรงจูงใจในการต่อสู้กับความรู้สึกแปลก ๆ ระคนหนึบ ๆ หน่วง ๆ ให้ตลอดรอดฝั่ง แต่ประโยคคำสั่งชวนหน้ามืดตาลายของเฟรชชี่ต่างคณะก็ทำให้สายเปย์หลุดออกจากสมาธิอย่างง่ายดาย

“พี่ชายช่วยแกะถุงแล้วใส่ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?” เด็กหนวดอ้อนวอนพลางส่งสายตาชี้แนะพิกัดซองเครื่องป้องกันให้แก่รุ่นพี่ แต่สายตาของชายชาตรีกลับจับจ้องมองหน้า นุ้งยิม อย่างตื่นตะลึง

ให้ตายสิยิม นี่ยิมตั้งใจจะทรมานให้พี่ชายหัวใจวายตายไปก่อนที่เราจะได้กันอย่างนั้นน่ะเหรอ?
ยะ... ยะ เยอะ! พ่อยิมให้ยิมมาเยอะเกินไปแล้ว!

กระนั้นสีหน้ากึ่งลำบากใจกึ่งทรมานนิด ๆ ของคนที่นั่งประจันหน้าก็เรียกสติของเด็กบริหารให้หวนกลับเข้าร่าง หนำซ้ำยังเผลอรับปากอย่างเสียไม่ได้ไปอีก “...กะ ก็ได้...” คนพูดรับคำพลางเลื่อนฝ่ามือสั่นเทาไปคว้าซองสี่เหลี่ยมบาง ๆ ข้าง ๆ ตัวขึ้นมาฉีกอย่างเลื่อนลอย

อา... ใกล้แล้วสินะ
พี่ชายใกล้จะได้เป็นอมตะสมใจแล้วสินะ

“สะ... สะ ใส่เลยเหรอ?”

“ครับ ใส่ให้ผมหน่อยนะครับ มือผมไม่ว่าง” เด็กวิศวะตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันกลับไปตรวจภายในรุ่นพี่อย่างขมักเขม้นจนเจ้าของร่างกายเผลอตวัดตามองตามจนหน้าเห่อร้อนซ้ำล้าซ้ำเล่า... นาทีนี้ อย่าให้เขาต้องบอกเลยว่า ระหว่างท่วงท่าสุดล่อแหลมของตัวเอง กับ นุ้งยิม ที่สะกดจิตเร่งให้เขาช่วยแต่งตัวยิก ๆ นั้น อะไรดูลามกกว่ากัน

ไม่ใช่เล็ก ๆ เลยนะยิม ยางวงแค่นี้ จะมัดรอบหรือเปล่าก็ไม่รู้... เฮ่ย!!

“ยิม... มันขาด!” รอยบากขนาดใหญ่บนของกลางในมือทำสายเปย์เสียอาการ หรือเมื่อกี๊เขาจะตื่นเต้นจนเผลอซุ่มซ่ามฉีกซองหนักมือเกินไป ถุงยางเจ้ากรรมจึงถึงแก่ความตายแบบสะพายแล่งเช่นนี้?!

“อ้าวเฮ่ย?! ไหงงั้นล่ะ?! โธ่!!” ยิมโอดเสียงอ่อนด้วยไม่นึกว่าถุงยางเพียงซองเดียวที่ได้รับแจกฟรีมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายจะมีอายุขัยสั้นจนน่าตกใจ

“แล้วเราจะเอายังไงกันดีล่ะยิม?” รุ่นพี่หน้าสลดเพราะอดเห็นใจเด็กหนวดไม่ได้

“ผม... ผม” สีหน้าทรมานของยิมฟ้องชัดว่าเจ้าตัวกำลังจะไม่ไหว แต่ปากของชายหนุ่มกลับตอบไปอีกอย่างด้วยเห็นแก่สวัสดิภาพของชายชาตรีมากกว่าความสุขส่วนตัว “ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมช่วยพี่ก่อนแล้วค่อยไปเอาออกในห้องน้ำอีกที”

ที่สุดแล้ว วาจาเด็ดเดี่ยวกับน้ำเสียงหนักแน่นของรุ่นน้องวิศวะก็ทำให้ชายชาตรีตัดสินใจได้
เอาวะ! ต่อให้พิธีบูชายัญปลุกปั้นเหนือชายเพื่อครองความเป็นอมตะจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดรวดร้าวสักเพียงไหน แต่ถ้านั่นสามารถบันดาลความสุขสำราญแก่เด็กหนวดตรงหน้าได้ เขาก็จะไม่ลังเลใจที่จะริลอง

“ไม่ต้องหรอกยิม ทำเถอะ” สายเปย์พึมพำพลางหรุบตามองต่ำพลางเอ่ยเสียงแผ่ว “พี่ชายอยากเป็นคนแรกของยิมแล้วล่ะ”

“พี่ชายไม่ใช่แค่คนแรกหรอกครับ แต่พี่จะเป็นคนเดียวของผมด้วย” สิ้นคำสัญญา ยิมก็ทำให้สายเปย์ประจักษ์ถึงความหฤหรรษ์ระคนทุกข์ทรมานของการเป็นอมตะจนต้องร้องขอชีวิตอย่างกึ่งก้าวร้าวกึ่งกระเส่าโดยพลัน

$$$$$$$$

“อือ”

“พี่ชายรู้สึกยังไงมั่งครับ?” เฟรชชี่ที่ยืนตากผ้าอยู่ตรงระเบียงปราดเข้ามาลูบหน้าลูบตาคนรักทันทีที่ได้ยินเสียงครางครวญดังมาจากร่างที่นอนฟุบอยู่บนเตียง “เจ็บหรือเปล่า?”

“พี่ชายไม่เจ็บหรอก แค่เสียด ๆ นิดหน่อย” ชายชาตรีก็ก้มหน้ากัดฟันกั้นเสียงร้องโอดโอยขณะยันตัวขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ จากนั้นจึงพยายามเหยียดยกมุมปากให้ดูละม้ายกับการระบายยิ้มด้วยหวังจะตบตาเด็กหนวดไม่ให้ต้องคอยลุ้นตามจนเหง้าหน้าเสียทรง

“งั้นพี่ชายเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะครับ เดี๋ยวผมอุ่นโจ๊กรอ”

“อืม” บทสรุปของอีกฝ่ายทำชายชาตรีใจแป้ว เพราะลำพังแค่ลุกขึ้นนั่ง สารร่างก็แทบจะแหลกสลายกลายกลายเป็นผุยผงนับประสาอะไรกับการแสร้งเดินสองเท้าเข้าห้องน้ำด้วยตัวเองกันล่ะ อย่างไรก็ดี ก่อนที่หนุ่มรุ่นพี่จะวุ่นวายใจจนไม่เป็นอันทำอะไร เด็กหนวดก็พุ่งเข้ามาช่วยประคองสีข้างราวกับรู้ทันความคิด

“ไปครับ เดี๋ยวผมพาพี่ไปส่งนะ”

“ขอบใจนะ”

“พี่ชายไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ถ้าไม่ใช่เพราะผม พี่คงไม่เป็นแบบนี้” ยิ่งยอมรับตามตรง ความรู้สึกผิดในใจเฟรชชี่ก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว จริงอยู่ ปลายทางของค่ำคืนที่พ้นผ่านได้เติมเต็มความสัมพันธ์ อีกทั้งยังสร้างความอิ่มเอมใจให้แก่พวกเขาทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเพียงสายเปย์เท่านั้นที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดทางกายเพียงลำพัง

“แต่ถ้าเจ็บแบบเมื่อคืนแล้วยิมมีความสุข พี่ชายยอมนะ”

“โธ่พี่ชาย! พี่ชายจะทำให้ผมหลงพี่ไปถึงไหนกันครับ แค่นี้เมื่อเช้าผมก็ไม่อยากลุกไปซื้อโจ๊กแล้วนะครับ” เด็กหนวดโอดอย่างหมดท่าพลางสัญญากับตัวเองว่า นับจากนี้ เขาจะรัก ภักดี และทำให้ชายชาตรีมีความสุขยิ่งกว่าตัวเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยทีเดียว

“เว่อร์!

“ผมไม่ได้เว่อร์นะครับ ผมพูดจริง ๆ ผมหลงพี่ชายไปถึงไหน ๆ แล้วก็ไม่รู้ครับ” คนพูดกดจูบหนัก ๆ บนแก้มเนียนของรุ่นพี่ต่างคณะเพื่อช่วยยืนยัน ฝ่ายคนฟังก็รีบเปลี่ยนเรื่องด้วยยังรู้สึกประหม่ากับเหตุการณ์กระชับความสัมพันธ์เมื่อคืนไม่หาย

“ตอนนี้ยิมไม่ต้องหลงพี่ชายไปถึงไหนไกลหรอก เอาถึงแค่ห้องน้ำก่อนก็พอ พี่ชายปวดฉี่แล้วก็อยากอาบน้ำด้วย” สายเปย์ยิ้มแหย

“ครับ ๆ  ได้ครับ” เด็กปีหนึ่งรับคำแข็งขันก่อนจะนิ่งไปพักหนึ่งหลังเห็นอาการยักแย่ยักยันของคนที่ตนประคองปีกอยู่ “ว่าแต่ พี่ชายอาบน้ำเองเองไหวไหมครับ หรืออยากให้ผมช่วย?”

“ไม่ต้อง พี่ชายไหวหรอกน่า”

รุ่นพี่บริหารเผลอเข้าใจไปว่าอาการหางลู่หูตกของคนรักหลังรับฟังคำตอบล่าสุดเป็นผลจากความรู้สึกผิดที่ยังคงฝังติดแน่นอยู่ภายในใจ หากแต่ความเป็นจริงแล้วไซร้ จิตด้านมืดของเด็กหนวดกลับแอบรู้สึกเสียดายจับใจเมื่อตระหนักว่าสายเปย์ไม่ได้เข้าใจนัยยะเร่าร้อนซ่อนเร้นเลยสักนิด

“ครับ ๆ งั้นผมไปอุ่นโจ๊กรอพี่ชายนะครับ ไม่ต้องรีบอาบน้ำนะครับ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ เรียกผม เดี๋ยวผมเข้ามาช่วย”

“อืม” เมื่อส่งรุ่นพี่ถึงยังใจกลางห้องน้ำ ยิมก็กำชับเสียงเข้มก่อนจะหอมแก้มชายชาตรีเสียเต็มฟอดเป็นการทิ้งท้าย สายเปย์จึงทำได้แค่ยืนก้มหน้าเกาะผนังพลางส่งยิ้มเอียงอายให้กระเบื้องปูพื้นคล้ายมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันมาเนิ่นนาน

ทว่าภายหลังจากเริ่มอาบน้ำชำระร่างกายไปได้สักพัก ชายชาตรีผู้กำลังหลับตาปี๋ขณะขยี้ฟองยาสระผมอยู่อย่างเมามันกลับรู้สึกถึงการโดนสวมกอดจากด้านหลังอย่างเนื้อ ๆ เน้น ๆ ไม่เว้นช่องว่าง อารามตกใจ ชายหนุ่มหน้าเข่าจึงรีบหยีตา สะบัดหน้าหันขวับไปมองหาตัวการอย่างทันท่วงที

“ขอผมอาบด้วยคนนะครับ เมื่อเช้าตื่นมายังไม่ได้อาบน้ำเลย” เด็กปีหนึ่งในสภาพไร้เสื้อผ้าปกคลุมยืนยิ้มหน้าแป้นแผ่ออร่าแห่งความสุขสาดกระจายไปทั่วทุกอณูห้องน้ำ คนโตกว่าจึงละล่ำละลักถามด้วยความสงสัย

“อ้าว แล้วโจ๊กล่ะ จะไม่อุ่นแล้วเหรอยิม?”

“ไว้ก่อนก็ได้ครับ ผมอยากอาบน้ำกับพี่มากกว่า ผมจะได้ช่วยพี่ชายดูด้วยไงว่าไม่เหลืออะไรตกค้างข้างในอีกแล้ว” ยาจกเคราเฟิ้มยิ้มกริ่มก่อนจะลงมือสำรวจร่างกายรุ่นพี่โดยละเอียดดังที่เอ่ยอ้างเอาไว้จริง ๆ

$$$$$$$$

“เดี๋ยวผมมานะครับ”
.
.
.
.
.
“อือ” สายเปย์พลิกตัวนอนหงายพลางยิ้มพรายพร้อมกับวาดมือเปะปะไปยังที่ว่างข้าง ๆ ตัวเพื่อตามหาไออุ่นของเด็กหนวดจอมซุกซนที่ขยันทำการบ้านเสียจนเขาสำลักความสุขแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลา โชคยังดีที่ตอนอาบน้ำด้วยกันเมื่อเช้า ท้องเจ้ากรรมเกิดร้องประท้วงขึ้นมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้น ชายหนุ่มหน้าเข่าคงโดนยิมจู่โจมยาว ๆ จนไม่เป็นอันกินข้าวกินปลาไปแล้วแน่ ๆ

“ยิม” เมื่อแน่ใจว่าไร้ไออุ่นจากคนคุ้นเคย เด็กบริหารก็ผงกหัว เงยหน้าขึ้นชูคอมองหาคนรักด้วยความหวั่นใจ จนเมื่อลากกรอบสายตาลากไปบรรจบกับประตูหน้าห้องที่เปิดอ้ากว้างทั้งที่ไม่ใช่วิสัยของอีกฝ่าย ชายหน้าเข่าก็ไม่อาจทนนอนนิ่งเฉยได้อีกแล้ว  

“ยิม!” ชายชาตรีส่งเสียงเรียกพลางลากสังขารย้วย ๆ ลงจากเตียงแล้วออกไปชะโงกหน้ามองหาคนรักที่หายตัวอย่างไร้ร่องรอยตรงหน้าประตู แต่ความว่างเปล่า เงียบงันก็ทำให้ชายหนุ่มวิ่งตาลีตาเหลือกกลับเข้าห้องเพื่อควานหาโทรศัพท์คู่ใจให้จ้าละหวั่น กระนั้นเสียงริงโทนเชยสะบัดที่ดังลั่นห้องกลับบอกใบ้ให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายทิ้งมือถือรุ่นพระเจ้าเหาเอาไว้ที่ห้องนี่เอง

ยิมไปไหน?!!

ก่อนที่เด็กบริหารปีสามจะวุ่นวายใจจนไม่เป็นอันทำอะไร สายเรียกเข้าจากอีกหมายเลขก็ทำให้อุปกรณ์สื่อสารในมือแผดเสียงขัดขึ้นเสียก่อน ทว่าจังหวะอันประจวบเหมาะบวกกับชื่อของคนปลายสายกลับสร้างความประหลาดใจแก่ชายชาตรีได้ไม่น้อย “คุณชายพ่อ? คุณชายพ่อโทรมาทำไม? คุณชายพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“ถ้ากูไม่มีอะไร กูจะโทรไปหามึงไม่ได้ใช่ไหมไอ้ชาย?” หางเสียงของคนปลายสายฟังฉุน ๆ จนสายเปย์ต้องรีบอธิบายตัวเองอย่างว่องไว  

“เปล่าครับ ชายแค่สงสัยเฉย ๆ เพราะคุณชายพ่อไม่เคยโทรมาเวลานี้ ว่าแต่คุณชายพ่อมีอะไรจะเรียกใช้ชายหรือเปล่าครับ?”

“กูแค่จะโทรมาบอกว่า เด็กยิมอยู่กับกูที่วังนี่ ถ้าอยากเจอก็รีบตามมา”

“ห๊ะ?! เมื่อกี๊คุณชายพ่อว่ายังไงนะครับ?”




|| ย้อนไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ||

“หืม?!

คุณลักษณะเด่นข้อหนึ่งของห้องเช่าราคาถูก คือ ผนังบาง ดังนั้นจึงไม่แปลกหากคนหูไวอย่างยิมจะได้ยินเสียงโวยวายล้งเล้งของเพื่อนบ้านทั้งบนล่าง ซ้ายขวาอยู่เสมอ ยิ่งเมื่อเป็นเสียงโต้เถียงที่ดังมาจากห้องตรงข้ามซึ่งมีความหลังต่อกันด้วยแล้ว มีหรือที่โสตประสาทของเขาจะละเลยเพิกเฉยได้

“เดี๋ยวผมมานะครับพี่ชาย” ยาจกยิมผู้มีอนุสติตั้งอยู่บนการอดออมถนอมเงินดีดตัวขึ้นจากเตียงได้ทั้ง ๆ ที่เพิ่งออกกำลังกายในร่มไปเมื่อไม่ถึงชั่วโมงดี ชายหนุ่มประทับจูบข้างขมับคนรักก่อนจะถลาออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว จนเมื่อเห็นแผ่นหลังของคนคุ้นตาวิ่งหน้าตั้งลงบันได อาการงกเงินในสายเลือดก็ทำให้เด็กวิศวะซอยเท้าไล่กวดอีกฝ่ายโดยแทบไม่เสียเวลาคิดใคร่ครวญ

“ไอ้โก้! มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง ผู้ถูกติดตามก็หันกลับมา ก่อนจะเปลี่ยนไปใส่เกียร์หมาพุ่งลงบันไดด้วยความว่องไวยิ่งกว่าเดิม แต่ต่อให้อีกฝ่ายเป็นบุตรแห่งพระพาย สายลมไหน ๆ ก็ไม่สามารถต่อกรกับเด็กหนวดโหมดหิวเงินได้ทั้งนั้น “หยุด! กูบอกให้หยุด!

และแล้ว ความพยายามของยิมก็ผลิดอกออกผลทันตา เพราะในที่สุด ช่วงขายาว ๆ ของเขาก็ได้ปรับท่วงท่าจากการวิ่งเป็นการกระโดดเทคตัวขาคู่ใส่แผ่นหลังของผู้ร้ายจนอีกฝ่ายล้มคะมำหน้าคว่ำลงกับพื้นลาดยางหน้าหอพักนั่นเอง ทันทีที่เป้าหมายเสียหลัก เด็กหนวดร่างยักษ์ก็ทิ้งลงตัวนอนทาบพร้อมกับจับแขนทั้งสองข้างของคนถูกไล่ล่ามาไพล่ไว้ข้างหลัง ก่อนจะคำรามลั่นซอยอย่างเหลืออด “ไอ้โก้! มึงเอาเงินหกหมื่นห้าคืนกูมาเดี๋ยวนี้นะ!

“ไม่มี! กูไม่มีเงินแล้ว!

“คิดเหรอว่ากูจะเชื่อ?” คนร้ายฉ้อโกงพยายามดิ้นหนีจนยิมต้องสละแขนข้างหนึ่งสอดล็อกใต้ต้นขาของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรัดกุม “ถ้าไม่อยากติดคุก มึงต้องเอาเงินหกหมื่นห้าไปคืนพี่ชายเดี๋ยวนี้!

“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่มี ไม่มี!” โก้รวบรวมกำลังเท่าที่ยังพอเหลือดีดตัวพลิกกลับข้างเปลี่ยนเป็นนอนหงายหลังทับร่างหนา ๆ ของเด็กมหาลัยห้องตรงข้าม จากนั้นจึงตอกส้นใส่ช่วงกลางลำตัวอีกฝ่ายอย่างจังจนยิมมือไม้อ่อนชั่วคราว

เมื่อรู้สึกว่าตนเองขยับเขยื้อนร่างกายได้ดั่งใจ จอมฉ้อฉลก็รีบผุดลุกขึ้นอย่างว่องไวก่อนจะตั้งท่าออกวิ่งทั้งที่ยังเหยียดยืนไม่เต็มศูนย์ดี กระนั้นก่อนที่คนขี้โกงจะหายจ้อยลอยเข้ากลีบเมฆอีกคำรบ กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดซาฟารีสีดำก็โผล่มายืนล้อมชาวหอทั้งสองเอาไว้ แล้วก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“เอาตัวมันไปหานาย!!” สิ้นคำ บาปกรรมในรูปของการโดนอุ้มก็ตามทันโก้ในบัดดล เพราะชายชุดดำสามคนได้เข้าประชิดตัวชายหนุ่มก่อนจะหิ้วปีกพากันเดินหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อจับตัวคนร้ายได้แล้ว ชายชุดดำผู้รั้งตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มก็หันมาช่วยฉุดยิมให้ลุกขึ้นก่อนจะออกคำสั่งถัดมาด้วยน้ำเสียงสุภาพกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว “นายให้เชิญคุณยิมไปพบนายด้วยครับ”

“นาย? นายไหนคร...”
“เชิญครับ” แม้จะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่การผายมือโดยไม่พูดอะไรของอีกฝ่ายก็ทำให้เด็กหนวดยอมเดินตามกลุ่มชายชุดดำไปขึ้นรถอย่างไม่มีทางเลือก

$$$$$$$$

“ยิม!
“พี่ชาย!
“ยิมมาที่นี่ได้ไง?” ความเจ็บปวดรวดร้าวบั้นเอวเมื่อราว ๆ ชั่วโมงก่อนปลาสนาการไปทันทีที่ชายชาตรีเห็นหน้าคนรักอีกครั้ง แต่การพบกับอีกฝ่ายที่วังพูนทรัพย์ทวีโดยมีคุณชายพจน์อยู่เบื้องหลังกลับไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักเท่าไร

“คนของคุณพ่อพาผมมาครับ” ยิมตอบพลางลูบหน้าสายเปย์อย่างทะนุถนอม “ผมขอโทษนะครับพี่ชาย ผมไม่ได้ตั้งใจทิ้งพี่ชายไว้ที่ห้องคนเดียวจริง ๆ ”

“ไม่เป็นไร แค่พี่ชายเจอยิม พี่ชายก็สบายใจแล้วล่ะ”  

“มากันพร้อมหน้าเสียทีนะ” เด็กบริหารเริ่มรู้สึกใจไม่ดีเมื่อบุพการีเดินส่ายอาด ๆ เข้ามาในห้องด้วยสีหน้าทองไม่รู้ร้อน

“คุณชายพ่อ คุณชายพ่อให้คนพายิมมาที่นี่ทำไมครับ?!

“ทำไม? ถ้าไม่มีอะไรกูจะเจอหน้าไอ้เด็กยิมมั่งไม่ได้เลยเรอะ?” คุณชายพจน์เดาะลิ้นยียวนทายาทก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งยังเบาะโซฟาหนังกว้างอย่างมีมาด

“แล้วคุณชายพ่อจะอยากเจอหน้ายิมไปทำไมกันครับ คราวก่อนคุณชายพ่อก็ไม่เห็นจะโปรดยิมสักเท่าไร” หนุ่มหน้าเข่าต่อปากต่อคำกับประมุขของวังโดยไม่ยั้งมือ

“มึงเป็นกูรึไงถึงได้รู้ดีไปหมด?!
“ก็วันนั้นคุณชายพ่อเป็นคนเรียกพี่แมนสรวงมานี่ครับ!
“ก็กูอยากรู้นิว่าไอ้ยิมมันจะทำยังไง ถ้ามันอดทนอดกลั้นกับเรื่องแค่นั้นไม่ได้ มันก็ไม่สมควรที่จะเป็นผัวมึง!” สายเปย์ตัดพ้อต่อว่าบิดาด้วยความอัดอั้นตันใจ แต่พอโดนอีกฝ่ายออกหมัดสวนเข้าให้ ชายชาตรีก็ถึงกับเอ๋อไปเหมือนกัน
“หืม?! เมื่อกี๊คุณชายพ่อว่ายังไงนะครับ?” ชายชาตรีมองหน้าผู้เป็นพ่อสลับกับสามีหมาด ๆ ด้วยความฉงนสนเท่ห์ อาการดังกล่าวทำให้เด็กหนวดข้างกายต้องช่วยยืนยันอีกแรง

“คุณพ่อท่านยอมรับผมในฐานะแฟนของพี่ชายแล้วครับ”

“จริงเหรอ?” ผละจากยิม สายเปย์ก็จ้องมองคาดคั้นผู้เป็นบิดาอย่างเอาเป็นเอาตาย “จริงเหรอครับคุณชายพ่อ?!

“ใช่ แต่กูมีข้อแลกเปลี่ยนนะ” คุณชายพจน์หรี่ตามองหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรครับ?”

เจ้าบ้านลอบส่งสายตาให้เด็กหนวดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ราวกับนัดแนะกัน “ตั้งแต่ปิดเทอมใหญ่เป็นต้นไป ผมต้องย้ายมาฝึกเป็นเลขาส่วนตัวคุณพ่อน่ะครับ”

“ถ้ามันยืนกรานว่ามันจะไม่เลิกกับมึงง่าย ๆ การเป็นคนที่กูไว้ใจก็น่าจะทำให้มันกับมึงอยู่ในฐานะที่เหมาะสมกันมากขึ้น” คุณชายพจน์ชำเลืองมองหน้าเลือดในอกด้วยสีหน้าจริงจังพลางเสริมความด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เพราะกูคงไม่ดีใจเท่าไรถ้าต้องมาทนฟังคนอื่นสบประมาทมึงว่า มึงมันหน้าโง่ หลงผู้ชายจนโงหัวไม่ขึ้น มีอะไรก็ประเคนให้ผู้ชายหมด”

“คุณชายพ่อ!” เด็กบริหารมองหน้าบิดาด้วยสายตาซาบซึ้ง เพราะนอกจากเหตุผลดังกล่าวจะสะท้อนการยอมรับเด็กหนวดอย่างเต็มรูปแบบแล้ว บิดาบังเกิดเกล้ายังช่วยวางแผนชีวิตในอนาคตให้พวกเขาทั้งคู่อีกด้วย

“ที่คุณพ่อท่านไม่ให้ผมเริ่มงานเลยเพราะถ้าผมเริ่มงานเร็วเกินไป ท่านก็กลัวว่าเฮียคองกับพี่ผึ้งจะหาคนมาแทนลำบากน่ะครับ” ยิมให้เครดิตพ่อตาทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ชายหนุ่มคือคนขอร้องประมุขใหญ่แห่งวังพูนทรัพย์ทวีให้ยืดกำหนดเวลาด้วยเห็นแก่เจ้าของร้านข้าวต้มเป็นสำคัญ

แน่ล่ะ ลองว่าถ้าเด็กหนวดออกตัวล้อฟรีสรรเสริญเยินยอคุณชายพจน์เสียดิบดี มีหรือที่ชายชาตรีจะไม่แฮปปี้จนหน้าบานเป็นจานเชิง “คุณชายพ่อ!!

“เรียกอยู่ได้ มึงเป็นอะไรของมึง ฮึ?!

“ชายขอบพระคุณคุณชายพ่อมากนะครับที่ให้โอกาสพวกเรา ชายดีใจที่สุดเลย” สายเปย์ยิ้มร่าพลางไถลตัวลงไปก้มกราบแทบเท้าบุพการีก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ว่าแต่ ทำไมอยู่ ๆ คุณชายพ่อถึงยอมรับยิมล่ะครับ?”

“ก็ถ้ากูให้มึงตบแต่งกับแมนสรวง ทางนั้นคงเอาสมบัติของปู่ย่าตาทวดเราไปถลุงลงพรรคการเมืองหมด อีตอนเอาไปน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่ถ้าถอนทุนคืนได้ กูมั่นใจว่าทางนั้นคงไม่โง่คืนเงินต้นตระกูลมาให้เราแน่ ๆ ”

“โธ่คุณชายพ่อล่ะก็! ชายอุตส่าห์รอฟังเหตุผล!” 

ไม่ว่าเมื่อไร คุณชายพจน์ก็เลือกที่จะกั๊กเหตุผลที่แท้จริงจากคนอื่น ๆ อยู่เสมอ  เคราะห์ดีคุณหญิงกีรติยืนหยัดอยู่ข้างกายท่านไม่ห่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีผู้ใดในโลกใบนี้ที่จะอ่านคุณชายพจน์ได้แตกฉานราวอ่านหนังสืออีกแล้ว

อย่างไรก็ดี สำหรับบทสนทนาในครั้งนี้ ฝ่ายสองหนุ่มกลับเพลี่ยงพล้ำแก่ความท่ามากของผู้เป็นพ่อ เพราะประมุขหญิงของบ้านออกไปสังสรรค์กับก๊วนภริยาผู้ใหญ่บ้านผู้ใหญ่เมืองทั้งหลายตั้งแต่เมื่อเช้า ดังนั้นจึงไม่แปลกหากคุณชายพจน์จะปล่อยให้ลูกชายตะบึงตะบอนค่อนแคะเรื่อยไปโดยไม่เดือดร้อนอธิบาย...  

เรื่องอะไรเขาถึงจะชมเชยไอ้ลูกเขยให้ชายชาตรีได้หน้าล่ะ?

แค่เพราะจะได้เด็กยิมมาเป็นผู้ช่วยกอบกู้ดูแลสมบัติตระกูลมีทรัพย์มากอนันต์ให้มีอนาคตสว่างสดใสขึ้นอีกหลายเท่า
แค่เพราะจะได้คนที่รู้จักคุณค่าของเงินเป็นอย่างดี แถมยังอดออม ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้เอามาก ๆ มาอยู่เคียงข้างลูกชายเพื่อทำให้ทรัพย์สินงอกเงยเพิ่มพูน เหตุผลเพียงแค่นั้นน่ะเหรอที่ทำให้เขาควรชื่นชมสรรเสริญมันออกหน้าไมค์? ง่ายไปหรือเปล่า?  

แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องเผยความชอบใจเมื่อรู้ว่ายิมเป็นเดือดเป็นร้อนกับเงินทองของลูกชาย กระทั่งเงินที่โดนเชิดไป เจ้าตัวยังกัดไม่ปล่อยทั้ง ๆ ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเลยสักแดงเดียว?  

แค่ความเชื่อมั่นในคุณสมบัติบางอย่างในตัวเด็กยิม
แค่ลางสังหรณ์ที่บอกเขาว่า เด็กหนุ่มคนนี้จะสามารถดูแลอาณาจักรสีขาวอมเทาของเขาได้ตลอดรอดฝั่ง หลังจากเคยหมดหวังกับลูกชายที่เหลาะแหละและดีแต่เต๊าะผู้ชายไปวัน ๆ มาแล้ว เหตุผลเพียงแค่นี้ คงไม่พอที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจการตัดสินใจของเขาได้ทะลุปรุโปร่งหรอก... โดยเฉพาะไอ้ลูกชายตัวดีที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง

ปล่อยให้ไอ้ชายมันโง่ต่อไปเถอะ
ปล่อยให้มันมีความสุขอยู่ในโลกของมันไป แล้วฝากเด็กยิมให้ช่วยดูแลอนาคตของมันต่ออีกทอดนึง เพียงเท่านี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้เขากับคุณหญิงกีรติต้องคอยห่วงพะวงอีกแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นหมดเทอมนี้พี่ชายก็ต้องลาออกจากร้านพี่ผึ้งเหมือนกันน่ะสิ” สายเปย์ปรารภขึ้นอย่างเลื่อนลอย ชายหนุ่มอดรู้สึกใจหายไม่ได้ที่รู้ว่า ในอีกไม่ช้า ตนเองจะต้องร้างลาจากวงการร้านข้าวต้มไปจริง ๆ

“ผมว่าพี่ชายควรจะหยุดก่อนสอบนะครับ เพราะเดี๋ยวพี่ชายจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ”

“ไม่เอา พี่ชายอยากทำงานกับยิม” เด็กบริหารปีสามคัดค้านหัวชนฝา เขาจะอ่านหนังสือเตรียมสอบรู้เรื่องได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่รู้แก่ใจว่าเด็กหนวดกำลังทำงานหาเงินงก ๆ อยู่ที่ร้านจนดึกดื่น... ไม่ได้ ถ้าเหนื่อยก็ต้องเหนื่อยด้วยกัน!  

“พอ ๆๆๆ ไว้พวกมึงค่อยไปเถียงกันต่อทีหลัง วันนี้ช่วยกลับไปขนของแล้วย้ายออกจากห้องรังหนูนั่นเร็ว ๆ ทีเถอะ กูทนเห็นพวกมึงอุดอู้อยู่แบบนั้นไม่ไหวแล้ว”

“ครับ?”

“พวกมึงจะย้ายไปอยู่ที่คอนโดเสียด้วยกันก็ได้ กูไม่ห้าม!” คุณชายพจน์ตัดบทลูกชายด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

คำพูดของบิดาเหมือนการโยนก้อนหญ้าขนลงตรงหน้าควายหิว เพราะจากที่จะเป็นจะตายด้วยเรื่องลาออกจากงาน ภาพของยิมในชุดวาบหวิวขณะเดินชมวิวกรุงเทพฯ บนเพนท์เฮาส์ที่คุณหญิงแม่ซื้อให้เขาก็ทำให้ดวงตาของชายชาตรีสุกสกาว เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง

“จริงด้วย! เดี๋ยวอีกหน่อยยิมก็ต้องมาทำงานกับคุณชายพ่อแล้วใช่ไหม งั้นพี่ชายว่าเราต้องเตรียมความพร้อมอะไรอีกหลายอย่างเลยล่ะ” สิ้นเสียง ชายหนุ่มหน้าเข่าก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงก่อนจะคว้าแขนคนรักเข้ามาควงพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ไป! เดี๋ยวพี่ชายพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่เองนะ”

“ไอ้ชาย! ไม่ทันไรลายมึงก็ออกแล้วเรอะ?!

“แหมคุณชายพ่อล่ะก็ นาน ๆ ทีน่ะครับ”  แม้คุณชายพจน์จะแหวเสียงเขียว แต่ชายชาตรีกลับหาได้เหลียวแลไม่

“ไหนพี่ชายสัญญากับผมว่าจะเลิกใช้เงินฟุ่มเฟือยแล้วไงครับ?”

“ครั้งเดียวเองนะ นะยิมนะ พี่ชายอยากเดินห้าง พี่ชายไม่ได้เดินห้างมาเดือนกว่าแล้วนะยิม” สายเปย์ออดอ้อนเสียงหวานจนเด็กหนวดใจอ่อน

“พรุ่งนี้กลางวันผมพาพี่ไปเดินห้างก็ได้ครับ แต่ถ้าพี่ชายอยากซื้อของ พี่ชายต้องใช้เงินที่หามาได้ด้วยตัวเองซื้อเท่านั้น ห้ามใช้เงินของคุณพ่อคุณแม่เด็ดขาด ตกลงไหมครับ?”

“ก็ได้ แต่พรุ่งนี้ยิมจะพาพี่ชายไปเดินห้างแน่นะ?”

ประมุขแห่งวังพูนทรัพย์ทวีอมยิ้มชอบใจเมื่อประจักษ์ถึงความสามารถในการจูงใจลูกชายสายเปย์ของยิม พอกันทีกับการก่นด่าทายาทจนปากเปียกปากแฉะ ปล่อยให้เด็กยิมควบคุมความประพฤติให้นี่แหละ เขาจะได้กลายเป็นยอดบิดาสุดคูลดูน่าเคารพนับถือเหมือนอย่างพ่อบ้านอื่นเขาบ้าง  

“ครับ ถ้าพี่ชายตื่นไหวนะครับ”

หากชายชาตรีไม่มัวแต่ยิ้มร่ายินดีกับแผนการเดินเที่ยวห้างในวันพรุ่งนี้จนเกินไป เด็กบริหารคงสำเหนียกจนตกผลึกทางความคิดไปนานแล้วว่า เงื่อนไข ถ้าพี่ชายตื่นไหว ใช้ไม่ได้กับไลฟ์สไตล์ของเหล่าผู้เป็นอมตะ ยิ่งถ้าคู่ขาทั้งเด็ก ทั้งอึด แถมยังขยันขันแข็ง หมั่นฝึกปรือทำการบ้านอย่างหาตัวจับยากแบบยิมด้วยแล้วล่ะก็ แค่ลากสังขารไปเข้างานที่ร้านข้าวต้มให้ทันเวลาก็นับว่าทนทายาดมาก



……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ :
ทีแรกชายก็เข้าใจว่า สาเหตุที่ยิมเลิกส่งหนังสือพิมพ์ตอนเช้าเพราะคุณชายพ่อสั่งห้าม
แต่อยู่ดี ๆ บ่ายวันหนึ่ง เด็กหนวดก็เดินมาสารภาพกับชายว่า
เงินค่าส่งหนังสือพิมพ์ที่เสียไปเทียบไม่ได้กับความอิ่มเอมใจหลังได้กกกอดชายอย่างหนำใจจนถึงเช้า...
ก็ไม่รู้สินะ ฮิ ๆ (ยืนกอดอกอมยิ้มพลางยักคิ้วข้างซ้ายให้ตัวเองเบา ๆ )


$$$$<| TBC |>$$$$