Monday, August 29, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 33rd Bonding || 29.08.2015



เอ้า! ใครรอแฝดอยู่คะ? แฝดมาแล้วเน้อ!
แถมยังน่ารักสดใสวัยรุ่นชอบมาก ๆ อีกด้วย
ถ้าใครหลง ใครรักน้อง ๆ กันหัวปักหัวปำ ก็คอมเมนท์ไว้ได้นะคะ
เผื่อเราจะมีไฟเขียนตอนพิเศษที่เดินเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ๆ ให้มากขึ้นอีก
(โอ้โห! กล้ามากนังมะลิ!)

รักชอบประการใด... ฝากข้อความแทนใจเอาไว้ได้เลยค่ะ ^^





«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The 33rd Bonding
พี่โรงเรียนอนุบาลจ๋า ฝาแฝดมาแย้ว!




♪♫If you’re happy and you know it, shout ‘Hurray!’
[หากพวกเรากำลังสบายจงร้องฮูเร่!]

ฮูเร่!

If you’re happy and you know it, shout ‘Hurray!’
[หากพวกเรากำลังสบายจงร้องฮูเร่!]

ฮูเร่!

If you’re happy and you know it , then your face will surely show it
If you’re happy and you know it, shout ‘Hurray!’
[หากพวกเรากำลังมีสุข หมดความทุกข์ไปแล้วทุกสิ่ง จะมัวประวิงอะไรกันเล่า จงร้องฮูเร่!]

ฮูเร่!

ทุก  ๆ ครั้งที่เสียงร้องนำสูง ๆ ต่ำ ๆ ของคนเป็นพ่อสิ้นสุด เด็กชายวัยสี่ขวบทั้งสามซึ่งจับจองเบาะนั่งรอบ ๆ ตัวกรกฏต่างพร้อมใจกันตะเบ็งเสียงร้องรับคำสั่งของเนื้อเพลงกันอย่างคึกคัก บ้างส่ายหัว บ้างก็นั่งกระดิกขาดุ๊กดิ๊กทั้งตามและคร่อมจังหวะสุดแล้วแต่อารมณ์สุขสันต์ที่เอ่อล้นจากภายในจะนำพา คลื่นความสดชื่นอัดแน่นด้วยความมีชีวิตชีวาที่แผ่ออกมาจากร่างอวบ ๆ ของเหล่าเทวดาตัวน้อย ๆ แห่งตระกูลคุณะประสิทฒ์สามารถเรียกรอยยิ้มของทั้งพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยและพลขับประจำบ้านได้ไม่รู้จักหยุดหย่อน  

โชคดีที่บ่ายนี้การจราจรไม่คับคั่งมากนัก สังเกตได้จากการที่กังฟูยังไม่ทันร้องเพลงดังกล่าวได้ทันครบรอบ ทว่าความเร็วของรถตู้คันที่ป๊ะป๋าร่างหมีจัดหาไว้เพื่อบริการคนรักและลูกชายฝาแฝดกลับกำลังค่อย ๆ ผ่อนรอบลงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่สุดท้าย พาหนะสุดหรูคันดังกล่าวจะหยุดนิ่งสนิทหลังจอดเทียบตรงบันไดทางขึ้นอาคารสำนักงานใจกลางย่านธุรกิจซึ่งได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนแห่งสถาปัตยกรรมแนวร่วมสมัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างที่สุด


“เอ้าเด็ก ๆ ถึงแล้วครับ!” อริยะตรัยผู้พี่เอ่ยกับเลือดเนื้อเชื้อไขอย่างร่าเริง กระนั้น ความกระตือรือล้นของผู้เป็นพ่อยังไม่อาจเทียบได้กับแฝดสามที่ค่อย ๆ ทยอยไถลตัวสไลด์ลงจากเบาะ แล้วเริ่มกระโดดดึ๋งดั๋งขย่มรถพลางแข่งกันตะโกนด้วยพลังงานเต็มเปี่ยม 

เย่ ๆๆๆ!!!

เมื่อเห็นแนวโน้มว่าลูก ๆ กำลังตื่นเต้นเสียจนอาจก่อความรำคาญให้ผู้อื่น คุณพ่อหน้าหวานจึงต้องอาศัยทักษะในการต่อรองเพื่อควบคุมเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้หลังเหล่าเด็กชายเฮโลลงจากรถไปแล้ว “ก่อนจะขึ้นไปหาป๊ะป๋ากับแด๊ด ไหนลองทวนให้พ่อฟังอีกทีสิว่าพวกเราตกลงอะไรกันเอาไว้”

จับมือพ่อฟูคับ!” พี่คนโตตอบนำอย่างฮึกเหิมก่อนที่น้อง ๆ จะเสริมความตามหลังอย่างคล่องแคล่วว่องไวไม่ขาดช่วง
เดินเบา ๆ  ไม่ส่งเสียง!
ถ้าส่งเสียง ป๋ากับแด๊ดจะไม่เซอร์ไพรส์!

เก่งมาก ๆ ครับ! ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ลงไปหาแด๊ดกับป๊ะป๋ากันเลย!” กังฟูคลี่ยิ้มกว้างให้ลูกชายทั้งสามที่ตอบคำถามของเขาอย่างฉะฉาน และไม่ตกหล่นเลยสักข้อเดียว ฉลาดเป็นกรดแถมยังน่ารักไม่มีใครเกินแบบนี้ จะไม่ให้ชายหนุ่มทั้งรัก และหลงลูก ๆ ของตัวเองอย่างไรไหว

เย่!
ไปหาป๊ะป๋า!
แด๊ดแด๊ด!!

ขาดคำของบุตรชายคนกลาง คนขับรถประจำบ้านก็วิ่งมารอรับพวกเขาทั้งหมดก่อนที่บานประตูอัตโนมัติจะเลื่อนเปิดจนสุด จากนั้นจึงช่วยผ่อนแรงคุณพ่อร่างเล็กด้วยการอุ้มหนึ่งในฝาแฝดลงจากรถอย่างรู้หน้าที่ กรกฏจึงหันไปสอนลูกโดยพลัน “พี่พลาย... ขอบคุณลุงเทพก่อนครับ”

ขอบคุณคับ!” เด็กชายปภพประกบฝ่ามือป้อม ๆ ทั้งสองเข้าด้วยกันแล้วก้มหัวลงตามที่ผู้เป็นพ่ออบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ยังไม่รู้ความ แต่สิ่งที่ทำให้เด็กแฝดยิ่งน่าเอ็นดูไปกันใหญ่ คือ การที่แฝดน้องอีกสองหน่อยกมือไหว้ลุงเทพตามพี่ชายไปติด ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้อะไรกับใครเขานั่นแหละ 

หลังปล่อยให้ลูก ๆ แสดงความซาบซึ้งต่อน้ำใจของผู้แก่อาวุโสกว่าจนเสร็จสิ้น ชายหนุ่มก็สั่งความกับเทพสั้น ๆ “เดี๋ยวพอจอดรถเสร็จพี่เทพจะลงมากินกาแฟรอพวกเราข้างล่างตึกก็ได้นะครับ... แล้วถ้าพวกผมจะกลับเมื่อไร ผมจะโทรหา”

“ครับคุณฟู”

“ไปครับเด็ก ๆ ไปหาป๋ากับแด๊ดกัน”

คำชักชวนของคุณพ่อเปรียบเหมือนสัญญาณที่บอกให้พี่ใหญ่เสียสละคว้ามือแฝดคนกลางมากุมเพื่อเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้จับมือกับบิดาดังเช่นที่เจ้าตัวมักจะทำตามปกติวิสัย ฝ่ายคุณพ่อยังหนุ่มก็ปล่อยให้พลายเดินนำหน้าขบวนไปอย่างช้า ๆ โดยที่ตนคอยจับสังเกตลูกคนแรกอยู่เสมอแม้จะง่วนกับการดูแลเด็กน้อยอีกสองคนด้วยก็ตาม ทั้งสี่ค่อย ๆ พากันก้าวขึ้นบันไดไปยังส่วนล็อบบี้ชั้นล่างของตึกด้วยความระมัดระวังและเป็นระเบียบเรียบร้อยจนน่าชื่นชม   

กรกฏปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงแรก ๆ ที่ต้องไปไหนมาไหนเพียงลำพังกับลูก ๆ โดยไร้สองหมีข้างกาย ชายหนุ่มมักจะรู้สึกประหม่าจนวางหน้าไม่ถูก นั่นก็เพราะความน่ารักของพวกลูก ๆ ทำให้เขาพลอยตกเป็นเป้าความสนใจของคนส่วนใหญ่ไปโดยปริยาย แต่ยิ่งนานวัน ใบหน้าคมคายซึ่งเผยเค้าลางความหล่อเหลาน่ามองของเด็กชายทั้งสาม กลายเป็นปัจจัยที่ช่วยให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยสามารถรับมือกับสายตาของคนแปลกหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

แต่อริยะตรัยคนโตกลับไม่เคยฉุกคิดเลยว่า เหตุที่ผู้คนซึ่งสัญจรไปมาต่างจับจ้องมองพวกเขาเป็นตาเดียว นอกจากจะเป็นเพราะแฝดสามกับเครื่องแต่งกายและทรงผมเฟี้ยวฟ้าวทันสมัยแบบที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าผู้ปกครองพิถีพิถันและเอาใจใส่กับการแต่งกายของเด็ก ๆ อย่างที่สุดแล้ว ยังเป็นเพราะออร่าเย้ายวนที่แผ่ออกมาจากร่างตนโดยที่คนเป็นพ่อแทบไม่รู้ตัวนั่นเอง  


“ผมมาพบคุณพรนภัสครับ นัดไว้แล้ว” ทันทีที่เห็นประชาสัมพันธ์ประจำตึกสบตาและคลี่ยิ้มให้ กังฟูก็อ้างอิงชื่อเลขานุการประจำตัวคนรักร่างหมีผู้เป็นกองกำลังช่วยประสานงานในแผนการเซอร์ไพรส์ทั้งตรินและวิญญูในบ่ายวันนี้โดยไม่รอช้า

“ขอทราบชื่อและเวลานัดด้วยค่ะ”

“กรกฏครับ บ่ายสามโมงครึ่งครับ”

“กรุณารอสักครู่นะคะ” ขณะที่กำลังต่อสายคุยกับบุคคลบนชั้นผู้บริหาร คุณประชาสัมพันธ์สุดสวยก็ส่งสายตาหยอกล้อกับสามแฝดอย่างไม่อาจหักห้าม ไม่กี่อึดใจให้หลัง เจ้าหล่อนก็พึมพำอะไรบางอย่างกับคนปลายสาย จากนั้นจึงวางหูแล้วยื่นคีย์การ์ดพิเศษสำหรับการโดยสารลิฟท์ขึ้นสู่ชั้นผู้บริหารให้แก่ชายหนุ่มพร้อมกับอธิบายอย่างขยันขันแข็ง  

“กรุณาใช้ลิฟท์ฝั่งซ้ายมือและแตะการ์ดนี้ลงบนจอเซนเซอร์ด้านหน้าลิฟท์ก่อนโดยสารลิฟท์ทุกครั้งนะคะ” ยังไม่ทันที่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจะได้เอ่ยขอบคุณในความโอภาปราศรัยและการบริการด้วยหัวจิตหัวใจของประชาสัมพันธ์สาวหน้าแฉล้ม เหล่าเด็ก ๆ ที่เคยยืนสงบนิ่งกลับส่งเสียงดังโหวกเหวกเป็นลิงค่างก่อนจะปล่อยมือคนเป็นพ่อแล้วพากันวิ่งกรูไปอีกทางจนกังฟูอดตกใจไม่ได้

คุณปู่!” เด็กชายทั้งสามร้องเรียกเป้าหมายโดยพร้อมเพรียง สรรพนามดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มร่างเล็กหยุดวิ่งกวดลูก ๆ แล้วเปลี่ยนเป็นยกมือไหว้ชายวัยห้าสิบกลาง ๆ ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อสามีทั้งสองแทนทันที

ภาพความสนิทสนมระหว่างกลุ่มเด็กชายโนเนมกับท่านประธานของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสองที่เกิดขึ้น ณ ช่วงเวลาดังกล่าว สร้างความงุนงงสงสัยให้แก่คณะผู้ติดตาม ประชาสัมพันธ์ รวมถึงเหล่าพนักงานไปตาม ๆ กัน ทว่านั่นกลับไม่ใช่สาระสำคัญที่คุณปู่ คุณพ่อกังฟู และฝาแฝดทั้งสามให้ความสนใจเลยสักนิด  


เด็ก ๆ อย่าวิ่งเข้าไปรุมคุณปู่พร้อมกันแบบนั้นสิลูก!” กรกฏจำต้องปรามลูก ๆ เมื่อเห็นว่าทั้งสามต่างพากันโถมตัวเข้าใส่ผู้ใหญ่ทั้งสองแบบไม่ออมแรงกันสักคน “พ่อโต้ง พ่อวัฒน์สวัสดีครับ”

“หึ หึ หึ ว่ายังไงเด็ก ๆ คิดถึงปู่โต้งกับปู่วัฒน์กันไหมลูก?” ตระการในชุดสูทสมฐานะละทิ้งมาดผู้บริหารสูงสุดแล้วย่อตัวลงนั่งเพื่ออุ้มหลานคนโตกับคนกลางด้วยแขนคนละข้างพลางหอมแก้มกลม ๆ ของเด็กชายทั้งสองด้วยความรักใคร่เอ็นดูอย่างเห็นได้ชัด ส่วนณวัฒน์ก็เข้าโหมดคุยมุ้งมิ้งกับหลานคนเล็กที่ขี้อ้อนสุด ๆ ไปเสียแล้ว

คิดถึงคับ!” เด็กชายปภพและปพนตอบคุณปู่โต้งเป็นเสียงเดียว ก่อนที่หลานชายคนโตของตระกูลจะสอบสวนคุณปู่ด้วยข้อหาหายหน้าไปหลายอาทิตย์

“ปู่โต้งกับปู่วัฒน์หายไปไหนมาคับ ทำไมไม่มาหาพี่พายพุพับล่ะคับ?”  

“หึ หึ หึ เอาไงดีคุณวัฒน์ ขืนไม่พูดอะไรพวกเราจะแย่เอานา” ตระการหันไปขอความช่วยเหลือจากคุณปู่อีกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  

ได้ยินดังนั้น พ่อของวิญญูจึงอธิบายด้วยการถามกระตุ้นความจำของหลานชายทั้งสามทันที “พี่พลายลืมไปแล้วเหรอครับว่าเมื่อสองอาทิตย์ก่อน พวกปู่กับย่าจิ๋วย่าแหม่มบอกพี่พลายกับน้อง ๆ ว่ายังไง?” สีหน้าคร่ำเคร่งครุ่นคิดกับคิ้วที่ขมวดเป็นปมรับคำถามของเด็กชายปภพทำให้เหล่าผู้ใหญ่หลุดยิ้ม  “ปู่วัฒน์บอกว่า... พวกคุณปู่และคุณย่าต้องบินไปติดต่องานที่ฮ่องกงยังไงล่ะครับ พี่พลายจำได้หรือเปล่าลูก?”

“ใช่ ๆ กง ๆ ... คุณย่าบอกพะ - ลับ พะ - ลับจำได้” แฝดคนสุดท้องในอ้อมกอดของณวัฒน์ให้การสนับสนุนคุณปู่รองทันที แต่นั่นกลับทำให้หัวคิ้วของคนเป็นพี่ยิ่งขมวดแน่นไปกันใหญ่

“ชู่ว์พับ! พี่พายกำลังเจจางับสุดยอดขอหนมเพิ่มกับคุณปู่อยู่ไม่เห็นเหลอ? ถ้าพับอยากกินหนมก็เงียบ ๆ ซี่” พูดจบ เจ้าของชื่อก็ทำท่าเลียนแบบป๊ะป๋าเวลาห้ามไม่ให้พวกเขาส่งเสียงด้วยการยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากตัวเองพร้อมกับถลึงตาใส่น้องสุดท้องอย่างขึงขัง

สีหน้าท่าทาง กอปรกับคำพูดคำจาของหลานชายคนโตเรียกเสียงหัวเราะของบรรดาผู้ใหญ่โดยทั่วถึง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูคุณวัฒน์ดู... เขี้ยวแต่เด็กเลยหลานเราแถมยังเจ้าแผนการเอาเรื่องอีกต่างหาก!

“นั่นสิคุณโต้ง! สงสัยพวกเราจะได้ทายาทสืบทอดกิจการรุ่นที่สามแล้วล่ะมั้งเนี่ย หึ หึ”

ก่อนที่ท่านประธานบอร์ดบริหารของบริษัทร่วมทุนทั้งสองจะติดลมบนจนไม่เป็นอันทำงาน เลขาฯ ที่ยืนประกบทางเบื้องหลังของตระการก็โน้มตัวเข้ากระซิบเตือนหมายกำหนดการที่เหลือของวัน และนั่นคือสาเหตุที่ผู้ใหญ่ทั้งสองจำต้องเอ่ยปากร่ำลาหลาน ๆ อย่างเสียไม่ได้  “เดี๋ยวพวกปู่ ๆ ขอกลับไปทำงานต่อก่อนนะลูก แล้วยังไงวันอาทิตย์นี้พวกปู่กับคุณย่าจะพาไปกินข้าวอร่อย ๆ”

คำว่าอร่อย ถือเป็นอีกหนึ่งคำวิเศษของเหล่าเด็ก ๆ เพราะไม่ว่าเมื่อไรที่ได้ยินคำดังกล่าว ฝาแฝดทั้งสามจะส่งเสียงงึมงำท่องคำว่า หย่อย ๆ ตามคนพูดไปจนกว่าความสนใจจะถูกเบี่ยงไปตกที่หัวข้ออื่น

“หนูฟู เดี๋ยวพ่อให้แม่เขาโทรไปนัดที่บรันช์อาทิตย์นี้อีกทีนะ” ตระการทิ้งท้ายกับสุดยอดสะใภ้ที่ได้ดั่งใจพวกเขาไปเสียทุกเรื่อง  

“ครับคุณพ่อ” เมื่อกังฟูรับปากเป็นมั่นเหมาะ ปู่โต้งและปู่วัฒน์ก็กอดและหอมหลาน ๆ พร้อมกับสั่งลาเด็ก ๆ อีกรอบก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายด้วยอารมณ์อันหลากหลาย... ทั้งอาลัยอาวรณ์สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ และเอร็ดอร่อยสำหรับหมู่เด็ก ๆ 








คุณเร!” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยโพล่งขึ้นด้วยความตกใจเพราะไม่นึกว่าเลขาสาวหน้าห้องของตรินจะมายืนก๋ากั่นรอเขาและลูก ๆ อยู่ตรงหน้าประตูลิฟท์  

“คุณฟูสวัสดีค่ะ” พรนภัสทักทายหนึ่งในคนรักของเจ้านายด้วยน้ำเสียงกระชับฉับไวตามประสาสาวมั่นผู้แคล่วคล่องไปเสียทุกเรื่อง

“เด็ก ๆ สวัสดีพี่เรหรือยังลูก?” กรกฏไม่ลืมทักท้วงเหล่าลูกชายให้ระลึกถึงมารยาทอันดีที่ควรทำให้ติดเป็นนิสัยทุกครั้งที่เจอผู้ใหญ่ หรือใครก็ตามที่แปลกหน้า ดีว่าพวกเด็ก ๆ หัวไว ว่านอนสอนง่ายและคุ้นเคยกับการอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่จำนวนมาก ชายหนุ่มจึงไม่เคยต้องอ่อนอกอ่อนใจกับอาการมือแข็งตั้งแต่อายุยังน้อยของเหล่าลูก ๆ

หวัดดีคับ

“ไปค่ะคุณฟู บอสกับคุณวิญญูคุยกันอยู่ในห้องค่ะ” พรนภัสเปลี่ยนโทนเสียงเป็นเสียงล่อเด็กแล้วย่อตัวลงเจรจากับเด็กชายผู้มีใบหน้าราวกับโขกกันมากับเจ้านายของหล่อน “ไปค่ะเด็ก ๆ ... ไปหาคุณพ่อกันนะคะพี่พลาย” ว่าแล้ว คุณเลขาสุดมั่นก็จะเอื้อมมือไปจับมือพลายข้างที่จูงมือของฝาแฝดคนรองอยู่ แต่กลับโดนปภพชักมือหลบพลางส่ายหน้าปฏิเสธใส่  

“พี่พายพุพับจะจับมือพ่อเดิน... ถ้าจับมือพี่เล เดี๋ยวป๋ากับแด๊ดไม่เซอร์ไพรส์”

แม้คำพูดคำจาดังกล่าวจะทำให้คนเป็นพ่อดีใจ แต่กังฟูกลับต้องรีบส่งสายตาขอโทษขอโพยไปให้หญิงสาวเพียงคนเดียวแทนลูกชายซึ่งเคร่งครัดกับคำสั่งของตนยิ่งกว่าอะไร 

ฝ่ายพรนภัสก็คลี่ยิ้มบาง ๆ ให้อีกฝ่ายด้วยเพราะหล่อนเข้าใจและรู้ดีว่า บุตรชายทั้งสามของบอสเชื่อฟังกรกฏเป็นที่หนึ่ง หล่อนจึงยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนออกเดินพลางชวนกังฟูสนทนาแทน “ก่อนขึ้นมานี่คุณฟูแอบหลงทางหรือเปล่าคะ?”

“เปล่าครับ ทำไมเหรอครับ?”

“ก็ตั้งแต่น้องประชาสัมพันธ์โทรมาถามเรเรื่องคุณฟู เรก็แอบบอสไปยืนรอรับคุณฟูอยู่หน้าลิฟท์เพราะกลัวจะคลาดกัน แต่เรรออยู่ตั้งนานสองนานก็ยังไม่เห็นคุณฟู เรเลยอดห่วงไม่ได้น่ะค่ะ... นี่ถ้าคุณฟูขึ้นมาช้ากว่านี้ เรว่า เรจะลงไปตามแล้วนะคะ”

“ขอโทษด้วยครับ พอดีผมกับลูกเจอกับพวกคุณพ่อด้านล่างเลยแวะทักทายพวกท่านก่อนขึ้นมาน่ะครับ” 

พรนภัสกลืนคำตอบที่จะเอ่ยกับกรกฏเอาไว้ เนื่องจากทั้งหมดเดินมาถึงยังหน้าบานประตูห้องทำงานของท่านรองฯ เป็นที่เรียบร้อย หล่อนหันมาคลี่ยิ้มเป็นการเป็นงานให้คุณพ่อลูกสามพลางเอ่ย “เชิญค่ะคุณฟู” ทันทีที่พูดจบ พรนภัสก็เคาะประตูห้องให้เสร็จสรรพ และเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากด้านใน เจ้าหล่อนก็ผลักบานประตูเปิดอ้ากว้างให้บริการแก่ชายหนุ่มและเด็ก ๆ พร้อมกับผายมือปิดท้ายเป็นอันเสร็จพิธี


เซอร์ไพรส์!!!” เด็กชายทั้งสามตะโกนเสียงดังพร้อมกับยิ้มจนตาหยีให้เจ้าของร่างใหญ่ทั้งสองในห้อง ก่อนจะวิ่งปุเลง ๆ เข้าไปหาป๊ะป๋าและแดดดี๊ที่ไม่เห็นหน้าค่าตากันมาครึ่งค่อนวัน

ฟู! เด็ก ๆ !!”  อารามดีใจที่ได้เห็นหน้าลูก ๆ พร้อมคนรักก่อนเวลาเลิกงาน วิญญูจึงปราดเข้าไปหอมแก้มกรกฏเสียเต็มรักก่อนจะอุ้มลูกคนกลางและคนเล็กแล้วส่งผ่านความรักความคิดถึงที่มีต่อเด็กชายทั้งสองอย่างทั่วถึง

ว่าไงไอ้หนู!” เต๋อเอ่ยทักลูกชายคนโตที่ปีนขึ้นมานั่งเหนือตักเป็นภาษาอังกฤษตามข้อตกลงภายในของพวกพ่อ ๆ เพื่อฝึกให้ฝาแฝดคุ้นเคยกับภาษาที่สองตั้งแต่ยังเล็ก ๆ

จึงไม่แปลกหากเด็กชายพลายในวงแขนแข็งแรงของผู้เป็นพ่อจะต่อบทสนทนาด้วยภาษาเดียวกันอย่างชัดเจนด้วยคำศัพท์เท่าที่เด็กวัยสี่ขวบพอจะรู้จัก “พี่พายพุพับคิดถึงป๋ากับแด๊ด... อยากมาหาคับ”

“ที่รักมานี่ครับ” ตรินในเสียงซาวด์แทร็กตบตักข้างที่ว่างเพื่อเชื้อเชิญคนรักร่างเล็ก ฝ่ายกรกฏก็น่ารักเหลือใจเพราะชายหนุ่มไม่อิดออดยืดเยื้อให้เสียเวล่ำเวลา เมื่อได้พ่อฟูมาอยู่ในวงแขนอีกข้างสมปรารถนา ป๊ะป๋าร่างหมีจึงตอบเด็กชายปภพด้วยรอยยิ้ม “ป๋ากับแด๊ดก็คิดถึงพี่พลาย พลุ พลับแล้วก็พ่อฟูมาก ๆ เหมือนกันครับ”

“ป๊ะป๋าคับ... เมื่อกี๊พี่พายพุพับเจอคุณปู่ด้วย!” บุตรชายคนโตขย่มตักคุณพ่อหน้าคมพลางอวดโอ่อย่างภาคภูมิใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ป๊ะป๋าท่านรองฯ จึงชวนลูกชายจ้อต่ออย่างนึกสนุก

“เหรอครับ? แล้วพี่พลายคุยอะไรกับพวกคุณปู่บ้างล่ะครับ?”

“คุณปู่บอกว่าจะพาไปกินหย่อย ๆ คับ” เด็กชายรายงานเสียงดังฟังชัดด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงไม่ต่างจากเจ้าของภาษา

“แล้วคุณปู่บอกจะพาพี่พลายไปกินหย่อย ๆ เมื่อไรครับ?”

“เหมือนเดิม... วันอาทิตย์น่ะ” รอบนี้เป็นกังฟูที่ชิงอธิบายด้วยภาษาที่สองเพราะคนเป็นพ่อรู้ดีว่าปภพยังเด็กเกินกว่าจะจดจำวันและเวลาได้อย่างแม่นยำนั่นเอง ฝ่ายคนเป็นลูกซึ่งไม่ได้ตอบอะไรก็พยักหน้าหงึกหงักจนผมหน้าม้าทรงหัวเห็ดแตกกระจายประหนึ่งเห็นด้วยกับพวกผู้ใหญ่เสียเต็มประดา  

ตรินทำหน้าเห็นอกเห็นใจลูกชาย ก่อนจะสรุปส่งท้ายแบบที่เอื้อประโยชน์ให้ครอบครัวตนแบบไม่สนงานการทันที “ก็อีกตั้งหลายวันแน่เนอะ... ไม่เป็นไร งั้นวันนี้ป๋ากับแด๊ดพาพวกเราไปกินหย่อย ๆ ก่อนดีไหมครับ?”

ดีคับ!

“ถ้าดี งั้นพี่พลายไปจุ๊บ ๆ แด๊ดสามทีก่อนครับ ป๋าจะได้รีบเก็บของ” ได้ยินคำป๊ะป๋า เจ้าตัวเล็กก็ปีนลงจากตักแล้ววิ่งหน้าตั้งไปหาแดดดี๊ที่ปล่อยลูกชายอีกสองคนลงกับพื้นแล้วนั่งยอง ๆ อ้าแขนรอรับฝาแฝดคนโต แต่ทำไปทำมา กลับกลายเป็นว่า เมื่อพลุและพลับเห็นผู้เป็นพี่จูจุ๊บวิญญู เด็กชายทั้งสองก็รุมจุ๊บคุณพ่อหน้าหยกตามพี่คนโตอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดจะลงท้ายด้วยการที่เด็ก ๆ หันมาจุ๊บกันเองจนแก้มย้อย ๆ ทั้งสามคู่เปื้อนน้ำลายจนถ้วนทั่ว  ฝ่ายหนุ่มร่างหมีเจ้าแผนการก็อาศัยจังหวะปลอดลูกนัวเนียกรกฏจนพอใจ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงพากันไปกินข้าวมื้อเย็นอย่างสุขสำราญและพร้อมหน้าพร้อมตา


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“พลุครับ กินผักให้หมดก่อนสิลูกแล้วค่อยกินผลไม้” กรกฏพยายามหว่านล้อมลูกชายคนกลางที่ตั้งแง่กับผักเกือบทุกชนิดจนเขาอดเป็นห่วงสุขภาพไม่ได้

“พุอิ่มคับ” เด็กชายปพนตอบคนเป็นพ่อตาใส แต่ท่าทางไม่ยอมใครที่ลูกชายคนที่สองแสดงออกกลับไม่ได้ทำให้กำลังใจของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยถดถอย        

“แต่ถ้าพลุปล่อยให้พี่ผักเหลือทิ้ง พลุไม่สงสารพี่ผักที่ต้องไปอยู่ในถังขยะเหม็น ๆ หรอกเหรอครับ?”

“...” คำพูดเกลี้ยกล่อมของพ่อฟูทำเด็กชายหน้ามุ่ย... ก็ไม่ได้จะทิ้งพี่ผักลงถังขยะเสียหน่อย แค่ไว้รวมกันข้าง ๆ จานเองนะครับพ่อ  

ท่าทางคิดไม่ตกของลูกคนกลางทำให้กรกฏยังไม่รามือ เขารู้ว่า ถ้ายังตื๊อต่ออีกนิด มื้อนี้ลูกก็อาจจะเอาชนะโรคเกลียดผักเข้ากระดูกดำได้ “ขนาดพลุยังไม่ชอบเหม็น ๆ เลย แล้วพี่ผักจะชอบเหม็น ๆ เหรอลูก?”

คงไม่ใช่แค่ฝ่ายพ่อ ๆ ที่ลุ้นกับสถานการณ์ตรงหน้า เพราะกระทั่งเด็กชายคนแรกและคนสุดท้องที่กินข้าวเสร็จแล้วต่างก็เสนอตัวช่วยเหลือฝาแฝดคนกลางอย่างเต็มอกเต็มใจ

พี่พายจะกินผัก!
พะ-ลับกินด้วย!” หากเทียบกันในบรรดาทายาททั้งสาม ปวรเป็นคนเดียวที่พยายามพูดทุก ๆ ถ้อยคำทั้งสองภาษาอย่างชัดเจนโดยเน้นความถูกต้องตามเสียงของการผสมอักขระ แต่กับคำบางคำที่เจ้าตัวยังไม่คุ้นเคย อาจมีบ้างเหมือนกันที่ถ้อยจำนรรเหล่านั้นจะถูกเปล่งออกมาในรูปการพูดแยกเสียงพยางค์อย่างช้า ๆ  ดังเช่นชื่อเล่นที่มีเสียงควบกล้ำของเจ้าตัวนั่นอย่างไร

“งั้นพลุกินผักเป็นเพื่อนพี่พลายกับพลับได้ไหมลูก?” วิญญูอาศัยท่าทีสนับสนุนของพลายและพลับเป็นเครื่องมือปิดการขายกับบุตรชายคนกลาง “ถ้าพลุไม่กินผักเป็นเพื่อนพี่พลายกับพลับ พี่พลายกับพลับต้องเหงา ๆ แน่ ๆ ครับ... เชื่อแด๊ดสิ”

แม้โดยปกติแล้ว ชายหนุ่มผู้อุทิศเวลาและกายใจให้บรรดาลูก ๆ อย่างกังฟูจะมีอิทธิพลเหนือเด็กน้อยทั้งสามคนแบบล้นเหลือ แต่น่าแปลกที่วาจาและการกระทำของคุณพ่อหน้าหยก กลับมีน้ำหนักและเปี่ยมไปด้วยอำนาจต่อรองกับทายาทคนที่สองอย่างไม่น่าเชื่อ เกี่ยวกับประเด็นนี้... อดีตคิวท์บอยเองก็พอจะรู้แต้มต่อของตัวเองเป็นอย่างดี เพราะทุกเมื่อที่ปพนออกอาการดื้อแพ่งไม่ฟังใคร แดดดี๊จะเป็นมือดีที่เข้ามาไกล่เกลี่ยและเกลี้ยกล่อมเด็กชายผู้นี้ได้เสมอ... ครั้งนี้ก็เช่นกัน 


“พลุอยากให้พี่พลายกับพลับเหงาเหรอครับ?”

“ไม่คับ” เด็กชายหน้ามุ่ยสะบัดหัวพลางเอ่ยตอบแดดดี๊อย่างเอาจริงเอาจัง

“ถ้าไม่ งั้นพลุต้องทำยังไงลูก?”

พุจะช่วยพี่พายกะพับกินผักเองคับ!

เก่งมากลูก!” วิญญูลูบหัวบุตรคนกลางอย่างรักใคร่ ก่อนจะเงยหน้าสบสายตากับคนรักทั้งสองเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึกโล่ง ๆ ในอกที่เกิดขึ้นแบบฉับพลันทันตา  

“ผักอร่อยไหมครับพี่พลาย?” ตรินรีบส่งกำลังเสริมเข้าเปลี่ยนแปลงบรรยากาศโดยรวมทันที  

“หย่อย ๆ !” ปภพตอบพลางเคี้ยวผักกร้วม ๆ สลับกับยิ้มตาหยีอวดน้อง ๆ ซึ่งท่าทางเก่งกล้าลำพองของพี่คนโต ทำให้ฝาแฝดลูกกระจ๊อกอีกสองหน่ออดฮึกเหิมตามพี่ใหญ่ไปไม่ได้  

“พลับล่ะ อร่อยไหมลูก?”

“หย่อยครับ!”  

“พลุว่าไงครับ? พี่แครอทอร่อยหรือเปล่า?” ป๊ะป๋าส่งเสียงอ่อนหวานถามเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับนับญาติกับหัวผักเนื้อสีส้มเสียเสร็จสรรพ

“คับ” เด็กชายพลุพยักหน้าขณะก้มหน้าก้มตากินแครอทต้มรูปดอกไม้ที่ได้มาจากแกงจืดชามโตอย่างเงียบเชียบเรียบร้อย ท่าทางน่าเอ็นดูของเด็กน้อยผู้มีสายเลือดเดียวกันทำให้ป๊ะป๋าหน้าคมอดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ไปเสียทุกที นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เต๋อมักจะไม่ออกหน้าดุลูก ๆ คนไหน ๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ นะลูก” หนุ่มร่างหมีว่าพลางลูบหัว ลูบหลังเด็กชายทั้งสามอย่างรักใคร่ไม่ปิดบัง

“ป๋า... เดี๋ยวกินเสร็จแล้วกลับเลยนะ” กรกฏเอ่ยแทรกขึ้นเมื่อเห็นว่าผักในจานของเด็ก ๆ แต่ละคนใกล้หมด... พวกเด็ก ๆ โปรดปรานบรรดาผลไม้ เชื่อเถอะว่าอีกเพียงไม่นานก็น่าจะได้เวลาที่พวกเขาควรกลับบ้านกันเสียที

“อ้าวเหรอที่รัก?! ผมว่าจะพาลูกแวะไปเดินเล่นร้านหนังสือเสียหน่อย” ท่านรองฯ โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เพราะทุก ๆ ครั้งที่ทั้งหมดออกมาใช้เวลาร่วมกันตามศูนย์การค้าใหญ่ ชายหนุ่มมักจะพาลูกชายไปเลือกซื้อหนังสือนิทานเล่มใหม่ ๆ ติดมือกลับบ้านเสมอ  

“ไว้วันหลังเถอะ คืนนี้ฟูไม่อยากให้ลูก ๆ นอนดึกน่ะครับ พรุ่งนี้ไปโรงเรียนวันแรก ถ้านอนไม่พอ เด็ก ๆ จะงอแง”

“จริงด้วยสิ! โทษ ๆ ! ป๋าลืมไป... นึกว่าพรุ่งนี้ลูก ๆ ยังตื่นสายได้” ว่าแล้ว อดีตหนุ่มสถาปัตย์ก็เลื่อนกรอบสายตาจ้องมองลูก ๆ แต่ละคนอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนรำพึงรำพันกับตัวเองเสียยกใหญ่ “อา เด็ก ๆ ต้องไปโรงเรียนกันแล้วสินะ... เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันแฮะ!” 

“พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแล้วนะครับ... ตื่นเต้นไหมลูก?” ด้วงตั้งคำถามกับลูก ๆ ขณะเด็ก ๆ เริ่มลงมือจัดการผลไม้ที่ผู้เป็นพ่อแบ่งให้โดยเท่าเทียม

“พี่พายไม่ตื่นเต้น พี่พายโอเคมาก! เด็กชายพลายเชิดหน้า ทำคอตั้ง พลางยืดอกตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฝั่งน้องคนเล็กที่เห็นพี่ชายคนโตเล่นใหญ่ก็ชูแขนขึ้นแล้วชิงพูดต่ออย่างผ่าเผยไม่มียอมกัน

“พะ - ลับก็โอเค!

ปฏิกิริยาของลูก ๆ ทั้งสองทำให้วิญญูคลายใจ จะติดอยู่ก็เพียงบุตรคนสุดท้ายที่ชายหนุ่มยังไม่ได้เปิดปากสัมภาษณ์นี่แหละ “พลุล่ะลูก? พรุ่งนี้จะได้ไปเจอคุณครู จะได้ไปเจอเพื่อน ๆ เยอะ ๆ แล้ว... พลุตื่นเต้นไหมครับ?”

เด็กชายเจ้าของใบหน้าเหมือนกับฝาแฝดคนโตอย่างกับแกะส่ายหัวดิกก่อนจะตอบคำของแดดดี๊คนโปรดด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ  “พี่พายกับพับอยู่ด้วย พุไม่ตื่นเต้น”

“เก่งมากครับ จำคำแด๊ดไว้ให้ดีนะลูก... พวกลูก ๆ มีกันอยู่สามคน เพราะฉะนั้น ตอนที่อยู่โรงเรียน ลูก ๆ จะต้องช่วยเหลือดูแลกันและกันให้ดี ๆ นะครับ” ผู้ฟังร่างกระจิ๋วทั้งสามล้วนแล้วแต่พยักหน้ารับคำสอนของคุณพ่อหน้าหยกโดยพร้อมเพรียงกัน จนบรรดาพ่อ ๆ อดใจชื้นไม่ได้

อารมณ์นึกครึ้มอยากรู้ความคิดอ่านของลูก ๆ เกี่ยวกับอีกสถานที่ ๆ เด็ก ๆ จะต้องทำความคุ้นเคยด้วยอีกหลายปี หนุ่มร่างหมีจึงแอบตะล่อมถามผู้นำเทรนด์ของบุตรชายทั้งสามเพื่อประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าได้เจาะลึกยิ่งขึ้น “ไหนพี่พลายลองบอกป๋าสิครับว่า พรุ่งนี้พอไปถึงโรงเรียนแล้วพี่พลายจะทำอะไรบ้าง?”

“พี่พายจะไปเล่นคับ!” คำตอบตามประสาเด็กที่มาพร้อมกับน้ำเสียงจริงจังและแววตาจริงใจทำให้คุณพ่อทั้งสามหลุดขำอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

“หึ หึ หึ! จะไปเล่นอย่างเดียวเลยเหรอลูก?! เต๋อยังไม่หยุดซักไซ้พ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสุดที่รัก  

ใช่คับ!” เป็นอีกครั้งที่ทรงผมหัวเห็ดถูกสะบัดจนเส้นผมสีอ่อนชี้กระจายเพราะเด็กชายพยักหน้ารับคำอย่างหนักหน่วงสะเทือนสะท้านไปทั้งวงหน้า

“ใจคอจะไม่เรียนหน่อยเหรอลูก?” กังฟูถามทายาทคนโตด้วยน้ำเสียงกลั้วขำ ๆ ... สำหรับเขาแล้ว ถ้าลูก ๆ ในวัยสี่ขวบจะไม่คิดจริงจังกับการเรียน ชายหนุ่มก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะวิตก เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เขาหวังเพียงอยากให้เด็ก ๆ เรียนรู้ทุก ๆ อย่างตามวาระที่ควรจะเป็น หากยังเป็นเด็ก... ลูก ๆ ของเขาก็ควรได้เล่นและเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ ไม่ใช่โดนพ่อแม่ตีกรอบให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนทั้ง ๆ ที่จิตใจยังไม่พร้อม  

“เลียนคับ แต่พี่พายจะเล่นให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเลียนคับ!” คำตอบที่สมกับเป็นพี่พลายผู้นำสุดยิ่งใหญ่ของน้อง ๆ ทั้งสองทำให้กรกฏไพล่นึกไปถึงเรื่องที่วิญญูเพิ่งเน้นย้ำกับเหล่าเด็กชายไปเมื่อสักครู่ 

“แล้วตอนพี่พลายเล่น พลุ กับ พลับจะไปอยู่ไหนล่ะลูก?”

“ก็อยู่กับพี่พายไงคับพ่อฟู อยู่เล่นด้วยกัน! เด็กชายอีกสองคนพยักหน้ารับคำพี่ชายราวกับนัดกันมา แต่ฝ่ายผู้เป็นบิดาก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี  

“พี่พลายจะไม่ทิ้งน้องใช่ไหมลูก?”

“ไม่คับ พี่พายจะดูแลพุพับเอง!

“ที่บอกว่าดูแลน้องนี่คือยังไงครับ?” ป๊ะป๋าร่างหมีถามแทรกเด็กชายผู้พี่สุดองอาจ... เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่า ไอ้ที่ทายาทคนโตวางมาดเสียหล่อเหลา จะสอดคล้องกับความคิดอ่านในสมองเล็ก ๆ ที่ฉลาดเฉลียวเอาเรื่องนั่นหรือไม่  

“ให้พุพับอยู่ด้วย พาไปห้องน้ำ แล้วก็กินผักเป็นเพื่อนคับ!” คำตอบพาซื่อที่ถูกเอื้อนเอ่ยผ่านริมฝีปากรูปกระจับสีแดงจัดคือตัวการทำให้พวกผู้ใหญ่พากันหัวเราะเสียงดัง จนเมื่อป๊ะป๋าตรินตั้งสติได้ คุณพ่อหน้าคมก็หันไปรอฟังความเห็นของบุตรชายคนกลางบ้าง 

“แล้วพลุล่ะลูก จะไปทำอะไรที่โรงเรียนบ้าง?”

“อยู่กับพี่พายกับพับคับ”

คำตอบของพลุสร้างความหนักใจให้กับคนฟังฝั่งผู้ใหญ่โดยถ้วนหน้า วิญญูจึงอาสาซักไซ้ทายาทลำดับที่สองแทนป๊ะป๋าและพ่อฟู “พลุจะไม่ไปเล่นกับเพื่อนใหม่หน่อยเหรอครับ? ที่โรงเรียนเพื่อนใหม่เยอะแยะเลยน้า พอพลุมีเพื่อนเยอะ ๆ พลุก็จะยิ่งสนุกนะครับ”

“...” เมื่อเห็นเด็กชายเลือกที่จะส่ายหัวแทนตอบความ ตามด้วยการซุกซบประกบใบหน้าเข้ากับอกของแดดดี๊เพื่อหลบหน้าทุกคน บรรดาพ่อ ๆ ทั้งสามต่างก็ลอบสบตากันอย่างจนใจ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างไม่มีทางเลือก

“ไม่เป็นไรลูก ช่วงแรก ๆ พลุอยู่กับพี่พลายกับพลับไปก่อนแล้วกันนะครับ” เต๋อปลอบประโลมพลางลูบเรือนผมหนานุ่มของลูกชายคนรองอย่างละมุนละม่อม

“คับ” สัมผัสอ่อนโยนอบอุ่นของคนเป็นพ่อทำให้ปพนยอมผินหน้ากลับมาคุยกับพวกเขาอีกครั้ง ท่าทางที่ฟ้องว่ายังคุยกันรู้เรื่องที่เด็กน้อยแสดงออกทำให้เหล่าพ่อ ๆ หายใจได้ทั่วท้อง เพราะหากลูกคนกลางเริ่มร้องไห้แค่เพียงไม่นาน ฝาแฝดคนโตและคนเล็กก็จะเป่าปี่ประสานเสียงเป็นเพื่อนไปเสียทุกรอบ

“แล้วพลับล่ะครับ อยากไปทำอะไรที่โรงเรียน?”

“พะลับจะไปเรียนครับ พะลับอยากเรียนเก่ง ๆ พะลับอยากโตเร็ว ๆ ” คุณพ่ออดีตคิวท์บอยคลี่ยิ้มด้วยความชื่นใจหลังได้ยินคำตอบน่าฟังของบุตรคนสุดท้อง... นี่ถ้าสปอนเซอร์ใหญ่สายการศึกษาอย่างพ่อแม่เขามาได้ยินสิ่งที่พลับพูด เด็กชายคงได้เงินขวัญถุงติดบัญชีเพิ่มขึ้นอีกโข

“ดีครับ! งั้นก็ช่วยกันกินผลไม้ให้หมดนะครับ แด๊ดจะได้พากลับบ้านไปนอน พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปโรงเรียนแต่เช้า” วิญญูสรุปกับลูก ๆ โดยยึดตามนโยบายของคนรักร่างเล็กเป็นหลัก








ขณะเฝ้ามองสีหน้าเปี่ยมสุขยามหลับไหลของเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสามที่นอนเรียงอยู่บนเตียงเดียวกัน ชายหนุ่มร่างเล็กก็ไม่อาจสะกดกลั้นความรู้สักหวาดหวั่นของตนได้อีกต่อไป “อย่าเพิ่งรีบโตกันนักเลยลูก... อยู่ให้พ่อฟูชื่นใจไปนาน ๆ เถอะนะ พ่อขอร้อง”

สัมผัสอบอุ่นคุ้นเคยตรงหัวไหล่ ทำให้กังฟูเลื่อนมือขึ้นไปบีบฝ่ามือใหญ่ของเต๋อเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงประทับรอยจูบลงบนหน้าผากนวลเนียนของลูกชายคนโต และคนเล็กที่นอนถัดไป แล้วจึงพยักหน้าให้วิญญูที่เพิ่งห่มผ้าและหอมแก้มลูกคนกลางที่นอนอยู่อีกข้าง ก่อนที่ทั้งหมดจะค่อย ๆ เยื้องกรายออกจากห้องนอนลูกชายไปอย่างเงียบเชียบ


“ทำไมสี่ปีมันถึงผ่านไปไวอย่างนี้ล่ะป๋า?” ทันทีที่สองขาก้าวเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวของสามหนุ่ม พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็โพล่งความในใจด้วยน้ำเสียงท้อแท้จนเจ้าของตำแหน่งป๊ะป๋าของบ้านถึงกับเลิกคิ้วมองคนรักพลางส่งเสียงสงสัยอยู่ในลำคอ

“หืม?!

“ฟูรู้สึกเหมือนเราเพิ่งไปรับลูกออกจากตู้อบโรงพยาบาลมาเมื่อวานนี้เองนะ... เผลอแป๊บเดียว พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องไปส่งลูก ๆ เข้าโรงเรียนแล้ว!

“โธ่ฟู!” วิญญูโอดด้วยความสงสารคนรักจับใจ ฝ่ายเต๋อที่เห็นท่าไม่ดีก็ไม่ปล่อยให้คู่ชีวิตทั้งสองจมอยู่ในความสิ้นหวังกันทั้งสองคน หนุ่มร่างหมีรีบเดินเข้าไปสวมกอดอดีตเด็กวิศวะทั้งคู่เสียแนบแน่น

“พรุ่งนี้ลูกก็จะไปอยู่กับคนอื่นแล้วอ่ะป๋า... แต่จนป่านนี้ ฟูยังทำใจไม่ได้เลย!” น้ำเสียงตัดพ้อของอริยะตรัยผู้พี่ฟังอู้อี้ค่าที่เจ้าตัวยังฝังหน้ากับอกหนาของหนุ่มหน้าคมไม่เคลื่อนไปไหน 

“ถึงจะทำใจไม่ได้ แต่ยังไงพวกเราก็ต้องตัดใจส่งพวกแกไปโรงเรียนอยู่ดีนั่นแหละฟู” ตรินพยายามอธิบายอย่างใจเย็น แต่กรกฏกลับไม่ได้คิดเห็นเช่นกัน

“ก็เพราะรู้อย่างนี้น่ะสิ ฟูถึงไม่ส่งลูกเข้าเนิร์สเซอรี่... นี่ขนาดต่อเวลาขออยู่กับลูกเพิ่มมาตั้งสองปีแล้วนะ เฮ่อ!

ถ้อยแถลงของคนเป็นพ่อที่จะต้องส่งลูกชายไปไกลจากอกทำให้เต๋อกระชับวงแขนรวบกอดคนรักทั้งสองคล้ายกับจะหลอมรวมร่างโดยที่ในหัวก็พยายามหาทางแก้สถานการณ์ด้วยคำพูดดี ๆ สักประโยค “พวกหนูรู้ไหมว่าป๋าแอบคิดมากเพราะเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่พวกเราเริ่มปรับตัวกับการเป็นพ่อได้เลยนะ แต่ที่ป๋าไม่บอกพวกหนู ๆ ให้รู้ เพราะป๋าอายที่ต้องยอมรับว่า อยู่ดี ๆ ก็เกิดไม่อยากให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ พอ ๆ กับที่ไม่อยากให้พวกแกจากป๋าไปอยู่ที่อื่น... ขืนป๋าพูดแบบนั้นออกมา พวกหนู ๆ ต้องหมดศรัทธาในตัวป๋าแน่ ๆ ... จริงไหม?”

“โห่ป๋าแม่ง!... คิดได้!” วิญญูติติงได้ไม่เต็มเสียงเพราะมัวแต่หัวเราะคำสารภาพแบบกั๊ก ๆ ที่เพิ่งได้ยินไปหมาด ๆ    

“ป๋าไม่เถียงเลยนะว่าลูก ๆ เกิดมาเพื่อเติมเต็มความสุขสมบูรณ์ให้กับชีวิตพวกเรา แต่จะช้าหรือเร็ว ที่สุดแล้ว พวกเขาก็ต้องเดินไปจากเราอยู่ดี เหมือนที่พวกเราแยกจากพ่อแม่เพื่อมาใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ ได้ลองมีความรักอย่างที่ใจปรารถนา ได้ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำอย่างเต็มที่ยังไงล่ะ” ร่างเล็กในอ้อมกอดที่ยังยืนพิงอกเขาโดยไม่พูดไม่จาเร่งเร้าเต๋อให้ไม่อาจปล่อยประเด็นนี้ให้เลยผ่านไปได้ “หรือหนูฟูไม่อยากให้ลูกได้ลองสัมผัสเรื่องสุดวิเศษแบบที่เราเคยได้รับจากพ่อแม่ของเรากันครับ?” 

“เปล่าเสียหน่อย ฟูแค่ใจหาย... ฟูไม่รู้จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีลูกอยู่ด้วย” ที่สุดแล้ว กรกฏก็หลุดปากพูดความรู้สึกออกมาจนหมด แต่แทนที่จะยินดี ตรินกลับต้องเดือดร้อนกับเนื้อความที่เพิ่งได้ยิน  

โอ้โห! หนูพูดอย่างนี้ป๋านี่ขึ้นเลย!”  

“โธ่ป๋า! ฟูไม่ได้หมายความแบบนั้นเสียหน่อย! ฟูรู้หรอกน่าว่าฟูมีป๋ามีแด๊ดอยู่ข้าง ๆ แต่ฟูเหงาไง...
.
.
...ป๋าลองคิดดู ฟูอยู่กับลูกทุกวัน ๆ มาสี่ปีเต็ม ๆ นะป๋า! ฟูจะไม่เป็นอะไรได้ยังไง?!...
...ตื่นเช้ามาก็เจอลูก วันทั้งวันก็ขลุกอยู่ด้วยกันตลอดจนถึงหัวค่ำ...
...เนี่ย! แค่คิดว่าพรุ่งนี้จะไม่มีพวกแกคอยวิ่งเล่นทำเสียงตึงตังรอบ ๆ บ้าน ฟูก็... ฮึก!...” คำพูดที่พรั่งพรูออกมาราวกับทำนบแตกไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในใจเบาขึ้นแต่อย่างใด หนำซ้ำมันยังทำให้ชายหนุ่มสะอื้นตัวโยนจนเหมือนกับเด็กเล็ก ๆ ก็ไม่ปาน  

“ชู่ว์! ไม่ร้องนะครับฟู” หนุ่มหน้าหยกปลอบกรกฏทันทีที่มีจังหวะพูดเนื่องจากเจ้าตัวยืดหลักไม่เอ่ยแทรกภรรยาถ้าไม่จำเป็น

“คนดีของป๋า” เจ้าบ้านร่างหมีกดริมฝีปากหนัก ๆ เหนือขมับของคนรักร่างเล็ก “แรก ๆ มันคงจะยากหน่อย แต่เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น... เชื่อป๋าสิ” 

“ฟูต้องทำใจไม่ได้แน่ ๆ เลยป๋า!

“ไม่หรอก ป๋าเชื่อว่าหนูของป๋าต้องทำได้ ขนาดอยู่เป็นเพื่อนลูกตอนโดนคุณหมอจับฉีดยาหนูยังทำมาแล้วเลย... แค่ส่งลูกไปโรงเรียนแค่นี้ ทำไมหนูฟูของป๋าจะทำไม่ได้ล่ะ” ตรินชิ่งลูกกระทบคุณพ่ออีกคนที่ไม่กล้าอยู่ดูหมอใช้เข็มฉีดยาปลายแหลมปรี๊ดเจาะแขนเด็กชายทั้งสาม แม้ว่าการกระทำนั้นจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายก็ตามที ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลตอบรับที่ดี เพราะวิญญูส่งค้อนวงใหญ่กลับมาให้เป็นของกำนัล
.
.
.
.
.
.
.
.
“ป๋า” อยู่ ๆ กรกฏก็เปรยสรรพนามเรียกแทนชื่อคนรักขึ้นหลังจากนิ่งไปพักใหญ่  

“ครับ?”

“เรามีลูกกันอีกดีไหม?”

เฮ่ย! จะดีเหรอฟู?!” คำถามดังกล่าวทำเอาวิญญูตกใจจนผงะอย่างเสียอาการ  แต่นั่นกลับหยุดกังฟูในสภาพเสียใจจนใกล้คลุ้มคลั่งไม่ได้

“นะป๋า ฟูอยากมีลูกอีกอ่ะ” อริยะตรัยคนพี่ช้อนตามองออดอ้อนผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของบ้านอย่างไม่ลดละด้วยความเชื่อมั่นว่า สายตาและท่าทางดังกล่าวจะเกลี้ยกล่อมตรินให้ยอมคล้อยตามได้ง่าย ๆ ซึ่งคำตอบสไตล์ป๋าขาเปย์ของเต๋อก็ยิ่งสนับสนุนให้ชายหนุ่มปักใจในเสน่ห์อันล้นเหลือของตัวเองมากขึ้นทุกที

“ป๋าไม่ห้ามหนูเรื่องลูกนะ ต่อจากนี้... หนูจะอยากมีลูกอีกสักกี่คนก็ได้ ป๋าพร้อมสนับสนุนเต็มที่”

จริงเหรอป๋า?!” การพยักหน้ารับคำด้วยสีหน้าจริงจังของตรินทำให้คนฟังร่างเล็กยินดีเสียจนเจ้าตัวเผลอกระโดดโน้มคอรั้งใบหน้าเต๋อลงมาจูบปากอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตรงข้ามกับด้วงที่ออกอาการลนลานเมื่อเห็นคนรักทั้งสองเจรจาตกลงหัวข้อสำคัญต่อความเป็นไปของครอบครัวด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับเล่นขายของ  

ป๋า! ป๋าอย่าเที่ยวรับปากพร่ำเพรื่อสิ เรื่องลูกไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะ!” วินาทีนี้ ไม่สำคัญแล้วว่าเต๋อจะตัดสินใจเช่นไร เพราะวิญญูนี่แหละที่จะยืนหยัดคัดค้านความคิดชั่วครู่ชั่วยามของกังฟูแบบหัวชนฝา ฝ่ายพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยที่กำลังยิ้มหน้าบานก็รีบฉวยโอกาสที่คนรักร่างหมีหยิบยื่นให้โดยไม่คิดหน้าคิดหลังอีกต่อไป  

งั้นไปคุยกับแม่บัวเล...”
“แต่ป๋ามีข้อแม้ว่า พลาย พลุ และพลับจะต้องเป็นฝ่ายพูดว่าอยากมีน้องออกมาก่อน เพราะป๋าไม่อยากให้ลูก ๆ รู้สึกว่าพวกแกถูกน้องแย่งความรักความสนใจไป หนูฟูโอเคไหมครับ?” อดีตหนุ่มสถาปัตย์ชิงวางเงื่อนไขแทรกขึ้น นั่นจึงทำให้อริยะตรัยคนพี่ชักสีหน้าพลางโต้กลับทันควัน
โหป๋า! อย่างนี้ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยน่ะสิ!

“หนูฟู... หนูฟูจะทำอะไรป๋าไม่เคยห้ามเลยนะครับ แต่ตอนนี้หนูฟูเป็นพ่อคนแล้ว เวลาจะตัดสินใจอะไร หนูฟูต้องไม่ลืมคิดถึงใจลูก ๆ เป็นอันดับแรกนะครับ”   

“...” เพราะเหตุผลที่เต๋อหยิบยกขึ้นมาอธิบายเป็นเรื่องจริงที่กระทั่งกรกฏเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่ทำปากอูดไม่พูดไม่จากับใครทั้งสิ้น

ท่าทางกระเง้ากระงอดหลังถูกขัดใจที่พี่ชายธันวาแสดงออกไม่ได้ทำให้ตรินหวาดหวั่น กลับกัน สีหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายทำให้เลือดในกายระอุขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ “นอกจากคิดถึงใจลูกแล้ว หนู ๆ ก็ต้องคิดถึงใจผัวด้วยนะครับ... ห้ามลืมคิดถึงเป็นอันขาด รู้ไหม?!” เจ้าของเสียงพูดทุ้มต่ำไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาคมคายก้มลงไปเพื่อฝังปลายจมูกซุกไซ้ซอกแซกไปทั่วลำคอเนียนนุ่มของกังฟู ในขณะที่มืออีกข้างก็ล้วงไล้ลอดใต้เสื้อนอนของวิญญูไปพร้อม ๆ กัน “ว่าไงครับ? หนูฟู หนูด้วง... จะลืมป๋าหรือเปล่า?”

“ฮื่อออ!” กรกฏครางไม่เป็นภาษาเมื่อถูกฤทธิ์ของดำฤษณาเข้าครอบงำ เห็นดังนั้น ฝ่ายผู้ลงมือกระทำจึงยิ่งย่ามใจ ตรินละเลงไล้ใบหน้าไปทั่วจุดอ่อนไหวพลางเร่งรัดขอคำตอบผ่านการสัมผัสหนักแน่น และจาบจ้วงต่อเนื่องทันที

“ว่าไง... ลืมไหมที่รัก?”  

แม้โดยเนื้อแท้แล้วเขาจะเป็นพวกชอบเอาชนะ แต่ลองว่าถ้าร่างกายโดนจู่โจมทั้งบนและล่างด้วยสัมผัสที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีแบบที่กรกฏกำลังประสบอยู่ล่ะก็ ต่อให้ใจจะอยากโต้คารมกับเต๋อสักแค่ไหน ชายหนุ่มก็ไม่อาจต้านทานความรู้สึกปรารถนาในตัวคนรักทั้งสองได้เลยสักที กังฟูจึงยอมปล่อยตัวเองให้ตกเป็นทาสแห่งกามารมณ์อีกครั้งด้วยความยินดีเป็นที่สุด “...อาห์...ไม่ลืม...ไม่ลืม...”








“พี่พลาย พ่อฝากพี่พลายดูแลน้อง ๆ ด้วยนะครับ” คนเป็นพ่อสั่งความกับบุตรชายคนโตหลังจากที่ทั้งหมดมาถึงยังลานจอดรถของโรงเรียนอนุบาลเป็นที่เรียบร้อย  

เด็กชายปภพผู้แบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ตบอกตัวเองเบา ๆ พลางทำหน้ายืดด้วยความภาคภูมิใจก่อนจะเอ่ยอย่างหนักแน่น “คับ! พี่พายจะดูแลปกป้องพุพับเป็นอย่างดีเลยคับ!

“เก่งมากลูก” กังฟูโน้มตัวเข้าหาลูกชายคนโตเพื่อประทับรอยจูบลงบนกลุ่มผมหน้าม้านุ่มนิ่มเบา ๆ ก่อนจะหันไปกำชับลูกชายคนเล็กที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้าง ๆ กัน  

“พลับคนเก่งของพ่อฟู ตั้งใจเรียนนะลูก แล้วก็อย่าเที่ยวไปเล่นซนที่ไหนคนเดียว... ถ้าจะไปที่ไหนก็ให้ไปกับพี่พลาย หรือ พี่พลุนะครับ”

“ครับพ่อฟู” ขาอ้อนประจำบ้านโถมตัวเข้าใส่คนเป็นพ่อเพื่อฝังใบหน้าเล็ก ๆ ลงหอมแก้มกังฟูอย่างรักใคร่ ชายหนุ่มจึงไม่อาจอดใจกอดรัดลูกชายคนเล็กอยู่นานสองนานก่อนจะตัดใจผละจากเพื่อสั่งความทายาทคนกลางเป็นรายสุดท้าย

“พลุ... พลุไม่ต้องกลัวนะครับ พลุมีพี่พลาย มีพลับอยู่ข้าง ๆ นะลูก แล้วก็... อย่าลืมกินผักเป็นเพื่อนพี่พลายกับพลับด้วยนะครับ ถ้าพลุไม่กินผักด้วย พี่พลายกับพลับต้องแย่แน่ ๆ เลยลูก” 

“คับพ่อฟู” เด็กชายเจ้าของชื่อโผเข้ากอดคอแล้วเบียดแก้มสลับหอมบิดาเหมือนกับน้องชายไม่มีผิด

“ดีมากครับพลุคนเก่งของพ่อ!” สัมผัสของลูกชายคนกลางทำให้กรกฏต้องกระพริบตาไล่น้ำใส ๆ ที่พากันไหลคลอหน่วยพร้อม ๆ กับกลืนก้อนสะอื้นลงคอแล้วปรับเสียงให้สดใสเพื่อเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะต้องพาเด็ก ๆ ไปส่งถึงมือครู “ไหนมาจูบกันหน่อยซิ” คำขอของกังฟูได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะฝาแฝดสามต่างพากันรุมล้อมประทับจูบคุณพ่อสุดที่รักกันอย่างวุ่นวาย

“เอาล่ะ! ตาป๋ากับแด๊ดแล้วลูก!” ทั้งเต๋อและด้วงย่อตัวลงนั่งพลางอ้าแขนกว้างรอรับลูก ๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแลกจูบจนครบถ้วน เมื่อใกล้เวลาเข้าเรียน ป๊ะป๋าร่างหมีก็เอ่ยย้ำเตือนสิ่งสำคัญกับเด็ก ๆ ซ้ำอีกครั้ง “ถ้าไม่ใช่พ่อฟู ป๋า แด๊ด คุณปู่คุณย่า หรือพวกอา ๆ มารับ ห้ามกลับบ้านกับคนแปลกหน้าเป็นอันขาดนะลูก เข้าใจใช่ไหม?”

คับ!” 

“เลิกเรียนแล้วอยู่กับคุณครูนะลูก เวลาพ่อมารับ พ่อจะได้หาพวกเราเจอง่าย ๆ ... ตกลงไหมเอ่ย?” กังฟูแทรกข้อความที่ตกหล่นหายไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้ลูกช่วย ๆ กันจดจำ

คับ!!!

เมื่อได้ยินฝาแฝดรับคำเสียงดังฟังชัดอีกครั้งคุณพ่อทั้งสามก็พลอยโล่งใจไปอีกเปลาะ “เก่งมากครับ! งั้นก็เข้าโรงเรียนได้แล้ว!





“สวัสดีค่ะ สวัสดีจ๊ะเด็ก ๆ ” มือป้อม ๆ ที่ประกบกันเป็นทรงคล้ายกับดอกบัวเล็ก ๆ ถูกยกขึ้นทันทีที่ฝาแฝดทั้งสามเห็นสัญญาณที่คุณพ่อของบ้านส่งซิกให้ “โอ้โห! ไหว้สวยมากเลยค่ะเด็ก ๆ !”  

“สวัสดีครับ พวกผมฝากลูก ๆ ด้วยนะครับ” ตรินออกหน้าคุยกับคุณครูแทนกังฟูที่ขอบตาเริ่มแดงจนเขาไม่อาจปล่อยให้แฟนสู้หน้าลูกอีกต่อไป

“ได้ค่ะ คุณครูทุกคนจะดูและสุดหล่อทั้งสามคนเป็นอย่างดีเลย!” คุณครูสาวรับคำอย่างกระตือรือล้นก่อนจะก้มลงคุยกับเด็กชายทั้งสามด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง “ไหน... ใครชื่ออะไรกันบ้างคะ?”

“นี่พี่พาย นี่พุ” ปภพแนะนำตัวเองรวมถึงน้องชายคนกลางผู้ที่ยืนแอบอยู่ข้างหลังตนแบบรวดเดียวจบ ก่อนจะตามด้วยฝาแฝดคนสุดท้องที่กล้าแสดงออกพอ ๆ กัน

ทายาทคนเล็กของตระกูลคุณะประสิทฒ์ชูมือขึ้นเหนือหัวพลางเจื้อยแจ้วเสียงแจ๋วน่าฟัง “พะ - ลับครับ!

“โอ้โห! เก่งจังเลยค่ะเด็ก ๆ ... ไปค่ะ ไปเข้าห้องเรียนกันดีกว่า”

“บ๊ายบายลูก เรียนให้สนุกนะครับ!” เต๋อเอ่ยคำอำลากับลูก ๆ ที่หยุดโบกมือให้พวกเขาก่อนจะเดินจูงมือกันตามคุณครูเข้าไปด้านในอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ภาพของบุตรชายคนกลางซึ่งเดินรั้งท้ายโดยหมั่นปรายหางตาเศร้าสร้อยละห้อยหากลับมามองสบตากับพวกเขาทั้งหมดเป็นระยะ ๆ ทำให้หมีทั้งสองต้องรีบประคองคนรักร่างเล็กออกไปปลอบประโลมกันในรถ เพราะคงไม่ดีแน่ หากวันแรกของการไปโรงเรียน ลูก ๆ ต้องมาเห็นน้ำตาแห่งความโศกเศร้าของพ่อฟูโดยไม่ตั้งใจ  





«»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»