Thursday, October 23, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : ❺ เพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง



เพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง [สักวันฉันจะดีพอ Bodyslam]


To:  khemnun@ilovebananapress.com
From: malinee@ilovebananapress.com
Subject: re: re: re: re: re:  บทนำนิยายเรื่องใหม่ (แนวทดลอง)



โธ่ แม่ขนุน...แม่คุณ แม่ช่างทำกับชั้นได้!!


อะไรยังไง?? ทำไมมาเร็ว เคลมเร็ว ไปเร็วเหมือนสิงมั่งคั่งระวังภัยแบบนั้นยะ?? เปิดทิ้งประเด็นเอาไว้ให้อยากแล้วก็มาจากไปง่ายๆแบบนี้  สาววายผู้มีบารมีอย่างชั้น จะไม่ทน!!

ได้ข่าวว่าสองสามวันนี้ผู้ชายของหล่อนไม่อยู่...หล่อนก็รีบปั่นตอนใหม่มาให้ชั้นได้เสพโดยเร็วสิยะ จะมัวรออะไรอยู่?
แต่ทว่า นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักของจดหมายไฟฟ้าฉบับนี้แต่อย่างใด...

...เรื่องสำคัญอันเป็นวาระแห่งชาติเรื่องแรกที่ชั้นต้องถามหล่อน ก็คือ... รูปผู้ชายหล่อๆคนนั้น ซึ่งหล่อนแอบอ้างว่าเขาชื่อน็อต และหล่อนยังกล้าแนมส่งมายั่วให้ชั้นน้ำลายหกก่อนหน้านี้น่ะ  หล่อนจงสาบานกับชั้นมาซะดีๆว่า...หล่อนไม่ได้ไปแอบถ่ายมาจากนิตยสารแฟชั่นหัวนอกเล่มไหน หรือไปแอบเจาะมาจากไอจีใคร...สาบาน!!

ถ้าหล่อนยังยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า ผู้ชายในรูปนั่น...คือ...เด็กน้อยวัยละอ่อนผู้แสนจะกรุบกริบของหล่อนจริงๆ ชั้นจะได้ถือโอกาสนี้ ลาพักร้อนยาวๆ เพื่อไปสงบจิตสงบใจที่วัดอัมพวันสักสามอาทิตย์ เพราะโลกนี้จะไม่มีผู้ชายหน้าปัง! โปรไฟล์เป๊ะ! เหลือพอให้ชะนีอย่างชั้นได้เชยชมขณะรับลมบนคานอีกต่อไป...โอ้ มายลอร์ดมิเลดี้ โลกนี้ช่างโหดร้าย!!

และเรื่องสุดท้าย...ชั้นเข้าใจและขอตอบรับคำขอของหล่อน เรื่องว่าจะไม่ซักถามอะไรให้มากความเรื่องผู้ชายคนนั้นที่มาดหมายหล่อนอีกคน แต่ชั้นแค่ต้องการจะบอกว่า ตั้งแต่เปิดงานหลังสงกรานต์มา...คนที่หล่อนก็รู้ว่าใคร มันได้กลายร่างเป็นหมาเศร้านั่งเฝ้ายามที่ออฟฟิศดึกๆดื่นๆทุกคืน  กระนั้น...หล่อนไม่ต้องกังวลไป เพราะชั้นจะคอยจิกใช้ให้มันทำงานจนโงหัวไม่ขึ้นเพื่อให้มันลืมหล่อนให้ได้โดยไว  ว่าแต่...หล่อนมีใครที่รู้จักและเข้าข่ายโอตาคุหน้าแว่นเหมือนหล่อนบ้างไหม? ชั้นจะได้ไปสอยมาใช้เป็นเหลื่อย่อให้คนที่หล่อนก็รู้ว่าใครมีกะใจทำงานมากกว่านี้...

...หากหล่อนพอจะมีลู่ทาง ขอให้หล่อนจงสายตรงหาชั้นในบัดดล


แม่หญิงเมี่ยง เสลี่ยงเลี่ยมทอง (บ.ก.)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
💋 แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย...เป็นเลสเบี้ยนเสียเลยจะดีกว่า



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



🚹 บ่นบนบล็อก
ชื่อโพสต์ : How to Tame a Bad Boy 👿 ความรักทุกๆรูปแบบ...เริ่มต้นที่ความรู้สึกรักตัวเอง }}
สถานะ : Draft


แม้หนังสือคู่มือจะแนะนำให้เราได้รู้จักขั้นตอนการจีบหนุ่มตามลำดับที่ควรจะเป็น โดยแบ่งแยกรายละเอียดของแต่ละขั้นตอนที่เราควรปฏิบัติตามออกเป็นบทต่างๆจากน้อยไปมาก  ซึ่งเท่าที่ผมอ่านคำนิยม และบทส่งท้ายซึ่งตัดตอนเนื้อหาบางส่วนมาจากจดหมายของคนอ่านทางบ้านที่เขียนมาบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จหลังจากได้นำวิธีการจีบหนุ่มตามที่ท่านกูรูแนะนำไปทดลองใช้  ก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า หากคนอ่านทำตามขั้นตอนตามลำดับอย่างเคร่งครัด...ผลลัพธ์จะต้องเป็นไปดั่งใจอย่างแน่นอน

แต่เมื่อคู่กรณีหัวใจของผมคือผู้ชายที่ชื่อน็อต...
ผู้ชายที่ผมได้มีโอกาสเรียนรู้นิสัยใจคอ และเห็นถึงความน่ารักน่าใคร่ของเขามาพอสมควรแล้ว...
ผมก็ได้ข้อสรุปว่า ไม่มีวันที่ผมจะเพลี่ยงพล้ำทำผิดพลาดจนต้องรับมือกับความล้มเหลวอีกครั้ง พอกันทีกับความรักอันบริสุทธิ์ที่ถูกตอบแทนด้วยความผิดหวัง!!

เมื่อจิตใจของผมตั้งมั่นต่อปณิธานข้อนี้อย่างแน่วแน่  สัญชาติญาณนักล่าของผมที่เคยเซื่องซึมก็กลับฟื้นคืนกำลังขึ้นมาใหม่ และมันได้ชี้นำให้ผมเกิดความคิดที่จะปรับเปลี่ยนการแผนการจีบน็อตให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์จริง มากกว่าจะยึดถือลำดับที่หนังสือได้ชี้แนะเอาไว้เป็นสรณะ 

ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก  น็อตเป็นผู้ชายที่มีคุณลักษณะผิดไปจากเป้าหมายที่ตำราแนะนำเอาไว้อย่างสุดขั้ว การตัดสินใจ และการกระทำของเขาทั้งหมด อยู่เหนือการคาดการณ์ตามตรรกะของท่านกูรูไปหลายช่วงตัว เพราะฉะนั้น...หากผมยังจะดื้อแพ่งดำเนินแผนรวบหัวใจน็อตโดยหลับหูหลับตาทำตามลำดับในการจีบผู้ชายนุ่มนิ่มน่ารัก คงไม่มีวันที่พ่อเสือหนุ่มจะยอมศิโรราบแทบเท้าผมง่ายๆเป็นแน่

และอีกส่วนหนึ่ง (ซึ่งผมมั่นใจว่าเป็นเพียงส่วนน้อยมากกก) คงจะเป็นเพราะ ตลอดมา...ผมไม่เคยได้ลองใช้วิธีมัดใจหนุ่มข้อใดๆที่อยู่ถัดจากบทที่สี่เป็นต้นไปเลยแม้เพียงสักครั้งเดียว เนื่องจากความผิดหวังซ้ำซากมักจะมาเยี่ยมเยือนผมก่อนบทจีบที่ห้าว่าด้วยการออกเดทสองต่อสองจะเริ่มเสมอ

ผมขอย้อนกลับไปอ้างอิงถึงตอนล่าสุดซึ่งผมเล่าค้างเอาไว้ว่า  น็อตได้บอกให้ผมรับรู้ถึงหมายกำหนดการที่ผมกับเขา จะได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในอีกไม่ถึงสองวันข้างหน้า  นี่คือที่มาของเนื้อหาของเรื่องราวในตอนนี้ ซึ่งจะยืนพื้นอยู่บนคำแนะนำในบทที่สองของหนังสือคู่มือเป็นหลัก 

ใจความของบทที่สองจากสุดยอดตำราพิ(ชิต)ชายสงครามของผม  ได้เน้นย้ำให้ผู้ที่เป็นฝ่ายจีบตระหนักถึงความสำคัญของการให้ความรักกับตัวเองเป็นอันดับแรกเสียก่อน  เมื่อใดก็ตามที่เรารักและรู้สึกดีกับตัวตนของเราแล้ว เราจะสามารถเผื่อแผ่ความรักและความสุขภายในใจของเราออกไปสู่ผู้อื่นที่อยู่รายล้อมตัวเราได้ และนั่นจะเป็นบ่อเกิดของเสน่ห์อันยากจะลืมเลือน

จริงอยู่ ที่ผ่านมาผมเคยทดลองจีบใครหลายๆคนตามหนังสือคู่มืออย่างเคร่งครัด ตั้งแต่บทแรกคืบหน้าไปจนถึงคำแนะนำในบทที่สี่  แต่ผมขอยอมรับกับพวกคุณตรงนี้เลยครับว่า บทที่สอง...เป็นเพียงบทเดียวที่ผมแอบอุ๊บอิ๊บมองข้ามอย่างไม่คิดเหลียวแล และให้ความสำคัญใดๆ 

เพราะท่านกูรูผู้เขียนเปิดประเด็นบทนี้ด้วยการส่งเสริมให้เราเริ่มหันมาดูแลตัวเอง ผ่านการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การแต่งตัวให้เหมาะสมกับตัวตนของเราด้วยความพิถีพิถันและสะอาดสะอ้าน  ปรับปรุงบุคลิกลักษณะภายนอกให้ดูดีมีมาด และหมั่นสั่งสมความรู้เรื่องต่างๆโดยเฉพาะสิ่งที่เป้าหมายของเราสนใจ  เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้คนอื่นๆอยากเข้าใกล้ตัวเรามากขึ้น...

...ซึ่งท่านกูรู้ย้ำชัดว่า นั่นจะเป็นอิทธิพลเดียวกันที่จะช่วยดึงความสนใจของคนที่เราชอบให้พุ่งตรงกลับมาหาเราบ้าง  เข้าทำนองมัดใจชายหนุ่มนักล่า โดยอาศัยกระแสแห่งความสุขที่เราแผ่ออกไป ทำให้อีกฝ่ายอยากจะกระโจนเข้าหา มากกว่าจะปล่อยให้เราวิ่งไล่ตามอยู่เพียงฝ่ายเดียว

อนิจจา... วิธีที่ท่านกูรูว่ามา ดูจะไม่ใช่หนทางที่ผมสะดวกใจน้อมรับมาเป็นนโยบายในการปฏิบัติตามเท่าใดนัก เพราะเมื่อพูดถึงความรักตัวเองในแบบฉบับของผมแล้ว...มันหมายรวมถึงการเคารพและรักษาตัวตนของเราเอาไว้ด้วยเช่นกัน และตัวตนของผมก็คือ การได้แต่งตัวแบบนี้ และเป็นไอ้คนหน้าแว่นที่ดูประหลาดไม่เข้าพวกต่อไป  ดังนั้น...การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกตามที่ท่านกูรูว่ามา จึงออกจะขัดแย้งกับความเชื่อส่วนตัวของผมอยู่ไม่น้อย




กระนั้น...เพื่อให้ได้น็อตมาเป็นคนรัก ผมจะไม่นิ่งดูดายกับข้อแนะนำใดๆของท่านกูรูอีกต่อไปแล้ว...
...ผมจะเปลี่ยนแปลงรูปกายภายนอกของตัวเองให้ดูเป็นคนใหม่... ไม่แน่...ถ้าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผมอาจจะยอมเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นอีกคน แบบที่ทำให้คนอื่นจำหน้าเก่าไม่ได้ไปเลย

ซึ่งผมแน่ใจว่า การลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผมอย่างแน่นอนเหมือนกับที่ผมเคยสัมผัสประสบการณ์นั้นมาก่อนเมื่อตอนที่น็อตพาผมไปซื้อเสื้อผ้าร้านพี่เน้ยนั่นอย่างไรล่ะ เพราะตลอดทั้งวันนั้น ผมต้องคอยสงบจิตใจไม่คิดอะไรมากเมื่อโดนสายตามากมายหลายคู่จับจ้อง ก่อนจะหันกลับไปซุบซิบกัน สลับกับมองผมหัวจรดเท้า แล้วยิ้มหยันใส่อย่างไร้มารยาท ราวกับผมมีตาที่สามงอกออกมาตรงหน้าผากก็ไม่ปาน 

เท่านั้นยังแย่ไม่พอ...ผมยังต้องพบเจอกับสีหน้า สายตา และปฏิกิริยาแปลกๆของผู้ชายหลายๆคน ที่แอบมองตามผมแบบเหลียวหลังตอนที่ผมปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำเพียงลำพัง  ทำให้ผมต้องเลี่ยงไปใช้โถชักโครกแทนโถปัสสาวะปกตินั่นอีกล่ะ และผมเชื่อว่า...หลังจากที่ผมยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้นแล้ว ทุกๆอย่างจะยากลำบากและยุ่งเหยิงมากกว่าทุกวันนี้แน่ๆ...

...แต่ต่อให้สิ่งที่ผมจะต้องพบเจอเลวร้ายกว่านี้เป็นล้านเท่า ต่อให้ผมต้องโดนมองแปลกๆอย่างไม่เข้าใจ ผมก็ยินดีที่จะเปลี่ยนโดยไม่มีเงื่อนไข

ถึงอย่างนั้น... ผมขอบอกกับพวกคุณเอาไว้ก่อนเลยนะครับ ว่า...การมัดใจน็อตตามวิถีทางแห่งท่านกูรู ไม่ใช่เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้ผมต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง จนต้องลุกขึ้นมาแก้ไขปรับปรุงสารรูปอันไม่เป็นมิตรต่อสายตาเอาง่ายๆในตอนนี้   ทั้งที่เมื่อก่อน มันก็ไอ้ผมทั้งนั้นแหละที่พูดเอาไว้เสียดิบดีว่า อยากจะคงความเป็นตัวตนอย่างนั้น อยากให้ชีวิตประจำวันมันสบายๆ โดยไม่จำเป็นต้องให้ค่านิยมด้านการแต่งกายของสังคมมีบทบาทเหนือความเรียบง่ายอย่างนี้... แต่เชื่อผมเถอะครับ มันมีอะไรมากกว่านี้จริงๆ

บรรดาเหตุผลทั้งหลายที่รองรับการกระทำของผมในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่มีที่มาจากน็อตคนเดียวเท่านั้นอีกแล้วล่ะครับ...
น่า...อย่าเพิ่งเบื่อกับการให้ข้อสรุปว่า...อะไรๆก็น็อตของผมเอาตอนนี้เลย พวกคุณก็รู้ดีนี่นา ว่าจักรวาลของผม มันหมุนรอบน็อตอยู่เพียงคนเดียวเสมอมา และตลอดไปยังไงล่ะครับ...

...เล่ามาให้พวกคุณฟังถึงตรงนี้ ผมยังตกใจตัวเองอยู่ไม่หาย...ที่ผมยอมทำอะไรที่ไม่เคยคิดจะทำตั้งมากมาย เพียงเพื่อให้ผู้ชายที่ไม่ตรงตามสเปคแค่คนเดียวมีความสุข...   จนผมเริ่มอดคิดไม่ได้ว่า...ไอ้อาการแปลกประหลาดต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวผมในช่วงหลังๆนี่ คือ สัญญาณที่หัวใจของผมส่งออกมาให้รับรู้ว่า...รักแท้ครั้งแรกของผมต้องมีชื่อว่า น็อต แน่ๆ




เหตุผลข้อแรกซึ่งเป็นข้อที่สำคัญที่สุด ซึ่งทำให้ผมยอมก้าวข้ามกรอบการต่อต้านการแต่งตัวตามสมัย หรือการทำให้ตัวเองดูเหมือนๆคนอื่นได้ เป็นเพราะความน่ารัก ใส่ใจ หวงแหน และการเห็นผมเป็นที่หนึ่งเหนือใครๆของน็อตที่มีต่อผมอย่างเสมอต้นเสมอปลายผ่านการแสดงออกอย่างไม่คิดปิดบัง... แม้ในบางครั้ง ต้นเหตุที่เรียกร้องให้น็อตต้องแสดงออกถึงความรู้สึกพิเศษๆอย่างจริงใจเหล่านั้น ส่วนหนึ่งจะมาจากการแกล้งหยอกล้อลองใจของผมก็ตามที 

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อตอนที่เราคุยกันผ่านไลน์เป็นครั้งแรก ด้วยหัวข้อที่ช่างไม่จี๋จ๋าหวานแหววใดๆทั้งสิ้น เพราะใจความสำคัญที่สุดของบทสนทนาทางตัวอักษรครั้งนั้น  ชี้ให้ผมเห็นถึงความวิตกกังวลของน็อตจนพ่อคุณชักจะห่อเหี่ยวเกินงาม ด้วยเรื่องที่ผมจะมีโอกาสได้กลับไปใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ผมเคยชอบก่อนที่เราจะพบกัน ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงภายใต้หลังคาเดียวกันนานหลายวัน... ทั้งที่ตัวเขาก็จะเข้าไปอยู่กับเราทั้งสองคนด้วยตลอดเวลาแท้ๆ

ผมจึงถือเป็นโอกาสอันดี อาศัยจังหวะนี้ เพื่อลอบสังเกตอาการของน็อตตลอดช่วงที่เราต้องอยู่ร่วมชายคากับผู้ชายที่ผมเคยรู้สึกดีๆด้วยเสียเลย ผมน่ะอยากรู้เหลือเกินว่า น็อตจะออกอาการอย่างไรในยามที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อต้องเห็นผมอยู่กับคนที่ผมเคยมีใจให้แบบตำตา

แต่ก่อนที่มหกรรมความสนุกครั้งยิ่งใหญ่จะเริ่ม...ผมขอประเดิมด้วยการส่งข้อความก่อดราม่านิดหน่อยพอเป็นพิธีผ่านไลน์ไปให้พ่อคุณ  ไม่ถึงสองนาทีดี...น็อตก็โทรกลับมาหาผมทันที เพื่อปรับความเข้าใจและปลอบไม่ให้ผมนึกเสียใจที่กลายเป็นคนสำคัญในชีวิตเขา แม้เจ้าตัวจะเลี่ยงไม่พูดมันออกมาโต้งๆก็เถอะนะ...

หึ! จะปากแข็งไปได้สักกี่น้ำกันล่ะเด็กน้อย พี่ขนุนจะคอยยั่วให้น้องน็อตหลุดปากบอกความในใจออกมาจนได้ล่ะจ้ะ หึ หึ

สาเหตุที่วันนั้นผมส่งข้อความทำทีเหมือนไม่อยากเป็นตัวถ่วงของน็อต สืบเนื่องมาจากผลของข้อตกลงของเราไปนั้น จริงๆแล้ว เป็นเพราะผมอยากได้ยินเสียงน็อตใกล้ๆอีกครั้ง... โอ๊ะ! ขอโทษทีครับ ผมลืมบอกพวกคุณไปว่า...วันนั้นเป็นวันแรกที่เราสองคนได้มีโอกาสได้ยินเสียงของอีกฝ่ายทางโทรศัพท์ หลังจากผมเพิ่งให้เบอร์โทรของผมกับน็อตไปในคืนก่อนหน้า ผมเลยอดตื่นเต้นดีใจไม่ได้...ทุกครั้งที่ชื่อของน็อตโผล่ขึ้นมาตรงกลางหน้าจอมือถือหลังจากที่เขากดโทรมาหา

แต่อย่าหาว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ผมไม่อยากจะบ่นเลยจริงๆ...ว่าไอ้ครั้งแรกที่น็อตโทรหาผมน่ะ น็อตคุยสั้นมาก...แถมยังไม่มีคำหวานๆหยอดออกมาให้ได้ยินเลยสักครั้ง ทั้งๆที่เวลาอยู่ด้วยกัน น็อตนี่พยายามหาเศษหาเลยผมทั้งทางกายและวาจาพอให้ผมได้ชุ่มชื่นหัวใจอยู่ไม่มีขาด 

ระหว่างที่คุยกันครั้งแรก ด้วยบทสนทนาลุ่นๆไม่มีการหยอดให้ลุ้นแม้สักครั้งนั้น...ผมเลยต้องประคองบทสนทนาไปพลาง นึกถึงหน้าตาและท่าทางของน็อตระหว่างที่กำลังโต้ตอบกับผมอยู่ไปพลาง เพื่อสร้างความสุขชั่วครู่ชั่วยามให้ตัวเองแทนอีกฝ่ายที่ตกม้าตายอย่างไม่เป็นท่า

แล้วพวกคุณเชื่อไหมครับ...ว่าสาเหตุที่พ่อคุณโทรหาผม ก็แค่เพื่อขอไลน์ไอดีของผมเท่านั้น...
ผมถึงกับเอามือทาบอกแล้วบ่นออกมาในใจดังๆว่า คุณพระ..คนอะไรจะบื้อได้ขนาดนี้!!’...

วินาทีนั้น ผมล่ะอยากจะถามน็อตออกไปเหลือเกินว่า ที่ผ่านมา...พ่อไม่เคยจิ๊จ๊ะกับสาวคนไหนมาก่อนบ้างเลยหรือ ถึงได้ไม่รู้ว่าจะชวนคนที่ตัวเองชอบคุยโทรศัพท์อย่างไร เพื่อให้อีกฝ่ายใจเต้นไม่เป็นส่ำได้เหมือนเวลาอยู่ด้วยกันน่ะ ฮึ??

มีแฟนมาก็นับแทบไม่ไหว แถมยังคารมดีไม่มีใครเกินหน้า แต่ตอนที่โทรมาหาผมกลับไม่มีเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่านี้เอามาคุย!!  สาบานได้...ไลน์ไอดีเนี่ยะนะ หัวข้อแห่งการพูดจาแห่งยุค??!!  ทำไมไม่ถามให้เสร็จๆไปตั้งแต่ตอนที่ให้เบอร์ไปแล้วล่ะ?? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าน็อตจะพลาดเรื่องการคุยโทรศัพท์กับแฟนได้หลุดลุ่ยแบบนี้

เท่านั้นยังไม่พอ...พ่อคุณยังจะเถรตรงไม่วาย เพราะทันทีที่ผมรับปากว่าจะส่งไลน์ไอดีไปให้ทางข้อความ และถามว่ามีเรื่องอื่นเรื่องไหนที่เขาต้องการจะพูดกับผมอีกไหม  น็อตก็หาเรื่องวางหูใส่ผมเสียดื้อๆ... ผมล่ะทนไม่ได้ เลยเผลอหลุดเสียงไม่พอใจใส่  ช่วยไม่ได้นี่ครับ...ก็เขาน่าจะรู้ได้แล้วนะว่า การที่ผมถามยื้อให้เขาอ้างเรื่องไร้สาระอะไรขึ้นมาก็ได้นั่น หมายความว่าผมอยากได้ยินเสียงของเขานานๆ ให้สมกับที่ผมอุตส่าห์นั่งคิดถึงเขาอยู่ทั้งวัน...

...บอกเลยนะครับว่า ถ้าเราเริ่มทำความรู้จักกันโดยที่น็อตโทรมาจีบผม ด้วยทักษะแบบที่เราคุยกันครั้งนี้ ผมอาจจะไม่เหลียวแลน็อตไปเลยก็ได้ แม้ว่าเขาจะน่ารักน่าเอ็นดูและดูดีขนาดนี้ก็เถอะ ฮึ!  

นี่แหละครับ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงก่อดราม่าขึ้นมาเบาๆ หลังจากการโทรคุยกันครั้งแรกจบสิ้นลงแบบสั้นๆไม่มีที่มาที่ไปของน็อต  ก็ผมน่ะยังอยากได้ยินเสียงเขาอยู่เลยนี่นา แต่ถ้าจะให้ผมโทรไปหาน็อตก่อนน่ะเหรอ...หึ ฝันไปเถอะ!! 

ระหว่างที่ผมกำลังจีบน็อตอยู่นี่ ผมตั้งใจเอาไว้ว่า หากผมยังไม่มีจุดประสงค์ในการโทรหาเขาที่ดีพอ ผมจะไม่โทรไปหาเขาแบบหุนหันพลันแล่น  เพียงเพราะอารมณ์และความคิดถึงพาไปเท่านั้น  ถ้าขืนผมกดต่อสายออกไปตามความพอใจแต่ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญจะคุย นั่นจะกลายเป็นบ่อเกิดแห่งความสงสัย และอาจทำให้น็อตจับความรู้สึกของผมได้พอดีน่ะสิครับ

เพียงไม่นานหลังจากที่ผมกดส่งข้อความดราม่านั่นไป พ่อคุณก็ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว... เพราะน้ำเสียงเป็นห่วงอย่างจริงจังหลังจากผมรับสายเป็นครั้งที่สองนั่น บอกผมได้ดีเลยว่า น็อตไม่อยากให้ผมไม่สบายใจเรื่องที่ผมเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องกลายมาเป็นคู่ขาของเกย์ และไม่มีโอกาสได้เปิดหัวใจให้สาวคนไหนอีกเลย

แต่เรื่องเด็ดมันอยู่ตรงที่...ก่อนจบบทสนทนาของเรารอบนั้น มีประเด็นหนึ่งที่น็อตอยากรู้จากปากผมเหลือเกิน...นั่นคือ สำหรับผม...เขาเป็นคนพิเศษหรือไม่??? เพราะเขาพยายามถามผมซ้ำถึงสองครั้งด้วยกัน หลังจากที่ผมจงใจไม่ตอบคำถามข้อนี้ออกไปอย่างโจ่งแจ้ง  

สิ่งที่ผมไม่อาจพูดไป...คงจะเป็นคำตอบของคำถามนี้นั่นแหละครับ เพราะแม้ในใจผมจะตอบก้องออกมาว่า ใช่ล้านเปอร์เซนต์   แต่ผมกลับต้องเก็บมันเอาไว้ เพียงเพราะยังไม่แน่ใจว่าน็อตจะปลงใจและหยุดที่ผมจริงๆหรือเปล่า   ถึงอย่างนั้น...เรื่องเดียวที่ผมอยากให้น็อตสบายใจ ก็คือ ต่อให้วันนี้ หรือวันไหนๆ จะไม่มีคำหวานหูใดๆเปล่งออกมาจากปากผมเพื่อเอาใจเขา แต่ผมจะทำทุกอย่าง...เพื่อบอกกับเขาเสมอไปว่า เขาคือคนพิเศษเพียงคนเดียว ที่ผมจะรัก....
.
.
...และแกล้งมากเป็นพิเศษ หึ หึ




ในที่สุด...ช่วงเวลาแสนสนุกที่แท้จริงก็มาถึงจนได้ น็อตต้องไปคอยช่วยอยู่ดูแลเพื่อนข้างบ้าน...ผู้ที่เคยเป็นคนที่ผมมีใจให้แทนพี่ชายของเขา พวกคุณอย่าเพิ่งงงไปเสียก่อนนะครับ เอาอย่างนี้...ผมขอท้าวความสั้นๆให้คุณเข้าใจถึงความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของเราทั้งสี่คนนิดหนึ่ง...

...เรื่องฝั่งผมก็คือ ก่อนจะเจอน็อต ผมเคยแอบชอบเพื่อนบ้านผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนในสเปค...
...ส่วนประวัติเพิ่มเติมของน็อตก็คือ เขามีพี่ชายต่างแม่หนึ่งคน และทั้งคู่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับผมเมื่อไม่นานมานี้ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้พบกับน็อต และยังเป็นจุดจบของความรักครั้งที่แล้วของผมด้วย  เพราะพี่ชายของน็อตคือแฟนใหม่ของคนที่ผมเคยแอบชอบนั่นเอง  สรุปความให้คุณเข้าใจง่ายๆได้ว่า...ผมและคนที่ผมเคยแอบชอบในเวลานี้ เป็นว่าที่สะใภ้ของบ้านน็อตกันทั้งคู่น่ะแหละครับ

เมื่อไม่นานมานี้ เกิดเรื่องร้ายแรงแบบไม่คาดฝันขึ้นกับสะใภ้ผู้พี่ ทำให้เจ้าตัวต้องล้มหมอนนอนเสื่ออยู่หลายวัน แต่นั่นจะไม่มีปัญหาอะไรเลย หากพี่ชายของแฟนผมได้คอยอยู่ดูแลใกล้ๆ... ไอ้เจ้าสิ่งที่ทำให้น็อตยุ่งยากใจมันก็ดันอยู่ตรงนี้นี่เอง

เพราะพี่ชายของน็อตเกิดต้องไปรับงานด่วนหลายวันเข้าพอดี เขาเลยต้องตกกระไดพลอยโจนกลายมาเป็นคนดูแลพี่สะใภ้ตัวเองอย่างใกล้ชิดไม่ให้ห่างสายตาระหว่างช่วงที่พี่ชายไม่อยู่  และด้วยเงื่อนไขระหว่างผมกับน็อตที่ว่า...พ่อคุณไปอยู่ที่ไหน ผมก็ต้องไปอยู่ที่นั่น  จึงเป็นเหตุให้ผมต้องติดสอยห้อยตามเป็นปิ่นโตพ่วงร่วมเถามาอีกหนึ่งคน

ตามปกติของความสัมพันธ์อันคลุมเครือ ไม่มีการกำหนดสถานะระหว่างกันที่แน่ชัด... พวกคุณฟันธงได้เลยว่า สิ่งที่จะบั่นทอนความมั่นใจของคนรักใหม่ได้ดีที่สุด ย่อมจะหนีไม่พ้นคนรักเก่าของแฟนเราเสมอ   ซึ่งผมเองแทบจะไม่เชื่อตัวเองเช่นกัน เมื่อรู้ว่าน็อตก็หวั่นไหวกับความสัมพันธ์ เก่าของผมกับพี่สะใภ้ไม่ใช่น้อย จนทำเอาน็อตออกอาการหึงและหวงผม สลับกับหงุดหงิดอารมณ์เสียอย่างออกหน้าออกตา ทั้งที่ผมกับพี่สะใภ้ไม่เคยได้เป็นอะไรกันเกินเลยไปกว่าเพื่อนข้างบ้านคนหนึ่งเท่านั้น...แม้ว่าย้อนไปเมื่อเดือนก่อน ผมจะเคยอยากเป็นมากกว่าเพื่อนบ้านของเขามากแค่ไหนก็เถอะ

(**บอกตรงๆว่า ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก ว่าแฟนเก่าจะมีอิทธิพลต่อจิตใจของเราได้มากกว่าแฟนใหม่ได้มากตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ  เพราะลำพังแค่ชื่อเรียก ก็แปลความได้ง่ายๆว่า คนที่มีคำว่าเก่าต่อท้ายคนนั้น ได้ถูกเหวี่ยงหลุดออกจากสารบบของชีวิตเราไปนานแล้ว  – พวกคุณเห็นคำว่า นานแล้วตรงท้ายประโยคนั่นไหมครับ?..

...นานแล้ว เมื่อถูกนำมาใช้ประกอบลงในประโยค เท่ากับต้องการไฮไลท์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอดีต...แปลว่าจบสิ้นกัน และไม่มีวันหวนคืน ขีดเส้นใต้สองเส้นแบบเน้นๆกันไปเลย!!**)

สุดท้าย ผมกลับกลายเป็นฝ่ายที่ได้ประโยชน์จากความกังวล และหวงผมสุดๆของเขาโดยไม่ตั้งใจเข้าจริงๆ เพราะมันช่วยป่าวประกาศเรทติ้งของตัวผม ที่มีต่อหัวใจของพ่อแบดบอยให้เห็นอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมเสียมากๆ ราวกับโดนตะโกนใส่หน้าว่า รัก อย่างไรอย่างนั้นเลยเชียวล่ะครับ   ซึ่งผลตอบแทนที่ผมได้รับจากสถานการณ์อันประจวบเหมาะในครั้งนี้... ช่างคุ้มค่ากับการต้องทนเห็นน็อตทรมานใจตลอดหลายวันที่ผ่านมาเสียจริงๆ หึ หึ

หลังจากหมดหนทางบ่ายเบี่ยง  และยังไม่สามารถกันผมออกจากพี่สะใภ้ได้อย่างใจ  น็อตก็เปลี่ยนกลยุทธใหม่มาเป็น เฝ้าหาหนทางขัดจังหวะผมไม่ให้เข้าใกล้พี่สะใภ้ได้  โดยเฉพาะช่วงวันแรกๆ ที่อาการของพี่สะใภ้น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะเขาไม่สามารถลุกนั่งเองด้วยตัวเองได้สะดวกนัก หนำซ้ำยังมีไข้และปวดเมื่อยตามร่างกายแสนสาหัส ทำให้เราสองคนต้องคอยประกบดูแลอยู่ไม่ห่าง... ไม่สิ ผมต้องพูดใหม่ว่า คนที่คอยประกบดูแลพี่สะใภ้น่ะ เป็นน็อตเพียงคนเดียวถึงจะตรงกับความเป็นจริงที่สุด

แม้ว่าในตอนต้น ผมจะยังมีโอกาสเข้าถึงตัวพี่สะใภ้อยู่บ้าง  แต่พอพ่อเจ้าประคุณตั้งตัวได้เท่านั้นแหละ... พ่อก็ปรี่เข้ามาบรรเลงด้วยตัวเองเสียเต็มคราบ โดยไม่เปิดโอกาสให้ผมช่วยแบ่งเบางานหนักเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย  พอผมได้จังหวะจะเข้าไปช่วยทำโน่นทำนี่ให้พี่สะใภ้บ้าง... พ่อเป็นต้องวิ่งหน้าตั้งเข้ามาชาร์จ แล้วก็บอกปัดผมเป็นพัลวันว่า  ‘ไม่ต้องหรอก อย่าเลย...เดี๋ยวจะเหนื่อย ไม่ก็... กลับไปเขียนงานต่อเถอะ และอีกสารพัดสารพันข้ออ้างที่พ่อคุณจะนึกออก

ครั้งที่ตลกที่สุดคงจะเป็นเย็นของวันแรกที่น้องๆและเพื่อนๆแถวบ้านที่มาเยี่ยมและนั่งเล่นที่บ้านของพี่สะใภ้กลับไปหมดแล้ว และน็อตกำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อไปหยิบมือถือของตัวเองที่เผลอลืมเอาไว้บนห้องชั้นสาม แต่อยู่ๆพี่สะใภ้เกิดอยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำขึ้นมา ผมที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไปจากจุดที่พี่สะใภ้อยู่เท่าไรนักก็ทำท่าจะลุกขึ้นมาช่วยพยุง...

...คุณเชื่อไหมครับ แค่น็อตได้ยินเสียงขาเก้าอี้ตัวที่ผมนั่งอยู่ขยับนิดเดียว พ่อคุณที่คล้อยหลังเดินขึ้นบันไดไปหลายขั้นแล้วก็กระโดดแผล็วลงมาจากชานพักบันได ก่อนกระโจนพุ่งตัวเข้าใส่คนป่วยทันที... ผู้อยู่ในเหตุการณ์อย่างผมนี่ถึงกับมองตามหลังน็อตไปด้วยสายตาทึ่งจัด เพราะจากตำแหน่งที่เขากระโดดลงมานั้น สูงจากพื้นชั้นล่างราวเมตรกว่าๆได้  ดีเท่าไรแล้วที่แข้งขาไม่หักไปเสียก่อน แต่ผมแอบเห็นพ่อคุณเดินเป๋นิดๆไปสองวันเลยนะครับ... น่ารักไม่มีใครเกินเลยจริงๆนะเจ้าเด็กน้อยคนนี้เนี่ยะ หึ หึ

ยิ่งเวลาที่เราสามคนอาศัยอยู่ด้วยกันนานมากขึ้นเท่าไร ผมก็ยิ่งได้เห็นหน้าตา และการแสดงออกด้วยความไม่พอใจสุดๆของน็อตทุกเมื่อที่เขาเห็นผมเฉียดเข้าไปในรัศมีสามเมตรจากจุดที่พี่สะใภ้อยู่  ผมก็อดขำ และเอ็นดูน็อตในใจไม่ได้จริงๆ  เพราะพ่อคุณทำหน้าเหมือนเด็กๆโดนแย่งอมยิ้มที่เพิ่งกำลังจะเอาเข้าปากไปต่อหน้าต่อตา  แถมคนใจร้ายที่ชิงของดีไปจากมือน้อยๆนั่น...ยังจะมาอมเย้ยทำท่าอร่อยให้ดูเสียอีก 

ผมรู้ดี...ว่าลึกๆแล้ว สิ่งที่น็อตแสดงออกทั้งหมดหมายถึงความกลัว เขาคงกลัวว่าผมจะเกิดเปลี่ยนใจกลับไปรักพี่สะใภ้เข้าอีกครั้ง และเขาจะต้องกลายเป็นแค่เพื่อนที่ทำได้แค่เฝ้ามองผมมีความรักกับคนอื่น... ใครอีกคนที่ไม่ใช่เขา  เพราะผมคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ที่ผมเริ่มรู้จักกับคำว่าแอบรัก

นี่คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไม น็อตถึงยอมทุ่มทุนอดตาหลับขับตานอนนั่งเฝ้าพี่สะใภ้อยู่เป็นวันๆ  ไหนจะคอยเช็ดตัว จัดเตรียมอาหารและยา และพลีกายเป็นแขนขาให้คนป่วยแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  ไม่ใช่เพราะความบริสุทธิ์ใจอยากจะช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หรือเพราะคำสั่งอันเฉียบขาดจากพี่ชาย อย่างที่พวกคุณแอบเอาใจช่วยออกรับแทนเขาเอาไว้หรอกครับ

กระนั้น...สิบเท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ฉันใดก็ฉันนั้น... น็อตเองก็ไม่ต่างกัน เพราะฝันร้ายของเขาไม่ได้มาเยือนในช่วงวันแรกๆตามที่เจ้าตัวเข้าใจ หากแต่เป็นวันท้ายๆที่พี่สะใภ้หายดีแล้วต่างหาก...

...เนื่องจากผมมักจะคอยหาโอกาสเพื่อจะได้ใช้เวลาพูดคุยกับพี่สะใภ้ให้บ่อยที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้   หลักใหญ่ใจความของความพยายามในครั้งนี้  หาใช่เพื่อลองใจ เช็คกระแส หรือแกล้งปั่นหัวน็อตให้คลั่งไม่  ทว่าผมอยากช่วยให้พี่สะใภ้ลืมเรื่องเศร้า และความทุกข์ใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เร็วๆ  เพราะมีหลายครั้ง ที่ผมเหลือบไปเห็นพี่สะใภ้นั่งเหม่อและถอนหายใจหนักอยู่บ่อยๆ  แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน...พี่สะใภ้จะพยายามเรียกสติคืนมา ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเบิกบานแล้วซ่อนสายตาช้ำๆนั่นเอาไว้เบื้องหลังรอยยิ้มกว้าง  ในฐานะของเพื่อนบ้านที่เห็นกันมานาน...ผมไม่อยากเห็นพี่สะใภ้เป็นแบบนั้นอีกต่อไป ผมเลยอยากเป็นส่วนเล็กๆที่ทำให้เขาผ่านมันไปให้ได้

ผมยืดอกรับอย่างไม่เกรงเลยครับว่า แม้ผมจะอยากช่วยพี่สะใภ้ แต่การกระทำของผมย่อมมีวัตถุประสงค์แอบแฝงอย่างแน่นอน แต่นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับการทำร้ายจิตใจน็อตแม้แต่นิดเดียว  หากแต่เป็นเพราะผมหวังจะได้คอยแอบฟังปาฐกถาอย่างเจาะลึกว่าด้วยเรื่องราวล่าสุดต่างๆในแวดวงเคะตัวแม่ จากปากของพี่สะใภ้กับเพื่อนสนิท  เพราะในตอนนี้...ทั้งเรื่องหัวใจ และบทบาทหน้าที่ทางเพศของผมได้เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง  ผมจึงจำเป็นต้องหัดเปิดรับชุดข้อมูลใหม่ทั้งหมด เพราะฉะนั้น...การหาโอกาสสะสมความรู้และเรื่องราวของชาวเคะ  จากแหล่งข่าววงในผู้มากด้วยประสบการณ์หาตัวจับยากอย่างทั้งสองคนนี้...ย่อมจะสำคัญเป็นธรรมดา

ส่วนเรื่องแกล้งน็อตน่ะเหรอ...ผมมองเป็นผลพลอยได้ที่สะท้อนกลับเข้าตัว หลังจากได้ลงมือทำความดีโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนใดๆอย่างไรล่ะ หึ หึ

ในสายตาคนนอกอย่างน็อตผู้ซึ่งมีความรู้สึกน้อยอกน้อยใจในโชคชะตาของคนมาทีหลัง  บวกกับสถานะจะเป็นเพื่อนก็ไม่ใช่ จะเป็นคนรู้ใจก็ไม่เชิงของพ่อคุณสะสมมาเป็นทุนเดิม... แล้วยิ่งได้มาเห็นผมพุดคุยกับพี่สะใภ้อย่างสนิทสนมอยู่บ่อยๆ เลยพลอยทำให้เขาจับแพะชนแกะแล้วปะติดปะต่อเรื่องราวให้ยิ่งออกทะเลจนกู่ไม่กลับไปกันใหญ่ เพราะพ่อคุณออกอาการอึดอัดขัดใจเอามากๆ ที่สำคัญ พออะไรๆไม่ได้ดั่งใจก็พาลไปลงกับข้าวของ ทั้งหยิบโน่นปึง กระแทกนี่ปังเป็นระยะๆ  ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ผมคุยกับพี่สะใภ้ ไม่ต่างอะไรกับ การผลัดกันรับฟังและระบายปัญหาสามี เรื่องลูก แนะนำร้านทำผมทำเล็บของพวกผู้หญิงแท้ๆ...  ผมก็ไม่เข้าใจว่าน็อตจะหึงอะไรกันนักกันหนา ถ้าเปลี่ยนเป็นผมเปลือยแล้วนั่งซ้อนตักพี่สะใภ้ก่อนผลัดกันไซ้คอไปมา...ก็ว่าไปอย่าง เฮอะ!

แต่ก็ใช่ว่าผมจะได้แกล้งน็อตอยู่คนเดียวเสียเมื่อไร เพราะบทสุดท้ายปลายทางที่รอผมอยู่หลังจากที่ทำพ่อคุณควันออกหูอยู่ทั้งวัน... ผมจ่ายเป็นการรับโทษอันแสนเย้ายวน ซึ่งผมได้ชดเชยและปลอบประโลมพ่อคุณด้วยการจัดชุดใหญ่สมนาคุณเพิ่มเติมทบต้นทบดอกให้ไปเมื่อคืนวานตามรายละเอียดที่ผมได้เล่าไปให้ฟังในตอนที่แล้วนั่นแหละครับ เพราะฉะนั้น...พวกคุณจะมาหาว่าผมใจร้ายกับน็อตไม่ได้นะครับ ก็ผมน่ะ...ผู้เสียหายรายใหญ่ที่สุดเลยนะ พวกคุณก็รู้ดี...ไม่ใช่เหรอครับ หึ หึ



สาเหตุที่สองและสามที่ทำให้ผมยอมเปลี่ยนตัวเองให้ดูดีขึ้น ก็คาบเกี่ยวกับสาเหตุแรกจนแทบแยกกันไม่ออก เพราะว่าน็อตเคยออกปากขอผมเรื่องนี้เอาไว้นานมาก ซึ่งผมก็ได้แต่บอกปัดไปอย่างไม่ใยดี เพราะมันผิดไปจากหลักการในการดำรงชีวิตของผม นอกจากนั้น...ก็อย่างที่ผมเคยบอกพวกคุณไปนั่นแหละ ถ้าธรรมชาติของผมเป็นแบบนี้ ผมจะต้องเสียเวลาปรุงแต่งตัวเองเพื่อให้ดูเหมือนคนอื่นเพื่อแลกหัวใจน็อตไปเพื่อประโยชน์อันใด

แต่เมื่อเขากลายเป็นคนสำคัญที่ผมจะอยู่ต่อไปโดยขาดเขาไม่ได้... อะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก ผมก็ยินดีที่จะทำให้เขาทุกอย่างเพื่อตอบแทนความรักอันรุนแรงของน็อตที่มีให้ผมมาตลอดตั้งแต่ที่เราเริ่มข้อตกลงของเรา...พวกคุณคงเข้าใจผมเป็นอย่างดีแล้วใช่ไหมล่ะครับ... ก็น็อตเขาออกจะน่ารักเสียขนาดนี้ ครั้นผมจะเพิกเฉยและไม่ทำอะไรเพื่อเป็นรางวัลให้เขาได้ชื่นชมบ้าง ผมก็ไม่มีหัวใจแล้วล่ะครับ



และสาเหตุอีกข้อก็คือ...ผมอยากให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองในครั้งนี้ เป็นของขวัญตอบแทนความรักของน็อตที่มีให้ผม เพื่อฉลองค่ำคืนแรกที่เรากำลังจะมีด้วยกันในไม่ถึงสองวันดี เพราะผมเคยอ่านการ์ตูน...แล้วยังจำได้ติดตาว่า พระเอกจะมีความสุขมาก หากแฟนของเขาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองให้น่ามองก่อนจะมอบร่างกายให้อีกฝ่ายได้เชยชม...

...ทำนองว่า...หลังจากเปลี่ยนลุคเป็นคนใหม่ เพื่อรอรับการกลับมาบ้านหลังจากไปทำงานต่างเมืองนานหลายสัปดาห์ของแฟนหนุ่ม นายเอกตาหวานหน้าสวยยิ่งกว่าผู้หญิง ผู้มีรูปร่างกระทัดรัดน่ากอดเอ่ยกับแฟนหนุ่มหล่อล่ำ เท่ห์ล้ำเหลือเหนือจินตนาการด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมน้ำตาคลอหน่วย ในค่ำคืนแรกที่ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง  ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา...ผมพยายามทำงานพิเศษเพื่อเก็บเงินซื้อของให้รุ่นพี่ แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี   ฮึก ฮึก...ผมก็เลยไม่มีของขวัญพิเศษอะไรเตรียมเอาไว้ให้ ดังนั้น...รุ่นพี่ครับ ได้โปรดรับร่างกายของผมไปแทนนะครับ!!’

อย่าเพิ่งหาว่าผมเพ้อเจ้อจนพูดจาอะไรไม่รู้เรื่องไปเลยครับ...แต่ผมอยากจะบอกว่า วิธีนี้น่าจะได้ผลดีโดยเฉพาะกับคนตรรกะพิสดารอย่างผม และน็อตที่โปรดปรานเรื่องเซ็กส์ไม่เป็นรองใคร  อีกอย่าง...ผมอยากจะรู้ว่า...พระเอกของผม จะจัดหนักได้เท่าพระเอกการ์ตูนหรือไม่ หากผมลองทำในสิ่งเดียวกันกับนายเอกเคะผู้น่ารักคนนั้น...

...สว่างคาตาเลยนะครับคู่นั้นน่ะ ผมจะบอกให้ หึ หึ




เท่าที่ผมรบกวนเวลา และพลังงานของพวกคุณเพื่อให้ต้องติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาตามที่เล่าไปด้านบนเหล่านี้ ก็เพื่อชี้แจงให้เห็นถึงข้อสนับสนุนทั้งหลายซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผมไม่อาจละเลยการเปลี่ยนแปลงตัวเองขนานใหญ่ได้อีกต่อไป

ถือเป็นโชคของผม ที่พักหลังๆผมเริ่มจะสนิทสนมกับพี่สะใภ้มากพอสมควร ผมเลยได้พี่สะใภ้และเพื่อนสนิทของเขาช่วยดูแล ให้คำแนะนำ และเป็นธุระพาผมไปเลือกซื้อเสื้อผ้าและแปลงโฉมให้พอจะดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้บ้างในวันพรุ่งนี้ ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่า การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมนี่ให้ผลดีหลายต่อด้วยกัน ทั้งกับตัวของผมเอง กับน็อต และยังช่วยให้พี่สะใภ้ได้มีความสุขที่จะได้เห็นพัฒนาการทางกายของผมแบบทันตา นอกจากนี้...การได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ทำโน่นทำนี่เป็นเพื่อนผมในวันพรุ่งนี้ น่าจะช่วยให้พี่สะใภ้ไม่ต้องกอดเข่าเจ่าจุกอย่างเหงาหงอยอยู่แต่ในบ้าน และยังช่วยให้พี่สะใภ้ไม่ต้องคิดมากอีกด้วย 

นี่ถ้ารู้ว่าเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วทำให้คนอื่นมีความสุขได้แบบนี้ ผมคงลุกขึ้นมาทำมันไปตั้งนานแล้วนะ เพราะผมอยากให้คนรอบข้างมีความสุขและยิ้มได้... แต่มันจะมีความหมายที่สุด หากผมได้เห็นรอยยิ้มอันเปี่ยมไปด้วยความสุขของน็อต เพราะเรื่องการแต่งตัวถือเป็นสิ่งที่เขาเคยออกปากขอให้ผมเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด แต่ผมก็มักจะปฏิเสธคำขอของเขาไปเสียทุกทีอย่างที่ได้อธิบายไปด้านบนน่ะแหละครับ




พวกคุณอาจจะบอกว่า...ผมลืมเรื่องสำคัญอะไรไปหรือเปล่า เพราะในตำราบอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เราควรจะปรับปรุงเรื่องทางกาย ไปพร้อมๆกับการหาความรู้ใหม่ๆเข้าตัวไปพร้อมๆกัน

ถ้าเป็นเรื่องนั้น...พวกคุณๆไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะครับ เพราะตอนนี้ ผมก็กำลังหาข้อมูลของเรื่องด่วนที่ถือเป็นประเด็นร้อนที่สุดอย่างขมักเขม้นราวกับอ่านหนังสือเตรียมสอบเอนท์กันเลยทีเดียว และสิ่งที่ผมกำลังค้นคว้าอยู่อย่างมุ่งมั่นจนเกือบไม่ได้หลับไม่ได้นอนนั้น คือ การเตรียมตัวรับมือกับเซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตที่มีอนาคตความรักของผมแขวนเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ 

ก่อนหน้านี้ ผมก็ไม่ได้เครียดอะไรกับการมีอะไรกับน็อตหรอกนะครับ เพราะผมว่า ผมพอจะเข้าใจระบบร่างกายและความชอบของน็อตมากพอสมควร แล้วน็อตก็ค่อนข้างจะเปิดเผยความรู้สึกที่เขามีทั้งหมดว่าเขาชอบ หรือไม่ชอบอะไรตลอดเวลาที่เราได้นัวเนียกันหลายครั้งที่ผ่านมา แต่หลังจากเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่ผมได้ประจักษ์ถึงสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเคะหลังจากการร่วมรักอันรุนแรงด้วยสายตาตัวเอง ทำให้ผมเริ่มจะหวั่นใจ กับสิ่งที่กำลังรอผมอยู่ในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ผมยอมให้น็อตได้เป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่เป็นเจ้าของตัวผมโดยสมบูรณ์แบบ

และแล้วผมเพิ่งซึ้งแก่ใจว่า สำหรับเคะแล้ว...ต้องแบกรับความเจ็บปวดรวดร้าวทางร่างกายมากพอสมควรหลังจากทำให้คู่รักของเราอิ่มเอมจากรสสัมผัสอันแนบแน่นระหว่างกัน ยิ่งเมื่อผมย้อนนึกไปถึงขนาดอันน่าทึ่งของอวัยวะคู่กายของน็อตด้วยแล้ว... ผมควรที่จะหาลู่ทางรับมือกับน็อตให้รัดกุม และหลากหลายวิธียิ่งขึ้น  เพื่อมอบความสุขสุดยอดให้กับน็อตควบคู่ไปกับ การป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องล้มหมอนนอนเสื่อไปอีกหลายวัน จนไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาเพื่อมีเซ็กส์รอบถัดๆไปกับน็อตหลังจากคืนแรกของเราได้ 

แต่ถ้าอารมณ์ร่วมระหว่างเราสองคน เกิดจะปะทุจนเลยเถิดเกินควบคุมถึงขั้นต้องปล่อยเลยตามเลย... ทางออกเพื่อบรรเทาไม่ให้อาการสาหัสขนาดต้นแบบที่ผมได้เห็นมา คือ สิ่งที่ผมกำลังค้นหาอย่างบ้าระห่ำอยู่ไม่แพ้กับข้อมูลในส่วนแรกหรอกครับ  

และที่จะลืมเสียไม่ได้ คือการทำความเข้าใจกับขั้นตอนการเตรียมตัวของเคะก่อนการร่วมรักเพื่อความสะอาดขั้นสูงสุด พร้อมทั้งทดลองปฏิบัติให้คุ้นเคยจะได้ไม่กินเวลามากจนเกินไป  เพราะผมกลัวใจเหลือเกินว่า น็อตอาจจะหัวก้าวหน้าก้มลงไปพูดจาทักทายบั้นท้ายของผมอย่างทั่วถึงเพื่อเบิกฤกษ์ ก่อนจะเบิกรูไปถึงไหนๆก็เป็นได้...

ที่ผมกังวลเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนที่พ่อคุณได้มีโอกาสลองพูดคุยกับน้องชายของผมอย่างใกล้ชิดอยู่หลายรอบ ดูเหมือนน็อตจะติดใจ และอยากลงไปค้นคว้าหาความหมายของร่างกายส่วนล่างของผมให้เข้าใจกันอย่างถ่องแท้อย่างไรก็ไม่รู้  ผมจึงต้องคอยเบี่ยงเบนความสนใจพ่อคุณด้วยการอ้อนขอจูบอยู่ตั้งนาน กว่าที่พ่อคุณจะยอมโงหัวละใบหน้าออกมาจากประตูข้ามมิติของผมในที่สุด



ว่าแต่...ตอนนี้ผมคิดถึงน็อตจัง  อยากได้ยินเสียงพ่อคุณเสียแล้วสิ แล้วผมต้องทำอย่างไรกันดีล่ะนี่ เพื่อให้เขาเป็นฝ่ายโทรมาหาผมก่อน??   อืม...คราวที่แล้ว น็อตโทรกลับมาหาผมหลังจากที่เราไลน์คุยกัน... หึ หึ... งั้นก็คงต้องเริ่มจากไลน์แล้วล่ะมั้ง



ส่วนเรื่องที่ว่าผลของคืนแรกจะเป็นอย่างไรนั้น...อดใจรอตอนหน้านะครับ...
ถ้าผมยังมีแรงพอเหลือให้ลุกขึ้นมาเขียนบล็อคได้อยู่น่ะนะ หึ หึ




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


2 comments:

  1. ต๊ายยยย!! ขนุน! เธอคือนักล่า(?) คือจอมวางแผน คือคนเหนือโลก 555555
    ให้ความรู้สึกว่าน็อตไปไหนไม่รอดแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ ยอมจำนนไปนะจ้ะน็อต
    ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผนของราชินีเคะแล้ว โฮะๆๆ

    เรื่อง Free! เราก็ดูนะ แต่ไม่จบ55555 ช่วงนี้ดูแค่นารูโตะอย่างเดียวอ่ะ แต่เพื่อนแนะนำเรื่อง love stage ล่ะ เรื่องนี้วายแท้แน่นอน โอตาคุเขาแนะนำมา 55555 หลังสอบก่อนนะ จะมาเม้าท์ว่าดูเรื่องอะไรไปมั่ง

    อ่านชีวะจบไปสองบทเองอ่าาาา เหลืออีกตั้งเยอะ แล้วก็อีก2วิชาที่ยังไม่ได้แตะ 555555 เบื่อการสอบจริงๆเลย รักษาสุขภาพด้วยนะจ้ะ ลมหนาวเริ่มพัดผ่านแล้ว

    เลิฟมะลิน้าาา เชิฟๆๆ

    ReplyDelete
  2. ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้ที่คุณนาราว่ามานี่ มันคือสิ่งที่ขนุนมโนเอาทั้งนั้นนะคะ... ความจริงนางไม่ได้ใกล้เคียงอะไรกับการเป็นนักล่า จอมวางแผน และคนเหนือโลกอะไรเลย (ถ้าเป็นคนเหนือเจ้าโลกล่ะก็พอว่า -- อุ๊บส์ นี่มะลิเผลอพูดอะไรออกไปกันนะ ^///^) แต่จริงๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ยอมๆน็อตไป เรื่องก็น่าจะง่ายกว่านี้นะคะ... แต่ก็อย่างที่บอกว่านางมโนจัด และท่ามาก เรื่องมันเลยยอกย้อนไปมาอยู่แบบนี้ ฮ่าๆๆๆ

    มะลิไม่ค่อยได้ดูอนิเมะหรอกค่ะ เพราะว่าเป็นพวกขี้เกียจตามโหลด ชอบอ่านมังงะเอามากกว่า เดี๋ยวจะไปลองอ่าน Love Stage ดู (ที่ยังไม่อ่านเพราะว่ามันยังไม่จบ ก็เลยไม่กล้าเปิดเรื่องอ่าน...กลัวจะลงแดงตาย ฮ่าๆๆๆๆ) ส่วน Free! นี่... ขอบายค่ะ เพราะว่าเพื่อนมะลิคนที่ว่าเค้าบ้ามากๆ จนเราล่ะกลัวใจ...กล้วจะบ้าตามไม่ได้เท่าแล้วต้องอายเค้าเอาเปล่าๆ ฮ่าๆๆ ก็เลยกลับมาเดินทางสายมังงะเหมือนเดิมท่าจะเหมาะกว่า

    อ่านไปสองบทก็ถือว่าเริ่มแล้ว...เก่งมากๆค่ะ เหลืออีกไม่เท่าไรเดี๋ยวก็อ่านจบ อีกแค่สองวิชาเอง อดทนและกัดฟันหน่อยนะคะ จะได้กลับมาดูนารูโตะอย่างร่าเริงได้อีกครั้ง คุณนาราก็รักษาสุขภาพด้วยเหมือนกันนะคะ เรื่องหนาวนี่ มะลิไม่ค่อยจะรู้สึกหรอกค่ะ...เพราะตื่นมาก็สายแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ (แลดูขี้เกียจม๊ากมาก -- และค่อนข้างจะภูมิใจอยู่ไม่น้อย วะฮ่าๆๆๆ)

    รักคุณนารานะคะ เชิฟๆๆ

    ReplyDelete