Monday, September 12, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 35th Bonding & ประกาศ || 12.09.2016


ประกาศ เราขอลาสองอาทิตย์นะคะ พอดีคุณพ่อเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน
ช่วงนี้เราเลยไม่ค่อยได้หยิบ ๆ จับ ๆ คอมเท่าไร
ขอพักการลงนิยายไปสักสองอาทิตย์นะคนดี
ไว้พี่กลับมาเมื่อไร พี่จะเอานิยายมาลงให้อ่านกันเร็ว ๆ เบย
(ทำตาหวานออดอ้อน เจอกันจันทร์แรกของเดือนตุลานะคะที่รัก)

อ้อ! บอกก่อน เพื่อความสบายใจของทุก ๆ คน
เรื่องนี้ไม่มาม่านะคะ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงพี่ฌาน...
แค่รบกับคุณพ่อตาจบ ก็หมดเรื่องน่าห่วงค่ะ
(พี่เต๋อเป็นคนมีเหตุผล ไว้ใจเมียพี่เต๋อได้ทุกคนค่ะ อิอิ)

รักชอบประการใด... ฝากข้อความแทนใจเอาไว้ได้เลยค่ะ ^^





«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The 35th Bonding
อวสานการรอคอย... โธ่ลูกน้อยของป๊ะป๋า!




บูบู้!” เด็กชายทั้งสามส่งเสียงทักทายระหว่างวิ่งตุ้มตะตุ้มตุ้ยแข่งกันเข้ามาหาคุณอาร่างผอมที่เพิ่งเดินเข้ามาในตัวบ้าน

“ไงครับเด็ก ๆ !” ชายกลางย่อตัวลงนั่งพลางกางแขนกว้างรอการมาถึงของหลานชายฝาแฝดพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข ทันทีที่ก้อนกลมนุ่ม ๆ นิ่ม ๆ ทั้งสามปะทะเข้ากับแผ่นอกบาง ๆ ของผู้เป็นอา ทายาทแห่งคุณะประสิฒท์รุ่นล่าสุดก็แย่งกันอภิปรายความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อบูบู้ผู้น่ารักโดยไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร  

“บูบู้ ๆ ! พี่พายคิดถึงบูบู้ฉวดยวด!
“พลับด้วย!
“พุด้วย! ฉวดยวด ๆ !”  

“บูบู้ก็คิดถึงพี่พลาย พลุ แล้วก็พลับมาก ๆ เหมือนกันครับ” ลูกแม่บัวตอบรับความรู้สึกของหลาน ๆ ด้วยความยินดีไม่แพ้กัน

“วันนี้วันเกิดพี่พายพุพับนะบูบู้! Today is our birthday, you know?!” ฝาแฝดคนโตพูดอวดคุณอาเสียงดังคล้ายกับตั้งความหวังอะไรบางอย่างอยู่  

“ครับ ๆ บูบู้รู้แล้วครับ... สุขสันต์วันเกิดนะครับคนเก่งของอา” แทนที่คำพูดตามแบบแผนของบ๊วยจะทำให้เด็กน้อยทั้งสามพอใจ ตัวแทนเจรจาใหญ่อย่างพี่พลายกลับส่ายหัวจนผมทรงเห็ดเป๋ไปอีกทาง

“ไม่สิ! ไม่สุกสันวันเกิดอย่างเดียวสิ! บูบู้ต้องให้ของขวัญพี่พายพุพับด้วย!” ขาดคำของผู้เป็นพี่ ลูกกระจ๊อกหัวเห็ดอีกสองหน่อก็พยักหน้าหงึกหงักจนแก้มกระเพื่อมเพื่อแสดงจุดยืนร่วมกัน  

“ถ้าอย่างนั้นพี่พลาย พลุ พลับต้องอดใจรอของขวัญหน่อยนะครับเพราะบูบู้ฝากของขวัญไว้ที่เจ็ก... แต่อีกเดี๋ยวเจ็กก็เข้ามาแล้วล่ะ... รอไหวไหมครับ?” ชายกลางพยายามต่อรองกับหลาน ๆ ด้วยของขวัญที่ตนและคนรักตั้งใจเตรียมมาด้วยเพราะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เด็ก ๆ ต้องการ แท้จริงคืออะไร

“ม่าย ม่าย ตอนนี้พี่พายพุพับอยากได้อย่างอื่นมากกว่า” ที่สุดเด็กชายปภพก็มอบคำใบ้แรกให้แก่คุณอาเข้าให้แล้ว  

“อ้าว! พี่พลาย พลุ พลับไม่อยากได้ของขวัญที่บูบู้เตรียมมาหรอกเหรอครับ?... แย่จัง แล้วอาจะทำยังไงกับของที่อุตส่าห์เตรียมมาเซอร์ไพรส์วันเกิดหลาน ๆ สุดที่รักของอาดีล่ะ?!” สถาปนิกหนุ่มเจ้าของฟาร์มออร์แกนิกแสร้งทำเฉไฉเพื่อล่อลวงให้เด็ก ๆ ยอมเผยไต๋ออกมาโดยเร็ว

นับว่าบ๊วยรู้จักหลานชายทั้งสามเป็นอย่างดี เพราะทันทีที่ได้ยินบูบู้สุดที่รักเบี่ยงประเด็น ทายาทคนโตแห่งคุณะประสิฒธิ์ก็ยอมแย้มพรายสิ่งที่หมายตาให้คุณอาล่วงรู้จนได้ “ป่าว ๆ พี่พายพุพับจะ kiss kiss บูบู้ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยเอาของขวัญที่หลัง”

“หึ หึ หึ  โธ่หลานอา!... ที่พูดอ้อมไปอ้อมมาอยู่ตั้งนานนี่เพราะอยากจุ๊บ ๆ บูบู้เองน่ะเหรอครับ?” คำถามของผู้เป็นอาได้รับการพยักหน้าหัวสั่นหัวคลอนคูณสามแทนคำตอบ

“ได้ไหม? kiss kiss บูบู้ได้ไหม?” พอถามเสร็จ เด็กชายพลุก็ดูดปากดังจุ๊บ ๆ พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้คุณอาใจดี

“ป๋าบอกว่าเวลาจะ kiss ใคพี่พายพุพับต้องขอก่อน” หลานชายคนสุดท้องอ้อมแอ้มบอกเหตุผลตามหลังพี่คนรองเพื่อทำให้คุณยอมมอบจูบให้พวกเขาแต่โดยดีหลังจากที่ห่างหายกันไปนาน   

เมื่อวาจาหว่านล้อมสารพันมาเจอกันกับสายตาเว้าวอนและสีหน้าคาดหวังของหลาน ๆ  ลูกแม่บัวจึงยิ่งหลงฝาแฝดทั้งสามหนักข้อไปกันใหญ่ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ?!” ชายหนุ่มอนุญาตกลั้วเสียงหัวเราะกังวานใสเมื่อเห็นเหล่าหลานชายยิ้มกว้างจนแก้มกลม ๆ ใกล้จะปริ

เย่ ๆ kiss กัน ๆ ! เจ้าของวันเกิดทั้งสามกระโดดโลดเต้นทันทีที่ได้ยินคำตอบรับของคุณอา จากนั้นพี่คนโตก็ถลาเข้าจุ๊บอาบูบู้นำหน้าน้อง ๆ    

“อ่ะแฮ่ม! เด็ก ๆ ครับ เมื่อกี๊แด๊ดไม่เห็นเด็ก ๆ ทำความเคารพอาบูบู้เลยนะครับ... ไหนครับ เจอหน้าผู้ใหญ่เราต้องทำอะไรเป็นอย่างแรกครับลูก?” วิญญูที่ยืนดูอยู่นานแล้วถามแทรกขึ้นเมื่อเห็นว่าเหล่าลูกชายกำลังรุมจูบบ๊วยจนคนโตกว่าเริ่มจะตาลายนิด ๆ  วาจาสิทธิ์ของแดดดี๊ทำให้เด็ก ๆ ยอมรามือจากเหยื่อผู้อารีตรงหน้าแล้วนั่งพับเพียบเรียบร้อยลงกับพื้นก่อนจะประกบฝ่ามือขึ้นกลางอกแล้วเอ่ยเสียงยานคางดังปกติวิสัยที่มักจะทำยามอยู่โรงเรียน

“ซาหวาด - ดีคับบูบู้!” ทายาทรุ่นล่าสุดของบ้านก้มหัวน้อย ๆ เพื่อแสดงความเคารพต่อคุณอาตามคำสั่งของบิดาโดยพร้อมเพรียงกัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... น่ารักจัง ท่าไหว้กับเสียงแบบนี้คงได้มาจากที่โรงเรียนสินะครับพี่ด้วง?” อดีตคิวท์บอยพยักหน้าให้น้องเมียพร้อมด้วยรอยยิ้มปลง ๆ  อันที่จริง ไม่ใช่แค่มารยาท หรือสำเนียงการพูดการจาที่เด็ก ๆ ติดมาจากสังคมภายในโรงเรียน หากแต่ยังมีเรื่องของภาษาแปลก ๆ  รวมถึงเกมการละเล่นใหม่ ๆ อีกมากมายซึ่งบรรดาพ่อ ๆ ต้องเปิดใจเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจความเปลี่ยนแปลงในช่วงต่าง ๆ ของเลือดเนื้อเชื้อไขได้มากขึ้น  

“เข้ามานั่งข้างในเถอะน้องบ๊วย แดดข้างนอกยังร้อนอยู่เลย เดี๋ยวทั้งอาทั้งหลานจะเพลียกันไปเสียก่อน... เออ แล้วเก็กล่ะ?” ด้วงอดถามถึงน้องเมียไม่ได้ เพราะเมื่อเห็นชายกลางครั้งใด เป็นต้องเห็นอดีตเดือนมหาลัยสิงสู่อยู่รอบ ๆ ตัวรุ่นน้องต่างคณะเสมอ

บ๊วยคลี่ยิ้มให้พี่เขยก่อนเฉลยไข “พี่หมีไปช่วยฌอนถือของน่ะครับ”

“อ้าว แล้วอิ๊กไม่มาด้วยกันหรอกเหรอ?”

“เปล่าครับ แต่ปีนี้ของเยอะหน่อย อิ๊กกับฌอนถือมารอบเดียวไม่หมดครับ” จังหวะที่คู่รักบ้านไร่เดินเข้าบ้านก็เจอกับแฝดน้องและอคิราที่กำลังมะงุมมะงาหรากับบรรดาของขวัญกว่าสิบชิ้นหลังท้ายรถ ธันวาจึงบอกให้เขาเข้าบ้านมาก่อนเพื่อที่ตนเองจะได้อยู่ทักทายพร้อมทั้งให้การช่วยเหลือเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันมาเกือบเดือน

“พี่เต๋อกับเฮียล่ะครับ?” บ๊วยที่โดนเด็ก ๆ คว้ามือไปจูงทั้งสองข้างขณะเดินนำทางไปนั่งยังโซฟาตัวยาวในส่วนรับแขกอดถามขึ้นไม่ได้เมื่อไม่เห็นพี่รหัสและพี่ชายคนรักอยู่ในบ้าน ขณะที่ด้วงกำลังจะอ้าปากตอบ เสียงของบุคคลที่สามกลับดังแทรกขึ้นเสียก่อน

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์เด็ก ๆ !!... แท่น แทน แท้น อาแนนมาแว้ว แว้ว แว้ววว!” หลานอาม่าใหญ่ตะโกนเรียกร้องความสนใจพลางยืนกางแขนกางขาเต๊ะท่าอยู่หน้าประตู

เมื่อเห็นอาแนนหน้าแว่นปรากฏกายขึ้นในบ้าน เด็กชายพลายกับเด็กชายพลุก็ทิ้งอาบูบู้แล้ววิ่งเข้าไปหาคนเห็นผีด้วยสีหน้าดีใจถึงขีดสุด “แนนซี่!!

โอ๊ยโหย! สกลอุทานด้วยความตกใจเมื่อโดนฝาแฝดทั้งสองกระโจนเข้าใส่อย่างไร้เมตตา “อาแนนรู้นะว่าอาแนนเป็นคนมีเสน่ห์ แต่ช่วยเข้ามาทีละคนเถอะพ่อเจ้าประคุณทูนหัว!” หนุ่มแว่นเสียงอ่อยหลังจากโดนหลานรักทั้งสองฉุดให้ล้มกลิ้งลงนอนกับพื้น

“แนนซี่ ฮี้กับ ๆ !” ฝาแฝดคนโตส่งเสียงพลางนั่งขย่มหลังคุณอาอย่างไม่ปรานีปราศรัย ไม่เท่านั้น เด็กชายพลายยังฉุดข้อมือน้องชายให้ตามขึ้นมานั่งซ้อนท้ายเสียด้วยกัน ก่อนจะนำขบวนขย่มดึ๋งดั๋งทิ้งน้ำหนักลงบนร่างบาง ๆ ของหลานอาม่าใหญ่ด้วยความสนุกสนาน

“พี่พลาย พลุ พลับ ไหว้อาแนนหรือยังลูก?” กังฟูที่เพิ่งเดินออกมาจากอีกปีกหนึ่งของบ้านทวงถามบุตรทั้งสามอีกครั้งเพราะรู้ว่าเมื่อเด็ก ๆ ดีใจมาก ๆ หรือ เมื่อห่วงเล่น พวกเขาจะหลงลืมเรื่องอื่น ๆ ไปโดยพลัน   

เมื่อได้ยินพ่อฟูพูดแบบนั้น ทายาทตัวน้อยก็ยกมือไหว้คุณอาหน้าแว่นอย่างนอบน้อมทันที “แนนซี่ หวัดดีค้าบ!

“โอ้เฮียฟู!... เฮียฟูคือพระมาโปรดน้องแท้ ๆ ถ้าไม่ได้เฮียฟูช่วยไว้ เสน่ห์เย้ายวนเกินห้ามใจของน้องคงจะทำให้ฝูงลูกลิงรุมทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ๆ แน่ ๆ เลยครับ” สกลชเลียร์รุ่นพี่ที่สามารถกำราบเด็กน้อยได้ในชั่วพริบตา โดยหารู้ไม่ว่า กรกฏหาได้คิดเห็นเช่นกัน

“เอ้าลูกลิงของพ่อ เล่นต่อให้เต็มที่เลยครับ... เจ้าม้าหมาหน้าแว่นพร้อมให้ขี่แล้ว!” ไฟเขียวของบิดามีค่าดั่งสัญญาณปล่อยตัวนักวิ่ง เพราะฝาแฝดคนโต กับน้องคนกลางต่างพากันสิงสู่ปีนป่ายร่างกายด้านที่ไม่อยู่ติดพื้นของสกลอย่างสุขสำราญ ส่วนน้องคนสุดท้องยังคงกอดคออาบ๊วยที่อุ้มตนอยู่ไม่ห่างไปไหน

“พี่เต๋อล่ะครับเฮียฟู?” เนื่องจากยังไม่ทันได้ฟังคำตอบของวิญญู ชายกลางจึงเปลี่ยนไปถามถึงพี่รหัสกับกรกฏโดยมีหนุ่มแว่นร้องครวญครางหวนไห้ราวกับวิญญาณร้ายโดนคล้องสายสิญจน์เป็นซาวด์แทร็กประกอบจากที่ไกลโพ้น

“คุยงานอยู่น่ะ อีกเดี๋ยวน่าจะเสร็จ... บูบู้หิวหรือยัง หิ้วท้องรออีกสักครึ่งชั่วโมงไหวไหม?” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยถามไถ่น้องสะใภ้ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยระคนเอ็นดู

“สบายมากครับเฮีย... เฮียเป็นไงมั่งครับ? เรียนทำอาหารสนุกไหม?” พอสบโอกาสติดตามข่าวสารของกันและกัน ลูกแม่บัวจึงอดถามถึงกิจกรรมทำแก้เบื่อกิจกรรมล่าสุดของอีกฝ่ายไม่ได้

“สนุกมากเลยบูบู้! ยิ่งพอได้เอาความรู้ที่เรียนมาหัดทำข้าวกล่องให้ลูก ๆ ไปกินโรงเรียนแล้วพวกแกกินกันหมดเกลี้ยง เฮียก็ยิ่งดีใจ นี่ถ้าเฮียรู้ว่าการที่ลูกชอบกินกับข้าวที่เราทำแล้วมันน่าภูมิใจอย่างนี้ เฮียคงลงเรียนไปตั้งนานแล้วล่ะ” กังฟูเอ่ยพลางออกท่าทาง วาดมือวาดไม้เหมือนเด็ก ๆ ได้ของเล่นใหม่จนคนรักหน้าหยกอดชงคำถามต่อไปไม่ได้

“โปรเจคต่อไปจะทำอะไรนะครับฟู?” บ๊วยถึงกับอมยิ้มเมื่อรู้ว่าสาเหตุที่ด้วงแสร้งถามแทรกขึ้นก็เพื่อเปิดโอกาสให้พี่แฟนได้อวดความสามารถแบบเนียน ๆ  ฝ่ายคนถูกถามก็ตบมือเปาะพลางทำตาวาววับราวกับกำลังนึกถึงเรื่องสนุก ๆ อยู่ในหัว

“เฮียว่าเฮียจะลองออกแบบห้องนอนให้พวกลูก ๆ ดูล่ะ... อีกไม่เกินสองปี เฮียจะหัดให้แต่ละคนนอนแยกห้องของใครของมันเสียที พวกเด็ก ๆ จะได้รู้จักเคารพพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่นไปพร้อม ๆ กับสามารถดูแลรับผิดชอบพื้นที่ของตัวเองได้... บูบู้ต้องมาช่วยเฮียแต่งห้องกับเลือกเฟอร์นิเจอร์ด้วยนะ ขืนเฮียรอป๋า มีหวังห้องลูกไม่เสร็จแน่ ๆ ” อริยะตรัยคนพี่ชิงทาบทามอดีตเด็กสถาปัตย์มาเป็นแนวร่วมทำโปรเจคใหม่ของตนแต่เนิ่น ๆ  

“ไหนใครนินทาป๋าครับ? สงสัยต้องโดนป๋าจับมาลงโทษเสียหน่อยแล้ว!” บุคคลที่เพิ่งถูกพาดพิงในทางเสียหายไปหมาด ๆ ร้องถามก่อนจะปราดเข้าไปเหนี่ยวคอคนรักมาใกล้ด้วยหมายจะกดปลายจมูกฝังให้มิดแก้ม แต่กลายเป็นกังฟูที่ปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวกว่ามาก เพราะก่อนที่ปากและจมูกของเต๋อจะประทับยังจุดหมาย ฝ่ามือเล็ก ๆ ก็ดันใบหน้าคมเข้มให้เบี่ยงไปอีกทางได้ทันท่วงที

“ฮื่อป๋า! ไม่เอา! น้องอยู่กันเต็มบ้าน... ไม่เห็นหรือไง?”

“หึ!” อาการวืดของตรินทำเอาวิญญูหลุดหัวเราะ  

“ก็ได้ครับ.... รอคืนนี้ก่อนก็ได้” หนุ่มร่างหมีแจ้งความจำนงกับกรกฏล่วงหน้า โดยไม่ลืมหันไปส่งสายตาคาดโทษให้แก่คนรักหน้าหยกเป็นรายถัดไป “อย่านึกนะว่าผู้สมรู้ร่วมคิดจะรอด!” ทว่าเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นเงาของหนุ่มหน้าแว่นขณะโดนลูกชายทั้งสองคนขี่หลังอยู่ไหว ๆ เต๋อจึงโพล่งขึ้นอย่างประหลาดใจ เพราะเขานึกว่ามีแค่บ๊วยที่เดินทางมาถึงแล้ว “อ้าว! แล้วนั่นตัวอะไร? ใครปล่อยหมาเข้ามาในบ้าน?!

“โอยยย! พี่เต๋อครับ พี่เต๋อช่วยน้องด้วย น้องเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!

“แล้วนี่ขี่กันมานานหรือยัง?” ตรินถามพลางมองสกลสลับกับคนรักที่นั่งอยู่กับชายกลางตรงอีกฟากของห้อง

“ยังจะสอบสวนหาต้นตออะไรอยู่อีกล่ะครับ?! ขืนพี่ปล่อยให้ลูก ๆ พี่ขี่น้องนานกว่านี้ น้องคงได้ขาดใจตายก่อนได้ร่วมงานวันเกิดลูก ๆ พี่แน่ ๆ ครับ! พี่เต๋อ! พี่เต๋อช่วยมาแกะลูกลิงออกจากหลังน้องสักคนจะได้ไหมครับ?!” เมื่อได้ยินคุณอาหน้าแว่นเรียกตัวเองว่าลูกลิง เด็กน้อยทั้งสองก็พากันขย่มหลังสกลราวกับเป็นบุตรหลานหนุมานอวตารลงมาถล่มกรุงลงกาอย่างไรอย่างนั้น “โอ๊ยยย! อย่าขย่มหลังอ้าาาาา!

สีหน้าทรมานกับเสียงร้องปิ่มว่าจะขาดใจของหลานอาม่าใหญ่ทำเอาคุณพ่อหน้าคมหัวเราะเสียงดัง กระนั้นกลับไม่มีใครคิดจะให้ความช่วยเหลือชายหนุ่มผู้ตกเป็นเครื่องเล่นสนองอารมณ์ของเด็กชายทั้งสองเลยสักนิด  

“มายเบิร์ธเดย์บอยเสอะ เฮ่ลโหล้วววว!” อคิราที่เดินนำหน้าสามหนุ่มเข้ามาในบ้านส่งเสียงหวาน ๆ เรียกความสนใจของเด็กชายทั้งสามและเหล่าผู้ใหญ่ได้ในพริบตาเดียว   

ตาหวาน!!!

นับเป็นคราวโชคดีของคนเห็นผีอย่างแท้จริง เพราะการปรากฏตัวของอดีตเดือนบริหารทำให้เด็กชายพลายและพลุผละจากร่างอันแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีของสกลเพื่อวิ่งไปหาเป้าหมายใหม่กันให้จ้าละหวั่น ฝ่ายหลานชายคนเล็กที่นั่งอยู่เหนือตักของบ๊วยก็ออกอาการกระดุกกระดิกอยู่ไม่สุขคล้าย ๆ กับอยากจะตามพี่ชายทั้งสองไป  ชายกลางจึงอุ้มพลับลงยืนเพื่อปล่อยให้ทายาทคนสุดท้ายวิ่งไปหาอคิราอีกคน


“ตาหวานมาแล้วจ๊ะเบ่บี๋ คิดถึงตาหวานกันไหมเอ่ย?” แม้จะออกตัวเป็นคนสุดท้าย แต่กลายเป็นเด็กชายพลับที่วิ่งเข้าไปชาร์จคุณอาหน้าหวานตาโตเป็นคนแรก ก่อนจะตามด้วยพี่ ๆ ทั้งสองที่เข้าไปสมบทในอีกไม่กี่อึดใจให้หลัง  

คิดถึงคับ!!” เจ้าของวันเกิดทั้งสามยกมือไหว้อิ๊กพลางส่งเสียงตอบพร้อมกันอย่างขันแข็งจนคนฟังอดปลาบปลื้มไม่ได้

“อูย มา! กอดกัน ๆ !” ชายหนุ่มเอ่ยสั้น ๆ ก่อนจะสุมหัวคุยหงุงหงิงกับเด็ก ๆ สลับกับส่งเสียงคิกคักกันอยู่สี่คน “ไรนะ... จะคิส ๆ ตาหวานงั้นเหรอ? มาเลยจ๊ะ ตาหวานจะมอบสุดยอดคิส ๆ ให้พวกหนู ๆ เองนะจ๊ะ” เจ้าของประโยคดังกล่าวหัวเราะปิดท้ายอย่างบ้าคลั่ง

“ฉวดยวด ฉวดยวด คิส ๆ ตาหวานฉวดยวดไปเลย!” พี่พลายงึมงำหลังพิธีกรรมจูจุ๊บกับอคิราสิ้นสุด ซึ่งเมื่อตัวหัวหน้าพูด... ลูกน้องทั้งสองก็พากันหลับหูหลับตาท่องคำว่า ฉวดยอด ๆ ตามพี่ชายโดยไม่ยั้งคิด   

“ท่านรองฯ พี่ด้วง เฮียฟูหวัดดีครับ” ฌอนเอ่ยขึ้นเมื่อวางของขวัญทุกกล่องที่หอบหิ้วมาลงบนโต๊ะตัวกลางเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะเป็นธันวาที่ทำความเคารพเจ้าบ้านทั้งสามบ้าง  

“พี่ ๆ หวัดดี เฮียหวัดดี!

“เออ! ดี ๆ !” เต๋อรับไหว้น้อง ๆ ก่อนจะหันไปทักทายนายสัตวแพทย์ที่กำลังแงะซากหนุ่มแว่นขึ้นจากพื้นแล้วประคองไปนั่ง “ไงริน?”  

“ก็ดี... แล้วมึงล่ะเป็นไง? เมื่อไรจะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวที่ร้านอีก?”

“มึงนี่ก็นะ... ใจคอไม่คิดจะออกจากร้านแล้วมาหาพวกกูที่อื่นบ้างหรือไง?” ตรินตัดพ้อเพื่อนสนิทต่างคณะที่ไม่เคยไปไหนไกลเกินกว่าอาณาจักรของตัวเองกับคนรักหน้าแว่น

“ถ้างั้นคงต้องรออีกหน่อยว่ะ... ไว้คอมมิวนิตี้มอลอยู่ตัวเมื่อไร มึงได้เจอกูกับแนนจนเบื่อแน่ ๆ ”

“เออ ๆ มา ๆ เข้ามากินน้ำกินท่ากันก่อน” เจ้าของบ้านร่างหมีตัดบทแล้วจึงหันไปพูดกับด้วง “หนู... บอกเด็กตั้งโต๊ะเลยก็ได้ คืนนี้พวกลูก ๆ จะได้เป่าเค้กเร็วหน่อย” 
   

«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“เด็ก ๆ ครับ มา! เดี๋ยวพ่อช่วยแกะของขวัญดีกว่า จะได้แกะเสร็จเร็ว ๆ แล้วก็จะได้ขึ้นไปนอนกันเสียที” กรกฏบอกลูกชายเมื่องานการสังสรรค์ดำเนินมาถึงช่วงท้าย  “ไหน กล่องนี้มีอะไรลูก?”

“นี่คับพ่อฟู” เด็กชายพลับยื่นบัตรแข็ง ๆ ในมือส่งให้บิดา เมื่อกังฟูเห็นบัตรดังกล่าวเต็ม ๆ ตา ชายหนุ่มก็ออกอาการผิดหวังแทนลูกขึ้นมาทันที  

“บัตรคอมมิวนิตี้มอลล์เอ็กซ์คลูซีฟเมมเบอร์ชิพตลอดชีพ... อีกแล้วเรอะ?!

“โห่! เอะอะก็ยัดเยียดบัตรสมนาคุณให้หลานยันเตเลยนะหนูแนน ปีก่อนก็บัตรสมาชิกกิตติมศักดิ์ที่คาเฟ่ ปีโน้นก็บัตรแลกซื้อเครื่องเขียน นี่ยังไม่รวมบัตรที่แจกหลานตอนวันเกิดปีแรกอีกนะเว่ย! เงินทองจะกองทับตัวตายอยู่แล้ว แบ่ง ๆ ให้หลานช่วยใช้บ้างเห๊อะ!” ธันวาผสมโรงว่าร้ายหลานอาม่าใหญ่ผู้ตระหนี่ถี่เหนียวยิ่งกว่าใคร ๆ ในบรรดาสมุนเลวทั้งหมด

“แหม่พี่หมีก็! พูดแบบนี้ผมเสียหายนะครับ?!” เจ้าของประโยคส่งสายตาค้อนขวับให้อดีตเดือนมหาลัยก่อนจะใช้วาทศิลป์ที่มีแก้ต่างให้ตัวเองอย่างเป็นเหตุเป็นผล “ที่ผมกับพี่รินไม่ให้เงินหลาน เพราะผมไม่อยากให้หลานรู้สึกว่า เงินตรามีความสำคัญจนสามารถแทนที่อะไรก็ได้ อีกอย่าง... ผมอยากให้หลานได้เลือกในสิ่งที่พวกแกชอบด้วยตัวเอง เราสองคนเลยเลือกให้ของขวัญพวกหลาน ๆ เป็นการ์ดหรือเวาเชอร์ที่ไม่มีวันหมดอายุยังไงล่ะครับ”

“หรา? ไม่ใช่ว่างกหรอกหรา?” เก็กกระแนะกระแหนด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ ฝ่ายคนสร้างภาพก็สะบัดบ็อบใส่อย่างไม่ใยดี จากนั้นจึงช่วงชิงพื้นที่สื่อเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ประจำค่ำคืนโดยพลัน  

“ทุกคนฟังไว้เลยนะครับ... ถ้าภายในสิบปีนี้ พวกหลาน ๆ ยังไม่ใช้บัตรใด ๆ ผมกับพี่รินจะเอาเงินตามมูลค่าของบัตรทุก ๆ ใบที่เราเคยให้แทนของขวัญวันเกิดหลาน ๆ ไปตั้งกองทุนช่วยเหลือสัตว์ยากไร้ หรือสนับสนุนเจ้าของที่ต้องการเงินค่ารักษาพยาบาลสัตว์เลี้ยงฉุกเฉินในนามของหลาน ๆ ด้วยครับ” พูดจบ สกลก็ยักคิ้วยักไหล่พลางทำหน้าไม่แคร์ใส่พวกปากหอยปากปูปลาร้าอย่างอดีตเดือนมหาลัยไปอีกหลายดอก

“โอ้โห! พี่หมีไม่นึกเลยว่า คนปากเสียแบบสกลจะมีชีวิตยืนยาวอยู่จนถึงวันที่ได้ทำความดีตอบแทนสังคมแบบนี้ด้วย” อริยะตรัยคนน้องไม่เปิดช่องให้คนเห็นผีได้ทันด่า ชายหนุ่มรูปงามชิงลูบหลังหลานอาม่าใหญ่หลังจากว่าร้ายอีกฝ่ายจนพอใจด้วยความไวปานวอก “เอ้า จะรออะไรกันอีกล่ะครับ ปรบมือสิ!

“พวกผมขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าเลยนะครับพี่ริน... สิ่งที่พี่รินกับสกลตั้งใจจะทำน่าจะช่วยอีกหลายชีวิตเอาไว้ได้แน่ ๆ ครับ ถ้ามีอะไรที่ผมพอทำได้ อย่าลืมบอกผมกับพี่หมีนะครับ” บ๊วยพูดจากใจจริงเพราะส่วนตัวแล้ว เขาตั้งใจจะช่วยสมทบทุนของหลาน ๆ ด้วยเช่นกัน  

“ขอบใจนะบ๊วย... จริง ๆ พี่กับแนนตั้งใจจะทำอะไรแบบนี้อยู่แล้วล่ะครับ พอดีว่าพวกเราหักยอดเงินตามมูลค่าในบัตรของขวัญของพวกหลาน ๆ เก็บสะสมเตรียมรอเอาไว้ทุกปี ๆ พอทิ้งเงินไว้ในแบงค์นาน ๆ เข้า ดอกเบี้ยมันก็งอกเงย พวกเราเลยคิดว่าอาจจะเอาดอกเบี้ยกับเงินก้อนที่ยังไม่ได้ใช้อะไรไปทำประโยชน์เพื่อความสบายใจของพวกเรา และเพื่อให้หลาน ๆ ได้รู้จักการแบ่งปันให้เพื่อนร่วมโลกที่ขาดแคลนด้วยน่ะครับ” สารินเสริมรายละเอียดที่ขาดหายไปเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับเพื่อน ๆ โดยทั่วกัน

“เอางี้พี่ริน... ผมว่าเรามาเปิดอกคุยกันแบบแมน ๆ เลยดีกว่า พี่รินยอมรับมาเถอะครับว่าทั้งหมดนี่เป็นไอเดียของพี่” จนถึงตอนนี้ อดีตเดือนมหาลัยก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้ว่าหลานอาม่าใหญ่คือโต้โผในการคิดทำอะไรดี ๆ แบบนี้ได้... ถ้าเป็นรุ่นพี่หมีโพลาร์ก็ว่าไปอย่าง “ผมสัญญาว่าผมจะเหยียบไว้ ไม่ยอมบอกใครสักคนเลยครับ!

นายสัตวแพทย์หนุ่มส่ายหัวปฏิเสธพลางโอบไหล่คนรักให้เอนลงซบตนพร้อม ๆ กับพูดให้เครดิตแฟนเต็มที่  “หึ หึ หึ... เสียใจด้วยนะเก็ก โปรเจคนี้พี่มีหน้าที่เป็นแค่ฝ่ายสนับสนุนที่ดีเท่านั้นครับ... ส่วนคนต้นคิด ต้องยกความดีความชอบให้น้องคนเดียวเลยครับ”  

“เอาน่า ๆ  ไหน ๆ แว่นมันก็คิดอะไรดี ๆ แบบนี้ออกมาได้แล้ว พวกเราก็มาช่วยกันผลักดันโครงการนี้ให้มันเป็นรูปเป็นร่างก่อนสิบปีเป็นไร” ตรินรับหน้าที่คนกลางพลางเคาะบทสรุปอย่างเด็ดขาด “ริน... กลับไปมึงช่วยส่งรายละเอียดการก่อตั้งกองทุนมาให้กูกับด้วงหน่อยได้ไหมวะ เดี๋ยวกูจะให้ทางฝ่ายกฏหมายกับเลขาช่วยเตรียมเอกสารจำเป็นให้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ปลายปีนี้พวกเราน่าจะได้เห็นกองทุนนี้เติบโตเป็นรูปเป็นร่างกันล่ะ”

“ได้ ๆ ”

“ถ้าพวกพี่ ๆ อยากให้พวกผมช่วยโปรโมทหรือจัดแคมเปญอะไรก็บอกนะครับ... งานบุญงานกุศลแบบนี้ บริษัทผมยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่เลยครับ” อคิราเสนอตัวเพราะบริษัทที่ตนลงขันทำร่วมกันกับเพื่อน ๆ มหาลัย รับทำงานด้านประชาสัมพันธ์และการตลาดมาได้หลายปีพอสมควร และเขามั่นใจว่าเหล่าหุ้นส่วนน่าจะอยากมีส่วนในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไม่ต่างกัน

“ขอบใจมาก!” สารินอดซึ้งใจกับน้ำใจของมิตรสหายไม่ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครต้องเสียน้ำตาด้วยความตื้นตันใจไปเสียก่อน ป๊ะป๋าร่างหมีก็วกกลับเข้าสู่กิจกรรมล่าสุดที่ยังค้างคาไม่ไปถึงไหน

“เอา ๆ ได้ฤกษ์แกะของขวัญกองสุดท้ายกันเสียที... ไอ้แฝด ส่งของขวัญกองนั้นมาเสียทีสิ แกะเสร็จแล้วลูก ๆ กูจะได้ขึ้นนอน” เต๋อชี้นิ้วสั่งลูกน้องผู้เป็นรุ่นน้องร่วมคณะ ทว่าฌอนกลับจำใจขัดคำสั่งเจ้านายตามบัญชาของเจ้าของข้อความในไลน์ที่เขากำลังอ่านอยู่  

“เดี๋ยวครับพี่เต๋อ... รอเจ้าของของขวัญแป๊บนึง” แฝดน้องเอ่ยโดยไม่ละสายตาจากข้อความในแอพพลิเคชันแช็ท “อีกเดี๋ยวก็น่าจะถึงแล้วครับ”

“ไอ้ฌานมาเหรอ?!” ตรินทำสุ้มเสียงตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้พบปะกับแฝดพี่ที่หายหน้าจากวงสังคมไปกว่าครึ่งศตวรรษ

“ครับ”

“พี่ฌานจะมาจริง ๆ เหรอฌอนศรี?!” คราวนี้เป็นคนเห็นผีที่ออกอาการดีใจจนนั่งไม่ติด

“อืม อีกห้านาทีถึง” ฌอนตอบตามการคาดคะเนของบุคคลที่ส่งข้อความเข้าเครื่องของเขาแบบรัว ๆ

“โอ๊ย พี่ฌานจะมา! น้องดีใจ! พี่ริน... ขอน้องวิ่งไปเติมแป้งทาปากในห้องน้ำก่อนนะ!

เฮ่ย!” คำพูดกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของสกลทำเอาชายหนุ่มทั้งหลายสะดุ้งโหยงพร้อมทั้งอุทานเป็นเสียงเดียว

“น้องเลิกเล่นเถอะครับ ขืนเล่นต่ออีกนิด เดี๋ยวทุกคนก็เข้าใจผิดกันพอดี” สารินปรามคนรักพลางฉุดข้อมือเรียวดึงให้เจ้าตัวนั่งลงข้าง ๆ ตนดังเดิม กระนั้น คำพูดของรุ่นพี่กลับกลายเป็นชนวนทำให้เพื่อนสนิทสายอำทั้งสองออกวาดลวดลายถล่มชายหนุ่มหน้าแว่นอย่างไม่ออมมือ

“นี่พี่รินยังจะห่วงว่าคนอื่นจะเข้าใจไอ้หนูแนนมันผิดอยู่อีกเหรอครับ?” ธันวาตั้งคำถามกับสาริน แต่สายตากลับจ้องหน้าฌอนไม่วาง จึงไม่แปลกหากแฝดน้องจะเป็นคนรับหน้าที่ผสมโรงโดยไม่ง้อคำตอบของรุ่นพี่หมีขาวแต่อย่างใด

“พวกเราดูแนนซี่ออกแต่แรกแล้วครับ”  

“ดูออกว่าบ้าใช่ป่ะ?” อดีตเดือนมหาลัยชงให้ฌอนตบด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ซึ่งแฝดน้องก็สนองให้อย่างถึงอกถึงใจอีกฝ่ายดีแท้  

“หึ! เออ!”  แฝดน้องเอ่ยพลางพยักหน้าและยักคิ้วให้เพื่อนต่างคณะ  

พี่หมี! ฌอนศรี! เสียงกรีดร้องของหลานอาม่าใหญ่เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จได้เป็นอย่างดี แต่มีหรือที่ฌอนจะอยู่รอให้คนเห็นผีขุดรากถอนโคนแล้วจับเขาเผานั่งยางต่อหน้าเจ้าบ้านทั้งสาม

“ผมออกไปรับพี่ชายก่อนนะครับ” ฌอนยกมือถือขึ้นโบกพลางดีดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินออกไปโดยพลัน ตามหลังด้วยธันวาที่รู้งานยิ่งกว่าอะไร

“เฮ่ยแฝด รอกูด้วย!

สกลที่ยังไม่ทันได้ระบายความคับแค้นลงกับผู้ใดก็ได้แต่หันไปฟ้องคนรักที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างไร้ทางสู้ “พี่ริน พี่รินช่วยน้องด้วย น้องโดนกลั่นแกล้ง!

“โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะครับ”

“นี่พวกเราไม่ได้เจอไอ้ตัวบอสมากี่ปีแล้วนะ?” ตรินรีบชวนสมาชิกที่เหลือคุยเพราะไม่อยากเสียสายตากับทักษะการออดอ้อนสามีแบบสุดมั่นหน้าของหลานอาม่าใหญ่  

“หกปีครับพี่เต๋อ” อคิรากัดฟันรายงานอย่างร้าวรานประสาผู้ประสบภัยที่ต้องเผชิญหน้ากับอาการคุ้มดีคุ้มร้ายของแฝดน้องหลัง โรควูบ กำเริบเพียงลำพังตลอดช่วงเวลาที่ร่างทรงหนุ่มออกท่องโลกแบบไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอน  

“อืม... นานแฮะ แล้วคราวนี้มันจะกลับมาอยู่เมืองไทยเลยไหม? หรือว่าเปลี่ยนใจแล้ว?” เป็นเพราะช่วงเวลาที่ห่างหายกันไปนั้นยาวนานเสียจนเจ้าบ้านหน้าคมเกือบหลงลืมไปแล้วว่ามีรุ่นน้องที่สนิทสนมอยู่อีกคน ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านจึงอดสงสัยเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไม่ได้

“เห็นฌอนบอกว่ารอบนี้พี่ฌานน่าจะกลับมาปักหลักที่นี่เป็นการถาวรนะครับ” อิ๊กให้ข้อมูลเท่าที่คนรักบอกกับตน แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้คนฟังอดโล่งใจไม่ได้

“เออ ดี ๆ มันจะได้โผล่หน้ามาให้หลานเห็นบ้าง”

ทุก ๆ คนคร้าบ พี่ฌานกลับมาแล้วคร้าบบบบ!

“ไป ๆ พวกเรา ออกไปต้อนรับมันหน่อย”  เสียงตะโกนโหวกเหวกของธันวาที่ดังมาจากสวนหน้าบ้านทำให้ตรินเอ่ยชักชวนให้ผู้ร่วมโต๊ะสนทนาส่วนใหญ่ลุกขึ้นไปหาฌานเสียด้วยกันโดยปล่อยให้บ๊วย และอิ๊กนั่งเล่นกับหลาน ๆ อยู่ที่โต๊ะเหมือนเดิม  

“พี่เต๋อ พี่ด้วง เฮียฟู พี่ริน... หวัดดีครับ” แฝดพี่ในสภาพหล่อเหลาไม่เหลือมาดช่างภาพสุดเซอร์เมื่อหลายปีก่อนเอ่ยทักทายรุ่นพี่ทั้งสี่พร้อมกับยกมือไหว้ด้วยความเคารพรัก และคิดถึงอย่างที่สุด   

“มา ๆ ไอ้ฌาน เข้ามานั่งก่อน ๆ ” รุ่นพี่ร่างหมีเอ่ยอย่างโอภาปราศรัย แต่ภาพของรุ่นน้องอีกสองคนที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หลายใบตามหลังแฝดพี่ก็ทำให้ตรินต้องเอ่ยถาม “นี่มึงมาจากไหนเนี่ย?... อย่าบอกนะว่าเพิ่งลงเครื่อง?”

“ครับ พอเสร็จเรื่องที่สนามบิน ผมก็ต่อแท็กซี่ตรงมาที่นี่เลย... เพื่อหลาน ๆ โดยเฉพาะครับคืนนี้” แม้เมื่อสังเกตใกล้ ๆ จะเห็นแววตาอ่อนล้าและขอบตาคล้ำ ๆ ของฌานได้อย่างชัดเจน ทว่าเจ้าตัวกลับตอบคำถามของรุ่นพี่ด้วยรอยยิ้มที่แฝงความยินดีอย่างที่สุด

นั่นจึงพลอยทำให้บิดาเจ้าของวันเกิดอย่างเต๋อยิ่งรประทับใจกับน้ำใจของรุ่นน้องไปกันใหญ่ “โห! ทุ่มทุนมากมึง!... ทำไมไม่รอให้หายเหนื่อยสักสองสามวันก่อนแล้วค่อยเข้ามาทีหลังล่ะวะ?” พูดพลาง เจ้าของประโยคก็ตบบ่าแฝดพี่ไปพลาง

“นั่นสิ” วิญญูเองก็คิดไม่ต่างจากคนรักหน้าคมของตนเท่าไรนัก

“ก็ผมอยากมาฉลองงานวันเกิดลูก ๆ พี่ด้วยนี่ครับ” ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ฌานเลือกจะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกครั้งเอาวันนี้ แต่ที่แน่ ๆ คำตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นของแฝดพี่ซื้อใจของป๊ะป๋าร่างหมีได้อยู่หมัดเสียแล้ว  

“เออ ๆ กูยอมใจมึงเลยว่ะ” ท่านรองประธานฯ เดินนำขบวนพลางร้องเรียกทายาททั้งสามซึ่งยังนั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เอ้าเด็ก ๆ มานี่ลูก มาหาอาฌา...”

ทว่ายังไม่ทันที่เต๋อจะได้แนะนำคุณอาคนใหม่ให้ลูกชายฝาแฝดได้ทำความรู้จัก เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำลายความสุขของคนเป็นพ่อ... โดยเฉพาะหนุ่มร่างหมีได้อีกหลายต่อหลายปีก็บังเกิดขึ้นเสียก่อน


ฌาน!” ฝาแฝดคนสุดท้องตะโกนร้องเรียกอาคันตุกะผู้มีใบหน้าเหมือนกับอาฌอนของพวกเขาอย่างกับแกะด้วยชื่อของเจ้าตัว... ชื่อที่ไม่มีฝาแฝดคนไหนล่วงรู้ นอกจากเขาเพียงผู้เดียว

น้ำเสียงหวานหูที่ขับกล่อมให้ทุก ๆ นิทรารมย์เป็นไปอย่างราบรื่นมาตลอดหลายปี กลับฟังไพเราะเสนาะหูยิ่งกว่าเมื่อเขาได้มีโอกาสรับฟัง พร้อม ๆ กับได้เห็น ได้สัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างของคนพูดด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าของตัวเอง “ตัวเล็ก” ฌานรำพันชื่อเล่นที่เขามักใช้เรียกอีกฝ่ายในฝันออกมาโดยไม่รู้ตัว    

ฌานกลับมาแล้ว!” ทันทีที่เจ้าตัวพูด เด็กชายพลับก็วิ่งแซงหน้าพี่ ๆ เข้าไปกอดคนที่ยอบตัวลงนั่งพลางอ้าวงแขนกว้างรอรับสัมผัสแรกในรอบสิบปีหลังต้องเฝ้าอดทนผ่านคืนวันอันโดดเดี่ยวจากคนละซีกโลก เมื่อความอบอุ่นถ่ายเทถึงกัน ทั้งสองก็รู้ได้โดยพลันว่า การรอคอยอันยาวนานได้สิ้นสุดลงเสียที... ในที่สุด พวกเขาเจอสถานที่ ๆ เป็นของตัวเองแล้วจริง ๆ    

“ครับ... ฌานกลับมาแล้วครับ”  แฝดพี่รับคำแฝดคนสุดท้องของอีกตระกูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานน่าฟังจนเหล่าสมุนเลวยังต้องตกใจกับด้านใส ๆ ของผู้นำกลุ่ม

“ฌาน ฌานกลับมาอยู่กับพลับนะ” ทายาทคนสุดท้องของตระกูลคุณะประสิฒธิ์อ้อนวอนชายหนุ่มพลางเอนซบคนโตกว่าอย่างออดอ้อน

“ครับ ฌานจะไม่จากตัวเล็กไปไหนอีกแล้วครับ” บทสนทนาลึกซึ้งทว่าไร้ที่มาที่ไปของสองอาหลานทำเอาเหล่าผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ได้แต่แลกเปลี่ยนความงุนงงผ่านทางสายตา โดยเฉพาะบรรดาคุณพ่อทั้งสามที่สุดแสนจะประหลาดใจ สงสัย และหงุดหงินจนแทบจะเป็นบ้า








“ไอ้ฌาน... เมื่อกี๊นี้มันอะไร?!” เหตุที่ถามอะไรโง่ ๆ แบบนี้ ใช่ว่าเต๋อจะไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดเหตุการณ์อะไรใต้ชายคาบ้านของตัวเอง... หากแต่เพราะเข้าใจ แถมยังรู้ความหมายในแววตาของไอ้รุ่นน้องทรพีเป็นอย่างดีด้วยนี่สิ เขาจึงแทบสะกดกลั้นตัวเองไม่อยู่ บรรยากาศอึมครึมราวกับเมฆฝนจากทุกน่านฟ้าแห่แหนกันมาตั้งเค้าอยู่เหนือบ้านหลังงามของสามหนุ่มคี่รักทำให้ทั้งหมดเกือบลืมไปว่า เมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อน เจ้าบ้านร่างหมีเคยดีใจจนแทบจูบปากกับคู่กรณีที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนโซฟาตัวตรงข้าม

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะไม่สู้ดี วิญญูผู้ถูกกรกฏสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่าให้อยู่ควบคุมพ่อหมีไม่ให้บันดาลโทสะพลั้งมือฆ่ารุ่นน้องไปเสียก่อนก็ฉุดแขนคนรักเอาไว้พลางลูบหลังลูบไหล่เพื่อช่วยให้อีกฝ่ายหักห้ามอารมณ์ได้ง่ายขึ้น “ป๋า... ป๋าใจเย็น ๆ ก่อน”

“มึงเล่ามาให้หมด!... กูอยากรู้ว่ามึงแอบไปรู้จักกับลูกกูตอนไหน?” ตรินตวาดอย่างเหลืออดเมื่อย้อนนึกถึงภาพของไอ้โรคจิตบ้ากามตรงหน้ากอดรัดลูกชายคนเล็กของเขาอย่างไม่สะทกสะท้านสายตาใคร ๆ  

ร่างทรงหนุ่มถอนหายใจยาวอยู่นานสองนาน จากนั้นจึงเริ่มปราศรัยด้วยคำขอจากใจจริง “ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกพี่ ๆ ฟัง ผมอยากจะขออะไรพวกพี่ ๆ สักอย่างได้ไหมครับ?”  

“อะไร?! มึงยังจะมีหน้ามาขออะไรจากพวกกูอีก?”

“ผมอยากให้พวกพี่ ๆ ช่วยเปิดใจรับฟังสิ่งที่ผมจะพูด แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สุดเท่าที่พวกพี่ ๆ เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตก็ตาม ผมขอแค่นั้น... ได้ไหมครับ?” ฌานพยายามทำใจดีสู้เสือในร่างหมีพลางบอกกับตัวเองว่า เขาใช้เวลาสิบปีเตรียมรับมือกับเรื่องนี้มาเป็นแสน ๆ วิธีแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไร คืนนี้เขาก็จะคุยกับเหล่าพ่อตาให้รู้เรื่องและลุล่วง

“มึงชักจะลีลาเกินไปแล้วนะไอ้ฌาน! เมื่อไรจะเล่าให้กูฟังสักที?.. หรือมึงอยากให้กูเอาเลือดหัวมึงออกก่อนมึงถึงจะยอมปริปาก?!” ตรินด่ากราดด้วยไม่อาจทนเห็นหน้าฌานได้

“ฮื่อป๋า! ป๋าอย่าเพิ่งอารมณ์ร้อนสิ... ป๋า ไม่เอาป๋า... ป๋าตั้งสติก่อน” ด้วงพยายามหว่านล้อมคนรักอย่างเต็มที่พร้อม ๆ กับออกปากสั่งแฝดพี่ให้รีบอธิบายเหตุผลอย่างรวดเร็ว “เอา ๆ พวกพี่จะพยายามเปิดใจฟัง นายอยากจะเล่าอะไรก็เล่ามา ถ้าพี่สงสัยอะไรแล้วพี่จะถามอีกที”

“ขอบคุณครับพี่ด้วง”

“ฮึ!” เต๋อทำฟึดฟัดสะบัดหน้าใส่คล้ายไม่อยากจะรับฟังเต็มแก่ กระนั้นนิสัยยุติธรรมและมีเหตุมีผลก็ฉุดรั้งให้เจ้าตัวยังนั่งปักหลักไม่ลุกไปไหน  

“เรื่องของผมกับพลับ ถ้าอธิบาย ๆ ง่าย ๆ ก็ คือ ระหว่างเรา... มีด้ายแดงผูกผมกับเขาเอาไว้ด้วยกันครับ” ฌานพยายามให้เหตุผลที่พอทำความเข้าใจได้แก่ว่าที่พ่อตาทั้งสอง ขืนเขาเล่าเท้าความย้อนไปถึงเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์เหนือจริงที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทั้งหมดยังเป็นเด็กมหาลัย มีหวังอีกฝ่ายคงขับไล่ไสส่งเขาไปตลอดกาล

“หืม? ยังไง?” ด้วงอดสงสัยไม่ได้

“ตั้งแต่เมื่อหกปีที่แล้ว หลังจากพวกพี่ ๆ แต่งงานกัน ผมก็เริ่มฝันเห็นเขาทุกคืน... แรกเลย ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผมรู้แค่เพียงว่า เขาเป็นเด็กทารกตัวเล็ก ๆ ชื่อพลับ เด็กคนนี้มักจะโผล่หน้ามาทุกครั้งที่ผมหลับ พอนานวันเข้า... ยิ่งเมื่อเขาโตขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็เริ่มสังเกตเห็นว่า มีเส้นด้ายสีแดงร้อยรัดพวกเราเอาไว้ด้วยกัน... เขาบอกกับผมว่า ผมเป็นของเขา และเขาก็เป็นของผ...”

พอ! มึงหยุดพูดจาเพ้อเจ้อได้แล้ว! ตรินขัดขึ้นเพราะทนฟังไม่ได้...

ขนาดว่าเขาลองเปิดใจ ให้โอกาสสุดท้ายยอมรับฟังอีกฝ่ายดี ๆ แล้วนะ แต่จนแล้วจนรอด ไอ้รุ่นน้องโรคจิตกลับเล่านิทานปรัมปราที่หาข้อพิสูจน์อะไรไม่ได้ขึ้นมาหลอกลวงพวกเขาเข้าให้เสียอีก! นี่ไอ้ฌานเห็นว่าพวกเขาโง่งมงายนักหรือไง? ไม่มีทาง เรื่องหลอกเด็กพรรค์นั้นไม่มีทางเป็นจริง! ไม่มีวันที่ตรินจะปล่อยให้เรื่องน่าทุเรศเกิดขึ้นกับลูกชายวัยห้าขวบของเขาอย่างแน่นอน!  


“แต่พี่เต๋อครับ พี่ต้องฟังผมนะ!

“ไอ้สัดฌาน! เด็กที่มึงเพิ่งพูดถึงไปหยก ๆ คือเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกกู!... วันนี้ลูกกูเพิ่งมีอายุได้แค่ห้าปีเต็ม! ส่วนมึง อายุปาเข้าไปเท่าไรแล้ว ห๊ะ?!” เจ้าบ้านร่างหมีสวนอย่างเหลืออด... เพราะความสัมพันธ์ที่ฌานพยายามอธิบาย คือฝันร้ายของคนเป็นพ่อโดยแท้

“ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเหมือนกันนะครับพี่เต๋อ!” แฝดพี่ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ กระนั้นเจ้าตัวก็พยายามหลีกเลี่ยงการเติมเชื้อไฟเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเดือดดาลจนไม่เหลือสติรับฟัง

“ถุ้ย! กูอยากจะหัวร่อให้ฟันหัก! ถ้ามึงพูดความจริง กูกับมึงคงไม่ต้องมายืนทะเลาะกันอยู่แบบนี้หรอกมั้ง!”  

“พี่เต๋อ พี่เต๋อให้โอกาสผมเถอะนะครับ ผมขอร้อง” ชายหนุ่มรุ่นน้องยกมือไหว้ว่าทีพ่อตาพ่วงรุ่นพี่ร่วมคณะอย่างจนปัญญา ความจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้าแลดูจะหนักหนากว่าเหตุการณ์สมมติในหัวที่ตนเคยคิดมาก่อนอยู่หลายเท่านัก

ท่าทีไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ของอีกฝ่ายคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตรินไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป รู้ตัวอีกที ป๊ะป๋าร่างหมีก็พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อรุ่นน้องพลางคำรามใส่หน้าอย่างสุดกลั้น “ไอ้เหี้ยฌาน! กับเด็กห้าขวบ... มึงยังจะกล้าคิดอะไรแบบนั้นด้วยอีกเหรอ?! กูอยากรู้นักว่าจิตใจมึงทำด้วยอะไรวะ?! ห๊ะ?! จิตใจมึงทำด้วยอะไรมึงถึงได้กล้ามาลากลูกกูให้ไปอยู่ในโลกเพ้อฝันจิตฟั่นเฟือนของมึงแบบนี้?! หน้าตาท่าทางมึงก็ดี ทำไมไม่ไปหาคนที่คู่ควรและเหมาะสมกับมึงมากกว่าเด็กอนุบาลสองอย่างลูกกู?! ทำไม?!!

พอได้แล้วป๋า! ก่อนเต๋อจะวู่วามทำร้ายรุ่นน้องจนบาดเจ็บ ผู้บัญชาการสูงสุดประจำบ้านก็ออกคำสั่งห้ามปรามได้ทันเวลาพอดี

ฟู?!” ตรินไม่เข้าใจว่าทำไมคนรักร่างเล็กจึงยังสงบสติอารมณ์อยู่ได้?! แล้วที่ปรามเขาเมื่อกี๊... อีกฝ่ายทำมันไปเพื่ออะไร?

“เสียงป๋าดังไปถึงห้องลูกเลยนะ”

“แต่หนูฟูคร...”

“ฌาน ดึกป่านนี้จะกลับบ้านยังไง?” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยชิงถามรุ่นน้องโดยไม่สนใจตรินแม้แต่น้อย  

“เอ่อ... แท็กซี่มั้งครับ” ฌานตอบคำถามของรุ่นพี่ร่างเล็กพลางพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติตามอีกฝ่าย

“ถ้างั้นเดี๋ยวเฮียให้พี่เทพไปส่ง” กังฟูสรุปทุกอย่างให้ฌานเสร็จสรรพ แต่นั่นเท่ากับการปลุกให้เสือตื่น

หนูฟู!” ตรินทักท้วงด้วยความไม่พอใจขั้นสูงสุดก่อนจะให้เหตุผลเพื่อทำให้คนรักตาสว่าง “หนูฟูจะไปใจดีกับมันทำไมครับ? ไอ้เหี้ยนี่มันจ้องจะล่อลูกเรานะ!

“ฟูรู้... ฟูได้ยินที่ป๋ากับฌานคุยกันหมดทุกอย่าง แต่นี่มันก็ดึกแล้วนะป๋า... อีกอย่าง พรุ่งนี้ป๋ากับแด๊ดต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าอีก ฟูว่าพวกเราควรเข้านอนกันเสียที”
ฟู!” เต๋อยังไม่ละความพยายามที่จะประท้วงคำเมีย แต่กรกฏก็แสดงให้ทุก ๆ คนได้ประจักษ์ถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงของมนุษย์เมียและแม่ในคราบคุณพ่อร่างเล็กอีกครั้ง  
“สรุปว่าป๋าจะไม่ให้พี่เทพไปส่งฌานใช่ไหม?”
“ครับ! หัวเด็ดตีนขาดยังไงป๋าก็จะไม่ช่วยไอ้รุ่นน้องโรคจิตอย่างมัน!” ป๊ะป๋าหน้าคมยืนกรานเป็นมั่นเหมาะ... ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็จะไม่คบค้ากับไอ้รุ่นน้องโรคจิตคนนี้อีกแล้ว!

“ดี! งั้นคืนนี้ฌานก็เอาของตามเฮียขึ้นไปนอนห้องรับรองแขกก่อนก็แล้วกัน” ว่าแล้วกังฟูก็ตั้งท่าจะเดินนำฌานขึ้นบ้านไปเดี๋ยวนั้น ติดอยู่ที่ว่าดันมีเสียงประท้วงของคนรักดังขัดขวางขึ้นเสียก่อน
ฟู!
“แด๊ด! พาป๋าขึ้นห้อง เดี๋ยวฟูส่งน้องเสร็จแล้วฟูจะตามเข้าไป” ในเมื่อตรินไม่ยอมให้ความร่วมมือ อริยะตรัยผู้พี่ก็หันไปบัญชาหมีหน้าหยกแทน
ฟู!” เมื่อเห็นว่าเต๋อยังไม่เลิกโวยวายพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจึงกระตุ้นวิญญูด้วยน้ำเสียงและสายตาคมกริบอีกคำรบ
แด๊ด!
“ครับ ๆ !” คำสั่งของกังฟูได้ผลกับด้วงเสมอ เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงสุดท้ายของคนรักร่างเล็ก ด้วงก็ลากหนุ่มร่างหมีให้เดินตามกันขึ้นห้องไปโดยไม่ต้องให้กรกฏเดือดร้อนพูดซ้ำเป็นรอบที่สาม  

“ไปฌาน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขึ้นไปพักก่อนเถอะ”

“ครับ” เพราะเห็นว่ารุ่นพี่ต่างคณะมีท่าทางเหน็ดเหนื่อย ฌานจึงหอบข้าวของเท่าที่จำเป็นเดินตามหลังกังฟูไปเงียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่ภายในหัวยังไม่สามารถจับต้นชนปลายอะไรได้สักอย่างเดียว




“นี่ห้องนายคืนนี้ มีเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้จำเป็นอยู่ในตู้นะ ขาดเหลืออะไรก็หยิบใช้ได้เลย... มีอะไรก็ไปเคาะเรียก... ห้องสุดทางเดินฝั่งโน้น ประตูสีดำนะ” กังฟูอธิบายอย่างรวบรัด รวดเร็ว หากแต่ครอบคลุมทุก ๆ รายละเอียดที่จำเป็น แต่ก่อนที่หนึ่งในเจ้าของบ้านจะหมุนตัวเดินกลับห้องไป ฌานก็ไม่อาจทนเก็บความสงสัยเอาไว้ข้ามคืน

“เฮียฟูครับ... ทำไมเฮียฟูถึงไม่โกรธผมล่ะครับ?”
.
.
.
.
.
“ก็เพราะฉันรู้ไงว่าสิ่งที่นายพูดเป็นความจริง”

“หืม?!” ฌานเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อตระหนักได้ว่า คำตอบของกรกฏอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปหลายโยชน์  

“ไม่ใช่แค่นายคนเดียวหรอกที่ฝันถึงลูกชายฉัน... ตั้งแต่พลับเริ่มรู้ประสา ชื่อเดียวที่เขามักจะละเมอถึงเวลานอน ก็คือชื่อของคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลยสักครั้งอย่างนาย” เจ้าของประโยคเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิดคล้ายกับกำลังนึกย้อนถึงอะไรบางอย่าง “หึ! น่าแปลกใจใช่ไหมล่ะ?”
.
.
.
.
.
.
“เฮียครับ... ถ้าผมขอให้เฮียช่วยผมพูดกับพี่เต๋อเรื่องพลับ เฮียจะโอเคไหมครับ?” แฝดพี่ขอความเห็นจากชายผู้เป็นความหวังสุดท้ายของตน แต่คนโตกว่ากลับโบกมือใส่หน้าด้วยอาการมึน ๆ เหมือนสมองไม่ทำงาน

“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะ คืนนี้นายพักก่อน... ฉันเองก็ง่วงนอนเต็มทีแล้วเหมือนกัน”

“...” เมื่อรู้ว่าความตั้งใจดั้งเดิมไม่มีวันสำเร็จ ฌานก็อดรู้สึกห่อเหี่ยวไม่ได้ แต่ก่อนที่ความผิดหวังจะทำให้ชายหนุ่มหมดความมั่นใจ พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยกลับจุดประกายไฟขึ้นในดวงตาอิดโรยของแฝดพี่อีกครั้ง

“ถ้าพรุ่งนี้ไม่เหนื่อยเกินไป ลูก ๆ ฉันจะตื่นมาเตรียมตัวไปโรงเรียนตั้งแต่หกโมง” กรกฏเอ่ยเรียบ ๆ “พลับคงดีใจถ้าได้เจอหน้านายก่อนไปโรงเรียน”

“ขอบคุณครับเฮีย! ขอบคุณเฮียมากนะครับ”

“อืม... พักผ่อนเอาแรงก่อนเถอะ วันพรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกเยอะที่พวกเราต้องคุยกัน”  ท่าทางยินดีของฌานไม่ได้ทำให้กังฟูรู้สึกรู้สาอะไร ชายหนุ่มรุ่นพี่โบกมือไล่อีกฝ่ายอีกครั้งพลางตัดบทด้วยความรู้สีกหนักอึ้งใจกับเหตุการณ์ยุ่งเหยิงอีกมากมายที่ต่อคิวรอให้เขาไปจัดการ 




 «»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»