Friday, October 3, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : ❷ คอยดูแล เอาใจใส่



คอยดูแล เอาใจใส่ [อยู่บำรุงว่าน ธนกฤต]


                                                                                                                             
To:  khemnun@ilovebananapress.com
From: malinee@ilovebananapress.com
Subject: re: บทนำนิยายเรื่องใหม่ (แนวทดลอง)


แม่ขนุนหนังคาซาบลังกาของชั้น

อย่าบอกนะว่าหล่อนตั้งใจประชดชั้นเรื่องที่เรียกมาด่าในห้องเย็นเมื่ออาทิตย์ก่อน ด้วยการเอาพรหมจรรย์ของตัวเองเข้าแลก แหม...จะมาทำเก๋เขียนนิยายใหม่อย่างกะรายการเรียลลิตี้ซั่มหนุ่มผ่านตัวหนังสือมาให้ชั้นอ่าน...

...ชั้นขอประกาศให้หล่อนรู้เอาไว้ตรงนี้เลยว่า...
.
.
...โอ้พระเจ้าจอร์จ คลูนีย์...มันเป็นไอเดียที่เริ่ดที่สุดในสามโลกกกกกก!!!
...นี่มันทำให้ชั้นถึงกับปลื้มปริ่มจนต้องลุกขึ้นยืนปรบมือ และลดธงสีรุ้งลงครึ่งเสาเพื่อทำความเคารพให้หล่อนนานถึงหกเก้าวิฯ เนื่องจากซาบซึ้งในความทุ่มเท เอาใจใส่กับงานเขียนของตัวเองด้วยการเล่นจริง แสดงจริง...โดยไม่ใช้สลิง สัตว์ เด็ก เอฟเฟค สตันท์แทนแบบนี้เลยนะยะ 

แต่ถ้าจะให้ได้เรื่องล่ะก็ หล่อนต้องหมั่นสร้างโอกาส เปิดช่องให้อีกฝ่ายทำคะแนน แล้วค่อยเขียนอัพเดทความคืบหน้าเป็นตอนๆมาให้ชั้นอ่านก็แล้วกัน......เพราะชั้นรู้ดี ว่าเรื่องแบบนี้ มันเร่งรัดกันไม่ได้...

ไหนจะต้องรอให้อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายโหมกระหน่ำ จนเกิดอยากทำการปฏิสนธินอกมดลูก...
ไหนจะต้องรอความพร้อมทางร่างและจิตของหล่อนก่อนจะโดนสะบึมรูกู้อีจู้นั่นอีกล่ะ...

แต่ขอบอกเอาไว้อย่าง ว่าหล่อนอย่าเอาตัวเข้าแลก...จนร่างพังเกินจะซ่อมแซมตัวเองกลับมาเป็นปกติได้ไปซะล่ะ เพราะประกันกลุ่มที่ไอ้เกี๊ยวมันทำให้เมื่อต้นปี ไม่ครอบคลุมรีแพร์หรอกนะยะ


แม่หญิงเมี่ยง เสลี่ยงเลี่ยมทอง (บ.ก.)


ป.ล. นักเขียนทุกคนโปรดทราบ...ช่วงนี้จงหลีกเลี่ยงการนำเอาอิมเมจหนุ่มเกาหลีมาใช้สร้างแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายใดๆ
เพราะอาจไม่ได้รับการพิจารณารวมเล่มแบบไม่มีสาเหตุ

...เนื่องจากอปป้าทำเอาชั้นเจ็บช้ำมากจากการกระทำอันอุกอาจในเอเชี่ยนเกมส์  
...โดยเฉพาะฟุตบอล  ที่ทำให้น้องก้อง เกริกฤทธิ์ และน้องชาริล ชัปปุยส์คนดีทั้งสองของพี่เมี่ยง ฝ่าไปไม่ถึงเหรียญทอง  โฮฮฮฮฮ!!!!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
💋 ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน.........แต่ฉันก็ยังอิ่มใจที่ยังมีคนที่ฉันรัก


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


🚹 บ่นบนบล็อก
ชื่อโพสต์ : How to Tame a Bad Boy 👿 ทำความรู้จักกับคนที่เราเลือกให้มากที่สุด }}
สถานะ : Draft


ใจจริงผมตั้งใจจะเขียนเรื่องราวในตอนนี้ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน แต่ก็ต้องพับเอาไว้...หลังจากได้อ่านจั่วหัวชื่อตอนซ้ำไปซ้ำมาหลายๆครั้ง เพราะในเวลานั้น...ผมต้องยอมรับตามตรงกับตัวเองเลยว่า นอกจากงานและหนังสือที่ผมชอบแล้ว ผมแทบไม่สนใจอะไรอย่างอื่นสักเท่าไร

และถ้าสุดท้าย...ผมเขียนเนื้อหาในตอนนี้โดยพุ่งเป้าไปที่ทั้งสองสิ่งที่ผมได้เกริ่นมา พวกคุณบางคนอาจตะโกนแย้งออกมาทันทีว่า... อ้าว..ไหนผมเคยบอกว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่ ผมได้ทุ่มเทเวลาและหัวใจไปกับการตามไล่จีบผู้ชายจำนวนไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน... นั่นไม่นับเป็นสิ่งที่ผมสนใจได้อีกหรือ? ตัวผมในเวลานั้น คงจะอธิบายกับคุณด้วยจัดลำดับสิ่งสำคัญที่สุดห้าสิ่งในชีวิตของผมให้คุณทราบเพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายๆ... และมันคงจะออกมาในอีหรอบนี้  ...งาน หนังสือการ์ตูน ครอบครัว สำนักพิมพ์ฯ และการทาครีมของเจ๊น้า

พวกคุณไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ว่าสิ่งที่คุณกำลังจะได้อ่านจะเป็นเรื่องน่าเบื่อพวกนั้น ผมไม่มีทางเอาด้านมืดอับแสงของดวงจันทร์มาเล่าให้คุณฟังแทนตำนานเรื่องกระต่ายตำข้าวเป็นแน่

เพราะตั้งแต่ที่น็อตเดินเข้ามาในชีวิตผมอย่างเป็นทางการด้วยข้ออ้างสารพัน... จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับตัวผมได้มากขนาดนี้... ผมเริ่มจะเทความสนใจให้ผู้ชายคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติผิดไปจากคนที่ผมต้องการได้มากอย่างน่าอัศจรรย์ จนผมสามารถพูดได้เต็มปากว่า...ในเวลานี้น็อตได้กลายมาเป็นสิ่งที่ผมเอาใจใส่ที่มากพอๆกับงาน หรืออาจจะมากกว่าในบางครั้งด้วยซ้ำ...

...ผมยังแปลกใจตัวเองอยู่เลยว่า ผู้ชายที่ห่างและต่างไปจากคนที่ผมหวังเอาไว้มากที่สุดในโลกคนนี้ จะกลายมาเป็นศูนย์กลางความสนใจ ไม่ต่างอะไรกับดวงอาทิตย์อันอบอุ่นผู้ขับเคลื่อนๆทุกสรรพสิ่งในจักรวาลหัวใจของผมได้ในเวลาสั้นๆ




ตามหนังสือคู่มือจีบหนุ่มบทที่สี่  ผู้เขียนได้บอกเอาไว้ว่า เราต้องหมั่นคอยดูแลเอาใจใส่คนที่เราสนใจ เพื่อเราจะได้รู้ว่า เขาคนนั้นชอบ หรือ ไม่ชอบสิ่งใด และมีนิสัยทั้งบวกทั้งลบอย่างไรโดยละเอียด  เมื่อนั้น...เราจะสามารถทำความเข้าใจตัวตนของเขาได้อย่างถ่องแท้  ที่สุดแล้ว...การเรียนรู้เพื่อรักตัวเขาตามธรรมชาติที่เขาเป็นจริงๆก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ซึ่งนั่นถือเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์อันยั่งยืนของทั้งคู่

ท่านกูรูเจ้าของแนวความคิดอันยิ่งใหญ่นี้ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมโดยเฉพาะกรณีอีกว่า  หากผู้จีบดำเนินการแอบจีบอย่างแนบเนียนจนอีกฝ่ายไม่รู้ตัว...ขั้นตอนนี้จะทำให้คนจีบได้เปรียบมาก เพราะคนที่เราชอบนั้นจะเผลอแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาให้เราเห็นโดยปราศจากการเสแสร้งแกล้งทำใดๆ  เมื่อมองย้อนกลับมาดูคู่เรา ผมค่อนข้างแน่ใจว่า การเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับน็อตนั้น ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับกรณีนี้ที่สุด...

...ผมว่า...ต่อให้ผมหรือเขาเป็นคนจีบ คงจะไม่มีใครได้มีโอกาสสร้างภาพสักเท่าไร เพราะเราเริ่มทำความรู้จักกันในฐานะคนรู้จักทั่วๆไปมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที   ดังนั้น ไอ้นิสัยที่ไม่ดี ไม่น่าเอาออกมาอวดใคร...เราก็ดันเข็นออกมาประกวดประขันประชันต่อหน้าต่อตาอีกฝ่ายกันเสียยกใหญ่ จนเราน่าจะรู้ไส้รู้พุงกันเกือบทุกขดเต็มที ครั้นจะกลับลำทำตัวดีออกสตาร์ทกันใหม่หวังจะเอาใจอีกฝ่าย ผมว่ามันออกจะสายเกินไปหน่อยล่ะมั้ง

เมื่อได้แนวทางในการพิชิตใจน็อตที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ผมจึงเริ่มจับตาเฝ้าสังเกตสิ่งที่น็อตชอบ - ไม่ชอบ รวมทั้งนิสัยและการกระทำทุกๆอย่างของเขาอยู่เงียบๆโดยไม่ให้คลาดสายตาทันที เพื่อทำความรู้จักกับคนๆนี้ให้ดียิ่งขึ้น... ซึ่งนั่นหมายความว่า หลังจากที่ผมเก็บรายละเอียดทั้งหมดของน็อตได้อย่างเต็มที่แล้ว การมัดใจให้เขาอยู่กับผมไปตลอด จะกลายเป็นเรื่องง่ายราวพลิกฝ่ามือ




ตั้งแต่ที่เราทำความรู้จักและเลื่อนระดับความสัมพันธ์จากคนคุ้นหน้า กลายมาเป็นคนนอนข้างๆทุกคืน สิ่งแรกที่ผมรับรู้เกี่ยวกับตัวเขา และนับเป็นเรื่องเด่นชัดมากจนไม่อาจมองข้ามได้คือ  น็อตเป็นคนไม่ชอบถูกขัดใจ ชอบเอาชนะคะคาน และชอบความท้าทายเป็นที่สุด

ถ้าพ่อคุณนึกครึ้ม เกิดอยากได้อะไรขึ้นมาสักอย่าง... เขาจะหาทางทำให้ของสิ่งนั้นมาอยู่ในมือโดยเร็วก่อนที่ใครหน้าไหนจะมาตัดหน้าคว้าเอาไป ถึงขั้นเลือดเข้าตาเอาตัวเข้าแลกและยอมทำสิ่งไม่ถูกต้องเพื่อให้ได้มา ผมจะเล่าให้คุณฟังแล้วกัน ว่าทำไมผมถึงมั่นใจว่าเขาเป็นคนแบบนี้...  ตัวอย่างที่ถือเป็นเรื่องสำคัญและจะลืมเสียไม่ได้เลย คือ อุบายของน็อตเพื่อทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน และเริ่มต้นความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวด้วยวิธีทุ่มเทแปลกๆของเขา 

...ต่อให้ตลอดชีวิตของผม ผมจะไม่มีเพื่อนมาก ไม่ได้พบปะผู้คนเยอะแยะ และอายุของผมจะห่างจากเขาไม่เท่าไร...
...แต่ผมกลับมองเห็นความต้องการของเขาในการผูกสัมพันธ์อย่างจริงจังกับผมได้อย่างทะลุปรุโปร่ง    ปัญหาของน็อตก็คือ เขาไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ผมปฏิเสธตั้งแต่แรกเริ่ม... นั่นเลยเป็นที่มาของการยัดเยียดข้อเสนอในการช่วยขจัดปัญหาเรื่องงาน และเรื่องความรักของผมแบบเอาตัวเข้าแลก โดยที่ผมไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยออกปากร้องขอความช่วยเหลือใดๆจากใครมาก่อน...กระทั่งเขาเองก็เถอะ

ทำไมผมถึงรู้น่ะหรือ ว่าข้อเสนอดีๆที่ดูเหมือนจะเป็นการเสียสละตัวเองทำเพื่อผมขนาดนี้เป็นแค่แผนการรวบหัวรวบหางผม.......หึ! เหตุผลสนับสนุนของผมน่ะมีเยอะจนพวกคุณอาจจะคาดไม่ถึงกันเชียวล่ะ

ในครั้งแรกที่เราคุยกันถึงข้อตกลงที่ว่า เขาจะช่วยเปลี่ยนผมเป็นคนใหม่ที่พร้อมเผด็จศึกคนที่ผมชอบ ควบคู่ไปกับการติววิชาความรู้รอบเตียงแบบตัวต่อตัวให้ผมเพื่อแก้ปัญหารุมเร้าจากงาน เพราะผมยังขาดประสบการณ์ในการเขียนฉากอย่างว่า มันทำให้ผมแปลกใจจนเผลอเข้าใจผิดว่าตัวเองเกิดหูฝาดทำให้ฟังสิ่งที่เขาบอกไม่ชัด หากแต่จริงๆแล้ว...หูผมกลับปกติดี แต่ไอ้ที่น่าเหลือเชื่อน่ะ คือข้อเสนอบ้าบิ่นจนเกินพอดีของเขานั่นต่างหาก

ใครจะไปเชื่อว่า ผู้ชายแท้ๆ ที่พูดอยู่ปาวๆว่าข้าเป็นแมนทั้งแท่ง และตั้งใจจะแต่งงาน มีลูกมีเมียในวันหนึ่งข้างหน้า จะยอมมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันง่ายๆ เพียงเพราะอยากช่วยให้ผู้ชายอีกคนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น  ผมเลยมาลองนั่งคิดกลับสถานการณ์กันดูตามตรรกะที่น็อตใช้อธิบาย ผมยิ่งทำใจให้เชื่อไม่ได้ไปกันใหญ่...

ก็ขนาดตัวผม ที่ค่อนข้างจะเห็นใจและอยากให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่ไม่น้อย แต่ครั้นจะให้สละตนไม่ยึดติดกับความชอบทางเพศเพื่อกู้โลกจากมหันตภัยร้ายด้วยการหลับนอนกับผู้หญิงแค่เพียงครั้งเดียว ผมตอบได้ทันทีเลยว่า...ผมยอมตายไปพร้อมกับวาระสุดท้ายของโลกยังจะดีเสียกว่า...

การมีอะไรกับผู้ชาย...ไม่ได้จะทำกันง่ายๆ เหมือนกับการออกไปซื้อกับข้าว เมาท์กับเพื่อนบ้าน หรือล้างจานเสียหน่อย...

เท่านั้นยังไม่พอ...พวกคุณคิดดูเถอะว่า เพื่อให้ผมยอมเล่นไปตามเกมของเขา น็อตถึงกับลงทุนกุเรื่องขึ้นมาว่า อดีตของเขาไม่ต่างไปจากอดีตของผม ทั้งเรื่องที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม เรื่องเพื่อน เรื่องความรัก และเรื่องบุคลิกหน้าตา...

แต่ลองให้พวกคุณได้มาเห็นหน้าค่าตา และรูปกายภายนอกของน็อตอย่างที่ผมเห็นอยู่ทุกวันนี้เสียก่อนเถอะ  คุณจะรู้เลยว่า ไอ้คนรูปหล่อ ดูดีมีชาติตระกูลผู้เป็นเจ้าของรูปร่างสวยงามน่าหลงใหล พูดจาฉลาดฉะฉาน แถมยังมีเสน่ห์กับผู้คนทุกเพศทุกวัยแบบที่น็อตเป็นทุกวันนี้เนี่ยะนะ จะเคยมีชีวิตหม่นหมองอับเฉายิ่งกว่าเสาไฟฟ้าที่หมายังเมินไม่ยอมฉี่ใส่แบบไอ้จ๋องหน้าห้องเรียนอย่างผมได้???

...เฮอะ! ต่อให้ไปเอาเด็กห้าขวบที่ไหนมาฟังการตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จของน็อตซึ่งซึ่งหน้า  ผมว่าเด็กก็น่าจะบอกได้ว่า เรื่องที่เขาเล่ามา เชื่อถืออะไรไม่ได้

ยิ่งผมยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าผมไม่แน่ใจเรื่องข้อเสนอด้วยความเป็นห่วง เขาก็ยังไม่ยอมเลิกรา หากเปลี่ยนแนวทางในการชักจูงผมด้วยการหยิบยกเอาเรื่องงานและเรื่องความรักของผมขึ้นมาเป็นข้ออ้างบังหน้า ทั้งๆที่เรื่องราวทั้งหลายทั้งมวลที่เขาเฝ้ากล่อม ที่เขาเฝ้าอธิบายให้ผมฟังก่อนหน้า ล้วนแล้วแต่ให้น้ำหนักกับการมีอะไรกันได้ทุกเมื่อ ทุกที่ และทุกเวลามากที่สุด

ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างที่ไม่มูลความจริง แต่มันกลับทำให้ผมชอบใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...
ก็นะ...คนอะไรจะปากไม่ตรงกับใจและการกระทำได้มากขนาดนี้ นั่นยิ่งทำให้เขาน่าเอ็นดูขึ้นมาชอบกล... ยิ่งเขาปากแข็งมากเท่าไร ยิ่งทำให้ผมอยากจะลองใจพ่อคุณว่า จะฝืนทนทำทุกสิ่งตรงข้ามความต้องการของตัวเองไปได้อีกนานแค่ไหนกัน หึ หึ!

สิ่งที่น็อตทำนั้น พาลให้ผมคิดไปว่า...หากเรื่องทั้งหมดเริ่มต้นด้วยการสารภาพความรู้สึกของน็อตที่มีต่อผม ผลลัพธ์อาจจะต่างออกไปแบบสุดขั้ว  และเรื่องของเราอาจจะจบลงไปตั้งแต่เมื่อผมได้ยินคำว่าชอบออกจากปากเขา ซึ่งเราคงไม่มาถึงจุดที่ผมเริ่มจะรู้สึกเอ็นดูเขามากขึ้นเรื่อยๆแบบในตอนนี้แน่ๆ เพราะผมรู้ตัวดี ว่าผมชอบเป็นฝ่ายล่า...มากกว่าฝ่ายถูกล่า ทั้งที่ในเวลานี้น็อตเองก็กำลังพยายามเอาชนะใจผมอยู่ไม่ต่างกัน...

...อา...สิ่งที่เราสองคนต่างเป็น มันช่างขัดแย้งกับความเป็นจริงระหว่างเราดีแท้ๆ
...ซึ่งผมชอบนะ




เหตุการณ์ที่สองที่ย้ำให้ผมเห็นถึงนิสัยเอาแต่ใจของพ่อแบดบอยคนนี้  หนีไม่พ้นเรื่องการชอบเอาชนะผมในเรื่องการแต่งตัว

จริงอยู่ที่น็อตไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแฟชั่นในแบบบุกเบิกของผม  แต่เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างเราซึ่งสนองตัณหา และความกระหายอำนาจในการควบคุมกุมชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จของน็อตได้เป็นอย่างดี   เมื่อวานนี้เขาจึงพาผมไปที่ร้านเสื้อผ้าที่เป็นของพี่สาวคนหนึ่งที่ดูจะสนิทกันมากเป็นพิเศษเพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ พร้อมทั้งกำจัดแว่นหนาๆที่เจ้าตัวดูจะไม่ชอบใจมาโดยตลอดออกจากหน้าผมได้สำเร็จ

ก่อนอื่น....ผมขอสารภาพตามตรงเลยว่า จริงๆแล้ว...ผมมีเสื้อผ้าดีๆที่ใส่แล้วส่งเสริมบุคลิกอยู่บ้างไม่ต่างจากคนอื่นหรอกครับ แต่เพราะผมองว่า กับการลุกขึ้นมาประโคมโหมแต่งอย่างเต็มที่ไม่ใช่สาระสำคัญยิ่งใหญ่แต่อย่างใด ในเมื่อชีวิตประจำวันของผมวนเวียนอยู่แค่รอบๆหมู่บ้านกับสำนักพิมพ์ในบางโอกาสเท่านั้น  ทำให้ไม่มีข้อกำหนดใดๆจะสามารถตีกรอบให้ผมจำต้องแต่งตัวตามสมัย หรือให้เกียรติสถานที่จนเกินพอดีแบบที่น็อตอยากให้เป็น

ได้โปรดอย่าเพิ่งสรุปไปว่าผมเป็นคนขวางโลก ไม่ยอมรับรู้อะไรเลยนะครับ...
...ตรงข้าม ผมเข้าใจดีว่า การแต่งตัวภูมิฐานและเหมาะสมมีผลดีอย่างไรบ้าง ไม่เท่านั้น...มันยังเป็นตัวกำหนดวิธีที่คนอื่นเลือกปฏิบัติกับเราแตกต่างกันออกไปตามวาระอีกด้วย ผนวกกับเมื่อได้ฟังสิ่งที่น็อตนำมาใช้ต่อรอง สุดท้าย...ผมก็ยอมแต่โดยดีไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

...แต่กับแว่นนี่ ผมกลับไม่ค่อยเข้าใจ...
...น็อตจะเอาอะไรกับผมนักหนา ทั้งที่เรื่องการไม่ใส่แว่นของผมยังเป็นประเด็นไร้ข้อสรุปด้วยซ้ำ ที่สำคัญ...ผมเคยย้ำชัดกับเขาไปแล้วว่า ผมกลัวการใส่คอนแทคเลนส์เอามากๆ

เพื่อให้ได้ตามความต้องการ...น็อตกลับไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ  และเขารู้ดีว่า...การจะเอาชนะผมเรื่องไม่ใส่แว่นได้ โดยปราศจากความบาดหมางระหว่างเรา เขาต้องหาบุคคลที่สามมาทำหน้าที่ยัดเยียดสิ่งแปลกปลอมเข้าในตาผมแทน...และคนๆนั้นที่น็อตใช้บริการ คือ พี่เน้ย...พี่สาวคนสนิทของน็อต เจ้าของห้องเสื้อนั่นเอง

ทันทีที่ผมเริ่มลองเสื้อ พี่เน้ยก็เอาแต่คอยมาเลียบๆเคียง หว่านล้อมให้ผมลองถอดแว่นแล้วเปลี่ยนเป็นใส่คอนแทคแทนอยู่หลายครั้ง เธอบอกว่ามันจะช่วยให้ภาพรวมของผมเหมาะสมกับเสื้อผ้าที่ผมสวมใส่  ทว่าความกลัวการใส่คอนแทคกลับมีมากกว่า ผมจึงพยายามตอบปฏิเสธเธออย่างสุภาพทุกครั้งไป

ที่ไหนได้...สุดท้ายผมกลับโดนเธอขู่ หากผมยังดื้อแพ่งไม่ยอมใส่คอนแทคตามที่เธอขอเสียที เธอจะส่งรูปถ่ายของผมที่เธอขอถ่ายเก็บไว้ตลอดการลองเสื้อผ้าไปให้เอเยนซีนายแบบหลายๆเจ้าที่เธอรู้จัก... จนผมจำใจต้องยอมทำตามใจเธอ  แต่ผมอดแปลกใจไม่ได้ เพราะคอนแทคที่เธอจัดเอาไว้ให้มันเหมาะเจาะพอดีกับสายตาผมทั้งสองข้าง ราวกับรู้ค่าสายตามาเป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากคนในบ้านแล้ว ไม่มีทางที่ใครอื่นที่รู้เรื่องนี้  มันเลยทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า นี่ต้องเป็นผลจากความเจ้ากี้เจ้าการของน็อตที่เล่นงานผมลับหลังโดยยืมมือคนอื่นมาช่วยขู่เข็ญอีกทางอย่างแน่นอน

ที่ผมไม่ติดใจเอามาเป็นอารมณ์ เพราะผมเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำแบบนั้น... น็อตคงอยากให้ผมดูดีอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้ผมสมกับเป็นคนที่จะเดินเคียงอยู่ข้างกาย เขาอยากให้เราดูเสมอกันในทุกๆด้าน แม้มันจะเป็นแค่เรื่องผิวเผินอย่างเรื่องรูปกายภายนอกก็ตามที

และเหตุผลอีกข้อที่ผมตระหนักได้ด้วยตัวเอง นั่นคือ...เมื่อพินิจพิเคราะห์เงาสะท้อนของตัวเองในกระจกดีๆแล้ว สภาพของผมยามไร้แว่นดูไม่แย่นัก...ชุดที่ผมใส่คงจะดูแย่มากยิ่งกว่านี้ ถ้าหน้าผมมีแว่นตาหนาๆประดับเอาไว้ และการใส่คอนแทคไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยเข้าใจ


นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากเรื่องปลีกย่อยอีกมากมายที่ผมได้เจอจากความเอาแต่ใจ ชอบเอาชนะอันเป็นคุณลักษณะประจำตัวของน็อต พวกคุณๆบางคนอาจจะเกิดความสงสัยว่า แล้วถ้าเกิดผมขัดใจน็อตขึ้นมาล่ะ...ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

หึ หึ! ก็ไม่อะไรมากหรอกครับ แค่พ่อคุณจะออกอาการฟาดงวงฟาดงาด้วยความไม่พออกพอใจ แล้วก็คอยหาเรื่องทำโทษผมทางร่างกายอยู่เสมอ อย่างเช่น  เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าวันนี้ ภายหลังการกลับสู่สภาพเดิมก่อนแปลงโฉมของผม ราวกับเวทย์มนตร์ได้จางหายไปตั้งแต่เมื่อคืนวาน...

...ซึ่งนั่นไม่ได้เป็นเพราะเวทย์มนตร์อย่างที่ผมเปรียบเทียบแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะความตั้งใจของผมเอง...
...สาเหตุที่ผมไม่ยอมใส่คอนแทคและไม่แต่งตัวแบบที่น็อตถูกใจเป็นเพราะ....ผมอยากให้เขาทำใจยอมรับสภาพของผมให้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะแย่หรือดี เพราะไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ...และถ้าธรรมชาติไร้การปรุงแต่งของผมเป็นแบบนี้  เขาควรเห็นให้ชินตาตั้งแต่ช่วงแรกๆที่เราคบกัน และเขาควรได้เรียนรู้ว่า...เขาไม่มีทางได้ทุกอย่างดั่งใจเสมอไป 

สำหรับการแสดงอภินิหารของพ่อคุณในคราวนี้ ผมขอไม่จาระไนถึงปฏิกิริยาของพ่อตัวดีให้เหนื่อยจะดีกว่า... เอาเป็นว่า ผมขอเปลี่ยนเป็นเล่าให้พวกคุณฟังก็แล้วกัน  ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง


“ขนุนฮะ ทำไมวันนี้ไม่ใส่คอนแทคแล้วล่ะฮะ?” คนพูดทำเสียงเขียว เมื่อเดินออกจากห้องนอนแล้วเห็นผมกำลังสำรวจห้องด้วยสารรูปของเด็กเนิร์ดเต็มขั้น

“เมื่อวานตอนถอดคอนแทค ผมลืมแช่น้ำยาเอาไว้ พอจะเอามาใส่เลยรู้ว่าเลนส์มันแข็ง...ใส่ไม่ได้แล้วล่ะ ผมเลยต้องทิ้งไปน่ะ” ผมตอบโดยไม่วางตาไปจากหนังสือภาพถ่ายปลุกใจเสือป่าในมือ

“ตอนก่อนใส่คอนแทค คุณเน้ยไม่ได้เตือนเรื่องนี้เหรอฮะ?” น็อตเดินเข้ามาใกล้ผมขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องละสายตาจากหนังสือเล่มนั้น ก่อนจะเดินถอยหลังร่นไปเพื่อคงระยะห่างในการสนทนาของเรา

“เธอก็เตือนน่ะแหละ แต่เมื่อคืนมันฉุกละหุก...น็อตก็รู้นี่” น็อตยิ้มให้ เมื่อได้ยินผมพาดพิงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนตรงอ่างล้างหน้า ซึ่งกินระยะเวลาต่อเนื่องไปถึงก่อนนอน

“นั่นก็ใช่ฮะ แต่ถ้าคุณเน้ยเธอรู้ เธอจะไม่เสียใจแย่เหรอฮะ...
.
.
...ทำอย่างนี้ คนอื่นเค้าเสียน้ำใจนะฮะ” น็อตส่งเสียงดุเชิงตำหนิ  คงจะเห็นว่าผมไม่ได้ต่อปากต่อคำเลยคิดว่ากำลังได้ทีอยู่สินะ หึ! เด็กหนอเด็ก ผมจึงเลือกจัดการให้น็อตยอมให้ผมใส่แว่นและแต่งตัวสบายๆเหมือนเดิมด้วยวิธีที่เห็นผลที่สุด

“แล้วน็อตจะให้ผมทำยังไงล่ะ? จะลงโทษผมอีกก็ได้นะ ผมยอมรับความผิดทั้งหมด”

รอยยิ้มพรายผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาน่ามอง “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละฮะ....เฮ้อออ จริงๆเลยนะฮะขนุน ขนุนน่ะทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้ที่สุดเลยนะฮะ....” คนพูดเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผมที่หลังชนเข้ากับกำแพงเปล่าๆของห้องแล้ว ก่อนเอาแขนทั้งสองข้างกั้นตัวผมเอาไว้ข้างใน
.
.
.
“...สำหรับความผิดครั้งสำคัญนี้ ถ้าขนุนจะเป็นคนลงโทษ ขนุนว่า...ควรจะรับโทษกี่ครั้งถึงจะสาสมกับความผิดใหญ่หลวงแบบนี้ดีล่ะฮะ?” น็อตทำหน้าตาเจ้าเล่ห์และคาดหวังเหมือนคนกำลังต่อรองเพื่อให้ได้ของถูกใจในปริมาณมากที่สุดโดยไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายแม้แต่สตางค์แดงเดียว

จากสิ่งที่ผมเรียนรู้เมื่อคืนที่เตียงก่อนนอนผ่านการหอมอันปลุกเร้าประสาทสัมผัสทั้งร่าง ผมรู้ดีว่า สิ่งที่ผมกำลังจะยื่นเพื่อใช้ต่อรองในครั้งนี้จะต้องไม่เพียงพอต่อความต้องการของน็อตแน่ๆ แต่ผมอยากรู้ว่าเขาจะใช้ข้ออ้างอะไร  และลงมือหาเศษหาเลยกับผมด้วยวิธีไหนเพื่อชำระโทษเรื่องไม่เป็นเรื่องคราวนี้ “หอมแก้มข้างละสิบทีแล้วกัน น็อตว่ายังไงล่ะ?”

น็อตโคลงหัวช้าๆ แล้วทำหน้าไม่พอใจแต่สายตากลับเป็นประกายวาวโรจน์ “จุ๊ จุ๊ จุ๊...คงไม่พอหรอกฮะขนุน เอาอย่างงี้แล้วกันนะฮะ  ในเมื่อโทษครั้งนี้หนักหนากว่าความผิดที่ขนุนเคยทำมาทั้งหมด  น็อตจะเปลี่ยนจากหอมที่แก้มเพียงอย่างเดียว เป็นหอมส่วนอื่นตามแต่น็อตเห็นสมควร แต่จำนวนน็อตคงไว้ที่ยี่สิบทีแล้วกันฮะ”

น็อตจะกล้าทำอุกอาจขนาดสัมผัสส่วนอ่อนไหวต่อสัมผัสต่างๆใต้เสื้อผ้าผมเลยหรือเปล่านะ??!!...
เพื่อความแน่ใจและการเตรียมใจล่วงหน้า ผมควรจะถามออกไปเสียหน่อยจะดีกว่า...เพราะหากอะไรๆมันถลำไปไกลใต้ร่มผ้า ผมจะได้มีสติเหลือพอควบคุมอาการไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไปได้ “ส่วนอื่น????”

คนฟังถึงกับชักสีหน้าที่ต้องเป็นฝ่ายจำกัดพื้นที่ในการเล่นสนุกด้วยตัวเอง... แล้วเราจะได้รู้กันว่าน็อตจะกล้าขอผมตรงๆหรือยังจะปากแข็งอยู่ “อ่ะ เจาะจงหน่อยก็ได้...ที่ๆน็อตจะลงโทษ จะเป็นพื้นที่ตั้งแต่คอขึ้นไปนะฮะ”  สงสัยจะกลัวอดเล่นเลยยอมตอดนิดๆหน่อยแค่นี้...หึ หึ อดทนใช้ได้เลยนะเด็กน้อย

“อืมมม ได้...งั้นก็เริ่มเลย ผมพร้อมแล้ว” ผมตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนที่เคยเป็น แต่ในใจกลับตื่นเต้นจนรู้สึกขาสั่นขึ้นมานิดๆ


หลังจากประโยคสุดท้ายประโยคที่ว่า ผมก็ทำได้แค่นับจำนวนครั้งที่น็อตถอนหน้าออกมาจากผิวร้อนๆของผมเท่านั้น เพราะผมเริ่มแยกแยะไม่ออกว่าน็อตหอมผมด้วยวิธีไหน เนื่องจากแต่ละครั้งกินเวลานานมากกว่าการหอมครั้งแรกๆที่ผมจำได้

ระหว่างที่ตกอยู่ในภวังค์แห่งการลงโทษอันแสนวาบหวาม... ผมรับรู้แค่เพียงว่า เมื่อน็อตไล้จมูกและริมฝีปากลงจรดหอมซอกคอของผมทั้งสองข้าง ขนเส้นบางๆตามเนื้อตัวของผมที่แทบมองไม่เห็นกลับลุกขึ้นมาแสดงตัวโดยพร้อมเพรียง ความรู้สึกคล้ายๆโดนจั๊กจี้แต่รุนแรงกว่าร้อยพันเท่า บวกกับกระแสไฟฟ้าอ่อนๆและริ้วความเย็นยะเยือก วิ่งไปตามแผ่นหลังจนทั่วไปทั้วร่าง ลมหายใจของน็อตที่พ่นรดลงบนเนื้ออ่อนๆใกล้ใบหน้าของผม กับเสียงริมฝีปากที่ถอนขึ้นจากทุกๆตำแหน่งที่มันลากผ่าน เล่นงานผมเสียจนเข่าอ่อน  ผมได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองติดขัดและขาดเป็นห้วงๆ สลับกับเสียงครวญครางไร้ความหมายแต่เต็มไปด้วยความปรารถนาซึ่งเปล่งดังซ้ำไปซ้ำมาภายในลำคอเท่านั้น

ไม่ถึงอึดใจดี...ร่างกายของผมที่ดูเหมือนจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงกลับเริ่มเคลื่อนไหวตอบรับทุกๆสัมผัสที่น็อตมอบให้อย่างซื่อสัตย์ต่อความอยากที่ก่อตัวอยู่ภายใน  ภาพที่ผมมองเห็นเริ่มมองไม่เป็นภาพอีกต่อไปเมื่อสัมผัสตรงซอกคอไม่ร้างลาไปซ้ำยังรุนแรงบดขยี้ดูดดึงหนักมือขึ้นเรื่อยๆ

ผมปล่อยให้ร่างกายไร้การควบคุมของตัวเองเอนพิงลงบนร่างสูงหนาของอีกคนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สองมือของผมลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างที่มอบสัมผัสอบอุ่นและปลอดภัยไม่คลาย จนเมื่อน็อตเลื่อนใบหน้าขึ้นมาป้วนเปี้ยนทักทายหลังใบหู และเนื้อนิ่มๆใกล้ๆนั้น ผมก็ไม่อาจสกัดกลั้นเสียงครางในลำคอเอาไว้ได้อีกต่อไป มือกร้านใหญ่ค่อยๆถูกส่งลอดเข้ามาในเสื้อกล้ามย้วยๆที่ผมใส่นอน ทันที่ที่มือสากนั้นแตะเบาๆลงตรงหน้าท้องของผม ความรู้สึกวูบวาบเสียดเสียวไปทั้งกายก็ตามมาพร้อมๆกับการยุติบทลงโทษนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

น็อตถอนหน้าและมือออกห่างจากใบหน้าผมแล้วเปลี่ยนมาเป็นกอดผมเอาไว้แน่น เขาผ่อนลมหายใจหนักๆอยู่พักใหญ่ กว่าที่จะสามารถเริ่มคุยกับผมได้เป็นปกติอีกครั้ง...

...ผมล่ะนับถือน็อตจริงๆ ที่อดทนอดกลั้นได้มากขนาดนี้ 
...ถ้าเป็นผมน่ะเหรอ ผมคงใส่เกียร์เดินหน้าเต็มที่แล้วลุยไปให้จบแน่ๆ  แต่ผมขอไม่บอกน็อตแล้วกันนะ...ผมอยากรอดูว่า น็อตจะทนได้อีกนานเท่าไรกัน...
...ก็มันสนุกดีนี่นา




ผลของการลงโทษในครั้งนี้ ได้นำไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับความชอบเรื่องที่สองของน็อตที่ผมสังเกตได้  นั่นคือ...น็อตเป็นคนฝักใฝ่เรื่องบนเตียงเข้าขั้นสาหัส  เหตุผลที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าซึ่งรับรองความคิดของผมข้อนี้น่ะเหรอ...ผมมีอยู่แล้วล่ะ

ลำดับแรกคงไม่พ้นบรรดาหนังสือปลุกใจเสือป่า โปสเตอร์ หนังสือรวบรวมภาพถ่าย ปฏิทิน ของชำร่วย ไฟแช็ค  ไพ่ วีซีดี ดีวีดี กระทั่งวีดีโอหนังโป๊ ที่มีรวมๆกันราวพิพิธภัณฑ์สำหรับเรื่องโป๊ๆโดยตรง เมื่อถามเจ้าตัว...เขายังออกปากยอมรับอย่างภูมิใจอีกด้วยว่า ชอบของพวกนี้มากขนาดตั้งตนเป็นนักสะสมตัวยงเลยทีเดียว

ลำดับที่สอง คือ หัวข้อการเรียนการสอนวิชาสปท.ที่น็อตเอาให้ผมดูเมื่อคืนก่อน ได้ฟ้องให้ผมรู้ว่า น็อตไม่ได้ชอบแค่เป็นนักสะสม แต่ยังชอบเป็นผู้แสดงนำในเรื่องเซ็กส์ของตัวเองอีกด้วย เพราะเท่าที่ผมอ่านเนื้อหาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และสามารถเก็บรายละเอียดทั้งหมดได้ทันก่อนน็อตจะคว้าไอแพดกลับไปนั้น มันทำให้ผมแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้าตัวจงใจจัดให้มีส่วนของการร่วมรักเยอะมาก โดยในแต่ละหัวข้อของการเรียนการสอนนั้น มันน่าอัศจรรย์ใจเป็นที่สุด  ไม่ว่าจะเป็น...

... PDA และ การมีอะไรกันตามสถานที่ต่างๆซึ่งนอกเหนือไปจากห้องนอน  ในหัวข้อการเรียน น็อตเขียนระบุตัวอย่างเอาไว้ว่า ระเบียงห้อง ห้องน้ำ โซฟา....ซึ่งสำหรับผม ผมมองว่ามันดูธรรมดาและไม่ยากเกินเข้าใจ


...แต่สถานที่หลังจากนั้นน่ะสิ ที่ผมเริ่มกังขา ทั้งลานจอดรถ ในโรงหนัง  สวนสาธารณะ ในทะเลหรือสระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำฟิตเนส บันไดหนีไฟ ลานโบว์ลิ่ง สนามเทนนิสกลางแจ้ง บทเจ็ทสกี และที่อื่นๆที่ค่อนข้างจะผาดโผนเหนือจะจินตนาการได้... ไอ้สถานที่เหล่านี้นี่แหละ ที่ผมไม่ค่อยเข้าใจว่ามันจะทำให้เราซาบซึ้งถึงแก่นของการมีเซ็กส์ได้มากขนาดนั้นเชียวหรือ?

...ต่อมาคือ SM ซึ่งถ้าน็อตคิดจะทำอะไรแบบนี้ แสดงว่าเขาจะต้องชอบลองการร่วมรักทุกประเภทแน่ๆ เพียงแต่เขาไม่ได้เจาะจงรายละเอียดในส่วนนี้ลงไปในหัวข้อการเรียนให้ผมได้อ่าน คงเพราะกลัวว่าผมจะไม่เอาด้วยไปเสียก่อน....

...เดี๋ยวนะ ซาดิสม์กับมาโซคิสม์น่ะเหรอ...
...ผมโอเคนะ  อีกอย่างถ้าผมเป็นฝ่ายถูกกระทำ น็อตคงไม่ใช้ความรุนแรงมากมายอะไรหรอกมั้ง เพราะดูตามการดูแลเอาใจใส่ผมทุกวันนี้ ยังแทบจะไม่ให้ริ้นไรใดๆตอมผมได้เลย  
...แต่ถ้าน็อตรักชอบทางนี้มากจริงๆ เปลี่ยนให้ผมเป็นฝ่ายลงมือกระทำเขาแทนก็ได้นะ ผมเคยอยากลองเล่นบทราชินีกระหายเลือดอยู่เหมือนกัน หึ หึ

...แล้วไอ้พวกท่ายากทั้งหลายแหล่ และเรื่องจะให้ผมเป็นฝ่ายยั่วยวนและเริ่มบทรักก่อน  ซึ่งเป็นหัวข้อที่เจ้าตัวไม่ยอมพูดถึงนั่นอีกล่ะ..  จริงอยู่ว่าประสบการณ์การลงสนามของผมจะมีน้อยมากค่อนไปทางติดลบ แต่ถ้าเรื่องทฤษฎีแล้ว ผมมั่นใจมากว่าผมรู้เกือบทั้งหมด มันเลยบอกผมได้ว่า คนๆนี้สนใจ และให้ความสำคัญกับเรื่องบนเตียงมากเป็นพิเศษไปเสียทุกเม็ดไม่มีตกหล่น


ส่วนเหตุผลที่จับต้องไม่ได้... ก็คงจะเป็นเรื่องที่น็อตขยันหาโอกาสแทะโลมผมอยู่เป็นประจำ  ถ้าให้ผมเดา...น็อตน่าจะหาทางสร้างโอกาสให้ครั้งแรกระหว่างเราเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า เพราะผมประเมินจากอาการของน็อตที่นับวันจะคอยจ้องหาช่องสัมผัสทุกๆส่วนสัดของผมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยอาศัยการลงโทษผมเรื่องนั้นเรื่องนี้มาบังหน้าแล้ว...ไม่เกินสองอาทิตย์ ผมต้องได้ผมต้องโดนแน่ๆ 

ในฐานะของผู้ถูกกระทำและล่วงเกินอยู่เนืองๆ  ยิ่งเราอยู่ด้วยกันนานๆเข้า...ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าความพยายามเข้าหาผมอย่างเนียนบ้างไม่เนียนบ้างของน็อต ทำให้น็อตดูน่ารักในสายตาผมเสียเหลือเกิน เพราะถ้าตัดเรื่องหื่นออกไป ผมสามารถสรุปการกระทำของเขาได้ว่า ไม่ว่าเมื่อไร...เขาก็อยากอยู่ใกล้ชิดกับผมให้ได้มากที่สุด  แต่เพราะไม่มีข้ออ้างอะไรที่ฟังขึ้นมากไปกว่าเรื่องที่เราตกลงกันไว้... น็อตก็เลยต้องตอดผมโดยอ้างสัญญาแทน


เหตุผลที่สาม... แม้ผมจะรู้มาก่อนหน้านี้ว่าน็อตชอบผม และผมคือคนสเปคแบบที่น็อตคลั่งไคล้ แต่การได้มาคอนโดน็อตแบบนี้ ทำให้ผมมีหลักฐานประกอบคำพูดอย่างเป็นรูปธรรมว่า ประเภทของคนที่น็อตชอบ....คงจะไม่หนีไปจากผมจริงๆด้วยสิ 

เพราะเท่าที่ผมสำรวจของสะสมที่น็อตมีทั้งหมด เกือบเก้าสิบเปอร์เซนต์ของนักแสดงนำหญิงในหนัง หรือนางแบบในหนังสือภาพ และโปสเตอร์  ล้วนแล้วแต่เป็นคนผิวขาวผ่อง ผมยาวๆสีดำเข้ม รูปร่างอ้อนแอ้น ผิวนวลเนียนไม่มีขนแทบทั้งสิ้น ส่วนเรื่องหน้าตา...ผมขอไม่ตัดสินเพราะไม่คิดว่าจะเอาตัวเองไปเปรียบอะไรกับผู้หญิงได้...

...เอาเป็นว่ารวมๆแล้วผมค่อนข้างคล้ายกับสาวๆเหล่านั้นอยู่ไม่น้อย คงจะต่างกันแค่อวัยวะสืบพันธ์และหน้าอกเท่านั้นเอง




ในหนังสือยังบอกอีกว่า....เมื่อเรารู้ถึงความชอบของคนที่เราสนใจแล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งใหญไปกว่านั้น คือ...การทำให้เขารู้ว่าเราเอาใจใส่ความชอบของเขาเป็นอย่างดี ไม่มีละเลย และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมทำหลายๆสิ่งซึ่งผมไม่เคยทำให้ใครคนอื่นมาก่อน กระทั่งคนในครอบครัวของผมเอง


ทั้งการตามใจน็อตในเกือบทุกเรื่องที่ผมเห็นว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรงจนเกินไปนัก จำพวกว่า...น็อตอยากไปไหน ไปทำอะไร กินอะไร ผมไม่มีปัญหา แม้กิจกรรมนั้นๆจะเป็นสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ขอแค่ผมเห็นเขามีความสุข และช่วงเวลาที่เราทำสิ่งนั้น ไม่กวนเวลาทำงานของผม...ผมก็โอเค

ผมยังส่งเสริมและตามใจน็อตเรื่องการแทะโลม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้น็อตได้ลงมือกับผมอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นรางวัลให้กับการทำตัวดี เอาใจใส่ และสนใจให้ความสำคัญผมมากที่สุดของเขา  อาทิ....

...ตอนเดินด้วยกัน ผมจะไม่ขัดขืนหากน็อตอยากจะจับข้อมือ หรือกุมมือผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าคนอื่นจะมองเราแปลกแค่ไหนก็ตาม...
...ตอนนอน ผมยอมให้น็อตกอดได้ตลอดทั้งคืน ทั้งที่ผมเป็นคนนอนดิ้นและชอบก่ายหมอนข้างมาก...
...ตอนอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ้ามันไม่ดูจงใจจนเกินไปนัก ผมก็หันหลังให้แล้วถอดมันตรงนั้นแหละ เพราะผมรู้ว่าน็อตชอบมองแผ่นหลังและเรือนร่างของผมมาก 

เหตุการณ์ที่ทำให้ผมรู้ความชอบข้อนี้ของน็อตมันเกิดขึ้นเมื่อคืนตอนก่อนที่ผมจะแต่งตัวด้วยชุดนอนที่น็อตเตรียมเอาไว้ให้  หลังอาบน้ำเสร็จ ผมตั้งใจเดินออกมาจากห้องน้ำโดยนุ่งผ้าขนหนูผืนเล็กๆผืนเดียวเพื่อมาแต่งตัวข้างนอก ผมเห็นสายตาร้อนแรงของน็อตที่จ้องมองตามแผ่นหลังของผมจากเงาสะท้อนของกระจกในห้อง ผมก็รู้ได้ทันทีว่าหลัง กับร่างกายทั้งหมดของผมทำให้น็อตปั่นป่วนได้...

...พวกเสื้อผ้า ผมก็พยายามเลือกใส่กางเกงขาสั้นบ่อยกว่ากางเกงวอร์มขายาว เพราะน็อตชอบแอบมองขาผมแล้วกลืนน้ำลายบ่อยๆ ส่วนพวกเสื้อผมก็เลือกตัวที่ย้วยๆและเสื้อคอกว้างๆ เผื่อว่าน็อตจะได้อาศัยมองเอาตามช่องแขนหรือคอเสื้อเวลาที่ผมก้ม
...ตอนลงโทษด้วยการหอมแก้ม ผมจะไม่ลืมตั้งท่าด้วยการหย่อนตัวลงนั่งบนตักถ้าเห็นว่าน็อตกำลังนั่งอยู่ และเอาใจด้วยการโอบรอบๆคอของเขา เพื่อให้เราสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น พร้อมยื่นแก้มให้น็อตใกล้ๆ และถ้าหากน็อตทำได้ไม่ทันใจ ผมจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายลงมือแทน รวมทั้งเพิ่มจำนวนในการลงโทษให้อีกฝ่ายในบางครั้งเหมือนกัน

ซึ่งสำหรับการเอาใจน็อตในเรื่องพวกนี้ ผมบอกได้เลยว่า...ทั้งหลายทั้งมวลที่ผมทำลงไปนั้น ไม่ได้เป็นเพราะผมอยากแก้ปัญหาในการเขียนหนังสือมากเสียจนเอาตัวเข้าแลกอย่างที่พี่เมี่ยงเข้าใจ หากแต่เวลาที่เราได้ใกล้ชิดกัน... ไม่ใช่แค่น็อตหรอกที่รู้สึกดี แต่ผมเองก็เริ่มอยากจะสัมผัสร่างกายน็อตให้มากขึ้นไม่แพ้กัน

ยิ่งเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากเท่าไร ผมก็ยิ่งเห็นถึงเสน่ห์ของน็อตที่ผมไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งท่าทาง การวางตัว และหน้าตา...

...อย่างเมื่อวานตอนที่เราไปนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหาร ผมเห็นผู้หญิงหลายคนจ้องน็อตจนตาแทบจะทะลุออกจากเบ้าโดยที่ไม่อายว่ากำลังทำตัวไม่เหมาะสมกับความเป็นกุลสตรีที่ดี  พอน็อตยิ้มหรือหัวเราะให้เพื่อนๆและผม  สาวๆเหล่านั้นก็นั่งม้วนเขินอายหน้าแดงไปเป็นแถบๆ....
...แต่ผมต้องแสดงความเสียใจกับพวกเธอด้วย เพราะคนๆนี้เป็นคนของผมแล้วน่ะสิ

ถ้าถามผมว่าผมรู้สึกอายหรือเปล่าที่ต้องเป็นฝ่ายลงมือทำอะไรแบบนี้ก่อนบ้าง....ผมอายมาก และเขินสุดๆ โชคดีที่น็อตยังจับไม่ได้ ว่าเวลาเขินผมมีอาการอย่างไร ผมเลยยังพอทำหน้านิ่งๆกลบเกลื่อนอาการเขินอายเอาไว้ได้อย่างไม่มีพิรุธ แต่ระหว่างเขินแล้วไม่ได้เข้าใกล้คนที่เราสนใจ กับได้ทำในสิ่งที่ต้องการ หนำซ้ำมันยังช่วยทำให้ผมและน็อตรู้สึกดี และแนบชิดกันมากขึ้น  เรื่องต้องอายอยู่คนเดียวแบบลับๆอย่างนี้...ผมยอมได้




ถึงอย่างนั้น หากมีเรื่องที่เขาอยากได้เป็นสิ่งที่ผมยอมลงให้ไม่ได้จริงๆ ผมก็มีวิธีจัดการในแบบของผมเหมือนกัน...

ผมแค่อาศัยนิสัยการชอบเอาชนะและชอบความท้ายของน็อตมาเป็นข้อได้เปรียบเพื่อใช้กำราบให้เขายอมจนสำเร็จเสียทุกครั้งไป...เมื่อไรที่น็อตเอาแต่ใจมากๆ ผมแค่เปลี่ยนมาเป็นพูดถึงสิ่งที่ผมอยากได้ แล้วท้าให้น็อตทำ... เท่านั้นแหละ ไอ้เรื่องต่างๆที่มันกำลังจะออกทะเลเข้าน่านน้ำฝั่งน็อตไปแล้ว มันก็จะไหลกลับมากลายเป็นประโยชน์ให้กับผมโดยทันที  และถ้าสุดท้ายเรื่องที่เรากำลังต่อรองกันมันหนักหนาสาหัสกว่านั้น ซึ่งวิธีการด้านบนใช้ไม่ได้ผล ผมก็แค่ยื่นคำขาด แล้วน็อตก็จะยอมผมโดยไม่มีข้อแม้อะไรเลย... ก็ให้มันรู้ไปสิ ว่าจะกล้าแข็งข้อ เดี๋ยวไม่มีคนคอยตามใจเล่นเกมรับโทษด้วยแล้วจะรู้สึก

หนังสือคู่มือยังช่วยเตือนสติไม่ให้เราเหลิงไปด้วยการทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ไม่ว่าเราจะสนิทสนมกับคนที่เราชอบมากแค่ไหน...อาจจะเป็นช่วงที่ศึกษาดูใจกันอยู่ห่างๆ หรืออาจจะกลายเป็นคนรักกันไปแล้ว เราต้องไม่ลืมว่า เราควรถามไถ่ และพูดคุยถึงสิ่งที่ตัวเอง และตัวเขาชอบอยู่เสมอ เพื่อเปิดโอกาสให้เราทั้งคู่ได้ปรับปรุงตัวเองจนกลายเป็นคนรักที่ดีที่สุดสำหรับใครคนนั้นของเราได้อยู่เสมอ

และถ้าหากเราพบว่า สิ่งที่เขาเป็นคือสิ่งที่เราไม่ชอบใจ...เมื่อนั้น เราสองคนควรเปิดใจคุยกันเพื่อหาทางออกร่วมกันที่ดีกับทั้งสองฝ่าย เพื่อความสัมพันธ์อันยั่งยืน  ซึ่งผมขอติดเรื่องผลของการลองทำแบบนี้เอาไว้เล่าให้พวกคุณอ่านกันครั้งหน้านะครับ คุณจะได้รู้อย่างไรล่ะว่า การทำตามหนังสือคู่มือเล่มนี้...ให้ผลดีจริงๆนะ




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


5 comments:

  1. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  2. โถววววววว น่าสงสารน็อต 555555 เข้าทางขนุนหมดแล้ว
    หนูตามเล่ห์ขนุนไม่ทันหรอกลูก กร๊ากกกกกก ส่วนขนุนก็เบาๆมือกับน้องหน่อยนะ 5555555

    ReplyDelete
    Replies
    1. ฮ่าๆๆๆๆ...คงจะเป็นอย่างนั้นนะคะ แต่สงสัยพอคุณนาราอ่านตอนใหม่จบ คงต้องมานั่งคิดกันใหม่ว่าจะเห็นใจใครดี ระหว่างผู้กระทำที่กำลังถูกล่อลวงอย่างน็อต กับเหยื่อผู้ถูกเอาเปรียบด้วยความเต็มใจอย่างขนุน ฮ่าๆๆๆๆๆ

      Delete
  3. มะลิมารุ ที่แพ้ฟางอ่ะพอดีว่าไปฝึกงานมา55555555 แล้วไปกอบฟางเล่น ก็ไม่คิดว่าจะแพ้ แต่มันก็แพ้ไปแล้ว5555 ยังไงเราก็รอที่จะตามอ่านผลงานของมะลิอยู่น้าาาา อันนี้ไม่ได้ยอนะแต่ว่าเพราะนิยายของมะลิทำให้เราหัวเราะได้ดีเลยล่ะ เราจะเข้ามาอ่านตอนที่รู้สึกว่าเหงา แล้วเราก็จะรู้สึกดีขึ้นก็ตอนที่ได้มาตอบข้อความกับมะลิ5555555 ทำให้รู้สึกว่าเราได้เพื่อนผ่านตัวหนังสือมาอีกคน ทำให้เราไม่เหงา 55555 วันนี้มาอย่างดราม่าเลย แล้วมะลินี่ก็อินกับอินชอนเกมส์ด้วยหรอเนี่ย 5555555
    ขอบคุณนะที่ทำให้เราได้อ่านนิยายต่อ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจเขียนนะ
    สู้ต่อไปมะลิมารุ 55555555 เลิฟนะเชิฟๆๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. อ่าวว...นี่เพิ่งรู้ตัวเหรอคะ ว่าแพ้??? แล้วเมื่อก่อนไม่แพ้เหรอคะ? ยังไงหลังจากนี้ต้องคอยระวังตัวนะคะ กลัวจังเลยว่าจะแพ้ขนาดได้กลิ่นหรือสูดดมละอองเข้าไปแล้วเกิดคันข้างในร่างกายด้วยหรือเปล่า...เป็นห่วงเน้อ!!

      ขอบคุณนะคะ ที่ชอบนิยายของมะลิ แล้วมันพอจะทำให้คุณนาราหัวเราะได้ แถมการที่เราคุยกันยังช่วยทำให้คุณนารารู้สึกดีขึ้น มีเพื่อนคุย และไม่เหงาใจ...

      เรื่องอินชอนเกมส์นี่มันต้องเขียนค่ะ เพราะว่าเป็นกระแส...ว่าจะเอาไปเขียนในตือเหมือนกัน แต่กะจะเขียนให้นางมโนสะบั้นเลย เพราะนักกีฬาหล่อๆล่ำๆเยอะม๊ากกก ฮ่าๆๆๆ

      ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ...ตอนนี้กำลังหาแรงบันดาลใจเขียนเรื่องใหม่อยู่...คุณนาราชอบอ่านนิยายแนวไหนบ้างอ่ะคะ? ชอบดราม่าหรือดาร์คๆไม๊...เผื่อมะลิจะเปลี่ยนแนว (เหอๆๆๆๆ เหมือนจะเกิดมาเพื่อดราม่า เพราะใช้เวลาเขียนน้อยกว่าตอนเขียนเรื่องตลก ฮ่าๆๆๆๆ)...แต่อันนี้โยนหินถามทางก่อนนะคะ ยังไม่ได้คิดว่าจะเขียนแบบไหน...ขอลองดูลาดเลาอีกซักทีนึง

      รักคุณนารานะคะ เชิฟๆๆ

      Delete