บทรุกที่ 17: ปลาข้องเดียวกัน
(ปลาข้องเดียวกัน : คนพวกเดียวกัน)
ในระหว่างที่ผมกำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจ
เสียงเล็กๆของตุ๊กตาหน้ารถข้างๆก็ดังขึ้น “น็อต...นี่เรากำลังจะไปไหนกันน่ะ?”
“อ๋อ...ไปบ้านเพื่อนสนิทน็อตน่ะฮะ”
ผมยิ้มให้ขนุนที่กำลังทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก... ท่าจะงงอยู่ไม่น้อยล่ะสินะ หึ
หึ
นี่แหละฮะที่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องขอให้ขนุนแต่งตัวดี
เพราะเมื่อเช้าไอ้เพื่อนสนิทสามตัวของผมแม่งโทรมาจิกผมจนต้องแหกตาตื่นแต่เช้า พวกมันคะยั้นคะยอร้องขอให้ผมถ่อมาหาถึงที่บ้านนี่
อ้างว่าไม่ได้เจอหน้ากันมานานหลายเดือนแถมยังตอแหลให้ฟังเป็นวรรคเป็นเวรว่า พวกมันทั้งสามตัวคิดถึงผมมากแค่ไหน...
...แม้จะรู้จักพวกมันเป็นอย่างดี
จนแน่ใจว่า...ไอ้เรื่องที่แม่งยกมาทั้งหมดนี่ แค่เป็นข้ออ้างที่ใช้เพื่อลากตัวผมมาเมาแอ๋แดดิ้นข้ามคืนข้ามวันด้วยกัน...แต่ผมก็ยอมลงให้พวกมันอยู่ดี
ผมเลยคิดเสียว่า...การมาเจอหน้าพวกมันโดยพร้อมเพรียงในเย็นวันนี้นับเป็นโอกาสอันดี
ซึ่งผมจะอาศัยเป็นพิธีเปิดตัวขนุนให้เพื่อนผมแม่งได้รู้จักอย่างเป็นทางการแม่งเสียเลย
ในฐานะสะใภ้คนแรกของกลุ่ม...ที่เป็นผู้ชาย ท๊าดา!!
“อ้าว
ก็ไหนน็อตว่าจะพาขนุนไปเดทไม่ใช่เหรอ?”
โมเอ้คุงถามผมอย่างสนอกสนใจ...อาจเป็นเพราะสองข้างทางที่เริ่มจะดูห่างไกลคำว่าเมืองเข้าไปทุกทีด้วยล่ะมั้ง
ที่ทำให้ขนุนเริ่มจะนั่งไม่ติดที่จนเริ่มจะลุกลี้ลุกลนขึ้นมานิดๆ
“หึ หึ เราก็มาเดทกันไงฮะ
แต่เป็นเดทแบบที่น็อตจะได้ทดสอบความพร้อมของขนุนในการควบคุมการพูดให้เป็นปกติด้วยยังไงล่ะฮะ...
ที่น็อตพามาที่นี่ เพราะขนุนจะได้เจอกับคนไม่รู้จัก เพื่อจะได้การฝึกพูดคุยกับคนแปลกหน้า
เพื่อค่อยๆปรับการพูดให้เป็นปกติได้ยังไงล่ะฮะ...
.
.
...ขนุนไม่ต้องกังวลไปนะฮะ
เพราะน็อตรับรองเลยว่า...จะไม่มีใครตัดสิน
ล้อเลียน หรือพูดจาเสียงแทงใจอะไรพวกนั้นเลยแม้แต่คนเดียวฮะ เพราะไอ้พวกที่ขนุนจะเจอเย็นวันนี้เป็นเพื่อนสนิทของน็อตเอง...
.
...น็อตรู้จักพวกมันมาตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กๆ
เพราะฉะนั้น...น็อตขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าพวกมันไม่มีนิสัยชอบตัดสินคนอื่น
หรือดูถูกใครแน่นอนฮะ” ผมเอื้อมมือไปคว้ามือนิ่มๆของขนุนข้างที่อยู่ใกล้มาวางเอาไว้บนตักแล้วกุมเอาไว้เพื่อปลุกปลอบ
มือเล็กๆในอุ้งมือผมบีบปลายนิ้วของผมกลับเบาๆ
พร้อมๆกับที่เจ้าของมือส่งประโยคคำถามเข้าประเด็นออกมา “อืมมม...โอเค
ถ้างั้นก็แสดงว่า ขนุนจะโดนลงโทษนับตั้งแต่วันนี้เลยใช่ไม๊?”
ตอนนี้มือข้างที่ผมกุมอยู่ถูกกระตุกเบาๆ
คล้ายกับขนุนต้องการจะทวงคำตอบของคำถามข้อนี้
ผมยิ้มส่งให้กับคนใจร้อน
“ฮะ... แต่ขนุนก็อย่ากังวลไปสิฮะ
ถ้าขนุนพูดได้ปกติเหมือนที่คุยกับน็อตนี่ ขนุนก็ไม่โดนลงโทษหรอกฮะ... อีกอย่าง...น็อตก็อยู่ด้วยทั้งคน ขนุนแค่ทำเหมือนตอนที่ไปเจอเพื่อนของน็อตอีกกลุ่มนึงที่ร้านอาหารเมื่อวันก่อน
ก็เท่านั้นเอง...ฟังดูไม่ยากเกินไปใช่ไหมฮะ”
เหมือนว่าคำปลอบใจของผมจะได้ผล
เพราะขนุนดูคลายความตื่นเต้นลงไปมาก “ขนุนจะลองดูก็แล้วกันนะ...
.
...แล้วน็อตจะตอบขนุนเรื่องที่ขนุนถามได้รึยังล่ะ?”
สงสัยจะอยากรู้เรื่องนี้มากจริงๆ
ถึงได้ถามผมอยู่ทุกเมื่อที่มีโอกาส...
นี่อยากให้ผมบรรยายความรู้สึกของผมที่มีต่อเหตุการณ์เมื่อคืนถึงขนาดอดทนรอนิดรอหน่อยไม่ได้เลยหรือไงกัน??...
...สงสัยจะอยากเอาไปเขียนนิยายมากเลยล่ะมั้งเนี่ยะ
แต่เรื่องแบบนี้ มันต้องคุยกันตอนที่เราสองคนมีเวลาและไม่มีเรื่องกวนใจ...
ไอ้ครั้นจะหยิบยกขึ้นมาคุยเอาตอนขับรถนี่ ไอ้น็อตถือว่าไม่เหมาะไม่ควรแถมยังกวนสมาธิของคนขับเป็นอย่างยิ่ง...
...เพราะฉะนั้น...
รอไปก่อนนะจ๊ะเบ่เบ๋ “น็อตขอเลื่อนเป็นตอบตอนก่อนนอนคืนนี้ก็แล้วกันฮะ
เพราะอีกไม่ถึงสิบนาทีเราก็น่าจะถึงบ้านไอ้ลิงกันแล้วล่ะ เริ่มเล่าตอนนี้ท่าจะค้างมากกว่าเคลียร์นะฮะ...
.
...อีกอย่าง
น็อตอยากมองหน้าขนุนเวลาเล่าเรื่องนี้ให้ขนุนฟังด้วยน่ะฮะ”
ขนุนพยักหน้าให้ผมแล้วเปลี่ยนเป็นนั่งนิ่งๆเหมือนคนกำลังกำหนดลมหายใจเข้าออกและทำสมาธิอยู่
ดูๆไปแล้วขนุนแม่งก็น่าจะตื่นเต้นไม่น้อย ที่ต้องมาเจอเพื่อนผมโดยไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนล่วงหน้าแบบนี้...
จริงๆผมอยากจะบอกขนุนว่าไม่ต้องทำใจอะไรมากมาย
เพราะผมเตรียมความพร้อมของคนฝั่งผมมาเป็นอย่างดีแล้ว... ทั้งเล่าเรื่องทั้งหมดที่จริงและไม่จริงแบบแบไต๋ไม่มีกั๊กให้พวกมันได้รับรู้
เพื่อจะได้เตรียมตัวต้อนรับว่าที่สะใภ้ใหม่ให้สมฐานะที่สุด... และแน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องงานของผมถูกเปิดเผยด้วยฝีปากคมกริบของเหล่าบรรดาเดอะแกงค์
จนกลายเป็นประเด็นให้ขนุนจับได้เสียก่อน
หลังจากจอดรถและขนข้าวของที่เตรียมมาเป็นพิเศษสำหรับวันนี้เอาไว้ในมือข้างหนึ่ง
ผมก็ใช้มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่กุมประสานกับมือขนุน
ก่อนเดินนำคนตัวเล็กกว่าผ่านสวนหน้าบ้านทะลุมาทางด้านหลังเพื่อมาหยุดตรงชานปูนริมน้ำ
ซึ่งเจ้าของบ้านทำเอาไว้เทียบเรือสปีดโบ๊ทและพาหนะทางน้ำอื่นๆเท่าที่จะสรรหามาไว้ในครอบครองได้อย่างไม่ยากลำบากนัก
ตรงมุมหนึ่ง...เจ้าของบ้านได้ปลูกเรือนรับรองเล็กๆโดยยกพื้นสูงพอเป็นพิธี
และตกแต่งจัดแจงให้เป็นพื้นที่สำหรับสังสรรค์และพักผ่อนหย่อนใจกินลมชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ไอ้ลิงหนึ่งในทายาทเจ้าของบ้านกำลังนั่งเหม่อมองออกไปกลางแม่น้ำพลางละเลียดเครื่องดื่มสีอำพันในแก้ว โดยมีเด็กในบ้านคอยหมุนซ้ายหมุนขวาจับโน่นหยิบนี่ให้อยู่อีกสองคน ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเราสองคน ไอ้ลิงก็หันกลับมามองทางผมก่อนจะยิ้มให้ แล้วชูแก้วในมือขึ้นสูงกลางอากาศก่อนทักทายสั้นๆ “ไอ้เสือ!!! “
พอได้ยินสรรพนามคุ้นหูแบบนี้...ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมฮะ
ว่าไอ้ลิงแม่งสนิทกับคุณป๋ามากขนาดไหน...
...ก็ในบรรดาเหล่าเพื่อนสนิททั้งสามของผม
มีไอ้นี่คนเดียวที่หน้าด้านมาอาศัยกินนอนฝากตัวฝากกระเพาะอยู่ที่บ้านผมกับคุณบี๋และคุณป๋าบ่อยที่สุด
วันไหนที่มันครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมา...แม่งก็มาชวนคุณป๋าดวลพูลถึงที่บ้านเพื่อหาเจ้ามือจ่ายค่าไวน์ขวดละหลายแสนที่พี่สาวแม่งเป็นตัวแทนนำเข้าอยู่
แล้วก็มันอีกนี่แหละ...ที่เริ่มเรียกผมด้วยฉายาที่คุณป๋าตั้งให้ต่อหน้าเพื่อนอีกสองคน
จนผมว่าไอ้เพื่อนห่าพวกนี้แม่งต้องลืมไปแล้วล่ะว่าชื่อเล่นผมจริงๆมันคืออะไร
“ไอ้เหี้ยลิง....ไงมึง!! อาทิตย์นี้ไม่เข้าร้านเหรอวะ?
หรือว่าร้านมึงใกล้จะเจ๊งแล้ว” ผมถามกวนประสามแม่งอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ไอ้นี่แม่งก็จริงจังกับร้านเหล้าของมันมาก
ใครแซวนิดแซวหน่อยเป็นไม่ได้...แม่งมีขึ้นตลอดเวลา แต่ผมว่าหน้าแม่งตอนได้ยินถึงความหายนะของร้านมันนี่...ตลกเข้าทีเลยนะฮะ
“ไอ้สัด
เพิ่งเจอหน้ากันมึงก็แช่งร้านกูซะแล้ว ไอ้เพื่อนห่า!!!......สองอาทิตย์นี้กูลาพักร้อนเว่ย
พี่ปอมแกเลยเข้าร้านแทน...
.
...แต่ได้พักร้อนมั่งก็ดีเหมือนกันว่ะ
เพราะสามปีติดแล้วนะเว่ย ที่กูไม่ได้โงหัวไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่ไหนนอกจากที่ร้านเลยว่ะสัด...กูแม่งโคตรน่าสงสารอ่ะ”
ไอ้ห่าลิงแม่งก็ชอบรำพึงรำพันออกสื่อจนน่ารำคาญ
ผมเลยอดปากเอาไว้ไม่ได้อีกครั้ง
“ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็ผับมึงเสือกดังเองหนิ....นี่กูนึกว่ามึงทำใจได้นานแล้วนะเนี่ยะ
ยังเสือกจะทำสำออยอีก...
.
...แล้วไอ้เหี้ยคิดกับคุณชายตู๋ล่ะ?
พวกแม่งไปมุดหัวอยู่ที่ไหน?” ผมถามหาเพื่อนอีกสองคนที่ยังไม่เห็นหน้าจนป่านนี้
ทั้งที่พวกมันบอกผมตั้งแต่ตอนคุยกันเมื่อเช้าว่า
พวกมันอาศัยจังหวะที่สมาชิกคนอื่นๆในบ้านไอ้ลิงบินไปเที่ยวสเปนช่วงหยุดยาว
เข้ามายึดครองบ้าน และสมบัติของป๊าม๊าไอ้ลิงเอาไว้ทั้งหมดได้สามสี่วันได้แล้ว
แทนที่จะตอบดีๆ
ไอ้ลิงกลับชี้นิ้วให้ผมมองไปในแม่น้ำ
จนผมเห็นไอ้สองตัวนั่นกำลังเล่นเจ็ทสกีกันอย่างเมามัน สักพัก..เจ้าของบ้านก็ให้ข้อมูลวงในเพิ่มเติม
“โน่นนนนนนไงมึง....มึงไม่เห็นรึไงว่าแม่งกำลังขับลูกรักกูอยู่กลางแม่น้ำนั่นงะ...
.
...ไอ้เหี้ยตู๋แม่งก็เสี้ยนจัด
มาบ้านกูรอบนี้แม่งก็เล่นได้ทู๊กกกกกวัน มึงไม่รู้หรอกว่าแม่งเกือบจะเสยเรือขนทรายไปหลายรอบแล้ว
ดีนะไอ้เหี้ยคิดกับกูเข้าไปช่วยแม่งไว้ได้ทัน
ไม่งั้นมาคราวมึงได้เจอหน้าแค่กูกับไอ้คิดแหงๆ...
...มึงมาก็ดีแล้วไอ้ห่าเสือ
กูจะได้ให้เด็กๆตั้งวงเหล้า กับติดเตาย่างบาร์บีคิวซะที....
.
.
...อ้าว แล้วนั่นใครวะ
ใจคอมึงจะไม่แนะนำให้เพื่อนผู้มีเกียรติของมึงคนนี้ได้ทำความรู้จักเค้าซะหน่อยเหรองะ???...
...หรือว่ามึงหวง
อยากจะเก็บเค้าเอาไว้สนิทด้วยอยู่คนเดียว?” ไอ้เหี้ยลิงมองสำรวจขนุนที่ยืนซ้อนหลังผมอยู่อย่างขำๆ
ไอ้เหี้ยนี่แม่งก็สันดานดีเกิ๊นนนน พอรู้ว่าขนุนเป็นคนไม่ค่อยพูดและเก็บตัวเข้าหน่อยแม่งก็แซวไม่เลี้ยงกันเลยทีเดียว
ผมเลยรีบกางปีกปกป้องว่าที่เมียทันที
“ไอ้สัด!!..กูแค่คุยกะมึงติดพัน
ไม่ได้ลืมแนะนำเค้าเว่ย...
.
.
...ขนุน... ไอ้เหี้ยนี่ชื่อไอ้ลิง มันเปิดผับอยู่แถวทองหล่อ ไอ้นี่มันหม้อมากแถมยังปากหมาตัวพ่อ อยู่ห่างๆเอาไว้ก็ดีนะฮะ...
...ขนุน... ไอ้เหี้ยนี่ชื่อไอ้ลิง มันเปิดผับอยู่แถวทองหล่อ ไอ้นี่มันหม้อมากแถมยังปากหมาตัวพ่อ อยู่ห่างๆเอาไว้ก็ดีนะฮะ...
...ส่วนไอ้เหี้ยลิง...
นี่ขนุน เพื่อนใหม่กู เค้าทำงานเป็นนักเขียน มึงก็ทำตัวดีๆกับเค้าหน่อย
เพราะเค้าไม่เถื่อนเหมือนมึง...
.
.
...เออ
แต่วันนี้พวกกูไม่อยู่ดึกนะเว่ย พรุ่งนี้กูต้องไปช่วยงานพี่ปีย์แต่เช้าว่ะ
โทษทีนะมึง”
ผมตอบเพื่อนตัวเองและบอกปัดความคิดโต้รุ่งออกไปจากสมองของมันทันที
หลังจากได้รับโทรศัพท์สั่งงานของพี่ปีย์เมื่อตอนบ่าย
“หวัดดีครับ”
ขนุนเขยิบมายืนข้างๆผมแล้วเอ่ยทักทายไอ้ลิงอย่างสุภาพ
ไอ้ลิงยิ้มให้ขนุนแล้วลุกขึ้นกุลีกุจอจัดแจงที่นั่งให้
“หวัดดีครับขนุน เชิญนั่งตามสบายนะฮะ...
...แหม่
อะไรจะสองมาตรฐานได้ขนาดนี้ครับไอ้เสือ... กับขนุนมึงเรียกแทนตัวว่าเค้า แต่กับกู
เหี้ยมั่งล่ะ มึงมั่งล่ะ
แนะนำกูด้วยคำบรรยายไม่เหลือดีเท่าที่โลกนี้จะคิดได้มั่งล่ะ....
.
...นี่ดีนะว่ากูยังเคารพนับถือคุณป๋าประดุจบิดาในอุทร
ไม่งั้นกูด่าพ่องแน่...ฝากไว้ก่อนนะมึง!!” ไอ้ลิงพูดพลางชี้หน้าผมไปพลางเหมือนเด็กๆวางท่าทะเลาะกับเพื่อน
ผมยิ้มกวนตีนให้แม่งแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้างๆขนุน
โดยไม่ลืมยกนิ้วกลางชี้หน้าแม่งกลับ... เพื่อนกันก็งี้แหละฮะ
อะไรที่ทำแล้วแม่งสะกิดส้นตีนอีกฝ่ายให้กระดิกริกๆได้ พวกผมแม่งก็ทำทั้งนั้นแหละ
”สัด...พ่องงงงมาเสียขนาดนี้มึงด่ามาเลยเหอะ!!”
“อะไรของพวกมึงสองตัว
กูเห็นท่านน็อตเพิ่งมาถึงเมื่อกี๊เองนี่หว่า นี่มึงกัดกันเหวอะไปถึงไหนๆแล้วเหรอวะ?
ฮะ ฮะ” ไอ้คิดเดินตัวเปียกกลับเข้ามาสมทบ... นี่มึงไปเล่นเจ็ทสกีหรือไปเล่นน้ำสงกรานต์มากันแน่วะ??
ทำไมถึงได้เปียกซ่กไปทั้งตัวแบบนี้
แล้วเสื้อน่ะทำไมไม่ใส่ติดตัวเอาไว้เสียหน่อย...เดี๋ยวขนุนแม่งก็เมานมกับซิกแพ็คมึงกันพอดีหรอกไอ้ห่าหมอ!!
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ออกปากเตือนไอ้คิดเรื่องสารรูปล่อสายตาของแม่ง
ไอ้ตู๋ที่อยู่ในสภาพเดียวกันกับไอ้คิดไม่มีผิดเพี้ยนก็ตะโกนแทรกมาทันที
ระหว่างที่แม่งกำลังวิ่งขึ้นมาจากริมฝั่ง “ไอ้เหี้ยคิด!! มึงทิ้งกูนะไอ้สัด
ไหนบอกว่าคนที่ขับไปถึงทุ่นกลางน้ำก่อนชนะไง
แล้วทำไมมึงถึงวนกลับเข้าบ้านมาก่อนล่ะวะ?....ห่า ดูซิเนี่ยะ กูเกือบหลงโง่ขับไปคนเดียวแล้วงะ”
.
.
ตามประสาคุณชายลูกหลานขุนน้ำขุนนางเก่า
พอมันหันหน้าเบือนจากไอ้คิดกลับมามองทางผมแล้วเห็นขนุนเข้า
มันก็ถามเสียงอ่อยออกมาอย่างมีมารยาท
พลางเริ่มเอามือปิดตามเนื้อตัวท่อนบนของตัวเองที่ไร้เสื้อผ้าคลุม “ชะอุ้ยยย
ขอโทษนะครับ คือปกติพวกผมก็มักจะคุยกันแบบนี้ คุณคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไม๊ครับ?”
ขนุนยิ้มให้แล้วตอบอย่างสุภาพพอกันกลับไป
“ไม่เป็นไรครับ เชิญพวกคุณทำตัวตามสบายเถอะครับ”
ผมเลยถือโอกาสแนะนำเพื่อนสนิทอีกสองคนที่เหลือของผมให้ขนุนรู้จักทันที
“ขนุนฮะ...ไอ้นี่ชื่อคิดนะฮะ มันเป็นว่าที่หมอคน ส่วนไอ้ที่เพิ่งเห่าจบไปนั่นชื่อไอ้ตู๋...เพิ่งเริ่มเป็นหมอสัตว์ได้ไม่นาน...
.
.
...และไอ้เหี้ยที่เคารพทั้งสองครับ
คนนี้ชื่อขนุนนะ คนที่กูเล่าให้ฟังเมื่อเช้าไง” ไอ้สองตัวก้มหัวเชิงทักทายกลับมาให้ขนุนพร้อมรอยยิ้มกว้าง
หางตาผมแม่งไม่วายมองไปเห็นไอ้ลิงแอบทำหน้าพยักเพยิดทำนองล้อเลียนผมกับขนุนส่งไปให้ไอ้ตู๋ดู
ไอ้หมอเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พาดเอาไว้มาโยนให้ไอ้ตู๋
แล้วหยิบอีกผืนขึ้นมาคลุมร่างกายท่อนบนของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะหันกลับมาพูดกับขนุนด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
ในที่สุดก็ได้เจอตัวเป็นๆของคุณขนุนซักที พวกผมได้ยินที่ไอ้น็อตเล่าให้ฟัง
จนชักอยากเจอหน้าค่าตาคุณขนุนตัวเป็นๆดูสักครั้ง...
.
...ไม่นึกว่าวันนี้จะมีโอกาสดีได้มาเจอกันเข้าจริงๆ
พวกเรายินดีมากนะครับ ที่คุณขนุนให้เกียรติมาด้วยกันกับไอ้เสือ”
ไอ้หมอแม่งก็เข้าใจจุดประเด็นดีจริงๆ
เพราะจากที่ดูตื่นเต้น ขนุนแม่งก็กลายเป็นสนอกสนใจสิ่งที่ไอ้หมอเพิ่งพูดจบไปขึ้นมาทันที
“ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเหมือนกันครับที่ได้มาเจอเพื่อนสนิทของน็อตโดยพร้อมหน้า
ว่าแต่...น็อตเค้าเล่าเรื่องผมให้พวกคุณฟังด้วยเหรอครับ?”
เพื่อไม่ให้เรื่องมันเลยเถิดเกินควบคุม
ผมเลยอดฆ่าตัดตอนบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ “ขนุนฮะ...เอางี้ดีกว่า
เดี๋ยวขนุนไปเปลี่ยนชุดก่อนดีไม๊ฮะ น็อตจะได้สอนขี่เจ็ทสกีตอนที่ฟ้ามันยังไม่มืดยังไงล่ะฮะ...
.
...อ่ะนี่
เสื้อผ้าขนุนฮะ น็อตเตรียมมาให้แล้ว ส่วนในถุงเล็กนี่เป็นคอนแทคนะฮะ...ใส่เอาไว้
เวลาเล่นจะได้คล่องตัวไม่ต้องกลัวแว่นหล่น
เดี๋ยวก่อนเล่นเราค่อยมาใส่แว่นกันลมกันอีกทีนึง” ผมยืนขึ้นแล้วหอบข้าวของที่ถือมาแต่แรกเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง
.
.
ผมหันไปมองหน้าไอ้ลิงก่อนจะยื่นมืออีกข้างฉุดมือขนุนให้ยืนขึ้นตาม
“...เดี๋ยวเดินตามน้องเข้าไปนะฮะ เค้าจะพาไปเข้าห้องน้ำแล้วก็พากลับออกมาเอง”
ไอ้ลิงเลยเรียกเด็กผู้ชายหัวเกรียนวัยมัธยมผู้เป็นลูกน้องในบ้านให้มารับคำสั่ง
“เฮ๊ย ไอ้หมั่น!!
มึงเดินพาคุณเค้าเข้าไปเปลี่ยนชุดนะ...รอเค้าจนกว่าเค้าจะออกมา
แล้วก็พาเค้ากลับมาหาพวกกูที่นี่ เข้าใจไม๊วะ” เด็กหนุ่มหน้าตาฉลาดเฉลียวพยักหน้าให้ไอ้ลิงพร้อมรอยยิ้ม
แล้วมารับถุงไปจากมือผมก่อนเดินนำขนุนเข้าบ้านไป
ยังไม่ทันที่ขนุนจะเดินพ้นไปไกลเท่าไรนัก
ไอ้ตู๋แม่งก็เปิดบทสนทนาทันที “เหยดดดดดด ไอ้เหี้ยน็อต มึงช่วยพูดให้กูกระจ่างอีกซักทีซิ...ว่า...คนนี้...ของจริงใช่ไม๊วะ?”
แล้วคนปากยื่นปากยาวอย่างไอ้ลิงแม่งก็เสริมเข้ามาทันทีโดยไม่ต้องเตรียมตัว
“แหม่ ชายตู๋ขอรับ มึงเองก็ร่ำเรียนมาตั้งหลายปี ดีกรีเป็นถึงชายหมอหมาขี้เรื้อนข้างวังจุทาเทพ...มึงก็ไม่น่าจะต้องถามอวดภูมิอันน้อยนิดของมึงเลยนี่หว่า...
.
.
...เมื่อกี๊มึงไม่เห็นท่าทางของไอ้เสือรึไงวะ
นี่แม่งมองตามขนุนซะตาเชื่อมเป็นประกายวิ๊งๆๆไม่วางตา
กูว่าถ้าสิงร่างเค้าได้...แม่งก็คงทำไปแล้ว นั่นยังน้อยไป...เห็นวิธีที่แม่งปรนนิบัตรเอาใจเค้ารึเปล่าวะ?
แม่งโคตรประคบประหงมห่วงใยขนุนออกนอกหน้า อย่างกับว่าเค้ากำลังอุ้มท้องลูกของแม่งอยู่ยังไงยังงั้น...
.
...ไอ้คุณชาย มึงก็คบไอ้เสือมาตั้งกี่ปี
มึงลองนึกย้อนดูซิ...ว่าเคยมีซักครั้งไม๊ ที่ไอ้เสือจะเอาใจใครได้เท่ากับที่แม่งทำกับขนุน
แถมแม่งยังทำดีกับเค้าให้มึงเห็นต่อหน้าต่อตาพาให้ขนตูดลุกแล้วลุกอีกได้แบบนี้...มีไม๊???..
...ไม่มี๊
ไม่มีใช่ไม๊ขอรับคุณชายตู๋....
.
.
...บรึ๋ยยยยส์...ตอนกูพูดอยู่นี่
ขนตูดกูยังลุกไม่หายเลยนะเว่ย... ถ้าไม่เชื่อ พวกมึงจะดูก็ได้นะ
แต่ขออย่างเดียว...ถ้าเห็นตูดกูแล้ว พวกมึงต้องรับผิดชอบที่ผิดผีกูด้วย” เพื่อให้สมกับอารมณ์ที่บิวท์เอาไว้หนัก ไอ้เหี้ยลิงเลยทำท่าประกอบราวกับกำลังขวยเขินแบบโอเว่อร์สัดๆ
“กระแดะ!!” ผมด่าไอ้เหี้ยลิงอย่างเหลืออด ไอ้คนถูกด่าก็เสือกยิ้มรับอย่างไร้ยางอาย
แต่ไอ้หมอที่แม่งไม่สนใจอะไรพวกผมก็ตั้งข้อสังเกตตามแบบฉบับของแม่งขึ้นมาโดยไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า
“หึ หึ....กูแค่แปลกใจอยู่สองอย่าง ข้อแรก...ไอ้เสือที่เปลี่ยนผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้าอย่างมึง
แถมยังคบสาวไหนไม่นานเกินสองเดือน สุดท้ายก็ดันมาตกม้าตายเพราะอยากมีแฟนเป็นผู้ชาย...
.
.
...ส่วนข้อสองที่กูเพิ่งจะตระหนักได้
นั่นก็คือ... มึงแพ้ทางคนใส่แว่น....
...ไอ้สัด!!
ถึงได้ว่า...ตอนม.สี่ที่กูกะมึงเรียนพิเศษอังกฤษด้วยกันกับครูพี่ก้อย
มึงถึงได้ชอบทำหน้าแปลกๆอยู่ตลอดเวลา...
.
...ไอ้ห่า
กูรึก็อุตส่าห์เป็นห่วงติวเพิ่มให้มึง เพราะหลงคิดว่ามึงไม่เข้าใจ
ที่ไหนได้...มึงก็ชอบแบบครูพี่ก้อยนี่เอง ปิดปากเงียบเลยนะไอ้สัดเสือ”
ไอ้หมอด่าผมไปก็ยิ้มไประหว่างที่นึกถึงเรื่องของผมกับมันในวัยเด็ก
ผมถึงกับเดือดร้อนแก้ข่าวแทบไม่ทัน
เพราะสิ่งที่แม่งพูดมาไม่ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงแม้แต่น้อย
“กูไม่ได้ชอบครูพี่ก้อยเว่ย แต่หลังจากได้เจอเค้า
มันคงเป็นจังหวะที่ทำให้กูเริ่มเข้าใจตัวเองไง
ว่ากูชอบคนแบบไหน...ไม่งั้นกูคงจีบครูพี่ก้อยไปนานแล้วเหอะ”
“ฮั่นแน่!! งั้นก็แสดงว่ามึงยอมรับแล้วใช่ไม๊ไอ้เสือ
ว่ามึงชอบขนุนเค้า?” ไอ้ลิงเสือกถามกลับมาทันที
ส่วนไอ้หมอก็นั่งฟังยิ้มพลางจิบเครื่องดื่มของมันไปด้วย
ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว
ผมก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังพวกมันอีกต่อไป เพราะถ้าขนุนจะเข้ามาอยู่ในชีวิตผม พวกมันคือคนกลุ่มที่สองถัดจากคนในครอบครัว
ที่ผมอยากให้ยอมรับและทำความรู้จักกันเอาไว้ “เออ...คนนี้กูเอาจริง
แม่ของลูกกระแป๋งคู่ของกูเลย”
ไอ้ตู๋ที่กำลังกระเดือกเหล้าลงคอทำท่าเหมือนเกือบจะสำลักเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมเพิ่งบอกออกไป
“เหยดดดดด ไอ้ห่าเสือ..มึงคิดจะมีเมียทั้งที แม่งจะมีเหมือนคนอื่นเค้าก็ไม่ได้ มึงนี่ต้องแหวกแนวตลอดเว...
.
.
...แต่อย่าบอกนะว่า
เรื่องแหวกแนวของมึงเกิดจะหักมุมเอาตอนจบอีกรอบ...
...จากที่มึงเคยทำหน้าที่สามีให้หญิงอื่นมากหน้าหลายตา
พอมามีความสัมพันธ์จริงจังคราวนี้ มึงเลยเกิดนึกอยากจะเปลี่ยนขั้วมาลองทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีให้ขนุน...ช่ะ?” ไอ้ชายตู๋ล้อผมหน้าเป็น
“ไอ้สัดตู๋...ไม่พูด
ก็ไม่มีใครรู้ว่าโง่หรอกนะมึงน่ะ....
...ถามจริง?? นี่มึงดูไม่ออกเหรอวะว่า...หน้าตาน่ารักๆแบบขนุนเนี่ยะ
เค้าเป็นเมียกูได้แค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้นแหละเว่ย...
.
.
...เดี๋ยวเหอะนะ
ถ้าพี่ปลิงถึงรอบซั่มเมื่อไร กูจะไม่บอกพี่ปีย์ให้พาไปขึ้นน้องจีจี้ของมึงแน่...
...ทีนี้มึงเลิกหวังจีจี้น้อยสายเลือดเพ็ดดีกรีเทพอย่างพี่ปลิงไปได้เลยเว่ย”
ผมไม่ลืมขู่มันเรื่องที่มันเคยออกปากขอพี่ปีย์ผ่านผมให้ยอมพาพี่ปลิงไปเป็นพ่อพันธ์ให้ลูกจีจี้สุดรักสุดสวาทของเมื่อสองเดือนก่อน
ที่ไอ้คำขู่นี่ค่อนข้างจะมีผลกับผู้ฟังเป็นอย่างมาก
เพราะไอ้ตู๋แม่งตั้งความหวังจะได้น้ำเชื้อของพี่ปลิงเอาไว้สูงลิบลิ่ว เพราะสุขภาพอันแข็งแรงและสายพันธ์ชั้นเยี่ยมของพี่ปลิงนั่นเอง
“เฮ๊ยยย
ไม่ได้นะเว่ย กูทาบทามพี่ปลิงเอาไว้แล้ว!!”
ไอ้ตู๋ดูเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินผมตั้งท่าจะบอกปัดเรื่องนัดผสมพันธ์หมา
ไอ้ลิงรีบเปลี่ยนเข้าเรื่องที่แม่งร่ำๆจะถามผมทางโทรศัพท์ให้ได้ตั้งแต่เมื่อเช้า
“ห่า!! เรื่องหมาเอากันกูไม่อยากรู้เว่ย
กูอยากรู้เรื่องคนเอากันมากกว่า...
.
...ไง
ไอ้เสือ...สรุปมึงได้แอ้มรึยัง?”...ผู้ชายเอากันนี่มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับมึงมากใช่ไหมครับไอ้คุณลิง
กูไม่เคยคิดว่าผู้ชายดีๆที่ไหน จะให้ความสนใจกิจกรรมทางเพศของเกย์กันหรอกนะเว่ย
ว่าแต่แม่ง ผมก็เสือกจะบ้าจี้ตอบแม่งไปอยู่ดี
“ยังว่ะ...เค้าซิงไม่ประสาซักอย่าง กูเลยต้องค่อยๆตะล่อม”
ไอ้ลิงแม่งยิ้มเยาะผมออกมาทันทีที่ได้ยินคำสารภาพดังออกจากปากผม
“แม่เจ้า!!
กูประทับใจว่าที่สะใภ้สัดๆอ่ะ ไม่อยากจะเชื่อว่าเค้าจะทำให้คนอย่างมึงอดทนรอได้ด้วย....
.
...เฮ๊ยพวกมึง!! ช่วยบอกกูทีเด๊ะว่า กูไม่ได้กำลังฝันอยู่”
ไอ้เพื่อนห่ามของผมคนนี้แม่งหันกลับไปหาเพื่อนหมออีกสองคนเพื่อหาแนวร่วม
ไอ้คิดเลยยิ้มให้แล้วพูดนิ่มๆด้วยสายตามีลับลมคมใน
“มึงจะให้กูรับหน้าที่บอกมึงดีๆไม๊ล่ะว่ามึงน่ะตื่นอยู่แน่ๆ...
.
...หึ หึ รับรองเลยไอ้ลิง...กูน่ะ
ไม่ทำอะไรรุนแรงมากหรอก...
...ตอนกูเย็บแผลสดเมื่อหลายวันก่อน
คนป่วยแม่งยังชมว่ากูมือเบากันทั้งนั้นแหละ
หึ หึ หึ”...นี่ถ้าผมไม่รู้ว่ามันเป็นหมอฝึกหัด
ผมแม่งต้องคิดว่าไอ้ห่าคิดนี่จิตเข้าขั้นแหงๆ
ยิ่งเวลาที่มันพูดถึงเรื่องผ่าตัดหรือทำแผลแต่ละที หน้าแม่งอย่างกับฮันนิบาล
เล็กเตอร์ตอนเฉือนเนื้อสมองคนเป็นๆออกมาทอดกิน
คงไม่ได้มีแต่ผมคนเดียวที่คิดแบบนี้
เพราะไอ้ลิงหน้าถอดสีทันทีที่หันไปเห็นหน้าไอ้หมอเต็มๆ
มันถึงกับรีบยกมือขื้นไหว้เหนือหูเหนือหัววุ่นไปหมดคล้ายๆกับขอชีวิต
“ไอ้เหี้ยหมอครับ ไม่ต้องเลยครับ กูแค่พูดเล่น”
ผมกับไอ้ตู๋ถึงกับหัวเราะในการหยอกล้อของเพื่อนทั้งสอง
ในขณะเดียวกันนั้นเอง...ร่างขาวๆบางๆที่ผมชอบนักชอบหนาก็เดินกลับออกมาพร้อมกับเด็กคนเดิม
ผมเลยร้องทักออกไปเพื่อหยุดบทสนทนาของเราทั้งสี่คนเอาไว้ก่อน
“อ้าว ขนุน...เสร็จแล้วเหรอฮะ?”
ผมรีบเดินออกไปรับร่างเพรียวอ้อนแอ้นของผมโดยไม่คิดรั้งรอ
เมื่อถึงเนื้อถึงตัว ผมก็ประคองแผ่นหลังบางๆนั้นให้เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกัน
“เป็นไง ใส่ได้ไม๊...คือน็อตให้คุณเน้ยส่งเพิ่มมาให้น่ะฮะ
ขนุนจะได้มีเสื้อผ้าลำลองแบบนี้ใส่บ้าง
เวลาเราไปทำกิจกรรมกลางแจ้งแบบนี้ยังไงล่ะฮะ”
ขนุนตอนนี้ที่หน้าไร้แว่นเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมแล้วยิ้มหวานให้
“อืม พอดีเลยล่ะ ขอบคุณนะน็อต”
ผมเลยอดยิ้มกว้างตอบกลับไป
แล้วเอ่ยชวน “งั้นเราไปลองขี่เจ็ทสกีกันเลยดีกว่าฮะ... เฮ๊ย ไอ้ลิง
ไอ้คันแดงน่ะขี่สองคนได้ช่ะ?” ผมเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วเอาถุงเสื้อผ้าขนุนกลับไปวาง
พร้อมๆกับบรรดาสิ่งของติดตัวที่ใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นที่ใส่มาวันนี้
“เออ...อย่าเพิ่งเร่งเครื่องเร็วนักล่ะ
ขนุนเค้ามือใหม่ไม่ใช่เหรอ?” ไอ้ลิงถามกลับมา
โดยที่ผมเห็นอาการที่มันมองมาที่ขนุนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ซึ่งไม่ต่างจากไอ้สองหมอ...สายตาแบบนั้น
ที่ผมเองก็เคยมีมาก่อน หลังจากได้เห็นหน้าเปลือยไร้แว่นของขนุนเป็นครั้งแรก
“คร๊าบบบ
ผมรู้แล้วคร๊าบ ผมจะระวังให้มากเลยคร๊าบบ....ไปกันเถอะฮะขนุน” ผมเดินจูงมือขนุนไปที่ท่าน้ำก่อนจะเตรียมความพร้อมให้อีกคนก่อนจะหัดขี่เจ็ทสกีเป็นครั้งแรก
ไอ้ลิงเรียกผมกับขนุนให้กลับขึ้นมากินข้าวก่อนฟ้าจะมืด
พวกเรานั่งกินอาหารค่ำแกล้มเหล้าไป คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ
จนเกือบสามทุ่ม... หลังจากที่เด็กเอาผลไม้และขนมหวานมาเสิร์ฟตรงกลางวง
ไอ้หมอก็เป็นตัวแทนโพล่งสิ่งที่ค้างอยู่ในใจพวกมันทั้งสามออกมาอย่างไม่มีปี่
ไม่มีขลุ่ย
“ไม่น่าเชื่อนะครับ
ว่าพอถอดแว่นแล้ว คุณขนุนก็ดูเหมือนเป็นคนละคนกับตอนแรกที่เราเจอกันเลยทีเดียว”
ไอ้สองคนที่เหลือแม่งก็พยักหน้าหงึกหงักรับกันเป็นทอดๆราวกับเป็นลูกคู่ในคณะตลก
ไอ้เหี้ยหมอนี่แม่งต้องติดใจเรื่องแว่น
- ไม่แว่นมากจริงๆนะเนี่ยะ
แต่ผมว่า ในบรรดาเราสี่คน...ไอ้หมอกับไอ้เหี้ยตู๋แม่งน่าจะชินได้แล้วไม่ใช่เหรอวะ
ก็พวกเรียนหมอส่วนใหญ่แม่งก็หน้าแว่นแทบทั้งนั้น
พอถึงเวลาถอดแว่น...แม่งก็ต้องมีโมเมนท์ดูเปลี่ยนเป็นอีกคนจนน่าจะเห็นบ่อยชวนให้เบื่อเต็มที
เพราะฉะนั้น...การที่ขนุนถอดแว่น ก็ไม่ควรจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับมึงและไอ้ตู๋ได้มากขนาดนี้เลยนี่หว่า
“เรียกผมว่าขนุนเฉยๆก็ได้ครับคุณคิด...แต่ผมไม่คิดว่าผมจะหน้าเปลี่ยนได้มากอย่างที่คุณคิดว่าหรอกนะครับ”
ขนุนแม่งต้องอายแน่ๆ ไม่งั้นแม่งไม่ใส่ใจเอาผมมาทัดหูอยู่แบบนี้หรอก...หึ หึ
น่ารักดีนะ
“งั้นก็เรียกพวกเราสามคนด้วยชื่อเล่นให้หมดเลยก็ได้ครับ
ไม่ต้องมีคุณหรอก...จะได้สนิทกันเร็วๆยังไงล่ะครับ” ไอ้คิดตอบด้วยท่าทางสบายๆและเป็นกันเอง
“ครับ
เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ... แล้วนี่พวกคุณสนิทกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?”...แหม่
เปิดช่องให้พูดหน่อยเป็นไม่ได้เลยนะฮะขนุน
เปิดประเด็นซักไซ้เรื่องของผมขึ้นมาอีกแล้ว...
...แต่ขนุนยังรู้จักพวกเพื่อนสนิททั้งสามของผมน้อยไป
ต่อให้เอาเงินมาจ้างพวกแม่ง
มันก็ไม่ยอมปริปากพูดเรื่องที่ผมไม่อยากให้ใครรู้ให้ฟังแน่ๆ... ไว้รอให้งานนี้เสร็จก่อนนะฮะ
น็อตจะพามาเจอทุกคนใหม่
ขนุนจะได้รับฟังทุกเรื่องที่อยากรู้จนเบื่อตายไปข้างเลยล่ะฮะ
ไอ้หมอหันมายิ้มให้ขนุนแล้วหลิ่วตาให้ผม
“ตั้งแต่เด็กๆเลยครับ เพราะพ่อแม่พวกเราเป็นเพื่อนกัน...จริงๆตอนแรกก็มีแค่ผม
ไอ้น็อต ไอ้ลิงนี่แหละฮะ แต่คุณพ่อพวกเราไปเล่นกอล์ฟ
แล้วก็ไปขยายก๊วนจนรวมเอาคุณพ่อของท่านชายตู๋คนนี้เพิ่มเข้ามาด้วย...
เราก็เลยกลายเป็นสี่เกลอหัวแข็งไป หึ หึ”
แน่ล่ะฮะ
เรื่องราวที่พวกมันจะเล่าให้ขนุนฟัง ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น
แต่จะตัดเอาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและความรักของผมออกไปเยอะเหมือนกัน
ตามท้องเรื่องที่ผมได้เคยกุกับขนุนเอาไว้
ไอ้สามตัวนี่ก็กะล่อนตัวพ่อไม่น้อยไปกว่าผมเท่าไรหรอกฮะ...ไม่อย่างนั้น
เราจะเป็นเพื่อนรักกันได้แบบนี้เหรอฮะ หึ หึ
“ตอนเด็กๆ
น็อตเค้าเป็นยังไงเหรอครับ?” นั่นไง...มันมาอีกแล้ว ผมควรจะดีใจมากกว่าไม่ชอบใจใช่ไหมฮะ
ที่ขนุนอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผม....โดยไม่เชื่อสิ่งที่ผมเคยบอกเล่าให้ฟังมาก่อน
เฮ้อ!!
ฉลาดจริงๆนะเมียกู...หรือควรจะเรียกว่าไม่ไว้ใจดีวะ??!!
ผมก็เลยต้องออกปากประท้วงรักษาสิทธิตามหน้าที่
“เอ่อ...ก็ตามที่น็อตเคยเล่าให้ขนุนฟังยังไงล่ะฮะ ขนุนไม่เห็นต้องถามพวกมันเลยนี่นา”
ขนุนหันกลับมาส่งสายตาดุๆให้ผม
ตากลมใสไร้แว่นนั้นมองชัดไปทุกอารมณ์แล้วฮะตอนนี้ “แต่ขนุนอยากรู้นี่
ว่าเพื่อนน็อตมองน็อตยังไง......เหมือน
หรือต่างกันจากที่น็อตเล่าให้ขนุนฟังรึเปล่า...
.
.
...น็อตก็นั่งเฉยๆเถอะ...
หรือว่าร้อนตัวกลัวขนุนจะรู้อะไรกันแน่?”
ขนุนยักคิ้วข้างหนึ่งส่งให้ผมเหมือนจะท้าทาย... คิดเอาไว้แล้วเชียว
ว่ามันต้องออกมาในรูปนี้
ขนุนแม่งไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะถามเรื่องผมให้หลุดลอยไปแน่ๆ
“โฮ๊ยยยย
เปล่าฮะ...เปล่าเลย ไม่กลัวเลยฮะ ไม่มีอะไรปิดบังทั้งนั้นแหละฮะ” ผมยักคิ้ว แถมหลิ่วตาทำหน้าทะเล้นส่งคืนกลับไปให้ด้วย
ไอ้หมอเห็นท่าทีของพวกผมสองคนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“หึ หึ หึ......เรื่องที่โรงเรียนไอ้เสือมัน พวกผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ
แต่นอกเวลาเรียนอย่างเสาร์อาทิตย์ หรือปิดเทอมนี่
มันก็เหมือนคนอื่นๆทั่วๆไปนี่แหละครับ...
...ว่างทีไร
พวกผมก็มาเจอกันตลอด...
...ไอ้เสือนี่นะเหรอ
ไม่ไงเลยฮะ เพื่อนเฮไหน แม่งเฮนั่น ไอ้หล่อนี่รักเพื่อนมาก
แถมยังเดือดร้อนแทนเพื่อนตลอด”...เพื่อนโผมครับ เพื่อนโผม!! มันต้องให้ได้อย่างนี้สิวะไอ้หมอ!... ผมนี่แทบต้องสกัดกั้นไม่ให้เผลอลุกยืนขึ้นเพื่อปรบมือเป็นเกียรติให้กับเพื่อนหมอแสนดี
ซึ่งทำหน้าที่ประหนึ่งโฆษกปากเอกโฆษณาประวัติอันดีงามของผมอย่างเต็มที่เสียจริงๆ
“ดีจังเลยนะครับ
พวกคุณท่าทางจะสนิทกันมากจริงๆ” ขนุนยิ้มรับ แต่สายตานี่ยังไม่วายเลิกสงสัย
ไอ้ลิงเลยเปลี่ยนเป็นฝ่ายป้อนคำถามให้ขนุนบ้าง
“แล้วขนุนล่ะครับ ไปไงมาไงถึงมารู้จักกับไอ้น็อตมันได้?”
“น็อตเค้าย้ายบ้านมาอยู่แถวๆบ้านผมน่ะครับ
ก็เลยรู้จักกัน” คนของผมแม่งก็ตอบเสียเรียบเกิ๊นนน จะบอกว่าผมแม่งเป็นคนพิเศษห่าเหวอะไรเสียหน่อยก็ไม่มี...เฮอะ
ขนุนนะขนุน!
“แล้วเพื่อนผมดีกับขนุนไม๊ครับ?....ถ้ามันทำอะไรให้ขนุนไม่พอใจ
บอกพวกเราได้นะครับ พวกเราจะจัดการมันให้เอง หึ หึ”
ไอ้ลิงแม่งหัวเราะเลวๆหันมาทางผม...ผมรู้ดีว่ามันต้องการยั่วให้ผมโกรธ
แต่ในเมื่อมันไม่ได้ล้ำเส้นอะไร ผมก็ไม่รู้จะตั้งท่าตีหน้ายักษ์ให้ดูเสียภาพพจน์ต่อหน้าขนุนไปเปล่าๆปลี้ๆเลยนี่ฮะ...
มึงไม่มีทางได้กินกูหรอกเว่ยไอ้สัดลิง หึ หึ!!
แต่ผมเกือบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินสิ่งที่ขนุนเพิ่งพูดออกมา
“ขอบคุณครับ...งั้นผมจะตั้งเบอร์พวกคุณสามคนเอาไว้เป็นเบอร์โทรด่วนเลยดีไม๊ครับ?” เจ้าตัวเอ่ยยิ้มๆให้ไอ้ลิง...
สงสัยจะรู้ว่าไอ้ลิงต้องการอะไร เลยรับลูกของไอ้เพื่อนทรยศของผมอย่างเต็มใจ
พอไอ้เพื่อนเลวสุดกวนตีนได้ทีแม่งก็เอาใหญ่
“งั้นพวกผมขอเป็นเบอร์โทรด่วนลำดับต้นๆก่อนเบอร์ของไอ้เสือเลยจะได้ไม๊ครับ? หึ หึ”
“มึงก็ทำพูดดีไป...เบอร์กูน่ะไม่ได้อยู่ลำดับไหนๆของเครื่องขนุนเค้าหรอกเว่ย”
คราวนี้ผมแม่งไม่ได้คิดจะขัดหรือแทรกแซงบทสนทนาห่าอะไรเลยฮะ แค่อยากจะบ่นในโชคชะตาความอาภัพของตัวเองให้เพื่อนๆได้รับฟังล้วนๆ
จริงๆผมมีเบอร์ขนุนอยู่แล้วนะฮะ...มีมาตั้งแต่เริ่มสืบงาน
X1 แล้วล่ะ
เพราะอ่านเจอจากในเมลเก่าๆตอนที่แฮ็คเครื่องขนุน แต่เพื่อความภาคภูมิใจอย่างที่สุด
ผมแม่งก็รอวันที่ขนุนบอกเบอร์ของเขาให้ผมด้วยตัวเองมากกว่า...เพราะความรู้สึกแม่งผิดกัน
แต่จนแล้วจนรอด...ประเด็นเรื่องเบอร์โทรฯก็ไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยเสียที
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา...ยิ่งช่วงหลังๆนี่ด้วยแล้ว เราสองคนก็ตัวติดกันเกือบตลอดเวลาจนแทบไม่ต้องกังวลเรื่องเบอร์ของอีกคนให้เหนื่อยเลย
ไอ้ลิงเลยถามกลับมาอย่างขำๆ
“อ้าว ทำไมวะมึง...หรือขนุนเค้าลบเบอร์มึงทิ้งไปแล้วงะ? หึ หึ”
“เปล่า...ขนุนเค้าไม่ได้ขอเบอร์กูตะหาก...” ผมตอบอย่างไม่ไว้ฟอร์ม
วินาทีนี้...ผมต้องเอาผู้ไม่เกี่ยวข้องในความสัมพันธ์ทั้งสามเห็นใจ และยินยอมมาเป็นพวกให้จงได้
และอำนาจในการกดดันให้ขนุนยอมทำตามใจผมตลอดค่ำคืนที่เราอยู่ที่นี่ก็จะตกอยู่ในมือผมทันที...หึ
หึ
ไอ้ลิงเผลออ้าปากกว้างจนแมงวันเข้าไปวางไข่ได้
“นั่นก็หมายความว่าไอ้เสือยังไม่มีเบอร์ขนุนเหรอวะ?...
.
...จริงเหรอครับขนุน?” เพื่อนผมแม่งหันเลื่อนจากหน้าผม
ไปมองหน้าขนุนแล้วถามด้วยความไม่ในสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปกับหูของตัวเอง แน่ละฮะ
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมไม่มีเบอร์ของคนที่คบด้วย
หรือคนที่ผมแค่สนใจชั่วคราวอยู่ในครอบครองมาก่อน... จะว่าไป ขนุนนี่ถือเป็นข้อยกเว้นแรกและข้อยกเว้นเดียวของผมเลยนะฮะ
“ครับ...ก็เราไม่เคยต้องโทรหากันเลยน่ะครับ”
คราวนี้ไอ้สามตัวนั่นถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่กกับความรู้ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อนี้
ไอ้ลิงเลยหันกลับไปประจบขอเบอร์ขนุนเพื่อกวนส้นตีนผมทันที
“งั้นคุณขนุนให้เบอร์พวกเราเอาไว้แล้วกันนะครับ
ไม่ต้องไปให้ไอ้เสือมันหรอก...ก็ไหนๆไม่มีเรื่องต้องโทรหากันอยู่แล้วนี่ครับ...เนอะ”...ไอ้สัดลิง
ไอ้เพื่อนเลี้ยงไม่เชื่อง... มึงกำลังล้ำเส้นมากเกินไปแล้วนะไอ้ห่า!!
แต่ผมแม่งก็ว่าเพื่อนฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกฮะ
เพราะคนของผมเองก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้ขนุนหยิบเอามือถือของตัวเองขึ้นมา ปลดล็อคเครื่อง
ก่อนยื่นส่งไปให้ไอ้ลิงระหว่างตอบคำแล้วนี่ฮะ “ครับ...นี่ครับเครื่องผม
พวกคุณเม็มเบอร์ไว้ได้เลย เดี๋ยวผมโทรกลับไปหาครับ...
.
.
...เอ่อ
ที่คิดบอกว่าน็อตเล่าเรื่องผมให้ฟัง...
น็อตเค้าเล่าอะไรเกี่ยวกับผมให้คิดกับคนอื่นๆฟังบ้างเหรอครับ?” ขนุนถามอย่างตั้งอกตั้งใจ
ไม่ต่างกับไอ้ลิงที่กำลังเม็มเบอร์ตัวเองกับไอ้หมอทั้งสองเข้าเครื่องขนุนให้อย่างขมีขมัน...ไอ้ลิงแม่ง!! ทีกูเนี่ยะ ไม่มีสักครั้งที่มึงจะให้การสนับสนุน
แต่กับขนุนว่าที่สะใภ้...มึงนี่เอาใจเม็มเบอร์เข้าเครื่องให้อย่างกับเบ๊...
นี่มึงเป็นเพื่อนกูประสาอะไร???!!!
“ก็ไม่อะไรมากหรอกครับ...
มันก็บอกว่าขนุนน่ารัก แล้วก็เป็นคนน่าคบ มีหลายๆอย่างที่ถูกใจมันมากน่ะครับ”
ไอ้หมอพูดจาดีทำคะแนนตีตื้นให้ผมอีกแล้วฮะ.... สงสัยคราวหน้าผมแม่งต้องแวะไปเลี้ยงข้าวกลางวันร้านแจ่มๆแถวโรงบาลแม่งเสียหน่อยแล้วว่ะ
“น็อตเค้าไม่ได้บอกว่าผมแปลกเหรอครับ?”....อ่าว
แล้วขนุนจะถามจี้ปมตัวเองเพื่ออะไรกันวะ? ฮึ่ยยย!! หรือว่าแม่งเสพติดความเจ็บปวด??!
คราวนี้ไม่ถึงมือไอ้หมอฮะ
เพราะไอ้ชายตู๋แม่งเสือกมาแล้ว “ไม่นะครับ...ถึงจะแปลก
ผมว่าแม่งก็คงจะไม่สนใจหรอกมั้ง อีกอย่าง...ผมว่าขนุนก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
ออกจะน่าสนใจอย่างที่ไอ้น็อตบอกด้วยซ้ำ” พูดเปล่าๆยังไม่พอ
แม่งแอบส่งสายตาปิ๊งปั๊งปัญญาอ่อนมาให้ขนุนอีก...
...ถึงไอ้สามตัวนี่แม่งจะรับได้เรื่องที่ผมจะมีเมียเป็นผู้ชายจนผมรู้สึกขอบคุณพวกมันมากก็จริง
แต่ไอ้เรื่องทดสอบความอดทนของผมด้วยการกวนประสาทผมเนี่ยะ
แม่งชักจะทำให้ความซาบซึ้งในมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของพวกเรามันจางหายไปในพริบตาได้เหมือนกันนะฮะ
“ไอ้สัดตู๋ครับ
แดกเหล้าไปเถอะครับ เรื่องพวกนี้กูพูดให้ขนุนฟังคนเองได้ มึงไม่ต้องมาประกาศแทนก็ได้มั้ง”
ผมหันไปด่าไอ้คุณชายอย่างเหลืออด
ฝันไปเถอะว่าเพื่อนทายาทวังใหญ่อย่างมันจะยอมลดราวาศอกให้ผม
“สัด!!!
แค่นี้ทำหวง...เค้าเป็นเพื่อนมึงนะเว่ย
ไม่ใช่เมีย..มึงจะไม่ให้เค้าคุยกับใครเลยงะ?...ไอ้ห่า”
พอไอ้ลิงแม่งคืนโทรศัพท์กลับไปให้ขนุน
แม่งก็เสริมทัพไอ้เหี้ยคุณชายทันที “ขนุนคิดยังไงกับเพื่อนผมครับ?”
“อืมมม....น็อตเค้าเป็นคนนิสัยดีนะครับ
ให้ความช่วยเหลือผมทุกอย่างโดยเฉพาะปัญหาของผม แล้วก็เป็นคนเอาใจใส่ทุกๆเรื่อง
แถมยังเข้าอกเข้าใจ...
.
...ผมโชคดีมากครับ
ที่มีน็อตเป็นเพื่อน” เจ็บฮะ...บอกได้เลยว่าเจ็บแปล๊บเข้าตรงกลางใจเลยฮะ
ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดของผมเองแม่งจะย้อนมาทำร้ายผมได้เจ็บปวดขนาดนี้......น็อตไม่อยากเป็นเพื่อนขนุนแล้วล่ะ
นาทีนี้...น็อตอยากเป็นผัวขนุนสัดๆเลยฮะ!!
“ขนุนคิดยังไงกับคำว่า
‘เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ’ ครับ?” ไอ้ลิงแม่งยังไม่หยุด แต่คำถามนี้เข้าทีฮะ
ขนุนยิ้มให้ไอ้ลิงก่อนจะตอบเนิบๆ
“ไม่ยังไงนะครับ...
.
...มันจะยังไงก็ต่อเมื่อเราคิดไม่ซื่อกับเพื่อนคนนั้นเหมือนกันน่ะครับ”
คนตอบทอดสายตาเหลือบมองมาทางผม แล้วอมยิ้ม...น่ารักว่ะ ว่าที่เมียกู...อย่าบอกนะว่าที่พูดเมื่อกี๊
เป็นการบอกใบ้ให้น็อตรู้ความในใจกลายๆ... ไม่ใช่มั้ง ก็ขนุนแม่งไม่ได้ชอบผมนี่หว่า
“เหยดดดดด...แล้วถ้าขนุนมีเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อซักคน
ขนุนจะทำยังไงครับ?”
ไอ้ลิงแม่งยังกัดไม่ปล่อย...นี่มึงชื่อลิงหรือว่าหมากันแน่วะ???!!
นี่ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง
ไอ้ลิงแม่งต้องยิ่งได้ใจและกัดขนุนจมเขี้ยวแน่ๆ
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจยุติการชกระหว่างเพื่อนๆผมกับขนุนเสียที “พอๆๆๆๆ
พอเลยพวกมึง สงสัยจะเมามากจนถามอะไรไม่เข้าท่าอย่างนี้...
.
...ไม่เอาแล้ว
กูไม่อยู่ต่อแล้ว เดี๋ยวต้องขับรถกลับบ้านอีก
ขืนอยู่ต่อกูเมาแอ๋ไม่ได้กลับบ้านแน่” ผมทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ได้ยินเสียงไอ้หมอร้องทักออกมาก่อน
“เฮ๊ย
ไอ้ลิง...คราวหน้าถ้าไอ้เสือมา มึงให้เด็กเตรียมกระโปรงเอาไว้ซักตัวดิวะ”
ไอ้หมอหันไปยิ้มเชือดเฉือนเหมือนฮันนิบาลอีกครั้งให้กับไอ้ลิง
ไอ้เพื่อนทรพีที่รักของผมแม่งก็เสือกรับมุกพร้อมชงให้เสร็จสรรพ
“ทำไมวะไอ้คิด?”
“ไม่ไงหรอก...กูว่าไอ้เสือแม่งป๊อดจนต้องเริ่มหัดใส่กระโปรงแล้วว่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ/ฮ่าๆๆๆๆๆ”
แล้วพวกแม่งก็หัวเราะประสานเสียงกันโดยพร้อมเพรียง...สัด! อย่าให้ถึงทีพวกมึงพาว่าที่เมียมาเปิดตัวนะ
กูจะไม่ไว้หน้าแม่งเลย...คอยดู
“ไอ้สัดหมอ!!...เดี๋ยวกูจะส่งบัตรสนเท่ห์ไปที่โรงบาลมึง
บอกว่ามึงล่วงเกินทางเพศคนป่วย เค้าจะได้ยึดใบประกอบโรคศิลป์มึงซะ”
ตอนนี้ผมแม่งสู้เหมือนหมาจนตรอกเข้าไปทุกที
เพราะผมแม่งก็ไปขนเอาเรื่องปัญญาอ่อนอะไรพวกนี้มาขู่พวกแม่งให้หุบตูด...
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะไอ้หมอแม่งตอกกลับผมมาอย่างไม่มีสะท้าน
“กลัวตายห่าเลยว่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ”
ไอ้ลิงเลยเปลี่ยนเรื่องมาถามผมให้แน่ใจอีกรอบ
“แล้วนี่มึงเปลี่ยนใจไม่กลับงะ? กูจะได้มอมเหล้าขนุนเค้าต่อ”
“เออๆๆๆ
กลับแล้วเว่ย...เจอกันอีกทีเมื่อไรเรียกกูด้วยนะ” ผมเลยรีบลุกขึ้นแล้วรวบข้าวของทั้งหมดไว้ในมือข้างหนึ่ง
ส่วนอีกข้างก็ยื่นไปหาอีกคนที่ยังนั่งอยู่
“ขับรถดีๆนะมึง”
ไอ้ตู๋สั่งความด้วยความเป็นห่วง
ผมเลยตอบมันกลับไปด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง
“พวกมึงก็อย่าเมามากจนตกน้ำตกท่าไปซะก่อนล่ะ เดี๋ยวพวกมึงจะไม่ทันได้เห็นหน้าอันชื่นบานของกูหลังจากได้เมีย”
“งั้นถ้ากูเห็นแล้ว...พวกกูก็ตายได้อ่ะดิวะ?”
ไอ้ลิงถามยิ้มๆพลางส่งสายตาล้อๆมาให้
“สัด!! เพ้อเจ้อว่ะห่า....ไปแล้วนะเว่ย”
“หวัดดีครับ”
ขนุนบอกลาเพื่อนผมที่ยังนั่งรากงอกไม่ไปไหน
“หวัดดีครับขนุน
มีอะไรโทรมานะครับ!!” ไอ้หมอปิดท้ายอย่างสวยงาม
“ขนุน...ไปกันเถอะฮะ
อย่าไปสนใจพวกแม่งเลย...เมาแล้วเรื้อนก็เงี้ยะแหละฮะ”
“อื้อ” หลังจากขนุนวางมือลงบนของผม
ผมก็จูงมือพาคนตัวเล็กกว่าเดินกลับออกมาขึ้นรถเพื่อกลับไปพักผ่อนที่บ้านกันเสียที
หลังจากใช้เวลาทำกิจกรรมนอกบ้านมาเกือบทั้งวัน
ผมหันกลับไปยิ้มให้คนที่เดินตามหลังมาเงียบๆ
แล้วเอ่ยออกไปอย่างร่าเริง “กลับบ้านเรากันนะฮะขนุน”
“อื้อ...กลับบ้านกันเถอะ”
ขนุนยิ้มหวานตอบมาให้...ช่างเป็นกำลังใจที่ดีก่อนการขับรถกลับบ้านเสียจริงๆ
ผมเดินอมยิ้มไปที่รถอย่างมีความสุขเมื่อเพื่อนๆของผมทุกคนให้การต้อนรับขนุนเป็นอย่างดี
แม้พวกแม่งจะทำตัวกวนตีนไปบ้าง แต่ก็มองข้ามไปได้...เพราะแม่งไม่มีเจตนาร้ายอะไรนอกเหนือไปจากสร้างความรำคาญใจให้ผมบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง
ส่วนคนที่กำลังเดินอยู่เคียงข้างผมคนนี้ ก็วางตัวได้น่ารักน่าเอ็นดูและไม่มีอาการตื่นตระหนกอย่างที่ผมกังวลไว้แต่แรก
ที่สำคัญ ขนุนยังทำตัวกลมกลืนไปกับกลุ่มเพื่อนผมได้ และดูจะมีความสุขอยู่ไม่น้อย...
...เอาล่ะ
ในเมื่อหนทางข้างหน้าไร้ซึ่งอุปสรรคจากบุคคลภายนอกที่มีความสำคัญกับเราทั้งสองเสียแบบนี้
ก็ถึงทีที่ไอ้น็อตจะรุกฆาตเก็บหมากทุกตัวในกระดานหัวใจของขนุนเสียที
...น็อตจะกินขนุนแล้วนะฮะ
เนี๊ยวๆ!!
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เพื่อนของน็อตแต่ละคนก็นะ 55555 ถูกใจจริงๆเลย
ReplyDeleteอยากเห็นขนุนเมาอีก 55555 ยั่วเยอะๆ แกล้งน็อตมากๆๆ
ฮ่าๆๆๆๆ...คืนนี้ขนุนไม่เมานะคะ เพราะน็อตไม่ให้กิน (พ่อคุณหวงไม่อยากให้เพื่อนเห็นขนุนน่ารักน่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆ) แต่เรื่องแกล้งนี่...แน่นอนค่ะ ทำอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าไม่แกล้งน็อต แล้วขนุนจะไปแกล้งใครล่ะคะ...ก็ขนุนเค้ารักน็อตอยู่คนเดียวนี่นา...เนอะ ^_^
ReplyDelete