Thursday, October 9, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 17: ปลาข้องเดียวกัน



บทรุกที่ 17: ปลาข้องเดียวกัน
(ปลาข้องเดียวกัน : คนพวกเดียวกัน)




ในระหว่างที่ผมกำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจ เสียงเล็กๆของตุ๊กตาหน้ารถข้างๆก็ดังขึ้น “น็อต...นี่เรากำลังจะไปไหนกันน่ะ?”

“อ๋อ...ไปบ้านเพื่อนสนิทน็อตน่ะฮะ” ผมยิ้มให้ขนุนที่กำลังทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก... ท่าจะงงอยู่ไม่น้อยล่ะสินะ หึ หึ

นี่แหละฮะที่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องขอให้ขนุนแต่งตัวดี เพราะเมื่อเช้าไอ้เพื่อนสนิทสามตัวของผมแม่งโทรมาจิกผมจนต้องแหกตาตื่นแต่เช้า พวกมันคะยั้นคะยอร้องขอให้ผมถ่อมาหาถึงที่บ้านนี่ อ้างว่าไม่ได้เจอหน้ากันมานานหลายเดือนแถมยังตอแหลให้ฟังเป็นวรรคเป็นเวรว่า พวกมันทั้งสามตัวคิดถึงผมมากแค่ไหน...

...แม้จะรู้จักพวกมันเป็นอย่างดี จนแน่ใจว่า...ไอ้เรื่องที่แม่งยกมาทั้งหมดนี่ แค่เป็นข้ออ้างที่ใช้เพื่อลากตัวผมมาเมาแอ๋แดดิ้นข้ามคืนข้ามวันด้วยกัน...แต่ผมก็ยอมลงให้พวกมันอยู่ดี  ผมเลยคิดเสียว่า...การมาเจอหน้าพวกมันโดยพร้อมเพรียงในเย็นวันนี้นับเป็นโอกาสอันดี ซึ่งผมจะอาศัยเป็นพิธีเปิดตัวขนุนให้เพื่อนผมแม่งได้รู้จักอย่างเป็นทางการแม่งเสียเลย ในฐานะสะใภ้คนแรกของกลุ่ม...ที่เป็นผู้ชาย ท๊าดา!!


“อ้าว ก็ไหนน็อตว่าจะพาขนุนไปเดทไม่ใช่เหรอ?” โมเอ้คุงถามผมอย่างสนอกสนใจ...อาจเป็นเพราะสองข้างทางที่เริ่มจะดูห่างไกลคำว่าเมืองเข้าไปทุกทีด้วยล่ะมั้ง ที่ทำให้ขนุนเริ่มจะนั่งไม่ติดที่จนเริ่มจะลุกลี้ลุกลนขึ้นมานิดๆ

“หึ หึ  เราก็มาเดทกันไงฮะ แต่เป็นเดทแบบที่น็อตจะได้ทดสอบความพร้อมของขนุนในการควบคุมการพูดให้เป็นปกติด้วยยังไงล่ะฮะ... ที่น็อตพามาที่นี่ เพราะขนุนจะได้เจอกับคนไม่รู้จัก เพื่อจะได้การฝึกพูดคุยกับคนแปลกหน้า เพื่อค่อยๆปรับการพูดให้เป็นปกติได้ยังไงล่ะฮะ...
.
.
...ขนุนไม่ต้องกังวลไปนะฮะ   เพราะน็อตรับรองเลยว่า...จะไม่มีใครตัดสิน ล้อเลียน หรือพูดจาเสียงแทงใจอะไรพวกนั้นเลยแม้แต่คนเดียวฮะ เพราะไอ้พวกที่ขนุนจะเจอเย็นวันนี้เป็นเพื่อนสนิทของน็อตเอง... 
.
...น็อตรู้จักพวกมันมาตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กๆ เพราะฉะนั้น...น็อตขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าพวกมันไม่มีนิสัยชอบตัดสินคนอื่น หรือดูถูกใครแน่นอนฮะ” ผมเอื้อมมือไปคว้ามือนิ่มๆของขนุนข้างที่อยู่ใกล้มาวางเอาไว้บนตักแล้วกุมเอาไว้เพื่อปลุกปลอบ

มือเล็กๆในอุ้งมือผมบีบปลายนิ้วของผมกลับเบาๆ พร้อมๆกับที่เจ้าของมือส่งประโยคคำถามเข้าประเด็นออกมา “อืมมม...โอเค ถ้างั้นก็แสดงว่า ขนุนจะโดนลงโทษนับตั้งแต่วันนี้เลยใช่ไม๊?” ตอนนี้มือข้างที่ผมกุมอยู่ถูกกระตุกเบาๆ คล้ายกับขนุนต้องการจะทวงคำตอบของคำถามข้อนี้

ผมยิ้มส่งให้กับคนใจร้อน “ฮะ... แต่ขนุนก็อย่ากังวลไปสิฮะ  ถ้าขนุนพูดได้ปกติเหมือนที่คุยกับน็อตนี่ ขนุนก็ไม่โดนลงโทษหรอกฮะ...   อีกอย่าง...น็อตก็อยู่ด้วยทั้งคน  ขนุนแค่ทำเหมือนตอนที่ไปเจอเพื่อนของน็อตอีกกลุ่มนึงที่ร้านอาหารเมื่อวันก่อน ก็เท่านั้นเอง...ฟังดูไม่ยากเกินไปใช่ไหมฮะ”

เหมือนว่าคำปลอบใจของผมจะได้ผล เพราะขนุนดูคลายความตื่นเต้นลงไปมาก “ขนุนจะลองดูก็แล้วกันนะ...
.
...แล้วน็อตจะตอบขนุนเรื่องที่ขนุนถามได้รึยังล่ะ?”

สงสัยจะอยากรู้เรื่องนี้มากจริงๆ ถึงได้ถามผมอยู่ทุกเมื่อที่มีโอกาส... นี่อยากให้ผมบรรยายความรู้สึกของผมที่มีต่อเหตุการณ์เมื่อคืนถึงขนาดอดทนรอนิดรอหน่อยไม่ได้เลยหรือไงกัน??...

...สงสัยจะอยากเอาไปเขียนนิยายมากเลยล่ะมั้งเนี่ยะ  แต่เรื่องแบบนี้ มันต้องคุยกันตอนที่เราสองคนมีเวลาและไม่มีเรื่องกวนใจ... ไอ้ครั้นจะหยิบยกขึ้นมาคุยเอาตอนขับรถนี่  ไอ้น็อตถือว่าไม่เหมาะไม่ควรแถมยังกวนสมาธิของคนขับเป็นอย่างยิ่ง...

...เพราะฉะนั้น... รอไปก่อนนะจ๊ะเบ่เบ๋  “น็อตขอเลื่อนเป็นตอบตอนก่อนนอนคืนนี้ก็แล้วกันฮะ เพราะอีกไม่ถึงสิบนาทีเราก็น่าจะถึงบ้านไอ้ลิงกันแล้วล่ะ เริ่มเล่าตอนนี้ท่าจะค้างมากกว่าเคลียร์นะฮะ...
.
...อีกอย่าง น็อตอยากมองหน้าขนุนเวลาเล่าเรื่องนี้ให้ขนุนฟังด้วยน่ะฮะ”

ขนุนพยักหน้าให้ผมแล้วเปลี่ยนเป็นนั่งนิ่งๆเหมือนคนกำลังกำหนดลมหายใจเข้าออกและทำสมาธิอยู่ ดูๆไปแล้วขนุนแม่งก็น่าจะตื่นเต้นไม่น้อย ที่ต้องมาเจอเพื่อนผมโดยไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนล่วงหน้าแบบนี้... 

จริงๆผมอยากจะบอกขนุนว่าไม่ต้องทำใจอะไรมากมาย เพราะผมเตรียมความพร้อมของคนฝั่งผมมาเป็นอย่างดีแล้ว... ทั้งเล่าเรื่องทั้งหมดที่จริงและไม่จริงแบบแบไต๋ไม่มีกั๊กให้พวกมันได้รับรู้ เพื่อจะได้เตรียมตัวต้อนรับว่าที่สะใภ้ใหม่ให้สมฐานะที่สุด... และแน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องงานของผมถูกเปิดเผยด้วยฝีปากคมกริบของเหล่าบรรดาเดอะแกงค์ จนกลายเป็นประเด็นให้ขนุนจับได้เสียก่อน




หลังจากจอดรถและขนข้าวของที่เตรียมมาเป็นพิเศษสำหรับวันนี้เอาไว้ในมือข้างหนึ่ง  ผมก็ใช้มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่กุมประสานกับมือขนุน ก่อนเดินนำคนตัวเล็กกว่าผ่านสวนหน้าบ้านทะลุมาทางด้านหลังเพื่อมาหยุดตรงชานปูนริมน้ำ ซึ่งเจ้าของบ้านทำเอาไว้เทียบเรือสปีดโบ๊ทและพาหนะทางน้ำอื่นๆเท่าที่จะสรรหามาไว้ในครอบครองได้อย่างไม่ยากลำบากนัก  ตรงมุมหนึ่ง...เจ้าของบ้านได้ปลูกเรือนรับรองเล็กๆโดยยกพื้นสูงพอเป็นพิธี และตกแต่งจัดแจงให้เป็นพื้นที่สำหรับสังสรรค์และพักผ่อนหย่อนใจกินลมชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ไอ้ลิงหนึ่งในทายาทเจ้าของบ้านกำลังนั่งเหม่อมองออกไปกลางแม่น้ำพลางละเลียดเครื่องดื่มสีอำพันในแก้ว โดยมีเด็กในบ้านคอยหมุนซ้ายหมุนขวาจับโน่นหยิบนี่ให้อยู่อีกสองคน  ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเราสองคน ไอ้ลิงก็หันกลับมามองทางผมก่อนจะยิ้มให้ แล้วชูแก้วในมือขึ้นสูงกลางอากาศก่อนทักทายสั้นๆ “ไอ้เสือ
!!!

พอได้ยินสรรพนามคุ้นหูแบบนี้...ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมฮะ ว่าไอ้ลิงแม่งสนิทกับคุณป๋ามากขนาดไหน...
...ก็ในบรรดาเหล่าเพื่อนสนิททั้งสามของผม  มีไอ้นี่คนเดียวที่หน้าด้านมาอาศัยกินนอนฝากตัวฝากกระเพาะอยู่ที่บ้านผมกับคุณบี๋และคุณป๋าบ่อยที่สุด  วันไหนที่มันครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมา...แม่งก็มาชวนคุณป๋าดวลพูลถึงที่บ้านเพื่อหาเจ้ามือจ่ายค่าไวน์ขวดละหลายแสนที่พี่สาวแม่งเป็นตัวแทนนำเข้าอยู่  แล้วก็มันอีกนี่แหละ...ที่เริ่มเรียกผมด้วยฉายาที่คุณป๋าตั้งให้ต่อหน้าเพื่อนอีกสองคน จนผมว่าไอ้เพื่อนห่าพวกนี้แม่งต้องลืมไปแล้วล่ะว่าชื่อเล่นผมจริงๆมันคืออะไร

“ไอ้เหี้ยลิง....ไงมึง!! อาทิตย์นี้ไม่เข้าร้านเหรอวะ? หรือว่าร้านมึงใกล้จะเจ๊งแล้ว” ผมถามกวนประสามแม่งอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ไอ้นี่แม่งก็จริงจังกับร้านเหล้าของมันมาก ใครแซวนิดแซวหน่อยเป็นไม่ได้...แม่งมีขึ้นตลอดเวลา แต่ผมว่าหน้าแม่งตอนได้ยินถึงความหายนะของร้านมันนี่...ตลกเข้าทีเลยนะฮะ

“ไอ้สัด เพิ่งเจอหน้ากันมึงก็แช่งร้านกูซะแล้ว ไอ้เพื่อนห่า!!!......สองอาทิตย์นี้กูลาพักร้อนเว่ย พี่ปอมแกเลยเข้าร้านแทน...
.
...แต่ได้พักร้อนมั่งก็ดีเหมือนกันว่ะ เพราะสามปีติดแล้วนะเว่ย ที่กูไม่ได้โงหัวไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่ไหนนอกจากที่ร้านเลยว่ะสัด...กูแม่งโคตรน่าสงสารอ่ะ” ไอ้ห่าลิงแม่งก็ชอบรำพึงรำพันออกสื่อจนน่ารำคาญ

ผมเลยอดปากเอาไว้ไม่ได้อีกครั้ง “ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็ผับมึงเสือกดังเองหนิ....นี่กูนึกว่ามึงทำใจได้นานแล้วนะเนี่ยะ ยังเสือกจะทำสำออยอีก...
.
...แล้วไอ้เหี้ยคิดกับคุณชายตู๋ล่ะ? พวกแม่งไปมุดหัวอยู่ที่ไหน?” ผมถามหาเพื่อนอีกสองคนที่ยังไม่เห็นหน้าจนป่านนี้ ทั้งที่พวกมันบอกผมตั้งแต่ตอนคุยกันเมื่อเช้าว่า พวกมันอาศัยจังหวะที่สมาชิกคนอื่นๆในบ้านไอ้ลิงบินไปเที่ยวสเปนช่วงหยุดยาว เข้ามายึดครองบ้าน และสมบัติของป๊าม๊าไอ้ลิงเอาไว้ทั้งหมดได้สามสี่วันได้แล้ว

แทนที่จะตอบดีๆ ไอ้ลิงกลับชี้นิ้วให้ผมมองไปในแม่น้ำ จนผมเห็นไอ้สองตัวนั่นกำลังเล่นเจ็ทสกีกันอย่างเมามัน สักพัก..เจ้าของบ้านก็ให้ข้อมูลวงในเพิ่มเติม “โน่นนนนนนไงมึง....มึงไม่เห็นรึไงว่าแม่งกำลังขับลูกรักกูอยู่กลางแม่น้ำนั่นงะ...
.
...ไอ้เหี้ยตู๋แม่งก็เสี้ยนจัด มาบ้านกูรอบนี้แม่งก็เล่นได้ทู๊กกกกกวัน  มึงไม่รู้หรอกว่าแม่งเกือบจะเสยเรือขนทรายไปหลายรอบแล้ว  ดีนะไอ้เหี้ยคิดกับกูเข้าไปช่วยแม่งไว้ได้ทัน ไม่งั้นมาคราวมึงได้เจอหน้าแค่กูกับไอ้คิดแหงๆ...
...มึงมาก็ดีแล้วไอ้ห่าเสือ  กูจะได้ให้เด็กๆตั้งวงเหล้า กับติดเตาย่างบาร์บีคิวซะที....
.
.
...อ้าว แล้วนั่นใครวะ ใจคอมึงจะไม่แนะนำให้เพื่อนผู้มีเกียรติของมึงคนนี้ได้ทำความรู้จักเค้าซะหน่อยเหรองะ???...
...หรือว่ามึงหวง อยากจะเก็บเค้าเอาไว้สนิทด้วยอยู่คนเดียว?”  ไอ้เหี้ยลิงมองสำรวจขนุนที่ยืนซ้อนหลังผมอยู่อย่างขำๆ  ไอ้เหี้ยนี่แม่งก็สันดานดีเกิ๊นนนน  พอรู้ว่าขนุนเป็นคนไม่ค่อยพูดและเก็บตัวเข้าหน่อยแม่งก็แซวไม่เลี้ยงกันเลยทีเดียว

ผมเลยรีบกางปีกปกป้องว่าที่เมียทันที “ไอ้สัด!!..กูแค่คุยกะมึงติดพัน ไม่ได้ลืมแนะนำเค้าเว่ย...
.
.
...ขนุน... ไอ้เหี้ยนี่ชื่อไอ้ลิง มันเปิดผับอยู่แถวทองหล่อ ไอ้นี่มันหม้อมากแถมยังปากหมาตัวพ่อ อยู่ห่างๆเอาไว้ก็ดีนะฮะ...
...ส่วนไอ้เหี้ยลิง... นี่ขนุน เพื่อนใหม่กู เค้าทำงานเป็นนักเขียน มึงก็ทำตัวดีๆกับเค้าหน่อย เพราะเค้าไม่เถื่อนเหมือนมึง...
.
.
...เออ แต่วันนี้พวกกูไม่อยู่ดึกนะเว่ย พรุ่งนี้กูต้องไปช่วยงานพี่ปีย์แต่เช้าว่ะ โทษทีนะมึง”  ผมตอบเพื่อนตัวเองและบอกปัดความคิดโต้รุ่งออกไปจากสมองของมันทันที หลังจากได้รับโทรศัพท์สั่งงานของพี่ปีย์เมื่อตอนบ่าย

“หวัดดีครับ” ขนุนเขยิบมายืนข้างๆผมแล้วเอ่ยทักทายไอ้ลิงอย่างสุภาพ

ไอ้ลิงยิ้มให้ขนุนแล้วลุกขึ้นกุลีกุจอจัดแจงที่นั่งให้ “หวัดดีครับขนุน เชิญนั่งตามสบายนะฮะ...
...แหม่ อะไรจะสองมาตรฐานได้ขนาดนี้ครับไอ้เสือ... กับขนุนมึงเรียกแทนตัวว่าเค้า แต่กับกู เหี้ยมั่งล่ะ มึงมั่งล่ะ แนะนำกูด้วยคำบรรยายไม่เหลือดีเท่าที่โลกนี้จะคิดได้มั่งล่ะ....
.
...นี่ดีนะว่ากูยังเคารพนับถือคุณป๋าประดุจบิดาในอุทร ไม่งั้นกูด่าพ่องแน่...ฝากไว้ก่อนนะมึง!!” ไอ้ลิงพูดพลางชี้หน้าผมไปพลางเหมือนเด็กๆวางท่าทะเลาะกับเพื่อน

ผมยิ้มกวนตีนให้แม่งแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้างๆขนุน โดยไม่ลืมยกนิ้วกลางชี้หน้าแม่งกลับ... เพื่อนกันก็งี้แหละฮะ อะไรที่ทำแล้วแม่งสะกิดส้นตีนอีกฝ่ายให้กระดิกริกๆได้ พวกผมแม่งก็ทำทั้งนั้นแหละ ”สัด...พ่องงงงมาเสียขนาดนี้มึงด่ามาเลยเหอะ!!

“อะไรของพวกมึงสองตัว กูเห็นท่านน็อตเพิ่งมาถึงเมื่อกี๊เองนี่หว่า นี่มึงกัดกันเหวอะไปถึงไหนๆแล้วเหรอวะ? ฮะ ฮะ” ไอ้คิดเดินตัวเปียกกลับเข้ามาสมทบ... นี่มึงไปเล่นเจ็ทสกีหรือไปเล่นน้ำสงกรานต์มากันแน่วะ??  ทำไมถึงได้เปียกซ่กไปทั้งตัวแบบนี้ แล้วเสื้อน่ะทำไมไม่ใส่ติดตัวเอาไว้เสียหน่อย...เดี๋ยวขนุนแม่งก็เมานมกับซิกแพ็คมึงกันพอดีหรอกไอ้ห่าหมอ!!

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ออกปากเตือนไอ้คิดเรื่องสารรูปล่อสายตาของแม่ง  ไอ้ตู๋ที่อยู่ในสภาพเดียวกันกับไอ้คิดไม่มีผิดเพี้ยนก็ตะโกนแทรกมาทันที ระหว่างที่แม่งกำลังวิ่งขึ้นมาจากริมฝั่ง “ไอ้เหี้ยคิด!! มึงทิ้งกูนะไอ้สัด ไหนบอกว่าคนที่ขับไปถึงทุ่นกลางน้ำก่อนชนะไง แล้วทำไมมึงถึงวนกลับเข้าบ้านมาก่อนล่ะวะ?....ห่า ดูซิเนี่ยะ กูเกือบหลงโง่ขับไปคนเดียวแล้วงะ”
.
.
ตามประสาคุณชายลูกหลานขุนน้ำขุนนางเก่า พอมันหันหน้าเบือนจากไอ้คิดกลับมามองทางผมแล้วเห็นขนุนเข้า มันก็ถามเสียงอ่อยออกมาอย่างมีมารยาท พลางเริ่มเอามือปิดตามเนื้อตัวท่อนบนของตัวเองที่ไร้เสื้อผ้าคลุม “ชะอุ้ยยย ขอโทษนะครับ คือปกติพวกผมก็มักจะคุยกันแบบนี้ คุณคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไม๊ครับ?”

ขนุนยิ้มให้แล้วตอบอย่างสุภาพพอกันกลับไป “ไม่เป็นไรครับ เชิญพวกคุณทำตัวตามสบายเถอะครับ”

ผมเลยถือโอกาสแนะนำเพื่อนสนิทอีกสองคนที่เหลือของผมให้ขนุนรู้จักทันที “ขนุนฮะ...ไอ้นี่ชื่อคิดนะฮะ มันเป็นว่าที่หมอคน  ส่วนไอ้ที่เพิ่งเห่าจบไปนั่นชื่อไอ้ตู๋...เพิ่งเริ่มเป็นหมอสัตว์ได้ไม่นาน...
.
.
...และไอ้เหี้ยที่เคารพทั้งสองครับ คนนี้ชื่อขนุนนะ คนที่กูเล่าให้ฟังเมื่อเช้าไง” ไอ้สองตัวก้มหัวเชิงทักทายกลับมาให้ขนุนพร้อมรอยยิ้มกว้าง หางตาผมแม่งไม่วายมองไปเห็นไอ้ลิงแอบทำหน้าพยักเพยิดทำนองล้อเลียนผมกับขนุนส่งไปให้ไอ้ตู๋ดู

ไอ้หมอเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่พาดเอาไว้มาโยนให้ไอ้ตู๋ แล้วหยิบอีกผืนขึ้นมาคลุมร่างกายท่อนบนของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะหันกลับมาพูดกับขนุนด้วยน้ำเสียงน่าฟัง  “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ในที่สุดก็ได้เจอตัวเป็นๆของคุณขนุนซักที พวกผมได้ยินที่ไอ้น็อตเล่าให้ฟัง จนชักอยากเจอหน้าค่าตาคุณขนุนตัวเป็นๆดูสักครั้ง...
.
...ไม่นึกว่าวันนี้จะมีโอกาสดีได้มาเจอกันเข้าจริงๆ พวกเรายินดีมากนะครับ ที่คุณขนุนให้เกียรติมาด้วยกันกับไอ้เสือ”

ไอ้หมอแม่งก็เข้าใจจุดประเด็นดีจริงๆ เพราะจากที่ดูตื่นเต้น ขนุนแม่งก็กลายเป็นสนอกสนใจสิ่งที่ไอ้หมอเพิ่งพูดจบไปขึ้นมาทันที “ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเหมือนกันครับที่ได้มาเจอเพื่อนสนิทของน็อตโดยพร้อมหน้า ว่าแต่...น็อตเค้าเล่าเรื่องผมให้พวกคุณฟังด้วยเหรอครับ?”

เพื่อไม่ให้เรื่องมันเลยเถิดเกินควบคุม ผมเลยอดฆ่าตัดตอนบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ “ขนุนฮะ...เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวขนุนไปเปลี่ยนชุดก่อนดีไม๊ฮะ น็อตจะได้สอนขี่เจ็ทสกีตอนที่ฟ้ามันยังไม่มืดยังไงล่ะฮะ...
.
...อ่ะนี่ เสื้อผ้าขนุนฮะ น็อตเตรียมมาให้แล้ว ส่วนในถุงเล็กนี่เป็นคอนแทคนะฮะ...ใส่เอาไว้ เวลาเล่นจะได้คล่องตัวไม่ต้องกลัวแว่นหล่น  เดี๋ยวก่อนเล่นเราค่อยมาใส่แว่นกันลมกันอีกทีนึง” ผมยืนขึ้นแล้วหอบข้าวของที่ถือมาแต่แรกเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง
.
.
ผมหันไปมองหน้าไอ้ลิงก่อนจะยื่นมืออีกข้างฉุดมือขนุนให้ยืนขึ้นตาม “...เดี๋ยวเดินตามน้องเข้าไปนะฮะ เค้าจะพาไปเข้าห้องน้ำแล้วก็พากลับออกมาเอง”

ไอ้ลิงเลยเรียกเด็กผู้ชายหัวเกรียนวัยมัธยมผู้เป็นลูกน้องในบ้านให้มารับคำสั่ง “เฮ๊ย ไอ้หมั่น!! มึงเดินพาคุณเค้าเข้าไปเปลี่ยนชุดนะ...รอเค้าจนกว่าเค้าจะออกมา แล้วก็พาเค้ากลับมาหาพวกกูที่นี่ เข้าใจไม๊วะ” เด็กหนุ่มหน้าตาฉลาดเฉลียวพยักหน้าให้ไอ้ลิงพร้อมรอยยิ้ม แล้วมารับถุงไปจากมือผมก่อนเดินนำขนุนเข้าบ้านไป



ยังไม่ทันที่ขนุนจะเดินพ้นไปไกลเท่าไรนัก ไอ้ตู๋แม่งก็เปิดบทสนทนาทันที “เหยดดดดดด ไอ้เหี้ยน็อต  มึงช่วยพูดให้กูกระจ่างอีกซักทีซิ...ว่า...คนนี้...ของจริงใช่ไม๊วะ?”

แล้วคนปากยื่นปากยาวอย่างไอ้ลิงแม่งก็เสริมเข้ามาทันทีโดยไม่ต้องเตรียมตัว “แหม่ ชายตู๋ขอรับ มึงเองก็ร่ำเรียนมาตั้งหลายปี  ดีกรีเป็นถึงชายหมอหมาขี้เรื้อนข้างวังจุทาเทพ...มึงก็ไม่น่าจะต้องถามอวดภูมิอันน้อยนิดของมึงเลยนี่หว่า...
.
.
...เมื่อกี๊มึงไม่เห็นท่าทางของไอ้เสือรึไงวะ  นี่แม่งมองตามขนุนซะตาเชื่อมเป็นประกายวิ๊งๆๆไม่วางตา กูว่าถ้าสิงร่างเค้าได้...แม่งก็คงทำไปแล้ว  นั่นยังน้อยไป...เห็นวิธีที่แม่งปรนนิบัตรเอาใจเค้ารึเปล่าวะ? แม่งโคตรประคบประหงมห่วงใยขนุนออกนอกหน้า อย่างกับว่าเค้ากำลังอุ้มท้องลูกของแม่งอยู่ยังไงยังงั้น...  
.
...ไอ้คุณชาย มึงก็คบไอ้เสือมาตั้งกี่ปี มึงลองนึกย้อนดูซิ...ว่าเคยมีซักครั้งไม๊ ที่ไอ้เสือจะเอาใจใครได้เท่ากับที่แม่งทำกับขนุน แถมแม่งยังทำดีกับเค้าให้มึงเห็นต่อหน้าต่อตาพาให้ขนตูดลุกแล้วลุกอีกได้แบบนี้...มีไม๊???..
...ไม่มี๊ ไม่มีใช่ไม๊ขอรับคุณชายตู๋....
.
.
...บรึ๋ยยยยส์...ตอนกูพูดอยู่นี่ ขนตูดกูยังลุกไม่หายเลยนะเว่ย... ถ้าไม่เชื่อ พวกมึงจะดูก็ได้นะ แต่ขออย่างเดียว...ถ้าเห็นตูดกูแล้ว พวกมึงต้องรับผิดชอบที่ผิดผีกูด้วย”  เพื่อให้สมกับอารมณ์ที่บิวท์เอาไว้หนัก  ไอ้เหี้ยลิงเลยทำท่าประกอบราวกับกำลังขวยเขินแบบโอเว่อร์สัดๆ

“กระแดะ!!” ผมด่าไอ้เหี้ยลิงอย่างเหลืออด ไอ้คนถูกด่าก็เสือกยิ้มรับอย่างไร้ยางอาย

แต่ไอ้หมอที่แม่งไม่สนใจอะไรพวกผมก็ตั้งข้อสังเกตตามแบบฉบับของแม่งขึ้นมาโดยไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า “หึ หึ....กูแค่แปลกใจอยู่สองอย่าง ข้อแรก...ไอ้เสือที่เปลี่ยนผู้หญิงมาไม่ซ้ำหน้าอย่างมึง แถมยังคบสาวไหนไม่นานเกินสองเดือน สุดท้ายก็ดันมาตกม้าตายเพราะอยากมีแฟนเป็นผู้ชาย...
.
.
...ส่วนข้อสองที่กูเพิ่งจะตระหนักได้ นั่นก็คือ... มึงแพ้ทางคนใส่แว่น....
...ไอ้สัด!! ถึงได้ว่า...ตอนม.สี่ที่กูกะมึงเรียนพิเศษอังกฤษด้วยกันกับครูพี่ก้อย มึงถึงได้ชอบทำหน้าแปลกๆอยู่ตลอดเวลา...
.
...ไอ้ห่า กูรึก็อุตส่าห์เป็นห่วงติวเพิ่มให้มึง เพราะหลงคิดว่ามึงไม่เข้าใจ ที่ไหนได้...มึงก็ชอบแบบครูพี่ก้อยนี่เอง ปิดปากเงียบเลยนะไอ้สัดเสือ”  ไอ้หมอด่าผมไปก็ยิ้มไประหว่างที่นึกถึงเรื่องของผมกับมันในวัยเด็ก

ผมถึงกับเดือดร้อนแก้ข่าวแทบไม่ทัน เพราะสิ่งที่แม่งพูดมาไม่ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงแม้แต่น้อย “กูไม่ได้ชอบครูพี่ก้อยเว่ย แต่หลังจากได้เจอเค้า มันคงเป็นจังหวะที่ทำให้กูเริ่มเข้าใจตัวเองไง ว่ากูชอบคนแบบไหน...ไม่งั้นกูคงจีบครูพี่ก้อยไปนานแล้วเหอะ”

“ฮั่นแน่!! งั้นก็แสดงว่ามึงยอมรับแล้วใช่ไม๊ไอ้เสือ ว่ามึงชอบขนุนเค้า?” ไอ้ลิงเสือกถามกลับมาทันที ส่วนไอ้หมอก็นั่งฟังยิ้มพลางจิบเครื่องดื่มของมันไปด้วย

ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังพวกมันอีกต่อไป เพราะถ้าขนุนจะเข้ามาอยู่ในชีวิตผม พวกมันคือคนกลุ่มที่สองถัดจากคนในครอบครัว ที่ผมอยากให้ยอมรับและทำความรู้จักกันเอาไว้ “เออ...คนนี้กูเอาจริง แม่ของลูกกระแป๋งคู่ของกูเลย”

ไอ้ตู๋ที่กำลังกระเดือกเหล้าลงคอทำท่าเหมือนเกือบจะสำลักเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมเพิ่งบอกออกไป “เหยดดดดด ไอ้ห่าเสือ..มึงคิดจะมีเมียทั้งที แม่งจะมีเหมือนคนอื่นเค้าก็ไม่ได้ มึงนี่ต้องแหวกแนวตลอดเว...
.
.
...แต่อย่าบอกนะว่า เรื่องแหวกแนวของมึงเกิดจะหักมุมเอาตอนจบอีกรอบ...
...จากที่มึงเคยทำหน้าที่สามีให้หญิงอื่นมากหน้าหลายตา พอมามีความสัมพันธ์จริงจังคราวนี้  มึงเลยเกิดนึกอยากจะเปลี่ยนขั้วมาลองทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีให้ขนุน...ช่ะ?” ไอ้ชายตู๋ล้อผมหน้าเป็น

“ไอ้สัดตู๋...ไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้ว่าโง่หรอกนะมึงน่ะ....
...ถามจริง?? นี่มึงดูไม่ออกเหรอวะว่า...หน้าตาน่ารักๆแบบขนุนเนี่ยะ เค้าเป็นเมียกูได้แค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้นแหละเว่ย...
.
.
...เดี๋ยวเหอะนะ ถ้าพี่ปลิงถึงรอบซั่มเมื่อไร กูจะไม่บอกพี่ปีย์ให้พาไปขึ้นน้องจีจี้ของมึงแน่...
...ทีนี้มึงเลิกหวังจีจี้น้อยสายเลือดเพ็ดดีกรีเทพอย่างพี่ปลิงไปได้เลยเว่ย”  ผมไม่ลืมขู่มันเรื่องที่มันเคยออกปากขอพี่ปีย์ผ่านผมให้ยอมพาพี่ปลิงไปเป็นพ่อพันธ์ให้ลูกจีจี้สุดรักสุดสวาทของเมื่อสองเดือนก่อน  ที่ไอ้คำขู่นี่ค่อนข้างจะมีผลกับผู้ฟังเป็นอย่างมาก เพราะไอ้ตู๋แม่งตั้งความหวังจะได้น้ำเชื้อของพี่ปลิงเอาไว้สูงลิบลิ่ว เพราะสุขภาพอันแข็งแรงและสายพันธ์ชั้นเยี่ยมของพี่ปลิงนั่นเอง

“เฮ๊ยยย ไม่ได้นะเว่ย กูทาบทามพี่ปลิงเอาไว้แล้ว!!” ไอ้ตู๋ดูเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินผมตั้งท่าจะบอกปัดเรื่องนัดผสมพันธ์หมา

ไอ้ลิงรีบเปลี่ยนเข้าเรื่องที่แม่งร่ำๆจะถามผมทางโทรศัพท์ให้ได้ตั้งแต่เมื่อเช้า “ห่า!! เรื่องหมาเอากันกูไม่อยากรู้เว่ย กูอยากรู้เรื่องคนเอากันมากกว่า...
.
...ไง ไอ้เสือ...สรุปมึงได้แอ้มรึยัง?”...ผู้ชายเอากันนี่มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับมึงมากใช่ไหมครับไอ้คุณลิง กูไม่เคยคิดว่าผู้ชายดีๆที่ไหน จะให้ความสนใจกิจกรรมทางเพศของเกย์กันหรอกนะเว่ย

ว่าแต่แม่ง ผมก็เสือกจะบ้าจี้ตอบแม่งไปอยู่ดี “ยังว่ะ...เค้าซิงไม่ประสาซักอย่าง กูเลยต้องค่อยๆตะล่อม”

ไอ้ลิงแม่งยิ้มเยาะผมออกมาทันทีที่ได้ยินคำสารภาพดังออกจากปากผม “แม่เจ้า!! กูประทับใจว่าที่สะใภ้สัดๆอ่ะ ไม่อยากจะเชื่อว่าเค้าจะทำให้คนอย่างมึงอดทนรอได้ด้วย....
.
...เฮ๊ยพวกมึง!! ช่วยบอกกูทีเด๊ะว่า กูไม่ได้กำลังฝันอยู่” ไอ้เพื่อนห่ามของผมคนนี้แม่งหันกลับไปหาเพื่อนหมออีกสองคนเพื่อหาแนวร่วม

ไอ้คิดเลยยิ้มให้แล้วพูดนิ่มๆด้วยสายตามีลับลมคมใน “มึงจะให้กูรับหน้าที่บอกมึงดีๆไม๊ล่ะว่ามึงน่ะตื่นอยู่แน่ๆ...
.
...หึ หึ รับรองเลยไอ้ลิง...กูน่ะ ไม่ทำอะไรรุนแรงมากหรอก...
...ตอนกูเย็บแผลสดเมื่อหลายวันก่อน  คนป่วยแม่งยังชมว่ากูมือเบากันทั้งนั้นแหละ หึ หึ หึ”...นี่ถ้าผมไม่รู้ว่ามันเป็นหมอฝึกหัด ผมแม่งต้องคิดว่าไอ้ห่าคิดนี่จิตเข้าขั้นแหงๆ ยิ่งเวลาที่มันพูดถึงเรื่องผ่าตัดหรือทำแผลแต่ละที หน้าแม่งอย่างกับฮันนิบาล เล็กเตอร์ตอนเฉือนเนื้อสมองคนเป็นๆออกมาทอดกิน

คงไม่ได้มีแต่ผมคนเดียวที่คิดแบบนี้ เพราะไอ้ลิงหน้าถอดสีทันทีที่หันไปเห็นหน้าไอ้หมอเต็มๆ มันถึงกับรีบยกมือขื้นไหว้เหนือหูเหนือหัววุ่นไปหมดคล้ายๆกับขอชีวิต “ไอ้เหี้ยหมอครับ ไม่ต้องเลยครับ กูแค่พูดเล่น”

ผมกับไอ้ตู๋ถึงกับหัวเราะในการหยอกล้อของเพื่อนทั้งสอง ในขณะเดียวกันนั้นเอง...ร่างขาวๆบางๆที่ผมชอบนักชอบหนาก็เดินกลับออกมาพร้อมกับเด็กคนเดิม  ผมเลยร้องทักออกไปเพื่อหยุดบทสนทนาของเราทั้งสี่คนเอาไว้ก่อน “อ้าว ขนุน...เสร็จแล้วเหรอฮะ?”

ผมรีบเดินออกไปรับร่างเพรียวอ้อนแอ้นของผมโดยไม่คิดรั้งรอ เมื่อถึงเนื้อถึงตัว ผมก็ประคองแผ่นหลังบางๆนั้นให้เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกัน “เป็นไง ใส่ได้ไม๊...คือน็อตให้คุณเน้ยส่งเพิ่มมาให้น่ะฮะ ขนุนจะได้มีเสื้อผ้าลำลองแบบนี้ใส่บ้าง เวลาเราไปทำกิจกรรมกลางแจ้งแบบนี้ยังไงล่ะฮะ”

ขนุนตอนนี้ที่หน้าไร้แว่นเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมแล้วยิ้มหวานให้ “อืม พอดีเลยล่ะ ขอบคุณนะน็อต”

ผมเลยอดยิ้มกว้างตอบกลับไป แล้วเอ่ยชวน “งั้นเราไปลองขี่เจ็ทสกีกันเลยดีกว่าฮะ... เฮ๊ย ไอ้ลิง ไอ้คันแดงน่ะขี่สองคนได้ช่ะ?” ผมเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วเอาถุงเสื้อผ้าขนุนกลับไปวาง พร้อมๆกับบรรดาสิ่งของติดตัวที่ใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นที่ใส่มาวันนี้

“เออ...อย่าเพิ่งเร่งเครื่องเร็วนักล่ะ ขนุนเค้ามือใหม่ไม่ใช่เหรอ?” ไอ้ลิงถามกลับมา โดยที่ผมเห็นอาการที่มันมองมาที่ขนุนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง  ซึ่งไม่ต่างจากไอ้สองหมอ...สายตาแบบนั้น ที่ผมเองก็เคยมีมาก่อน หลังจากได้เห็นหน้าเปลือยไร้แว่นของขนุนเป็นครั้งแรก

“คร๊าบบบ ผมรู้แล้วคร๊าบ ผมจะระวังให้มากเลยคร๊าบบ....ไปกันเถอะฮะขนุน” ผมเดินจูงมือขนุนไปที่ท่าน้ำก่อนจะเตรียมความพร้อมให้อีกคนก่อนจะหัดขี่เจ็ทสกีเป็นครั้งแรก





ไอ้ลิงเรียกผมกับขนุนให้กลับขึ้นมากินข้าวก่อนฟ้าจะมืด พวกเรานั่งกินอาหารค่ำแกล้มเหล้าไป คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ จนเกือบสามทุ่ม... หลังจากที่เด็กเอาผลไม้และขนมหวานมาเสิร์ฟตรงกลางวง ไอ้หมอก็เป็นตัวแทนโพล่งสิ่งที่ค้างอยู่ในใจพวกมันทั้งสามออกมาอย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย


“ไม่น่าเชื่อนะครับ ว่าพอถอดแว่นแล้ว คุณขนุนก็ดูเหมือนเป็นคนละคนกับตอนแรกที่เราเจอกันเลยทีเดียว” ไอ้สองคนที่เหลือแม่งก็พยักหน้าหงึกหงักรับกันเป็นทอดๆราวกับเป็นลูกคู่ในคณะตลก

ไอ้เหี้ยหมอนี่แม่งต้องติดใจเรื่องแว่น - ไม่แว่นมากจริงๆนะเนี่ยะ แต่ผมว่า ในบรรดาเราสี่คน...ไอ้หมอกับไอ้เหี้ยตู๋แม่งน่าจะชินได้แล้วไม่ใช่เหรอวะ ก็พวกเรียนหมอส่วนใหญ่แม่งก็หน้าแว่นแทบทั้งนั้น พอถึงเวลาถอดแว่น...แม่งก็ต้องมีโมเมนท์ดูเปลี่ยนเป็นอีกคนจนน่าจะเห็นบ่อยชวนให้เบื่อเต็มที  เพราะฉะนั้น...การที่ขนุนถอดแว่น ก็ไม่ควรจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับมึงและไอ้ตู๋ได้มากขนาดนี้เลยนี่หว่า


“เรียกผมว่าขนุนเฉยๆก็ได้ครับคุณคิด...แต่ผมไม่คิดว่าผมจะหน้าเปลี่ยนได้มากอย่างที่คุณคิดว่าหรอกนะครับ” ขนุนแม่งต้องอายแน่ๆ ไม่งั้นแม่งไม่ใส่ใจเอาผมมาทัดหูอยู่แบบนี้หรอก...หึ หึ น่ารักดีนะ

“งั้นก็เรียกพวกเราสามคนด้วยชื่อเล่นให้หมดเลยก็ได้ครับ ไม่ต้องมีคุณหรอก...จะได้สนิทกันเร็วๆยังไงล่ะครับ” ไอ้คิดตอบด้วยท่าทางสบายๆและเป็นกันเอง

“ครับ เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ... แล้วนี่พวกคุณสนิทกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?”...แหม่ เปิดช่องให้พูดหน่อยเป็นไม่ได้เลยนะฮะขนุน เปิดประเด็นซักไซ้เรื่องของผมขึ้นมาอีกแล้ว...

...แต่ขนุนยังรู้จักพวกเพื่อนสนิททั้งสามของผมน้อยไป ต่อให้เอาเงินมาจ้างพวกแม่ง มันก็ไม่ยอมปริปากพูดเรื่องที่ผมไม่อยากให้ใครรู้ให้ฟังแน่ๆ... ไว้รอให้งานนี้เสร็จก่อนนะฮะ น็อตจะพามาเจอทุกคนใหม่ ขนุนจะได้รับฟังทุกเรื่องที่อยากรู้จนเบื่อตายไปข้างเลยล่ะฮะ

ไอ้หมอหันมายิ้มให้ขนุนแล้วหลิ่วตาให้ผม “ตั้งแต่เด็กๆเลยครับ เพราะพ่อแม่พวกเราเป็นเพื่อนกัน...จริงๆตอนแรกก็มีแค่ผม ไอ้น็อต ไอ้ลิงนี่แหละฮะ แต่คุณพ่อพวกเราไปเล่นกอล์ฟ แล้วก็ไปขยายก๊วนจนรวมเอาคุณพ่อของท่านชายตู๋คนนี้เพิ่มเข้ามาด้วย... เราก็เลยกลายเป็นสี่เกลอหัวแข็งไป หึ หึ”

แน่ล่ะฮะ เรื่องราวที่พวกมันจะเล่าให้ขนุนฟัง ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น แต่จะตัดเอาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและความรักของผมออกไปเยอะเหมือนกัน ตามท้องเรื่องที่ผมได้เคยกุกับขนุนเอาไว้ ไอ้สามตัวนี่ก็กะล่อนตัวพ่อไม่น้อยไปกว่าผมเท่าไรหรอกฮะ...ไม่อย่างนั้น เราจะเป็นเพื่อนรักกันได้แบบนี้เหรอฮะ หึ หึ

“ตอนเด็กๆ น็อตเค้าเป็นยังไงเหรอครับ?” นั่นไง...มันมาอีกแล้ว ผมควรจะดีใจมากกว่าไม่ชอบใจใช่ไหมฮะ ที่ขนุนอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผม....โดยไม่เชื่อสิ่งที่ผมเคยบอกเล่าให้ฟังมาก่อน เฮ้อ!! ฉลาดจริงๆนะเมียกู...หรือควรจะเรียกว่าไม่ไว้ใจดีวะ??!!

ผมก็เลยต้องออกปากประท้วงรักษาสิทธิตามหน้าที่ “เอ่อ...ก็ตามที่น็อตเคยเล่าให้ขนุนฟังยังไงล่ะฮะ ขนุนไม่เห็นต้องถามพวกมันเลยนี่นา”

ขนุนหันกลับมาส่งสายตาดุๆให้ผม ตากลมใสไร้แว่นนั้นมองชัดไปทุกอารมณ์แล้วฮะตอนนี้ “แต่ขนุนอยากรู้นี่ ว่าเพื่อนน็อตมองน็อตยังไง......เหมือน หรือต่างกันจากที่น็อตเล่าให้ขนุนฟังรึเปล่า...
.
.
...น็อตก็นั่งเฉยๆเถอะ... หรือว่าร้อนตัวกลัวขนุนจะรู้อะไรกันแน่?” ขนุนยักคิ้วข้างหนึ่งส่งให้ผมเหมือนจะท้าทาย... คิดเอาไว้แล้วเชียว ว่ามันต้องออกมาในรูปนี้ ขนุนแม่งไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะถามเรื่องผมให้หลุดลอยไปแน่ๆ

“โฮ๊ยยยย เปล่าฮะ...เปล่าเลย ไม่กลัวเลยฮะ ไม่มีอะไรปิดบังทั้งนั้นแหละฮะ” ผมยักคิ้ว แถมหลิ่วตาทำหน้าทะเล้นส่งคืนกลับไปให้ด้วย

ไอ้หมอเห็นท่าทีของพวกผมสองคนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “หึ หึ หึ......เรื่องที่โรงเรียนไอ้เสือมัน พวกผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ แต่นอกเวลาเรียนอย่างเสาร์อาทิตย์ หรือปิดเทอมนี่ มันก็เหมือนคนอื่นๆทั่วๆไปนี่แหละครับ...

...ว่างทีไร พวกผมก็มาเจอกันตลอด...
...ไอ้เสือนี่นะเหรอ ไม่ไงเลยฮะ เพื่อนเฮไหน แม่งเฮนั่น ไอ้หล่อนี่รักเพื่อนมาก แถมยังเดือดร้อนแทนเพื่อนตลอด”...เพื่อนโผมครับ เพื่อนโผม!! มันต้องให้ได้อย่างนี้สิวะไอ้หมอ!... ผมนี่แทบต้องสกัดกั้นไม่ให้เผลอลุกยืนขึ้นเพื่อปรบมือเป็นเกียรติให้กับเพื่อนหมอแสนดี ซึ่งทำหน้าที่ประหนึ่งโฆษกปากเอกโฆษณาประวัติอันดีงามของผมอย่างเต็มที่เสียจริงๆ

“ดีจังเลยนะครับ พวกคุณท่าทางจะสนิทกันมากจริงๆ” ขนุนยิ้มรับ แต่สายตานี่ยังไม่วายเลิกสงสัย

ไอ้ลิงเลยเปลี่ยนเป็นฝ่ายป้อนคำถามให้ขนุนบ้าง “แล้วขนุนล่ะครับ ไปไงมาไงถึงมารู้จักกับไอ้น็อตมันได้?”

“น็อตเค้าย้ายบ้านมาอยู่แถวๆบ้านผมน่ะครับ ก็เลยรู้จักกัน” คนของผมแม่งก็ตอบเสียเรียบเกิ๊นนน จะบอกว่าผมแม่งเป็นคนพิเศษห่าเหวอะไรเสียหน่อยก็ไม่มี...เฮอะ ขนุนนะขนุน!

“แล้วเพื่อนผมดีกับขนุนไม๊ครับ?....ถ้ามันทำอะไรให้ขนุนไม่พอใจ บอกพวกเราได้นะครับ พวกเราจะจัดการมันให้เอง หึ หึ” ไอ้ลิงแม่งหัวเราะเลวๆหันมาทางผม...ผมรู้ดีว่ามันต้องการยั่วให้ผมโกรธ แต่ในเมื่อมันไม่ได้ล้ำเส้นอะไร ผมก็ไม่รู้จะตั้งท่าตีหน้ายักษ์ให้ดูเสียภาพพจน์ต่อหน้าขนุนไปเปล่าๆปลี้ๆเลยนี่ฮะ... มึงไม่มีทางได้กินกูหรอกเว่ยไอ้สัดลิง หึ หึ!!

แต่ผมเกือบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้ยินสิ่งที่ขนุนเพิ่งพูดออกมา “ขอบคุณครับ...งั้นผมจะตั้งเบอร์พวกคุณสามคนเอาไว้เป็นเบอร์โทรด่วนเลยดีไม๊ครับ?” เจ้าตัวเอ่ยยิ้มๆให้ไอ้ลิง... สงสัยจะรู้ว่าไอ้ลิงต้องการอะไร เลยรับลูกของไอ้เพื่อนทรยศของผมอย่างเต็มใจ

พอไอ้เพื่อนเลวสุดกวนตีนได้ทีแม่งก็เอาใหญ่ “งั้นพวกผมขอเป็นเบอร์โทรด่วนลำดับต้นๆก่อนเบอร์ของไอ้เสือเลยจะได้ไม๊ครับ? หึ หึ”

“มึงก็ทำพูดดีไป...เบอร์กูน่ะไม่ได้อยู่ลำดับไหนๆของเครื่องขนุนเค้าหรอกเว่ย” คราวนี้ผมแม่งไม่ได้คิดจะขัดหรือแทรกแซงบทสนทนาห่าอะไรเลยฮะ  แค่อยากจะบ่นในโชคชะตาความอาภัพของตัวเองให้เพื่อนๆได้รับฟังล้วนๆ

จริงๆผมมีเบอร์ขนุนอยู่แล้วนะฮะ...มีมาตั้งแต่เริ่มสืบงาน X1 แล้วล่ะ เพราะอ่านเจอจากในเมลเก่าๆตอนที่แฮ็คเครื่องขนุน แต่เพื่อความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ผมแม่งก็รอวันที่ขนุนบอกเบอร์ของเขาให้ผมด้วยตัวเองมากกว่า...เพราะความรู้สึกแม่งผิดกัน  แต่จนแล้วจนรอด...ประเด็นเรื่องเบอร์โทรฯก็ไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยเสียที เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา...ยิ่งช่วงหลังๆนี่ด้วยแล้ว เราสองคนก็ตัวติดกันเกือบตลอดเวลาจนแทบไม่ต้องกังวลเรื่องเบอร์ของอีกคนให้เหนื่อยเลย

ไอ้ลิงเลยถามกลับมาอย่างขำๆ “อ้าว ทำไมวะมึง...หรือขนุนเค้าลบเบอร์มึงทิ้งไปแล้วงะ? หึ หึ”

“เปล่า...ขนุนเค้าไม่ได้ขอเบอร์กูตะหาก...” ผมตอบอย่างไม่ไว้ฟอร์ม วินาทีนี้...ผมต้องเอาผู้ไม่เกี่ยวข้องในความสัมพันธ์ทั้งสามเห็นใจ และยินยอมมาเป็นพวกให้จงได้ และอำนาจในการกดดันให้ขนุนยอมทำตามใจผมตลอดค่ำคืนที่เราอยู่ที่นี่ก็จะตกอยู่ในมือผมทันที...หึ หึ

ไอ้ลิงเผลออ้าปากกว้างจนแมงวันเข้าไปวางไข่ได้ “นั่นก็หมายความว่าไอ้เสือยังไม่มีเบอร์ขนุนเหรอวะ?...
.
...จริงเหรอครับขนุน?” เพื่อนผมแม่งหันเลื่อนจากหน้าผม ไปมองหน้าขนุนแล้วถามด้วยความไม่ในสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปกับหูของตัวเอง   แน่ละฮะ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมไม่มีเบอร์ของคนที่คบด้วย หรือคนที่ผมแค่สนใจชั่วคราวอยู่ในครอบครองมาก่อน... จะว่าไป ขนุนนี่ถือเป็นข้อยกเว้นแรกและข้อยกเว้นเดียวของผมเลยนะฮะ

“ครับ...ก็เราไม่เคยต้องโทรหากันเลยน่ะครับ” คราวนี้ไอ้สามตัวนั่นถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่กกับความรู้ใหม่ที่ไม่น่าเชื่อนี้

ไอ้ลิงเลยหันกลับไปประจบขอเบอร์ขนุนเพื่อกวนส้นตีนผมทันที “งั้นคุณขนุนให้เบอร์พวกเราเอาไว้แล้วกันนะครับ ไม่ต้องไปให้ไอ้เสือมันหรอก...ก็ไหนๆไม่มีเรื่องต้องโทรหากันอยู่แล้วนี่ครับ...เนอะ”...ไอ้สัดลิง ไอ้เพื่อนเลี้ยงไม่เชื่อง... มึงกำลังล้ำเส้นมากเกินไปแล้วนะไอ้ห่า!!

แต่ผมแม่งก็ว่าเพื่อนฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกฮะ เพราะคนของผมเองก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้ขนุนหยิบเอามือถือของตัวเองขึ้นมา ปลดล็อคเครื่อง ก่อนยื่นส่งไปให้ไอ้ลิงระหว่างตอบคำแล้วนี่ฮะ “ครับ...นี่ครับเครื่องผม พวกคุณเม็มเบอร์ไว้ได้เลย เดี๋ยวผมโทรกลับไปหาครับ...
.
.
...เอ่อ ที่คิดบอกว่าน็อตเล่าเรื่องผมให้ฟัง... น็อตเค้าเล่าอะไรเกี่ยวกับผมให้คิดกับคนอื่นๆฟังบ้างเหรอครับ?”  ขนุนถามอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ต่างกับไอ้ลิงที่กำลังเม็มเบอร์ตัวเองกับไอ้หมอทั้งสองเข้าเครื่องขนุนให้อย่างขมีขมัน...ไอ้ลิงแม่ง!! ทีกูเนี่ยะ ไม่มีสักครั้งที่มึงจะให้การสนับสนุน แต่กับขนุนว่าที่สะใภ้...มึงนี่เอาใจเม็มเบอร์เข้าเครื่องให้อย่างกับเบ๊... นี่มึงเป็นเพื่อนกูประสาอะไร???!!!

“ก็ไม่อะไรมากหรอกครับ... มันก็บอกว่าขนุนน่ารัก แล้วก็เป็นคนน่าคบ มีหลายๆอย่างที่ถูกใจมันมากน่ะครับ” ไอ้หมอพูดจาดีทำคะแนนตีตื้นให้ผมอีกแล้วฮะ.... สงสัยคราวหน้าผมแม่งต้องแวะไปเลี้ยงข้าวกลางวันร้านแจ่มๆแถวโรงบาลแม่งเสียหน่อยแล้วว่ะ

“น็อตเค้าไม่ได้บอกว่าผมแปลกเหรอครับ?”....อ่าว แล้วขนุนจะถามจี้ปมตัวเองเพื่ออะไรกันวะ? ฮึ่ยยย!! หรือว่าแม่งเสพติดความเจ็บปวด??!

คราวนี้ไม่ถึงมือไอ้หมอฮะ เพราะไอ้ชายตู๋แม่งเสือกมาแล้ว “ไม่นะครับ...ถึงจะแปลก ผมว่าแม่งก็คงจะไม่สนใจหรอกมั้ง อีกอย่าง...ผมว่าขนุนก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ออกจะน่าสนใจอย่างที่ไอ้น็อตบอกด้วยซ้ำ” พูดเปล่าๆยังไม่พอ แม่งแอบส่งสายตาปิ๊งปั๊งปัญญาอ่อนมาให้ขนุนอีก...

...ถึงไอ้สามตัวนี่แม่งจะรับได้เรื่องที่ผมจะมีเมียเป็นผู้ชายจนผมรู้สึกขอบคุณพวกมันมากก็จริง  แต่ไอ้เรื่องทดสอบความอดทนของผมด้วยการกวนประสาทผมเนี่ยะ แม่งชักจะทำให้ความซาบซึ้งในมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของพวกเรามันจางหายไปในพริบตาได้เหมือนกันนะฮะ

“ไอ้สัดตู๋ครับ แดกเหล้าไปเถอะครับ เรื่องพวกนี้กูพูดให้ขนุนฟังคนเองได้ มึงไม่ต้องมาประกาศแทนก็ได้มั้ง” ผมหันไปด่าไอ้คุณชายอย่างเหลืออด

ฝันไปเถอะว่าเพื่อนทายาทวังใหญ่อย่างมันจะยอมลดราวาศอกให้ผม “สัด!!! แค่นี้ทำหวง...เค้าเป็นเพื่อนมึงนะเว่ย ไม่ใช่เมีย..มึงจะไม่ให้เค้าคุยกับใครเลยงะ?...ไอ้ห่า”

พอไอ้ลิงแม่งคืนโทรศัพท์กลับไปให้ขนุน แม่งก็เสริมทัพไอ้เหี้ยคุณชายทันที “ขนุนคิดยังไงกับเพื่อนผมครับ?”

“อืมมม....น็อตเค้าเป็นคนนิสัยดีนะครับ ให้ความช่วยเหลือผมทุกอย่างโดยเฉพาะปัญหาของผม แล้วก็เป็นคนเอาใจใส่ทุกๆเรื่อง แถมยังเข้าอกเข้าใจ...
.
...ผมโชคดีมากครับ ที่มีน็อตเป็นเพื่อน” เจ็บฮะ...บอกได้เลยว่าเจ็บแปล๊บเข้าตรงกลางใจเลยฮะ ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดของผมเองแม่งจะย้อนมาทำร้ายผมได้เจ็บปวดขนาดนี้......น็อตไม่อยากเป็นเพื่อนขนุนแล้วล่ะ นาทีนี้...น็อตอยากเป็นผัวขนุนสัดๆเลยฮะ!!

“ขนุนคิดยังไงกับคำว่า เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ครับ?” ไอ้ลิงแม่งยังไม่หยุด แต่คำถามนี้เข้าทีฮะ

ขนุนยิ้มให้ไอ้ลิงก่อนจะตอบเนิบๆ “ไม่ยังไงนะครับ...
.
...มันจะยังไงก็ต่อเมื่อเราคิดไม่ซื่อกับเพื่อนคนนั้นเหมือนกันน่ะครับ” คนตอบทอดสายตาเหลือบมองมาทางผม แล้วอมยิ้ม...น่ารักว่ะ ว่าที่เมียกู...อย่าบอกนะว่าที่พูดเมื่อกี๊ เป็นการบอกใบ้ให้น็อตรู้ความในใจกลายๆ... ไม่ใช่มั้ง ก็ขนุนแม่งไม่ได้ชอบผมนี่หว่า

“เหยดดดดด...แล้วถ้าขนุนมีเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อซักคน ขนุนจะทำยังไงครับ?” ไอ้ลิงแม่งยังกัดไม่ปล่อย...นี่มึงชื่อลิงหรือว่าหมากันแน่วะ???!!

นี่ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง ไอ้ลิงแม่งต้องยิ่งได้ใจและกัดขนุนจมเขี้ยวแน่ๆ สุดท้ายผมก็ตัดสินใจยุติการชกระหว่างเพื่อนๆผมกับขนุนเสียที  “พอๆๆๆๆ พอเลยพวกมึง สงสัยจะเมามากจนถามอะไรไม่เข้าท่าอย่างนี้...
.
...ไม่เอาแล้ว กูไม่อยู่ต่อแล้ว เดี๋ยวต้องขับรถกลับบ้านอีก ขืนอยู่ต่อกูเมาแอ๋ไม่ได้กลับบ้านแน่” ผมทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ได้ยินเสียงไอ้หมอร้องทักออกมาก่อน

“เฮ๊ย ไอ้ลิง...คราวหน้าถ้าไอ้เสือมา มึงให้เด็กเตรียมกระโปรงเอาไว้ซักตัวดิวะ” ไอ้หมอหันไปยิ้มเชือดเฉือนเหมือนฮันนิบาลอีกครั้งให้กับไอ้ลิง

ไอ้เพื่อนทรพีที่รักของผมแม่งก็เสือกรับมุกพร้อมชงให้เสร็จสรรพ “ทำไมวะไอ้คิด?”

“ไม่ไงหรอก...กูว่าไอ้เสือแม่งป๊อดจนต้องเริ่มหัดใส่กระโปรงแล้วว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ/ฮ่าๆๆๆๆๆ” แล้วพวกแม่งก็หัวเราะประสานเสียงกันโดยพร้อมเพรียง...สัด! อย่าให้ถึงทีพวกมึงพาว่าที่เมียมาเปิดตัวนะ กูจะไม่ไว้หน้าแม่งเลย...คอยดู

“ไอ้สัดหมอ!!...เดี๋ยวกูจะส่งบัตรสนเท่ห์ไปที่โรงบาลมึง บอกว่ามึงล่วงเกินทางเพศคนป่วย เค้าจะได้ยึดใบประกอบโรคศิลป์มึงซะ” ตอนนี้ผมแม่งสู้เหมือนหมาจนตรอกเข้าไปทุกที เพราะผมแม่งก็ไปขนเอาเรื่องปัญญาอ่อนอะไรพวกนี้มาขู่พวกแม่งให้หุบตูด... แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะไอ้หมอแม่งตอกกลับผมมาอย่างไม่มีสะท้าน

“กลัวตายห่าเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”

ไอ้ลิงเลยเปลี่ยนเรื่องมาถามผมให้แน่ใจอีกรอบ “แล้วนี่มึงเปลี่ยนใจไม่กลับงะ? กูจะได้มอมเหล้าขนุนเค้าต่อ”

“เออๆๆๆ กลับแล้วเว่ย...เจอกันอีกทีเมื่อไรเรียกกูด้วยนะ” ผมเลยรีบลุกขึ้นแล้วรวบข้าวของทั้งหมดไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ยื่นไปหาอีกคนที่ยังนั่งอยู่

“ขับรถดีๆนะมึง” ไอ้ตู๋สั่งความด้วยความเป็นห่วง

ผมเลยตอบมันกลับไปด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง “พวกมึงก็อย่าเมามากจนตกน้ำตกท่าไปซะก่อนล่ะ เดี๋ยวพวกมึงจะไม่ทันได้เห็นหน้าอันชื่นบานของกูหลังจากได้เมีย”

“งั้นถ้ากูเห็นแล้ว...พวกกูก็ตายได้อ่ะดิวะ?” ไอ้ลิงถามยิ้มๆพลางส่งสายตาล้อๆมาให้

“สัด!! เพ้อเจ้อว่ะห่า....ไปแล้วนะเว่ย”

“หวัดดีครับ” ขนุนบอกลาเพื่อนผมที่ยังนั่งรากงอกไม่ไปไหน

“หวัดดีครับขนุน มีอะไรโทรมานะครับ!! ไอ้หมอปิดท้ายอย่างสวยงาม

“ขนุน...ไปกันเถอะฮะ อย่าไปสนใจพวกแม่งเลย...เมาแล้วเรื้อนก็เงี้ยะแหละฮะ”

“อื้อ” หลังจากขนุนวางมือลงบนของผม ผมก็จูงมือพาคนตัวเล็กกว่าเดินกลับออกมาขึ้นรถเพื่อกลับไปพักผ่อนที่บ้านกันเสียที หลังจากใช้เวลาทำกิจกรรมนอกบ้านมาเกือบทั้งวัน

ผมหันกลับไปยิ้มให้คนที่เดินตามหลังมาเงียบๆ แล้วเอ่ยออกไปอย่างร่าเริง “กลับบ้านเรากันนะฮะขนุน”

“อื้อ...กลับบ้านกันเถอะ” ขนุนยิ้มหวานตอบมาให้...ช่างเป็นกำลังใจที่ดีก่อนการขับรถกลับบ้านเสียจริงๆ


ผมเดินอมยิ้มไปที่รถอย่างมีความสุขเมื่อเพื่อนๆของผมทุกคนให้การต้อนรับขนุนเป็นอย่างดี แม้พวกแม่งจะทำตัวกวนตีนไปบ้าง แต่ก็มองข้ามไปได้...เพราะแม่งไม่มีเจตนาร้ายอะไรนอกเหนือไปจากสร้างความรำคาญใจให้ผมบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่วนคนที่กำลังเดินอยู่เคียงข้างผมคนนี้ ก็วางตัวได้น่ารักน่าเอ็นดูและไม่มีอาการตื่นตระหนกอย่างที่ผมกังวลไว้แต่แรก ที่สำคัญ ขนุนยังทำตัวกลมกลืนไปกับกลุ่มเพื่อนผมได้ และดูจะมีความสุขอยู่ไม่น้อย...




...เอาล่ะ ในเมื่อหนทางข้างหน้าไร้ซึ่งอุปสรรคจากบุคคลภายนอกที่มีความสำคัญกับเราทั้งสองเสียแบบนี้ ก็ถึงทีที่ไอ้น็อตจะรุกฆาตเก็บหมากทุกตัวในกระดานหัวใจของขนุนเสียที
...น็อตจะกินขนุนแล้วนะฮะ เนี๊ยวๆ!!




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


2 comments:

  1. เพื่อนของน็อตแต่ละคนก็นะ 55555 ถูกใจจริงๆเลย
    อยากเห็นขนุนเมาอีก 55555 ยั่วเยอะๆ แกล้งน็อตมากๆๆ

    ReplyDelete
  2. ฮ่าๆๆๆๆ...คืนนี้ขนุนไม่เมานะคะ เพราะน็อตไม่ให้กิน (พ่อคุณหวงไม่อยากให้เพื่อนเห็นขนุนน่ารักน่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆ) แต่เรื่องแกล้งนี่...แน่นอนค่ะ ทำอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าไม่แกล้งน็อต แล้วขนุนจะไปแกล้งใครล่ะคะ...ก็ขนุนเค้ารักน็อตอยู่คนเดียวนี่นา...เนอะ ^_^

    ReplyDelete