Monday, November 30, 2015

Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ The Special Blessing#02 || 30.11.2015



ตอนพิเศษตอนที่สองของคู่รองอีกคู่หนึ่งมาแล้วค่ะ
ใครรอหนุ่มบริหารกับแฝดน้องอยู่ก็เตรียมยิ้มได้เลย
เพราะยี่ห้ออิ๊กสุดยอดงูเห่าแล้ว... ไม่มีทางทำให้คนอ่านผิดหวังแน่ ๆ
แต่การจะอ่านตอนพิเศษทั้งสามตอนได้อย่างเข้าใจ
ขอให้ตั้งสติกับช่วงเวลาของแต่ละเหตุการณ์นิดนึงนะคะ
ที่แน่ ๆ เลยคือมันจะเป็นการเล่าเรื่องย้อนอดีตค่ะ  ระวังงงหน่อยเนอะ ^ ^

ฝากเพจเอาไว้ให้ติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายกันหน่อยดีกว่าค่ะ


รักคนอ่านทุก ๆ ท่านเลย !!!
ปล. พรุ่งนี้ก็เดือนสุดท้ายของปีแล้ว ขอให้มีความสุขกับ 31 วันที่เหลือของปีนี้อย่างเต็มที่นะคะ!!





Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ




The Special Blessing#02        
 นายหน้าหวานขึ้มโน กับ นายตัวโตพระเอกพิศาล




|| วันเสาร์ 05.55 น. ||


ธูปกำใหญ่ใหม่ล่าสุดถูกปักอย่างแม่นมั่นลงในกระถางหน้าศาลเจ้าพ่อห่อไหล่ริมอ่างเก็บน้ำใต้ต้นกันเกราอีกครั้ง
โดยข้าง ๆ กัน มีธูปพ่นควันเอื่อย ๆ สั้นบ้างยาวบ้างปักอยู่รวม ๆ กันมากกว่าร้อยดอกเห็นจะได้
ชะรอยว่า... เทวบุตรสายบุ๋นได้กลายเป็นแหล่งพึ่งพิงทางใจยอดฮิตติดลมบนของบรรดาผู้คนภายในวิทยาเขตไปเสียแล้ว...
จะผิดแปลกอะไรหากเหตุผลข้อเดียวกันนี้ ผลักดันให้เด็กสถาปัตย์หัวจุกหน้าตาคมคายตามสายเลือดอารยันมาขอพึ่งใบบุญบุตรแห่งเทพผู้คุ้มครองสถานศึกษาประจำจังหวัดตามกระแสเข้าอีกราย

หลังเสร็จขั้นตอนการตั้งจิตอธิษฐาน รวมทั้งปิดการขายด้วยธูปเก้าดอกตามความเชื่อไปเมื่อสักครู่
ฌอนก็ยืนเหม่อมองควันสีขาวขุ่นพวยพุ่งพ้นจากปลายด้านสว่างวูบวาบของเครื่องหอมหุ้มก้านไม้ที่ใช้บูชาพระด้วยความรู้สึกขัดแย้งในใจ


“ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าชาตินี้จะต้องซมซานมาขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์”
“แล้วเจ้าพ่อท่านจะยอมช่วยพ่อฌอนแน่หรือขอรับ?”
“ก็ต้องช่วยสิ อุตส่าห์หลอกให้บ๊วยทำคุกกี้ธัญพืชมาให้ตั้งถุงใหญ่ๆ  อีกอย่าง... ฌอนก็ไม่ได้ขออะไรเจ้าพ่อท่านหนักหนาเลยนะ เรื่องง่าย ๆ แค่นั้น... ท่านน่าจะเมตตายอมช่วยฌอนแน่ ๆ วางใจเถอะพลาย”
“แต่ถ้าพ่อฌานรู้ พ่อฌอนจะแย่เอานะขอรับ”
“ถ้าอิ๊กยอมเก็บเรื่องทั้งหมดเป็นความลับ... พี่ชายก็น่าจะเข้าใจการตัดสินใจของฌอนได้ไม่ยากหรอก”
“คนน่ารักนี่... บทจะดื้อดึงก็ไม่เป็นสองรองผู้ใดเลยนะขอรับ”
“หึ หึ... ที่ดื้อก็เพราะหึงฌอนไงล่ะพลับ... ฌอนว่าน่ารักดีออกนะ”


ค่าที่กุมารไม่อาจถอนหายใจได้ด้วยคงสภาพวิญญาณมาหลายโกฏิปี  
พลายจึงทำได้แค่แอบกลอกตามองบนหลังจากที่ได้ยินกระแสจิตอวยแฟนของฌอน  ก่อนจะตีเนียนทำเป็นนิ่ง ๆ ไปเพื่อจะได้ไม่ต้องคอยฟังหนุ่มสถาปัตย์พร่ำพรรณนาถึงความน่ารักของแฟนหนุ่มให้ต้องหมั่นไส้ไปมากกว่านี้


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


|| ย้อนไปเมื่อช่วงเย็นของวันมะเรื่อง (เมื่อสองวันก่อน) ||



เดี๋ยว!รอก่อนสิอิ๊ก!!” แฝดน้องตะโกนระหว่างวิ่งเต็มฝีเท้าเพื่อกวดร่างกะทัดรัดซึ่งกระหืดกระหอบไต่บันไดขึ้นสู่ชั้นดาดฟ้าของตึกอย่างมะงุมมะงาหรา  สุดท้าย... ฝ่ายผู้มีพละกำลังและทักษะทางกีฬาเหนือกว่าย่อมสามารถตามไปคว้าต้นแขนเรียวของอดีตเดือนบริหารเอาไว้ได้ง่ายดายโดยแทบไม่เสียเหงื่อสักหยด  “อิ๊ก! เราต้องคุยกัน!!

ไม่คุย! ไม่มีอะไรต้องคุย!!” อคิราตะคอกกลับด้วยระดับความเดือดดาลยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ   ร่างบางสะบัดแขนตัวเองไปมาด้วยหวังจะหลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายโดยเร็ว

กระนั้น... อิสรภาพดูจะจับต้องได้ยากกว่าที่เข้าใจ เพราะนอกจากจะไม่ยอมปล่อยกันง่าย ๆ แล้ว...
คีมเหล็กที่กำรอบแขนแค่เพียงหลวม ๆ เมื่ออึดใจก่อน ตอนนี้กลับกระชับสัมผัสแน่นจนเขาเริ่มจะนิ่วหน้า

ก็ได้! ถ้าอีกฝ่ายดื้อแพ่งไม่อยากปล่อยให้เขาหลบไปสงบสติอารมณ์ไกล ๆ ดีนัก...
ก็ลองสัมผัสกับด้านมืดของเขาดูสักหน่อยเป็นไร

ฝ่ายหนุ่มสถาปัตย์ผู้อกไหม้ไส้ขมกับเรื่องไร้สาระที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดมหันต์
ก็ยิ่งดึงดันไปกันใหญ่เมื่อคนรักต่อต้าน แถมยังยืนกรานที่จะไม่รับฟังคำอธิบายของเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเสียอีก
หากเย็นวันนี้พวกเขาไม่ได้ปรับความเข้าใจกันให้รู้เรื่องเสียก่อน  อย่าหวังเลยว่าฌอนจะยอมปล่อยอดีตเดือนบริหารไปง่าย ๆ !!


จะไม่มีอะไรได้ยังไง?! ที่วิ่งหนีออกมานี่คุณว่ามันปกตินักเหรอ? / ก็บอกว่าไม่อยากคุยไงเล่า!
ไม่ได้! เราต้องคุยกันให้เข้าใจก่อน / ไม่เอา ไม่คุยโว้ย!!

ระหว่างโต้คำของแฝดน้องอย่างเผ็ดร้อนรุนแรง
อิ๊กกลับไม่ละความพยายามในการแงะนิ้วมือทั้งห้าที่รัดรอบต้นแขนของตัวเองออกอย่างเต็มความสามารถ 

เมื่อคำพูดคำจาและปฏิกิริยาต่อต้าน ผนวกเข้ากับท่าทางรังเกียจรังงอนที่หนุ่มบริหารแสดงออกอยู่ตลอดเวลา
ก็ยิ่งยั่วยุให้แฝดน้องหน้ามืดไปกันใหญ่


อย่าโว้ยใส่ผม!” ฌอนตวาดอีกฝ่ายอย่างลืมตัว ซึ่งนั่นไม่ต่างจากน้ำมันที่ราดรดลงบนกองไฟ... แล้วไยเปลวอัคคีที่มีโทสะเป็นเชื้อเพลิงภายในใจคนฟังจะไม่พวยพุ่งรุ่งโรจน์ขึ้นในชั่วพริบตาได้อีกเล่า?!

โว้ย โว้ย โว้ย โว้ย โว้ย โว้ย โว้อื้อออออออ!!!!

เมื่อถ้อยคำต้องห้ามถูกเอ่ยย้ำซ้ำ ๆ อย่างตั้งใจด้วยหมายจะท้าทายอำนาจกัน
แฝดน้องจึงฉุดต้นแขนเล็กๆในอุ้งมือเข้าหาตัวแล้วบดขยี้ริมฝีปากเพื่อกั้นไม่ให้สุ้มเสียงไม่รื่นหูทั้งหลาย หลุดรอดออกจากอวัยวะส่วนเดียวกันของคนรักได้อีก

ทว่า กลับไม่ใช่แค่แฝดน้องเสียแล้วกระมังที่เริ่มจะยั้งความขุ่นเคืองใจของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
เพราะเพียงครู่เดียว จุมพิตซึ่งเคยหอมหวานกลับแปรเปลี่ยนเป็นความทรมานผสานคาวเลือดไปในบัดดล


โอ๊ย!!” คนตัวโตกว่าจำต้องผละห่างจากร่างบางอย่างกะทันหันเมื่อซี่ฟันของอีกฝ่ายทำร้ายริมฝีปากล่างของเขาจนได้เลือด

อย่ามาจูบนะ! ฉันโกรธอยู่ ห้ามยุ่ง!!... ห้ามโดนตัวด้วย!!!” อคิราถลึงตาพร้อมขู่จนดูคล้ายลูกแมวจนตรอก

ถึงอย่างนั้น ราชสีห์หนุ่มกลับหาได้เกรงกลัวไม่...
ยิ่งอิ๊กห้าม ฌอนก็ยิ่งจะถึงเนื้อถึงตัวและออกแรงกำราบคนปรามหนักมือขึ้นล่ะไม่ว่า

จากเดิมที่แค่ตรึงต้นแขนเพื่อกันไม่ให้ช่วงขาสั้นพาคนตัวเล็กดื้อรั้นชิ่งหนี  
แต่เมื่อได้ลิ้มลองจูบรั้น ๆ มัน ๆ เค็ม ๆ หนุ่มสถาปัตย์จึงรวบเอาทั้งร่างของอีกฝ่ายมากอดไว้เต็มรักเพื่อตัดโอกาสการออกอาวุธตอบโต้ให้สิ้นซาก


ปล่อยยยยยย! ก็บอกว่าอย่ามาโดนตัวไง!! พูดภาษาคนไม่เข้าใจเรอะ?!! / ก็อย่าดื้อสิ บอกอะไรก็ฟังกันหน่อย!  

แฝดน้องพยายามปรับอารมณ์ไม่ให้ยิ่งเตลิดด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ  
พลางสั่งตัวเองให้มองข้ามประกายไฟในดวงตาอาฆาตแค้นของคนที่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดอยู่ตลอดเวลาไปเสีย
ก่อนจะอ้อนวอนขอความร่วมมือจากคนรักด้วยน้ำอดน้ำทน


“ได้โปรด... ฟังฌอนก่อนได้ไหมครับอิ๊ก?”  

จะบอกอะไรอีกล่ะ? ก็ คนนั้นของนาย เที่ยวประกาศต่อหน้าใคร ๆ ไปทั่วแล้วนิ!!!... งี๋..ของคนกลางก็คนนี้ไงแค๊บบบบบบบบบบบ... ชิ!!” อดีตเดือนบริหารบีบเสียงเล็กเสียงน้อยระหว่างลอยหน้าลอยตาถากถางคนฟังอย่างเจ็บแสบ แล้วจึงตบท้ายด้วยการบริภาษอีกฝ่ายไปอีกหนึ่งยกใหญ่ ๆ  

ไอ้นายขอรับ! ไอ้ใจร้าย! ไอ้หล่อเลวไร้กมลสันดาน!!! มีแฟนอยู่แล้วทั้งคนยังจะกระแดะมาให้ความหวังฉันอีก!! ไอ้ควายเผือกเลือกปลักไม่ได้เอ๊ยยยยย!!!” นี่ถ้าไม่ใช่เพราะโดนรัดแขนเอาไว้ทั้งสองข้างจนแน่นหนา  รับรองเลยว่าประโยคด่าทอเมื่อครู่คงได้ลอยไปเข้าหน้าคนฟังพร้อมกับนิ้วกลางอย่างไม่ต้องสงสัย


ท่าทางสู้สุดใจขาดดิ้นของหนุ่มบริหารทำเอาความดันของแฝดน้องพุ่งทะยานทะลุออกชั้นบรรยากาศ...
ก็รู้อยู่หรอกว่าที่อีกฝ่ายโมโหจนพ่นไฟได้มาจากสาเหตุอะไร... 
แต่ไอ้การหลับตายืนกระต่ายขาเดียวโดยปิดหูแล้วอ้าปากตะโกนเถียงเพราะไม่อยากจะรับฟังคำอธิบายใด ๆ  ก็ช่างเปรี้ยวใจเหลือรับประทานดีจริง ๆ


จะบ้าเหรอคุณ? ใครมีแฟนอยู่แล้ว? ผมไม่มีใคร ผมมีคุณคนเดียว!!!” หนุ่มสถาปัตย์ขึ้นเสียงกรอกคำพูดใส่หูคนในอ้อมกอดอย่างเหลืออด  แต่คนฟังกลับหาได้สลดไม่

ไม่เชื่อหรอกโว้ย! นายอยากจะพูดอะไรก็ได้เพราะยังไงฉันก็ไม่มีทางรู้อยู่แล้วนิว่าเรื่องไหนจริงไม่จริง!!

แต่ทุกเรื่องที่ผมพูดกับคุณมันคือความจริงนะอิ๊ก!” แฝดน้องเพียรตอกย้ำใจความเดิม ๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นด้วยหวังให้ข้อความที่เอื้อนเอ่ยทั้งหมดส่งผ่านไปถึงใจคนฟังเพื่อให้เลิกตั้งแง่เสียที... ซึ่งหากการพูดความจริงไม่ได้ผล ปัญหาคงตกอยู่ที่ตรรกะของชายหนุ่มอีกคนเสียแล้วล่ะ

“แล้วนายจะแก้ตัวยังไงกับเรื่องเด็กแฝดนั่น?!...
.
...ก็พวกนายเองไม่ใช่เหรอที่กล่อมฉันว่า รู้จักกันมานานแล้วงั้นงี้ แต่เป็นแค่พี่น้องนะ...หึ! พี่น้องจ้องจะเย็บกันล่ะไม่ว่า!!!...
...ขืนฉันยังโง่ตาใสเอาแต่เชื่อนายไปวัน ๆ  ฉันไม่ต้องเอาหญ้ามาเคี้ยวเอื้องแทนข้าวหรือยังไง?...
...นายคิดว่าฉันรับได้ที่ต้องมาคอยให้กิ๊กกั๊กก๊อกแก๊กที่นายแอบซ่อนไว้ในมิติที่เท่าไรก็ไม่รู้มาแหกอกเอางั้นเหรอ?!!!

คนอารมณ์ร้อนยังยอกย้อนไม่เลิกราจนหนุ่มสถาปัตย์สะท้อนไปทั้งอก...
ตกลงว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะขุดทุก ๆ เรื่องมาคิดบัญชีแบบทบต้นทบดอกโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อให้เรื่องมันบานปลายไปกันใหญ่จริง ๆ ใช่ไหม


เพ้อเจ้อใหญ่แล้วคุณ! ผมมีคุณเป็นแฟนแค่คนเดียว และผมรักคุณคนเดียวนะอิ๊ก!!

จริงอยู่ที่คำบอกรักจะทำให้อิ๊กชะงักไปนิดหนึ่ง
แต่เมื่อสมองไพล่นึกไปถึงใบหน้ากระดี๊กระด๊าเป็นหมาได้กระดูกของบุคคลที่สามผู้เป็นต้นเหตุของความร้าวฉานในครั้งนี้
อคิราก็แทบจะสวมวิญญาณจีจ้า ออกลีลาแม่ไม้มวยไทยผสมกายกรรมทำร้ายร่างกายเจ้าของอ้อมกอดอุ่นขึ้นมาจริง ๆ จัง ๆ เสียแล้วสิ

และเพราะกลัวที่จะยับยั้งความโกรธอีกระลอกเอาไว้ไม่ไหว...
สุดท้าย ร่างบางจึงอาศัยฉายาที่พี่ชายแฟนเก่าจิกหัวเรียกฝาแฝดหัวทองขึ้นมาลากเสียงแซะฌอนด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดติ่ง


 นาย รัก ฉัน ใช่ ไหม? แล้ว ไอ้ วุ้น งาน วัด นั่น ล่ะ เป็น ใคร ห๊ะ?!!

“...เอ่อ...” แฝดน้องถึงกับนิ่งไปเมื่อคิดสะระตะแล้วว่า การจะตอบคำถามดังกล่าวของคนรักได้ เขาอาจจะต้องผิดใจกับพี่ชายร่วมสายเลือด  ซึ่งการขัดคำสั่งของฌาน... ไม่ต่างอะไรกับการหารอายุขัยเฉลี่ยลงกึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

ถึงอย่างนั้น... ดูเหมือนเขาจะจำได้ลาง ๆ ว่า ข้อความที่พี่ชายกำชับกับบรรดาสมุนเลวทั้งหลายเรื่องของพลุกับพลับ
มีช่องโหว่ให้เขานำมาปรับใช้เพื่อแก้ไขสถานการณ์คับขันตรงหน้าได้ไม่มากก็น้อย...
แต่ปัญหาก็คือ ไอ้ประโยคที่ว่านั่น... มันมีใจความชัด ๆ ว่าอย่างไรกันแน่วะ?!!


“ไงล่ะ! แค่นี้ก็ตอบฉันไม่ได้ งั้นก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะเชื่อใจนาย!!”  ร่างบางผู้ใจร้อนรุ่มเหมือนสุมไฟไล่บี้โดยไม่ให้เวลาหนุ่มสถาปัตย์ได้ใคร่ครวญดี ๆ อย่างที่ตั้งใจเลยสักนิด “พูดมาเสียทีสิ ฉันรอฟังอยู่!

ดูเหมือนอะไรต่อมิอะไรจะไม่เป็นใจกับแฝดน้องเสียจริง ๆ  
เพราะจังหวะที่ฌอนกำลังจะเฉลยความลับทั้งหมดให้แก่คนรักได้รับทราบ  
เด็กวิเศษผู้ลอยอยู่เหนือไหล่ร่างสูงกลับส่งกระแสจิตขัดขึ้นอย่างรีบร้อนเข้าเสียก่อน  


”พ่อฌอนขอรับ.... เจ้าพ่อเรียกรวมตัวด่วนขอรับ”
”ยังก่อนได้ไหมพลาย? ฌอนอยากจะคุยกับอิ๊กให้รู้เรื่องก่อน”
”มิได้ขอรับ.... ด่วนจริง ๆ ขอรับ”


หลังจากการต่อรองกับกุมารพลายล้มเหลวไม่เป็นท่า
หนุ่มสถาปัตย์ก็ถึงกับนิ่วหน้าแล้วถอนหายใจพรูเมื่อรู้ว่าตนเองไม่อีกหลีกเลี่ยงกำหนดการดังกล่าวได้...
ความวัวตรงหน้ายังไม่ทันหาย ความควายก็ดันจะเข้ามาแทรกดีแท้

ฝ่ายอดีตเดือนบริหารผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ๆ ใด ๆ  กลับตีความอากาศที่อีกฝ่ายพ่นออกจากรูจมูกระหว่างแสดงสีหน้าหงุดหงิดใจโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใดไปในทางหายนะเสียอย่างนั้น


นี่นายกล้าถอนหายใจใส่ฉันเรอะ?! ไม่มีอะไรจะแก้ตัวล่ะสิท่า ถึงได้ทำหน้าเหมือนจะตายแบบนี้!!  


วาจาค่อนแคะของคนตัวเล็กกว่านำพาเสียงถอนหายใจยาวให้ดังขึ้นอีกครั้ง
ฌอนชั่งใจพลางชำเลืองมองร่างสีทองโปร่งแสงที่ลอยอยู่ข้าง ๆ อย่างเบื่อหน่าย
แล้วจึงเลื่อนกรอบสายตาตัดสลับกลับไปจ้องใบหน้าของคนรักที่กลายเป็นจวักไล่แขกในชั่วพริบตา...
แต่เพราะเห็นแก่เรื่องของเพื่อนรักที่น่าจะตกอยู่ในภาวะคับขันยิ่งกว่าสถานการณ์กดดันตรงหน้า หนุ่มสถาปัตย์หัวจุกจึงยุติบทสนทนากับคนเอาแต่ใจเอาไว้ชั่วคราว


“เอาไว้คืนนี้ผมจะบอกคุณทุกอย่างเลย แต่ตอนนี้... ไปกับผมก่อนก็แล้วกัน! / เฮ่ย!! นายจะทำอะไรน่ะ?” ขาดคำ คนตัวโตกว่าก็อุ้มอีกฝ่ายในท่าเจ้าสาวแล้วก้าวยาว ๆ มุ่งหน้ากลับเข้าด้านในตัวอาคารทันทีโดยไม่อธิบายอะไร

ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะเว่ยยยยย!!! ปล่อยยยยยยยย!!  / ถ้าไม่อยากโดนผมจูบโชว์คนอื่นก็เงียบเดี๋ยวนี้!!








|| ราว ๆ เที่ยงคืนของวันเดียวกัน ||


“แล้วทีนี้จะบอกฉันมาได้หรือยังว่าพี่ไอดอลสองคนนั้นเป็นใคร?” อคิรายิงคำถามเบิกฤกษ์ใส่หนุ่มหัวจุกทันทีที่ทั้งสองมาถึงยังใต้ตึกหอพักของตนหลังจากที่โดนอีกฝ่ายกระเตงไปโน่นมานี่จนเพิ่งได้กลับมาถึงหอพักเอาป่านนี้...

ไม่รู้ล่ะ ไหน ๆ ก็ได้แหย่ขาเข้าร่วมก๊วนเดียวกับเหล่าคนบ้าไปเมื่อตอนหัวค่ำ
ก่อนนอนคืนนี้เขาจะต้องทำให้เด็กเต็กสุดหล่อยอมคายเรื่องที่ซุ่มอุบเอาไว้ออกมาให้หมด!!   


“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน... ตอนนี้ผมต้องการเหตุผลว่าทำไมคุณถึงเสนอตัวไปแบบนั้น?” ฌอนรั้งข้อมือของคนเดินนำ แล้วจึงกระตุกเบา ๆ บังคับให้ร่างบางหมุนตัวกลับมาประจันหน้ากันเพื่อไขข้อสงสัยอย่างเป็นกิจลักษณะ แต่เมื่อโดนขัดใจ อีกฝ่ายจึงไม่ใคร่จะร่วมเจรจาโดยสันติวิธี

“ฉันพอใจจะกลับไปควงใคร หรือคบกับผู้ชายคนไหนให้เป็นข่าวไปทั่วมอมันก็เรื่องของฉัน... นายนั่นแหละมาเกี่ยวอะไรด้วย?!   คนพูดกดมุมปากบางต่ำแล้วทำตาขวางชำเลืองหางตาใส่หนุ่มสถาปัตย์ระหว่างพูดจาจิกกัดตีรวน   ได้ยินดังนั้น... คนฟังจึงอดทักท้วงออกมาไม่ได้

“คุณไม่รู้เหรอว่ายิ่งคุณทำแบบนั้น เพื่อนผมก็จะยิ่งเข้าใจผิดคุณกับไอ้เก็กมันไปกันใหญ่?”

“แต่เก็กบอกเองนิว่า ยิ่งเข้าใจผิดกันมากเท่าไรยิ่งดี... ตอนจบจะได้พีค ๆ ” หนุ่มบริหารสะบัดข้อมือจนพ้นจากพันธนาการของอีกฝ่ายก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกพลางลอยหน้าลอยตายอกย้อนอย่างถึงพริกถึงขิง “แล้วไอ้การที่ฉันบอกว่า ฉันพร้อมจะเข้าก๊วนกับพวกนายเพื่อสร้างเรื่องเข้าใจผิดทุกอย่างจนกว่าจะถึงเย็นวันเสาร์  กระทั่งยอมไปกินข้าว หรือไปเที่ยวเล่นกับเก็กบ้าง มันผิดไปจากสิ่งที่พวกนายต้องการตรงไหน?”

คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณกับผมคบกันในฐานะอะไรอยู่? / ขอโทษเถอะ! นั่นน่ะ... สมควรจะเป็นคำถามของฉันมากกว่านะ นาย ขอ รับ!!
ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้มีอะไรกับคนกลางจริง ๆ !/ แต่นายก็ยังบอกฉันไม่ได้อยู่ดีว่าสำหรับนาย ไอ้เด็กนั่นสำคัญยังไง?!

“ถ้าจะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็ช่วยเลิกทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเวลาจะพูดถึงเด็กนั่นเสียทีเถอะ... ฉัน ไม่ อิน!” สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคู่สนทนาที่ปรากฏขึ้นตำสายตาไปเสียทุกครั้งเมื่อตนทวงถามถึงคำอธิบายเกี่ยวกับบุคคลที่สาม ทำให้ร่างบางเผลอพูดจากระแทกกระทั้นครบครันไปเสียทุกคำราวกับจะทำให้อีกฝ่ายกระอักเลือดไม่ก็ช้ำในตายด้วยถ้อยวจีอันร้ายกาจ  

เพราะทนเสียงรบเร้าของคนดื้อดึงต่อไปอีกไม่ได้ หรือเพราะใกล้จะเป็นบ้าตายเมื่ออีกฝ่ายพูดจาไม่รู้เรื่อง
จะอย่างไรก็แล้วแต่...  แฝดน้องก็ตัดสินใจยอมละเมิดคำสั่งของพี่ชายร่วมสายเลือดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเข้าจนได้  


“โอเค! ผมจะบอกคุณก็ได้ว่าคนกลางเป็นใคร... คุณตั้งใจฟังให้ดี ๆ ก็แล้วกัน”

“ได้ข่าวว่าฉันรอฟังมาตั้งแต่เมื่อเย็นแล้วนะ แล้ววันนี้จะได้บอกไหมล่ะ? ถ้าไม่... ฉันจะได้ขึ้นห้องไปนอนก่อน” นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ฌอนต้องลอบถอนหายใจยาวเหยียดเพื่อเป็นเกียรติให้กับความเกรียนของแฟนตัวเอง  คนตัวโตรีบยึดข้อมือเล็กของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างแน่นหนาก่อนที่ขาคู่นั้นจะปีนขั้นบันไดหนีเขาไปดื้อ ๆ  

“จริง ๆ แล้วคนกลางกับคนเล็กที่คุณเห็นและพบเจอตลอดสองวัน เป็นเพียงจิตที่ถูกแบ่งออกมาจากพลายตามกายละเอียดในอนาคต ส่วนร่างกายของสองคนนั่นที่คุณจับต้องได้... คือกายเนื้อที่เจ้าพ่อห่อไหล่กับเจ้าพ่อไทรทองเสกให้”

ทันทีที่ได้รับโอกาสอธิบาย  ชายหนุ่มหัวจุกก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงใด ๆ ให้อีกฝ่ายต้องชะเง้อรอนาน...
เพราะลำพังประโยคอารัมภบทที่ยิงตรงเข้าสาระสำคัญของเนื้อเรื่องทั้งหมด ก็สามารถสะกดคนฟังให้เบิกตาโพลงด้วยความตกใจไม่ผิดไปจากเมื่อครั้งได้เห็นเจ้าพ่อทั้งสองหายตัวให้ดูต่อหน้าต่อตาจะ ๆ อย่างไรอย่างนั้น


“เดี๋ยวนะ! นี่นายกำลังพูดเรื่องอะไรของนาย?...
.
.
...สรุปว่า เด็กแฝดคู่นั้นไม่ใช่คน แต่เป็นกึ่งผีกึ่งหนังแฟนตาซีหลอกเด็กอย่างนั้นเหรอ?”  

“เฮ่อ! ก็เป็นเสียแบบนี้ไงล่ะ ผมเลยไม่อยากจะเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟัง... จะพักจูนสมองก่อนไหมจะได้เข้าใจเรื่องราวเหมือนคนปกติเขาบ้าง?” แฝดน้องเข้าประชิดตัวของชายหนุ่มต่างคณะด้วยกะว่าจะนวดขมับเนียนให้อีกฝ่ายหายวิงเวียนจากความเป็นจริงอันน่าเหลือเชื่อ

ไม่ต้องมายุ่ง!!” อิ๊กตวัดหางเสียงพร้อม ๆ กับปัดฝ่ามือของฌอนออกห่าง  ร่างบางหรี่ตามองหน้าหนุ่มผมยาว แสดงสีหน้าไม่ไว้วางใจก่อนจะเอ่ยกร้าว “สัญชาตญาณกำลังบอกฉันว่านายกำลังหาทางเฉไฉ...
.
.
...ยอมรับมาเดี๋ยวนี้นะว่านายกำลังสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อทำให้ฉันตื่นเต้น ฉันจะได้ลืมเรื่องไอ้วุ้นงานวัดรสขมิ้นนั่นไป...
...ใช่ไหม? นายกำลังวางแผนแบบนั้นอยู่ใช่ไหม?!!

จะบ้าหรือไงคุณ?! เรื่องที่ผมเล่าคร่าว ๆ นั่นแหละเรื่องจริงที่สุดแล้ว!”แฝดน้องสวนทันควันคล้ายจะเตือนสติให้อีกฝ่ายเลิกฝันกลางวันพร่ำเพรื่อเสียที แต่นาทีนี้... อคิรากลับหาได้รับฟังไม่!

“งั้นให้พลายมาคุยกับฉัน... นายกล้าหรือเปล่าล่ะ?”

หนุ่มสถาปัตย์แทบทรุดเมื่อได้ยินทางเลือกอื่นของร่างบาง
แม่เจ้า! คนอะไรจะช่างจินตนาการจนไม่คิดจะเปิดใจรับฟังเรื่องจริงได้หนักข้อขนาดนี้?!!!


“...เอ้า... เอาเลย  เอาที่สบายใจเลยครับ!!” ฌอนส่ายหัวอย่างเอือมระอาพลางเอ่ยปลง ๆ  ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ ส่งซิกให้เจ้าของร่างทองปรากฏกายละเอียดตามความต้องการของหนุ่มยอดมโน... ดีว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ข้างล่าง ไม่อย่างนั้นคงได้จับไข้ขนหัวลุกชันไปตาม ๆ กันเป็นแน่  

“คนน่ารักอยากพบพี่พลายหรือขอรับ?” เด็กวิเศษผู้ร่วมรับรู้ทุกเหตการณ์ระหว่างสองหนุ่มเอ่ยถามอย่างมีมารยาท ร่างบางจึงไม่พลาดที่จะสืบสวนพยานปากเอกทันที

”พลาย... เมื่อกี๊ได้ยินใช่ไหมว่าฉันกับฌอนคุยอะไรกันอยู่?”

“ครบถ้วนทุกประการเลยขอรับ”

”ดี! งั้นอธิบายมาสิว่าฝาแฝดสองคนนั้นเป็นใคร... เอาแบบเข้าใจง่ายหน่อยนะ” ขณะที่ประโยคกำลังสิ้นสุด สีหน้าบอกบุญไม่รับกับสายตาขอความช่วยเหลือของพลายที่ส่งไปให้บุคคลที่สาม ทำเอาหางตาของอดีตเดือนบริหารกลอกไปจับจ้องยังหนุ่มหัวจุกโดยอัตโนมัติ ซึ่งก่อนที่ฌอนจะได้อ้าปากพูดแทรกขึ้นมานั้น  อิ๊กก็แดกอีกฝ่ายผ่านสายตา แถมดุผ่านภาษาพูดต่ออีกคำรบได้ทันท่วงที “นายไม่ต้องพูดเลย ยืนอยู่เฉย ๆ แบบนั้นนั่นแหละ!


แน่นอน... เมื่อรู้ว่าไม่มีหวังที่จะได้ปรึกษาหารือกันซึ่ง ๆ หน้า
กุมารทองเลยตัดสัญญาณเพื่อจูนเข้าสู่ช่องภาษาจิตระหว่างตนกับแฝดน้องทันที


“พ่อฌอน จะดีหรือขอรับ?”   
”เอาเถอะ... ก็เขาอยากได้ยินนิ แล้วอีกอย่าง นอกจากเรื่องจริงแล้ว...ฌอนก็ไม่มีเหตุผลอื่นมาใช้อธิบายให้เขาเข้าใจได้หรอก”
“แต่เจ้าพ่อกับพ่อฌานจะไม่ฉิวเอาหรือขอรับ?” ลำพังแค่มองสีหน้าของเด็กวิเศษในยามนี้ ฌอนก็รู้ได้โดยพลันว่าพลายอึดอัดและอึกอักกับการเป็นทนายหน้าหอให้กับเขาอย่างที่สุด
”เรื่องนั้นปล่อยให้ฌอนจัดการเถอะ พลายแค่เล่าความจริงไป... ส่วนเรื่องอื่นที่ยังไม่เกิด ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”
“ขอรับ”


”อ้าวพลาย!... ทำไมไม่ยอมเล่าให้ฉันฟังเสียทีล่ะ?” อิ๊กกระตุ้นกุมารทองที่เอาแต่จ้องหน้าฌอนอยูนานสองนาน  ซึ่งท่าทีเหม่อลอยโดยพักสายตาที่ฝาแฝดคนน้องนั้นทำให้อดีตเดือนบริหารฉุกคิดได้  “... หรือว่า?!!.... นาย ขอ รับ!!!!

สุ้มเสียงฮึ่มฮั่มของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้ฌอนกระโตกกระตากจนดูมีพิรุธ
ในเมื่อโดนอีกฝ่ายห้ามพูด หนุ่มสถาปัตย์จึงอาศัยการยกมือไม้บุ้ยใบ้ ก่อนจะส่งสายตาพร้อมแสดงสีหน้าประหนึ่งผู้บริสุทธิ์ไปทักทายแทนการเอ่ยคำ


ฮึ่ย! นายนี่มัน!!!!” อคิราบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ก่อนจะหันไปถลึงตาแล้วเอ่ยเร่งกุมารทองอีกทอดหนึ่ง “เล่ามาเสียทีสิพลาย  ฉันรอนานแล้วนะ!

“ในอีกห้าปีมนุษย์ข้างหน้า พี่พลายจะไปเกิดใหม่เป็นลูกของพ่อฟู พ่อเต๋อ และพ่อด้วงขอรับ...
.
.
...ดวงจิตของพี่พลายในปัจจุบันขณะ แต่เดิมแล้วแท้จริงถูกสร้างจากการหลอมรวมผูกดวงจิตสามดวงเอาไว้ร่วมกัน...
...ด้วยวิวัฒนาการของโลกสมัยใหม่ และด้วยจิตที่ต้องกันกับพ่อฟูมาแต่เก่าก่อน ทำให้สุดท้ายแล้ว... ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า พ่อฟูจะสร้างกายเนื้อให้จิตทั้งสามได้มีที่สถิตย์ในภายหลัง... ซึ่งนั่นคือที่มาของ พี่พลาย พลุ และพลับในกายหยาบแห่งมนุษย์ต่อไป...
.
.
...แต่หากพ่อฟูยังไม่ตกลงปลงใจกับพ่อเต๋อและพ่อด้วงเสียตั้งแต่ตอนนี้... พี่พลายก็จะไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้...
...ฉะนั้น เจ้าพ่อห่อไหล่และเจ้าพ่อไทรทองจึงช่วยสร้างกายเนื้อให้จิตของพลุกับพลับเพื่อไปช่วยให้พ่อ ๆ ทั้งสามของพี่พลายตกลงปลงใจกันได้เสียทีอย่างไรล่ะขอรับ”

”แปลว่า... ตอนนี้คนกลางกับคนเล็กนี่ ไม่มีตัวตนบนโลกใช่ไหม?”

“ขอรับ... ทั้งสองเป็นเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณที่พร้อมจะหายไปเมื่อไม่ได้เวทย์มนตร์ของเจ้าพ่อทั้งสองช่วยหล่อเลี้ยงเอาไว้ในกายเนื้อวิเศษขอรับ” ดวงจิตสีทองอร่ามสรุปเพื่อย้ำความเข้าใจให้อิ๊กอีกคราพลางแอบหวังว่าความจริงทั้งหมดที่ตนเพิ่งเปิดเผยไปนั้น จะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของฌอนได้เสียที


กระนั้นแล้ว... ฝ่ายที่จ้องจะตีรวนยวนยีไม่มีหยุดหย่อนกลับไม่อาจนอนใจได้สักกระผีก
ร่างบางถอนหายใจหนัก ๆ หลายครั้ง แล้วจึงหันไปกวาดสายตามองใบหน้ากลมป้อมของเด็กชายผิวกายสีทองผู้ลอยละล่องอยู่เหนือพื้นอย่างเวทนา


”พลาย......ถามจริง ๆ  พลายโดนเสี้ยมให้ตอบคำถามแบบนี้ใช่ไหม?” หนุ่มหน้าหวานกึ่งถามกึ่งเพ้อรำพันให้กับชะตากรรมอันน่าสงสารของเด็กวิเศษผู้ตกเป็นเหยื่อของมนุษย์รูปหล่อหากแต่ใจร้ายเป็นที่สุด “คนอะไร กระทั่งเด็กยังไม่วายหลอกใช้เป็นเครื่องมือ! อคิราประนามหยามเหยียดบุคคลที่สามอย่างไม่ไว้หน้า

“เฮ่ยคุณ คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? ก็คุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากได้ยินพลายพูดให้ฟังกับหู... ก็นี่ไง... พลายเล่าเรื่องจริงให้คุณฟังหมดแล้ว ทำไมคุณถึงยังไม่ยอมเชื่อเรื่องที่พลายเล่าให้ฟังอีกล่ะ?” แฝดน้องหงุดหงิดจนหางคิ้วกระตุก

“ใครหลงเชื่อก็บ้าแล้ว! ที่สำคัญ...นายกล้าปฏิเสธไหมล่ะว่าก่อนหน้านี้นายนัดแนะอะไรกับพลาย พลายถึงไม่ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังทันทีที่ฉันถามจบ?” และแล้ว... อคิราก็ปล่อยหมัดเด็ดออกมาทำลายล้างหลักฐานตบตาที่อีกฝ่ายบังคับขืนใจจ้างกุมารทองมาแสดงเป็นตัวประกอบลงอย่างราบคาบ...

โชคดีเหลือเกินที่เขาเกิดมาเป็นคนฉลาดที่ไม่ขาดความเฉลียว
คิดจะหลอกเคี้ยวเขาตามอำเภอใจอย่างนั้นเหรอ? หึ! เร็วไปสิบชาติ!!


“เฮ่อ! ผมเปล่านัดแนะเสียหน่อยคุณ... คุณนี่มันขี้มโนจริง ๆ !” แฝดน้องทอดถอนใจในความเยอะของอีกฝ่ายที่ไม่มีวี่แววว่าจะลดระดับลงเลย

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ได้เห็นหลักฐานเต็มสองตา หัวเด็ดตีนขาดยังไง...ฉันก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องโกหกหลอกเด็กนี่แน่นอน...
.
.
...แล้วฟังให้ดีนะ ถ้านายยังไม่เคลียร์ตัวเองให้ชัดเจน ฉันจะไม่พูดกับนายอีก!!” เมื่อได้ยื่นคำขาดจนสมใจ  อดีตเดือนบริหารก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังอึ้งอยู่หมุนตัวแล้วออกเดินไปยังตีนบันไดในชั่วพริบตา

“อ้าว! แล้วนั่นคุณจะไปไหน?” คำถามของแฝดน้องรั้งเรียวขาให้แค่จรดอยู่ตรงขั้นบันไดล่างสุด อิ๊กหยุดค้างท่าพอยท์เท้าข้างหนึ่งเบา ๆ  แล้วจึงผินเสี้ยวหน้ามาพูดจายั่วเย้าแฟนหนุ่มอย่างเย่อหยิ่ง

ฉันก็จะกลับห้องฉันสิ ดึกป่านนี้แล้วคงไปนอนห้องกิ๊กไม่ทันหรอก!

อิ๊ก!!!! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ!! / ไม่!! ไม่ถอน  ไม่มีทางเสียล่ะ!” แม้แฝดน้องจะย่างหลายก้าวเพื่อกระชับพื้นที่  แต่อีกฝ่ายกลับซอยเท้าวิ่งปรู๊ดหนีขึ้นบันไดไปอีกสี่ขั้น ก่อนจะหันหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตาส่ายเอวดุ๊กดิ๊กไปมาเพื่อเพิ่มเชื้อไฟให้กับคนตัวโตที่หยุดยืนคาดโทษอยู่ที่ตีนบันไดให้อารมณ์ยิ่งคุกรุ่นกันไปใหญ่

ไม่ถอนใช่ไหม? ได้!! เดี๋ยวผมจะถอนทั้งคำพูด ถอนทั้งลิ้นทั้งปากให้คุณเอง!! / อย่าเข้ามานะ!!!” ไม่ต้องมีเสียงปืนให้สัญญาณ ทั้งสองก็วิ่งหน้าตั้งไต่ความสูงสี่ชั้นไล่หลังกันอย่างเอาเป็นเอาตายได้อารมณ์ฟาสต์แอนด์ฟิวเรียสเวอร์ชันโกยตีนหมาเสียจริง ๆ ...

แน่ล่ะ ฝ่ายที่ดีแต่ฟิวเรียสย่อมต้องเป็นชายหนุ่มหน้าหวาน...
มนุษย์วัยเจริญพันธุ์ที่วัน ๆ เอาแต่นั่งเม้าท์มอยหอยแตกสลับกับแดกยับมากว่าสิบปีอย่างไม่ต้องสงสัย
ซึ่งต่อให้เจ้าตัวจะทะเยอทะยานอยากชิ่งหนีสักเพียงใด... อิ๊กก็ไม่อาจเขยื้อนมวลร่างกายก่ายขั้นบันไดขึ้นชั้นสูงสุดทิ้งห่างเจ้ากรรมนายเวรหัวจุกได้ห่างเกินสองขั้นเลย


“หึ! ไงล่ะ ทำเป็นเก่ง?!” เด็กเต็กแซวขณะอดีตเดือนบริหารกำลังกอบโกยลมหายใจจนกายไหวไปทั้งร่าง  คนฟังตวัดสายตาเคียดแค้นแม้นจะฆ่าให้ตายพร้อมพ่นลมหายใจหืดหาดใส่หน้ากันอย่างเลือดเย็น

“...”

“เหนื่อยเหรอ? เหนื่อยแล้วจะวิ่งหนีผมขึ้นมาทำไม?” พอเห็นท่าทางหมดสภาพของอีกฝ่าย ฌอนก็ไม่ใจไม้ไส้ระกำทำโทษคนรักต่อได้ลงคอแต่อย่างใด  ร่างใหญ่กว่าปราดเข้าไปคว้าเอวสอบแล้วประคองคนตัวเล็กกว่าเอาไว้

“...”

“หึ หึ หึ! ถ้าเหนื่อยก็ค่อย ๆ เดิน รีบเดินมาก ๆ เดี๋ยวจุกเอาไม่รู้ด้วยนะ” แฝดน้องปรับอารมณ์เข้าสู่โหมดเป็นห่วงแกมเอ็นดูร่างบางที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินเข้าห้องโดยไม่ตอบโต้คำใด พลางตั้งข้อสงสัยว่าอีกฝ่ายน่าจะเหนื่อยล้าสาหัส ไม่อย่างนั้นคงไม่ประหยัดคำพูดอยู่แบบนี้แน่

หลังจากที่ทั้งสองผ่านประตูเข้าสู่ด้านในห้องไปไม่ถึงอึดใจดี
พลันก็มีเสียงทักทายเจื้อยแจ้วดังออกมาจากชายหนุ่มหัวเกรียนร่างหนาที่เดินยิ้มร่าออกมาต้อนรับขับสู้
เมื่อเดาจากเสื้อผ้าสบาย ๆ ซึ่งย้วยหย่อนคล้อยคล้ายใกล้หมดอายุการใช้งานที่ชายแปลกหน้าสวมใส่ ฌอนก็เดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นรูมเมทของอดีตเดือนบริหารนี่เอง


“อ้าว! กลับมาแล้วเหรอเพื่อนเมท?  อุ๊ย! เพื่อนเมทพาใครมาด้วยเอ่ย... หล่อจังเลย หลงทางมาเหรอคะ? ให้เกวนช่วยพากลับห้องดีไหม? หรืออยากจะอยู่ที่นี่ตลอดไปก็ได้นะคะเกวนยินดีต้อนรับ”

จากเดิม... หนุ่มสถาปัตย์คิดจะตั้งการ์ดกันคนของตัวเองให้ออกห่างจากชายงามตรงหน้า
กลับกลายเป็นว่า ทันทีที่บุคคลที่สามเปิดปากทักทาย ความรู้สึกหึงหวงร่างบางก็ผ่อนคลายสลายไปได้ในไม่กี่วินาที


“กวินทร์... สนใจเพื่อนเมทหน่อยดีไหมว่าเป็นตายร้ายดียังไงมา?!” อดีตเดือนบริหารอดเหน็บเพื่อนสาวไม่ได้ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน

“แหม... กับเพื่อนเมทน่ะคุยเมื่อไรก็ได้ แต่กับผู้ชาย... นาน ๆ จะตกถึงท้องสักที ขอเพื่อนเมทอ้อยให้ธารีดำเนินหน่อยโนะ! เจ้าของเรือนร่างล่ำสันปานจะล้มวัวเชือดควายได้ด้วยมือเปล่าเดินเข้ามากระพือเปลือกตาทำหน้าชวนฝันใส่หนุ่มสถาปัตย์อย่างมีนัยยะ “เค้าชื่อเกวนนะ เรียนบริหารเพราะชอบทำกายบริหารและชอบคานบริหวยมาก ๆ เลย ตัวเองล่ะ... ชื่อไรคะสุดหล่อ?”  

“เอ่อ... ผมชื่อฌอน” ฌอนอึกอักกับท่าทางของหนุ่มแปลกหน้าเพียงครู่หนึ่ง แล้วจึงหันกลับไปสะสางเรื่องค้างคากับอคิราต่อทันที  “อิ๊ก... เรายังคุยกันไม่จบนะ”

“นั่นปะไร!! ผู้มาที่ห้องทีไร ต้องเป็นผู้ในสังกัดนางตลอด ๆ ” กวินทร์หรือเกวนบ่นหงุงหงิงกับตัวเองด้วยความเสียดายเหลือกำลัง กระนั้น... ประกายแห่งความหวังในดวงตาเขากลับแวววาวรุ่งโรจน์ไม่ห่างหาย

“นี่ตัวเอง... ตัวเองนิยามความสัมพันธ์กับเพื่อนเมทของเกวนว่าอะไรอ่ะ?...
...พอมีที่ว่างให้เกวนแอบหลบตามซอกใจบ้างป่ะ?...
.
...เกวนไม่เรียกร้องแถมยังทิ้งขว้างได้ ขอแค่แวะมาเยิ้บกันให้หายคันบ้างไรบ้างสองวันครั้งพอ โอมะ?!” หนุ่มล่ำโบกฝ่ามือด้วยท่าบ้ายบายเพื่อเรียกสายตาของอีกฝ่ายให้หันกลับมามองตน  “ฮั่ลโหลวววว! ตัวเอง... โอป้ะ?!!!

“ขอโทษทีที่ผมรับความปรารถนาดีของคุณเอาไว้ไม่ได้ ผมเป็นแฟนอิ๊กครับ... และผมรักอิ๊กคนเดียว” เด็กเต็กเอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพโดยไม่วางตาจากบุคคลที่สามซึ่งเสไปจัดข้าวของที่วางระเกะระกะตรงโต๊ะอ่านหนังสือประจำตัวทั้งที่ไม่จำเป็น  ก่อนจะเล่นท่าพิรี้พิไรเหมือนถอดหูเก็บใส่ตู้เซฟเอาไว้จนไม่ได้ยินประโยคน่าประทับใจทั้งหลายของแฝดน้องก็ไม่ปาน

แอร๊ยยยยยส์ ผู้นี้ดีงาม!! แฟ้มบุคคลขอกระพือท้องแขนให้ฮีรัว ๆ เลยค่า! เอ้า! ตบมือสิคะ... จะรออะไร?!!!” หนุ่มล่ำพูดเองเออเอง แถมยังปรบมือเป็นสเต็ปเชียร์กีฬาด้วยตัวเองอีกต่างหาก และเมื่อพิธีสรรเสริญแฟนใหม่ของเพื่อนร่วมห้องจบลง ก็ถึงคราวสืบสาวที่มาของผู้ชงผู้ชายหน้าตาหล่อลากที่ถูกอิ๊กห่อกลับมากินให้หายอยากถึงห้อง “เพื่อนเมท เพื่อนเมทไปตกแถวไหนมาอ่ะ เกวนอยากได้มั่ง!!!” กวินทร์งุบงิบพลางขยิบตาปิ๊งปั๊งให้เด็กต่างคณะอย่างทีเล่นทีจริง

“จำไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่าไล่เท่าไรก็ไม่ไป... คนอะไรหน้าด้านชะมัด!!

อิ๊ก!! แม้จะอยู่ในที่รโหฐานแต่ดันไม่ได้อยู่กันแค่สองคน แฝดน้องจึงต้องส่งเสียงพร้อมทำหน้าเข้มปรามอีกฝ่ายไม่ให้ล้ำเส้นที่ต่างเคยตกลงกันเอาไว้   

ทว่าสมองอิ๊กกลับประมวลผลไปอีกอย่าง
เพราะนอกจากจะไม่อินังขังขอบใด ๆ  ร่างบางยังส่งภาษาบลาแถมยังเชิดหน้าปรายหางตามาค้อนจิกเข้าให้


“บลา บลา บลา บลา บลา / คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าพูดไม่เพราะจะโดนอะไร?
“บลา บลา บลา บลา บลา /อิ๊ก!!!!!!

“กวินทร์... บอกนายคนนั้นทีดิ๊ว่า ฉันไม่สนคำพูดของคนโกหกหรอก!!  สิ้นเสียงเรียกชื่อตัวเองดังลั่นห้องของหนุ่มหล่อต่างคณะ อคิราก็เบือนหน้าไปคุยกับรูมเมทด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย...  

ใช่แล้ว อิ๊กกำลังปั่นหัวแฝดน้องให้กลุ้มใจตายค่าที่กล้าทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของเขาให้ต้องบอบช้ำโดยไม่จำเป็น
หึ! จะได้เห็นฤทธิ์พ่อแบบเต็ม ๆ ก็งานนี้ล่ะ

ฝ่ายชายหนุ่มผู้มีชื่อตามสำเนาทะเบียนบ้านว่ากวินทร์
เมื่อได้ยินถ้อยแถลงของอดีตเดือนบริหาร เจ้าตัวก็ถึงกับเบ้หน้ากลอกตาฝ้าเพดานพลางถอนหายใจยาว แล้วจึงหันไปตบบ่าหนุ่มสถาปัตย์หนัก ๆ คล้ายจะส่งผ่านความรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างใหญ่หลวงไปให้ก็ไม่ปาน


“ทำใจหน่อยนะ เพื่อนเมทนางมั่นน่ะ...แถมตอนเด็ก ๆ ยังถูกเลี้ยงด้วยทีวี นางเลยมีเคมีดาวพระศุกร์เยอะไปหน่อย” คำปลอบใจของหนุ่มบริหารสุดล่ำทำเอาฌอนเริ่มจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรได้มากขึ้น  รวมไปถึงกลยุทธการศึกของคนตัวเล็กสุดจะดื้อดึงตรงหน้าด้วย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตบจูบนี่ทางถนัดผมพอดี” แฝดน้องเอ่ยอย่างสบาย ๆ ... เพราะอย่างน้อย ๆ  เขาก็หาวิธีจัดการกับอีกฝ่ายได้แล้ว

“อร๊ายยยยยส์ เกวนอยากตาย!! ผู้อะไรได้ใจเกวนเหลือเกิน!!.. มา มา... นั่งก่อนพ่อคู๊ณณณณณณ เอาน้ำเอาขนมอะไรไหมล่ะ? มีบิวติดริ้งค์กับเบียร์สิงห์ไลท์ อารมณ์นี้อยากได้รุ่นไหนไปดับกระหายกันเอ่ย?” เป็นเพราะได้ฟังคำตอบที่โดนใจเข้าอย่างจัง เจ้าของห้องร่างบึกบึนจึงขยับขยายพื้นที่ ก่อนจะลากเก้าอี้มารับรองแฟนใหม่เพื่อนอย่างกุลีกุจอ

“กวินทร์ ทำไมไม่ส่งแขกกลับไปล่ะวะ? แล้วไปชวนกินทำไม... เปลือง!! อดีตเดือนบริหารเริ่มจะออกอาการพาลพาโล เมื่อเห็นว่าคู่กรณีเริ่มจะปักหลักซ่องสุมกำลังที่ห้องโดยมีรูมเมทตัวโตตั้งตนเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ

“เกวนชวนผู้ ไม่ได้ชวนเพื่อนเมท... เพื่อนเมทเดือดร้อนอะไรคะ? ไม่อยากคุยกับผู้ก็ไปอาบน้ำอาบท่าไป๊... อย่าให้เกวนต้องลำใยเลยขอร้อง!!” กวินทร์โบกมือไล่เพื่อนร่วมห้องอย่างไม่ใส่ใจนัก อคิราจึงเพิ่มดีกรีความหน้าหักเป็นจวักของตนให้ท่วมท้นไปกันใหญ่

“กวินทร์ บอกให้นายนั่นกลับไปดิ๊ นี่มันดึกแล้วนะ... จะไม่นอนเหรอ? พรุ่งนี้ไม่มีเรียนหรือไง?” ร่างบางกระทืบเท้าผ่านหน้าสองหนุ่มที่ตั้งวงก๊งเครื่องดื่มไปหยิบข้าวของโน่นนี่อย่างไม่มีเกรงใจ... ถ้าทำได้ รอบหน้าจะเหยียบเท้าไอ้คนโกหกมดเท็จให้ร้องเป็นเปรตขอส่วนบุญเลยคอยดู!!

ฝั่งแฝดน้องก็นั่งยิ้มอย่างผ่อนคลายเมื่อเห็นลู่ทางที่จะสื่อสารกับอีกฝ่ายโดยจะไม่โดนรวนเข้าให้อีก
ในเมื่อคิดจะหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับเขาโดยตรงด้วยการหาร่างทรงมารับเรื่องแทน...
เขาก็พร้อมจะเล่นตามกติกาของแฟนหนุ่มอย่างเต็มที่


“ไม่ต้องลำบากไล่หรอกครับคุณเกวน... เพราะผมจะนอนที่นี่กับแฟนผม” ฌอนประกาศความต้องการของตัวเองอย่างชัดแจ้งโดยแสร้งทำทีท่าคล้ายกำลังสนทนากับรูมเมทตัวล่ำ...

เหตุที่เขาทำไม่รู้ไม่ชี้ตีมึนขอนอนกับอคิรา ไม่ใช่แค่เพียงอยากจะปรับความเข้าใจกับหนุ่มหน้าหวานให้สำเร็จ
แต่เพราะรู้ว่าพี่ชายอยากใช้เวลาเพียงลำพังกับแฝดหัวแดงจนถึงวันอาทิตย์ช่วงเช้า เขาจึงไม่อยากทำตัวเป็นก้างขวางใคร  
ดังนั้น แม้อดีตเดือนบริหารจะขับไล่ไสส่งยิ่งกว่าหมูหมา ฌอนก็ยังจะหน้าด้านยอมให้อีกฝ่ายด่าให้เฉาหูตายกันไปข้างอยู่ดี  


“กวินทร์! ห้องเรากลายเป็นโรงแรมไปตั้งแต่เมื่อไร?... ใครนึกจะมานอนก็ได้อย่างนั้นน่ะเหรอ?...
...ไล่นายนั่นกลับไปเลยนะ... ไม่งั้นฉันจะแอบเอาคอสตูมหล่อนไปซ่อน!” ร่างบางเขวี้ยงผ้าเช็ดตัวลงกับพื้นเพื่อสร้างเอฟเฟคสุดตระการตาแล้วจึงยืนเชิดหน้า พลางกอดอกกดตาต่ำทำมองหยันจนดูน่าหมั่นไส้  แต่นั่นกลับยิ่งทำให้แฝดน้องยิ่งสนุกกับการเล่นใหญ่ของอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ  

“คุณเกวนไม่ต้องกังวลนะครับ ถ้ามีอะไรผมจะช่วยคุณเกวนเอง รับรองเลยว่าผมจะไม่ยอมให้อิ๊กทำอะไรคอสตูมของคุณเกวนได้เป็นอันขาด” ฌอนเอ่ยพลางส่งถุงถั่วปากอ้าคืนไปให้เจ้าของห้องอีกคน ก่อนจะกระดกบิวติดริ้งค์ลงคออย่างชิล ๆ  

กวินทร์!!! เดี๋ยวนี้กวินทร์เห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนเมทเหรอ?!!” หนุ่มบริหารหน้าหวานแผดเสียงด้วยความโมโห...  

ไอ้โมเมนท์สโลว์ไลฟ์ก่อไฟปิ้งมาชเมลโล่แล้วผลัดกันคุยโวถึงเรื่องในอดีตไอ้สองตัวตรงหน้าของมันคืออะไร?!!  
ใจคอกวินทร์จะไม่เดือดร้อนกับตัวแถมหัวจุกเป็นเพื่อนเขาหน่อยเหรอ?!!!


โอ๊ย!!! สต๊อปปปปป!!” สุดท้ายกวินทร์ก็อดรนทนเป็นคนกลางให้โจทก์ฝั่งขวา กับจำเลยหน้าหล่อฝั่งซ้ายไม่ได้อีกต่อไป “อยากจะทะเลาะกันนักใช่ไหม? ได้ค่ะ... เดี๋ยวอีเกวนจะลี้ภัยไปนอนกับไดอาน่า... เพื่อนเมทกับผู้ก็อู้อ้ากันให้เต็มที่เลยนะคะ  เกวนเพลียแคมจนอยากจะไปกินข้าวผัดแหนมที่ตลาดโต้รุ่งเสียเดี๋ยวนี้  บ๊ายยยยยย!!” ทันทีที่พร่ำรำพันจบ ร่างล่ำ ๆ ของรูมเมทก็เดินหลบออกจากห้องไปอย่างว่องไวปานกามนิตหนุ่ม

“กวินทร์... เดี๋ยวก่อน!!! มาไล่นายคนนี้ไปก่อนดี้!! คนตัวโตกว่าอาศัยความแตกต่างของขนาดร่างกายให้เป็นประโยชน์ เขายืนบังทางและคอยดักหน้าขวางไม่ให้ร่างบางแอบวิ่งหนีออกนอกห้อง

จะไปไหน? / บลา บลา บล...อื้อออออออออออ!!!!... ไอ้บ้า!! / ยังจะบลา บลา บลาอยู่อีกไหมล่ะ?”  

แฝดน้องอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นอดีตเดือนบริหารสะบัดบ็อบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปทันทีที่เขาฝากรอยรักผ่านริมฝีปากเข้าให้ หลังจากสั่งสอนให้อีกฝ่ายได้เข้าใจว่า ทุกครั้งที่ร่างบางตั้งท่าจะใช้ภาษาบลา เขานี่แหละที่จะจูบให้ปากยู่ไปเสียทุกรอบ  








“หึ! ขำมากไหม?” แฝดน้องดุเมื่อจับได้ว่าคนที่นอนรออยู่บนเตียงแอบหัวเราะคิกคักกับสารรูปสุดสยองของเขาในตอนนี้...

ช่วยไม่ได้  ก็เขาไม่ได้เตรียมพร้อมจะมานอนที่นี่ล่วงหน้า อาบน้ำเสร็จจึงต้องหาเสื้อผ้าใส่กันอุจาดให้พ้นคืนนี้ไปก่อน
สุดท้ายร่างบางเลยถือวิสาสะค้นเสื้อผ้าใส่นอนสีลูกกวาดของรูมเมทร่างหนามาให้ใช้ด้วยเห็นว่าขนาดตัวพอ ๆ กัน  
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นจึงไม่ค่อยจะน่าดูชมสักเท่าไรนักในความรู้สึกฌอน   


“จะไม่คุยใช่ไหม?” บรรยากาศของการพล่ามอยู่คนเดียวที่ปกคลุมอยู่ทั่วห้องทำให้ฌอนต้องถามย้ำอีกครั้ง แต่พอเห็นอคิราตั้งท่าจะพ่นภาษาบลาใส่ หนุ่มสถาปัตย์ก็จรดปลายนิ้วชี้จิ้มหน้าผากคาดโทษอีกฝ่ายเอาไว้แต่เนิ่น ๆ  ก่อนจะเดินเลยไปปิดไฟ “งั้นนอนเลยแล้วกัน ฌอนง่วงแล้ว”

เพราะทุก ๆ หอมีโครงสร้างภายในห้องไม่ต่างกัน  
ฌอนจึงคลำทางเดินฝ่าความมืดกลับสอดตัวลงนอนบนที่นอนสามฟุตชั้นล่างข้าง ๆ ร่างบางได้อย่างไม่ยากเย็น
และเพราะเห็นว่าฟูกเล็กเกินกว่าที่ผู้ชายสองคนจะนอนเบียดกันได้ คนตัวใหญ่จึงกวาดเอาร่างเล็ก ๆ เข้ามากอดไว้แนบกายเพื่อปล่อยผ้าปูที่นอนได้หายใจหายคอบ้าง


“ฮื่ออออออ... นอนดี ๆ สิครับ อย่าดิ้น... เดี๋ยวไม่ได้นอนไม่รู้นะ / !!!!!!!

อารยะขัดขืนด้วยการดิ้นขลุกขลักจึงถึงคราวสิ้นสุดลงทันทีที่เสียงกระซิบข้างรูหูชวนให้ขนอ่อนลุกซู่ซ่า
ไม่ต้องรอให้คนกอดพูดซ้ำก็รู้ได้ว่า... อีกฝ่ายพูดจริง แถมยังจะ ทำจริง ๆ แน่   ยกนี้อคิราเลยยอมพ่ายแพ้อย่างหมดท่า
ถึงอย่างนั้น... ประโยคที่ตามมาก็ทำให้ร่างบางอมยิ้ม ก่อนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขในอ้อมกอดอันอบอุ่นเป็นที่สุดของหนุ่มสถาปัตย์


“ฌอนรักอิ๊กนะครับ”


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


|| เช้าตรู่วันถัดมา ||


“มึงเป็นอะไรมากเปล่าวะฌอน จิกกูมาเฝ้าฮอบบิทอะไรแต่เช้าเนี่ย?” นับตั้งแต่ไปลากอดีตเดือนมหาลัยให้ออกมาคณะบริหารพร้อมกันเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน หนุ่มวิศวะก็คอยแต่หาจังหวะโอดครวญไม่หยุดหย่อน  แฝดน้องเลยย้อนเข้าให้อย่างไม่ปรานีปราศรัยเพื่อนสนิทคนใหม่เอาเสียเลย

“หึ! ทำมาเป็น... กูรู้มึงออกไปวิ่งแก้เสี้ยนมา แล้วนี่จะบ่นหาอะไร?”

“สัด! รู้ดี!! แต่เรื่องอะไรที่กูต้องมาเฝ้าเมียมึงที่นี่ด้วยวะ?” เก็กตีรวน เพราะจนถึงเดี๋ยวนี้ เขาก็ยังรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนของฌอนไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ...

เมื่อวานเย็น เขาแค่ขอให้เหล่าสมุนเลวช่วยกันให้บทเรียนแฟนตัวน้อยเพียงสองวันกว่า ๆ  
แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่า... ธันวากลับต้องมาคอยรับใช้ไอ้ฝาแฝดสองพี่น้องอย่างต่อรองไม่ได้
ซึ่งไอ้หัวจุกคนข้าง ๆ  ก็เสือกอ้างว่า การมาคอยนั่งเฝ้าอดีตคนรัก คือหน้าที่หลักที่เขาต้องทำเป็นเพื่อนมันทุก ๆ เช้าของวันธรรมดา นี่ยังไม่รวมกิจกรรมปลีกย่อยต่าง ๆ นา ๆ ระหว่างวันที่มันยังอุบเอาไว้อีกเป็นเบือด้วยนะ


“แค่จะ ยังไม่ได้เป็นเมีย” เด็กเต็กแก้ไขความเข้าใจของเพื่อนเสียใหม่ ระหว่างนั้นก็สอดส่ายสายตามองกำราบใครต่อใครที่น่าจะหมายตาคนของเขาไปพลาง ๆ  แต่การปล่อยให้คู่สนทนาอารมณ์ค้างอยู่กับหัวข้อละเอียดอ่อนดังกล่าวกลับไม่ใช่สิ่งที่พึงทำ

“หรือมึงจะไม่เอาฮอบบิทมันแล้ววะ?” อริยะตรัยผู้น้องถามพล่อย ๆ อย่างหมั่นไส้ในความท่ามากของเพื่อนหัวจุกเป็นทุนเดิม คนฟังจึงตวัดสายตากลับมามองแรงจนเก็กต้องเพิ่มเติมรายละเอียดด้วยความไวแสง “เฮ่ย! กูไม่ได้ถามเพราะกูจะช้อน... ที่ถามเพราะเป็นห่วง กูกลัวมึงจะไม่ได้แดก”

“ห่วงตัวเองก่อนเหอะ! เมื่อคืนก็งิดนิได้ข่าว”

“สัด! เดี๋ยวกูเป่าหูฮอบบิทให้แม่งเล่นตัวนาน ๆ เลยนิ” ประโยคสวนเนิบ ๆ ของแฝดน้องเมื่อสักครู่ ทำเอาหนุ่มรูปงามถึงกับสบถพลางจ้องแฟนเก่าด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ... ในเมื่อทำร้ายคนพูดไม่ได้ ก็จ้องแฟนมันให้อึดอัดตายไปเสียเลยก็ดี

พ่อง! / พ่อกูตายนานแล้วมึงไม่ต้องย้ำ กูจำได้อยู่เหอะ!” ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มต่างจ้องกันเป็นงูกินหาง ฝั่งเด็กเต็กหัวจุกก็กำลังแช่งชักหักกระดูกอดีตเดือนมหาลัยผ่านสายตา  ส่วนธันวาก็ส่งกระบวนท่าเลเซอร์บีมอายของกังฟูไปข่มขู่อคิราที่นั่งห่างออกไปสองช่วงโต๊ะ

แต่ก่อนที่ใครสักคนจะตาถลนหลุดออกจากเบ้า
คำถามผ่านเสียงพูดเบา ๆ ตามสไตล์ของแฝดน้องก็เรียกร้องความสนใจของคนฟังได้เป็นอย่างดี


“หล่อ... ตอนคบอิ๊ก เวลาทะเลาะกันมึงง้อยังไงวะ?” เก็กละสายตาจากคนในอดีตของตนเพื่อเบี่ยงไปมองเสี้ยวหน้าของไอ้แขกขาวหัวจุกคนข้าง ๆ อย่างเห็นอกเห็นใจ

“หึ! กูก็ลองง้อดูก่อนสักสองสามรอบ...
...ถ้าวันไหนแม่งเรื้อนหนัก ๆ ก็ปล่อยให้นั่งบ้ามองฟ้ามองฝนอยู่คนเดียวจนได้สตินั่นแหละ...
.
.
...แต่ฮอบบิทแม่งเยอะจริงว่ะ แถมขี้งอนฉิบหาย” ธันวาตบท้ายด้วยน้ำเสียงโล่งอกระคนสงสารชะตากรรมของคู่สนทนา... ผู้ชายดี ๆ มียั้วเยี้ยราวเพลี้ยราวหนอน อีกฝ่ายเสือกมือบอนไปคว้าไอ้เตี้ยจอมดราม่ามาเป็นเมียจนได้?!!

“แล้วตอนอิ๊กหึงล่ะ มึงทำไง?”

“ไม่รู้ดิ... แม่งไม่เคยหึงกูว่ะ ตอนคบกัน... กูอยู่ในโอวาทด้วยแหละ” สีหน้าไม่สู้ดีของฌอนทำให้ชายหนุ่มรูปงามยอมรับสภาพตามความเป็นจริง แต่พอเห็นสายตาปรามาสของแฝดน้อง เก็กก็ฉุกคิดได้ “เฮ่ย! อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้น กูไม่ได้หงอกับฮอบบิทมันหรอกเว่ย แต่กูขี้เกียจง้อ... แค่ทะเลาะกันเรื่องหมาขี้  กูนี่ก็เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้ว”

สีหน้าลำบากใจของเพื่อนรักทั้งที่ลงทุนเผาตัวเองให้ฟังอย่างดิบดี กอปรกับคำถามเมื่อครู่ และอาการไม่รู้ไม่ชี้ของร่างบาง
อริยะตรัยผู้น้องก็นึกอะไรบางอย่างออกมาได้


“อย่าบอกนะว่าที่ฮอบบิทไม่ยอมมองหน้ามึงนี่เพราะแม่งหึง?”

“เออ! โคตรหึง... หึงจนพูดกันไม่รู้เรื่องเข้าไปทุกที” ถึงคราวที่แฝดน้องต้องยอมรับออกมาตรง ๆ แล้วเช่นกัน ซึ่งพอฟังดูแล้ว ปัญหาของเด็กเต็กก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของเก็กไปเสียอย่างนั้น

“หึ! คิดมากปวดหัวเปล่า ๆ   ทำไมไม่แก้ผ้าคุยกันยาว ๆ ไปเลยวะ?... ใช้สิทธิแฟนให้คุ้มหน่อยดี้” ธันวาหวังว่าลูกยุของตัวเองจะช่วยพลิกสถานการณ์อันยุ่งเหยิงระหว่างเพื่อนสนิทกับคนรักให้กลับมาคืนดีกันได้โดยเร็ว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดแบบนั้น

“เหอะ! กูอยากเคลียร์ก่อน... ไม่อยากเอาเปรียบเขา”

คำพูดฟังหนักแน่นของฌอนทำให้เก็กเบาใจ
ใช่ว่าพอเลิกคบหา ความรู้สึกอาทรทีมีให้แฟนเก่าจะถูกกร่อนให้มลายไปพร้อม ๆ กับความรักในหัวใจเสียหน่อย...
แน่นอน ในฐานะคนคุ้นเคย เขามักจะภาวนาให้อคิราได้คบกับคนใหม่ที่ดีกว่าตัวเองอยู่เนือง ๆ  
ทว่าความปรารถนาดีก็ถือเป็นคนละเรื่องกับการแดกดันบุคคลที่สามให้หนำใจไม่ใช่หรือ


“ได้ยินแบบนี้กูก็ดีใจแทนฮอบบิทมัน... ถึงแม่งจะเพ้อเจ้อจนเสียสติ แต่ได้แฟนดีอย่างมึง... อนาคตข้างหน้าก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ”

ไอ้ห่า! พูดซะเสีย!

“หึ หึ หึ หรือไม่จริง?” อดีตเดือนมหาลัยท้วงเพราะรู้ดีว่าคนฟังแอบเห็นด้วย  แต่ฌอนกลับยักคิ้วแล้วอวยคนของตัวเองใส่เสียอย่างนั้น

“หึ! เพ้อเจ้อพ่อง!... เขาเรียกช่างจินตนาการเหอะ!

“เออ ๆ  แล้วนี่กลางวันนี้ยังไง? พวกมึงต้องพาบูบู้ไปโรงกลางให้ได้นะเว่ย!” อริยะตรัยผู้น้องรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะทนเลี่ยนกับอาการยกหางแฟนของเพื่อนสนิทไม่ไหว

“ถ้ากูรู้ว่ามึงจะย้ำคิดย้ำทำย้ำกับพวกกูเป็นร้อย ๆ รอบ กูว่ามึงไปคืนดีกับน้องบ๊วยเลยจะดีกว่าว่ะ” เมื่อหัวข้อไม่น่าสนใจ แฝดน้องก็ลากสายตากลับไปล็อกยังร่างบางผู้เป็นเป้าหมายดั้งเดิมของตนอีกครั้ง

“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวบูบู้ก็ทำแบบนี้กับกูอีก... ถ้าจะคบกันไปนาน ๆ  กูก็ต้องหาทางทำให้เขาเชื่อใจกูให้ได้เสียก่อนดิวะ”

“หึ! มึงแย่แน่หล่อ... น้องบ๊วยกูโคตรถ่อมตัวแถมยังใจเด็ดไม่มีใครเกินอ่ะ” หนุ่มสถาปัตย์ทำนายอนาคตอันใกล้ของเพื่อนสนิทโดยไม่ต้องอาศัยอำนาจวิเศษของกุมารคู่กายเลยสักนิด

“แต่กูก็ชอบเขาที่ตรงนั้นนะเว่ย...
...กูชอบเวลาที่เขาทำตัวเล็ก ๆ เพราะเขาเห็นคนอื่น ๆ ตัวใหญ่...
.
...กูชอบที่เขาให้ความสำคัญคนรอบ ๆ ตัวยิ่งกว่าใคร โดยเฉพาะคนที่กูรักทุก ๆ คน...
...ขนาดเฮียแม่งเอาแต่โขกสับเขามาแต่ต้น เขาก็ยังจะรักและดูแลเฮียจนเฮียติดบูบู้แจอ่ะ มึงคิดดูดิ” อาการพยักหน้ารับฟังอย่างเลื่อนลอยสร้อยเศร้าของคนข้าง ๆ ทำเอาเจ้าของตำแหน่งเดือนมหาลัยเมื่อสองปีก่อนหลุดออกจากภวังค์รักได้ในชั่วพริบตา “อ้าวเฮ่ย! นี่มึงเป็นไรของมึงเนี่ย? ทำไมอยู่ ๆ ถึงเอาแต่เหม่อ?... คิดมากเรื่องฮอบบิทอยู่หรือไง?”
.
.
.
.
.
.
.
.
“...อืม...” เสียงรับคำในลำคอหลังจากนิ่งไปนานยิ่งทำให้ธันวาสับสนไปกันใหญ่

“มึงเป็นไรเนี่ยฌอน?... เครียดห่าไรอีก?” อดีตเดือนมหาลัยร้อนใจกับปฏิกิริยาของอีกฝ่ายจนต้องจับบ่าบังคับให้คนข้าง ๆ หันมาสบตากัน

“หล่อ” แฝดน้องกลืนน้ำลายช้า ๆ  โดยไม่ทันรู้ตัวว่าสายตาตัวเองกำลังหลุกหลิกมากจนคนมองเริ่มเอะใจ แม้จะสงสัยเอาการ... แต่อริยะตรัยผู้น้องกลับจ้องหน้าเพื่อนนิ่ง ๆ เพื่อสื่อให้รับรู้ว่า เขาพร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างเต็มที่ไม่ว่าสิ่งที่ฌอนร้องขอจะยากเย็นสักเพียงไหนก็ตาม

แต่บรรดาเรื่องชวนกลุ้มต่าง ๆ ที่ผุดขึ้นในห้วงความคิดของอดีตเดือนมหาลัย
กลับไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้แฝดน้องต้องถอนหายใจบ่อย ๆ เลยสักนิด


“คือ... ตอนมึงกับอิ๊กคบกัน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
...มึงมีอะไรกันบ่อยไหมวะ?” โชคดีที่เขายังมีอิ๊กเป็นจุดพักสายตา ไม่อย่างนั้นระหว่างที่ป้อนคำถามเมื่อครู่ให้อีกฝ่ายไขข้อข้องใจ เด็กเต็กหัวจุกคงต้องกระอักกระอ่วนจนไม่รู้ต้องปั้นหน้าอย่างไรแน่ ๆ   

น่าแปลกที่เมื่อความรู้สึกหนักใจในหัวข้อดังกล่าวถูกส่งผ่านจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนโดยสวัสดิภาพ
ระหว่างสองหนุ่ม กลับไม่มีผู้ใดเลยที่รู้สึกโล่งราวยกภูเขาออกจากอก...
และที่น่าตลกก็คือ ฝ่ายที่ต้องเฉลยรายละเอียดดูจะตึงเครียดหนักกว่าหนุ่มสถาปัตย์หลายเท่าตัว


“เฮ้ยไอ้เหี้ย!!!! มึงจะอยากรู้ไปเพื่ออะไรวะฌอน? บ้าเปล่าเนี่ย?!!!” พอโดนเพื่อนพ่นคำด่าใส่โดยไม่รักษาอาการ ฌอนก็ยอมหน้าม้านเพิ่มเติมที่มาที่ไปให้ธันวาได้เข้าใจจุดประสงค์ของตัวเองทันที

“คืองี้... วันก่อนตอนคุยเล่นกัน...
...อิ๊กบอกกูว่า...
.
.
.
.
...ทฤษฎีอย่างว่าเขาแน่น แถมยังแม่นปฏิบัติขนาดสอนคนอื่นได้...
...กู...เอ่อ... กูก็เลยติดใจนิดหน่อยว่ะ” อริยะตรัยผู้น้องถึงกับระเบิดหัวเราะจนตัวงอด้วยความชอบอกชอบใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!... มึงโดนฮอบบิทต้มจนเปื่อยแล้วว่ะฌอน! / ทำไมวะ?!!” และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่สีหน้างง ๆ เหมือนหมาหลงทางของเพื่อนหัวจุกทำเอาเก็กยอมเล่าเรื่องที่ไม่ควรจะเล่าให้อีกฝ่ายได้รู้

“ก็ตอนคบกัน... กูกับฮอบบิทแม่งไม่รู้ห่าอะไรสักอย่าง  คลำหาทางเข้าได้ก็เรียกว่าเก่งแล้วเหอะ” ทั้งที่ตั้งใจตัดจบมันตรงนั้น ทว่าสายตาที่สะท้อนความรู้สึกหวั่นไหว กับใบหน้าแขก ๆ ที่ยุ่งเหยิงจนดูไม่ได้ของเพื่อนสนิทก็สามารถแงะปากให้ธันวายอมคายความลับสุดยอดได้อีกหน

“เอาเป็นว่า ช่วงนั้นกูก็เน้นปริมาณตามระดับความงุ่นง่านประสาเด็กเห่อหมอยแรก ๆ นั่นแหละ...
.
.
...แต่ถ้าถามถึงคุณภาพ กูกับไอ้ฮอบบิทนี่ก็ไม่ได้เก่งเหี้ยอะไรเลยนะ เรียกได้ว่าห่างไกลจากความเชี่ยวไปหลายปีแสงอ่ะ...
...ไงล่ะ สบายใจหรือยังมึง?” อดีตเดือนมหาลัยสรุปการบรรยายแบบรวดรัดตัดความด้วยคำถามสั้น ๆ ...

เก็กหวังว่าคนฟังจะเลิกประหวั่นพรั่นพรึงครุ่นคิดถึงเรื่องที่ไม่เป็นความจริงได้เสียที...
แต่ดูเหมือนครั้งนี้ หนุ่มรูปงามจะทำคุณบูชาโทษเข้าเสียแล้ว


“ก็เออ!” หลังจากที่หายสงสัยในเรื่องที่ไม่รู้จะปรึกษาใครได้ดีไปกว่าเพื่อนสนิทที่ยืนข้าง ๆ  ความสบายใจก็ทำให้ฌอนตั้งสติแล้วกลับเป็นตัวของตัวเองได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว “แต่กูชักเป็นห่วงน้องบ๊วยขึ้นมาเสียแล้วสิ หึ หึ” คนพูดส่งสายตาเหนือกว่าไปเหยียดหยามความเป็นชายของอริยะตรัยผู้น้องจนอีกฝ่ายต้องมอบคำด่าเป็นค่าตอบแทน

ไอ้เหี้ย! รู้งี้กูปล่อยให้มึงแดกหญ้าต่อไปก็ดี!

“หึ หึ หึ... เอาน่า เดี๋ยวสองวันนี่กูจะดูแลน้องบ๊วยให้อย่างดีเลย” พอได้ตบหัว แฝดน้องก็ลูบหลังเพื่อนรักต่างคณะเป็นการใหญ่

“นั่นหน้าที่มึงอยู่แล้วหรือเปล่าวะ?” วาจาปะเหลาะหลังโดนลูบคมไม่ได้ทำให้หนุ่มรูปงามอารมณ์ดีขึ้นเลยสักนิด  

“อย่างกับกูเต็มใจ”

“งั้นมึงก็อย่าหวังเลยว่ากูจะมาเฝ้าฮอบบิทเป็นเพื่อนมึงอย่างนี้ทุกเช้า...
.
...แล้วไอ้ที่มึงจะให้กูคอยส่งข้าวส่งน้ำ ง้อแม่งระหว่างวันนี่กูก็จะไม่ทงไม่ทำแม่งแล้ว!” เพราะอยากจะเอาชนะเพื่อนหัวจุกให้จงได้  หนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาลัยก็อาศัยข้อตกลงระหว่างกันมาเป็นข้อแม้

“พาลแล้วอย่าพล่อยครับหล่อ” แต่เพราะฌอนหาใช่คู่ปรับที่จะต่อกรได้ง่ายดายอย่างที่อีกฝ่ายหลงย่ามใจ คนที่ต้องหงายเงิบเกิบแหกจึงกลายเป็นธันวาไปเสียได้ “เอาดี ๆ  กูจะให้เวลามึงสำนึกตัวสามวิฯ หนึ่ง...สอ...”

“ก็ได้วะแม่ง! มึงกับพี่ฌานเคยโดนใครปฏิเสธอะไรในชีวิตมั่งไหมวะเนี่ย... จอมบงการฉิบหาย!” อริยะตรัยผู้น้องบ่นกระปอดกระแปด จนแฝดน้องต้องช่วยเบิกเนตรให้เก็กสามารถเข้าใจถึงสถานะของตัวเองได้ดีขึ้น

“ช่วยไม่ได้... มึงเสือกอยากเป็นแฟนกับตัวอ่อนที่สุดในกลุ่มกูเองนี่หว่า / ห่า!... กูก็นึกว่าแนน”
“แนนซี่นี่ตัวอ้อน / หึ! อ้อนตีนสินะ” หนุ่มสถาปัตย์ไม่ได้โต้ตอบหากแต่หัวเราะในลำคอตามธันวาไปอีกคน โดยที่ตนไม่ยอมละสายตาจากร่างบางซึ่งกำลังคุยเล่นกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุขเลยสักวินาที


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


|| ประมาณบ่ายโมงของวันเดียวกัน ||


“อ่ะ! เอาไป! ไอ้แฝดฝากมาให้ วันนี้มันมีเรียนถึงหกโมง... สงสัยคงกลัวดอกไม้จะเหี่ยวเหมือนคนรับเลยให้รีบเอามาส่ง” เก็กท่องอาขยานแจ้งความต้องการทั้งหมดของเจ้าของช่อดอกไม้แถมออกความเห็นเชิงลบตบท้ายให้เสร็จสรรพ

จิ๊!!” แม้จะตึง ๆ เพราะวาจาร้ายกาจของคนคุ้นเคย แต่ความรู้สึกได้หน้าเพราะกุหลาบขาวช่อมหึมาก็ทำให้อคิราสามารถวางเฉยได้อย่างน่าอัศจรรย์  กระนั้น... จังหวะที่อดีตเดือนบริหารยื่นมือไปรับของกลาง... ร่างสูงสมส่วนก็ชักมือพรากดอกไม้หนีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  

“เดี๋ยว!!... ฟังนี่ด้วย” พูดจบอริยะตรัยผู้น้องก็เปิดคลิปวิดีโอในมือถือตัวเองให้อดีตคนรักได้รับชม

ใจกลางสมาร์ทโฟนรุ่นล่าของธันวา ปรากฏใบหน้าเขิน ๆ  ของเจ้าของดอกไม้ส่งยิ้มมุมปากมาให้
แต่ก่อนที่คนในจอจะเอื้อนเอ่ยคำใด ๆ  ก็มีเสียงก่นด่าแฝดน้องโดยฝีปากอดีตเดือนมหาลัยดังนำหน้าอย่างไม่ขาดสายคล้ายกับอินโทร


( เอ้า! จะพูดอะไรก็พูดสักทีดิวะ เขินหาพ่อมึงหรือไงสัด?! เร็ว!!...กูอัดวิดีโอแล้ว!’)
(อิ๊กครับ... ฌอนไม่รู้ว่าอิ๊กชอบดอกไม้ไหม แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าชอบดอกอะไร...
.
.
...แต่เห็นแล้วคิดถึง อยากให้...
...หวังว่าอิ๊กจะชอบดอกไม้ช่อนี้นะครับ...
...รักอิ๊กคนเดียวนะ...
...เย็นนี้เจอกันที่ห้องอิ๊กนะครับ)


ทันทีที่คลิปจบ เก็กก็ยื่นช่อดอกไม้ให้แฟนใหม่ของคนในภาพเคลื่อนไหวเมื่อครู่  
พออีกฝ่ายได้รับของไปก็ก้มหน้าก้มตาอ่านการ์ดพลางยกมือขึ้นป้องปากเพื่อกลั้นยิ้ม


“ดีใจก็ยิ้มออกมาเหอะวะ จะแอ๊บเก็กฟอร์มให้หน้าเบี้ยวอยู่ทำไม?” ธันวาแซะเพราะทนดูไม่ได้  นั่นจึงเป็นชนวนให้ความหมั่นไส้แฟนเก่าที่สะสมเอาไว้มาเนิ่นนานของอคิราไหลบ่าออกมาอย่างช่วยไม่ได้  

“แล้วฉันไปแอ๊บบนหัวนายหรือไง?!!!

“เปล๊า!” อริยะตรัยผู้น้องยียวนแถมทำหน้ากวนตีนใส่ แต่หนุ่มบริหารกลับไม่คิดใส่ใจเพราะกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับของขวัญเซอร์ไพรส์ในมือ ธันวาจึงถือโอกาสทำหน้าที่กาวใจให้แก่สองหนุ่มมันเสียเลย “ได้ดอกไม้แล้วก็ขอบคุณคนให้ด้วยล่ะ... ฌอนมันจะได้ทำหน้าแบบอื่นบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำหน้าบูดเป็นตูดอยู่ทั้งวัน” 

“เออ! เอาไว้จะลองคิดดูก็แล้วกัน” อิ๊กรับคำส่งเดช... ตราบใดที่คดีแฝดหัวทองยังไม่คลี่คลาย เขาก็จะทำให้แฝดน้องต้องร้องไห้กับความใจแข็งของเขาเลยทีเดียว

แต่เพราะตลอดสามปีที่คบกัน ธันวาได้เรียนรู้รายละเอียดปลีกย่อยของอีกฝ่ายมาไม่น้อย
เขาจึงบังอาจเตือนสติคนรักเก่าซึ่งกำลังหลงระเริงกับอำนาจในมือเข้าให้อีกคำรบ


“จะงอนอะไรก็ให้มันมีขอบเขตุหน่อยเหอะวะ... เล่นตัวมากไปเดี๋ยวไอ้แฝดมันชิ่งไปมีคนอื่นก่อนไม่รู้ด้วย”

“บ้า! เล่นตัวที่ไหน?! ก็ถ้าทางนั้นอธิบายตัวเองได้ ฉันก็พร้อมจะถวายตัวถวายบัวถวายหัวรัว ๆ ให้อยู่แล้ว...
.
.
...แต่นายก็ต้องเข้าใจฉันนะ ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันการเงิบและความเสียใจในภายหลังเหมือนอย่างที่ฉันโดนนายกับพี่ทำร้ายจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนยังไงล่ะ” อคิราอดแขวะคนรักเก่าขึ้นมาไม่ได้...หากไม่ใช่เพราะความผิดหวังเสียใจที่ตนได้ประสบหลังคบกับหนุ่มวิศวะ เขาคงจะไม่กดดันฌอนจนตัวเองก็แทบบ้าอยู่อย่างนี้แน่ ๆ  

ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเมื่อได้ยินสิ่งที่อดีตเดือนบริหารเพิ่งเปรยขึ้นมานั้น... ก็คงไม่ใช่
กระทั่งโดนพรของเจ้าพ่อไทรทองสะกดอยู่ เขายังเฝ้าเสียใจกับเมื่อครั้งที่ตนทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจไปเสียทุกที
อดีตเดือนมหาลัยจึงอาศัยจังหวะนี้แก้ไขข้อผิดพลาด และทำในสิ่งที่สมควรทำเป็นที่สุดโดยไม่รอเวลาอีกแล้ว


“พูดเรื่องนั้นขึ้นมาก็ดี... เรื่องระหว่างที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว เราขอโทษนะ...
.
.
...ตอนนั้นเราทำไม่ดีกับนายเอาไว้มากจริง ๆ  แต่เราอยากให้รู้เอาไว้ว่า เราไม่ได้ตั้... / พอเถอะ! ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันมาไกลเกินกว่าจะนึกเสียใจเพราะคนไม่เอาไหนอย่างนายอีกแล้ว" หนุ่มบริหารแทรกขึ้นเสียก่อนเพราะไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บเอานิยมนิยายอะไรกับความสัมพันธ์ที่จบสิ้นไปนานแล้ว

“ก็ดี... จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก” เก็กรีบสรุปเพื่อกลบเกลื่อนแก้อาการเก้อเขินที่โดนอีกฝ่ายเมินคำขอโทษเอาดื้อ ๆ   

ทว่าอีกฝ่ายดูจะไม่ถือสาหาความเขาสักเท่าไร
เนื่องจากจุดกำเนิดที่แท้จริงของความแค้นอัดแน่นจนจุกอกเป็นผลมาจากความเหี้ยมโหดโฉดเหนือใครของอริยะตรัยผู้พี่เสียมากกว่า เพราะฉะนั้น... อย่าหวังเลยว่าชาตินี้ อคิราจะยอมญาติดีกับไอ้ตั่วเฮียง่าย ๆ  


“แต่กับพี่นาย... ฉันไม่อโหสิให้หรอกนะ หึ หึ หึ!” เสียงหัวเราะโรคจิต กับท่าแหงนหน้ามองสูงระหว่างลั่นวาจาสิทธิ์ด้วยน้ำเสียงอันดังของคนรักเก่า พาลทำให้คนเฝ้ามองต้องตั้งคำถาม

“นี่... บอกกันตรง ๆ แบบไม่แอ๊บโลกสวยได้ไหมว่า ตอนที่คบเราน่ะ... นายเป็นตัวของตัวเองบ้างไหมวะ?” ธันวาอดสงสัยไม่ได้ เพราะอคิราที่เขาเคยรู้จักและหลงรักเมื่อสามปีก่อน ไม่ดูหลอนเท่ากับชายหนุ่มคนตรงหน้าเลยสักนิด

“ส่วนใหญ่ก็ใช่นะ... แต่ตอนที่ต้องพยายามทำตัวน่ารัก ๆ แบบที่นายชอบ ก็เล่นเอาเหนื่อยใช้ได้”

นั่นก็เกือบตลอดเวลาเลยนะเว่ย?!!” เก็กถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ...

ถึงว่าสิ พอบอกเลิกอีกฝ่ายแล้วได้ทำความรู้จักกับบ๊วย 
ความเป็นธรรมชาติของหนุ่มสถาปัตย์ก็ช่วยให้เขาได้รู้จักกับความรักที่ไม่อึดอัดจนผิดแปลก ซึ่งต่างจากรักแรกกับอคิราอย่างลิบลับ


“หึ หึ หึ... ไม่รู้เหรอว่าช่วงโปรโมชันของอคิรานั้นยาวนานและคุ้มค่ากว่าสัญญาจากค่ายอื่น ๆ ?! ร่างบางเอ่ยอย่างทรนงที่แอ๊บได้แนบเนียนและคงเส้นคงวาจนซื้อใจคนรักเก่าเสียอยู่หมัด แต่นั่นกลับทำให้คนฟังรู้สึกเป็นห่วงหนุ่มบริหารขึ้นมาถนัดใจ

“แล้วกับไอ้แฝดล่ะ?”

“พอดีแรก ๆ ฉันไม่ได้อะไรไง เลยไม่ทันใช้แอ๊บโลกสวยใส่” อาจเป็นเพราะอดีตเดือนมหาลัยไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ กับความรักครั้งใหม่  อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงกระแสความห่วงใยที่อีกฝ่ายส่งผ่านสายตามาให้ อิ๊กจึงยอมรับสารภาพโดยไม่ลีลา  “ครั้นจะกลับลำทำตัวฟรุ้งฟริ้งเอาตอนท้าย ๆ  ฉันก็กลัวไก่จะตื่น... ฉันก็เลยอาศัยเสน่ห์ตามธรรมชาตินี่แหละมัดใจฌอนจนสำเร็จ คึ คึ คึ” ร่างบางยิ้มจนตาปิดตบท้ายเสียงหัวเราะจิต ๆ ของตน

“ไอ้แฝดมันต้องสติไม่ดีแหง ๆ  ถึงได้หลงผิดมาคอยตามเฝ้าของแปลกอยู่ทั้งเช้าทั้งเย็นแบบนี้!!

“หึ! ทำเป็นพูดดี... ตัวเองตอนนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าฌอนสักเท่าไรร้อก!” ร่างบางย้อนเข้าให้อย่างจังจนคนฟังสะดุ้งโหยง

“ตอนนั้นไม่นับเว่ย! ถ้าเรารู้ว่านายแอ๊บอ่อนแอน่าทนุถนอมอยู่ตลอดเวลา เราก็ไม่มานั่งเฝ้าให้เมื่อยหรอก” เก็กรีบอธิบายตัวเองในฐานะผู้ตกเป็นเหยื่อแห่งความฉ้อฉลของสังคม

จิ๊!” หนุ่มหน้าหวานค้อนขวับแล้วแดกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “พอได้มาคุยกับนายแบบนี้แล้วฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า นอกจากหน้าตาแล้ว นายมีข้อดีอะไรอีกบ้าง? ไม่รู้ตอนนั้นฉันหน้ามืดไปจีบนายก่อนได้ยังไง... เสียดายเวลาสามปีชะมัดเลย!!

“หึ! ตอนนี้เจอคนดีแล้วก็ทำตัวให้มันดี ๆ ล่ะ จะได้ไม่ต้องมาบ่นเสียดายเวลาหลังจากนี้อีกรอบ”

“ขอบใจ! นายเองก็เหมือนกัน... เพราะถ้านายทำบ๊วยเสียใจ ไอ้ตั่วเฮียมันเอานายตายแน่!!” พอหมดเรื่องที่ติดค้างในความรู้สึกของทั้งสอง ต่างฝ่ายต่างก็สั่งสอนคนรักเก่าคล้ายจะสั่งเสีย

“เออ ๆ  รู้แล้วล่ะน่า” ธันวาโบกไม้โบกมือด้วยความรำคาญ อดีตเดือนบริหารจึงบอกศาลาด้วยไม่อยากดูหมดท่าเพราะโดนหนุ่มรูปงามขับไล่  

“ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวขึ้นเรียนสาย...
.
.
...ส่วนดอกไม้ ขอบใจมาก...
...ถ้าเรียนจบแล้วไม่รู้จะทำอะไร ลองไปเป็นแมสเซนเจอร์วิ่งเอกสารดูไหมล่ะ... หน่วยก้านพอถูไถนะเราเนี่ย!!

“หึ!! เข้าใจกวนตีนนะฮอบบิท... หลังแหวนหน่อยไหม?!!

ยังไม่ทันจะได้ยกมือขึ้นอีกรอบ อคิราก็วิ่งดุ๊ก ๆ กลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมคณะเป็นที่เรียบร้อย
ธันวามองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายค่อย ๆ ย่อส่วนลงจนลับสายตาไป พร้อมกับปลดปล่อยความรู้สึกผิดที่ถูกขังอยู่ภายในให้เป็นอิสระ ก่อนจะจุดยิ้มน้อย ๆ ให้กับความรักอายุสามปีของตัวเองที่จบลงอย่างสมบูรณ์ในความรู้สึก


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


|| วันเสาร์ 19.03 น. ||


“นี่นายพาฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ย?” ต้องไม่ใช่แค่อคิราแน่ ๆ ที่อยากจะรู้เหตุผลของการต้องมาเยี่ยมเยียนศาลเจ้าพ่อเพียงแห่งเดียวของมหาลัยในเวลาพลบค่ำอย่างที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่นี่

“คุณอยากได้หลักฐานประกอบคำอธิบายไม่ใช่เหรอ... ผมก็พามาถึงที่เลยนี่ไง” ฌอนตอบระหว่างลากร่างบางให้เดินฝ่าดงตุ๊กตาม้าลาย และชุดไทยกองพะเนินเพื่อจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าเรือนไม้เล็ก ๆ บนเสาเอกเพียงหนึ่งต้นในระยะเผาขนจนคนเดินตามชักใจไม่ดี

“ทะ...ทะ ที่ศาลหลังมอเนี่ยนะ?”

“เจ้าพ่อครับ เจ้าพ่อ... ผมพาอิ๊กมาแล้วครับ” แทนที่จะให้คำตอบแก่คนตัวเล็กกว่า เด็กเต็กกลับตะโกนเรียกสิ่งศักดิ์ผู้เป็นเจ้าถิ่นด้วยความมุ่งมั่น

ป็อบ!’ / เฮ่ลโหล่ว โหม่วโต๊ว!!!’ เอาล่ะเจ้าแฝดน้อง... เจ้าอยากให้ข้ากับเบ๊บช่วยเรื่องใดก็ว่ามา” หลังการปรากฏกายแบบแพ็คคู่ เจ้าพ่อไทรทองในชุดลำลองสุดเฟี้ยวฟ้าวก็เปิดฉากเข้าสู่ประเด็นสำคัญทันที

แต่ต้องไม่ลืมว่า ณ ที่แห่งนี้
ยังมีอยู่อีกหนึ่งหนุ่มซึ่งยังไม่เคยเห็นการแสดงตนของเจ้าพ่อต่อหน้าสมุนเลวแบบจะ ๆ มาก่อนเลยสักครั้ง
แน่นอนว่า ความขลังที่เคยได้ยินคนอื่นโจษจันให้ฟัง ทำให้อคิราคุ้มคลั่งไม่ได้มากเท่ากับหลังจากได้มีโอกาสชื่นชมอิทธิฤทธิ์ของบุตรแห่งเทพทั้งสองกับตาตัวเอง


เฮ่ย! พี่ไอดอล!! พี่ไอดอลคือเจ้าพ่อเองหรอกเหรอ? / ทีนี้จะเชื่อที่ผมกับพลายบอกคุณได้หรือยังล่ะ?”

ฉันยังไม่เชื่อจนกว่าจะได้เห็นว่าอะไรเป็นอะไรด้วยตาของตัวเอง” จริงอยู่... หนุ่มหน้าหวานรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับเรื่องไม่ธรรมดาที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นอย่างมาก  แต่หากไร้หลักฐาน... งานนี้เขาก็ไม่ยอมจริง ๆ   ฌอนจึงต้องส่งสายตาอ้อนวอนไปให้เทวบุตรทั้งสองอย่างเสียไม่ได้  

“ข้าจะเนรมิตรสิ่งที่เจ้าอยากเห็นให้เจ้าได้ประจักษ์แก่สายก็ต่อเมื่อเจ้าให้สัญญากับพวกข้าว่า เจ้าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปแพร่งพรายให้กับผู้ใดได้รู้เป็นอันขาด... ว่าอย่างไรล่ะเจ้าอคิรา?” เจ้าพ่อสายบู๊ยื่นข้อเสนอพร้อมเงื่อนไข

“ครับ... ผมสัญญา เรื่องแบบนี้ผมไม่บอกใครหรอกครับ อยากจะเก็บเอาไว้เป็นความภูมิใจส่วนตัวคนเดียวเท่านั้น” ระหว่างที่ให้คำสัตย์กับเทวบุตรสุดชิค ดวงตากลมโตของชายหนุ่มก็แวววาวเป็นประกายคล้ายกับเจอเรื่องถูกใจ เจ้าพ่อไทรทองจึงไม่รอช้า

“ถ้าอย่างนั้น... เจ้าพลาย เจ้าจงปรากฏกายขึ้นบัดเดี๋ยวนี้”

“กระผมมาแล้วขอรับเจ้าพ่อ”

“เอาล่ะ... ตั้งอธิษฐานจิตสิเจ้ากุมาร”

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าภายหลังจากกุมารพลายพนมมือแล้วหลับตาทำให้อคิราถึงกับอึ้งไป
เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที ก็มีลำแสงสีเงินยวงสว่างวาบทะลุออกมาจากทรวงอกของร่างทองโปร่งใสที่ลอยอยู่กลางวง
ใจกลางลำแสงดังกล่าวปรากฏลูกไฟดวงเล็ก ๆ ขนาดเท่ากำปั้น ซึ่งดวงไฟนั้นค่อย ๆ ขยายขนาดและรูปร่างจนในที่สุดก็ดูประพิมพ์ประพายคล้ายเด็กวิเศษอย่างที่สุด

กระนั้น เพียงอึดใจต่อมา โครงร่างของเด็กน้อยทั้งสองกลับผันแปรเปลี่ยนจากเด็กกลายเป็นวัยรุ่นตอนปลาย
โดยกายสีทองเปลี่ยนสู่โครงร่างสูงใหญ่กำยำ ในขณะที่ดวงไฟสีเงินกลับอยู่ในรูปลักษณ์ไม่ผิดไปจากฝาแฝดคนกลางผู้ที่อคิราเคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน


“ทีนี้คุณจะเชื่อได้หรือยังว่าสิ่งที่ผมกับพลายบอกคุณเป็นเรื่องจริง?”  ฌอนกระซิบข้างหูร่างบางหลังจากที่ทุกอย่างประจักษ์แก่สายตาของพวกเขาทั้งสอง  ประสบการณ์ลี้ลับที่ถ่ายทอดสดแบบเรียบไทม์ส่งผลให้หนุ่มบริหารช็อกจนแทบประสมคำไม่ถูก

“...เอ่อ... เออ... เชื่อ  เชื่อแล้ว...”

“แล้วจะเลิกหึงผมกับพลุได้หรือยัง?”

“ฮื่อ... ไม่หึงแล้ว ไม่หึง” ทันทีที่อดีตเดือนคณะยอมรับโดยดุษฎี กายละเอียดสีเงินและทองก็ปลาสนาการไปคล้ายกับไม่เคยมีอยู่จริง

“เอาล่ะ... หวังว่าข้ากับเบ๊บจะช่วยเจ้าให้หมดข้อกังขาแล้วนะ” จนถึงตอนนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งย่านปทุมวันผู้ที่สองมือเฝ้าประคองร่างบางของเจ้าพ่อห่อไหล่ไว้แนบกายก็ยังเป็นเทพองค์เดียวที่ควบคุมบทสนทนาเอาไว้ทั้งหมด “ส่วนเจ้า...เจ้าแฝดน้อง คราวหน้าถ้ามีเรื่องทำนองนี้อีก เจ้าก็ลองปรึกษากับพี่ชายเจ้าดูก่อนแล้วกัน... ขอให้ข้ากับเบ๊บได้ ใช้เวลาด้วยกัน อย่างสงบ ๆ บ้างเถอะ”

ซึ่งเมื่อประโยคขอร้องแกมสั่งอย่างสุภาพของเทวบุตรสุดชิคจบลง
หนุ่มสถาปัตย์ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด...
ลองว่าเจ้าพ่อไทรทองพูดโดยนัยออกมาอีหรอบนี้  เป็นไปได้ว่าตลอดสองคืนสองวันที่ผ่านมา โฮลี่ฮิปสเตอร์น่าจะแทบไม่มีเวลาพักฟื้นกายละเอียดเลยล่ะมั้ง


“ครับเจ้าพ่อ... ถ้าไม่คอขาดบาดตายจริง ๆ  ผมจะไม่ม่ารบกวนเวลาสวีทของเจ้าพ่อโดยไม่จำเป็นอีกแล้วล่ะครับ” ฌอนรับปากหนักแน่นโดยแอบให้กำลังใจเจ้าพ่อห่อไหล่อยู่เงียบ ๆ  

“ดี! ถ้าอย่างนั้น... ข้ากับเบ๊บไปก่อนล่ะ ข้าจะพาแฟนไปฮันนิมูนเสียหน่อย... ไปครับเบ๊บ! / ครับบันยัน  เฮ่ลโหล่ว โหม่วโต๊ว!!!’ /  ป็อบ!’

“เจ้าพ่อเท้เท่ห์... เค้านี้ช้อบชอบบบบบบบบ!!” อคิราถูฝ่ามือทั้งสองกับหนังหน้าไปมาระหว่างปรือตาเอ่ยวาจาชื่นชมเจ้าพ่อทั้งสองเหมือนกับพวกโดนเล่นของหรือเป่ากระหม่อมก็ไม่ปาน  

“เฮ่ยคุณ!! ท่านเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ จะไปชอบท่านได้ยังไง?” จากที่กำลังตกอยู่ในโหมดเห็นใจเทวบุตรประจำมอ คนตัวโตรูปหล่อกลับต้องเอ่ยทัดทานแฟนหนุ่มที่ออกอาการละเมอเพ้อพกจนชักจะตลกไม่ออก 

“อะไรกัน... แค่ชอบก็ไม่ได้เหรอ?!!” อิ๊กตวัดหางตาหันมาค้อนใส่ด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อได้ยินเหตุผลทื่อ ๆ ห้วน ๆ ของอีกฝ่ายก็ถึงกับไปไม่เป็น

“หึ! ไม่ให้... ฌอนหวง”
.
.
.
.
.
.
“ถ้าหวงจริง... หลังจากนี้ก็ต้องมาคอยเฝ้านะ เดี๋ยวคนอื่นจะแอบเอาอิ๊กไปซ่อนไม่รู้ด้วย” คนพูดอมยิ้ม แล้วส่งสายตากรุ้มกริ่มเหลือบไปมองหนุ่มสถาปัตย์เป็นพัก ๆ  

“เหอะ! ไม่เฝ้าหรอก... ฌอนเอาเวลาไปตัดโมดีกว่า! / อ้าวเฮ่ย! นายขอรับ! ทำไมนายถึงพูดจาหมา ๆ แบบนี้ล่ะ? ไหนเพิ่งบอกอยู่หยก ๆ ว่าหวงไง? หวงแล้วทำไมไม่คอยดูแลประคบประหงมฉันล่ะ? คนสับปลับ! คนกลับกลอก! คุณหลอกดาว!!

ตอนจบแบบหักมุมทำเอาอดีตเดือนบริหารแทบจะเชิญองค์เจ้าแม่กาลีกลับลงมาประทับแทบไม่ทัน...
ทำไมอยู่ ๆ พ่อบอลลิวูดสุดหล่อถึงเปลี่ยนใจไปมาง่ายดายพอ ๆ กับถอดกางเกงในทิ้งไปได้วะ?!!

ก่อนจะโดนคนตัวเล็กกว่ากระซวกลูกตาออกมากระทืบเล่น
แฝดน้องก็รีบเฉลยว่าตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งที่อีกฝ่ายปรารถนานั้นมีอยู่จริง


“หึ หึ! รุ่นนี้แล้วไม่เฝ้าให้เหนื่อยหรอก... แต่จะเอาไปอยู่ด้วยเลย”

หืออออออ?!! ว่าไงนะ?” อดีตเดือนคณะสะบัดเบ้าหน้ากลับมาตรึงสายตากับแฟนหนุ่มอย่างว่องไว พลางภาวนาในใจขอให้ประโยคเมื่อครู่ ไม่ใช่เพราะตนแอบขี้ตู่จนหูเฝื่อนไปเอง

“ย้ายไปอยู่กับฌอนไหม? อยู่ด้วยกันสองคน... ลองใช้ชีวิตด้วยกันดู” แฝดน้องยกยิ้มมุมปากเพื่อปิดการขาย พลางส่งมือไปให้จับแทนการประทับสัญญา ทว่าร่างบางตรงหน้ากลับแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนแล้วตอบกลับด้วยสายตาเจ็บปวดราวกับประโยคที่เขาเพิ่งเอ่ยนั้นมันล้าหลังไปหลายปี

“ไข่ย้อย... แกมาทำอะไรเอาตอนนี้?”

ดีนะที่วันก่อนเขากับพี่ชายเพิ่งดูเพื่อนสนิทเพราะทนแนนซี่รบเร้าไม่ไหว
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางเก็ทมุกนี้ของอคิราแหง ๆ  


“นี่ผมชวนอิ๊ก... ไม่ได้สารภาพรักกับดากานดา ตั้งสติ เลิกดราม่า แล้วกลับมาคุยกันดี ๆ ก่อนคุณ” พูดจบ แฝดน้องก็โดนหนุ่มบริหารจิกตาใส่โทษฐานที่รู้ทันไปเสียทุกเรื่อง

“เออ! ก็ไปสิ!! คนบ้า! ปล่อยให้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้ารออยู่ตั้งนาน!! / ติงต๊องเอ๊ย!!”  แฝดน้องดึงเจ้าของฝ่ามือเล็กที่เพิ่งยื่นมาสอดประสานกับมือตนให้ถลาเข้าหาตัว แล้วรัวมะเหงกเบา ๆ ใส่หัวเหม่งอีกฝ่าย... ที่สุดท้ายก็กลายเป็นการขยี้ผมสีทองซีดเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว

“ก็แล้วมันแฟนใครล่ะ?!!! / หึ หึ หึ...แฟนฌอนสิ... เป็นติงต๊องของฌอนคนเดียว ตกลงไหม?”
“ฮื่อ... รักฌอนนะ / ครับ... รักอิ๊กเหมือนกันครับ”
“แล้วคืนนี้นอนไหนอ่ะ? / เราหาทางกำจัดคุณเกวนอีกคืนได้ไหมครับ? พี่ชายยังต้องใช้ห้องอยู่น่ะ” ทั้งสองเดินควงกันมุ่งหน้ากลับไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล พลางวางแผนสำหรับค่ำคืนนี้ที่ข้างกายจะต้องมีอีกฝ่ายให้นอนกอดตลอดนิทรารมณ์ไม่ต่างจากสองราตรีที่ผ่านมา

“งั้นเราก็แกล้งฟอร์มทะเลาะกันเสียงดังอีกดีป่ะ กวินทร์มันไม่ชอบคนเร้าหรือ... รับรองมันถอยทัพให้ว่องแน่”

“อิ๊กทำงี้บ่อยเหรอ?” ข้อเสนอของอดีตเดือนบริหารทำเอาฌอนอดสงสัยในความคล่องของอีกฝ่ายไม่ได้

“เปล่า.. ก็เพิ่งคิดได้ตอนที่เราทะเลาะกันเมื่อวันก่อนน่ะ” อคิราตอบอย่างไม่คิดอะไร เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับคำถามคาใจอีกข้อเป็นสำคัญ “ว่าแต่... เราย้ายออกไปอยู่ข้างนอกกันดีป่ะ? ตึกพี่เต๋อก็ได้นะ... น่าจะพอมีห้องว่าง”  

“ทำไมต้องออกไปอยู่ข้างนอกด้วยล่ะอิ๊ก? ไม่อยากอยู่ด้วยกันกับฌานเหรอ?” สิ้นคำ ร่างบางก็เขย่งปลายเท้าขึ้นประกบริมฝีปากตรงข้างหูแล้วกระซิบกระซาบเรื่องลับสุดยอดด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม

“หึ หึ หึ เอางั้นเลยเหรอ?” แทนที่จะตอบดี ๆ  อิ๊กกลับเหนี่ยวบ่ากว้างของฌอนเอาไว้เพื่อช่วยทรงตัวแล้วกระซิบต่อ
“โห! งั้นเชียว?!!” พอเห็นแฟนหนุ่มรูปหล่อทำตาโต อีกฝ่ายก็กระซิบเติมเชื้อไฟด้วยสีหน้าชอบอกชอบใจโดยไม่ขาดช่วง
“หึ หึ หึ... งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ย้ายเลย! ฌอนอยากรู้จังว่าติงต๊องแฟนฌอนจะเชี่ยวชาญเรื่องอย่างว่าเหมือนที่โฆษณาไหม”

สายตาวิบวับของแฝดน้องทำให้ร่างบางผละจาก แล้วสับขาวิ่งอย่างว่องไวกลับไปที่รถ
โดยไม่ลืมตะโกนวาจาท้าทายด้วยประกายในดวงตาวาวโรจน์แห่งความปรารถนาไม่ต่างกัน  


“คึ คึ ถ้านายจับฉันได้ คืนนี้ฉันจะให้ทดลองสมรรถนะฟรีหนึ่งคืน!


แน่นอนว่า
ประโยคดังกล่าวช่วยกระตุ้นให้หนุ่มสถาปัตย์ออกตัววิ่งไปยิ้มไปตามหลังอีกฝ่ายคล้ายคนเสียสติ


“หึ! อยากโดนมากใช่ไหมถึงได้ท้าทายกันแบบนี้?! / มาเลยดีกว่านายขอรับ!!
“ได้!! / คนพาล! ขาอ่อนฉัน นายก็ไม่มีวันได้เห็น!! / โดนแน่! ยั่วแบบนี้ คืนนี้โดนแน่ ๆ !!!!! / แว้กกกกกกก!! คนผีทะเล... ปล่อยฉันนะ!!


โชคดีเหลือเกินที่ ณ ย่านนั้นในเวลานี้
ไม่มีมนุษย์หน้าไหนสัญจรผ่านไปมา  ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนเผลอเข้าใจผิดว่า
มีคนบ้าสองคนวิ่งวนไล่กันไปมา พลางตะโกนยั่วเย้าอีกฝ่ายด้วยภาษาราวกับหลุดมาจากนิยายก็ไม่ปาน




Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ