Monday, June 27, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 24th Bonding || 27.06.2015



ใครที่รอผลสรุปของวิกฤตการณ์เหนือสมุทรอยู่ โปรดอ่านตอนนี้ค่ะ
แล้วเราก็จะบอกลากับเหนือสมุทรและน้องเมย์ไหนกันในตอนหน้า
พร้อม ๆ กับต้อนรับการมาของเต๋อด้วงฟูแบบเต็มอัตราศึกต่อไป

รักชอบประการใด... ฝากข้อความแทนใจเอาไว้ได้เลยค่ะ ^^





«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The 24th Bonding
วายร้ายตาใส VS พระเอกไม่ธรรมดา




“พี่ฌาน เดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

เดิมที การพูดจาบอกกล่าวทำนองนี้ เป็นเพียงมารยาทที่เหล่าสมาชิกทั้งสี่มักจะปฏิบัติต่อกันก่อนปลีกตัวแยกจากกลุ่ม ทว่าหลังจากที่ธันวารับรู้ถึงเจตนาของเหนือสมุทร ทุก ๆ ความเคลื่อนไหวของบ๊วยก็กลายเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องได้รับการลงมติเห็นชอบจากทุกภาคส่วนไปเสียแล้ว


“รอแป๊บนึงได้ไหมบ๊วย อีกเดี๋ยวน้องชายกับอิ๊กก็น่าจะมากันแล้ว... ค่อยไปพร้อมพี่ฌานได้ไหม?” ร่างทรงหนุ่มตอบอย่างกระวนกระวาย เพราะไหนจะต้องเฝ้าบ๊วยไม่ให้อยู่ลำพัง เขายังจะต้องนั่งจองโต๊ะกินข้าวแทนน้องชายที่เผ่นไปรับเด็กบริหารตั้งแต่หมดคาบเรียนช่วงเช้า ส่วนหลานอาม่าใหญ่ก็หวังพึ่งอะไรไม่ได้... ยิ่งพอรู้ว่าเด็กสัตว์แพทย์ปีสี่มานั่งรอท่าอยู่ที่โรงอาหารเกือบยี่สิบนาที รายนั้นก็วิ่งรี่คว้าแขนอีกฝ่ายไปเลือกซื้อข้าวปลาอาหารแบบลืมอุดมการณ์พิทักษ์เพื่อนซี้โดยพลัน  

ถ้าไม่ติดว่าเขาดันตกปากรับคำอริยะตรัยคนเล็กว่าจะช่วยดูแลชายกลางเป็นอย่างดีระหว่างที่อีกฝ่ายยังติดพันกับกิจกรรมรับน้องของคณะ เชื่อเถอะว่าการไปเข้าห้องน้ำของเพื่อนตัวน้อยคงไม่สร้างความลำบากใจให้แก่ฌานได้มากเท่าครั้งนี้


“ไม่ไหวแล้วครับพี่ฌาน ขอผมไปก่อนเถอะนะครับ” ลูกแม่บัวทำหน้ายู่ยี่พลางนั่งโย้ตัวไปมาอย่างน่าสงสาร ท่าทางสุดกลั้นของเพื่อนตัวน้อยทำให้แฝดพี่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปห้องน้ำอย่างไม่มีทางเลือก

“เฮ่อ! ได้ ๆ งั้นเดี๋ยวพี่ฌานตามไปนะ”

“ครับ ๆ ”








โอ๊ย!” เป็นเพราะความฉุกละหุกของสถานการณ์ กอปรกับเสียงร้องอุทานสะท้อนความเจ็บปวดที่ดังใกล้ ๆ หู บ๊วยจึงหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่เพิ่งเดินสวนกันแบบอัตโนมัติ ทีแรกเขาแค่ตั้งใจจะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของอีกฝ่ายตามประสาพลเมืองดีที่เห็นแก่สวัสดิภาพของเพื่อนมนุษย์ แต่แล้วสายตาประหัตประหารของคนแปลกหน้าซึ่งกำลังจะก้าวเข้าห้องน้ำกลับฉุดให้ชายหนุ่มเอ่ยหนึ่งในคำพูดติดปากออกไปตามพื้นนิสัยยอมคน

“ขอโทษครับ!

พอเห็นเด็กสถาปัตย์ออกอาการหงอ อีกฝ่ายก็ขึ้นเสียงเอ่ยซัดเสียเต็มคราบ “เดินยังไงถึงได้ชนคนอื่นได้? ไม่มีตาเหรอ?!” เมื่อรูปการณ์กลับตาลปัตรจนดูเหมือนชายกลางเป็นคนผิด แฟนอดีตเดือนมหาลัยก็ก้มหัวพลางขอโทษขอโพยอีกฝ่ายอย่างไม่คิดชีวิตทันที

“ผมขอโทษจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ!

คิดว่าแค่ขอโทษแล้วนี่จะหายเจ็บงั้นเรอะ?!” ท่าทางเกรี้ยวกราดเหมือนราดน้ำมันลงกองไฟของคู่กรณีทำให้ลูกแม่บัวเริ่มรู้สึกเสียใจที่พลั้งปากเอ่ยขอโทษทั้ง ๆ ที่เมื่อสักครู่ ตนแทบไม่ได้เฉียดกรายกระทบอีกฝ่ายสักองคุลี

“เอ่อ” เด็กเต็กเลิ่กลั่กด้วยกำลังชั่งใจระหว่างบอกความจริง กับปล่อยให้นักศึกษาชายคนตรงหน้าเชื่อว่าเขาเป็นคนผิดต่อไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่เปิดโอกาสให้เขาใคร่ครวญ

อ้ำอึ้งทำไม? ทำผิดแล้วไม่กล้าสู้หน้าคนอื่นหรือไง?!” ยิ่งเวลาผ่านไป บ๊วยก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขากันแน่ เพราะสุ้มเสียงและอวัจนภาษาที่เพื่อนร่วมสถาบันผู้นี้เลือกใช้ ช่างดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

“คุณครับ ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ” เด็กเต็กพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

จะใจเย็นเพื่ออะไร? ปัดความรับผิดชอบแบบนี้เห็นทีจะคุยกันยาก” ที่สุดแล้วบ๊วยก็ได้คำตอบ เมื่อเห็นอีกฝ่ายค่อย ๆ ร่นระยะเข้าประชิด พลางเงื้อมือขึ้นสูงพร้อมชูกำปั้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงข่มขวัญที่แทบไม่แตกต่างจากการถูกรังควาญหนก่อน ๆ “ดีเหมือนกัน เพราะนี่ก็ไม่อยากจะคุยดีด้วยแต่แรกอยู่แล้ว!


แต่ยังไม่ทันที่หมัดลุ่น ๆ จะกระทบโดนส่วนใด ๆ ของร่างกาย ฝั่งคนหาเรื่องก็ส่งเสียงร้องดังโหยหวนขึ้นเสียก่อน โอ๊ยยย!

“อย่านึกนะว่าคนอื่นจะดูไม่รู้ว่ามึงจงใจเข้ามาหาเรื่องบ๊วยตั้งแต่แรก.... ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว!” เจ้าของเสียงเข้ม ๆ ฟังคุกคามสะบัดฝ่ามือมุ่งร้ายทิ้งขณะที่ใช้แขนอีกข้างรวบตัวเด็กสถาปัตย์ไปกอดแนบอก

เหนือสมุทร?!?
เออ! กูเอง! มึงจะทำไม?
!!!” หนุ่มนิรนามครั่นคร้ามจนเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อตระหนักชัดแจ้งว่า ผู้มาใหม่ไม่ใช่คู่มือของตนอย่างสิ้นเชิง... คิดไม่ถึงเลยว่าแบดบอยตัวเอ้ประจำมหาลัยจะโผล่มาให้ความช่วยเหลือไอ้ขี้แพ้ที่ได้ธันวาไปครอง

“ถ้าไม่อยากโดนกูกระทืบจนหมอศัลย์ช่วยผ่าตัดซ่อมหน้าให้ไม่ได้... ก็อย่าสะเออะมายุ่งกับคนของกูอีก!”เด็กบริหารผู้โด่งดังตวาดอย่างก้าวร้าวก่อนจะกรรโชกตบท้าย“ไป! รีบไสหัวไปให้พ้น ๆ หน้ากูได้แล้ว!” อารามรักตัวกลัวตาย คนปรารถนาร้ายก็วิ่งกระเซอะกระเซิงหนีเตลิดเปิดเปิงโดยไม่รอฟังจนจบประโยค

“บ๊วย บ๊วยโอเคไหมครับ?” ขณะที่เหนือสมุทรกำลังกวาดสายตามองหน้าคนในอ้อมกอดด้วยความเป็นห่วงอย่างออกนอกหน้า คนรักของอดีตเดือนมหาลัยก็พยายามดันตัวเองออกห่างจากสัมผัสแปลกปลอมที่ล้อมรอบตัวเองอยู่ในตอนนี้อย่างสุดความสามารถ

ถึงอย่างนั้น ต่อให้เป็นผู้ชายเหมือน ๆ กัน แต่ขนาดตัวที่ทิ้งห่างไปหลายเบอร์ก็ทำให้ชายกลางจำต้องออกปากวิงวอนอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ “ผมไม่เป็นไรครับ แต่เหนือช่วยปล่อยผมก่อนได้ไหมครับ?”

“เฮ่ย! โทษ ๆ ! ที่กอดนี่เหนือไม่ได้ตั้งใจนะ... เหนือแค่ไม่อยากให้บ๊วยเป็นอะไรเฉย ๆ !” เจ้าของชื่อผละห่างพลางออกตัวอย่างอึกอักทั้งที่จริงแล้วก็รู้ตัวอยู่ตลอดว่ากำลังทำ อะไร กับ ใครอยู่... แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะมือไวเสียจนเก็บอาการได้ไม่ค่อยดีนัก

“ผมเข้าใจครับ แต่ปล่อยมือผมก่อนเถอะครับ” บ๊วยเหลือบมองมือตัวเองที่โดนเหนือสมุทรกุมไว้ไม่คลาย

“ปล่อยแล้วครับ ปล่อยแล้ว” คนพูดยิ้มแหยพลางเสยผมแก้เก้อ

“ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม” แม้จะยังสลัดถ้อยคำแสดงความเป็นเจ้าของที่เหนือสมุทรพูดกับบุคคลที่สามออกจากสมองไม่ได้ แต่ลูกแม่บัวก็ไม่คิดถือสาอีกฝ่ายด้วยมองเด็กบริหารเป็นเพื่อนคนหนึ่ง

“ไม่เป็นไรครับ เหนือยินดี” อันที่จริง เหนือสมุทรแอบเฝ้ามองบ๊วยมาได้พักใหญ่ ๆ ... ถ้าให้ระบุก็ตั้งแต่อีกฝ่ายแยกกับแฝดพี่มาเข้าห้องน้ำนี่แหละจึงไม่แปลกหากเขาจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทว่าชายหนุ่มกลับเลือกที่จะซุ่มดูอยู่เงียบ ๆ เฝ้ารอจังหวะอันเหมาะเหม็งเพื่อสร้างความประทับใจสูงสุดให้แก่เป้าหมายรายปัจจุบัน

“เหนือมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?” บ๊วยชวนเพื่อนใหม่คุยพลางเดินมุ่งหน้าย้อนกลับไปยังส่วนพลุกพล่านของโรงอาหาร

“เหนือตามอิ๊กมา กะว่าวันนี้จะมาขอกินข้าวกลางวันกับบ๊วยและเพื่อน ๆ ด้วยอีกคนน่ะครับ” เป็นอีกครั้งที่เดือนมฤตยูแห่งบริหารโกหกคำโต เพราะทันทีที่อาจารย์ปล่อย เขาก็รีบห้อไปตามสะกดรอยบ๊วยตั้งแต่ยังไม่ออกจากคณะโดยไม่สนใจอคิราเลยสักนิด

“อ๋อ ครับ”

“เราไปกินข้าวกันเถอะครับ เพื่อน ๆ บ๊วยน่าจะรอแย่แล้ว” เหนือสมุทรทำใจดีสู้เสือพลางระดมความกล้าเพื่อเตรียมสู้หน้ากับบรรดาสหายในแก๊งของบ๊วยในอีกไม่กี่อึดใจที่จะถึง แต่อยู่ ๆ คนเดินข้าง ๆ กลับเอ่ยรั้งเขาเอาไว้

“เดี๋ยวครับเหนือ”

“มีอะไรเหรอบ๊วย?” เด็กบริหารอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้ากังวลระคนหนักใจของคู่สนทนา

“เหนือช่วยเก็บเรื่องเมื่อกี๊เป็นความลับได้ไหมครับ? ผมไม่อยากให้เพื่อน ๆ เป็นห่วงน่ะ” บ๊วยพึมพำเพราะรู้ว่าตนกำลังขอในสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเป็นที่สุด... จะมีสักกี่คนที่เลือกเก็บงำเรื่องที่คนแปลกหน้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาข่มเหงเป็นประจำเหมือนที่เขาทำอยู่บ้าง

ฝั่งเหนือสมุทรที่เห็นโอกาสงาม ๆ ล่อตาล่อใจอยู่รำไร ก็เผลอตัวทำปากพล่อย ส่งสายตาเจ้าชู้ใส่เด็กสถาปัตย์โดยไม่ทันระวังตัว “แลกกับอะไรล่ะ?”
.
.
.
.
.
“เอ่อ... ถ้างั้นก็ช่างเถอะครับ คิดเสียว่าเมื่อกี๊ผมไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”สัญชาตญาณระวังภัยของสัตว์กินพืชตื่นตัวขึ้นทันทีที่เห็นสีหน้ากระลิ้มกระเหลี่ยของคู่สนทนา เพราะยังไม่ทันขาดคำ แฟนอดีตเดือนมหาลัยก็หมุนตัวก้าวเท้ากลับไปหาเพื่อนโดยพลัน แต่ถึงจะออกตัวอย่างฉับพลัน การเคลื่อนไหวของบ๊วยก็ยังเชื่องช้ากว่ากรงเล็บนักล่าที่ส่งมารั้งข้อมือตัวเองเอาไว้อยู่ดี

“โธ่บ๊วย! เหนือแค่ล้อเล่นเอง! เหนือรับปาก เหนือจะไม่บอกเรื่องเมื่อกี๊กับใครแม้แต่คนเดียวครับ” หนุ่มนักล่าหุบเขี้ยวเล็บอย่างว่องไวก่อนจะสวมหน้ากากเพื่อนใหม่ยืนส่งยิ้มจริงใจให้เด็กต่างคณะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เหนือออ!” ชายกลางส่งเสียงปรามพลางลดสายตาลงชำเลืองข้อมือของตนสลับกับใบหน้าของคนข้าง ๆ อย่างเอาเรื่อง แต่แม้จะมองอีกฝ่ายตาขวาง เหนือสมุทรกลับยังยื้อยุดไม่ยอมปล่อย  

“หืม?! อะไรเหรอบ๊วย?” แบดบอยตั้งใจจะตรึงเด็กเต็กเอาไว้จนกว่าตนเองจะทำให้บ๊วยกลับมายิ้มได้อีกครั้ง... น่าเสียดายที่ความหวังของเหนือสมุทรกลับพังทลายลงไม่เป็นท่าเมื่ออยู่ ๆ เด็กปีหนึ่งผู้เกิดเดือนพฤษภากระโดดเข้ามาร่วมวงทั้งที่ไม่มีใครเชื้อเชิญ  

“ขอโทษครับ... พี่เป็นเพื่อนพี่ฌานใช่ไหมครับ?”

“ครับ?! การปรากฏกายอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของสายรหัสทำเอาหนุ่มสถาปัตย์รุ่นพี่ตกใจจนเอ๋อ แต่บ๊วยกลับยิ่งต้องงงหนักหลังจากน้องร่วมคณะเอื้อมคว้าข้อมืออีกข้างของเขาไปกุมไว้

“พี่ฌานให้ผมมาตามพี่กลับไปกินข้าวน่ะครับ” พูดจบเจ้าตัวก็กระตุกข้อมือคนเป็นพี่เบา ๆ ราวให้สัญญาณก่อนออกก้าวอย่างไรอย่างนั้น “ไปกันเถอะครับพี่!

แต่มีหรือที่เหนือสมุทรจะยอมโดนหักหน้าโดยเด็กปีหนึ่งผูกไทด์ “เฮ้ยน้อง... ปล่อย!... พี่กับเพื่อนกำลังคุยกัน น้องไม่เห็นหรือไง?” ไม่พูดเปล่า เพราะเจ้าของประโยคก็ออกแรงยื้อข้อมืออีกข้างของบ๊วยอย่างถือดี และนั่นคือที่มาของศึกชิงแขนซ้ายและขวาของชายกลางอย่างเป็นทางการ

“ผมว่าพี่นั่นแหละครับที่ต้องปล่อย ถ้าพี่เขาเต็มใจ พี่เขาคงไม่ทำหน้าอย่างนี้หรอกครับ... เนอะพี่เนอะ” เมย์ไหนผู้ร่าเริงเอ่ยวาจาเหน็บแนมคนโตกว่าเคล้ารอยยิ้มสว่างเจิดจ้าน่ามอง

ก่อนที่ศึกชิงนายระหว่างสองขั้วอำนาจจะยื้ดเยื้อเรื้อรัง ฝ่ามือของทั้งเหนือสมุทรและน้องเฟรชชี่ที่กุมรอบข้อแขนของคนกลางก็โดนปัดออกอย่างไร้เยื่อใยโดยน้ำมือของชายอีกคน “เลิกยุ่งกับแฟนกู... พวกมึงทั้งคู่นั่นแหละ!” พูดจบ ธันวาก็เหนี่ยวร่างผอมของคนรักเข้ามากักเอาไว้ในวงแขนอย่างหวงแหนไม่มีใครเกิน

พี่หมี?!” น้ำเสียงกึ่งยินดีกึ่งประหลาดใจของลูกแม่บัวฟังอู้อี้หลังจากที่โดนแฟนหนุ่มกดใบหน้าฝังเข้ากับแผ่นอก... ไหนเมื่อเช้าบอกว่าติดประชุม มากินข้าวด้วยไม่ได้ แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ถึงโผล่มา?

“บูบู้ ไปกินข้าวกันเถอะครับ” หนุ่มหล่อแห่งวิศวะพูดพลางกดจูบลงบนกระหม่อมชายกลางอย่างอ่อนโยนโดยไม่สนสายตาอีกสองคู่ที่จับจ้องพวกเขาไม่วางวาย  

“ครับ”

“ส่วนพวกมึง โดยเฉพาะมึงนะไอ้เหนือ... อย่ามาเสือกยุ่งกับแฟนกูอีก!” ออร่าสีม่วงมลังเมลืองหายวับไปกับตาหลังอดีตเดือนมหาลัยหันไปส่งสายตาหาเรื่องใส่ผู้ต้องสงสัยทั้งสองจนลูกแม่บัวต้องรีบเบี่ยงความสนใจของอีกฝ่ายทันควัน  

“พี่หมี พอเถอะครับ... เค้าหิวแล้ว ไปกันเถอะนะ”
“ครับ ๆ ไปกินข้าวกันเถอะครับบูบู้”


หลังตระหนักได้ว่ารุ่นพี่ร่วมคณะคนที่ตนแอบเฝ้ามองมีเจ้าของหัวใจ คณัสนันท์ก็ได้แต่มองตามทั้งสองเดินห่างออกไปด้วยความรวดร้าว หากแต่เมื่อหันไปเห็นใบหน้าหงิกงอเป็นตะขอเบ็ดของรุ่นพี่ต่างคณะ ความรู้สึกหมั่นไส้อีกฝ่ายก็ทำให้เขาหลงลืมความขมขื่นไปได้ทันตา “อ้าว! แล้วนี่จะไม่ไปด้วยกันเหรอครับ? เมื่อกี๊ผมได้ยินคุณบอกว่าจะไปกินข้าวกับพี่บ๊วยอยู่เลย... หรือผมหูฝาด?” เมย์ไหนแซะพี่ปีสามด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

แล้วมึงเสือกอะไรด้วย?!” เหนือสมุทรเองก็สวนกลับอย่างไม่ไว้หน้าด้วยกำลังเดือดดาลขึ้นตา เพราะไม่นึกไม่ฝันว่า แมวโง่อย่างธันวาจะไหวตัวกลับมาเฝ้าปลาย่างเร็วกว่าที่ตนคาดการณ์ไว้ ไม่เท่านั้น... ยังมีไอ้เด็กตรงหน้าโผล่มาเป็นตัวขัดลาภเข้าให้อีกตัว

“เออ! ก็ถูกของคุณครับ ผมมันไม่เกี่ยวอะไรด้วยจริง ๆ น่ะแหละ” เด็กเฟรชชี่ไหวไหล่อย่างไม่คิดอะไรมาก

 “หึ! รู้ตัวก็ดี” ท่าทียอมรับกลาย ๆ ของรุ่นน้องก็ทำให้แบดบอยแสยะยิ้มร้ายด้วยความชอบใจเพราะหลงคิดว่าอีกฝ่ายสำเหนียกได้ดังปากจ้อ กระนั้นกลับกลายเป็นว่า หนุ่มบริหารดันเสียท่าให้คู่ปรับคนใหม่ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ขึ้นชก

เมย์ยื่นหน้าเข้าใกล้ขณะกระซิบข้อความที่อยากให้อีกฝ่ายได้ยินแค่เพียงผู้เดียว “แต่พูดก็พูดเถอะครับ ผมว่า...แผนการของคุณไม่น่าจะได้ผลกับคนดี ๆ อย่างพี่บ๊วยหรอกครับ ยิ่งเมื่อกี๊ที่คุณเผลอทำรุ่มร่ามใส่พี่เขา โอกาสที่จะได้อยู่กันสองต่อสองกับพี่บ๊วยคงจะยิ่งริบหรี่ไปกันใหญ่”

มึง?!”   

“ผมไปนะครับ... เดี๋ยวไปกินข้าวกับพี่บ๊วยไม่ทันน่ะครับ ปล่อยผู้ใหญ่ให้ชะเง้อรอมันเสียมารยาทออก... ว่าไหมครับ?”หนุ่มรุ่นน้องบลัฟด้วยยิ้มกว้างก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างไม่ยี่หระ ส่วนคนโตกว่ากลับทำได้แค่ตะโกนด่าไล่หลังอย่างเหลืออด

มึง! หนอยยยมึง!...โว้ย! ไอ้เด็กเหี้ย!




“พี่ฌานครับ ขอผมนั่งด้วยคนดิครับพี่” เด็กปีหนึ่งเอ่ยขอพร้อมแผ่ออร่าเบิกบานอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวปกคลุมไปทั่วบริเวณจนใคนก็ตามที่ได้เห็นต่างพากันคลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดู

“อือ เอาสิเมย์ เอ้า! ทุกคน เขยิบให้น้องนั่งหน่อย” แฝดพี่ขอความร่วมมือจากเหล่าสมุนเลวและรุ่นพี่อย่างกระวีกระวาด หากแต่ยังมีอยู่อีกหนึ่งหนุ่มที่ไม่ค่อยจะเห็นดีเห็นงามด้วยสักเท่าไร

“พี่ฌาน... ไอ้เด็กนี่ใคร?” เก็กถามเสียงเข้มพลางปรายตามองหน้าคณัสนันท์ด้วยความระแวดระวังเต็มพิกัด  

“ผมชื่อเมย์ไหน เป็นหลานรหัสพี่บ๊วยครับ” แต่แทนที่ร่างทรงหนุ่มจะได้เอ่ยปาก เด็กเต็กน้องใหม่ก็ชิงแนะนำตัวเองพร้อมระบุสายรหัสโดยไม่มีใครทักถาม ซึ่งการกระทำดังกล่าวก็ทำให้รุ่นพี่ปีสามร่วมคณะสะดุ้งโหยงยกก๊วน

เฮ่ย!” สมุนเลวยุคบุกเบิกแห่งสถาปัตย์ทั้งสี่อุทานด้วยความตกใจพลางมองหน้ากันไปมาอย่างกระอักกระอ่วนเพราะการเฉลยสายรหัสดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างจวนตัวเกินไป  

“คนนี้น่ะเหรอปีหนึ่งสายเรา?” ตรินผละจากวงสนทนาของเหล่าปีสี่เพื่อหันไปยิงคำถามใส่บ๊วยด้วยความสนอกสนใจ  

“ครับพี่เต๋อ” ลูกแม่บัวยอมรับง่าย ๆ ด้วยไม่รู้จะปฏิเสธความจริงอย่างไรดี จากนั้นจึงหันไปสบตากับเด็กปีหนึ่งเพื่อแนะนำต้นสายปีสี่ให้น้องได้ทำความรู้จัก “เมย์... นี่พี่เต๋อ พี่รหัสพี่เอง”

“หวัดดีครับ ผมเมย์ไหน เอกแลนด์ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับพี่เต๋อ”

“เออ ๆ ไหว้พระเหอะมึง” หนุ่มร่างหมีรับไหว้รุ่นน้องลวก ๆ ก่อนจะซักไซ้ด้วยความไวแสง “แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่ามึงเป็นหลานรหัสน้องกู?”

“มีวันนึง ผมบังเอิญเห็นพี่บ๊วยถือถุงขนมแบบเดียวกันที่ผมได้รับฝากจากสายรหัสน่ะครับ ผมเลยค่อย ๆ จับสังเกตพี่บ๊วยมาหลังจากนั้น... แล้วก็คิดว่าพี่น่าจะใช่พี่สายผม” คณัสนันท์เลือกเปลี่ยนรายละเอียดของคำตอบให้พอรับฟังได้... จะให้เขาบอกรุ่นพี่ทั้งหมดได้อย่างไร ว่านอกจากจะติดใจชายกลางที่เป็นสายรหัสแล้ว เด็กหนุ่มยังนึกหวังจะได้ทำความรู้จักกับอีกฝ่ายในเชิงชู้สาวหลังเฉลยสายอีกต่างหาก

“เออเว้ย! ไอ้นี่มันเก่งแฮะ ฉลาดสมกับเป็นน้องสายเราจริง ๆ !” เต๋อตบโต๊ะเสียงดังด้วยความชอบใจ “ดี ๆ อย่างนี้ต้องรีบเลี้ยงสายเสียล่ะมั้ง จะได้ทำความรู้จักกันแบบครบสายเสียที... หรือไงบ๊วย?”

“แล้วพี่เจ๋งล่ะครับ? ผมว่าเรารอถามแกก่อนไม่ดีกว่าเหรอครับพี่เต๋อ?” ชายกลางลังเลเพราะนอกจากตรินแล้ว ยังมีรุ่นพี่ปีห้าที่พวกเขายังไม่ได้ปรึกษาหารือเรื่องดังกล่าวด้วยอีกทั้งคน

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่คุยกับพี่เจ๋งเอง... ถ้าสุดท้ายแกมาไม่ได้ ไว้เราค่อยนัดแกเลี้ยงน้องใหม่อีกรอบแล้วกัน” เจ้ามือใหญ่สรุปว่องไวตามนิสัยขาเปย์

ได้ยินดังนั้น เก็กจึงยื่นข้อเสนอทันควันราวกับมีแผนการในใจ “เอาเป็นคืนวันเสาร์หลังรับน้องเสร็จแล้วดีไหมครับพี่เต๋อ... ผมจะได้ขอตามไปสนุกด้วยคน”

“มึงไม่ต้องไปเกียร์ไนท์หรือไงหล่อ หืม?”

“ถ้าพี่ด้วงกับเฮียไม่ไป ผมก็ไม่ต้องไปหรอกครับ”

“หึ! แล้วกูจะคอยดูน้ำหน้าเดือนคณะอย่างมึง!” ตรินชี้นิ้วพลางปรามาสน้องเมียอย่างไม่ไว้หน้า เพราะช่วงเวลาที่ธันวาแนะนำ คือ วันที่คณะวิศวะจัดงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่เป็นการภายใน แต่อีกฝ่ายกลับมองเป็นการท้าทายแกมให้ท้ายนิด ๆ ไปเสียอย่างนั้น  

“ไม่ต้องห่วงครับ... พี่เต๋อรอเลี้ยงเหล้าผมก็พอ”

“หึ หึ หึ... พูดดีหล่อ มึงพูดดี! หนุ่มร่างหมีเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนจะหันไปทำข้อตกลงกับสายรหัสคนใหม่อย่างกระตือรือล้น “คืนวันเสาร์เรามีนัดกันนะไอ้หลาน!

“ครับ!”  


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“หูย! ไม่นึกเลยว่าเถื่อน ๆ แบบมอเราจะมีร้านน่านั่งอยู่ด้วย!” สกลสอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ สลับกับมองตามกลุ่มนักท่องราตรีที่พากันตบเท้าเข้าร้านอาหารกึ่งผับขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้นเหมือนเมื่อครั้งที่ได้ลองสวมใส่ชุดคอสเพลย์เซเลอร์มูนเป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น  

“หืม?! อย่าบอกนะว่าตั้งแต่เรียนมา ทุกคนไม่เคยเที่ยวกลางคืน?” ธันวาแปลกใจกับอากัปกิริยาของหลานอาม่าใหญ่จนต้องถามไถ่

หึ!” เหล่าเด็กเต็กทั้งสี่ส่ายหัวโดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นจึงเป็นฌอนที่ไขข้อข้องใจให้เพื่อนรักจากต่างคณะ

“กูเมาไม่ได้ พี่ชายเลยตัดไฟแต่ต้นลม”

ด้วยการเลี่ยงที่แบบนี้ไปเลยเนี่ยนะ?!!” ทันทีที่เห็นว่าสมุนเลวยุคก่อตั้งจากฝั่งสถาปัตย์ต่างพยักหน้าตอบรับกันหงึกหงัก  หนุ่มรูปงามดีกรีเดือนมหาลัยก็ชักจะไม่เข้าใจ “แล้วพี่เต๋อนึกยังไงถึงจะเลี้ยงสายที่นี่วะ?”

“คืออย่างนี้ครับพี่หมี” ไม่ต้องรอให้ใครเรียกหา คนเห็นผีก็ยื่นปากยาวมาชี้แจงแถลงไข “ก่อนมานี่ เห็นแกบอกว่า...
...ตั้งแต่แกได้สุดยอดหนุ่มโลกสวยเป็นน้องรหัส แกก็เปลี่ยนมาเลี้ยงน้องเลี้ยงหลานตามหลักชีวจิต...
...ไม่แตะเหล้า ไม่เน้นเข้าสถานบันเทิง...
.
.
...แต่สุดท้ายเป็นไงล่ะ แกก็โดนหลานตัดสาย ชิ่งไปเรียนต่อเมืองนอกอยู่ดี...
...รอบนี้แกเลยจะแก้มือด้วยการใช้อบายมุขมอมเมาเยาวชนเหมือนคนอื่น ๆ ดูบ้าง...
...แกคงคิดว่า น้องเมย์ไหนจะเห็นแก่เหล้าจนไม่ซิ่วไปไหนเอากลางคันจนบ๊วยต้องเดือดร้อนเลี้ยงดูปูเสื่อน้องสายเป็นรอบที่สามน่ะครับ”

“โอเค... เข้าใจล่ะ!” ที่สุดเก็กก็ถึงบางอ้อ แต่พอเหลือบมองดูหนังหน้าสุดประหม่าของผู้ร่วมอุดมการณ์ในวันนี้อย่างถ้วนถี่อีกครั้ง เขาก็ชักไม่มั่นใจว่า งานจะกร่อยก่อนที่ความตั้งใจของเต๋อจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่... ไหนจะแผนที่เขาวางไว้อีกล่ะ    

“พี่หมีครับ... พี่เต๋อจะไม่ว่าเอาเหรอครับที่พี่หมีชวนทุกคนมาด้วย?” น้ำเสียงหวั่นวิตกของบ๊วยเรียกความสนใจของหนุ่มหล่อให้เบนกลับมาได้อย่างชะงัด

“ไม่ว่าหรอก เค้ามีเฮียกับพี่ด้วงเป็นแบ็คอัพอยู่ตั้งสองคน” อริยะตรัยผู้น้องกวาดตามองเพื่อนทั้งกลุ่มพร้อมด้วยตัวแถมจากบริหารและสัตวแพทย์อย่างช้า ๆ พลางเอ่ยด้วยทีท่าผยองพองขนจนน่าหมั่นไส้... แต่ลูกแม่บัวกลับปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวช่วยของคนรักช่างมีอำนาจต่อรองสูงจริง ๆ

กระนั้น ท่าทางสบาย ๆ ของพี่รหัสร่างหมีที่เดินนำหน้าแฟนหนุ่มทั้งสองและน้องปีหนึ่งคนเดียวของสายมาจากอีกทาง ก็ทำให้ชายกลางหายใจหายคอได้โล่งขึ้น “เอ้า! แล้วนี่พวกมึงจะมายืนรอกูทำซากอะไร เข้าข้างในไปได้แล้ว กูจองโต๊ะไว้ให้แล้ว!” ไม่ต้องรอให้ตรินออกปากไล่อีกครั้ง ทั้งหมดก็ตบเท้าเข้าด้านในไปทันที




“พวกมึงอยากสั่งอะไรก็สั่ง... มื้อนี้แดกกันให้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ! แต่ถ้าเมาก็แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ดูแลตัวเองนะเว่ย โต ๆ กันแล้ว” เด็กเต็กหน้าคมเอ่ยเสียงดังหลังจากทั้งหมดนั่งครองมุมที่ดีที่สุดมุมหนึ่งของร้านเป็นที่เรียบร้อย เมื่อคำว่าฟรีหลุดจากปากเจ้ามือ เหล่าลูกกะจ๊อกอ่อนวัยวุฒิกว่าก็ขานรับเซ็งแซ่กลบเสียงดนตรีสด

ขอบคุณครับพี่เต๋อ!

“มาครับ! เดี๋ยวผมชงเหล้าให้เอง” เมย์ขันอาสาด้วยรู้ตัวว่าเด็กที่สุด แถมยังนั่งใกล้ถังน้ำแข็งและมิกเซอร์ยิ่งกว่าใคร แต่มือขาว ๆ ของคนนั่งอีกฝั่งที่ขยับอย่างแคล่วคล่องว่องไวด้วยความเร็วเหนือพริตตี้เชียร์เบียร์ก็ทำให้เฟรชชี่ต้องมองตามอย่างสุดทึ่ง  

“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ทำเอง... เราน่ะนั่งดื่มไปเถอะ พี่เต๋อพามาเลี้ยงไม่ใช่หรือไง” อคิราส่งยิ้มให้หนุ่มรุ่นน้องอย่างเป็นกันเองโดยที่สองมือก็เร่งชงเหล้า เทเครื่องดื่มแจกจ่ายแก่สหายร่วมโต๊ะแข่งกับเวลา

“ครับ ๆ เอ่อ... ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอครับ?” แม้จะจดจำใบหน้าของอีกฝ่ายได้ แต่ตอนนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะยาวกับเหล่ารุ่นพี่เมื่อวันก่อน เขากลับไม่มีโอกาสได้ทำความคุ้นเคยกับบุคคลนอกสายรหัสเลยสักนิด

“ฌอน... น้องเขายังไม่รู้จักอิ๊กเลยอ่ะ” เจ้าของประโยคส่งเสียงกระเซ้าพลางบดสีข้างสีเบา ๆ กับหน้าอกของอีกคนที่นั่งโอบตนอยู่

ได้ยินดังนั้น แฝดน้องจึงตอบรับด้วยการกระชับวงแขนรัดร่างเล็กกว่าให้เอนถลาพิงแผ่นอกก่อนจะยื่นหน้าไปคุยกับโต้โผใหญ่ “พี่เต๋อครับ ผมว่าเรามาแนะนำตัวกันก่อนดีไหมครับ?”  

“เออว่ะ! กูก็ลืมไปสนิทเลย!... เอ้าพวกมึง แนะนำตัวให้หลานรหัสกูรู้จักหน่อยสิ!

“เดี๋ยวน้องจัดการเองครับพี่เต๋อ”  อารามลืมตัว สกลชูมือขึ้นสุดแขนด้วยความดีใจลำบากถึงสารินที่ต้องคว้าทั้งมือและเจ้าของมากอดไว้เพราะไม่อยากให้เหล่าเด็กเสิร์ฟแห่กันมารับออเดอร์ด้วยความเข้าใจผิด แต่เจ้าตัวกลับคิดไปคนละอย่าง

“อะไรล่ะพี่ริน? หวงเหรอ?”  
“ไม่ใ...”
“ชู่ว์! ไม่เอาสิ! รอก่อน เดี๋ยวพอคนเยอะ ๆ แล้วค่อยกอดแนนแล้วกัยนะ” สั่งความกับว่าที่นายสัตวแพทย์หนุ่มเสร็จ หลานอาม่าใหญ่ก็หันไปให้ความรู้แก่เด็กปีหนึ่งทันทีโดยไม่มีอาการสะทกสะท้านต่อสายตาตื่นตะลึงของใคร ๆ “น้องเมย์ครับ... นี่พี่ด้วง เฮียฟู... พี่ ๆ สองคนนี้เรียนวิศวะปีสี่ ส่วนพี่เต๋อ... น้องคงจะรู้จักดีแล้วล่ะเนอะ ถัดมาเป็นพี่ริน สัตว์แพทย์ปีสี่ พี่บ๊วย แล้วก็พี่เก็กวิศวะปีสาม พี่ฌานเป็นฝาแฝดกับพี่ฌอน และสุดท้ายที่นั่งใกล้ ๆ น้องคือพี่อิ๊ก บริหารปีสาม ส่วนพี่ชื่อสกลนะครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อเมย์ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับพี่ ๆ ” เด็กปีหนึ่งยกมือไหว้ทุก ๆ คนรอบวงอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เป็นรางวัลตอบแทน  

“เอาล่ะทุกคน... เพื่อแสดงความยินดีที่กูมีหลานรหัสคนใหม่ชื่อไอ้เมย์ไหน พวกมึงจงดื่มเพื่อต้อนรับหลานกูโดยพร้อมเพรียงกันบัดเดี๋ยวนี้”

เอ้า! โชนนน!!” ชายหนุ่มทั้งโต๊ะต่างสนองให้กับความต้องการของเต๋ออย่างเต็มอกเต็มใจ ทันทีที่เครื่องดื่มแก้วแรกหมดลง บรรยากาศรื่นเริง และเสียงเพลงอันไพเราะก็เสริมส่งให้ค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองต้อนรับน้องใหม่เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนั้น




“บูบู้... ทำไมฌอนถึงกินเหล้าไม่ได้เหรอครับ?” เก็กอาศัยจังหวะที่ทุกคนเริ่มจับกลุ่มคุยกันค่อย ๆ โน้มตัวเข้าใกล้แล้วจึงแนบริมฝีปากลงตรงข้างแก้มคนรักพลางหาคำตอบที่คาใจเขามาตั้งแต่ก่อนเข้าร้าน... ต่อให้หัวข้อดังกล่าวไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่หากมันจะช่วยทำให้ใครบางคนตัดใจจากบ๊วยได้ เขาก็พอใจมากแล้ว

“ฮื่อ พี่หมี พี่หมีถามดี ๆ ก็ได้ครับ... ไม่เอา ไม่ยื่นหน้ามาใกล้เค้าแบบนี้อีกนะ อายคนอื่นเค้า” ชายกลางท้วงพลางยันฝ่ามือกับแผ่นอกกว้างของอดีตเดือนมหาลัยเพื่อสร้างระยะห่างลดความขัดเขิน แต่ดูจะไม่เป็นผล

“ก็ที่นี่มันเสียงดังนี่ครับ เค้ากลัวบูบู้ไม่ได้ยิน” ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ เพราะสุดท้ายกลับกลายเป็นว่า เด็กสถาปัตย์ถูกธันวายกตัวขึ้นมานั่งซ้อนตักไปเสียแล้ว

“แต่คนอื่นก็นั่งกันอยู่เต็มโต๊ะเลยนะครับพี่หมี” สุ้มเสียงติติงเริ่มดังแผ่วค่าที่เจ้าตัวไม่อาจต่อกรกับสายตาออดอ้อนของอีกฝ่ายได้ดีนัก  

“ไม่เห็นต้องสนใจเลยครับบูบู้... คนกันเองทั้งนั้น” เด็กวิศวะอดขอบคุณนิสัยชอบลวนลามแฟนตัวน้อยของตัวเองไม่ได้ เพราะนอกจากจะชื่นใจ มันยังช่วยกำจัดเหลือบไรที่แอบหมายปองคนของเขาทางอ้อมอีกด้วย  “ไม่เอา ไม่คุยเรื่องอื่นแล้ว บูบู้ยังไม่ตอบเค้าเรื่องฌอนเลยนะ” อดีตเดือนมหาลัยพ่นลมหายใจพร้อมกับกดปลายจมูกคลอเคลียใบหูของคนในอ้อมกอดอย่างหยอกเย้าจนเด็กเต็กรีบอ้อนวอนให้เพลามือ

พี่หมี! หยุดเถอะครับ เค้าขนลุกหมดแล้ว!

“ว่ายังไงครับบูบู้ ทำไมฌอนถึงกินเหล้าไม่ได้? ถ้าบูบู้ไม่ตอบ เค้าจะหอมแก้มบูบู้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าบูบู้จะยอมพูดน้า” แม้หนุ่มรูปงามจะขู่เข็ญคนรักด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ชายกลางทั้งหวั่นทั้งอายได้ไม่ยาก  

พี่หมี!” เด็กเต็กทักท้วงพลางหรุบตามองต่ำเพราะเขินจนทำหน้าไม่ถูก

“แน่ะ! ยังไม่บอกเค้าอีก... จะให้เค้าหอมให้ได้ใช่ไหม? หืม?” ดีที่บ๊วยยังคงก้มหน้างุด เก็กจึงสบโอกาสมองสยบสายตาอาดูรของเด็กเดือนพฤษภาที่มักจะเลื่อนมาหยุดจ้องแฟนตัวน้อยของเขาเป็นระยะ ๆ ได้อย่างจั๋งหนับจนอีกฝ่ายหันกลับไปแทบไม่ทัน  

“ก็ได้ครับ บอกก็ได้! พี่หมีจำน้องพลายได้ใช่ไหมครับ?” คำถามของลูกแม่บัวทำให้เด็กวิศวะรามือจากเมย์ไหนลงกลางคันก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มพูดคุยกันถึงความลับของบุคคลที่สามอย่างเอาจริงเอาจังผิดกับเมื่อครู่

“อื้อ กุมารทองของฌอนมันน่ะเหรอ?”

“ครับ... ที่น้องพลายต้องอยู่กับฌอนตลอดเวลา เพราะเมื่อไรก็ตามที่ร่างกายฌอนอ่อนล้า หรือทุกครั้งที่เจ้าตัวขาดสติ ฌอนจะโดนวิญญาณเร่รอนครองร่างได้ง่าย ๆ น่ะครับ”

“แล้วยังไงครับ? น้องพลายมาเกี่ยวอะไรด้วย?” เก็กอดสงสัยไม่ได้ด้วยยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทหัวจุกกับเด็กวิเศษอย่างถ่องแท้  

“น้องพลายจะชิงสิงฌอนก่อนที่วิญญาณดวงอื่น ๆ จะเอาร่างฌอนไปปู้ยี่ปู้ยำ หรือทำเรื่องไม่สมควรน่ะครับ”

“อ๋อ! งั้นก็แปลว่าถ้าไอ้แฝดมันเมา มันก็จะโดนผีสิงเอาอย่างนั้นน่ะเหรอบูบู้?”

“ครับ”

“ถึงว่าสิ กลุ่มบูบู้เลยไม่เคยชวนกันกินเหล้าเลยสักครั้ง” ที่สุดแล้วอดีตเดือนมหาลัยก็ได้รับรู้ถึงความลำบากของฝาแฝดคนสุดท้องไปพร้อม ๆ กับได้ตระหนักถึงมิตรภาพอันงดงามของเหล่าสมุนเลวต่างคณะ

“อ่ะแฮ่ม ๆ น้อย ๆ หน่อยไอ้หล่อ! กูพาน้องกูมาฉลองเลี้ยงหลานรหัส ไม่ได้ให้มึงมาสร้างโลกส่วนตัวกันอยู่สองคน” ตรินอดเหน็บคู่รักรุ่นน้องไม่ได้ เพราะขนาดทำหน้ามึนคอยแอบหาเศษหาเลยกังฟูและด้วงเป็นพัก ๆ เขาก็ยังไม่มีหน้าอี๋อ๋อแฟนในที่สาธารณะได้หนักมือเท่ากับน้องเมียเลยสักนิด

“ผมแค่ชวนแฟนผมคุยเองพี่เต๋อ เพลงมันดังแบบนี้ผมก็ต้องคุยใกล้ ๆ หน่อยสิครับ... ผมกลัวบูบู้ได้ยินไม่ชัดอ่ะ!

ภาพของเด็กวิศวะปีสามขณะลอยหน้าลอยตาตอบอย่างภูมิอกภูมิใจ พาลทำให้เต๋อแหวใส่เต็มพิกัด “โธ่ไอ้หน้าด้าน! ชาวบ้านเขาจ้องมึงสองคนจนตาจะหลุดออกจากเบ้ากันหมดแล้ว!

ฟังคำรุ่นพี่ร่างหมีมาถึงตรงนี้ ธันวาก็ยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างออกหน้าออกตาเพราะรู้แน่ว่า คณัสนันท์น่าจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรได้อย่างลึกซึ้งถึงกึ๋น “ก็ให้มองไปสิครับ เขาจะได้รู้ว่าบูบู้น่ะมีเจ้าของแล้ว เนอะบูบู้เนอะ” หนุ่มรูปหล่อดีกรีเดือนมหาลัยหันไปพยักเพยิดกับคนรักที่ไถลตัวลงจากตักด้วยสีหน้าพยายามโกรธ

พี่หมี! พี่หมีนั่งดี ๆ เลยนะ! ห้ามโดนตัวเค้าแล้วด้วย!” ลูกแม่บัวแสร้งโวยวายกลบเกลื่อนอาการเคอะเขินก่อนจะมองเมินไปทางอื่น  

“โธ่บูบู้ เค้...”

ก่อนที่เก็กจะได้ง้อแฟนหนุ่มสมใจ แขกไม่ได้รับเชิญก็โผล่มายืนยิ้มเผล่อยู่ข้าง ๆ โต๊ะเข้าเสียแล้ว “บ๊วยครับ... โทษทีนะ เหนือเพิ่งเห็นข้อความของบ๊วยเมื่อสองทุ่มนี่เองเลยออกมาช้าไปหน่อย”

เจ้าของชื่อหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจพลางเหลือบมองอริยะตรัยผู้น้องสลับกับเหนือสมุทรและผองเพื่อน “พี่หมี เค้าอธิบายได้นะครับ” เด็กเต็กละล่ำละลักปากคอสั่น... นี่มันเรื่องอะไรกัน? เขาไม่ได้นัดกับเด็กบริหารอย่างที่อีกฝ่ายแอบอ้างเลยสักนิด!!

“อะไรกัน? บ๊วยจะไม่ชวนเหนือนั่งหน่อยเหรอครับ?... ใจร้ายจัง เป็นคนชวนเหนือออกมาเที่ยวด้วยกันแท้ ๆ ทำไมถึงทำกับเหนือแบบนี้ล่ะครับ?” เหนือสมุทรตัดพ้อเสียงอ่อนเสียงหวานเกินความจำเป็นโดยไม่ลืมเล่นหูเล่นตากับเด็กสถาปัตย์ผู้ถูกพาดพิง... ชะรอยว่าพิกัดการทำลายล้างและสร้างความร้าวฉานของดาวมฤตยูในคืนนี้ จะจำเพาะหยุดที่คู่ของอดีตเดือนมหาลัยกับเด็กสถาปัตย์เสียแล้ว

“พี่หมี เอ่อ... เค้า เค้...” ยิ่งพอเห็นว่าแฟนหนุ่มสงบนิ่งจนน่ากลัว ชายกลางก็ยิ่งอ้ำอึ้งไปกันใหญ่... จะให้เขาอธิบายกับอีกฝ่ายด้วยเหตุผลอะไร ในเมื่อเขาไม่ได้ติดต่อกับเหนือสมุทรอีกเลยนับจากวันนั้นที่เจอกัน ณ โรงอาหารกลาง

“ว่าไงครับ? หรือบ๊วยอยากแยกไปนั่งโต๊ะตัวอื่นกับเหนือแค่สองคน?... เอาไหมครับ เหนือให้เด็กที่ร้านจัดให้ได้นะ?” เด็กบริหารยังคงดื้อดึงไม่เลิกราด้วยมั่นใจร้อยเปอร์เซนต์ว่า ตนจะได้หักหาญน้ำใจธันวาต่อหน้าธารกำนัล แต่เรื่องทั้งหมดกลับพลิกผันทันทีที่อริยะตรัยคนน้องเอ่ยปาก

ไม่ต้อง! มึงนั่งนี่แหละ
เฮ่ย?!!!” เกือบทั้งโต๊ะต่างสะดุ้งไปตาม ๆ กันเมื่อได้ยินถ้อยคำของฝ่ายที่โดนหนุ่มบริหารตามมาหยามน้ำหน้าถึงที่

กระนั้น เด็กวิศวะกลับไม่มีท่าทีผิดปกติแต่อย่างใด... กลับกัน อดีตเดือนมหาลัยดูจะรักษาอาการและมีสติครบถ้วนเกินร้อยเสียด้วยซ้ำ “พี่เต๋อครับ ผมขอโทษถ้าคืนนี้ผมทำงานกร่อย เอาเป็นว่าเลี้ยงน้องคราวหน้า ผมขอเป็นเจ้ามือเองนะครับ”

“ไม่เป็นไร ๆ  ยังไงกูก็ต้องเลี้ยงไอ้เมย์มันพร้อมพี่รหัสกูอีกรอบอยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับ”

“แต่เดี๋ยวหล่อ... กูขออย่างเดียว อย่ามีเรื่องกันในร้านเด็ดขาด กูไม่อยากให้ฟูกับด้วงตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน” ถึงจะไม่มีปัญหา แต่ก็ใช่ว่าตรินจะมองข้ามความสงบสุขในครัวเรือนตัวเองไปได้

“ครับ” ธันวารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะหันไปเบิกเนตรให้แก่คนที่ไม่ถูกชะตาด้วยตั้งแต่หลังพบกันครั้งแรกเมื่อตอนปีหนึ่ง “ไอ้เหนือ... กูจะบอกอะไรให้เอาบุญ กูนี่แหละที่เป็นคนชวนมึงมาคืนนี้ ไม่ใช่บ๊วย”

“ไลน์นั่น... มึงเองเหรอ?!” เหนือสมุทรทั้งโกรธ ทั้งเสียหน้าที่ไหวตัวช้าเกินไป แต่สิ่งที่ชายหนุ่มเข้าใจ... กลับไม่ใช่ความจริงทั้งหมด

“หึ! ไม่ใช่แค่คืนนี้หรอกว่ะ... ตั้งแต่วันที่บ๊วยปฏิเสธมึงที่คณะ กูนี่แหละคือคนที่คอยตอบไลน์เวิ่นเว้อเพ้อเจ้อของมึงมาโดยตลอด” หนุ่มรูปงามดีกรีเดือนมหาลัยยิ้มเยาะ

“มึงต้องการอะไร? มึงจะเอายังไงกับกูกันแน่ไอ้เหี้ยเก็ก?!” ความรู้สึกเดือดดาลแฝงอยู่ในน้ำเสียงที่ดัง และฟังห้วนขึ้นทุกที

“กูอยากจะเจรจากับมึงอย่างผู้มีอารยะ เพื่อที่หลังจากนี้มึงจะได้ไม่มาเกาะแกะแฟนกูให้เขาต้องรำคาญใจอีก” แม้เก็กจะเอื้อนเอ่ยประโยคดังกล่าวอย่างสุภาพ แต่สายตาที่จ้องประสานกับคู่กรณีกลับเต็มไปด้วยความสมเพชเวทนาอย่างที่สุด  

 “มึงห้ามกูไม่ให้ยุ่งกับบ๊วยไม่ได้เพราะกูกับบ๊วยเป็นเพื่อนกันแล้ว! ใช่ไหมครับบ๊วย? บ๊วยบอกแฟนบ๊วยไปสิว่าเราเป็นอะไรกัน” เหนือสมุทรอาศัยคำพูดของลูกแม่บัวมาเป็นข้ออ้างอย่างหน้าไม่อายด้วยหวังยั่วยุให้อริยะตรัยคนเล็กตบะแตกจนกลายเป็นฝ่ายก่อเรื่องขึ้นเสียเอง

“ก็ได้ งั้นก็มาวัดกันสักตั้ง... ถ้ามึงเมาทีหลังพวกกู กูจะยอมเชื่อว่ามึงคิดกับบูบู้แค่เพื่อน ตกลงไหมไอ้เหนือ?” เด็กวิศวะยื่นข้อเสนออย่างมีน้ำอดน้ำทน แต่อีกคนกลับดื้อแพ่ง

เรื่องอะไรกูจะเล่นเกมกระจอก ๆ กับมึงให้เสียเวลา!” หนุ่มบริหารตะโกนใส่หน้าอย่างถือดี ก่อนจะย้ำจุดยืนที่ตนยึดถือด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จะยังไงกูก็ไม่คิดจะเลิกคบบ๊วยอยู่ดี!!

เก็กเดาะลิ้นพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะปรายตามองเหนือสมุทรอย่างช้า ๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางสรุป “คนอย่างมึงนี่ คุยไปก็เท่านั้นจริง ๆ ว่ะ เสียแรงที่กูอุตส่าห์ลดตัวคุยด้วยดี ๆ อยู่ตั้งนานสองนาน” สิ้นคำ หนุ่มรูปงามก็หันไปคุยกับแฝดพี่ด้วยท่าทางพินอบพิเทาราวกับกำลังขออนุญาตอีกฝ่ายกลาย ๆ “พี่ฌานครับ ผมพยายามอดทนเต็มที่แล้วนะครับ”

“อืม คงจะเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ” ร่างทรงหนุ่มส่ายหัวพร้อมกับชำเลืองมองเหนือสมุทรอย่างอ่อนใจ จากนั้นจึงปล่อยให้ธันวาทำตามใจตัวเองเสียที

“ไอ้เหี้ยเหนือ ในเมื่อพูดไปมึงก็ไม่รู้เรื่อง... สงสัยว่ามึงกับกูคงต้องออกไปคุยกันตรงลานจอดรถข้างหลังร้านแล้วล่ะ” คำท้าผ่านสายตาถูกส่งไปให้คู่อริทันที

แน่นอน เหนือสมุทรย่อมไม่ปล่อยโอกาสงาม ๆ ในการตะบันหน้าอีกฝ่ายให้หลุดลอยเช่นกัน “หึ! ด้วยความยินดีเลยไอ้สัด!” ว่าแล้วเด็กบริหารก็เดินหายลับไป

พี่หมี! พี่หมีจะทำอะไรครับ? พี่หมี?! พี่หมี!” ชายกลางโวยวายทันทีที่แฟนหนุ่มผุดลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินตามเด็กบริหารออกไปด้านนอกอีกคน

“บูบู้ เชื่อใจเค้านะ ถ้าเค้าไม่ทำแบบนี้ เรื่องนี้ก็ไม่มีวันจบหรอก” เก็กกล่อมคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะหันไปสบตาฌานอย่างรู้กัน จากนั้นจึงขอแรงสมุนเลวที่เหลือให้ช่วยดูแลลูกแม่บัวชั่วคราว “แฝด แนนซี่... ฝากบูบู้ด้วย เดี๋ยวกลับมา” แฝดพี่กับอริยะตรัยคนน้องไม่พูดพล่ามทำเพลงให้เยิ่นเย้อ เพราะเมื่อสั่งความเสร็จ ทั้งสองก็ผละจากสมาชิกทั้งหมดไปทันที

เฮียฟู! เฮียฟูจะไม่ห้ามพี่หมีหน่อยเหรอครับ?!” บ๊วยพยายามหาแนวร่วมด้วยหวังจะไปเกลี้ยกล่อมให้อดีตเดือนมหาลัยเปลี่ยนใจและไม่ทำอะไรวู่วาม ทว่าความเยอะของเหนือสมุทรก็ทำให้คนอื่น ๆ เห็นชอบตรงกันโดยไม่ต้องนัดแนะให้เสียเวลา  

“บูบู้ ถ้ากูเป็นไอ้เก็กมัน กูไม่ใจเย็นทนนั่งฟังไอ้เด็กห่านั่นพ่นน้ำลายใส่หน้าได้นานขนาดนี้หรอกนะ” กรกฏยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่หาย แต่เพราะเรื่องดังกล่าวเกี่ยวพันกับความรักของน้องชาย กังฟูจึงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงแม้จะแอบสาปแช่งเหนือสมุทรไปหลายดอกก็ตามที

และดูเหมือนว่า นี่คงเป็นอีกวาระที่หน้าประวัติศาสตร์จะต้องจากรึกว่า หมากระเป๋าและงูเห่าเห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์โดยไม่ต้องพึ่งพาเหล้ายาปลาปิ้ง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “ใช่! คนอย่างนายนั่นสมควรโดนสั่งสอนเสียบ้าง” อิ๊กผสมโรงอย่างมีอารมณ์ร่วมเต็มพิกัด

“น้องบ๊วย... ปล่อยให้เก็กจัดการเถอะนะ เรื่องแบบนี้คงจะมีวิธีเดียวเท่านั้นแหละที่ได้ผลที่สุด” ด้วงพยายามโน้มน้าวด้วยอีกแรง แต่บ๊วยก็ยังไม่ถอดใจเสียทีเดียว  

“พี่เต๋อครับ... พี่เต๋อช่วยไปห้ามเก็กกับผมได้ไหมครับ? ถ้าพี่เต๋อพูด เก็กต้องยอมฟังแน่ ๆ ครับ... นะครับพี่เต๋อ!” ลูกแม่บัวอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร กระนั้นพี่รหัสก็ไม่อาจบันดาลคำอ้อนวอนของน้องรักให้สัมฤทธิ์ผล

“คราวนี้พี่เห็นด้วยกับเก็กนะบ๊วย” สิ้นคำของรุ่นพี่ ชายกลางก็วิ่งถลาออกจากร้านไปทันทีด้วยหวังว่าตนจะสามารถหย่าศึกกำปั้นครั้งนี้ได้








ณ มุมหนึ่งของลานจอดรถด้านหลังตัวร้านซึ่งค่อนข้างว่างในช่วงเวลาหัวค่ำเช่นนี้ ปรากฏเงาตะคุ่ม ๆ ของกลุ่มโครงร่างสูงใหญ่เคลื่อนไหวไปมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอยู่กับที่ สองในสามกำลังออกอาวุธใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทว่าชั่วอึดใจที่บ๊วยซอยเท้าวิ่งเข้าใกล้ ธันวาก็อดเหลือบมองคนรักไมได้ ชั่วขณะที่สมาธิล่องลอยอยู่นั้น คู่วิวาทก็ฟาดปลายเท้าเข้าเจาะยางหลังข้อเข่าจนอดีตเดือนมหาลัยล้มหงายลงไปนอนกอง ฝ่ายเหนือสมุทรที่จ้องหาโอกาสโรมรันพันตูอยู่นาน ก็กระโดดลงนั่งคร่อมเหนือลำตัวของธันวาก่อนจะกระชากคอเสื้อคนเพลี่ยงพล้ำขึ้นมาประเคนกำปั้นใส่หน้าอย่างคั่งแค้น


หึ! เมื่อก่อนตอนมึงคบกับอิ๊กกูก็ว่ากูเกลียดขี้หน้ามึงมากแล้วนะ แต่พอกูรู้ว่าบ๊วยเป็นแฟนมึง... กูแม่งอยากจะฆ่ามึงให้ตายวันละหลาย ๆ รอบเสียจริง ๆ ! เด็กบริหารในยามนี้ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่โดนฤทธิ์ร้ายของโทสะปลุกปั่นให้คุ้มคลั่งชิ้นส่วนความทรงจำที่เต็มไปด้วยความชอกช้ำและผิดหวังตั้งแต่ครั้งก่อนเก่าพากันประดังประเดย้อนกลับมาทำร้ายเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนขาดสติ...


ทำไม? ทำไมเขาถึงต้องไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้ไปเสียทุกที?...
แล้วทำไมไอ้เหี้ยนี่ถึงได้บ๊วยไป? ทั้ง ๆ ที่เขาชอบบ๊วยมากแท้ ๆ  



มึงแม่งก็ดีแต่แทงข้างหลังคนอื่น!” น่าแปลกที่แม้จะโดนกระหน่ำทำร้าย แต่ฝ่ายที่เมื่อครู่ลงมือต่อสู้อย่างสูสีอย่างเก็กกลับยกแขนขึ้นปัดป้องเพียงเล็กน้อย สลับกับคอยหาจังหวะพลิกตัวเปลี่ยนท่า พลางเอ่ยวาจายั่วยุอีกฝ่ายให้อารมณ์คุกรุ่นเท่านั้น

ทุ๊ย! มึงแม่งก็ดีแต่ปาก! แต่เอาเข้าจริงก็กากสัด! สมแล้วล่ะที่จะโดนกูสวมเขา! 

เมื่อโกรธจนไม่ลืมหูลืมตา เหนือสมุทรก็ไม่คิดจะสร้างภาพอีกต่อไป... ไม่แม้แต่จะพยายามเก็บงำความต้องการส่วนลึกเอาไว้ภายในดังเช่นที่เคยทำ ดังนั้น สิ่งที่ตนไม่เคยย้ำชัดผ่านคำพูด ก็ถูกความอัดอั้นและปลายหมัดพัดพาตะกอนความคิดด้านมืดทั้งหลายให้หลั่งไหลออกมาราวกับสายน้ำอันเชี่ยวกราก


สถานการณ์เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดของคนรัก กับคำสารภาพอย่างหมดเปลือกของเหนือสมุทรเป็นดั่งฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เส้นความอดทนของบ๊วยขาดผึง เด็กเต็กโผเข้าไปตรึงไหล่ทั้งสองของหนุ่มบริหารเอาไว้ก่อนจะออกแรงยื้อยุดฉุดกระชากพลางร้องสั่ง “ปล่อยเก็กเดี๋ยวนี้นะเหนือ! เหนือ! ผมบอกให้ปล่อยเก็กยังไงล่ะ!

โอ๊ย!” อารามหน้ามืดตามัว แบดบอยผู้หมกมุ่นกับการชำระความแค้นเหนือสิ่งอื่นใดก็ลืมตัวผลักบ๊วยจนล้มก้นจ้ำเบ้า อดีตเดือนมหาลัยอาศัยจังหวะดังกล่าวเอี้ยวพลิกตัวแล้วสลัดบั้นเอวจนเหนือสมุทรเสียสมดุล สุดท้ายก็กลายเป็นหนุ่มรูปงามที่กลับมาอยู่ในท่วงท่าที่ได้เปรียบมากกว่าอีกฝ่ายในชั่วพริบตาเดียว  

ไอ้ชาติชั่ว! มึงกล้าผลักบูบู้เหรอ?! กูไม่เอามึงไว้แน่ไอ้เหี้ยเหนือ!!” จากที่ดูเหมือนใกล้แพ้และสู้ไม่ไหว ภาพของคนรักขณะโดนทำร้ายที่เห็นเต็มสองตาก็ทำให้จิตวิญญาณของการเป็นนักสู้ของเก็กหวนคืนอีกครั้ง

ทุก ๆ หมัดที่เงื้อขึ้น... หวังผลได้เสมอ ความเจ็บปวดจนเริ่มชาที่เกาะกินทั่วทุกตารางนิ้วของหลังมือ กับเสียงหวีดห้ามปรามของคนรักที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ คือเครื่องยืนยันชั้นดี แต่อย่าหวังว่าเขาจะหยุดง่าย ๆ แค่นี้... เพราะใครก็ตามที่ทำให้บ๊วยเจ็บ มันต้องได้รับการลงทัณฑ์อย่างสาสม!


พี่หมี! พี่หมีหยุดเถอะครับ! พี่หมี! พอเถอะนะ... เค้าเจ็บขา เค้าอยากกลับห้องไปพักแล้ว!” แค่สมองประมวลผลคำขอล่าสุดของคนรัก กำปั้นของเด็กวิศวะก็ชะงักค้างกลางอากาศราวกับโดนยาสั่ง ร่างสมส่วนสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นโดยไม่ลืมยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาเหยียบหน้าอกเหนือสมุทรเอาไว้ ก่อนจะอ้าวงแขนให้ลูกแม่บัวโผเข้ากอด

ไอ้เหนือ อย่าให้กูเห็นมึงเข้าใกล้บูบู้อีกนะ รับรอง... มึงโดนกูกระทืบแน่!” เก็กชี้หน้าคู่อริอย่างเอาเรื่อง ทว่าคนฟังกลับถลึงตาพลางเอ่ยปากท้าทายอย่างไม่มีสลด

หึ! ถ้ามึงคิดว่าห้ามกูได้ก็ลองดู! กูจะจีบบ๊วยให้ติดให้ได้!
หนอยยย ไอ้สัดเหนือ!
“พี่หมี เรากลับกันเถอะครับ” เด็กเต็กกอดแขนแฟนหนุ่มเอาไว้แน่นพลางส่งสายตาอ้อนวอนแกมบังคับจนอดีตเดือนมหาลัยอดตัดพ้อไม่ได้  
“แต่บูบู้ เค้ายั...”
“บ๊วย เหนือขอโทษ เหนือไม่ตั้งใจผลักบ๊วยจริง ๆ นะครับ!” เหนือสมุทรชิงเอ่ยแทรกด้วยหวังว่าคนกลางจะยอมให้อภัย และยกโทษให้ตนดังเช่นที่แล้ว ๆ มา ทว่าปฏิกิริยาของบ๊วยกลับทำให้ความปรารถนาของดาวมฤตยูหรี่แสงลงจนใกล้ดับ

“ผมไม่ใช่เพื่อนคุณ อย่ามายุ่งกับผม หรือแฟนผมอีก! ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมอโหสิให้... ขอให้จากนี้ เราเลิกแล้วต่อกัน คุณอยู่ส่วนคุณ ผมอยู่ส่วนผม”

น้ำเสียงเฉียบขาดและท่าทีนิ่งเฉยไม่ดูดำดูดีราวกับไม่มีตัวเขาอยู่ในสายตา บ่งบอกให้เหนือสมุทรรู้ว่า เขาผิดพลาดอย่างมหันต์ “บ๊วย... บ๊วยกำลังเข้าใจเหนือผิดนะ! ให้โอกาสเหนืออีกครั้งไม่ได้เหรอครับ?”

“เรากลับห้องกันเถอะครับพี่หมี เจ็บแผลมากไหม?” บ๊วยตอกย้ำคำมั่นของตนด้วยการหันไปถามคนรักด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยโดยปล่อยให้คำถามของเหนือสมุทรลอยลมผ่านไปโดยไม่ได้รับการเหลียวแล

“อือ... เจ็บมากเลยครับบูบู้” พอได้ฟังคำตอบของธันวา เด็กเต็กก็ประคองคนเจ็บเดินผ่านหน้าเหนือสมุทรออกไปอย่างไม่ใยดี ฝ่ายอดีตเดือนมหาลัยก็ออดอ้อนแฟนเต็มที่ แถมยังตีบทเหยื่อความรุนแรงเสียแตกกระจุย  “อูยยย! เจ็บ ๆ โอ้ย! ตรงนั้นก็เจ็บครับ ซี๊ดส์... ตรงนี้ก็เจ็บ” หนุ่มวิศวะร้องพลางเบือนเสี้ยวหน้ากลับมาส่งสายตาเยาะเย้ยให้เด็กบริหารด้วยความตั้งใจก่อนจะโอบเอวบ๊วยออกไปด้วยมาดของผู้ชนะที่แท้จริง  
.
.
.
.
“เอ้า ๆ วงแตกแล้วพวกมึง แยกย้าย ๆ ” ทันทีที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ตรินก็หันกลับไปโบกมือไล่เหล่ารุ่นน้องไทยมุงที่วิ่งตามหลังบ๊วยออกมาติด ๆ “แล้วมึงจะกลับยังไงไอ้เมย์ ให้พี่ไปส่งไหม?”

“ไม่เป็นไรครับพี่เต๋อ ผมโทรบอกให้พี่ห้องมารับแล้ว” คณัสนันท์บอกปัดอย่างสุภาพ รุ่นพี่ปีสี่จึงไม่คิดจะวุ่นวายกับการตัดสินใจของอีกฝ่ายแม้อีกใจจะเป็นห่วงสายรหัสปีหนึ่งอยู่ไม่น้อยก็ตาม

“เออ ๆ งั้นถึงห้องแล้วไลน์มาบอกพี่หน่อยแล้วกันนะ”

“ครับพี่”

“ไว้เดี๋ยวพวกพี่เลี้ยงแก้มือใหม่ อย่าเพิ่งน้อยใจไปก่อนล่ะ” คำขอโทษของปีสี่ร่างหมีมาในรูปการเชื้อเชิญเฟรชชี่ล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ ซึ่งฝ่ายผู้อ่อนอาวุโสกว่าก็ไม่คิดจะขัดศรัทธาแต่อย่างใด

“หึ หึ... ได้ครับพี่เต๋อ แล้วผมจะล้างท้องรอเลย”

“เออ ๆ ดี ๆ พวกพี่ไปล่ะ”

“ครับ หวัดดีครับ” สิ้นคำอำลาของปีหนึ่ง เหล่าปีสี่และปีสามกลุ่มใหญ่ต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง จะเหลือก็แต่รุ่นพี่บริหารหน้ายับในสภาพสุดเยินที่ยังนั่งนิ่งไม่ไปไหน

“จะยังไงต่อดีคุณ? กลับห้องไหม หรือจะนั่งอยู่อย่างนี้จนถึงเช้า?” คนเกิดเดือนพฤษภาพยายามยั่วเย้าด้วยหวังให้เหนือสมุทรทำอะไรสักอย่าง ที่ไม่ใช่การเหม่อค้างอยู่อย่างนี้  และดูเหมือนคำถามของเด็กหนุ่มจะได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี เพราะคนเป็นพี่ผุดลุกขึ้นทันทีก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านโดยไม่เอ่ยคำใด

อ้าว! เฮ่ย! คุณ! เดี๋ยวดิ! จะเข้าไปทั้งแบบนั้นจริง ๆ น่ะเหรอ?” เจ้าของเสียงตกอกตกใจวิ่งตามอีกฝ่ายเข้าไปติด ๆ โชคดีที่เวลานี้คนยังไม่เยอะสักเท่าไร เขาจึงสังเกตเห็นเหนือสมุทรได้ไม่ยากนัก แต่กว่าจะเดินตามไปสมทบกับคนโตกว่าถึงสตูลหน้าบาร์ บาร์เทนเดอร์ก็วางเหล้าและมิกเซอร์ลงตรงหน้าชายหนุ่มรุ่นพี่เป็นที่เรียบร้อย

“คุณอย่ากินเลย! กลับไปทำแผลเถอะ หางคิ้วคุณแตกเลือดโชกเลยนะ” เมย์พยายามห้ามปรามเหนือสมุทรอย่างสุดความสามารถ แต่คงไม่มีคำพูด หรือการกระทำใด ๆ จะเรียกสติของอีกฝ่ายให้กลับมาง่าย ๆ... ยิ่งภายหลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าตัวตระหนักได้ว่า สิ่งที่น่ากลัวกว่าความเกลียดชัง คือ ความเฉยชา ไม่สนใจด้วยแล้วล่ะก็ 

“โอเค! อยากเมานักใช่ไหม... ได้! เดี๋ยวผมจะเมาเป็นเพื่อนคุณเอง!” เด็กเต็กเอ่ยพลางวางแก้วเปล่าที่ตนคว้าเอาจากอีกฝั่งเคาน์เตอร์ลงข้าง ๆ แก้วของอีกคน ก่อนจะรินของเหลวสีอำพันใส่แก้วทั้งสองใบโดยไม่ลังเล










หลบหน่อยพระเอกมา


พี่ฌาน... ขอบคุณมากครับ
แผนของพี่ฌานโคตรเด็ดเลย
READ 11.06 PM


Charles:
เห็นไหมเก็ก...
พี่ฌานบอกแล้วว่าเหนือสมุทรน่ะจัดการง่าย
11.06 PM
Shaun:
แค่ทำให้บ๊วยเป็นฝ่ายออกปากไล่
11.07 PM
Shaun:
ใช่ไหมครับพี่ชาย?
11.07 PM
Charles:
อืม
11.07 PM


ถูกต้อง! เพราะมันได้ผลดีมาก ๆ
 READ 11.07 PM
เนี่ย! ตั้งแต่กลับห้องมา...
บูบู้นะ เอาใจผมโคตร ๆ เลยอ่ะพี่ฌาน!
 READ 11.08 PM
ขอบคุณพี่ฌานอีกครั้งนะครับ!
 READ 11.08 PM

Charles:
ไม่เป็นไรเก็ก เรื่องแค่นี้ พี่ฌานยินดีช่วย
11.08 PM
Shaun:
ไง... หมดหล่อหรือยังมึง?
11.09 PM

หึ! นี่ยังน้อยครับแฝด
เมื่อก่อนกูเคยถูกต่อยจนหน้าแหกยิ่งกว่านี้
READ 11.09 PM
(*สติ๊กเกอร์หมีลำพอง*)
 READ 11.09 PM



Shaun:
ก็มึงมันอ่อนไงหล่อ...
เคยกากยังไง เดี๋ยวนี้ก็กากอย่างนั้น
 11.10 PM
Shaun:
(*สติ๊กเกอร์เสือหัวเราะเยาะ*)
 11.10 PM


อ่อนเหี้ยอะไร!
คู่กรณีกูนอนแอดมิทอยู่สองอาทิตย์
แต่กูแค่หน้าช้ำเองเหอะ
 READ 11.11 PM
มึงไม่เห็นไอ้เหี้ยเหนือเหรอ?
นอยง่อยอยู่กับพื้น ลุกแทบไม่ขึ้นเลยนะเว่ย!
 READ 11.11 PM


Shaun:
กูไปนอนล่ะ ขี้เกียจฟังคนโม้
 11.11 PM
Shaun:
(*สติ๊กเกอร์เสือแคะฟัน*)
 11.11 PM


ไอ้สัดแฝด! มึงแม่ง!
READ 11.11 PM


Charles:
พี่ฌานไปนะเก็ก ต้องรีบไปไล่แมงโม้...
เดี๋ยวคืนนี้จะโดนกวนจนนอนไม่หลับไปเสียก่อน
11.12 PM
Charles:
(*สติ๊กเกอร์เสือเผ่น*)
 11.12 PM


โห่พี่ฌาน... ไรว้า!
READ 11.12 PM


Nan:
คุยไรกันอ่ะ? ขอผมคุยด้วยคนดิ!
11.15 PM
Nan:
นิ่ง... นิ่ง ทักไปแล้วทำนิ่ง!
11.15 PM
Nan:
งือ... น้องเฟ้งฟ้าง น้องต๊อแต๊
เพื่อน ๆ ไม่แยแสน้อง
11.16 PM
Nan:
(*สติ๊กเกอร์เซเลอร์มูนร้องไห้*)
11.16 PM





 «»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»