Monday, November 24, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 33: อย่าเอาทองไปรู่กระเบื้อง


ตอนนี้มีเพลงค่ะ...แนะนำว่า ถ้าได้อ่านไปแล้วเปิดเพลงฟังไป น่าจะได้ใจมากอยู่นะคะ ^ ^ 



บทรุกที่ 33: อย่าเอาทองไปรู่กระเบื้อง
(อย่าเอาทองไปรู่กระเบื้อง : อย่าลดตัวลงไปสู้กับคนชั่วต่ำ มีแต่เสียศักดิ์ศรี เพราะไม่คู่ควรกัน)




เอาตรงๆเลยนะฮะ... ผมว่า...ถ้าลองวัดค่าความสุขที่ผมมีหลังจากได้เป็นแฟนกับขนุน ลากยาวไปจนถึงหลังวันที่เราสองคนเปิดเผยความรักที่มีต่อกันอย่างหมดใจ มาจนตอนนี้... โดยเจาะจงชี้วัดความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้นภายในใจ ผ่านเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆเรื่องแล้วเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นระหว่างสองเราในแต่ละวันแบบ  โดยไม่นับเอาเรื่องเซ็กส์เข้ามาเอี่ยว...

...ผมว่า ผมโคตรโชคดีที่ได้ขนุนเป็นแฟนจริงๆว่ะ...
...เพราะนอกจากการมีกันและกันแบบนี้ จะทำให้ผมแฮปปี้จนหน้าบานยิ้มหวานเป็นบ้าได้ทั้งวันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รวมทั้ง มันยังทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนความคิด และเริ่มเข้าใจหัวอกของคนที่อยากจะลงหลักปักฐานครองคู่กับใครสักคนไปตลอดชีวิตแล้ว  มันยังทำให้ผมสบายใจว่า ผมจะไม่ต้องพบเจอเรื่องยุ่งยากหัวใจ แบบที่ต้องมาไล่ตามแก้ปมดราม่าอันหน่วงจิตอย่างที่พี่ชายต่างสายเลือดของผมกำลังเผชิญอยู่นี่

ไอ้ที่ผมมานั่งวิจัยเปรียบเทียบความสุขของตัวเอง กับความชื่นมื่นของพี่ปีย์ราวกับจะทำวิทยานิพนธ์ก่อนจบนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกฮะ... เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายผมหลังจากสารภาพตัวตนที่แท้จริงให้พี่กานต์ได้รับรู้น่ะ มันช่างแตกต่างกับสถานการณ์ของผมกับขนุน เมื่อผมบอกให้เขารู้ในเรื่องเดียวกันราวฟ้ากับเหว

ครอบครัวของผมกับเมีย...โคตรจะแฮปปี้ดี๊ด๊า ประมาณว่า...ถ้าทำได้...ผมจะเอาตัวขนุนสะพายขึ้นบ่าแล้วแห่แหนไปรอบๆ เพื่อให้คนทั้งโลกได้ประจักษ์ถึงความรักของเราให้จุกอก  แต่กับอีกครัวเรือนหนึ่ง ไอ้พี่ปีย์แม่งกำลังนั่งทำหน้าเหมือนคนอมขี้อยู่ตรงฟากหนึ่งของบ้าน  ส่วนพี่กานต์ก็กำลังนั่งผมสยาย เหม่อมองออกไปยังฟากฟ้าไกลคล้ายๆกับนางเอกมิวสิคผสมพรีเซนเตอร์แชมพูอยู่อีกฝั่งห่างออกไป 

บอกเลยฮะว่า ผมเห็นใจไอ้พี่ชายของผมมากจริงๆ จนผมกับเมียต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแก้ไขสถานการณ์ให้ทั้งสองคนคืนดีกันให้ได้เร็วที่สุด... เพื่อความสุขของทั้งคู่ และความสุขของพลพรรคที่เหลือ ซึ่งทุกคนแม่งแลจะหงอยหน่อยๆทันทีที่ได้เห็นว่าทั้งพี่ปีย์และพี่กานต์ดูไม่สดใส



หลังจากกลับมาจากการตะลุยเล่นเครื่องเล่นที่สวนน้ำกันจนชุ่มปอดมาตลอดทั้งวัน ผมก็ให้ป้ากบกับเด็กๆที่บ้านพัก พาแต่ละคู่ แต่ละคนไปเก็บของที่ห้องรับรองที่จัดเอาไว้โดยเฉพาะในตึกอีกปีกหนึ่ง ส่วนผมกับขนุน...ผมบอกให้เด็กทำความสะอาดห้องส่วนตัวของผมที่เรือนรับรองอีกปีกหนึ่งเอาไว้ให้ เพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่ที่คุ้นเคยแล้ว  ห้องผมก็มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า แถมยังเป็นห้องเดียวของบ้านที่มีระเบียงสำหรับนอนดูดาวได้อีกด้วย

ในฐานะเจ้าของบ้าน...ผมนัดให้ทุกคนลงมาเจอกันตรงสวนหย่อมข้างๆสระว่ายน้ำ ที่เนรมิตรให้เป็นพื้นที่สังสรรค์ระหว่างอาหารเย็นด้วยโต๊ะตัวยาว และเครื่องเสียง ลำโพง กับไมโครโฟนชุดเล็กๆสำหรับขาคาราโอเกะที่ร่ำๆอยากจะโชว์ความโหยหวนสุดหูรูดมาตั้งแต่งานเลี้ยงเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

เมื่อสมาชิกมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ผมก็ออกไปทำหน้าที่เสริมเป็นผู้ช่วยพระเอก ด้วยการไปตามพี่กานต์ที่เดินใจลอยหายไปตรงชายหาดลำพังคนเดียวตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วตามคำสั่งพิเศษของพี่ปีย์  ซึ่งตอนนี้กำลังไปแอบหลบยืนอยู่ตามต้นสนริมหาดเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยให้เมียตัวเองอย่างกับวิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขา...

...เฮ้อออ  โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงกันขนาดนี้แล้วยังจะงอนกันเป็นเด็กๆ โชคยังดีที่พี่สองคนของผมยังไม่บ้าบอถึงขนาดทำตัวเป็นพระ -- นางหนังอินเดีย ไม่งั้นก็วิ่งง้อกันไปเถอะ.....อีกสักสามป่าห้าภูเขาโน่นล่ะ กว่าที่จะมาคืนดีกันได้...
...ผมล่ะเหนื่อยใจแทนผู้ใหญ่คู่นี้จริงๆว่ะ บอกเลย

พอเห็นหน้าอมทุกข์ของพี่สะใภ้... ผมเลยขอเสือกยุ่งเรื่องผัวเมียคู่อื่นดูเสียหน่อย เผื่อว่าจะช่วยให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกันได้เร็วๆ ผมพยายามคุยกับอีกคนเพื่อให้คิดถึงใจของพี่ชายผมบ้าง อย่างน้อยๆก็ขอให้มองความจำเป็นเกี่ยวกับงานให้เหนือกว่าทิฐิและเงื่อนไขส่วนตัว เพราะผมว่ามันไม่แฟร์กับพี่ปีย์เท่าไร หากเขาจะหมดสิทธิรักใครสักคน เพราะโดนตราหน้าว่าเป็นคนหลอกลวง...ทั้งที่ตัวตนที่แท้จริงของเขา ออกจะห่างไกลกับคำกล่าวหานั้นเป็นพันโยชน์

ถึงพี่กานต์จะดูเย็นลง และน่าจะเริ่มเข้าใจพี่ผมได้ในที่สุด แต่จนแล้วจนรอด... วันนี้พี่ปีย์กับพี่กานต์ ก็ไม่ได้นั่งจับเข่าคุยกันเสียที ขนาดว่าพี่ปีย์แม่งลงทุนร้องเพลงเกี้ยวอีกฝ่ายออกหน้าไมค์ แบบที่ว่า...ร้อยวันพันปีพี่ผมไม่เคยลงทุนทำอะไรหวานๆแบบนี้ให้ใครมาก่อนก็เถอะ...   

...ในเมื่ออะไรๆในเวลานี้ ต่างไม่เป็นใจกับพี่ปีย์สักเท่าไรนัก ผมเลยหาทางทำให้พี่ชายผมได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สักหนึ่งคืน เพื่อให้เครื่องยนต์ประจำตัวที่เรียกว่าร่างกายหายร้อนจัดกันเสียหน่อย เพราะต่อให้พี่ปีย์วิ่งไล่ไขว่คว้าตามพี่กานต์เป็นบ้าไปตอนนี้...คงจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาแน่ๆ   ก็ความรักของพี่ผมช่วงนี้น่ะ มันกำลังเป็นช่วงที่มารเข้ามาผจญอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งก็เกินความสามารถของกามเทพอย่างผมที่จะยื่นมือเข้าไปเยียวยา และประสานรอยร้าวให้กับทั้งสองได้อีกต่อไป  ผมเลยเปลี่ยนใจ แล้วหันมาให้กำลังใจพี่ชายผมอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆแทน

พูดถึงมารผจญ...
...ได้ข่าวว่า ที่เรามาเที่ยวกันคราวนี้  ก็มีไอ้เหี้ยมารจัดตั้ง เสนอร่างเข้ามาผจญในความรักของครอบครัวผมอยู่ด้วยกันหนึ่งตัวถ้วน  และมันก็กำลังทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยมน่ายั๊วเสียเหลือเกิน  เพราะมันได้อาศัยจังหวะที่ผมเดินไปส่งพี่กานต์กลับกรุงเทพฯอย่างกะทันหัน พร้อมกับเอาพี่ปีย์ที่สลบกลับไปเก็บที่ห้องจนเสียเวลาไปนานหลายสิบนาทีได้  ลากเอาเก้าอี้มานั่งแทรกลงตรงกลางระหว่างที่นั่งของผมกับขนุน  


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เลือดขึ้นหน้าเตะผ่าวงข้าว เมียผมก็ลากผมให้นั่งลง แล้วหย่อนก้นงามๆนั่งทับตักผมอีกทอด ความกังวลของผมเลยมีอันต้องตกไป ด้วยมาตรการการแก้ปัญหาอันชาญฉลาดและเด็ดขาดของเมีย...

...เมียผมนี่ดีเหลือล้ำจนหนำใจเสียเหลือเกิน...
...บทว่าจะไม่แคร์ใครนอกจากผม ขนุนแม่งก็ออกตัวทำโน่นทำนี่เพื่อผมอย่างเต็มที่ ไม่มีกั๊ก...

“เป็นไงมั่งเตง...ช่วยคู่นั้นปรองดองกันได้ไม๊?”  ขนุนถามออกมาเบาๆ ระหว่างที่เอื้อมมือเรียวๆที่มาพร้อมกับกระดาษทิชชู่มาซับเหงื่อบนหน้าให้ผมเบาๆโดยไม่สนสายตาใคร จนผมเริ่มจะอดขำในใจขึ้นมาไม่ได้ เมื่อเหลือบไปเห็นปฏิกิริยาลูกโซ่ตาโตเป็นไข่ห่านของเพื่อนร่วมโต๊ะเกือบทุกคน  รวมทั้งป้ากบ และพวกลูกน้องที่มาคอยอำนวยความสะดวกให้...

...สงสัยว่าหลังจากมาหัวหินคราวนี้ คุณบี๋ต้องได้รับรายงานสายตรงเกี่ยวกับผม และว่าที่ลูกสะใภ้ใจเด็ดของท่านจากคนสนิทขาใหญ่ประจำที่นี่ไปอีกหลายเรื่อง

นึกพลางก็ขำไปพลาง จนอดหัวเราะกับความคิดของตัวเองออกมาเบาๆไม่ได้ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการให้คำตอบกับอีกฝ่ายที่ตั้งใจฟังด้วยสีหน้าจริงจัง “หึ หึ...เค้าว่าคงต้องรออีกหน่อยล่ะมั้งฮะ เพราะดูท่าว่า...พี่ชายเค้าคงต้องฝ่าฟันอะไรอีกเยอะกว่าจะได้สมรักกับพี่กานต์ซะที...  
.
.
..เพราะตอนนี้พี่กานต์ต้องกลับกรุงเทพฯไปทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งตัว ส่วนไอ้พี่ปีย์...เค้าก็เพิ่งให้เด็กพาไปหลับพักผ่อน เพราะฝืนโต้รุ่งจนไม่ได้นอนมาจะสามสิบหกชั่วโมงรวดอยู่แล้ว

เมียผมพยักหน้ารับฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ พอผมพูดจบ เสียงเล็กๆสดใสก็ถามออกมาด้วยความเป็นห่วงทันที “เตงเหนื่อยไม๊? หิวไม๊ เดี๋ยวเค้าตักข้าวให้นะ... เนี่ยะ ตอนตัวไม่อยู่ เค้าแกะปูไว้เยอะเลย เดี๋ยวเค้าคลุกข้าวกับน้ำพริกให้เตงลองชิมนะ รับรองเตงจะต้องชอบ” คนนั่งตักเปลี่ยนเป็นนั่งหลังตรง สองมือเรียวของขนุนหยิบโน่นจับนี่วุ่นวาย เพื่อเตรียมกับข้าวกับปลาตามสูตรที่เจ้าตัวเพิ่งจะนำเสนอให้ผมทันที

“เตงกินเถอะฮะ เค้ารู้ว่าเตงชอบกิน เค้าเลยสั่งป้ากบให้เตรียมอาหารทะเลเอาไว้ให้เยอะๆ เตงจะได้นั่งกินไปได้ทั้งคืนเลยยังไงล่ะ” ผมตอบพลางโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อบอกให้อีกฝ่ายได้รู้ถึงความตั้งใจของผม ที่อยากจะเห็นเขาได้อิ่มอร่อยอย่างเต็มที่ เพราะรู้ดีว่า รองจากอาหารญี่ปุ่นแล้ว...เมียคนดีคนนี้ ยังโปรดปรานอาหารทะเลอย่างที่สุด ผมเลยอ้อนป้ากบให้เตรียมทุกอย่างเอาไว้มากเป็นพิเศษ เพื่อเอาใจคนหน้าแว่นโดยเฉพาะ

ขนุนเหลือบตาขึ้นจากจานข้าวคลุกน้ำพริกกับเนื้อปูนึ่งที่พูนเต็มจานเพื่อมองหน้าผม แล้วยิ้มหวานพลางเอ่ยชวน “งั้นเรากินด้วยกันนะ เดี๋ยวเค้าป้อน ดีมะ”

“เฮ้ออออ...เมียเค้าทำตัวน่ารักขนาดนี้  เค้าชักไม่อยากกินข้าวซะแล้วซิ” ผมตอบพลางรวบร่างบางๆมากอดเอาไว้อย่างหวงแหนและรักใคร่ แล้วพูดถึงสิ่งที่ผมอยากทำมากกว่า เมื่อได้เห็นร่างบางทำหน้าทำตา และออกท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูไปเมื่อครู่

“ฮื่ออ..ทนหน่อยนะเตง... ถ้าเตงรอได้ เค้ามีเซอร์ไพรส์จะให้เป็นรางวัลสำหรับความอดทนของเตงด้วยน้า” ขนุนยิ้มอายๆเมื่อพูดจบ หากแต่แววตาเป็นประกายแวววาวเมื่อพูดถึงสิ่งที่เจ้าตัวอุบเอาไว้ไม่ยอมบอกผม ยังไม่ทันที่ผมจะคาดคั้นเอาคำตอบเกี่ยวกับเซอร์ไพรส์ของอีกฝ่าย เสียงของพี่โอ่งที่ดังผ่านไมค์ ก็เรียกความสนใจของเราทุกคนให้หันไปจับจ้องร่างกะทัดรัดของเจ้าตัวตรงซุ้มเครื่องเสียงทันที

“เอาล่ะค่ะ สำหรับค่ำคืนนี้...ขุ่นพี่จาจาจะขอใช้ความอลังการของแสงสีเสียงในการขับกล่อมให้ค่ำคืนของพวกเราทุกคนดำเนินไปอย่างสนุกสนานเองนะคะ... หากว่าท่านใดต้องการจะขอเพลงอะไรให้กับใครเป็นพิเศษ  ขอจงได้โปรดส่งเนื้อเพลงมาในกระดาษใบน้อยที่อยู่ตรงหน้าของทุกๆคน  และเมื่อได้อ่านความประสงค์ของทุกท่าน ขุ่นพี่จาจาสุดสวยผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวที่พลัดพรากของตะละแม่เลดี้กาก้า ก็จะทำการร้องเพลงเหล่านั้นให้ได้รับฟังเองค่ะ....
.
...แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ!!...
...หากสุ้มเสียงอันไพเราะของขุ่นพี่จาจา ไม่อาจจะสื่อความหมาย อารมณ์ และความรู้สึกในเวลานี้ของใครได้ ขุ่นพี่ยินดีที่จะสละตำแหน่งเทพธิดาหน้าไมค์ให้ชั่วคราว เพื่อจะเปิดโอกาสให้คนอื่นๆได้ขึ้นมาร่ำร้องบอกความนัยกันได้อย่างอิสระนะคะ...
.
...อย่างไรก็ดี ก่อนอื่น...ขุ่นพี่จาจา ขอเป็นตัวแทนในการกล่าวคำขอบคุณแก่น้องน็อตและครอบครัว รวมทั้งขุ่นพี่ป้ากบ และน้องๆที่น่ารักทั้งหลายแห่งวังจุทาเทวีศรีมหาเมกะบางนารามอินทราพาลาเดียมที่คอยให้การดูแล และรับรองพวกเราทุกคนเป็นอย่างดี ประหนึ่งได้มาพักค้างอ้างแรมตามรีสอร์ทหรูระดับบูทีคเขอะโฮเท็ลที่หัวหินก็ไม่ปาน...
.
...ถ้าเป็นไปได้ กรุณาอย่าให้ขุ่นพี่ต้องย้ำชื่อวังอีกครั้งเลยนะคะ เนื่องจากเกรงว่ารอบหน้า ขุ่นพี่จะเอ่ยนามของวังออกหน้าไมค์แล้วจะไม่ได้ชื่อเหมือนเดิม...

.
...อยากจะบอกว่า ขุ่นพี่แสนจะประทับใจความโอ่โถงโล่งใหญ่ไพศาล ซึ่งมาพร้อมกับบรรยากาศเลอเลิศ  แถมด้วยสระว่ายน้ำโอฬารดาวล้านดวง  และอาหารที่อร่อยจนเจ้าของร้านอาหารอย่างพี่หม่อนต้องยอมแพ้พ่ายเรื่องรสชาติ ของวิมานตากอากาศประจำตระกูลแห่งนี้...
.
...อย่างไรก็ดี...หากขุ่นพี่จาจาล่วงรู้มาก่อนว่า ขุ่นน้องน็อตจะมีทรัพย์ศฤงคาร ราวกับเกิดมาบนพานเงินพานทองพร้อมพรั่งขนาดนี้ ขุ่นพี่จะไม่มีทางปล่อยให้น้องหนุ่นหนุนได้ขุ่นน้องผู้มีรูปทองเป็นของแถมนอกจากสมบัติพัสถานไปครอบครองเป็นการถาวรอย่างแน่แท้ชะมะค่ะ...   ...อุ๊บบส์! แค่หยอกเอินล่วงเกินผู้บ่าวแค่หน่อยเดียว น้องหนุ่นหนุนก็ปรายตามาข่มขู่ขุ่นพี่ถึงตรงนี้ด้วยค่ะ  อิ๊ย๊ะ!! กระเทยว่า แลนางจะไม่ใช่ไก่กาอาราเล่นะคะเนี่ยะ...รบกวนขุ่นน้องน็อตปรามแฟนไม่ให้คุกคามขุ่นพี่ด้วยค่ะ...ขุ่นพี่เป็นกุลสตรีขวัญอ่อน...
.
.
...อุ๊ต่ะ!...บทเพลงแรกของคืนนี้มาถึงมือขุ่นพี่จาจาแล้วค่ะ ไหน...ขอขุ่นพี่ดูหน่อยซิคะ ว่าทุกๆคนอยากจะได้ยินขุ่นพี่ร้องเพลงอะไรน๊อออ???...   อ่าววว! มีคนอยากจะร้องเพลงหรอกเหรอคะ...  งั้นเชิญค่ะ เชิญออกมาร้องเพลงให้หนำใจเลยค่ะ อย่าได้ต้องเห็นแก่ความต้องการของกระเทยที่อยากร้องเพลงยิกๆมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วเลยนะคะ...ได้โปรดออกมาร้องเพลงให้เป็นสุขเป็นสุขเถิด โดยไม่ต้องให้ขุ่นพี่ได้ผุดได้เกิด ณ บัดนี้ค่ะ...
.
.
...ขอให้ทุกท่าน ช่วยกันปรบมือให้กับขุ่นน้องแชมป์ กับบทเพลงทะเลสีดำค่า” หลังพี่โอ่งพูดจบ ทุกคนก็ตบมือให้ตามคำขอของพิธีกรขาประจำที่อารมณ์ดีสุดๆอย่างเต็มใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งผมที่ออกจะเนือยๆกับการละเล่นในคืนนี้มากก็ตาม

เสียงน้องแชมป์ตอบโต้พี่โอ่งผ่านไมค์คู่อีกตัว “พี่โอ่งยังไม่ต้องไปไหนหรอกฮะ แชมป์เลือกเพลงนี้มา เพราะว่าแชมป์จะให้พี่โอ่งเป็นลุลา เดี๋ยวแชมป์เป็นพี่ตาร์เองฮะ”

“อร๊ายยย...น่าร๊อกอ่ะ...
.
.
...น้องแชมป์เคยคิดไม๊คะว่า  บางครั้ง...ความสัมพันธ์ระยะยาวของคู่รักเพศเดียวกันซักคู่นึง อาจมีจุดเริ่มต้นมาจากการกลั่นกรองความรู้สึกของแต่ละฝ่าย ผ่านบทเพลงเพราะๆอย่างที่เราสองคนกำลังจะทำด้วยกันต่อจากนี้ไป?”

แม้พี่โอ่งจะทำท่าทำทางเหมือนจะสนใจในตัวอีกฝ่ายอยู่มากพอดู แต่ไอ้น้องแฝดคนกลางแม่งก็ไม่ได้สนใจห่าอะไร เพราะเมื่อดนตรีขึ้น ไอ้เด็กแฝดก็เริ่มร้องและปล่อยอารมณ์ไปตามเนื้อเพลงทันที โดยปล่อยให้พี่สาวอารมณ์ดีของผมยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่ลำพังอย่างไม่คิดจะเห็นหัว



พอเห็นว่าทุกคนเริ่มจะเล่นสนุกและมีความสุขเต็มที่แล้ว ผมก็นั่งกินข้าวกับเมียโดยไม่สนใจใครหน้าไหนอีกต่อไป แต่หลังจากนั่งกินนั่งดื่มมาได้สักพักใหญ่ๆ ผมกับขนุนก็ต้องหยุดทุกๆอย่างลงกลางคัน เพราะได้ยินเพลงๆหนึ่งดังเข้าหู  ซึ่งประจวบเหมาะกับที่เสียงคุยจ้อกแจ้กเป็นนกกระจอกแตกรังของคนอื่นๆเงียบลงพอดิบพอดี...

...เท่าที่ผมสัมผัสบรรยากาศรอบๆตัวของบรรดาคนที่นั่งแวดล้อมทั้งผมและขนุนอยู่นี่  มันดูจะไม่ได้ใกล้เคียงกับความสงบเงียบเพราะตั้งใจฟังบทเพลงอันไพเราะเพียงอย่างเดียวเสียแล้วล่ะฮะ  หากแต่มันดูจะมาพร้อมกับความเกร็งของทุกๆเซลล์ในร่างกายของทุกๆคนจนขี้หดตดหายอย่างไรก็ไม่รู้  ผมเลยจำเป็นต้องหันไปมองตรงมุมคาราโอเกะ พร้อมๆกับตั้งใจฟังเพลงที่กำลังดังอยู่ เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรที่เป็นต้นเหตุของบรรยากาศมาคุแบบฉับพลันเมื่อครู่อย่างเสียไม่ได้...
.
.
...เมื่อได้เห็นหน้าของไอ้ตัวการ...ผมก็เกิดหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันที...
...เพราะตอนนี้  ไอ้คนที่แม่งกำลังครองไมค์แต่ผู้เดียว คือ ไอ้เด็กเหี้ยนิสัยเสียสัดๆ คนที่แม่งจ้องจะงาบเมียผมเสียให้ได้...
...และเพลงที่แม่งร้องเนี่ยะ ไม่ต้องให้ใครมาบอก ผมก็รู้โดยไม่มีข้อสงสัยว่า...แม่งตั้งใจจะร้องออกมาเพื่อก่อสงครามชัดๆ




แต่ทำไมก็ไม่รู้หัวใจ ยิ่งได้เห็นเธอกับเขาใกล้ น้ำตามนั้นก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว


“เตง...มันเป็นแค่เพลงน่ะ อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก” เสียงเล็กๆของร่างที่นั่งอยู่บนตักผมพูดออกมาเบาๆคล้ายกับต้องการจะปลอบไม่ให้อารมณ์ของผมขึ้นมากไปกว่านี้

“เหรอเตง...ฟังดู มันจะสื่อความหมายอะไรบางอย่างมากไปกว่าเพลงทั่วๆไปนะฮะ”  ผมตอบอย่างประชดประชัน เพราะผมมั่นใจว่า ไอ้เหี้ยช็อปแม่งต้องคิดอะไรมากกว่าแค่ต้องการเห่าหอนออกมาเป็นเสียงเพลงแหงๆ เพราะเพลงในลิสต์ที่ผมเตรียมเอาไว้ให้ร้องเล่นกันในคืนนี้ แม่งมีเป็นล้านๆเพลง  แต่ไอ้เหี้ยนี่แม่งก็นะ...จงใจจะขัดขวางความสุขของผมดีเหลือเกิน


ไม่รู้ว่าฉันอิจฉา หรือว่าสุขใจ น้ำตาที่ไหลนั้นไหลมาจากจุดไหน
เป็นเพราะฉันเสียใจหรือเป็นเพราะฉันชื่นชม


อุ้งมือเล็กๆถูกอีกคนส่งมาประคองใบหน้าของผมให้หันกลับไปมองหน้าใสๆของเจ้าตัว ก่อนที่ปากเล็กๆของสุดที่รักผมจะเอ่ยออกมาอย่างเอาอกเอาใจ “เตงอย่าคิดมากซิ... เราคุยเรื่องนี้กันแล้วใช่ไม๊ ว่าขอให้เตงเชื่อใจเค้า” พูดจบ ขนุนก็ยิ้มหวานมาให้ ราวกับเจ้าตัวอยากจะประจบให้ผมคลายความกังวล

ผมพยักหน้าให้อีกคน หากแต่ตอบเสียงเครียด “ฮะ...เค้ารู้ฮะ ว่าเราคุยเรื่องนี้กันมาดีแล้ว...เค้าถึงยังได้นั่งนิ่งๆอยู่นี่ โดยที่ไม่ได้เดินไปตะบันหน้าไอ้เด็กเหี้ยนั่นให้ล้มลงไปกองให้รู้แล้วรู้รอด” ผมจ้องมองหน้าของไอ้เหี้ยช็อปสลับกับมองหน้าเมีย ไอ้เหี้ยนั่นแม่งกำลังมองหน้าเมียผมด้วยสายตาอ้อนวอนพลางเห่าหอนเรียกร้องความสนใจ  ส่วนอีกคน...ก็กำลังประทับสายตาแห่งความรักและภักดีไม่ห่างหายไปจากหน้าผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว


ที่ได้เห็นเธอกับเขา รักกันขนาดนี้ ฉันควรจะยินดีที่เห็นเธอสุขสม มากกว่าที่จะรู้สึก
ไม่อยากให้เป็นเขาเลย พูดตรง ๆ


 “น้องช็อปคงไม่ตั้งใจหรอกเตง อย่าคิดมากไปเลย...อีกอย่าง เค้ารักเตงนะ รักม๊ากมาก” สิ้นคำ ขนุนก็ยิ้มให้ผมอีกครั้ง... จะว่าไป คืนนี้...ขนุนยิ้มให้ผมละลายบ่อยกว่าคืนไหนๆ  เพราะว่าอยากให้ผมสบายใจล่ะสินะ  พอคิดได้...ผมเลยปิดช่องความสนใจที่มีต่อเสียงจอแจรอบๆตัว ที่ไม่ใช่เสียงเล็กๆของเมียลงทันที เพื่อจะได้ไม่ต้องอารมณ์เสียโดยใช่เหตุ

“ฮะ เค้าก็รักเตงฮะ แต่เค้าไม่อยากฟังแม่งร้องแล้วไงฮะ เค้าทนฟังเสียงของไอ้เด็กเหี้ยนั่นไม่ได้” ผมตอบขนุนอย่างหน่ายๆ ไอ้ที่ทนไม่ได้น่ะ ไม่ใช่เพราะเสียงแม่งไม่เพราะหรอกนะฮะ... แต่เนื้อเพลง กับอารมณ์ของคนร้องนี่มัน...เหี้ยเกินบรรยายเสียจริงๆ

“งั้นเอางี้ ถ้าเตงกินข้าวหมดจานนี้แล้ว เค้าจะไปร้องเพลงให้เตงฟัง...ดีป่าว?” คราวนี้ รอยยิ้มของเมียแลจะหวั่นๆไม่เต็มหน้าชอบกล เพราะสิ่งที่ขนุนเพิ่งจะบอกออกมา ฟังดูจะเป็นเรื่องที่ชาตินี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้แต่อย่างใด...ผมว่า กระทั่งเจ้าตัวเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่า ไอ้ประโยคเมื่อครู่แม่งถูกกลั่นออกมาจากปากของเขาจริงๆใช่หรือไม่

ผมเลยทำหน้าที่สร้างความมั่นใจให้กับทั้งตัวเอง และตัวเขาด้วยการถามเพื่อความแน่ใจออกมาอีกครั้ง “เห?? ถามจริงดิฮะ เตงร้องเพลงเป็นด้วยเหรอ?”
.
.
ขนุนดูอึกอัก แต่ก็ตอบอย่างเขินๆออกมาจนได้ “พูดอย่างนี้ จะร้องให้ฟังดีไม๊เนี่ยะ...คนยิ่งอายๆอยู่ นี่ถ้าไม่อยากทำให้เตงอารมณ์ดีขึ้น เค้าไม่มีวันขันอาสาออกไปทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะหรอกนะ”

แม้จะค่อนข้างแน่ใจว่า คนของผมต้องไม่มีทักษะในด้านการร้องเพลงแอบซ่อนเอาไว้เป็นหมัดเด็ดแบบตัวเอกในละครแหงๆ แต่ผมก็ออดอ้อนสนับสนุนความคิดของอีกฝ่ายทันที เพราะการจะได้เห็นขนุนออกไปยืนท้าแสงไฟต่อหน้าผู้คนมากมายให้ชื่นใจเสียทีไม่ได้มีกันบ่อยๆ  “ง่า...ร้องเถอะนะฮะ...เตงร้องเลย เค้ารอฟังอยู่”  และเพื่อไม่ให้อีกคนต้องฝ่อเพราะตื่นเต้นมากไป ผมเลยอดแหย่ให้ขนุนหายวิตกออกไปไม่ได้จริงๆ  “เค้าอยากรู้ว่าเตงร้องเพลงแล้วจะเป็นยังไง เสียงจะน่ารักน่าฟังเหมือนเสียงร้องครางเวลาเราอยู่ในห้องกันสองต่อสองไม๊? หึ หึ”

“ลามก!!” คนพูดทำหน้าดุแล้วถลึงตาใส่ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมสลดลงเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าจะอารมณ์ไหน ขนุนแม่งก็ยังน่ารักน่าใคร่สำหรับผมอยู่ดี   ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป เมียผมก็หันมาสั่งเบาๆพร้อมยิ้มให้อีกครั้ง”งั้นเตงก็กินข้าวไปพลางๆก่อนนะ เดี๋ยวเค้าไปเลือกเพลงแป๊บนึง...เตงรอฟังเพลงที่เค้าจะร้องเพื่อเตงโดยเฉพาะได้เลย”

ผมจับจ้องมองร่างบางที่เดินไปหยุดข้างๆลำโพงที่มีพี่โอ่งยืนประจำอยู่ แล้วสองคนก็คุยกันพลางช่วยกันหาชื่อเพลงที่คนหน้าแว่นต้องการ...

...ชักอยากจะรู้เสียแล้วสิว่า เพลงอะไรน้า ที่คนหน้าแว่นบอกว่าจะร้องเพื่อผมคนเดียวโดยเฉพาะ ก็ที่ผ่านมา ผมไม่เคยเห็นเมียเปิดเพลงฟัง  เวลานั่งรถไปไหนกับผม ก็ไม่เห็นหืออือหากผมอยากจะฟังเพลงอะไร... เอ หรือว่า ไอ้เพลงที่เจ้าตัวจะร้องให้ผม จะเป็นเพลงการ์ตูนตามสายความรักความชอบที่ถนัดกันวะ???  เพลงประกอบดราก้อนบอล...โดเรม่อน...ชินจัง...หรือว่าแฮมทาโร่กันล่ะเนี่ยะ???!! หึ หึ




เท่าที่ผมรู้ สถานการณ์ย่ำแย่ที่สุดติดอันดับหนึ่งในห้าตลอดกาลสำหรับของขนุน คือ การต้องพูดในที่สาธารณะท่ามกลางคนหมู่มาก... แต่ผมว่า ไอ้การที่เจ้าตัวต้องออกไปยืนร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นๆ น่าจะรั้งอันดับต้นๆของรายการแหงๆ  และเพื่อให้เรื่องทั้งหมดยิ่งเลวร้ายได้โล่ห์ไปกันใหญ่ สิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นก่อนเวลาที่นักร้องสมัครเล่นมือใหม่จะขึ้นแสดงหน้าไมค์ ก็ดันเกิดขึ้นเสียอีก...  

...ช่วงเวลาที่คนหน้าแว่นควรจะได้ทำสมาธิอีกครั้งเพื่อตั้งหลักก่อนที่เพลงจะขึ้น  หรือก่อนที่เสียงดนตรีจะดังสักโน๊ตสองโน๊ต อยู่ดีๆก็มีเสียงหวีดแหลมเสียดหูของไมโครโฟนดังแซงหน้าออกมาจนทุกคนต้องเอามือมาอุดหูเอาไว้แทบไม่ทัน  ซึ่งเสียงเรียกแขกนี้ก็เกิดขึ้นมาจากการถือไมค์จ่อเข้าใกล้ลำโพงอย่างไม่ระมัดระวังของขนุนเองน่ะแหละฮะ  

ทันทีที่เสียงหวีดหายไป...สายตาของทุกๆคนก็หันไปจ้องยังแหล่งกำเนิดเสียงโดยพร้อมเพรียงแบบไม่ต้องนัดหมาย หรือคัดลายมือเรียนเชิญด้วยการ์ดล่วงหน้าให้เหนื่อย...

...เอาล่ะสิฮะ บรรยากาศอย่างนี้ คงจะส่งเสริมให้การเปิดตัวในฐานะนักร้องน้องใหม่ของเมียผมล้มเหลวเป็นแน่แท้ 
...แต่พอคนอื่นต่างเห็นว่าท่าทางของขนุนที่กำลังใช้ทั้งสองมือกำไมค์แน่นด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ พลางจับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ  ผมก็เริ่มจะสังเกตเห็นว่า สายตาของแต่ละคนเริ่มจะอ่อนลงด้วยความเอ็นดู ไม่ก็ฉายแววเอาใจช่วยออกมาอยู่ในที...
...สู้ๆนะฮะคนเก่ง ขอให้ร้องให้จบเพลงโดยไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นมาเสียก่อนนะฮะ!!


และแล้ว...เสียงดนตรีก็ดังขึ้น...
.
.
.
.
...โดยไร้ซึ่งเสียงร้อง...
...ตามด้วย...
.
.
...การพยายามออกเสียงอ่าน ซึ่งแค่ฟังดูก็รู้ว่า คนร้องกำลังไล่งับคำให้ตรงกับทำนองเพลงที่วิ่งนำหน้าไปหลายช่วงตัว...
...เรื่องน่ายินดีที่สุดของการที่เมียอุตส่าห์เสียสละตัวเองเพื่อความสุขของผมในครั้งนี้ ก็คือ...สุดท้ายแล้ว...ความตั้งใจจริง ไม่นึกยั่นต่อสถานการณ์ของขนุน สามารถทำให้คำร้อง และทำนองมาฟีทเจอริ่งกันจนได้ แม้ว่าจะปาเข้าไปเอาอีตอนท่อนกลางเพลงแล้วก็ตาม
.
.
...ใช่ฮะ การเปิดตัวร้องเพลงออกหน้าไมค์เป็นครั้งแรกของเมียต่อหน้าต่อตาผม เฟลเต็มที่ในแง่ของความสมบูรณ์แบบ...
...หากแต่แม่งได้ใจผมไปสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเจตนา อารมณ์ ความน่ารัก ความพยายาม ความตั้งใจ และอีกมากมายหลายอย่างของคนร้องที่พอเอามารวมกันแล้ว แม่งคือสูตรสำเร็จของคำว่ารักที่อีกฝ่ายแสดงออกอย่างง่ายๆ เพื่อให้ผมเข้าใจได้อย่างเป็นรูปธรรม


พอผมได้นั่งมองหน้าของขนุนในเวลานี้ดีๆ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังสั่น และความมั่นใจใกล้จะติดลบ จนเสียงเล็กๆที่เปล่งออกมาราวกับอ่านอาขยานเริ่มจะแกว่งและสั่นเครือ เหมือนตอนที่เจ้าตัวร้องไห้คืนที่ผมแกล้งเรื่องเจาะหู

ยิ่งนั่งฟัง...ผมก็ยิ่งใจไม่ดี...  
...ผมไม่อยากให้ขนุนต้องผ่านไม่กี่นาทีต่อจากนี้ ด้วยความว้าเหว่อย่างนี้ โดยไม่มีผมยืนเคียงข้างเขาเลย...ให้ตายสิ!!



คิดได้ดังนั้น...ผมก็ลืมตัว ทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อนในชีวิต........
...ร่างกายของผมยืดตรงขึ้นจากเก้าอี้ สองเท้าก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็วและแน่วแน่ โดยมีขนุนเป็นที่หมาย ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ข้างๆร่างบาง เอื้อมคว้าไมค์ที่ว่างอยู่อีกตัว แล้วหายใจเข้าลึกๆเพื่ออ่านอาขยานเป็นเพื่อนให้อีกคนรู้สึกอุ่นใจ เพราะอย่างน้อยๆ...เขาก็จะไม่กลายเป็นคนอ่านออกเสียงแบบโมโนโทนโดยไม่พึ่งพาทำนองเพลงอย่างเดียวดาย... 

...และที่สำคัญ...เขาจะไม่ใช่คนที่อ่านอาขยานได้แย่ที่สุดในที่นี้...
.
.
.
...เพราะผมขอน้อมรับตำแหน่งนั้นเอาไว้ ด้วยความเต็มใจเสียเอง...
...ผมลืมบอกไปใช่ไหมฮะว่า ไม่ว่าเมื่อไร...การร้องเพลง คือ สถานการณ์ย่ำแย่ที่สุดตลอดกาลในชีวิตของผม  และถ้าไม่จำเป็นจริงๆ...เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง หลบได้เป็นหลบเลยฮะ


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


เมื่อคืนกว่าปาร์ตี้ริมสระจะเลิกก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งได้  แต่ผมกับขนุนไม่ได้ใส่ใจคนอื่นเท่าไรนัก เพราะเมื่อเราสองคนได้ทำลายล้างหน้าตา และฟอร์มของตัวเองจนปี้ป่นไม่เหลือชิ้นดีหลังจากร้องเพลงจบ  ผมก็แอบพาขนุนหลบสายตาคนอื่นไปเดินคุยกันที่ชายหาดอยู่พักใหญ่ๆ   ตอนเรากลับเข้ามาที่บ้าน...เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ป้ากบถือสิทธิ์ของการเป็นคนใหญ่คนโตของที่นี่ ลงดาบประกาศิตขับไล่พวกเราทุกคนจนแตกฮือวิ่งจ้ำอ้าวกลับขึ้นห้องเพื่อไปนอนกันแทบไม่ทัน

ผมมาถามแกถึงเหตุผลเอาหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายขึ้นห้องไปแล้ว  ผมจึงได้รู้ว่า... ตั้งแต่ที่พวกผมกับคุณๆอีกสามคนเริ่มทำงาน คนในครอบครัวผมก็ไม่ค่อยจะแวะลงมาพักที่นี่สักเท่าไร  พวกเด็กๆในบ้านเลยไม่ได้มีโอกาสต้อนรับบรรดาเจ้านายกันบ่อยนัก แต่พอผมบอกว่าจะยกขโยงเพื่อนมานอนค้างคืน  คนที่นี่ก็ตื่นเต้นเตรียมการต้อนรับกันเสียยกใหญ่ล่วงหน้าเป็นสี่ห้าวัน เพราะเข้าใจว่าผมจะพาไอ้สองหมอกับไอ้ลิงหน้าหม้อ สุดหล่อทั้งสามของป้ากบมาเที่ยวเหมือนที่ชอบทำ

ป้ากบแกเล่าให้ฟังต่ออีกว่า แม้กลุ่มเพื่อนของผมจะเปลี่ยนไป... แต่ดูท่าว่า คราวนี้จะหนักหนาสาหัสกว่าคราวที่พวกเพื่อนสนิทของผมมาเที่ยวมากอยู่  เพราะรอบนี้...มีเพื่อนเจ้านายหนุ่มๆหน้าตาหล่อเหลาเหมือนดารามาให้เด็กในคอนโทรลของแกกรี๊ดพร้อมๆกันทีเดียวเกือบสิบคน แกเลยยิ่งปวดหัวไปกันใหญ่   ยิ่งพวกเราอยู่เล่นกันดึกดื่นไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปนอน  เด็กๆในบ้านก็ยิ่งได้ที แห่กันผัดหน้าผ่องเหมือนพวกทารองพื้นผิดเบอร์ออกมานั่งจ้องนั่งแซะพวกผมเสียจนแกรำคาญลูกกะตา และคร้านเกินกว่าจะไล่กลับให้ไปหลับไปนอน...  ป้ากบแกเลยตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วยการไล่พวกผมแทน เพราะแกกลัวว่า พรุ่งนี้จะไม่เหลือเด็กคนไหนให้แกได้เรียกใช้งานสักคน...  

...สงสัยผมต้องแอบมอบสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆให้ป้ากบก่อนกลับบ้านเสียหน่อยแล้ว เพราะถ้าไม่ได้แก ผมกับขนุนคงต้องนั่งแห้งเกาะเก้าอี้ นอนฟังเสียงดนตรีขับกล่อมจนไม่ได้ขึ้นไปทำกิจกรรมโปรดของเราแน่ๆ  แม้จะมั่นใจอยู่ลึกว่า วีรกรรมการออกโรงไล่แขกของแกในครั้งนี้ จะต้องมีคุณป๋าหรือคุณบี๋หนุนหลังออกคำสั่งเหยงๆอยู่แหงๆ



หลังจากส่งทุกคนเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย  ช่วงเวลาพิเศษของผมกับเมียก็มาถึง...
หากแต่คืนนี้ ยิ่งพิเศษไปกันใหญ่ เนื่องจากเป็นการมีเซ็กส์กันแบบสัญจรเป็นครั้งแรก แถมบรรยากาศก็ยังจะสุดแสนโรแมนติกแบบที่ว่า โก่งคอครางคลอเสียงคลื่นกระทบหาดทราย แถมยังได้เห็นหน้าเมียสุขซาบซ่านขณะเข้างานขย่มตออย่างเอาเป็นเอาตายโดยมีท้องฟ้ามืดๆประดับดาวพร่างพรายเป็นพื้นหลัง

เมื่อเราสองคนอาบน้ำด้วยกันเสร็จ ผมก็ได้รู้ว่า...เซอร์ไพรส์ที่ขนุนเตรียมเอาไว้  คือ การต้อนรับผมที่เดินออกจากห้องน้ำมา ด้วยภาพของเจ้าตัวใส่จีสตริงหนังสีดำตัวจิ๋วที่ผมสั่งตรงมาจากญี่ปุ่นเป็นของขวัญให้กับร่างบาง  ซึ่งเพิ่งมาถึงมือผมเมื่อสองวันก่อน  หากแต่เจ้าของยังไม่มีโอกาสได้ทดสอบความสบายของปราการด่านสุดท้ายของท่านชายตัวนี้อย่างใด 

คนตัวเล็กที่มาพร้อมกับเครื่องประดับร่างกายสุดแสนเย้ายวนยืนโพสรอผมในท่ากางขาโก่งบั้นท้ายอยู่ตรงปลายเตียง พลางเหลียวหน้าหันกลับมามองแล้วส่งสายตาร้อนเร่าเป็นประกายเจิดจ้า พร้อมกับยกยิ้มมุมปากที่ดูอย่างไรก็ไม่ผิดไปจากการท้าทายอำนาจของสามีอยู่เนืองๆมาให้...   

...แหม่ ถ้าจะเล่นให้ท่ากันเสียขนาดนี้  คนไร้อำนาจและบารมีในการต่อรองอย่างผมจะไปทำอะไรขนุนได้กันล่ะฮะ....
...นอกไปเสียจาก หลับหูหลับตาเดินหน้าพุ่งเข้าชน แล้วจัดหนักให้คนหน้าแว่นแสนรักไปหลายๆดอกโดยไม่คิดเสียเวล่ำเวลาถอดชั้นในตัวน้อยออกจากร่างของอีกฝ่ายแม้สักนาที...

...ซึ่งถ้าจะให้ผมบรรยายถึงเซ็กส์ที่เกิดขึ้นตลอดเมื่อคืนนี้ออกมาเป็นคำพูด ผมก็คงจะบอกได้แค่ว่า...แม่งโคตรคุ้มค่าน้ำมันรถ และเวลาที่ต้องเสียไประหว่างที่วิ่งถ่อมาเอากันถึงหัวหินฉิบหาย เพราะนอกจากเมียจะซู่ซ่าเหมือนล้างตัวล้างหน้าด้วยเอ็มร้อยห้าสิบมาสักสามถังแล้ว  สถานที่แปลกใหม่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นใจสุดๆ ยังทำให้เซ็กส์เร้าใจขึ้นอีกแยะเลยฮะ




เมื่อเช้า...พอผมงัวเงียตื่นขึ้นมาส่งพี่ปีย์ที่แหกขี้ตาวิ่งกระหืดกระหอบมาหาผมตั้งแต่ตีห้ากว่าๆ ออกไปเพื่อตามหาพี่กานต์ที่กรุงเทพฯเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ชวนขนุนลงมาหาอะไรเบาๆกิน แล้วกลับขึ้นห้องไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาคุยกันอยู่บนเตียง


“สรุปว่า...นอกจากไม่ได้เป็นเด็กนักศึกษาธรรมดาๆแล้ว เตงก็ยังเป็นนักสืบทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังอีกเหรอเนี่ยะ  สงสัยว่าเค้าต้องพิจารณาตัวเองดูอีกทีแล้วล่ะมั้ง ว่าเค้าจะเหมาะสมกับการขอสมัครเป็นสะใภ้ทายาทตระกูลดังจริงรึเปล่า หึ หึ” ร่างบางที่นอนเอาหัวหนุนหน้าท้องของผม โดยที่สองมือกำลังดึงปลายเชือกผูกเอวกางเกงนอนขายาวที่ผมสวมอยู่ไปมาพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

ผมพักสายตาจากหน้าจอข่าวธุรกิจของฝั่งอเมริกาบนไอแพด เพื่อมองใบหน้าเล็กๆของขนุนอีกครั้งนิ่งๆ แล้วถามออกมาด้วยหางเสียงหงุดหงิดนิดๆ เพราะสิ่งที่เพิ่งได้ยินทำเอาผมไม่พอใจมากทีเดียว “แล้วตัวไม่เหมาะสมที่จะเป็นลูกสะใภ้ของบ้านเค้าตรงไหนกันฮึ?”

“ก็เค้าโตกว่าเตงตั้งหลายปี เวลาไปไหนด้วยกัน...เตงไม่กลัวคนอื่นมองว่าเตงไปไหนมาไหนกับพ่อรึไง?”...หึ หึ...ขนุนแม่งชักจะเหมือนคุณบี๋เข้าไปทุกที ขนาดแค่จะพูดว่าแก่กว่าผมก็ยังทนแสลงลิ้นพูดออกมาไม่ได้...เลยเปลี่ยนมาใช้คำว่าโตกว่าแทน หึ หึ...อะไรจะอ่อนไหวกับเรื่องอายุได้มากขนาดนี้กันว้า

“ไม่เห็นเป็นไร เค้าชอบให้เมียมีประสบการณ์มากกว่า ชอบให้เมียฉลาดรอบรู้ มีความเป็นผู้ใหญ่ และเป็นเพื่อนคู่คิดได้   อีกอย่าง...ถ้าเตงเฝ้าประโคมครีมในพระคลังของเตงที่มากมายกว่าของคุณๆสาวๆที่บ้านเค้ารวมกันอยู่เป็นประจำแบบนี้   เค้าว่า...แรงโน้มถ่วง กับอ้อมแขนอันโหดร้ายของกาลเวลา คงไม่อาจกระชากทึ้งดึงใบหน้า และผิวหนังทั้งตัวของเตงให้คล้อยเคลื่อนเลื่อนห้อยไปจากตำแหน่งในปัจจุบันได้ซักองศาแน่ๆ   เผลอๆนะ อีกหน่อย...เค้านี่แหละที่จะกลายร่างเป็นป๋าใหญ่ ผู้อุปการะเลี้ยงดูอีหนูสองพันปีอย่างตัวแหงๆ...เชื่อเค้าซิ หึ หึ”

ขนุนอมยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมรู้ว่าสิ่งที่เจ้าตัวเพิ่งได้ยิน ทำให้เขาพอใจมาก เพราะนอกจากผมจะไม่แคร์เรื่องอายุที่เหลื่อมกันสามปีแล้ว...ผมยังชื่นชมความพยายามในการดูแลตัวเองเป็นอย่างดีของเจ้าตัวต่อหน้าต่อต่าเป็นครั้งแรก  เพราะขนุนค่อนข้างจะกังวลว่า สิ่งที่เฮียห้าวบังคับให้ตนเองกล้ำกลืนทำมาโดยไม่เข้าใจเหตุผลตลอดหลายปีมานี่ จะสูญเปล่าไปโดยไร้คุณค่า

แต่ขนุนก็ยังคงเป็นขนุน...
...เพราะเมื่อเริ่มจะเขินหลังจากได้ยินผมชมเอาซึ่งซึ่งหน้า หรือถูกทำให้ดีใจมากๆเข้าหน่อย ก็จะออกอาการกลบเกลื่อน เฉไฉ ไม่ก็เปลี่ยนเรื่องคุยแม่งเสียเลย  “หึ หึ เพ้อเจ้อ!!.. แต่เตงอย่าลืมซิว่า...เค้าเป็นแค่นักเขียนไส้แห้ง ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนะ คนอื่นจะไม่มองว่าเค้าจ้องจะจับตัวหรอกเหรอ?”

“เฮ๊ยย เตง...ตี่น ตื่น!! นี่มันชีวิตจริง ไม่ใช่ฝัน และ...การที่เราเป็นแฟนกัน มันไม่ใช่ละคร!...
.
...อีกอย่าง ตอนที่เราตกลงคบหาดูใจ หรือกระทั่งตอนที่เราสารภาพความรู้สึกที่มีต่อกัน เตงก็ไม่ได้รู้อยู่ก่อนนี่หว่า ว่าจริงๆแล้ว...พื้นเพหัวนอนปลายเท้าของเค้าเป็นยังไง หรือเป็นลูกเต้าเหล่าใคร  เตงรักเค้าที่เค้าเป็นน็อตแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” เมียผมพยักหน้ารัวๆเพื่อยืนยันซึ่งมันยิ่งทำให้คนตัวเล็กยิ่งดูน่ารักไปกันใหญ่

ผมเลยพูดต่ออย่างอารมณ์ดี  “ก็ถ้ามันเป็นอย่างงั้น เตงก็ไม่เห็นจะต้องเป็นคนร่ำรวยเลิศเลออะไรเลยนี่นา เค้าไม่ได้อยากได้เมียรวย เค้าแค่อยากได้เตงเป็นเมียแค่เพียงคนเดียว...  ที่สำคัญ ตั้งแต่เริ่มทำงานมาสามปี เค้าก็ไม่ได้ขอเงินที่บ้านใช้อีกเลย...เพราะฉะนั้น เรื่องที่เตงจะจับเค้า ก็คงจะเป็นไปไม่ได้  เพราะเค้าไม่มีอะไรให้จับ...นอกจากตัวเค้าเท่านั้น...
.
...แต่จะว่าไป  เค้าว่า...ถ้าเตงเอาเงินค่าแทงหวยกับยัยนิ้งงวดละหลายๆพันมาลงทุนเปิดพอร์ตหุ้น ซื้อกองทุน หรือพันธบัตร เตงก็น่าจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้ไปสามชาติเศษได้แล้วนะ ดีไม่ดี เตงอาจจะรวยยิ่งกว่ามูลค่าหุ้นในพอร์ตของเค้าตอนนี้รวมกันทั้งหมดก็ได้...
...หึ หึ...เค้าก็เพิ่งเคยเห็นกับตาตัวเองนี่แหละว่า...โอตาคุที่บ้าวันพีซเข้าเส้นอย่างตัว จะมีการตีเลขทุกๆต้นและกลางเดือนเป็นงานอดิเรกพิเศษเพิ่มเติมมาอยู่แบบนี้    เตงรู้ไม๊...เตงเล่นหวยจริงจังจนเค้าเกือบเข้าใจผิดว่า ที่บ้านเตงมีส่วนได้ส่วนเสียกับกิจการของกองสลากฯยังไงหยั่งงั้นแหน่ะฮะ”

ขนุนลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าผมด้วยสายตาอาฆาตแค้นเหมือนผีชัตเตอร์จ้องจะสิงอนันดา พลางเอามือกอดอกอย่างขัดใจ  ผมเห็นหน้าตายู่กระเง้ากระงอดของคนตรงหน้า หลังจากผมจงใจเอ่ยแซวกิจกรรมโปรดอีกหนึ่งอย่างของเขา แล้วก็ต้องระเบิดหัวเราะออกมาดังๆด้วยความชอบใจ  “ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า...อย่าทำหน้าอย่างงั้นดิฮะ  เค้ารู้ๆ ว่าเตงเล่นเพื่อความกระชุ่มกระชวยนิดๆหน่อยๆพอให้ได้มีลุ้นทุกๆครึ่งเดือน แล้วเค้ายังรู้ดีอีกว่า...เตงไม่ได้เล่นทีละเยอะๆอย่างที่เค้าปากหมาใส่ไปเมื่อกี๊ด้วย...โอ๋ โอ๋...อย่างอนนะ งอนผัวมากๆเดี๋ยวหน้าแก่น้า”

ผมลุกขึ้นนั่งบ้าง แล้วรวบเอวบางจากด้านหลังเพื่อกอดร่างเล็กๆที่ออกอาการฮึดฮัดเบาๆของขนุนเอาไว้ ก่อนกดฝังใบหน้าดมความหอมของผมนุ่มหลายต่อหลายครั้งจนพอใจ  ร่างในอ้อมกอดผมถอนหายใจยาวก่อนขืนตัวน้อยๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก “บ้านเค้าน่ะ เป็นแค่ครอบครัวชาวสวนธรรมดาๆ ไม่ได้มีชีวิตหรูหราอะไรเลยนะ... ถึงครอบครัวเตงจะรับเรื่องที่เค้าเป็นผู้ชายได้ แต่...บ้านเราสองคนน่ะ จะไม่ต่างกันเกินไปหรอกเหรอ? ชื่อเสียง...เงินต่อเงิน....

พอเริ่มที่จะเข้าใจความหมายของสิ่งที่ขนุนกำลังจะสื่อ และเริ่มจะทนฟังต่อไปไม่ไหว ผมก็สวนคำพูดของอีกฝ่ายออกไปทันทีคล้ายกับจะตำหนิ  “นี่วันๆเมียเค้าเอาแต่คิดพล็อตนิยายเยอะเกินไปใช่ไม๊เนี่ยะ ถึงได้กังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องอะไรพวกนี้ให้ฉี่เหลืองไปเปล่าๆ  เตง...เตงใจเย็นๆนะฮะ เตงอย่าเพิ่งวิตกอะไรจนเกินไป ทั้งๆที่เตงยังไม่ได้ไปทำความรู้จักคุณป๋า คุณบี๋ กับคุณๆทั้งสี่ของเค้าด้วยตัวเองเลยซักครั้ง...  
.
.
...แม้จะมีมาก แต่ครอบครัวเค้าไม่เห่อเชื้อสายเทือกเถาเหล่ากอของว่าที่ลูกเขยลูกสะใภ้อย่างที่ตัวเข้าใจหรอกนะฮะ...
...สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณป๋ากับคุณบี๋เฝ้าสอนลูกๆทุกคนอยู่ไม่ได้ขาดปาก คือ ให้เรารู้จักเคารพคุณค่าความเป็นคนและความดีในจิตใจมากกว่าอย่างอื่น  เพราะความดีและคุณค่านั้นจะติดตัวเราไปจนตาย แต่ชื่อแซ่ เงินทอง ของนอกกายทั้งหลาย ล้วนเปลี่ยนแปร และถ่ายเทจากมือหนึ่งสู่อีกมือได้เสมอ...
.
...และเค้ายังโชคดีอีกอย่าง เพราะคุณเน้ยกับคุณเนยน่ะ แต่งงานด้วยความรักกับทายาทขั้วอำนาจใหญ่ไปแล้วทั้งสองคนฮะ  พี่แบงค์แฟนคุณเน้ยเป็นนักการเมืองหนุ่มหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง  ส่วนเสี่ยโอมแฟนคุณเนยเป็นนายตำรวจลูกหลานตระกูลเก่าแก่ฮะ...
.
...ถ้ารวมเอาพี่เกรซพี่สะใภ้ลูกเจ้าสัวตัวแทนส่งออกสิ่งทอรายใหญ่เมียคุณเน็ตเข้าไปอีกคน... เรื่องสายป่านคงจะไม่ใช่สิ่งที่เค้าต้องพยายามหามาเสริมความยาวให้ครอบครัวของเค้าอีกแล้วล่ะมั้งฮะ...  นี่เลยทำให้เค้ากับคุณโน๊ตออกจะลอยตัว ไม่ต้องมานั่งกดดันตัวเองเพราะต้องไล่ล่าหาคู่หมั้นคู่หมายที่เหมาะสมตามค่านิยมของสังคมให้ปวดขมอง”

ขนุนเอียงหน้าเพื่อจ้องสบตาผม แล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ยิ่งตัวพูดถึงคุณป๋า คุณบี๋ และคุณๆพี่ๆน้องๆของตัวเองให้เค้าฟังมากเท่าไร เค้าก็ยิ่งอยากไปกราบพวกท่าน และแนะนำตัวเองเร็วๆซะแล้วซิ”

“แหน่ะ...พูดอย่างงี้ แสดงว่าไม่คิดมากเรื่องความเหมาะสมของเราสองคนอีกต่อไปแล้วใช่ไม๊ฮะ?”  ผมถามทวนออกไปอีกครั้งอย่างยินดี แม้จะแน่ใจว่าหูตัวเองไม่ได้ฝาดไป แถมยังชอบใจในสิ่งที่เพิ่งได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยปากออกมาแล้วก็ตาม

“อื้อ...ก็ใช่น่ะซิ” ร่างเล็กพูดพลางยิ้มหวาน หากแต่แกะวงแขนของผมออก แล้วสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ บดบังร่างขาวเนียนน่ามองที่เต็มไปด้วยร่องรอยรักสีแดงเป็นจ้ำๆที่ผมได้ฝากเอาไว้ ก่อนจะตั้งท่าเดินออกประตูไปสูดอากาศยามเช้าตรงระเบียง แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะเดินพ้นประตูกกระจกใส เจ้าตัวก็เหลียวกลับมามองแล้วทิ้งท้ายเอาไว้อย่างน่ารัก “ถ้าเตงริจะเป็นป๋าให้เค้าคลอเคลีย...เตงคงต้องเริ่มหัดไว้หนวดไว้เคราซะตั้งแต่วันนี้ล่ะมั้ง จะได้ดูเข้มๆสมกับที่เป็นป๋าขาหย่ายยยย...  
.
.
...อืมมม...จะว่าไป  เค้าก็ชักจะอยากรู้ขึ้นมาเหมือนกันแฮะว่า ถ้าได้โดนหน้าสากๆ กับเคราครึ้มๆของป๋าไซ้ไปตามเนื้อตามตัว เตงจะทำให้เค้าหัวปั่นได้ขนาดไหนกันน้าาาาา หึ หึ” พูดจบ ขนุนก็ยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วให้ ก่อนจะเดินหายลับออกประตูไป


...ไอ้ที่ขนุนพูดมาเมื่อกี๊น่ะ มันคือการส่งสาสน์ท้าทายผมชัดๆนี่หว่า...
...หรือว่าผมควรจะจัดให้เมียแบบกลางแจ้งไปสักดอก???!!...
.
.
...ก่อนมาที่นี่ ผมแม่งก็สองจิตสองใจมาตลอดว่า ควรจะลองกินขนุนนอกสถานที่ดีไหม เพราะรอบนี้เรามากับคนกลุ่มใหญ่...แต่พอนึกถึงสายตาท้าทาย และท่าทางเชิญชวนกลายๆอย่างไม่เกรงกลัวของขนุน ก็ทำให้ผมบอกลาความลังเลและหวั่นไหวได้ในทันที


หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็รีบเดินปรี่ตามร่างบางออกไปด้วยความไวกว่าแสง ก่อนจะลงไปนั่งซ้อนเข้าตรงด้านหลังของขนุนที่สุดปลายเบาะตัวยาวใหญ่สำหรับใช้นั่งชมวิวทะแลที่ตั้งอยู่ตรงริมระเบียง แล้วกระซิบแผ่วๆตรงข้างหูของอีกฝ่าย “ถ้าริจะเป็นอีหนูของป๋า...เตงต้องเริ่มกลั้นเสียงเวลาเรามีอะไรกันนอกห้องนอนซะตั้งแต่ตอนนี้นะฮะ  เวลาเราไปเอากันที่ไหนๆ...ใครๆจะได้ไม่แตกตื่น”

ขนุนหันกลับมามองผมอย่างตกใจแล้วหลุดปากออกมาทันที “เตง...ไม่เอา เรามากับน้องๆแล้วก็เพื่อนๆคุณกานต์นะ เดี๋ยวถ้าใครรู้ เราจะเข้าหน้าเค้าติดกันได้ยังไงล่ะ?... ถ้าเตงจะเอาจริงๆ เราเข้าไปเอากันข้างในเถอะนะ  นะ นะ...นะคับหัวจุก” ร่างเล็กที่กำลังเอาสองแขนคล้องคอผม เลื่อนหน้าขาวๆมาใกล้ๆแล้วออเซาะด้วยเสียงหวานเป็นน้ำตาล บวกกับสีหน้าน่ารักน่าชัง และมันกำลังทำเอาผมชักจะอดใจไม่ไหว

วินาทีนี้  ผมไม่ขอพูดพล่ามทำเพลงอะไรอีกแล้วล่ะฮะ เพราะก่อนหน้าจะออกมา ก็วิ่งหัวปั่นรอบห้องเพื่อเตรียมเครื่องมือเครื่องไม้ที่เหมาะสมมาพร้อมสรรพเป็นอย่างดี  ผมเลยตอบอีกคนไปโดยไม่ยี่หระ “เอางี้ซิเตง...เตงก็แค่นั่งเฉยๆ เหมือนกับกำลังมองวิวมองฟ้าไปเรื่อยเปื่อย โดยที่ไม่ส่งเสียงหวานๆที่เค้าชอบใจซักพัก  เดี๋ยวพอเราเสร็จรอบนี้ เค้าสัญญาเลยนะฮะว่า เค้าจะไม่เซ้าซี้ขอมีอะไรกับเตงกลางแจ้งโดยที่เตงไม่พร้อมอีกต่อไป... ตกลงนะฮะคนเก่งของเค้า”

ผมแน่ใจว่า ถ้าเรามีอะไรกันโดยที่ขนุนนั่งซ้อนลงบนร่างผมอย่างนี้ และเจ้าตัวไม่ออกอาการทางสีหน้า หรือเปล่งเสียงร้องแปลกๆหู  คนภายนอกที่มองจากข้างล่างขึ้นมา ก็น่าจะเข้าใจว่า คนหน้าแว่นกำลังนั่งชื่นชมความงามของชายทะเลหัวหินยามเช้าอยู่ลำพังแน่ๆ   ระหว่างนั้น...ผมก็จะทำตัวเป็นมนุษย์ล่องหนผู้สัปดนที่ดอดมาซั่มประตูหลังขนุนโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้  นอกไปเสียจากเราสองคน   หึ หึ...รับรองเลยว่า การเล่นรักแบบนี้ ต้องทำให้ข้างในตัวขนุนแม่งตอบสนองดีฉิบหายวายวอดชัวร์ๆฮะ

ขนุนเหลียวก้มมองหน้าผมที่อยู่ด้านหลังแล้วเอ่ยเบาๆออกมาอย่างอดไม่ได้ “ฮื่อออออ....เตงจะมาขออะไรเอาป่านนี้ ก็เตงเล่นเข้ามาในตัวเค้าทั้งลำแล้วนี่นะ....ฮ๊าห์...” เสียงเล็กๆที่ครางในลำคออย่างพึงพอใจพ้อออกมาเบาๆหลังจากที่ผมส่งน้องชายที่เปียกชื้นล่วงล้ำเข้าด้านในซึ่งอ่อนนุ่ม และผ่อนคลายหลังจากการฝึกซ้อมอันยาวนานเกือบตลอดทั้งคืน จนช่องทางด้านหลังผ่อนคลายและเป็นมิตรต่อการสอดใส่อย่างที่สุด

และเนื่องจากเราออกมาเล่นรักกันข้างนอกด้วยวิธีเนิบๆเป็นครั้งแรก  ผมเลยตัดสินใจว่า  เพื่อตัดปัญหาเรื่องเสียงครางรบกวนคนอื่นโดยไม่จำเป็น...รอบนี้ ผมจะทำให้เมียเสร็จเพียงฝ่ายเดียว  โดยจะไม่ตามใจตัวเองด้วยการอัดซอยสะโพกถี่ๆแบบที่ผมมักจะทำเวลาเรามีอะไรกันในยามปกติ  และเลือกที่จะใช้กลยุทธจ้องโจมตีอีกฝ่ายให้แตกพ่าย ด้วยการอัดหัวลูกดอกส่วนตัวเข้าตรงกลางเป้ากระสันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“ฮื่มมม...เตง อย่าครางซิฮะ เดี๋ยวถ้ามีใครผ่านมา เค้าก็รู้กันพอดีหรอก ว่าเตงกำลังมีอารมณ์อย่างว่าอยู่น่ะ” ผมเลยได้ทีแหย่เมียกลับไปอย่างย่ามใจ แล้วเริ่มจะดันสะโพกขึ้นลงเบาๆ โดยทุกๆครั้งที่ขยับ ผมพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ การบังคับให้ส่วนหัวของน็อตน้อยกระแทกลงตรงเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวอย่างแม่นยำ

ถึงผมจะทรมานที่ไม่สามารถขยับร่างกายทั้งหมดได้อย่างใจ และจะมีเพียงการสอดใส่เป็นสัมผัสเดียวระหว่างร่างกายของเรา  แต่ความรู้สึกเสียวซ่านที่แผ่ไปทั้งร่างจากการเสียดสีความนุ่มลื่นชื้นแฉะภายในร่างกายของขนุนเพียงจุดเดียวนี้ ก็ท่วมท้นจนความต้องการและปรารถนาของผมปริ่มจนจะกระฉอกออกมาเต็มแก่...  และถ้าผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองจนเกินไปนัก  ผมว่า...ผนังข้างในขนุนแม่งตอดผมแรง และหนักแน่นยิ่งไปกว่าครั้งไหนๆที่เราเคยมีอะไรกันมาเสียอีก  ผมนึกขอบคุณอานุภาพแห่งความตื่นเต้นที่เกิดจากการได้ออกมาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกลางแจ้งเอาอีตอนกลางวันแสกๆเสียเหลือเกิน ที่ทำให้น้องชายผมได้รับการนวดเฟ้นเน้นๆทั่วทั้งลำตัวแทบจะตลอดเวลา

อาห์...ไอ้ความรู้สึกที่ได้ร่วมรักแบบครึ่งๆกลางๆ และการขยับตามใจไม่ได้แบบนี้ มันช่างทรมานและเร้าใจดีไปอีกแบบจริงๆเลยเว้ย ให้ตายสิ!!

“โรคจิต!!....โอ๊ะ! ซี๊ดดดดดดดส์” พอขนุนเปิดปากว่าผมออกมาเบาๆ ร่างกายผมก็ตอบแทนความรักที่ส่งผ่านคำด่าของเมียออกมาทันที ด้วยการอัดน้องชายหัวแข็งให้แทงลงตำแหน่งสุขสันต์ของเมีย โดยรอบนี้ ผมรั้งเอวบางให้นั่งทับย้ำลงมาอีกแรง จนร่างเล็กๆถึงกับค้อมตัวนิ่วหน้า   

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในฝั่งของผม  เห็นจะเป็นเพียงความทรมานล้วนๆ เพราะผลจากการกระทำอันมุ่งร้ายต่อร่างกายของเมีย ทำให้ช่องทางรักอันแนบแน่นเดือดร้อนจนออกแรงประท้วงหนักๆด้วยการทุบตีแก่นกายที่ถูกส่งเข้าไปเป็นตัวประกันอย่างไม่คิดเมตตา  บอกเลยว่า...ท่อนเอ็นที่โดนตอดตลอดลำอย่างต่อเนื่อง นี่ส่งความรู้สึกเจ็บปวด และกระสันซ่านให้แล่นทรมานไปถ้วนทั่วทุกๆส่วนสัดของร่างกายได้ดีเหลือหลายเสียจริงๆฮะ

หลังจากคลายขากรรไกรออกจากการสบกันอย่างรุนแรง ผมก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจพรูออกมายาวๆแล้วต่อปากกับเมียโดยไม่คิดลดราวาศอก “ไม่เคยได้ยินคำโบราณที่เค้าเคยบอกเอาไว้เหรอฮะว่า ถ้าคิดจะเป็นภรรยาที่ดี...ต้องหัดอยู่ในโอวาทสามี อย่าได้พูดจาก้าวร้าวหรือตำหนิให้ผัวต้องน้อยใจ”

แรงจากการดันบั้นเอวเนิบๆของผมเริ่มจะทำให้อีกฝ่ายตั้งร่างตรงเอาไว้อีกต่อไปไม่ได้ ขนุนเลยแก้ไขท่าทางด้วยการเอาสองมือของตัวเองเกาะราวเหล็กขอบระเบียงปูนเอาไว้ เพื่อช่วยทรงตัว และพยุงไม่ให้หัวโยกหัวคลอนจนน่าสงสัยไปเสียก่อน

“...ฮื่มมม...เตงชอบใจเวลาเค้าด่าซิไม่ว่า..”  เมื่อได้ท่านั่งที่ดีกว่าเมื่อครู่ เสียงเล็กๆก็เอ่ยห้วนๆออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่เสียพลังงานเหลียวกลับมามองหน้าผมอีกต่อไป... หึ หึ สงสัยจะต้องเก็บพลังงานเอาไว้เพื่อปั้นหน้าเป็นปกติป้องกันไม่ให้คนอื่นจับพิรุธได้ล่ะมั้งเนี่ยะ

“ทำมถึงพูดแบบนั้นล่ะฮะ?” ผมแสร้งถามออกไปทั้งๆที่รู้ดีอยู่ว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการกระทำของตัวเองที่เพิ่งจะลงมืออย่างเลือดเย็นไปเมื่อครู่

“ฮ่าห์...ก็น้องชายเตงเต่งคับข้างในตัวเค้าไปหมดแล้วนี่....อาห์...” เสียงเล็กหวานล้ำของขนุนเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงแหบๆในลำคอ ซึ่งฟังแล้วชวนให้รู้สึกแปร่งๆหู ผมมองแผ่นหลังบางที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงอยู่ตลอดเวลา ก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวพยายามระบายความกำหนัดให้เบาบางลงด้วยการสูดและผ่อนลมหายใจแรงๆ  นั่นเลยอาจจะส่งผลกับเสียงก็เป็นได้

ไอ้เรื่องที่น้องชายผมเพิ่มขนาดนี่ผมเองก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ เพราะไม่อยากจะขัดจังหวะการตักตวงความหวานของร่างกายเมีย ด้วยการถอนน้องชายออกมาจ้องหน้าวัดไซส์เสียกลางคัน  แต่เท่าที่ผมรู้สึก คือ ไอ้น้องชายสุดที่รักแม่งกลายเป็นศูนย์กลางของความเจ็บปวดของทั้งร่าง จนผมต้องหมั่นขยับบั้นเอวเข้าออก เข้าออกอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ความพลุ่งพล่านทางอารมณ์มาข่มความเจ็บหน่วงตรงกลางลำตัวเอาไว้ 

ร่างบางเริ่มจะรู้ลู่ทางในการเอาคืนผมโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวในแนวดิ่งอีกต่อไป และการต่อกรของขนุนช่างโหดร้ายกับน้องชายผมเสียเหลือเกิน เพราะอีกฝ่ายเริ่มจะคลึงบดก้อนเนื้อหนั่นด้านหลังสะโพกให้ครูดลงมาเพื่อกลืนกินน้องชายของผมให้ลึกยิ่งขึ้น ซึ่งท่านี้น่าจะทำให้คนตัวเล็กชอบใจมาก เพราะภายในร่างเขาตอบแทนด้วยการดูดและตอดลำของผมเหมือนอยากจะตรึงน้องผมเอาไว้เพื่อปิดรูประจำตัวเป็นการถาวรไปตลอดชีวิต

เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มจะกระด้างกระเดื่อง ผมเลยท้าทายด้วยคำพูดออกไปเพื่อกรุยทาง “หึ หึ...งั้นก็ด่าอีกซิฮะ เค้าชอบ...เค้าจะทำให้ข้างในตัวของเตงได้ทำความรู้จักกับน้องชายของเค้าอย่างครบถ้วนทุกๆมุมมอง ทุกๆการเคลื่อนไหว และทุกๆการเปลี่ยนแปลงความยิ่งใหญ่กันไปเลย”

“บ้า! และเพราะรู้ดีว่าอีกคน จะต้องตอบโต้ด้วยการด่ากลับมา ผมเลยเย้ยหยันขนุนด้วยการเอื้อมมือไปรูดขนุนน้อยอย่างแรงจนอีกฝ่ายหลุดปากร้องออกมา “...อ๊ะห์.......ฮื๊มมมม....”  

ผมที่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะเพลี่ยงพล้ำกลับต้องเงิบไปในทันที เพราะอยู่ดีๆช่องทางที่กลืนกินน็อตน้อยเอาไว้ทั้งฝักก็เต้นเร่าๆ และ ตั้งหน้าตั้งตาสูบแก่นกายของผมเข้าหาความล้ำลึก จนผมงอตัวขึ้นโดยอัตโนมัติด้วยความเสียวสะท้าน  ยังไม่ทันที่ผมจะได้ร้องอุทรณ์ขอความเห็นใจจากอีกฝ่าย ให้ผ่อนปรนการตอบสนองลงสักนิด หากขนุนยังรู้สึกปรานีผมอยู่บ้าง  ก็มีเสียงทักทายด้วยความสดใสของเสียงห้าวๆ ที่ฟังดูยังไม่เข้าที่เข้าทางนักเอ่ยถามเมียผมออกมาจากเบื้องล่าง

“อ้าว! พี่ขนุน พี่ขนุนตื่นแล้วเหรอครับ?”...นี่มันเสียงใครวะ??  เสียงแตกๆแบบนี้...อืมม...ต้องเป็นน้องเค้กแหงๆ...

...หึ หึ...เข้าท่าล่ะ ตอนนี้แม้ประตูหลังของเจ้าบ้านร่างบางจะตอบโต้ผมหนักมืออย่างที่สุด แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับเวลาที่ขนุนไม่มีทางต่อกร หรือห้ามปราบความห่ามของผมได้ ผมเลยจัดการชักขนุนน้อยในมือขึ้นลงๆแบบไม่คิดจะถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอีกต่อไป พร้อมกับหมุนควงสว่านบั้นท้ายโดยแช่สัมผัสแน่นิ่งกดเอาไว้ตรงจุดกระสัน  ขนุนส่งมือชื้นเหงื่อข้างหนึ่งลงมาคว้าหมับเข้าที่กลางกระหม่อมผมแล้วออกแรงทึ้งผมจุกเบาๆคล้ายกับห้าม ผมเลยยอมอ่อนข้อหยุดการเคลื่อนไหวร่างกายให้ครู่หนึ่ง

ร่างบางอัดลมหายใจเข้าปอดจนลำตัวท่อนบนเขยื้อนขึ้นสูง แล้วเปล่งคำทักรุ่นน้องที่ห่างกันรอบกว่าๆ “อ๊ะห์...น้องเค้ก น้องเค้ก ตื่นมาทำไรตั้ง  แต่เช้าครับ....ฮื่ม...เมื่อ  คืนกว่าจะได้  นอนก็ตั้งตี  หนึ่งกว่าไม่ใช่เหรอ?....อ๊ะ อืม”  ยิ่งขนุนพูดยาวมากเท่าไร ใครๆก็ต้องฟังออกว่าเกิดอะไรแปลกๆขึ้นกับเสียงของเจ้าตัวแน่ๆ อย่างน้อยๆก็การเว้นจังหวะหายใจอย่างหนึ่งล่ะ

ผมกดอัดบั้นเด้าแนบเข้ากับปากประตูหลังราวกับอยากให้มันกลายร่างเป็นเนื้อเดียวกัน เสียงของเหลวที่กลั่นตัวอยู่ภายในช่องทางสีหวานดังหยาบโลนทุกครั้งที่ผมบดเคล้นแท่งร้อนๆส่ายวนไปมา บั้นท้ายนุ่มนิ่มขาวเนียนใต้ชายเสื้อคลุมที่ถูกผมเลิกขึ้นแอ่นน้อยๆ แล้วบดครอบลงมาได้อย่างเหมาะเจาะไปทุกๆองศาของการเคลื่อนไหว ผมใช้มือข้างที่ไม่ได้กุมรูดขนุนน้อยอย่างเมามัน มาขยำแก้มก้น จนเนื้อที่ถูกบีบจนขึ้นสีแดงๆปลิ้นออกมาตามง่ามนิ้ว แค่นั้นก็ทำเอาผมสะใจในอารมณ์สัดๆ

น้ำเสียงร่าเริงของเด็กน้อยผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรตะโกนตอบขนุนออกมาทันที “เค้กออกมาเดินเล่นกับพวกพี่แฝดอ่ะครับ  เพราะพี่แชมป์คนเดียวเลย งอแงร้องอยากจะออกมาถ่ายรูปทะเลหัวหินไปลงอินสตาแกรม เค้าเลยไล่ปลุกทุกคนในห้องให้ต้องตื่นออกมาด้วยกันทั้งหมด  เหอๆๆ...ผมเลยต้องติดร่างแหตื่นไปด้วยอีกคน... พี่ขนุนลงมาเดินเล่นด้วยกันไม๊ครับ”

เมียผมกระชากกระจุกผมบนหนังหัวเบาๆเพื่อขอความร่วมมือ แล้วออกปากอย่างยากเย็นอีกครั้ง เพื่อบอกปัดคู่สนทนาอย่างรักษามารยาท “...ฮื่มม...ยังดี  กว่า  ครับพี่ขอนั่ง  ดูวิวอยู่ตรง  นี้อีกซัก  พักนึงแล้วกัน  น๊ะฮ์....”

ผมมั่นใจว่า ตอนนี้...เมียผมแม่งต้องกำลังแย่แน่ๆ เพราะเมื่อกี๊ผมต้องเอาใจช่วยอยู่ตั้งนาน กว่าที่เจ้าตัวจะซ่อนเสียงครางเอาไว้ไม่ให้โผล่ออกมาระหว่างพูดประโยคสุดทรมานออกมาจนจบได้ และแล้วปัญหาเฉพาะหน้าของเมียก็ผ่านไปทันที เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของรุ่นน้องผู้ร่าเริงโคตรๆ แม้จะต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเพราะความเอาแต่ใจของไอ้แฝดคนกลางก็ตามที “งั้นเค้กไปก่อนนะครับ”

หลังจากสิ้นเสียงของน้องเค้ก ผมก็ดันเอวขนุนให้ยกสูงขึ้นนิดหนึ่งเพื่อให้มีที่พอให้สะโพกได้เริ่มขยับมากขึ้นนิดหน่อย แล้วกระเซ้าอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี “เตง...เตงรู้ไม๊ว่าเมื่อกี๊ตอนที่เตงคุยกับน้องเค้กน่ะ ข้างในเตงตอดน้องเค้าจนน้ำแทบแตกแหน่ะ...ฮื่มมมม” พูดจบ ผมก็เริ่มซอยสะโพกเข้าหาความลึกล้ำของร่างกายเมีย ที่ตอนนี้เปลี่ยนมายืนเอาส่วนหน้าอกพิงระเบียง แล้วอ้าขากว้างเพื่อรอรับการกระแทกกระทั้นน้องชายของผมอย่างรู้เห็นเป็นใจ

“ก็เค้าตื่นเต้นนี่นา.....ฮื่ออออ........อาห์...” ขนุนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ พอๆกับร่างกายที่ตอดรัดผมแน่นราวกับจะสื่อถึงความยินดีกับการกลับมาของสัมผัสรุนแรงรุมเร้าที่คุ้นเคย แต่แล้วข้างในลำตัวเมียผมก็ตอดอย่างสะท้านสะเทือนจนข้างในกระตุกเป็นจังหวะที่อันตรายกับสวัสดิภาพของน้องชายผมขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาผมเกิดเอะใจว่า  ข้างล่างอาจจะมีใคร หรืออะไร ผ่านมากระตุ้นร่างกายของเขา ให้เกิดตื่นตูมขึ้นมาเสียดื้อๆแบบนี้แน่ๆ...

...และความสงสัยของผมก็ได้รับการไขให้กระจ่างเมื่อเสียงนิ่มๆ แต่สั่นประสาทของผมได้ดีที่สุดในช่วงหลังๆมานี่แม่งดังขึ้น  ทั้งๆที่ผมไม่เคยอยากได้ยินเลยสักครั้งเดียว “พี่ขนุนครับ”

“อ๊ะ!” ขนุนร้องด้วยความตกใจออกมาทันที เมื่อผมผลุดลุกขึ้นแล้วสลับให้เขาเปลี่ยนท่าเอามือมายันเบาะที่นั่งเอาไว้ เพื่อให้ผมได้รับหน้าไอ้เหี้ยช็อปแทน โดยไม่เว้นวรรคจากการสอดใส่แก่นกายเข้าร่างเขาจากด้านหลังในท่ายืน  ไม่สิ...ผมต้องเจาะจงไปเลยว่า ตั้งแต่รู้ว่าไอ้แขกไม่ได้รับเชิญคนใหม่คือไอ้เด็กเหี้ย ผมก็ยกเลิกแผนร่วมรักอย่างนุ่มนวลและไม่ก่อมลพิษทางเสียงลงทันตา สะโพกของผมถอนออกจากร่างขนุนจนสุดแท่ง แล้วกระหน่ำแทงกลับเข้าข้างในเต็มความยาวจนทั้งเสียงน้ำเสียงเนื้อดังประสานกันมั่วไปหมด

หลังจากที่ซอยจนพอใจอยู่สักพัก ผมก็เหลือบสายตาโดยไม่เสียเวลาก้มหน้าเพื่อไปมองไอ้เหี้ยช็อปอย่างเหยียดๆ พลางพูดเสียงนุ่มๆและไพเราะแบบที่แม่งชอบทำใส่ผมเวลาอยู่ต่อหน้าขนุน “ว่ายังไงฮะน้องช็อป คุยกับพี่น็อตแทนพี่ขนุนก็ได้นะฮะ...เพราะตอนนี้พี่ขนุนเค้าไม่ว่าง เค้ากำลังทำหน้าที่เป็นเมียที่ดีให้พี่อยู่

“ผมไม่ได้อยากจะคุยกับคุณ” นั่นคือสิ่งที่ไอ้เด็กเหี้ยตอบมาอย่างปีนเกลียว... แต่แปลกแฮะ ที่ตอนนี้ ผมกลับไม่นึกอยากจะเหนี่ยวแม่งเหมือนทุกที เพราะผมกำลังสาแก่ใจที่ได้ตีแสกหน้าแม่งด้วยการกระทำ ที่บอกมันได้อย่างดีว่า ผมกับขนุนเป็น อะไรๆกันมากไปกว่าที่มันพยายามหลอกตัวเอง ระหว่างที่หาทางเข้าใกล้ขนุนของผมอย่างไม่สนใจความผิดชอบชั่วดีมาโดยตลอด

เสียงครางหวานๆของขนุนดังคลอเบาๆตลอดเวลาที่ผมแบ่งความสนใจไปให้ไอ้เหี้ยม้าหมากรุกหน้านิ่ง“ฮ่าห์......ฮื่ออออ..........อ๊ะห์.........อ๊าห์.......”  ผมเห็นตาตี่ๆของไอ้เหี้ยช็อปแม่งแทบจะกระเด็นหลุดออกจากเบ้าเมื่อได้ยินเสียงครวญครางอย่างมีความสุขของเมียผม...แม้มันจะเบาไม่ได้มาตรฐานไปหน่อยก็ตามทีเถอะฮะ

เมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนของอีกฝ่าย และเมื่อรู้สึกถึงการตอบสนองอย่างรุนแรงคล้ายกับการปะทุของปล่องภูเขาไฟจากภายในร่างกายของขนุน ผมเลยเลือกจะพูดจาหยาบคายและโจ๋งครึ่มอย่างที่สุดเพื่อให้ไอ้เด็กเหี้ยไปให้พ้นๆสายตา และเพื่อช่วยเร้าอารมณ์ดิบของทั้งตัวเองและเมียไปพร้อมๆกัน

“...ฮื่มมม...ไม่ได้อยากคุยกับพี่...น้องช็อปก็ไปที่ชอบๆซะทีซิฮะ หรือว่าอยากจะยืนดูพี่กับพี่ขนุนเอากันต่อหน้าต่อตา  พี่ก็ไม่ขัดศรัทธาหรอกนะฮะน้องช็อป...
.
...ครางดังๆให้ชื่นใจผัวหน่อยได้ไม๊ฮะเมีย...
...ฮ่าห์...ไอ้พวกหลืบไรมันจะได้เข้าใจซะทีว่าเราสองคนน่ะ รักกัน และชอบเอากันมากแค่ไหน”

พอพูดจบได้อย่างที่คิดเอาไว้ ผมก็ไม่สนใจไอ้คนที่มองด้วยสายตาเคียดแค้นและตกใจมาจากข้างล่างอีกเลย  ผมหันมาทุ่มเททุกหยาดหยดของแรงกายไปกับร่างบอบบางที่กำลังสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ทั้งภายนอก และภายใน

ขาเรียวทั้งคู่ดันสะโพกที่ตั้งฉากกับพื้นให้สะท้อนกลับเข้ามาหาเอวของผมทุกๆครั้งที่ผมขยับกายเข้าหา เพื่อช่วยให้เราทั้งคู่ใกล้ชิดแก่นกลางของตัวตนกันและกันได้มากยิ่งขึ้น ใบหน้าที่เชิดจนคล้ายกับจะหงายพับลงมาด้านหลังอยู่เต็มแก่เปล่งเสียงหวานออกมาสุดลำคออย่างเว้าวอน  แน่นอน...มันเลยยิ่งทำให้ผมชื่นอกชื่นใจเป็นที่สุด  “...อ๊าห์...น็อต.....น็อตตต...แรงๆ....แรงๆ...เอาเค้าแรงๆ......ฮ๊าห์......

“อยากได้แรงๆเหรอฮะเมีย...ได้ฮะ เดี๋ยวผัวจะเอาเมียให้หนักๆ เอาเมียให้เต็มที่เลยนะฮะ......ฮื่มมมมม....” ผมกลั้นเสียงครางเอาไว้ในลำคออย่างยากลำบาก ระหว่างเอ่ยตอบเมียผ่านคำพูดและการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างถึงอกถึงใจเราทั้งสองฝ่าย ความรู้สึกอันน่าอภิรมย์ของการไปถึงจุดสูงสุดทำเอาความรู้สึกนึกคิดทั้งหลายของผมเริ่มจะกลายเป็นภาพเบลอ ข้างในหัวผมกลายเป็นสีขาวโพลนและสว่างวาบไม่ต่างจากทุกครั้งที่แก่นกายถูกที่ว่างในร่างของอีกคนที่ผมรักดูดกลืนและตอบรับด้วยความรื่นสราญไม่น้อยไปกว่ากัน

“....อ๊าห์....อ๊าห์....น็อต....น็อต.....น็อตตตต....เค้าไม่ไหวแล้ว.....น็อตตตต.....” เสียงเร่งเร้าติดกระเส่าซ่านของอีกฝ่ายทำให้ผมปล่อยใจเพื่อให้ร่างกายทำหน้าที่หลัก ในขณะที่ชื่นชมความงามที่อยู่ตรงหน้าไปพลางๆ...

...หัวทุยๆของขนุนส่ายไปมาจนผมหยักศกที่ย้อมสีน้ำตาลปลิวสยายไปตามสายลมทะเลอ่อนๆ  ใบหน้าเล็กๆซับสีเลือดที่บิดเบี้ยวด้วยความเสียวอย่างที่สุดวูบไหวจนพอจะมีจังหวะเผยออกมาให้ผมเห็นเป็นระยะๆ เสียงเล็กๆร้องครางดังระงมไม่เป็นประโยคดังสลับกับเสียงลมหายใจติดขัด ที่เกิดหลังจากเสียงเนื้อดังกระทบกันอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อเนียนเรียบด้านในลำตัวของขนุนกำลังระส่ำระสายอย่างที่สุด ส่งผลให้ช่องทางรักนั้นทั้งบีบทั้งคลายน้องชายของผมตามความชอบใจของเจ้าตัว

สะโพกผมซอยถี่เป็นจังหวะเดียวกับการรัวกลอง ความสยิวพุ่งทะยานถึงขีดสุด...ผมต้องการระบาย ผมต้องปลดปล่อยให้ร่างกายได้เป็นอิสระ...
.
.
.
...เดี๋ยวนี้!!
...ที่สุด ผมก็เอ่ยปากบอกร่างบางที่กำลังเกร็งร่างไปทุกส่วน เพื่อจับมืออีกฝ่ายลอยขึ้นที่สูงไปด้วยกัน “พร้อมกันนะฮะคนเก่ง....ฮื่มมมม.........ฮ่าห์...../....น็อตตตตต...น็อตตต....อ๊าห์....”



เมื่อเสียงหอบหายใจบรรเทาเบาลง และเมื่อสรรพเสียงแห่งการเคลื่อนไหวไปตามแรงส่งของตัณหาสิ้นสุด เสียงเล็กๆที่ติดจะแหบนิดๆของคนที่กำลังนอนปาดเหงื่ออยู่บนเบาะกว้างข้างๆผมก็ดังทำลายความเงียบขึ้นทันที “เตง...เมื่อกี๊เตงทำเกินไปรึเปล่า?”

“เกินไปตรงไหนฮะ เค้าก็แค่เอาเมียเค้าแรงๆตามประสาผัวที่รัก และเชื่อฟังคำสั่งของเมียเป็นที่สุดก็เท่านั้นเอง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงไม่รู้ไม่ชี้ แต่อารมณ์ดีสัดๆ

ขนุนพลิกตัวขึ้นตะแคงข้าง เอาข้อศอกท้าวกับเบาะแล้วเอาข้างแก้มพักเอาไว้ตรงฝ่ามือ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างงาน ก็ส่งมาดึงแก้มผมเบาๆตามจังหวะที่เว้นช่องไฟ “หัวจุกกกกก...อย่ามาทำไขสือ!! เค้าหมายถึงเรื่องน้องช็อปน่ะ ทำเกินไปรึเปล่าห๊ะ...เตงน่ะ?”

ผมเลยสวนออกไปโดยลากขนุนเข้ามาเอี่ยวมันเสียเลย “ได้ข่าวว่าเตงก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ร้องดังแบบจัดหนัก จนชาวบ้านในย่านนี้น่าจะตื่นกันหมดแล้วมั้งฮะ... แล้วอย่างงี้ เตงยังจะหาว่าเค้าทำเกินไปอยู่คนเดียวได้อีกเหรอ?”  ผมปิดท้ายด้วยการทำหน้าบิดเบี้ยวล้อเลียนเมียเวลาที่เขามีอารมณ์จัดๆแบบที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

และและฝ่ามือเล็กๆก็ฟาดผางลงมาตรงหน้าท้องผม...
...หึ หึ ไม่ถึงกับจุกหรอกฮะ แต่ว่าเจ็บใช้ได้

ขนุนด่าผมออกมาทันที แต่ก็ไม่ทันได้พูดจนจบประโยคก็ต้องแพ้ภัยตัวเอง ปิดปากเงียบเสียงไปเสียก่อน “ไอ้บ้า!! ก็ใครใช้ให้เตงกระแทกเข้ามาตรง.....เอ่อ.....ตรง....

ผมเลยทำหน้าเป็นระหว่างที่ถามคนเม้มปากแน่นออกไปทันที “ตรงไหนฮะ...ตรงไหน...หื๊มมมม...ตรงไหนคนเก่ง ไหนบอกหัวจุกซิฮะว่า เค้าทำผิดตรงไหน บอกหัวจุกมาให้ชัดๆ เค้าจะได้ไม่ทำผิดซ้ำรอยเดิมอีก” คนที่ตัดสินใจจะไม่ใช้ปากชั่วคราวส่ายหน้าออกมาทันทีเพื่อปฏิเสธคำผม  พอเห็นท่าทีไม่กล้าหือของเมียอย่างนี้ ผมเลยเอาใหญ่ “ไม่มีเหรอ?...เค้าไม่มีความผิดอะไรงั้นหรอกเหรอ... ว๊า  เค้าอุตส่าห์ตั้งใจว่าจะให้ตัวลงโทษเค้าอยู่เลยนะเนี่ยะ กลายเป็นว่า...เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดไปซะได้ ไหงงั้นล่ะฮะ?...
.
.
...หึ หึ...งั้นเค้าทำอีกได้ไม๊ฮะ? ให้เค้าทำแบบเมื่อกี๊อีกรอบได้ไม๊? นะ นะ...ขอหัวจุกทำอีกนะฮะที่รัก (ฟอดดดดด)” ผมอ้อนพลางยื่นหน้าไปหอมแก้มขนุนปิดท้าย นี่ถ้าผมเป็นหมา...ผมคงกำลังทำท่ากระโดดโลดเต้นไปมารอบๆพลางทำหูตั้งหางกระดิก ก่อนพุ่งเข้ามาเลียหน้าเลียตาขนุนเป็นพัลวันแหงๆ

เมียผมพยักหน้าน้อยๆ ก่อนตอบรับด้วยคำขอ“...ฮื่อ...แต่เปลี่ยนที่เป็นข้างในได้ไม๊ เค้ากลัวปลุกคนทั้งบ้านอย่างที่ตัวว่าจริงๆ”

เสียงหัวเราะดังๆเพราะชอบใจของผมถูกปล่อยออกมาอย่างอิสระ เพื่อบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงอารมณ์ที่ดีถึงขีดสุดของตัวผมเอง “ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ....ได้ซิฮะ รอบนี้...อ่างจากุชชี่ในห้องน้ำเป็นไงฮะ??” ผมจ้องหน้าขาวๆของขนุนที่โดนเงาทาบทับไปค่อนหน้าจากมุมที่ผมแหงนหน้ามองเขาอยู่...แม้ใบหน้าสว่างๆของเมียจะถูกบดบังเพราะมุมที่อับแสง แต่รอยยิ้ม และใบหน้าที่แสดงออกถึงความรักที่เจ้าตัวมีให้นั้น ก็ยังชัดเจนในสายตาผมไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม

“อื้อ...แล้วแต่เตงเถอะ” ขนุนกดหน้าลงเบาๆแทนคำตอบระหว่างที่เอ่ยประโยคสั้นๆ ทำเอาผมผลุดลุกนั่งต่อด้วยยืนเหยียดเต็มความสูงทันที ก่อนจะก้มลงมาคว้าร่างบางที่ยังนอนอยู่บนเบาะให้ลอยติดมือขึ้นมาด้วยท่าอุ้มที่เราต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

“น่ารัก...เมียไอ้น็อตแม่งโคตรน่ารัก... น่ารักอย่างนี้ไม่ต้องเดินเองหรอก เดี๋ยวไอ้น็อตอุ้มเข้าไปเองนะฮะคนเก่ง  ไปต่อข้างในกันน้า เดี๋ยวเค้าจะทำให้เตงครางเรียกชื่อเค้าดังๆจนพอใจเลยเชียวล่ะ” ผมก้มหน้าพลางพูดกับร่างบางๆในวงแขนอย่างร่าเริง

คนหน้านิ่งพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งพอกัน ถึงอย่างนั้น...คนพูด และความหมายของคำพูดเรียบๆนั้นแม่งก็ยังน่ารักอยู่ดี  “พอได้เล่นถูกใจแล้วพูดเก่งจังนะหัวจุก...  ไหน...มาจูบปิดปากหน่อยซิ”

ว่าแล้วขนุนก็โน้มคอผมลงมาเพื่อประกบริมฝีปากเล็กๆแต่เต่งตึงของเจ้าตัวเข้ากับปากผมแล้วสอดลิ้นเล็กๆมาดุนดันกับลิ้นผมอย่างหิวโหย... เล่นบิวท์อารมณ์ของรอบต่อไปกันเร็วออกเสียขนาดนี้...มีหรือที่ผมจะไม่ร่วมวงไพบูลย์ไปกับเมียด้วยความเต็มอกเต็มใจ 



จะเสียก็อยู่แต่เรื่องเดียวนี่แหละฮะ...
อีตอนเปิดประตูกลับเข้าไปในห้องโดยใช้มือเดียวเนี่ยะแม่งเหนื่อยและกินแรงโคตรๆ ยิ่งหลังจากที่เพิ่งตัวเบาเพราะรีดน้ำกับเสียเหงื่อไปไม่น้อยกับกิจกรรมเข้าจังหวะท่ามกลางสายลมแสงแดดที่ชวนให้ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา พลังงานสะสมของผมก็ยิ่งจะร่อยหรอลงไปไม่ใช่น้อย...

 แต่จะให้ทำอย่างไรได้  เพราะการทำเพื่อความสุขของเมียอย่างที่สุด คือสิ่งที่สามีที่ดีอย่างผมพึงกระทำอยู่เสมอ แต่ผมขอเตือนเอาไว้ในฐานะรุ่นพี่ก็แล้วกันฮะว่า การจะทำตัวเป็นพระเอกผู้แข็งแกร่งสุดน่ารักของเมีย ไม่ได้ง่ายอย่างที่เข้าใจ แถมยังต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง... 

โดยควรเริ่มจาก สิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรจะมี นั่นคือ...การรักและบูชาเมียอย่างที่สุดนี่ล่ะฮะ...  ถ้าใครทำได้นะ ผมรับรองเลยฮะว่า สามีผู้นั้นจะเจริญยิ่งๆขึ้นไป   โดยเฉพาะความต้องการทางเพศนะฮะ... บอกได้เลยว่า ของผมตอนนี้น่ะ แม่งทะลุหลังคาออกน่านฟ้าประเทศไทยไปแล้ว เคี๊ยก กรั่ก กรั่ก!!
  



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

2 comments:

  1. ฮ่าๆๆๆ ชอบจาจาอ่าา น่ารักดี คึคึคึ ขนุนเจ๋งอ่ะพูดให้น็อตเฉยได้
    แต่น็อตอ่ะทำน้องช็อปเงิบเลยซิ 555555 ขนุนก็ตามใจน็อตไปนะ กร๊ากกกก

    มะลิจ้า ช่วงนี้เราอารมณ์ดี ฮ่าๆๆๆ ไม่มีเรื่องให้เครียด (หรือว่าเราไม่เครียดเอง?) ฮ่าๆๆๆๆ ช่วงนี้เลยกินได้นอนหลับกว่าปกติ(ขี้เกียจซะมากกว่า) 55555 แล้วอีกอย่างคือเราไม่ต้องสอบซ่อม เย้ๆๆๆ นี่แหละที่ดีใจ ไม่ต้องอ่านหนังสือเพิ่ม 5555 นี่ๆๆ เราซื้อหมอนมาใหม่ล่ะ อ้วน นุ่มนิ่มมากกกก กอดได้ฟินเลย 5555

    มีเรื่องอยากให้มะลิเชื่อ ว่าบ้านเราอ่ะ อากาศไม่คงที่เลย ฮ่าๆๆๆ 1 อาทิตย์ แดดออกแค่ 3-4 วัน หรือน้อยกว่านั้น ที่เหลือฝนตก 55555 ยิ่งวันไหนที่ซักผ้านะ ฝนครึ้มมายังกับทำพิธีเรียกฝนแน่ะ 5555 อยากจะบอกกับท่านพิรุณเหลือเกินว่าซักผ้านะคะ ไม่ได้แห่นางแมว 55555

    อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพด้วยนะจ้ะ

    ปอลอจุด หวังว่าเม้นนี้จะไปถึงมะลินะ */-\*

    เลิฟมะลิน้าา เชิฟๆๆ

    ReplyDelete
  2. ฮ่าๆๆๆๆ เม้นนี่มาถึงมะลิค่ะ แล้วก็มาถึงโดยสมบูรณ์แบบด้วย

    เดี๋ยวพอได้อ่านตอนใหม่ สงสัยว่าคุณนาราอาจจะไม่รู้สึกว่าขนุนตามใจน็อตโดยไม่มีสาเหตุนะคะ เพราะนางทำทุกอย่างลงไป...ด้วยหวังผลทั้งนั้นแหละค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

    ดีใจที่คุณนาราไม่ต้องสอบซ่อมจังเลยค่ะ เพราะมันทำให้คุณนาราอารมณ์ดีแบบนี้... สงสัยวิชาที่สอบไปทั้งหมด จะต้องเป็นวิชาไม้เบื่อไม่เมากับคุณนาราแน่ๆเลย...พอผ่านทั้งหมด เลยทำให้คุณนาราแฮปปี้ม๊ากมาก...มะลิดีใจด้วยอีกครั้งค่ะ เพราะอยากให้คุณนารามีความสุข

    หมอนใหม่ที่ว่านี่หมอนหนุนหรือว่าหมอนกอดอ่ะคะ? เดาจากที่คุณนาราบอกมา ดูท่าจะเป็นพวกหมอนสำหรับเอาไว้กอด ไม่ก็หมอนข้างแน่ๆเลย...ที่บอกว่ามันนิ่มนี่ เพราะว่ามันเป็นผ้าขน หรือเพราะไอ้ที่บุอยู่ข้างในทำให้นิ่มอ่ะคะ? มะลิชอบแบบทั่เป็นขนๆ ไม่ก็ผ้านิ้มๆค่ะ เป็นพวกที่เจอหมอนหรือตุ๊กตานุ่มนิ่มไม่ได้เลย ต้องวิ้งเอาตัวเข้าไปสี เพราะว่าชอบมาก วะฮ่าๆๆๆๆ

    มะลิเชื่อเรื่องอากาศที่คุณนาราเล่าให้ฟังค่ะ งั้นก็แสดงว่า ที่คุณนาราป่วยบ่อยๆ ส่วนนึงเป็นเพราะอากาศที่พลิกผันไปมาอย่างนี้หรือเปล่าคะ? ถ้างั้น ต้องดูแลตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไปเลยนะคะ เพราะมะลิเป็นห่วง...แล้วถ้าวันไหนอยากออกไปเที่ยว...อย่าซักผ้าเลยค่ะ เพราะการซักผ้ากับการล้างรถนั้น มันคือการแห่นางแมวของสมัยนี้อย่างแท้จริงค่ะ วะฮ่าๆๆๆๆ (คือ มะลิเคยค่ะ ล้างรุถเองกะมือสามสี่รอบเพราะเห็นว่าฟ้าแจ้งจางปาง... แต่พอล้างเสร็จไม่ถึงสองชั่วโมงดี...พระพิรุณท่านก็ลงมาโปรดเดี๋ยวนั้นไม่มีเห็นใจกันเลยค่ะ เหอๆๆ)

    อ้อ...คุณนาราคะ มะลิมีเรื่องอยากจะถามหน่อยอ่ะค่ะ...
    มะลิขอที่อยู่คุณนาราได้เป่าอ่ะคะ? คือ เดือนมกรา...มะลิจะไม่อยู่เมืองไทยซักพัก (จะออกไปตะลอนๆน่ะค่ะ) เลยว่าจะเขียนโปสการ์ดส่งไปให้แทนใจ (งุงิ...เขินจุง) เผื่อว่าเราจะไม้่ได้เจอกันทางหน้าไมค์อย่างนี้น่ะค่ะ...

    ...แต่ถ้าคุณนาราไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไรนะคะ มะลิเข้าใจค่ะ...

    ป.ล. แต่ถ้าจะหลังไมค์...รบกวนบอกด้วยนะคะ มะลิจะได้แอบส่งซิก ฮ่าๆๆๆ

    รักคุณนาราเหมือนเดิมค่ะ เชิฟๆ

    ReplyDelete