โอ้ส! ตอนใหม่มาแล้วค่ะ
^^
ขอโทษที่มาช้ากว่าเวลาปกติไปสักหน่อยนะคะ
(ยังอยู่ต่างจังหวัดแต่ไม่อยากเลื่อนวันอัพนิยายไปไกลๆ
เลยมาแบบผิดปกติไปหน่อย)
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ...
รักคนอ่านทุกท่านเล๊ย!
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
The 12th
Blessing
นมชมพูว์...อู้วววว์! แสลงใจย์
GEG
พี่หมี...ตื่นยัง? READ 07.13 AM
GEG:
ตื่นแล้วคับ
ออกมาวิ่ง...มีไรเหรอบูบู้? 07.14 AM READ
มีประชุมเช้าสรุปแผนการวันนี้ตอนแปดโมง...
พี่ฌานเพิ่งนัดเมื่อกี๊เองREAD 07.14 AM
GEG:
ที่ไหน? 07.16 AM READ
โรงกลาง...พี่ฌานบอกเตะตาดี READ 07.17 AM
GEG:
แล้วบูบู้ออกกี่โมง?
07.18 AM READ
คุยกับพี่หมีเสร็จว่าจะไปอาบน้ำ...กะออกเจ็ดสี่ห้า READ 07.18 AM
GEG:
งั้นรออยู่หน้าหอนะ...เดี๋ยวเค้าซิ่งไปรับ
07.19 AM READ
เอ๋? มารับเหรอ?...ไม่ต้องหรอก เค้าไปเองได้ READ 07.19 AM
GEG:
ไม่ได้ครับ...ถ้าไม่ไปรับไปส่งแฟน
เดี๋ยวเฮียฟูก็สงสัยกันพอดี 07.20 AM READ
โอเคนะ
เจ็ดสี่ห้าหน้าหอ 07.20 AM READ
ครับ...เดี๋ยวเจอกันนะ READ 07.22 AM
บ๊วยเผลอหลุดยิ้มเมื่อได้อ่านข้อความเอาแต่ใจของอดีตเดือนมหาลัยได้เพียงครู่เดียว
แต่พอหวนนึกไปถึงความเป็นจริงที่อีกฝ่ายเน้นย้ำตั้งแต่เมื่อแรกทำความรู้จัก
ชายกลางของเหล่าผองเพื่อนก็ทำได้แค่ทอดถอนใจ
พลางบ่นกับตัวเองเบาๆ
“เฮ่อ...
บ๊วยเอ๊ย ท่องไว้...
...เขาจะกลับไปหาแฟนเก่า...
...เขาจะกลับไปหาแฟนเก่า...
...เรามันแค่เป็นแฟนบังหน้า...
.
.
...อย่าคิดเข้าข้างตัวเองให้ต้องเจ็บไปกว่านี้เลย”
ฝั่งบ๊วยที่กำลังกล่อมตัวเองให้หมั่นระมัดระวังความรู้สึก
กลับไม่ได้ระแคะระคายสักนิดเลยว่า...
เจ้าของข้อความที่ทำให้เขาอึดอัดใจเป็นล้นพ้นอยู่จนถึงตอนนี้
กำลังยิ้มเป็นบ้าเป็นหลังกับตัวเองที่รวบรัดจนคนตัวเล็กกว่ายอมมาเป็นสก๊อยส่วนตัวให้จนได้...
ต่อให้ต้องทำตัวหน้าด้าน
แอ๊บเนียนเอาเปรียบอีกฝ่ายหนักข้อยิ่งกว่านี้... พี่หมีของบูบู้ก็จะสู้ไม่มีถอยครับ!!
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
“เอาล่ะทุกคน
ที่พี่ฌานต้องเรียกประชุมฉุกเฉินในเช้าวันนี้ เพราะมีข่าวดีจะแจ้งให้ทุกคนทราบโดยทั่วกัน...
.
...ซึ่งนั่นก็คือ...
...คือ...”
แฝดพี่ชะม้ายตามองหน้าบ๊วยราวกับแอบส่งซิกเพื่อขอลอกข้อสอบ
จนแล้วจนรอด...ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ฌานเรียก
สุดท้ายจึงกระทุ้งชายหนุ่มผู้แบ๊วใสประจำกลุ่มที่กำลังเหม่อลอยอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองออกหน้าไมค์
“คืออะไรบ๊วย...
ไหนลองบอกความคืบหน้าล่าสุดเมื่อคืนให้เพื่อนๆ และเจ้าพ่อทั้งสองได้ชื่นใจหน่อยสิ”
“อ่ะ..อ่อ...
เออๆ ได้ๆ...
.
...ก่อนนอนเมื่อคืนพี่เต๋อส่งข้อความมาบอกว่า...
...ทุกครั้งที่ผมไปไหนกับเก็ก...ขอให้ผมบอกพี่เต๋อด้วย...
...แกย้ำว่า
แกจะมาช่วยกันเฮียฟูให้เอง” บ๊วยสรุปใจความของสิ่งที่พี่รหัสตนเองได้ส่งมาบอกหลังจากที่พวกเขาทั้งหมดแยกย้ายกันกลับหอเป็นที่เรียบร้อย
“อ่ะโห! ที่พี่ฌานบอกว่า...พี่เต๋อไม่โง่
แต่ก็ไม่ฉลาดเหนือเทพนี่แม่นเป๊ะจริงๆเลยครับ...
.
...แค่พวกเราหลอกให้พี่เต๋อเข้าใจผิดเรื่องที่คุณกรกฏไปบ้านพี่ฌานแค่เนี้ยะ...
...พี่เต๋อก็ปักใจทันทีว่าพี่ชายคุณธันวาตั้งใจมาบริการแหกอกบ๊วยแบบเดลิเวอรี่...
...ป่านนี้แกคงเชื่อฝังหัวจรดขั้วกระดูกดำไปแล้วว่า
คุณกรกฏจะต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อขัดขวางความรักของน้องชายตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย” สกลสรุป
“พี่เต๋อไม่ได้คิดไปเองหรอก...
เมื่อคืนเฮียฟูขู่บูบู้ให้เลิกกับผมจริงๆน่ะแหละ” เดือนมหาลัยเสริมรายละเอียดให้พรรคพวกโดยไม่ได้สำเหนียกแม้สักนิดว่า
สรรพนามที่ตนใช้เรียกบ๊วยจนติดปากนั้นสะดุดหูคนฟังมากแค่ไหน... สังเกตได้จากสีหน้ากระสันซ่านการเมาท์ลงตับของแฝดพี่
กับริมฝีปากจู๋ๆของสกลที่ยืดยาวจนน่าดีดหลังจากล้อเลียนชื่อเรียกใหม่ของบ๊วยด้วยการพูดแบบไม่เปล่งเสียง
“ข้ายินดีกับพวกเจ้าเหลือเกินที่แผนการของพวกเจ้าดำเนินไปอย่างสวยสดงดงาม”
เจ้าพ่อห่อไหล่เอ่ยชื่นชมจากใจจริง องค์เทพเองยังแทบไม่เชื่อเลยว่า สมุนเลวทั้งหมดจะปรองดองส่งเสริมกันจนแผนที่วางเอาไว้กลายเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
“แต่เดี๋ยวก่อน!... อย่าลำพองจนเกินไปนักเหล่าสมุนเลว...
.
...พี่ฌานขอสั่งห้ามไม่ให้พวกเราหลงระเริงเหลิงใจเป็นอันขาด...
...อย่าลืมสิว่า
ข้างกายเฮียฟู ยังมีคุณพี่ด้วงคอยประกบอยู่ไม่ห่าง” แฝดพี่ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนสมุนเลวทั้งหมดพยักหน้าคล้อยตามคำของตัวบอสกันหงึกหงัก
สกลจึงอาศัยจังหวะที่คลื่นมหาชนจำนวนห้าคนถ้วนเชื่องได้ที่
ปรี่เข้ามาแสดงตนเป็นเชลียร์แมนสมทบความของฌานทันที
“นั่นน่ะสิครับพี่ฌาน...
...ไม่อยากจะบอกเลยว่า
ผมน่ะรู้สึกตงิดๆมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว...
.
...พี่เต๋อตามติดคุณกรกฏแจน่ะผมเข้าใจนะครับ...
...แต่ทำไมคุณพี่ด้วงคนสวยจะต้องมาคอยไล่งับหางพี่เต๋ออีกทางด้วยก็ไม่รู้”
หนุ่มหน้าแว่นจีบปากจีบคอพูดใส่ความหนุ่มหน้าสวยที่ตกเป็นจำเลยขี้ปากของสกลโดยไม่ทันรู้ตัว
“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็ต้องพยายาม
และวางแผนกันให้รัดกุมยิ่งขึ้น จะได้ไม่เกิดปัญหาแทรกซ้อนที่คาดไม่ถึง...
.
...จริงไหมครับเบ๊บ?
หื้มมมม?” เจ้าพ่อไทรทองยืดแขนขึ้นสุดคล้ายบิดขี้เกียจ ก่อนจะค่อยๆพาดแขนข้างหนึ่งลงเบาๆเหนือไหล่เจ้าพ่อห่อไหล่ที่ปรากฏกายอยู่ข้างๆ
ยังดีที่โฮลี่ฮิปสเตอร์เตรียมความพร้อมมาก่อน...องค์เทพประจำมหาวิทยาลัยจึงยังตีหน้าเฉยเมยเหมือนไม่รู้สึกอะไรได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“นั่นแหละครับคือสาเหตุที่ผมจำเป็นต้องเรียกทุกคนมารวมกันเฉพาะกิจ...
.
...บ๊วย
เก็ก... ต่อจากนี้ไปแค่โทรคุยกันอย่างเดียวมันไม่พอแล้วนะ...
...อีกอย่าง
วันธรรมดาที่มีเรียน...มุกคุยโทรศัพท์เสียงดังเพื่อหวังให้พี่เต๋อกับเฮียฟูผ่านมาได้ยินคงจะใช้ไม่ค่อยได้”
แฝดพี่แถลงไข... ซึ่งนั่นถือเป็นประเด็นที่เริ่มทำให้เก็กกังวลได้ไม่น้อย
“พี่ฌานอย่าบอกนะครับว่า...พี่ฌานจะให้เพื่อนผมจดทะเบียนสมรส
แล้วย้ายเข้าห้องคุณธันวาในฐานะสะใภ้ตระกูลอริยะตรัยเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ให้เจ้มจ้นในจั้วพริบตากันครับ?”
สกลลอยหน้าลอยตาถามโดยไม่สนใบหน้าปูเลี่ยนๆของบ๊วยเพื่อนรักที่ตวัดเป็นจวักในชั่วพริบตา
“สกลลลลล...
...สกลไม่ต้องแสดงให้พี่ฌานเห็นก็ได้ว่า
เส้นแบ่งระหว่างอัจฉริยะกับสวะสังคมน่ะบางแค่ไหน...
...ฟังไม่ทันรู้ศัพท์
ก็อย่าเที่ยวจับไปกระแดะนักเลยครับ...
.
...กรุณาฟังพี่ฌานให้จบก่อนดีไหมครับแว่น?”
ฌานแดกดันเพื่อนหน้าแว่นพอหอมปากหอมคอ แต่ก่อนที่สกลจะได้ลับฝีปากกับแฝดพี่
เจ้าพ่อห่อไหล่กลับชิงถามเพื่อห้ามทัพทันที
“แล้วเจ้าจะให้ธันวากับบ๊วยทำอย่างไรกันล่ะเจ้าแฝดพี่?”
“เก็ก...
นายกับพี่ติดโซเชียลอะไรบ้าง?” แฝดพี่จอมวางแผนยิงคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับแผนการใส่อดีตเดือนมหาลัยที่เริ่มจะจับต้นชนปลายได้บ้างแล้ว
แต่ความไวในการสังเคราะห์คำตอบของหนุ่มหล่อไร้รักกลับต่ำกว่าฝีปากสายฟ้าแล่บของสกลเป็นไหนๆ
“เอ่อ...ท่านประธานที่เคารพ
กระผมขอแทรกเพื่อความเข้าใจตรงกันของสมาชิกกิตติมศักดิ์อีกสององค์ครับ”
สกลยกมือขึ้นสุดแขน ก่อนจะลุกขึ้นปราศรัยเสียงดังฟังชัด “เจ้าพ่อทั้งสองครับ
โซเชียลที่พี่ฌานพูดถึงคือโปรแ....
“พวกเฟซบุค
ทวีตเตอร์ ไอจี หรือ ไลน์อะไรพวกนี้น่ะเหรอเจ้าแว่น?...
.
...เจ้าไม่ต้องแนะนำหรอก
พวกข้าเองก็มีเล่นเหมือนกัน” เทวบุตรสุดชิคตัดบทด้วยสีหน้าเป็นต่อ เมื่อได้ยินดังนั้น...คนฟังหน้าแว่นก็เสียอาการจนเพื่อนๆแอบขำ
“เอาล่ะ...ว่ายังไงเก็ก?”
ฌอนที่อดทนฟังปาหี่ชุดใหญ่มาพักหนึ่งหันไปถามอดีตเดือนมหาลัยอีกครั้งแทนพี่ชาย
“หลักๆก็ไลน์กับเฟซ...
เฮียฟูไม่ชอบเล่นอย่างอื่น ขานั้นเป็นพวกขี้รำคาญ... ฌอนกับพี่ฌานอยากรู้ไปทำไมเหรอ?”
เก็กถามอีกฝ่ายเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน
“ถึงเวลาที่คู่ของพวกนายจะต้องหวานออกสื่อให้ระบือไปทั้งโลกแล้วล่ะ
หึ หึ” แฝดพี่ขยายความด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์... อย่างที่รู้กันว่า ถ้าเห็นใบหน้าทำนองนี้ของพี่ฌานเมื่อไร...เพื่อนๆเตรียมทำใจรอรับเรื่องพิเรนทร์ๆต่างต่างนานาได้เลย
ถึงอย่างนั้น...
ชายกลางผู้มีศีลธรรม จริยธรรม และกองทัพธรรมทั้งหลายเต็มเปี่ยมในหัวใจ
ย่อมไม่อาจวางตัวนิ่งเฉยโดยไม่ทัดทานอีกฝ่ายได้หรอก...
ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเก็กด้วยแล้ว
คงปล่อยปละละเลยไม่ได้ไปกันใหญ่
“ไม่ดีมั้งพี่ฌาน...
เดี๋ยวเก็กจะเสียหายเอาได้นะ” บ๊วยเตือนสติเพราะไม่อยากให้เรื่องภายในกลุ่มพวกเขาบานปลายเป็นเรื่องใหญ่...
การทำให้อีกฝ่ายแปดเปื้อนด้วยเรื่องไม่มีเค้ามูล ฟังดูไม่คุ้มค่ากับอิสระภาพทางใจของอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว
“นี่ก็ไม่ได้คิดถึงตัวเองเล๊ยยยย!...
.
...ทีหลังนายอย่าเที่ยวไปบอกใครนะว่านายเป็นเพื่อนสนิทเรา...
...เราอายคนอื่นเขาที่เพื่อนเราเป็นห่วงผู้ชายมากกว่าตัวเอง”
สกลกระแนะกระแหนด้วยสายตาและท่าทางจัดเต็มไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอีแย้มจิกด่าอุไรอย่างไร้เมตตา
ฌอนเห็นชายกลางวางหน้าไม่ถูกจึงออกโรงปกป้องเพื่อนตัวเล็กโดยไม่รั้งรอ
“แต่ที่บ๊วยว่ามาก็มีเหตุผลนะ
เพราะไม่ใช่แค่เก็กหรอกที่จะกลายเป็นเป้าหมาย...
.
...บ๊วยเองก็ต้องพบเจออะไรแปลกๆอีกเยอะเหมือนกัน”...แฝดน้องเห็นวี่แววของเรื่องยุ่งยากก่อตัวเรียงแถวรอต้อนรับแฟนใหม่ในนามของอดีตเดือนมหาลัยอย่างยาวเหยียด อย่างน้อยๆ...ก็แฟนเก่าของอีกฝ่ายนั่นแหละ
ไม่รู้ว่าจะตัดใจจากหนุ่มหล่อลากดินผู้นี้ได้เด็ดขาดหรือยัง
“แต่งานนี้เราคงต้องยอมแลกนะ”
ฌานจำเป็นต้องแย้งความเห็นของน้องชายฝาแฝด “พวกเราลองคิดดูสิ...คนทั่วๆไปเวลามีแฟน
ใครๆก็อยากอวดทั้งนั้นแหละว่าแอบไปกุ๊กกิ๊กอะไรกัน... จริงไหม?”
แม้จะไม่มีใครตอบคำถามของแฝดพี่
แต่สีหน้าเห็นด้วยแบบเอกฉันท์ทำให้ฌานให้เหตุผลต่ออย่างไม่ขาดช่วง
“ที่สำคัญ...
ไอ้เก็กมันก็อัพเฟซเกือบทุกวัน...
.
...ถ้าไอ้คนที่เที่ยวประกาศเรื่องส่วนตัวให้สาธารณชนล่วงรู้เป็นปกติอย่างมัน
ดันมากิ๊กกั๊กความสัมพันธ์ในพื้นที่โซเชียล...
...ทั้งๆที่อยู่ในช่วงสวีทกับบ๊วยของเราจนแทบจะแหกตูดดมแท้ๆ...
น้องชายไม่คิดว่ามันจะไม่ยิ่งดูผิดสังเกตหรอกเหรอ?” ฌานหันไปปรึกษากับแฝดน้องผู้ที่สุดท้ายก็ยอมเข้าใจในเหตุผลของอีกฝ่ายไปพร้อมๆกับสมุนเลวที่เหลือ
“ก็จริงของพี่ชาย...
.
...ยิ่งเก็กเป็นที่สนใจของคนอื่นมากเท่าไร
การจะปิดข่าวเรื่องแฟนใหม่ยิ่งดูไม่สมเหตุสมผลมากขึ้นเท่านั้น”
“เก็ก...เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ล่ะ?”
เจ้าพ่อไทรทองที่ยอมผละห่างจากเจ้าพ่อห่อไหล่ชั่วคราวแว่บมาถามข้างๆหูของชายหนุ่มรูปงามต้องสาป
“ผมโอเคนะครับ...
...ถ้านับกันจริงๆ
ในเฟซบุคส่วนตัวผมก็มีเพื่อนไม่ถึงสองร้อย เพราะผมขี้เกียจอ่านสเตตัสของพวกวึ่นวือเวิ่นเว้อ...
.
...ส่วนกับแฟนเก่า...ผมก็บล็อคไปเรียบร้อยแล้ว” เก็กตอบสบายๆโดยไม่ทันเฉลียวใจว่าการพาดพิงถึงอดีตคนรักเก่าจะกระทบหัวใจของใครเข้าอย่างจัง
“งั้นก็แสดงว่าช่องทางนี้ใช้ได้”
เจ้าพ่อไทรทองสรุปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม องค์เทวบุตรยิ่งยิ้มกว้างเมื่อหายตัวกลับไปยืนที่เดิมในท่าเดิมได้โดยที่ร่างบางผู้เป็นเจ้าของที่พักแขนชั่วคราวไม่ได้ขยับหนีไปไหน
“ฝั่งผมไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ
บูบู้นั่นแหละที่น่าจะลำบากใจมากกว่า” เก็กโยนลูกกลับไปหาบ๊วยที่กำลังนั่งหน้าสลดเหมือนลูกโป่งหมดแก๊ส
สกลที่สังเกตเห็นสีหน้าหมองๆของเพื่อนรักจึงกระโจนเข้ามาแทรกแซงด้วยหมายจะช่วยกู้สถานการณ์
หากแต่ภาษาที่ใช้นำเสนอกลับชั่วร้ายเสียจนเจตนาดีถูกมองข้ามโดยพลัน
“ประเด็นนั้นปัดตกไปได้เลยครับคุณธันวา...
.
...เพราะนอกจากพี่ฌาน
ฌอน พ่อ แม่ พี่สาวสามคน บวกกับแอคเคาท์ของผมที่ล็อกอินตามอารมณ์อีกสิบแล้ว...
...‘บูบู้’ ก็ไม่มีใครหน้าไหนหลงมาให้เพิ่มเป็นเพื่อนได้อีกเลย...
...นับว่าเป็นเฟซที่เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะคนวงในไม่มีใครเกินจริงๆ...
....เห็นด้วยไหมครับคุณธันวา?
อะเหอ เหอ เหอ” สกลยิ้มกว้างจนตาเป็นขีดโดยไม่รู้สึกรู้สาถึงความคุกรุ่นในอกของทุกคน
หากจะย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของความร่วมมือร่วมใจหาใดเปรียบของเหล่าสมุนเลวอันน่าชื่นชมออกสื่อ...
สกลน่าจะเป็นฟันเฟืองตัวต้นๆที่ได้ควรรับการยกย่อง
เพราะการจะหาผู้มีบารมีแก่กล้าจนสามารถ สร้างความรู้สึกอยากโดดถีบยอดหน้าทดแทนความดีความชอบของหนุ่มหน้าแว่นให้เกิดขึ้นในหัวใจทุกคนโดยพร้อมเพรียงกันนั้น...
ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่ายๆ
“งั้นเราก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า
จะได้พิสูจน์ว่าช่องทางนี้สามารถใช้เรียกแขกได้จริงๆหรือเปล่า” พี่ฌานมองข้ามหัวเพื่อนหน้าแว่นแล้วดึงสติให้ทุกคนกลับเข้าสู่หัวข้อการประชุมอีกครั้ง
“แล้วถ้าได้ผลล่ะพี่ฌาน?”
เก็กถามรอล่วงหน้า จนแฝดพี่สั่งความโดยไม่รอรี
“บ๊วย...เรียกพี่เต๋อมาให้ได้เร็วที่สุด
ส่วนสกลและทุกๆคนที่เหลือ... พวกเราต้องทำให้สองคนนั้นเชื่อให้ได้ว่า ฟ้าส่งคนทั้ง
คู่ให้มาอยู่ด้วยกันไปจนตายตามแผนที่เราเคยคุยกันเอาไว้...
ทุกคนเข้าใจนะ” ฌานนัดแนะและทบทวนกับผองเพื่อน
ชายหนุ่มทั้งหมดล้วนแล้วแต่พร้อมใจกันพยักหน้ายืนยัน
แต่ในเมื่อมีผู้เห็นการณ์ล่วงหน้าอยู่หนึ่งองค์... จะมัวแต่พะวงกับอนาคตอันใกล้ให้อิทธิฤทธิ์เสียเปล่าไปทำไมกัน?!
“พวกเจ้าไม่ต้องรอหรอก
เรียกเจ้าเต๋อให้ออกมาได้เลย ข้ารับรองว่า...เจ้ากังฟูจะมาที่นี่แน่ๆ”
เจ้าพ่อไทรทองแบไต๋ด้วยรอยยิ้มมุมปาก
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
“ด้วง...
ไอ้ ‘In a domestic
partnership’ เนี่ยมันหมายความว่าไงวะ?” กังฟูที่กำลังหน้าดำคร่ำเคร่งกับข้อความตัวเล็กในหน้าจอมือถือราวกับอ่านหนังสือสอบร้องถามเพื่อนรักที่นั่งประทินโฉมอยู่บนเตียงในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาด
“หืมมมม?
ทำไมอยู่ๆถึงถามแบบนี้ล่ะ?”
“ก็ไอ้เก็กอ่ะดิ
มันเพิ่งเปลี่ยนสเตตัสความสัมพันธ์ในเฟซเมื่อกี๊นี้เอง...
...กูไม่ยักรู้ว่ามันมีสถานะนี้มาก่อนเลยนะเนี่ยะ...
.
.
...แล้วสรุปแม่งแปลว่าอะไรวะ?
พันธมิตรร่วมชาติเหรอมึง?” กังฟูขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด
แม้จะยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของไอ้คำที่ว่า
แต่พอมันอยู่ภายใต้หัวข้อความสัมพันธ์
แล้วดันมาเกี่ยวข้องกับน้องชายตัวเอง...
หนุ่มร่างเล็กก็อดคิดลามไปถึงไอ้เด็กหน้าจืดที่กล้าจ้องตาเชือดเฉือนอารมณ์ใส่กันอยู่นานในชิงช้าสวรรค์เมื่อคืนขึ้นมาไม่ได้
ความรู้สึกตงิดๆในใจบอกเขาว่า
ไอ้คำห่านี่แม่งต้องเป็นสิ่งอัปรีย์สักอย่างที่สร้างมาเพื่อบูชาไอ้เด็กวิปริตบูบู้นั่นแหงๆ...
สัดหมาเอ๊ย! ทำไมกูไม่เก่งอิงค์วะ?!
“หึ
หึ...มันไม่ได้แปลว่าอย่างนั้นซะหน่อยฟู...
.
...เอ
จะอธิบายยังไงดีนะ...
...อืม
ถ้าพูดกันง่ายๆ คำนี้ก็น่าจะแปลว่า อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา...เฉพาะคู่รักเพศเดียวกันเท่านั้นน่ะ”
ด้วงตอบเรียบๆขณะตบเซรั่มน้ำแตกลงบนผิวหน้าแปะๆ
“ไอ้เก็ก...
มึงอยากงัดข้อกับกูนักใช่ไหม?... ได้! กูไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว” กังฟูเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันปากคอสั่น...
ไอ้น้องคนนี้มันจะหยามทั้งเขาทั้งศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลของเราไปถึงไหน?!!
“เอาอีกแล้วเหรอฟู...
...ถามจริงเถอะ...
เต้นมากๆแบบนี้ ฟูไม่เหนื่อยเหรอ?...
...คอยวิ่งไล่ตามน้องชายไปโน่นไปนี่อยู่ตลอดน่ะ...ใช้พละกำลังเยอะนะฟู”
ด้วงทอดถอนใจกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเพื่อนรัก
แต่ไม่ได้ผ่อนคลายปลายนิ้วที่นวดกระชับปลายคางกับแก้ม
“มึงบ่นเหรอด้วง?
เดี๋ยวนี้มึงกล้าหือเหรอ?” เมื่อระบายอารมณ์ใส่ใครไม่ได้ กังฟูก็หันไปแว้งกัดด้วงที่นั่งทำสวยอยู่เงียบๆเสียอย่างนั้น
“เปล่า
เราก็แค่ถาม... เป็นห่วงน่ะ ไม่อยากให้เหนื่อยเฉยๆ” ด้วงปรายตามองชายตัวเล็กผู้เป็นที่รักด้วยอารมณ์หลากหลาย
หนุ่มผมยาวไม่ได้มีปัญหากับการตั้งป้อมกีดกันความรักน้องชายของกังฟู
เขาแค่ไม่ชอบใจที่เต๋อดันมาปรากฏตัวอยู่ในสมการความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของพี่น้องคู่นี้โดยไม่บอกจุดมุ่งหมายที่แท้จริง
อีกอย่าง...ด้วงอดกลัวไม่ได้ว่า
กังฟูจะเผลอโอนอ่อนผ่อนตามยอมเปิดใจให้เต๋อง่ายๆตามคำทำนายทายทักปลอมๆของไอ้เด็กเต็กร่างทรงจอมกวนคนนั้น
เพราะตั้งแต่อยู่กันมาจะยี่สิบปีอีกไม่กี่วัน
คนเอาแต่ใจที่สุดตรงหน้าไม่เคยรับรู้ได้ว่า...ที่ผ่านมา เขารู้สึกอย่างไรกับตัวเองเลยสักครั้ง
“มึงไม่เหนื่อยก็ดี
ไป! รีบแต่งตัว...จะได้ออกไปตามล่าไอ้หน้าจืดกัน!!” ชายหนุ่มตัวเล็กพับแขนเสื้อยืดให้ร่นขึ้น
พลางกระดิกปลายเท้ากดดันเพื่อนรักหน้าสวยให้รีบแต่งองค์ทรงเครื่องโดยเร็ว...
.
...เรื่องเมื่อคืนยังไม่ทันจะหายเหนื่อย...
...ใจคอกังฟูก็จะลากด้วงออกไปเมื่อยกับการสู้รบปรบมือกับเต๋อและเด็กห้าคนนั้นอีกแล้วหรือนี่?!
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
พี่เต๋อ
08.20 AM
พี่เต๋อครับ... ผมมากินข้าวกับเก็กที่โรงกลาง
พี่เต๋อสนใจมากินข้าวพร้อมกันไหมครับ?
08.21 AM
อีกสิบนาทีเจอกันน้องรัก
“พี่หมี...
ทำไมพี่หมีไม่รีบกินน้ำให้หมดเสียทีล่ะครับ น้ำแข็งจะละลายหมดแล้วนะ” บ๊วยที่ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์หลังอ่านข้อความตอบรับคำเชิญแบบทันควันของพี่รหัส
ถามไถ่แฟนปลอมๆของตนทันที เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่เล่นมือถือไม่เป็นอันกินน้ำที่สกลสู้อุตส่าห์ไปเข้าแถวตบตีแย่งชิงกับคนอื่นอยู่ชาติกว่าเสียที
“แป๊บครับ
ขอเค้าเร่งเฮียฟูเดี๋ยวเดียว” อดีตเดือนมหาลัยผู้กำลังง่วนกับการจัดองค์ประกอบของนมชมพูซึ่งจะเป็นพระเอกของภาพที่ตนกำลังจะถ่ายให้อยู่ในตำแหน่งที่สวยงาม
เอ่ยรับปากแบบขอไปที สักพัก...ชายหนุ่มก็หันหน้ามาขอความร่วมมือจากบ๊วยเพื่อขอพร็อพเพิ่มเติม
“บูบู้ ให้เค้ายืมหลอดดูดน้ำของบูบู้หน่อยสิครับ”
“อ่อ...ได้ครับ”
บ๊วยส่งหลอดในแก้วของตัวเองให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ชายกลางพยายามจดจำตำหนิของหลอดที่ส่งให้อดีตเดือนมหาลัย
เพื่อหลีกเลี่ยงอาการขวยเขินเพียงลำพังหลังจากเหตุการ์ณสลับหลอดโดยไม่ตั้งใจซึ่งอาจนำไปสู่จูบทางอ้อมในท้ายที่สุด
Tunwa Areeyatrai with Buey Buey Bwornpol
3
minutes ago
สาบานว่าตอนพี่สั่ง
พี่ขอนมสดเย็น...
แต่พอพี่เห็นรอยยิ้มคนที่ดูดหลอดข้างๆ
จู่ๆสีนมก็เปลี่ยนเฉยเลย...
เซ็งเบย! พี่โดนหลอกให้กินนมเสีย...
.
.
เสียใจที่เราไม่ได้กินด้วยกันเร็วกว่านี้.......ฮิ้ววววว!!
#ที่เสี่ยวเยอะเพราะเรอธัก #no filter but tons of
effect #พี่หมี ♥ บูบู้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Sakol
Sutthidhamma AKA Sakol the Sick Sense
2
minutes ago
ไม่จริง! นั่นมันนมสดเย็นชัดๆ หรือสายตาคนไร้รักอย่างเราจะบอดสีไปแล้วจริงๆ!!!
Charles
Meejitmetta
1
minute ago
@Sakol Sutthidhamma AKA Sakol the Sick Sense ทำใจเถอะ... สายตาคนสติไม่สมประกอบก็มองโลกผิดเพี้ยนแบบนี้แหละ
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
“ไงพวกมึง...
มานั่งสุมหัวอะไรกันที่นี่
ไม่มีเรียนรึไง?” เต๋อให้พรรุ่นน้องทั้งห้าที่นั่งกันหน้าสลอนเหมือนเจ้าไม่มีศาล
แฝดน้องเลยรับหน้าที่อธิบายแทนทุกคน
“พวกผมมีเรียนสิบโมงครับพี่เต๋อ
พี่เต๋อนั่งก่อนสิครับ... พวกผมมีเรื่องสำคัญจะบอก”
“เรื่องที่ไอ้ฟูมันจะทำให้น้องรหัสกูกับน้องชายมันเลิกกันนั่นน่ะเหรอ?...
.
...เรื่องนั้นกูรู้ตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว
พวกมึงมัวแต่ตกข่าวหลังเทือกเขาคิลิมันจาโรอยู่เหรอไง?” สีหน้าอมภูมิของเต๋อ ทำให้หนุ่มหน้าแว่นปากเสียเชลียร์แมนไม่อาจยึดแนวทางอหิงสาเพื่อต่อกรกับการหยาบหยามน้ำหน้าของรุ่นพี่ร่างหมีได้อีกต่อไป
“แหม่...พี่เต๋อครับ
เรื่องที่พี่เต๋อเพิ่งพูดออกมาเนี่ยะ...
...คนเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองเหมือนประเทศไทยย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาเป็นกรุงเทพฯนั่นแหละครับ...
.
...นี่เคราะห์ยังดีที่พี่มาคุยโวให้พวกผมฟังนะครับ...
...ลองเป็นคนอื่นสิ
พี่เต๋อคงได้ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกันกับมนุษย์โครมันยองไปแล้ว” สกลปิดท้ายด้วยการยักคิ้วหลิ่วตาใส่รุ่นพี่ร่างหมีคล้ายกับจะเยาะเย้ยให้สาสมกับวาทะของอีกฝ่ายเมื่อครู่
“ไอ้สัดแว่น!!”
“ใจเย็นครับพี่เต๋อ...นั่นไม่ใช่เรื่องที่พวกผมอยากจะคุยกับพี่หรอกครับ”
แค่ฌานยืนผุดกายลุกยืนขึ้นเพื่อประสานสายตากับเต๋อ... เลือดในกายของหนุ่มรุ่นพี่ถึงกับเย็นเฉียบ
แข้งขาอ่อนเสียจนต้องยอบกายลงนั่งในทันใด “ฟังเก็กก่อนครับพี่เต๋อ” แฝดพี่หันไปส่งไม้ต่อให้กับอดีตเดือนมหาลัยที่รอท่าอยู่นานแล้ว
“พี่เต๋อรู้ไหมครับว่าเมื่อคืนตอนนั่งชิงช้าสวรรค์
เฮียฟูขอให้บูบู้เลิกกับผมต่อหน้าต่อตาผมเลยนะครับ”
ระหว่างปรับทุกข์ปลอมๆให้รุ่นพี่ฟัง
ชายหนุ่มรูปงามต้องสาปไม่ลืมส่ายหน้าน้อยๆ
พลางเสมองเหม่อไปทางอื่นคล้ายกับจะซ่อนสายตาโศกเศร้า
และสะกดความเจ็บปวดเอาไว้ชั่วครู่
ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับเป็นปกติเพื่อแค่นยิ้มฝืดๆส่งให้ชายหนุ่มร่างหมีที่จับจ้องตนอยู่ตลอดเวลา...
การกระทำทั้งหมดที่ว่ามานั้น อยู่ในสายตาของสมุนเลวอีกสี่หน่อ กับเจ้าพ่อทั้งสององค์ตั้งแต่ต้นจนจบ
ภายหลัง
ทุกฝ่ายได้ลงมติเห็นพ้องต้องกันว่า...
ทักษะการแสดงของอดีตเดือนมหาลัยคนนี้
ช่างดีเยี่ยมเทียบเทียมพระเอกแนวหน้าของประเทศได้เลยทีเดียว
“แสดงว่ามันประกาศศึกกับน้องกูแบบโต้งๆแล้วสินะ...
.
...ได้!...
...บ๊วย!! มึงปล่อยกังฟูให้กูจัดการเอง พวกมึงสองคนไม่ใช่คู่มือของไอ้เตี้ยอย่างมันหรอก”
เต๋อตบโต๊ะปึงปังพลางผ่อนลมหายใจดังฟืดฟาดเหมือนกอริลล่าวัยกำดัดริจะหัดผสมพันธุ์
แม้ภายนอกหนุ่มหน้าหมีผู้มีปมจะทำท่าเป็นเดือดเป็นร้อนแทนน้องรหัสเสียวุ่นวาย
แต่ภายในใจชายหนุ่มกลับกระหยิ่มยิ้มย่องที่โอกาสในการเข้าใกล้กังฟูดูจะสดใสกว่าที่คิดเอาไว้
“อู้หู! พี่เต๋อนี่เท่ห์เรี่ยราดจังเลยครับ” สกลแจ๋นมาสะกิดอารมณ์ของเต๋อให้คุกรุ่นขึ้นอีกรอบ
สายตามหาประลัยใกล้แตะจุดเดือดของเต๋อทำให้แฝดน้องรีบเบนความสนใจของรุ่นพี่ร่างหมีให้ออกไปเหวี่ยงต่อที่อื่นทันที
เนื่องจากพี่พลายกระซิบบอกฌอนให้รู้ว่า พ่อฟูของตนกำลังจะมาถึงโต๊ะตัวนี้ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“พี่เต๋อไปซื้อข้าวก่อนเถอะครับ
พวกเราจะได้มากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน”
จริงดังที่พี่พลายเกริ่นเอาไว้ล่วงหน้า
เพราะแค่เต๋อเดินคล้อยหลังออกจากโต๊ะไปไม่ถึงห้านาที
ร่างเล็กเพรียวที่เดินคู่มากับร่างสูงใหญ่ของด้วงก็มาหยุดตรงด้านหลังโต๊ะที่เหล่าสมุนเลวนั่งอยู่
“ขอนั่งด้วยได้ไหมครับ?” กังฟูที่ยืนถามค้ำหัวบ๊วยไม่ได้รีรอคำตอบ
ชายหนุ่มร่างเล็กก้าวขาข้างหนึ่งแทรกเข้าตรงกลางระหว่างบ๊วยกับเก็กที่นั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาว
ก่อนจะใช้สะโพกดันไหล่เด็กบูบู้ไปข้างๆเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับตัวเอง แล้วจึงยืนตระหง่านจิกตามองชายกลางกับผู้เป็นน้องชายซึ่งประกบทั้งซ้ายและขวาหน้าขาตัวเองราวกับเจ้ากรรมนายเวร
“เฮ่ย!! เฮียฟู... เฮียฟูมาได้ไงครับ?!!!” เก็กกระพือเปลือกตาไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
ตามด้วยร้องเสียงหลงและแสร้งทำท่าตกใจใหญ่โตราวกับถูกรางวัลเลขท้ายตัวตรงตัวโต๊ดแล้วได้เงินสักห้าหกแสน
อาห์...
คนรูปงามที่กล้าตอแหลแบบไม่แคร์ใครทำให้โลกใบนี้ซับซ้อนและอยู่ยากขึ้นทันตาดีแท้
“ฟู...
พอเถอะ ทำแบบนี้มันเสียมารยาทนะ” ด้วงที่ยืนซ้อนหลังประหนึ่งบอดี้การ์ดส่วนตัวรั้งข้อศอกของคนตัวเล็กจากด้านหลัง
ชายหนุ่มผมยาวเริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อตระหนักว่า
สายตาหลายคู่เริ่มจับจ้องและสำรวจหน้าตาและรูปร่างน่ามองของกังฟูอย่างสนอกสนใจ...
ตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มาสามปี
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่กังฟูยอมเยื้องกรายออกจากห้องมากินข้าวที่โรงอาหารกลาง
ลำพังแค่เดินไปเดินมาในคณะ
เสน่ห์ดึงดูดของเจ้าของใบหน้าหวานๆ ผิวขาวๆ ก็เรียกสายตาของผู้ที่ไม่เคยพบเห็นเจ้าตัวมาก่อนได้เป็นอย่างดี
จนด้วงแทบไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายคลาดสายตา... แต่สถานการณ์ตรงหน้ากลับหนักหนากว่านั้นอีกหลายสิบเท่านัก
“ไม่!! กูจะนั่งตรงนี้...
.
...ใครไม่พอใจ
ก็ไสหัวไปนั่งที่อื่นเอาเองสิวะ” กังฟูออกงิ้วเต็มที่โดยไม่ยี่หระใครหน้าไหน กระนั้น...เรื่องทั้งหมดจะไม่กลายเป็นจุดสนใจ
หากไอ้สุดหล่อที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายของหน้าขากังฟูจะไม่โหมกระพือเปลวไฟให้ยิ่งรุนแรงเลวร้ายกันไปใหญ่
“เฮียฟู! เฮียชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้วนะ!” เก็กขึ้นเสียงเพื่อปกป้องคนรักที่นั่งทำตาปริบๆอยู่อีกข้าง...
การด้นสดให้สอดคล้องกับฉากทะเลาะเบาะแว้งแก่งแย่งชิงดี เห็นจะไม่ใช่งานถนัดของชายกลางผู้มีทักษะในการปกป้องตัวเองต่ำตุ๊ดสกู๊ตเตอร์เป็นที่สุด
ทว่าอาการสงบปากสงบคำของบ๊วย
กลับทำให้คนเป็นพี่ของอดีตเดือนมหาวิทยาลัยเดือดหนักยิ่งไปกว่าเก่า
เพราะท่าทางหงอๆไม่ต่อปากต่อคำ
ทำให้กังฟูเหมาเอาว่า...ไอ้บูบู้สำออยเข้าเส้น จนไม่เป็นอันต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตนเอง
มันคงตั้งใจจะใช้ให้ไอ้น้องชายหน้าโง่ของตัวเขา
ออกมาเต้นเร่าๆเอาตัวเข้าแลกกระสุนแทนจนขาดใจตายไปก่อน...
แผนสูงนักนะไอ้บูบู้หน้าจืด!!
หนุ่มร่างเล็กหันรีหันขวางมองหาอาวุธคู่ใจเพื่อใช้ทำลายล้างศัตรูร่างแกร็นที่นั่งหงิมอยู่ไม่ห่างมือให้วอดวายตายลงเดี๋ยวนั้น
สุดท้าย...
แก้วที่บรรจุน้ำสีชมพูก็เตะตากังฟูเข้าอย่างจัง...
ไอ้แก้วน้ำแห่งความรักความหลังของไอ้พี่หมีและไอ้บูบู้
มึงและเจ้าของ...อย่าอยู่ให้รกโลกอีกต่อไปเลย!!
“หึ! ไอ้เหี้ยเก็ก...
...ไหนมึงบอกในเฟซว่าสั่งนมเย็นไง?
...ตอแหล!!...นี่มันนมชมพูชัดๆ...
.
...หึ! เดี๋ยวนี้มึงหัดโกหกเหรอไอ้เก็ก?
สงสัยจะติดนิสัยมาจากไอ้หน้าจืดนี่แหงๆ...
...นมห่า! เห็นแล้วรำคาญลูกตาโว้ย” กังฟูตั้งท่าจะสาดน้ำสีชมพูขุ่นใส่หน้าบ๊วย
แต่ด้วยความผิดพลาดทางเทคนิคที่ไม่อาจอธิบายด้วยกฏทางวิทยาศาสตร์ใดๆได้ นมชมพูที่เก็กดูดดับกระหายไปได้แค่นิดเดียวดันกลายร่างเป็นซุปเปอร์สแปลชหกแพร่ดๆเข้าหาร่างเล็ก
แถมยังแผ่อานิสงส์ลามไปสู่ด้วงที่ยืนเยื้องไปทางด้านหลัง และเต๋อที่เพิ่งเดินกลับมาจากร้านข้าวไปอีกคน
“หมด! หมดกัน! ข้าวขาหมูกู!!” เต๋อก่นด่าอย่างหัวเสีย
ชายหนุ่มพยายามสะบัดไม่ให้น้ำสีชมพูซึมผ่านเข้ากางเกงหลังจากเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่มา
กลายร่างเป็นเสื้อสีชมพูหอมกลิ่นเฮลซ์บลูบอยไปเป็นที่เรียบร้อย
“อ่ะโห! พี่เต๋อนี่กรังสุดๆไปเลยครับ...
...เปรอะขนาดนี้
ยังมีแก่ใจห่วงข้าวอยู่อีกแหน่ะ...
.
...ทำไมพวกพี่ไม่ไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำก่อนล่ะครับ?
สภาพดูไม่ได้ จะได้กลายเป็นพอดูดีขึ้นมายังไงล่ะครับ” สกลเจื้อยแจ้วเจรจาไม่ดูตาม้าตาเรือ
แต่ครั้งนี้กลับไม่มีรุ่นพี่คนไหนให้ความสนใจกับลมปากของหนุ่มหน้าแว่นมากนัก
เพราะสภาพของทั้งสามย่ำแย่จนควรแก้ไขโดยเร็วจริงดังที่สกลแนะนำ
“ฮึ่ย!!!” กังฟูกระแทกเท้าปึงปังเพราะไม่ได้ดั่งใจ
ก่อนหมุนตัวเดินนำด้วงกับเต๋อไปยังห้องน้ำที่เคยเกิดวีรกรรมเก็กบ๊วยเมื่ออาทิตย์ก่อน
และนั่นทำให้แฝดพี่อดเหน็บแนมองค์เทพไม่ได้
“เจ้าพ่อครับ...
เจ้าพ่อเล่นมุกเดิมนะครับ”
ฌานปรายหางตามองเจ้าพ่อห่อไหล่เนื่องจากแอบให้คะแนนติดลบในด้านความคิดสร้างสรรค์ ทว่าความจริงนั้นกลับไม่เป็นเช่นแฝดพี่เข้าใจ
“ข้าเปล่า...
เจ้ากังฟูคิดจะสาดน้ำหวานแก้วนั้นใส่บ๊วยจริงๆ...
...ข้าเลยแอบกระดกก้นแก้วให้น้ำสีชมพูมันเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าหาตัวการแทนยังไงล่ะ”
เจ้าพ่อห่อไหล่อธิบายด้วยใบหน้าซื่อๆ แล้วอย่างนี้...ใครจะถือสาความจำเจซ้ำซากของสถานการณ์ในตอนนี้ได้อีกล่ะ
“งั้นก็แสดงว่าเจ้าพ่อไม่ได้ล็อคประตูห้องน้ำเหมือนตอนผมกับพี่หมีใช่ไหมครับ?”
บ๊วยคาดคั้นขอคำตอบจากโฮลี่ฮิปสเตอร์อย่างไม่ลดละ ซึ่งนั่นอธิบายให้เก็กเข้าใจถึงเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตนและหนุ่มร่างผอมในห้องปิดตายเมื่อคราวก่อน
ส่วนเจ้าพ่อห่อไหล่ก็รีบฉวยโอกาสแถลงข่าวขอความเป็นธรรม
“ก็บอกแล้วว่าข้าไม่ได้คิดจะใช้แผนเดิมกับที่เคยใช้กับเจ้าเสียหน่อย”
เจ้าพ่อห่อไหล่ยู่หน้าด้วยไม่พอใจเป็นที่สุดเมื่อโดนเจ้าพวกเด็กมนุษย์ลบหลู่เอาซึ่งซึ่งหน้า
“ถึงไม่ล็อค
แต่มันสนุกกว่านั้นมากนะ” ทันทีที่ได้ยินคำพูดกำกวมของเจ้าพ่อไทรทองที่มาพร้อมกับสีหน้าซุกซนปนเจ้าเล่ห์จนดักทางไม่ถูก
อารมณ์ที่เคยขุ่นมัวของโฮลี่ฮิปสเตอร์ก็มลายโดยพลัน...
ก็จะอะไรล่ะ...ถ้าไม่ใช่ความรู้สึกหนาวเหน็บจนขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง
เมื่อเจ้าพ่อห่อไหล่นึกขึ้นได้ว่า...
หากเทพสายบู๊เกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากร่วมเล่นแผลงๆขึ้นมาเมื่อไร
ควรเริ่มเตรียมใจยอมรับความอุตริเกินคาดเดาที่จะตามมาเสียแต่เนิ่นๆ
“ผมไม่รู้หรอกว่าเบ๊บเคยสร้างวีรกรรมแก่นเซี้ยวอะไรเอาไว้...
แต่ผมรับรองว่าความแก่นแก้วแสนซนของเบ๊บ ต้องไม่ได้ครึ่งของฝีมือผมแน่ หึ หึ หึ”
เจ้าพ่อไทรทองทำท่าภูมิอกภูมิใจสุดๆ
เจ้าพ่อห่อไหล่ถึงกับตบอกด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นอาการของเทวบุตรสุดชิค...
นั่นปะไร! ทำไมเขาถึงไม่เคยซื้อสลากกินบุญของสวรรค์ถูกสักงวดแบบนี้บ้างเลยนะ!!
และดูเหมือนสมุนเลวทั้งห้าเองก็ตระหนักถึงอันตรายที่ยากเกินรับมือรออยู่ข้างหน้า
เกือบทั้งหมดจึงอุทานด้วยความตกใจตามหลังเจ้าพ่อห่อไหล่ไปติดๆ
“ห๊ะ???!
ว่าไงนะ???!”
“อย่าเพิ่งตกใจไปครับสหาย”
สกลปรามให้เพื่อนทั้งหมดอยู่ในความสงบ
แล้วจุดประกายให้ทุกคนเบนความสนใจไปยังสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดควรทำมากที่สุด...อย่างน้อยๆ
หากมีใครหลวมตัวมาร่วมหัวจมท้ายด้วย เขาก็จะไม่กลายเป็นไอ้ขี้เสือกอยู่คนเดียว
“ตอนนี้...
สิ่งที่เหล่าสมุนเลวอย่างพวกเราควรสนใจ ก็คือ...
...สถานการณ์ของพี่เต๋อ
คุณกรกฏ และคุณพี่ด้วงยังไงล่ะครับ...
.
...ถามจริงเถอะ...
...ไม่มีใครอยากรู้เหมือนผมเหรอครับว่า
สามคนนั้นจะเป็นยังไงกันบ้าง?” เมื่อได้ฟัง...ทุกคนก็วิ่งนำหน้าสกลไปแนบหูกับบานประตูห้องน้ำเจ้าปัญหาโดยไม่คิดรอคนต้นเรื่อง
เมื่อราวๆห้านาทีที่แล้ว
ภายในประตูห้องน้ำที่ถูกปิดลงทันทีหลังจากสามหนุ่มเดินผ่านเข้าด้านใน...
ชายหนุ่มร่างเล็กเดินพุ่งไปเปิดก็อกน้ำเหนือซิงค์
แต่ก็อกเจ้ากรรมที่ได้รับเลือกกลับไม่ยอมปล่อยน้ำออกมาสักหยด
ไม่ต่างกับหัวก็อกตัวข้างๆที่ด้วงกับเต๋อลองเปิด
ซึ่งเหือดแห้งแล้งน้ำพอๆกัน
สองเพื่อนซี้เลยพร้อมใจกันเดินเลยเข้าห้องน้ำไปเพื่อจัดการกับตัวเองด้วยสายฉีดน้ำโดยไม่รั้งรอบุคคลที่สาม...
ชายหนุ่มร่างหมี
ผู้เดินรั้งท้ายมาเงียบๆ จึงเดินเข้าไปจับจองห้องน้ำข้างๆห้องที่กังฟูใช้อยู่โดยไม่ต้องรอให้ใครบอก
ด้วยเพราะเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในห้องน้ำเป็นผลพวงมาจากการบันดาลตามระดับความร่าเริงของเทวบุตรสุดชิค
จึงไม่น่าแปลกใจ
หากนมชมพูที่แค่สร้างความรำคาญให้หนุ่มๆในระดับผิวเผิน จะเจริญเติบใหญ่กลายเป็นของเหลวเจ้าของความเหนียวหนืดระดับน้องๆแป้งเปียกผสมสาคูไปในที่สุด
จากที่คิดว่าแค่เข้ามาเอาสายฉีดพรมน้ำลงบนบริเวณที่เปรอะเปื้อน
กลับลงท้ายด้วยการถอดเสื้อ
และกางเกงที่เลอะเทอะเพื่อซักเอาคราบสีชมพูออก
ควบคู่ไปกับวักน้ำล้างเนื้อตัวอย่างจริงๆจังๆ
ไม่ต่างกับการอาบน้ำชำระร่างกายอีกครั้งกันเลยทีเดียว
โดยรายที่อาการหนักที่สุด
เห็นจะไม่พ้นกังฟู...
เครื่องแบบท่อนบนและล่างของชายหนุ่มร่างเล็กถูกสีชมพูย้อมเคลือบไปทั่วจนกลางตัวดูมีเลือดฝาดไม่ต้องอาศัยเอฟเฟค
“นมชมพูโรงกลางหรือยางมะตอยวะแม่ง?! ทำไมผสมให้เหนียวขนาดใช้ประสานเหล็กได้แบบนี้วะ...ไอ้นมสัดหมาเอ๊ย?!!” กังฟูบ่นพึมพำเมื่อรู้ฤทธิ์ของน้ำเหนียวหวานจ๋อยที่ติดอยู่ตามอกเสื้อและกางเกงยีนส์ด้านหน้าเกือบทั้งแถบ
“นั่นสิ...สงสัยต้องถอดเสื้อผ้าออกแล้วล้างตัวเสียล่ะมั้ง”
ด้วงผสมโรงด้วยเห็นตรงกัน... เพราะตามพื้นนิสัย คุณชายพดด้วงเองก็ไม่ถูกโรคกับความเหนียวเหนอะหนะไม่สะอาดสะอ้านเป็นที่สุด
“เอาแค่พอไม่เหนียวก็ได้มั้งด้วง
มึงไม่ต้องประณีตนักหรอก เดี๋ยวเรียนเสร็จค่อยกลับหอทีเดียว” กังฟูดักคอเพื่อนสาวในร่างชายเพื่อไม่ให้เสียเวลายิ่งไปกว่านี้...
ขืนปล่อยให้คุณนายด้วงเพื่อนรักทำตามอำเภอใจดูสิ ชายหนุ่มร่างเล็กมิต้องได้กางเตนท์นอนรอจนกว่าอีกฝ่ายจะนวยนาดเล็มขนทำความสะอาดตัวเองจนเสร็จกันพอดีหรอกหรือ
“ก็ได้...
โชคดี เราเปียกแค่เฉพาะกางเกง” ด้วงรับปากเสียงอ่อย ก่อนจะถอดกางเกงยีนส์ขาเดฟของตัวเองออกจากร่างด้วยความยากลำบาก
“กูเนี่ยดิ
เปียกซ่กทั้งบททั้งล่าง ขออย่าให้ต้องถอดบ็อกเซอร์ออกมาล้างด้วยเลยวะ...เหี้ย! เหนียวฉิบหาย!!” กังฟูผู้มีเพียงบ็อกเซอร์เป็นปราการด่านสุดท้ายเพียงชิ้นเดียว
สบถเสียงดังระหว่างฉีดน้ำล้างคราบสีชมพูหอมหึ่งออกจากเสื้อยืดสีขาวตัวเก่ง และกางเกงยีนส์ที่ห้อยอยู่ตรงตะขอด้านในประตูคือเป้าหมายชิ้นถัดไป
“กูทนฟังมึงบ่นมานานแล้ว...
.
...ถามจริงเหอะไอ้เหี้ยเตี้ย
ใจคอมึงจะไม่ขอโทษกูกับกะเทยหน่อยเหรอที่ต้องมาโดนหางเลขไปด้วยแบบเนี้ยะ?” หลังจากชั่งใจอยู่นานว่าจะแค่แอบฟังบทสนทนาของเพื่อนทั้งสองอยู่เงียบๆดีหรือไม่
สุดท้าย...เต๋อก็ทนหมั่นไส้นิสัยไม่ยอมรับความผิดของกังฟูไม่ไหว ชายร่างหมีผู้เปลือยท่อนบนเพื่อซักเสื้อเชิ้ตนักศึกษาจึงสอดขึ้นกลางปล้อง
ซึ่งกังฟูก็สนองให้อย่างรวดเร็ว
“ทำไมกูต้องขอโทษ?...
...ก็กูไม่ได้ตั้งใจนี่หว่า...
.
...มึงแม่งปัญญาอ่อนไปป่าววะไอ้ควายเต๋อ?...
...มึงแม่งปัญญาอ่อนไปป่าววะไอ้ควายเต๋อ?...
...คนสมองดีที่ไหนจะบ้าสาดน้ำหวานใส่ตัวเอง...
โง่ฉิบหาย!”
“มึงไม่ได้บ้าหรอกไอ้เหี้ยเตี้ย...แต่มึงเหี้ยและจัญไรอย่างน่าประหลาดต่างหาก...
.
...เพราะเมื่อกี๊มึงตั้งใจจะสาดนมแก้วนั้นใส่หน้าน้องรหัสกู!!” เต๋อเถียงทันควัน
เพราะนั่นคือภาพที่เขาเห็นเมื่อมองจากหน้าร้านข้าวในมุมไกล
“มึงอย่ามากล่าวหากูแบบนี้นะ!!” ความโมโหอีกฝ่ายถูกระบายผิดที่ผิดทาง...สองมือที่เพียรขัดเอาคราบสีชมพูซึ่งเปรอะเปื้อนไปทั่วแผงอกออก
ดันกดย้ำน้ำหนักอย่างรุนแรงจนเจ้าของเรือนร่างบอบบางจำต้องสูดปากซี๊ดซ๊าดเบาๆด้วยความลืมตัว
“ทำไมกูจะพูดไม่ได้
ก็กูเห็นตอนก่อนมึงจะสาดนมใส่บ๊วยมันเต็มสองตายังไงล่ะ...
.
...มึงคงไม่เคยได้ยินสินะว่าเดี๋ยวนี้น่ะ
กรรมมันติดจรวด หึ หึ หึ...สมน้ำหน้าว่ะ!!” เต๋อเยาะเย้ยกังฟูผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แม้จะรู้ซึ้งว่า วิธีนี้ไม่ใช่หนทางดัดนิสัยของอีกฝ่ายอย่างถูกต้อง
แต่สมองกลับพ่ายแพ้ต่อความต้องการซึ่งปรารถนาจะครอบครองความสนใจทั้งหมดของอีกฝ่ายโดยเร็วและได้ผลชะงัดที่สุด
“ไอ้เหี้ยเต๋อ!!” กังฟูบริภาษ...
ทว่าฝ่ายที่ถูกเรียกจิกหัวกลับยิ้มกว้างกับตัวเองด้วยความพึงพอใจ...
นั่นไง
ความสนใจของกังฟูสาดมาถึงเขาแล้ว!
ความครึ้มอกครึ้มใจทำให้คนฟังนึกอยากจะหยอดคำหวานกลับไปให้สะท้านหัวใจคนตัวเล็กกว่า...
เดชะบุญที่ความยับยั้งชั่งใจยังเตือนให้เต๋อตระหนักว่า
การกลับลำทำท่าปัญญาอ่อนออดอ้อนอีกฝ่ายกลางอากาศโดยไร้บริบท อาจทำให้กังฟูหวาดกลัวหัวหดจนไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาอีกต่อไป
เพื่อป้องกันความเสี่ยงทั้งหลายไม่ให้บังเกิด
หนุ่มร่างหมีจึงเชิดหน้าเปล่งวาจาไม่น่าฟังในระดับคือคือกันตอบโต้กังฟู
แทนการสื่อความปรารถนาลึกๆข้างในไปตรงๆ
“ทำไมไอ้เหี้ยเตี้ย?!”
“มึงออกมาเจอกูตัวตัวตอนนี้เลยดีกว่า
ปากอย่างมึงน่ะต้องโดนสั่งสอนให้เข็ดหลาบเสียบ้างจะได้สงบเสงี่ยม” กังฟูยืนหยัดขึ้นท้าทายอำนาจหมี
แต่มีหรือที่เต๋อจะหงอ
ทันทีที่ได้รับสาสน์เชื้อเชิญจากอริเก่า...
อารามดีอกดีใจ
ชายหนุ่มร่างหมีก็รีบสลอนออกมารอดูท่าทีของอีกฝ่ายโดยไม่สนใจว่าตนเองกำลังแก้ผ้าครึ่งท่อนอยู่...
น่าเสียดายเหลือเกินที่ไม่มีผู้ใดได้เป็นสักขีพยานชื่นชมอาการหน้าบานของเต๋อในครั้งนี้แบบจะจะ
“หึ! ไม่ต้องท้ากูหรอก... กูรอมึงอยู่หน้าประตูห้องน้ำมึงแล้วเนี่ยะ”
ด้วยความโกรธจนหน้ามืดกังฟูเลยหน้าด้านเดินหุนหันออกจากห้องน้ำมาในสภาพบ็อกเซอร์ล้วนๆเสื้อผ้าไม่เกี่ยว
เมื่อสองหนุ่มได้เห็นสารรูปของอีกฝ่ายแบบเต็มๆตาโดยไร้หมอกฝ้าเซนเซอร์บดบัง...
แทนที่จะออกปากด่ากันไม่ยั้งให้หูดับตับไหม้กันไปข้าง
กลับกลายเป็นความเงียบอ้างว้างชั่วอึดใจ
ที่เข้ามาคั่นกลางอย่างกับละครเย็นโดนรายการพิเศษหลังเคารพธงชาติแทรก
ทั้งคู่...ต่างสตั๊นท์ค้างกับร่างกายเกือบเปลือยของอีกฝ่ายไปนานหลายวินาที
กังฟูแอบกลืนน้ำลายไปหลายอึก
หลังจากตื่นตะลึงด้วยสำนึกในความอลังการงานช้างของแผงอกล่ำๆและหน้าท้องเลิศๆของหนุ่มร่างหมีที่ใส่ยีนส์เพียงตัวเดียวมายืนจังก้าหน้าไม่อายหมายจะฉะกับศัตรูคู่อาฆาตตั้งแต่ชั้นอนุบาลสามอย่างเขาให้รู้แล้วรู้รอด
ในขณะที่หัวใจของอีกฝ่าย...ก็เต้นไม่เป็นส่ำ
เมื่อโดนความขาวใสไร้ด่างดวง
พ่วงด้วยจุกชมพูดูน่าฟัดทั้งสองข้างลอบทำร้ายจนเลือดลมในกายไหลเวียนปั่นปวน
ท้องมวน หัวโล่ง สมองกลวงโหวงว่างแบบเฉียบพลัน
“มะ...มะ...มึงจะเอาไงไอ้เหี้ยเตี้ย?”
เสียงอึกอักไม่สม่ำเสมอของเต๋อกับความเงียบผิดปกติของเพื่อนรักทำให้ด้วงกระหืดกระหอบไร้ท่อนล่างออกมายืนข้างๆกังฟูทันที
และเมื่อชายหนุ่มผมยาวเห็นเพื่อนตัวเล็กในสภาพล่อแหลม...
เขาก็ปล่อยให้ชายร่างหมีไล่สายตาสอดแนมไปตามเรือนร่างขาวผ่องของกังฟูที่รักไม่ได้อีกต่อไป
“ฟู! เราว่าฟูแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนดีไหม?
เดี๋ยวมีใครเข้ามาเห็น” ด้วงเตือนสติพลางเอาตัวเข้าบังร่างบางๆ
“อ่ะ อะ เอ้อ! ก็ได้” กังฟูที่เพิ่งหลุดออกจากเวทย์มนตร์แห่งความล่ำน่าขยำกล้าม
ทำได้แค่อ้ำอึ้งซื้อเวลาจากคู่แค้นระหว่างเดินงงก่งก๊งกลับเข้าห้องน้ำไป “ไอ้เต๋อ...เอ่อ...กูขอเวลาห้านาที
แล้ว...แล้วกูกับมึงจะได้เห็นดีกัน...เอ้อ... ตามนั้นแหละ!”
“ฮี่โธ่! กูนึกว่าจะแน่” เพื่อไม่ให้หนุ่มผมยาวหน้าหยกจับพิรุธได้
เต๋อจึงเร่งกลบเกลื่อนอาการหน้าเห่อร้อนเพราะภาพสะกดสายตาเมื่อครู่ ด้วยการพูดข่มขู่กังฟูเสียยกใหญ่
“เต๋อ...
เราว่าเราคุยกับนายตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วนะ
ทำไมนายยังมายุ่งวุ่นวายกับฟูอยู่อีกล่ะ?” ด้วงกระซิบกระซาบถามชายร่างหมีด้วยสีหน้าจริงจังกว่าที่เคย...
ให้ตายสิ! เขาไม่น่าบ้าทำความสะอาดตัวเองจนติดลมบน
ไม่รู้ว่าสายตาเต๋อจะซุกซนซอกซอนทะลุเนื้อผ้าบางๆของบ็อกเซอร์ตัวน้อยของกังฟูไปถึงไหนบ้าง...
จะใช่แบบที่เขาชอบแอบทำเวลาที่ร่างบางเผลอตัวหรือเปล่านะ?!
“กูพอใจ
มีอะไรไหมกะเทย?” ถึงคำพูดจะรุนแรง
แต่ระดับเสียงที่เต๋อเลือกใช้...ไม่ต่างไปจากเสียงแผ่วๆเท่าแมวหาวของด้วงเท่าไรนัก
“ถ้าฟูเลิกยุ่งกับเก็กและน้องรหัสนาย...
นายก็จะไม่มายุ่งกับฟูเหมือนกันใช่ไหม?” ด้วงอยากฟังคำยืนยันจากปากเต๋ออีกสักครั้ง
“เออ! จะว่าอย่างนั้นก็ได้” เต๋อรับปากสั่วๆอีกแล้ว...
กระทั่งตอนนี้
เขายังไม่รู้ตัวว่าเขารู้สึกอย่างไรกับกังฟูกันแน่...
แต่มันคงแย่...หากเขาปล่อยให้กะเทยจับได้ว่า
ใจของเขาเต้นโครมครามเมื่อได้มองหน้า จ้องตา...และได้เห็นผิวกายขาวกระจ่างของกังฟูเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
“ด้วง!!! ทำไงดี?” น้ำเสียงร้อนรนของกังฟูที่หายต๋อมเข้าห้องน้ำไปทำให้ทั้งสองหนุ่มเลิกเขม่นกันทันใด
“อะไรฟู? เกิดอะไรขึ้น?!!”
ประโยคคำถามของด้วงยังไม่ทันจบ
อีกฝ่ายก็เปิดประตูผางออกมาในสภาพไม่ต่างจากขาเข้าไป
“เสื้อผ้ากูหายไปไหนก็ไม่รู้
กูลองหาดูแม่งทุกซอกก็ยังไม่เจอ... เป็นไปได้ไงวะ?” กังฟูหน้าซีดเผือด
เหมือนเลือดถูกสูบหายไปจากร่าง
“ไหน? ขอเราเข้าไปดูหน่อยซิ”
ขณะด้วงเข้าไปสำรวจห้องน้ำที่กังฟูใช้งานเพื่อหาหลักฐานสนับสนุนคำพูดของเพื่อนรัก เต๋อก็นึกเอะใจกลับเข้าไปในห้องน้ำที่ตนเองพาดเสื้อเปียกทิ้งไว้บ้าง
ทว่าเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดกับกังฟู...ดูจะไม่ละเว้นเป็นพิเศษให้กับเขาเช่นกัน
“เตี้ย! บอกมา...มึงเล่นอะไร?”
ชายหนุ่มร่างหมีโวยวายเสียงดังเมื่อเสื้อเชิ้ตของเขาอันตรธานลับไปอย่างไร้ร่องรอย
“อะไรของมึงวะเต๋อ?
มึงประสาทแดกไปแล้วเหรอไง? ใครเล่นอะไร... อย่าปากพล่อยได้ป่ะ คนยิ่งกำลังหงุดหงิดๆอยู่!!” กังฟูสวนกลับทันที ความโกรธยิ่งทำให้ชายหนุ่มร่างเล็กตัวแดงหน้าแดงน่าแกล้งไปกันใหญ่
“มึงเอาเสื้อกูไปซ่อนที่ไหน?”
เต๋อเดินหน้าเข้มออกมาหาเรื่องอีกฝ่ายที่ยืนกอดอกรอด้วยความไม่พอใจหลังจากถูกกล่าวหาพล่อยๆ
“เสื้อมึงหายแล้วกูไปเกี่ยวอะไรด้วย?”
กังฟูเขย่งปลายเท้าโก่งแผงคอขู่ฟ่อๆไม่หยุดปาก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอะไรเป็นอะไร...ท่าทีหาเรื่องก็เปลี่ยนเป็นตกใจทันที
“ห๊ะ?! เมื่อกี๊มึงว่าไงนะ... เสื้อมึงหายงั้นเหรอ?”
“ก็เออดิ
หายหลังจากที่กูออกมาคุยกับมึงตอนนั้นแหละ” เต๋อขยายความด้วยมั่นใจร้อยเปอร์เซนต์
“หยุด!! ทั้งสองคนใจเย็นก่อน
ขอเราเช็คกางเกงเราแป็บนึง”
ด้วงที่ผลุนผลันออกจากห้องน้ำของกังฟูแวะมาห้ามมวยก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำที่ตนเองใช้ชำระคราบ
สีหน้าตกอกตกใจของเพื่อนรักเมื่อครู่ทำให้กังฟูใจไม่ดีจนต้องตะโกนถามความคืบหน้าจากเพื่อนสาวผมยาว
“ว่าไงด้วง?”
“หึ! กางเกงเราก็ไม่อยู่เหมือนกัน”
ด้วงจำใจยอมรับความจริงที่น่าฉงนฉงาย
“เป็นไปได้ไงวะ?”
เต๋อพึมพำด้วยความไม่เข้าใจ
“มึงหาดีแล้วใช่ป่ะด้วง
ทั้งเสื้อผ้ากูและก็กางเกงมึง?” กังฟูถามเพื่อนรักเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่า
คำตอบของด้วงคงไม่แตกต่างไปจากเดิม
“อื้อ...
ไม่มีเลย เหมือนอยู่ๆมันก็หายไปในอากาศเสียเฉยๆอย่างนั้นแหละ” ด้วงแค่นตอบ...
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ใครกำลังเล่นตลกกับพวกเขาด้วยการเอาเสื้อผ้าเปียกๆ
เปรอะๆทั้งหมดไปซ่อนกันนะ?...จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว!!
“เหรอ?...
งั้นเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ
กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่ห้องก็ได้... ไม่ต้องเสียเวลาหาแล้วล่ะ” กังฟูผู้เอาแต่คิดวนเวียนถึงเรื่องความเชื่อเหนือธรรมชาติออกอาการกลัวอย่างปิดไม่มิด...
แต่ครั้งนี้กลับไม่มีใครคิดต่อว่าหรือค่อนแคะให้หนุ่มร่างเล็กเสียอกเสียใจ
เพราะต่างก็หาคำอธิบายให้กับการหายตัวของเสื้อผ้าหลายชิ้นของพวกเขาไม่ได้สักข้อ
“เอางั้นเหรอฟู?
ฟูจะกลับทั้งแบบนี้เนี่ยนะ?” ด้วงก้มมองตัวเองสลับกับร่างเกือบเปลือยของเพื่อนรัก...
จริงอยู่ที่เขาทั้งคู่เป็นผู้ชาย
แต่ครั้นจะปล่อยให้ใครได้เห็นเรือนร่างของกังฟูที่เขาหวงแหนง่ายๆ
คงต้องรอไปตอนบ่ายๆของชาติหน้าโน่นล่ะ เขาถึงจะยอม
“ก็เออดิ...
ไปเร็วด้วง กูไม่อยากอยู่ที่นี่นาน” กังฟูผู้ไม่รู้ร้อนรู้หนาวในคุณสมบัติ ‘น่าเอา’ ของตัวเองเดินแกว่งขานำหน้าด้วงออกไปก่อน
“เรื่องเมื่อกี๊ที่เราคุยกับนาย...
.
...เอาเป็นว่า...เราจะช่วยพวกนายกันฟูออกจากเก็กอีกแรงนึงก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มผมยาวทิ้งท้ายกับว่าที่ศัตรูหัวใจคนใหม่ด้วยกลยุทธล่าสุด
กลยุทธที่จะทำให้เขามีสิทธิกีดกันเต๋อกับกังฟูได้อย่างเต็มที่...
ถ้าเต๋อเข้ามาก้าวก่ายเพื่อช่วยน้องอย่างที่พูดจริงๆ
เขาก็จะช่วยกันฟูเพื่อให้น้องของทั้งสองฝ่ายได้สมรักสมใจกันเสียที
แล้วหลังจากนี้...ก็จะไม่มีเต๋อโผล่เข้ามากวนสายตาและหัวใจของเขาอีกต่อไป...แผนการที่สมบูรณ์ยิ่งกว่านี้
คงไม่มีอีกแล้ว
“หึ! หวงจริงนะไอ้เตี้ยเนี่ยะ
กูไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรดีสักอย่าง... ขี้ก้างก็เท่านั้น” เต๋อค่อน...
แต่เชื่อเถอะว่าก่อนนอนทุกๆคืน ภาพของไอ้ขี้ก้างร่างเกือบเปลือยที่มีนามว่ากังฟู
จะฝังติดแน่นอยู่ด้านในของเปลือกตาหนุ่มร่างหมีโดยไม่ห่างหายหน่ายหนีไปที่ไหน...
หลับตาเมื่อไรเป็นต้องได้เจอกัน
“เหรอ?
แต่สายตานายไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ”
เต๋อนึกขอบใจเสียงโวยวายของฟูที่ขัดจังหวะขึ้นมาพอดี
เพราะเขายังไม่มีข้ออ้างที่ดีพอเพื่อจะใช้แก้ต่างคำกล่าวหาของด้วงได้
“เฮ่ยยยยยย!!!” เสียงร้องอย่างตกอกตกใจของชายหนุ่มร่างเล็กที่ดังมาจากซิงค์ทำให้ทั้งสองหนุ่มร่างใหญ่วิ่งตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่ายกันแน่
“ฟู!!” ทั้งด้วงและเต๋อต่างก็อึ้งกับภาพสะท้อนและตัวจริงด้านหน้ากระจก...
กังฟูผู้อยู่ในอาภรณ์ตัวจิ๋วเพียงผืนเดียว
ถูกสายน้ำสาดซัดจนเปียกปอนไปทั้งร่าง...
ไอ้เนื้อผ้าบ้างบางของบ็อกเซอร์ตัวเก่าสีอ่อนๆ
จึงไม่ได้ช่วยซ่อน ‘สิ่งละอันพันละน้อย’ ที่เจ้าของควรจะปิดบังสักเท่าไร
ทำไปทำมา...
จากที่ไม่อีโรติกมากนักเมื่อหักลบจินตนาการด้านหื่นออกแล้ว
กลับฉายแววความโมเอ้ล้านดั้ง
หลังเจ้าตัวโดนวารีกระหน่ำเสริมอำนาจทำลายล้างให้กว้างขวางกระแทกใจชายหนุ่มทั้งสองเข้าอย่างจัง
ทั้งเต๋อและด้วงจึงโดนคาถา ณ จังงังเข้าเล่นงานจนยืนอ้าปากค้างกันไปทั้งสองคน
“ฟู! เกิดอะไรขึ้น?...
ทำไมถึงเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?” ด้วงที่หวงแหนเพื่อนรักเป็นที่สุดคือรายแรกที่ได้สติ
หนุ่มผมยาวถอดเสื้อเชิ้ตนักศึกษาตัวโคร่งของตัวเองออกเพื่อห่มคลุมร่างเล็กที่เปียกมะลอกมะแลก
สองมือใหญ่รีบกลัดกระดุมปกปิดส่วนอ่อนไหวต่อความรู้สึกของชายทุกคนที่ได้เห็นเอาไว้ทันที
“กูแค่เดินมาล้างคราบเหนียวตรงซิงค์อีกทีก่อนไปน่ะ”
กังฟูอธิบายด้วยสีหน้างุนงงกับท่าทางแปลกๆของเพื่อนรักและไอ้อริร่างหมี
“อ้าว! ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าก็อกมันไม่มีน้ำ
ทำไมยังจะดื้ออีก?” ด้วงแหวใส่ด้วยความลืมตัว... เขาอยากจะถามอีกฝ่ายเหลือเกินว่า
ใจคอจะไม่รับรู้หน่อยหรือว่า เขาทั้งหวงทั้งห่วงสวัสดิภาพของร่างกายเล็กๆตรงหน้านี้มากเท่าไร?!
“ก็ก็อกนี้ไอ้เหี้ยเต๋อมันเช็คนี่...
กูไม่เชื่อมันหรอกว่าไม่มีน้ำ กูเลยมาลองเปิดดูอีกที เผื่อมันโกหก...
...ใครจะไปคิดว่าหัวก็อกแม่งจะหักติดมือกูมาแบบนี้ล่ะ?...
.
...ถ้ากูไม่ก้มลงไปปิดวาลว์ข้างล่าง
ป่านนี้น้ำแม่งท่วมมหาลัยไปแล้ว...
...ก็อกห่าอะไร
น้ำไหลแรงฉิบหาย โดนไปเมื่อกี๊ หัวกูแทบหลุดแหน่ะ” กังฟูพูดพลางติดกระดุมเม็ดที่เหลือแล้วพับแขนเสื้อตัวใหญ่ๆให้ไม่ดูเทอะทะ
แต่ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้เดินออกไปข้างนอก
เต๋อกลับห้ามเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนไอ้เหี้ยเตี้ย...
มึงใส่กางเกงกูด้วย!!”
“ทำไม?
ทำไมกูต้องใส่กางเกงมึง? แต่งแค่นี้กูก็กลับห้องได้แล้ว มึงมีปัญหาอะไร?”
กังฟูงงไปกันใหญ่เมื่ออยู่ๆไอ้หมีควายก็ถอดกางเกงยีนส์ตัวใหญ่ส่งมาให้ถึงมือ
เมื่อด้วงดูสภาพของกังฟูในเสื้อเชิ้ตตัวเดียวแบบพินิจพิจารณาก็เข้าใจประเด็นที่เต๋อต้องการจะสื่อได้อย่างไม่ยากเย็น
แทนที่การสวมเสื้อเชิ้ตเพิ่มขึ้นอีกชิ้น
จะช่วยให้ดูสุภาพ...กลับกัน มันยิ่งทำให้กังฟูในยามนี้ดูล่อตะเข้ไปกันใหญ่
เสื้อเชิ้ตขาวๆ
ตัวโคร่งๆ บดบังผิวขาวเนียนราวงาช้างของกังฟูได้เพียงร่างกายท่อนบนกับสะโพกเท่านั้น
หยาดน้ำที่หยดผ่านปอยผมก่อนตกกระจายลงส่วนต่างๆของเสื้อเชิ้ต
ทำให้สามารถมองทะลุถึงเนื้อในเป็นหย่อมๆ
และนั่นก็ยิ่งฉุดให้คนมองคิดอกุศลกับคนตัวเล็กแสนอีโรติกมากยิ่งขึ้นไปอีก
หนำซ้ำ...
ต้นขาเปลือยเปล่าและปลีน่องได้รูปที่โผล่พ้นชายเสื้อลงมาแบบที่มองหาร่องรอยของบ็อกเซอร์ตัวเก่งไม่เจอ
ชวนให้คนมองเพ้อไปไกลว่าใต้ผ้าอาจจะไม่มีสิ่งใดปกปิดอยู่แม้สักชิ้น...แล้วอย่างนี้ความฟินจะไปไหนเสีย
ด้วงกับเต๋อที่เอาแต่เฝ้ามองร่างเล็กไม่วางตาสลับกันกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ
ในขณะที่ต้นเหตุกลับทำหน้างอขมวดคิ้วมุ่น
“ฟู...
ใส่เถอะนะ เราของร้อง... วันนี้เอามอไซค์มาไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวตอนขากลับเกิดซุ่มซ่ามไปเตะโดนท่อ...ขาได้พองกันพอดี”
ด้วงเปิดปากร้องขอความร่วมมือจากเพื่อนรักทันทีที่จับอาการไม่พอใจของร่างเล็กได้
“อะไรของพวกมึงวะ?
บ้าเปล่าเนี่ยะ?” ถึงจะด่ากราด แต่กังฟูก็ยอมเอากางเกงเต๋อไปใส่ดีๆตามสั่ง
“แล้วมึงสองคนจะเดินตัวปลิวกลับหอทั้งบ็อกเซอร์อย่างนี้น่ะเหรอ?” กังฟูที่อยู่ในชุดโคร่งทั้งบนและล่างจนดูคล้ายกับเด็กแอบเอาเสื้อผ้าพ่อมาใส่เล่นถามไอ้ร่างหมีในบ็อกเซอร์สีเจ็บทั้งสองคน
“เรื่องของกู...กูชอบโชว์!... ไอ้ตุ๊ดก็คงเหมือนกัน
นานๆจะได้แก้ผ้าให้ผู้ชายดูทั้งมหาลัย มีหรือที่มันจะไม่ชอบ... ใช่ป่ะมึง?” เต๋อออกรับแทนแบบรวดเดียวโดยไม่ปล่อยให้ด้วงต้องคิดหาเหตุผลข้างๆคูๆข้ออื่นมาขัดแย้งให้ฟังแปร่งหูไปเปล่าๆ
“เออๆ
เราชอบให้ผู้ชายมองน่ะ ไม่ต้องคิดมากหรอกนะฟู... ไป กลับห้องเปลี่ยนชุดกันเถอะ
เดี๋ยวไปเรียนคาบเช้าไม่ทัน”
เมื่อได้ข้อสรุป
ทั้งเต๋อและด้วงต่างก็เดินประกบฟูฝ่าฝูงชนออกจากห้องน้ำไปยังทางออกของโรงอาหารกลาง
ระหว่างนั้น...สองหนุ่มร่างสูงต่างไม่ลืมส่งสายตากำราบผู้ชายคนอื่นๆไม่ให้เผยอตามองตามร่างเล็กด้านหน้าไปมากกว่านี้
สำหรับหนุ่มผมยาวแล้ว...การกระทำตามสัญชาตญาณของนักล่าที่หวงตัวเมียอย่างที่สุดดำเนินไปตามธรรมชาติ
แต่สำหรับเต๋อร่างหมี...หนุ่มคนนี้ได้แต่หลอกตัวเองว่า
ที่ส่งสายตาอาฆาตไปให้ไอ้ตัวผู้ตัวอื่น ก็เพราะไม่อยากให้ศัตรูเพียงหนึ่งเดียวไปสร้างปัญหาจนต้องแบ่งเวลาสะสางหนี้เก่าของตนไปให้ใครอีก
“แล้วมึงจะเดินมาส่งกูที่รถทำไม?
เป็นไรมากป้ะ?” กังฟูหันไปเห่าไล่เต๋อร่างหมีที่ยังประกบข้างกายเขาไม่ห่างแม้ทั้งสามจะพ้นจากชายคาของโรงอาหารกลางตั้งแต่เมื่อกี๊
“ใครบอกว่ากูเดินมาส่งพวกมึง?
โน่น รถกูอยู่โน่น มึงไม่เห็นหรือไง? ว้าย ว้าย! หลงตัวเองจริงนิ!!” เต๋อจีบปากจีบคอกวนตีนคนตัวเล็กเพื่อเฉไฉ
“ไอ้สัดเต๋อ!!!” กังฟูกำลังจะให้รางวัลไอ้ร่างหมีสามหาวที่ห้าวไม่เข้าเรื่องจนหยดสุดท้าย
แต่เพราะสายตามาดหมายของผู้ชายอีกหลายคนที่ยังมองตามร่างเล็กไม่วาง ทำให้เต๋อส่งสัญญาณขอให้ด้วงช่วยฉากกังฟูออกจากสถานที่ล่อแหลมเช่นนี้เสียที
“กะเทย
มึงเอาหมากระเป๋ากลับไปเก็บเร็วๆดิ๊ กูรำคาญเสียงเห่าว่ะแม่ง!!” ด้วงที่เปิดเรดาร์ดักจับผู้หมายตากังฟูแบบเต็มสูบก็รีบรับลูกสานต่อคำขอของเต๋อแต่โดยดีไม่มีอิดออด
“ฟู
ไปกันเถอะ...เราหนาวแล้วล่ะ”
“ฮึ่ย!!! ไอ้เหี้ยเต๋อ...ฝากไว้ก่อนเถอะ!!” กังฟูชี้หน้าเต๋อก่อนจะกระโดดซ้อนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของด้วงกลับหอไป
เมื่อร่างเล็กลับสายตา..ชายร่างหมีก็หันไปจ้องบรรดาตัวผู้ที่ยังมองตามแผ่นหลังบางไม่วายอย่างกินเลือดกินเนื้อ
เพื่อหวังทำลายขวัญและกำลังใจของพวกมันเหล่านั้นให้สิ้นซากรากแตกรากแตน
ก่อนจะเดินไปขึ้นรถของตนที่จอดทิ้งไว้ในสภาพบ็อกเซอร์ตัวเดียวด้วยท่วงท่าสุดแมนโดยไม่นึกสะท้านอายต่อสายตาผู้ใด
“เจ้าพ่อครับ...
เจ้าพ่อเปิดน้ำใส่คุณกรกฏเหรอครับ?” สกลเปิดประเด็นถามเจ้าพ่อห่อไหล่จากมุมมืดที่ทั้งหมดใช้เป็นที่มั่นเฝ้าสังเกตการณ์เรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบผ่านคันฉ่องวงจรปิดที่ถ่ายทอดภาพและเสียงภายในห้องปิดตายให้เหล่าสมุนเลวได้รับชมโดยทั่วกัน
“ข้าเปล่า”
เจ้าพ่อห่อไหล่ปฏิเสธทันควัน จากนั้นสายตากดดันก็เหวี่ยงไปหาเจ้าพ่ออีกหนึ่งองค์ทันที
“เฮ่ย! ข้าก็ไม่” เจ้าพ่อไทรทองบอกปัดโดยไม่ต้องคิด
แต่อาการค้อนคว่ำของโฮลี่ฮิปสเตอร์ทำให้เทวบุตรสุดชิคต้องอธิบายตัวเองทันที
“ผมเปล่านะครับเบ๊บ ผมทำแค่เอาเสื้อผ้าของพวกนั้นไปหย่อนตู้ซักให้เท่านั้นเอง”
“ตู้ไหนเหรอครับเจ้าพ่อ?”
บ๊วยสงสัย
“ห้องเจ้าเต๋อยังไงล่ะ หึ หึ หึ” เจ้าพ่อไทรทองยิ้มร่าด้วยรู้ว่าในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของกังฟู
มีกระเป๋าตังค์กับมือถือของเจ้าตัวติดไปด้วย...
เท่านี้ก็ถือเป็นการช่วยส่งเสริมให้เจ้าเต๋อมีข้ออ้างในการพูดคุยกับพี่ชายของอดีตเดือนมหาวิทยาลัยมากขึ้นอีกช่องทาง
“อ้าว! ถ้าไม่ใช่เจ้าพ่อทั้งสองลงมือเรื่องน้ำ
จะเป็นใครได้อีกล่ะครับ?”
เก็กยังคาใจเรื่องน้ำจากก็อกเหนือซิงค์ที่เจ้าพ่อไทรทองเสกให้หยุดไหลชั่วขณะไปตั้งแต่ต้น
ซึ่งไม่ว่าเฮียฟู หรือใครจะพยายามทดลองเปิดสักกี่หน...น้ำก็ไม่ยอมไหล
แต่เพราะอะไรบางอย่าง กลับทำให้จู่ๆน้ำในก็อกสาดซู่ใส่เฮียฟูราวกับจงใจ
“หึ! ก็น้องพลายยังไงล่ะ” พี่ฌานเฉลยเงื่อนงำอีกประเด็นของห้องปิดตายให้เก็กได้กระจ่าง
เมื่อตามด้วยคำรับรองหนักแน่นจากแฝดน้อง... ความลับนี้ก็ถึงคราวสิ้นสุด
“ครับ... น้องพลายอยากให้เฮียฟูมีโอกาสโชว์ของดีที่พ่อแม่ให้ติดตัวมาน่ะ”
“อืมมม...ก็คงจะดีจริงๆน่ะแหละนะ...
...ไม่อย่างนั้นเจ้าหนุ่มตัวโตทั้งสองคนนั่นคงไม่ทำหน้าโหดใส่ผู้ชายคนอื่นแบบไม่ห่วงเนื้อตัวของตัวเองสักนิดหรอก...
.
...พวกเจ้าลองคิดดูสิ
สภาพในตอนนั้น...ใครมันน่ามองกว่ากัน
ระหว่างผู้ชายตัวเล็กๆที่ใส่เสื้อผ้าปกปิดทั้งตัว...
...กับร่างกายกำยำสมส่วนเต็มไปด้วยมัดกล้ามพองามของชายหนุ่มสูงใหญ่สองคนที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นบางๆเท่านั้น” เจ้าพ่อไทรทองให้เหตุผลจนลูกสมุนทั้งหมดครางฮึมฮัมในลำคอเพราะคล้อยตามไปแล้วแบบเต็มๆ
“หรือว่าพี่เต๋อจะเห็นของดีของคุณกรกฏจนหัวใจเริ่มจะหวั่นไหวแล้วครับ?”
สกลตั้งข้อสังเกตตามสีหน้าและแววตาแปลกๆของรุ่นพี่ร่างหมีที่ตนจับพิรุธได้
“ถ้าอย่างนั้น...
...พวกเราก็ต้องหมั่นสร้างเรื่องบังเอิญให้พี่เต๋อหวั่นไหวกับเฮียฟูมากขึ้นไปอีกแล้วล่ะ
หึ หึ...
.
...แต่ตอนนี้
ได้เวลาแยกย้ายกันไปเรียนได้แล้ว...
...อ้อ!
ระหว่างที่ไม่ได้เจอหน้ากัน หากมีอะไร...พี่ฌานจะบอกให้ทุกคนรู้ผ่านไลน์กลุ่ม
อย่าลืมเช็คกันด้วยล่ะ จะได้ไม่ตกข่าว” แฝดพี่กำชับกำชาเหล่าสมุนเลวก่อนจะปล่อยให้ทั้งหมดไสหัวไปตามทางของตัวเอง
แต่แล้วกลับมีสุ้มเสียงปัญญาอ่อนของสกลตะโกนสอดแทรกขึ้นมารั้งให้ทุกคนยืนค้างอยู่กับที่
“เดี๋ยวครับ! อย่าเพิ่งไปครับสหาย...
.
...ผมขอเสนอให้พวกเราให้สัญญาณการเลิกประชุมอย่างเป็นเรื่องเป็นราวด้วยครับ”
สกลพูดด้วยสีหน้าเป็นการเป็นงานจนพี่ฌานอดถามรายละเอียดไม่ได้
“ยังไงเหรอสกล?”
“ก็อย่างนี้ไงครับ”
สกลยืนตัวตรงแขนแนบลำตัว ขาชิดกัน ก่อนจะชูมือขึ้นสุดแขนอย่างรวดเร็วพร้อมกับกู่ตะโกนประโยคสั้นๆแบบสุดเสียง
“สมุนทั้งหมด... เลิ่กแทวววว...เฮ่ย์!”
“เอาเลยครับทุกคน... ลองดู” สกลพยายามโน้มน้าวเพื่อนทั้งหมดด้วยท่าทางกระตือรือล้น
ก่อนจะตั้งท่าเตรียมตัวออกสตาร์ทสัญญาณการเลิกประชุมอีกครั้งด้วยความตั้งอกตั้งใจยิ่ง...
หนุ่มหน้าแว่นคงลืมไปว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าไม่บ้า...คงทำไม่ได้
วงล้อมของเหล่าสมุนเลวทั้งหลายจึงแตกฮือ
ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางก่อนที่สกลจะพูดประโยคถัดไปจบเสียด้วยซ้ำ
“สมุนทั้งหมด... เลิ่กแทวววว...เฮ่ย์!”
“อ้าว!
ทำไมล่ะ ทำไมไม่สนใจข้อแนะนำของผมบ้างเลย?...ทำไม? ทำไมล่ะครับ?...
.
...ทำไมเพื่อนๆไม่เข้าใจตุ้ม?!!” หนุ่มหน้าแว่นทวงถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
ระหว่างสาวเท้าเดินตามหลังฝูงเพื่อนทั้งหมดไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“บูบู้...
เดี๋ยวเค้าไปส่งนะ” เก็กพูดพลางยื่นหนังสือเรียนของตัวเองส่งให้คนตัวเล็กช่วยถือระหว่างที่ตนเองทำหน้าที่สารถี
แต่บ๊วยกลับแสดงอาการสองจิตสองใจ
ว่าแล้วก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากแฝดน้องไปพลางๆ
“ไม่เป็นไรหรอก
เดี๋ยวซ้อนท้ายจักรยานฌอนไปก็ได้”
“เอ้า...นี่บ๊วยไม่ได้เอาจักรยานมาหรอกเหรอ?”
แฝดพี่ที่เดินตามมาพอดีร้องทักด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“เอ่อ...” ชายกลางจนคำตอบพลางส่งสายตาเลิ่กลั่กมองหน้าเพื่อนแต่ละคนเพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่อดีตเดือนมหาลัยก็ขุดหลุมใหญ่เพื่อฝังบ๊วยจนไม่เหลือหน้าโผล่มาสู้กับเพื่อนๆได้อีกต่อไปได้ในประโยคเดียว
“เมื่อเช้าผมไปรับน่ะพี่ฌาน
คิดว่าหลังจากนี้ก็จะคอยไปรับไปส่งนะ เดี๋ยวเฮียฟูผิดสังเกตน่ะ”
“อ้ออออออออ
อย่างนี้เองเหรอ... เออๆ ดีๆ แนบเนียนดี” แฝดพี่ถึงบางอ้อ
และมองยาวต่อไปถึงฝั่งธนฯเรียบร้อย ครั้นจะรอให้เพื่อนผู้สนิมสร้อยลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อความรักของตัวเองโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
เห็นทีว่าชาตินี้...บ๊วยคงไม่มีโอกาสได้ถวายตัวให้เก็กได้ลองลิ้มชิมรสเป็นแน่
แฝดพี่จึงเกริ่นนำร่องให้เพื่อนทั้งสองได้เริ่มต้นเปียแชร์กันเสียที “ไปดิบ๊วย ไปกับไอ้เก็กมัน
เดี๋ยวเฮียฟูที่แอบหลบอยู่ตามเสาจะจับผิดเอาได้นะ”
“......” บ๊วยหันไปส่งค้อนวงใหญ่แถมวงปี่พาทย์ให้แฝดพี่อีกหนึ่งด้วยไม่รู้จะตอกอีกฝ่ายให้หน้าหงายได้อย่างไร
แต่ชายกลางกลับมีเวลาแค้นฌานได้เพียงไม่นาน เพราะหนังสือหนาๆว่าด้วยวิชาคำนวณทำให้คนตัวเล็กต้องคว้ามาถือเอาไว้อย่างไม่มีทางเลือก
“ไปครับบูบู้
เดี๋ยวเค้าไปส่ง” พูดจบ...อดีตเดือนมหาลัยก็ยื่นมือมาจับให้คนตัวเล็กเดินไปซ้อนท้ายบิ๊กไบค์คันงามของตัวเองโดยไม่รอช้า ก่อนที่รถสองล้อเครื่องหลายพันซีซีจะออกตัว
ชายกลางก็หันมาทิ้งท้ายกับเพื่อนแฝดทั้งสองที่จ้องมองคู่รักกำมะลอด้วยสายตาล้อเลียน
“เจอกันที่คณะนะพี่ฌาน
ฌอน”
“พี่ฌาน...แล้วบ๊วยล่ะครับ?”
สกลที่เพิ่งเดินมาถึงร้องหาเพื่อนสนิทที่คลาดกันไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน
“โน่น...ไปกับไอ้เก็กแล้ว”
ฌานตอบพลางบุ้ยใบ้ไปยังทิศทางที่บิ๊กไบค์เพิ่งมุ่งหน้าไป คำตอบที่เพิ่งได้ยินทำให้หนุ่มหน้าแว่นถึงกับอึ้งจนอ้าปากค้าง
“พี่ชายนี่เก่งนะครับ...
ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว” ฌอนถึงกับยอมรับในความเฉลียวฉลาดอ่านเกมขาดของพี่ชายฝาแฝด
“แต่ก็ต้องคอยลุ้นกันแหละว่าไอ้เก็กมันจะคงเส้นคงวาอย่างนี้...
...หรือจะโดนคำสาปของเจ้าพ่อไทรทองเล่นงานจนอ่วมไปเสียก่อน...
.
...ไม่แน่หรอก
ไอ้พี่หมีของบูบู้มันอาจจะยังไม่รู้ตัวเองก็ได้ว่ามันเผลอตัวเผลอใจมาไกลกว่าที่มันคิด”
แฝดพี่สรุปตามความเป็นจริงแบบที่ไม่ต้องอ้างอิงไสยศาสตร์ คาถา หรือมนตราใดๆ
Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ
อ้างอิงรูปถ่าย
(ขอบพระคุณมากค่ะ) :
No comments:
Post a Comment