Friday, June 12, 2015

◘ ชั่ว...ฟ้า ดินสลาย ◘ #07 || 12.06.2015


#07



เดี๋ยวคืนนี้พี่โทรไปหานะครับ


ผมถอนหายใจหนักๆเมื่ออ่านข้อความใหม่ของพี่รักษ์จบ
โชคดีที่เมื่อคืนลุงออกไปบ่อนก่อนที่เจ้าของข้อความล่าสุดนี้จะโทรมา...
ไม่อย่างนั้น...อีกฝ่ายคงจะยื่นมือเข้ามาวุ่นวายกับผมให้ลำบากใจยิ่งกว่าที่เป็นอยู่

พอคิดถึงเรื่องลุงเมื่อคืนขึ้นมา...
ลมหายใจกับความหนักอึ้งในอกของผมก็ถูกระบายออกอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีที่สิ้นสุดง่ายๆ
สุดท้าย... จากที่คิดว่าคงจะมีเงินพอกินพอใช้จนถึงสิ้นเดือนโดยไม่ต้องไปทำงานตามที่อาจารย์กัลป์ชักชวน
กลายเป็นว่า...ปฏิเสธข้อเสนอของอาจารย์กัลป์ได้ไม่ทันจะข้ามวัน ผมกลับต้องกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วอ้อนวอนขอไปทำงานที่บ้านอาจารย์จนได้


ถึงอย่างนั้น หลังจากเสียเงินห้าพันให้ลุงไป และไม่นับเรื่องที่นอนไม่หลับมาสองคืนติดกัน
ดูเหมือนเรื่องร้ายๆทั้งหลายที่ประดังประเดเข้ามานั้น จะถูกพัดหายเข้ากลีบเมฆไปตั้งแต่เมื่อเช้า

เพราะจนถึงเลิกเรียนวันนี้... ชีวิตในคณะของผมก็ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไร้ซึ่งข่าวลือเสียๆหายๆของคนอื่นลอยมาเข้าหู
กระทั่งสายตาของ มันหรือใครก็ตามในคราบเด็กวิศวะที่ผมไม่รู้จักก็หายต๋อม จนผมเองยังแปลกใจ  


“โทษทีนะ พี่รับสายอาจารย์อีกท่านนึงอยู่น่ะ...
...เรามาช่วยงานอาจารย์กัลป์เหรอ?” เจ้าหน้าที่ธุรการของภาควิชาที่อาจารย์กัลป์สังกัดอยู่ถามผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม... ความโอภาปราศรัยของเธอทำให้ผมเปิดปากพูดคุยได้ไม่ยากนัก

“ครับ ผมมาช่วยอาจารย์จัดเรียงเอกสารน่ะครับ” คนฟังทำตาโต ก่อนจะจีบปากจีบคอพูดด้วยสีหน้าท่าทางน่ามองจนผมอดยิ้มไม่ได้

“ต๊าย! น่าอิจฉาจัง...
...พี่นะ อยากให้อาจารย์กัลป์แกแวะมาฝากงานกับพี่บ่อยๆ แกน่ารักมากกกกก...
.
.
...อุ๊ย! ลืมไปเลย มัวแต่เมาท์เพลิน...
...อ่ะนี่จ๊ะ กุญแจห้องทำงานอาจารย์กัลป์”

“ขอบคุณครับ” ผมยื่นมือไปรับกุญแจห้องที่เจ้าของฝากไว้ตามที่ตกลงกันก่อนหน้า แต่ก่อนผมจะหมุนตัวเดินไปยังห้องทำงานของอาจารย์กัลป์ พี่เจ้าหน้าที่หญิงคนเมื่อครู่กลับรั้งผมเอาไว้

“เดี๋ยวก่อนจ๊ะ... น้องชื่อจ้า อยู่ครุฯปีสองใช่ไหม?”

“ครับ”

“มีคนเอานี่มาฝากไว้ให้เราด้วยจ๊ะ” พี่เจ้าหน้าที่ยื่นซองจดหมายสีขาวปลอดซองหนึ่งมาให้ผม ผมพลิกดูจนทั่วแต่กลับไม่พบสิ่งใดที่ระบุว่าซองจดหมายซองนี้เป็นของผมจริงๆ  

“ของผมเหรอครับ?” ผมถามอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“จ๊ะ”  เสียงโทรศัพท์กระตุ้นพี่เจ้าหน้าที่สาวผู้นั้นให้ตัดบทเสียดื้อๆ โดยที่ผมยังไม่ทันได้ถามถึงที่มาแน่ชัดของซองในมือแม้สักประโยค...


ลางสังหรณ์สั่งให้ผมยืนรอพี่คนสวยใจดีคนนั้นอย่างใจเย็น...
ผมควรต้องรู้ว่า ก่อนที่ซองจดหมายสีขาวซองนี้จะมาอยู่ในมือผม...ใครเป็นคนนำมันมาฝากรอผมอยู่แบบนี้?
และคนๆนั้นรู้ได้อย่างไรว่า วันทั้งวัน...ผมต้องทำอะไร ต้องพบปะเจอะเจอใคร หรือต้องไปที่ไหนบ้าง


ใครฝากซองๆนี้มาให้ผม?
ทำไมถึงรู้เรื่องในมหาลัยของผมดีไปเสียทุกอย่าง?
รู้กระทั่งว่า...ผมมาทำงานที่คณะวิทย์ทุกๆวันหลังเลิกเรียน?
.
.
หรือจะเป็น มัน?!
ต้องใช้ มัน แน่ๆ!


“จ้า!... คุณมาแล้วเหรอ? แล้วทำไมไม่เข้าไปนั่งรอผมที่ห้องล่ะ หรือว่ายังไม่ได้กุญแจจากคุณแก้ว?” เสียงเรียกของอาจารย์กัลป์จากด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปมองเจ้าของเสียงที่เพิ่งเดินพ้นบันไดมาได้ไม่นาน

“อาจารย์กัลป์?! อาจารย์แวะมาเอาของที่ห้องเหรอครับ?” ผมร้องถามอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ เพราะจากที่อาจารย์บอกกับผม อาจารย์ควรจะกำลังอยู่ระหว่างการสอนนี่นา

“เปล่า... พอดีวันนี้คณะบดีเรียกประชุมอาจารย์หลายท่านในคณะด่วน...
...ผมเลยต้องงดคลาสเรียนกะทันหัน...
.
...แล้วก็อย่างที่เห็น พอเลิกประชุม...ก็กลายเป็นว่า วันนี้ผมได้เลิกงานเร็วกว่าปกติไปโดยปริยายน่ะ...
...ไปกันเลยไหม? หรือคุณกำลังรออะไรจากคุณแก้วอยู่?”


เมื่อเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของอาจารย์กัลป์ ผมก็อดใจเต้นไม่ได้...
อุตส่าห์หักห้ามใจไม่คิดมากเรื่องภาพหน้าจอคอมฯของอาจารย์ได้แล้วเชียว
แต่สุดท้าย ผมก็ยังหวั่นไหวเพราะรอยยิ้มพิมพ์ใจของอาจารย์กัลป์อยู่ดี...
เห็นทีผมคงต้องไปฝึกฝนตัวเองเสียใหม่ จะได้รับมือกับเสน่ห์ของอีกฝ่ายได้ดีกว่านี้  


“ไปเลยก็ได้ครับ” อาจเป็นเพราะอิทธิพลจากรอยยิ้มเมื่อครู่...ที่ทำให้จู่ๆ ผมก็ตบปากรับคำอาจารย์กัลป์ไปแบบง่ายๆ ทั้งที่ยังมีเรื่องคาใจกับเจ้าหน้าที่ธุรการคนเมื่อครู่แท้ๆ


ไม่เป็นไร...
เอาไว้พรุ่งนี้ผมค่อยแวะมาถามพี่แก้วว่าใครเป็นคนฝากซองนี้มาให้
ผมคิดพลางยัดซองจดหมายนั้นลงกระเป๋าสะพายระหว่างเดินตามหลังอาจารย์กัลป์ไปเรื่อยๆ





ผมไม่แปลกใจนักที่อาจารย์กัลป์ต้องหาคนมาช่วยทำความสะอาดบ้าน
ไม่ใช่เพราะความสกปรกรกเลอะเทอะของบ้านเหมือนกับสภาพห้องทำงานแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะบ้านหลังตรงหน้าผมเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่กว้างเกือบเท่าวัดประจำชุมชนแออัดบ้านผม  
สภาพบ้านของอาจารย์เมื่อมองจากภายนอก บอกได้เลยว่าบ้านหลังนี้ทั้งใหม่ ทั้งเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน และดูเหมือนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอยู่สม่ำเสมอ


“จ้า... คุณตามผมเข้ามาก่อน เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม”


เจ้าของบ้านที่เดินนำผมผ่านลานจอดรถและสวนหย่อมหน้าบ้านไปยังประตูทางเข้าเอ่ยสบายๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน อาจารย์กัลป์...ดูผ่อนคลายมากกว่าตอนที่อยู่มหาลัยมากทีเดียว

ในขณะที่ผมกลับเดินตัวลีบ เพราะความโอ่โถงใหญ่โตของบ้าน และเพราะประโยคเมื่อครู่ของอาจารย์กัลป์...
อาจารย์กำลังจะพาผมไปแนะนำตัวกับคนสำคัญ... คนๆนั้นเป็นใครกันหนอ หรือจะเป็นคุณแม่ของอาจารย์?!!!  

ผู้หญิงวัยกลางคนเจ้าของร่างท้วมหน้าตาใจดีซึ่งกำลังอ้าวงแขนกว้าง เพื่อต้อนรับการกลับบ้านของอาจารย์กัลป์อยู่ตรงหน้าครัว คงเป็นบุคคลที่อาจารย์เกริ่นให้ผมฟังเมื่อครู่เป็นแน่


“นมปิ่นครับ... นี่จ้าครับ  จ้าจะมาช่วยนมปิ่นดูแลบ้านตั้งแต่วันนี้ไปครับ” อาจารย์กัลป์พูดพลางเข้าไปสวมกอดผู้อาวุโสโดยไม่เคอะเขินก่อนจะผละออกมาแล้วส่งยิ้มให้ผมคล้ายกับบอกคิว

“สวัสดีครับนมปิ่น” ผมยกมือขึ้นไหว้คุณนมของอาจารย์ทันที

“ไหว้พระเถอะลูก” คุณนมเข้ามาลูบหน้าผมเบาๆ แล้วจึงหันไปทำหน้าดุใส่อาจารย์กัลป์ก่อนจะเอ่ย “โธ่พ่อคุณ...ป้าไม่นึกว่าหนูจ้าที่คุณกัลป์เล่าให้นมฟังจะตัวเท่าเมี่ยงแค่นี้.....คุณกัลป์พาน้องมารังแกหรือเปล่าคะเนี่ยะ?”  คนโดนพาดพิงถึงกับเดินเข้ามาเกาะแขนคุณนมเสียแน่น

“โอ๊ย! กัลป์เปล่านะครับนม...
...กัลป์เห็นว่าจ้าเป็นเด็กขยันส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ยังเล็กๆ กัลป์เลยอยากสนับสนุนให้จ้ามีรายได้เพิ่ม...
.
...อีกอย่าง หน่วยก้านจ้าออกจะดีนะครับนม กัลป์ว่าจ้าน่าจะช่วยนมดูแลบ้านได้ถูกใจนมแน่ๆครับ”


พอเห็นอาจารย์กัลป์อ้อนคุณนมเหมือนเด็กๆ ผมก็อดยิ้มด้วยความเอ็นดูอาจารย์ไปอีกคนไม่ได้...
ไม่นึกเลยว่า เวลาอาจารย์อ้อนคนอื่น จะน่ามองแบบนี้...
และคงไม่ใช่ผมคนเดียวที่ชอบใจอากัปกิริยาของอาจารย์กัลป์เอามากๆ  
เพราะคุณนมก็ส่งยิ้มหวานให้เจ้าของบ้าน ก่อนจะหยอกเอินอีกอาจารย์ด้วยน้ำเสียงระรื่นน่าฟัง

“ถึงคุณกัลป์จะรับรองน้องหนักแน่นแค่ไหน...
.
...ป้าก็ไม่กล้าให้งานน้องทำมากนักหรอกค่ะ  ป้ากลัวตัวเธอจะหักกลางไปเสียก่อน”

“ไม่เป็นไรหรอกครับนมปิ่น เห็นผมตัวเท่านี้ แต่ผมทำงานได้ทุกอย่างเลยนะครับ” ผมรีบปรับความเข้าใจของคุณนมเสียใหม่ เพราะผมไม่ได้อ่อนแอเหยาะแหยะจนน่าเป็นห่วงขนาดนั้น

“ค่ะ... นมเชื่อค่ะหนูจ้า” คุณนมหันมามองผมเต็มตา สลับกับยิ้มกรุ้มกริ่มให้อาจารย์กัลป์ ก่อนจะเอ่ยคำพูดแปลกๆที่ดูเหมือนจะมีความหมายลึกซึ้งระหว่างสมาชิกในบ้าน

“อีกอย่าง  ป้ามั่นใจว่า คุณกัลป์ของป้าแกตาแหลมค่ะ...
...คนที่เธอเลือก ย่อมจะเป็นคนดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ”


ก่อนที่ผมจะงงกับคำพูดของคุณนมมากไปกว่านี้
อาจารย์กัลป์ก็ถามผู้อาวุโสถึงใครบางคนขึ้นมากลางป้อง


“นมปิ่นครับ แล้วนุไปไหนล่ะครับ?” พอเห็นอาจารย์สอดส่ายสายตามองออกไปนอกบ้าน ผมก็แอบมองตามไปทันที... ยังมีใครที่ผมต้องเจออยู่อีกหรือ?  

“โน่นยังไงคะ...
.
...เดินยิ้มมาโน่นแล้วค่ะ...
...ตายยากจริงเจ้าหลานคนนี้” คุณนมกวักมือเรียกชายหนุ่มรูปร่างสันทัดที่น่าจะเป็นรุ่นพี่ผมอยู่หลายปีที่เพิ่งเดินมาจากทางหลังบ้านให้เข้ามาด้านใน  

“นุ...นี่จ้า น้องจะมาช่วยคุณนมทำความสะอาดในบ้านช่วงเย็นของทุกวัน...
.
...ส่วนเสาร์ อาทิตย์...
...เอาไว้ผมตกลงกับจ้าก่อน แล้วผมจะบอกอีกทีนะว่าน้องจะเอายังไง” อาจารย์กัลป์เอ่ยแนะนำผมกับพี่ที่เพิ่งมาใหม่

“ครับ” พี่นุตอบสั้นๆ แต่กลับส่งยิ้มกว้างขวางมาให้ผม

“จ้า นี่พี่นุนะ แกเป็นหลานชายแท้ๆของนมปิ่น พี่นุจะคอยดูแลสวนและเป็นนายช่างใหญ่ประจำบ้านผมเอง” ผมรีบยกมือไหว้ฝากเนื้อฝากตัวกับอีกฝ่ายทันที

“สวัสดีครับพี่นุ”

“นุ... ผมฝากนุพาน้องไปเดินดูรอบๆบ้านหน่อยสิ น้องจะได้รู้ว่าข้างนอกบ้านมีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง” อาจารย์กัลป์สั่งพี่นุ พลางพยักหน้าบอกผมให้เข้าใจสิ่งที่ผมต้องทำเป็นลำดับถัดไป... เดี๋ยวหลังจากทำความรู้จักกับภายนอกบ้านหลังนี้แล้ว ผมคงจะได้เริ่มลงมือทำงานในส่วนของผมเสียที บ้านกว้างขนาดนี้...ผมจะทำความสะอาดเสร็จสักกี่โมงกันนะ?

“ครับ ได้ครับคุณกัลป์”

“นมปิ่นครับ รบกวนนมปิ่นตั้งสำรับเย็นเลยนะครับ...
.
...เดี๋ยวพอนุพาจ้าเดินดูรอบๆบ้านเสร็จ พาจ้าไปรอผมที่ครัวด้วยนะ จะได้กินข้าวเย็นพร้อมกัน” เมื่อได้ยินคำสั่งล่าสุดของเจ้าของบ้าน ผมก็หันกลับไปถามอาจารย์ด้วยความสงสัยทันควัน

“อ้าว... ผมไม่ต้องเริ่มงานเลยหรอกเหรอครับอาจารย์?”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะหนูจ้า งานบ้านไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ กินข้าวอิ่มๆแล้วค่อยเริ่มงานก็ยังไหว”

“นั่นสิ... เดี๋ยวคุณค่อยเริ่มงานหลังกินข้าวเย็นแล้วกันนะ วันนี้มาถึงบ้านผมเร็ว... คุณมีเวลาทำงานบ้านผมอีกถมเถ” ระหว่างที่ฟังอาจารย์กัลป์ตัดบท คุณนมก็บีบแขนผมเบาๆพลางส่งยิ้มปลอบใจมาให้ ผมจึงจำใจต้องยินยอมตามความต้องการของเจ้าบ้านและเจ้านายอย่างเสียไม่ได้

“ครับ... ก็ได้ครับ”





“พี่เข้าใจว่า คุณกัลป์คงให้เราทำความสะอาดเฉพาะในบ้าน... เพราะรอบๆตัวบ้าน พี่กับคุณกัลป์จะดูแลกันเอง” พี่นุอธิบายเนื้องานเพิ่มเติมให้ผมฟังทันทีที่เราสองคนเดินพ้นประตู สิ่งที่พี่นุเพิ่งบอกให้ผมฟัง...ทำให้ผมทึ่งไม่น้อย

“อาจารย์ทำสวนเองเหรอครับ?”

“แรกๆที่คุณกัลป์กลับมาอยู่เมืองไทย แกก็ไม่ได้ลงมือเองหรอก...
...แต่พอแกเริ่มทำงานสักพัก แกก็ลงมาออกแบบสวนปลูกโน่นปลูกนี่ ออกแบบ แล้วก็จัดตู้ปลาเอง...
...คุณกัลป์บอกพี่ว่ามันช่วยคลายเครียดได้น่ะ...
.
...พักนี้แกบอกงานเยอะ แกเลยให้พี่ดูสวนเป็นหลัก...
...ส่วนตู้ปลา แกจะลงมือจัดการเปลี่ยนน้ำทำความสะอาดด้วยตัวเองอีกทีตอนเสาร์ อาทิตย์น่ะ”

“จริงเหรอครับ?”

“หึ หึ...เห็นเจ้าสำอางค์แบบนั้นแต่คุณกัลป์เก่งมากนะ...
.
...ปลาหายากสองตู้ของแก คุณกัลป์ก็ดูของแกอยู่คนเดียว...
...ถ้าให้พี่เลี้ยง สงสัยตายเกลี้ยง” พี่นุพูดกลั้วหัวเราะ จนผมเผลอหัวเราะตาม...


เท่าที่จำได้จากการกวาดตามองรอบๆข้างในบ้านของอาจารย์กัลป์เมื่อครู่
ผมก็ชักจะเห็นด้วยกับพี่นุว่า ถ้าอาจารย์ให้ผมดูแลทำความสะอาดตู้ปลาขนาดใหญ่ทั้งสองตู้จริงๆ
ไม่ผมก็ปลาของอาจารย์กัลป์นี่แหละ ที่จะแย่จนต้องลาโลกไปเสียก่อน  


“หึ หึ หึ.....แล้วเรือนหลังเล็กหลังนั้นล่ะครับ ผมต้องเข้าไปทำความสะอาดด้วยหรือเปล่า?”

“ไม่ต้องหรอก นั่นเป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำสวนกับเครื่องมือน่ะ พี่เป็นคนดูแลเอง...
.
...เอาล่ะ...พี่พาเราทัวร์จนทั่วรอบบ้านแล้ว พื้นที่ของพี่ก็มีเท่านี้แหละ...เดี๋ยวพี่พาไปรอคุณกัลป์ที่โต๊ะอาหารก็แล้วกันนะ”

“ครับ ขอบคุณครับพี่นุ” ผมเดินตามพี่นุเข้าไปในบ้านตามที่เจ้าของบ้านได้สั่งความเอาไว้แต่ทีแรก


------------------------------------------------------------------------------------



หลังจากชิมลางทำความสะอาดบ้านอาจารย์กัลป์วันแรก
เด็กหนุ่มก็ได้ข้อสรุปว่า... งานที่บ้านของอีกฝ่ายเป็นงานที่จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย จะว่าสบายก็สบาย


ส่วนที่ทำให้จ้าเหนื่อยไม่เบา
เห็นจะเป็นเนื้อที่ของภายในบ้านอาจารย์หนุ่มซึ่งกว้างขวางเกินกว่าจะเป็นบ้านชายโสดที่มีสมาชิกร่วมชายคาเพียงสามคน

ขนาดวันนี้กัลป์อนุญาตให้เด็กหนุ่มทำความสะอาดเฉพาะชั้นล่าง... คนตัวเล็กยังเหงื่อตกกีบ
ทว่าจ้ายังโชคดีอยู่ไม่น้อย เพราะการตกแต่งภายในบ้านของอีกฝ่าย...เน้นความเรียบง่าย ไม่มีของประดับมากนัก
จึงไม่มีชั้น ไม่มีมุมให้ต้องคอยปัดคอยเช็ดสักเท่าไร

ถึงอย่างนั้น เด็กหนุ่มยังหนักใจไม่หาย ด้วยที่คำนวณไม่ได้ว่า หากต้องทำความสะอาดบ้านทั้งหลังขึ้นมาจริงๆ...
เจ้าตัวจะต้องอาศัยเวลาและพลังงานมากมายสักเพียงไหน  



กลับกัน...ส่วนที่จ้ามองว่างานนี้สบายอย่างเหลือเชื่อ
น่าจะเป็นเพราะหลายสาเหตุ...  

เรื่องแรกที่ทำให้เด็กหนุ่มแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็คือ...หน้าที่ดูแลตู้ปลาทั้งสอง
โดยหลังกินข้าว...กัลป์ได้ย้ำกับพนักงานทำความสะอาดคนใหม่อีกครั้งว่า ชายหนุ่มจะเป็นคนดูแลตู้ปลาทั้งสองแบบเบ็ดเสร็จพร้อมสรรพด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ

ด้วยความอลังการ...อีกทั้งสายพันธ์ปลาที่ชายหนุ่มเลือกเฟ้นเพื่อนำมาเลี้ยงนั้น  ล้วนแล้วแต่เป็นปลาหายากซึ่งจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นฝูงปลาตัวสีเงินเงาๆที่รูปทรงดูคล้ายปลาจาระเม็ดแต่ตัวเล็กและหน้าตาดูถมึงทึงกว่าเยอะ
และอีกตู้...ซึ่งเป็นตู้ที่สะกดสายตาของเด็กหนุ่มได้ชะงัดนัก
.
.
ในตู้ปลาทรงกระบอกประดับไฟ LED ซึ่งเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆตามช่วงเวลา...
มีแมงกระพรุนหางยาวสีขาวขุ่นตัวเท่าฝ่ามือหลายสิบตัวว่ายวนไปมาอย่างน่ามอง
ภาพการเคลื่อนที่อย่างช้าๆของสิ่งมีชีวิตตัวใสซึ่งมีหางกรุยกราย ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสียจนจ้าต้องคอยแอบหาโอกาสวางมือจากการทำความสะอาดเพื่อจ้องมองอยู่บ่อยครั้ง...


ถึงแม้รุ่งรวีจะไม่รู้ว่าสัตว์น้ำทั้งสองตู้มีราคาเท่าไร...
แต่เขามั่นใจว่า มันต้องไม่ใช่สัตว์น้ำหาง่ายในเมืองไทยแน่ๆ

ขืนกัลป์ปล่อยให้เขาเปลี่ยนน้ำตู้ปลา หรือทำความสะอาดแบบสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจริงๆ...
ไม่ถึงอาทิตย์...ปลาทั้งสองตู้คงได้ตายราบคาบด้วยน้ำมือของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เด็กหนุ่มไม่ต้องทำงานกับกัลป์เพื่อชดใช้ค่าปลาทั้งสองตู้ไปตลอดทั้งชาติอย่างนั้นหรอกหรือ?



เรื่องที่สอง...ที่ทำให้งานนี้ดีล้ำหน้ายิ่งกว่างานไหนๆในความเห็นของเด็กหนุ่ม
คงจะเป็นการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีของเจ้านายคนใหม่ของเขานั่นแหละ

จากประสบการณ์ทำงานอันโชกโชนและหลากหลาย
รุ่งรวีบอกตัวเองได้ทันทีว่า คงไม่มีคนทำความสะอาดบ้านคนไหน ได้กินข้าวเย็นร่วมโต๊ะเดียวกับเจ้าของบ้าน
แถมหลังจากทำงานเสร็จ... เจ้าของบ้านยังกุลีกุจอขับรถไปส่งคนทำความสะอาดถึงบ้าน ทั้งที่ระยะทางไม่ได้เอื้ออำนวย
เท่านั้นยังไม่พอ กัลป์ยังคอยถามไถ่ความรู้สึกของลูกจ้างชั่วคราวอย่างเขาแบบไม่ขาดปาก เหมือนดังที่ชายหนุ่มทำระหว่างทางไปบ้านของจ้าเมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา
.
.
.
.
“เออนี่จ้า... ผมมัวแต่ดีใจที่คุณมาช่วยงานเลยไม่ทันได้ถามว่าคุณโอเคหรือเปล่าที่ต้องกลับบ้านดึกๆดื่นๆทุกวัน” หลังจากหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับเรื่องอาหารมื้อเย็นและเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับสมาชิกในบ้านของกัลป์จบลง ชายหนุ่มก็เปิดประเด็นถึงหัวข้อที่ยังคาใจเขาทันที

“ผมไม่มีปัญหาครับอาจารย์...
.
...ผมว่า คนที่ลำบากน่าจะเป็นอาจารย์ต่างหากล่ะครับ...
...ดึกป่านนี้แล้ว ไม่น่าจะต้องลำบากมาส่งผมถึงบ้านเลย...
...จากหน้าบ้านอาจารย์ มีรถเมล์ผ่านหน้าซอยบ้านผมตั้งหลายสาย ต่อให้ดึกแค่ไหน...ผมก็กลับบ้านเองได้ครับ” จ้าตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ทั้งที่ในใจกำลังขบคิดถึงหนทางที่จะกลับบ้านด้วยตนเองได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้เวลาน้อยที่สุด แต่คนฟังกลับขมวดคิ้วมุ่นก่อนเอ่ยห้าม

“ผมขอล่ะ...จ้าอย่าพูดอย่างนี้อีกเลยนะ...
...ผมอยากมาส่งจ้า ขอให้ผมได้ดูแลจ้าแทนมานะเถอะ” ชายหนุ่มมักจะหยิบยกชื่อของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ของอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อต่อรองในสิ่งที่ตนต้องการ เนื่องจากมันได้ผลเสมอ... ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“ก็ได้ครับ แต่ถ้าวันไหนอาจารย์ไม่สะดวกจริงๆ ผมกลับบ้านเองได้นะครับ”

“แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ติดอะไร คุณก็อย่าขัดศรัทธาผมเลยนะจ้า” กัลป์ต่อรอง ซึ่งความดึงดันแต่ไม่ล้ำเส้นของชายหนุ่มก็ทำให้จ้ายอมตามใจอีกฝ่ายได้ไม่ยากนัก

“ครับ... ขอบคุณอาจารย์มากครับ”

“เออ...จ้า คุณแน่ใจนะว่าผู้ปกครองจ้าจะไม่มีปัญหาจริงๆ?...
.
...ก่อนคุณจะมาทำงานกับผมที่บ้านวันนี้ คุณได้บอกลุงคุณหรือยัง?” เมื่อกัลป์แตะถึงประเด็นร้อนที่จ้าไม่อยากเอ่ยถึงมากที่สุด เด็กหนุ่มจึงต้องโกหกอย่างไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีวันที่เขาจะยอมเล่าปัญหาที่บ้านให้อีกฝ่ายรับฟังเป็นแน่

“เมื่อคืนก่อนอาจารย์จะโทรมา  ผมเกริ่นกับลุงไว้แล้วครับ...
.
...ลุงก็ไม่ได้ว่าอะไร...
...แกยังเตือนผมว่า อย่าไปสร้างปัญหาให้อาจารย์น่ะครับ” เหมือนกับทุกที... เด็กหนุ่มเลือกที่จะเบือนหน้าหนีเพื่อเลี่ยงการสบสายตากับคนฟังเมื่อตนเองต้องพูดโกหก คนฟังที่ตั้งอกตั้งใจขับรถก็ยิ้มรับคำพูดของอีกฝ่ายคล้ายต้องการจะค้าน แล้วจึงกล่าวสำทับเพื่อทำให้เด็กหนุ่มเบาใจ

“หึ หึ หึ...จะไปมีปัญหาได้ยังไงล่ะ...
.
...คุณน่ะ ทำงานดีจะตาย...
...รู้ไหม นมปิ่นชมคุณไม่ขาดปากเลยนะ”

“ฝากขอบคุณนมปิ่นด้วยนะครับ”

“แล้วระหว่างที่ทำงานบ้านผม...
...มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณลำบากใจบ้างหรือเปล่า?...
.
...ถ้ามี คุณบอกผมได้นะจ้า เดี๋ยวผมจะให้นมปิ่นช่วยดูแลขยับขยายอีกที” กัลป์เหลือบมองคนนั่งข้างๆด้วยสายตาเป็นห่วง


ใจจริง...หากเลือกได้ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดแบบนี้
แต่เพราะรู้ว่ารุ่งรวีไม่มีทางยอมรับเงินช่วยเหลือจากใครง่ายๆ
ชายหนุ่มจึงต้องยอมอาศัยงานทำความสะอาดบ้านตัวเองบังหน้าไปจนกว่าเขาจะนึกถึงข้ออ้างอื่นๆที่ดีกว่าออก


“ไม่มีเลยครับ บ้านอาจารย์สวยมากครับ...
...ส่วนนมปิ่นกับพี่นุ ก็ใจดีกับผมมาก”

“ได้ยินอย่างนี้ผมก็เบาใจ ต่อไป...ผมคงจะวางใจฝากฝังคุณเอาไว้กับสองคนนั้นได้โดยไม่ต้องห่วงอะไรมาก...
.
...เออนี่จ้า...
...แล้วเสาร์ อาทิตย์ล่ะ คุณจะสะดวกมาทำงานที่บ้านให้ผมไหม? คุณติดไปทำงาน หรือทำกิจกรรมที่ไหนอยู่หรือเปล่า?” จริงๆแล้ว นี่คือประเด็นที่ชายหนุ่มต้องการได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด... เขาอยากเจออีกฝ่ายตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำ...ถ้าเขาทำได้  

“ถ้าผมไม่ได้เข้าไปรบกวนอาจารย์ นมปิ่น และพี่นุจนเกินไป... ผมก็แวะเข้าไปทำงานที่บ้านอาจารย์ได้ทุกวัน...
...วันธรรมดาก็ช่วงหลังเลิกเรียน ส่วนเสาร์ อาทิตย์ ก็แล้วแต่อาจารย์สะดวกเลยครับ...
.
...แต่ถ้าเป็นช่วงสอบ...
...ผมคงต้องขออนุญาตอาจารย์กัลป์เข้าไปทำเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ จะได้ไหมครับอาจารย์?” จ้าตอบไปตามความจริง เขาอยากทำงานให้ได้มากที่สุด เพราะมันหมายความว่า... เขาจะได้เงินเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว  ที่สำคัญ...การทำงาน ช่วยให้เด็กหนุ่มไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านด้วยเรื่องกวนใจทั้งหลายซึ่งทำให้เขาว้าวุ่นอยู่ตลอดนับตั้งแต่หรั่งเสียชีวิต  

“ได้สิ...
...ยังไงซะผมก็ต้องขอโทษคุณด้วย ที่ผมดันเป็นคนรักความสะอาดมาก...
...พอคุณรับปากว่าจะมาช่วยงานนมปิ่น ผมก็อยากให้คุณมาทำบ้านให้ผมทุกวัน...
.
.
...ผมรู้นะว่าคุณอาจจะไม่เชื่อ เพราะห้องทำงานผมรกยังกับอะไรดี...
...คุณก็คิดอย่างนั้นใช่ไหมล่ะ?” สีหน้าสลดของกัลป์ทำให้เด็กหนุ่มไม่สบายใจจนต้องรีบอธิบายเพื่อบรรเทาความกังวลของอีกฝ่าย

“ปละ เปล่าครับ...
.
...ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อยครับอาจารย์กัลป์...
...ยิ่งผมทำงานเยอะ ผมก็ได้เงินมาก... นั่นก็แปลว่าผมจะมีเงินเก็บสำรองมากขึ้น แล้วอย่างนี้ผมจะไม่ชอบไปทำงานที่บ้านอาจารย์ได้ยังไงล่ะครับ”
  
“นั่นน่ะสินะ... อย่างนี้ คุณก็เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือที่คุณบอกผมเมื่อวานได้แล้วล่ะสิ” ชายหนุ่มทวงอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

“ครับ ได้เลยครับ... แต่ต้องรอให้เงินเดือนผมออกก่อนนะครับ ผมถึงจะพาอาจารย์ไปเลี้ยงได้”

“งั้นผมให้เงินเดือนล่วงหน้าคุณวันศุกร์นี้ดีไหม เราจะได้ไปลองชิมก๋วยเตี๋ยวเรือร้านนั้นด้วยกันวันเสาร์นี้เลย” แม้จะเป็นแค่คำสัพยอก  แต่ชายหนุ่มกลับลุ้นให้อีกฝ่ายตอบรับคำชวนอ้อมๆของตนโดยไม่ลังเล แต่สีหน้าบอกอารมณ์ไม่ถูกกับคำถามแบ่งรับแบ่งสู้ของจ้า ทำให้เขาใจฝ่อ

“จะดีเหรอครับอาจารย์?”

“อ้าว ทำไมจะไม่ดีล่ะ? หรือคุณเปลี่ยนใจไม่อยากเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวผมแล้ว?”

“เปล่าครับ!...
...คือ...ผมยังทำงานให้อาจารย์ได้ไม่กี่วัน...
...แล้วอาจารย์จะให้เงินเดือนผมล่วงหน้าเลย แบบนั้นคงไม่ดีแน่...
.
...เกิดผมเชิดเงินอาจารย์ไปแล้วหายต๋อม อย่างนี้อาจารย์กัลป์จะไม่ขาดทุนเหรอครับ?” จ้าตอบยืดยาวเพื่อปรับความเข้าใจของคนฟังให้ตรงกันกับเหตุผลส่วนตัวของเขา

“ก็อย่างที่นมปิ่นบอกนั่นแหละ...
.
...ผมดูคนไม่เคยผิดหรอกจ้า ผมรู้ว่าคุณไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ... ใช่ไหมล่ะ?” กัลป์รับรองหนักแน่น และคำพูดนี้...ทำให้เด็กหนุ่มหวนคิดไปถึงสีหน้า ท่าทาง และคำพูดของนมปิ่นเมื่อแรกเจอหน้าไม่ได้... เขากำลังใจเต้นกับชายหนุ่มคนที่กำลังขับรถด้วยความตั้งอกตั้งใจคนนี้ จ้าจึงรีบไพล่ไปพูดถึงเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงประเด็น

“ครับ... ผมแค่ยังไม่เบิกเงินเดือนล่วงหน้าทั้งที่ไม่มีความจำเป็น...
...อีกอย่าง...ผมนึกว่าเสาร์ - อาทิตย์อาจารย์จะต้องทำความสะอาดตู้ปลาเสียอีก”

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเราได้ออกไปข้างนอกด้วยกันจริงๆ ผมก็แค่กลับมาดูแลปลาตอนช่วงเย็นก็ได้”

“ครับ ถ้าอาจารย์ไม่ลำบาก วันเสาร์ผมจะพาอาจารย์ไปลองก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นดูก็ได้”

“คุณตกลงแล้วนะจ้า ห้ามเปลี่ยนใจทีหลังล่ะ” กัลป์ย้ำเหมือนเด็กๆ จนคนนั่งข้างๆต้องยืนยันเป็นมั่นเหมาะอีกครั้ง ความรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆในอกทำให้จ้าหลุดปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจโดยไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ดีอีกครั้ง

“ครับ ผมไม่เปลี่ยนใจแน่ครับ แต่ถ้าอาจารย์ไม่สะดวก... อาจารย์ก็ยกเลิกนัดผมได้ตลอดเลยนะครับ ผมไม่มีปัญหา”

“เอ๊ะ! คุณนี่ยังไงนะจ้า... รับปากผมยังไม่ทันไร ก็บอกเผื่อให้ผมชิ่งได้ทันที...
.
...นี่ผมดูเป็นคนโลเลเหลาะแหละขนาดนั้นเลยเหรอ?” กัลป์เผลอดุตุ๊กตาหน้ารถที่เพิ่งประจำการได้เพียงไม่กี่วัน ทว่าชายหนุ่มกลับอยากให้คนๆนี้ นั่งเคียงข้างเป็นกำลังใจให้กับสารถีอย่างเขาไปตลอดเสียแล้วสิ... นี่อีกฝ่ายไม่เข้าใจความรู้สึกลึกๆที่เขาเฝ้าพร่ำบอกผ่านการกระทำตลอดหลายวันที่ผ่านมาบ้างเลยหรือ?!

“เปล่าครับ! ไม่ใช่อย่างนั้นครับอาจารย์กัลป์!...
.
...คือ ผมพูดเผื่อเอาไว้ว่า อาจารย์กัลป์อาจจะอยากใช้เวลาว่างของอาจารย์ทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าการออกไปกินเก๋วเตี๋ยวกับผมน่ะครับ” เด็กหนุ่มละล่ำละลัก

“เดี๋ยวนะจ้า...
.
...ที่คุณพูดนี่ คุณหมายความว่ายังไง? ผมไม่เข้าใจ”


ชายหนุ่มคาดคั้นด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ยังดีที่เขายังไม่ร้อนใจขนาดต้องหยุดรถเพื่อพูดคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง
ซึ่งท่าทีไม่พอใจอย่างไม่สงวนอาการของกัลป์หลังจากคำพูดแบบไม่คิดของจ้า ทำให้เด็กหนุ่มร้อนรนจนหลุดปากพาดพิงถึงประเด็นที่กระทั่งเจ้าตัวยังไม่อยากจะยอมรับออกมาเป็นคำพูดให้ผู้ใดล่วงรู้


“เอ่อ...คือ... ก็เผื่อว่า เวลาส่วนใหญ่ของอาจารย์กัลป์จะมีคนจองหมดแล้วน่ะครับ  ผมก็ไม่อยากขัด”

“ใคร?!


จ้าไม่รู้ว่าตนเองเผยสีหน้าแบบไหนออกไปให้กัลป์เห็น คนฟังถึงได้เปลี่ยนอารมณ์ได้กะทันหันราวกับพลิกฝ่ามือ
จากที่ฉุนเฉียวไม่พอใจในทีแรก แต่เพียงครู่เดียว...กัลป์กลับทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะยิ้มกว้างจนตาปิดออกมาทันที


“ฮะ ฮะ ฮะ... อ๋อออออออ! ผมยังไม่มีแฟนหรอกจ้า...
.
.
...คุณไม่รู้เหรอว่า กว่าจะเจอคนถูกใจสักคน มันไม่ได้ง่ายเหมือนปลูกต้นไม้หรือให้อาหารปลาหรอกนะคุณ” คนฟังถึงกับหน้าม้านหลังจากกัลป์เข้าใจความหมายของประโยคก่อนหน้าอย่างแจ่มแจ้ง

“ขอโทษครับอาจารย์... ผม

“หึ หึ หึ...ขอโทษทำไม ผมควรจะดีใจตังหาก ที่คุณพูดแบบนี้ออกมา” กัลป์จงใจพูดแทรกเด็กหนุ่ม จนจ้านึกสงสัย

“ทำไมอาจารย์กัลป์ต้องดีใจด้วยล่ะครับ?” เมื่อโอกาสลอยลงมาตกลงตรงหน้า กัลป์ก็รีบหยอดเด็กหนุ่มให้รู้ใจตนเองโดยไม่รอช้า

“ผมจะได้บอกคุณได้ยังไงล่ะว่า หัวใจผมยังว่าง” คนขับชะลอความเร็วเพื่อหาโอกาสจับจ้องเจ้าของนัยน์ตาโศกเมื่อมีโอกาส คนฟังนั่งตัวแข็งทว่าหน้าแดงแจ๋ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เขาเพิ่งเอ่ยไป กัลป์จึงรีบฉวยโอกาสต่อก่อนที่เด็กหนุ่มจะหาทางบ่ายเบี่ยง

“คุณรู้ไหมว่าการหาโอกาสบอกคุณว่าผมยังไม่มีแฟนน่ะมันยากแค่ไหน?”

“............” เด็กหนุ่ทกำลังภาวนาให้คนขับไม่ได้ยินเสียงโครมครามของหัวใจตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่อีกฝ่าย...ยังคงเดินหน้าเผยความในใจแบบอ้อมๆอย่างไม่ลดละ  

“ไม่รู้สิจ้า... พอผมได้เห็นหน้าคุณ ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ ผมก็อยากบอกคุณเหลือเกินว่าผมไม่มีใคร...
.
...มันอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับคุณ แต่มันสำคัญสำหรับผมมากกว่าเรื่องไหนๆเสียอีก”

“เอ่อ... อาจารย์ครับ ถึงบ้านผมแล้วครับ” เด็กหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรถยนต์หรูของกัลป์พาเขาทั้งคู่มาถึงยังหน้าปากทางเข้าบ้านตนเอง กัลป์เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเทียบจอด ก่อนจะเบี่ยงตัวเพื่อหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเต็มตา

“จ้า... ขอบคุณนะ” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง เขาอยากส่งผ่านความรู้สึกนี้ไปถึงใจอีกฝ่ายให้จงได้ แต่จ้ากลับเลือกที่จะเฉไฉไม่ต่างไปจากที่เจ้าตัวชอบทำ

“ผมต่างหากที่ต้องขอบพระคุณอาจารย์กัลป์ครับ”

“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องงาน... แต่ผมหมายถึงเรื่องที่คุณสนใจเรื่องสถานะของผมจนหลุดปากพูดออกมา...
...ผมขอบใจจริงๆ...
.
...และผมก็ดีใจมากที่ผมมีโอกาสบอกคุณด้วยตัวเอง ว่าผมกำลังมองหาคนๆนั้น...
...คนที่จะมาเป็นสุดที่รักของผมอยู่...
...จ้าเข้าใจผมใช่ไหม?” กัลป์เน้นย้ำทุกๆคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ หากจ้ายังจะไม่เข้าใจ... คงจะเหลือแค่เพียงการสารภาพความในใจให้เขาเลือกใช้เป็นทางออกอันเด็ดขาดของสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้

“คระ...ครับ ดึกแล้ว... ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มก้มหน้างุดระหว่างรับคำ... ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ  แต่ในเวลานี้...เขาไม่รู้จะจัดการกับทั้งความรู้สึกของตัวเอง และความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างไรดี เพราะฉะนั้น... การให้เวลาตัวเองให้มากกว่านี้ คงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขาที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาเพียงไม่นาน

“ให้ผมเดินไปส่งนะ” กัลป์อ้อนเสียงอ่อน ถึงอย่างนั้น...จ้าก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอกครับ... ยังพอมีคนเดินอยู่บ้าง อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

“ถึงบ้านแล้วมิสคอลมาหาผมด้วย...
.
...แล้วก็ เดินดีๆล่ะ... พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องทำงานผมเหมือนเดิมนะ” ชายหนุ่มย้ำ... เขาอยากแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่หนีหน้าเขาไปไหน  และแล้ว... ข้อความที่เขาอยากฟังมากที่สุดก็ถูกเอ่ยออกจากริมฝีปากแดงๆของคนที่ทำท่าอยากจะกระโจนออกจากรถไปตั้งแต่เมื่อห้านาทีที่แล้ว

“ครับ สวัสดีครับอาจารย์กัลป์”  





เนื่องจากหัวสมองของเด็กหนุ่มเอาแต่หวนคิดถึงสิ่งที่กัลป์ตอกย้ำก่อนที่ทั้งสองจะแยกจากกัน
หลังบอกลาชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมทุกอย่างที่เด็กหนุ่มกระทำต่อจากนั้น ก็ดำเนินไปโดยไร้สติกำกับแทบทั้งสิ้น...

เขาแทบจำไม่ได้ว่า ตนเองพูดคุยอะไรกับรักษ์บ้าง
ถึงจะพอจับความรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดีใจไม่น้อยที่เขายอมรับสายไม่ต่างจากทุกคืนก็เถอะ 

เขาเผลอหงุดหงิดตัวเอง
เมื่อต้องเดินลงบันไดไปปิดบ้านถึงสองรอบด้วยกัน เพราะเกิดไม่แน่ใจว่า ได้ลงกลอนหน้าบ้านและปิดรั้วแล้วหรือยัง

เคราะห์ยังดีที่อาการล่องลอยของเด็กหนุ่มไม่ได้ทำให้เขาลืมโทรเข้าเครื่องของกัลป์หลังจากกลับถึงบ้าน
ไม่อย่างนั้น...หัวใจที่หวั่นไหวของเขา คงต้องทำงานหนักเพราะเสียงนุ่มๆที่ดังลอดหูโทรศัพท์ของอาจารย์หนุ่มเป็นแน่
.
.
.
.
เด็กหนุ่มนึกย้อนไปถึงช่วงก่อนที่ตนเองเตรียมตัวจะลงรถของกัลป์
เขาจำได้ว่า ขณะนั้น...เขาไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกฝ่ายไปมากมายเมื่อเทียบกับประโยคฟุ่มเฟือยที่ได้ยิน
แต่จ้ากลับรู้ชัดว่า...สิ่งที่อาจารย์หนุ่มเฝ้าบอกซ้ำๆนั้น มีความหมายว่าอย่างไร


เสียงข้างในใจของจ้าเอาแต่เฝ้าถามวนไปวนมาแค่เพียงไม่กี่ประโยค...


อาจารย์กัลป์รู้สึกดีๆกับผมอย่างนั้นเหรอ? 
ใช่เหรอ?...ใช่ผมแน่เหรอ?
ทำไมถึงเป็นผมล่ะ?
หรือผมจะคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปจริงๆ?


กระนั้น...ความคิดวกวนของเขากลับมีอันต้องหยุดชะงักทันที
เมื่อฝ่ามือสัมผัสโดนผิวเรียบๆของซองจดหมายซองหนึ่ง ซึ่งถูกซุกเอาไว้ตรงก้นกระเป๋าสะพาย  ระหว่างเจ้าตัวกำลังจัดเตรียมชีทเรียนตามตารางสอนของวันรุ่งขึ้นลงกระเป๋า...


ซองสีขาวที่ได้มาเมื่อตอนบ่าย...
ซองที่ไม่มีการจ่าหน้า ไร้ที่มา...
ทว่าถูกเจาะจงให้ส่งถึงมือของเด็กหนุ่มได้อย่างเหมาะเจาะ...
.
.
.
...ใครส่งซองนี้มา?
...แล้วคนส่งต้องการอะไร?


เด็กหนุ่มฉีกริมซองที่ปิดผนึกแน่น แล้วจึงดึงแผ่นกระดาษที่พับทบไว้เป็นอย่างดีออกมาด้วยมืออันสั่นเทา
เมื่อกระดาษทั้งแผ่นถูกคลี่กางออก จ้ากลับไม่เหลือเรี่ยวแรงมากพอจะประคองแผ่นกระดาษเอสี่เบาๆแผ่นนั้น ให้วางอยู่บนปลายนิ้วได้อีกต่อไป...
.
.
...กระดาษที่ปลิวตกลงบนฟูกนอนแผ่นนั้นไม่ได้มีเนื้อหาใดๆ  
ไม่มีแม้กระทั่งข้อความใด หรือตัวหนังสือภาษาใดในโลกระบุอยู่

หากแต่เป็นภาพๆหนึ่ง...
ภาพฝันร้ายที่เด็กหนุ่มพยายามกล่อมตัวเองให้ลืมตลอดมา นับตั้งแต่คืนสุดท้ายที่เจ้าตัวกับหรั่งได้ใช้เวลาด้วยกัน



การได้เห็นภาพๆนี้อีกครั้ง ย้ำให้จ้ารู้ว่า... ความกลัวที่ตนเองเคยสัมผัสมาหลังจากได้เจอ มัน...ยังไม่ใช่ที่สุด
เพราะภาพนี้เฉลยว่า มันรู้ว่า เด็กหนุ่มทั้งสองได้กระทำความผิดอะไรเอาไว้...


ภาพๆนั้น เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่เจ้าของซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิดตรงมุมใดมุมหนึ่งของห้อง...
กระทั่งหรั่งเองยังไม่ทันได้สังเกต

ในภาพ...หรั่งกำลังลากแขนของจ้าให้เดินตามเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของห้องๆหนึ่ง
ส่วนรุ่นน้องที่กำลังถูกลาก ก็เอาแต่จับจ้องร่างเปลือยที่เต็มไปด้วยร่องรอยร่วมรักอันรุนแรงของชายหนุ่มซึ่งพวกเขาทั้งคู่ไม่รู้จักแบบไม่วางตา...

ร่างผอมบางของชายอีกคนที่ว่า  ถูกจับให้นอนคว่ำหน้า โดยที่ทั้งแขนและขาของเขาโดนขึงพืดเข้ากับเตียงนอน
ขาทั้งสองข้างอ้ากว้างจนของเหลวหลังกิจกามไหลปนกับเลือดอาบเปื้อนไปทั่วทั้งง่ามขา  
เขาถูกทิ้งให้นอนเป็นผักชั่วคราวอยู่ตรงนั้น หลังจากที่ มันลงมือกับเขาจนพอใจ...
ไม่สิ... ต้องบอกว่า จนชายคนนั้นทนไม่ไหว แล้วสลบไปต่างหาก


หากภาพนี้ถูกตัดตอนมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจริงๆ...
ก็หมายความว่า หลังจากที่เด็กหนุ่มทั้งสองแอบหนีออกมาจากบ้านของ มันได้สำเร็จ...
มัน คงปะติดปะต่อสาเหตุที่เขาทั้งคู่แอบหลบเข้าไปในห้องนั้นจากภาพได้ทั้งหมดแน่ๆ

ภาพใบหน้าที่ชัดเจนของจ้ากับหรั่งจากกล้องวงจรปิดตัวนี้นี่เอง
ที่เป็นชนวนทำให้ มัน ตามมาคิดบัญชีทบต้นทบดอกกับเด็กหนุ่มทั้งสองได้ถูกตัวภายในระยะเวลาสั้นๆ...

นั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซนต์ว่า...เรื่องโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับตน รวมทั้งความตายของหรั่ง...
คงจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้...นอกไปเสียจากความตั้งใจแก้แค้น หรือปิดปากพวกเขาซึ่งมาจากเจตนาของ มัน แต่เพียงผู้เดียว


มัน กำลังบอกใบ้ให้เด็กหนุ่มรู้ว่า มันตั้งตารอให้เขาชดใช้ด้วยวิธีการเดียวกันกับที่หรั่งเคยจ่าย มันไป
และจดหมายฉบับนี้ คือหลักฐานยืนยันกับจ้าว่า มันจะกลับมาหาเด็กหนุ่มแน่ๆ



แต่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด...
ผมไม่ได้ตั้งใจ
ผม...แค่ตามพี่หรั่งเข้าไปโดยที่ผมไม่รู้ว่าพี่หรั่งตั้งใจจะเข้าไปขโมยของในบ้านหลังใหญ่ของ มัน
แล้วอย่างนี้... ผมสมควรที่จะชดใช้ให้มันด้วยชีวิตจริงๆหรือ?!!!



ได้แต่ฝากความคิดของฉันเอาไว้
เผื่อวันไหนเธอผ่านมา
เห็นที่เดียวกันนี้
เธอจะนึกขึ้นได้ว่า
เคยมีคนนึงยืนข้างเธอ
อยู่ตรงนี้เสมอ...ตลอดมา


มือผอมเรียวเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อดูหน้าจอ
เจ้าของมือใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งเพื่อประคองให้โทรศัพท์เครื่องเก่าไม่สั่นเสียจนดูหน้าปัดไม่รู้เรื่อง...

ชื่อของสายเรียกเข้า กับเวลาบนหน้าจอ...ไม่ต่างไปจากเมื่อสองคืนก่อน
สายที่โทรเข้าตอนเที่ยงคืนซึ่งทำให้เขาตื่นไปถึงเช้าโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงของคนปลายสายแม้สักวินาที

ทว่าคืนนี้... เด็กหนุ่มกลับตัดสินใจกดปุ่มรับสาย
จ้าอยากรู้ว่า หากคนปลายสายเป็นคนที่โทรมาจริงๆ อีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขากันแน่...
แต่เรื่องน่าแปลกกลับเกิดขึ้น...  เพราะก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้รับสายจากพี่ชายผู้วายชนม์
สัญญาณเรียกเข้ากลับถูกตัดไป ก่อนที่จะมีข้อความพิเศษถูกส่งเข้ามาแทน


1 new MMS from พี่หรั่ง


โดยไม่ทันได้คิด... เด็กหนุ่มก็กดเปิดไฟล์ MMS นั้นทันที


“...........................อ๊ากกกกกก..........จ้าาาาาาาาาา..........พี่ขอโทษ.......... อ๊ากกกกกกกก.....”


ถึงจ้าจะนึกเสียใจเอาตอนนี้... คงไม่ทันแล้ว
เพราะแทนที่จะได้หยุดสถิติการอดหลับอดนอนเอาไว้ที่เกือบสี่สิบแปดชั่วโมง...
เขากลับต้องนอนลืมตามองเพดานไปอีกหนึ่งคืน หลังจากถูกเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดของพี่ชายต่างสายเลือดผู้ลาลับหลอกหลอนจนไม่อาจข่มตาลงได้


------------------------------------------------------------------------------------


“หึ หึ... เสียใจด้วยนะเด็กดี ที่คืนนี้พี่อยู่คุยเล่นด้วยไม่ได้...
.
...นอนฟังคลิปเสียงไปก่อนก็แล้วกันนะครับ”


รอยยิ้มบิดเบี้ยวบนเสี้ยวหน้าคมบอกถึงความสุขสมของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
มือใหญ่บรรจงวางมือถือเครื่องที่ตนเพิ่งใช้ทำร้ายคนปลายสายลงในลิ้นชักอย่างเบามือ

จากนั้นจึงเดินเลี่ยงไปยังเตียงกลางห้อง ก่อนลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าขาวอมเหลืองที่โดนผูกมือผูกเท้าตรึงไว้จนแน่น
รอยกรีดถี่ๆตรงสะบักหัวไหล่ด้านหลังของชายหนุ่มผู้ตกอยู่ในนิทรารมย์ในท่าคว่ำเริ่มตกสะเก็ดเกือบทั้งหมด  จะเหลือก็เพียงขอบล่างอีกนิดหน่อยเท่านั้น  


“อาห์... อดใจรออีกแค่คืนเดียวนะ” ปลายแหลมของคัตเตอร์กินเข้าไปใต้ผิวหนังที่แต่งแต้มไปด้วยกระสีน้ำตาลอ่อน ก่อนจะลากผ่านขอบสีดำของน้ำหมึก ปิดท้ายด้วยเลือดที่ไหลซึมจนเอ่อออกมาตามรอยกรีด

“พอไม่มีรอยกระดำกระด่างพวกนี้มาก่อกวนสายตาของฉันแล้ว...
.
...เด็กไม่ดีอย่างเธอ จะได้ลองสัมผัสกับความรักที่ฉันเคยมอบให้กับเด็กดีของฉันอย่างเต็มที่เลยเชียวล่ะ...
...ฉันหวังว่าเธอจะชอบนะ”


ห้วงจินตนาการจากภาพหอมหวานในอดีต
ทำให้ใจของชายหนุ่มเพริดไกลจนเผลอลงน้ำหนักใบมีดรุนแรงยิ่งไปกว่าทุกที  
ร่างผอมเซียวเหมือนคนอดอาหารมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่เคยนอนนิ่งราวกับเขียงรองรับคมมีด
ถึงกับผวาเฮือกด้วยความเจ็บปวดจากแผลสดตรงหัวไหล่


“..........อื้อออออออ.......ฮือออออออออออออออออออออออออออ.......อื้อออออออออออ...”


ผู้เป็นเหยื่อกรีดร้องแม้จะรู้แก่ใจว่า สรรพเสียงของตน...คงฝ่าไม่พ้นเทปกาวที่ปิดแน่นตรงริมฝีปาก...
แต่ที่ยังร่ำร้อง... คงเพราะแค่ต้องการประท้วงถึงสิทธิของการมีชีวิต
แม้ว่าในเวลานี้... เขาจะกลายเป็นเพียงวิญญาณของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานก็ตาม


------------------------------------------------------------------------------------


ตอนใหม่มาแล้วค่ะ...
ขอโทษด้วยที่มาลงช้ากว่าเวลาปกตินิดหน่อย
พอดีเราเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด เลยเพิ่งได้มีโอกาสนั่งโต๊ะเขียนตอนนี้ให้เสร็จเมื่อหัวค่ำวันนี้นี่เอง

ตอนนี้อาจจะเรื่อยๆหน่อยนะคะ...
ให้อาจารย์กัลป์กับหนูจ้าได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นตามประสาพระ นายสักนิดหน่อย
ส่วนเงื่อนงำ... อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลยค่ะ มันยังไม่ค่อยจะเผยไต๋เท่าไรหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ขอบคุณสำหรับการติดตามอย่างสม่ำเสมอนะคะ
รักคนอ่านทุกท่านค่ะ ^^




------------------------------------------- TBC -----------------------------------------



No comments:

Post a Comment