#07
‘เดี๋ยวคืนนี้พี่โทรไปหานะครับ’
ผมถอนหายใจหนักๆเมื่ออ่านข้อความใหม่ของพี่รักษ์จบ
โชคดีที่เมื่อคืนลุงออกไปบ่อนก่อนที่เจ้าของข้อความล่าสุดนี้จะโทรมา...
ไม่อย่างนั้น...อีกฝ่ายคงจะยื่นมือเข้ามาวุ่นวายกับผมให้ลำบากใจยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
พอคิดถึงเรื่องลุงเมื่อคืนขึ้นมา...
ลมหายใจกับความหนักอึ้งในอกของผมก็ถูกระบายออกอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีที่สิ้นสุดง่ายๆ
สุดท้าย... จากที่คิดว่าคงจะมีเงินพอกินพอใช้จนถึงสิ้นเดือนโดยไม่ต้องไปทำงานตามที่อาจารย์กัลป์ชักชวน
กลายเป็นว่า...ปฏิเสธข้อเสนอของอาจารย์กัลป์ได้ไม่ทันจะข้ามวัน
ผมกลับต้องกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วอ้อนวอนขอไปทำงานที่บ้านอาจารย์จนได้
ถึงอย่างนั้น หลังจากเสียเงินห้าพันให้ลุงไป
และไม่นับเรื่องที่นอนไม่หลับมาสองคืนติดกัน
ดูเหมือนเรื่องร้ายๆทั้งหลายที่ประดังประเดเข้ามานั้น
จะถูกพัดหายเข้ากลีบเมฆไปตั้งแต่เมื่อเช้า
เพราะจนถึงเลิกเรียนวันนี้...
ชีวิตในคณะของผมก็ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไร้ซึ่งข่าวลือเสียๆหายๆของคนอื่นลอยมาเข้าหู
กระทั่งสายตาของ
‘มัน’ หรือใครก็ตามในคราบเด็กวิศวะที่ผมไม่รู้จักก็หายต๋อม
จนผมเองยังแปลกใจ
“โทษทีนะ พี่รับสายอาจารย์อีกท่านนึงอยู่น่ะ...
...เรามาช่วยงานอาจารย์กัลป์เหรอ?”
เจ้าหน้าที่ธุรการของภาควิชาที่อาจารย์กัลป์สังกัดอยู่ถามผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม... ความโอภาปราศรัยของเธอทำให้ผมเปิดปากพูดคุยได้ไม่ยากนัก
“ครับ
ผมมาช่วยอาจารย์จัดเรียงเอกสารน่ะครับ” คนฟังทำตาโต ก่อนจะจีบปากจีบคอพูดด้วยสีหน้าท่าทางน่ามองจนผมอดยิ้มไม่ได้
“ต๊าย!
น่าอิจฉาจัง...
...พี่นะ
อยากให้อาจารย์กัลป์แกแวะมาฝากงานกับพี่บ่อยๆ แกน่ารักมากกกกก...
.
.
...อุ๊ย!
ลืมไปเลย
มัวแต่เมาท์เพลิน...
...อ่ะนี่จ๊ะ
กุญแจห้องทำงานอาจารย์กัลป์”
“ขอบคุณครับ” ผมยื่นมือไปรับกุญแจห้องที่เจ้าของฝากไว้ตามที่ตกลงกันก่อนหน้า
แต่ก่อนผมจะหมุนตัวเดินไปยังห้องทำงานของอาจารย์กัลป์ พี่เจ้าหน้าที่หญิงคนเมื่อครู่กลับรั้งผมเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนจ๊ะ...
น้องชื่อจ้า อยู่ครุฯปีสองใช่ไหม?”
“ครับ”
“มีคนเอานี่มาฝากไว้ให้เราด้วยจ๊ะ”
พี่เจ้าหน้าที่ยื่นซองจดหมายสีขาวปลอดซองหนึ่งมาให้ผม ผมพลิกดูจนทั่วแต่กลับไม่พบสิ่งใดที่ระบุว่าซองจดหมายซองนี้เป็นของผมจริงๆ
“ของผมเหรอครับ?”
ผมถามอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“จ๊ะ” เสียงโทรศัพท์กระตุ้นพี่เจ้าหน้าที่สาวผู้นั้นให้ตัดบทเสียดื้อๆ
โดยที่ผมยังไม่ทันได้ถามถึงที่มาแน่ชัดของซองในมือแม้สักประโยค...
ลางสังหรณ์สั่งให้ผมยืนรอพี่คนสวยใจดีคนนั้นอย่างใจเย็น...
ผมควรต้องรู้ว่า
ก่อนที่ซองจดหมายสีขาวซองนี้จะมาอยู่ในมือผม...ใครเป็นคนนำมันมาฝากรอผมอยู่แบบนี้?
และคนๆนั้นรู้ได้อย่างไรว่า
วันทั้งวัน...ผมต้องทำอะไร ต้องพบปะเจอะเจอใคร หรือต้องไปที่ไหนบ้าง
ใครฝากซองๆนี้มาให้ผม?
ทำไมถึงรู้เรื่องในมหาลัยของผมดีไปเสียทุกอย่าง?
รู้กระทั่งว่า...ผมมาทำงานที่คณะวิทย์ทุกๆวันหลังเลิกเรียน?
.
.
หรือจะเป็น ‘มัน’ ?!
ต้องใช้ ‘มัน’ แน่ๆ!
“จ้า!... คุณมาแล้วเหรอ?
แล้วทำไมไม่เข้าไปนั่งรอผมที่ห้องล่ะ หรือว่ายังไม่ได้กุญแจจากคุณแก้ว?” เสียงเรียกของอาจารย์กัลป์จากด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปมองเจ้าของเสียงที่เพิ่งเดินพ้นบันไดมาได้ไม่นาน
“อาจารย์กัลป์?!
อาจารย์แวะมาเอาของที่ห้องเหรอครับ?”
ผมร้องถามอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ เพราะจากที่อาจารย์บอกกับผม
อาจารย์ควรจะกำลังอยู่ระหว่างการสอนนี่นา
“เปล่า...
พอดีวันนี้คณะบดีเรียกประชุมอาจารย์หลายท่านในคณะด่วน...
...ผมเลยต้องงดคลาสเรียนกะทันหัน...
.
...แล้วก็อย่างที่เห็น
พอเลิกประชุม...ก็กลายเป็นว่า วันนี้ผมได้เลิกงานเร็วกว่าปกติไปโดยปริยายน่ะ...
...ไปกันเลยไหม?
หรือคุณกำลังรออะไรจากคุณแก้วอยู่?”
เมื่อเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของอาจารย์กัลป์
ผมก็อดใจเต้นไม่ได้...
อุตส่าห์หักห้ามใจไม่คิดมากเรื่องภาพหน้าจอคอมฯของอาจารย์ได้แล้วเชียว
แต่สุดท้าย
ผมก็ยังหวั่นไหวเพราะรอยยิ้มพิมพ์ใจของอาจารย์กัลป์อยู่ดี...
เห็นทีผมคงต้องไปฝึกฝนตัวเองเสียใหม่
จะได้รับมือกับเสน่ห์ของอีกฝ่ายได้ดีกว่านี้
“ไปเลยก็ได้ครับ”
อาจเป็นเพราะอิทธิพลจากรอยยิ้มเมื่อครู่...ที่ทำให้จู่ๆ ผมก็ตบปากรับคำอาจารย์กัลป์ไปแบบง่ายๆ
ทั้งที่ยังมีเรื่องคาใจกับเจ้าหน้าที่ธุรการคนเมื่อครู่แท้ๆ
ไม่เป็นไร...
เอาไว้พรุ่งนี้ผมค่อยแวะมาถามพี่แก้วว่าใครเป็นคนฝากซองนี้มาให้
ผมคิดพลางยัดซองจดหมายนั้นลงกระเป๋าสะพายระหว่างเดินตามหลังอาจารย์กัลป์ไปเรื่อยๆ
ผมไม่แปลกใจนักที่อาจารย์กัลป์ต้องหาคนมาช่วยทำความสะอาดบ้าน
ไม่ใช่เพราะความสกปรกรกเลอะเทอะของบ้านเหมือนกับสภาพห้องทำงานแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะบ้านหลังตรงหน้าผมเป็นบ้านสองชั้นขนาดใหญ่
ที่มีพื้นที่กว้างเกือบเท่าวัดประจำชุมชนแออัดบ้านผม
สภาพบ้านของอาจารย์เมื่อมองจากภายนอก
บอกได้เลยว่าบ้านหลังนี้ทั้งใหม่ ทั้งเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน
และดูเหมือนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีอยู่สม่ำเสมอ
“จ้า...
คุณตามผมเข้ามาก่อน เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม”
เจ้าของบ้านที่เดินนำผมผ่านลานจอดรถและสวนหย่อมหน้าบ้านไปยังประตูทางเข้าเอ่ยสบายๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน
อาจารย์กัลป์...ดูผ่อนคลายมากกว่าตอนที่อยู่มหาลัยมากทีเดียว
ในขณะที่ผมกลับเดินตัวลีบ
เพราะความโอ่โถงใหญ่โตของบ้าน และเพราะประโยคเมื่อครู่ของอาจารย์กัลป์...
อาจารย์กำลังจะพาผมไปแนะนำตัวกับคนสำคัญ...
คนๆนั้นเป็นใครกันหนอ หรือจะเป็นคุณแม่ของอาจารย์?!!!
ผู้หญิงวัยกลางคนเจ้าของร่างท้วมหน้าตาใจดีซึ่งกำลังอ้าวงแขนกว้าง
เพื่อต้อนรับการกลับบ้านของอาจารย์กัลป์อยู่ตรงหน้าครัว คงเป็นบุคคลที่อาจารย์เกริ่นให้ผมฟังเมื่อครู่เป็นแน่
“นมปิ่นครับ...
นี่จ้าครับ จ้าจะมาช่วยนมปิ่นดูแลบ้านตั้งแต่วันนี้ไปครับ”
อาจารย์กัลป์พูดพลางเข้าไปสวมกอดผู้อาวุโสโดยไม่เคอะเขินก่อนจะผละออกมาแล้วส่งยิ้มให้ผมคล้ายกับบอกคิว
“สวัสดีครับนมปิ่น” ผมยกมือขึ้นไหว้คุณนมของอาจารย์ทันที
“ไหว้พระเถอะลูก”
คุณนมเข้ามาลูบหน้าผมเบาๆ แล้วจึงหันไปทำหน้าดุใส่อาจารย์กัลป์ก่อนจะเอ่ย “โธ่พ่อคุณ...ป้าไม่นึกว่าหนูจ้าที่คุณกัลป์เล่าให้นมฟังจะตัวเท่าเมี่ยงแค่นี้.....คุณกัลป์พาน้องมารังแกหรือเปล่าคะเนี่ยะ?”
คนโดนพาดพิงถึงกับเดินเข้ามาเกาะแขนคุณนมเสียแน่น
“โอ๊ย!
กัลป์เปล่านะครับนม...
...กัลป์เห็นว่าจ้าเป็นเด็กขยันส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ยังเล็กๆ
กัลป์เลยอยากสนับสนุนให้จ้ามีรายได้เพิ่ม...
.
...อีกอย่าง
หน่วยก้านจ้าออกจะดีนะครับนม กัลป์ว่าจ้าน่าจะช่วยนมดูแลบ้านได้ถูกใจนมแน่ๆครับ”
พอเห็นอาจารย์กัลป์อ้อนคุณนมเหมือนเด็กๆ
ผมก็อดยิ้มด้วยความเอ็นดูอาจารย์ไปอีกคนไม่ได้...
ไม่นึกเลยว่า เวลาอาจารย์อ้อนคนอื่น
จะน่ามองแบบนี้...
และคงไม่ใช่ผมคนเดียวที่ชอบใจอากัปกิริยาของอาจารย์กัลป์เอามากๆ
เพราะคุณนมก็ส่งยิ้มหวานให้เจ้าของบ้าน
ก่อนจะหยอกเอินอีกอาจารย์ด้วยน้ำเสียงระรื่นน่าฟัง
“ถึงคุณกัลป์จะรับรองน้องหนักแน่นแค่ไหน...
.
...ป้าก็ไม่กล้าให้งานน้องทำมากนักหรอกค่ะ ป้ากลัวตัวเธอจะหักกลางไปเสียก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับนมปิ่น
เห็นผมตัวเท่านี้ แต่ผมทำงานได้ทุกอย่างเลยนะครับ” ผมรีบปรับความเข้าใจของคุณนมเสียใหม่
เพราะผมไม่ได้อ่อนแอเหยาะแหยะจนน่าเป็นห่วงขนาดนั้น
“ค่ะ...
นมเชื่อค่ะหนูจ้า” คุณนมหันมามองผมเต็มตา สลับกับยิ้มกรุ้มกริ่มให้อาจารย์กัลป์
ก่อนจะเอ่ยคำพูดแปลกๆที่ดูเหมือนจะมีความหมายลึกซึ้งระหว่างสมาชิกในบ้าน
“อีกอย่าง ป้ามั่นใจว่า คุณกัลป์ของป้าแกตาแหลมค่ะ...
...คนที่เธอเลือก
ย่อมจะเป็นคนดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ”
ก่อนที่ผมจะงงกับคำพูดของคุณนมมากไปกว่านี้
อาจารย์กัลป์ก็ถามผู้อาวุโสถึงใครบางคนขึ้นมากลางป้อง
“นมปิ่นครับ
แล้วนุไปไหนล่ะครับ?” พอเห็นอาจารย์สอดส่ายสายตามองออกไปนอกบ้าน
ผมก็แอบมองตามไปทันที... ยังมีใครที่ผมต้องเจออยู่อีกหรือ?
“โน่นยังไงคะ...
.
...เดินยิ้มมาโน่นแล้วค่ะ...
...ตายยากจริงเจ้าหลานคนนี้”
คุณนมกวักมือเรียกชายหนุ่มรูปร่างสันทัดที่น่าจะเป็นรุ่นพี่ผมอยู่หลายปีที่เพิ่งเดินมาจากทางหลังบ้านให้เข้ามาด้านใน
“นุ...นี่จ้า น้องจะมาช่วยคุณนมทำความสะอาดในบ้านช่วงเย็นของทุกวัน...
.
...ส่วนเสาร์ –
อาทิตย์...
...เอาไว้ผมตกลงกับจ้าก่อน
แล้วผมจะบอกอีกทีนะว่าน้องจะเอายังไง” อาจารย์กัลป์เอ่ยแนะนำผมกับพี่ที่เพิ่งมาใหม่
“ครับ” พี่นุตอบสั้นๆ
แต่กลับส่งยิ้มกว้างขวางมาให้ผม
“จ้า
นี่พี่นุนะ แกเป็นหลานชายแท้ๆของนมปิ่น พี่นุจะคอยดูแลสวนและเป็นนายช่างใหญ่ประจำบ้านผมเอง”
ผมรีบยกมือไหว้ฝากเนื้อฝากตัวกับอีกฝ่ายทันที
“สวัสดีครับพี่นุ”
“นุ... ผมฝากนุพาน้องไปเดินดูรอบๆบ้านหน่อยสิ
น้องจะได้รู้ว่าข้างนอกบ้านมีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง” อาจารย์กัลป์สั่งพี่นุ
พลางพยักหน้าบอกผมให้เข้าใจสิ่งที่ผมต้องทำเป็นลำดับถัดไป... เดี๋ยวหลังจากทำความรู้จักกับภายนอกบ้านหลังนี้แล้ว
ผมคงจะได้เริ่มลงมือทำงานในส่วนของผมเสียที บ้านกว้างขนาดนี้...ผมจะทำความสะอาดเสร็จสักกี่โมงกันนะ?
“ครับ
ได้ครับคุณกัลป์”
“นมปิ่นครับ รบกวนนมปิ่นตั้งสำรับเย็นเลยนะครับ...
.
...เดี๋ยวพอนุพาจ้าเดินดูรอบๆบ้านเสร็จ
พาจ้าไปรอผมที่ครัวด้วยนะ จะได้กินข้าวเย็นพร้อมกัน” เมื่อได้ยินคำสั่งล่าสุดของเจ้าของบ้าน
ผมก็หันกลับไปถามอาจารย์ด้วยความสงสัยทันควัน
“อ้าว...
ผมไม่ต้องเริ่มงานเลยหรอกเหรอครับอาจารย์?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะหนูจ้า
งานบ้านไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ กินข้าวอิ่มๆแล้วค่อยเริ่มงานก็ยังไหว”
“นั่นสิ...
เดี๋ยวคุณค่อยเริ่มงานหลังกินข้าวเย็นแล้วกันนะ วันนี้มาถึงบ้านผมเร็ว...
คุณมีเวลาทำงานบ้านผมอีกถมเถ” ระหว่างที่ฟังอาจารย์กัลป์ตัดบท คุณนมก็บีบแขนผมเบาๆพลางส่งยิ้มปลอบใจมาให้
ผมจึงจำใจต้องยินยอมตามความต้องการของเจ้าบ้านและเจ้านายอย่างเสียไม่ได้
“ครับ...
ก็ได้ครับ”
“พี่เข้าใจว่า
คุณกัลป์คงให้เราทำความสะอาดเฉพาะในบ้าน... เพราะรอบๆตัวบ้าน พี่กับคุณกัลป์จะดูแลกันเอง”
พี่นุอธิบายเนื้องานเพิ่มเติมให้ผมฟังทันทีที่เราสองคนเดินพ้นประตู
สิ่งที่พี่นุเพิ่งบอกให้ผมฟัง...ทำให้ผมทึ่งไม่น้อย
“อาจารย์ทำสวนเองเหรอครับ?”
“แรกๆที่คุณกัลป์กลับมาอยู่เมืองไทย
แกก็ไม่ได้ลงมือเองหรอก...
...แต่พอแกเริ่มทำงานสักพัก
แกก็ลงมาออกแบบสวนปลูกโน่นปลูกนี่ ออกแบบ แล้วก็จัดตู้ปลาเอง...
...คุณกัลป์บอกพี่ว่ามันช่วยคลายเครียดได้น่ะ...
.
...พักนี้แกบอกงานเยอะ
แกเลยให้พี่ดูสวนเป็นหลัก...
...ส่วนตู้ปลา
แกจะลงมือจัดการเปลี่ยนน้ำทำความสะอาดด้วยตัวเองอีกทีตอนเสาร์ – อาทิตย์น่ะ”
“จริงเหรอครับ?”
“หึ หึ...เห็นเจ้าสำอางค์แบบนั้นแต่คุณกัลป์เก่งมากนะ...
.
...ปลาหายากสองตู้ของแก
คุณกัลป์ก็ดูของแกอยู่คนเดียว...
...ถ้าให้พี่เลี้ยง
สงสัยตายเกลี้ยง” พี่นุพูดกลั้วหัวเราะ จนผมเผลอหัวเราะตาม...
เท่าที่จำได้จากการกวาดตามองรอบๆข้างในบ้านของอาจารย์กัลป์เมื่อครู่
ผมก็ชักจะเห็นด้วยกับพี่นุว่า
ถ้าอาจารย์ให้ผมดูแลทำความสะอาดตู้ปลาขนาดใหญ่ทั้งสองตู้จริงๆ
ไม่ผมก็ปลาของอาจารย์กัลป์นี่แหละ
ที่จะแย่จนต้องลาโลกไปเสียก่อน
“หึ หึ หึ.....แล้วเรือนหลังเล็กหลังนั้นล่ะครับ
ผมต้องเข้าไปทำความสะอาดด้วยหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องหรอก
นั่นเป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำสวนกับเครื่องมือน่ะ พี่เป็นคนดูแลเอง...
.
...เอาล่ะ...พี่พาเราทัวร์จนทั่วรอบบ้านแล้ว
พื้นที่ของพี่ก็มีเท่านี้แหละ...เดี๋ยวพี่พาไปรอคุณกัลป์ที่โต๊ะอาหารก็แล้วกันนะ”
“ครับ
ขอบคุณครับพี่นุ” ผมเดินตามพี่นุเข้าไปในบ้านตามที่เจ้าของบ้านได้สั่งความเอาไว้แต่ทีแรก
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
หลังจากชิมลางทำความสะอาดบ้านอาจารย์กัลป์วันแรก
เด็กหนุ่มก็ได้ข้อสรุปว่า...
งานที่บ้านของอีกฝ่ายเป็นงานที่จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย จะว่าสบายก็สบาย
ส่วนที่ทำให้จ้าเหนื่อยไม่เบา
เห็นจะเป็นเนื้อที่ของภายในบ้านอาจารย์หนุ่มซึ่งกว้างขวางเกินกว่าจะเป็นบ้านชายโสดที่มีสมาชิกร่วมชายคาเพียงสามคน
ขนาดวันนี้กัลป์อนุญาตให้เด็กหนุ่มทำความสะอาดเฉพาะชั้นล่าง...
คนตัวเล็กยังเหงื่อตกกีบ
ทว่าจ้ายังโชคดีอยู่ไม่น้อย
เพราะการตกแต่งภายในบ้านของอีกฝ่าย...เน้นความเรียบง่าย ไม่มีของประดับมากนัก
จึงไม่มีชั้น ไม่มีมุมให้ต้องคอยปัดคอยเช็ดสักเท่าไร
ถึงอย่างนั้น
เด็กหนุ่มยังหนักใจไม่หาย ด้วยที่คำนวณไม่ได้ว่า หากต้องทำความสะอาดบ้านทั้งหลังขึ้นมาจริงๆ...
เจ้าตัวจะต้องอาศัยเวลาและพลังงานมากมายสักเพียงไหน
กลับกัน...ส่วนที่จ้ามองว่างานนี้สบายอย่างเหลือเชื่อ
น่าจะเป็นเพราะหลายสาเหตุ...
เรื่องแรกที่ทำให้เด็กหนุ่มแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ก็คือ...หน้าที่ดูแลตู้ปลาทั้งสอง
โดยหลังกินข้าว...กัลป์ได้ย้ำกับพนักงานทำความสะอาดคนใหม่อีกครั้งว่า
ชายหนุ่มจะเป็นคนดูแลตู้ปลาทั้งสองแบบเบ็ดเสร็จพร้อมสรรพด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ
ด้วยความอลังการ...อีกทั้งสายพันธ์ปลาที่ชายหนุ่มเลือกเฟ้นเพื่อนำมาเลี้ยงนั้น
ล้วนแล้วแต่เป็นปลาหายากซึ่งจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นฝูงปลาตัวสีเงินเงาๆที่รูปทรงดูคล้ายปลาจาระเม็ดแต่ตัวเล็กและหน้าตาดูถมึงทึงกว่าเยอะ
และอีกตู้...ซึ่งเป็นตู้ที่สะกดสายตาของเด็กหนุ่มได้ชะงัดนัก
.
.
ในตู้ปลาทรงกระบอกประดับไฟ
LED ซึ่งเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆตามช่วงเวลา...
มีแมงกระพรุนหางยาวสีขาวขุ่นตัวเท่าฝ่ามือหลายสิบตัวว่ายวนไปมาอย่างน่ามอง
ภาพการเคลื่อนที่อย่างช้าๆของสิ่งมีชีวิตตัวใสซึ่งมีหางกรุยกราย
ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเสียจนจ้าต้องคอยแอบหาโอกาสวางมือจากการทำความสะอาดเพื่อจ้องมองอยู่บ่อยครั้ง...
ถึงแม้รุ่งรวีจะไม่รู้ว่าสัตว์น้ำทั้งสองตู้มีราคาเท่าไร...
แต่เขามั่นใจว่า
มันต้องไม่ใช่สัตว์น้ำหาง่ายในเมืองไทยแน่ๆ
ขืนกัลป์ปล่อยให้เขาเปลี่ยนน้ำตู้ปลา
หรือทำความสะอาดแบบสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจริงๆ...
ไม่ถึงอาทิตย์...ปลาทั้งสองตู้คงได้ตายราบคาบด้วยน้ำมือของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เด็กหนุ่มไม่ต้องทำงานกับกัลป์เพื่อชดใช้ค่าปลาทั้งสองตู้ไปตลอดทั้งชาติอย่างนั้นหรอกหรือ?
เรื่องที่สอง...ที่ทำให้งานนี้ดีล้ำหน้ายิ่งกว่างานไหนๆในความเห็นของเด็กหนุ่ม
คงจะเป็นการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีของเจ้านายคนใหม่ของเขานั่นแหละ
จากประสบการณ์ทำงานอันโชกโชนและหลากหลาย
รุ่งรวีบอกตัวเองได้ทันทีว่า
คงไม่มีคนทำความสะอาดบ้านคนไหน ได้กินข้าวเย็นร่วมโต๊ะเดียวกับเจ้าของบ้าน
แถมหลังจากทำงานเสร็จ...
เจ้าของบ้านยังกุลีกุจอขับรถไปส่งคนทำความสะอาดถึงบ้าน ทั้งที่ระยะทางไม่ได้เอื้ออำนวย
เท่านั้นยังไม่พอ
กัลป์ยังคอยถามไถ่ความรู้สึกของลูกจ้างชั่วคราวอย่างเขาแบบไม่ขาดปาก เหมือนดังที่ชายหนุ่มทำระหว่างทางไปบ้านของจ้าเมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา
.
.
.
.
“เออนี่จ้า...
ผมมัวแต่ดีใจที่คุณมาช่วยงานเลยไม่ทันได้ถามว่าคุณโอเคหรือเปล่าที่ต้องกลับบ้านดึกๆดื่นๆทุกวัน”
หลังจากหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับเรื่องอาหารมื้อเย็นและเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับสมาชิกในบ้านของกัลป์จบลง
ชายหนุ่มก็เปิดประเด็นถึงหัวข้อที่ยังคาใจเขาทันที
“ผมไม่มีปัญหาครับอาจารย์...
.
...ผมว่า
คนที่ลำบากน่าจะเป็นอาจารย์ต่างหากล่ะครับ...
...ดึกป่านนี้แล้ว
ไม่น่าจะต้องลำบากมาส่งผมถึงบ้านเลย...
...จากหน้าบ้านอาจารย์
มีรถเมล์ผ่านหน้าซอยบ้านผมตั้งหลายสาย ต่อให้ดึกแค่ไหน...ผมก็กลับบ้านเองได้ครับ” จ้าตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
ทั้งที่ในใจกำลังขบคิดถึงหนทางที่จะกลับบ้านด้วยตนเองได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้เวลาน้อยที่สุด แต่คนฟังกลับขมวดคิ้วมุ่นก่อนเอ่ยห้าม
“ผมขอล่ะ...จ้าอย่าพูดอย่างนี้อีกเลยนะ...
...ผมอยากมาส่งจ้า
ขอให้ผมได้ดูแลจ้าแทนมานะเถอะ” ชายหนุ่มมักจะหยิบยกชื่อของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ของอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อต่อรองในสิ่งที่ตนต้องการ
เนื่องจากมันได้ผลเสมอ... ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ก็ได้ครับ
แต่ถ้าวันไหนอาจารย์ไม่สะดวกจริงๆ ผมกลับบ้านเองได้นะครับ”
“แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ติดอะไร
คุณก็อย่าขัดศรัทธาผมเลยนะจ้า” กัลป์ต่อรอง ซึ่งความดึงดันแต่ไม่ล้ำเส้นของชายหนุ่มก็ทำให้จ้ายอมตามใจอีกฝ่ายได้ไม่ยากนัก
“ครับ...
ขอบคุณอาจารย์มากครับ”
“เออ...จ้า คุณแน่ใจนะว่าผู้ปกครองจ้าจะไม่มีปัญหาจริงๆ?...
.
...ก่อนคุณจะมาทำงานกับผมที่บ้านวันนี้
คุณได้บอกลุงคุณหรือยัง?” เมื่อกัลป์แตะถึงประเด็นร้อนที่จ้าไม่อยากเอ่ยถึงมากที่สุด
เด็กหนุ่มจึงต้องโกหกอย่างไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีวันที่เขาจะยอมเล่าปัญหาที่บ้านให้อีกฝ่ายรับฟังเป็นแน่
“เมื่อคืนก่อนอาจารย์จะโทรมา ผมเกริ่นกับลุงไว้แล้วครับ...
.
...ลุงก็ไม่ได้ว่าอะไร...
...แกยังเตือนผมว่า
อย่าไปสร้างปัญหาให้อาจารย์น่ะครับ” เหมือนกับทุกที...
เด็กหนุ่มเลือกที่จะเบือนหน้าหนีเพื่อเลี่ยงการสบสายตากับคนฟังเมื่อตนเองต้องพูดโกหก
คนฟังที่ตั้งอกตั้งใจขับรถก็ยิ้มรับคำพูดของอีกฝ่ายคล้ายต้องการจะค้าน แล้วจึงกล่าวสำทับเพื่อทำให้เด็กหนุ่มเบาใจ
“หึ หึ หึ...จะไปมีปัญหาได้ยังไงล่ะ...
.
...คุณน่ะ ทำงานดีจะตาย...
...รู้ไหม นมปิ่นชมคุณไม่ขาดปากเลยนะ”
“ฝากขอบคุณนมปิ่นด้วยนะครับ”
“แล้วระหว่างที่ทำงานบ้านผม...
...มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณลำบากใจบ้างหรือเปล่า?...
.
...ถ้ามี
คุณบอกผมได้นะจ้า เดี๋ยวผมจะให้นมปิ่นช่วยดูแลขยับขยายอีกที” กัลป์เหลือบมองคนนั่งข้างๆด้วยสายตาเป็นห่วง
ใจจริง...หากเลือกได้
เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาดแบบนี้
แต่เพราะรู้ว่ารุ่งรวีไม่มีทางยอมรับเงินช่วยเหลือจากใครง่ายๆ
ชายหนุ่มจึงต้องยอมอาศัยงานทำความสะอาดบ้านตัวเองบังหน้าไปจนกว่าเขาจะนึกถึงข้ออ้างอื่นๆที่ดีกว่าออก
“ไม่มีเลยครับ
บ้านอาจารย์สวยมากครับ...
...ส่วนนมปิ่นกับพี่นุ
ก็ใจดีกับผมมาก”
“ได้ยินอย่างนี้ผมก็เบาใจ
ต่อไป...ผมคงจะวางใจฝากฝังคุณเอาไว้กับสองคนนั้นได้โดยไม่ต้องห่วงอะไรมาก...
.
...เออนี่จ้า...
...แล้วเสาร์ –
อาทิตย์ล่ะ คุณจะสะดวกมาทำงานที่บ้านให้ผมไหม?
คุณติดไปทำงาน หรือทำกิจกรรมที่ไหนอยู่หรือเปล่า?” จริงๆแล้ว นี่คือประเด็นที่ชายหนุ่มต้องการได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด...
เขาอยากเจออีกฝ่ายตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำ...ถ้าเขาทำได้
“ถ้าผมไม่ได้เข้าไปรบกวนอาจารย์
นมปิ่น และพี่นุจนเกินไป... ผมก็แวะเข้าไปทำงานที่บ้านอาจารย์ได้ทุกวัน...
...วันธรรมดาก็ช่วงหลังเลิกเรียน
ส่วนเสาร์ – อาทิตย์
ก็แล้วแต่อาจารย์สะดวกเลยครับ...
.
...แต่ถ้าเป็นช่วงสอบ...
...ผมคงต้องขออนุญาตอาจารย์กัลป์เข้าไปทำเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์
จะได้ไหมครับอาจารย์?” จ้าตอบไปตามความจริง เขาอยากทำงานให้ได้มากที่สุด
เพราะมันหมายความว่า... เขาจะได้เงินเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว ที่สำคัญ...การทำงาน ช่วยให้เด็กหนุ่มไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านด้วยเรื่องกวนใจทั้งหลายซึ่งทำให้เขาว้าวุ่นอยู่ตลอดนับตั้งแต่หรั่งเสียชีวิต
“ได้สิ...
...ยังไงซะผมก็ต้องขอโทษคุณด้วย
ที่ผมดันเป็นคนรักความสะอาดมาก...
...พอคุณรับปากว่าจะมาช่วยงานนมปิ่น
ผมก็อยากให้คุณมาทำบ้านให้ผมทุกวัน...
.
.
...ผมรู้นะว่าคุณอาจจะไม่เชื่อ
เพราะห้องทำงานผมรกยังกับอะไรดี...
...คุณก็คิดอย่างนั้นใช่ไหมล่ะ?”
สีหน้าสลดของกัลป์ทำให้เด็กหนุ่มไม่สบายใจจนต้องรีบอธิบายเพื่อบรรเทาความกังวลของอีกฝ่าย
“ปละ เปล่าครับ...
“ปละ เปล่าครับ...
.
...ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อยครับอาจารย์กัลป์...
...ยิ่งผมทำงานเยอะ
ผมก็ได้เงินมาก... นั่นก็แปลว่าผมจะมีเงินเก็บสำรองมากขึ้น แล้วอย่างนี้ผมจะไม่ชอบไปทำงานที่บ้านอาจารย์ได้ยังไงล่ะครับ”
“นั่นน่ะสินะ...
อย่างนี้ คุณก็เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือที่คุณบอกผมเมื่อวานได้แล้วล่ะสิ” ชายหนุ่มทวงอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“ครับ ได้เลยครับ...
แต่ต้องรอให้เงินเดือนผมออกก่อนนะครับ ผมถึงจะพาอาจารย์ไปเลี้ยงได้”
“งั้นผมให้เงินเดือนล่วงหน้าคุณวันศุกร์นี้ดีไหม
เราจะได้ไปลองชิมก๋วยเตี๋ยวเรือร้านนั้นด้วยกันวันเสาร์นี้เลย” แม้จะเป็นแค่คำสัพยอก
แต่ชายหนุ่มกลับลุ้นให้อีกฝ่ายตอบรับคำชวนอ้อมๆของตนโดยไม่ลังเล
แต่สีหน้าบอกอารมณ์ไม่ถูกกับคำถามแบ่งรับแบ่งสู้ของจ้า ทำให้เขาใจฝ่อ
“จะดีเหรอครับอาจารย์?”
“อ้าว
ทำไมจะไม่ดีล่ะ? หรือคุณเปลี่ยนใจไม่อยากเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวผมแล้ว?”
“เปล่าครับ!...
...คือ...ผมยังทำงานให้อาจารย์ได้ไม่กี่วัน...
...แล้วอาจารย์จะให้เงินเดือนผมล่วงหน้าเลย
แบบนั้นคงไม่ดีแน่...
.
...เกิดผมเชิดเงินอาจารย์ไปแล้วหายต๋อม
อย่างนี้อาจารย์กัลป์จะไม่ขาดทุนเหรอครับ?” จ้าตอบยืดยาวเพื่อปรับความเข้าใจของคนฟังให้ตรงกันกับเหตุผลส่วนตัวของเขา
“ก็อย่างที่นมปิ่นบอกนั่นแหละ...
.
...ผมดูคนไม่เคยผิดหรอกจ้า
ผมรู้ว่าคุณไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ... ใช่ไหมล่ะ?” กัลป์รับรองหนักแน่น
และคำพูดนี้...ทำให้เด็กหนุ่มหวนคิดไปถึงสีหน้า ท่าทาง และคำพูดของนมปิ่นเมื่อแรกเจอหน้าไม่ได้...
เขากำลังใจเต้นกับชายหนุ่มคนที่กำลังขับรถด้วยความตั้งอกตั้งใจคนนี้
จ้าจึงรีบไพล่ไปพูดถึงเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงประเด็น
“ครับ...
ผมแค่ยังไม่เบิกเงินเดือนล่วงหน้าทั้งที่ไม่มีความจำเป็น...
...อีกอย่าง...ผมนึกว่าเสาร์
- อาทิตย์อาจารย์จะต้องทำความสะอาดตู้ปลาเสียอีก”
“ไม่เป็นไรหรอก
ถ้าเราได้ออกไปข้างนอกด้วยกันจริงๆ ผมก็แค่กลับมาดูแลปลาตอนช่วงเย็นก็ได้”
“ครับ
ถ้าอาจารย์ไม่ลำบาก วันเสาร์ผมจะพาอาจารย์ไปลองก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นดูก็ได้”
“คุณตกลงแล้วนะจ้า
ห้ามเปลี่ยนใจทีหลังล่ะ” กัลป์ย้ำเหมือนเด็กๆ
จนคนนั่งข้างๆต้องยืนยันเป็นมั่นเหมาะอีกครั้ง ความรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆในอกทำให้จ้าหลุดปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจโดยไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ดีอีกครั้ง
“ครับ
ผมไม่เปลี่ยนใจแน่ครับ แต่ถ้าอาจารย์ไม่สะดวก...
อาจารย์ก็ยกเลิกนัดผมได้ตลอดเลยนะครับ ผมไม่มีปัญหา”
“เอ๊ะ!
คุณนี่ยังไงนะจ้า...
รับปากผมยังไม่ทันไร ก็บอกเผื่อให้ผมชิ่งได้ทันที...
.
...นี่ผมดูเป็นคนโลเลเหลาะแหละขนาดนั้นเลยเหรอ?”
กัลป์เผลอดุตุ๊กตาหน้ารถที่เพิ่งประจำการได้เพียงไม่กี่วัน
ทว่าชายหนุ่มกลับอยากให้คนๆนี้
นั่งเคียงข้างเป็นกำลังใจให้กับสารถีอย่างเขาไปตลอดเสียแล้วสิ...
นี่อีกฝ่ายไม่เข้าใจความรู้สึกลึกๆที่เขาเฝ้าพร่ำบอกผ่านการกระทำตลอดหลายวันที่ผ่านมาบ้างเลยหรือ?!
“เปล่าครับ!
ไม่ใช่อย่างนั้นครับอาจารย์กัลป์!...
.
...คือ ผมพูดเผื่อเอาไว้ว่า
อาจารย์กัลป์อาจจะอยากใช้เวลาว่างของอาจารย์ทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าการออกไปกินเก๋วเตี๋ยวกับผมน่ะครับ”
เด็กหนุ่มละล่ำละลัก
“เดี๋ยวนะจ้า...
.
...ที่คุณพูดนี่
คุณหมายความว่ายังไง? ผมไม่เข้าใจ”
ชายหนุ่มคาดคั้นด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
ยังดีที่เขายังไม่ร้อนใจขนาดต้องหยุดรถเพื่อพูดคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง
ซึ่งท่าทีไม่พอใจอย่างไม่สงวนอาการของกัลป์หลังจากคำพูดแบบไม่คิดของจ้า
ทำให้เด็กหนุ่มร้อนรนจนหลุดปากพาดพิงถึงประเด็นที่กระทั่งเจ้าตัวยังไม่อยากจะยอมรับออกมาเป็นคำพูดให้ผู้ใดล่วงรู้
“เอ่อ...คือ...
ก็เผื่อว่า เวลาส่วนใหญ่ของอาจารย์กัลป์จะมีคนจองหมดแล้วน่ะครับ ผมก็ไม่อยากขัด”
“ใคร?!”
จ้าไม่รู้ว่าตนเองเผยสีหน้าแบบไหนออกไปให้กัลป์เห็น
คนฟังถึงได้เปลี่ยนอารมณ์ได้กะทันหันราวกับพลิกฝ่ามือ
จากที่ฉุนเฉียวไม่พอใจในทีแรก
แต่เพียงครู่เดียว...กัลป์กลับทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะยิ้มกว้างจนตาปิดออกมาทันที
“ฮะ ฮะ ฮะ... อ๋อออออออ!
ผมยังไม่มีแฟนหรอกจ้า...
.
.
...คุณไม่รู้เหรอว่า
กว่าจะเจอคนถูกใจสักคน มันไม่ได้ง่ายเหมือนปลูกต้นไม้หรือให้อาหารปลาหรอกนะคุณ” คนฟังถึงกับหน้าม้านหลังจากกัลป์เข้าใจความหมายของประโยคก่อนหน้าอย่างแจ่มแจ้ง
“ขอโทษครับอาจารย์...
ผม
“หึ หึ
หึ...ขอโทษทำไม ผมควรจะดีใจตังหาก ที่คุณพูดแบบนี้ออกมา” กัลป์จงใจพูดแทรกเด็กหนุ่ม จนจ้านึกสงสัย
“ทำไมอาจารย์กัลป์ต้องดีใจด้วยล่ะครับ?”
เมื่อโอกาสลอยลงมาตกลงตรงหน้า กัลป์ก็รีบหยอดเด็กหนุ่มให้รู้ใจตนเองโดยไม่รอช้า
“ผมจะได้บอกคุณได้ยังไงล่ะว่า
หัวใจผมยังว่าง” คนขับชะลอความเร็วเพื่อหาโอกาสจับจ้องเจ้าของนัยน์ตาโศกเมื่อมีโอกาส
คนฟังนั่งตัวแข็งทว่าหน้าแดงแจ๋ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เขาเพิ่งเอ่ยไป กัลป์จึงรีบฉวยโอกาสต่อก่อนที่เด็กหนุ่มจะหาทางบ่ายเบี่ยง
“คุณรู้ไหมว่าการหาโอกาสบอกคุณว่าผมยังไม่มีแฟนน่ะมันยากแค่ไหน?”
“............”
เด็กหนุ่ทกำลังภาวนาให้คนขับไม่ได้ยินเสียงโครมครามของหัวใจตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
ในขณะที่อีกฝ่าย...ยังคงเดินหน้าเผยความในใจแบบอ้อมๆอย่างไม่ลดละ
“ไม่รู้สิจ้า...
พอผมได้เห็นหน้าคุณ ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ ผมก็อยากบอกคุณเหลือเกินว่าผมไม่มีใคร...
.
...มันอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับคุณ
แต่มันสำคัญสำหรับผมมากกว่าเรื่องไหนๆเสียอีก”
“เอ่อ...
อาจารย์ครับ ถึงบ้านผมแล้วครับ” เด็กหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรถยนต์หรูของกัลป์พาเขาทั้งคู่มาถึงยังหน้าปากทางเข้าบ้านตนเอง
กัลป์เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อเทียบจอด ก่อนจะเบี่ยงตัวเพื่อหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเต็มตา
“จ้า...
ขอบคุณนะ” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง เขาอยากส่งผ่านความรู้สึกนี้ไปถึงใจอีกฝ่ายให้จงได้
แต่จ้ากลับเลือกที่จะเฉไฉไม่ต่างไปจากที่เจ้าตัวชอบทำ
“ผมต่างหากที่ต้องขอบพระคุณอาจารย์กัลป์ครับ”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องงาน...
แต่ผมหมายถึงเรื่องที่คุณสนใจเรื่องสถานะของผมจนหลุดปากพูดออกมา...
...ผมขอบใจจริงๆ...
.
...และผมก็ดีใจมากที่ผมมีโอกาสบอกคุณด้วยตัวเอง
ว่าผมกำลังมองหาคนๆนั้น...
...คนที่จะมาเป็นสุดที่รักของผมอยู่...
...จ้าเข้าใจผมใช่ไหม?”
กัลป์เน้นย้ำทุกๆคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ หากจ้ายังจะไม่เข้าใจ...
คงจะเหลือแค่เพียงการสารภาพความในใจให้เขาเลือกใช้เป็นทางออกอันเด็ดขาดของสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้
“คระ...ครับ
ดึกแล้ว... ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มก้มหน้างุดระหว่างรับคำ...
ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ แต่ในเวลานี้...เขาไม่รู้จะจัดการกับทั้งความรู้สึกของตัวเอง
และความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างไรดี เพราะฉะนั้น... การให้เวลาตัวเองให้มากกว่านี้
คงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขาที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาเพียงไม่นาน
“ให้ผมเดินไปส่งนะ”
กัลป์อ้อนเสียงอ่อน ถึงอย่างนั้น...จ้าก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอกครับ...
ยังพอมีคนเดินอยู่บ้าง อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
“ถึงบ้านแล้วมิสคอลมาหาผมด้วย...
.
...แล้วก็ เดินดีๆล่ะ...
พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องทำงานผมเหมือนเดิมนะ” ชายหนุ่มย้ำ...
เขาอยากแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่หนีหน้าเขาไปไหน และแล้ว... ข้อความที่เขาอยากฟังมากที่สุดก็ถูกเอ่ยออกจากริมฝีปากแดงๆของคนที่ทำท่าอยากจะกระโจนออกจากรถไปตั้งแต่เมื่อห้านาทีที่แล้ว
“ครับ
สวัสดีครับอาจารย์กัลป์”
เนื่องจากหัวสมองของเด็กหนุ่มเอาแต่หวนคิดถึงสิ่งที่กัลป์ตอกย้ำก่อนที่ทั้งสองจะแยกจากกัน
หลังบอกลาชายหนุ่มเรียบร้อยแล้ว
กิจกรรมทุกอย่างที่เด็กหนุ่มกระทำต่อจากนั้น ก็ดำเนินไปโดยไร้สติกำกับแทบทั้งสิ้น...
เขาแทบจำไม่ได้ว่า
ตนเองพูดคุยอะไรกับรักษ์บ้าง
ถึงจะพอจับความรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดีใจไม่น้อยที่เขายอมรับสายไม่ต่างจากทุกคืนก็เถอะ
เขาเผลอหงุดหงิดตัวเอง
เมื่อต้องเดินลงบันไดไปปิดบ้านถึงสองรอบด้วยกัน
เพราะเกิดไม่แน่ใจว่า ได้ลงกลอนหน้าบ้านและปิดรั้วแล้วหรือยัง
เคราะห์ยังดีที่อาการล่องลอยของเด็กหนุ่มไม่ได้ทำให้เขาลืมโทรเข้าเครื่องของกัลป์หลังจากกลับถึงบ้าน
ไม่อย่างนั้น...หัวใจที่หวั่นไหวของเขา
คงต้องทำงานหนักเพราะเสียงนุ่มๆที่ดังลอดหูโทรศัพท์ของอาจารย์หนุ่มเป็นแน่
.
.
.
.
เด็กหนุ่มนึกย้อนไปถึงช่วงก่อนที่ตนเองเตรียมตัวจะลงรถของกัลป์
เขาจำได้ว่า
ขณะนั้น...เขาไม่ได้โต้ตอบอะไรอีกฝ่ายไปมากมายเมื่อเทียบกับประโยคฟุ่มเฟือยที่ได้ยิน
แต่จ้ากลับรู้ชัดว่า...สิ่งที่อาจารย์หนุ่มเฝ้าบอกซ้ำๆนั้น
มีความหมายว่าอย่างไร
เสียงข้างในใจของจ้าเอาแต่เฝ้าถามวนไปวนมาแค่เพียงไม่กี่ประโยค...
อาจารย์กัลป์รู้สึกดีๆกับผมอย่างนั้นเหรอ?
ใช่เหรอ?...ใช่ผมแน่เหรอ?
ทำไมถึงเป็นผมล่ะ?
หรือผมจะคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปจริงๆ?
กระนั้น...ความคิดวกวนของเขากลับมีอันต้องหยุดชะงักทันที
เมื่อฝ่ามือสัมผัสโดนผิวเรียบๆของซองจดหมายซองหนึ่ง
ซึ่งถูกซุกเอาไว้ตรงก้นกระเป๋าสะพาย ระหว่างเจ้าตัวกำลังจัดเตรียมชีทเรียนตามตารางสอนของวันรุ่งขึ้นลงกระเป๋า...
ซองสีขาวที่ได้มาเมื่อตอนบ่าย...
ซองที่ไม่มีการจ่าหน้า
ไร้ที่มา...
ทว่าถูกเจาะจงให้ส่งถึงมือของเด็กหนุ่มได้อย่างเหมาะเจาะ...
.
.
.
...ใครส่งซองนี้มา?
...แล้วคนส่งต้องการอะไร?
เด็กหนุ่มฉีกริมซองที่ปิดผนึกแน่น
แล้วจึงดึงแผ่นกระดาษที่พับทบไว้เป็นอย่างดีออกมาด้วยมืออันสั่นเทา
เมื่อกระดาษทั้งแผ่นถูกคลี่กางออก
จ้ากลับไม่เหลือเรี่ยวแรงมากพอจะประคองแผ่นกระดาษเอสี่เบาๆแผ่นนั้น ให้วางอยู่บนปลายนิ้วได้อีกต่อไป...
.
.
...กระดาษที่ปลิวตกลงบนฟูกนอนแผ่นนั้นไม่ได้มีเนื้อหาใดๆ
ไม่มีแม้กระทั่งข้อความใด
หรือตัวหนังสือภาษาใดในโลกระบุอยู่
หากแต่เป็นภาพๆหนึ่ง...
ภาพฝันร้ายที่เด็กหนุ่มพยายามกล่อมตัวเองให้ลืมตลอดมา
นับตั้งแต่คืนสุดท้ายที่เจ้าตัวกับหรั่งได้ใช้เวลาด้วยกัน
การได้เห็นภาพๆนี้อีกครั้ง
ย้ำให้จ้ารู้ว่า... ความกลัวที่ตนเองเคยสัมผัสมาหลังจากได้เจอ ‘มัน’...ยังไม่ใช่ที่สุด
เพราะภาพนี้เฉลยว่า
‘มัน’ รู้ว่า เด็กหนุ่มทั้งสองได้กระทำความผิดอะไรเอาไว้...
ภาพๆนั้น
เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่เจ้าของซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิดตรงมุมใดมุมหนึ่งของห้อง...
กระทั่งหรั่งเองยังไม่ทันได้สังเกต
ในภาพ...หรั่งกำลังลากแขนของจ้าให้เดินตามเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของห้องๆหนึ่ง
ส่วนรุ่นน้องที่กำลังถูกลาก
ก็เอาแต่จับจ้องร่างเปลือยที่เต็มไปด้วยร่องรอยร่วมรักอันรุนแรงของชายหนุ่มซึ่งพวกเขาทั้งคู่ไม่รู้จักแบบไม่วางตา...
ร่างผอมบางของชายอีกคนที่ว่า
ถูกจับให้นอนคว่ำหน้า โดยที่ทั้งแขนและขาของเขาโดนขึงพืดเข้ากับเตียงนอน
ขาทั้งสองข้างอ้ากว้างจนของเหลวหลังกิจกามไหลปนกับเลือดอาบเปื้อนไปทั่วทั้งง่ามขา
เขาถูกทิ้งให้นอนเป็นผักชั่วคราวอยู่ตรงนั้น
หลังจากที่ ‘มัน’
ลงมือกับเขาจนพอใจ...
ไม่สิ...
ต้องบอกว่า จนชายคนนั้นทนไม่ไหว แล้วสลบไปต่างหาก
หากภาพนี้ถูกตัดตอนมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจริงๆ...
ก็หมายความว่า
หลังจากที่เด็กหนุ่มทั้งสองแอบหนีออกมาจากบ้านของ ‘มัน’ ได้สำเร็จ...
‘มัน’ คงปะติดปะต่อสาเหตุที่เขาทั้งคู่แอบหลบเข้าไปในห้องนั้นจากภาพได้ทั้งหมดแน่ๆ
ภาพใบหน้าที่ชัดเจนของจ้ากับหรั่งจากกล้องวงจรปิดตัวนี้นี่เอง
ที่เป็นชนวนทำให้
‘มัน’ ตามมาคิดบัญชีทบต้นทบดอกกับเด็กหนุ่มทั้งสองได้ถูกตัวภายในระยะเวลาสั้นๆ...
นั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซนต์ว่า...เรื่องโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับตน
รวมทั้งความตายของหรั่ง...
คงจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้...นอกไปเสียจากความตั้งใจแก้แค้น
หรือปิดปากพวกเขาซึ่งมาจากเจตนาของ ‘มัน’
แต่เพียงผู้เดียว
‘มัน’ กำลังบอกใบ้ให้เด็กหนุ่มรู้ว่า ‘มัน’ ตั้งตารอให้เขาชดใช้ด้วยวิธีการเดียวกันกับที่หรั่งเคยจ่าย
‘มัน’ ไป
และจดหมายฉบับนี้
คือหลักฐานยืนยันกับจ้าว่า ‘มัน’ จะกลับมาหาเด็กหนุ่มแน่ๆ
แต่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด...
ผมไม่ได้ตั้งใจ
ผม...แค่ตามพี่หรั่งเข้าไปโดยที่ผมไม่รู้ว่าพี่หรั่งตั้งใจจะเข้าไปขโมยของในบ้านหลังใหญ่ของ
‘มัน’
แล้วอย่างนี้...
ผมสมควรที่จะชดใช้ให้มันด้วยชีวิตจริงๆหรือ?!!!
ได้แต่ฝากความคิดของฉันเอาไว้
เผื่อวันไหนเธอผ่านมา
เห็นที่เดียวกันนี้
เธอจะนึกขึ้นได้ว่า
เคยมีคนนึงยืนข้างเธอ
อยู่ตรงนี้เสมอ...ตลอดมา
อยู่ตรงนี้เสมอ...ตลอดมา
มือผอมเรียวเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อดูหน้าจอ
เจ้าของมือใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งเพื่อประคองให้โทรศัพท์เครื่องเก่าไม่สั่นเสียจนดูหน้าปัดไม่รู้เรื่อง...
ชื่อของสายเรียกเข้า
กับเวลาบนหน้าจอ...ไม่ต่างไปจากเมื่อสองคืนก่อน
สายที่โทรเข้าตอนเที่ยงคืนซึ่งทำให้เขาตื่นไปถึงเช้าโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงของคนปลายสายแม้สักวินาที
ทว่าคืนนี้...
เด็กหนุ่มกลับตัดสินใจกดปุ่มรับสาย
จ้าอยากรู้ว่า
หากคนปลายสายเป็นคนที่โทรมาจริงๆ อีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขากันแน่...
แต่เรื่องน่าแปลกกลับเกิดขึ้น... เพราะก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้รับสายจากพี่ชายผู้วายชนม์
แต่เรื่องน่าแปลกกลับเกิดขึ้น... เพราะก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้รับสายจากพี่ชายผู้วายชนม์
สัญญาณเรียกเข้ากลับถูกตัดไป
ก่อนที่จะมีข้อความพิเศษถูกส่งเข้ามาแทน
1 new MMS from พี่หรั่ง
โดยไม่ทันได้คิด...
เด็กหนุ่มก็กดเปิดไฟล์ MMS นั้นทันที
“...........................อ๊ากกกกกก..........จ้าาาาาาาาาา..........พี่ขอโทษ..........
อ๊ากกกกกกกก.....”
ถึงจ้าจะนึกเสียใจเอาตอนนี้...
คงไม่ทันแล้ว
เพราะแทนที่จะได้หยุดสถิติการอดหลับอดนอนเอาไว้ที่เกือบสี่สิบแปดชั่วโมง...
เขากลับต้องนอนลืมตามองเพดานไปอีกหนึ่งคืน
หลังจากถูกเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดของพี่ชายต่างสายเลือดผู้ลาลับหลอกหลอนจนไม่อาจข่มตาลงได้
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
“หึ หึ...
เสียใจด้วยนะเด็กดี ที่คืนนี้พี่อยู่คุยเล่นด้วยไม่ได้...
.
...นอนฟังคลิปเสียงไปก่อนก็แล้วกันนะครับ”
รอยยิ้มบิดเบี้ยวบนเสี้ยวหน้าคมบอกถึงความสุขสมของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
มือใหญ่บรรจงวางมือถือเครื่องที่ตนเพิ่งใช้ทำร้ายคนปลายสายลงในลิ้นชักอย่างเบามือ
จากนั้นจึงเดินเลี่ยงไปยังเตียงกลางห้อง
ก่อนลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าขาวอมเหลืองที่โดนผูกมือผูกเท้าตรึงไว้จนแน่น
รอยกรีดถี่ๆตรงสะบักหัวไหล่ด้านหลังของชายหนุ่มผู้ตกอยู่ในนิทรารมย์ในท่าคว่ำเริ่มตกสะเก็ดเกือบทั้งหมด จะเหลือก็เพียงขอบล่างอีกนิดหน่อยเท่านั้น
“อาห์...
อดใจรออีกแค่คืนเดียวนะ” ปลายแหลมของคัตเตอร์กินเข้าไปใต้ผิวหนังที่แต่งแต้มไปด้วยกระสีน้ำตาลอ่อน
ก่อนจะลากผ่านขอบสีดำของน้ำหมึก ปิดท้ายด้วยเลือดที่ไหลซึมจนเอ่อออกมาตามรอยกรีด
“พอไม่มีรอยกระดำกระด่างพวกนี้มาก่อกวนสายตาของฉันแล้ว...
.
...เด็กไม่ดีอย่างเธอ
จะได้ลองสัมผัสกับความรักที่ฉันเคยมอบให้กับเด็กดีของฉันอย่างเต็มที่เลยเชียวล่ะ...
...ฉันหวังว่าเธอจะชอบนะ”
ห้วงจินตนาการจากภาพหอมหวานในอดีต
ทำให้ใจของชายหนุ่มเพริดไกลจนเผลอลงน้ำหนักใบมีดรุนแรงยิ่งไปกว่าทุกที
ร่างผอมเซียวเหมือนคนอดอาหารมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่เคยนอนนิ่งราวกับเขียงรองรับคมมีด
ถึงกับผวาเฮือกด้วยความเจ็บปวดจากแผลสดตรงหัวไหล่
“..........อื้อออออออ.......ฮือออออออออออออออออออออออออออ.......อื้อออออออออออ...”
ผู้เป็นเหยื่อกรีดร้องแม้จะรู้แก่ใจว่า
สรรพเสียงของตน...คงฝ่าไม่พ้นเทปกาวที่ปิดแน่นตรงริมฝีปาก...
แต่ที่ยังร่ำร้อง...
คงเพราะแค่ต้องการประท้วงถึงสิทธิของการมีชีวิต
แม้ว่าในเวลานี้...
เขาจะกลายเป็นเพียงวิญญาณของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานก็ตาม
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
ตอนใหม่มาแล้วค่ะ...
ขอโทษด้วยที่มาลงช้ากว่าเวลาปกตินิดหน่อย
พอดีเราเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด
เลยเพิ่งได้มีโอกาสนั่งโต๊ะเขียนตอนนี้ให้เสร็จเมื่อหัวค่ำวันนี้นี่เอง
ตอนนี้อาจจะเรื่อยๆหน่อยนะคะ...
ให้อาจารย์กัลป์กับหนูจ้าได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นตามประสาพระ
– นายสักนิดหน่อย
ส่วนเงื่อนงำ...
อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลยค่ะ ‘มัน’ยังไม่ค่อยจะเผยไต๋เท่าไรหรอก
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ขอบคุณสำหรับการติดตามอย่างสม่ำเสมอนะคะ
รักคนอ่านทุกท่านค่ะ ^^
◘------------------------------------------- TBC -----------------------------------------◘
No comments:
Post a Comment