Sunday, June 14, 2015

Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ The 10th Blessing|| 14.06.2015



ก่อนอื่น ขออภัยที่หายไปโดยไม่ได้บอกกล่าวค่ะ
เราจำเป็นต้องไปต่างจังหวัดกะทันหัน และที่นั่นดันไม่มีอินเตอร์เน็ต
(บ้านใหม่ของเพื่อน เน็ตยังไม่ติด)
แต่ตอนนี้กลับมาแล้วนะคะ... ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะหายค่ะ  
เพราะเราจะไม่ปล่อยคนอ่านให้ค้างแน่นอน...สัญญาค่ะ


เราขออนุญาตหั่นแบ่งตอนนี้ออกเป็นสองส่วนนะคะ
เพราะความยาวของทั้งตอนมันเหลือรับจริงๆ
(ตอนเขียนพล็อตความยาวก็ไม่เท่าไร แต่พอใส่รายละเอียดจนครบก็เล่นเอาลมแทบจับแทนคนอ่าน)

รับรองว่า วันอังคารภาคสองมาแน่ค่ะ
ขอให้อ่านตอนใหม่ของเรื่องนี้อย่างมีความสุขค่ะ
ฝากความเห็นเอาไว้ได้นะคะ... เราชอบอ่านเหลือเกิน ^_^
รักคนอ่านทุกท่านเลยค่า



Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ



The 10th Blessing
ครั้งหนึ่ง...ครั้งหนึ่งเธอจำได้ไหม? สองเราเคยเที่ยวงานวัดบ้านใต้
ทำบุญปิดทององค์พระมาลัย ก่อพระเจดีย์ทรายร่วมกัน ภาคหนึ่ง






“อ้าว เก็ก...กลับมาแล้วเหรอ?”  ด้วงร้องทักน้องห้องที่เพิ่งวางข้าวของส่วนตัวลงบนโต๊ะประจำ พลางชำเลืองมองร่างเล็กที่หลับไหลอยู่บนเตียงตัวเอง เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักยังนอนนิ่งไม่ไหวติงก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ครับพี่ด้วง เฮียหลับเหรอครับ?” น้องชายหน้าตาคมเข้มผิดกับผู้เป็นพี่เดินมาตวัดผ้าเช็ดตัวที่ผึ่งเอาไว้ตรงปลายเตียงขึ้นพาดบ่า ก่อนทอดสายตามองคนนอนอยู่ครู่หนึ่ง

“อืม เห็นบอกเพลียนิดหน่อยน่ะ” หนุ่มรุ่นพี่ตอบโดยไม่ละสายตาจากหนังสือเรียนที่อ่านค้างอยู่... ด้วงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจการพักผ่อนของกังฟูสักเท่าไร เก็กคงแค่ไม่อยากให้ทั้งห้องเงียบเกินไปเท่านั้น

“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะพี่ ข้างนอกแม่งร้อนชะมัดเลย”  สุดท้ายอดีตเดือนมหาลัยก็ตัดบทเสียดื้อๆ เพราะไม่มีอะไรจะคุยกับหนุ่มผมยาวอีกแล้ว

“เออๆ ไปเถอะ” ด้วงรับคำส่งๆ


ตลอดหลายปีที่รู้จักอีกฝ่าย ระหว่างเขากับน้องชายของกังฟูไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน
แต่ด้วงกลับไม่สะดวกใจทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้ หรือต้องคุยกับกับไทเก็กเพียงสองคน

คงเป็นเพราะคนมีชนักปักหลังอย่างตัวเขาต้องการปกปิดไม่ให้อีกฝ่ายล่วงรู้ถึงความปรารถนาลึกๆที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้...
เนื่องจากไม่มีใครรับประกันได้ว่า หากเก็กรู้ความจริงทั้งหมด... บทสรุประหว่างเขากับกังฟูจะเป็นอย่างไร 
ทางที่ดี... อย่าให้รุกสองคนรู้เช่นเห็นชาติกันง่ายๆ คงเหมาะที่สุด



“....อืออ... ด้วง  เก็กมันกลับมาแล้วเหรอ?” น้ำเสียงงัวเงียของกังฟูเรียกสติของคนเหม่อลอยได้ชะงัด ด้วงรีบตอบเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรอจนตื่นขึ้นเสียก่อน

“อืม เข้าห้องน้ำไปโน่นแล้ว” ดวงตาคมไร้เครื่องสำอางค์ของด้วงละจากหน้าหนังสือเพื่อแอบมองคนตัวเล็กที่ขยับตัวยุกยิกคล้ายกับเริ่มรำคาญแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุก

“กี่โมงแล้ววะด้วง?” เสียงอู้อี้ที่ด้วงได้ยินมาจากการที่เพื่อนตัวเล็กเอาหมอนปิดหน้าบังแสง... ซึ่งนอกไปจากด้วงแล้ว คงไม่มีใครเห็นการกระทำสามัญธรรมดาของคนตรงหน้าแล้วสรุปว่าน่ารักน่าใคร่ได้อีก

หนุ่มผมยาวผุดลุกขึ้นเพื่อดูเวลา ก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงข้างๆกองหมอนกองผ้าห่มที่ฟูสุมท่วมหัวท่วมหูตัวเองเอาไว้ แล้วลูบไปตามแผ่นหลังบางที่กั้นด้วยผืนผ้านวมเบาๆ “จะห้าโมงแล้ว ลุกไหวไหม?”

“....ไม่ไหวว่ะ หนักหัว...ไม่มีแรงเลย” เสียงอู้อี้ร้องตอบ... กังฟูน่ารักมาก ยิ่งเวลาอ้อนๆแบบไม่เหลือเค้าขี้ดื้ออย่างเช่นตอนนี้  ด้วงนึกอยากให้เก็กกับแฟนชวนกันไปดูหนังผีทุกๆวันเหลือเกิน เขาจะได้ดูแลคนตัวเล็กได้อย่างใจ... คิดแล้วก็ปรนเปรออีกฝ่ายเพิ่มเสียหน่อย

“งั้นก็นอนไปก่อนเถอะ เดี๋ยวเราออกไปซื้อข้าวเข้ามาให้” ด้วงยิ้มจนดวงหน้าหล่อเหลาสว่างไสว... เมื่อความมืดคืบคลานเข้ามาทำหน้าที่ คืนนี้กังฟูคงจะออดอ้อนให้เขาเอาใจยิ่งกว่านี้อีกหลายสิบเท่า


ตั้งแต่วันที่คุณเดินเข้ามา วันที่เราได้นั่งมองตา
ก็บอกหัวใจเอาไว้ว่าอยากลองอีกสักครั้ง
if you wanna be my baby
if you wanna be my girl
ช่วยบอกให้ผมมั่นใจว่าจะไม่ไปไหน


“เสียงโทสับใครวะ?” น้ำเสียงอู้อี้ฟังหงุดหงิด... คนปากแข็งเอาแต่ใจคงกลับมาประทับร่างเล็กๆในอีกไม่ช้าหากเสียงเพลงป็อบที่ว่ายังดังก่อกวนการนอนอยู่แบบนี้

“ของเก็กมั้ง คงมีคนโทรเข้าน่ะ... นอนไปเถอะ เดี๋ยวก็เงียบ” คนพูดหวังให้กังฟูไม่เก็บเอาเสียงเรียกเข้ามาใส่ใจ...


ก็คงเป็นคุณเท่านั้นที่ทำให้ใจผมหยุดเหงา
ก็มีแต่คุณเท่านั้นที่ทำให้ใจผมคลายเศร้า
คงไม่มีโอกาสถ้าคุณไม่ให้โอกาส
คงจะต้องทำพลาดอีกครั้งหนึ่ง



แต่ก็เท่านั้น...
ตราบใดที่เพลงทำนองนี้ยังดังอยู่ กังฟูผู้ไม่มีดนตรีป็อบในหัวใจย่อมจะทนไม่ไหวอย่างแน่นอน
คนตัวเล็กค่อยๆแหวกผ้านวมกับกองหมอนบนเตียงด้วงออกมาสู่แสงสว่างวอมแวมยามห้าโมง
ก่อนจะเดินเตาะแตะหลับตาด้วยความเคยชินไปค้นหาอุปกรณ์แผดเสียงทำลายช่วงเวลานอนอันแสนสุขของตนเอง  


“กูคงจะนอนหลับหรอกนะ เลี่ยนออกซะขนาดนี้...
.
.
...ใครแม่งโทรมานักหนา คนจะหลับจะนอน ไม่รู้หรือไง?” กังฟูบ่นพึมพำพร้อมๆกับคว้าเอามือถือของน้องชายขึ้นมาปรือตามองหน้าจอเพื่อจะตัดสัญญาณ “นี่แน่ะ กดปิดแม่งเล..  


Incoming Call:
บูบู้ (8>.<8)

ทว่าชื่อคุ้นๆ กับรูปประกอบปิดท้ายสุดปัญญาอ่อนของชื่อคนโทรเข้า
กลับทำให้กังฟูถูหน้าจอเพื่อรับสายแทนความตั้งใจเดิม


“ฮัลโหล” คนตัวเล็กกรอกเสียงรับสายเข้มๆผ่านลำโพงเครื่องเพื่อหยั่งเชิงอีกฝ่าย  

((ฮะ..ฮะ..ฮัลโหล ขอสายเก็กครับ))  เสียงของคนปลายสายสั่นน้อยๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฟูลดการ์ดลงแต่อย่างใด  


ด้วยทักษะในการสร้างความร้าวฉานจากสัญชาตญาณทำลายล้างความผาสุกของครัวเรือนน้องชายขั้นสูงสุดของกังฟู
ทำให้ชายหนุ่มรุ่นพี่ตอบสวนกลับไปด้วยคำพูดชวนให้อีกฝ่ายคิดลึกด้วยความไวยิ่งกว่าแสง


“อืมมม..เดี๋ยวนะ..........เก็กไม่ว่าง......อาบน้ำอยู่...” กังฟูจงใจเว้นช่วง หอบน้อยๆในอกเพื่อให้เสียงฟังแหบพร่า แล้วจึงพูดอย่างอ่อนล้าราวกับเพิ่งเสร็จกิจมาหยกๆ... จะไม่เข้าใจผิดก็ให้มันรู้กันไปสิ หึ หึ!   

“ฮื่มมมมมมม....รอบเมื่อกี๊ใช้แรงเยอะไปหน่อย เห็นบ่นว่าเหนียวไปทั้งตัว กูเลยไล่ไปอาบน้ำ...
.
...มีอะไร คุยกับกูได้นะ กูนอนแก้ผ้าผึ่งแอร์แผ่อยู่ว่างๆ...ไม่มีอะไรทำพอดี” กังฟูโม้ใส่อย่างเต็มที่... ลืมไปว่าน้องชายกับตัวเองอยู่หอใน จะหาแอร์จากที่ไหนมาอวดใส่ให้อีกฝ่ายอิจฉา?!


เสียงกุกกักดังมาจากปลายสายไม่ใช่สิ่งที่กังฟูคาดหวัง...
ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ตัดสายไปเสียทีล่ะ?
เป็นเพราะคนฟังมันโง่เสียจนไม่อาจตีความประโยคก่อนหน้านี้ได้?
หรือมันหน้าด้านจนแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่วะ?!!  
แต่ไม่ทันไร...เสียงที่ฟังก็รู้ว่าคนปลายสายไม่ค่อยมั่นใจนักก็ดังขัดขึ้นอีกครั้ง


((เอ... ตอนก่อนลงรถตู้เมื่อกี๊ก็ทำกันเบาะๆเองนี่นา ทำไมถึงเหนียวตัวได้ล่ะ?))  แม้การพูดของคนปลายสายจะฟังคล้ายเสียงอ่านอาขยาน แต่เมื่อความไม่พอใจสันธานเข้ากับความโมโห... มีหรือที่กังฟูจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของคู่สนทนา

“เพ้ออะไรของมึงไอ้สัดบูบู้ตาหยี?!! บอกกูมานะว่ามึงโทรมาหาเก็กทำไม?” ในที่สุดบทบาทคู่นอนสมมติของเก็กก็ยุติลงหลังจากที่กังฟูแพ้ภัยตัวเองเมื่อทนฟังคำพูดสองแง่สองง่ามของคนปลายสายไม่ไหว

((นะ นะ นั่นเฮียฟูใช่ไหมครับ?)) คู่สนทนาของกังฟู... คนที่เขาไม่คิดอยากจะเสวนาด้วยกระอึกกระอัก

“เออ! กูเอง!!” กังฟูรับคำแบบหาเรื่องสุดๆ พลางก่นด่าถึงความโง่ของไอ้เด็กบูบู้อยู่ในใจตลอดเวลา...


กว่าจะรู้ตัวว่าคุยอยู่กับบุคคลต้องห้าม มึงปล่อยให้กูพล่ามอยู่นานเชียวนะ...
นอกจากจะไม่ฉลาดแล้ว แฟนใหม่ไอ้เก็กยังไม่เฉลียวใจห่าอะไรเล้ยยย...

ไอ้เด็กบูบู้นี่แม่งใช้ไม่ได้ว่ะ...
ขืนปล่อยให้พวกมันคบหากัน ลูกหลานตระกูลกูไม่กลายพันธุ์เป็นเด็กสมองช้าหนังหน้าแย่กันพอดีเหรอ?
เฮ่ย! ไม่ใช่แล้ว... พวกมันต้องไม่ได้คบกันต่างหากล่ะ!!


((ดีเลยครับ ถ้างั้นฝากบอกเก็กด้วยนะครับว่า บูบู้รอไปเที่ยวงานวัดกับพี่หมีอยู่ตรงที่เดิมของเรานะครับ...
.
...ผมรบกวนแค่นี้แหละครับเฮียฟู...
...ขอบคุณล่วงหน้านะครับ)) น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังร่าเริงผิดสังเกตจนทำให้กังฟูโกรธจนหูดับ เสียงกุกกักตอนท้ายของคู่สนทนาที่ชวนให้สงสัยในยามที่ผู้ฟังมีสติจึงถูกละเลยไป เพราะใจของรุ่นพี่เอาแต่คิดหาคำพูดเจ็บแสบมาตอกกลับเด็กบูบู้ให้หน้าหงาย

“เดี๋ยว!!! เดี๋ยวมึง ไอ้เหี้ยบูบู้...

((ตู๊ด ตู๊ด  ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด))

“สัดหมาเอ๊ยยยย!!! มึงได้เจอกูแน่ไอ้บูบู้หยีตาเป็นเลขแปดอารบิก!!!” กังฟูแผดเสียงสบถอย่างเหลืออด... ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครกล้าตัดสายใส่ชายหนุ่ม เพราะนั่นหมายถึงการส่งสาส์นท้ารบกับเฮียฟูผู้เลือดร้อนแบบซึ่งซึ่งหน้า สาบานเลยว่า...ไอ้เด็กบูบู้จะไม่ตายดี!!

“ฟู เป็นอะไร... แล้วบูบู้นี่ใคร?”  หลังจากนั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนรักกับบุคคลนิรนามตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วงก็ถามกังฟูออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย... เขาไม่รู้ที่มาที่ไปของคนที่กังฟูเรียกว่าบูบู้  รู้เพียงว่า...อีกฝ่ายทำให้ฟูเต้นผางเหมือนเจ้าเข้าด้วยความโมโหได้อย่างรวดเร็วจนน่านับถือ


เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ตามด้วยเรือนร่างท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามซึ่งแต้มพราวไปด้วยหยดน้ำของเก็กที่เดินกลับเข้ามายังพื้นที่ส่วนรวม ทำให้พี่ห้องทั้งสองหุบปากฉับ

ฟูค่อยๆวางมือถือของน้องชายกลับที่เดิมเมื่อเก็กเดินหันหลังเข้าไปแต่งตัวตรงซอกตู้
ก่อนจะเคลื่อนย้ายมวลร่างกายกลับมานั่งแกว่งขาเล่นบนเตียงชั้นล่างข้างๆเพื่อนรัก
ชายหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ทั้งๆที่ด้วงคันปากอยากถาม
ในขณะที่กังฟูรู้สึกอยากพ่นไฟบรรลัยกัลป์ให้ท่วมลามไปทั่วร่างของน้องชายเป็นที่สุด


“เก็ก... มึงจะแต่งหล่อไปล่อใคร?” กังฟูเลิกคิ้วจิกถามน้องชาย  


ที่จริง...กังฟูจะร้องทักน้องชายเรื่องการแต่งตัวในวันนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแผกแต่อย่างใด  
เพราะเสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีน้ำเงินเข้ม กับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีซีด พร้อมกับร่างที่ฉีดพรมน้ำหอมราวกับอาบ
ไม่ใช่การแต่งกายแบบธรรมดาๆสำหรับการออกไปเดินซื้อฝรั่งดองที่โรงอาหารกลาง หรือแวะสะบัดเจี๊ยวเยี่ยวที่ห้องน้ำข้างๆตึกวิศวะแน่ๆ


“โห่ เฮีย...ปกติเก็กก็แต่งแบบนี้เหอะ” อีกฝ่ายกลับทำท่าไม่สนใจระหว่างจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง พลางบอกปัดทั้งที่หลักฐานก็เห็นกันอยู่ทนโท่  เมื่อรู้แก่ใจว่า...น้องชายโกหกหน้าด้านๆ กังฟูเลยไม่คิดจะทัดทานให้เหนื่อย... สู้ไหลตามน้ำมันไปเรื่อยๆคงจะได้เรื่องมากกว่า

“แล้วนี่มึงจะไปไหน?” อดีตเดือนมหาลัยทำท่าดึงเช็งเพื่อนึกนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบตอบเพื่อกลบเกลื่อน

“อ่อ...ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดอ่ะเฮีย ว่าจะกลับตอนหอสมุดเลิกเลย เฮียกับพี่ด้วงไม่ต้องรอกินข้าวนะ” เด็กเรียนเดินมาโกยข้าวของส่วนตัวยัดลงกางเกงยีนส์ทั้งหน้าและหลังเท่าที่ความกว้างของกระเป๋าจะยินยอม แต่สารรูปเหมือนนายแบบหลงรันเวย์เป๋มาปากคลองของน้องชาย ทำให้กังฟูต้องสกัดดาวรุ่งออกมาอีกระลอก

“ไปอ่านหนังสือ แล้วทำไมมึงไม่เอาหนังสือไปซักเล่มเลยวะ?”

“เก็กฝากหนังสือไว้กับเพื่อนน่ะเฮีย... เก็กไปก่อนนะ” น้องห้องของด้วงผู้ที่พ่วงตำแหน่งน้องชายของกังฟูตอบระหว่างรีบชิ่งเดินออกประตูห้องไป จะเหลือทิ้งไว้ก็เพียงกลิ่นน้ำหอมประจำตัวที่ฟุ้งกระจายไปทั่วแทนตัวที่แว่บไปด้วยความไวระดับนินจา

“ไปด้วง!”กังฟูกระชากแขนเพื่อนรักให้ลุกขึ้นจากเตียง เพื่อไปฉวยเอากุญแจรถและกระเป๋าตังค์ติดมือ

“ไปไหน?” หนุ่มผมยาวกระตุกมือของเพื่อนรักเบาๆเพื่อขอคำอธิบายกับการตัดสินใจอย่างกะทันหันของกังฟู

“เหอะน่า... รีบไป เดี๋ยวก็ไม่รู้กันพอดีว่าเก็กมันจะไปวัดไหน” ฝ่ามือเล็กๆที่กุมรอบข้อมือของด้วงเสียแน่นออกแรงกระชากให้คนตัวโตกว่าออกเดินแต่ดูจะไม่ได้รับความร่วมมือจากอีกฝ่ายสักเท่าไร

“ไปวัด??! ... อ้าว นี่เก็กไม่ได้จะไปห้องสมุดหรอกเหรอ?...
.
...แล้วฟูจะไหวเหรอ? เพิ่งนอนสบายๆได้ไม่ถึงชั่วโมงเองนะ” ด้วงถามเพื่อนตัวเล็กซื่อๆด้วยความเป็นห่วง เพราะเหตุการณ์ในโรงหนังทำให้พลังชีวิตของฟูดิ่งลงเหวจนเจ้าตัวผล็อยหลับคอพับคออ่อนมาตลอดทางกลับมหาวิทยาลัย

“ไหว! เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร!!” ฟูเริ่มจะรำคาญคำถามยืดยาวเป็นหางว่าวของเพื่อนสาวในร่างชายขึ้นมาตงิดๆเลยตอบไปโดยไม่ได้คิดหน้าหลัง

“ใช่เหรอฟู? นั่นน้องนะ...ได้ข่าว”  คนฟังรีบแย้งเพื่อความถูกต้อง... ต่อให้กังฟูพูดเล่น หากคนที่เป็นผัวไม่ใช่ตัวเขา หนุ่มผมยาวก็ไม่อยากได้ยินให้เสียดหู แต่นั่นกลับทำให้ความอดทนของกังฟูแตะจุดสิ้นสุดเข้าจนได้

“เอาตามที่มึงสบายใจเลยด้วง...กูไปล่ะ” ร่างเล็กสะบัดข้อมือใหญ่ของเพื่อนรักทิ้ง แล้วเดินเชิดหน้าออกจากห้องไปด้วยความเร็วสูง จนด้วงต้องวิ่งคว้าของให้วุ่นวายก่อนจะถลาออกจากห้องไปอีกคน

“เดี๋ยวก่อนสิฟู รอเราด้วย!!!!








หลังจากตัดสายแบบไร้มารยาทใส่กังฟูเมื่อราวๆสิบนาทีก่อน
บ๊วยก็ถูกเจ้าพ่อห่อไหล่เอ็ดเสียงดังโดยไม่ไว้หน้า


“บ๊วย เจ้านี่ใช้ไม่ได้เลยนะ!  ข้ารึอุตส่าห์ไปร่ำเรียนภาษาของพวกมนุษย์วัยรุ่นมาตั้งหลายคำ...
...เจ้ากลับทำลายความปรารถนาดีของข้าเสียป่นปี้ในชั่วพริบตา” เจ้าพ่อห่อไหล่ลอยกอดอกหันหลังให้กับชายหนุ่มร่างจ๋องที่ยืนมองหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งเพิ่งดับลงด้วยความรู้สึกสับสน

“โธ่ เจ้าพ่อห่อไหล่ครับ เห็นใจผมเถอะ...
...แค่ต้องแสดงตัวเป็นแฟนเก็กเกือบตลอดเวลา ผมก็เหนื่อยแทบบ้าแล้วนะครับ...
...นี่เจ้าพ่อยังจะบังคับให้ผมพูดจาประหลาดๆเลี่ยนๆให้พี่ชายของเก็กฟังจนเอียนประโยคแล้วประโยคเล่า...
.
...ผมรับไม่ได้จริงๆครับเจ้าพ่อ” บ๊วยขอความเห็นใจจากองค์เทวบุตรผู้ลงมือกำกับบทสนทนาเมื่อครู่ด้วยตนเอง คำพูดของบ๊วยทำให้เจ้าพ่อห่อไหล่ถึงกับหน้าตึง ร้อนถึงกรรมการห้ามมวยผู้ไม่มีความเป็นกลางอยู่เป็นทุนเดิมให้ต้องเข้ามาตัดสิน  

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับเบ๊บ?...
.
...ทำไมเบ๊บทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ?...
...ดูสิ คิ้วแทบจะชนกันอยู่แล้วนะครับ...
...ไม่เอา อย่าขมวดคิ้วสิครับเบ๊บของบันยัน”  


นอกจากฝ่ามือของเทวบุตรสุดชิคจะประคองใบหน้าของเจ้าพ่อห่อไหล่อย่างอ่อนโยนและถือวิสาสะแล้ว
ปลายนิ้วเจ้าพ่อไทรทองยังบรรจงนวดเฟ้นเพียงผะแผ่วตรงหัวคิ้วของเทวบุตรอีกองค์ให้คลายความเครียดขึงลง
ทั้งสองคงลืมไปชั่วขณะว่า...การกระทำที่สร้างบรรยากาศสีม่วงประกายชมพูนี้ ได้ถูกถ่ายทอดสดให้ใครรับชมบ้าง...
มนุษย์อาภัพรักอย่างบ๊วยจึงต้องเบนสายตาหลบด้วยอาการหน้าร้อนเห่อแทนเจ้าพ่อห่อไหล่โดยไม่ต้องให้ใครมาจัดแจง


“ไทรทอง คุณลองอ่านดูสิว่าประโยคนี้มันฟังชวนเลี่ยนตรงไหน?” เจ้าพ่อห่อไหล่ยกป้ายไฟที่ใช้บอกบทพูดของบ๊วยเมื่อครู่ให้เทวบุตรที่ลอยประกบอยู่ข้างๆได้อ่านง่ายๆ

“ไหนเอ่ย...
...[i]‘บูบู้รอไปเที่ยวงานวัดกับพี่หมีอยู่ตรงที่เดิมของเรานะครับ... จุ๊บุ จุ๊บุ ครุคริ งุงิ รักพ่อคนดีหมีใหญ่ของบูบู้จุงเบย’[/i]...
.
...บันยันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลี่ยนเลยนี่ครับเบ๊บ...
...โดยเฉพาะตอนท้ายที่ออกจะตั๊ลลั๊คคคคมั่กๆ เนอะเบ๊บเนอะ” เจ้าพ่อไทรทองเอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อยเพื่อประจบบุตรแห่งเทพอีกองค์ที่ตนหมายตา ทว่ายังไม่ได้ครอบครองทั้งตัวและหัวใจอย่างสมบูรณ์

“เฮ่ออออ!!!” มนุษย์เพียงผู้เดียวในที่นั้นส่งเสียงถอนหายใจอย่างดังแทนบทสรุป ก่อนจะแอบกลอกตาแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินประโยคเมื่อครู่ในบัดดล

ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่า...เจ้าพ่อห่อไหล่เองก็แอบทำท่าเดียวกันในระหว่างที่เจ้าพ่อไทรทองมองไม่เห็น
ผิดกันตรงที่...องค์เทวบุตรประจำมหาวิทยาลัยแห่งนี้แอบรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจอยู่ไม่น้อย เมื่อได้ยินคำพูดเอาอกเอาใจอย่างไม่ลืมหูลืมตาของเจ้าพ่อไทรทองเมื่อสักครู่








ตัดภาพไปยังห้องรับแขกภายในเพนท์เฮาส์หรูไม่ดูความกันดารของบรรยากาศแวดล้อม ณ ช่วงเวลาเดียวกัน
เจ้าของห้องร่างหมีที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินเช็ดหัวออกมาไล่ด่ารุ่นน้องร่างยักษ์ทั้งสามที่นั่งผ่อนคลาย และใช้พื้นที่ทั้งหมดราวกับเป็นเจ้าของห้องตัวจริง  


“ทำไมพวกมึงถึงยังไม่กลับหอกันอีกวะ?” เต๋อเอาปลายเท้าเขี่ยร่างที่ไหลพาดยาวจากโซฟาลากไปถึงพื้นห้องของสกลให้พ้นทาง เมื่อไม่ได้ผล... คนร่างหมีจึงเดินข้ามสิ่งกีดขวางหน้าแว่นไปหย่อนตัวลงบนเบาะที่ยังว่างอยู่

“พวกเรารอให้พี่เต๋อพาไปเที่ยวงานวัดอยู่น่ะครับ” สกลผู้ไม่ละสายตาจากรายการเมาท์บันเทิงในทีวีตอบเนือยๆ... การมองหน้าหล่อเหลาของเต๋อในเวลานี้  แซ่บไม่ได้สักเสี้ยวของทวีตสาดโคลนของคู่ดาราสาวเกาเหลาข้ามช่องบนหน้าจอ

“นี่พวกมึงเล่นลูกไม้อะไรกันอยู่?”


เต๋อทำหน้าเหน็ดเหนื่อยระหว่างชำเลืองมองก๊าซเฉื่อยในร่างยักษ์เด็กทั้งสามที่นั่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโซฟา  
แฝดน้องหัวจุกใส่หูฟังนั่งเอนหลังหลับตาพริ้ม
ในขณะที่ไอ้ตัวบอสนอนเหยียดยาวเล่นมือถือแบบไม่เห็นหัวเจ้าของห้องอย่างเขาแม้แต่น้อย
เมื่อหันกลับไปมองตัวหนอนแว่นบนพื้นที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอ้าปากกว้างจ้องทีวีตาไม่กระพริบ เต๋อจึงเกริ่นนำเพื่อขับไล่เสนียดจัญไรอย่างพวกมันให้ออกจากห้องอย่างเป็นทางการเสียที


“แล้วมันเรื่องอะไรของกู ที่ต้องเดือดร้อนพาพวกมึงไปเดินงานวัด...
.
...โปรเจคส่งอาจารย์กูก็มีเหอะ” ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยประโยคขับไล่ไสส่งโต้งๆ ไอ้หนอนหน้าแว่นก็ร้องแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“อ่ะ อ่ะ... น้องสกลใจดี น้องสกลจะให้พี่เต๋อคิดใหม่อีกทีแล้วกันครับ” สกลยันตัวขึ้นนั่ง แล้วหันมาจ้องหน้าเต๋อแบบเต็มๆตา  “พี่เต๋อจะยังพาพวกผมไปงานวัดอยู่ไหม ถ้าพี่เต๋อรู้ว่า... คุณธันวากับบ๊วยนัดกันไปเดินงานวัดเย็นนี้?”

“แค่น้องรหัสไปเดินงานวัดกับแฟนมันเกี่ยวอะไรกับกูวะเหี้ยแว่น?...
.
...พวกมันมาปี้กันบนหัวกูรึก็เปล่า!!” เต๋อย้อนศรทันควัน  แต่ความยียวนของเขานั้นยังห่างชั้นกับสกลอยู่มากทีเดียว

“ไม่เอา ไม่เอา... ใช้สมองสิครับ อย่าใช้อารมณ์” สกลเอ่ยนิ่งๆด้วยสีหน้าเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่ติดว่าต้องฟังความให้จบ เต๋อคงเตะก้านคอไอ้เด็กแว่นให้สลบไปต่อหน้าต่อตา

“คิดดูให้ดีๆครับพี่เต๋อ... คราวนี้ตั้งใจนิดนึงนะ...
...ถ้าบ๊วยไปเที่ยวจู๋จี๋กับคุณธันวา...
...พี่เต๋อว่า พี่ชายคุณธันวาจะตามไปเป็นก้างขวางคอของสองคนนั้นหรือเปล่าล่ะครับ?...
.
.
...ผมอุตส่าห์ใบ้พี่เต๋อเยอะขนาดนี้ พี่เต๋อควรจะนึกออกได้แล้วนะครับ... ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก นึกออกหรือยังเอ่ย...
...ถ้าพี่เต๋อคิดช้ากว่านี้อีกนิด...มีสิทธิถูกคนแถวบ้านผมเรียกว่าโง่ได้ง่ายๆเลยนะครับเนี่ยะ”


เต๋อถึงกับใบ้แดกเมื่อได้ยินคำพูดปิดท้ายของสกลเมื่อครู่... เขาเสียรู้ไอ้เด็กแว่นนี่อีกแล้ว  
ทว่าหนุ่มร่างหมีถูกปล่อยให้นั่งอึ้งเพียงไม่นาน เพราะแฝดพี่ได้ละสายตาจากหน้าจอมือถือเพื่อบอกความต้องการของตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มทรงพลัง


“สกล... เล่นพอแล้ว” ฌานปรามเบาๆ ตามด้วยสายตาโปรดสัตว์ที่ทำเอาเจ้าของห้องหนาวดึ๋งถึงกึ๋นได้อย่างทันท่วงที “พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะครับพี่เต๋อ... ผมอยากไปเดินเล่นงานวัด”


ไม่น่าเชื่อว่าประโยคสั้นๆเพียงเท่านี้ จะทำให้เต๋อยอมสิโรราบพร้อมถวายตัวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ พวกเราดังที่แฝดพี่เพิ่งเอ่ยชวนออกมาได้อย่างง่ายดายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด


“เอ๊า! ไอ้แฝดพี่!!...
.
...มึงอยากไปงานวัดทำไมไม่บอกกูดีๆล่ะ...
...เอาแต่นั่งมองหน้ากู แล้วจะรู้กันไหม” เต๋อบอกอีกฝ่ายปากคอสั่น แล้วลุกขึ้นเตรียมตัวอย่างกระฉับกระเฉงด้วยความกลัวเป็นคนแรก  “ถ้าอยากไปนัก ก็ลุกซี่...พวกมึงจะรออะไรกันอยู่อีกล่ะ?!!”  


เมื่อเด็กยักษ์ทั้งสามเห็นว่าเจ้าของห้อง ผู้เป็นเจ้าของพาหนะหรูหราออกปากเชิญเป็นที่เรียบร้อย
พวกเขาจึงค่อยๆแซะตัวเองออกจากห้องที่ทั้งเย็นสบาย และสะอาดสะอ้านของเต๋ออย่างเชื่องช้าคล้ายจะเสียดาย
แต่เพื่อดำเนินแผนการล้างพรเจ้าพ่อไทรทองของช่วงเย็นวันนี้... ค่อยกลับมานั่งเล่นห้องพี่เต๋ออีกทีวันหลัง ก็ยังไม่สาย


Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ


“บูบู้ เล็งดีๆสิครับ” เก็กร้องท้วงคนตัวเล็กกว่าที่ประคองปืนจุกน้ำปลาด้วนท่าทางงกๆเงิ่นๆ  จนคนฟังอดตัดพ้อด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไม่ได้

“แหม พี่หมีก็... เป้ามันเล็กแค่นั้น ใครจะไปยิงโดนกันล่ะครับ”  บ๊วยฝืนทำท่ากระเง้ากระงอดแบบไม่เข้ากับใบหน้าโดยแอบขนลุกตัวเองเป็นพักๆ...


ช่วยไม่ได้...
ก็เขาถูกอีกฝ่ายกำชับมาตั้งแต่ต้นว่า...คู่รักจำเป็นอย่างพวกเขาต้องเล่นใหญ่ให้ผู้ชมเอียนกันไปข้าง

นอกจากกิริยาหน่อมแน้มสุดพลังที่ต้องหัดให้ชินชา บ๊วยยังต้องเล่นตามน้ำแบบไม่ลืมหูลืมตาอีกตังหาก...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากที่อดีตเดือนมหาลัย ใช้การแสดงความสนิทชิดเชื้อแบบถึงเนื้อถึงตัวมาช่วยยืนยันความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นแบบแฟนของทั้งสองโดยไม่คิดบอกกล่าว


“ลองดูก่อนนะครับบูบู้ เดี๋ยวเค้าช่วยจับนะ” เก็กเดินอ้อมมายืนประกบเข้ากับแผ่นหลังของชายหนุ่มต่างคณะ แล้วค่อยๆประคองแขนผอมๆของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล


อดีตเดือนมหาลัยพยายามไม่ใส่ใจเสียงตึกตักภายในอกของตัวเองที่ดังเตือนทุกครั้งเมื่อเข้าใกล้คนตัวเล็กกว่า
.
.
.
เขากำลังทำตามแผนที่วางเอาไว้ และไม่ได้รู้สึกอะไรกับบ๊วยมากไปกว่าเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น

ส่วนชายกลางก็อาศัยป้ายไฟของเจ้าพ่อห่อไหล่ที่บอกให้ทั้งสองรู้ว่า กังฟูกำลังเดินเข้ามาหาเพื่อเบนความสนใจจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย เมื่อรู้อย่างนั้น...ชายหนุ่มตัวผอมแกร็นจึงเร่งเสียงกระเง้ากระงอดของตัวเองให้ดังขึ้นอย่างผิดสังเกตทันที


“กระทั่งในวัดในวาพี่หมียังจะไม่เว้นอีกเหรอครับ?” บ๊วยผินหน้าไปช้อนสายตาใส่คนหน้าหล่อแบบเจาะจงพลางปรามหัวใจไม่ให้ทำงานหนักจนระเบิดตัวเองทิ้งไปเสียก่อน  อีกฝ่ายก็รับมุกด้วยรอยยิ้มหวานหยดมดขึ้นสวรรค์ก่อนจะยื่นหน้าเข้าใกล้ ทว่าใช้เสียงดังน้องๆตะโกน เพื่อเอื้อนเอ่ยคำตอบสุดเลี่ยนราวกับตั้งใจให้ชาวบ้านร้านตลาดได้ยินโดยทั่วกัน

“แหม บูบู้ครับ...บูบู้ก็รู้หนิว่าเค้าไม่อยากอยู่ห่างจากบูบู้เลยสักวินาที”


<< พวกเจ้าลดเสียงลงหน่อยเถอะ แล้วก็เข้าใกล้ ออดอ้อนกันให้มากกว่านี้อีกนิด... เร็ว!  เจ้ากังฟูเดินเข้ามาแล้ว! <<
ป้ายไฟขนาดใหญ่กว่าปกติในมือของเจ้าพ่อห่อไหล่แสดงคำสั่งล่าสุด  ระหว่างที่เจ้าของป้ายกำลังวุ่นวายปัดมือปลาหมึกของเทวบุตรอีกองค์ที่พยายามสาธิตท่าทางให้ชายหนุ่มทั้งสองเลียนแบบออกให้พ้นจากตัว


“ไม่เอาอย่างนี้สิครับ... ที่เค้ายอมตามใจพี่หมีตอนอยู่ในรถตู้ เค้าก็อายคนอื่นจะแย่แล้วนะ” บ๊วยไม่มีเวลาขวยเขินกับคำพูดชวนกระดากปากพรรค์นี้ ชายหนุ่มเลยใส่ความสะดีดสะดิ้งไปกับแอคติ้งในการแสดงเสียหมดแม็ก นั่นจึงยิ่งทำให้ร่างกายของทั้งสองแนบชิดกันไปใหญ่  

“อ่ะ อ่ะ...ก็ได้ครับ เอาไว้ก่อนก็ได้ ถ้าลูกนี้ยิงโดนเป้า...คืนนี้ต้องมีรางวัลให้เค้านะ ตกลงไหมครับบูบู้?” เก็กแกล้งทำหน้าไม่พอใจแต่ไม่คลายอ้อมกอดจากคนตัวเล็ก...


อดีตเดือนมหาลัยพยายามหลอกตัวเองอย่างหนักว่า
เสียงอึกทึกคึกคักของหัวใจตัวเองนั้น...เกิดมาจากความอายที่ต้องแสดงฉากพลอดรักกับเพื่อนต่อหน้าธารกำนัล...
หาใช่ความรู้สึกอื่นใดที่จะทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อร่างกายของตนเองไม่


“เอาเปรียบเค้าตลอดแหละ” บ๊วยย่นจมูกน้อยๆ ก่อนจะส่งยิ้มกระแทกตาให้ร่างสูง... ซึ่งเก็กคอยเตือนตัวเองว่า เพื่อความราบรื่นของงาน...เขาจะมองว่ากิริยาแบบนั้นดู น่ารักไม่ได้เป็นอันขาด!!  ชายหนุ่มจึงส่งพลังโมเอ้สะท้อนกลับไปให้คู่รักกำมะลอของตัวเองผ่านคำพูดหยอดจนคนฟังเกือบตั้งตัวไม่ติด

“หึ หึ เอาบูบู้ครับ ไม่ได้เอาเปรียบ”

<< โอ้! นั่นสมจริงเหมือนในละครมาก  บ๊วย...ไหนเจ้าลองตอบว่าบ้า แล้วเอามือข้างหนึ่งฟาดหน้าอกเจ้าธันวาเบาๆหลายๆทีสิ! <<


“....บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า!...”  ชายหนุ่มร่างเล็กทำตามโดยไม่นึกสงสัย แม้ในใจชักจะทนความเลี่ยนไม่ได้อีกแล้ว  


เพื่อไม่ให้เฮียฟูที่มายืนแอบฟังอยู่ข้างๆน้ำลายฟูมปากชักตาตั้งไปเสียก่อน
เก็กจึงรีบปรับโหมดเข้าสู่การละเล่นตรงหน้าทันที  


“หึ หึ หึ เอาล่ะครับบูบู้ ตั้งใจเล็งนะ” ร่างสูงกระชับอ้อมแขนและมือที่ประคองอวัยวะส่วนเดียวกันของอีกฝ่ายแล้วพูดช้าๆอย่างใจเย็น “นั่น...จับด้ามปืนแน่นๆ น่าน...อย่างนั้นแหละ อย่าเกร็งไหล่สิครับบูบู้  อ่า...ได้ล่ะ... ยิงเลยครับ”

“เย่!! โดนแล้วครับพี่หมี!!!” บ๊วยกระโดดโลดเต้นเพราะดีใจจนลืมตัว เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ชายกลางเอาชนะปืนจุกน้ำปลาในงานวัดได้... หากจะบอกว่าฝีมือด้านการกีฬาของชายหนุ่มร่างเล็กช่างไม่เอาไหน คงจะไม่ผิดปากนัก

“ครับๆ บูบู้เก่งมากเลยน้า” มือหนาของเก็กยื่นมายีหัวบ๊วยเบาๆ 


ในสายตาคนนอกที่เฝ้ามองทั้งคู่มาตั้งแต่ต้นแบบกังฟู...
ชายหนุ่มได้ข้อสรุปโดยพลันว่า น้องชายตัวเองต้องมีอะไรเกินเลยกับไอ้เด็กหน้าแย่นี่อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าทั้งสองผละห่างจากกันชั่วคราวอย่างที่รอโอกาสมานาน กังฟูเลยร้องแทรกขัดความสุขของสองหนุ่มทันที


“ไอ้เก็ก!!!” ขนาดย่อมๆของร่างกายกังฟู ไม่ได้ทำให้ความน่าเกรงขามของเนื้อเสียงลดลง

“เฮียฟู?!!!” ผู้เป็นน้องแสร้งตกใจพอประมาณเพื่อสอดรับเสียงเพรียกจากนรกของพี่ชาย... สมแล้วที่เป็นตัวเก็งตุ๊กตาขุดถ้ำทองสาขานำชายให้ไปถึงฝั่งฝันเสียจริงๆ

“เออ กูเอง!... ไหนมึงบอกว่ามึงจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด แล้วทำไมกูถึงมาเจอมึงที่นี่ได้ล่ะ...ห๊ะ?...
.
...เดี๋ยวนี้มึงหัดโกหกกูนะไอ้เก็ก!!...
...แล้วไอ้หน้าจืดนี่เป็นใคร?” กังฟูหาเรื่องชายหนุ่มอีกคนที่เก็กเอาตัวเองเข้าบังไว้ ในขณะที่อดีตเดือนมหาลัยพยายามแสดงออกถึงความลำบากใจที่จะตอบแบบออกนอกหน้า

“เฮียฟู... เฮียใจเย็นๆก่อนนะ คือ...เก็ก...เก็ก...

“เก็กอะไร? อ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้ กลัวดอกพิกุลร่วงหรือไงมึง?... มึงเป็นน้องชายกูจริงหรือเปล่าวะสัด? อมพะนำกำขี้อยู่ได้” ฟูผรุสวาทหลังจากความอดทนหมดไปตั้งแต่เห็นน้องชายกับไอ้เด็กบูบู้อี๋อ๋อกันแบบไม่อายฟ้าดิน

“ฟู...เบาๆหน่อย คนมองกันหมดแล้ว” ด้วงผู้เป็นเหมือนเงาของคนตัวเล็กได้แต่ตักเตือนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจไม่แพ้กัน แต่กังฟูกำลังเลือดขึ้นหน้าด้วยการปกป้องเด็กหนุ่มอีกคนราวไข่ในหิน และท่าทางอึกอักชวนให้หงุดหงิดของน้องชาย

“ว่ายังไงห๊ะไอ้เก็ก... ไอ้นี่ใคร?...ไอ้บูบู้ของมึงใช่ไหม?” กังฟูขึ้นเสียง นั่นจึงทำให้เก็กยอมรับในท้ายที่สุด

“ครับ บ๊วยแฟนผมเองครับเฮีย”


อาจเพราะสถานการณ์พาไป ทำให้อดีตเดือนมหาลัยกุมมือของบ๊วยเอาไว้ไม่ปล่อย
คล้ายกับจะคอยบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่า เขายินดีฝ่าฟันเรื่องเลวร้ายทั้งหมดไปพร้อมๆกันโดยจะไม่หลบลี้หนีหาย

คำพูดของเก็กเปรียบเสมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ
เพราะกังฟูแทบจะกระโดดเข้าใส่น้องชายทั้งที่ส่วนสูงไม่เอื้ออำนวยเมื่อเก็กยืนยันความสัมพันธ์ให้ได้ยินแบบจะจะ


“ไอ้สัด!! มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบ มึงยังจะไปคบกับไอ้หน้าจืดดูไม่ไ...


แต่กังฟูก็อหังการพาลปึงปังได้แค่นั้นแหละ...
เพราะเหล่าสมุนเลวกับเจ้าพ่อทั้งสองได้กะจังหวะของทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้อย่างพร้อมพรักแต่เนิ่นๆ
และแล้วก็ถึงคิวของอัศวินยาจุดกันยุงหน้ายุ่งร่างหมี กับองครักษ์หุ่นน้องๆยักษ์ทั้งสามที่เดินตามพลางหอบข้าวของเสียเต็มไม้เต็มมือแบบไม่ครั่นคร้ามสายตาผู้ใด

เต๋อกระโดดมาร่วมฉากได้ถูกฤกษ์เสียเหลือเกิน...
ในที่สุดบ๊วยผู้จืดจางร่างแกร็น กับแฟนหนุ่มที่หล่อควงกะลากยาวตั้งแต่มืดยันสว่าง
ก็ได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นจากการด่ากราดสาดกระสุนคำพูดใส่เข้าห่าใหญ่ของกังฟูเสียที  


“อะไรไอ้เตี้ย?... น้องกูมันทำไม? มึงพูดให้มันดีๆนะ!!!” เต๋อกระชากเสียงใส่กังฟูโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจนจบประโยค  


เมื่อเห็นหน้าค่าตาของผู้มาใหม่ซึ่งมีประเด็นร่วมจับมือกันมาหมาดๆ
กังฟูก็หวนนึกถึงคำเตือนของเจ้าพ่อกับความฝันสุดประหลาดเมื่อคืนขึ้นมาอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
พอคิดขึ้นได้ว่า คนร่างใหญ่ตรงหน้าจะกลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของตัวเอง...คนตัวเล็กก็วางตัวไม่ถูกขึ้นมาดื้อๆ


“ทำไม เจอหน้ากูแล้วพูดไม่ออกเลยเหรอไงมึง?” เต๋อย่ามใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนเหมือนทุกที เลยจี้ถามกังฟูอย่างต่อเนื่อง


ทว่าอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูกของกังฟูทำให้ทั้งเต๋อและด้วงอดประหลาดใจไม่ได้...
ต้องมีอะไรผิดปกติกับเพื่อนวันเด็กตัวเล็กที่สุดในกลุ่มคนนี้แน่ๆ  
ถึงอย่างนั้น... เต๋อกลับชอบใจที่ได้เห็นกังฟูทำสีหน้าจนปัญญาออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่เฝ้ามองอีกฝ่ายอยู่ห่างๆมาโดยตลอด


“เอาล่ะครับ เอาล่ะครับ...
.
...ไหนๆญาติโยม เพื่อนสนิทมิตรสหายก็มากันครบหน้าแล้ว...
...กระผมขอเป็นตัวแทนเชิญพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายไปเที่ยวชมงานวัดโดยพร้อมเพรียง ณ บัดนี้เถิดครับ...
...สกลขอร้อง” สมุนหน้าแว่นของเจ้าพ่อทั้งสองเจ้ากี้เจ้าการสมานรอยร้าวของทุกฝ่ายเพื่อดำเนินแผนการของคืนนี้ทันที

“อือ ไปสิ... ตรงนั้นมีปาโป่งด้วย เราอยากเล่น” ฌอนหัวจุกชิงเลือกกิจกรรมโดยไม่สนใจใคร ก่อนนำสหายทั้งหมดให้ออกเดินตาม  เก็กรับลูกเพื่อลากให้พี่ชายติดกับ โดยไม่ลืมโอบไหล่บ๊วยเข้าแนบอก พลางเอ่ยชวนอีกฝ่ายอย่างกระหนุงกระหนิง

“ไปครับบูบู้...
.
...บูบู้อยากได้ตุ๊กตาตัวไหนบอกเค้าได้เลยนะ...
...เดี๋ยวคืนนี้เค้าจะแสดงฝีมือปาลูกโป่งเอาตุ๊กตามาให้บูบู้เอง” เก็กเอ่ยอย่างหมายมั่นปั้นมือ

“แต่... เอ่อ...เฮียฟู...เอ่อ” บ๊วยขืนตัวเมื่อเห็นสายตาอาฆาตมาดร้ายของพี่ชายแฟนปลอมๆ แต่อดีตเดือนมหาลัยกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนตีหน้าซื่อดื้อดึงแบบไม่เห็นหัวของกังฟูที่ยืนแช่งชักหักกระดูกทั้งคู่ในระยะเผาขน

“น่า... เดี๋ยวเค้ากลับไปเคลียร์กับเฮียอีกที ตอนนี้เรามาสนุกกันก่อนดีไหมครับบูบู้?” กังฟูเผลอกำหมัดแน่นเมื่อน้องชายเดินประคองร่างขี้ก้างของไอ้เด็กหน้าจืดผ่านเขาไปอย่างไม่ใยดี... นี่มันหยามกันชัดๆ!!!!  

“กลับกันดีกว่าไหมฟู? พวกนั้นยกขโยงกันมาเยอะแบบนี้...เราว่าฟูไม่สนุกหรอก” ด้วงพยายามเรียกสติของเพื่อน... เขาไม่ได้นึกรังเกียจการมาเที่ยวงานวัดกับกังฟู แต่เขาไม่อยากเปิดโอกาสให้ใครได้เข้าใกล้อีกฝ่ายมากไปกว่าตัวเอง

“ฮึ่ย!!! กูไม่กลับเว่ย กูจะขวางไอ้เก็กกับไอ้หน้าจืดนั่นให้แม่งสวีทกันไม่ออกกันไปข้าง... มึงไขว่ห้างรอดูได้เลยด้วง!!


ในเมื่อทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ...กังฟูก็เปลี่ยนจุดมุ่งหมายมาเป็นการทำลายความสุขของมนุษย์ทุกผู้ที่อยู่ขวางหน้าให้สูญสิ้น
ชายหนุ่มตัวเล็กเดินรั้งท้ายคู่ไปกับเพื่อนผมยาวตัวโตที่ทำหน้ายุ่งไม่แพ้กัน

คนหนึ่งเฝ้าขบคิดหาเรื่องตีรวนกวนประสาทคู่รักคู่ใหม่หมดสนุกกับงานวัดคืนนี้ให้เป็นผล
ส่วนอีกคน ก็ตั้งท่ากีดกันศัตรูหัวใจในอนาคตที่อาจปะปนอยู่ในชายหนุ่มน่าสงสัยกลุ่มใหญ่ที่เข้ามาพัวพันกับกังฟูอยู่เกือบตลอดวัน








“พี่หมี... ให้เค้าลองปามั่งสิ” บ๊วยอ้อนแฟนสมมติหลังจากได้รับสัญญาณจากผู้กำกับใหญ่แสนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองซึ่งประจำที่อยู่ด้านในของซุ้มปาโป่ง

“เอาสิครับบูบู้” เก็กยื่นลูกดอกที่มีทั้งหมดในมือให้อีกฝ่าย... ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่า สายตาเอ็นดูเกินเพื่อนที่ส่งไปหาบ๊วยเมื่อครู่ ไม่ได้อยู่ในสคริปต์

“พี่หมีอยากได้ตุ๊กตาตัวไหนครับ เดี๋ยวเค้าปาให้เอง” ชายกลางยังสามารถประคองสติให้อยู่ในโหมดฉอเลาะเพราะโดนบังคับได้เป็นอย่างดีไม่มีหลุด  

“เอาเป็นหมีตัวนั้นดีไหมครับ?” เก็กชี้มั่วๆเพราะไม่ได้ตั้งใจสื่อความกับบ๊วย... พี่ชายตัวเองต่างหากที่เขาอยากลองดี และเพื่อให้เดิมพันครั้งนี้ดูน่าสนใจ อดีตเดือนมหาลัยก็ใส่ตัวเร่งปฏิกิริยาให้กังฟูหนวดกระตุกรัวๆ  “ถ้าบูบู้ปาได้... เค้าจะเรียกหมีตัวนั้นว่าบูบู้... เค้าจะได้เอาไว้กอดแทนบูบู้ตัวจริง ระหว่างที่เรายังไม่ได้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน...บูบู้ว่าดีไหมเอ่ย?”


คำพูดผูกมัดเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้กังฟูสตั๊นท์ไปคนเดียว...
บ๊วยก็อีกคน ที่โดนมนตร์ของภาพสวยหรูในอนาคตที่อีกฝ่ายวาดไว้สะกดจนเผลอจริงจังกับการปาลูกโป่งในครั้งนี้เอามากๆ


“ได้เลยครับ เค้าจะเอาเจ้าบูบู้มาเป็นของขวัญให้พี่หมีเอง!!” ยังไม่ทันที่ลูกดอกลูกแรกในมือบ๊วยจะถูกปากระทบเป้าไหนๆ คนที่ยืนหมั่นไส้อยู่ข้างๆคู่รักจอมปลอมมาชาติกว่า ก็กระหน่ำปาลูกโป่งตรงหน้าตัวเองด้วยความแม่นและรวดเร็วประหนึ่งนักแม่นปืนทีมชาติ


 (ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง)


“น้องจะเอาตุ๊กตาตัวไหนจ๊ะ?” สิ้นเสียงสอบถามของพนักงานเฝ้าซุ้ม นิ้วมือสั้นๆของฟูก็ชี้ปราดไปยังร่างที่ห้อยต่องแต่งของว่าที่หมีบูบู้ของบ๊วย

“เอาไอ้หมีหน้าโง่ตัวนั้นน่ะครับพี่” เมื่อได้ยินคำลบหลู่ดูหมิ่นหมีบูบู้ต่อหน้าต่อตา บ๊วยจึงรีบถามพนักงานเฝ้าซุ้มอีกคนด้วยน้ำเสียงร้อนรนทันที

“พี่ครับ... พี่มีหมีแบบนั้นอีกตัวหรือเปล่าครับ?”

“ไม่มีหรอกน้อง น้องคนนั้นเพิ่งได้ตัวสุดท้ายไปเอง”


บ๊วยแอบมองตามว่าที่หมีบูบู้ตาละห้อย ซึ่งนั่นทำให้กังฟูสะใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่แล้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอตัวให้ความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริงเข้าครอบงำอยู่ช่วงหนึ่ง  
บ๊วยก็รีบกลับลำแก้ไขด้วยการไหลตามน้ำดึงตัวเองคืนสู่แผนการได้อย่างสวยงามไร้ที่ติ


“พี่หมี... เค้าขอโทษ เพราะเค้ามัวแต่ยึกยักแท้ๆ ดูสิ...พี่หมีเลยไม่ได้เจ้าบูบู้ไปกอดเลย”  หลังจากตัดใจจากอนาคตร่วมกันกับอดีตเดือนคณะที่ยังมีใจกับแฟนเก่าได้อย่างเด็ดขาด  ชายกลางก็แสร้งแสดงท่าทางราวกับเสียดมเสียดายเต็มประดา

“โอ๋ โอ๋...ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวเค้าเลือกตัวใหม่ก็ได้ มีหมีอีกตั้งหลายตัว... ไม่ต้องเสียใจนะครับ” แม้การส่งอารมณ์ของบ๊วยจะไม่รุนแรงเท่ากับหลายๆครั้งที่ผ่านมา แต่เก็กกลับทุ่มทุนสร้างด้วยการคว้าร่างผอมเก้งก้างของบ๊วยเข้ามากอดปลอบทั้งที่ไม่จำเป็น

“แต่เจ้าบูบู้มีตัวเดียวนี่นา!!” บ๊วยออกท่าโวยวายอย่างสะดีดสะดิ้งเลียนแบบสกลเมื่อครั้งที่หนุ่มหน้าแว่นสวมบทตุ๊ดหัวโปกผู้กระด้างกระเดื่องต่ออำนาจของแฝดพี่ จนกังฟูที่แอบมองอยู่ยังตกใจ

“หึ หึ! อ่ะด้วง กูให้” กังฟูโยนว่าที่หมีบูบู้ผ่านหน้าบ๊วยไปให้เพื่อนรักอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะกระแทกเสียงใส่บ๊วยโดยทำทีว่าคุยกับด้วงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย “มึงบอกว่าอยากได้พรมเช็ดเท้ารูปหมีมานานแล้วไม่ใช่เหรอ? นี่ไง...กูปาโป่งได้พอดี”

“โธ่... กะอีแค่ปาโป่งได้ตุ๊กตามาแค่ตัวเดียวก็ทำเป็นคุยโวอย่างกับได้โล่ห์ชักว่าวมาราธอน!...
.
...แน่จริงมึงมาวัดกับกูตัวตัวเลยดีกว่าไอ้เตี้ย...
...ถ้ากูชนะมึง  มึงต้องคืนไอ้หมีหน้าหื่นตัวนั้นให้น้องกูไป...
...พร้อมกับปล่อยให้มันสองคนสวีทหวานกันตลอดทั้งคืนแบบที่พวกมันต้องการ” เต๋อร่างหมีสอดขึ้นทันที หลังจากได้ก้อนกลมๆสีชมพูและม่วงก้อนใหญ่จากซุ้มสายไหมติดมือมาด้วย... ช่างเป็นภาพที่ชวนให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารู้สึกขัดตาโดยแท้

“แล้วถ้ากูชนะล่ะ กูจะได้อะไร?” ประโยคแรกของกังฟูดังสวนผู้ท้าชิงด้วยความเร็วและน้ำเสียงหยาบหยามไม่ผิดกัน

“กูยอมให้มึงจิกหัวใช้กูยังไงก็ได้ตลอดทั้งคืน” คำตอบที่เหนือความคาดหมายของเต๋อทำเอาสมุนเลวและเจ้าพ่อลอบมองหน้ากันด้วยสายตาแวววาวเพราะเข้าทาง ส่วนด้วงถึงกับเลิกคิ้วมองสำรวจเต๋อดีๆอีกครั้งอย่างไม่ไว้ใจนัก

“หึ! ข้อเสนอเหมาะกับคนหน้าตาจับกังอย่างมึงดี... ก็ได้! ถ้ามึงอยากอายนักก็เอาตามนี้” กังฟูตบปากรับคำโดยไม่รีรอ เพราะโอกาสจะได้จิกหัวใช้อีกฝ่าย ไม่ได้มีบ่อยนัก... และนั่นทำให้ด้วงถึงกับหมดความอดทน

“อย่าเพิ่ง! เราเล่นด้วย...
.
...ถ้าเราชนะ ทุกคนจะต้องกลับหอ... หอใครหอมัน...
...แต่ถ้าเราแพ้...

“แต่ถ้าคุณแพ้  คุณต้องออกค่าใช้จ่ายในการมาเที่ยวงานวัดครั้งนี้ให้พวกเราทั้งหมด... ดีไหมพวกเรา?” ฌานกับฌอนเดินกลับเข้ามาสมทบกับกลุ่มพร้อมถุงสายไหมเต็มไม้เต็มมือบอกเงื่อนไขที่ด้วงต้องรับปากได้ทันจังหวะ 

ดี!!!!” และก็เป็นสมุนเลวทุกคนที่ร่วมประสานเสียงเพื่อสรุปจบ จนด้วงไม่อาจโต้แย้งอำนาจของเสียงข้างมากได้

“แล้วนายมาเกี่ยวอะไรด้วย?” แม้จะตกอยู่ในสภาพจำยอม แต่ด้วงกลับต้องการคำอธิบายจากแฝดพี่ร่างหนาผู้โผล่มาก่อกวนความตั้งใจของเขาจนได้  

“ก่อนจะถามผม... ลองถามตัวคุณเองสักหน่อยดีไหมครับว่าคุณเกี่ยวอะไรกับเรื่องทั้งหมดนี้?” แฝดพี่ย้อนหนุ่มผมยาวอย่างเจ็บแสบ สิ่งที่ฌานพูด...คือการเตือนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหลงลืมข้อตกลงระหว่างกันแบบสุภาพ


การปรากฏกายของชายหนุ่มผู้เป็นร่างทรงของเจ้าพ่อผู้ที่กังฟูเคารพบูชา
ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับชายหนุ่มร่างเล็กเท่าใดนัก
เพราะลูกศิษย์ของเจ้าพ่อประกาศให้ทุกคนที่ต้องการเฝ้าชมบารมีแห่งเทพ ได้รับทราบถึงการไม่ข้องเกี่ยวกันของร่างทรงกับองค์เทพเจ้าในยามที่พบกันนอกตำหนัก... นั่นก็แปลว่า เด็กหนุ่มผู้ติดสอยห้อยตามเต๋อต้อยๆผู้นี้ ไม่มีค่าอะไรในสายตากังฟูหากต้องเดินสวนกันภายในเขตรั้วมหาวิทยาลัย


“ด้วง! สรุปมึงจะเอาด้วยเปล่าเนี่ย?! กูรอจะจิกหัวใช้ไอ้เหี้ยเต๋อนานแล้วนะ” กังฟูเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ แต่กลับเป็นเต๋อที่ตอบโต้คำพูดของเขาไปเสียทุกประโยค

“หึ หึ! คอยดู....มึงเองนั่นแหละที่จะถอนคำพูดแทบไม่ทัน” เต๋อข่ม

“หึ! ดีแต่กาก”  กังฟูปรามาสเต๋อร่างหมีด้วยความลำพอง เพราะเขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า...กิจกรรมแมนล้ำหน้าแบบนี้ เขาจะไม่มีวันพลาด

“เอาล่ะครับ...
...เนื่องจากการปาโป่งครั้งนี้เป็นการปาโป่งนัดกระชับมิตรที่ทุกคนพร้อมเอาชีวิตมาแขวนบนเส้นด้าย...
...เพื่อไม่ให้เกิดการเสียเปรียบกันจนเกินไปนัก กระผมจะเป็นคนกำหนดตำแหน่งของลูกโป่งที่ทุกคนจะปาในแต่ละรอบ...
.
.
...ถ้าใครปาไม่โดนลูกโป่งที่กระผมบอก ก็เอาเสื่อคลุมหน้าแล้วหาคนมาหามออกไปเสียดีๆ จะได้ไม่อับอายยิ่งไปกว่านี้...
.
...เอาเป็นว่า ทุกคนเข้าใจกติกาเป็นอย่างดีแล้วนะครับ” สกลเจ๋อเสนอตัวเป็นผู้ดำเนินรายการระหว่างซื้อเวลาให้เจ้าพ่อห่อไหล่และเจ้าพ่อไทรทองเตรียมการกำจัดด้วงที่เปรียบเสมือนติ่งเนื้อที่ไม่พึงประสงค์ออกจากแผนการโดยเร็วที่สุด

“เออ!! มึงบอกมาสักทีเหอะวะไอ้หน้าแว่นว่ามึงอยากได้ลูกไหน...แม่ง ฝอยเกิ๊น!!” กับคนไม่รู้จักมักจี่อย่างสกล คนเห็นผี... กังฟูผู้ห้าวหาญก็ยังกล้าด่าโดยไม่ละเว้น

“เริ่มแรก... ลูกมุมทั้งสี่ครับ”

 (ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง)


ระหว่างการปาลูกดอกของทั้งสามหนุ่ม
เจ้าพ่อห่อไหล่กับเจ้าพ่อไทรทองต่างช่วยกันจับลูกดอกของด้วงให้เบี่ยงหลบเป้าไปทั้งหมด


“ขอเชิญคุณออกจากการแข่งขันและรอไปจ่ายตังค์ค่าปาโป่งของทุกคน...
.
...ค่าระบายสีโดเรมอน ปิ๊กาจู ชิซูกะ และตุ๊กตาลูกเทพทั้งสี่ที่ซุ้มตรงข้าม...
...อ้อ!...อย่าลืมแวะไปจ่ายค่าสายไหมตรงโน้นด้วยนะครับ...
...พวกผมติดพี่คนขายไว้นานแล้ว เดี๋ยวพวกเราจะไม่ได้กลับบ้านกันพอดี” สกลเยาะเย้ยหนุ่มผมยาวที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับกับผลของการปาโป่งที่ผิดความคาดหมายแบบหลุดลุ่ย จากนั้นก็ดึงให้ผู้แข่งขันที่เหลือกลับเข้าสู่เกมอันดุเดือดอีกครั้ง

“ทีนี้ก็เหลือผู้แข็งแกร่งแค่เพียงสองคน กับลูกดอกสองลูกสุดท้าย...
.
...ลูกที่ต้องปา คือลูกสีแดงสองลูกที่ผมเพิ่งขอให้พี่เขาเปลี่ยนให้ครับ...
...ใครยิงโดนทั้งสองลูก ก็จะเป็นผู้ชนะของค่ำคืนนี้ นี้ นี้ นี้ นี้ นี้”


(ปุ้ง ปุ้ง ปุ้ง..........ปุ!)


เจ้าพ่อไทรทองผู้รับหน้าที่เฝ้าลูกดอกฝั่งเต๋อทำได้เพียงส่ายหัวให้กับเหล่าสมุน
เพราะลูกดอกสุดท้ายของหนุ่มร่างหมี ถูกโยนอย่างจงใจให้ตกระพื้น แบบที่ไม่มีวิถีที่จะงัดปลายเข็มให้กลับขึ้นมาปักบนลูกโป่ง โดยไม่ก่อให้เกิดความแตกตื่นแก่ผู้คนทั่วไปได้


“หึ หึ หึ...มาเป็นทาสกูเสียดีๆไอ้เหี้ยเต๋อ” กังฟูเอ่ยอย่างโอหัง... ถ้าทำได้ ชายหนุ่มคงพองตัวเป็นอึ่งอ่างเพื่อเพิ่มความกร่างใส่เต๋อร่างหมีไปเป็นที่เรียบร้อย แต่คนที่ยอมผ่อนฝีมือให้อย่างจงใจกลับรับคำหน้าระรื่น  

“เอ๊า...กลัวที่ไหน”


ด้วงที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบเดินเข้ามาประกบหลังของฟูเอาไว้ไม่ห่าง...
เต๋อนี่แหละ ที่ส่อแววว่าจะเข้ามาวุ่นวายกับกังฟูของเขาแบบโจ่งแจ้งมากที่สุด
แต่คนตัวเล็กผู้เป็นประเด็นหลักของชายหนุ่มร่างใหญ่ทั้งสอง กลับให้ความสนใจเฉพาะกิจกรรมระรานน้องชายและแฟนหนุ่มแต่เพียงอย่างเดียว   


“อ้าวเฮ่ย!... ไอ้พวกนั้นมันหายไปไหนกันหมดแล้วล่ะ?” กังฟูถามเสียงหลงเมื่อไม่เห็นชายหนุ่มอีกห้าคนในสายตา

“เราเห็นพวกนั้นเดินไปทางท่าน้ำน่ะ...
.
...ไป!  รีบตามเถอะ เดี๋ยวจะคลาดกันไปทั้งคืน” ด้วงกระตุกแขนเล็กๆของฟูให้เดินพ้นหน้าเต๋อ แต่เพื่อนรักกลับหันไปแหวใส่หนุ่มร่างหมีที่เดินตีคู่อยู่ไม่ห่างอีกทั้งยังไม่สลดที่พ่ายแพ้ให้กับกังฟูแม้แต่น้อย

“เพราะมึงตัวเดียวเลยไอ้เหี้ยเต๋อ!


อาการลอยหน้าลอยตาอย่างสมใจของเต๋อร่างหมี ทำให้กังฟูทั้งโกรธ ทั้งหมั่นไส้ด้วยความรู้สึกคันยุบยิบและจั๊กจี้ในอก
ไม่ต่างจากในความฝัน เมื่ออีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาใกล้เพื่อจูบโชว์พี่พลายลูกรัก...

ขณะที่ด้วงกำลังว้าวุ่นใจอย่างหนัก
เพราะมืดมนจนปัญญาด้วยไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ที่ลุกลามจนบานปลายนี่อย่างไรดี




Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


ขอบคุณเนื้อเพลง:


ที่มา: http://www.siamzone.com



Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ





No comments:

Post a Comment