Sunday, February 8, 2015

ฮานอยวันฝนโปรย // เรื่องเมาท์ที่สี่ : อาชีพเก๋ๆ (ไม่เท่ห์ ไม่ฮานอย...ทำไม่ได้บอกเลย)

เรื่องเมาท์ที่สี่ : อาชีพเก๋ๆ (ไม่เท่ห์ ไม่ฮานอย...ทำไม่ได้บอกเลย)




แต่ละเมือง แต่ละประเทศย่อมจะมีสิ่งที่น่าสนใจ ฮานอยเองก็เช่นกัน นอกจากอาชีพหนุ่มน้อยเชียร์แขกหน้าร้านแล้ว ยังมีบริการอื่นๆที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับฝรั่งชั่วครั้งชั่วคราวอย่างเราเสียเหลือเกิน  อาทิ


...กลุ่มผู้ให้บริการของกินเดลิเวอรี่ ที่ปรากฏกายในรูปสาวๆหาบเร่ (หาบคอน)
(งานอะไรเอ่ย หาเลี้ยงชีพได้ แถมยังเอาคู่มือทำมาหากินให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายยืมเป็นพร็อพถ่ายรูปได้อีกด้วย)

กลุ่มผู้ให้บริการกลุ่มนี้จะแบ่งแยกออกมาเป็นหลายหมวดหมู่ ตามประเภทของกินที่เจ้าหล่อนเร่ขาย ความสามารถ พลังวัตร และอาวุธคู่กายในรายละเอียดอาจจะแตกต่างกันไป หากแต่เมื่อมองปราดๆจากภายนอกแล้ว เราจะเห็นพวกเธอในมาดของสาวๆหาบเร่

ในกลุ่มนี้ เราพบว่า มีสินค้าหลายขนาน ที่สาวๆผู้พกหาบและคอนเป็นอาวุธนั้นนำมาบริการเหล่าลูกค้าจนถึงหน้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็น แม่ค้าผัก หรือผลไม้ ที่มาพร้อมกับบริการเสริมปอกให้พร้อมกินเสร็จสรรพหลังการขาย ซึ่งโดยส่วนตัว สำหรับหมวดหมู่สินค้าชนิดนี้ เรามองว่ามันเป็นบริการที่อเมซิ่งมาก...

...ยอมรับกงๆแบบไม่อายเลยว่า ครั้งแรกที่เห็นพวกเธอดำเนินการขาย ให้กับลูกค้า เราถึงกับต้องหยุดเดิน เหนี่ยวกล้ามเนื้อคอและสายตากลับไปมองเจ้าหล่อนจนสุดเส้นเอ็น   ส่วนสินค้าหมวดอื่นๆ เห็นจะเป็นแม่ค้าหาบเร่ขายบาแก็ตทรงเครื่อง (ขนมปังฝรั่งเศสใส่ไส้ประดามี) เจ๋า (โจ๊ก) และปิดท้ายด้วยแม่ค้าข้าวโพดปิ้ง ซึ่งเทพแถมยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

เหตุที่ต้องเมาท์เรื่องราวของกลุ่มผู้ให้บริการเหล่านี้ให้ฟัง เพราะตัวเราเอง ได้เป็นหนึ่งในลูกค้า แถมยังเจอเหตุการณ์น่าระทึก ชวนให้งงงวยเพราะการกระทำของหนึ่งในผู้บริการสายนี้ด้วยตัวของเราเองมาแล้ว  และไอ้ที่ไปเจอมามันช่างน่าสนใจซะจนอยากจะเอามาเล่าให้ฟังโดยทั่วกัน

ข้อแรก...ก่อนอื่นเราคงจะละเลยเรื่องรูปทรงของอุปกรณ์คู่ชีพประจำการขายของเจ้าหล่อนทั้งหลายไปเสียไม่ได้ เพราะสายของหาบที่นิยมกันจะยาวจนเกือบจะเรี่ยพื้น  โดยตรงปลายหาบด้านที่เอาไว้ใส่ของของบ้านเราจะทำเป็นกระจาดมีก้นสำหรับใส่โน่นนี่ หากแต่หาบเวอร์ชันฮานอยจะเป็นกระจาดแบนๆกว้างๆ ซึ่งนั่นทำให้เวลาเดินสวนกัน เราต้องคอยพยายามเตือนตัวเองไม่ให้เผลอออกเสต็ปสับขาสูงกระทุ้งปลายเท้าลงพื้น ประหนึ่งเดินบนรันเวย์โดยไม่ดูตามาตาเรือ

เพราะแทนที่จะงามระหงเหมือนไทร่า แบงส์บนรันเวย์ อเมริกันเน็กซ์ ท็อปโมดัล เราอาจจะกลายร่างเป็นไทร่า บ๊องส์ได้ภายในชั่วพริบตา หลังจากเผลอไปเทกระจาดน้อยๆซึ่งอยู่ในระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินของสตรีกลุ่มนี้เข้า จนต้องเสียเวลาไปแบงค์ เบิกเงินมาจ่ายค่าเสียหาย ค่าเสียเวลา และค่าเสียเหงื่อเพราะต้องส่งภาษามือกันเมื่อยก็เป็นได้

ข้อสอง...อันนี้เป็นเรื่องน่าสนใจที่เราพบเจอมาจากบรรดาน้องนางกลุ่มผู้ขายผัก หรือผลไม้โดยเฉพาะนะเคอะ  โดยความน่ารักของสตรีกลุ่มนี้ เห็นจะเป็นการที่คุณน้อง พกตาชั่งมือถือ เพื่อใช้เทียบน้ำหนักของสินค้า กับมาตรวัดน้ำหนักสากล (หนึ่งโลฯ สองโลฯก็ว่ากันไป)

โดยทันทีที่ตกลงปริมาณการซื้อขายกันได้แล้ว แม่ค้าจะเอาผัก หรือผลไม้ที่เราหมายตาใส่ถาดดำๆของตาชั่งกรำสนิม ซึ่งเมื่อดูเลาๆแล้ว ก็ทำให้เผลอเข้าใจไปว่า ตาชั่งบางอันอาจจะมีอายุยืนยาวมากกว่าเราอยู่หลายช่วงตัว   จากนั้น คุณแม่ค้าหน้าอ่อนจะถ่วงตุ้มน้ำหนักตามแต่ตกลง แล้วถือปลายตาชั่งจากด้านบน เมื่อแม่ค้าติ๊ต่างว่า ขาทั้งสองข้างของตาชั่งเท่ากันแล้ว คุณน้องคนขายก็จะจัดแจงหาถุงก็อบแก็บยู่ยี่ที่นางแอบซุกเอาไว้ตามหลืบ ตามหาบออกมาเตรียมจะบรรจุสินค้าแล้วยื่นให้เรา

ช้าก่อน!! แต่ถ้าเราอยากให้คุณน้องช่วยตัดแต่ง หรือปอกเปลือกของผักและผลไม้ให้ ก็มีบริการในส่วนนี้ เป็นบริการเสริมหลังการขายแถมมาให้ด้วย โดยไม่ต้องเสียเซอร์วิส ชาร์จเลยแม้แต่ดองเดียว ซึ่งเราบอกได้เลยว่า...มันเริ่ดที่สึดในสามโลกอ่ะค่ะคู๊ณณณณ!!

ถึงอย่างนั้น...มีเรื่องนึงที่เราอยากเตือนให้ระมัดระวังกัน ก็คือ  หากคุณเป็นคนธาตุอ่อนอยู่แต่เดิม แต่จู่ๆก็เกิดเปรี้ยวปาก อยากกินมะม่วง แห้ว อ้อย หรือผลไม้อะไรก็แล้วแต่ที่พระน้องนางหาบผ่านหน้ามา แบบว่าถ้าไม่ได้กินแล้วจะลงแดงตายแล้วล่ะก็  หากเป็นไปได้...แนะนำว่า ควรไปหาซื้อมีดส่วนตัวซักด้าม เพื่อเอามาใช้ปอกผลไม้นั้นๆกินเองเถอะค่ะคุณ  เพราะมีด และถุงก๊อบแก๊บส่วนตัวของพระน้องนางนั้น เราว่า มันออกจะหมิ่นเหม่กับการทำให้เราต้องสูญเสียเกลือแร่ปริมาณมากแบบกะทันหัน หลังจากผูกสมัครรักใคร่กับโถส้วมเพื่อคายของเก่าทิ้งจากหลายๆทวารจนไม่เป็นอันกิน อันเที่ยว อย่างนี้จะห่อเหี่ยวกันทั้งทริปนะคะ


เหรียญมีสองด้านฉันใด... กลุ่มผู้ให้บริการของกินเคลื่อนที่กลุ่มนี้ ก็ไม่ได้มีแค่ด้านเริ่ดเท่านั้น... พระน้องนางยังมีด้านร่วงที่เราว่า ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะเคอะ (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว โปรดอย่าใช้วิญญาณมานั่งอ่านแทน อิ อิ)

กลุ่มผู้ให้บริการกลุ่มนี้บางคน พร้อมจะสละคอนได้ทุกเมื่อ เพื่อให้เราได้ใช้เป็นพร็อพประกอบการถ่ายรูปเก๋ๆ โดยที่เราอาจจะไม่ทันได้ออกปากร้องขอ (อุ๊ต๊ะ!)

เรื่องนี้เราเจอมากับตัว คู่กรณีเป็นพระน้องหาบผลไม้ อารามตกใจ เลยไม่ทันได้มองว่าคุณน้องหาบอะไรมาขาย แต่อยากจะบอกว่า หากไม่ได้อยากถ่ายรูปในเครื่องแบบสาวพื้นเมืองหาบเร่ ได้โปรดจงระวังสาวๆเหล่านี้บางคน  เพราะบางรายที่หัวใสจัดๆ จะเดินเข้ามาชาร์จถึงเนื้อถึงตัวเรา แล้วเอาคอนวางบนไหล่ให้โดยไม่บอกกล่าว

คุณน้องเค้าคงคิดเอง เออเองว่า เราคงอยากได้คอนมาสิงสู่แทนผีชัตเตอร์ที่พกติดตัวมาเที่ยวด้วยกัน ระหว่างที่เรากำลังงงกับคอนที่ย้านมาสิงเราโดยมิได้นัดหมาย พระน้องนางก็จะทำหน้ามึน พลางบุ้ยบ้ายว่า...แกช่วยถ่ายรูปตัวเองในสภาพอิหลักอิเหลื่อนี่ให้เสร็จๆซะทีสิ แล้วก็รีบส่งเงินค่าหยิบยืมพร็อพประกอบการทำงานของชั้นมาให้ซะดีๆ ชั้นนจะได้เอาคอนไปวางบนไหล่เหยื่อรายใหม่ได้อีกยังไงล่ะ....... นั่น! ฝรั่งคนนั้นดูจะใกล้เคียงกับเหยื่ออีกรายของเรา  แหน่ะ! นี่จ้องจนตาจะหลุดขนาดนี้แล้ว ยังจะมาทำหน้างงเป็นหมาเลียแฟ๊บอีก...เร็วๆสิแก๊! ดี๋ยวชั้นเสียรายได้!!

ขอบอกเลยว่า เราเจอมาแล้ว... เจอมากับตัว
แต่กระดูกมันคนละเบอร์ พระน้องนางก็ได้แต่เหวอ แล้วต้องรีบคว้าเอาคอนส่วนตัวกลับไปโดยเร็ว หลังจากที่เราเซย์โนรัวๆจนไฟแล่บใส่เจ้าหล่อนไปอย่างไม่ปรานี  

หากคุณๆท่านใดเกิดประสบพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ เราก็มีทางเลือกดีๆอยากจะแนะนำ...

หนึ่ง: ตามน้ำ ตามด้วยการจ่ายค่าเช่าอาวุธ ไหนๆก็มาเวียดนามทั้งที มีรูปที่ตัวเองเป็นสาวพื้นเมืองซะหน่อย ก็เก๋ดีไม่หยอก
สอง: โนรัวๆแบบเรา เพราะต่อให้ไม่ต้องอาศัยหาบคอนมาประกอบการถ่ายภาพ หนังหน้าตามธรรมชาติ ก็กระเดียดไปทางน้องสาวพี่ไมค์ ยาใจคนจนอยู่แล้ว
สาม: ทางเลือกนี้เปิดว่างเอาไว้ เผื่อว่าใครจะมีไอเดียเด็ดๆมาแนะนำ ขออย่างเดียว อย่าเลือกทำอะไรผิดกฏหมาย เพราะไม่ว่าที่ไหน เราว่า ราคาลูกปืนก็ถูกกว่าค่าประกันตัวอยู่ดี





หากสังเกตดีๆ จะพบว่า พระน้องนางเอาคมมีดเช็ดกับกระดาษหนังสือพิมพ์
ก่อนจะเอามีดเล่มนั้นที่ติ๊ต่างว่าสะอาดแล้ว กลับมาปอกมะม่วงให้เรากินค่ะคูณณณณ!
โถ ห่วงอนามัยของขุ่นพี่หรือจ๊ะแม่!


...บริการขัดเกิบ (เป็นที่นิยมในหมู่ท่านชายเป็นอย่างมาก)

กลุ่มผู้ให้บริการกลุ่มนี้ จะย้ายที่ทำการไปทั่ว เพราะหัวใจสำคัญของงานนี้ คือการหยิบยื่นบริการให้แก่ลูกค้าถึงปลายเล็บขบตรงนิ้วหัวแม่เท้า (ถ้าพวกเค้าทำได้) กันเลยทีเดียว

ไม่ต้องห่วงว่า หากตัดสินใจรับบริการของพี่ๆกลุ่มนี้แล้ว ระหว่างนั้น เท้าของเราจะเปล่าเปลี่ยว ไม่มีรองเท้าห่อหุ้มไปหรอกนะเคอะ เพราะพี่เค้าจะมีร้องเท้าแตะสภาพตามแต่ความภูมิฐานของพี่ๆผู้ให้บริการแสปร์ให้เราสวมใส่ระหว่างรอคอยให้รองเท้าของเรากลับมาสดใสแวววาวเหมือนใหม่

ซึ่งจุดๆนี้ เราต้องยอมรับเลยว่า พี่ๆที่ให้บริการด้านนี้เค้าเต็มที่กันจริงๆ เพราะพี่เค้าจะตั้งใจขัดรองเท้าให้เราอย่างมุ่งมั่น ไม่ว่าสภาวะอากาศ และสิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไร (แต่อีกใจ สำหรับคนนอกอย่างเรา... พอได้ผ่านไปเห็นพี่เค้านั่งยองๆอยู่ข้างถนนพลางก้มหน้าก้มตาขัดรองเท้าขมุกขมัวให้ลูกค้านี่ ก็มีสะท้อนใจไปบ้างเหมือนกัน  

เห็นพี่เค้าแล้วก็นึกขอบคุณพ่อแม่ และโคชโจอี้บอยกับซิงเกิลกากี่นั้ง ที่ผลักดันให้เรายอมหลังขดหลังแข็งร่ำเรียนจนจบปริญญามาได้ เลยไม่ต้องโตขึ้นมาเพื่อขัดรองเท้า ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องฝากชีวิตเอาไว้กับความไม่แน่นอนทางรายได้อย่างพี่ๆพวกนี้)

เอ่อ แต่ขอเรายุติการต้มน้ำร้อนเพื่อกินมาม่าเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ก็แล้วกันนะคะ...

คือบั่บ พี่คะ...
พี่ช่วยอธิบายเพิ่มเติมนิดนึงได้ไม๊คะว่า ไอ้รองเท้าผ้าใบสำหรับวิ่งที่หนูใส่อยู่นี่...พี่จะขัดยังไงให้มันสะอาดโดยไม่ได้ซักผ่านน้ำแฟ๊บกันเอ่ย? หนูเล็งเห็นแล้วว่า...ลำพังมีแค่แปรง กับกีวี่ขัดรองเท้าในตะกร้าของพี่ ไม่น่าจะใช่คำตอบของหัวใจหนูอย่างแรงเลยนะคะ...

ถ้าพี่จะเล่นทำหน้ามึนเดินเข้ามาทาบทามเสนอบริการของพี่ให้กับหนูโดยไม่ได้สนหน้าอินทร์หน้าพรหม แบบที่พอจ้องเข้าไปในดวงตาเพื่อถามหาคำอธิบายแล้ว พี่จะเล่นหลบตาหนูแบบออโต้ล่ะก็ เอาอย่างนี้ดีกว่าไหมคะ... พี่ไปคอยหลบอยู่ตามมุมตึกแล้วเอาไม้มาตีหัวหนูสักดอก ก่อนจะควักเงินที่หนูเหน็บเอาไว้ตรงชายพกตามประสากุลสตรีไทยไปแบบไม่ต้องเหนื่อยแถจนสีช้างถลอกแบบนี้ จะลำบากน้อยกว่านี้นิสนุงไหมคะ? แหม่! ทำไปได้!!



บอกเลยว่าตอนเดินผ่านนี่ เราถึงกับสะอึก...
เจ้าของเกิบคงนั่งจิบกาแฟอยู่ข้างใน แต่ไหงพี่เค้าต้องมานั่งยองๆขัดรองเท้าอยู่ข้างนอกนี่?



...รับตัดผมท่านชาย...เอิ่บ...นอกสถานที่



 ถัดไปจากที่ทำการของบาร์เบอร์แห่งนี้ คือตลาดในย่าน Old Quarter เองฮ่ะ...
...เริ่ด เริ่ด เนอะ!!


อันนี้ไม่ได้อวดอ้างเกินจริง เพราะบาร์เบอร์ของพวกพี่ๆ น้าๆ อาๆ ลุงๆเหล่านี้ เป็นบาร์เบอร์แบบเอาท์ดอร์สำหรับท่านชาย ซึ่งมีการออกแบบและตกแต่งสถานที่ โดยใช้บรรยากาศธรรมชาติรอบๆตัว มาเป็นอัครสถานแห่งการบริการครบวงจรให้กับ หัว หู และเส้นผมของท่าน

มันจะมีอะไรเจ๋งไปกว่า การได้นอนมองฟ้า และแสงแดดรำไรรอดพุ่มใบของต้นไม้ใหญ่ ระหว่างที่มีคนมาคอยเอาใจ และดูแล เสริมความงดงามให้แก่ร่างกายของเราได้อีกล่ะ

ที่เวียดนาม ภาพของร้านตัดผมสำหรับผู้ชายที่อยู่ริมถนน มุมตึก หรือตรงฟุตบาทสงบๆ เป็นสิ่งที่คนพื้นที่เห็นจนเจนตา แต่กับเรา แม้ว่าจะรู้ว่ามีการบริการประเภทนี้มาก่อนหน้า (เพราะเคยดูรายการนำเที่ยว ที่มักจะยกเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นไฮไลท์กันซะด้วยซิ) แต่พอได้มาเห็นกับตาตัวเอง ก็ยังอดทึ่งไม่หาย แบบว่ากรี๊ดมาก!!

เพราะทั้งผู้ให้บริการ และลูกค้า ต่างดูชิล ดูคูล ดูกูไม่สนใจใครแบบสุดๆ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา เห็นแล้วก็แทบอยากจะคลานเข่าเข้าไปกราบเบญจางคประดิษฐ์ใส่พี่เค้าซักสามสี่รอบ เพื่อให้สมกับความอเมซิ่งทางอารมณ์ที่เราได้รับ นี่ถ้าได้ภาษาซักหน่อย จะเดินเข้าไปถามพี่เค้าว่า...พี่รับตัดผมให้ผู้หญิงรึเปล่า ถ้าพี่ยอม หนูก็พร้อมจะลองนะเคอะ...แบบว่าที่ทำการร้านของพี่มันเท่ห์มากอ้ะ!!  

บริการทุกระดับ...ประทับใจ



...แม่ค้าขายโดนัทฟอร์อะเดย์  พ่อค้าขายไฟแช็ก ขายหมวก และขายของใช้จิปาถะ

คนขายจะเป็นกลุ่มคนในพื้นที่ ซึ่งมักจะเดินเข้าหาเราเพื่อเสนอขายสินค้าที่ตนถนัด ไม่ว่าจะเป็นโดนัทเคลือบน้ำตาลก้อนเล็กและก้อนใหญ่ ไฟแช็ก ผ้าปิดปาก กุบ (หมวกเวียดนาม) ธง และอื่นๆอีกมากมาย  โดยจุดเด่นของพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มนี้ จะอยู่ที่ พวกเค้าจะสามารถพูดประโยคภาษาอังกฤษอันเป็นประโยคคำถามสุดแพร่หลายคล้ายกับคำทักทายประจำชาติของพวกเค้าเพื่อเปิดการขายกับเราได้ 

อย่างเช่นกรณีของเหล่าแม่ค้าโดนัท ที่มักจะทักเราว่า โดนัทฟอร์อะเดย์? พร้อมกับส่งสายตาเว้าวอนบนใบหน้าชวนให้อยากยื่นมือเข้าช่วยบรรเทาความทุกข์โศกของพวกเค้าแบบกะทันหันตบท้ายมาให้...

แท็กติกการจ้องลูกค้าลึกไปถึงก้นบึ้งของดวงวิญญาณ ด้วยสายตาปรอยๆติดละห้อยนิดๆนี้ นับเป็นเรื่องสามัญซึ่งเป็นกันโดยทั่วไป ไม่ผิดแผกแม้พ่อคุณแม่คุณจะขายสินค้าคนละประเภทก็ตาม...

ก็ให้มันรู้ไปสิว่า ใครมันจะจ้องตาทะลุทะลวงต่อมสงสารและเห็นใจได้เก่งไปกว่าพวกพี่เค้า!
แต่สำหรับมารหน้าด้าน จิตใฝ่ด้านชั่วอย่างเรา... พวกพี่เค้าไม่ได้กินตังค์เราหรอกเค่อะ โฮะ โฮะ โฮะ!!


...รถสามล้อถีบนำเที่ยว




สำหรับเรา การบริการประเภทนี้ เป็นการบริการที่กวนใจมากที่สุด บอกเลย...

ไม่ว่ายังไง หนูคงต้องปฏิเสธความหวังดีของพี่อย่างแน่นอน  มันคงจะดี หากพี่ๆช่วยหยุดส่งสายตาเว้าวอน เลิกถามเซ้าซี้ เลิกขับรถตามหนูซะทีเถอะค่ะ เพราะไม่ว่ายังไง หนูก็ไม่มีทางให้เบอร์กับพี่แน่ๆ (เอ๊ะ! หรือชั้นหลงประเด็น)

ก็คนมันจะเดิน ต่อให้ฝนตก ฟ้าร้อง ท้องเสีย ก็จะเดิน...
พอมาเจอพี่เค้ากระหน่ำตะโกนถามเรา (เวลาที่เดินอยู่อีกฟากถนน) ว่า ไปไม๊? หกสิบนาทีรอบเมืองเลยนะเราก็ต้องคอยรัวโนใส่พี่เค้าไปแบบไม่มีหยุดยั้ง แต่ข้อดีของพวกพี่เค้าเห็นจะเป็น ความไม่ย่อท้อต่อคำปฏิเสธของว่าที่ลูกค้า เพราะตอนที่เดินๆอยู่ที่โน่น เจอแบบที่ว่า ตอนแรกที่เดินผ่านกัน เราก็เซย์โนเป็นกระบุงไปแล้ว แต่พอพี่เค้าวนรถกลับมาอีกสิบนาทีให้หลัง พี่แกก็ยังจะกล้าถามเราอีกว่า อยากจะไปนั่งรถชิลๆกับพี่ไม๊ โดยไม่ลืมแจกยิ้มเรียกแขกเหมือนรอบแรกเปี๊ยบ...

เมื่อเจอกลยุทธในการขายแบบนี้เข้าไป เราก็ถึงกลับต้องมานั่งนึกว่า สรุปคือพี่แกจำหน้าเราไม่ได้ หรือพี่แกไม่สนใจ เพราะต่อให้วนมาเจอกันใหม่อีกซักกี่ที พี่แกก็จะทำแบบนี้ตลอดกันแน่หว่า?


นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาเดียว ที่พวกพี่เค้านิ่งที่สุด...


...มอไซค์รับจ้างนอกเครื่องแบบ

ถ้าฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย ย่อมจะแยกแยะแท็กซี่ ออกจากรถเก๋งธรรมดาได้ง่ายๆด้วยการมองที่สี และไฟ
และถ้าฝรั่งอยากจะแยกแยะคนขับมอไซค์ทั่วๆไป ออกจากพี่แว๊นรับจ้างประจำเส้นทางต่างๆ ก็แค่สังเกตเสื้อวิน  

แต่สำหรับที่ฮานอยนั้น... เราแทบดูไม่รู้

เราว่า หากจะหาตัวพี่แว๊นรับจ้างของฮานอยได้ ทายาทต้องมีพื้นฐานการเป็นคนช่างสังเกตอยู่พอสมควร เพราะพวกพี่เค้า แม้จะอยู่กับที่ แต่กลับไม่มีตำหนิตรงไหนจะบอกเราได้ว่า ข้านี่แหละหนา สามารถพาเจ้าไปยังที่หมาย ด้วยการซ้อนท้ายรถเครื่องของข้าได้ 

ถึงอย่างนั้น พอเดินเที่ยวในฮานอยมาได้หลายวัน ก็ชักจะดูออกแล้วล่ะค่ะว่า ไผเป็นไผ...
เราว่า พี่มอไซค์รับจ้างนี่เค้าน่าจะเป็น ผู้ชายที่ชอบนั่งอยู่บนเบาะมอเตอร์ไซค์ที่จอดเอาไว้ข้างทาง หรือยืนนิ่งๆ แล้วมองตามคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่ ผู้คนที่พวกพี่เค้ามักจะจ้องมอง น่าจะเป็นชาวต่างชาติ หรือคนหลงทาง  วิธีพิสูจน์ว่าพี่เค้าใช่พี่แว๊นรับจ้างหรือไม่ แนะนำให้จ้องหน้าพี่เค้าซักพัก แล้วทำท่าเหมือนจะถามทาง หรือยกแผนที่ให้พี่เค้าดู เมื่อนั้น...สัญชาตญาณแห่งการเป็นผู้ให้บริการด้านขนส่งมวลชนของพี่เค้า ก็จะกลับเข้าร่างทันที

ขอให้ทายาทโชคดี หาพี่แว๊นจนเจอนะคะ!

(อ้อ! อย่าลืม หากจะเรียกใช้บริการพี่แว๊น หรือแท็กซี่ที่ฮานอย แนะนำว่าให้เอาที่อยู่ของปลายทางที่เราต้องการไป ยื่นให้พวกพี่ๆเค้าดูเลย เพราะมันจะช่วยให้พวกพี่เค้าทำงานกันง่ายขึ้นค่ะ) 

No comments:

Post a Comment