Wednesday, February 18, 2015

หลากเรื่องรักเกือบสั้น...ว่าด้วยพยัญชนะตัวที่ ๔๑ :: ห่วง (เรื่องสั้นหมายเลขสอง)



ห่วง


ลืมตาเหลือบมองเวลา... อีกสิบนาทีแปดโมง
ผมรีบผุดลุกเปลี่ยนท่าจากนอนเป็นนั่ง เช็ดขี้หูขี้ตา ทิ้งน้ำหนักพิงเบาะโดยไม่ไหวติง รอชมความบันเทิงช่วงเช้าก่อนเข้างาน
หึ! มาโน่นแล้วครับ

เสียงเครื่องครางหึ่งๆคลานไต่ทางชัน...
เสียงผ่อนคันเร่ง...
เสียงยางเบียดกับพื้นคอนกรีตเอี๊ยดอ๊าด...
ตามด้วยเสียงเร่ง กดเบรคฉับอย่างมั่นใจเมื่อการถอยเข้าซองสิ้นสุด...
ทุกๆเสียงข้างต้น ดังแข่งกับเสียงเพลงเร็วทั้งเก่าใหม่ของบอดี้สแลมที่คนขับเปิดเสียงดังเต็มแม็กซ์ คล้ายจะเผื่อแผ่ให้คนทั้งตึกได้มันส์ไปพร้อมๆกัน 

แต่นั่นกลับไม่ใช่ความบันเทิงที่ผมตั้งตาคอย...
ภาพเคลื่อนไหว และเสียงแหกปากผิดคีย์ของเจ้าของรถต่างหากล่ะ ที่ผมโคตรไม่เข้าใจตัวเองว่า เผลอชอบไปตั้งแต่เมื่อไร
วันนี้จัดเต็มเหมือนเดิมครับ... ทั้งร้อง ทั้งเต้น และร้องเร่งร้องส่งเป็นลูกคู่ให้พี่ตูนเสร็จสรรพ


♪♫♪เธอ เธออย่าเพิ่งไปบอกรักใคร...เอิ้ว เอิ้ว
รอฉันได้หรือไม่ ♫♪วันที่ฉันจะดีพอ... เอิ้ววววว!...
อยากจะขอเวลาได้ไหม...กรู๊วววววววว


...แหน่ะ! มีกรู๊วด้วย เพลงสตริงนะคุณ ไม่ใช่กลองยาวแห่ขันหมาก
เอาจริงๆ  ผมชอบบอดี้สแลมนะ 
แต่ผมยิ่งโคตรชอบบอดี้สแลมเอามากๆ อีตอนที่คุณมาฟีทเจอริ่งด้วยนี่แหละ


ร่างบางๆ โยกซ้ายขวาดุ๊กดิ๊กไปมาทั้งที่ยังนั่งหลังพวงมาลัย 
สองมือเปิดตลับแป้งรับสายตาที่กดสอดส่องความนวลเนียนบนใบหน้า
เมื่อเจอจุดที่ไม่มั่นใจ...มือก็ตบแป้งโปะลงไปเบาๆ 

หยุดร้องเพลง เช็คเงา ยิ้มหวานให้ตัวเองในกระจกอีกครั้ง
เก็บตลับแป้ง เอื้อมมือปิดเพลง แล้วดับเครื่อง...
วันนี้มีแอบมองรถผมแล้วเผลอสะดุ้งตกใจ แต่แล้วก็ยักไหล่ไม่สนใจเดินลงจากรถ...คงคิดว่าเข้าใจผิดไปเองสินะ

เปล่าเลย...
คุณไม่ได้เข้าใจผิดหรอก
ผมน่ะ...แอบมองคุณอย่างนี้ทุกวันจนคุณคล้อยหลังเข้าลิฟท์ไปนั่นแหละ



บอกก่อน ผมไม่ใช่โรคจิตแอบตามคนอื่นหรอกนะครับ
ไอ้ผมน่ะ เป็นพวกรักงานบ้านไกล ไม่ชอบเอาเปรียบบริษัท
เกือบหกปีนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน ผมจะออกจากบ้านตอนตีห้า มาถึงตึก ก็นอนมันในรถจนก่อนเวลาเข้างานนั่นแหละ
สบาย และสงบดี...เพราะมุมนี้มีซองจอดเพียงสองช่อง  
แถมรถผมติดฟิล์มดำทั้งคัน...แค่เสียบพัดลมกับพาวเวอร์แบงค์ ก็นอนได้ยันเย็น

ส่วนเขา เพิ่งเข้างานแผนกเดียวกัน แต่คนละส่วนหน้าที่
มาแทนตำแหน่งที่ว่างมานานหลายเดือน เจ้าตัวเลยได้ที่จอดซองข้างๆเมื่อต้นอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง

แรกๆที่รู้ถึงพฤติกรรมการขับรถของเขา ผมก็แปลกใจใช่ย่อย เพราะแม้เขาจะเข้าตำราพนักงานใหม่สุดป็อบ แต่ก็ไม่ทิ้งมาดนางพญา ผมเลยไม่นึกว่า จะแอบทำท่าน่ารักๆ โก๊ะๆเป็นด้วยเหมือนกัน 


จากที่แค่ชอบลอบมองเฉพาะตอนเช้าๆ  กลายเป็นแอบมองบ่อยๆเมื่อมีโอกาส
หลังๆชักจะหนัก...เห็นหน้า เห็นหลังไวๆเป็นไม่ได้ ต้องไล่สายตามองตามไปเสียทุกที
เริ่มจะรู้สึกตัวอีกทีว่า มีอาการแปลกๆ ก็ตอนไปเลียบๆเคียงๆถามเรื่องเขาจากพี่ธีร์ซี้สนิทผม  หรือ บอสใหญ่ของเขา
เลยได้รู้ว่าเขาชื่อ ชิ มาจาก อชิตะ  เป็นรุ่นน้องจบมอเดียวกันกับพี่ธีร์
เก่ง หัวไว ภาษาดี ดีกรีนักเรียนนอก แถมนิสัยใช้ได้...

ขนาดพี่ธีร์ไม่การันตีคุณสมบัติ ผมยังให้คะแนนความน่ารักไปแล้วเกินครึ่ง...
ยิ่งพอมาได้ฟังกิตติศัพท์ ผมยิ่งไม่อยากปล่อยให้คลาดสายตา...

จากนี้ก็เหลือแค่รอจังหวะเพื่อหาทางเข้าใกล้
ถ้าเขายังไม่มีใคร... ชิวาว่าน้อยของไอ้เผ่าจะไปไหนเสีย


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



Cheers!”  

แน่ล่ะ จบคำเชิญแสนสั้น มันก็ต้องตามด้วยการซดน้ำเมา
จะหมดแก้วหรือเปล่า...ก็แล้วแต่ศรัทธาของแต่ละคน

คืนนี้มีงานกินเลี้ยงแผนก... ต้อนรับคนใหม่ อาลัยคนเก่า
แผนกผมผู้ชายเยอะ แถมเป็นฝรั่งกว่าครึ่ง ชนกันไวๆนี่เล่นเอาเมาปลิ้น เพราะส่วนใหญ่เป็นขาออนเดอะร็อค ไม่ก็ซัดเพียวๆ
หึ! วงไวน์ แชมเปญเบาๆเห็นจะไม่มี  นาทีนี้จ้องจะทำลายล้างตับกันเท่านั้น

ในหมู่พนักงานปัจจุบัน เราจะรู้กันว่า ไฮไลท์ของงาน คือ การวัดระดับความต้านทานแอลกอฮอล์ของนิวบี้
งานนี้น้องใหม่ทั้งสี่เลยต้องรับบทหนัก ดื่มกันแก้วต่อแก้วมาตั้งแต่หลังมื้อค่ำ...

ไอ้คีย์ น้องน้อยหน้าใสเพิ่งจบใหม่ หลังโดนเตกิล่ารูเล็ตเล่นเสียน่วม
ก็สละเก้าอี้ผู้ท้าชิง มานั่งพักจูบเสาราวกับรักประหนึ่งเมีย พี่สาวมันเพิ่งมารับซากกลับไปพิสูจน์เมื่อตะกี๊
ส่วนอีกสามผู้กล้าที่เหลือ ดูท่าแล้วไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมง คงได้ล้มตายตามสหายคีย์ไปติดๆ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ผมห่วงที่สุด

แม้ชิจะเป็นคนนิ่ง แต่พอคุ้นเคยกันจะรู้ว่าเนื้อแท้แล้วเป็นคนนิสัยดี ยิ้มง่าย คุยเก่ง แถมยังมีน้ำใจ
ปะเหมาะเคราะห์ดี หลายคนคงอยากตอบแทนความดีของชิกันถ้วนหน้า
งานนี้ หัวดำหัวทองทั้งหลายเลยส่งเหล้าแก้วใหม่ใส่มือให้ชิไม่มีขาด

ผมไม่รู้หรอกว่า เพราะเจ้าตัวเมา หรือปฏิเสธใครไม่เป็น  ถึงได้เล่นกระดกหาย กระดกหายอยู่แบบนั้น
แต่ถึงผมจะสงสาร ไม่อยากให้ชิตะบี้ตะบันกินเหล้าต่างน้ำ ผมกลับเลือกดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆแทน

ขืนเอาตัวเข้าแลก เห็นทีจะได้ไม่คุ้มเสีย...
นอกจากไก่อาจจะตื่นทั้งแผนกแล้ว... ชิวาว่าอาจหลบลี้หนีหน้าไม่ยอมให้เข้าใกล้ตลอดไปเลยก็ได้




ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที จากที่มักจะนั่งหน้านิ่งคอตั้ง ตอนนีชิกลายเป็นนางพญาหน้าคว่ำไปแล้ว
ผมฝ่าวงเหล้าเข้าไปหา ตั้งใจจะพาชิกลับไปส่งบ้าน  แต่ยังไม่ทันไร พี่ธีร์ก็รวบเอาชิเข้าไปกอดไว้แนบอก


“มาพี่ ผมเอง” มือผมเกือบเอื้อมไปถึงแขนคนเมาที่ห้อยต่องแต่ง ถ้าไม่ติดว่า พี่ธีร์แกเอี้ยวตัวหนีหลบไปอีกทาง

พอเห็นผมหน้าเสีย แกเลยยิ้มให้พลางบอกปัด “เฮ๊ย ไม่ต้อง! กูไหว...ชิมันตัวนิดเดียว” พี่ธีร์พูดกลั้วหัวเราะ

“ผมไปส่งเค้าให้ได้นะ พี่จะได้ไปดื่มต่อ...เหลืออีกตั้งสองคนแหน่ะที่ยังไม่คว่ำ เดี๋ยวเสียชื่อพวกเรานะเว่ยพี่”

“มึงรับไม้ต่อทีเผ่า ทางนี้ไม่ต้องห่วง รับรอง...กูพาเค้าไปส่งถึงบ้านแน่”

เห็นท่าร่องแร่งของชิ ผมถึงกับเลิกโยกโย้หยุดกล่อมให้พี่ธีร์เปลี่ยนใจ “ขับรถดีๆนะพี่ เจอกันพรุ่งนี้”

“เออๆ อย่าเมามากล่ะมึง แฮงค์ขึ้นมา ไอ้เคลาส์มันจะด่าพ่อให้”

“หึ หึ...พ่อผมฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องว่ะ”


พี่ธีร์หัวเราะแล้วส่ายหัวให้กับอารมณ์ขันของผม
แล้วแกก็ประคองร่างเหลวๆของชิค่อยๆเดินออกจากร้านไป
ผมได้แต่มองตาม ก่อนจะถอนใจ...

แม้จะรู้ว่าชิอยู่ในมือของคนที่ไว้ใจได้ แต่ก็แอบเสียใจที่ไม่ได้ทำหน้าที่นั้นด้วยตัวเอง

ไม่เป็นไร...ใช่ว่าเขาจะกลายเป็นของคนอื่นไปเสียคืนนี้เมื่อไร 
เอาน่าไอ้เผ่า! พรุ่งนี้อาจเป็นวันของเราก็ได้นะเว่ย


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



เมาค้าง...


แต่เพราะไม่ชอบมาสายเลยลากสังขารมาก่อนไก่โห่ กะว่ามาถึงจะหลับยาวจนเก้าโมง คงพอสดชื่นขึ้นอีกหน่อย
ที่ไหนได้ ตั้งแต่เห็นมาสด้าสามสีแดงจอดอยู่ทั้งที่ยังไม่หกโมงเช้า
ก็ทำเอาผมนั่งเหม่อมองรถ จนปิดเปลือกตาไม่ลงเสียอย่างนั้น


เมื่อคืนจะแผลงฤทธิ์อะไรกับพี่ธีร์หรือเปล่า?
เช้านี้จะตื่นมาทำงานไหวไหม?  
รถอยู่นี่...แล้ววันนี้จะมาทำงานยังไง?


จากที่คิดว่าจะได้นอนผ่อนเมา กลายเป็นต้องมานั่งจับเจ่าเล่นปริศนาอักษรไขว้รอเวลาเข้างาน




แปดโมงสี่สิบห้า ผมก็ค่อยๆเดินเซื่องๆออกจากรถไปรอลิฟท์
หางตาเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆพุ่งไปแถวที่ๆผมเพิ่งจากมา
อยากแน่ใจว่าไม่แฮงค์จนเห็นภาพหลอน เลยย้อนกลับไปแอบดู...แล้วก็เจอของดีเข้าจนได้


แผ่นอกนวลในเงาสลัว ขยับวูบไหวไม่ช้าไม่เร็ว
ลำแขนพอดีตัว เอวสอบไร้ทั้งไขมันและมัดกล้าม... หนักไปทางก้าง หึ หึ

ไม่น่าเลยกู...
รู้งี้ ไม่น่ารีบออกมาจากรถเลยให้ตาย!
เอ๊ย! ไม่ใช่!!  ไม่น่าเสียมารยาทแอบดูคนอื่นเปลี่ยนเสื้ออยู่แบบนี้

อีตอนกวาดสายตาไปมองทางอื่น ผมก็รู้สึกเหมือนจ้องภาพสามมิติจนเห็นสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
ตามลำตัวขาวสว่างที่โดนเงาทาบเป็นส่วนๆนั้น มีจุดสีแดงแต้มอยู่ประปราย...


โตป่านนี้ ไม่ต้องให้ใครมาบอก ผมก็รู้ว่า รอยแดงพวกนั้นมาได้อย่างไร
แต่คำถามที่สงสัย กลับเป็น...


ขัดขืน หรือ เต็มใจ?
อีกฝ่าย...ใช่พี่ธีร์หรือเปล่า?


พอได้ยินเสียงปิดประตูรถ ผมก็รีบย่องกลับมายืนตั้งท่าเหมือนรอลิฟท์...
ก็ดี อย่างน้อยเราก็ได้ขึ้นลิฟท์ไปทำงานพร้อมกันเป็นครั้งแรก


ดีใจ แต่ทำไมยังหน่วงในอก?
ตื่นเต้น หรือว่าอึดอัดกันแน่วะ?


คงเป็นเพราะความรู้สึกข้างในมันตีกันมั่วไปหมด ผมเลยเผลอจ้องอีกฝ่ายไม่วาง
คนก้มหน้ามองพื้นตลอดเวลาคงรับรู้ได้ สุดท้ายเลยเงยหน้าขึ้นจ้องผมกลับ...

ตลอดช่วงสั้นๆที่สายตาเราสบกัน ผมเฝ้าถามเจ้าของนัยตานิ่งเรียบในใจ...


ทำไมถึงเป็นพี่ธีร์?


อีกฝ่ายอาศัยจังหวะลิฟท์มา ละสายตาแล้วหนีเข้าไปหลบข้างใน
ผมรีบเดินตาม ใจน่ะอยากถาม อยากทักทาย...
แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ทำได้แต่มอง แล้วก็ตั้งคำถามในหัวคนเดียวไปเรื่อยเปื่อย


ไม่รู้เหรอว่าพี่แกมีครอบครัวแล้ว?
ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่ก็เป็นฝ่ายเสียหายไม่ใช่เหรอคุณ?
ทำไมถึงได้ยอมนอนกับใครง่ายๆ?
ทำแบบนี้...ไม่ห่วงความรู้สึกคนอื่นหน่อยเหรอ?
.
.
...ก็ผมนี่ไง ไม่ห่วงใจผมหน่อยเหรอ?


มาได้สติ หยุดฟุ้งซ่านเอาอีตอนเห็นรอยขาวเว่อร์ตรงปกเสื้อสีเข้ม...
ทำเอาผมหลุดขำ แม้ไม่ใช่พวกเส้นตื้น
แต่เพราะคิดมาตลอดว่าคนเนี๊ยบผมเรียบกริ๊บอย่างชิ ไม่มีวันตกม้าตายง่ายๆ ด้วยน้ำมือของแป้งที่ผัดหน้าอยู่ทุกวัน
ไม่รู้โกรธกันมาแต่ชาติปางไหน ดวงตาเรียวของเขาจึงจ้องกลับอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ


ยิ่งชิทำปั้นปึ่ง ผมก็ยิ่งขำ
คนอะไร... ไม่พอใจแล้วยิ่งเหมือนชิวาว่าไปกันใหญ่ 
น่ารักหรอกนะครับ ไม่ใช่อะไร


เอาล่ะ ในเมื่อหาเรื่องคุยดีๆไม่ได้...ก็กวนประสาทให้เต็มเหนี่ยวไปเลยแล้วกัน



ตอนนั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือแรงจูงใจ  ผมรู้แต่ว่า ผมทำให้เขาเหลียวมองผมได้สำเร็จ 
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า อีกคนไม่อยากเสวนาด้วยสักเท่าไร
แต่จะให้ปล่อยไปทั้งที่เสื้อยังเปื้อน ถ้าเขามารู้ทีหลัง คงจะยิ่งโกรธผมมากกว่ายอมเสี่ยงปากหมาบอกออกไปเสียอีก


สุดท้ายแล้ว ผลตอบแทนของการทักทายสั้นๆเพียงฝ่ายเดียวของผม คือ
ใบหน้าสุดทนของชิที่เรียกรอยยิ้มผมได้ดีนักหนา
กับปกเสื้อเชิ้ตที่เนี๊ยบราวเสื้อใหม่ ไร้ซึ่งคราบใดๆชวนให้ขัดตาของใครอีกคน


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



วันนี้ผมนั่งเคลียร์รายงานจนเกือบสามทุ่ม
แต่พอสมองและสองมือละจากหน้าคอมได้ไม่เท่าไร
ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลายก็ทำผมไม่อยากกลับไปนอนแซ่วที่คอนโดคนเดียว
ผมเลยถ่อเอาร่างไร้วิญญาณมานั่งหายใจทิ้งอยู่ในห้องพักพนักงานตรงด้านหลังของร้านเหล้า...


ก็ร้านที่ทำให้ใครๆในแผนกผมต่างเมาแอ๋ไม่เป็นท่าเมื่อคืนน่ะแหละครับ


“ไงมึง ทำหน้าเหมือนโดนหมาเยี่ยวใส่มาสดๆร้อนๆเลยนะ  อารมณ์ไหนวะ? หึ หึ หึ”


เสียงกลั้วหัวเราะกวนประสาทแบบนี้ เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะคนในตระกูลผมเท่านั้น  
แน่นอนว่า...ไอ้ร่างหมีที่เพิ่งเดินเข้ามานี่ ย่อมได้รับสืบทอดคุณสมบัติทางพันธุกรรมข้อนี้ไปไม่ต่างกัน
ไอ้เจ...มันเป็นลูกของพี่ชายพ่อผมยังไงล่ะครับ

ไม่ต้องแปลกใจ หากคำพูดคำจาเวลาผมกับมันคุยกัน จะฟังหวานชื่นขื่นขมไปสักหน่อย
เพราะระหว่างผม กับไอ้ลูกพี่ลูกน้องผู้ถือครองบาร์แห่งนี้...สนิทจนไม่รู้จะสนิทกันยังไงแล้วล่ะครับ


“เฮอะ!...  ถ้าแฮปปี้  กูจะนั่งหน้าเหี่ยวให้มึงถามหาลุงทำไมล่ะวะ”

“ห่านี่...ถามดีๆเสือกเล่นถึงพ่อ!...
.
...แล้วมึงเป็นอะไร ไปแดกอะไรผิดสำแดงมา?” ไอ้เจถามผมขณะที่มันก้มๆเงยๆหาของตรงมุมห้อง

“น้ำใต้ศอก” ผมเยาะตัวเอง แต่ดูเหมือนจะไม่สาแก่ใจคนฟัง เพราะไอ้เจซ้ำผมมาอีกดอก

“เออ...ดี! น้ำอื่นมีเยอะแยะ เสือกไม่แดก สมน้ำหน้า...
.
.
...แล้วมึงแดกน้ำใต้ศอกใครล่ะ?” เรื่องเศร้าของผมคงจะไปสะกิดต่อมความสนใจของมันจริงๆ ไอ้เจเลยยอมหันกลับมายืนกอดอกมองผมนิ่งๆ

“ยังไม่ได้แดก แต่โคตรอยากแดก...แล้วแม่งเสือกเป็นน้ำใต้ศอกมือสองอีกตังหากว่ะเจ”

“เล่ามาดีๆไอ้เผ่า  ร้านกูขายเหล้า ไม่ได้ขายวุ้นแปลภาษา” เห็นไอ้เจเริ่มกระดิกตีนอย่างนี้ ผมเลยไม่ลีลา

“คือ กูสนใจคนๆนึง เค้าเพิ่งเข้ามาทำงานที่เดียวกับกูเมื่อสองอาทิตย์ก่อน...
.
...เมื่อคืนที่ยกแผนกมาแดกเหล้าที่นี่  เค้าเมามาก...
...ก่อนเค้ากลับ มีคนอื่นอาสาไปส่งเค้าให้... 
...แต่กูว่า...สุดท้าย ไอ้นั่นแม่งคงไปส่งเค้าถึงเตียงว่ะ”

“คนไปส่งแม่งเป็นใคร? กูเคยเห็นหน้าป่ะ?” ...แหม่ แม่งถามเหมือนรู้ หรือไอ้เจจะมีเซนส์?!

ผมพยักหน้าพร้อมเฉลยชื่อมารหัวใจ “เคย...ก็ไอ้พี่ธีร์ไง”

“ห๊ะ! ไอ้ธีร์ที่มึงพามาแดกเหล้าที่นี่บ่อยๆน่ะเหรอ? ได้ข่าวว่าแต่งงาน มีลูกแล้วไม่ใช่เหรอวะ?”...ตอนผมคิดได้ คงทำหน้าเหวอเหมือนไอ้เจตอนนี้ล่ะมั้งครับ

“ก็เออดิ  กูถึงได้บอกไง...ว่าน้ำใต้ศอกกูน่ะ มือสอง...
.
...เพราะคนที่กูชอบ เสือกไปเล่นชู้กับคนมีปิ่นโตแล้ว”

“มึงแน่ใจได้ไงว่าเค้าสอยกัน?”

“น้อยไปซิเจ...ก็กูเห็นรอยจูบมากับตา...
.
.
...คือ มันอย่างงี้...
...เมื่อเช้ากูแอบเห็นรอยตามตัวคนที่กูสนใจแบบเต็มๆน่ะ”

“ไอ้เผ่า! เดี๋ยวนี้มึงหน้าด้านขนาดย่องไปถ้ำมองหญิงถึงในห้องน้ำแล้วเหรอวะ?”

“สัสเจ! กูไม่ได้หื่นขนาดนั้นว้อยยยย!!...
.
.
...แล้วอีกอย่าง...
...คนที่กูชอบ....รอบนี้น่ะ...
.
...เอ่อ...
...เค้าเป็นผู้ชาย!!” ผมอ้อมแอ้มตอบ แต่ไอ้เหี้ยเจกลับเสือกทำหน้าสาแก่ใจไม่เก็บอาการ แถมยังเดินมานั่งลงข้างๆ ก่อนจะตบบ่าผมแปะๆคล้ายปลอบใจ

“หึ หึ...ยินดีต้อนรับเข้าสู่วงการนะน้องชาย  กูไม่นึกว่ามึงจะเห็นกูเป็นไอดอลขนาดเดินตามรอยเท้ากูเป๊ะๆแบบนี้”

“ด้วยความยินดีครับโผ้มมมม...  ทุ๊ย! มันใช่เวลาไม๊เจ?! ไอ้พี่ห่านี่!!

“หึ! โทษที ถึงไหนแล้วนะ...
.
...เออๆ มึงบอกว่า มึงเห็นรอยตามตัวเค้า...
...แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเค้านอนกับไอ้ธีร์นี่หว่า”

“ตอนแรกกูก็ยังไม่ปักใจหรอก แต่เมื่อเช้า...กูเจอไอ้พี่ธีร์ กูเลยลองถามแม่งเรื่องชิ...
...ชิ คือ คนที่กูเล็งอ่ะ...
.
...ไอ้พี่ธีร์แม่งก็อ้อมแอ้ม ไม่ยอมบอกอะไร ทำท่ากั๊กๆแบบไม่อยากให้กูรู้ ทีเป็นเรื่องคนอื่นนะ แม่งพูดจนลิงยังหลับ...
...พอกูถามว่า สนิทกันไม๊ รู้จักกันมากี่ปี ชิเป็นคนยังไง...แม่งก็เฉไฉเปลี่ยนเรื่อง...
...ก่อนมานี่ กูก็ลองชวนมันมากินเหล้าด้วยกัน  แม่งกลับบอกว่ามาไม่ได้...มีนัด...
...ทั้งที่ร้อยวันพันปี พอรู้ว่า แดกเหล้าฟรี แม่งไม่เคยปฏิเสธ...
...อีกอย่าง  เมื่อคืน...แม่งก็เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับชิ...
.
...ถ้าไม่ใช่มัน...แล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะวะ”

“เออ กูว่าแม่งต้องเป็นอย่างที่มึงบอกแน่แล้วล่ะ...ไอ้ธีร์แม่งต้องคั่วน้องชิของมึงอยู่แน่ๆ”  

“ทำไมอยู่ๆมึงถึงแน่ใจขึ้นมาวะเจ ทุกทีกูนี่ต้องชักแม่น้ำทั้งโลก กว่ามึงจะยอมเชื่ออะไรที่กูเล่าซักอย่าง”

“งั้นมึงตอบกูมาก่อน...
.
...น้องชินี่ ตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าหวานๆดูหยิ่งๆ ผมซอยสั้นสีออกทองๆใช่ป่ะวะ?” ...เอาแล้วไง หรือไอ้เจแม่งไปรู้อะไรมา?!

“มึงถามทำไมวะเจ?” แม้ไม่ได้ตอบ แต่หน้าผมก็เสือกพยักเพยิดรับคำนำไปแล้ว

“ไม่ไงหรอก เมื่อหัวค่ำกูเห็นชิของมึงมากับไอ้ธีร์...ร่ำๆจะโดนไอ้ธีร์สิงอยู่หลายรอบละ...
...กูก็พาซื่อ ไม่ได้ทักแม่งไป เพราะนึกว่าสนิทกันเฉยๆ...
...ไม่คิดเลยว่าไอ้ธีร์แม่งจะเป็นพวกหญิงก็ได้ ชายก็เสียบ...
.
...เนี่ยะ! ก่อนกูเข้ามาเอาของข้างหลังนี่  น้องชิเค้าเพิ่งลุกไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี๊นี้เอง”


ได้ยินอย่างนั้น ก้นผมแม่งก็เหมือนติดสปริงดีดตัวเองออกมาจากเบาะโซฟา ถลาไปถึงประตู
แต่ก่อนจะซอยเท้าวิ่งออกไปข้างนอก ผมกลับนึกอะไรขึ้นได้ เลยกลับไปสั่งความไอ้เจที่ยังนั่งเป็นเบื้ออยู่ที่เดิม


“เจ มึงช่วยให้ไอ้โยเอาม็อกเทลไปเสิร์ฟให้ชิทีดิวะ...ฝากโน้ตนี้ไปด้วยนะ” ผมคว้าเอาที่รองแก้ว กับปากกาแถวๆนั้นมาเขียนข้อความยุกยิก ก่อนยื่นให้ลูกพี่ลูกน้องเจ้าของผับ

“อ้าว! แล้วมึงจะไปไหนวะเผ่า?”

“กูจะไปแหย่หมา!” 

“ระวังหมากัดนะไอ้สัสเผ่า!!


มีหรือที่ผมจะกลัวคำที่ไอ้เจตะโกนเตือนไล่หลังมา...
กะอีแค่คมฟันชิวาว่า จะทำอะไรคนหนังหนาอย่างไอ้เผ่าได้

แค่ได้เห็นหน้าสักนิด กวนตีนสักหน่อย...
ขอให้ได้แอบดูว่ายังอยู่ดี ไม่ได้เมาจนขาดสติไปอีกคืน ผมก็สบายใจหายห่วงแล้ว


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


เฮอะ! ถึงปากผมจะบอกว่าแหย่หมา...
เอาเข้าจริง เมื่อคืน...ผมแม่งไม่น่าหาเรื่องเดินออกไปเล้ยยยย

ถึงจะดีใจที่ได้เห็นหน้าใครบางคน
แต่พอเห็นเขานั่งคุยกับผู้ชายคนอื่น ผมก็อดเซ็งไม่ได้ว่ะ
เซ็งจนดวดเหล้าเมาเป็นหมาติดๆกันมาเป็นคืนที่สอง

เมื่อเมามาก สนธิกำลังกับนอนน้อย
ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาในรูปของการตื่นสายฉิบหายวายวอด
โชคดีที่เมาหลับคาโซฟาหลังร้าน  เลยไม่ต้องใช้เวลานานก็ฝ่าคลื่นรถยนต์มาถึงตึก แถมยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง...
แต่เพราะไม่เคยมาถึงออฟฟิศเอาอีตอนใกล้เริ่มงาน เลยพาลลืมนั่นลืมนี่ไปแบบไม่น่าให้อภัย

ผมเดินหัวเสียออกจากลิฟท์มุ่งหน้ากลับไปที่รถเพื่อไปหยิบมือถือ
แต่กลับต้องเปลี่ยนใจหยุดเดินมันเสียดื้อๆ เมื่อเห็นคนนั่งเปิดเพลงร้องไห้เสียงดังเหมือนบ้าอยู่ในมาสด้าสีแดง...

ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงขำ...
แต่พอเป็นคนนี้ ผมทั้งช้ำ ทั้งห่วงจนต้องรีบเดินกลับเช้าไปในลิฟท์ แล้วกดลงไปชั้นล่างอย่างด่วน
พอถึงชั้นที่ต้องการ ร่างกายผมก็ขยับไปโดยสมองไม่ต้องสั่ง



รู้อีกที ผมก็มายืนทำหน้าโง่ตรงโต๊ะทำงานของใครบางคน ท่ามกลางความสับสนครั้งใหญ่...
มองสิ่งของหลายชิ้นที่อยู่ในมือไป ก็ด่าตัวเองในใจไป...


ทำไมกูถึงไม่คิดให้ดีก่อนว่า อะไรเหมาะจะเป็นของปลอบใจคนเพิ่งเสียน้ำตา?
แล้วนี่ขนซื้ออะไรมา...ปัญญาอ่อนฉิบหาย!!


ทิชชู่ลายหมีพูห์...ดูไม่แหววมาก แถมยังใช้งานได้จริง
แต่เดี๋ยวเขาก็รู้พอดีสิ ว่าไปแอบเห็นเขาร้องไห้มา

ฮานามิ...ข้าวเกรียบรวยเพื่อน
อยากบอกชิว่า ถึงชิจะไม่มีใคร แต่ชิยังมีเรา...
แต่ไอ้ห่าเผ่า มึงไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนกับเขาไม่ใช่เหรอ?

นมตราหมี... เพื่อคนที่คุณรัก
อยากให้นะ...แต่เดี๋ยวคนรับจะไม่ซึ้งถึงสโลแกนของสินค้า

นี่แล้วกัน...กลางๆดี แถมยังช่วยทดแทนน้ำตาที่เพิ่งเสียไปได้ด้วย
ตัดสินใจได้ก็รีบคว้าเอาโพสอิทของโต๊ะข้างๆมาเขียนโน้ตทิ้งท้าย กันไม่ให้อีกฝ่ายส่งต่อของแทนใจไปสู่มือคนอื่น
แล้วก็รีบวิ่งจู๊ดเข้าลิฟท์กลับลงไปเอามือถืออย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก



กลับขึ้นมา ผมต้องข่มใจน่าดู ไม่อยากให้ความแตกตอนแอบชะเง้อมองคนรับของ
พอรู้แน่ว่าอดใจไม่ได้...เลยตัดใจเลี่ยงเข้าออฟฟิศผ่านประตูอีกฝั่ง แล้วดิ่งเข้าแพนทรี่ทำฟอร์มกินกาแฟตามปกติ
แต่กลับต้องพบหน้าคนที่ไม่อยากเจอที่สุดเข้าจนได้

พี่ธีร์นั่งดื่มกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงบาร์เล็กๆในครัวด้วยท่วงท่าสบายๆ
พออีกฝ่ายเห็นผมเดินเข้าครัวมา ก็ยิ้มแล้วทักทายประสาคนคุ้นเคย


“ไงเผ่า...เมื่อคืนไม่ได้ไปถอนเหรอวะ ทำไมหน้ามึงถึงดูไม่ได้งี้ล่ะ?” พี่ธีร์วางมือจากหนังสือพิมพ์ แล้วเงยหน้าขึ้นมองผม


ภาพชิร้องไห้เสียจริตเมื่อเช้า ตัดสลับกับใบหน้าและท่าทางเป็นปกติสุขของพี่ธีร์ ทำความอดทนของผมขาดสะบั้น...
พอกันที กับการเล่นบทรุ่นน้องแสนดี!


“หึ! ใครจะระรื่นได้ตลอดเหมือนพี่ล่ะ”

“อะไรของมึงวะเผ่า?” อีกคนเริ่มขึ้นเสียง แต่ก็ลดเสียงลงทันทีเมื่อเห็นคนอื่นเดินผ่านไปมา


ท่าทางกังวลของพี่ธีร์ทำให้ผมต้องลดเสียงตัวเองลงอัตโนมัติ
ผมไม่ได้อาย...แค่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้น ชิจะเสียใจยิ่งไปกว่านี้ 


“พี่ธีร์....ยุ่งกับชิทำไม?”

“ไม่ใช่เรื่องของมึง!

“พี่มีลูกมีเมียแล้ว พี่ยังจะลากชิเข้าไปเกี่ยวได้ลงคออีกเหรอ? พี่ไม่เห็นใจเค้าหน่อยวะ...เค้าเจ็บได้ ร้องไห้เป็นนะโว้ย!!

“หึ! กูเพิ่งรู้ว่ามึงเองก็มีรสนิยมแบบนี้เหมือนกัน” สายตากับสีหน้าเหี้ยๆของพี่ธีร์ตอนพูดประโยคนี้ ทำผมกำหมัดแน่น

“มันก็เรื่องของผม แต่อย่าให้ผมเห็นพี่ยุ่งกับชิอีกนะ...ผมไม่ไว้หน้าพี่แน่!

ไอ้พี่ธีร์เดาะลิ้น ทำหน้ากวนตีนแบบที่ว่า ถ้าทำใส่ใครตามผับ แม่งต้องได้โดนประเคนส้นตีน ก่อนหาบกลับไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลแหงๆ “ถึงกูไม่ยุ่ง แต่ถ้าเค้ามายุ่งกับกูก่อน มันก็ไม่ต่างอะไรกันอยู่ดี...
.
....ที่มึงวิ่งพล่านไล่เห่ากูเป็นหมาบ้าอย่างนี้ เพราะมึงเองก็รู้ว่า เค้าจะเลือกกู ทั้งๆที่กูมีลูกมีเมียแล้วใช่ไม๊ล่ะ...
...จะแข่งกับกูตอนนี้ กูว่ามึงออกตัวช้าไปหลายปีเลยว่ะเผ่า หึ หึ”  พูดจบแม่งก็เดินเอ้อระเหยออกไปอย่างสบายใจ จนผมต้องร้องสบถกับตัวเองออกมาเบาๆ

“แม่งเอ๊ย!! ทำไมต้องเป็นไอ้เหี้ยนี่ด้วยวะ?!!


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


ผมกำลังรวบรวมความกล้าอยู่ครับ
ดูท่าจะหนักกว่าครั้งไหนๆ เพราะผมใช้เวลาวนโฉบผ่านหน้าห้องประชุมเล็กมาเกือบสิบนาทีได้
ผมไม่ได้ป๊อดครับ แค่ไม่รู้จะออกปากชวนอีกฝ่ายที่นั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ในห้องไปกินข้าวด้วยกันอย่างไรดี
แต่ผมคงช้าไปเหมือนเคย เพราะไอ้คีย์เดินเข้าไปลากแขนคนตัวเล็กให้ลุกตามกันออกมาจากห้องเรียบร้อยแล้ว
พอเห็นผมยืนจังก้าหน้าเอ๋อ ไอ้น้องคีย์เลยร้องทักอย่างร่าเริงตามประสา


“พี่เผ่า ไปกินข้าวกันครับ...วันนี้มีป๋าเลี้ยงทั้งแผนก พวกเพื่อนๆพี่เค้าลงไปรอที่ร้านกันแล้วนะ”

“ไปเหอะ...พี่ง่วงว่ะ ว่าจะแอบไปงีบซะหน่อย
.
.
...กินให้อร่อยแล้วกันนะ” ตอนผมทิ้งท้ายโดยตั้งใจเหลือบมองตาคนตัวเล็กที่จ้องผมนิ่งๆอยู่ข้างหลังไอ้คีย์มาตั้งแต่เดินออกจากห้องประชุม  แก้มขาวๆแดงขึ้นนิดหน่อย.. ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า

“ครับพี่ เดี๋ยวผมกับพี่ชิจะกินเผื่อนะ”  ไอ้คีย์ที่ไม่รู้อะไรก็ลากแขนชิให้เดินตามทันทีเมื่อจบประโยค

ผมได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังบางหายลับไป  แล้วก็เลื่อนสายตาทอดเข้าไปในห้องที่ชิเคยนั่งอยู่
ก่อนจะเหลือบไปเห็นขวดน้ำเมื่อเช้าวางอยู่ข้างๆโน้ตบุ๊ค...ที่แทบไม่เหลือน้ำติดขวด

น่าแปลก...
แค่รู้ว่าอีกฝ่ายรับความหวังดีที่ผมแอบให้
ความอุ่นซ่านในใจช่วยปลิดความรู้สึกร้อนรุ่มก่อนหน้าทิ้งไปเสียสิ้น


ไอ้พี่ธีร์  ถึงเค้าจะเลือกมึง...
...แต่เค้าก็ดื่มน้ำกูล่ะวะ...
.
...สองครั้งแล้วด้วย ถ้านับรวมเมื่อคืน หึ หึ!


ผมยิ้มให้กับความคิดเพ้อเจ้อด้านมืดของตัวเอง ระหว่างเรียกลิฟท์ลงไปเอนหลังที่รถ





งีบไปได้ไม่เท่าไร ผมก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะเสียงรบกวนจากรถคันข้างๆ
แต่ที่ต่างออกไป คราวนี้ไม่ใช่เสียงเพลงกระหึ่มก้อง หรือเสียงร้องหลงคีย์ที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง

มันกลับเป็นเสียงทะเลาะกันของผู้ชายสองคน
คนหนึ่งกำลังต่อรอง...ลูกล่อลูกชนแพรวพราว
อีกคน แม้จะตัดพ้อ ห้ามปราม แต่มองปราดเดียวก็รู้ว่า เอนเอียงไปหาอีกฝ่ายขนาดไหน

ผมข่มใจแอบฟังทุกถ้อยคำของทั้งสองอย่างตั้งใจ
ใช่...ผมอยากรู้เรื่องราว ปูมหลังทั้งหมดของคนทั้งคู่  จะได้รู้ว่าผมควรทำอย่างไรต่อไปดี 

ถึงอย่างนั้น กลับฝืนได้ไม่นานเท่าไร
เพราะแค่เห็นแก้มใสๆโดนหอมจนยู่ไปทั้งแถบ
ผมก็หน้ามืด หาทางเบนความสนใจเพื่อแยกทั้งสองออกจากกันทันที


ผลสรุป...

กับพี่ธีร์ ผมได้ประกาศสงครามกับไอ้สมภารหัวหน้าแผนกอย่างเป็นทางการ
พร้อมๆกับพรากเด็กแก้มเนียนออกจากอก แล้วเกี่ยวก้อยพาลงไปซื้อของกินด้วยกันแบบมึนๆทั้งสองฝ่าย 

ส่วนกับชิวาว่าตัวน้อย...ผมได้คำขอบคุณ กับรอยยิ้มเป็นรางวัล
แม้บ่ายวันนั้น ต่อให้ผมเดินผ่านห้องประชุมเล็กๆเกือบทุกๆครึ่งชั่วโมง อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะปรายตาขึ้นมอง 

เอาวะ...อย่างน้อยเขาก็ยอมพูดดีด้วย
ที่สำคัญ ถ้าเขาอยากจะอี๋อ๋อกันจริงๆ
ชิวาว่าน้อยคงไม่ยอมปลีกตัวมากับผม... เพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่เจ้าตัวไม่ถูกชะตาถึงขั้นเกลียดขี้หน้า เพื่อช่วยเลือกของกินกันตายง่ายๆหรอก  
หึ หึ...สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร


 ‘...นะ อชินะ คืนนี้เราเจอกันที่เดิมนะครับ...


ไม่ต้องชวนหรอกไอ้พี่ธีร์... เพราะคืนนี้ กูไปแน่!!


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



ชิเพิ่งเดินออกจากร้านไอ้เจไปเมื่อกี๊
สาเหตุ คือ ไอ้พี่ธีร์แม่งไม่มา...
เลยไม่เหลือเหตุผลใดๆ เพื่อช่วยรั้งเขาไว้ให้อยู่กับคนนอกสายตาอย่างผม


“ไงมึง ไอ้เผ่า...พอเค้ากลับแล้วเหงาเป็นหมาหงอยเลยนะ”  มาแล้วครับ...เสียงไอ้เจ หัวหน้าฝ่ายกระหน่ำซ้ำเผ่า

“.........” ลำพังแค่แรงจะหายใจยังไม่เหลือ ผมเลยไม่คิดจะต่อปาก

“พี่เจ ผมว่างานนี้พี่เผ่าเราท่าจะไม่ไหวนะครับ” ไอ้โย เด็กร้านผู้ประจำการโดยควบทุกตำแหน่งออกความเห็น

“เออ กูก็ว่างั้นแหละว่ะโย...
.
...เออ มึงช่วยเอาเหล้าสองแก้วนี้ไปเสิร์ฟโต๊ะเจ็ดที  แล้วกูวานไปเช็คห้องน้ำด้วย ครบชั่วโมงแล้ว” ไอ้เจวางแก้วสองใบใส่ถาดให้เด็กหน้าตาเด๋อด๋า แต่นิสัยโคตรประเสริฐ ที่สำคัญ...แม่งทำงานดี และขยันฉิบหาย 

“ได้ครับ...เดี๋ยวผมมานะพี่เผ่า อย่าเพิ่งเมาไปซะก่อนล่ะ” ไอ้โยสั่งห่วงๆ

“ไอ้เผ่า... มึงจริงจังไปป่าววะ?” พอเหลือกันสองคน ไอ้เจก็รั้งแก้วในมือผมเอาไว้ แล้วถามห้วน...ผมรู้ ถามแบบนี้ แปลว่า มันห่วง

“เออ กูเอาจริง แต่เค้าไม่เอากู” ผมแค่นตอบ

“เห็นทีสกุลเราจะถึงคราวสิ้นทายาท” ไอ้เจพูดยิ้มๆ  ดูมันจะชอบใจไม่น้อย ที่สุดท้าย ผมก็ยอมรับเรื่องชิออกมาตรงๆ

“เฮ๊ย ยัง!!....ยังเหลือลูกอาชิดสอง กับ อาชลอีกสาม”

“หึ หึ...ถ้ามันไม่คิดจะเปลี่ยนใจเอาดื้อๆแบบมึงล่ะก็นะ” ฟังคำไอ้เจแล้วก็ได้แต่ภาวนาให้ไอ้เด็กห้าคนนั่น ไม่คิดเดินตามรอยผมกับไอ้เจ ผันตัวเข้าสู่วงการกันไปหมด

“เจ กูถามหน่อยเหอะวะ...มึงรับมือกับสายตาคนอื่นยังไงวะ? มึงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเวลาไปไหนมาไหนกับพี่หยกแล้วโดนมองแปลกๆเลยงะ?” ไอ้เจไม่ทันได้อ้าปาก ก็มีเสียงคุ้นๆของใครคนหนึ่งทักแทรกขึ้นมาก่อน

“พี่เผ่า ผมไม่นึกว่าจะเจอพี่ที่นี่เลยนะเนี่ยะ” พูดจบ ฝ่ามือของคนพูดแตะลงบนบ่าของผมเบาๆ จนผมต้องหันกลับไปมอง

“อ้าว...คีย์ มาไง?” ผมร้องทักพลางยิ้มให้น้องใหม่ที่ทำงาน กับเด็กหนุ่มตัวหนาหน้าตาคมคายอีกคน

ไอ้คีย์รีบแนะนำ “ผมมากินเหล้ากับเพื่อนครับ...พี่เผ่า นี่ไอ้แทนเพื่อนสนิทผมตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย”

“หวัดดีครับพี่” แทนมันยิ้มแล้วไหว้ไปทั่ว ท่าทางจะเป็นเด็กอัธยาศัยดี พอๆกับไอ้คีย์เพื่อนมัน ผมเลยถือโอกาสแนะนำพี่ชายต่างพ่อแม่ให้พวกมันได้ฝากเนื้อฝากตัว

“ดีไอ้น้อง...นี่พี่เจ ลูกพี่ลูกน้องพี่เอง เจ้าของบาร์...มาๆ นั่งเลยๆ” พอผมชวน ไอ้สองคนนี่ก็รับลูกทันที


พอไอ้สองเพื่อนซี้สั่งเครื่องดื่มเรียบร้อย ไอ้เจก็หันมาตอบคำถามที่ผมถามค้างไว้...
ไอ้นี่แม่งก็เกย์เปิดเผย ไม่เคยกลัวหรอกครับว่าใครจะมองมันอย่างไร


เสียงไอ้เจพูดเรียบๆ พลางส่งเบียร์สดสองแก้วให้ไอ้สองคนที่นั่งข้างๆผม “คู่เกย์คู่อื่นเค้าเป็นยังไง กูไม่รู้หรอก...
.
...กูรู้แค่เรื่องของกูกับหยก...
...จริงๆมึงก็รู้ ว่ากูไม่สนใจคนอื่นนอกครอบครัวอยู่แล้ว ถ้าพ่อแม่กู พ่อแม่เค้ายอมรับ ก็เป็นอันจบเรื่อง...
...กูโชคดีที่งานกูอิสระ ไม่ต้องพึ่งพา ไม่ต้องขึ้นกับใคร กูเลยทำทุกอย่างได้ตามใจ...
...แต่สิ่งสำคัญ ก็อย่างที่กูบอกไปนั่นแหละ ถ้าคนที่มึงรักและเป็นห่วงความรู้สึกเค้าโอเค ก็ไม่เหลืออะไรให้ต้องกลัว... 
.
.
...พ่อแม่มึงก็น่าจะรับได้หรอกว่ะ เค้าคงเผื่อใจมาตั้งแต่ครั้งกู ถ้าเค้ามีปัญหา...กูว่าพ่อแม่กูคงช่วยได้”


ผมถึงกับหลุดหัวเราะ เมื่อคิดตามที่ไอ้เจมันว่า
สงสัยผมต้องไปติดต่อลุงกับป้าให้เตรียมตัวเป็นสายด่วนที่ปรึกษาให้พ่อกับแม่ผมเสียแต่เนิ่นๆ
เพราะแม้จะไม่มีหวัง แต่ผมหันหลังให้ชิไม่ทันเสียแล้ว


พอผมจบ ไอ้แทนก็มาเลย “ผมมีคำถามครับพี่เจ... คือ เราจะแน่ใจได้ไงว่า เราเป็นเกย์อ่ะพี่?”

ไอ้เจยิ้มเอ็นดูแขกคนล่าสุดของร้าน “หึ หึ หึ...สำหรับมือใหม่ เอาเรื่องที่ตัดสินได้ง่ายๆเลยแล้วกันว่ะ...
.
.
...เมื่อไหร่ที่มึงหวั่นไหวกับผู้ชาย เห็นผู้ชายแล้วงวงตั้ง... เมื่อนั้นล่ะมึง เตรียมใจได้เลย”

“แต่ผมเคยได้ยินว่า ผู้ชายบางคนแม่งเคยกับผู้ชายมาก่อนแต่งงานนะเว่ยพี่” ไอ้แทนแม่งยังไม่เลิก

“อย่างนั้นเค้าเรียกไบ คือได้หมด แต่เกย์น่ะ จะมีความรู้สึกรัก และต้องการสร้างความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับคนเพศเดียวกันเท่านั้น... อันนี้ใช้ได้กับทั้งผู้ชายกับผู้ชาย และผู้หญิงกับผู้หญิงนั่นแหละ”

พอไอ้เจพูดจบ ไอ้แทนก็ทำท่าคารวะแล้วยกแก้วเบียร์ประหนึ่งจอกเหล้า “ได้โปรดรับข้าน้อยเป็นศิษย์ด้วยเถิดท่านอาจารย์...ข้าน้อยยังด้อยประสบการณ์นัก!


“เฮ๊ยไอ้คีย์! เพื่อนมึงนี่เพ้อเจ้อนะ”  ถึงปากจะว่า แต่ไอ้เจกลับยกแก้วน้ำดื่มของมัน ชนกับแก้วเบียร์ของไอ้แทน...


หึ หึ  นี่มึงมีแผนอะไรในใจหรือเปล่าวะไอ้เจ
หรือจริงๆ มึงอยากเป็นเจ้าของผับเกย์ มากกว่าบาร์เหล้าบ้านๆ


ไอ้คีย์ส่ายหัวกับอาการของเพื่อนมันอย่างระอา “อย่าไปว่ามันเลยพี่...ที่มันบ้าอย่างนี้ เพราะมันเจอมาหนักน่ะครับ...
.
.
...เออ ว่าแต่ พี่เจครับ...ผมอยากรู้ว่า เราจะรู้ได้ไงว่าคนไหนชอบผู้ชายด้วยกันอ่ะพี่...
...สมมติเลยนะ คือ แบบถ้าเราไปเจอคนแปลกหน้าในที่สาธารณะ...
...มันจะมีสัญญาณอะไรที่บอกให้เรารู้ว่า คนๆนั้นก็สนใจเราเหมือนกันอ่ะครับพี่?”

“หึ...นี่บาร์กูเป็นชุมทางเกย์ไปเมื่อไหร่วะ กูว่า กูไม่ได้ตั้งตุ๊กตานายกวัก หรือปักธงสีรุ้งตรงหน้าร้านนี่หว่า”

“เหอะน่าพี่  ถือว่าเอาบุญก็แล้วกันครับ” ไอ้คีย์กับไอ้แทนตั้งตารอฟังคำตอบของไอ้เกย์ตัวพ่อกันใหญ่ ผมเห็นหน้าพวกมันแล้วก็อดตลกไม่ได้... หรือพวกมึงจะมีชะตากรรมเดียวกับกูวะ?

“มันจะมีสัญญาณอะไรบางอย่างแน่ๆล่ะ... อย่างน้อยๆ ก็ต้องแอบมอง อันนี้มึงต้องอาศัยจับสังเกตเอาหน่อยนะ ว่าอีกฝ่ายเค้าแอบมองมึงบ่อยๆหรือเปล่า เรื่องเนียนไม่เนียนนี่ขึ้นกับความสามารถของแต่ละคน แต่ถ้าเจอกันแค่เพียงผ่าน ตามสถานที่ทั่วๆไป..พี่ว่าบอกยากว่ะ”

“อย่าบอกนะ ว่าพวกมึงทั้งหมดที่นั่งกันหน้าสลอนนี่...มีคดีติดตัวกันมาหมด” ไอ้เจชี้หน้าพวกผมเรียงตัว ลามไปถึงไอ้โยที่เดินงงๆกลับมาสมทบ


ผมหันมองหน้าไอ้สองตัวที่นั่งข้างๆ สลับกับหน้าขำๆของไอ้เจ และหน้าเอ๋อๆของไอ้โย
พอเห็นสายตาเลิ่กลั่กของทั้งไอ้คีย์ ไอ้แทน ผมเลยเผลอยิ้มกว้างออกมา แล้วยกแก้วในมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคน พร้อมใจกันกระดกหมดแก้ว หลังจากเสียงเชิญชวน


“เอ้า โชนนนนน!!


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


เช้าวันนี้ ผมเดินเข้าออฟฟิศมาก็เจอไอ้คีย์ยืนทำหน้าไม่ถูก คล้ายกับต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
แต่ที่พึ่งหนึ่งเดียวของมันในเวลานี้ กลับทำหน้าเหมือนเพิ่งโดนถล่มบ้าน

ผมรีบวางของลงบนโต๊ะ แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาทั้งคีย์และชิ
พอเห็นผม ไอ้คีย์ทำหน้าดีใจเหมือนเห็นหน้าลูกคนแรกเพิ่งถูกแหวกออกจากท้องเมีย
มันแล้วพูดรัวเร็ว บอกเรื่องลูกของพี่ธีร์ ตามที่เมียแกโทรมาฝากเรื่องเอาไว้

อย่างนี้นี่เอง... ชิวาว่าน้อยของผมเลยยืนอึ้งแดก
ผมเลยถือวิสาสะกดโทรออกหาต้นตอของเรื่องยุ่งทั้งหมดด้วยตัวเอง
เอาวะ...ถ้าจะต้องลองปีนเกลียวรุ่นพี่ ก็ต้องวัดกันงานนี้แหละ



“พี่ธีร์...เผ่าเองครับ”

(ว่าไงเผ่า มีอะไรเหรอ?)

“พี่แก้มโทรมาให้ฝากบอกพี่ว่า น้องธีคแอดมิทเพราะอาการไม่ดีขึ้น พี่แก้มอยากให้พี่รีบตามไปโรงบาลน่ะครับ”

(อืมๆ ได้ๆ งั้นฝากบอกทีมด้วยนะว่า วันนี้พี่ทำงานอยู่ข้างนอก มีอะไรโทรเข้าเครื่องพี่ได้ตลอด)

“อ้อ พี่ธีร์ครับ วันนี้ผมจะพาชิไปแนะนำตัวกับลูกค้าสองเจ้านะครับ เสร็จแล้วผมกับชิคงไม่กลับเข้าออฟฟิศแล้ว”

(ไอ้เผ่า!)


ไอ้พี่ธีร์แม่งขึ้นเสียง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไม่พอใจ...
แน่ล่ะ ก็ผมจงใจทำเกินหน้าที่
แต่จะให้ปล่อยชิทิ้งไว้ในสภาพนี้ สู้ยื่นหน้าเข้ามาทำงานแทนพี่ธีร์จะดีกว่า


ผมตอบไร้อารมณ์ “พี่ไปทำธุระของพี่เถอะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้...อย่าลืมส่งเมลแจ้งทีมเรื่องวันนี้แล้วกันนะครับ”  ผมไม่รอฟังเสียงด่าของอีกฝ่าย กดวางสายแม่งทั้งอย่างนั้น


ไอ้คีย์ไหว้ผมปลกๆ แล้วก็เดินกลับไปนั่งกินกาแฟที่โต๊ะ
ผมโทรไปสั่งความกับแอดมินแผนกเรื่องพี่ธีร์ กำชับให้ส่งอีเมลแจ้งผู้เกี่ยวข้อง
เมื่อเสร็จขั้นตอนทั้งหมด ผมก็คว้าข้าวของที่กองอยู่บนโต๊ะชิ โต๊ะตัวเอง แล้วลากข้อมือบางให้เดินตามออกไปด้วยกัน




ประชุมย่อยกับลูกค้าทั้งสองรายเป็นไปอย่างราบรื่น
แม้ชิจะนั่งเป็นไม้ประดับอยู่ในห้องประชุม แต่ก็ยังควบคุมตัวเองให้อยู่กับร่องกับรอยได้อย่างน่าชื่นชม

เมื่องานเสร็จ ผมก็ขับรถพาคนเลื่อนลอยมาที่ร้านของไอ้เจ
หวังจะให้ร่างบางได้สงบสติอารมณ์
บอกตรงๆ ผมทำใจไม่ได้ หากจะต้องปล่อยชิให้อยู่คนเดียวในเวลานี้


และแล้ว...ชิก็ยอมปริปาก
สุดท้ายผมก็ได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวทำหน้าเหมือนจะตายให้ได้มาตลอดวัน
เขารับไม่ได้เรื่องลูกพี่ธีร์ เรื่องอีกฝ่ายปิดบัง  แต่ก็ยังไม่อาจเด็ดขาดกับการตัดสินใจ

ผมพยายามหว่านล้อม
พยายามยัดเยียดความต้องการของผมให้กับชิ
และสุดท้าย...ผมพยายามทำให้เขารู้ว่า เขายังมีผม ที่พร้อมจะรอเขาอยู่เสมอ 
แม้ปากจะบอกไปว่า ผมจะรอเขาถึงแค่สิ้นสุดคืนนี้ก็ตาม...


...แต่มีหรือที่คนที่ทุ่มหมดหน้าตักอย่างไอ้เผ่าจะตัดใจง่ายๆ


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


“เอาละครับ ในฐานะสมาชิกใหม่ประจำสำนักรุกโฉดใฉไร้ประสบการณ์...กระผม น้องแทน แม่นทะลวงขอเชิญชวนให้ศิษย์ร่วมสำนักทุกท่าน ชนจอกน้ำจัณฑ์กันเถิดเอย”

“เดี๋ยวไอ้แทน...เรื่องของมึงไปถึงไหนแล้ว?” ผมถามทั้งๆที่สองตายังคอยมองไปที่ประตูร้านเกือบจะตลอดเวลา

“ก็เนี่ยะ ที่ต้องลากไอ้คีย์มาด้วยกันวันนี้ ก็เพราะอยากจะมาถามความเห็นท่านอาจารย์กับศิษย์พี่ร่วมสำนักนี่ล่ะครับ”

“คืออย่างนี้ครับพี่เผ่า... ไอ้แทนน่ะ มันไม่รู้ว่า ที่น้องมันละเมอมานอนที่ห้องทุกคืน ทุกคืนน่ะ...
.
...ละเมอจริง หรือละเมอล่อไอ้เข้แทนกันแน่” ไอ้คีย์ตอบแทนเพื่อนที่เอาแต่ซดน้ำจัณฑ์ยี่ห้อสิงห์ง่วนอยู่

“แต่เรื่องผมกับน้อง ก็ไม่น่าเวียนหัวเท่าเรื่องของพี่เผ่าหรอกมั้ง...
.
...นี่ขนาดศิษย์ร่วมสำนักนั่งกันพร้อมหน้าแบบนี้...
...ศิษย์พี่ยังจะหันไปมองอยู่แต่ปากทวารไม่มีวางตา” ไอ้แทนแซวผมตั้งแต่รู้เรื่องทั้งหมด

“กูขอให้มึงเป็นเกย์เก้อ ขอให้น้องมึงละเมอจริงๆ...ทีนี้ล่ะมึง เหี่ยวถาวรแหงๆ”

“ถ้างั้น ผมก็ขอให้พี่เค้าไม่มาทีเท๊อะ ผมจะได้มีพี่ที่เหี่ยวไปพร้อมๆกัน”

ก่อนผมกับไอ้แทนจะลับฝีปากกันไปถึงไหนๆ ไอ้โยก็ขอเวลานอก “เดี๋ยวก่อนครับ ขอผมแทรกนิดนึงนะครับ...
.
...พี่เผ่าครับ เมื่อกี๊มีแขกท่านนึงฝากของมาให้ครับ”


ผมแปลกใจนิดหน่อย เพราะไม่คิดว่าจะมีคนแอบส่งของให้ผมด้วย
แต่เมื่อเห็นของสิ่งนั้นในมือ ผมก็ถึงกับกระชากแขนไอ้โยมาเขย่าพลางคาดคั้น


“โย...เค้าอยู่ไหน?”

“เค้า...ใครครับพี่เผ่า?” ผมไม่นึกว่าไอ้น้องคนนี้มันจะซื่อถึงขั้นเซ่อ  เรื่องที่มันจะกวนตีนผมนี่...ไม่มีทางอยู่แล้ว ถ้าเป็นไอ้เจยังพอทำเนา

“ก็คนที่ฝากพวงกุญแจนี้มาให้พี่ไง เร็ว! บอกมาเดี๋ยวนี้!!

“เค้าไปแล้วครับ” ไอ้โยตอบผมไป ก็ยืนเกาหัวไป

“โว้ยยย! แล้วทำไมมึงไม่รั้งเค้าไว้วะ?” ไอ้เจเห็นผมชักจะขึ้นเสียง เลยแตะมือลงตรงไหล่ผมเบาๆเพื่อปราม

“ผมก็ถามเค้าแล้วนะครับ ว่าไม่รอเจอหน้าพี่เผ่าก่อนเหรอ แต่เค้าบอกว่า วันนี้เพื่อนพี่เผ่าเยอะ...ไม่รบกวนจะดีกว่า” ไอ้โยไม่ได้มีทีท่าหวาดกลัว กลับจะดูขำผมเสียด้วยซ้ำ

“เฮ๊ยยยยยย! ได้ไงอ่ะ...
.
.
...เจ กูจะทำไงดีอ่ะ เค้ามา...แล้วก็ไปแล้วอ่ะ” ผมถึงกับไปไม่เป็นจนต้องหันไปหาตัวช่วย  แต่ไอ้โยก็ไม่ได้ปล่อยให้ผมล้มตายไปตรงหน้า เพราะมันพูดปาดหน้าไอ้เจพร้อมกับยื่นบางอย่างมาให้

“พี่เผ่าอย่าเพิ่งตกใจไปครับ...แขกคนนั้นเค้าฝากนี่มาให้พี่ด้วย”

ไอ้เจเห็นของในมือผมก็แซวใหญ่ “หึ! สงสัยเค้าจะรู้ล่วงหน้าว่า มึงจะสติแตก... ใช้ได้นะคนนี้”


ผมก้มลงมองของที่เจ้าตัวฝากเอาไว้ให้ดูต่างหน้าอีกชิ้นแล้วต้องเผยยิ้ม...
ยิ้มกว้างอย่างที่ไม่ได้ทำบ่อยๆ
ยิ้มจนปวดไปทั้งแก้ม
ยิ้มไปก็กวาดรวบข้าวของต่างๆของตัวเองไป แล้วบอกลาสหายร่วมอุดมการณ์แทบจะทันที


“เจ ไอ้คีย์ ไอ้แทน ไอ้โย...กูไปก่อนนะ 
ขอให้พวกมึงโชคดี ได้ทำหน้าที่สามีกันเร็วๆนะไอ้น้อง!!


พูดจบผมก็ห้อออกจากร้านพุ่งตรงเข้าไปในรถ ติดเครื่อง แล้วออกตัวทันที... ผมเร่งเครื่องทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจุดหมายคือที่ใด..
รู้แค่อย่างเดียวว่า  ห่วงของผมในตอนนี้... คงจะมีความหมายถึงสิ่งที่คล้องอะไรเอาไว้ด้วยกัน
หาใช่ความกังวลเกี่ยวกับชิอีกต่อไปแล้วล่ะครับ

คิดแล้วก็เหลือบมองของอีกชิ้นที่ชิวาว่าของผมฝากเอาไว้ให้อีกครั้ง...

...นามบัตรที่มีชื่อ และเบอร์ติดต่อเจ้าตัวนั้น...
...ตรงด้านหลัง มีข้อความสั้นๆที่อ่านแล้วก็ทำให้ยิ้มได้อยู่ร่ำไป  


”พวงกุญแจของผมว่าง แต่ยังหากุญแจใหม่ไม่ได้...
อยากได้ที่ปรึกษาเรื่องกุญแจดีๆ ที่จะไม่ทำให้เสียใจ
...คุณทรงเผ่าพอจะมีคำแนะนำบ้างไหมครับ?”



๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑



ขอบคุณเนื้อเพลง:


ที่มา: http://lyrics.cm



ตอนที่สองมาแล้วค่ะ ^^
อยากจะบอกเหลือเกิน ว่าตอนนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสั้นทั้งแปด
(จริงๆ เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ เป็นเรื่องที่คิดจะเขียนก่อนหน้า
แต่ไม่สามารถพัฒนาเป็นเรื่องยาวได้...
ปะเหมาะเลยเอามาเขียนร้อยกันเป็นเรื่องสั้นยาวๆก็คราวนี้แหละ)
ความตั้งใจคืออยากจะเขียนเรื่องราวความรัก ในช่วงเวลาต่างๆ
ทั้งขึ้น ทั้งลง ทั้งสุข ทั้งทุกข์ แน่ใจ หวั่นใจ...และอีกๆหลายอารมณ์ ที่รักนำพามาสู่หัวใจ
อยากให้อ่าน แล้วรู้สึกอุ่นไปตามตัวละครทั้งหมดนะคะ
เจอกันอาทิตย์หน้าค่ะ  ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ค่ะ ^^


๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑๔๑


No comments:

Post a Comment