Friday, September 19, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 5: ก้างขวางคอ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



         จริงได้อีก   5. แม้ไม่เคยเจอหน้า แต่รู้ว่าชะตาไม่ต้อง (กัน)


...นี่ผมต้องบ้าไปแล้วชัวร์ๆ...
...ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่มาทำซากอ้อยอะไรอยู่หน้าออฟฟิศสำนักพิมพ์คนรักกล้วยตอนบ่ายๆทั้งที่ผมว่างอย่างนี้หรอกว่ะ...
...มันต้องเป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์เช้าวันนี้แน่ๆ ถึงทำให้ผมพาตัวเองออกมาเดินแกร่วถึงที่นี่...


หลังจากคุยรายละเอียดการแต่งบ้านกับหัวหน้าช่างเสร็จ ผมก็รีบถลาข้ามถนนหน้าบ้านเข้าไปในศาลพระภูมิหลังที่ 21 ทันที...เพราะที่นี่กลายเป็นสถานที่ซ่องสุมกำลังชั่วคราวของผมระหว่างยังย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ไม่ได้    ถึงภายในบ้านจะตกแต่งได้ขัดใจผมไม่น้อย แต่การต้อนรับอันอบอุ่นจากเจ้าของบ้านทุกคน กลับทำให้การตัดสินใจเข้ามาสิงสู่อยู่ในบ้านที่มีแต่ลายดอกไปเสียทุกซอกทุกมุมกลายเป็นเรื่องไม่โหดร้ายจนเกินไปนัก

แม้จะไม่พอใจที่ไม่ได้เก็บค่าปรับเมื่อเช้าตรู่ แต่ผมต้องขอบคุณการบุกเข้าห้องของคะนิ้งน้องสาวขนุนมากๆ เพราะนอกจากผมจะได้เจอหน้าสมาชิกทุกคนในบ้านอย่างครบถ้วนแล้ว มันยังทำให้ขนุนเหวอถึงขั้นหยุดใช้ภาษาเทพตลอดเวลาก่อนผมจะออกจากบ้านขนุนมาเลยทีเดียว บทสนทนาระหว่างการกินโจ๊กของเราสองคนจึงเป็นเรื่องเป็นราวและลื่นไหลกว่าเมื่อวานมากอยู่

ผมได้รู้อะไรเพิ่มเติมหลายอย่างเกี่ยวกับครอบครัวแปลกๆครอบครัวนี้ รวมทั้งเรื่องของขนุน...

...เรื่องแรกที่จะลืมไปไม่ได้เลย...คือ... ผมได้รู้ชื่อของคนประหลาด ที่ไว้ตัวจนหยดสุดท้าย...นี่ถ้าไม่มาโป๊ะแตกเพราะน้องสาวเปิดประตูเข้าห้อง ผมคงไม่มีวันรู้ว่า ชื่อเล่นจะทำให้ใครคนหนึ่งกลายเป็นคนน่ารักขึ้นมาได้อย่างน่าตกใจ...
.
.
...ขนุน ชื่อเล่นแม่งโคตรน่าเอ็นดูเลยว่ะ คนอะไรก็ไม่รู้ หึ หึ...

...บ้านนี้มีกันอยู่สามคน...สามโสด พี่สาวคนโตชื่อคะน้า ทำงานเป็นแอร์ให้กับสายการบินแขกซึ่งเปิดกว้างและไม่คิดติดใจความห้าวหาญชาญสมรของแอร์สาวคนนี้เท่าไร ตั้งแต่เล็กๆ พี่คะน้าทำตัวห้าวเป้งไล่ต่อยตีเด็กผู้ชายแถวบ้านจนได้กลายเป็นหัวโจกคุมซอย และมีลูกน้องติดสอยห้อยตามเป็นพรวน จนน้องคนเล็กเรียกติดปากว่าเฮีย...

...ขนุนเป็นลูกคนที่สอง ทำงานเป็นนักเขียนอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ อ่อนกว่าพี่คะน้าสองปี...ซึ่งก็หมายความว่าขนุนเป็นพี่ผมสามปี แต่ถ้าไม่บอกแล้วให้เดาจากหน้า...ผมว่าผมต้องเดาอายุขนุนอ่อนกว่านี้แน่ๆ...

...ปิดท้ายด้วยลูกหลงคนสุดท้องเกิดหลังขนุนถึงเจ็ดปี และนั่นคือสมาชิกคนที่สามของบ้านผู้มีชื่อเล่นว่าคะนิ้ง  ในพี่น้องสามคน คะนิ้งถือเป็นเด็กหัวดีที่สุด ตอนเล็กๆก็เข้าเรียนเร็ว และจบมหาลัยก่อนกำหนด เลยลงเรียนต่อด้านการออกแบบเสื้อผ้าและทุกๆสิ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับความสวยความงามอยู่ที่สถาบันแห่งหนึ่ง เพราะเจ้าตัวหวังจะหากินด้านนี้ไปตลอดชีวิต

น้องหัวม่วงมีนิสัยร่าเริง... สำหรับผม ผมว่าร่าเริงสัด เหมือนคนที่กินขนมผสมยาบ้าเป็นอาหารว่างอะไรเทือกนั้น  นิสัยอีกอย่างของไอ้เด็กคนนี้ คือ มักจะคอยเอาใจใส่กับเรื่องความรักของพี่ๆมากเป็นพิเศษ... และผมมั่นใจว่า คะนิ้งต้องลุ้นให้พี่คนโตหาพี่สะใภ้ และพี่คนรองหาพี่เขยเข้าบ้านแน่เลยว่ะ...

...คะนิ้ง คือต้นเหตุที่ทำให้เกิดสีทองซีดตรงปลายผมขนุน หลังจากเจ้าตัวร้อนวิชาการทำสีที่เพิ่งเรียนมาหมาดๆ และหลังจากเฮียคะน้าเฉดหัวส่งคะนิ้งออกจากห้องด้วยฝ่าเท้าเพราะทนฟังการรบเร้าขอให้ลองเป็นนางแบบเปลี่ยนสีผมไม่ไหว...งานเลยมางอกที่หัวขนุนแทน และนี่คือเรื่องที่สอง...

...เรื่องที่สาม เวลาไม่คุยภาษาเทพ ขนุนพูดจาเป็นผู้เป็นคน... ไม่สิ ต้องบอกว่า พูดจาฉลาด น่าคุยด้วยสุดๆ แถมถามอะไรก็ตอบหมด เว้นแต่เรื่องที่ไม่อยากตอบเท่านั้นซึ่งข้อนี้ผมก็เป็น จึงถือได้ว่า ขนุนเป็นคนประเภทที่ผมชอบคุยด้วยมาก...

...เรื่องที่สี่ ขนุนน่ารักสัดๆว่ะ มือนิ่ม ตัวหอม ปากแด๊งแดง เสียงก็งุ้งงิ้งๆฟังแล้วเจริญรูหูดีจริงๆ และหน้าตาเวลามองไม่เห็นแม่งก็โคตรเป็นภาระกับหัวใจเหลือเกินว่ะ...

...เมื่อเช้าตอนชวนขนุนออกไปกินข้าวที่ตลาด ผมลากขนุนออกไปกินข้าวโดยจงใจไม่ให้เจ้าตัวได้ทันหยิบแว่นที่วางอยู่บนโต๊ะติดมือมาด้วย ในฐานะเพื่อนบ้านที่ดี ผมเลยรับอาสาเดินจับมือขนุนเอาไว้ตลอด... และยังคอยเป็นธุระพาขนุนเดินอ้อมหลบไปทางไกลหน่อย เพื่อไม่ให้ขนุนต้องเบียดกับผู้คนมากมายระหว่างมองไม่เห็น 

นี่ถ้าขนุนกินข้าวเองไม่ได้ ผมคงต้องรับผิดชอบป้อนข้าวป้อนน้ำเพื่อแสดงออกถึงการสำนึกในความผิดของการกระทำอันเลินเล่อ(ด้วยความตั้งใจ)ของตัวเอง จนทำให้ขนุนต้องลำบากอยู่ตลอดทั้งเช้าอย่างมีความสุขแหงๆ  คิดแล้วก็เสียดายว่ะ...คราวหน้าต้องหาทางทำให้ขนุนใช้มือไม่ได้ด้วยดีกว่า...

...ระหว่างกินข้าว ผมคอยแอบมองขนุนอยู่ตลอด ทำให้ยิ่งเห็นหลักฐานสนับสนุนว่าคนๆนี้น่ารักขนาดไหน...
...ปากขนุนแม่งแดงเด้งสู้ตาชะมัด แถมหน้าตาเวลาคุยตอนที่ไม่ใส่แว่นแม่งโคตรโมเอ้ ส่วนรอยยิ้ม...ไม่ต้องพูดถึงเลย อันนั้น สวรรค์ทางตาชัดๆ คนอะไรจะยิ้มได้ชวนมองมากเท่านี้อีกวะ ผมแม่งอยากจะหาเรื่องทำให้ขนุนยิ้มให้ดูทั้งวัน...ฟินสัดอ่ะ บอกตรงๆ...
...แล้วเวลาหัวเราะหรือพูดถึงเรื่องอะไรที่ชอบนะ แม่งชอบหลุดทำเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนตัวการ์ตูนออกมาบ่อยๆ... ผมฟังแล้วละลายพ่ายแพ้อย่างที่สุด...ฮึ๊ยยยย น่ารักสวดยวดไปเลยลวกเพี่ยะ!!



ผมคงเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูกระจกอยู่เป็นนานสองนาน จนเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ถึงกับต้องเดินออกมาเชิญผมให้เข้าไปให้นั่งรอตรงเก้าอี้รับรองแขกด้านหน้า ขณะผมกำลังผลักประตูกระจกบานหนึ่งเพื่อเดินเข้าไปด้านใน อยู่ๆไอ้หน้าวอกที่ไหนก็ไม่รู้เสือกวิ่งตัดหน้าเข้าประตูที่ผมเปิดอ้าเอาไว้ โดยไม่ลืมกระแทกไหล่ผมจนหน้าคะมำ

...หลังจากที่ชน...มันก็วิ่งหนีหายเข้าข้างในไปตามระเบียบ...

...ไอ้สัด..เห็นแก่ตัวไปรึเปล่าครับมึง... มึงจะรีบไปไหว้เหล่าม่า เหล่าก๋งที่ไหนกันวะ ถึงได้ทำตัวได้เหี้ยน่าเชิดชูแบบนี้...
...ประตูแม่งก็มีตั้งสองบาน ทำไมไม่เปิดอีกฝั่งนึงวะ...
...หรือถ้ามึงรีบนัก...ทำไมไม่วิ่งทะลุกระจกให้เลือดโชกเข้าไปเลยวะ สาดดด...

เพื่อให้สมกับฝ่ายผู้เสียหายที่ดี ผมเลยพยายามจดจำตำหนิทั้งหมดของไอ้เหี้ยนั่นจากสิ่งที่พอมองเห็นทางข้างหลัง แล้วรีบเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าว่ามันผู้นั้นเป็นใคร...ถ้าเป็นไปได้ ผมจะสาวให้ถึงเลขทะเบียน สี และยี่ห้อรถของแม่งเลย... เอาวะ ถ้าวันนี้กูเอาคืนมึงไม่ได้ เตรียมร้องไห้ปี้เพราะต้องทำสีรถใหม่ได้เลย

แต่วันนี้ผมคงทำบาปไม่ขึ้น เพราะช่วงจังหวะที่ไอ้คนไร้สามัญสำนึกคนนั้นมันวิ่งเข้ามา ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนนั่งอยู่ข้างหน้าพอดี ผมเลยจำใจกลับไปนั่งสงบอารมณ์อยู่ตรงเก้าอี้นั่นเอง นั่งก้นยังไม่ทันร้อน ผมก็ได้ยินเสียงเบาๆคุ้นๆของขนุนลอยออกมา... คนที่ผมมารอเจอหน้ากำลังออกมาแล้ว!!

ขนุนเดินออกมาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งคู่มาหยุดคุยกระหนุงกระหนิงกันอยู่ไม่ไกลจากตรงที่ผมนั่งเท่าไรนัก พอสำรวจเพื่อนร่วมงานของขนุนเพียงคร่าวๆอย่างไกลๆ ผมต้องยอมรับว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นดูดีพอใช้ทีเดียว ตัวมันสูงๆ ผิวเข้มๆ หุ่นหนาพอๆกับผม  แต่โชคไม่ดีเท่าไร ที่หน้าตาไม่เอาอ่าว


...หางตาขวาผมเริ่มกระตุกทันทีเมื่อได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน...
...ฟังจากน้ำเสียงและคำพูดของไอ้หมอนั่น...ดูท่าแล้ว มันน่าจะสนอกสนใจขนุนอยู่ไม่น้อย ไม่งั้นไม่ทำเสียงอ่อนเสียงหวานตลอดเวลาจนน่ากระโดดขาคู่ใส่อย่างนี้หรอก...
...ทำไมขนุนถึงยอมคุยกับไอ้หมอนั่นด้วยภาษาปกติด้วยวะ?....หรือว่าสนิทกัน??...มันเป็นเพื่อน เป็นพี่ หรือ เป็นคนที่เข้ามาตีสนิทเพราะคิดไม่ซื่อ?!!!


“พี่เกี๊ยวไม่เห็นต้องรีบกลับเข้ามาเลยครับ ผมเข้ามาคุยงานกับพี่เมี่ยงนิดเดียว แล้วงานที่พี่เมี่ยงให้พี่เกี๊ยวออกไปทำ เสร็จแล้วหรอครับ ถึงได้กลับเข้ามาได้เร็วขนาดนี้?”

“ฮื่อ เสร็จแล้วสิ ไม่งั้นพี่ไม่ได้กลับเข้ามาทันเจอหน้าขนุนหรอก” โหหหห...โคตรพ่อโคตรแม่เลี่ยน ฟังแล้วอยากจะอ้วก หูผมแม่งก็ทนฟังอะไรอย่างนี้ไม่ค่อยได้เสียด้วยสิ สงสัยต้องเข้าไปขัดความสุขไอ้พี่เจี๊ยวอะไรนี่สักหน่อย

“อ้าว น็อต มาได้ยังไง?” ผมยืดอกผึ่งผายเพื่อให้รับกับการทักทายด้วยภาษาปกติของขนุน ที่มันพิเศษไปกันใหญ่ เพราะผมได้รับการเรียกด้วยชื่อเล่นแบบไร้คำว่าคุณนำหน้า... ผมว่าไอ้พี่เจี๊ยวแม่งน่าจะเริ่มสะกิดใจว่าผมไม่ใช่คนอื่นคนไกลของขนุนแล้วล่ะ เพราะหน้าแม่งตึงไม่กระดิกอย่างกับไปฉีดโบท็อกซ์มา  หึ หึ...ให้มันรู้เสียบ้าง ว่าใครเป็นใครนะครับคุณพี่เจี๊ยว

“ก็น็อตบอกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วไงฮะ ว่าตอนบ่ายน็อตว่าง นิ้งเลยให้น็อตมารับเพราะเห็นว่าตอนออกมา ไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอ?”  ไหน...ใครบอกว่าคุณพี่เจี๊ยวทำเสียงอ้อนตีนได้ดีเด่นเป็นอยู่คนเดียวกันขะรับ... กระผมนี่ก็สันทัดด้านนี้อยู่ไม่น้อยนะขะรับ

ขนุนตอบรับผมทันที “อื้มมม”...ยกแรกนี้กูชนะว่ะไอ้พี่เจี๊ยว หึ หึ !!!!!
.
.
...เอ่อ...พี่เกี๊ยว ผมไปก่อนนะครับ ถ้าพี่เกี๊ยวมีอะไร โทรหาผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ” ในเมื่อขนุนออกปากไล่อย่างนี้แล้ว...คุณพี่เจี๊ยวควรจะรู้ตัวได้แล้วนะขะรับ ว่ากระผมกับคุณพี่...เราอยู่ในฐานะที่แตกต่างกัน...

...พี่อาจจะได้เจอขนุนที่นี่ แต่กระผมคือคนเดียวที่ทางบ้านขนุนไว้ใจ ยอมให้มารับกลับบ้านด้วยเลยนะขะรับ แถมเมื่อเช้า เฮียห้าวกับน้องหัวม่วงเพิ่งจะยัดเยียดตำแหน่งเขยของบ้านให้ผมอยู่เลย... เพราะฉะนั้น มึงช่วยไสหน้าของผู้แพ้กลับไปให้ไกลๆทีเถอะขะรับ กระผมไม่อยากจะนับญาติด้วย

“อืม... พี่โทรแน่ ไม่ต้องห่วงหรอก ก็เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะนี่ครับ...
.
.
.
...เนอะ ขนุน เนอะ...หึ หึ”  ไอ้พี่เจี๊ยวส่งสายตาท้าทายอำนาจฝ่าเท้ามาให้ผม ก่อนหันกลับไปส่งยิ้มให้ขนุนหลังจากลูกหยอดเมื่อครู่... สัด!!! จัดกับกูข้างนอกเดี๋ยวนี้เลยดีไหมครับ กวนตีนนักนะมึงนี่!!

ผมหันไปหาขนุน คว้าข้อมือบางที่ผมเริ่มคุ้นสัมผัสเอาไว้ ไกวเบาๆแล้วเอ่ยอย่างดัดจริตติดท็อปทรี  “ไปกันเถอะฮะ  เดี๋ยวน็อตพาไปกินข้าวเย็นร้านนึง อร่อยมากเลยนะ... แต่ต้องแลกกับการไปเดินซื้อของแต่งบ้านด้วยกันนะฮะ”  ผมส่งรอยยิ้มมารแสยะไปให้ไอ้พี่เจี๊ยว เพื่อตอบรับคำท้าของแม่งโดยไม่คิดอ่อนข้อให้...

...มึงเห็นไหมอะไรไหวๆนี่ไหมครับไอ้พี่เจี๊ยว...
...อะไรเอ่ย กำลังโบกไปมาอยู่ในมือกูนี่...
...มึงดูเสียให้เต็มตานะเอ่ย...
...มันคือมืออันแสนนุ่มนิ่มของขนุนยังไงล่ะเอ่ย...
...แถมมากกว่านี้กูก็ทำมาแล้วล่ะเอ่ย...
...หึ หึ หึ อิจฉาใช่ไหมเอ่ย แต่กูไม่ให้เว้ยยยยย!!!...

“เอาสิ” ขนุนหันมาตอบตกลงทันที ...ทีเคโอกันไปเลยครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า สะใจสาดดดดด!!!
(หมายเหตุ: ชนะน็อกโดยเทคนิค [อังกฤษ: Technical Knockout ย่อว่า T.K.O.] หมายถึง การชนะน็อกด้วยเท็คนิค หรือกติกา เช่น กรรมการยุติการชก นักมวยหรือทีมงานของนักมวยขอยอมแพ้ หรือ แพทย์เห็นว่าไม่สมควรชกต่อไป อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือมีแผลแตกอย่างรุนแรง เป็นต้น)

“งั้นพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่โทรหานะครับ” ...ซมซานกลับไปเลียแผลเหวิ่งๆให้ไวเลยมึง เหม็นกลิ่นความพ่ายแพ้ว่ะ!!!...

“ครับ” พอขนุนรับคำ ไอ้พี่เจี๊ยวก็ส่งรอยยิ้มแสนอบอุ่นไปให้ แล้วหันมามองกวนส้นตีนผมอยู่พักใหญ่ก่อนหันหลังเดินกลับเข้าด้านในไปอย่างช้าๆ... ถ้ามึงจะเดินเปลี้ยด้วยความอาลัย ช่วยไปเดินไกลๆตีนกูหน่อยได้ไหมวะไอ้เหี้ยพี่เจี๊ยวเอ๊ย... ขัดลูกกะตาว่ะ สัด!!
.
.
.
.
“เมื่อกี๊ใครอ่ะฮะ? รุ่นพี่เหรอ?” ผมถามทันทีที่ไอ้พี่เจี๊ยวเดินห่างออกไป

“อื้ม เป็นรุ่นพี่ที่คณะ แล้วก็มาเจอกันโดยบังเอิญที่ทำงานนี่แหละ ชื่อพี่เกี๊ยว แกนิสัยดีมากเลยนะ คอยช่วยผมตลอด”

“ไว้ใจได้เร้อ? เค้าดูใจดีแปลกๆนะฮะ” ผมถามทีเล่นทีจริงเพื่อไม่ให้ดูผิดสังเกต

“บ้าเหรอน็อต พูดอย่างนี้ได้ยังไงกัน  ถ้าไว้ใจพี่เกี๊ยวไม่ได้...ก็ไม่เหลือใครในโลกให้ไว้ใจแล้วล่ะ... ไปกันเถอะ” ขนุนเดินนำผมออกไปช้าๆ และผมต้องรีบก้าวตามไปเพราะยังไม่อยากปล่อยมือออกจากข้อมือนุ่มนิ่มนั้น


...ก่อนจะก้าวพ้นประตู ผมหันกลับไปมองแล้วจึงได้เห็นแผ่นหลังที่ผมจำได้ติดตา จากเรื่องไม่สบอารมณ์หน้าประตูบานนี้...ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่า ความรู้สึกอยากตะบันหน้าคน ที่ทำเอามือของผมคันยิกๆอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาที่นี่มีสาเหตุมาจากอะไร...



...ไอ้เหี้ยเจี๊ยวนี่แหละ ที่แม่งเห่อจู๋จนวิ่งกระแทกผมเข้าอย่างจังที่หน้าประตู โดยไม่คิดขอโทษ...
...และคนอย่างมึงนี่แหละ ที่แม่งโคตรไม่น่าไว้ใจ...


    กระทืบไลค์!!   6. อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

No comments:

Post a Comment