Tuesday, September 23, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 7: ไม่ได้ด้วยเลห์เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ เอาด้วยคาถา

บทรุกที่ 7: ไม่ได้ด้วยเลห์เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ เอาด้วยคาถา
(ไม่ได้ด้วยเลห์เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ เอาด้วยคาถา : การใช้อุบายต่างๆเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้)




หลังจากตื่นนอนโดยไม่เกิดเรื่องระทึกใจเหมือนเช้าวันแรก ผมก็กล่าวขอบคุณและบอกลาเจ้าของบ้านสำหรับความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และการต้อนรับขับไล่เป็นอย่างดีแก่เพื่อนบ้านผู้ตกทุกข์ได้ยากตลอดสองคืนที่ผ่านมา  ก่อนตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ย่างกรายกลับเข้าไปในศาลเลขที่ 21 อีกต่อไป

(ขนุนนี่ตัวดีเลยฮะ... ชอบไล่ผมกลายๆผ่านการถามอย่างสุภาพว่า วันนี้คุณไม่มีธุระที่ไหนเหรอครับ?ทุกเช้าหลังจากที่เราทั้งคู่ตื่นแล้ว แค่ไม่รักกันมันยังเจ็บไม่เท่าไร แต่มาปวดหัวใจเอาตอนที่โดนไล่นี่แหละฮะ)

ยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยต้องตัดใจจากใครมาก่อน ผมเลยไม่รู้ว่า ผมควรต้องทำอย่างไร ที่หนักไปกว่านั้น..ผมแม่งดันไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้มันควรจะเรียกว่าอะไร...

มันเป็นความรู้สึกอึนๆ มึนๆ ปวดมวนท้องพ่วงอาการคลื่นไส้นิดๆแบบที่ก็รู้ดีว่าไม่ได้ปวดท้องจริงๆ ไม่อยากทำอะไรสักอย่าง เหนื่อยๆเหมือนไม่ได้นอนมาหลายวัน ไม่หิว...ไม่อยากอาหาร เหม่อๆ เพ้อๆ คิดฟุ้งซ่านแม่งทั้งวันทั้งวี่...

...แป็บๆก็ท้อขึ้นมาเสียเฉยๆ แป็บๆก็ก่นด่าตัวเองในใจ แป็บๆก็อยากจะเดินข้ามกลับเข้าไปในบ้านใครบางคนเพื่อขอแค่ให้ได้เห็นหน้าแว่นๆนั้น  ความจำของผมแม่งก็ดันขาดเป็นช่วงๆ เลยทำให้เรื่องราวในชีวิตหลังจากไม่ได้อยู่กับขนุนนั้นกลายเป็นหนังอินดี้ที่ตัดฉากสลับไปมาให้เลือกชมแต่เฉพาะตอนสำคัญๆที่มีค่าควรจำ ซึ่งสามารถสรุปเป็นกลุ่มเหตุการณ์ซ้ำไปซ้ำมาคร่าวๆได้ประมาณนี้



เหตุการณ์ : กลับบ้านไปให้พ่อแม่เห็นหน้า
ความถี่ : ทุกวันตั้งแต่ออกจากบ้านขนุนมา และไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น

เมื่อบ้านหลังใหม่ได้รับการตกแต่งตามความต้องการ และข้าวของเครื่องใข้ถูกนำมาจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมจนผมพอใจ ผมก็บึ่งอ้วนดำมุ่งหน้ากลับบ้านทันที เพราะไม่ได้กลับไปให้คุณป๋ากับคุณบี๋เห็นหน้ามาหลายอาทิตย์ ทันทีที่คุณป๋าเห็นหน้าผม ท่านก็เอ่ยแซวออกมาอย่างสนุกปาก


“คุณบี๋ ก่อนเราออกไปข้างนอกกัน ช่วยแวะไปสั่งเด็กๆให้เตรียมปิดประตูหน้าต่างทุกบานทีสิครับ คุณป๋าว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง...ฝนต้องตกแบบฟ้ารั่วแน่ๆเลยล่ะ เพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณบี๋เดินหน้าแป้นเข้าบ้านมาโน่นแล้ว หึ หึ หึ”  เสียงของคุณป๋าลอยมาตั้งแต่ผมเดินเข้าประตูหน้าบ้าน ตอนนี้ทั้งสองท่านกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขกข้างล่าง

“คุณป๋านี่ล่ะก็...มีอย่างที่ไหน ตัวเองเป็นพ่อแท้ๆ แต่กลับพูดจาอย่างนี้ต่อหน้าลูก เดี๋ยวเถอะนะ...ถ้าคุณน็อตงอนจนไม่กลับมาให้บี๋เห็นหน้าอีก บี๋จะประท้วงด้วยการนอนแยกห้องนะคะ” คุณบี๋ตัดพ้อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพลางลุกขึ้นเดินมาหาผม

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... คุณบี๋เองก็เถอะนะ โอ๋ไอ้เสือจนมันใกล้จะเสียคนเต็มทีแล้วนะครับ...
.
...อย่างไอ้เสือเนี่ยะ มันไม่มีทางงอนคุณป๋าจนหายออกจากบ้านไปร๊อกกก  เวลาที่พ่อคุณหายไปแต่ละทีไม่ใช่เพราะเรื่องงาน ก็ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับสาวๆเท่านั้นแหละ” เมื่อพูดจบ คุณป๋าก็หันหน้ามาหาผมที่เดินกอดคุณบี๋กลับมาหาคุณป๋าที่นั่งอยู่   “ไง ไอ้เสือ ไม่ได้เห็นหน้ากันนานเลยนะรอบนี้  นึกยังไงถึงได้ซมซานกลับมาบ้านได้ตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดินกันล่ะห๊ะ?”

ผมปล่อยมือจากเอวคุณบี๋แล้วยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองท่านเพื่อทักทาย “คุณป๋า คุณบี๋ สวัสดีฮะ......น็อตไม่ได้หายหัวไปทำตัวเกเรที่ไหนซะหน่อย เนี่ยะ...พองานล่าสุดของน็อตถูกโยก...น็อตก็รีบบึ่งกลับมาบ้านเป็นที่แรกเลยนะฮะ...
.
.
.
...(ฟอดดด) คิดถึงคุณบี๋จัง ไม่ได้กอดตั้งหลายอาทิตย์........โอ๊ะ นี่คุณบี๋ผอมลงรึเปล่าฮะ? เอวคอดเชียว” คนฟังยิ้มหวานให้ผมเสียยกใหญ่เมื่อได้ยินคำพูดถูกใจ

“แหม...คุณน็อตล่ะก็ กลับมาถึงก็รีบอ้อนคุณบี๋ทันทีเชียวนะ.....เรื่องปากหวานนี่ไม่มีใครเกินลูกคนนี้เลยจริง จริ๊ง...

...แค่มาให้เห็นหน้าเฉยๆ คุณบี๋ก็รักคุณน็อตจนไม่อยากจะให้กลับออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียวอีกต่อไปแล้ว...
...แต่นี่เล่นมาชมคุณบี๋ออกสื่อแบบนี้ สังสัยคราวนี้อยากให้คุณบี๋จ่ายค่าอะไรให้อีกล่ะครับ?...” ผมส่ายหน้าแทนการยืนยันความบริสุทธิ์ใจเรื่องคำชมเมื่อตะกี๊ คุณบี๋ส่ายหัวให้ผมแล้วส่งยิ้มอย่างเอ็นดูมาให้

“...กลับมาคราวนี้ คุณน็อตอยู่ติดบ้านให้คุณบี๋กับคุณป๋าเห็นหน้าซักสองสามวันสิ เดี๋ยวคุณบี๋จะแสดงฝีมือทำอาหารอิตาเลียนที่เพิ่งไปเรียนมาให้กินทุกมื้อเลยดีไม๊ล่ะครับ...สุดหล่อของคุณบี๋ (ฟอด ฟอด ฟอด)” คุณบี๋ยิ้มจนตาเป็นขีดหลังจากหอมแก้มผมจนหนำใจ

“โอเคฮะคุณบี๋  คราวนี้น็อตกลับมาอยู่บ้านหลายวัน คุณบี๋ต้องได้ทำกับข้าวให้น็อตกินจนเบื่อตายแน่ๆเลยฮะ...
.
.
...ว่าแต่ คุณป๋ากับคุณบี๋เล่นแต่งตัวกันซะหล่อซะสวยแบบนี้ จะไปออกงานที่ไหนกันอีกล่ะฮะ?” ทั้งสองท่านแต่งตัวเต็มยศเสียจนผมอดทักออกมาไม่ได้

คุณป๋าหันมายิ้มก่อนจะพูดด้วยเสียงกระซิบกระซาบกับผม “วันนี้ไม่ได้ไปงาน... คุณป๋าจะพาแฟนไปดินเนอร์กันสองต่อสองเพราะเป็นวันครบรอบการคบกันเป็นปีที่สามสิบ งานนี้คุณป๋าเตรียมการนานกว่าสองอาทิตย์ด้วยงบไม่อั้นเพื่อเตรียมเซอร์ไพรส์เอาไว้ให้แฟนคุณป๋าคนเดียวเลย...

...คุณป๋ากะว่า พอแฟนเห็นของที่คุณป๋าจะให้เป็นของขวัญ...เค้าต้องกรี๊ดสุดเสียงเหมือนตอนไปดูคอนเสิร์ตรอยัลสไปรท์ครั้งแรกที่โรงแรมดุสิตธานีกับคุณป๋าเลยว่ะ หึ หึ หึ... 

...คุณป๋าพาแฟนไปกินข้าวก่อนนะ เอาไว้เราค่อยมาคุยกันประสาชายอกสามศอกอีกที...หรือยังไง?” คุณป๋ากับคุณบี๋ลุกขึ้นเตรียมตัวพร้อมจะออกจากบ้านทันทีที่เห็นคนขับรถมาหยุดรออยู่ตรงหน้าประตู

“ได้ฮะคุณป๋า... กินข้าวให้อร่อยนะฮะ แล้วก็...สุขสันต์วันครบรอบฮะคุณบี๋ คุณป๋า ขอให้มีความสุขมากๆนะฮะ” คุณบี๋เดินกลับมาลูบหัวผมเบาๆแล้วปิดท้ายด้วยหอมแก้มผมอีกข้างละสองครั้ง

“ไปล่ะไอ้เสือ!! เอ้อ...อย่าลืมโทรไปรายงานตัวกับคุณๆคนอื่นๆเค้าด้วยนะ แต่ละคนบ่นหาเราตลอด หูคุณป๋านี่ชาจนเบื่อจะฟังแล้วว่ะ” คุณป๋าไม่ลืมสั่งความทั้งที่ตัวเดินออกไปเกือบจะพ้นประตูบ้านอยู่แล้ว

“ฮะ เดี๋ยวโทรคืนนี้เลยฮะ” ผมตะโกนตอบคุณป๋าระหว่างที่วิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อพักผ่อน ก่อนออกออกไปฆ่าเวลาข้างนอกตามประสาหนุ่มโสด


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


เหตุการณ์ : หิ้วหญิง
ความถี่ : ครั้งเดียวตั้งแต่ออกจากบ้านขนุนมา...แต่เกือบเป็นฝ่ายถูกหิ้วทุกคืนที่ออกเที่ยว

ท้องฟ้ากรุงเทพเวลากลางคืนสวยเหมือนเดิมไม่ว่ามองเมื่อไร ยิ่งได้ขึ้นมายืนมองจากมุมสูงๆแบบนี้ก็ยิ่งสวย ผมชะเง้อหน้ากลับเข้าไปในห้องเพื่อส่องร่างบางๆของหญิงสาวเจ้าของคอนโดหรูห้องนี้ที่ผมบังเอิญไปเจอเข้าในผับ เวลานี้เธอคงไม่มีแรงลุกขึ้นมาด่าผมที่เปิดประตูห้องนอนทิ้งเอาไว้เพื่อออกมาสูบบุหรี่ตรงระเบียง เพราะเจ้าหล่อนคงทำได้แต่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงเพราะดื่มหนักเกินขนาด

นับว่าเป็นโชคดีของผม ที่เธอเมามากเสียจนแค่จะเดินเองยังไม่ไหว ทำให้ผมไม่ต้องเสียมารยาทปฏิเสธคำเชิญขึ้นเตียงของหญิงสาวเอาหน้างาน เพราะหลังจากที่ประคองเธอออกมาจากผับ ผมก็หมดอารมณ์กับเธอแทบจะทันที... ไม่สิ ผมต้องบอกว่า ผมแม่งไม่มีอารมณ์อยากจะนอนกับใครเลยตะหาก

สายตาผมมองตามควันบุหรี่สีขาวซึ่งพวยพุ่งออกจากปากและจมูกตัวเองอย่างช้าๆ พลางเฝ้าคิดถึงเรื่องที่ติดอยู่ข้างในใจผมอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เดินหันหลังออกมาจากบ้านเลขที่ 21 เมื่อเช้าตรู่วันนี้

เมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก เราห้าคนพี่น้องได้รับฟังเรื่องราวความรักของคุณป๋ากับคุณบี๋ทุกๆคืนหลังอาหารราวกับเป็นนิทานก่อนนอน ทั้งสองท่านตกหลุมรักอีกฝ่ายในทันทีเมื่อได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งแรกในงานเลี้ยงที่คุณทวดของคุณป๋าจัดขึ้น แม้เวลาจะผ่านมานานกว่าสามสิบปี ท่านก็ยังรักกันจี๋จ๋าจนน่าเลี่ยน โดยเฉพาะเวลาคุณป๋าโชว์สวีทกับคุณบี๋ต่อหน้าลูกๆที่โตจนหมาเลียก้นไม่ถึง 

คุณป๋ามักจะบอกพวกผมพี่น้องอยู่ตลอดว่า...การที่เราได้รักกับคนที่ฟ้าส่งลงมาให้เป็นคู่กัน อย่างที่คุณป๋ามีคุณบี๋ คือความสุขที่สุดในชีวิต ถึงแม้คุณป๋าจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมี ขอแค่มีคุณบี๋และลูกๆ อยู่เคียงข้าง...คุณป๋าก็พร้อมจะสู้ต่อไปอย่างไม่ท้อถอย

ถึงตัวอย่างของคนที่เจอรักแท้ตั้งแต่แรกเห็นจะอยู่ใกล้แบบหายใจรดต้นคอ แถมยังรักกันดูดดื่มให้ผมและพี่ๆน้องๆได้เห็นอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน แต่พอเห็นความรักที่คุณป๋าและคุณบี๋มีให้กันมากๆ กลับทำให้ผมคิดว่า ต่อให้เฝ้ารอไปถึงชาติหน้ายันชาติไหนๆ...ประสบการณ์รักแรกพบคงไม่มีวันเกิดขึ้นกับตัวของผมในสภาพแวดล้อมอย่างทุกวันนี้... 

...มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่คนสองคนซึ่งถูกสร้างมาให้ครองคู่จะได้มาเจอกัน และรักกัน ท่ามกลางคนเป็นล้านๆที่อยู่ต่างที่ และต่างเวลาในสังคมโดดเดี่ยว ไม่มีใครไว้ใจใคร แถมยังต้องเอาตัวรอดอยู่ทุกวินาทีอย่างที่เราเป็นกันอยู่นี่

แต่จากคนที่เลิกหวัง...กลับกลายเป็นเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้หลังจากเรื่องเมื่อคืนวันหนึ่ง......คืนที่ได้เจอหน้ากับคนแปลกๆหน้าบ้านเป้าหมายงานใหม่...

...คนๆนั้นที่ผมเจอในคืนนั้น...พยายามทำตัวให้ไม่เป็นจุดศูนย์กลางความสนใจอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่นั่นยิ่งทำให้เขาแตกต่างไปจากคนส่วนใหญ่ที่ตะเกียกตะกายเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนคนอื่นแลกกับการยอมรับจากสังคม...

...การที่เขาไม่พยายามทำตัวเหมือนใคร หรือเอาใจใคร มันยิ่งทำให้เขาดูเด่นกว่าใครๆในสายตาผม...
...น่าแปลก พอผมเผลอมองเห็นตัวตนของเขาเข้าแล้ว เขาคนนั้นกลับติดอยู่ในหัวสมองอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็พาลจะสังเกตเห็นแต่คนๆนั้น และตาผมก็ดันเห็นคนอื่นๆเป็นภาพเบลอไปเสียทั้งหมด
.
.
.
ถ้าถามว่าผมดีใจไหม ที่สุดท้ายได้เจอเข้ากับตัวเอง... บอกได้เลยว่า ไม่ว่ะ

...เพราะยังไม่ทันที่ผมจะได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกชอบคนๆนั้นอย่างเต็มที่ หรือทันได้ชื่นชมใกล้ๆอย่างที่อยากทำดูสักครั้ง ผมแม่งก็ต้องมาตัดใจเสียก่อนแล้ว เพราะคงไม่มีหวัง...
...ถ้ารู้ว่าการตกหลุมรักใครมันจะออกมาในรูปนี้ ถ้าอย่างนั้น ผมขอเลือกใหม่ได้ไหมวะ...
.
.
...แล้วถ้าเลือกใหม่ได้จริง ผมขอให้ไม่ต้องเจอกับคนที่ผมตกหลุมรักจะได้ไหมวะ ผมแม่งไม่อยากวุ่นวายกับการตัดใจ หรือแกล้งทำลืมๆไปอยู่ทุกขณะจิตอย่างนี้..........ทรมานใจสัดอ่ะ บอกตรงๆ



บุหรี่หมดไปอีกตัว... แต่ผมก็ยังคงนอนไม่หลับ ผมกลับเข้าไปในห้อง ใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนัง รวบเอาข้าวของส่วนตัวที่วางกองเอาไว้ตรงเคาน์เตอร์แพนทรีเล็กๆ หันกลับไปมองร่างที่เตียงอีกครั้งให้แน่ใจว่าเจ้าของห้องยังหลับสนิท แล้วเดินออกจากห้องไป

ผมขี่อ้วนดำกินลมไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจเวลา หวังแค่ว่าการเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการขับขี่ จะช่วยทำให้ผมพอจะลืมเรื่องของคนๆนั้นไปได้ แต่สุดท้ายอ้วนดำก็พาผมกลับมาที่หน้าหมู่บ้านนี้อีกครั้ง




ผมเดินเข้าไปข้างในเพื่อหวังจะไปหยุดตรงหน้าบ้านของเป้าหมาย...สถานที่แรกที่เราเจอหน้ากัน  ดวงไฟจากชั้นสองของบ้านเลขที่ยี่สิบเอ็ดก็ดันส่องมาเตะตาผมเข้าอย่างจัง ผมเดินผ่านบ้านของ X1 ลึกเข้าไปในซอยแล้วไปยืนมองหน้าบ้านหลังริมซึ่งมีต้นปีบใหญ่ปลูกเอาไว้อยู่นานสองนาน

...เวลานี้ผมเข้าใจความรู้สึกของขนุนที่คอยออกมาเฝ้ามองบ้านอีกหลังเป็นประจำทุกเช้าเย็นแล้ว...
...แค่ได้เห็นหลังคาบ้าน...ก็รู้สึกเหมือนว่าได้เห็นหน้าเจ้าของ...

เวลานี้...ต่อให้ขนุนจะไม่ถอดแว่นไปอีกเลยตลอดชีวิต...
...ต่อให้แปลกกว่านี้ ทั้งคำพูดคำจา ทั้งตรรกะและการตัดสินใจ...
...ต่อให้แต่งตัวแย่กว่านี้ไปทั้งชาติ...
...ต่อให้ท่าทางน่ากลัวและไม่เป็นมิตรยิ่งกว่านี้...

...ผมก็รับได้...

...ขอแลกกับการที่ขนุนยอมเปิดใจมองคนอื่นที่นอกเหนือไปจากคนในสเปคบ้างได้ไหมวะ???...
...อย่างน้อยๆ ผมก็จะได้ชื่นใจ ที่ได้รู้ว่าตัวเองยังพอมีโอกาสจะสู้ในสนามประลองรักครั้งนี้กับเขาบ้าง



เมื่อหมาบ้านข้างๆเริ่มเห่าผมที่ยืนแน่นิ่งอยู่นาน ผมก็รู้ตัวว่า ถึงเวลาที่ผมต้องเดินจากมาเสียที... ขนาดหมาแม่งยังไม่เป็นใจกับผมเลย คิดดู!!


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


เหตุการณ์ : กินเหล้า...เข้าใจผิด
ความถี่ : ทุกคืนตั้งแต่ออกจากบ้านขนุนมา


“ไงไอ้เสี่ย คืนนี้ออกตัวล้อฟรีตั้งแต่หัวค่ำเลยรึไงวะ? นี่มึงว่างหรือเสี้ยนกันแน่ห๊ะ” โฟล์คถามผมทันทีที่ได้เห็นหน้า

“พวกมึงมากันนานยังอ่ะ?” ผมตบบ่าไอ้เบนซ์ที่นั่งหันหลังให้ แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้างๆ

“ก่อนหน้ามึงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหรอก อ่ะ เอานี่...กูชงให้แล้ว” หลังจากไอ้เบนซ์ยื่นแก้วเหล้าสีเข้มมาเข้ามือ ผมก็ยกขึ้นกรอกปากรวดเดียวหมดแก้วอย่างไม่มีพิธีแล้วยื่นแก้วเปล่ากลับไปให้คนชงเหล้าประจำโต๊ะคืนนี้

คนชงหันกลับมาด่าผมแต่สองมือกลับทำหน้าที่อย่างขันแข็ง “แดกเหล้ามันต้องใจเย็นหน่อยดิวะไอ้น็อต มึงทำอย่างกับว่าไปตายอดตายอยากที่ไหนมา มาถึงแม่งก็แดกเอาแดกเอา เดี๋ยวก็เมาต่ายห่ากันพอดี...
.
.
.
...กูไม่ได้ห่วงมึงหรอกนะโว้ย กูเสียดายเหล้าว่ะสัด!!” พูดจบก็ยื่นแก้วเหล้าสีเข้มกว่าเดิมมาให้ผม...ถ้าผมจะเมา ผมคงเมาด้วยน้ำมือไอ้เหี้ยเบนซ์นี่แหละฮะ เพราะมันชงเหล้าได้หนักมือมาก 

“เออ แล้วเมื่อคืนเป็นไงมั่งวะ?” ไอ้เฟี๊ยตที่เพิ่งหันกลับมาจากสแกนสาวๆถามผมด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม พอผมแกล้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แม่งก็กระทุ้งสีข้างผมแล้วถามต่อ “น้องโต๊ะข้างๆที่เข้ามาเต้นสีมึงเมื่อคืนไง...ว่าไง เด็ดไม๊วะ?...”

 “ก็ไม่ไง... เค้าเมา กูไม่มีอารมณ์ พอไปส่งเค้าเสร็จ กูก็กลับบ้านนอน แค่นั้น” ผมกระดกแก้วที่สองลงคอไปอีกครั้งแล้วส่งแก้วเปล่ากลับไปขอเหล้าเพิ่มเหมือนกำลังทำเวลา ระหว่างนั้น สายตาของผมที่สอดส่ายไปทั่วตามความคุ้นเคยก็ไปหยุดอยู่ตรงร่างสูงๆผอมๆของคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่ไกลๆ แต่ด้วยความมืดของสถานที่ ผมจึงมองได้ไม่ชัดนัก

“เออ แค่นั้นก็แค่นั้น แต่แดกเพลาๆหน่อยสัด พวกกูไม่หิ้วมึงกลับนะเว่ย”

ผมรับแก้วที่สามมาเพื่อผ่านน้ำเมาลงคออย่างไม่สนใจเสียงบ่นของเพื่อน “มึงไม่ต้องห่วง กูไม่ได้อยู่จนทันได้เมาหรอก”

“..........กูว่าแล้ว!!!............” พวกมันทั้งสามคนประสานเสียงกันตอบคำผม

สายตาของผมยังจับจ้องร่างสูงๆผมหยิกๆนั้นอยู่ไม่วางตา แม้จะเห็นจากระยะห่างหลายเมตร แต่มันดูคล้ายกับขนุนเหลือเกิน... ถึงใจนึงจะบอกผมว่า ไม่มีทางที่คนอย่างขนุนจะมาสถานที่แบบนี้ แต่อีกใจผมก็หวังให้คนๆนั้นเป็นขนุนอย่างที่สุด  อย่างน้อย...ก็ไม่ใช่ผม ที่หาเรื่องไปเจอหน้าเขาในคืนนี้อย่างที่พยายามห้ามตัวเองเอาไว้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่กลับเป็นเขาที่โผล่มาให้ผมเห็นหน้าด้วยตัวเอง


“เฮ๊ย...พวกมึง เดี๋ยวกูมานะ กูไปห้องน้ำก่อน” ผมพูดโดยไม่ได้ละสายตาจากคนๆนั้นที่ผมยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ผมรู้อย่างเดียวว่า เขากำลังทำท่าเหมือนจะเดินออกไปข้างนอกแล้ว

“ฮั่นแน่...ท่าทางเสี่ยจะเจอเหยื่อเข้าแล้วว่ะ...
.
.
...มึงจะไปไหนก็ไปเถอะคร๊าบบบ ไปให้นานๆเลยได้ยิ่งดีนะครับท่าน พวกกูจะได้หากินได้คล่องๆหน่อย”

ผมเดินฝ่าฝูงผู้คนที่โยกไปมาตามเสียงเพลง แถมยังต้องคอยบอกปัดผู้หญิงสองสามคนที่พยายามขวางผมเอาไว้เพื่อขอทำความรู้จัก... เหี้ยเอ๊ย!!! เวลารีบๆนี่อะไรๆแม่งมักจะไม่ได้อย่างใจเลยเว้ย แล้วนี่จะเข้ามาขอเบอร์อะไรกันนักหนา ผมกำลังรีบ ไม่เห็นกันหรืออย่างไรวะ?!! แต่สุดท้ายผมก็เร่งฝีเท้ามาจนใกล้กับร่างผอมๆขาวๆร่างนั้นแล้ว




ทันทีที่ผมอยู่ในระยะประชิด ผมก็รีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาด้วยสีหน้าตกใจโดยไม่ลืมส่งเสียงยืนยันความรู้สึก “เฮ๊ย!!!

ไม่ต้องให้มีใครมาบอกคิว ผมก็รีบปล่อยมือออกจากข้อมือของชายคนนั้นทันที ผมรีบชิงพูดออกมาก่อนที่จะโดนเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ “ขอโทษนะครับ...ผมนึกว่าคุณเป็นเพื่อนผมน่ะ พอดีเราพลัดหลงกัน” แล้วผมก็รีบเดินหนีออกประตูไปทันทีก่อนที่ชายคนนั้นจะได้พูดอะไร


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


เหตุการณ์ : ตาสว่าง
ความถี่ : คืนสุดท้ายก่อนจะกลับไปตั้งกระบวนรบใหม่


ผมละสายตาจากจอคอมที่มีภาพภายในห้องนอนของโอตาคุสุดประหลาดในหลายๆมุม โดยที่เจ้าของห้องกำลังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงหน้าคอมฯของตัวเองเพื่อทำงานเหมือนทุกคืน แล้วจึงเดินอุ้มพี่ปลิงลงมานั่งรับลมริมสระว่ายน้ำข้างๆบ้าน ผมเหม่อมองริ้วสายน้ำที่ถูกลมกลางคืนพัดเป็นระลอกๆอย่างเพลินๆ แต่เสียงทุ้มอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นเพื่อเรียกความสนใจของผมจากข้างหลัง


“ไอ้เสือนี่เอง นึกว่าใคร..................ไงเรา นอนไม่หลับเหรอ?” คุณป๋ายังแต่งตัวด้วยชุดทำงานเต็มยศ แต่ก็เริ่มหลุดรุ่ยเต็มที

“ฮะคุณป๋า แล้วนี่คุณป๋าเพิ่งกลับเหรอฮะ?...
.
...พนักงานในโรงพยาบาลประท้วงขอขึ้นเงินเดือนเหรอฮะ ถึงได้กลับมาซะดึกอย่างนี้?”

“เฮ๊ย เปล่า!! ใครสั่งใครสอนให้อวยพรกิจการโรงพยาบาลของพ่อตัวเองได้ไพเราะเสนาะหูแบบนี้กันครับ...ไอ้ลูกเวร!!   ปากไอ้ลูกคนนี้มันดีเหมือนใครวะ?!!...
.
.
...คุณป๋าไปกินข้าวเย็นที่บ้านท่านรัฐมนตรีมาเว่ย เลยคุยเรื่องรถเก่ากับท่านติดลมไปหน่อย ดูนาฬิกาอีกทีก็เที่ยงคืนแล้ว” อ๋อ...ที่แท้คุณป๋าก็ไปกินข้าวที่บ้านพ่อสามีคุณเน้ยนี่เอง ถึงได้ว่ากลับบ้านเสียดึกดื่น คุณป๋ากับคุณลุงเป็นพวกคลั่งรถเก่าเหมือนกันเลยคุยกันถูกคอ

“ว่าแล้วเชียว...คุณบี๋ถึงได้เก็บกระเป๋ากลับไปนอนบ้านคุณยายตอนสี่ทุ่มนี่เอง ก่อนออกไปน็อตเห็นคุณบี๋ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดด้วยอ่ะคุณป๋า ดูซิ...เป็นเพราะคุณป๋ากลับบ้านดึกแท้ๆ แฟนเลยทนอยู่ด้วยไม่ไหว ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่”

“ไอ้ลูกคนนี้นี่มันเหลือเกินจริงๆ... ถ้ารู้ว่าโตมาจะเห่าใส่คุณป๋าอยู่แบบนี้ รู้งี้คุณป๋าบอกคุณบี๋ให้เอาขี้เถ้ายัดปากเสียตั้งแต่เล็กๆไปซะก็ดี...
.
...แล้วที่เอาแต่กวนตีนคุณป๋าเนี่ยะ เพราะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่รึเปล่าวะไอ้เสือ?...
...ไหนบอกคุณป๋ามาซิ ว่าคิดเรื่องอะไรอยู่?”
.
.
.
“คุณป๋า คุณป๋ารู้ได้ไงว่าคุณบี๋คือคนที่ใช่อ่ะฮะ?”

“เออ... ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ คุณป๋าว่าคุณป๋าไปนอนดีกว่าว่ะ คุณป๋าเริ่มรู้สึกตัวว่า คุณป๋าไม่ได้ช่วยอะไรคุณน็อตเลยว่ะ... ไปนะ” คุณป๋าทำท่าเหมือนจะเดินกลับเข้าบ้านไป จนผมต้องร้องห้ามคุณป๋าเอาไว้ก่อน เพราะรู้ว่ากำลังโดนคุณป๋าดัดหลังอยู่

“เฮ๊ยยย เดี๋ยวสิฮะ คุณป๋า....อย่าทำเป็นเล่นตัวไปหน่อยเลยนะฮะ...
...คุณป๋าอยากจะเอาคืนน็อตเรื่องเมื่อกี๊ใช่รึเปล่าล่ะฮะ?...
.
.
...น็อตขอโทษฮะ ที่กวนตีนคุณป๋ามากไปหน่อย...ทีนี้คุณป๋าตอบมาได้รึยังล่ะฮะ ว่ารู้ได้ยังไง?” ผมยกมือขึ้นไหว้คุณป๋าพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษออกมาจากความรู้สึกสำนึกผิดข้างใน

คุณป๋ายิ้มกว้างให้ผม แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้างๆก่อนจะเอ่ย “ที่บอกว่าไม่รู้...ก็คือไม่รู้จริงๆว่ะคุณน็อต เรื่องที่ว่าคุณบี๋เป็นคนที่ใช่รึเปล่าน่ะนะ...

...แต่ที่คุณป๋ารู้แน่ๆหลังจากได้เจอคุณบี๋แล้ว ก็คือ... คุณป๋าชอบคุณบี๋มากๆ เพราะคุณป๋าเอาแต่คิดถึงคุณบี๋อยู่ตลอดเวลา จริงๆมันก็ไม่ได้ตลอดเวลาซะจนไม่เป็นอันทำมาหากินอะไรอย่างนั้นหรอก แต่พอคุณป๋าว่างเมื่อไร...ชื่อของคุณบี๋ก็คอยแต่จะโผล่มาอยู่ในหัวตลอดเลยว่ะ....ตอนแรกๆที่เจอกันน่ะนะ อารมณ์มันจะประมาณว่า คุณบี๋กินข้าวหรือยังน้า? คุณบี๋จะนอนดึกหรือเปล่า? คุณบี๋จะชอบฟังเพลงนี้เหมือนคุณป๋าไม๊?... 

...แต่พอเริ่มรู้จักกันมาซักพัก ความคิดถึงมันก็เริ่มลึกซึ้งมากขึ้นจนกลายเป็น...

...ได้กลิ่นน้ำหอมเดียวกันกับที่คุณบี๋ใช้เวลาเดินผ่านคนอื่น ก็เห็นหน้าคุณบี๋ลอยขึ้นมา หรือเห็นใครทำผมทรงเดียวกัน ทำท่าทางคล้ายๆกัน คุณป๋าก็จะคอยจ้องมองคนๆนั้น...รอเวลาให้เค้าหันมาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่คุณบี๋แน่ๆ ทั้งที่ระหว่าที่รอมองพิสูจน์คนๆนั้นน่ะ...ใจคุณป๋ามันเห็นเป็นหน้าคุณบี๋ไปแล้ว  ที่สำคัญ คุณป๋ามองใครไม่สวยอีกเลย นอกจากคุณบี๋คนเดียวว่ะ...
.
.
.
...ที่คุณน็อตถามอะไรแบบนี้ แสดงว่าถึงเวลาที่คุณป๋ากับคุณบี๋ใกล้จะได้เตรียมจัดงานมงคลให้คุณน็อตอีกคนแล้วล่ะสิ...ไม่คิดว่าเร็วไปหน่อยเหรอวะไอ้เสือ คุณป๋าเพิ่งจัดงานแต่งให้คุณเน็ตไปเมื่อต้นปีเองนะเว่ย” คุณป๋าแหย่ด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่ผมรู้ว่าท่านกำลังตั้งใจรอฟังสิ่งที่ผมกำลังจะตอบอย่างไม่มีตกหล่น

“ก็ไม่ใกล้อย่างนั้นหรอกฮะคุณป๋า อีกอย่าง...คราวนี้น็อตท่าจะไม่มีหวังหรอกฮะ...
.
...ก็เค้าไม่คิดจะเหลียวแลคนอย่างน็อตเลยนี่ฮะ”

“เฮ๊ยยยยย ถามจริง!?!! พอคุณป๋าได้รู้อย่างนี้แล้ว คุณป๋ายิ่งต้องเชียร์ให้คุณน็อตจีบเค้าให้ติดไปกันใหญ่เลยว่ะ เพราะคุณป๋าอยากเจอคนที่ทำให้ไอ้เสือลูกคุณป๋าต้องมานั่งคอตกอย่างนี้ได้ขึ้นมาซะแล้วสิ...

...ในโลกนี้ ยังมีคนที่ไม่แลหน้าหล่อๆของไอ้เสือหลงเหลืออยู่อีกเหรอวะเนี่ยะ ที่ผ่านมา คุณป๋าเห็นแต่พวกที่คอยแห่ไล่ตามจับคุณน็อตขาไปทางนั้นที ทางนี้ทีกันแทบไม่มีเว้นทั้งสาวน้อยสาวใหญ่...
.
.
...ว่าที่สะใภ้คนนี้น่าสนใจดีนะ ฮะ ฮะ ฮะ” คุณป๋าว่าไป หัวเราะไป แถมยังตบไหล่ผมอีกหลายครั้งอย่างถูกอกถูกใจ

“โธ่คุณป๋าฮะ... แค่หวังยังจะแห้ว  แล้วนับประสาอะไรกับการเสียเวลาจีบเค้าให้ติดกันล่ะฮะ?”

“อ้าว แล้วทำไมคุณน็อตถึงจะไม่มีหวังกันล่ะ?”

“ก็น็อตน่ะ ไม่ใช่คนในสเปคของเค้านี่ฮะคุณป๋า...
.
.
...คือสารรูปอย่างน็อตเนี่ยะไม่ใช่...แบบว่าไม่ใกล้เคียงคนที่เค้าจะชอบเลยอ่ะฮะ...
...แล้วเค้าก็บอกชัดเจนเลยนะฮะ ว่าเค้าอยากคบแต่คนในสเปคของเค้าเท่านั้น นอกนั้น...เค้าจะปฏิเสธทั้งหมด”

“ถามจริงเหอะไอ้เสือ... ที่พูดจาเศร้าสร้อยจะเป็นจะตายอย่างนี้เพราะชอบเค้าเข้าแล้วใช่ไม๊ล่ะเรา?” คุณป๋าบีบหัวไหล่ผมเบาๆ ผมหันกลับไปจ้องตาของคุณป๋าตรงๆเพื่อตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“....ฮะ...ชอบแล้วฮะ”

“แล้วถ้าตัดใจตอนนี้ล่ะ...ทำได้ไม๊?”

“ก็ที่น็อตกลับบ้านมานี่ ก็เพื่อตัดใจไงฮะ... แต่ยิ่งอยู่ห่าง ยิ่งคิดถึงฮะคุณป๋า แล้วตอนนี้เป็นรุ่นคิดถึงขั้นกว่าแบบที่ว่าได้กลิ่นขนมปังหรือขนมหวานๆกลิ่นวนิลาไม่ได้ เพราะมันยิ่งทำให้คิดถึงแต่เค้าน่ะฮะ...เมื่อหัวค่ำน็อตยังทักคนผิดเพราะคิดว่าเป็นเค้าอยู่เลย” ผมนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำที่ผับแล้วก็ยังขนลุกไม่หาย  รู้ทั้งรู้ว่าไม่น่าใช่ขนุน แต่ผมก็ยังจะกล้าทำลงไปได้....เฮ้อออออ

“ถ้างั้นก็อย่าตัดใจดิวะ...ลองทุ่มดูให้เต็มที่ก่อน...
...ถ้าไม่ได้เล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล ถ้าไม่ได้ด้วยมนตร์ ก็ต้องเอาด้วยเงินคุณป๋า เอ๊ย!! คาถา!...
.
.
.
...จริงอยู่ว่าความรักระหว่างคุณป๋ากับคุณบี๋มันเริ่มขึ้นทันทีที่เราเจอกัน แต่กว่าที่ความรักจะแข็งแรงได้ มันไม่ได้เป็นเพราะแววตาปิ๊งปั๊งที่ส่งให้กันเมื่อวันนั้นอย่างเดียวซะหน่อยนี่หว่า...
.
.
...จะบอกอะไรให้นะไอ้เสือ คุณป๋าน่ะ...ไม่ได้ได้คุณบี๋มาเป็นเมียง่ายๆอย่างที่เล่าให้พวกเราฟังก่อนนอนทุกคืนหรอกนะเว่ย คุณป๋าต้องใช้เวลาหนึ่งปีเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับคุณตาโดยฝ่ายโน้นสั่งห้ามไม่ให้เจอหน้ากัน  โดนพี่ๆน้องๆคุณบี๋กลั่นแกล้งสารพัดอย่าง แถมยังโดนใส่ร้ายป้ายสีจากพวกผู้ชายคนอื่นๆที่หวังในตัวคุณบี๋อีกตั้งเท่าไร...
.
.
...ความรักของคุณน็อตก็เหมือนกัน...
.
...แม้ตอนแรกเค้าจะบอกว่าไม่...
...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ตอนสุดท้ายเค้าจะบอกว่าใช่ไม่ได้ซะหน่อยนี่หว่า...
.
.
...เกิดมาเป็นลูกคุณป๋าทั้งที ต้องอย่าป๊อดอยู่อย่างนี้สิวะ หน้าตารึก็ออกจะหล่อเหลาจนสาวๆเทียวมาหาที่บ้านหัวกระไดไม่แห้ง บ้านรึก็รวยไม่น้อยหน้าใคร เรียนจบก็ตั้งมหาลัยรัฐฯชื่อดัง มิหนำซ้ำพ่อยังเป็นเจ้าของโรงบาลใหญ่อีก ใครเค้าจะกล้าเมินคุณน็อตได้ง่ายๆกัน...
.
.
...เอางี้ ถ้าลองเต็มที่แล้วยังอกหักกลับมา คุณป๋ากับคุณบี๋ยินดีเลียแผลใจแถมแพ็คเกจนอนโรงบาลคุณป๋าฟรีหนึ่งเดือน ดีป่ะ?” ผมยิ้มทันทีที่ได้ฟังข้อเสนอของคุณป๋า ในโลกนี้ คงไม่มีพ่อคนไหนที่น่ารักได้เท่าพ่อผมคนนี้อีกแล้วล่ะฮะ แต่แล้วผมก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อยังเหลือความจริงอีกข้อที่ผมต้องถามคุณป๋าให้รู้เรื่องก่อนจะเดินหน้าจัดการเรื่องของขนุนให้เป็นเรื่องเป็นราว
.
.
.
“คุณป๋า...คุณป๋าจะว่าอะไรไม๊ ถ้าเกิดวันนึงน็อตกลายเป็นเกย์อ่ะ?”

เฮ๊ยยย!!! ถามจริง? มึงอย่ามาล้อคุณป๋าเล่นด้วยเรื่องแบบนี้นะเว่ยไอ้เสือ!!!” คุณป๋าทำหน้าตาตกใจ เหมือนเวลาที่เห็นผมหรือคุณโน๊ตเดินเข้าไปเฉียดโรลส์-รอยซ์รุ่นปี 1962 ลูกรักสุดสวาทขาดใจของท่านตอนที่เราเป็นเด็กๆ

“ตอบตรงเลยฮะ”

“นี่ไม่ได้คิดเป็นเกย์ประชดใคร หรือว่าทำตามเทรนด์ใช่ไม๊วะ...ขอถามอีกรอบเพื่อความชัวร์” พอเห็นคุณป๋าทำหน้าจริงจัง ผมก็อดรู้สึกกดดันขึ้นมานิดๆไม่ได้ เพราะโดยปกติ คุณป๋ามักจะมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าเสมอ และเวลาที่คุณป๋ามีสีหน้าแบบนี้ แสดงว่าท่านเริ่มรู้สึกกังวล หรือเป็นห่วงเรื่องอะไรสักอย่างที่ค่อนข้างสำคัญ

“น็อตไม่ได้อยากเป็นเกย์หรอกฮะคุณป๋า แต่ว่าคนที่น็อตชอบเป็นผู้ชาย มันก็เลยต้องเป็นเกย์แบบช่วยไม่ได้... แต่น็อตไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่นเหมือนที่รู้สึกกับเค้าคนนั้นหรอกนะฮะ......ไม่เคย และไม่คิดจะทำด้วย สาบานได้เลยฮะคุณป๋า!!” ผมหันไปยิ้มให้คุณป๋าเพื่อเป็นการปลอบใจ
.
.
.
.
.
คุณป๋ามองหน้าผมแบบปลงๆ ก่อนพูด “คุณน็อตสบายใจแล้วใช่ไม๊ล่ะ.... ถ้างั้นกลับไปนอนก่อนเลยนะ...เดี๋ยวคุณป๋าจะนั่งกลุ้มอยู่ตรงนี้แทนเอง เฮ้อออออ” คุณป๋าทำท่าทางล้อเลียนผมตอนที่นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว

“ไม่เอาดิฮะคุณป๋า ตอบมาก่อน ว่าคุณป๋าว่ายังไง?” ผมเขย่าแขนคุณป๋าและไม่ยอมปล่อยเสื้อเชิตที่คุณป๋าใส่อยู่ จนแขนเสื้อเริ่มยับยู่ยี่

“ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยคิด... ขอไปปรึกษาแฟนก่อนได้ป่าววะ แล้วค่อยมาตอบ?”

“อืมมม...น็อตขอโทษนะฮะคุณป๋า ที่น็อตทำให้คุณป๋าต้องอึ้งแบบนี้...
.
...พ่อแม่คนไหนๆก็ต้องไม่อยากให้ลูกเบี่ยงเบนอยู่แล้วนี่ฮะ” ผมพูดพลางก้มหน้าลงมองพี่ปลิงที่นอนจ้องตอบผมอย่างเอาใจช่วย คุณป๋าตบบ่าผมอย่างแรงครั้งหนึ่งจนผมต้องเงยหน้ามามองหน้าคุณป๋าเพื่อหาเหตุผลการทำร้ายร่างกายในครั้งนี้

 “งั้นเอางี้... คุณป๋าให้เวลาคุณน็อตเบี่ยงเบนสามเดือน... ถ้าจีบว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ติด คุณป๋าหาเมียให้เอาไม๊ล่ะ? รับรองว่าคุณน็อตต้องชอบ” เอากับคุณป๋าของผมสิ จะมีพ่อคนไหนที่ไม่ว่าอะไร แถมยังส่งเสริมลูกชายให้ทำตัวออกนอกลู่นอกทางได้เท่ากับพ่อของผมอีกไหมเนี่ยะ

“ถ้าอย่างนั้น คุณป๋าต้องสัญญามาก่อน ว่าระหว่างนี้ ถ้าน็อตต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไรเพื่อการจีบว่าที่ลูกสะใภ้ คุณป๋าต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ตกลงไม๊ฮะ?”

“ได้!! แต่คุณป๋าไม่อวยพรให้หรอกน่ะเว่ย ยังทำใจเรื่องเพศของว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ได้จริงๆว่ะ...
.
...แผลมันยังสดไปหน่อย...
...เออ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว บอกทุกคนในบ้านเอาไว้ก่อนก็ดี เค้าจะได้ไม่ตกใจกัน โอ่เค๊?”

“ฮะคุณป๋า ขอบคุณมากนะฮะที่ให้คำแนะนำดีๆ แถมยังพยายามทำความเข้าใจ ที่สำคัญคือให้โอกาสน็อตได้ลองอย่างเต็มที่ก่อน”

“กองไว้ตรงนั้นเถอะว่ะ ไม่มีอารมณ์จะรับ...
.
...ทีตอนไปไล่ต้อนสาวๆเมื่อก่อนไม่เห็นต้องให้คุณป๋าสอน แต่พอจะจีบผู้ชายเกิดจะมาป๊อด...
...หรือว่าคุณป๋าควรจะเลิกเรียกเราว่าไอ้เสือ แล้วเปลี่ยนเป็นไอ้ลูกหมาดีล่ะ?...ดีไม๊พี่ปลิง พี่ปลิงจะได้มีน้องจริงๆกับเค้าซักที” คุณป๋าผมหันไปหาพี่ปลิงที่ลุกขึ้นมากระดิกหางดุ๊กดิ๊กทันทีที่ได้ยินคุณป๋าเรียกชื่อ

“โธ่ คุณป๋า อย่าให้ถึงทีน็อตบ้างนะ”  คุณป๋าขยี้หัวผมเบาๆหลายครั้งก่อนอกปากชวน

“ฮ่าๆๆๆ ไปนอนกันเหอะ คุณป๋าอยากไปนอนกอดแฟนเต็มแก่แล้วว่ะ”

“ฮะ” ผมเดินอุ้มพี่ปลิงตามหลังคุณป๋าที่เดินนำหน้าเข้าบ้านไป


เอาวะ...ในเมื่อผมยังไม่ได้ลองดูสักครั้ง ผมก็ไม่มีทางรู้ว่าเรื่องระหว่างเราสองคนมันจะเป็นไปได้ หรือจะไปกันไม่รอด แต่อย่างน้อย ห้าสิบห้าสิบมันก็ยังมากกว่าศูนย์อยู่วันยันค่ำ อีกอย่าง ผมก็ใช่ว่าจะไม่เจนจัดเรื่องแบบนี้เสียหน่อย จะมามัวกังวลอะไรกับการจีบคนไม่ประสีประสาเรื่องความรักอย่างขนุนกันล่ะวะ...


...ผมก็แค่ทำอย่างที่คุณป๋าว่า...
...ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล  ไม่ได้ด้วยมนตร์ ก็ต้องเอาด้วยคาถา ไม่ได้ด้วยหน้าตา ก็ต้องเอาด้วยร่างกาย...หึ หึ...




...ก็ให้มันรู้ไปสิ ว่ารักแท้จะแพ้สเปคฯ




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


No comments:

Post a Comment