Tuesday, September 23, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 9: น้ำขึ้นให้รีบตัก

บทรุกที่ 9: น้ำขึ้นให้รีบตัก
(น้ำขึ้นให้รีบตัก : เวลามีโอกาสดีควรรีบทำ)




หึ หึ หึ ทุกอย่างเป็นไปได้สวยเกินคาด... เพราะตั้งแต่หลังกินข้าวเช้า ขนุนไม่ยอมอยู่ห่างจากผมอีกเลย

เมื่อเราทั้งคู่สังหารโหดอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ขับรถพาขนุนไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่สวนสาธารณะใกล้บ้านแห่งหนึ่ง  หลังจากเดินเซื่องๆด้วยความเร็วพอๆกับหอยทากพิการอยู่พักใหญ่ เราทั้งคู่จึงเปลี่ยนแผนไปนั่งแข่งกันบ่มน้ำลายให้บูดนานเกือบสองชั่วโมง แต่สุดท้าย...ผมก็ต้องกึ่งจูงกึ่งลากซากชีวิตขนุนที่นั่งรากงอกอย่างเศร้าสร้อยเพื่อไปหาข้าวกลางวันกิน...

นี่ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูพี่ปีย์ มีหวังพี่ผมแม่งต้องตกใจจนเสียสติ เพราะคนอย่างไอ้น็อต ไม่เคยทำตัวอยู่นิ่งๆกับที่โดยมีคนแปลกหน้านั่งประกบเงียบๆไร้ซึ่งสิ่งล่อใจหรือของเล่นฆ่าเวลาให้ทำได้นานถึงสองชั่วโมง

แต่ผมน่ะอยากจะตะโกนบอกให้ทุกคนในโลกรู้เหลือเกินว่ะว่า...แม่งเป็นช่วงเวลาสองชั่วโมงที่ผมฟินสุดลิ่มทิ่มประตูอย่างแรง เพราะผมได้นั่งมองหน้าขนุนนานสมกับที่ห่างหายกันไปหลายวัน แถมเจ้าตัวยังนั่งเฉยๆให้ผมจ้องโดยไม่เขินหรือเดินหนีอีกด้วย นี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจขนุนที่กำลังหดหู่เพราะภาพบาดตาเมื่อเช้า...ผมว่าจะหยิบเอามือถือมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้ใช้เป็นรูปดิสเพลย์บนหน้าจอไปแล้วนะเนี่ยะ คิดขึ้นมาแล้วยังเสียดายไม่หายเลยว่ะ พับผ่าสิ!!

ภายหลังกลับจากกินข้าวกลางวัน ขนุนก็เข้าประจำที่ฝังตัวเองอยู่ตรงโซฟาข้างล่างบ้านผมโดยไม่คิดจะลุกไปไหน  แม้แต่จะไปห้องน้ำ จนพี่ปีย์เดินกลับมาเรียกผมและขนุนนั่นแหละ เราสองคนถึงได้ย้ายมาจัดโต๊ะและเตรียมสถานที่สำหรับงานเลี้ยงที่บ้านพี่กานต์

แม้ว่าผมจะดีใจที่ขนุนยอมมาอยู่ในสายตาของผมตลอดเวลา แต่ผมก็เริ่มจะเป็นห่วงขนุนขึ้นมานิดๆไม่ได้เสียแล้วสิ  ขืนปล่อยไว้ให้เศร้านานไปกว่านี้...คงไม่ดีแน่  และที่แม่งจะแย่ไปกันใหญ่ก็ตรงที่ ไอ้ตัวผมที่เผลอจ้องหน้าเซื่องซึมของขนุนนานๆก็พาลรู้สึกหดหู่จนอยู่ไม่สุขขึ้นมาตงิดๆ...

...ผมต้องหาทางทำให้ขนุนยอมปริปากระบายความรู้สึกออกมาให้ได้...
...แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว แม้จะผ่านเรื่องรักๆเลิกๆมาหลายครั้ง แต่ผมดันไม่เคยตกอยู่ในอาการรักใครถวายหัวจนเมื่อต้องผิดหวังก็เศร้าซึมจากโรคอกหักรักคุดตุ๊ดเมินเหมือนอย่างที่ขนุนเป็นมาก่อน  ผมเลยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับคนที่กำลังรู้สึกผิดหวัง เสียใจเพราะพิษรักอย่างขนุนในเวลานี้  

ถึงอย่างนั้น...สิ่งที่ผมรู้แน่ก็คือ ในเวลาที่มีปัญหา แค่มีใครสักคนคอยมาอยู่ใกล้ๆ มาเสนอตัวรับฟังปัญหา และเรื่องทุกข์ร้อนไม่สบายใจ แค่เท่านั้น...ความทุกข์ที่อัดอั้นอยู่ข้างในก็จะได้รับการปลดปล่อยหรือลดน้อยลงได้.....

...กับคนอกหักแม่งก็น่าจะคือๆกันน่ะแหละวะ

ระหว่างที่เราทั้งสองคนกำลังจัดเตรียมสถานที่ และอุปกรณ์ต่างๆ ผมมักจะหันไปเห็นขนุนจ้องเข้าไปในบ้านอยู่เกือบตลอดเวลา... คนหน้าแว่นมักจะถอนหายใจหนักเป็นพักๆเมื่อเห็นสองคนในบ้านหัวร่อต่อกระซิก หรือพูดคุยกันอย่างออกรส นี่ถ้าขนุนแม่งถอดตาไปแปะไว้บนบานกระจกหน้าต่างได้ ผมว่าขนุนแม่งทำไปแล้วล่ะมั้งฮะ...

...เศร้าพอแล้วม้างงงขนุน อย่าเยอะไปกว่านั้นเลย...อีกนิดเดียวนี่ใกล้จะเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้าแล้วนะฮะ  เอ...หรือว่าเราเป็นพวกเสพติดความเจ็บปวด  ถึงได้จ้อง X1 ไม่วางตาอยู่อย่างนั้น ... พอกันที!! ไอ้น็อตจะไม่ทน!!


“คุณขนุนมีเรื่องอะไรในใจรึเปล่าฮะ? ผมเห็นอาการคุณไม่ดีเลยตั้งแต่เมื่อเช้า...
.
...คุณก็รู้ว่าผมยินดีรับฟังทุกๆเรื่องเกี่ยวกับคุณ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากระบาย...คุณพูดมันออกมาได้เลยนะฮะ”



“........(เฮ้ออออออออออออ).........”

ขนุนไม่ตอบด้วยคำพูดเป็นเพราะสี่ตานั่นยังคงมองตามพี่กานต์กับพี่ปีย์อย่างไม่ลดละ หากแต่ส่งเสียงถอนใจยาวมาให้... ชักจะมากเกินไปแล้วนะเว่ยขนุน ไอ้เรารึก็อุตส่าห์เป็นห่วงเห็นท่าไม่ดี เลยยอมเสียฟอร์มลดตัวลงมาออกปากถามไถ่ แต่นี่อะไร... ถามอะไรก็ไม่ตอบสักอย่าง เอาแต่ถอนหายใจอยู่นั่น!!!


ในเมื่อพูดดีๆแม่งไม่ได้ผล ก็คงต้องแดกกันให้ฟื้นคืนสติแล้วล่ะมั้ง “นั่งดูเค้าสองคนสวีทกันมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะฮะ สู้พูดออกมาซะยังจะดีกว่า... ไม่พอใจ เสียใจ โกรธ เกลียด ผิดหวัง พูดออกมาสิฮะ เผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น”
.
.
.
.
“...คือ...ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง”

“เอางี้ ผมอยากให้คุณบอกสิ่งที่คุณรู้สึกอยู่ในเวลานี้ออกมาเลยโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดน่ะฮะ แค่นี้ทำได้ไม๊ฮะ?” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วเอ่ยออกมาทันที

“ผมเสียใจครับ” ในที่สุดก็ยอมเปิดปากซะที นึกว่าจะต้องรอให้ลูกผมบวชสักสามพรรษาก่อน ขนุนถึงจะยอมหลุดอะไรออกมาให้ฟังบ้าง

“ทำไมถึงเสียใจล่ะฮะ?”

“คือ....คือ....คือ..........     

“ที่คุณเสียใจ มันเกี่ยวกับเรื่องพี่กานต์ที่คุณเห็นเมื่อเช้ารึเปล่าฮะ?” ผมถามแทรกโดยไม่รอให้ขนุนเสียเวลาเรียบเรียงคำพูดไปอีกวินาทีเดียว

“ครับ ใช่ครับ ผมเสียใจเรื่องนั้นแหละครับ” ขนุนพยักหน้าหงึกหงักรับประกันคำพูดตัวเอง

“คุณเสียใจที่เห็นพี่กานต์อยู่กับพี่ปีย์เหรอฮะ?”

“เค้าสองคนเหมาะสมกันมากอย่างที่น็อตบอกจริงๆล่ะครับ ผมเลยเสียใจ”

“แล้วการที่เค้าสองคนดูเหมาะสมกัน มันไปเกี่ยวอะไรกับการที่คุณเสียใจล่ะฮะ...ผมงง” ผมแกล้งทำท่าเหมือนไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อนของขนุนเพื่อให้เจ้าตัวยอมเล่าความรู้สึกของตัวเองออกมาให้หมด

“เพราะว่าผมแอบชอบคุณกานต์น่ะสิครับ...
.
.
...และที่ผมเสียใจ ก็เพราะว่าผมอกหักทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มจีบคุณกานต์เลยน่ะครับ”

“อ๋ออออออ อย่างนี้นี่เอง...งั้นก็แสดงว่า พี่กานต์คือคนที่คุณชอบ.......หรือถ้าจะให้ถูก ผมควรจะบอกว่าพี่กานต์ คือคนในสเปคของคุณ ใช่ไม๊ฮะ?”

“ครับ ผมชอบคุณกานต์ทันทีที่ผมเห็นคุณกานต์เลยล่ะฮะ...
.
...ดูจากภายนอก...คุณกานต์คือคนที่ใช่สำหรับผม แต่ยิ่งผมได้ทำความรู้จักกับคุณกานต์มากขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ยิ่งชอบนิสัยใจคอของคุณกานต์มากขึ้นทีละนิด ทีละนิด....
...คุณกานต์เป็นคนดี เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน คุณกานต์ทำตัวปกติกับผมเสมอ... ซึ่งมันต่างจากที่คนอื่นปฏิบัติกับผม เพียงไม่นาน ผมก็รู้ได้ทันทีว่า คุณกานต์เป็นคนพิเศษของผมน่ะครับ...
.
.
...แต่พอผมได้เห็นคุณกานต์ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขที่หน้าบ้านเมื่อเช้านี้ ผมก็รู้ได้ทันทีว่า ผมคงไม่มีทางทำให้คุณกานต์ยิ้มได้อย่างที่คุณปีย์ทำแน่ๆ ที่สำคัญ สายตาที่คุณกานต์มองผม...มันแตกต่างจากสายตาที่คุณกานต์แอบลอบมองคุณปีย์  สำหรับคุณกานต์ ผมคงเป็นเพียงเพื่อนบ้านที่น่าสมเพช ในขณะที่คุณปีย์...คือคนที่ทำให้โลกทั้งใบของคุณกานต์ กลายเป็นสีชมพู...
.
...และนั่นก็หมายความว่า ผมอกหักโดยสมบูรณ์แบบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วน่ะครับ”

“แต่คุณควบคุมความรู้สึกเสียใจและอาการได้ดีมากเลยนะฮะ เพราะคุณดูไม่เหมือนคนอกหักที่ผมเคยเห็นมาก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว...
.
...ประเภทที่อกหักแล้วชอบเดินร้องไห้ท่ามกลางสายฝนเพราะคิดไปเองคนเดียวว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นน้ำตา...
...ประเภทที่อกหักแล้วชอบทำลายข้าวของโดยเฉพาะพวกหมอนที่มีขนอยู่ข้างในหรือไม่ก็ปาแก้วปาจาน...
...และไอ้ประเภทสุดท้ายที่โคตรจะคลาสสิค...พวกที่ชอบเปิดน้ำฝักบัวในห้องน้ำทิ้งเอาไว้ ก่อนร้องไห้เหวี่ยงตัวเองฟาดเปรี้ยงเข้ากับผนัง แล้วไถตัวลู่ลงสู่พื้นอย่างช้าๆโดยไม่ลืมเอาหน้าสำรวจความเรียบของผิวกระเบื้องข้างฝา และปิดท้ายกระบวนท่าด้วยการลงนั่งร้องไห้ใต้สายน้ำทั้งที่ใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น อะไรทำนองนั้นน่ะฮะ...
.
.
.
... หรือว่าจริงๆแล้วคุณก็คิดจะทำ แต่แค่ยังไม่สบโอกาส ใช่ไม๊ฮะ?” ผมแหย่อีกฝ่ายให้พอมีอารมณัขัน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

“ที่ผมควบคุมตัวเองได้ มันน่าจะเป็นเพราะ แม้ว่าผมจะอกหัก แต่การได้เห็นคุณกานต์กอดกับคุณปีย์ที่หน้าบ้าน มันทำให้ผมนึกพล็อตสำหรับนิยายเรื่องใหม่ได้น่ะครับ...
.
.
...คือช่วงนี้งานผมไม่ค่อยจะราบรื่นสักเท่าไร หนำซ้ำยังโดนแก้งานบ่อย จนโดนบ.ก.เรียกตัวไปอบรมทุกรอบที่ส่งต้นฉบับ ผมก็เลยตื้อๆ พาลให้คิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่ไม่ออกไปซะเฉยๆน่ะครับ...... แต่พอได้มาเห็นความสุขของเค้าทั้งคู่เข้าเต็มๆสองตา มันกลับทำให้ผมปิ๊งไอเดียสำหรับเขียนงานเรื่องใหม่ขึ้นมาได้ซะนี่...
.
...ไอ้ที่ผมจะทุกข์เพราะอกหัก...ก็ดันทุกข์ไม่สุด แต่จะให้พูดว่าสุขเพราะคิดเรื่องงานเต็มปาก...ก็คงจะไม่ใช่น่ะครับ”




“โอเค...เอาอย่างนี้ เรามาคุยกันทีละเรื่องดีไม๊ฮะ เพราะเท่าที่ผมฟัง ดูเหมือนจะมีสองเรื่องที่เกี่ยวโยงกันยังไงชอบกล...
.
.
...นั่นก็คือ เรื่องอกหัก กับเรื่องงาน......ที่ผมสรุปแบบนี้  ถูกต้องใช่ไหมฮะ?”

“ครับ ผมกลุ้มเรื่องอกหัก กับเรื่องงานครับ”

“งั้นเรามาว่ากันเรื่องอกหักก่อนดีไม๊ฮะ?” ขนุนพยักหน้าช้าๆให้ผม ผมจึงยิงคำถามออกไปทันที “ผมถามคุณตรงๆเลยนะฮะ ว่าตั้งแต่ที่คุณเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชอบพี่กานต์ คุณได้ทำอะไรเพื่อบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกของคุณบ้างไม๊ฮะ?

“เอ่อออออ... การที่ออกไปมองบ้านเค้าทั้งเช้าเย็น และการไปนั่งคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ทุกๆวันนี่นับด้วยไม๊ครับ?”

“เอางี้ ผมถามคุณก็แล้วกัน...ถ้าผมไปยืนมองบ้านคุณทั้งเช้าทั้งเย็น   อ่ะ...ผมต่อให้เป็นสามเวลาหลังอาหารเลยก็ได้ คุณจะรักผมขึ้นมาไม๊ล่ะฮะ?”......กูนี่ก็ไม่น่าสมมติอะไรแบบนี้เลยว่ะ แม่งขยี้ปมชิบหาย แล้วที่สำคัญ อีกฝ่ายแม่งก็ง้างจะส่ายหน้าเพื่อแทนคำปฏิเสธอย่างเต็มเหนี่ยวอยู่นั่น  ผมเลยรีบพูดออกไปตัดบทเพราะไม่อยากฟังประโยคชวนแสลงหู  “คุณไม่ต้องตอบผมให้เปลืองน้ำลายหรอกฮะ เพราะต่อให้ไปถามใครๆที่ไหน เค้าก็คงรู้กันหมดแหละฮะว่า ไอ้ความรู้สึกรักน่ะ    มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าเราเอาแต่ไปยืนจ้องบ้านคนที่เราชอบเพียงอย่างเดียวหรอกฮะ...
.
.
...ทีนี้ ที่คุณบอกว่าคุณไปนั่งคุยกับเค้าทุกวัน คุณกับพี่กานต์คุยเรื่องอะไรกันฮะ? ไหนลองยกตัวอย่างเรื่องที่คุณคุยกับพี่กานต์ให้ผมฟังหน่อยจะได้ไม๊ฮะ?”
.
.
.
.
“..............เอ่อ..............จะว่าไป มันก็ไม่ใช่การคุยซะทีเดียวหรอกครับน็อต...
.
...จริงๆแล้ว ผมไปนั่งฟังคุณกานต์คุยกับน้องๆหรือเพื่อนๆของเค้าน่ะครับ ตัวผมไม่ค่อยได้คุยอะไรซักเท่าไรหรอกครับ เพราะผมกลัวคนอื่นฟังสิ่งที่ผมพูดไม่รู้เรื่องน่ะครับ แหะ แหะ”

“งั้นก็เท่ากับว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณไม่เคยมีท่าทีพิเศษอื่นใด หรือเคยบอกความในใจว่าคุณรู้สึกกับพี่กานต์มากกว่าเพื่อนบ้านธรรมดาให้พี่กานต์รับรู้มาก่อนเลย ใช่ไม๊ฮะ?”

“อืมมมมมมม ก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”

“เก็ทละฮะ    งั้นผมถามต่อ... ถ้าเกิดวันนี้ ผมขอให้คุณลุกขึ้นมาประกาศให้ทั้งพี่กานต์และใครๆได้รับรู้ว่า คุณตั้งใจจะเดินหน้าจีบพี่กานต์แล้วนะ คุณคิดว่า...คุณจะทำได้ไม๊ฮะ?”

“โอยยยยยยยยยยยยยย....... ไม่ได้หรอกครับน็อต...
.
...ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย เพราะคุณกานต์ดูสนใจคุณปีย์เข้าแล้ว ขนาดผมเป็นแค่คนนอก ผมยังตอบคำถามแทนคุณกานต์ได้เลยล่ะครับว่า ถ้าต้องให้เลือกระหว่างผมกับคุณปีย์...คุณปีย์นี่แหละครับ คือคนที่น่าจะใช่ที่สุดแล้ว...
.
.
.
...ก็อย่างที่น็อตเห็นน่ะแหละครับ ผมไม่มีอะไรดีพอจะไปสู้กับคุณปีย์ได้เลย...
...เอาแค่เฉพาะจากที่ผมเห็นคุณปีย์ไกลๆแค่ตรงนี้ ผมยังบอกได้เลยว่า หน้าตา รูปร่าง การแต่งกาย เสน่ห์ทางเพศของคุณปีย์เอาชนะผมได้แบบขาดลอยเลยครับ” ขนุนมองพี่ปีย์ที่กำลังนั่งคุยกับพี่กานต์อยู่ข้างในบ้านด้วยสายตาเศร้าๆ

แต่เพื่อให้แน่ใจว่าขนุนจะไม่คิดกลับลำทีหลัง ผมคงต้องถามให้รู้ดำรู้แดงกันไป “ไม่คิดจะลุกขึ้นสู้หน่อยเหรอฮะ?”.

...ถอดใจ ถอดใจ ถอดใจ ขอให้ล้มเลิกความคิดเรื่องพี่กานต์ ขอให้รู้สึกว่าพี่ปีย์แม่งกิ่งทองใบหยกกับพี่กานต์ไปเลยก็ได้ยิ่งดีทีเท๊อะ เพี้ยงงงงงงงง!!!

“ไม่ดีกว่าครับ...แค่ได้เห็นคุณกานต์มีความสุข ผมก็ดีใจแล้วครับ... ผมว่า ผมเปลี่ยนคนที่ผมชอบใหม่น่าจะง่ายกว่า”

....เชดดดดดดดดดด เข้าทางสัดๆ!!!!!...
...อกหักมารักกับผม อกหักมารักกับผม อกหัก อกหัก อกหักมารักกับผม เชิ้บ เชิ้บ!!

“สรุปว่า คุณยอมรับกับความพ่ายแพ้ในความรักครั้งนี้อย่างเต็มประตูไปแล้วใช่ไม๊ฮะ?” ผมนี่เกือบต้องหยิกตัวเองแรงๆ เพราะแอบหลุดยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ดีนะที่ขนุนเอาแต่เหม่อมองเข้าไปในบ้านเลยไม่ทันเห็นหน้าแป้นแล้นของผมเมื่อเห็นว่าชัยชนะอยู่ห่างออกไปแค่เอื้อม

“ครับ...ดูยังไงๆผมก็แพ้หมดรูปตั้งแต่ยังไม่ได้ต่อสู้เลยนี่ฮะ ถ้าขืนยังดันทุรังต่อไปเรื่อยๆ คนที่จะเจ็บหนัก ก็คงจะไม่พ้นตัวของผมเอง” นั่นแหละคือสิ่งที่ถูกต้องนะขนุน คนเราน่ะมันต้องรู้จักประมาณตน ว่าเราเหมาะกับอะไร หรือควรรักใคร...ถ้าไม่อยากเจ็บใจอีกแล้ว หันมาทางนี้เลย น็อตรออยู่นะจ๊ะที่รัก หึ หึ

“งั้นผมกระชากอารมณ์เปลี่ยนมาคุยเรื่องงานกันดีกว่านะฮะ...จะได้ระบายให้หมดไปจากใจทีเดียว หลังจากนี้ คุณก็จะโล่งงงงงงงง แล้วก็ไม่กังวลหนักเท่ากับที่เคยเป็น ดีไม๊ฮะ?” ผมเห็นหน้าขนุนยังเอ๋อๆเพราะผมเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว

แหม่...ฟังคนที่เราชอบพร่ำเพ้อเรื่องความรักของเขากับคนอื่นที่มันรื่นหูเสียที่ไหนกันล่ะฮะ ที่เศร้ามาตั้งแต่เช้า...ผมว่าก็น่าจะพอได้แล้วล่ะ เก็บเอาพลังงานไปสำรองใช้ตอนที่ต้องรับความรักจากผมจะดีกว่านะฮะขนุน

ผมเปิดประเด็นใหม่ในการสนทนาของเรา “เกิดอะไรขึ้นกับงานของคุณหรอฮะ? ทำไมมันถึงทำให้คุณกลุ้มจนหมดไฟในการคิดและเขียนเรื่องใหม่?”
.
.
.
“คือ...ผมมีปัญหาเรื้อรังปัญหานึง ที่ผมยังแก้ไม่ได้ซักที ตั้งแต่เริ่มทำงานเป็นนักเขียนมาน่ะครับ... สัญญากับผมอย่างนึงได้ไม๊ครับ ว่าถ้าผมยอมบอก...น็อตจะไม่เอาไปเล่าให้ใครฟัง”

“ฮะ...ผมสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองเลยฮะ.... และปัญหาที่ว่าก็คือ?”

“โอ๊ยยย อายจัง... ผมไม่คิดว่าผมต้องมาพูดอะไรอย่างนี้ให้น็อตฟังเลยนะเนี่ยะ...
.
...เอาก็เอา!!................คือ........ผมเขียนฉากอย่างว่าไม่ได้น่ะครับ”

“ห๊ะ?????!!!! ผมเผลอส่งเสียงดังเพราะงงกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินผ่านรูหู.........ก็ผมไม่คิดว่าคนที่เป็นนักเขียนจะมีปัญหาอะไรแบบนี้นี่หว่า อีกอย่าง ผมก็เห็นมากับตาแล้วนะ ว่าในไฟล์งานของขนุนแม่งมีฉากอย่างว่าแบบเนื้อๆเน้นๆ แล้วทำไมเจ้าตัวถึงบอกว่ามันเป็นปัญหาอยู่อีกล่ะวะ???

...หรือว่านิยายพวกนี้...คนเขียนแม่งต้องเขียนออกมาให้เห็นกันเป็นลำๆ คลำหน้าจอแล้วสัมผัสได้ถึงความนูนเลยหรือไงวะ แม่งจะอะไรกันนักหนา!?!

“ชู่ววว์ ไม่ต้องห๊ะดังก็ได้ครับ!!!... ...ที่ผมพูด มันก็หมายความตามนั้นแหละครับ...”  ขนุนชูนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วแตะที่ปากของตัวเองแล้วโน้มตัวเข้ามาหาผมแบบใกล้ๆเพื่อทำให้ผมลดเสียงลง... อาห์ กลิ่นวนิลาอุ่นๆ เขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว คราวหน้าผมแม่งต้องลองหาจังหวะตะโกนสักสามสี่เที่ยว เผื่อจะทำให้ขนุนกระโจนมานั่งตัก หึ หึ หึ
.
.
“... ผมต้องเกริ่นก่อนว่า นิยายสำหรับกลุ่มคนอ่านเฉพาะที่ผมเขียนน่ะ มักจะต้องมีฉากอย่างว่าเพื่อเป็นการเซอร์วิสแฟนๆมากบ้างน้อยบ้างตามความเหมาะสมของเนื้อเรื่อง เพราะแฟนๆส่วนใหญ่ มักจะคอยลุ้นให้ตัวเอกทั้งสองคนได้สมหวังกันน่ะครับ.............และการทำให้ตัวละครสมหวังอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นฉากที่ตัวเอกมีอะไรกัน...
.
...ปัญหาของผมมันก็อยู่ที่ตรงนั้นน่ะแหละครับ เพราะฉากเข้าพระเข้านายของนิยายทุกเรื่องที่ผมเขียน   ถูกพี่บ.ก.จัดอันดับว่า ง่อยที่สุดในบรรดานักเขียนทั้งหมดของสำนักพิมพ์   ทุกครั้งที่แกได้อ่านต้นฉบับของผม...แกถึงกับทนอ่านไม่ไหว จนต้องเรียกผมไปสวดจนแกเริ่มจะทนไม่ไหว สุดท้าย...แกก็ยื่นคำขาดว่าให้ผมไปหาทางทำยังไงก็ได้ ให้ผมสามารถเขียนฉากแบบนี้ได้ซะที...
.
.
.
...แล้วน็อตรู้ไม๊ครับ ว่านิยายที่ผ่านมาของผมทั้งหมดที่ผมเคยเขียน พี่บ.ก.แกแก้ปัญหายังไง?” ผมถึงกับส่ายหน้าอย่างแรง ก็แหงสิ จะให้ผมรู้ได้อย่างไรล่ะฮะ ในเมื่อไอ้ที่ผมอ่านไปเมื่อวันก่อน มันก็ยังมีฉากแบบนั้นอยู่เลยนี่หว่า “แกให้พวกมือปืนมาเขียนฉากพวกนั้นแทนเนื้อความเดิมที่ผมเขียน...
.
.
...ผมล่ะเศร้าและเสียหน้าสุดๆไปเลยล่ะครับ มีอย่างที่ไหน...เขียนนิยายมาได้ตั้งหลายเล่ม มีแฟนประจำตามอ่านเรื่องของผมไม่รู้ตั้งเท่าไรต่อเท่าไร แต่ดันมาตกม้าตายด้วยเรื่องแบบนี้..................ผมเคยถามพี่เมี่ยง...พี่บ.ก.น่ะครับ ว่าถ้าผมจะเปลี่ยนเป็นเขียนนิยายที่ไม่มีฉากอย่างว่าเลยจะได้ไม๊?...
.
...พี่เมี่ยงแกก็บอกผมง่ายๆแต่ทำให้คนฟังอย่างผมอยากลาตาย... เพราะแกให้ผมเลือกว่าจะยังคงเป็นนักเขียนต่อไป   หรือจะเปลี่ยนสาย ไปทำอาชีพอื่นแทนน่ะครับ ผมก็เลยยิ่งกลุ้มไปกันใหญ่” ขนุนเอามือยีหัวไปมาจนผมที่ยุ่งอยู่แล้ว ยิ่งยุ่งยิ่งฟูฟ่องไม่ได้รูปร่าง

“แล้วที่คุณเขียนไม่ได้ คุณรู้ไม๊ฮะ ว่าสาเหตุมันเป็นเพราะอะไร?”

“ตอนแรกพี่เมี่ยงก็ถามผมแบบนี้เหมือนกันครับ แต่พอผมไม่มีคำตอบให้ แกก็เลยเปลี่ยนมาถามผมว่า ผมเคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่าบ้างหรือเปล่า...”
.
.
.
.
“...แล้วผมจะไปมีประสบการณ์เรื่องแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ ในเมื่อผมยังไม่เคยมีแฟนเลยซักคนเดียว...
...ขนาดคนที่แอบชอบมานาน ก็ไม่เคยได้จีบ เฮ้อออออ”

เหยด พี่เมี่ยงนี่แม่งยิงหมัดฮุคเข้าตรงเป้ากะจะไม่ไว้ชีวิตขนุนหน่อยเลยเหรอวะ... แต่ก็นะ พี่เมี่ยงแม่งจะเสียเวลาถามไปทำไม๊ แม่งก็เห็นๆกันอยู่ ว่าอย่างขนุนเนี่ยะ ต้องสดๆซิงๆไม่มีทางผ่านมือใครมาก่อนแน่ๆ..........แต่ไอ้น็อตสุดหล่อขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า สถิติความซิงไม่รู้ประสาของขนุน จะถูกทำลายให้ย่อยยับลงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป....ด้วยน้ำมือของกระผมเอง หึ หึ หึ

“ผมเข้าใจปัญหาของคุณแล้วล่ะ... คุณแค่ขาดประสบการณ์ตรงใช่ไม๊ล่ะฮะ คุณถึงเขียนอะไรแบบนั้นออกมาไม่ได้“

“ครับ นั่นเป็นข้อสรุปเดียวกันกับที่พี่เมี่ยงบอกผมครับ... นี่แกคาดโทษผมมาแบบสดๆร้อนๆเลยนะครับว่า ถ้าผมยังแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ในนิยายเรื่องใหม่ที่ผมกำลังจะเขียน  แกจะดองต้นฉบับของผมเอาไว้ก่อนน่ะครับ”

“เฮ๊ยยย!! นั่นเรื่องใหญ่เลยนะฮะ นักเขียนที่ไม่ได้ตีพิมพ์งานของตัวเอง มันน่าเศร้ามาก แล้วคุณต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ภายในเมื่อไหร่เหรอฮะ?” ผมแอ๊บทั้งเสียงและหน้าให้ดูตกใจอย่างที่สุด ทั้งที่ในใจกำลังยินดีตีลังกาอย่างหาใดเปรียบไม่ได้

“ไม่เกินสามเดือนครับ”...ไม่ต้องรอนานขนาดนั้นหรอกฮะเบ่เบ๋ เพราะน็อตเองคงจะรอไม่ไหวเหมือนกัน กรั่ก กรั่ก กรั่ก...

“เท่าที่ฟังมา ผมว่าปัญหาเรื่องงานนี่ค่อนข้างหนักเอาการเลยนะฮะ... เอาอย่างนี้ดีกว่า คืนนี้เรามาเมากันให้สุดๆไปเลยดีไม๊ฮะ ถือเป็นการส่งท้ายให้กับความเสียใจกับเรื่องอกหัก และอำลาความเครียดสะสมจากเรื่องงาน...
.
.
...เพื่อที่วันพรุ่งนี้ เราจะได้เริ่มต้นหาทางออกให้กับปัญหากันใหม่...
...ดีไม่ดี ทางออกของปัญหาทั้งหมด อาจจะมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของคุณขนุนทันทีหลังจากตื่นนอนแล้วก็ได้นะฮะ”  แหม่  ใจผมนี่อยากจะเอานิ้วชี้หน้าตัวเองเสียตอนนี้เหลือเกิน เพราะตัวช่วยของขนุนเพื่อแก้คัน เอ๊ย!! แก้ปัญหานี้กำลังยืนหน้าระรื่นอยู่ตรงนี้แล้ว....ท๊าดา!!

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ... เมาก็เมา แต่ผมต้องออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่าผมน่ะคออ่อนมาก ดื่มได้ไม่เท่าไรก็เมาไม่รู้เรื่องแล้ว... ถ้าน็อตอยากจะได้เพื่อนกินเหล้าให้หนำใจ ผมคงไม่ใช่คำตอบแน่ๆครับ ฮะ ฮะ ฮะ”

“เรื่องนั้นคุณไม่มีทางรู้หรอกฮะ... แต่ผมว่า คุณน่ะน่าจะเป็นเพื่อนดื่มที่ผมอยากได้มากที่สุดเลยนะฮะ หึ หึ หึ”

เมาเลยฮะขนุน เมาให้เต็มที่...คืนนี้ผมจะได้ลวนลามแม่งให้หนำใจ ไหนๆผมก็อุตส่าห์อดทนห้ามตัวเองมาได้ตั้งนานสองนาน   บ๊ะ!!...คิดแล้วผมงี้อยากจะตั้งวงมอมขนุนแม่งซะตั้งแต่ตอนนี้เลย ช่วงเวลาสนุกของผมจะได้ยาวนานออกไปอีก

“เหรอครับ... ดีน่ะสิครับ งั้นคืนนี้เรามานั่งข้างๆกันนะครับ เราจะได้คุยกันได้สะดวกๆ” มานั่งตักน็อตก็ได้ฮะขนุน น็อตยินดีมากฮะที่รัก

“ผมก็ว่าจะชวนคุณอยู่เหมือนกัน...
.
.
...โอ๊ะ นี่ก็เกือบสามโมงแล้ว เรารีบจัดโต๊ะให้เรียบร้อยกันเถอะฮะ เดี๋ยวพวกเพื่อนๆพี่กานต์ก็น่าจะมากันแล้ว เราจะได้มีเวลาไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้โดยที่ไม่ต้องเร่งมากนัก” ผมเหลือบดูนาฬิกาข้อมือแล้วชวนให้ขนุนเร่งเดินหน้างานที่ได้รับมอบหมายมา

“โอเคครับ”

ผมหันกลับไปหาขนุนที่ลงมือจัดเก้าอี้ตามจำนวนแขกในคืนนี้อย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วพูดชักชวน “เอ่อ...คุณขนุนฮะ  ผมว่าจะชวนอยู่พอดี...คือ ถ้าคืนนี้คุณเมามาก คุณมานอนที่บ้านผมดีไม๊ล่ะฮะ เพราะผมไม่อยากให้นิ้งหรือพี่น้ากังวลถ้าต้องเห็นคุณเมาน่ะฮะ”

ไอ้ที่ชวนขนุนมานอนบ้านผมคืนนี้น่ะ ไม่ใช่เพราะผมเกิดอยากลุกขึ้นมาทำตัวเป็นคนดี ช่วยรักษาภาพพจน์ของขนุนอย่างที่ใครๆเข้าใจหรอกฮะ เอาตรงๆเลยแล้วกันนะฮะ.....ผมแม่งอยากแน่ใจว่าจะไม่มีก้างไหนๆมาขวางคอผมได้อีก ที่สำคัญ  ถ้าเราต้องไปนอนที่ศาลเลขที่ 21 แม่งก็ไม่ปลอดภัย เพราะเจ้าของห้องไม่เคยล็อคประตูห้องนอน... 

...ถ้าต้องมาเหี่ยวซ้ำเหี่ยวซ้อนเพราะน้องสาวตัวดีเกิดเปิดประตูผางเข้ามาเอาอีตอนจะซั่มแจ้ขนุนเข้า... แม่งก็ไม่ไหวว่ะ แถมยัยเด็กหัวม่วงนั่นคงจะกรี๊ดด้วยภาษาอิอร๊าง อรั๊ยส์ๆ อะไรนั่นดังลั่นบ้าน ก่อนจะไปลากเอาเฮียห้าวมาตั้งโต๊ะล้อมวงกินป๊อบคอร์นไปพลาง นั่งเชียร์ผมกระทำชำเราขนุนไปพลางแหงๆ...

...ไม่ใช่ว่าผมอายถ้ามีใครต้องมาเห็นผมทำอะไรแบบนี้หรอกนะฮะ แต่แม่งเป็นครั้งแรกกับผู้ชายไงฮะ...อะไรๆแม่งคงจะไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางสักเท่าไร  เอาไว้เข้าขา เล่นท่ายากด้วยกันได้มากกว่านี้เมื่อไร ผมจะเปิดขายบัตรที่ไทยทิกเก็ตฯ เพื่อเปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชมเราสองคนเอากันทั่วทุกภูมิภาคทั้งเหนือใต้ออกตกเลยดีไหมฮะ หึ หึ หึ...

“ก็ดีนะครับ เพราะคราวที่ผมเมาครั้งที่แล้ว สภาพผมดูไม่ได้เลยฮะ... เดี๋ยวพอจัดโต๊ะเสร็จ ผมกลับไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็เก็บของมานอนที่บ้านน็อตก็แล้วกันนะครับ...รบกวนด้วยนะครับ”

“รบกงรบกวนอะไรล่ะฮะ...ถ้าที่คุณทำเรียกว่ารบกวน ที่ผมไปนอนบ้านคุณ ไม่เรียกว่าไม่เห็นหัวคุณเลยเหรอฮะ  แหม่...อย่าคิดมากไปเลยฮะ คุณมานอนด้วยนี่ดีซะอีก เพราะผมจะได้ตอบแทนคุณในฐานะเจ้าบ้านบ้างยังไงล่ะฮะ”


...แล้วนี่อยู่ดีๆกูจะ แดกตัวเองทำไมว้า ตื่นเต้นที่จะได้ทะลวงตู้เย็นเสียจนเอาตัวเองมาเล่นให้เสียหายอยู่ได้นะกูนี่!!


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


หลังจากงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านเป้าหมายดำเนินมาได้ระยะหนึ่ง ผมก็ปลีกตัวออกมาเพื่อดำเนินการมอมเหล้าขนุนให้หนำใจ ระหว่างที่ผมกำลังหอบเหล้าและเหล่าเครื่องเคราประกอบการตั้งวงห้ำหั่นสุราวงย่อยระหว่างผมกับขนุน   พี่ปีย์ก็เดินมาขวางเหมือนต้องการจะถามเรื่องอะไรบางอย่าง


“ไอ้น็อต...นี่อะไรของมึงนักหนา อย่างกะพวกบ้าหอบฟาง ไม่ใช้ตีนช่วยคีบไปเลยล่ะมึง...
.
...ใจคอกะจะเอาให้เมาปลิ้นเลยเหรอไงวะ?” พี่ปีย์มองผมหัวจรดเท้า เท้าจรดหัวอยู่นานแล้วพูดออกมาอย่างขำๆ เพราะตอนนี้มือสองข้างของผมเต็มไปด้วยแก้วน้ำสองใบ แก้วช็อตหกใบ น้ำแข็งหนึ่งถัง แขนสองข้างหนีบเอาน้ำเปล่าขวดใหญ่ สไปรท์ขวดลิตร และวอดก้าพีชขวดใหญ่หนึ่งขวดเอาไว้

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ปีย์ แหม่...แค่นี้เค้าเรียกน้ำจิ้ม พี่ก็รู้นี่ฮะว่าเหล้าแค่กระผีกมดดมเนี่ยะ  ตับผมนี่ไม่มีกระดิก” ผมส่งยิ้มกวนตีนคืนไปให้

“ที่ตับมึงไม่กระดิกเพราะแม่งแข็งมาตั้งแต่เกิดแล้วน่ะสิไอ้ห่า...
.
...แต่เจ้าพ่อคอทองแดงขอรับ...คนเดียวล่อทั้งขวด จะไม่มากไปเกินหน่อยเหรอครับกระผม?”

“ใครบอกว่าผมจะเอาไปกินคนเดียว... ขวดนี้ของผมกับขนุนฮะ แต่คืนนี้ผมเน้นเป็นผู้สังเกตการณ์ กินบ้างนิดๆหน่อยๆให้พอเป็นพิธีมากกว่าน่ะฮะ” ผมพูดตามความจริง... ต่อให้ใครเอาปืนมาจ่อหัวบังคับให้ผมเมา ผมยอมตายเสียดีกว่าที่จะได้มอมเหล้าขนุน

“จริงเหรอวะ? คุณขนุนนี่เค้าดูเป็นคนเงียบๆไม่น่าจะจัดหนักขนาดกินเหล้าได้ทั้งขวดเลยนี่หว่า...
.
.
...อีกอย่าง กูชักเริ่มไม่แน่ใจว่าเค้าจะชอบ X1 จริงๆอย่างที่มึงว่าเลยนะเว่ย เพราะตั้งแต่เจอหน้ากัน...กูไม่เห็นเค้าจะพูดอะไร แล้วก็ไม่เห็นว่าเค้าจะเข้าหา X1 ซักครั้งเลยนะ?”

“เค้าไม่ได้เงียบหรอกฮะปีย์ แต่เค้าแค่ไม่ค่อยกล้าคุยกับใครถ้าไม่สนิทน่ะฮะ ส่วนเรื่องที่เค้าไม่เข้าใกล้เป้าหมาย... พี่ปีย์ก็น่าจะโล่งใจที่เค้าไม่ได้เข้าไปขัดขวางการทำงานของพวกเรา มากกว่ามัวแต่เอาเวลามานั่งจับผิดเพราะความสงสัยอยู่อย่างนี้นะฮะ...จริงไม๊ฮะ?...”

“แล้วที่มึงไปพูดปาดหน้าเค้กจังหวะที่คนอื่นเค้าหันไปสนใจน้องที่ตามเข้างานมาทีหลังน่ะ...เพื่ออะไรวะ?
.
.
... ร้อยวันพันปี กูก็ไม่เคยเห็นมึงทำอะไรดึงดูดความสนใจของคนอื่นขนาดนี้เลยนี่หว่า... หรือว่ามึงตั้งใจจะเบรคคนอื่นเพื่อให้กลับมาสนใจคุณขนุน?”

 อ่าวววววว!!...ชิบหาย!!แล้วไหงงานมันมางอกเอาเรื่องที่ผมไม่อยากให้ใครมาสนใจได้อีกล่ะวะเนี่ยะ

พี่ปีย์แม่งก็นะ จะช่างสังเกตไปหนายยยยย  เท่านั้นยังไม่พอ...พี่แกยังจะมายืนขวางแล้วทำหน้าสงสัยสุดๆใส่ผมอีก... ชักจะไม่เข้าท่าแล้วฮะ ผมคงต้องหาทางเบี่ยงประเด็นความสนใจของพี่ชายผมเสียหน่อย

“ฮื้ยยยยยย...พี่ปีย์  พี่พูดอย่างนี้แสดงว่าพี่แม่งต้องกึ่มๆแล้วแหงๆ... ผมจะบอกอะไรให้ว่า ถ้าไม่อยากกินเหล้าแล้วเมาเป็นหมาน่ะ เราต้องรู้จักประมาณตนนะฮะ.... ถ้าเริ่มเมาแล้ว ก็กินให้มันเพลาๆหน่อยซิฮะ น้องนุ่งจะได้ไม่อับอายคนอื่นเค้าที่มีพี่ชายเมาพูดอะไรไม่รู้เรื่องแบบนี้”

“ไอ้คุณน็อตครับ...มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง... ตอบกูมาเดี๋ยวนี้ เรื่องที่มึงแทรกคนอื่นเมื่อหัวค่ำ.... มึงทำไปทำไม ห๊ะ?” วินาทีนี้แกล้งตายคงจะใช้ไม่ได้ ทางเลือกเดียวที่เหลือ...คือตอแหลแก้เรื่องเอาหน้ารอดไปก่อน...ผมขอโต๊ดที่โกหกนะฮะพี่ปีย์!!

“โฮ๊ยยยยย ไม่มีอะไรหรอกฮะพี่ปีย์ คนอย่างผมเนี่ยะนะปาดหน้าเค้กคนอื่น...ไม่ใช่แล้วว่ะพี่...
.
...คือ....เอ่อ...ก็ตอนนั้นน่ะพี่ ผมนะ แม่งกำลังโคตรตั้งใจฟังทุกคนแนะนำตัวเองอยู่ดีๆช่ะ พอถึงตาของขนุน ผมก็รอฟังเค้างะ... แต่ขนุนแม่งเสือกหยุดพูดเอาดื้อๆปล่อยให้ผมค้างอยู่กลางอากาศซะงั้น...
.
.
.
...ผมก็เลยถามขึ้นมาไงฮะ เพราะอยากรู้ว่าเค้าหยุดทำไม อมพะนำอะไรไว้...ทำไมถึงไม่พูดต่อให้จบ...
...แต่ตอนที่โพล่งออะไปมันก็ไม่ทันได้สนใจว่ามีน้องมาใหม่พอดี แล้วก็ไม่ได้รู้ด้วยว่ามันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนอื่นกำลังเงียบอยู่ เสียงผมมันก็เลยดูเหมือนจะดังมากฟังคล้ายกับปาดหน้าเค้กไปหน่อย  ทั้งที่ผมแม่งพูดเหมือนปกติทุกอย่างเลย...
.
.
...ก็แค่นั้นเอ้งงงงงงพี่ปีย์.....................................อย่าคิดมากดิฮะ...เดี๋ยวหน้าเหี่ยวเร็วนะเว่ยพี่!!! ฮะ ฮะ ฮะ”

“หรออออออออออออออ.... กูว่าพักนี้มึงทำตัวน่าสงสัยว่ะ” กรรมของมึงแล้วไอ้น็อต เสือกอยากมีพี่ฉลาดเอง...ช่วยไม่ได้

แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่มีทางรอดนี่หว่า พี่ปีย์สงสัยเรื่องขนุน...ผมแม่งก็สงสัยเรื่องพี่ปีย์กับเป้าหมายเหมือนกันน่ะแหละว้า“เฮ๊ยยยย ไรว้า ตัวเองจิตหงุดเงี๊ยวที่ไหนมาแล้วมาลงเอากับน้องรึเปล่า? หรือว่าเป็นเพราะ X1 ทำอะไรให้ไม่พอใจ.........หรือไงวะพี่?”

“ไปเลย มึงไปเลย มึงจะไปแดกเหล้าเมาเป็นหมาที่ไหนของมึงก็ไปให้ไกลๆตีนกูเดี๋ยวนี้เลย....ไป๊!!!

“จะดีหรอออออออ.... ผมว่าพักนี้พี่ปีย์นี่แหละ ที่ทำตัวน่าสงสัยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ” บอกแล้วว่าอย่าให้ถึงทีไอ้น็อต ผมเอาคืนแม่งเลย...ความนับถือฐานะพี่เชื้อน่ะเหรอ เฮอะ! เอาไว้ก่อน

“ไอ้เหี้ยน็อต!!!!” ตอนที่พี่ปีย์ด่าผม ผมก็วิ่งหอบข้าวหอบของออกมาไกลพอดูแล้ว ผมเลยไม่นึกห่วงหากแกอยากจะประเคนฝ่าเท้าเข้ามาประทับเอาตรงกลางหลังผม

แต่หลังจากที่ผมเดินออกมา ผมก็อดคิดในใจคนเดียวเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้...
...ทั้งที่เมื่อวานผมก็พยายามคอยเตือนตัวเองไม่ให้เผลอทำตัวออกนอกหน้าแล้วแท้ๆ แต่นี่ผมก็ยังเผลอช่วยขนุนเรื่องเมื่อหัวค่ำจนกลายเป็นที่สังเกตไปได้อีก...ถึงอย่างนั้น ผมก็อดทำตัวนิ่งเฉยไม่ได้จริงๆ เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆทำท่าไม่สนใจฟังขนุน ในจังหวะที่เขากำลังจะแนะนำตัวเอง เพราะมัวแต่สนใจน้องเค้กกับน้องพลอยที่เพิ่งเดินเข้ามาในงาน...

...คนอื่นคงไม่รู้หรอกว่า กว่าที่ขนุนจะพูดประโยคนั้นออกมา เขามีอาการอย่างไร...

...ตั้งแต่ที่เราทั้งหมดเริ่มแนะนำตัวกัน  ขนุนก็เริ่มออกอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกๆผมก็ไม่รู้สึกหรอกฮะ แต่ไม่นานเท่าไร ผมก็เริ่มหงุดหงิดกับการเขย่าขาของคนข้างๆที่มันเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆเมื่อใกล้ถึงตาที่ตัวเองจะต้องพูด ทั้งที่ผมจำได้ว่า ขนุนไม่เคยมีนิสัยชอบนั่งเขย่าขาจนน่ารำคาญแบบนี้เลยสักครั้ง พอผมเหลือบลงไปมองมือของขนุนที่วางอยู่ตรงหน้าตักของตัวเอง ผมก็เห็นว่านิ้วมือเรียวยาวเป็นลำเทียนของเขาจิกลึกลงบนต้นขาจนปลายเล็บขึ้นสีขาว...

...พอถึงคราวที่ขนุนเอ่ยปากพูดยังไม่ทันเท่าไร น้องสองคนก็ดันเดินเข้าบ้านมาพอดี...
...สีหน้าของขนุนตอนที่หันไปเห็นว่าไม่มีใครกำลังตั้งใจฟังเขาเลย มันดูแย่มากจนผมต้องเสียมารยาทพูดเพื่อดึงความสนใจของคนอื่นกลับมาให้ฟังขนุนอีกครั้ง...
...พร้อมกันนั้น...มือผมมันดันยื่นไปใต้โต๊ะ เพื่อกุมและบีบมือเย็นๆของคนนั่งข้างๆเอาไว้แทนการให้กำลังใจโดยไม่ได้ยั้งคิด ที่สุดแล้วขนุนก็สามารถแนะนำตัวเองต่อหน้าทุกคนได้สำเร็จ...
.
.
...แม้แม่งจะเป็นการพูดที่สั้น.......................มากกกกก  เฮ้อ!!!

ผมรู้ว่าไม่ควรทำอะไรกระโตกกระตากแบบนั้น แต่ผมแม่งห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆว่ะ เพราะลำพังแค่คุยภาษาคนปกติกับคนอื่น ขนุนแม่งยังทำไม่ค่อยจะได้ นับประสาอะไรกับการพูดต่อหน้าคนหมู่มากกัน แล้วถ้าผมปล่อยไป...ขนุนแม่งจะไม่ยิ่งกลัวเวลาที่ต้องทำอะไรแบบนี้ไม่หายเสียทีหรอกเหรอฮะ???


“น็อต เป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมทำหน้าคิดหนักแบบนั้นล่ะ?” เสียงเล็กๆเบาๆที่ผมชอบฟังดังลอยเข้าหู

“อ๋อ...เปล่าหรอกฮะ คือเมื่อกี๊ พี่ปีย์เค้าเดินเข้ามาถามว่าผมจะกินวอดก้าคนเดียวทั้งขวดไหวเรอะ?   ผมก็เลยค่อนข้างกังวลว่า เราจะเอายังไงกับเหล้าขวดนี้ดีน่ะฮะ”

“ไม่เห็นจะยากเลยครับ นี่เพิ่งห้าทุ่มครึ่ง... เราก็ก้มหน้าก้มตากินกันไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็หมดเองแหละครับ...
.
.
...ผมน่ะ ดื่มน้ำเก่งนะ ถ้าเทียบปริมาณน้ำเปล่ากับเหล้าขวดนี้ ไม่ถึงชั่วโมงดีหรอกครับ รับรองผมกินได้หมดคนเดียวแบบสบายๆเลยล่ะ หุ หุ” คนพูดทำท่ามั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกิน... แต่ขนุนฮะ ที่ขนุนเปรียบเทียบน่ะมันเหล้ากับน้ำเปล่านะฮะ ตอนเด็กๆที่โรงเรียนไม่เคยสอนหรือไงฮะว่าความต่างของทั้งสองอย่างนี้คืออะไร.........เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าฮะ!?!!

“เอ่อ...แต่นั่นมันน้ำนะฮะ นี่มันเหล้า”

“แหะ แหะ ช่างเถอะครับ ว่าแต่...ไอ้เหล้านี่มันกินยังไงล่ะครับ?” พูดยังไม่ทันขาดคำ ขนุนก็คว้าเอาขวดวอดก้าไปเปิดแล้วเทลงในถ้วยกาแฟที่ตัวเองใช้กินน้ำจนเต็มแก้วแล้วซัดลงคอไปแล้ว จนผมต้องร้องห้ามเสียงหลง

“เฮ๊ยยๆๆๆๆ คุณขนุน เดี๋ยวๆๆๆๆๆ ใจเย็นๆฮะ ใครเค้ากินใส่แก้วใบใหญ่ๆแล้วเทเข้าคอกินกันอั้ก อั้กแบบนั้นกันล่ะฮะ...
.
.
.
มา!! เดี๋ยวผมทำให้เอง... ค่อยๆดื่มฮะคุณขนูนนนนน   เฮ้ เฮ้......เฮ้!! พอก่อนนนนนนฮะ” ผมต้องคว้าเอาถ้วยกาแฟออกมาจากมือขาวๆนุ่มๆนั้น แต่ดูเหมือนจะช้าไป เพราะเมื่อแก้วมาถึงมือผม น้ำใสๆพ่วงสี่สิบดีกรีก็แทบไม่เหลือติดก้นแก้ว

“อ้าว ก็น็อตบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าคืนนี้เราจะเมากันให้เละไปเลย แล้วถ้าไม่กินซะที เมื่อไหร่เราจะเมาล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อะไรจะร่าเริงได้รวดเร็วเท่านี้วะ นี่คออ่อนมากขนาดกระดกเข้าไปแก้วเดียวถึงกลับช่วยเปลี่ยนบุคลิกได้เลยเหรอวะเนี่ยะ

“แต่กินเร็วเกินไป มันก็ไม่ดีหรอกนะฮะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ปวดหัวตายพอดี...
.
.
.
...เอาอย่างงี้แล้วกัน เรามาเล่นเกมทายปัญหาอะไรเอ่ยกันดีกว่า ถ้าคุณขนุนทายถูก...ผมดื่มหมดแก้ว แต่ถ้าคุณขนุนทายผิด...คุณก็กระดก ดีไม๊ฮะ?”

“โอเค...ตกลงตามนั้น เรื่องทายปัญหา ผมไม่หวั่นอยู่แล้วล่ะ  น็อตทายมาเลย ผมพร้อมสู้เต็มที่!!

“สมมติว่าเรากัดแอปเปิ้ล 1 คำแล้วเจอหนอน 1 ตัว และถ้าเพิ่มเป็นกัด 2 คำ ก็เจอหนอนอีก 2 ตัว....ต้องกัดเจอหนอนกี่ตัวถึงจะตกใจสุดขีดฮะ?”

“ก็ต้องหลายตัวสิครับ...
.
.
...จริงผมว่าถ้าเจอตั้งแต่ตัวแรกก็ควรจะเลิกกัดไปได้แล้วนะครับ”

“ผิดฮะ คำตอบก็คือ...............ครึ่งตัว”

“ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ....อ๋อออออออออ เพราะว่าอีกครึ่งนึงอยู่ในปากนี่เอง ฮ่าๆๆๆๆ ใช่ครับ น่ากลัวจริงๆด้วยแหละ งั้นขนุนดื่มเลยนะ...
.
.
...ฮ๊า เริ่มขมแล้วแฮะ” ขนุนเอาแก้วช็อตขึ้นแตะริมฝีปากยกขึ้นดื่มได้แค่เดี๋ยวเดียว แล้วเจ้าตัวก็ถอนแก้วออกก่อนบ่นงึมงำ...แล้วที่กินไปแก้วเบ้อเร่อเมื่อตะกี๊แม่งไม่ขมเลยหรือไงวะ หรือว่าตอนนั้นต่อมรับรสยังไม่เข้ากะรอบดึก เลยกินได้กินดีอย่างกับเททิ้ง... แต่จะยังไง ขนุนแม่งก็น่ารักจนโกรธไม่ลงเลยว่ะ

ขมเหรอฮะ งั้นอย่าเพิ่งดื่มจนหมดนะฮะ เดี๋ยวผมมา รอแป็บนึง”



พอผมเดินกลับมาพร้อมมะนาวฝานกับเกลือ ผมก็เห็นขนุนกำลังจิกถามพี่ปีย์เรื่องงานเขียนเหมือนเจ้าตัวอยากจะรู้ว่าพี่ปีย์ทำงานอะไร ส่งงานให้สำนักพิมพ์ไหน แล้วติดต่อใคร...ถ้าขืนปล่อยเอาไว้นานกว่านี้ สงสัยว่าลูกพี่ผมจะเสียท่าขนุนที่ไม่ยอมรามือไปง่ายๆได้แน่ๆ ผมเลยเรียกขนุนกลับมาให้มาเล่นกับผมต่อเพื่อเปิดช่องให้พี่ปีย์ชิ่งได้


“คุณขนุนคร๊าบบบ เมื่อกี๊คุณขนุนทายปัญหาเชาว์แพ้น็อตนะคร๊าบ น็อตเติมช็อตนี้ให้แล้ว คุณขนุนดื่มก่อนเลยคร๊าบ”

“ได้ฮะน็อต...ขนุนกินหมดเลยนะ น็อตนี่เจ้าเล่ห์จังน้า.. เอาปัญหาอะไรก็ไม่รู้..มาทายขนุน ดูซิกินจนจะไม่ไหวแล้วเนี่ยะ”

“ไหวรึเปล่าฮะ...อ่ะนี่ฮะ กินมะนาวตามลงไปเลยฮะ....อย่าลืมคายเอามะนาวออกมานะฮะ.......อ่าฮะ อย่างนั้นแหละฮะ” ผมเอามะนาวจิ้มเกลือยื่นตามไปให้หลังจากเจ้าตัวคว่ำแก้วช็อตลงคอในพริบตาเดียว “เราหยุดกินกันแค่นี้ดีไม๊ฮะ ยังไงเหล้ามันก็ไม่เน่าไม่เสีย เก็บเอาไว้เมาวันหลังก็ได้ฮะ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนนี้ขนุนเริ่มจะดูเป๋ไม่เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเรื่อยๆ

“ไม่ได้!! ก็ไหนน็อตว่าเราต้องเมากันไง...เรามากินกันต่อเถอะนะ ขนุนอยากกินอ่ะ...นะน็อตนะ” แล้วนี่อ้อนอะไร?!!! เมาแล้วอ้อนหรอกเหรอ?....แต่ที่แน่ๆ เมาแล้วน่ารักมาก เพราะเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อแล้วก็ทำเสียงงุ๊งงิ๊งอีกตะหาก... แม่งเอ๊ย น่ารักจนต้องยอมตามใจเลยว่ะ

“ก็ได้ฮะ” ผมกระดกเหล้าลงคอตามด้วยเลียเกลือที่หลังมือตัวเองพร้อมบีบมะนาวใส่ปากเพื่อดับความรุ่มร้อนข้างใน

ผมเห็นขนุนจ้องมองผมดื่มเหล้าแก้วนั้นไม่วางตา สงสัยว่าจะไม่ค่อยได้กินเหล้าจำพวกนี้กันใช่ไหมเนี่ยะ จริงๆนี่มันก็ไม่ใช่วิธีกินวอดก้าที่อร่อยที่สุดหรอกนะ มันแค่พอจะแก้ขัดในเวลาแบบนี้ได้เท่านั้น... เอาไว้วันหลังน็อตจะสอนให้เองนะฮะขนุน รับรองว่าขนุนจะติดใจทั้งวิธีกินแล้วก็คนสอนเลย หึ หึ

“น็อตร้อนมะ?...ขนุนร้อน ร้อนจังเลยอ่ะ รอแป็บนะ” ขนุนถอดแว่น เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เดิมเจ้าตัวติดกระดุมเสียกรอมคอจนตอนนี้แหวกลงมาจนถึงกลางอก แล้วก็รวบเอาผมขึ้นมามวยก่อนเอาตะเกียบไม่ได้ใช้ที่วางอยู่แถวๆนั้นมาเสียบเอาตรึงมวยผมเอาไว้ “นี่แน่ะ....เสร็จแล้ว ค่อยยังชั่วขึ้นหน่อย” เมื่อพูดจบ ขนุนก็คว้าเอาแก้วใส่น้ำเย็นขึ้นมาดื่มน้ำลงคอจนหมด แล้วก็เริ่มหยิบน้ำแข็งหลอดก้อนเล็กๆในแก้วขึ้นมาอมเล่น

ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอทันทีที่เห็นขนุนโดยรวมตอนนี้ เพราะขนุนถอดแว่นทิ้งเอาไว้บนโต๊ะเพื่อเช็ดเหงื่อบนใบหน้า เลยทำให้หน้าขาวๆ ที่เริ่มกลายเป็นสีชมพูอ่อนๆ เผยออกมาให้ผมเห็นใกล้ๆอีกครั้ง ปากเล็กๆกับแก้มเด้งๆเริ่มแดงจัดเพราะฤทธิ์เหล้า ส่วนตากลมสุกใสมีน้ำใสๆหล่อเลี้ยงดวงตาเอาไว้จนฉ่ำหวานน่ามอง

เจ้าตัวกำลังส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาให้ผมอยู่ตลอดเวลาแม้ผมจะไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือไปจากจ้องตัวเขาไม่วางตา ผมรีบเอื้อมไปคว้าแว่นป้ามาเหน็บเอาไว้ตรงคอเสื้อตัวเองเพื่อไม่ให้ซินเดอเรลล่าของผมแปลงร่างกลับไปเป็นหนุ่มแว่นอีกครั้งหลังเวลาเที่ยงคืน

แต่นั่นยังไม่เท่ากับเนื้อตัวขาวเนียนที่โผล่ลอดจากช่องคอเสื้อที่อ้ากว้างเชิญชวนให้ผมมองเต็มๆตา คนอะไรแม่งจะขาวน่าลูบได้มากขนาดนี้วะ ขนาดแค่นั่งมองผมแม่งยังใจเต้นโครมครามอย่างกับกลองคณะเชิดสิงโต นี่ถ้าได้เห็นมากกว่านี้...สงสัยผมคงได้เสียเลือดหมดตัวแหงๆ...

...และผมมั่นใจมากว่า ไอ้โอกาสทองแบบนี้แม่งไม่ได้มาถึงมือผมง่ายนัก...
...ขอคว้าโอกาสงามๆนี้มาชื่นชมสักหน่อยจะดีกว่าว่ะ หึ หึ

 “คุณขนุนฮะ เราเปลี่ยนมาคุยเรื่องอื่นกันดีไม๊ฮะ...
.
.
...ผมน่ะมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจกว่าปัญหาอะไรเอ่ยอยากจะถามคุณขึ้นมาแล้วล่ะสิฮะ” ผมยื่นมือไปแตะหลังมือคนตัวขาวหน้าแดงที่นั่งข้างๆแล้วดึงเข้าหาตัวเบาๆ เพื่อให้เขารู้ว่า  ควรกระเถิบมานั่งใกล้ๆกับผมที่เป็นเพื่อนคุยคนเดียวของตัวเองในระหว่างที่มองไม่เห็นอะไรชัดนักแบบนี้

“อืมมมมมมม ได้สิ น็อตอยากถามอะไรล่ะ ถามขนุนมาได้เลยนะ” เจ้าตัวอนุญาตอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร

ขนุนนี่ล่ะก็น้า...นี่คงจะไม่รู้ตัวเลยสินะฮะว่า ขนุนกำลังอนุญาตให้ผมทำมากกว่าการถามแล้วล่ะฮะ และเมื่อประตูของขนุนเปิดต้อนรับให้ผมเดินเข้าไปอย่างนี้แล้ว............มีหรือที่ผมจะปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปง่ายๆ
.
.
.
.
“ขนุนเคยช่วยตัวเองไม๊ฮะ?”

ผมยิ้มทันทีที่พูดจบ และยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นหน้าขาวๆของคนที่นั่งข้างๆเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดในชั่วพริบตา ถ้าขนุนจะนั่งเปิดผ้าผ่อนวับๆแวมๆแบบไม่ตั้งใจ แต่ให้ผลชะงัดทางกามรมณ์ยั่วผมอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ผมแม่งก็ต้องชวนคุยเรื่องที่มันช่วยบิวท์อารมณ์ให้พลุ่งพล่านกระชุ่มกระชวยกันเสียหน่อย...

...ในเมื่อผมยังเล้าโลมขนุนทางร่างกายตอนนี้ไม่ได้ ผมขอแค่ได้เก็บแต้มเล้าโลมทางคำพูด และทางสายตาไปพลางๆก่อนแล้วกันนะฮะ  หึ หึ หึ




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



No comments:

Post a Comment