Tuesday, September 23, 2014

เขาวานให้ผมเป็น 'สายรับ' (เคคู่ผู้รู้รอบฯ) : บทรุกที่ 8: วันพระไม่ได้มีหนเดียว

บทรุกที่ 8: วันพระไม่ได้มีหนเดียว
(วันพระไม่ได้มีหนเดียว : เป็นสุภาษิตที่มีความหมายทั้งในเชิงบวกและลบ ในแง่บวก หมายถึง การให้กำลังใจ ไม่ให้รู้สึกท้อแท้ ถ้าวันนี้ทำไม่ได้ ก็ยังมีโอกาสให้แก้ตัวใหม่ได้ในวันข้างหน้า ส่วนในแง่ลบ หมายถึง การอาฆาตแค้น พยาบาท ใช้เพื่อบอกกับคู่อริว่า โอกาสหน้าข้าจะมาเอาคืน)




เมื่อก้นของเราสองคนหย่อนลงเก้าอี้ในร้านอาหารกึ่งผับเป็นที่เรียบร้อย พี่ปีย์ก็โยนถุงของฝากจากญี่ปุ่นให้ผมทันที...
พี่ปีย์ล่ะก็ ทำเสียเหมือนกับว่าของเล่นชิ้นใหม่ของผมอาบน้ำมนต์มาอย่างดีจนร้อนเกินกว่าที่พี่ปีย์จะถือเอาไว้กับตัวนานๆได้อย่างนั้นแหละ...แหม่ มันน่าน้อยใจ


“เอ้านี่ ของฝากมึง...ไงล่ะ พอได้ลูบๆคลำๆด้วยมือตัวเองอย่างนี้ มึงคงจะสบายใจตายตาหลับได้ซะทีนะ...
.
...ไอ้ห่า โทรไปหากูที่โน่นทีไร ไม่มีหรอกนะที่จะถามสารทุกข์สุขดิบของพี่เชื้ออย่างห่วงใย มึงแม่งก็เอาแต่ย้ำเรื่องไอ้เซ็กส์ทอยอยู่นั่น...ว่าต้องไปสอยมาให้ได้ แถมยังเสือกบ่นอย่างกับคนวัยทองว่ามันเป็นลิมิเต็ดอย่างนั้น ลิมิเต็ดอย่างนี้ กูเลยจิตตกขนาดต้องหิ้วขึ้นเครื่องมาด้วยกัน เพราะกลัวว่าจะโดนสุ่มตรวจแล้วโดนเจ้าหน้าที่ขาเข้าฉกของรักของมึงไป...
.
.
...แล้วไงล่ะ ไอ้ของเล่นมึงนี่ทำเอากูเกือบตกเครื่องเพราะแม่งทำเครื่องตรวจจับวัตถุต้องสงสัยที่สนามบินขาออกแม่งร้องแหกปากอยู่ตั้งสองรอบ กูเลยต้องเสียเวลาอธิบายกับเจ้าหน้าที่ทางโน้นอยู่ตั้งนานสองนาน กว่าจะถูกปล่อยตัว...

...นี่ถ้ากูไม่ได้กลับมานะ มึงคนแรกเลย ที่กูจะส่งไปสังเวยนรก...ไอ้ห่า!!! พี่ปีย์ด่าผมไปปากก็จิบไวน์ไป...อะไรจะสุนทรีย์อย่างนี้ฮะพี่

ผมทำท่าถวายบังคมเหมือนพวกนักมวยก่อนขึ้นชกให้พี่ปีย์ เพื่อช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อฝ่าเท้าของผู้มีอาวุโสมากกว่าได้ตื่นตัว แล้วจึงพูดด้วยเสียงหล่อ “อะแฮ่ม ก่อนอื่นกระผมต้องขอกล่าวคำขอบพระคุณจากใจจริงให้แก่ศิษย์พี่ปีย์ ที่ได้ทำการส่งมอบสิ่งล้ำค่าชิ้นนี้ถึงมือกระผมอย่างปลอดภัย หึ หึ”

พี่ปีย์ส่ายหน้าแล้วเอ่ยหยอกเย้าผมด้วยความรัก “ทุ๊ยยยยย...ไอ้กระแดะ!!!

แต่เมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักของสิ่งที่อยู่ในถุง ก็ทำให้ผมลืมทุกๆเรื่องไปเลย “เหยดดดด!! และแล้วแรร์ไอเท่มชิ้นสุดท้ายในฝัน ก็ได้ตกมาอยู่ในความครอบของผู้ที่คู่ควร!!!......แม่เจ้า! นี่แค่สัมผัสจากหีบห่อภายนอกแค่นั้นนะพี่ ขนผมงี้ลุกแม่งทั้งร่าง พี่ปีย์ลองนึกภาพตามดิ...ถ้าผมได้เปิดห่อออกชื่นชมความงามข้างใน ผมจะปลื้มปริ่มขนาดไหนกัน...แค่จิ้นก็ฟินจนบ่อน้ำตาจะแตกอยู่แล้วว่ะพี่...งื๊ดดดดดดดด...
.
.
...สุดท้ายนี้ กระผมขอขอบคุณและขออภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ณ สนามบินขาออกอีกครั้งนะขะรับ...
.
...ที่เครื่องมันร้องแม่งน่าจะเป็นเพราะมันมีชิ้นนึงที่มีกลไก...สงสัยวัสดุที่ใช้แม่งจะไวกับเครื่องสแกนอะไรเทือกนี้แหละพี่ แต่ก็นะ...ไหนๆพี่ปีย์ก็กลับมานั่งด่าผมอยู่ที่นี่แล้ว เราก็ลืมๆเรื่องนั้นไปเหอะ...เนอะๆ” ผมเห็นพี่ปีย์เอาแฟ้มรายงานที่ผมทำเพิ่มเติมระหว่างรอเริ่มงานขึ้นมาวางข้างๆตัวและทำท่าเหมือนจะเปิดอ่าน ผมเลยชิงพูดออกมาก่อนที่พี่ปีย์จะเริ่มอ่านข้อมูลของขนุนในแฟ้ม

“เออ พี่ปีย์ เรื่องตัวผู้ที่อยู่แถวบ้าน X1 น่ะ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะฮะ เดี๋ยวผมกันให้ก็ได้ เพราะว่าผมเริ่มทำความรู้จักกับเค้าแล้วล่ะฮะ... ทางที่ดี พี่ปีย์ทำเป็นลืมๆไปเลยก็ได้นะฮะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาโฟกัสเรื่องไม่สำคัญอย่างนี้”

พี่ปีย์ฟังนิ่งๆ แต่สุดท้ายก็พยักหน้าคล้ายว่าตกลง “เออ...ก็ได้ว่ะ      ดีเหมือนกัน...กูจะได้เอาเวลาไปคอยประกบ X1 ได้อย่างเต็มที่ แล้วเรื่องบ้านเรื่องของในบ้านล่ะ เป็นไง เรียบร้อยดีไม๊วะ?”

...แหม่ ทำมาเป็นถามเรื่องบ้านกลบเกลื่อนให้ล่กเลยนะพี่ปีย์...
...ที่แท้ก็ไม่อยากให้ผมใส่ใจกับการประกบรวมร่างของพี่กับ X1 ใช่ไหมวะ หึ หึ...

“เดี๋ยวพอเรากินข้าวเสร็จ พี่ปีย์ก็ได้เห็นเองอ่ะแหละฮะ...รับรองว่าพี่ปีย์ต้องชอบ เชื่อหัวไอ้น็อตดิ”

“เดี๋ยวมึงจะได้รู้ ว่ากูจะชอบบ้านที่มึงเตรียมเอาไว้ให้รึเปล่า ถ้าไม่...มึงเตรียมถูกตัดหัวเสียบประจานได้เลยว่ะ หึ หึ...
.
.
.
.
.
...แต่...เอ้อ....ไอ้น็อต  กูมาคิดๆดูอีกทีแล้วนะ ไอ้เรื่องคนที่อยู่แถวบ้านคนนั้นน่ะ...
...กูว่า ยังไงกูก็ต้องอ่านแฟ้มในส่วนของคนที่เข้ามาติดพันกานต์ เอ๊ย!! X1 ทุกคนด้วยตัวเองโดยละเอียดอยู่ดีล่ะว่ะ เผื่อฉุกเฉิน...โดนป็อบควิซหน้าไมค์เรื่องที่มันเกี่ยวข้องกันกับตัวตนปลอมๆของกูขึ้นมา กูจะได้เนียนตอบได้ไงวะ” พี่ปีย์ทำท่าเหมือนจะเปิดแฟ้มเพื่อหาข้อมูลส่วนของขนุนมาอ่านระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ผมรีบเอามือตะครุบปิดเล่มแฟ้มเอาไว้ทันที แล้วรีบพูดอย่างว่อง

“ฮื้ยยยย...พี่ปีย์ พี่ไม่ต้องเสียเวลาอ่านหรอกฮะ เดี๋ยวผมสรุปให้ฟังเลยก็ได้ เอาเฉพาะเรื่องที่สำคัญๆก็แล้วกันนะ รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆพี่ก็ไม่ต้องไปสนใจแม่งหรอก เสียเวลา เสียหน่วยความจำ เนอะพี่เนอะ” ผมรีบทำท่ายิ้มประเหลาะเอาใจ

“เออๆ มึงว่าไง กูก็ว่าตามนั้นแล้วกัน...

...นี่น้องกูไปเผลอกินของแสลงมารึเปล่าวะ อยู่ๆแม่งก็เกิดจะกระตือรือร้นเหมือนคนกินม้า แล้วก็หันมาสนอกสนใจทำงานอย่างออกนอกหน้าอยู่แบบนี้ นี่มึงเห่อการไม่ต้องตื่นเช้าเข้าไปนั่งโต๊ะทำงานเอกสารขนาดนี้เลยเหรอวะ?”

“แหม่ พี่ปีย์ขะรับ...คนเรามันก็ต้องมีโมเมนท์นี้ในชีวิตกันบ้าง การตั้งใจทำงานเพื่อให้พี่ปีย์ออกสืบด้วยความสะดวกสบาย คือ ความคาดหวังอันสูงสุดในชีวิตของไอ้น็อตคนนี้เลยนะฮะ...เชื่อเค้าสิตะเอง...

...เข้าเรื่องเลยแล้วกันฮะพี่ เดี๋ยวแม่งวันนี้คุยกันไม่จบ...
...คนแถวบ้านที่เข้ามาพัวพันกับ X1 ชื่อเล่นชื่อขนุน...ส่วนชื่อจริง พี่ปีย์ไม่ต้องไปสนใจแม่งหรอก เพราะเราคงไม่มีความจำเป็นต้องรู้  ตอนนี้อายุ 28 ปี ทำงานเป็นนักเขียนนิยายชายรักชายอยู่ที่บ้านตั้งแต่หลังเรียนจบ...

...ขนุนอยู่บ้านเลขที่ 21 ในหมู่บ้านเดียวกันกับเป้าหมายของงานเรามาร่วมสิบปี นอกจากเขาแล้วยังมีพี่สาวและน้องสาวอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยกัน โดยผู้ปกครองของทั้งสามคนอาศัยอยู่ที่บ้านสวนในจังหวัดเชียงราย...

...อุปนิสัย บอกได้คำเดียวว่าประหลาดผิดไปจากคนทั่วๆไปมากอยู่ เพราะเจ้าตัวมักจะพูดจาด้วยภาษาทางการหรือภาษาเก่าๆเชิงวรรณกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ชอบการสุงสิงกับผู้ใดในหมู่บ้านเป็นพิเศษ...นอกจากเป้าหมายคนเดียวเท่านั้น จริงๆต้องพูดให้ถูกว่า ไม่มีใครอยากจะสังคมด้วยต่างหาก...

...ในการไปมาหาสู่เป้าหมาย เค้าได้จัดตารางเวลาเอาไว้อย่างแน่นอน และเจ้าตัวถือปฏิบัติตามตารางนั้นอย่างเคร่งครัดเสมอ นั่นคือ...

...เช้าตรู่ และก่อนนอน หากไม่ติดธุระอะไร  เค้าจะต้องไปยืนดูบ้านเป้าหมายทุกวัน...
...ช่วงประมาณบ่ายสามของทุกวัน หากเป้าหมายอยู่ที่บ้าน ก็มักจะเข้าไปนั่งคุยกับ X1 ถึงในบ้าน โดยใช้เวลาประมาณ 30 – 45 นาที แต่ถ้าเป้าหมายไม่อยู่ ก็จะเปลี่ยนเป็นยืนดูบ้านเป้าหมายแทน...

...เป็นคนที่สังเกตได้ง่ายจากการแต่งกายและท่าทางการเดิน เนื่องจากสายตาสั้นพันกว่า เจ้าตัวจึงต้องใส่แว่นสายตาทรงป้าเอาไว้ตลอด ผมหยิกยาวมักจะถูกปล่อยเอาไว้ให้ฟูฟ่องแถมยังทำสีทองซีดที่ปลายผมอย่างไม่สม่ำเสมอ...

...เป็นคนรูปร่างผอมบาง สูงไล่เลี่ยกับเป้าหมาย ผิวกายขาวจัดคาดว่าเพราะไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนบ่อยนัก ชอบเดินหลังงอห่อไหล่เป็นประจำ...  โดยปกติ เรื่องเครื่องแต่งกายพี่ยิ่งไม่ต้องไปสนใจแม่งเลย เอาเป็นว่า ถ้าพี่ปีย์เห็นพี่ปีย์ก็จะรู้ได้ทันทีว่าไอ้คนนี้มันชื่อขนุน เพราะแม่งแต่งตัวได้แปลกแยกจากสังคมมาก...

...ตั้งแต่ที่เป้าหมายย้ายเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ ไม่เคยมีใครทำท่าสนใจเกินเลยเท่ากับคนๆนี้อีกแล้ว ถึงอย่างนั้น...ขนุนเองก็ไม่เคยแสดงตัวออกมาว่าต้องการจีบ X1 อย่างออกหน้าออกตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงทำให้คนอื่นๆในหมู่บ้านไม่เคยตั้งข้อสงสัยถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนบ้านของสองคนนี้... รวมทั้งเป้าหมายของเราด้วยเช่นกัน..

...เอวังด้วยประการฉะนี้พะยะค่ะเสด็จพี่ ชะเอิงเงยยยยย เตร๊ง เตรง เตร่ง เตรง เตร็ง เตร่ง เตร้ง เตร็ง เตร่ง” 
.
.
.
“อืม...ฟังๆดูก็ไม่น่าจะเป็นคนเลวร้าย หรือน่าเป็นห่วงเท่าไหร่นี่หว่า...

...ว่าแต่มึงเถอะ ถ้าต้องไปคอยกันคนๆนี้ออกไปจากเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา มึงจะไม่เบื่อหรือไงวะ??
...เห็นมึงบอกนี่ ว่าเค้าทั้งพูดจาฟังยาก แถมยังเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใครอีก...มึงจะทนไหวแน่เหรอวะ???...มึงยิ่งเบื่อง่ายๆแถมไม่ชอบพูดมากๆอยู่ด้วยนี่หว่า”  อย่าบอกนะว่า ที่ผมพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาจนปากจะฉีกขนาดนี้แล้ว พี่ปีย์แม่งจะไม่ยอมปล่อยขนุนมาให้ผมเป็นคนจัดการดูแลด้วยตัวผมเองอีกน่ะ...

...เห็นที่ต้องเล่นไม้กระแดะแด๊ะแด๋ให้พี่ปีย์แม่งเลิกเป็นห่วงผมเสียที  ผมจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงเท้าแขนเก้าอี้ตัวที่พี่ชายต่างแม่ของผมนั่งอยู่ แล้วทำเสียงอ้อนตีนระดับสูงสุด “โห่ พี่ปีย์อ้ะ!! ไม่เชื่อมือเค้าเหรอ?  เค้าทำได้แน่ๆอ่ะ ตัวเองไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...เชื่อเค้านะ ครุคริ ครุคริ”  ผมเอามือลูบไปตามปกเสื้อเชิ้ตของพี่ปีย์เบาๆเหมือนพวกนางอิจฉาในละครชอบทำเวลาอยากจะดึงความสนใจของพระเอก...กูนี่ก็ กระแดะดีแท้ว่ะ

“ห่า...มึงไปหัวเราะเสียงส้นตีนนั่นไกลๆกูเลย...สยองว่ะ”

“ฮ่าๆๆๆๆ  ห่างผมไปนาน ทำเป็นลืมนะพี่ปีย์... ไม่เป็นไรนะฮ้า เดี๋ยวก่อนนอนคืนนี้ น้องน็อตจะทบทวนความแนบแน่นระหว่างเราให้จนถึงเช้าเอง” ผมเอื้อมมือไปเด็ดปลายคางพี่ปีย์เบาๆเพื่อประกอบให้การแสดงสมจริงยิ่งขึ้น

“หืยยยย...มึงไปเลยไอ้เหี้ยน็อต ไปไกลๆตีนกูเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่มึงจะไม่มีโอกาสได้ตายดี!!... เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง!!!!...
.
.
...ดูเด๊ะเนี่ยะ ขนกูลุกหมดทั้งตัวแล้ว....ไอ้สัด!! พี่ปีย์ยื่นแขนหนังไก่มาให้ผมดูใกล้ๆแล้วผลักผมให้ลุกออกจากเท้าแขนจนผมเกือบล้มหน้าคว่ำ

ผมทรงตัวแล้วกลับไปนั่งเก้าอี้ของตัวเอง แล้วจึงตอบ“แหม่ ทำมาเป็นพูดดีนะขะรับคุณพี่ปีย์ ผมเองก็สะพรึงใช่ย่อยซะที่ไหน... แต่ที่ทำไปเนี่ยะ เพราะว่าอยากแน่ใจว่าพี่ผมคนนี้ ยังรักหน้าไม่เสียดายหลังอยู่เหมือนเดิมใช่ไม๊?...
.
.
...หรือว่าเกิดเปลี่ยนใจไปแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากญี่ปุ่นกันล่ะขะรับ? เหอๆๆๆๆ”

“มึงหุบปากแล้วแดกเดี๋ยวนี้เลย กับข้าวมาแล้ว...เดี๋ยวเย็นหมด!!

“แหน่ะ... ทำมาเป็นเปลี่ยนเรื่อง ไม่ถามก็ได้วะ ของอย่างนี้ต้องดูกันยาวๆ ช่ะพี่ปีย์ หึ!” ผมค่อยสบายใจหน่อยที่พี่ปีย์ไม่ติดใจอะไรเรื่องขนุน และยอมปล่อยให้ผมจัดการเรื่องเขาด้วยตัวเองทั้งหมด


...หึ หึ หึ ทีนี้ล่ะ...ไอ้น็อตจะทำตามใจทุกอย่าง เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังอีกต่อไปแล้วล่ะเว้ย!!...
.
.
...แต่ผมต้องคอยเตือนตัวเองให้ระวังตัวมากหน่อย โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ต่อหน้าพี่ปีย์... ผมต้องคอยเก็บอาการให้แนบเนียน เพราะถ้าอะไรระหว่างผมกับขนุนยังไม่แน่นอน...ให้คนอื่นรู้น้อยที่สุดน่าจะดีกว่า


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


เราสองคนกลับมาถึงบ้านประมาณสามทุ่มกว่าๆ ทันทีที่เดินเข้าบ้านมา พี่ปีย์ก็ออกเดินสำรวจรอบๆบ้านทันที  เมื่อผมได้รับคำชื่นชมทางสายตา และสองนิ้วโป้งจากพี่ปีย์ที่บอกผมว่า บ้านถูกตบแต่งได้ถูกใจพี่ชายผมอย่างที่สุด ผมก็ปล่อยให้พี่ปีย์แกเดินกลับขึ้นไปชื่นชมห้องนอนและห้องทำงานโดยละเอียดคนเดียวอีกรอบ ส่วนผม...ได้ทำการย้ายตูดลงมานั่งปลีกวิเวกนวดหูพี่ปลิงเล่นอยู่บนโซฟาชั้นล่างเป็นที่เรียบร้อย

ถึงทีวีจะถูกเปิดเอาไว้ก็จริง แต่สายตาผมก็เอาแต่คอยชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างทุกๆครั้งที่หางตาจับความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้านได้...เผื่อจะเป็นขนุนที่แอบออกมาส่องบ้าน X1 รอบกลางคืน ผมจะได้ออกไปจ้องหน้าให้หายคิดถึงเสียหน่อย

ตลอดช่วงเวลาหลายวันที่ผมไม่ได้สุงสิงกับขนุนมากเท่ากับสองวันแรก ทุกครั้งที่ผมว่าง...ผมมักจะส่องกล้องแอบดูขนุนผ่านหน้าจอคอมในช่วงเวลาต่างๆของวันอยู่เสมอ ข้อดีของมันก็คือ...มันช่วยบรรเทาความคิดถึงคนหน้าแว่นไปได้มาก แถมยังทำให้ผมได้เห็นขนุนครบทุกมุมมอง...หรือจะเรียกว่าทุกส่วนสัดก็ว่าได้

ก็จะเพราะอะไรเสียอีกล่ะฮะ ถ้าไม่ใช่เพราะกล้องที่ติดเอาไว้ในห้องน้ำตั้งห้าตัวนั่นยังไงล่ะ...

แต่ผมต้องยอมรับถึงข้อเสียของการส่องขนุนผ่านช่องทางนี้ที่มีอยู่หลายข้อเหมือนกัน ตรงที่แม้ว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกซู่ซ่าอยู่ไม่น้อย แต่แม่งดันเป็นภาพขาวดำ... ความฟินแม่งก็ลดลงไปกว่าครึ่ง แถมการมองดูขนุนนานๆผ่านหน้าจอแบบแห้งๆอย่างนี้ เทียบอะไรกับการได้เห็นหน้าตัวเป็นๆของขนุนแม้สักเสี้ยววินาทีไม่ได้เลยแม้สักนิด



เมื่อสองวันก่อน หลังจากที่ได้คุยกับคุณป๋า ผมก็พาพี่ปลิงกลับมาปักหลักที่บ้านนี้เพื่อเตรียมทุกๆอย่างให้พร้อมเต็มที่รอรับพี่ปีย์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ผมยอมมานอนแกร่วโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวตั้งสองคืนแบบนี้หรอกนะฮะ...

...เหตุผลอีกข้อที่โคตรสำคัญต่อหัวใจของผมก็คือ ผมมาคอยหาเรื่องออกไปเจอหน้าขนุนให้ได้บ่อยครั้งที่สุดโดยทำให้ทุกครั้งเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญอีกด้วย อย่างเช่น

เพื่อแลกกับการเซย์ไฮแบบหล่อๆให้ขนุนได้ประทับใจตั้งแต่เช้าตรู่ ผมลงทุนแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าออกไปวิ่งรอบหมู่บ้านอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อดักรอเจอหน้าขนุนตอนออกมาส่องบ้าน X1 ในรอบเช้า ทั้งที่ในพจนานุกรมของผม ไม่เคยมีคำว่าตื่นก่อนบ่ายสามโมงในวันที่ไม่ต้องไปทำงานบัญญัติมาก่อน.....
.
.
.
.....ที่สำคัญ ผมไม่อยากจะบอกเลยว่า บนชั้นสองของบ้าน    พิกัดหน้าประตูห้องผมพอดีเป๊ะ มีลู่วิ่งไฟฟ้าราคาแสนสาหัสพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายแบบฟูลออฟชั่น ขนาดที่ว่าเจ้าของฟิตเนสทั้งหลายยังต้องกรีดร้องอย่างตื่นตะลึงให้กับความครบครันถ้าได้มาเห็นกับตา

แต่ถ้าวันไหนขนุนออกมาสายกว่าปกติ และผมวิ่งเสร็จไปแล้ว... ผมก็จะไปกระชากวิญญาณพี่ปลิงออกมาจากที่นอนแล้วลากสังขารหมาดำพร็อพจำเป็นออกมาเดินออกกำลังกายทันทีที่ผมเห็นร่างเพรียวบางของขนุนเดินผ่านหน้าบ้านผมไป เพื่อหาโอกาสให้เราได้ทักทายกันเรื่องทั่วๆไปบ้างพอหอมปากหอมคอ

สำหรับความพยายามในการตื่นเข้าของผม ก็ส่งผลทันตาเข้าในเช้าวันที่สองนี่เอง เพราะผมได้รับโบนัสตอบแทนเป็นการกินโจ๊กร้านเดิมร่วมกัน แถมคุยโน่นนี่จิปาถะอยู่ตั้งนานสองนาน เนื่องในโอกาสที่ขนุนอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะ X1 กำลังจะกลับเมืองไทย


เพื่อแลกกับการได้ทักทายขนุนเมื่อค่ำวานซืน ผมต้องออกมาล้างรถตอนสามทุ่ม ทั้งที่เป็นการกระทำที่โคตรจะแถ...

...เพราะหนึ่ง...ผมเพิ่งถอยรถออกมาจากอู่ ซึ่งอู่แม่งก็เสือกล้างรถเสียเงานิ้งจนกระจกหน้าแม่งสะท้อนเงาดาวเทียมไทยคมที่ลอยอยู่เหนือชั้นบรรยากาศได้ครบทุกมุมอยู่แล้ว...

...เท่านั้นยังไม่พอ ฟ้าแม่งยังร้องครืนๆ แถมด้วยเอฟเฟคฟ้าแลบแปลบปลาบลงมาตรงหลังคาบ้านข้างๆเป็นระยะๆ ตามติดปิดท้ายด้วยลมที่พัดหวืดหวืออยู่ตลอดเวลา จนผมควบคุมทรงผมทรงหน้าให้ดูหล่อตามปกติแทบไม่ได้...

...และสิ่งที่ทำให้มันกลายเป็นเรื่องคลาสสิกที่สุดเกินจะเอ่ย ก็คือ...มันเป็นการโชว์เหนือป้อหนุ่มด้วยการล้างรถก่อนฝนห่าใหญ่จะตกเพียงไม่นานตอนเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่าๆน่ะสิฮะลวกเพี่ยะ...
.
.
...ของแบบนี้ หล่ออย่างเดียวทำไม่ได้นะ ต้องรักจริงด้วยนะฮะ

ส่วนคืนวาน เพื่อแค่ให้ได้เดินไปส่งขนุนกลับเข้าบ้าน ผมต้องแอบออกมาทุบหลอดไฟหน้าบ้านทั้งสองดวงในช่วงปลอดคนเพื่อจะได้ออกมาเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ตอนที่ขนุนออกมาส่องหลังคาบ้าน X1 รอบดึก.........ซึ่งเป็นเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืน.... คิดดูเอาเถอะฮะว่า คนดีๆที่ไหนแม่งจะบังเอิญออกมาเปลี่ยนหลอดไฟหน้าบ้านเอาตอนเกือบตีหนึ่ง... ตอแหลได้โล่ห์เลยฮะ บอกตรงๆ

...แต่สำหรับผมเวลานี้ ความถูกต้องเหมาะสมใดๆ.... ช่างหัวแม่ง!! ขอแค่ได้เห็นหน้าแว่นๆของใครบางคนก่อนนอน ผมถือว่าเป็นอันใช้ได้ หึ หึ



ยังไม่ทันได้คิดอะไรเพลินไปกว่านั้น ผมก็ต้องรีบหันกลับมาทำท่าเหมือนกำลังตั้งใจดูทีวีรายการเรียลลิตี้กากๆรายการนั้นที่ผมเปิดค้างเอาไว้กลบเกลื่อนสายตาที่เอาแต่เหม่อมองไปข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของพี่ปีย์เดินลงบันไดมา ระหว่างที่พี่ปีย์ชวนผมคุยเรื่อยเปื่อยเรื่องกล้องสปายในบ้านเป้าหมาย และเรื่องรายการทีวีที่กำลังฉายอยู่ เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้นเพื่อบอกให้เราสองคนรู้ว่ามีแขก

หลังจากเราทั้งสองคนได้รับเชิญจากพี่โอ่งผู้เป็นตัวแทนข้างบ้านให้เข้าไปทักทายเจ้าของบ้านข้างๆ หรือเป้าหมายในงานนี้ของพวกผม ผมก็เดินใจลอยตามหลังพี่โอ่ง ซึ่งผมเดาว่าแกน่าจะเป็นกระเทยแอ๊บแมนแน่ๆ เพราะผมเห็นสายตาที่แกมองผมสลับกับพี่ปีย์แล้ว ผมก็รู้สึกหนาวต้นคอขึ้นมาเสียเฉยๆ

ทุกครั้งที่แกมองมา มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับตอนเล่นสงกรานต์สีลมเมื่อปีก่อน ผมถูกมือดีที่ไม่ประสงค์จะออกนามและเสนอหน้าลูบไข่ไปมาจนน้องชายผมแม่งเกือบจะโด่   ทั้งๆที่พอหันไปมองรอบๆตัว....ก็ไม่มีผู้หญิงหน้ามึนคนไหนอยู่ใกล้ๆเลยสักคน  และที่เหี้ยไปกว่านั้นก็คือ...ไอ้พวกที่ประกบผมอยู่ในระยะมือเอื้อม ก็เห็นจะมีแต่คนที่อยู่ในเครื่องแบบผู้ชายแมนล่ำแทบทั้งสิ้น 

พี่โอ่งเป็นคนรูปร่างสันทัดช่างพูดช่างคุยและค่อนข้างตลกโปกฮาเอาเรื่อง แกเจื้อยแจ้วอย่างเป็นมิตรโดยไม่ไว้ชีวิตคนแปลกหน้าอย่างเราสองคน ราวกับปีหน้าแกวางแผนจะลงสมัครรับเลือกตั้งกำนันอย่างไรอย่างนั้น ถ้าตัดเรื่องสายตาละลาบละล้วงของแกออกไป ผมว่าแกเป็นคนน่ารักน่าคบมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
.
.
.
.
และแล้ว คืนนี้ ผมก็ได้เดินเข้าบ้านหลังข้างๆทางประตูหน้าแบบผู้มีอารยะเสียที...ไม่มีอีกแล้วกับการปีนกำแพงหลังบ้านด้วยความเร็วเหนือแสง  พี่ปีย์เดินตามปิดท้ายขบวนอย่างเงียบเชียบจนผิดสังเกต..............ไม่กี่นาทีให้หลัง ผมก็รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมพี่ปีย์ถึงได้ทำตัวเงียบเหมือนลืมปากทิ้งเอาไว้ที่บ้าน...

...มันน่าจะเป็นเพราะพี่ปีย์แม่งต้องตื่นเต้นกับการเจอหนุ่มหน้าสวยสงบข้างบ้าน ผู้เป็นเป้าหมายของงานสืบในครั้งนี้แหงๆ เพราะตั้งแต่ที่เราสองคนเดินตบเท้าเข้าประตูบ้าน X1 ไปแล้ว พี่ปีย์แม่งพูดแทบนับคำได้ ทั้งที่ปกติผมแทบกราบให้พี่ผมคนนี้หยุดบ่นบ้าง

ฝั่งนั้นแม่งก็พอกัน...เพราะเมื่อพี่กานต์เห็นพี่ปีย์เต็มๆตา สีหน้าพี่กานต์ก็เปลี่ยนจากนิ่งๆเป็นทำหน้าไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่กล้า...จะหยิ่งเหมือนตอนแรกก็ดูจะฝืนใจแกมากอยู่  ผมเลยสรุปได้ทันทีว่า สองคนนี้แม่งต้องมีเคมีชีวะฟิสิกส์อะไรยังไงกันแหงๆ เพราะฝ่ายพี่ผมแม่งก็เก็กหล่อจนผมเกือบหลุดขำ ส่วนอีกคนก็หน้าแดงเหมือนลูกตำลึกสุกทุกครั้งที่พี่ผมส่งยิ้ม...

...หึ หึ งานนี้ ผมนี่แหละที่จะได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ... 

เพราะเมื่อตอนเย็นที่เราไปกินข้าวกัน พี่ปีย์แม่งก็ดันเลี่ยงไม่ตอบผมเรื่องความรู้สึกที่มีต่อเป้าหมาย ผมเลยยังไม่แน่ใจนัก พอมาได้เห็นหลักฐานคาตาอยู่แบบนี้...ผมก็เริ่มสบายใจ เพราะถ้าพี่ผมกับเป้าหมายได้กัน ขนุนก็จะไม่เหลือใครให้ใฝ่ฝันอีกต่อไป

...พี่ปีย์ฮะ น็อตสัญญาเลยฮะ ว่าน็อตจะทำทุกอย่างเพื่อให้ความรักของพี่ปีย์สมหวัง...
...เพราะถ้าพี่ปีย์สุข น็อตก็สุขเหมือนกันล่ะฮะ เหอ เหอ เหอ...

พวกเราทั้งสองใช้เวลาแนะนำตัวในบ้านเป้าหมายเพียงไม่นานก็ขอตัวกลับออกมาเพื่อให้เจ้าของบ้านได้พักผ่อน ไอ้ตอนเดเดินออกมาจากบ้าน X1 นี่แหละที่สายตาของผมเหลือบไปเห็นร่างเพรียวบางที่คุ้นตายืนแอบอยู่ตรงเงาเสาไฟฟ้าต้นเยื้องๆไปทางบ้านตรงข้ามสองหลัง ผมเลยบอกให้พี่ปีย์กลับเข้าบ้านไปก่อน แล้วเดินเนิบๆเข้าไปหาร่างอ้อนแอ้นที่ผมอยากเห็นมาตลอดวัน


“กำลังเล่นแปลงร่างเป็นเงาเสาไฟฟ้าอยู่เหรอฮะคุณขนุน?... หึ หึ ผมถามจริงๆเถอะ ใจคอคุณจะมายืนเป็นอีแอบอยู่ตรงนี้อีกนานไม๊ฮะ?”

“น็อตล่ะก็ แซวผมอยู่ได้...........ผมมายืนตรงนี้ยังไม่ถึงห้านาทีเลยนะครับ” เสียงเล็กๆตัดพ้ออย่างน่ารัก

...ฮื้ยยยย ทำไมทำเสียงงุ้งงิ้งง๊องแง๊งจังว้า โมเอ้ที่สุดเล๊ยยยยยย...รู้ตัวมั่งไม๊เราน่ะ...

“แล้วทำไมต้องมาทำท่าลับๆล่อๆอยู่แบบนี้ด้วยล่ะฮะ  ที่บ้านไม่มีทีวีหรอกเหรอฮะ?...ถึงได้มาส่องบ้านคนอื่นเพื่อความบันเทิงอยู่อย่างนี้?”

“พูดอะไรอย่างนั้น ไม่ใช่อย่างที่น็อตว่ามาซะหน่อย...
.
.
...ผมแค่ออกมา....เดินเล่นรอบๆหมู่บ้านเดี๋ยวเดียว นี่ก็กำลังจะกลับบ้านแล้วล่ะ” ผมเห็นสายตาอาลัยอาวรณ์ของขนุนที่ชะเง้อไปมองทางบ้าน X1

...หึๆ นี่แหละน้าคือโทษของการโกหก เป็นไงล่ะเลยต้องกลับบ้านก่อนจะได้แอบดู X1 ทั้งที่อุตส่าห์แอบตั้งท่าอยู่ตั้งนาน...

“ถ้าอย่างงั้น ผมเดินไปส่งนะฮะ...ทางมันไกลและก็เปลี่ยว ผมกลัวว่าคุณจะถูกดักทำร้าย หึ หึ”

“ฮื่อ เอาสิ...แต่ระยะทางเดินผ่านบ้านสามสี่หลังนี่มันไกลขนาดนั้นเลยเหรอน็อต?”

“แหม...ผมก็แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ก็เห็นหน้าคุณดูเครียดๆ เลยอยากให้ยิ้มได้ไงฮะ”

“ผมดูเครียดเหรอ?...ไม่น่านะ ผมน่ะออกจะมีความสุข โดยเฉพาะคืนนี้” ขนุนอมยิ้มจนแก้มป่องน่าฟัด

ผมรีบละสายตาออกจากแก้มขาวๆกลมๆนั่นแล้วถามด้วยความสงสัย “คืนนี้มีอะไรดีเหรอฮะ...คุณถึงได้มีความสุขเป็นพิเศษ?”

“ไม่มีอะไรหรอก... ก็แค่พรุ่งนี้เราจะมีงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาบ้านของคุณกานต์น่ะครับ...
.
...เอ้อ น็อตมาด้วยกันสิ จะได้ทำความรู้จักกับน้องๆและคนอื่นๆในหมู่บ้านยังไงล่ะ”  



แหม่ขนุน...พอพูดถึงพี่กานต์นี่ยิ้มใหญ่เลยนะ ผมล่ะอยากรู้จริงๆเลยว่าขนุนจะยิ้มอย่างนี้ไปได้อีกสักเท่าไรกัน เพราะถ้าขนุนได้เห็นพี่กานต์เวลาอยู่กับพี่ปีย์ ต่อให้ไม่มีใครเดินไปบอก...คนอย่างขนุนต้องเดาออกแน่ๆ ว่าตัวเองคงจะไม่มีหวังเรื่องพี่กานต์ได้อีกต่อไป

“อ๋อ งานปาร์ตี้ที่บ้านพี่กานต์เป็นคนจัดน่ะเหรอฮะ?...ผมกับพี่ชายไปแน่ๆฮะ เพราะว่าพี่กานต์กับเพื่อนๆออกปากชวนเอาไว้แล้ว”

“เหรอๆๆๆ ดีๆ วันพรุ่งนี้เราจะได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการซักทีนะ...งานวันพรุ่งนี้จะต้องสนุกมากแน่ๆแลยล่ะ” เจ้าตัวตบมือเบาๆอย่างดีอกดีใจกับสิ่งที่คิดหวังเอาไว้ในหัว

“ฮะ...หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันฮะ  เอาล่ะ...ถึงบ้านคุณพอดี ผมส่งคุณที่ตรงนี้นะฮะ...
.
.
...เอาไว้เราเจอกันวันพรุ่งนี้ฮะ กู๊ดไนท์นะฮะ”  ผมยืนอยู่หน้ารั้วเพื่อรอส่งให้ขนุนเดินเข้าไปในบ้านก่อน

ขนุนเดินผ่านรั้วเข้าไป ปิดประตูรั้ว แล้วหยุดยืนทิ้งทายความกับผมด้วยรอยยิ้มกว้างแสนสดใส “อื้อ ราตรีสวัสดิ์นะ แล้วก็ขอบคุณมาก ที่เดินมาส่ง...มันอันตรายและเปลี่ยวจริงๆอย่างที่น็อตว่าแหละ...
.
.
...เนอะ” คนพูดยักคิ้วข้างหนึ่งให้ผมหลังเอ่ยคำสุดท้าย

“ฮะ ฮะ ฮะ ตามนั้นเลยฮะขนุน เอ๊ย!! คุณขนุน” ด้วยความอึ้งกับการรู้ทันของขนุน ทำให้ผมหลุดเรียกเขาอย่างที่ผมชอบเรียกเวลาที่ผมพูดถึงเขาอยู่คนเดียว

หึ หึ นี่ตั้งใจจะแซวผมใช่ไหม ถึงได้พูดประโยคนั้นออกมา...
เดี๋ยวนี้ทำตัวน่ารักใหญ่แล้วนะฮะขนุน...
อย่าให้ผมได้โอกาสเชียวนะ...ผมไม่ปล่อยเอาไว้ให้ทำปากดีอย่างนี้ได้โดยไม่มีการลงโทษแน่ๆ...

รอวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้วโว๊ยยย อยากจะรู้จริงๆว่าเวลาขนุนอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ ขนุนจะวางตัวอย่างไร... แม่งต้องสนุกมากแน่ๆ หึ หึ


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


เช้าวันนี้ หลังจากไล่ตบนาฬิกาปลุกทั้งสี่เครื่องให้เงียบเสียงลงได้ ผมก็รีบแงะตัวออกจากที่นอนเพื่อออกมาจ็อกกิ้งสร้างภาพ แต่สิ่งที่ทำให้ผมลืมความหงุดหงิดที่ต้องตื่นแต่เช้าไปได้ในพริบตา แถมยังบันดาลความสุขเหนืออื่นใดให้ผมอย่างฉับพลัน ก็คือ การได้มารู้มาเห็น และได้เป็นสักขีพยานในฉากสุข และฉากโศกที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันที่หน้าบ้านตัวเอง

ตรงหน้าผม เหมือนเป็นการจำลองฉากในละครฉากหนึ่ง ฝั่งขวามือตรงรั้วหน้าบ้านข้างๆคือฝั่งที่เต็มไปด้วยความสุขสมหวัง...พี่ปีย์กับ X1 ยืนตระกองกอดกันแน่น ราวกับคนตัวเล็กกว่ากระดูกสันหลังเคลื่อนกะทันหันจนไม่อาจยืนบนลำแข้งของตัวเองได้ ส่วนไอ้พี่ชายผมแม่งก็ยืนหน้าบานส่งลำแสงสีม่วงออกมาโดยไม่คิดปล่อยมือออกจากพี่กานต์แต่อย่างใด...

...แต่ตรงหน้ารั้วเยื้องไปทางซ้ายประมาณร้อยสามสิบองศาไม้โปรฯครึ่งวงกลม ผมขอสถาปนาให้เป็นฝั่งโศก เพราะมีขนุนยืนตัวแข็งเหมือนคนถูกสาปขณะมองตรงเข้าไปยังรั้วบ้านข้างๆบ้านผมโดยไม่ละสายตา หน้าขนุนดูช็อคมากที่ได้มาเห็นฉากเด็ดแบบจะจะตั้งแต่เช้า  หลังจากติดนิ่งไปนานหลายนาที ขนุนก็แหงนหน้าขึ้นมองฟ้าอยู่พักใหญ่ จนผมเริ่มสงสัยว่าขนุนเป็นอะไร...สุดท้ายผมก็อดใจไม่เดินเข้าไปเผือกไม่ได้


“หวัดดีตอนเช้าฮะคุณขนุน วันนี้อากาศดีนะฮะ” ผมทักทายอย่างร่าเริงสดใสเกินกว่าที่ควรจะเป็น...แหงล่ะสิฮะ ก็คนที่เราชอบอกหักนี่ฮะ เราจะมามัวเศร้าได้อย่างไรกัน หึ หึ

“ครับ”...น่าน  หน้าเศร้าพร้อมเสียงอ่อยๆมาแล้ว จี้อีกหน่อยแม่งต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ

“คุณขนุนมองฟ้าทำไมเหรอฮะ...
.
.
...ยานแม่ลอยลงมาส่งสัญญาณอะไรหรือเปล่าฮะ?” ผมยังยั่วต่อ... ว่าผมสิ ว่าผมเลย จะว่าผมว่าบ้า หรือเพ้อเจ้ออะไรก็ได้ ผมรอฟังอยู่...ถ้ายังจะมีแรงเหลือเอาไว้ว่าผมเหมือนที่ชอบเบรคประโยคเพ้อเจ้อของผมบ่อยๆน่ะนะ หึ หึ หึ

“เปล่าหรอกฮะ ไม่มีญาณแม่ที่ไหนหรอกฮะ ผมแค่มองฟ้าเฉยๆ” ...เป๊ะ!! นี่ล่ะอาการของคนอกหัก อย่างนี้ต้องรีบเข้าไปช่วยดามหัวใจอ่อนๆของขนุนเสียหน่อยแล้ว

“งั้นผมช่วยแค่มองฟ้าเฉยๆเป็นเพื่อนไม๊ฮะ? เผื่อว่าทำคนเดียวแล้วคุณจะเหงา” งานเศร้าของขนุน...ผมต้องซ้ำให้หนัก จะได้เจ็บทีเดียว แล้วก็ลืมๆเรื่อง X1 ไปได้สักที
.
.
.
.
“เราไปกินโจ๊กกันไม๊ครับ ผมหิวแล้วล่ะ” ผมมองหน้าขนุนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ขนุนออกปากชวนผมไปทำอะไรด้วยกัน... ระหว่างเรามันต้องเป็นไปได้แหงๆว่ะ เพราะผมเริ่มเห็นหนทางข้างหน้าที่เริ่มถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบแล้วนี่นะ แม้ว่าตอนนี้...ฝั่งของก้านกุหลาบที่มีหนามจะทิ่มแทงใจขนุนอย่างแรงอยู่ก็ตามทีเถอะ  ดีใจว้อยยยย!!!

“ดีเหมือนกันฮะ วันนี้กินเลยแล้วกัน ไม่ว่งไม่วิ่งมันแล้ว...ไปกันเถอะฮะ เดี๋ยววันนี้ผมเลี้ยงเองฮะ”

“ไม่ต้องหรอก สลับกันดีกว่า วันนี้ผมเลี้ยงเอง น็อตเลี้ยงผมมาหลายวันแล้ว ผมเกรงใจน่ะครับ...อย่าปฏิเสธเลยนะครับ เราจะได้กินข้าวด้วยกันได้นานๆไงครับ” แม้ผมจะรู้ว่าขนุนพูดตามมารยาทและอยากทำให้ผมยอมเรื่องการจ่ายเงิน แต่ผมชอบประโยคที่บอกว่า ...ได้กินข้าวด้วยกันได้นานๆ...จังเลยว่ะ ฟังแล้วเหมือนสัญญาว่าจะรักกันไปจนตายยังไงก็ไม่รู้ วู้วววว... ดีใจสัดอ่ะ!





เมื่อไปถึงร้านโจ๊ก ขนุนก็ยิงคำถามตรงเข้าหาผมทันที “เมื่อกี๊ตอนเดินออกมา น็อตเห็นคุณกานต์ตรงหน้าบ้านรึเปล่าครับ?”

“อ๋อ พี่กานต์น่ะเหรอฮะ...เห็นสิฮะ พี่กานต์เดินออกมาหน้าบ้านตอนนั้นพอดี แต่ผมลืมทักน่ะฮะ...ทำไมเหรอฮะ?” ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“แล้วน็อตรู้ไม๊......ว่าใครที่อยู่กับคุณกานต์ตรงหน้าบ้านเมื่อเช้า?”

“คนที่ตัวสูงๆตัดผมทรงสกินเฮดน่ะเหรอฮะ?”

“ครับ คนนั้นแหละครับ...น็อตรู้จักรึเปล่า?”

“พี่ชายผมเองฮะ ชื่อพี่ปีย์”

“เขาคือพี่ชายน็อต..........ชื่อคุณปีย์...........นี่เองเหรอครับ...
.
.
...แล้วเค้ารู้จักกับคุณกานต์มานานแล้วรึยังครับ? ผมเห็นเค้าดูสนิทสนมกับคุณกานต์ดีจังเลยน่ะครับ” แม้ผมจะไม่มองเห็นดวงตาของขนุนหลังหนาๆของแว่นได้ชัดนัก แต่จากน้ำเสียงหม่นๆมันบอกผมได้แจ่มแจ้งว่าขนุนกำลังเศร้า

ยิ่งเศร้ายิ่งเข้าทางผม อย่างนี้มันต้องจัดไปให้เศร้าซ้ำซากตายกันไปข้าง “อืม ไม่รู้สิฮะ ผมเองก็เพิ่งเห็นพี่กานต์อยู่กับพี่ปีย์เหมือนกัน แต่สองคนนั้นเค้าก็ดูสนิทกันจริงๆน่ะแหละฮะ... นี่ถ้าผมไม่รู้จัก ผมคงคิดว่าเค้าสองคนต้องเป็นอะไรกันแน่ๆเลยฮะ เค้าดูเหมาะสมกันมากน่ะฮะ”

...มึงนี่ก็บ่างได้ที่เลยนะไอ้น็อต เรื่องยุแยงให้คนเค้าแตกกันนี่ยังทำได้ดีเป็นเลิศ!!!

“อืม ผมก็คิดเหมือนกันครับ เค้าสองคนดูเหมาะสมกันมาก.......เฮ้ออออออ” ขนุนนั่งเขี่ยโจ๊กไปมาจนไข่แดงแตก และโจ๊กเริ่มจะกลายเป็นน้ำซุปแล้ว

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าฮะ? มีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือเปล่า?” นี่ถ้าใครอ่านใจผมในตอนนี้ออก จะต้องรู้ว่าผมตอแหลขัดกับเสียงมากๆ เพราะเสียงอันอ่อนโยนที่ใช้ถามขนุนราวกับเป็นห่วงนักหนา ผิดกับความรู้สึกลิงโลดลำพองใจในอกเมื่อเห็นว่าชัยชนะอยู่ใกล้แค่เอื้อม

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมโอเค...ผมแค่มีเรื่องที่ต้องคิดนิดหน่อย แต่คุณสบายใจได้ ผมไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ...โจ๊กมานานแล้ว เรากินกันเถอะครับ” คนพูดก้มหน้าก้มตาตักอดีตโจ๊กที่กลายร่างเป็นน้ำซุปใสๆเข้าปากแล้วกลืนอย่างช้าๆ

“ฮะ กินกันเถอะฮะ”

“น็อต...เดี๋ยวพอเรากินเสร็จแล้ว เราไปเดินเล่นกันดีไม๊ครับ” ความมุ่งมั่นและรักจริงของผมมันออกดอกออกผลเป็นการชวนไปใช้เวลาด้วยกันต่อจากการกินข้าวเช้า... เชดดดดด อะไรจะเข้าทางไอ้น็อตง่ายดายขนาดนี้

“ได้ฮะ คุณอยากไปที่ไหน บอกผมมาได้เลยนะฮะ เดี๋ยวผมพาไปเอง”...สุภาพบุรุษที่สุดแล้วอ่ะผมวินาทีนี้ 

...โอ๋ๆ ขนุนอย่าเสียใจไปเลยนะฮะ มาซบที่อกน็อตมะ เดี๋ยวน็อตจะทำให้ลืมไปเลยว่าเคยอกหักเพราะรักคนผิด...



นี่ถ้ารู้ว่าพี่ปีย์จะช่วยให้เรื่องมันเข้าทางผมได้เร็วทันใจแบบนี้ ผมไม่น่าเสียเวลากลุ้มใจเรื่องขนุนไปตั้งหลายวันฟรีๆ จนอดไปนอนที่บ้านกับขนุนตั้งหลายคืนอย่างนี้เลยเว้ย  แต่ไม่เป็นไร... เพราะหลังจากวันนี้ จะไม่มีคืนไหนที่ขนุนได้นอนโดยไร้เงาไอ้น็อตเคียงข้างอีกแล้ว หึ หึ หึ




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

No comments:

Post a Comment