Monday, November 28, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The Last Bonding|| 28.11.2016



และแล้วเรื่องราวของเหล่าสมุนเลวก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายจนได้
ใครเลยจะคิดว่า การเดินทางไหว้พระของเราเมื่อสองปีก่อน
จะนำพาหนุ่ม ๆ กว่าสิบชีวิตมาโลดแล่นให้ทุก ๆ คนได้ทำความรู้จัก
(และทำให้บางคนนึกเอ็นดูมากจนยอมลดตัวไปเป็นติ่ง ฮ่า ๆๆๆ )

ออกตัวก่อนว่าเราอาจจะไม่ได้เขียนตอนจบที่ทุกคนตั้งตารอ (และยินดีขอโทษหากไม่ถูกใจใคร)
แต่เราเขียนด้วยความเชื่อที่ว่า หากตัวละครทั้งหมดในเรื่องเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อจิตใจออยู่จริง
มิตรภาพและความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะคงอยู่ และดำเนินต่อไปตามครรลอง
โดยไม่สำคัญว่าจะมีคำว่าอวสานกำกับอยู่ตรงท้ายบทหรือไม่

ขอบคุณทุก ๆ การติดตามรวมถึงกำลังใจที่มีให้กันมาโดยตลอด
หากไม่มีพวกคุณในวันนั้น คงไม่มีเราในวันนี้อย่างแน่นอน
หวังว่าจะได้พบกันใหม่เร็ว ๆ นี้ค่ะ ^^
(แน่สิ ก็ยังมีตอนพิเศษให้อ่านอีกสามตอนนี่เนาะ)

สำหรับท่านใดที่อยากครอบครองนิยายเรื่องนี้ในแบบรูปเล่ม
เรามีแผนจะรวมเล่ม (ทั้งสองภาค) และเปิดให้จองภายในปีหน้า
ทั้งนี้ เราตั้งใจจะส่งมอบหนังสือถึงมือคุณผู้อ่านไม่เกินเดือนสิงหาฯ อย่างช้า
เพราะฉะนั้น เราจึงขอแนะนำให้ติดตามข่าวคราวความคืบหน้าของหนังสือในเพจจะดีกว่า  
(ถึงแม้ว่าเราจะตามมาอัพเดทในกระทู้นี้ด้วย แต่เราไม่แน่ใจว่าทุก ๆ คนจะได้อ่านหรือเปล่าน่ะค่ะ)





«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The Last Bonding
อวสานคาเมร่าแมน?!




“ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยบอกให้ทุกแผนกที่เกี่ยวข้องเตรียมเอกสารให้ผมก็ได้คุณเร คุณกับทุกคนก็พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้พวกเราค่อยลุยกันต่อ ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ต้องเสียเวลาส่วนตัว” หลังจากบอกปัดคำขอโทษของท่านประธานร่างหมีกันจนเสียงดังเซ็งแซ่ พนักงานที่เข้าประชุมสายทั้งหมดก็ทยอยกล่าวคำอำลาก่อนตัดสายจากหัวหน้าใหญ่ตามลำดับ

เต๋อบิดลำตัวขับไล่ความเมื่อยล้าขณะรอให้แล็ปท็อปยุติการทำงาน ทว่าเสียงของเลขาส่วนตัวคนเก่งกลับดังขึ้นเสียก่อน “บอสคะ วันเสาร์นี้บอสจะให้เรส่งของขวัญวันเกิดน้องแฝดกับช่อดอกไม้ของคุณฟูกับคุณด้วงไปที่บ้านกี่โมงดีคะ?”

“อ้าว นี่ยังไม่วางหูอีกเหรอคุณเร?”
  
“เดี๋ยวพอคอนเฟิร์มเรื่องนี้กับบอสเสร็จ เรก็จะไปนอนแล้วค่ะ”

“หึ หึ ขอบคุณครับ แต่จริง ๆ คุณเรค่อยค่อยถามผมพรุ่งนี้ก็ได้นะ กว่าจะถึงวันเสาร์ก็อีกตั้งสองวัน” เต๋ออดห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะภายหลังจากการเข้ารับตำแหน่งประธานสูงสุดของตนเมื่อต้นปี หล่อนก็ยิ่งยุ่งจนเขายังเห็นใจ

“คุยเสียให้เสร็จเลยดีกว่าค่ะ เพราะบอสน่าจะติดพันกับการประเมินผลประกอบการต้นไตรมาสแรกจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ ๆ ” นับว่าพรนภัสอ่านเกมขาด เพราะที่สุดแล้ว ตรินก็ยอมให้ความร่วมมือกับหล่อนเป็นอย่างดี

“อืมก็จริงของคุณ งั้นฝากคุณเรส่งของขวัญให้ที่บ้านผมก่อนสิบเอ็ดโมงแล้วกันครับ บอกทางนั้นให้โทรคุยกับพี่ออยนะ เพราะตอนเช้าพวกผมน่าจะยังทำบุญอยู่ข้างนอก ส่วนดอกไม้ บอกร้านให้ช่วยส่งให้ผมช่วงก่อนหกโมงนะครับ อันนี้โทรเข้าเบอร์ผมโดยตรงได้เลย ผมรอรับสายตลอด”  

“โอเคค่ะบอส เจอกันวันพรุ่งนี้ค่ะ”

“ครับ”

จังหวะที่พรนภัสตัดสายพอดีกับที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ประมุขของบ้านจึงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน แล้วสืบเท้าออกจากห้องหนังสือ มุ่งหน้าขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้านทันที ทว่าสุ้มเสียงชวนให้รู้สึกจั๊กจี้แปลก ๆ ที่ดังสลับกับเสียงกระซิบกระซาบจากในห้องครัวกลับดึงดูดความสนใจได้อย่างน่าประหลาด อารามสงสัยติดหมัด ป๊ะป๋าร่างหมีจึงตัดสินใจเบนเป้าหมาย พลางย่องด้วยปลายเท้าเข้าใกล้ต้นเสียงเพื่อพิสูจน์อาการหูฝาดเฉียบพลันของตัวเอง

ขอให้ไม่ใช่สิ่งที่เขานึกถึงทีเถอะ...

แม้จะภาวนาให้ความคิดด้านลบของตนไม่เป็นจริง แต่ทันทีที่เขาเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของสองร่างที่เคลื่อนไหวท่ามกลางความมืดสลัวในท่วงท่าล่อแหลม อคติก็ทำให้ชายหนุ่มปักใจว่า นั่นจะต้องเป็นว่าที่ลูกเขยกับบุตรชายคนเล็กของตนแน่ ๆ คิดได้ดังนั้น ตรินจึงย่างสามขุมเข้าครัวไปโดยไม่ทันระแวดระวังด้วยหวังจะจับคนลักกินขโมยกินให้ได้คาหนังคาเขา

“โอ๊ย! ซี๊ดส์ อูยย!!” อนิจจา ค่าที่หลังแต่งงาน เต๋อแทบไม่ค่อยได้เข้าครัว กว่าชายหนุ่มจะคลำหาสวิตช์ไฟเจอ หัวก็ดันโขกเข้ากับมุมตู้บิวท์อินเสียเต็มรัก เจ้าตัวจึงหลุดปากโอดโอยเสียงดังจนไก่ทั้งเล้าแตกตื่นและเตลิดหนีไปต่อหน้าต่อตา “อย่าหนีนะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อูย!!

ยิ่งเมื่อเห็นผู้ต้องสงสัยวิ่งหลบหนีไปได้โดยไม่มีสะดุด ทายาทรุ่นที่สองของคุณะประสิฒธิ์ก็ยิ่งเชื่อฝังหัวว่าคนที่ตนเห็นจะต้องเป็นฌานกับลูกชายคนเล็กของตัวเองเป็นแน่แท้ เพราะย่อมไม่มีคนนอกที่ไหนจะรู้ทางหนีทีไล่ รวมถึงคุ้นเคยกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เป็นอย่างดีเท่ากับผู้อยู่อาศัย “ไอ้ฌาน! มึงออกมาเดี๋ยวนี้นะ! อย่าให้กูจับได้เชียว กูเอาเลือดหัวมึงออกแน่!

“ป๋า ป๋าเป็นอะไร? ป๋าตะโกนทำไม? ใครทำอะไรป๋า?”
“นั่นสิ! เกินอะไรขึ้นป๋า? ทำไมป๋าต้องตะโกนด้วย เดี๋ยวพวกลูก ๆ ก็ตื่นกันหมดบ้านพอดี!” เสียงคำรามยามวิกาลของคนรักทำเอาวิญญูกับกรกฏรีบรุดลงมาชั้นล่างเพื่อตามหาป๊ะป๋าร่างหมีด้วยความร้อนใจ

“อูย! ก็ไอ้ฌานน่ะสิ มันไม่รักษาสัญญา ป๋าจะไปเอาเลือดหัวมันออก!” เต๋อลั่นวาจาพลางนวดศรีษะอย่างเจ็บแค้น

“ป๋าใจเย็นก่อน ไหนเล่าให้ฟูฟังซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“ไม่ล่งไม่เล่า ไม่ยงไม่เย็นแล้ว! ถ้าคืนนี้ป๋าไม่ได้เห็นเลือดชั่ว ๆ ของไอ้ฌาน ป๋าต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ !” สิ้นคำ ตรินก็ซอยเท้าย่ำขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วจนอีกสองหนุ่มต้องวิ่งไล่กวด

เมื่อเห็นท่าไม่ดี กังฟูก็สั่งวิญญูให้รวบตึงคนรักหน้าหนวดก่อนจะพุ่งตัวไปยังอีกปีกหนึ่งของบ้านโดยพลัน “ด้วงล็อกแขนซ้ายป๋าเร็วแล้วรีบพาเข้าห้องเรา!

“ปล่อยป๋านะหนู ป๋าจะไปเอาเลือดหัวไอ้คนชั่วออก!” ความพยายามต่อต้านของเต๋อไร้ประโยชน์ลงทันใด เมื่อชายหนุ่มโดนคนรักทั้งสองร่วมแรงร่วมใจลากตัวเข้าห้องนอนไปก่อนที่วิญญาณหมีร้ายจะได้ออกอาละวาด


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


เสียงเคาะรัว ๆ ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ทำให้ฌานจำใจลุกจากที่นอนอย่างเสียไม่ได้ หลังจากประตูถูกเขาปลดล็อกได้เพียงอึดใจ ลูกบิดก็ถูกหมุนโดยคนข้างนอกพร้อม ๆ กับบานประตูที่เปิดอ้าเพื่อให้สองร่างผลุบเข้ามาด้านในทั้งที่เจ้าของยังไม่ได้เชื้อเชิญ “เฮ่ย! เข้ามาทำอะไรกันแต่เช้าเนี่ย?!” ตากล้องหนุ่มโพล่งอย่างตกอกตกใจจนคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงยันตัวขึ้นปรือตามองตามอย่างงง ๆ

“หือ?! พี่พลาย... กลาง?!

ฝาแฝดทั้งสองที่เพิ่งบุกเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนั้นทำให้ทั้งฌานรู้สึกกังวลแปลก ๆ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้เบิกฤกษ์ซักไซ้ ปภพก็ชิงพูดตัดหน้าอย่างลน ๆ

“อาฌาน อาฌานต้องช่วยพี่พลายนะครับ!

“จะให้อาช่วยอะไรพี่พลาย? แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมถึงมาหาอาเอาตอนนี้?” คนโตกว่าขยี้ตาพลางเหลือบมองเวลาตรงข้างฝา... โธ่! เพิ่งจะตีห้าเอง ยังนอนได้อีกตั้งครึ่งชั่วโมง!

“อาฌาน อาฌานจำที่อาฌานเคยสัญญากับพี่พลายได้ไหม... ที่อาฌานบอกว่าอาฌานจะช่วยพี่พลายเวลามีปัญหาน่ะครับ”

ฝ่ายถูกทวงถามนึกในใจอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สติจะช่วยให้เขาปะติดปะต่ออะไร ๆ ได้มากขึ้น “...อ้อ เอ้อ จำได้ ๆ แล้วพี่พลายจะให้อาช่วยอะไรล่ะ?”

ไอ้เหี้ยฌาน!! มึงนะมึง!!!” ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร เสียงตะโกนโหวกเหวกจากนอกห้องของเจ้าบ้านก็ดังขัดจังหวะขึ้นจนพวกเขาทั้งสี่สะดุ้งไปตาม ๆ กัน ทันใดนั้น ประตูห้องรับรองแขกถาวรของบ้านก็เปิดผางออกด้วยน้ำมือของป๊ะป๋าร่างหมี โดยที่แขนทั้งสองข้างมีคนรักทั้งสองเกาะอยู่คล้ายสู้แรงไม่ได้

ไอ้เหี้ยฌาน มึงต้องตาย ต้องตาย ต้องตาย!” ตรินโกรธจนพูดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มได้แต่ยืนชี้หน้าด่าอีกฝ่ายซ้ำ ๆ ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง

“พี่เต๋อมีอะไรหรือเปล่าครับ?” ฌานถามงง ๆ แต่แทนที่จะอธิบาย เต๋อกลับส่งเสียงเรียกบุตรชายคนเล็กแทนเสียนี่

“พลับมานี่ลูก มาหาป๋า!

“หืม?!” เด็กหนุ่มที่ยังไม่หายง่วงดีชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางสบตาบิดาทั้งสามเบลอ ๆ “พลับ... ไปหาป๋า? ทำไมเหรอครับ?”

ท่าทางบริสุทธิ์ราวกับเทวดาน้อย ๆ ของปพนหลังผ่านเรื่องน่าอดสูใจเมื่อคืนไปหมาด ๆ ทำเอาหัวใจของป๊ะป๋าแทบแหลกสลาย ตรินจึงเร่งเร้าลูกชายให้รีบเอาตัวออกห่างจากตัวอันตรายโดยพลัน “มานี่ครับ มาหาป๋า เร็ว ๆ ลูก!

ด้วยความที่ยังไม่รู้อะไร ทายาทหมายเลขสามก็ค่อย ๆ ปีนลงจากเตียงในสภาพยังไม่ทันตื่นเต็มตา นั่นจะแปลกอะไรหากเสื้อผ้าอาภรณ์อันยับเยินล่อแหลมของเด็กหนุ่มขณะเพิ่งตื่นนอนจะทำให้ไฟโทสะในใจเต๋อยิ่งโหมกระพือไปกันใหญ่ ทันทีที่บุตรชายเดินมาหา หนุ่มร่างหมีก็เอาตัวเองบังแก้วตาดวงใจเอาไว้แล้วประกาศกร้าวกับศัตรูผู้ย่ำยีหัวใจเขาอย่างร้ายกาจ “ไอ้ฌาน นับจากวันนี้เป็นต้นไป กูขอสั่งห้ามไม่ให้มึงเข้าใกล้ลูกกูเป็นอันขาด!

เฮ่ย?!
ป๋า! ป๋าทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” พลับประท้วงพลางจะวิ่งกลับไปหาแฟน แต่กลับโดนผู้เป็นพ่อยึดแขนเอาไว้
ไม่ได้ครับ ป๋าตัดสินใจแล้ว!

“พี่เต๋อครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมอยู่ ๆ พี่ถึงห้ามผมแบบนั้นล่ะครับ?”
มึงอย่ามาไก๋ เมื่อคืนมึงทำอะไร กูเห็นนะ! ดีเท่าไรแล้วที่กูไม่เอาเลือดหัวมึงออกน่ะ!
“ผมทำอะไรเหรอครับพี่?!” อาการจับต้นชนปลายไม่ถูกทำเอาฌานหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ทว่าสีหน้าเหรอหราไร้วี่แววสำนึกผิดทำให้ตรินยิ่งโมโหโกรธาว่าที่ลูกเขยไปกันใหญ่
หนอย กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องยังจะมีหน้าตอแหลอีกนะ!” ตรินหันไปสั่งฝาแฝดอีกสองคนอย่างเฉียบขาด “พี่พลาย พลุ ไปหยิบชุดหยิบของ ๆ น้องแล้วพาน้องไปแต่งตัวที่ห้อง ถ้าใครปล่อยน้องให้กลับมาเหยียบห้องนี้ ป๋าจะตัดค่าขนม!

ป๋า! ป๋าเป็นอะไรของป๋าเนี่ย?! ป๋า ป๋าคุยกับพลับก่อนสิครับ ป๋า! ฌาน! ฌานช่วยพลับด้วย!!” เสียงอ้อนวอนของลูกคนเล็กประจำบ้านดังโหยหวนขณะที่เจ้าตัวโดนป๊ะป๋าลากตัวออกไปจากห้องโดยไม่พูดไม่จา

“ฟูไปดูป๋านะแด๊ด” ด้วยห่วงบุตรชายเป็นกำลัง กังฟูจึงรีบวิ่งตามหลังประมุขของบ้านไปอย่างรวดเร็ว

“เมื่อกี๊นี้มันอะไรกันครับพี่ด้วง?”

“เมื่อคืนตอนห้าทุ่มฌานกับพลับลงไปทำอะไรข้างล่างหรือเปล่า?”

แม้จะยังสับสนอยู่มาก แต่สีหน้าเคร่งเครียดของวิญญูกลับทำให้ฌานยอมตอบคำถามของอีกฝ่ายโดยไม่บิดพลิ้ว “เปล่าครับ ผมกับพลับหลับอยู่ในห้อง เมื่อคืนพลับเพลีย ๆ พวกผมเลยเข้านอนเร็วหน่อย”

“เฮ่อ!” อดีตคิวท์บอยถอนหายใจพรูพลางมองหน้ารุ่นน้องต่างคณะอย่างจนปัญญา “ป๋าบอกว่าป๋าเห็นฌานล่วงเกินพลับในห้องครัวเมื่อคืนน่ะ”

หา?!” เป็นเพราะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ จำเลยจำเป็นจึงอดชำเลืองมองหน้าตัวการทั้งสองตรงมุมห้องไม่ได้ “แต่ผมไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ นะครับพี่ด้วง!” 

“พี่เชื่อ” ด้วงรับคำง่าย ๆ ด้วยทีท่าราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจกับการไต่สวนอีกฝ่ายสักเท่าไร เนื่องจากจริง ๆ แล้วคนที่เขาเป็นห่วงที่สุดในเวลานี้ คือ ป๊ะป๋าร่างหมีของเด็ก ๆ คุณพ่อหน้าหยกจึงหันไปสั่งความฝาแฝดอย่างรวดเร็ว

“ระหว่างที่น้องไปอยู่ที่ห้องด้วย พี่พลายกับพลุก็อดทนหน่อยนะลูก แด๊ดกับพ่อฟูจะพยายามกล่อมป๋าให้ยอมเปลี่ยนใจเร็วที่สุด อย่างมากแด๊ดว่าไม่น่าจะเกินคืนวันเสาร์นะครับ” คิวท์บอยหน้าหยกกวาดตามองทุก ๆ คนในห้องพลางส่งยิ้มบาง ๆ คล้ายกับปลอบใจ จากนั้นชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินหายไประงับเหตุอีกฟากหนึ่งของตึกด้วยแน่ใจว่าตรินคงไม่ยอมสงบลงง่าย ๆ

เดี๋ยวครับพี่ด้วง! ผมยังคุยกับพี่ไม่รู้เรื่องเลยครับ!

“อาฌาน!!” พลายร้องห้ามพลางวิ่งไปปิดประตูแล้วยืนขวางอีกฝ่ายไม่ให้วิ่งตามบิดาหน้าหยกไป อากัปกิริยาของหลานชายทำให้ฌานยิ่งแน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่เรื่องแบบนี้ ชายหนุ่มจะสะเพร่าทึกทักเอาเองไม่ได้เด็ดขาด

“คนที่พี่เต๋อเห็นคือ...” ตากล้องหนุ่มยังไม่ทันเอ่ยจนจบประโยคปภพก็กดหน้าลงอย่างช้า ๆ พลางกระพุ่มมือไหว้ขอโทษขอโพยคนโตกว่าแบบเต็มพิกัด

“แต่พี่พลายกับพลุไม่ได้ทำอะไรกันอย่างที่ป๋าเข้าใจจริง ๆ นะครับอา”

“...” แม้จะไม่ได้แย้งออกไปตรง ๆ ทว่าสายตาของฌานก็ทำให้พลุรีบออกหน้ายืนกรานอีกเสียง

“จริง ๆ ครับอาฌาน เมื่อคืนเราท้ากันลงไปข้างล่างโดยห้ามเปิดไฟ แต่พลุเผลอวิ่งสะดุดพี่พลายเลยช่วยประคอง แต่อยู่ ๆ ป๋าก็โผล่มาเห็นพอดี” 

“อ้าว ก็ถ้ามันไม่มีอะไรแล้วทำไมพี่พลายไม่อธิบายกับป๋าไปล่ะ?”  

“ก็พี่พลายเผลอตกใจเสียงป๋าเลยพาพลับวิ่งหนีขึ้นห้องไปน่ะสิครับอา”

“แล้วมันยังไง? ทำไมพี่พลายถึงไปอธิบายกับป๋าไม่ได้?”

“ก็อาลองคิดดูสิครับว่า ถ้าพี่พลายไปอธิบายกับป๋าทีหลัง ป๋าจะไม่สงสัยเรื่องของพี่พลายกับพลุเหรอว่าทำไมต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วย?”

“แต่อาว่าถ้าพี่พลายกับพลุช่วยกันอธิบาย ป๋าต้องยอมเข้าใจแน่ ๆ ” ฌานเริ่มจะหงุดหงิดนิด ๆ เพราะนอกจากจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหลาน ๆ แล้ว เขายังถูกว่าที่พ่อตาเข้าใจผิดเสียอีก...

ทั้ง ๆ ที่ใกล้จะครบสัญญาอยู่อีกสองวันแท้ ๆ ทำไมพลายถึงปล่อยให้เรื่องขี้ปะติ๋วบานปลายใหญ่โตขนาดนี้นะ?!

แม้จะลุแก่โทษอย่างจริงใจ ทว่าความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียพลุไปตลอดกาลกลับทำให้ทายาทหมายเลขหนึ่งเอาเปรียบคุณอาผู้ใจดีของพวกเขาอีกครั้ง “อาฌานว่าป๋าจะไม่สงสัยเหรอครับว่าทำไมอยู่ ๆ ตอนนั้นพี่พลายถึงเกิดไม่กล้าสู้หน้าป๋าขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด”

“แต่การป้ายความผิดให้อากับพลับมันผิดนะพลาย!

“พี่พลายขอโทษครับอาฌาน แต่ตอนนั้นพี่พลายกลัวจนไม่ทันคิด พี่พลายรู้แค่ว่าพี่พลายจะยอมให้ป๋ารู้เรื่องของพี่พลายกับพลุไม่ได้ ยังไงเรื่องนี้ก็ถึงหูป๋าไม่ได้ อาฌานเข้าใจพี่พลายใช่ไหมครับ?” ทายาทหมายเลขหนึ่งของบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะปภพเชื่อฝังหัวจากสิ่งที่เห็นมาโดยตลอด กล่าวคือ ในบรรดาคุณพ่อทั้งสามของพวกเขา ป๊ะป๋าเป็นคนเดียวที่ยังทำใจยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ของน้องชายคนสุดท้องแทบไม่ได้เลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่ป๋ายืนยันว่าโอเคกับเรื่องของอาฌานและพลับมาตั้งแต่แรกก็ตาม นับประสาอะไรกับความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่างสายเลือดเดียวกันล่ะ?!

“อาฌานช่วยพวกเราด้วยนะครับ ถ้าป๋ารู้เข้า ป๋าต้องแยกเราสองคนจากกันแน่ ๆ ” ปพนกระพุ่มมือไหว้ก่อนจะปาดน้ำตาป้อย ๆ
.
.
.
.
.
“เฮ่อ!” ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ หรอกที่กลัวใจตริน ฌานเองก็ฟันธงได้เดี๋ยวนั้นเลยว่า หากเมื่อรู้ความสัมพันธ์ลับ ๆ ของฝาแฝดพี่น้องหลุดไปถึงหูคุณพ่อร่างหมีเมื่อใด พี่รหัสบ๊วยผู้รักในความถูกต้องย่อมไม่ยอมปล่อยให้พลายกับพลุได้เจอหน้ากันอีกเลย
.
.
.
.
.
.
“เอาเถอะ! เรื่องที่ยังมาไม่ถึงก็อย่าเพิ่งไปกังวลเลยนะ” หลังจากนิ่งไปนาน ฌานก็เริ่มจะปลงได้ “เอาล่ะ ในเมื่อป๋าเข้าใจไปแบบนั้นอาคงทำอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่า พี่พลายกับพลุรีบทำตามที่ป๋าสั่งไปก่อนก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับอาฌาน” ฝาแฝดทั้งสองพากันค้อมหัวไหว้ฌานด้วยความซาบซึ้ง

“อาฝากดูแลพลับแล้วก็อธิบายเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังด้วยนะ เดี๋ยวอาจะพยายามปรับความเข้าใจกับป๋าของพวกเราเอง”

“ครับ ขอโทษนะครับอา” พลายตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองพลางรีบเช็ดน้ำตาที่ซึมเอ่อเพราะไม่อยากให้ใครเห็น

สีหน้าสำนึกผิดของหลานชายคนโตที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนักทำให้ฌานเชื่อคำบอกเล่าของเด็กหนุ่มทั้งสองจนหมดใจ “ไม่ต้องขอโทษอาหรอก แค่ช่วยสัญญากับอาว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ตกลงไหม?”

“ครับอา” 

«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“กับข้าวแม่กาแฟลูกยินดีต้อนรับครับ!” เสียงพนักงานในร้านตะโกนรับลูกค้าผู้มาใหม่อย่างแข็งขัน แต่แทนที่คุณลูกค้าที่เพิ่งเดินดุ่ม ๆ เข้ามาจะเลือกที่นั่งเหมือนผู้มาเยือนรายอื่น ๆ ชายหนุ่มกลับพาตัวเองไปหยุดตรงด้านหน้าเคาน์เตอร์ที่เจ้าของร้านรูปหล่อกำลังก้มหน้าก้มตาทำบัญชีอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ด้านใน

เป็นเพราะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของสายตาที่มาพร้อมกับเสียงถอนหายใจยาวเหยียด ธันวาจึงละสายตาจากงานตรงหน้าเพื่อชำเลืองมอง ภาพที่เห็นทำให้เขาคลี่ยิ้มด้วยความยินดีพลางปรี่เข้าไปหาลูกค้าหน้ายุ่งคนดังกล่าว “พี่ฌานโผล่มาที่นี่ได้ยังไงครับ? วันนี้ไม่ต้องไปรับหลานผมเหรอ?” อดีตเดือนมหาลัยทักทายด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเมื่อเห็นหัวหน้ากลุ่มมายืนทำหน้ากลุ้มอยู่ในร้านตัวเองในช่วงหลังโรงเรียนเลิกเช่นนี้  

“หึ! พี่เต๋อห้ามไม่ให้พี่ฌานเข้าใกล้พลับน่ะ”

“หืม? ยังไงครับ?”

“ไว้รอให้พวกนั้นมาถึงที่นี่ก่อนแล้วพี่ฌานจะเล่าให้ฟังทีเดียวแล้วกัน” จริงอยู่ที่น้ำเสียงของฌานจะฟังเรียบ ๆ ทว่าเจ้าตัวกลับมีสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทนและดูทรมานจนเจ้าของร้านยังไม่กล้าขัดใจ

“ก็ได้ครับ งั้นพี่ฌานไปนั่งตรงโน้นนะครับ เดี๋ยวผมให้เด็กไปจัดโต๊ะเพิ่มให้”

“อืม ว่าแต่ ร้านเก็กมีอะไรเข้ม ๆ ให้ดื่มย้อมใจหน่อยไหม?”

“พี่ฌานมายังไงครับ? ขับรถมาหรือเปล่า?” ใช่ว่าไม่มีสิ่งที่ฌานถามหา หากแต่เก็กอดเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายเพื่อนสนิทไม่ได้ เขาจึงอยากแน่ใจว่าฌานมีเตรียมการมาพร้อมแล้วหรือยัง

“เปล่า มาแท็กซี่”

“งั้นพี่ฌานไปนั่งรอเลยครับ เดี๋ยวผมจัดหนัก ๆ ให้เลย” หนุ่มรูปงามว่าพลางรุนหลังฌานให้ไปนั่งโดยพลัน








“ทำไมอยู่ ๆ พี่เต๋อถึงเพิ่งมาห้ามไม่ให้พี่ฌานเข้าใกล้หลานพวกผมล่ะครับพี่?” เก็กที่ยังติดใจไม่หายเปิดฉากถามฝาแฝดผู้พี่ของเหล่าสมุนเลวทันทีที่สมาชิกรุ่นบุกเบิกมากันครบองค์

“นั่นสิครับพี่ฌาน พี่เต๋อนี่ก็แก่กะโหลกกะลาเข้าไปทุกวัน! อีกแค่อึดใจเดียวก็จะครบกำหนดสัญญาแล้วแท้ ๆ แกยังกล้าทำร้ายจิตใจพี่ฌานของน้องได้ลงคอ” สกลเอนตัวยื่นหน้ามาพูดจาประจบเอาใจเพื่อนจนโดนคนนั่งข้าง ๆ ฉุดแขนให้กลับไปนั่งดี ๆ

“พูดเกินไปหน่อยหรือเปล่าแนนซี่?”

“อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยฌอนศรี ที่แท้ตัวเองก็ขายวิญญาณให้เขาไปแล้วใช่ไหมล่ะ?! หลานอาม่าใหญ่แขวะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างไร้เมตตา... หนอย! แค่เขาโยนเศษเงินให้หน่อย ก็ทำเป็นถือหางทางโน้นมากกว่าเพื่อนร่วมสาบานเชียวเหรอ? ใช้ได้ที่ไหน?!

“พอ ๆ ขืนทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ แบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่รู้กันพอดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ธันวารับหน้าที่ห้ามมวยเพราะยังไม่เชื่อว่าพี่เขยร่างหมีจะทำตัวไม่มีเหตุผลเอาดื้อ ๆ “ว่าไงครับพี่ฌาน ทำไมอยู่ ๆ พี่เต๋อแกถึงพูดจาเอาแต่ใจแบบนั้น?”

“พอดีมันมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ จะโทษพี่เต๋อฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้”

“เรื่องเข้าใจผิดอะไรเหรอครับ? คนอย่างพี่เต๋อ แกไม่น่าจะหุนหันพลันแล่นทำอะไรไม่มีเหตุผลแบบนี้นี่ครับ”

“อืม พี่ฌานจะบอกเก็กยังไงดีล่ะ... คืองี้ พี่เต๋อแกเข้าใจว่าพี่มีอะไรกับพลับลับหลังแกน่ะ”

ห๊ะ?!” แม้สมาชิกส่วนใหญ่จะออกอาการแปลกใจกันถ้วนหน้า ทว่ากลับก็มีคนปากไวถามอะไรไม่เข้าท่าสอดขึ้นทันควัน

“แล้วพี่ฌานมีอะไรกับหลานผมจริงหรือเปล่าล่ะครับ?”

แนนซี่!” สารินน่าจะเป็นคนเดียวที่ยั้งตัวเองเอาไว้ได้หลังจากได้ยินคำถามของอดีตเด็กเต็กหัวไข่ ส่วนที่เหลือก็พร้อมใจกันประสานเสียงสรรเสริญสกลโดยพร้อมเพรียง

“พี่ฌานจะกล้าทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงล่ะ ก็พี่ฌานสัญญากับพี่เต๋อไว้แล้วหนิ”

“จริงอ่ะ? พี่ฌานก็รู้หนิครับว่าพี่ฌานบอกพวกผมได้ทุกเรื่อง พวกผมอยู่ข้างพี่ฌานนะ พี่ฌานไม่ลืมใช่ไหม?” คนเห็นผีหรี่ตามองประเมินเพื่อนรักคล้ายกับไม่เชื่อใจ จริงอยู่ที่เขาไม่เคยคลางแคลงใจเรื่องการรักษาสัญญามั่นของฌาน ทว่าระยะเวลาที่เนิ่นนานกว่าสิบปีที่แฝดพี่ได้คลุกคลีกับหลานชายของเขาแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ ก็ดูจะเป็นสถานการณ์ล่อแหลมเกินยับยั้งชั่งใจเช่นกัน

“พี่ฌานจะโกหกไปเพื่ออะไรล่ะแว่น” 

สายตาไม่เชื่อถือเลนส์หนาของหลานอาม่าใหญ่ทำให้แฝดน้องออกโรงปกป้องชื่อเสียงพี่ชายโดยไม่ลังเล “ถ้าพี่ชายคิดจะทำอะไรหลาน พี่ชายจะเผลอรุ่มร่ามจนโดนพี่เต๋อจับได้เหรอ?”

“เออ จริง! ฌอนศรีมีเหตุผล” สิ่งที่เปลี่ยนแปลงว่องไวยิ่งกว่านารีเปลี่ยนใจให้ชายอื่นเห็นจะเป็นสกลผู้นี้นี่แหละ เพราะจู่ ๆ เจ้าตัวก็หันมาพยักหน้าเห็นด้วยกับฝาแฝดทั้งสองอย่างเออออห่อหมกยิ่งกว่าสมุนเลวหน้าไหนในที่นั้น

แน่นอนว่าการย้ายขั้วราวพลิกฝ่ามือรัว ๆ ของเพื่อนหน้าแว่นได้ไปสะกิดต่อมไฝว้ของอริเก่าเข้าเต็ม ๆ “สมองไม่ได้ใช้กั้นหูอย่างเดียวนะแนนซี่”

“ฌอนครับ พี่ขอ” สารินอุดปากคนรักของตนเอาไว้ก่อนที่บทสนทนาจะไหลออกทะเลพร้อมกับชิงพื้นที่สื่ออย่างนุ่มนวล“แล้วเต๋อมันแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นฌาน? มันไม่ได้เรียกฌานไปถามเลยเหรอ?”

“ไม่ครับ ผมเดาว่าเพราะสถานการณ์ทั้งหมดมันเป็นใจจนพี่เต๋อแกไม่น่าจะยอมฟังผมง่าย ๆ หรอกครับ”

“แสดงว่าวันนี้ฌานก็ยังไม่ได้คุยกับเต๋อเลยสิ?”  สีหน้ายุ่งยากใจของรุ่นน้องทำให้สารินสรุปสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ

“ครับพี่ริน”

“แล้วฟูกับด้วงล่ะ สองคนนั้นว่าไง?”

“เฮียกับพี่ด้วงบอกว่าจะพยายามกล่อมพี่เต๋อให้อีกแรง แต่ก็ไม่ได้สัญญาว่าจะสำเร็จไหมน่ะครับ” พอให้รายละเอียดกับรุ่นพี่จบ ตากล้องหนุ่มก็กระดกเหล้าจนหมดก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง

“เดี๋ยวนะครับพี่ฌาน ไอ้สถานการณ์เป็นใจนี่มันยังไงครับ? ทำไมพี่เต๋อถึงหน้ามืดตามัวปักใจว่าพี่ฌานกับหลานผมต้องมีอะไรกันแล้วแบบพันเปอร์เซนต์ขนาดนั้น... พี่ฌานมีอะไรที่ยังไม่เล่าให้พวกเราฟังอีกหรือเปล่าครับ?” เมื่อเห็นธันวาเอาแต่สนใจคู่สนทนาจนไม่เป็นอันกินอาหารเย็น ลูกแม่บัวก็จัดการป้อนข้าวให้คนรักถึงปาก

“พี่ฌานขอไม่พูดได้ไหม แค่นี้พี่ฌานก็ไม่รู้จะปรับความเข้าใจกับพี่เต๋อยังไงแล้ว”

“ที่พี่ฌานไม่พูด เพราะมันเกี่ยวกับครอบครัวพี่เต๋อโดยตรงใช่ไหมครับ?” อคิราที่นิ่งฟังพลางเก็บข้อมูลมาตั้งแต่แรกถามแทรกขึ้นเมื่อเจ้าตัวพอเดาได้ว่าอะไรคือสาเหตุของการเรียกประชุมฉุกเฉินในเย็นวันนี้  

“อิ๊กพูดอะไร?!

“ที่พี่ฌานกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ เพราะพี่ฌานกำลังช่วยใครอยู่หรือเปล่าครับ?”
.
.
.
.
.
“...เอ่อ...” คำถามจี้ใจดำของอดีตเดือนบริหารทำฌานเสียหลักจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

ท่าทางอึกอักผิดปรกติวิสัยของพี่ชายคนรักทำให้อิ๊กได้ข้อสรุปโดยแทบไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรอง “ว่าแล้วเชียว!

“ใคร? ทำอะไร? เมื่อไร? ที่ไหน? ทำไม? ยังไง?... เล่ามาเดี๋ยวนี้นะงูเห่า อย่ามาทำเป็นอมภูมิอยู่คนเดียวซี่!

“อย่าเพิ่ง ขอถามพี่ฌานให้แน่ใจอีกข้อก่อน!” อดีตหนุ่มบริหารยกมือขึ้นห้ามปากหลานอาม่าใหญ่ให้สงบ “พี่ฌานครับ ไอ้สถานการณ์ที่ว่าเนี่ยเกิดขึ้นเมื่อไรครับ?”

“เมื่อคืน”

“ที่บ้านใช่ไหมครับ?” การที่ฌานเลือกจะไม่ตอบหากแต่ไม่ปฏิเสธนั้น ไม่ต่างจากการยอมรับกลาย ๆ อิ๊กจึงสรุปเสียงดังฟังชัดด้วยข้อมูลลับที่ไม่เคยมีสมุนเลวคนไหนกล้าเปิดอกพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องโดยตรงมาก่อน “ถ้าพี่ฌานจะกังวลเรื่องฝาแฝด พี่ฌานไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเรารู้เรื่องเด็กสองคนนั่นหมดแล้ว”

“หืม?!” ฌานเลิกคิ้วพลางมองหน้าแฟนน้องชายอย่างตื่น ๆ แต่แล้วอริยะตรัยผู้น้องกับคนอื่น ๆ ก็ช่วยยืนยันคำพูดของอคิราให้หนักแน่นขึ้น

“จริงครับ พวกเรารู้เรื่องพี่พลายกับพลุนานแล้ว” หลังจากประโยคของเก็กสิ้นสุดลง ชายหนุ่มที่เหลือก็พากันพยักหน้ารับราวกับนัดกันมา

“แล้วทุกคนรู้ได้ยังไง?”

“โหพี่ฌาน พวกผมกินข้าวนะครับ ไม่ได้กินหญ้า เรื่องแค่นี้ทำไมพวกผมจะดูไม่ออก” ทักษะการลอยหน้าลอยตาตอบอย่างน่าหมั่นเรียกเสียงเชียร์จากแฟนขับ(ไล่)ทั้งหลายได้เป็นอย่างดี

แนนซี่!” ทันทีที่การเช็กเรทติ้งสิ้นสุด คนเห็นผีก็ยักไหล่พลางสะบัดบ็อบใส่สหายจนคอเกือบเคล็ด

“พวกผมรู้ตอนที่พวกเราไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยกันเมื่อสองปีก่อนครับ” เก็กตอบคำถามของแฝดพี่ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันรุมสกรัมเพื่อนหน้าแว่นจนไม่เป็นอันสนทนา ซึ่งระหว่างที่อดีตเดือนมหาลัยอธิบายให้ฌานฟังอยู่นั้น บ๊วยก็พยักหน้าหงึกหงักคล้ายรับรองคำพูดคนรักให้หนักแน่นยิ่งขึ้น

“ผมกับฌอนรู้ก่อนหลายปีแล้วครับ พอดีผมผ่านไปเจอหลานเดินเล่นกันที่ห้าง น่าจะหลังเลิกเรียนพิเศษน่ะครับ” ถึงตาอิ๊กแชร์ข้อมูลของตัวเองบ้าง

“ส่วนผม หึ หึ หึ” หลานอาม่าใหญ่ไม่ได้ตั้งใจเว้นวรรคเพื่อเรียกร้องความสนใจ หากแต่เพราะภาพความทรงจำที่ฉายวนในหัวทำให้เจ้าตัวจำต้องหยุดพูดเพื่อกลั้นยิ้ม “ผมกับพี่รินผ่านไปเห็นฉากเด็ดของหลาน ๆ ตอนงานวันเกิดสองปีที่แล้วครับ ตู้วหูว! บอกเลยว่ายังติดตามาจนถึงทุกวันนี้ เนอะ ๆ พี่รินเนอะ!

หลังจากได้รับฟังความจริงจากปากเพื่อนพ้อง ฌานก็อดเป็นห่วงบรรดาพ่อ ๆ ของเหล่าเด็กชายไม่ได้ “แล้วพวกพี่เต๋อล่ะ พวกพี่เต๋อรู้ไหม?”

“ผมว่าเฮียคงยังไม่ทันได้สังเกตอะไรหรอกครับ ลำพังแค่เลี้ยงยัยเพลิน เฮียก็ยุ่งมากแล้ว ส่วนพี่ด้วง... ถ้าพี่ด้วงรู้ พี่ด้วงคงเก็บเป็นความลับ เพราะพี่ด้วงคงไม่อยากให้พี่เต๋อกับเฮียต้องพลอยกลุ้มไปด้วย”

เป็นเพราะทั้งหมดถกเถียงกันเกี่ยวกับประเด็นนี้มาหลายครั้งหลายหน ธันวาจึงสามารถให้ความเห็นแทนเพื่อน ๆ ทุกคนได้อย่างไม่กระดาก การที่พวกเขาเชื่อมั่นว่าบิดาของฝาแฝดทั้งสามยังไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ดังกล่าว ก็ทำให้เหล่าสมุนเลวมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พวกเขาจะไม่ก้าวก่ายเรื่องภายในบ้านของรุ่นพี่ทั้งสามเป็นอันขาด 

“ยิ่งพี่เต๋อ พี่ชายก็ยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงไปใหญ่เลยครับ” ฌอนเสริมความตามข้อเท็จจริงที่ได้รับฟังจากฝาแฝดของตน

“ทำไมล่ะ?”

“ก็ถ้าพี่เต๋อสงสัยพี่ฌานกับพลับ ก็แปลว่าแกไม่ได้เอะใจเรื่องลูกชายคนโตกับคนกลางของแกเลยสักนิดเลยยังไงล่ะครับ” รอบนี้เป็นอิ๊กที่ช่วยต่อจิ๊กซอว์ให้ตากล้องหนุ่มแทนคนรัก

สีหน้ากลัดกลุ้มของจำเลยสังคมทำให้บ๊วยไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ “พี่ฌานไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ พวกผมไม่มีวันบอกเรื่องของหลานสองคนกับพวกพี่เต๋อแน่นอนครับ” สิ้นคำลูกแม่บัว ฌานก็กวาดตามองสบตากับเพื่อน ๆ ทุกคนในที่นั้น ซึ่งความจริงจังจริงใจที่สื่อผ่านแววตาทุก ๆ คู่ ช่วยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก

“ขอบใจทุกคนมากนะ”

“ไม่เป็นไรครับพี่ฌาน” ชายกลางเอ่ยโดยไม่ลืมคลี่ยิ้มให้กำลังใจสหายมากบารมี

“เฮ่อ!” เมื่อเหล้าแก้วใหม่ถูกส่งลงไประงับความร้อนรุ่มภายในจนหมดสิ้น ตากล้องหนุ่มก็ขอความช่วยเหลือจากเหล่าสมุนเลวที่รักทันที “ว่าแต่ พี่ฌานควรจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ?”

“ฌานไม่ต้องกลุ้มไปหรอก เรื่องคราวนี้น่ะ ปล่อยให้หลานชายคนเล็กของพวกเราเป็นฝ่ายพูดบ้างดีไหม?”   

คำตอบของสารินสร้างความฉงนใจให้แก่แฝดพี่ได้ไม่น้อย “ยังไงครับพี่?”  

“เอาน่า เชื่อพี่ อดทนรอจนกว่าจะถึงวันเสาร์ แล้วทุกอย่างจะดีเอง” แม้ฌานจะไม่รู้ว่าคำพูดของสารินเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด แต่นับตั้งแต่คืนนั้น ตากล้องหนุ่มก็หายหน้าไปจากสารบบครอบครัวคุณะประสิฒธิ์ราวกับไม่เคยมีตัวตน


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“เอาล่ะครับ ถึงเวลาแกะของขวัญของเด็ก ๆ กันแล้ว มาดูกันสิว่า ปีนี้ คุณอาคนไหนจะมอบของขวัญได้ถูกใจหลาน ๆ มากกว่ากัน!” คุณอาหน้าแว่นปรบมือพลางป่าวร้องด้วยท่าทางผึ่งผาย แล้วมีหรือที่อาการโชว์เหนือของหลานอาม่าใหญ่จะไม่เรียกขาประจำด้านการเกทับอย่างธันวาให้ต้องปรี่มาร่วมวง

“หึ! คิดว่าจะเอาชนะพี่หมีได้ก็ลองดู!” เป็นเพราะศักดิ์ศรีของอาเจ็กค้ำคอแท้ ๆ อริยะตรัยผู้น้องจึงเชื่อจนหมดใจว่า ของขวัญที่เขากับคนรักเลือกเฟ้นมาย่อมต้องได้การตอบรับจากหลาน ๆ ดีกว่าบัตรกำนัลล้านปีของคนเห็นผีเป็นแน่แท้

แต่ก่อนที่เหล่าอา ๆ จะห้ำหั่นกันจนบรรยากาศในการแกะของขวัญเปลี่ยนผันเป็นสนามประลองฝีปากย่อม ๆ ปวรก็ชิงดึงความสนใจของทุก ๆ คนมาไว้ที่ตนเอง “อย่าเพิ่งครับอาแนนซี่ อาเจ็ก! พลับขอพูดอะไรสักหน่อยจะได้ไหมครับ?”

แม้เหล่าผู้ใหญ่จะดูแปลกใจกับคำขอของหลานชายคนที่สามซึ่งเอาแต่นั่งซึม ไม่พูดไม่จากับใครมาตั้งแต่เริ่มงาน แต่อดีตเดือนบริหารก็รับลูกต่อได้อย่างรวดเร็ว “เอาสิลูก อยากพูดอะไร พูดเลย พูดให้เต็มที่!

“ป๋า”

“ว่าไงครับลูก?”

“พลับขอแลกของขวัญที่พลับเคยได้ รวมถึงของหรืออะไรต่าง ๆ ที่ป๋าจะให้พลับในอนาคตข้างหน้ากับฌานได้ไหมครับ?” เด็กหนุ่มที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะมาหมาด ๆ เอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังจนผู้ฟังทั้งหมดพากันเห็นอกเห็นใจ ทว่าป๊ะป๋าร่างหมีกลับไม่ใคร่จะยินดีนัก

ป๋าบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามพูดชื่อมันให้ป๋าได้ยินอีก!

“ป๋าครับ ป๋าฟังพลับนะครับ พลับกับฌาน เราสองคนไม่เคยมีอะไรกันเกินเลยแบบที่ป๋าเข้าใจ” ปวรพยายามอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับกู้ชื่อเสียงให้คนรักที่หายสาปสูญไร้การติดต่อ

“แต่ป๋าเห็นมันล่วงเกินพลับกับตาของป๋าเองเลยนะลูก!” ตรินเถียงสุดใจขาดดิ้นพร้อมกับลั่นวาจาอย่างถือดี “ฮึ! ชาตินี้อย่าหวังเลยว่าป๋าจะยอมเชื่อน้ำหน้าคนอย่างมันอีก! หนอย ทำมาเป็นพูดดีว่าจะรอ ๆ ที่ไหนได้ พอลับหลังป๋า ก็... ก็... ฮึ่ย!

“งั้นป๋าบอกได้ไหมครับว่าคืนนั้นป๋าเห็นอะไรบ้าง?”

“พลับจะถามป๋าให้ได้อะไรขึ้นมาลูก?”

“พลับก็จะได้บอกป๋ายังไงล่ะครับว่าจริง ๆ แล้วเราสองคนทำผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับป๋าจริงหรือเปล่า” ทายาทหมายเลขสามพยายามเกลี้ยกล่อมบิดาด้วยเชื่อมั่นในความจริงที่พี่ชายฝาแฝดเล่าให้เขาฟังทันทีที่สบโอกาส “สรุปว่า คืนนั้นป๋าเห็นอะไรบ้างครับ?”

คำถามซักไซ้ของเลือดเนื้อเชื้อไขกอปรกับสายตากดดันของคนคุ้นเคยทั้งหลายทำให้ท่านประธานใหญ่เริ่มยั้ว “ก็เห็นนั่นแหละ!

“ป๋าเห็นอะไรก็ตอบลูกไปดี ๆ สิครับ อย่าพูดจาตีขลุมเป็นเด็ก ๆ แบบนี้” กรกฏที่นั่งกอดลูกสาวคนเล็กอยู่ถึงกับทนไม่ได้ที่คนรักเล่นแง่เป็นเด็ก ๆ แน่ล่ะว่าเมื่อผู้บัญชาการสูงสุดของบ้านออกโรง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างเต๋อก็ไม่อาจยึกยักลีลาอยู่ได้
.
.
.
.
.
“ป๋าเห็นมันกับลูกกอดกัน” 

“แล้วพวกเราทำอะไรกันอีกเหรอครับป๋า?”

เมื่อเริ่มโดนถามต้อนมาก ๆ เข้า คุณพ่อหน้าหนวดก็เริ่มจะไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนเห็นสักเท่าไร กระนั้น อคติที่มีต่อว่าที่ลูกเขยก็เอาชนะเหตุผลและตรรกะทั้งหลายได้อยู่ดี “ป๋าแค่เห็นเงาตะคุ่ม ๆ  ยุกยิก ๆ ไปมา ป๋าก็รู้แล้วล่ะน่าว่ามันทำอะไรลูก... ป๋าผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนนะครับ ทำไมป๋าจะนึกไม่ออกล่ะว่าลูกป๋าโดนมันล่วงเกินอะไรบ้าง”

“ป๋าฟังพลับให้ดี ๆ นะครับ เราสองคนไม่เคยมีอะไรกัน อย่างมากสุดก็แค่ลูบ ๆ คลำ ๆ กันแต่เพียงภายนอก ฌานไม่เคยล้ำเส้นที่ป๋าขีดเอาไว้ ต่อให้พลับจะคอยยั่วยวนฌานให้ตายแค่ไหน ฌานก็ยืนกรานไม่ยอมท่าเดียว”

ห๊ะ?!” ตรินถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำสารภาพของลูกชายคนเล็กแบบจัง ๆ แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่พลับต้องการจะบอกกับบิดาของตน

“ป๋ารู้ไหมครับว่า คืนไหนที่ฌานเมากลับมา ฌานยอมนอนโซฟาข้างล่างเพราะไม่อยากเพลี่ยงพล้ำผิดสัญญาของป๋าทั้ง ๆ ที่พลับอ้อนวอนขอร้องแค่ไหนก็เถอะ”

ไม่จริงหรอก ป๋าไม่เชื่อ!” เต๋อยังดื้อแพ่งด้วยแรงทิฐิเสริมส่งจนคนรักทั้งสองต้องส่งเสียง 
“จริงนะป๋า ด้วงกับฟูช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้”
“ใช่ ถ้าป๋าไม่เชื่อ ป๋าเรียกพวกพี่ออยมาถามดูก็ได้ ทุกคนเคยเห็นฌานนอนที่โซฟากันมาแล้วทั้งนั้น”
“อาฌานอดทนจริง ๆ ครับป๋า ขนาดตอนอยู่ลับหลังป๋า แค่จะจับมือพลับเดิน อาฌานยังไม่กล้าทำเลย” ไม่เท่านั้น ปภพยังเสริมความต่อโดยมีพลุคอยพยักหน้าราวกับกองหนุนชั้นดี

เมื่อเห็นว่าแบ็คอัพทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ปวรก็ปิดการขายอย่างเฉียบขาดด้วยการประกาศความต้องการของตัวเองให้ป๊ะป๋าร่างหมีได้รับฟังโดยไม่หมกเม็ด “มีแต่พลับคนเดียวเท่านั้นแหละครับป๋า ที่อยากเป็นคนรักของฌานทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติเร็ว ๆ ”

“โธ่ถัง! ทำไมพลับถึงทำกับป๋าแบบนั้นล่ะลูก?” ตรินกุมหัวพลางทอดถอนใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก... นี่ลูกเขาอยากเป็นแฟนกับไอ้ฌานมากขนาดนี้เชียวหรือ?!

ท่าทางอ่อนลงของป๊ะป๋าร่างหมีทำให้เด็กหนุ่มฉวยโอกาสยืนยันความต้องการของตนอย่างชัดเจน “ถ้าป๋ามีแฟน ป๋าไม่อยากถูกแฟนสัมผัส หรือสัมผัสแฟนเลยเหรอครับ?”

“...”

“ป๋า ตั้งแต่พลับเป็นแฟนกับฌานมา ไม่เคยมีสักครั้งที่ฌานจะทำเรื่องเสียหายกับพลับ ฌานนับถือป๋ามากเสียจนบางทีกลายเป็นพลับเองที่หงุดหงิดเพราะไม่ได้ดั่งใจ เพราะฉะนั้น ป๋ายอมให้ฌานเป็นคนรักของพลับแบบเต็มตัวเสียทีจะได้ไหมครับ?”

“...” เต๋อจนคำพูด

ใช่จะไม่ตระหนักถึงความดีของว่าที่ลูกเขย แต่เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าฌานเป็นคนดีแค่ไหน นั่นจึงทำให้ท่านประธานใหญ่ไม่อาจทำใจได้ว่า ถึงเวลาจะต้องปล่อยมือจากลูกชายแล้วจริง ๆ เพราะสำหรับหัวอกพ่อแล้ว ต่อให้เลือดเนื้อเชื้อไขเติบใหญ่ พวกเขาก็จะยังเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ต้องการการปกป้องดูแลจากผู้ปกครองอย่างเขาอยู่วันยันค่ำ

“นะครับป๋า แล้วพลับจะไม่ขออะไรจากป๋าอีกเลย” พลับอ้อนวอนผู้เป็นพ่ออย่างไม่ลดละ

“ป๋าอย่าใจร้ายกับลูกเลยนะครับ ฟูสงสารลูก”  

“นั่นสิป๋า ไหนป๋าบอกว่าอยากให้ลูกมีความสุขไง” หากกรกฏเป็นแม่ทัพใหญ่ วิญญูก็ไม่ต่างอะไรกับทหารเลวผู้จงรักภักดี เพราะไม่ว่ากังฟูจะคิดอ่านอย่างไร อดีตคิวท์บอยเป็นต้องให้การสนับสนุนไปเสียทุกที “ฌานน่ะเป็นความสุขของลูกชายเรานะครับ”

“ป๋า ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ฟูว่าฌานมันก็พิสูจน์ตัวเองมานานพอแล้วนะ ถึงเวลาที่ป๋าจะต้องยอมปล่อยลูกเราให้ฌานช่วยดูแลได้แล้วนะ” อริยะตรัยคนพี่เกลี้ยกล่อมคนรักส่งท้ายด้วยความเชื่อมั่นว่า ต่อให้จะทำใจยากสักเพียงไหน แต่ตรินจะไม่มีวันทำลายความสุขของลูกด้วยน้ำมือของตัวเอง
.
.
.
.
.
.
“เออ ๆ ก็ได้ ๆ ป๋ายอมแล้วก็ได้”

เย่!” ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันโห่ร้องด้วยความยินดีราวกับมีส่วนได้ส่วนเสียกับคู่รักต่างวัยอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งอาการยินดีเป็นหมู่คณะ ทำให้ตรินจำต้องเบรกความบันเทิงของทุก ๆ คนเอาไว้บัดเดี๋ยวนั้น

“เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งดีใจไป... ป๋าจะยอมยกพลับให้ไอ้ฌานมันก็ได้ ถ้ามันสามารถโผล่หน้ามาให้ป๋าเห็นให้ได้ก่อนที่พวกลูก ๆ จะแกะของขวัญวันเกิดปีนี้เสร็จ” คนพูดยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เพราะแอบแน่ใจว่ารุ่นน้องที่หายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอยย่อมไม่มีทางปรากฏกายที่บ้านเขาได้ทันเวลา

“ป๋าห้ามคืนคำนะ!” เด็กหนุ่มออกอาการตื่นเต้นจนปิดไม่มิด ในขณะที่เหล่าสมุนเลวต่างพากันอมยิ้มชอบใจ  ฝ่ายตรินก็เผลอเข้าใจไปว่า ลูกชายคนเล็กมัวแต่ดีใจที่รู้ว่าเขายอมเปิดโอกาสให้ทั้งสองคบหากัน ป๊ะป๋าร่างหมีจึงตกปากรับคำอย่างขึงขังเป็นที่สุด

“นี่พลับเห็นป๋าเป็นคนยังไงครับลูก? ป๋าเคยโกหกพวกลูก ๆ หรือไง?”

“พลับรักป๋าที่สุดเลยครับ!” ขณะที่ประมุขของบ้านถูกลูกชายคนเล็กกระโดดกอดพร้อมกับประทับจูบไปทั่วหน้าอยู่นั้นเอง ของขวัญกล่องใหญ่ที่สุดซึ่งเหล่าสมุนเลวร่วมแรงร่วมใจกันขนย้ายเข้ามาในบ้านอย่าระมัดระวังเมื่อช่วงเย็นก็ถูกเปิดจากด้านในโดยบุคคลที่ตรินไม่ต้องการเจอหน้าเลยสักนิด  

“ขอบคุณครับพี่เต๋อ ที่ยอมรับผม” ฌานพูดด้วยรอยยิ้มพลางก้าวออกจากกล่องของขวัญอย่างระมัดระวัง

พวกมึง?!” เต๋อเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางชี้หน้ารุ่นน้องเรียงตัวหลังโดนดัดหลังอย่างเจ็บแสบ เก็กจึงเป็นตัวแทนของเหล่าสมุนเลวตอกกลับพี่เขยแบบไม่มีสลด  

“สุขสันต์วันแห่งความรักครับ ขอให้ปีนี้ ความรักเบ่งบานในหัวใจของคุณพ่อตาป้ายแดงนะครับ!

ฮ่า ๆๆๆ !” ขาดคำธันวา ทั้งหมดก็พากันหัวเราะเสียงดังที่ยังเห็นพ่อตาหมาด ๆ ยังทำหน้าหงิกไม่หาย




“พลับคิดถึงฌานจังเลย” ปวรว่าพลางโผเข้าไปกอดคนรักอย่างแนบแน่น

“ฌานก็คิดถึงตัวเล็กเหมือนกันครับ” ยังไม่ทันที่ฌานจะได้ซึมซับความรู้สึกอบอุ่นจนถึงใจ ชายหนุ่มก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย! หยิกฌานทำไมครับตัวเล็ก?

“แค่นี้ยังน้อยไป! เจ้าของฝ่ามือพิฆาตถลึงตาใส่คนโตกว่าอย่างมีน้ำโห

“อูย” ตากล้องหนุ่มสูดปากพลางจ้องหน้าฝาแฝดคนสุดท้องด้วยความสงสัย

สีหน้าซื่อ ๆ ที่ฟ้องถึงอาการไม่ระลึกรู้ความผิดตัวเองของชายคนรักทำให้พลับระบายความอัดอั้นอย่างเหลืออด “สองวันมานี่ฌานใจร้ายกับพลับมากนะ! พลับขอให้มาหาที่โรงเรียนก็ไม่ยอมมา มัวแต่กลัวป๋าโกรธอยู่นั่นแหละ!

“ก็ฌานไม่อยากผิดใจกับว่าที่พ่อตาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ขอลูกป๋ามาดูแลอย่างเป็นกิจลักษณะนี่ครับ”

คำอธิบายที่เพิ่งได้ยิน ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเด็กหนุ่มปลาสนาการไปอย่างฉับพลันทันตา จะเหลือก็เพียงแต่สีหน้าเขินอายกับรอยยิ้มบาง ๆ อยู่บนใบหน้าชวนมองเท่านั้น “ตอนนี้ได้ลูกป๋าแล้ว ก็ต้องดูแลให้ดี ๆ ล่ะ”

“ได้แล้วที่ไหนครับ กำลังจะได้ต่างหาก” ฌานสื่อความหมายลึกซึ้งผ่านสายตาจนเด็กหนุ่มหน้าแดงปลั่ง เมื่อบรรยากาศเป็นใจ ทั้งสองก็ค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าหากันเพื่อทำให้ความต้องการเบื้องลึกในจิตใจกลายเป็นความจริง

ทว่าก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะเชื่อมประสาน เสียงล้งเล้งของมารหัวใจร่างหมีก็ดังขึ้นจากอีกด้านของประตูห้องนอนแขก “ไอ้ฌาน! ไอ้ฌานโว้ย!

“เฮ่อ!” ฌานและพลับต่างถอนใจพร้อมกันแม้ไม่ได้นัดหมาย ทั้งสองยืนนิ่งพลางจ้องหน้ากันคล้ายวัดใจกับคนข้างนอก ทว่าป๊ะป๋าของบ้านกลับไม่หยุดระรานความสุขของพวกเขาง่าย ๆ

ไอ้ฌาน! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! ถ้าไม่เปิด กูจะไขเข้าไปนะว้อย!

เสียงเขย่าลูกกุญแจกรุ๋งกริ๋งที่ดังประกอบวาจาข่มขวัญของบิดาทำให้พลับกลั้นใจเอ่ยกับฌานอย่างจำยอม “ไปคุยกับป๋าให้รู้เรื่องก่อนเถอะ จะได้กลับมาต่อทีเดียว”

“ใครบอกตัวเล็กว่าทีเดียวครับ... หลาย ๆ ทีต่างหาก”

บ้า!” ไม่ทันขาดคำ เจ้าของถ้อยคำต่อว่าก็โดนจูบหนัก ๆ แทนการมัดจำก่อนที่ตากล้องหนุ่มจะผละจากเพื่อไปกำจัดคุณพ่อตาจากเส้นทางรักของพวกเขาทั้งสอง

“มา ๆ ไอ้ลูกเขย มาฉลองกันให้เมาตายไปข้าง... คืนนี้ไม่เมา ไม่ต้องนอน!” ทันทีที่ฌานเปิดประตูออกไปรับหน้าเต๋อในสภาพกึ่มได้ที่ รุ่นพี่ร่างหมีก็ลากคอแฝดพี่ให้เดินตามกันออกไปโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ปัดป้องร้องห้าม

หึ! ไม่ต้องบอกก็คงจะพอนึกออกกันใช่ไหมว่าแผนการของตรินคืออะไร... บอกใบ้ให้นิดนึงก็ได้ว่า ตกดึกคืนนั้นพลับทำได้แค่เข้านอนอย่างเดียวดายเมื่อรู้แน่ว่า ต่อให้ถ่างตารอจนถึงเช้า ป๊ะป๋าของเขาก็ไม่มีวันยอมปล่อยให้คนรักกลับมานอนที่ห้องง่าย ๆ

แม้จะไม่ได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าหอคืนแรกอย่างที่วาดหวังตั้งมั่น ทว่าอย่างน้อย ๆ พวกเขาก็อุ่นใจที่จากนี้สืบไป ทั้งเขาและฌานจะได้เป็นเจ้าของหัวใจของอีกฝ่ายอย่างเต็มภาคภูมิ ส่วนเรื่องที่ว่าจะได้ ครองรักกัน เมื่อไรนั้น แว่วว่าภายในในอนาคตอันใกล้นี้ ตากล้องหนุ่มวางแผนที่จะเรียกรวมพลเหล่าสมุนเลวอีกครั้ง

แน่นอนว่า ตราบใดที่พวกยังรักและสามัคคีกัน จะงานหลวงงานราษฎร์ไหน ๆ จะเล็กน้อยหรือใหญ่โตเพียงใด ทุก ๆ เรื่องเหล่านั้นล้วนแล้วแต่จะถูกจัดการจนสำเร็จลุล่วงอย่างง่ายดาย ไม่เว้นแม้กระทั่งการหลอกล่อเหล่าพ่อตาให้ยอมฝากปลาย่างไว้กับแมวแก่หิวโซก็ตามที


 «»------------------------------------ FIN ------------------------------------ «»



ส่งท้ายกันด้วยรูปนี้ค่ะ
ไว้เจอกันใหม่นะคะ คุณผู้อ่านที่รักทุก ๆ ท่าน ^^




No comments:

Post a Comment