และแล้วเรื่องราวของเหล่าสมุนเลวก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายจนได้
ใครเลยจะคิดว่า การเดินทางไหว้พระของเราเมื่อสองปีก่อน
จะนำพาหนุ่ม ๆ
กว่าสิบชีวิตมาโลดแล่นให้ทุก ๆ คนได้ทำความรู้จัก
(และทำให้บางคนนึกเอ็นดูมากจนยอมลดตัวไปเป็นติ่ง
ฮ่า ๆๆๆ )
ออกตัวก่อนว่าเราอาจจะไม่ได้เขียนตอนจบที่ทุกคนตั้งตารอ
(และยินดีขอโทษหากไม่ถูกใจใคร)
แต่เราเขียนด้วยความเชื่อที่ว่า
หากตัวละครทั้งหมดในเรื่องเป็นมนุษย์ มีเลือดเนื้อจิตใจออยู่จริง
มิตรภาพและความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะคงอยู่
และดำเนินต่อไปตามครรลอง
โดยไม่สำคัญว่าจะมีคำว่าอวสานกำกับอยู่ตรงท้ายบทหรือไม่
ขอบคุณทุก ๆ
การติดตามรวมถึงกำลังใจที่มีให้กันมาโดยตลอด
หากไม่มีพวกคุณในวันนั้น
คงไม่มีเราในวันนี้อย่างแน่นอน
หวังว่าจะได้พบกันใหม่เร็ว
ๆ นี้ค่ะ ^^
(แน่สิ
ก็ยังมีตอนพิเศษให้อ่านอีกสามตอนนี่เนาะ)
สำหรับท่านใดที่อยากครอบครองนิยายเรื่องนี้ในแบบรูปเล่ม
เรามีแผนจะรวมเล่ม
(ทั้งสองภาค) และเปิดให้จองภายในปีหน้า
ทั้งนี้ เราตั้งใจจะส่งมอบหนังสือถึงมือคุณผู้อ่านไม่เกินเดือนสิงหาฯ
อย่างช้า
เพราะฉะนั้น เราจึงขอแนะนำให้ติดตามข่าวคราวความคืบหน้าของหนังสือในเพจจะดีกว่า
(ถึงแม้ว่าเราจะตามมาอัพเดทในกระทู้นี้ด้วย
แต่เราไม่แน่ใจว่าทุก ๆ คนจะได้อ่านหรือเปล่าน่ะค่ะ)
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
The Last
Bonding
อวสานคาเมร่าแมน?!
“ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยบอกให้ทุกแผนกที่เกี่ยวข้องเตรียมเอกสารให้ผมก็ได้คุณเร
คุณกับทุกคนก็พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้พวกเราค่อยลุยกันต่อ
ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ต้องเสียเวลาส่วนตัว” หลังจากบอกปัดคำขอโทษของท่านประธานร่างหมีกันจนเสียงดังเซ็งแซ่
พนักงานที่เข้าประชุมสายทั้งหมดก็ทยอยกล่าวคำอำลาก่อนตัดสายจากหัวหน้าใหญ่ตามลำดับ
เต๋อบิดลำตัวขับไล่ความเมื่อยล้าขณะรอให้แล็ปท็อปยุติการทำงาน
ทว่าเสียงของเลขาส่วนตัวคนเก่งกลับดังขึ้นเสียก่อน “บอสคะ วันเสาร์นี้บอสจะให้เรส่งของขวัญวันเกิดน้องแฝดกับช่อดอกไม้ของคุณฟูกับคุณด้วงไปที่บ้านกี่โมงดีคะ?”
“อ้าว นี่ยังไม่วางหูอีกเหรอคุณเร?”
“เดี๋ยวพอคอนเฟิร์มเรื่องนี้กับบอสเสร็จ
เรก็จะไปนอนแล้วค่ะ”
“หึ หึ
ขอบคุณครับ แต่จริง ๆ คุณเรค่อยค่อยถามผมพรุ่งนี้ก็ได้นะ กว่าจะถึงวันเสาร์ก็อีกตั้งสองวัน”
เต๋ออดห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะภายหลังจากการเข้ารับตำแหน่งประธานสูงสุดของตนเมื่อต้นปี
หล่อนก็ยิ่งยุ่งจนเขายังเห็นใจ
“คุยเสียให้เสร็จเลยดีกว่าค่ะ
เพราะบอสน่าจะติดพันกับการประเมินผลประกอบการต้นไตรมาสแรกจนไม่เป็นอันทำอะไรแน่ ๆ ”
นับว่าพรนภัสอ่านเกมขาด เพราะที่สุดแล้ว
ตรินก็ยอมให้ความร่วมมือกับหล่อนเป็นอย่างดี
“อืมก็จริงของคุณ
งั้นฝากคุณเรส่งของขวัญให้ที่บ้านผมก่อนสิบเอ็ดโมงแล้วกันครับ
บอกทางนั้นให้โทรคุยกับพี่ออยนะ เพราะตอนเช้าพวกผมน่าจะยังทำบุญอยู่ข้างนอก ส่วนดอกไม้
บอกร้านให้ช่วยส่งให้ผมช่วงก่อนหกโมงนะครับ อันนี้โทรเข้าเบอร์ผมโดยตรงได้เลย ผมรอรับสายตลอด”
“โอเคค่ะบอส
เจอกันวันพรุ่งนี้ค่ะ”
“ครับ”
จังหวะที่พรนภัสตัดสายพอดีกับที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
ประมุขของบ้านจึงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน แล้วสืบเท้าออกจากห้องหนังสือ มุ่งหน้าขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้านทันที
ทว่าสุ้มเสียงชวนให้รู้สึกจั๊กจี้แปลก ๆ ที่ดังสลับกับเสียงกระซิบกระซาบจากในห้องครัวกลับดึงดูดความสนใจได้อย่างน่าประหลาด
อารามสงสัยติดหมัด ป๊ะป๋าร่างหมีจึงตัดสินใจเบนเป้าหมาย พลางย่องด้วยปลายเท้าเข้าใกล้ต้นเสียงเพื่อพิสูจน์อาการหูฝาดเฉียบพลันของตัวเอง
ขอให้ไม่ใช่สิ่งที่เขานึกถึงทีเถอะ...
แม้จะภาวนาให้ความคิดด้านลบของตนไม่เป็นจริง
แต่ทันทีที่เขาเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของสองร่างที่เคลื่อนไหวท่ามกลางความมืดสลัวในท่วงท่าล่อแหลม
อคติก็ทำให้ชายหนุ่มปักใจว่า นั่นจะต้องเป็นว่าที่ลูกเขยกับบุตรชายคนเล็กของตนแน่
ๆ คิดได้ดังนั้น ตรินจึงย่างสามขุมเข้าครัวไปโดยไม่ทันระแวดระวังด้วยหวังจะจับคนลักกินขโมยกินให้ได้คาหนังคาเขา
“โอ๊ย!
ซี๊ดส์ อูยย!!” อนิจจา ค่าที่หลังแต่งงาน เต๋อแทบไม่ค่อยได้เข้าครัว
กว่าชายหนุ่มจะคลำหาสวิตช์ไฟเจอ หัวก็ดันโขกเข้ากับมุมตู้บิวท์อินเสียเต็มรัก เจ้าตัวจึงหลุดปากโอดโอยเสียงดังจนไก่ทั้งเล้าแตกตื่นและเตลิดหนีไปต่อหน้าต่อตา
“อย่าหนีนะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อูย!!”
ยิ่งเมื่อเห็นผู้ต้องสงสัยวิ่งหลบหนีไปได้โดยไม่มีสะดุด
ทายาทรุ่นที่สองของคุณะประสิฒธิ์ก็ยิ่งเชื่อฝังหัวว่าคนที่ตนเห็นจะต้องเป็นฌานกับลูกชายคนเล็กของตัวเองเป็นแน่แท้
เพราะย่อมไม่มีคนนอกที่ไหนจะรู้ทางหนีทีไล่ รวมถึงคุ้นเคยกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ
เป็นอย่างดีเท่ากับผู้อยู่อาศัย “ไอ้ฌาน! มึงออกมาเดี๋ยวนี้นะ! อย่าให้กูจับได้เชียว กูเอาเลือดหัวมึงออกแน่!”
“ป๋า
ป๋าเป็นอะไร? ป๋าตะโกนทำไม? ใครทำอะไรป๋า?”
“นั่นสิ! เกินอะไรขึ้นป๋า? ทำไมป๋าต้องตะโกนด้วย เดี๋ยวพวกลูก
ๆ ก็ตื่นกันหมดบ้านพอดี!”
เสียงคำรามยามวิกาลของคนรักทำเอาวิญญูกับกรกฏรีบรุดลงมาชั้นล่างเพื่อตามหาป๊ะป๋าร่างหมีด้วยความร้อนใจ
“อูย! ก็ไอ้ฌานน่ะสิ มันไม่รักษาสัญญา
ป๋าจะไปเอาเลือดหัวมันออก!” เต๋อลั่นวาจาพลางนวดศรีษะอย่างเจ็บแค้น
“ป๋าใจเย็นก่อน
ไหนเล่าให้ฟูฟังซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ล่งไม่เล่า
ไม่ยงไม่เย็นแล้ว! ถ้าคืนนี้ป๋าไม่ได้เห็นเลือดชั่ว
ๆ ของไอ้ฌาน ป๋าต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ !” สิ้นคำ ตรินก็ซอยเท้าย่ำขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วจนอีกสองหนุ่มต้องวิ่งไล่กวด
เมื่อเห็นท่าไม่ดี
กังฟูก็สั่งวิญญูให้รวบตึงคนรักหน้าหนวดก่อนจะพุ่งตัวไปยังอีกปีกหนึ่งของบ้านโดยพลัน
“ด้วงล็อกแขนซ้ายป๋าเร็วแล้วรีบพาเข้าห้องเรา!”
“ปล่อยป๋านะหนู
ป๋าจะไปเอาเลือดหัวไอ้คนชั่วออก!” ความพยายามต่อต้านของเต๋อไร้ประโยชน์ลงทันใด เมื่อชายหนุ่มโดนคนรักทั้งสองร่วมแรงร่วมใจลากตัวเข้าห้องนอนไปก่อนที่วิญญาณหมีร้ายจะได้ออกอาละวาด
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
เสียงเคาะรัว
ๆ ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ทำให้ฌานจำใจลุกจากที่นอนอย่างเสียไม่ได้ หลังจากประตูถูกเขาปลดล็อกได้เพียงอึดใจ
ลูกบิดก็ถูกหมุนโดยคนข้างนอกพร้อม ๆ กับบานประตูที่เปิดอ้าเพื่อให้สองร่างผลุบเข้ามาด้านในทั้งที่เจ้าของยังไม่ได้เชื้อเชิญ
“เฮ่ย! เข้ามาทำอะไรกันแต่เช้าเนี่ย?!” ตากล้องหนุ่มโพล่งอย่างตกอกตกใจจนคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงยันตัวขึ้นปรือตามองตามอย่างงง
ๆ
“หือ?! พี่พลาย... กลาง?!”
ฝาแฝดทั้งสองที่เพิ่งบุกเข้ามาในห้องอย่างถือวิสาสะด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนั้นทำให้ทั้งฌานรู้สึกกังวลแปลก
ๆ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้เบิกฤกษ์ซักไซ้ ปภพก็ชิงพูดตัดหน้าอย่างลน ๆ
“อาฌาน
อาฌานต้องช่วยพี่พลายนะครับ!”
“จะให้อาช่วยอะไรพี่พลาย?
แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมถึงมาหาอาเอาตอนนี้?” คนโตกว่าขยี้ตาพลางเหลือบมองเวลาตรงข้างฝา...
โธ่! เพิ่งจะตีห้าเอง ยังนอนได้อีกตั้งครึ่งชั่วโมง!
“อาฌาน
อาฌานจำที่อาฌานเคยสัญญากับพี่พลายได้ไหม... ที่อาฌานบอกว่าอาฌานจะช่วยพี่พลายเวลามีปัญหาน่ะครับ”
ฝ่ายถูกทวงถามนึกในใจอยู่พักใหญ่
ก่อนที่สติจะช่วยให้เขาปะติดปะต่ออะไร ๆ ได้มากขึ้น “...อ้อ เอ้อ จำได้ ๆ
แล้วพี่พลายจะให้อาช่วยอะไรล่ะ?”
“ไอ้เหี้ยฌาน!! มึงนะมึง!!!” ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร
เสียงตะโกนโหวกเหวกจากนอกห้องของเจ้าบ้านก็ดังขัดจังหวะขึ้นจนพวกเขาทั้งสี่สะดุ้งไปตาม
ๆ กัน ทันใดนั้น ประตูห้องรับรองแขกถาวรของบ้านก็เปิดผางออกด้วยน้ำมือของป๊ะป๋าร่างหมี
โดยที่แขนทั้งสองข้างมีคนรักทั้งสองเกาะอยู่คล้ายสู้แรงไม่ได้
“ไอ้เหี้ยฌาน
มึงต้องตาย ต้องตาย ต้องตาย!” ตรินโกรธจนพูดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มได้แต่ยืนชี้หน้าด่าอีกฝ่ายซ้ำ
ๆ ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง
“พี่เต๋อมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ฌานถามงง ๆ แต่แทนที่จะอธิบาย เต๋อกลับส่งเสียงเรียกบุตรชายคนเล็กแทนเสียนี่
“พลับมานี่ลูก
มาหาป๋า!”
“หืม?!” เด็กหนุ่มที่ยังไม่หายง่วงดีชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางสบตาบิดาทั้งสามเบลอ
ๆ “พลับ... ไปหาป๋า? ทำไมเหรอครับ?”
ท่าทางบริสุทธิ์ราวกับเทวดาน้อย
ๆ ของปพนหลังผ่านเรื่องน่าอดสูใจเมื่อคืนไปหมาด ๆ ทำเอาหัวใจของป๊ะป๋าแทบแหลกสลาย ตรินจึงเร่งเร้าลูกชายให้รีบเอาตัวออกห่างจากตัวอันตรายโดยพลัน
“มานี่ครับ มาหาป๋า เร็ว ๆ ลูก!”
ด้วยความที่ยังไม่รู้อะไร
ทายาทหมายเลขสามก็ค่อย ๆ ปีนลงจากเตียงในสภาพยังไม่ทันตื่นเต็มตา นั่นจะแปลกอะไรหากเสื้อผ้าอาภรณ์อันยับเยินล่อแหลมของเด็กหนุ่มขณะเพิ่งตื่นนอนจะทำให้ไฟโทสะในใจเต๋อยิ่งโหมกระพือไปกันใหญ่
ทันทีที่บุตรชายเดินมาหา หนุ่มร่างหมีก็เอาตัวเองบังแก้วตาดวงใจเอาไว้แล้วประกาศกร้าวกับศัตรูผู้ย่ำยีหัวใจเขาอย่างร้ายกาจ
“ไอ้ฌาน นับจากวันนี้เป็นต้นไป กูขอสั่งห้ามไม่ให้มึงเข้าใกล้ลูกกูเป็นอันขาด!”
“เฮ่ย?!”
“ป๋า!
ป๋าทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” พลับประท้วงพลางจะวิ่งกลับไปหาแฟน แต่กลับโดนผู้เป็นพ่อยึดแขนเอาไว้
“ไม่ได้ครับ
ป๋าตัดสินใจแล้ว!”
“พี่เต๋อครับ
นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมอยู่ ๆ พี่ถึงห้ามผมแบบนั้นล่ะครับ?”
“มึงอย่ามาไก๋
เมื่อคืนมึงทำอะไร กูเห็นนะ! ดีเท่าไรแล้วที่กูไม่เอาเลือดหัวมึงออกน่ะ!”
“ผมทำอะไรเหรอครับพี่?!” อาการจับต้นชนปลายไม่ถูกทำเอาฌานหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
ทว่าสีหน้าเหรอหราไร้วี่แววสำนึกผิดทำให้ตรินยิ่งโมโหโกรธาว่าที่ลูกเขยไปกันใหญ่
“หนอย กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องยังจะมีหน้าตอแหลอีกนะ!” ตรินหันไปสั่งฝาแฝดอีกสองคนอย่างเฉียบขาด
“พี่พลาย พลุ ไปหยิบชุดหยิบของ ๆ น้องแล้วพาน้องไปแต่งตัวที่ห้อง
ถ้าใครปล่อยน้องให้กลับมาเหยียบห้องนี้ ป๋าจะตัดค่าขนม!”
“ป๋า!
ป๋าเป็นอะไรของป๋าเนี่ย?! ป๋า ป๋าคุยกับพลับก่อนสิครับ ป๋า! ฌาน! ฌานช่วยพลับด้วย!!” เสียงอ้อนวอนของลูกคนเล็กประจำบ้านดังโหยหวนขณะที่เจ้าตัวโดนป๊ะป๋าลากตัวออกไปจากห้องโดยไม่พูดไม่จา
“ฟูไปดูป๋านะแด๊ด”
ด้วยห่วงบุตรชายเป็นกำลัง กังฟูจึงรีบวิ่งตามหลังประมุขของบ้านไปอย่างรวดเร็ว
“เมื่อกี๊นี้มันอะไรกันครับพี่ด้วง?”
“เมื่อคืนตอนห้าทุ่มฌานกับพลับลงไปทำอะไรข้างล่างหรือเปล่า?”
แม้จะยังสับสนอยู่มาก
แต่สีหน้าเคร่งเครียดของวิญญูกลับทำให้ฌานยอมตอบคำถามของอีกฝ่ายโดยไม่บิดพลิ้ว “เปล่าครับ
ผมกับพลับหลับอยู่ในห้อง เมื่อคืนพลับเพลีย ๆ พวกผมเลยเข้านอนเร็วหน่อย”
“เฮ่อ!” อดีตคิวท์บอยถอนหายใจพรูพลางมองหน้ารุ่นน้องต่างคณะอย่างจนปัญญา
“ป๋าบอกว่าป๋าเห็นฌานล่วงเกินพลับในห้องครัวเมื่อคืนน่ะ”
“หา?!” เป็นเพราะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้
จำเลยจำเป็นจึงอดชำเลืองมองหน้าตัวการทั้งสองตรงมุมห้องไม่ได้ “แต่ผมไม่ได้ทำอะไรจริง
ๆ นะครับพี่ด้วง!”
“พี่เชื่อ”
ด้วงรับคำง่าย ๆ ด้วยทีท่าราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจกับการไต่สวนอีกฝ่ายสักเท่าไร เนื่องจากจริง
ๆ แล้วคนที่เขาเป็นห่วงที่สุดในเวลานี้ คือ ป๊ะป๋าร่างหมีของเด็ก ๆ คุณพ่อหน้าหยกจึงหันไปสั่งความฝาแฝดอย่างรวดเร็ว
“ระหว่างที่น้องไปอยู่ที่ห้องด้วย
พี่พลายกับพลุก็อดทนหน่อยนะลูก
แด๊ดกับพ่อฟูจะพยายามกล่อมป๋าให้ยอมเปลี่ยนใจเร็วที่สุด
อย่างมากแด๊ดว่าไม่น่าจะเกินคืนวันเสาร์นะครับ” คิวท์บอยหน้าหยกกวาดตามองทุก ๆ
คนในห้องพลางส่งยิ้มบาง ๆ คล้ายกับปลอบใจ จากนั้นชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินหายไประงับเหตุอีกฟากหนึ่งของตึกด้วยแน่ใจว่าตรินคงไม่ยอมสงบลงง่าย
ๆ
“เดี๋ยวครับพี่ด้วง!
ผมยังคุยกับพี่ไม่รู้เรื่องเลยครับ!”
“อาฌาน!!” พลายร้องห้ามพลางวิ่งไปปิดประตูแล้วยืนขวางอีกฝ่ายไม่ให้วิ่งตามบิดาหน้าหยกไป
อากัปกิริยาของหลานชายทำให้ฌานยิ่งแน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่เรื่องแบบนี้
ชายหนุ่มจะสะเพร่าทึกทักเอาเองไม่ได้เด็ดขาด
“คนที่พี่เต๋อเห็นคือ...”
ตากล้องหนุ่มยังไม่ทันเอ่ยจนจบประโยคปภพก็กดหน้าลงอย่างช้า ๆ พลางกระพุ่มมือไหว้ขอโทษขอโพยคนโตกว่าแบบเต็มพิกัด
“แต่พี่พลายกับพลุไม่ได้ทำอะไรกันอย่างที่ป๋าเข้าใจจริง
ๆ นะครับอา”
“...” แม้จะไม่ได้แย้งออกไปตรง
ๆ ทว่าสายตาของฌานก็ทำให้พลุรีบออกหน้ายืนกรานอีกเสียง
“จริง ๆ
ครับอาฌาน เมื่อคืนเราท้ากันลงไปข้างล่างโดยห้ามเปิดไฟ แต่พลุเผลอวิ่งสะดุดพี่พลายเลยช่วยประคอง
แต่อยู่ ๆ ป๋าก็โผล่มาเห็นพอดี”
“อ้าว ก็ถ้ามันไม่มีอะไรแล้วทำไมพี่พลายไม่อธิบายกับป๋าไปล่ะ?”
“ก็พี่พลายเผลอตกใจเสียงป๋าเลยพาพลับวิ่งหนีขึ้นห้องไปน่ะสิครับอา”
“แล้วมันยังไง?
ทำไมพี่พลายถึงไปอธิบายกับป๋าไม่ได้?”
“ก็อาลองคิดดูสิครับว่า
ถ้าพี่พลายไปอธิบายกับป๋าทีหลัง
ป๋าจะไม่สงสัยเรื่องของพี่พลายกับพลุเหรอว่าทำไมต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วย?”
“แต่อาว่าถ้าพี่พลายกับพลุช่วยกันอธิบาย
ป๋าต้องยอมเข้าใจแน่ ๆ ” ฌานเริ่มจะหงุดหงิดนิด ๆ เพราะนอกจากจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหลาน
ๆ แล้ว เขายังถูกว่าที่พ่อตาเข้าใจผิดเสียอีก...
ทั้ง ๆ
ที่ใกล้จะครบสัญญาอยู่อีกสองวันแท้ ๆ ทำไมพลายถึงปล่อยให้เรื่องขี้ปะติ๋วบานปลายใหญ่โตขนาดนี้นะ?!
แม้จะลุแก่โทษอย่างจริงใจ
ทว่าความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียพลุไปตลอดกาลกลับทำให้ทายาทหมายเลขหนึ่งเอาเปรียบคุณอาผู้ใจดีของพวกเขาอีกครั้ง
“อาฌานว่าป๋าจะไม่สงสัยเหรอครับว่าทำไมอยู่ ๆ
ตอนนั้นพี่พลายถึงเกิดไม่กล้าสู้หน้าป๋าขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แต่การป้ายความผิดให้อากับพลับมันผิดนะพลาย!”
“พี่พลายขอโทษครับอาฌาน
แต่ตอนนั้นพี่พลายกลัวจนไม่ทันคิด พี่พลายรู้แค่ว่าพี่พลายจะยอมให้ป๋ารู้เรื่องของพี่พลายกับพลุไม่ได้
ยังไงเรื่องนี้ก็ถึงหูป๋าไม่ได้ อาฌานเข้าใจพี่พลายใช่ไหมครับ?” ทายาทหมายเลขหนึ่งของบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เพราะปภพเชื่อฝังหัวจากสิ่งที่เห็นมาโดยตลอด กล่าวคือ ในบรรดาคุณพ่อทั้งสามของพวกเขา ป๊ะป๋าเป็นคนเดียวที่ยังทำใจยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ของน้องชายคนสุดท้องแทบไม่ได้เลยสักนิด
ทั้ง ๆ ที่ป๋ายืนยันว่าโอเคกับเรื่องของอาฌานและพลับมาตั้งแต่แรกก็ตาม
นับประสาอะไรกับความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่างสายเลือดเดียวกันล่ะ?!
“อาฌานช่วยพวกเราด้วยนะครับ
ถ้าป๋ารู้เข้า ป๋าต้องแยกเราสองคนจากกันแน่ ๆ ” ปพนกระพุ่มมือไหว้ก่อนจะปาดน้ำตาป้อย
ๆ
.
.
.
.
.
“เฮ่อ!” ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ หรอกที่กลัวใจตริน ฌานเองก็ฟันธงได้เดี๋ยวนั้นเลยว่า
หากเมื่อรู้ความสัมพันธ์ลับ ๆ ของฝาแฝดพี่น้องหลุดไปถึงหูคุณพ่อร่างหมีเมื่อใด
พี่รหัสบ๊วยผู้รักในความถูกต้องย่อมไม่ยอมปล่อยให้พลายกับพลุได้เจอหน้ากันอีกเลย
.
.
.
.
.
.
“เอาเถอะ! เรื่องที่ยังมาไม่ถึงก็อย่าเพิ่งไปกังวลเลยนะ” หลังจากนิ่งไปนาน
ฌานก็เริ่มจะปลงได้ “เอาล่ะ ในเมื่อป๋าเข้าใจไปแบบนั้นอาคงทำอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่า
พี่พลายกับพลุรีบทำตามที่ป๋าสั่งไปก่อนก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับอาฌาน”
ฝาแฝดทั้งสองพากันค้อมหัวไหว้ฌานด้วยความซาบซึ้ง
“อาฝากดูแลพลับแล้วก็อธิบายเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังด้วยนะ
เดี๋ยวอาจะพยายามปรับความเข้าใจกับป๋าของพวกเราเอง”
“ครับ
ขอโทษนะครับอา” พลายตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองพลางรีบเช็ดน้ำตาที่ซึมเอ่อเพราะไม่อยากให้ใครเห็น
สีหน้าสำนึกผิดของหลานชายคนโตที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนักทำให้ฌานเชื่อคำบอกเล่าของเด็กหนุ่มทั้งสองจนหมดใจ
“ไม่ต้องขอโทษอาหรอก แค่ช่วยสัญญากับอาว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ตกลงไหม?”
“ครับอา”
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
“กับข้าวแม่กาแฟลูกยินดีต้อนรับครับ!”
เสียงพนักงานในร้านตะโกนรับลูกค้าผู้มาใหม่อย่างแข็งขัน แต่แทนที่คุณลูกค้าที่เพิ่งเดินดุ่ม
ๆ เข้ามาจะเลือกที่นั่งเหมือนผู้มาเยือนรายอื่น ๆ ชายหนุ่มกลับพาตัวเองไปหยุดตรงด้านหน้าเคาน์เตอร์ที่เจ้าของร้านรูปหล่อกำลังก้มหน้าก้มตาทำบัญชีอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ด้านใน
เป็นเพราะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของสายตาที่มาพร้อมกับเสียงถอนหายใจยาวเหยียด
ธันวาจึงละสายตาจากงานตรงหน้าเพื่อชำเลืองมอง
ภาพที่เห็นทำให้เขาคลี่ยิ้มด้วยความยินดีพลางปรี่เข้าไปหาลูกค้าหน้ายุ่งคนดังกล่าว
“พี่ฌานโผล่มาที่นี่ได้ยังไงครับ? วันนี้ไม่ต้องไปรับหลานผมเหรอ?”
อดีตเดือนมหาลัยทักทายด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเมื่อเห็นหัวหน้ากลุ่มมายืนทำหน้ากลุ้มอยู่ในร้านตัวเองในช่วงหลังโรงเรียนเลิกเช่นนี้
“หึ! พี่เต๋อห้ามไม่ให้พี่ฌานเข้าใกล้พลับน่ะ”
“หืม?
ยังไงครับ?”
“ไว้รอให้พวกนั้นมาถึงที่นี่ก่อนแล้วพี่ฌานจะเล่าให้ฟังทีเดียวแล้วกัน”
จริงอยู่ที่น้ำเสียงของฌานจะฟังเรียบ ๆ ทว่าเจ้าตัวกลับมีสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทนและดูทรมานจนเจ้าของร้านยังไม่กล้าขัดใจ
“ก็ได้ครับ
งั้นพี่ฌานไปนั่งตรงโน้นนะครับ เดี๋ยวผมให้เด็กไปจัดโต๊ะเพิ่มให้”
“อืม ว่าแต่
ร้านเก็กมีอะไรเข้ม ๆ ให้ดื่มย้อมใจหน่อยไหม?”
“พี่ฌานมายังไงครับ?
ขับรถมาหรือเปล่า?” ใช่ว่าไม่มีสิ่งที่ฌานถามหา
หากแต่เก็กอดเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายเพื่อนสนิทไม่ได้
เขาจึงอยากแน่ใจว่าฌานมีเตรียมการมาพร้อมแล้วหรือยัง
“เปล่า
มาแท็กซี่”
“งั้นพี่ฌานไปนั่งรอเลยครับ
เดี๋ยวผมจัดหนัก ๆ ให้เลย” หนุ่มรูปงามว่าพลางรุนหลังฌานให้ไปนั่งโดยพลัน
“ทำไมอยู่ ๆ
พี่เต๋อถึงเพิ่งมาห้ามไม่ให้พี่ฌานเข้าใกล้หลานพวกผมล่ะครับพี่?” เก็กที่ยังติดใจไม่หายเปิดฉากถามฝาแฝดผู้พี่ของเหล่าสมุนเลวทันทีที่สมาชิกรุ่นบุกเบิกมากันครบองค์
“นั่นสิครับพี่ฌาน
พี่เต๋อนี่ก็แก่กะโหลกกะลาเข้าไปทุกวัน! อีกแค่อึดใจเดียวก็จะครบกำหนดสัญญาแล้วแท้ ๆ
แกยังกล้าทำร้ายจิตใจพี่ฌานของน้องได้ลงคอ” สกลเอนตัวยื่นหน้ามาพูดจาประจบเอาใจเพื่อนจนโดนคนนั่งข้าง
ๆ ฉุดแขนให้กลับไปนั่งดี ๆ
“พูดเกินไปหน่อยหรือเปล่าแนนซี่?”
“อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยฌอนศรี
ที่แท้ตัวเองก็ขายวิญญาณให้เขาไปแล้วใช่ไหมล่ะ?!” หลานอาม่าใหญ่แขวะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างไร้เมตตา...
หนอย! แค่เขาโยนเศษเงินให้หน่อย
ก็ทำเป็นถือหางทางโน้นมากกว่าเพื่อนร่วมสาบานเชียวเหรอ? ใช้ได้ที่ไหน?!
“พอ ๆ ขืนทะเลาะกันเป็นเด็ก
ๆ แบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่รู้กันพอดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ธันวารับหน้าที่ห้ามมวยเพราะยังไม่เชื่อว่าพี่เขยร่างหมีจะทำตัวไม่มีเหตุผลเอาดื้อ
ๆ “ว่าไงครับพี่ฌาน ทำไมอยู่ ๆ พี่เต๋อแกถึงพูดจาเอาแต่ใจแบบนั้น?”
“พอดีมันมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ
จะโทษพี่เต๋อฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้”
“เรื่องเข้าใจผิดอะไรเหรอครับ?
คนอย่างพี่เต๋อ แกไม่น่าจะหุนหันพลันแล่นทำอะไรไม่มีเหตุผลแบบนี้นี่ครับ”
“อืม
พี่ฌานจะบอกเก็กยังไงดีล่ะ... คืองี้
พี่เต๋อแกเข้าใจว่าพี่มีอะไรกับพลับลับหลังแกน่ะ”
“ห๊ะ?!” แม้สมาชิกส่วนใหญ่จะออกอาการแปลกใจกันถ้วนหน้า
ทว่ากลับก็มีคนปากไวถามอะไรไม่เข้าท่าสอดขึ้นทันควัน
“แล้วพี่ฌานมีอะไรกับหลานผมจริงหรือเปล่าล่ะครับ?”
“แนนซี่!” สารินน่าจะเป็นคนเดียวที่ยั้งตัวเองเอาไว้ได้หลังจากได้ยินคำถามของอดีตเด็กเต็กหัวไข่
ส่วนที่เหลือก็พร้อมใจกันประสานเสียงสรรเสริญสกลโดยพร้อมเพรียง
“พี่ฌานจะกล้าทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงล่ะ
ก็พี่ฌานสัญญากับพี่เต๋อไว้แล้วหนิ”
“จริงอ่ะ?
พี่ฌานก็รู้หนิครับว่าพี่ฌานบอกพวกผมได้ทุกเรื่อง พวกผมอยู่ข้างพี่ฌานนะ
พี่ฌานไม่ลืมใช่ไหม?” คนเห็นผีหรี่ตามองประเมินเพื่อนรักคล้ายกับไม่เชื่อใจ จริงอยู่ที่เขาไม่เคยคลางแคลงใจเรื่องการรักษาสัญญามั่นของฌาน
ทว่าระยะเวลาที่เนิ่นนานกว่าสิบปีที่แฝดพี่ได้คลุกคลีกับหลานชายของเขาแบบเนื้อ ๆ เน้น
ๆ ก็ดูจะเป็นสถานการณ์ล่อแหลมเกินยับยั้งชั่งใจเช่นกัน
“พี่ฌานจะโกหกไปเพื่ออะไรล่ะแว่น”
สายตาไม่เชื่อถือเลนส์หนาของหลานอาม่าใหญ่ทำให้แฝดน้องออกโรงปกป้องชื่อเสียงพี่ชายโดยไม่ลังเล
“ถ้าพี่ชายคิดจะทำอะไรหลาน พี่ชายจะเผลอรุ่มร่ามจนโดนพี่เต๋อจับได้เหรอ?”
“เออ จริง! ฌอนศรีมีเหตุผล” สิ่งที่เปลี่ยนแปลงว่องไวยิ่งกว่านารีเปลี่ยนใจให้ชายอื่นเห็นจะเป็นสกลผู้นี้นี่แหละ
เพราะจู่ ๆ เจ้าตัวก็หันมาพยักหน้าเห็นด้วยกับฝาแฝดทั้งสองอย่างเออออห่อหมกยิ่งกว่าสมุนเลวหน้าไหนในที่นั้น
แน่นอนว่าการย้ายขั้วราวพลิกฝ่ามือรัว
ๆ ของเพื่อนหน้าแว่นได้ไปสะกิดต่อมไฝว้ของอริเก่าเข้าเต็ม ๆ “สมองไม่ได้ใช้กั้นหูอย่างเดียวนะแนนซี่”
“ฌอนครับ
พี่ขอ” สารินอุดปากคนรักของตนเอาไว้ก่อนที่บทสนทนาจะไหลออกทะเลพร้อมกับชิงพื้นที่สื่ออย่างนุ่มนวล“แล้วเต๋อมันแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นฌาน?
มันไม่ได้เรียกฌานไปถามเลยเหรอ?”
“ไม่ครับ
ผมเดาว่าเพราะสถานการณ์ทั้งหมดมันเป็นใจจนพี่เต๋อแกไม่น่าจะยอมฟังผมง่าย ๆ
หรอกครับ”
“แสดงว่าวันนี้ฌานก็ยังไม่ได้คุยกับเต๋อเลยสิ?”
สีหน้ายุ่งยากใจของรุ่นน้องทำให้สารินสรุปสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ
“ครับพี่ริน”
“แล้วฟูกับด้วงล่ะ
สองคนนั้นว่าไง?”
“เฮียกับพี่ด้วงบอกว่าจะพยายามกล่อมพี่เต๋อให้อีกแรง
แต่ก็ไม่ได้สัญญาว่าจะสำเร็จไหมน่ะครับ” พอให้รายละเอียดกับรุ่นพี่จบ
ตากล้องหนุ่มก็กระดกเหล้าจนหมดก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง
“เดี๋ยวนะครับพี่ฌาน
ไอ้สถานการณ์เป็นใจนี่มันยังไงครับ? ทำไมพี่เต๋อถึงหน้ามืดตามัวปักใจว่าพี่ฌานกับหลานผมต้องมีอะไรกันแล้วแบบพันเปอร์เซนต์ขนาดนั้น...
พี่ฌานมีอะไรที่ยังไม่เล่าให้พวกเราฟังอีกหรือเปล่าครับ?”
เมื่อเห็นธันวาเอาแต่สนใจคู่สนทนาจนไม่เป็นอันกินอาหารเย็น
ลูกแม่บัวก็จัดการป้อนข้าวให้คนรักถึงปาก
“พี่ฌานขอไม่พูดได้ไหม
แค่นี้พี่ฌานก็ไม่รู้จะปรับความเข้าใจกับพี่เต๋อยังไงแล้ว”
“ที่พี่ฌานไม่พูด
เพราะมันเกี่ยวกับครอบครัวพี่เต๋อโดยตรงใช่ไหมครับ?” อคิราที่นิ่งฟังพลางเก็บข้อมูลมาตั้งแต่แรกถามแทรกขึ้นเมื่อเจ้าตัวพอเดาได้ว่าอะไรคือสาเหตุของการเรียกประชุมฉุกเฉินในเย็นวันนี้
“อิ๊กพูดอะไร?!”
“ที่พี่ฌานกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
เพราะพี่ฌานกำลังช่วยใครอยู่หรือเปล่าครับ?”
.
.
.
.
.
“...เอ่อ...” คำถามจี้ใจดำของอดีตเดือนบริหารทำฌานเสียหลักจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ท่าทางอึกอักผิดปรกติวิสัยของพี่ชายคนรักทำให้อิ๊กได้ข้อสรุปโดยแทบไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรอง
“ว่าแล้วเชียว!”
“ใคร? ทำอะไร?
เมื่อไร? ที่ไหน? ทำไม? ยังไง?... เล่ามาเดี๋ยวนี้นะงูเห่า
อย่ามาทำเป็นอมภูมิอยู่คนเดียวซี่!”
“อย่าเพิ่ง
ขอถามพี่ฌานให้แน่ใจอีกข้อก่อน!” อดีตหนุ่มบริหารยกมือขึ้นห้ามปากหลานอาม่าใหญ่ให้สงบ “พี่ฌานครับ
ไอ้สถานการณ์ที่ว่าเนี่ยเกิดขึ้นเมื่อไรครับ?”
“เมื่อคืน”
“ที่บ้านใช่ไหมครับ?”
การที่ฌานเลือกจะไม่ตอบหากแต่ไม่ปฏิเสธนั้น ไม่ต่างจากการยอมรับกลาย ๆ อิ๊กจึงสรุปเสียงดังฟังชัดด้วยข้อมูลลับที่ไม่เคยมีสมุนเลวคนไหนกล้าเปิดอกพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องโดยตรงมาก่อน
“ถ้าพี่ฌานจะกังวลเรื่องฝาแฝด พี่ฌานไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเรารู้เรื่องเด็กสองคนนั่นหมดแล้ว”
“หืม?!” ฌานเลิกคิ้วพลางมองหน้าแฟนน้องชายอย่างตื่น ๆ
แต่แล้วอริยะตรัยผู้น้องกับคนอื่น ๆ ก็ช่วยยืนยันคำพูดของอคิราให้หนักแน่นขึ้น
“จริงครับ
พวกเรารู้เรื่องพี่พลายกับพลุนานแล้ว” หลังจากประโยคของเก็กสิ้นสุดลง
ชายหนุ่มที่เหลือก็พากันพยักหน้ารับราวกับนัดกันมา
“แล้วทุกคนรู้ได้ยังไง?”
“โหพี่ฌาน
พวกผมกินข้าวนะครับ ไม่ได้กินหญ้า เรื่องแค่นี้ทำไมพวกผมจะดูไม่ออก” ทักษะการลอยหน้าลอยตาตอบอย่างน่าหมั่นเรียกเสียงเชียร์จากแฟนขับ(ไล่)ทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
“แนนซี่!” ทันทีที่การเช็กเรทติ้งสิ้นสุด
คนเห็นผีก็ยักไหล่พลางสะบัดบ็อบใส่สหายจนคอเกือบเคล็ด
“พวกผมรู้ตอนที่พวกเราไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยกันเมื่อสองปีก่อนครับ”
เก็กตอบคำถามของแฝดพี่ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันรุมสกรัมเพื่อนหน้าแว่นจนไม่เป็นอันสนทนา
ซึ่งระหว่างที่อดีตเดือนมหาลัยอธิบายให้ฌานฟังอยู่นั้น บ๊วยก็พยักหน้าหงึกหงักคล้ายรับรองคำพูดคนรักให้หนักแน่นยิ่งขึ้น
“ผมกับฌอนรู้ก่อนหลายปีแล้วครับ
พอดีผมผ่านไปเจอหลานเดินเล่นกันที่ห้าง น่าจะหลังเลิกเรียนพิเศษน่ะครับ” ถึงตาอิ๊กแชร์ข้อมูลของตัวเองบ้าง
“ส่วนผม หึ หึ
หึ” หลานอาม่าใหญ่ไม่ได้ตั้งใจเว้นวรรคเพื่อเรียกร้องความสนใจ
หากแต่เพราะภาพความทรงจำที่ฉายวนในหัวทำให้เจ้าตัวจำต้องหยุดพูดเพื่อกลั้นยิ้ม “ผมกับพี่รินผ่านไปเห็นฉากเด็ดของหลาน
ๆ ตอนงานวันเกิดสองปีที่แล้วครับ ตู้วหูว! บอกเลยว่ายังติดตามาจนถึงทุกวันนี้ เนอะ ๆ พี่รินเนอะ!”
หลังจากได้รับฟังความจริงจากปากเพื่อนพ้อง
ฌานก็อดเป็นห่วงบรรดาพ่อ ๆ ของเหล่าเด็กชายไม่ได้ “แล้วพวกพี่เต๋อล่ะ
พวกพี่เต๋อรู้ไหม?”
“ผมว่าเฮียคงยังไม่ทันได้สังเกตอะไรหรอกครับ
ลำพังแค่เลี้ยงยัยเพลิน เฮียก็ยุ่งมากแล้ว ส่วนพี่ด้วง... ถ้าพี่ด้วงรู้
พี่ด้วงคงเก็บเป็นความลับ
เพราะพี่ด้วงคงไม่อยากให้พี่เต๋อกับเฮียต้องพลอยกลุ้มไปด้วย”
เป็นเพราะทั้งหมดถกเถียงกันเกี่ยวกับประเด็นนี้มาหลายครั้งหลายหน
ธันวาจึงสามารถให้ความเห็นแทนเพื่อน ๆ ทุกคนได้อย่างไม่กระดาก
การที่พวกเขาเชื่อมั่นว่าบิดาของฝาแฝดทั้งสามยังไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ดังกล่าว
ก็ทำให้เหล่าสมุนเลวมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า
พวกเขาจะไม่ก้าวก่ายเรื่องภายในบ้านของรุ่นพี่ทั้งสามเป็นอันขาด
“ยิ่งพี่เต๋อ พี่ชายก็ยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงไปใหญ่เลยครับ”
ฌอนเสริมความตามข้อเท็จจริงที่ได้รับฟังจากฝาแฝดของตน
“ทำไมล่ะ?”
“ก็ถ้าพี่เต๋อสงสัยพี่ฌานกับพลับ
ก็แปลว่าแกไม่ได้เอะใจเรื่องลูกชายคนโตกับคนกลางของแกเลยสักนิดเลยยังไงล่ะครับ” รอบนี้เป็นอิ๊กที่ช่วยต่อจิ๊กซอว์ให้ตากล้องหนุ่มแทนคนรัก
สีหน้ากลัดกลุ้มของจำเลยสังคมทำให้บ๊วยไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้
“พี่ฌานไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ พวกผมไม่มีวันบอกเรื่องของหลานสองคนกับพวกพี่เต๋อแน่นอนครับ”
สิ้นคำลูกแม่บัว ฌานก็กวาดตามองสบตากับเพื่อน ๆ ทุกคนในที่นั้น
ซึ่งความจริงจังจริงใจที่สื่อผ่านแววตาทุก ๆ คู่
ช่วยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก
“ขอบใจทุกคนมากนะ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ฌาน”
ชายกลางเอ่ยโดยไม่ลืมคลี่ยิ้มให้กำลังใจสหายมากบารมี
“เฮ่อ!” เมื่อเหล้าแก้วใหม่ถูกส่งลงไประงับความร้อนรุ่มภายในจนหมดสิ้น
ตากล้องหนุ่มก็ขอความช่วยเหลือจากเหล่าสมุนเลวที่รักทันที “ว่าแต่ พี่ฌานควรจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ?”
“ฌานไม่ต้องกลุ้มไปหรอก
เรื่องคราวนี้น่ะ ปล่อยให้หลานชายคนเล็กของพวกเราเป็นฝ่ายพูดบ้างดีไหม?”
คำตอบของสารินสร้างความฉงนใจให้แก่แฝดพี่ได้ไม่น้อย
“ยังไงครับพี่?”
“เอาน่า
เชื่อพี่ อดทนรอจนกว่าจะถึงวันเสาร์ แล้วทุกอย่างจะดีเอง” แม้ฌานจะไม่รู้ว่าคำพูดของสารินเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด
แต่นับตั้งแต่คืนนั้น ตากล้องหนุ่มก็หายหน้าไปจากสารบบครอบครัวคุณะประสิฒธิ์ราวกับไม่เคยมีตัวตน
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
“เอาล่ะครับ ถึงเวลาแกะของขวัญของเด็ก
ๆ กันแล้ว มาดูกันสิว่า ปีนี้ คุณอาคนไหนจะมอบของขวัญได้ถูกใจหลาน ๆ มากกว่ากัน!” คุณอาหน้าแว่นปรบมือพลางป่าวร้องด้วยท่าทางผึ่งผาย
แล้วมีหรือที่อาการโชว์เหนือของหลานอาม่าใหญ่จะไม่เรียกขาประจำด้านการเกทับอย่างธันวาให้ต้องปรี่มาร่วมวง
“หึ! คิดว่าจะเอาชนะพี่หมีได้ก็ลองดู!” เป็นเพราะศักดิ์ศรีของอาเจ็กค้ำคอแท้ ๆ อริยะตรัยผู้น้องจึงเชื่อจนหมดใจว่า
ของขวัญที่เขากับคนรักเลือกเฟ้นมาย่อมต้องได้การตอบรับจากหลาน ๆ ดีกว่าบัตรกำนัลล้านปีของคนเห็นผีเป็นแน่แท้
แต่ก่อนที่เหล่าอา
ๆ จะห้ำหั่นกันจนบรรยากาศในการแกะของขวัญเปลี่ยนผันเป็นสนามประลองฝีปากย่อม ๆ
ปวรก็ชิงดึงความสนใจของทุก ๆ คนมาไว้ที่ตนเอง “อย่าเพิ่งครับอาแนนซี่ อาเจ็ก!
พลับขอพูดอะไรสักหน่อยจะได้ไหมครับ?”
แม้เหล่าผู้ใหญ่จะดูแปลกใจกับคำขอของหลานชายคนที่สามซึ่งเอาแต่นั่งซึม
ไม่พูดไม่จากับใครมาตั้งแต่เริ่มงาน แต่อดีตเดือนบริหารก็รับลูกต่อได้อย่างรวดเร็ว
“เอาสิลูก อยากพูดอะไร พูดเลย พูดให้เต็มที่!”
“ป๋า”
“ว่าไงครับลูก?”
“พลับขอแลกของขวัญที่พลับเคยได้
รวมถึงของหรืออะไรต่าง ๆ ที่ป๋าจะให้พลับในอนาคตข้างหน้ากับฌานได้ไหมครับ?” เด็กหนุ่มที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะมาหมาด
ๆ เอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังจนผู้ฟังทั้งหมดพากันเห็นอกเห็นใจ ทว่าป๊ะป๋าร่างหมีกลับไม่ใคร่จะยินดีนัก
“ป๋าบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามพูดชื่อมันให้ป๋าได้ยินอีก!”
“ป๋าครับ
ป๋าฟังพลับนะครับ พลับกับฌาน เราสองคนไม่เคยมีอะไรกันเกินเลยแบบที่ป๋าเข้าใจ” ปวรพยายามอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับกู้ชื่อเสียงให้คนรักที่หายสาปสูญไร้การติดต่อ
“แต่ป๋าเห็นมันล่วงเกินพลับกับตาของป๋าเองเลยนะลูก!” ตรินเถียงสุดใจขาดดิ้นพร้อมกับลั่นวาจาอย่างถือดี
“ฮึ! ชาตินี้อย่าหวังเลยว่าป๋าจะยอมเชื่อน้ำหน้าคนอย่างมันอีก!
หนอย
ทำมาเป็นพูดดีว่าจะรอ ๆ ที่ไหนได้ พอลับหลังป๋า ก็... ก็... ฮึ่ย!”
“งั้นป๋าบอกได้ไหมครับว่าคืนนั้นป๋าเห็นอะไรบ้าง?”
“พลับจะถามป๋าให้ได้อะไรขึ้นมาลูก?”
“พลับก็จะได้บอกป๋ายังไงล่ะครับว่าจริง
ๆ แล้วเราสองคนทำผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับป๋าจริงหรือเปล่า”
ทายาทหมายเลขสามพยายามเกลี้ยกล่อมบิดาด้วยเชื่อมั่นในความจริงที่พี่ชายฝาแฝดเล่าให้เขาฟังทันทีที่สบโอกาส
“สรุปว่า คืนนั้นป๋าเห็นอะไรบ้างครับ?”
คำถามซักไซ้ของเลือดเนื้อเชื้อไขกอปรกับสายตากดดันของคนคุ้นเคยทั้งหลายทำให้ท่านประธานใหญ่เริ่มยั้ว
“ก็เห็นนั่นแหละ!”
“ป๋าเห็นอะไรก็ตอบลูกไปดี
ๆ สิครับ อย่าพูดจาตีขลุมเป็นเด็ก ๆ แบบนี้” กรกฏที่นั่งกอดลูกสาวคนเล็กอยู่ถึงกับทนไม่ได้ที่คนรักเล่นแง่เป็นเด็ก
ๆ แน่ล่ะว่าเมื่อผู้บัญชาการสูงสุดของบ้านออกโรง
ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างเต๋อก็ไม่อาจยึกยักลีลาอยู่ได้
.
.
.
.
.
“ป๋าเห็นมันกับลูกกอดกัน”
“แล้วพวกเราทำอะไรกันอีกเหรอครับป๋า?”
เมื่อเริ่มโดนถามต้อนมาก
ๆ เข้า คุณพ่อหน้าหนวดก็เริ่มจะไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนเห็นสักเท่าไร กระนั้น
อคติที่มีต่อว่าที่ลูกเขยก็เอาชนะเหตุผลและตรรกะทั้งหลายได้อยู่ดี “ป๋าแค่เห็นเงาตะคุ่ม
ๆ ยุกยิก ๆ ไปมา
ป๋าก็รู้แล้วล่ะน่าว่ามันทำอะไรลูก... ป๋าผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนนะครับ
ทำไมป๋าจะนึกไม่ออกล่ะว่าลูกป๋าโดนมันล่วงเกินอะไรบ้าง”
“ป๋าฟังพลับให้ดี
ๆ นะครับ เราสองคนไม่เคยมีอะไรกัน อย่างมากสุดก็แค่ลูบ ๆ คลำ ๆ กันแต่เพียงภายนอก
ฌานไม่เคยล้ำเส้นที่ป๋าขีดเอาไว้ ต่อให้พลับจะคอยยั่วยวนฌานให้ตายแค่ไหน
ฌานก็ยืนกรานไม่ยอมท่าเดียว”
“ห๊ะ?!” ตรินถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำสารภาพของลูกชายคนเล็กแบบจัง
ๆ แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่พลับต้องการจะบอกกับบิดาของตน
“ป๋ารู้ไหมครับว่า
คืนไหนที่ฌานเมากลับมา
ฌานยอมนอนโซฟาข้างล่างเพราะไม่อยากเพลี่ยงพล้ำผิดสัญญาของป๋าทั้ง ๆ
ที่พลับอ้อนวอนขอร้องแค่ไหนก็เถอะ”
“ไม่จริงหรอก
ป๋าไม่เชื่อ!” เต๋อยังดื้อแพ่งด้วยแรงทิฐิเสริมส่งจนคนรักทั้งสองต้องส่งเสียง
“จริงนะป๋า
ด้วงกับฟูช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้”
“ใช่ ถ้าป๋าไม่เชื่อ
ป๋าเรียกพวกพี่ออยมาถามดูก็ได้ ทุกคนเคยเห็นฌานนอนที่โซฟากันมาแล้วทั้งนั้น”
“อาฌานอดทนจริง
ๆ ครับป๋า ขนาดตอนอยู่ลับหลังป๋า แค่จะจับมือพลับเดิน อาฌานยังไม่กล้าทำเลย” ไม่เท่านั้น
ปภพยังเสริมความต่อโดยมีพลุคอยพยักหน้าราวกับกองหนุนชั้นดี
เมื่อเห็นว่าแบ็คอัพทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
ปวรก็ปิดการขายอย่างเฉียบขาดด้วยการประกาศความต้องการของตัวเองให้ป๊ะป๋าร่างหมีได้รับฟังโดยไม่หมกเม็ด
“มีแต่พลับคนเดียวเท่านั้นแหละครับป๋า
ที่อยากเป็นคนรักของฌานทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติเร็ว ๆ ”
“โธ่ถัง!
ทำไมพลับถึงทำกับป๋าแบบนั้นล่ะลูก?”
ตรินกุมหัวพลางทอดถอนใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก... นี่ลูกเขาอยากเป็นแฟนกับไอ้ฌานมากขนาดนี้เชียวหรือ?!
ท่าทางอ่อนลงของป๊ะป๋าร่างหมีทำให้เด็กหนุ่มฉวยโอกาสยืนยันความต้องการของตนอย่างชัดเจน
“ถ้าป๋ามีแฟน ป๋าไม่อยากถูกแฟนสัมผัส หรือสัมผัสแฟนเลยเหรอครับ?”
“...”
“ป๋า
ตั้งแต่พลับเป็นแฟนกับฌานมา ไม่เคยมีสักครั้งที่ฌานจะทำเรื่องเสียหายกับพลับ
ฌานนับถือป๋ามากเสียจนบางทีกลายเป็นพลับเองที่หงุดหงิดเพราะไม่ได้ดั่งใจ
เพราะฉะนั้น ป๋ายอมให้ฌานเป็นคนรักของพลับแบบเต็มตัวเสียทีจะได้ไหมครับ?”
“...” เต๋อจนคำพูด
ใช่จะไม่ตระหนักถึงความดีของว่าที่ลูกเขย
แต่เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าฌานเป็นคนดีแค่ไหน นั่นจึงทำให้ท่านประธานใหญ่ไม่อาจทำใจได้ว่า
ถึงเวลาจะต้องปล่อยมือจากลูกชายแล้วจริง ๆ เพราะสำหรับหัวอกพ่อแล้ว ต่อให้เลือดเนื้อเชื้อไขเติบใหญ่
พวกเขาก็จะยังเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ
ที่ต้องการการปกป้องดูแลจากผู้ปกครองอย่างเขาอยู่วันยันค่ำ
“นะครับป๋า
แล้วพลับจะไม่ขออะไรจากป๋าอีกเลย” พลับอ้อนวอนผู้เป็นพ่ออย่างไม่ลดละ
“ป๋าอย่าใจร้ายกับลูกเลยนะครับ
ฟูสงสารลูก”
“นั่นสิป๋า
ไหนป๋าบอกว่าอยากให้ลูกมีความสุขไง” หากกรกฏเป็นแม่ทัพใหญ่
วิญญูก็ไม่ต่างอะไรกับทหารเลวผู้จงรักภักดี เพราะไม่ว่ากังฟูจะคิดอ่านอย่างไร อดีตคิวท์บอยเป็นต้องให้การสนับสนุนไปเสียทุกที
“ฌานน่ะเป็นความสุขของลูกชายเรานะครับ”
“ป๋า
ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ฟูว่าฌานมันก็พิสูจน์ตัวเองมานานพอแล้วนะ
ถึงเวลาที่ป๋าจะต้องยอมปล่อยลูกเราให้ฌานช่วยดูแลได้แล้วนะ”
อริยะตรัยคนพี่เกลี้ยกล่อมคนรักส่งท้ายด้วยความเชื่อมั่นว่า
ต่อให้จะทำใจยากสักเพียงไหน แต่ตรินจะไม่มีวันทำลายความสุขของลูกด้วยน้ำมือของตัวเอง
.
.
.
.
.
.
“เออ ๆ ก็ได้
ๆ ป๋ายอมแล้วก็ได้”
“เย่!” ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันโห่ร้องด้วยความยินดีราวกับมีส่วนได้ส่วนเสียกับคู่รักต่างวัยอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งอาการยินดีเป็นหมู่คณะ ทำให้ตรินจำต้องเบรกความบันเทิงของทุก ๆ
คนเอาไว้บัดเดี๋ยวนั้น
“เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งดีใจไป... ป๋าจะยอมยกพลับให้ไอ้ฌานมันก็ได้
ถ้ามันสามารถโผล่หน้ามาให้ป๋าเห็นให้ได้ก่อนที่พวกลูก ๆ
จะแกะของขวัญวันเกิดปีนี้เสร็จ” คนพูดยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์เพราะแอบแน่ใจว่ารุ่นน้องที่หายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอยย่อมไม่มีทางปรากฏกายที่บ้านเขาได้ทันเวลา
“ป๋าห้ามคืนคำนะ!” เด็กหนุ่มออกอาการตื่นเต้นจนปิดไม่มิด
ในขณะที่เหล่าสมุนเลวต่างพากันอมยิ้มชอบใจ ฝ่ายตรินก็เผลอเข้าใจไปว่า
ลูกชายคนเล็กมัวแต่ดีใจที่รู้ว่าเขายอมเปิดโอกาสให้ทั้งสองคบหากัน ป๊ะป๋าร่างหมีจึงตกปากรับคำอย่างขึงขังเป็นที่สุด
“นี่พลับเห็นป๋าเป็นคนยังไงครับลูก?
ป๋าเคยโกหกพวกลูก ๆ หรือไง?”
“พลับรักป๋าที่สุดเลยครับ!” ขณะที่ประมุขของบ้านถูกลูกชายคนเล็กกระโดดกอดพร้อมกับประทับจูบไปทั่วหน้าอยู่นั้นเอง
ของขวัญกล่องใหญ่ที่สุดซึ่งเหล่าสมุนเลวร่วมแรงร่วมใจกันขนย้ายเข้ามาในบ้านอย่าระมัดระวังเมื่อช่วงเย็นก็ถูกเปิดจากด้านในโดยบุคคลที่ตรินไม่ต้องการเจอหน้าเลยสักนิด
“ขอบคุณครับพี่เต๋อ
ที่ยอมรับผม” ฌานพูดด้วยรอยยิ้มพลางก้าวออกจากกล่องของขวัญอย่างระมัดระวัง
“พวกมึง?!” เต๋อเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางชี้หน้ารุ่นน้องเรียงตัวหลังโดนดัดหลังอย่างเจ็บแสบ
เก็กจึงเป็นตัวแทนของเหล่าสมุนเลวตอกกลับพี่เขยแบบไม่มีสลด
“สุขสันต์วันแห่งความรักครับ
ขอให้ปีนี้ ความรักเบ่งบานในหัวใจของคุณพ่อตาป้ายแดงนะครับ!”
“ฮ่า
ๆๆๆ !” ขาดคำธันวา ทั้งหมดก็พากันหัวเราะเสียงดังที่ยังเห็นพ่อตาหมาด ๆ
ยังทำหน้าหงิกไม่หาย
“พลับคิดถึงฌานจังเลย”
ปวรว่าพลางโผเข้าไปกอดคนรักอย่างแนบแน่น
“ฌานก็คิดถึงตัวเล็กเหมือนกันครับ”
ยังไม่ทันที่ฌานจะได้ซึมซับความรู้สึกอบอุ่นจนถึงใจ ชายหนุ่มก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย! หยิกฌานทำไมครับตัวเล็ก?”
“แค่นี้ยังน้อยไป!” เจ้าของฝ่ามือพิฆาตถลึงตาใส่คนโตกว่าอย่างมีน้ำโห
“อูย” ตากล้องหนุ่มสูดปากพลางจ้องหน้าฝาแฝดคนสุดท้องด้วยความสงสัย
สีหน้าซื่อ ๆ
ที่ฟ้องถึงอาการไม่ระลึกรู้ความผิดตัวเองของชายคนรักทำให้พลับระบายความอัดอั้นอย่างเหลืออด
“สองวันมานี่ฌานใจร้ายกับพลับมากนะ! พลับขอให้มาหาที่โรงเรียนก็ไม่ยอมมา มัวแต่กลัวป๋าโกรธอยู่นั่นแหละ!”
“ก็ฌานไม่อยากผิดใจกับว่าที่พ่อตาทั้ง
ๆ ที่ยังไม่ได้ขอลูกป๋ามาดูแลอย่างเป็นกิจลักษณะนี่ครับ”
คำอธิบายที่เพิ่งได้ยิน
ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเด็กหนุ่มปลาสนาการไปอย่างฉับพลันทันตา จะเหลือก็เพียงแต่สีหน้าเขินอายกับรอยยิ้มบาง
ๆ อยู่บนใบหน้าชวนมองเท่านั้น “ตอนนี้ได้ลูกป๋าแล้ว ก็ต้องดูแลให้ดี ๆ ล่ะ”
“ได้แล้วที่ไหนครับ
กำลังจะได้ต่างหาก” ฌานสื่อความหมายลึกซึ้งผ่านสายตาจนเด็กหนุ่มหน้าแดงปลั่ง เมื่อบรรยากาศเป็นใจ
ทั้งสองก็ค่อย ๆ
เคลื่อนใบหน้าเข้าหากันเพื่อทำให้ความต้องการเบื้องลึกในจิตใจกลายเป็นความจริง
ทว่าก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะเชื่อมประสาน
เสียงล้งเล้งของมารหัวใจร่างหมีก็ดังขึ้นจากอีกด้านของประตูห้องนอนแขก “ไอ้ฌาน!
ไอ้ฌานโว้ย!”
“เฮ่อ!” ฌานและพลับต่างถอนใจพร้อมกันแม้ไม่ได้นัดหมาย
ทั้งสองยืนนิ่งพลางจ้องหน้ากันคล้ายวัดใจกับคนข้างนอก
ทว่าป๊ะป๋าของบ้านกลับไม่หยุดระรานความสุขของพวกเขาง่าย ๆ
“ไอ้ฌาน! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! ถ้าไม่เปิด กูจะไขเข้าไปนะว้อย!”
เสียงเขย่าลูกกุญแจกรุ๋งกริ๋งที่ดังประกอบวาจาข่มขวัญของบิดาทำให้พลับกลั้นใจเอ่ยกับฌานอย่างจำยอม
“ไปคุยกับป๋าให้รู้เรื่องก่อนเถอะ จะได้กลับมาต่อทีเดียว”
“ใครบอกตัวเล็กว่าทีเดียวครับ...
หลาย ๆ ทีต่างหาก”
“บ้า!” ไม่ทันขาดคำ เจ้าของถ้อยคำต่อว่าก็โดนจูบหนัก ๆ
แทนการมัดจำก่อนที่ตากล้องหนุ่มจะผละจากเพื่อไปกำจัดคุณพ่อตาจากเส้นทางรักของพวกเขาทั้งสอง
“มา ๆ
ไอ้ลูกเขย มาฉลองกันให้เมาตายไปข้าง... คืนนี้ไม่เมา ไม่ต้องนอน!” ทันทีที่ฌานเปิดประตูออกไปรับหน้าเต๋อในสภาพกึ่มได้ที่
รุ่นพี่ร่างหมีก็ลากคอแฝดพี่ให้เดินตามกันออกไปโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้ปัดป้องร้องห้าม
หึ! ไม่ต้องบอกก็คงจะพอนึกออกกันใช่ไหมว่าแผนการของตรินคืออะไร...
บอกใบ้ให้นิดนึงก็ได้ว่า ตกดึกคืนนั้นพลับทำได้แค่เข้านอนอย่างเดียวดายเมื่อรู้แน่ว่า
ต่อให้ถ่างตารอจนถึงเช้า ป๊ะป๋าของเขาก็ไม่มีวันยอมปล่อยให้คนรักกลับมานอนที่ห้องง่าย
ๆ
แม้จะไม่ได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าหอคืนแรกอย่างที่วาดหวังตั้งมั่น
ทว่าอย่างน้อย ๆ พวกเขาก็อุ่นใจที่จากนี้สืบไป ทั้งเขาและฌานจะได้เป็นเจ้าของหัวใจของอีกฝ่ายอย่างเต็มภาคภูมิ
ส่วนเรื่องที่ว่าจะได้ ‘ครองรักกัน’ เมื่อไรนั้น แว่วว่าภายในในอนาคตอันใกล้นี้ ตากล้องหนุ่มวางแผนที่จะเรียกรวมพลเหล่าสมุนเลวอีกครั้ง
แน่นอนว่า ตราบใดที่พวกยังรักและสามัคคีกัน
จะงานหลวงงานราษฎร์ไหน ๆ จะเล็กน้อยหรือใหญ่โตเพียงใด ทุก ๆ เรื่องเหล่านั้นล้วนแล้วแต่จะถูกจัดการจนสำเร็จลุล่วงอย่างง่ายดาย
ไม่เว้นแม้กระทั่งการหลอกล่อเหล่าพ่อตาให้ยอมฝากปลาย่างไว้กับแมวแก่หิวโซก็ตามที
«♥»------------------------------------ FIN ------------------------------------ «♥»
ส่งท้ายกันด้วยรูปนี้ค่ะ
ไว้เจอกันใหม่นะคะ คุณผู้อ่านที่รักทุก ๆ ท่าน ^^
No comments:
Post a Comment