Monday, November 21, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 41st Bonding|| 21.11.2016

ตอนนี้เราไม่อารัมภบทมาก เพราะความอยากขายของมันบังตา วะฮ่า ๆๆๆ
เราเปิดเรื่องใหม่แล้วค่ะ หากใครมองหานิยายเบาสมอง ไม่ประเทืองปัญญา
ขอเชิญไปเจิมบ้านน้องชายได้ที่ลิงค์นี้นะคะ  ถ้าต้อยได้ ชายจะเป็นอมตะ
(เรื่องนี้เราลงวันพุธค่ะ อิอิ แปลกใหม่เนอะ ^^)
หวังว่าจะได้เจอกันที่อีกกระทู้นะคะคนดีทั้งหลาย

 และเพื่อให้การขายสมบูรณ์ เราต้องฝากเพจ วะฮ่า ๆ (กดตรงนี้เลยค่ะ เจอแน่ ๆ )





«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The 41stBonding
Double Trouble




“เนส พลายล่ะ?”

“อ๋อ ไอ้พลายเหรอ มันไปเข้าห้องน้ำ เห็นมันบอกปวดขี้น่ะ” เนสตอบฝาแฝดคนรองโดยเลี่ยงไม่สบตา ท่าทางหลุกหลิกที่เพื่อนซี้ของปภพแสดงออกชวนให้คนฟังรู้สึกตงิด ๆ บอกไม่ถูก

“เหรอ?”

“เออ แล้วไอ้ต้าร์อ่ะ? ไม่ได้ซ้อมเสร็จพร้อมมึงเหรอ?” แววตาจับผิดของปพนทำให้เนสรีบเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างว่องไว แต่นั่นกลับไม่ได้ช่วยอะไร เพราะพลุยังคงสังหรณ์ใจแปลก ๆ ไม่สร่างซา

“เดี๋ยวมันตามมา” ทายาทหมายเลขสองของบ้านคุณะประสิฒธิ์สอดส่ายสายตามองหาพี่ชาย แต่เพราะยังไม่คลายใจ เด็กหนุ่มจึงถามย้ำกับเพื่อนอีกหน “พลายบอกมึงป่ะว่าจะไปเข้าห้องน้ำที่ไหน? ตรงใต้ตึกอธิการป่ะ?”

“เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันว่ะ พอมันบอกเสร็จ มันก็วิ่งไปเลย”

ประโยคของเนสกลายเป็นเพียงลมปากไปในพริบตาเมื่อจู่ ๆ รุ่นน้องร่วมทีมฟุตบอลเดียวกันกับเจ้าตัว เกิดวิ่งหน้าตาตื่นฝ่าเข้ามาแทรกกลางวง “พี่เนส พี่เนสไม่ไปช่วยพี่พลายเหรอ? เมื่อกี๊ผมเห็นเพื่อนพี่พรินซ์ยกพวกตามไปเต็มเลยนะ!

“เฮ่ย! จริงดิ?! ไหนแม่งบอกตัว ๆ ไงวะ?! ไอ้สัดพรินซ์แม่งเล่นไอ้พลายแล้ว!!”ความที่เป็นห่วงเพื่อนจับใจ เนสจึงเผลอหลุดปากสบถพร้อมกับออกตัววิ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้ออกตัวไปถึงไหน ๆ คนยืนข้าง ๆ กลับรั้งแขนของเขาเอาไว้เสียก่อน

“มึงจะไปไหนเนส?” พลุคาดคั้นเสียงเข้ม

“เออน่า อีกเดี๋ยวมึงก็รู้ แต่ตอนนี้ มึงต้องไปกับกูก่อน!” เนสไม่พูดพล่ามทำเพลง เด็กหนุ่มฉุดข้อมือของปพนให้วิ่งตามกันไปยังตึกกิจกรรมด้านหลังโรงอาหารอันเป็นจุดลับตาคนทันที





ใหญ่!” หลังฝ่าวงล้อมของบรรดาไทยมุงเข้าไปด้านในจนเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าได้เต็ม ๆ ตา ฝาแฝดคนรองก็ตะโกนห้ามปรามคนรักที่กำลังซัดกับคู่อริขาประจำอย่างหน้ามืดตามัว ทว่าแม้จะพยายามตะโกนเรียกชื่อเพื่อดึงสติพลายอยู่นานสองนาน เด็กหนุ่มผู้บ้าเลือดทั้งสองก็ไม่แสดงปฏิกิริยาตอบสนองที่น่าพอใจใด ๆ รู้ดังนั้น ปพนจึงหันไปสั่งเพื่อนที่มาด้วยกันเพื่อหาทางยุติการทะเลาะวิวาทอย่างตามมีตามเกิด “เนส มึงไปห้ามพี่พรินซ์ทิดิ๊ เดี๋ยวกูจับพลายเอง!

“ไม่ดีมั้งมึง เผลอ ๆ จะโดนลูกหลงเอา!

แม้เหตุผลของเนสจะฟังขึ้นสักเท่าไร แต่พลุกลับไม่อาจทนเห็นพลายในสภาพนี้ได้นานนัก ที่สำคัญ คงไม่ดีแน่หากพี่ชายเขาต้องขึ้นห้องปกครองด้วยเรื่องชกต่อยเป็นครั้งที่สามในรอบสองเดือน “แต่ถ้าไม่รีบแยกสองคนนั้นออกจากกัน เดี๋ยวครูเวรก็ผ่านมาเห็นพอดี ทีนี้จะยุ่งกันใหญ่นะ”

“งั้นมึงรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูมา” เนสทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งหายไปโดยไม่รอฟังคำโต้แย้งใด ๆ ฝ่ายปพนที่ไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร จึงได้แต่ฝืนทนดูพี่ชายโดนกำปั้นลุ่น ๆ กระแทกหางคิ้วเข้าอย่างจัง

เพียงไม่กี่อึดใจหลังจากที่เนสหายตัวไปจากเวทีมวยวัด ทุก ๆ คนในที่นั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากที่ไกล ๆ อันเป็นเสียงเตือนภัยบอกใบ้ให้ทั้งหมดต้องรีบแยกย้าย “วินัยมา! วินัยมาโว้ย!

ทันทีที่สิ้นเสียง เหล่าไทยมุงในคราบนักเรียนก็แตกฮือกันไปคนละทิศละทาง กระนั้นยังมีบางส่วนที่วิ่งเข้าไปกระชากแขนคู่ชกมอหกของพลายแล้วพากันวิ่งหายไป ขณะเดียวกันนั้นเอง แฝดหมายเลขสองก็ปราดเข้าไปประคองร่างสะโหลสะเหลของพี่ชายเอาไว้ก่อนจะพากันหนีไปอีกทางโดยไม่พูดไม่จา

“กลาง ซี๊ดส์ กลางมาได้ยังไง?” ปภพเอ่ยถามขึ้นขณะที่ทั้งสองวิ่งหนีอาจารย์ฝ่ายปกครองสุดเฮี้ยบอย่างหัวซุกหัวซุน

“...”

“ไอ้เนสมันปากโป้งเหรอ? พรุ่งนี้มึงโดนกูเตะแน่ไอ้เพื่อนเนรคุณ!” พลายเปรยกับตัวเองอย่างเจ็บใจหลังจากอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจ้ำสลับกับคอยเหลือบระวังหลังเป็นระยะ ๆ

เมื่อเห็นประตูบานเล็กด้านหลังโรงเรียนที่ถูกใช้สำหรับให้นักการผ่านเข้า ออกอยู่ห่างออกไปไม่ไกล คนเป็นน้องก็ล้วงมือถือจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรออก รอเพียงไม่นาน เจ้าตัวก็เจรจากับคนปลายสายด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เล็ก... ฝากบอกพวกป๋าด้วยว่าวันนี้กลางกับใหญ่จะกลับดึก ไม่ต้องให้ใครอยู่รอนะ”

“อืม มีเรื่องที่โรงเรียนนิดหน่อย กลางว่าจะพาใหญ่แวะไปทำแผลที่คอนโดป๋าก่อนน่ะ... อือ ไม่อยากให้พวกป๋าตกใจ เล็กบอกพวกป๋าไปก็ได้ว่ากลางกับใหญ่ไปบ้านเนส... ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกลางโทรสั่งข้าวที่คอนโดขึ้นมากิน... ฮื่อ ไม่เอา อย่ากวนอาฌานเลย กลางกับใหญ่กลับบ้านกันเองได้... อือ ๆ ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้า เดี๋ยวถึงบ้านแล้วกลางไลน์ไปบอกอีกที”

“กลางโกรธใหญ่เหรอ?” ปภพชิงถามคนรักทันทีที่เห็นอีกฝ่ายกดตัดสาย ทว่าจนถึงตอนนี้ ทายาทหมายเลขสองก็ยังไม่ปริปากเจรจากับพี่ใหญ่ หนำซ้ำยังทำเมินพลางกดต่อสายออกอีกครั้ง ท่าทางเมินเฉยเอาแต่สนใจโทรศัพท์ของปพนทำเอาพลายเริ่มนึกฉุนจนจ้องจับผิดคนรักอย่างช่วยไม่ได้ “กลาง โทรหาใคร?!

“เนส ฝากเก็บของ ๆ กูกับพลายด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมาเอา... เออ ๆ พวกกูวิ่งหนีวินัยมาอีกทาง นี่ก็เดินออกประตูข้างมาแล้วเนี่ย... อ้าวเหรอ?! เมื่อกี๊เสียงมึงเหรอ? เออ ๆ ขอบใจว่ะ พรุ่งนี้เจอกัน”

เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ความรู้สึกผิดก็ทำให้พี่ใหญ่ละอายใจอย่างที่สุด “อย่าโกรธใหญ่เลยนะ รอบนี้ใหญ่มีเหตุผลจริง ๆ ”

“...” ปพนเหลือบมองหน้าคนรักนิ่ง ๆ อยู่เพียงอึดใจก่อนจะกวักมือโบกเรียกแท็กซี่แล้วดันตัวคนเจ็บขึ้นรถไปพร้อม ๆ กันโดยไม่คิดจะต่อบทสนทนาใด ๆ ไม่ว่าพลายจะพยายามชวนคุยสักแค่ไหนก็ตาม




“กลาง กลางหายโกรธใหญ่เถอะนะครับ” ทันทีที่ประตูห้องชุดปิดลง ปภพก็รวบกอดน้องชายจากด้านหลังพลางอ้อนวอน กระนั้น สรรพเสียงแรกที่ดังทำลายความเงียบหลังจากนั้นหาใช่ถ้อยวจีจากปากปพนไม่

“เฮ่อออ!” พลุถอนหายใจหนัก ๆ เนิ่นนานคล้ายพยายามสงบสติอารมณ์หากแต่เจ้าตัวกลับยังไม่เอื้อนเอ่ยคำใด และนั่นทำให้พลายเริ่มกังวลจนแทบจะยืนไม่ติดที่

“ขอร้องล่ะกลาง กลางจะด่า จะตี หรือจะทำอะไรใหญ่ก็ได้ ขออย่างเดียว กลางอย่าทำเหมือนไม่สนใจใหญ่แบบนี้เลยได้ไหมครับ?”
.
.
.
.
.
.
.
“ปล่อย” หากเป็นคนอื่น คงพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อพาตัวเองออกจากอ้อมกอดแนบแน่นที่เหมือนกรงเหล็กนี้ไปให้ได้ ทว่าสำหรับทายาทคนรองของคุณะประสิฒธิ์แล้ว เด็กหนุ่มเลือกที่จะไม่ต่อต้านทว่าไม่ให้ความสำคัญกับคู่กรณีไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งสีหน้าและแววตาว่างเปล่าที่เจ้าตัวแสดงออกในขณะนี้ ทำให้คนเป็นพี่ร้อนรนจนใกล้บ้า

ไม่ปล่อย!

“ปล่อยก่อนใหญ่” การที่พลุยืนนิ่งพลางเอ่ยย้ำความต้องการด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดนั้น ไม่ต่างจากน้ำมันที่ราดรดลงบนกองไฟ เพราะแทนที่พลายจะยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี คนเป็นพี่กลับกระชับวงแขนแน่นขึ้นพลางจรดใบหน้าลงฝังกับหลังคอของร่างที่ตนกำลังโอบกอดอย่างหวงแหน  

ไม่! ใหญ่จะกอดกลางอยู่อย่างนี้จนกว่ากลางจะยอมคุยกันดี ๆ นะกลางนะ

“ปล่อย แล้วก็ไปนั่งรอที่โซฟา เดี๋ยวกลางจะทำแผลให้” ค่าที่ไม่อยากให้แผลแตกตรงหางคิ้วของพี่ชายติดเชื้อ ที่สุดแล้วฝาแฝดคนรองก็ยอมถอยหนึ่งก้าวอีกคราว ทว่าการโอนอ่อนครั้งนี้ เย็นชาและไร้เยื่อใยกว่าทุกทีที่พลายเคยประสบ

“...”

ไปสิ!” ปพนตวัดหางตามองไปยังโซฟาตัวใหญ่ใจกลางพื้นที่รับแขกเพื่อให้สัญญาณพี่ชายก่อนจะปลีกตัวเดินไปในห้องครัวเพื่อจัดการโทรสั่งข้าว แล้วจึงหยิบกล่องยากับน้ำดื่มติดมือกลับมาหาคนเจ็บที่ยืนคอตกมองตามตนตาละห้อยอยู่ที่เดิม

“จะนั่งแล้วคุยกัน หรือจะยืนอยู่อย่างนี้คนเดียวทั้งคืน?” สิ้นคำ ปภพก็ยอมเดินตามคนรักไปทรุดตัวลงนั่งอย่างเรียบร้อยไม่มีปากเสียง

“ทำไมถึงคิดว่ากลางโกรธ?” ปพนเริ่มตั้งคำถามกับพี่ชายทันทีที่เขาเริ่มลงมือทำความสะอาดบาดแผลแตกบนหน้าอีกฝ่ายตามความเคยชิน ช่วงขวบปีให้หลัง พลายก็เริ่มจะมีเรื่องชกต่อยบ่อยครั้งขึ้นมาก ไม่ว่าจะทั้งกับพี่พรินซ์เจ้าประจำ หรือจะกับใครก็ตามที่มีทีท่าว่าสนใจในตัวเขา พลุจึงทำแผลได้อย่างคล่องแคล่วขึ้นหลายเท่าตัว  

“ก็กลางไม่พูดอะไรเลยหนิ ใหญ่ถามอะไรก็ไม่ตอบ” ปภพอ้อมแอ้มเพราะรู้ดีว่าคนรักกำลังไม่สบอารมณ์

“ปกติกลางก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้วนะ” เจ้าของประโยคเอ่ยนิ่ม ๆ พลางแตะสำสีชุบยาฆ่าเชื้อลงบนแผลแตกตรงหางคิ้ว

“แต่ตอนเราอยู่ด้วยกัน นอกจากเวลาที่โกรธใหญ่มาก ๆ กลางก็ไม่เคยเงียบนานขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”

“รู้ตัวแล้วเหรอว่าทำให้กลางโกรธ?”

“สรุปว่ากลางโกรธใหญ่จริง ๆ ใช่ไหม?! พลายจี้ถามน้องชายด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน “กลางอย่าโกรธใหญ่เลยนะ ใหญ่อธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะครับ” คนฟังถอนหายใจพลางเสตามองไปทางอื่นคล้ายกับกำลังอดกลั้น แต่ทายาทหมายเลขหนึ่งยังใจชื้นเมื่อรู้ว่าพลุไม่ใช้ความเงียบแทนการโต้ตอบกับตนอีกแล้ว

“ก็ว่ามาสิ”

“ที่ต่อยกันวันนี้ ไอ้เหี้ยพรินซ์มันเริ่มก่อนนะ”

“ยังไง?”

“ใหญ่เตะบอลกับไอ้เนสอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ไอ้เหี้ยนั่นมันก็มาเรียก แล้วก็บอกว่าอยากจะสะสางปัญหาทั้งหมดแบบตัวต่อตัว” สายตาลังเลของปพนทำเอาคนเป็นพี่ต้องรีบเสริมความ “จริง ๆ ตอนแรกใหญ่บอกปัดมันไปแล้วนะ แต่แม่งตื๊อไม่เลิกไง พอได้ยินมันพูดจาลามปามพวกป๋าเท่านั้นแหละ ใหญ่ก็หน้ามืดคิดอะไรไม่ออก”

“ก็เลยตามไปต่อยกับเขาง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่รับปากอาฌานดิบดีแล้วน่ะเหรอ?”

สายตาคม ๆ กับสีหน้าจริงจังของคนรักคือเหตุผลที่พลายตัดสินใจยืดอกยอมรับความจริงแทนการบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบเหมือนทุกที “ครับ” คนเป็นพี่ส่งสายตาออดอ้อนพลางรวบตัวบุรุษพยาบาลประจำตัวเข้ามากอดพร้อมกับเว้าวอนเสียงอ่อนเสียงหวาน “กลางหายโกรธใหญ่เถอะนะครับ นะ... นะ ใหญ่ขอโทษนะครับที่ใหญ่วู่วาม ใหญ่มันไม่ดีเอง ใหญ่ผิดเองครับ”
.
.
.
.
.
.
.
คำขอโทษของคู่สนทนาที่ไม่ได้หาฟังได้บ่อย ๆ ทำเอาหัวใจคนฟังอ่อนยวบโดยพลัน ปพนถอนหายใจหนัก ๆ ให้กับอาการแพ้ทางอีกฝ่ายพลางเฉลยความรู้สึก ณ ปัจจุบันขณะให้พี่ชายรับรู้ “อืม กลางหายโกรธใหญ่ก็ได้”

“ไม่โกรธแน่นะ?” พลายตาเป็นประกายด้วยความยินดี

“อืม กลางเคยโกหกใหญ่เหรอ?”

“ไม่ครับ! ไม่เคยครับ!” อารมณ์ที่ดีดพุ่งขึ้นสูงอย่างฉับพลันทันตาทำเอาฝาแฝดคนโตเริ่มจะร่าเริงจนน่าหมั่นไส้ “ถ้าไม่โกรธ กลางก็อย่างทำหน้าบึ้งแบบนี้เลยนะครับ... ยิ้มให้ใหญ่หน่อยน้า” พลายกระเซ้าคนรักด้วยหวังให้อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม แต่สีหน้าของพลุกลับเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม “คิดอะไรอยู่เหรอครับกลาง?”

“ใหญ่สัญญากับกลางได้ไหมว่าต่อไปใหญ่จะไม่มีเรื่องกับใครอีก?”

ทำไมล่ะกลาง? ไอ้เหี้ยนั่นมันหยามพ่อเรานะ! ปภพสะบัดหางเสียงถามห้วน ๆ อย่างมีอารมณ์

“ถ้าวันนี้ฝ่ายนั้นพกอาวุธติดตัวแล้วเรื่องไม่จบที่แค่ชกต่อย ใหญ่นึกออกใช่ไหมว่าใครจะเสียใจ?” ปพนมองหน้าคนรักด้วยสายตาขึงขัง “คำพูดหมา ๆ ของคนอื่นทำอะไรครอบครัวเราไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้าใหญ่เป็นอะไรไปนี่สิ พวกเราที่เหลือจะอยู่ยังไง?”

“...”

“เคยคิดบ้างไหมว่าถ้าใหญ่ตาย กลางจะอยู่ยังไง?”

“...กลาง?!...” เป็นเพราะตลอดมา เจ้าตัวมัวแต่หลงระเริงไปกับชื่อเสียงและสถานะคนดังที่คนทั้งในและนอกโรงเรียนต่างยอมรับ พลายจึงไม่ทันได้ตระหนักถึงความเป็นจริงข้อนี้ หนำซ้ำเวลาที่เกิดปัญหาใด ๆ เด็กหนุ่มมักจะมีตัวช่วย รวมถึงข้ออ้างและลูกล่อลูกชนมากมายหลายหลากในการรับมือกับปัญหา เขาจึงกล้าทำในเรื่องไม่สมควรลับหลังสายตาผู้ใหญ่ทั้ง ๆ ที่น้องชายทั้งสองไม่เคยเห็นด้วยเลยสักครั้ง

“ไหนใหญ่บอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่ยังไงล่ะ? ต่อให้ใหญ่ต่อยชนะ แต่ถ้าพวกเราทุกคนจะต้องเสียใจเพราะสุดท้ายใหญ่ต้องแอดมิทหรือเป็นอะไรไป ใหญ่ว่ามันคุ้มกันไหมล่ะ?”

“...” ปภพถึงกับพูดอะไรไม่ออก... จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า ทั้ง ๆ ที่ก็เคยให้สัญญากับพลุไว้แล้วแท้ ๆ แต่พอเอาเข้าจริง เขากลับปล่อยให้ศักดิ์ศรีบ้าบอบังตาจนลืมคิดถึงความรู้สึกของคนรักไปถนัดใจ

“ถ้าใหญ่รักกลางจริง ใหญ่ก็ต้องอดทนให้ได้สิ หรือใหญ่อยากเห็นกลางร้องไห้เสียใจบ่อย ๆ ?”

“ไม่ครับ! ไม่เอา กลางต้องไม่ร้องไห้นะ!” พลายเอ่ยอย่างลนลางพลางกอดคนหน้าเหมือนกับตนเอาไว้แน่น... แค่นึกถึงหน้าอีกฝ่ายตอนร้องไห้ฟูมฟายครั้งล่าสุดเมื่อหลายปีก่อน ใจเขาก็แทบจะขาดรอน ๆ เสียให้ได้

“ถ้าใหญ่ไม่อยากให้กลางร้องไห้ ก็อย่าเที่ยวเอาตัวไปเสี่ยงอีกรู้ไหม?”

“ครับ ไม่เสี่ยงแล้วครับ”

“สัญญา?” ปพนไม่ลืมตอกย้ำให้แน่ชัดพร้อม ๆ กับดักทางอีกฝ่ายแต่เนิ่น ๆ “ห้ามรับปากกลางส่ง ๆ เหมือนที่ทำกับอาฌานนะ!

“ครับ สัญญาครับ!” แม้ ณ ห้วงขณะนั้น พลายจะยังไม่รู้ว่าคำสัญญาดังกล่าวจะเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของเขาไปโดยสิ้นเชิง แต่เพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างปพนไปตราบนานเท่านาน ปภพก็พร้อมจะรักษาคำมั่นที่ให้กับอีกฝ่ายอย่างจริงจังเป็นที่สุด


 «»------------------------------------------------------------------------------------«»


“ทำไมไฟยังเปิดอยู่?” พลายตั้งข้อสังเกตทันทีที่พวกเขาทั้งสองเดินทะลุผ่านสวนมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวบ้าน

แสงไฟที่เห็นอยู่กับตาในเวลาวิกาลเช่นนี้ทำเอาพลุหน้าถอดสี “หรือว่าพวกป๋าจะยังไม่นอน?”

“ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวใหญ่คุยกับพวกป๋าเอง” ปภพกุมมือน้องชายเอาไว้แน่นขณะเดินนำอีกฝ่ายก้าวเข้าด้านในบ้าน

สุดปลายสายตาของเด็กหนุ่มทั้งสองคือบรรดาคุณพ่อทั้งสามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนดูหนังอยู่ด้วยกันตรงโซฟาข้างล่าง ยังไม่ทันที่คู่พี่น้องฝาแฝดจะได้กล่าวทักทายหรือทำความเคารพบิดา แดดดี๊ผู้รักษากฏต่าง ๆ ของบ้านอย่างเคร่งครัดก็ชิงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดุ ๆ “ไปไหนกันมา? ทำไมเพิ่งกลับเอาป่านนี้?”

“ใหญ่กับกลางแวะไปกินข้าวบ้านเนสมาครับ” ด้วยรู้ดีว่าคนรักเกลียดการพูดโกหก ทายาทคนโตจึงรับหน้าที่อธิบายตามข้อมูลที่น้องชายคนสุดท้องไลน์มาย้ำล่วงหน้าอยู่หลายครั้ง

แม้จะจับจ้องใบหน้าลูกชายทั้งสองไม่วาง ทว่าหางตาของอดีตคิวท์บอยกลับมองเห็นคุณป๊ะป๋าหน้าคมนั่งหาวหวอด ๆ วิญญูจึงรีบรวบรัดโดยเห็นแก่คู่ชีวิตทั้งสองเป็นหลัก “ป๋ากับฟูขึ้นไปรอที่ห้องก่อนเถอะ เดี๋ยวพอคุยกับลูกเสร็จแล้วเราจะรีบตามขึ้นไป”

หัวคิ้วของตรินขมวดเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าบุตรชายคนโต ประมุขของบ้านหันไปสบตากับคนรักหน้าหยกคล้ายฝากฝังเรื่องกังวลใจ ก่อนจะเอ่ยวาจาทิ้งท้ายกับบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองอย่างทีเล่นทีจริงด้วยภาษาต่างประเทศตามความเคยชิน “ทีหลังอย่ากลับดึกแบบนี้อีกนะไอ้เสือ รู้ไหมว่าพ่อ ๆ เขาเป็นห่วงจนไม่ยอมหลับยอมนอนกันสักคน”

Sorry, Pappy. We didn’t mean to keep you guys waiting.” ทั้งสองยกมือไหว้ขอโทษบิดาทั้งสามอย่างนอบน้อม

“ถ้าคราวหน้าอยากจะเล่นเกมกันจนดึก ๆ ดื่น ๆ พี่พลายก็ชวนเพื่อนมาค้างด้วยกันที่นี่สิ ห้องนอนบ้านเรามีเยอะแยะไป” กรกฏมองหน้าลูกชายคนโตอย่างพินิจพิเคราะห์หากแต่สงวนท่าที เพราะรู้ว่าเรื่องแบบนี้ต้องปล่อยให้ด้วงเป็นคนจัดการตามหน้าที่ซึ่งเหล่าพ่อ ๆ ได้แบ่งกันไว้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของการลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวร่วมกัน

“ครับพ่อฟู พี่พลายขอโทษที่ทำให้พ่อ ป๋า กับแด๊ดเป็นห่วง แล้วก็ขอโทษแทนพลุด้วยครับ”

“ไม่ต้องขอโทษพ่อหรอกลูก แค่ลูกรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ พ่อก็พอใจแล้วล่ะ แต่พี่พลายกับพลุสัญญากับพ่อได้ไหมว่าจะไม่เถลไถลแบบนี้อีก?” อริยะตรัยคนโตลูบหัวเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสองอย่างรักใคร่และเป็นห่วงเป็นใยเหลือคณานับ

“ครับพ่อฟู”

“ฟู ไปเถอะ” วิญญูย้ำอีกครั้งเพราะไม่อยากให้เวลาคล้อยดึกยิ่งไปกว่านี้

“อย่านานนะแด๊ด ฟูรอแด๊ดอยู่นะ” กังฟูคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้ลูก ๆ พลางกำชับกับด้วงอีกครั้งก่อนจะก็เดินควงแขนเต๋อขึ้นชั้นบนของบ้านไป

“พี่พลาย หางคิ้วไปโดนอะไรมาครับ?” วิญญูตั้งโต๊ะสอบสวนลูกชายคนโตทันทีที่ทั้งหมดหย่อนตัวลงนั่ง

“คือ พี่พล...” อารามกลัวว่าพลายจะตอบอะไรไม่เข้าหูบิดา ปพนจึงผันตัวเป็นทนายหน้าหอให้คนรักโดยไม่ลังเล ทว่าการปกป้องกันและกันในยามนี้ของสองพี่น้อง ไม่ใช่สิ่งที่หนึ่งในประมุขของบ้านอยากเห็น

“พลุให้พี่พลายตอบสิลูก” แค่น้ำเสียงนิ่ง ๆ ของแดดดี๊ก็ทำให้ใบหน้าของทายาทหมายเลขสองหดลงได้ในบัดดล “ว่ายังไงครับพี่พลาย? แด๊ดรอฟังคำอธิบายอยู่นะ”

“เมื่อกลางวัน พี่พลายมีเรื่องกับรุ่นพี่ที่โรงเรียนครับแด๊ด พอตอนเย็นเนสมันชวนไปเล่นเกมต่อที่บ้าน พี่พลายเลยลากพลุไปด้วยกัน”

ความที่รู้จักรู้ใจ อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงความคาดหวังของบิดาทั้งสามอย่างทะลุปรุโปร่ง เด็กหนุ่มผู้แบกรับตำแหน่งทายาทคนโตจึงอาศัยข้อมูลดังกล่าวเอาตัวรอดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน สำหรับเหตุการณ์คราวนี้ก็เช่นกัน ปภพตัดสินใจดัดแปลงเนื้อเรื่องจากความเป็นจริงไปบ้างด้วยหวังให้แดดดี๊ยอมปล่อยเขากับน้องชายขึ้นห้องนอนโดยเร็ว

“นี่ไม่ได้กินเหล้ามาใช่ไหม?” วิญญูซักไซ้เพื่อความแน่ใจแม้จะไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยออกมาจากตัวลูกก็ตาม

“เปล่าครับแด๊ด แค่ไปนั่งเล่นเกมแก้เซ็งเฉย ๆ ”

นับเป็นอีกครั้งที่วิญญูนึกถึงคำโบราณที่ว่า คนอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้อะไรมากกว่าผู้อ่อนอาวุโสเสมอ ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายคือบุตรชายที่เขาเฝ้าเลี้ยงดูมากับมือด้วยแล้ว มีหรือที่ด้วงจะมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังจงใจปกปิดบางอย่างจากเขา กระนั้น ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะค่อย ๆ ตะล่อมถามเลือดในอกอย่างใจเย็นเพื่อล้วงลึกถึงต้นตอแทนการผลีผลามหักด้ามพร้าด้วยเข่าจนอาจทำให้พวกเขากับลูก ๆ เข้าหน้ากันไม่ติดในภายหลัง

“แล้วกับรุ่นพี่คนนั้น พี่พลายไปมีปัญหาอะไรกับเขา? ทำไมถึงต้องใช้กำลังด้วยครับ?”

เด็กหนุ่มลอบกลืนน้ำลายขณะใคร่ครวญหาเหตุผลที่ควรใช้อธิบายให้บิดาเข้าใจแบบเบ็ดเสร็จครอบคลุม แต่สายตานิ่ง ๆ ราวกับรู้ทันไปเสียทุกอย่างของวิญญูก็ทำให้ปภพไม่อาจไตร่ตรองได้รอบคอบนัก “พี่พลายใจร้อนแล้วก็อดทนไม่พอเองครับแด๊ด พี่พลายเลยทนแรงยั่วยุของทางโน้นไม่ไหว”

เป็นเพราะตระหนักดีว่าบุพการีต่อต้านการใช้กำลังเพื่อแก้ปัญหา เด็กหนุ่มจึงเลือกตอบคำถามโดยเอาใจผู้ฟังเป็นหลักด้วยหวังให้อีกฝ่ายเข้าใจและยอมปล่อยพวกเขาไปนอนง่าย ๆ แต่กว่าที่ปภพจะรู้ตัวว่าวางหมากพลาด ก็เมื่อเจ้าตัวได้ยินคำถามถัดมาของบิดาหน้าหยกอย่างครบถ้วนแล้วนั่นแหละ

“แด๊ดเดาว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก? ” วิญญูเลิกคิ้วมองหน้าบุตรชายคนโตไม่วางขณะรอฟังคำตอบ

ใช่ว่าที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสามจะไม่ระแคะระคายเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ไหนจะรอยช้ำตามใบหน้าของบุตรชายคนโตที่มีมาให้เห็นประปรายนั่นอีกล่ะ แต่เหตุผลเดียวที่ทำให้วิญญูกับคนรักทั้งสองยังนิ่งเฉยอยู่ได้ ก็เพราะพวกเขาไม่เคยได้รับแจ้งจากทางโรงเรียนเกี่ยวกับการฝ่าฝืนระเบียบวินัยของลูกชายเลยสักครั้ง บรรดาพ่อ ๆ จึงได้แต่ปลอบกันไปมาว่า บาดแผลเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เกิดจากการกีฬามากกว่าการทำตัวเป็นอันธพาล คอยเกะกะระราน ใช้กำลังหาเรื่องคนอื่น

“ครับ” สายตาคาดคั้นของบิดาทำเอาปภพยอมสารภาพความผิดตามตรง

“แล้วเพราะอะไรเด็กคนนั้นถึงทำแบบนั้นกับพี่พลายครับ?” ยิ่งได้เห็นสีหน้าวิตกกังวลกับสายตาหลุกหลิกจนดูมีพิรุธของบุตรชายคนรอง วิญญูก็ยิ่งไม่อาจหักห้ามความสงสัยเอาไว้ได้... ชะรอยว่าทายาทหมายเลขหนึ่งน่าจะแอบไปทำความผิดใหญ่หลวงอะไรเอาไว้แน่ ๆ

“ไม่รู้ครับ” ฝ่ายพลายที่รู้สึกใจไม่ดีหลังรับรู้ได้ว่าคนนั่งข้าง ๆ เริ่มหลุดมาดอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มจึงเผลอพูดโกหกเพื่อเอาตัวรอดออกไปโดยไม่ทันระวัง รู้ตัวอีกที เด็กหนุ่มก็โดนคำถามของแดดดี๊จู่โจมเข้าอีกระลอกเสียแล้ว

“พี่พลาย พวกเราตกลงกันแล้วใช่ไหมครับว่าจะไม่โกหก? หรือพี่พลายอยากให้แด๊ดฟังความจากคนอื่นมากกว่าคำพูดของพี่พลายกันครับ?” วิญญูว่าพลางมองหน้าลูกชายทั้งสองสลับกันคล้ายวัดใจ แน่นอนว่าเมื่อตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับคนรักและความสัมพันธ์ของพวกเขา ปภพก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่องจริงให้บิดาฟังโดยไม่ลีลา

“พี่พลายไปหาเรื่องเขาก่อนครับ ทางนั้นเลยเล่นไม่เลิก”

“แด๊ดอยากรู้เหตุผลว่าทำไมพี่พลายถึงทำแบบนี้ครับ? เท่าที่จำได้ แด๊ด พ่อฟู หรือป๋าไม่เคยสอนให้ลูกเกเรใส่คนอื่นนะครับ”

“พี่พลายขอโทษครับแด๊ด พี่พลายผิดไปแล้ว”

“เรื่องสำนึกผิดค่อยว่ากันทีหลัง พี่พลายตอบแด๊ดก่อนครับว่าทำไมถึงทำแบบนั้น?” วิญญูกอดอกพลางจับจ้องใบหน้าทายาทคนโตอย่างเอาผิด

“เพราะเขามายุ่งกับแฟนของพี่พลายครับ” ปภพประเมินสถานการณ์พลางชั่งน้ำหนักในใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางเดิมพันก้อนใหญ่  สุดท้าย ความเชื่อที่ว่าแดดดี๊จะเคารพการตัดสินใจของเขาในทุก ๆ เรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งการคบหาดูใจกับใครสักคนก็ทำให้เขาเลือกตอบคำถามพ่อด้วยเหตุผลสุ่มเสี่ยงข้อนี้

ฝ่ายปพนที่รับบทผู้ฟังมาตั้งแต่ต้นก็อดตระหนกไม่ได้ จริงอยู่ที่เขารู้สึกปลื้มปีติระคนแปลกใจเมื่อได้ยินคำสารภาพของคนรัก ทว่าผู้เป็นพ่อจะไม่ซักไซ้พี่พลายหนักข้อไปกว่านี้หรอกหรือ?!
.
.
.
.
.
.
.
“เฮ่อ!” ด้วงถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าพลางจับจ้องสองทายาทด้วยสายตาอ่านยาก ทีท่าคิดหนักของคนเป็นพ่อทำเอาฝาแฝดพี่น้องหายใจไม่ทั่วท้อง อะไรบางอย่างกำลังบอกใบ้ว่า ผู้ให้กำเนิดน่าจะล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ต้องห้ามที่พวกเขาเฝ้าเก็บงำเอาไว้ให้พ้นจากสายตาของบิดาทั้งสาม

กระนั้น สุดท้ายแล้ววิญญูกลับเลือกที่จะไม่พูดอะไรแถมยังไพล่ไปถามเรื่องอื่นแทนเสียอย่างนั้น “แล้วทางโน้นเป็นยังไงบ้าง? เด็กคนนั้นเจ็บจนพ่อแม่เขาจะมาเอาเรื่องบ้านเราไหม? แด๊ดต้องติดต่อทางนั้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบหรือเปล่า?”

“ไม่มั้งครับ เพราะวันนี้แยกกันก่อนจะต่อยเสร็จ”

“เฮ่อ!” นับเป็นอีกค่ำคืนที่หนึ่งในประมุขของบ้านถอนหายใจแบบไม่กลัวสิ้นเปลือง... ให้มันได้อย่างนี้สิ! อะไรจะสมกับเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเวอร์ชันก่อนสิ้นลายแบบนี้นะ?! วิญญูปัดความคิดฟุ้งซ่านให้ตกไปเพื่อจะหาบทสรุปกับเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสองอย่างเป็นกิจลักษณะ “พี่พลายรู้ตัวใช่ไหมครับว่าทำผิด?”

ความรู้สึกปลอดโปร่งเมื่อรู้ว่าแดดดี๊ไม่ก้าวก่ายเรื่องคนรักทำให้พลายยอมวางอัตตาลง ก่อนจะใคร่ครวญถึงวีรกรรมของตัวเองเป็นครั้งแรก และนั่นคือเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมเด็กหนุ่มจึงก้มหน้ายอมรับผลของการกระทำของตัวเองด้วยความสำนึกอย่างแท้จริง “ครับ”

“แล้วพี่พลายรู้ไหมครับว่าพี่พลายผิดตรงไหน?”

“พี่พลายใช้กำลังแก้ปัญหาครับ”

“ไม่ใช่แค่ใช้กำลังแก้ปัญหาอย่างเดียวนะครับ แต่พี่พลายจงใจปกปิดความผิด แถมยังลากน้องติดสอยห้อยตามไปไหนต่อไหนจนทุกคนในบ้านเป็นห่วงกันไปหมด ที่สำคัญ พอแด๊ดถาม พี่พลายก็เลือกที่จะไม่เล่าความจริงให้แด๊ดฟังอีก” ด้วงจาระไนความผิดทุก ๆ กระทงของลูกชายอย่างถี่ถ้วนจนฝาแฝดพี่น้องหน้าหดเหลือสองนิ้ว

“พี่พลายขอโทษครับแด๊ด พี่พลายเสียใจจริง ๆ ครับที่ทำแบบนั้น” ในความคิดของปภพ การทำให้บุพพการีต้องผิดหวังในตัวเขาถือเป็นเรื่องไม่สมควร เนื่องจากตั้งแต่เล็กจนโต เขาคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุดของทุก ๆ คนในตระกูล จึงไม่แปลกหากพลายจะเสียใจและรู้สึกละอายกับคดีที่ตนก่อไว้ ส่วนปพนก็ตำหนิตัวเองที่ตัดสินใจพาคนรักหนีความผิดไปคอนโดแทนที่จะกลับมาเผชิญความจริงที่บ้าน

“เอาล่ะ พี่พลายบอกแด๊ดได้ไหมครับว่าแด๊ดควรทำยังไงกับพี่พลายดี?” ต่อให้วิญญูจะเป็นคุณพ่อที่ดุที่สุดเมื่อเทียบกับป๊ะป๋าหรือพ่อฟูของเด็ก ๆ ทว่าสีหน้าลุแก่โทษของบุตรทั้งสองก็ทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนได้ไม่ยาก ด้วงจึงไม่ตอกย้ำความผิดพลาดในอดีตให้พลายต้องรู้สึกอับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“หักค่าขนม แล้วก็ห้ามพี่พลายกลับบ้านเย็นเป็นเวลาหนึ่งเดือนครับ”

“แล้วหลังจากนี้พี่พลายจะทำตัวยังไงเวลาอยู่โรงเรียนครับ?”

“พี่พลายจะตั้งใจเรียน จะพูดความจริงกับทุก ๆ คน และจะไม่มีเรื่องกับใครอีกครับ”

“แล้วถ้าสมมติว่าพี่พลายทำไม่ได้ตามที่บอกกับแด๊ดล่ะครับ แด๊ดควรแก้ปัญหานี้ยังไง?” ผู้เป็นพ่อหยั่งเชิงลูกชายโดยแอบภาวนาในใจขอให้เลือดเนื้อเชื้อไขสำนึกผิดและคิดปรับปรุงตัวได้เองในเร็ววัน

“แด๊ดจะลงโทษพี่พลายยังไงก็ได้ครับ พี่พลายจะยอมรับผิดทุกอย่าง”
.
.
.
.
.
.
“แด๊ดจะถือว่าพี่พลายรับปากแด๊ดแล้วนะว่าพี่พลายจะไม่ใช่กำลังข่มเหงคนอื่น และจะไม่โกหกหรือหนีความผิดอีก”

“ครับ” สีหน้าและแววตาจริงจังจริงใจของปภพทำให้วิญญูเบาใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ยังเหลือบุตรชายอีกคนที่เขาต้องไม่ลืมทำความเข้าใจด้วย

“พลุ ทำไมถึงไม่บอกแด๊ดครับว่าพี่พลายทำตัวเกเรตอนอยู่โรงเรียน?”

“เอ่อ” ปพนลอบมองฝาแฝดผู้พี่สลับกับบิดาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนจะเอ่ยขอโทษคุณพ่อหน้าหยกโดยไม่ลวดลายด้วยเพราะเจ้าตัวไม่ชอบการโกหกหรือแก้ตัวไปวัน ๆ “พลุขอโทษครับแด๊ด”

“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าแด๊ดลงโทษพี่พลายที่ทำความผิด แด๊ดก็ต้องลงโทษพลุกับพลับ รวมถึงตัวเองด้วยที่ปล่อยปละละเลยไม่เข้มงวด ตกลงไหมครับ?” วิญญูสรุปง่าย ๆ หลังจากรับรู้ได้ว่าลูกชายคนรองลุแก่โทษแล้วจริง ๆ แต่เพื่อให้แน่ใจว่าบุตรทั้งสองรวมถึงตัวเองจะไม่ละเลยเหตุการณ์วันนี้ ฝ่ายบิดาจึงใช้การลงโทษผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแทนเครื่องเตือนใจให้พวกเขาระลึกถึงบทเรียนดังกล่าวไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

“แด๊ดอย่าทำแบบนั้นเลยนะครับ เพราะพี่พลายดื้อเอง ขนาดพลุหรือพลับคอยเตือนคอยห้าม พี่พลายก็ไม่ยอมฟัง แถมยังขอให้พวกน้อง ๆ ช่วยกันปิดบังความผิดอีก แด๊ดลงโทษพี่พลายคนเดียวเถอะนะครับ” ปภพเป็นเดือดเป็นร้อนเมื่อรู้ว่าตนเองสร้างปัญหาให้กับสมาชิกกว่าครึ่งของบ้าน โดยเฉพาะบิดาที่ต้องพลอยลำบากเพราะเขาไปด้วย

“ไม่ได้ครับ เรื่องนี้ทุกคนผิดหมด เพราะฉะนั้น แด๊ดต้องลงโทษทุก ๆ คนเพื่อที่พวกเราจะได้ไม่ลืมว่า เราไม่ควรหละหลวมกับเรื่องที่สำคัญแบบนี้อีก”

“แต่แด๊ดครั...!
“ไว้พรุ่งนี้แด๊ดจะบอกอีกทีว่าแด๊ดจะลงโทษพวกเรายังไง คืนนี้ลูก ๆ ไปนอนก่อนเถอะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไปเรียนกันไม่ไหว” แม้พลายจะพยายามให้เหตุผล แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็นบิดาที่ขึ้นชื่อว่าดุที่สุดในบ้าน คำโต้แย้งของบุตรชายจึงไม่อาจงัดข้อกับวาจาสิทธิ์ของวิญญูได้สักกระผีกริ้น

“ครับแด๊ด”




“ใหญ่ว่าแด๊ดรู้เรื่องของเราแล้วหรือยัง? กลางกลัวใหญ่ กลางกลัวพวกป๋าจะสั่งให้เราเลิกกัน” พลุโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือทันทีที่ทั้งสองอยู่ในห้องนอนของตัวเอง

“ไม่ต้องกลัวนะกลาง... เชื่อใหญ่สิว่าเราต้องไม่เป็นอะไร” แม้จะไม่แน่ใจ ทว่าปภพกลับตระกองกอดน้องชายเอาไว้พลางปลอบประโลมอย่างหนักแน่น 

“จริง ๆ นะ?”

“จริงสิ ใหญ่จะปกป้องกลาง และปกป้องความรักของเราเอง” หลังจากตั้งสติได้เพราะคำพูดของปพนที่ได้ฟังไปเมื่อตอนหัวค่ำ ทุก ๆ คำสัญญาที่ออกจากปากพลาย ล้วนแล้วแต่เป็นการปฏิญาณด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าแทบทั้งสิ้น หลังจากนี้ เขาจะไม่เอาความสัมพันธ์ไปเสี่ยงจนเพลี่ยงพล้ำต่อการสูญเสียเป็นอันขาด พลุจะต้องเป็นของเขา... เป็นของเขาคนเดียวไปตลอดกาล  


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“ไงไอ้เสือ ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้วเหรอ?” ตรินแซวบุตรชายคนโตระหว่างนั่งรอสมาชิกที่เหลือของบ้านลงมาร่วมโต๊ะอาหารเช้าแบบพร้อมหน้า

“ครับป๋า”

“ไปรู้จักกันได้ยังไง? ไหนเล่าให้ป๋าฟังซิ” คำถามของเต๋อทำเอาฝาแฝดอีกสองคนรวมทั้งฌานนั่งตัวแข็งทื่อแทบไม่หายใจ

“เขาเป็นน้องที่เห็นกันมานานแล้วครับ” พลายเอ่ยเสียงดังฟังชัดด้วยคำตอบที่เจ้าตัวเตรียมเอาไว้ตั้งแต่ก่อนนอนเมื่อคืน

“อยู่โรงเรียนเดียวกันด้วยเหรอ?” ถึงตรินจะรับได้หากลูกชายจะเป็นเกย์ ทว่าคุณป๊ะป๋าก็ยังอยากฟังคำยืนยันด้วยตัวเองอยู่ดี เต๋อเลิกคิ้วพลางพินิจใบหน้าบุตรชายอย่างละเอียดถี่ถ้วน แววตาขุ่นมัวกับหัวคิ้วที่ขมวดจนแทบจะชนกันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ทายาทหมายเลขหนึ่งของพวกเขาน่าจะกำลังวิตกกังวลพอตัว

“ครับ”

“เอา ๆ จะมีแฟนก็มีไปเถอะ ป๋าไม่ห้ามหรอก” ด้วยความที่ไม่อยากทำให้เลือดเนื้อเชื้อไขกลุ้มอกกลุ้มใจด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ตรินจึงไม่คิดจะซักไซ้ลงรายละเอียด กอปรกับนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่เจ้าตัวอยากจะเน้นย้ำกับพลายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“ขอบคุณครับป๋าที่เข้าใจ”

“ถึงพวกป๋าจะไม่ห้ามถ้าลูก ๆ จะรักใคร แต่พี่พลายรู้ใช่ไหมว่า ยิ่งมีแฟน พี่พลายก็ยิ่งต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า การมีความรักไม่ใช่ข้ออ้างให้พี่พลายทำตัวเหลวไหล?” นี่ต่างหากคือสิ่งที่ประมุขร่างหมีต้องการเน้นย้ำกับทายาททุก ๆ คน โดยเฉพาะปภพที่เพิ่งไปก่อเรื่องมาสด ๆ ร้อน ๆ

“ครับป๋า”

“พี่พลายไม่มีสิทธิใช้กำลัง หรือเอาเปรียบใครก็ตาม ไม่ว่าเขาจะคิดดีหรือทำดีกับเราหรือไม่” ตรินอบรมลูกชายคนโตด้วยน้ำเสียงเมตตาทว่าทรงอำนาจอยู่ในที “อย่าทำให้แฟนและพวกป๋ากับน้อง ๆ ต้องเป็นห่วงพี่พลายอีกนะลูก”

“ครับ พี่พลายสัญญาครับ”

“แล้วก็... ลูกผู้ชายน่ะ กล้าทำก็ต้องกล้ารับผิดนะครับ”

“ครับป๋า พี่พลายจะไม่ทำให้พวกป๋าผิดหวังอีกแล้วครับ” เด็กหนุ่มยกกระพุ่มมือไหว้บิดาทั้งสองอย่างรู้สึกผิด

“ป๋า พ่อฟู แล้วก็แด๊ดรักลูก ๆ นะ”

“พี่พลายก็รักป๋า รักพ่อฟู และก็รักแด๊ดครับ”

ประมุขใหญ่ของบ้านคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงและสายตาของบุตรชายคนโต เมื่อหมดหัวข้อที่ต้องสะสางกับปภพแล้ว ก็ถึงคราวที่ตรินจะเตือนสติฝาแฝดที่เหลือบ้าง “พลุ พลับ ถึงพวกลูก ๆ จะเป็นน้อง แต่หากพวกเรารักกัน พลุกับพลับก็ต้องห้าม ต้องตักเตือนเวลาเห็นพี่พลายทำเรื่องไม่ดีด้วยนะลูก การปล่อยปละละเลยหรือวางเฉยกับสิ่งผิดน่ะทำลายคนที่เรารักมานักต่อนักแล้วนะครับ”

“พลุขอโทษครับป๋า ต่อไปพลุจะไม่ยอมให้พี่พลายทำตามใจอีกแล้วครับ”

“พลับก็เหมือนกันครับป๋า พลับจะเอาเรื่องพี่พลายให้ถึงที่สุดเลยครับ”

“ขอบคุณครับลูก พวกลูก ๆ ต้องดูแลกันให้ดี ๆ นะครับ แล้วก็อย่าลืมนะว่าป๋า แด๊ด แล้วก็พ่อฟูรักพวกลูก ๆ มากนะครับ” เต๋อจงใจเน้นย้ำความรู้สึกที่พวกเขามีต่อเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสามโดยไม่นึกเบื่อหน่าย เพราะเขาหวังให้ทั้งคำพูดและทุก ๆ การกระทำ คอยชี้นำให้ฝาแฝดไม่หลงทางหรือรู้สึกอ้างว้างในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้

แต่น้องเพลินรักทุกคนเลย!” น้ำเสียงสดใสของลูกสาวคนเล็กที่กังฟูจูงมือลงบันไดมาดังแทรกขึ้นกลางคัน ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งถลาเข้าไปกอดป๊ะป๋าร่างหมีอย่างออดอ้อน แล้วไล่หอมแก้มสมาชิกในบ้านทุกคนเสียเต็มรักเหมือนกับทุก ๆ วัน

“น้องเพลิน มานั่งที่ได้แล้วลูก” วิญญูตบเก้าอี้เด็กข้าง ๆ ตัวเพื่อส่งสัญญาณให้บุตรีรู้จักรักษาเวลารวมถึงหน้าที่ของตัวเอง แต่เจ้าตัวเล็กที่ช่างออกความเห็นกลับไม่ยอมลงให้บิดาหน้าหยกง่าย ๆ

“แด๊ดอย่าดุน้องเพลินสิคะ น้องเพลินแค่อยากคิส ๆ ทุก ๆ คนก่อนกินข้าวเอง” เด็กหญิงตัวอ้วนกลมที่เพิ่งถอนใบหน้าจากแก้มของพี่ชายคนรองอธิบายการกระทำของตัวเองอย่างฉอเลาะน่าเอ็นดู

“จิ๋วไปนั่งที่ไป เล็กหิวข้าวแล้ว”

“บู้!” ไปรยาแลบลิ้นให้ปวรก่อนจะวิ่งตื๋อไปนั่งลงข้าง ๆ คุณพ่อหน้าหวานกับวิญญูที่ยิ้มให้ลูกสาวอย่างรักใคร่ใหลหลงอย่างที่สุด  

“เอ่อแด๊ดครับ สรุปว่าพี่พลายต้องทำอะไรบ้างครับ?” ปภพถามขึ้นหลังจากมื้ออาหารเริ่มไปได้สักพัก ด้วงหันไปสบตากับคนรักทั้งสองก่อนจะอมยิ้มแล้วตอบความทายาทหมายเลขหนึ่งด้วยคำถาม

“เมื่อคืนพี่พลายบอกแด๊ดว่าพี่พลายจะขอรับโทษแค่หนึ่งเดือนใช่ไหมครับ?” 

“ครับ” รอยยิ้มมีเลศนัยของบิดาทำให้พลายเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี ซึ่งวิญญูเองก็ไม่ได้ปล่อยให้ลูกชายต้องคิดไปเองแต่อย่างใด

“แต่เพราะสิ่งที่พี่พลายทำ ผิดไปจากสิ่งที่พวกพ่อ ๆ เคยสอนเคยย้ำกับพวกลูก แด๊ดเลยว่าจะขยายเวลาจากหนึ่งเดือนเป็นนับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันสุดท้ายของเทอม โอเคไหมครับ?” ผู้เป็นพ่อประสานสายตากับฝาแฝดคนโตอย่างสื่อความหมาย เนื่องจากเขาอยากให้ลูกเข้าใจกุศโลบายที่ซ่อนเอาไว้เบื้องหลังการลงโทษอันยาวนานครั้งนี้ กล่าวคือ หากพลายเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่กับบ้านได้จนถึงปิดเทอม โอกาสที่เด็กหนุ่มจะทะเลาะวิวาทกับรุ่นพี่ก็จะลดลงเป็นเงาตามตัว ที่สำคัญ กรกฏก็จะได้ใช้เวลากับแฝดพี่มากขึ้นอีกด้วย

“ครับ”  

“นอกจากพี่พลายจะโดนหักค่าขนมกับต้องกลับบ้านทันทีที่เลิกเรียนแล้ว เดือนนี้ทั้งเดือน พี่พลายต้องช่วยแด๊ด พลุ กับพลับทำความสะอาดบ้าน พี่พลายเข้าใจใช่ไหมลูก?”

“ครับแด๊ด”

“โอย! ตั้งหนึ่งเดือนเชียวเหรอหนู?! ไหนเมื่อคืนหนูบอกป๋าว่าแค่อาทิตย์เดียวไงครับ?” แทนที่จะเป็นพลายที่โอดครวญเพราะบทลงโทษทั้งหมด กลับกลายเป็นป๊ะป๋าร่างหมีที่ร้องเสียงหลงขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“แล้วป๋าจะเดือดร้อนทำไม? ป๋าไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเสียหน่อย” วิญญูตวัดหางตามองค้อนท่านรองฯ ไปหนึ่งวงใหญ่ค่าที่เล่นไม่เป็นเวล่ำเวลา

“ป๋าจะไม่เกี่ยวได้ไง แฟนป๋าโดนลงโทษทั้งคน ป๋าก็ต้องช่วยแฟนป๋าสิครับ ใช่ไหมไอ้ฌาน?” ตรินไม่ได้พูดเอาดีเข้าตัวเพียงอย่างเดียว เพราะคุณพ่อหน้าคมได้ลากรุ่นน้องร่วมคณะให้ติดร่างแหมาด้วยกัน

“ครับ ๆ ”ตากล้องหนุ่มรับปากแข็งขันด้วยเพราะตั้งใจจะช่วยแบ่งเบาภาระของคนรักอยู่แล้ว

น้องเพลินช่วยด้วยค่า!” ท่อนแขนป้อม ๆ สั้น ๆ ของเด็กหญิงเพียงคนเดียวในที่นั้นแกว่งไกวไปมาในอากาศขณะที่เจ้าตัวขันอาสาด้วยเผลอเข้าใจไปว่าทุก ๆ คนกำลังจะทำเรื่องน่าสนุก เมื่อเห็นสมาชิกในบ้านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจนน่าปลาบปลื้มเช่นนั้น อริยะตรัยผู้พี่จึงอดกระเซ้าไม่ได้

“ดี! งั้นเดี๋ยวพ่อฟูจะให้พวกพี่ออยหยุดพักร้อนหนึ่งเดือน พ่อฟูอยากรู้เหมือนกันว่าพวกเราจะอยู่กันรอดไหม”

โห!! ไม่เอาครับพ่อฟู ไม่เอา!” กังฟูหัวเราะร่วนเมื่อการลองใจทุก ๆ คนให้ผลตอบรับดีเยี่ยม เพราะชายหนุ่มทั้งบ้านต่างพร้อมใจกันส่งเสียงโหวกเหวกขอความเห็นใจจากผู้มีอำนาจสูงสุดอย่างเขาเป็นเสียงเดียว... อย่างน้อย ๆ ก็พอนับได้ล่ะมั้งว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของความสมัครสมานสามัคคีกันของทุก ๆ คน... ใช่ไหมนะ?!




 «»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»




No comments:

Post a Comment