Wednesday, November 16, 2016

ถ้าต้อยได้ ชายจะเป็นอมตะ ||#01||16.11.2016




<|No.01|>
คุยเรื่องหน้าตาอย่าชวนพี่ คุยเรื่องมั่งมีเชื่อใจผม


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


“ตื่นเต้นจังเลยอ่ะพิชญ์” ด้วยเพราะรู้สึกตัวว่ามือเย็น หัวใจเต้นรัวเร็วผิดปกติตั้งแต่แรกเห็นน้องปีหนึ่งที่หมายตานั่งหน้าหล่ออยู่ไม่ไกล ชายชาตรีก็อดโอดขอความเห็นใจจากสหายรักที่ยืนหน้าเมื่อยอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้

พิชญ์ผู้ช่ำชองกับเหตุการณ์ประเดิมอ้อยเด็กหนุ่มรายใหม่ของเพื่อนใจป๋าหน้ารูปเข่าถอนหายใจหน่าย ๆ เป็นครั้งที่ล้านแปดของช่วงสายวันนี้ก่อนจะกระแนะกระแหนอีกฝ่ายจนไม่เหลือชิ้นดีตบท้ายด้วยการถอนหายใจสั่งลาแบบรัว ๆ “โหย มึงยังจะมีหน้าตื่นเต้นอีกเหรอวะชาย กูว่ามึงจีบผู้ชายบ่อยกว่าจำนวนครั้งที่กูตดรวมกันทั้งชีวิตเสียอีก”

“นี่ชายคิดถูกคิดผิดเนี่ยที่ชวนพิชญ์มาเป็นกองหนุน”

“เออดี! รู้สึกตัวเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ดี กูจะได้กลับคณะ”

“เมื่อกี๊ชายไม่ได้ว่าพิชญ์นะ พิชญ์อย่าใจน้อยสิ เดี๋ยวหัวก็ล้านเร็วหรอก” เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักตั้งท่าจะหมุนตัวแล้วสืบเท้ากลับไปยังทิศทางที่จากมา ชายชาตรีก็คว้าข้อมือเพื่อนเอาไว้พลางอธิบายตัวเองเสียยกใหญ่ ทว่าดูเหมือนความพยายามของชายหนุ่มจะไม่เป็นผล เพราะบุรุษผู้อ่อนไหวกับเรื่องตีนผมร่น หาได้มีแต่ตนเองไม่

“เชิญมึงล่อลวงผัวเด็กไปคนเดียวแล้วกันไอ้คิ้วต่ำ!” พิชญ์ตัดบทเสียงฉุนพลางหมุนตัวแล้วก้าวฉับ ๆ ออกไปอย่างเร่งร้อน แต่ก่อนจะเดินไปถึงไหน ๆ ชายหนุ่มก็โดนกีบเท้าหน้าของเพื่อนผู้ถึกบึกบึนราวน้อง ๆ ควายเหนี่ยวรั้งเอาไว้อีกคำรบ

“โธ่พิชญ์ ไหนพิชญ์บอกว่าพิชญ์จะช่วยชายจีบน้องเดียวไง?”

เจ้าของชื่อถอนหายใจยืดยาวพลางหลับตาพร้อมกับนับถอยหลังอย่างเชื่องช้าเพื่อสงบสติอารมณ์ กระนั้นแล้ว น้ำเสียงที่พิชญ์สวนกลับ ช่างฉุนเฉียวและเต็มไปด้วยพลังแห่งการแดกดันเสียนี่กระไร “งั้นมึงก็เข้าไปจีบ ๆ แม่งเสียทีดิวะ จะยืนบิดหาพระแสงปืนต้นอะไรอยู่?”

“ก็น้องเดียวหล่อนี่นา ชายเลยไม่กล้าเข้าไปทักน้องก่อน” ชายชาตรีอ้อมแอ้มด้วยความประหม่าพลางยืนควงเอวเอสทวนเข็มนาฬิกาอยู่สองรอบถ้วน

“ถ้าจะเอาแต่ยืนตาละห้อยจ้องน้องมันอย่างนี้ มึงก็ช่วยเลิกหวังว่าจะมีผัวเสียทีเหอะวะ”

“...” ขณะรับฟังวาจาตัดขวัญและกำลังใจของเพื่อนรัก สายตาขาเปย์ที่ลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของเด็กปีหนึ่งต่างคณะอย่างตั้งอกตั้งใจก็เริ่มฉายแววลังเล เมื่อเห็นดังนั้น พิชญ์ก็รีบรุกฆาตพร่าผลาญขวัญของชายชาตรีให้มลายไป

“นะ ถือว่าเห็นแก่น้องมันก็ได้” พิชญ์ตบบ่าสหายร่างหนาปุ ๆ พลางตะล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มึงเชื่อกูดิชาย... ใครก็ตามที่รอดพ้นจากเงื้อมมือของมึงไปได้ กูว่ามันต้องมีอนาคตที่สดใสรออยู่แน่ ๆ ” 

ราวกับโดนน้ำเย็นสาดเข้าที่เหง้าหน้า เพราะประโยคที่เพื่อนรักเพิ่งเอื้อนเอ่ยไปเมื่อสักครู่ทำให้ชายชาตรีเกิดแรงฮึดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ “ขอบใจมากนะพิชญ์ที่คอยเตือนสติชาย ชายพร้อมแล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ!

“...ห๊ะ?!...”

“ปะ! ไปจีบน้องเดียวกัน!”  ชายชาตรีไม่รอช้า เขาออกเดินนำหน้าเพื่อนรักที่ยังตะลึงไม่หาย ก้าวย่างเข้าไปตามหาหัวใจที่แอบฝากเอาไว้กับรุ่นน้องปีหนึ่งต่างคณะที่นั่งอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่เมตร... อดใจรอพี่ชายอีกแค่ไม่กี่อึดใจนะครับน้องเดียว เดี๋ยวพี่จะยัดเยียดความเป็นชายเหนือชายให้น้องเดียวได้สัมผัสเอง! 




“สวัสดีครับน้องเดียว”

ไม่ใช่แค่เจ้าของชื่อเท่านั้นที่นิ่งชะงักค้างท่ากลางอากาศ หากแต่เด็กหนุ่มทั้งกลุ่มต่างพากันยุติการพูดคุยเล่นหัวกันทันทีที่ได้ยินเสียงแหบห้าวของรุ่นพี่แปลกหน้าดังขึ้นใกล้ ๆ “เอ่อ หวัดดีครับพี่”

เมื่อได้สบสายตากับเป้าหมายรายล่าสุด หัวใจดวงน้อย ๆ ของชายชาตรีก็สะท้านวาบราวกับมีใครแกล้งเขย่าเล่น... น้องคนนี้เองสินะ ที่ชายเฝ้ารอมาตลอดชีวิต “พี่ชายชอบน้องเดียวครับ”

ห๊ะ?!” คนที่เผลออุทานด้วยความตกใจเสียงดังกว่าพิชญ์เมื่อกี๊ เห็นทีจะเป็นเดียว สุดหล่อแห่งวิศวะนี่แหละ ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนแปลกหน้ารวบรวมความกล้าเข้ามาสารภาพรัก แต่ส่วนมากแล้ว คนที่เข้าหาเดียวก่อน ล้วนแล้วแต่มักจะมีรูปลักษณ์และรูปร่างเข้าทีกว่าคนตรงหน้านี้อยู่มาก  

ฝ่ายหนุ่มบริหารปีสามผู้ติดตามของชายชาตรีก็แทบจะตบกะโหลกตัวเองแล้วแกล้งตายลงตรงนั้นทันทีที่ได้ยินวลีเด็ดสุดแสนมั่นหน้าของเกลอแก้ว กระนั้นชายชาตรีกลับจมจ่อมอยู่ในภวังค์แห่งรักหลังแรกพบสบตาจนไม่อาจจะถอนตัว “ถึงตอนนี้น้องจะยังไม่รู้จักพี่ชาย แต่ขอให้พี่ชายได้ดูแลน้องเดียวไปตลอดได้ไหมครับ?”

เฮ่ย?! เดี๋ยวพี่ ผมไม่ชอบผู้ชาย!” ถ้าว่ากันตามจริง ลึก ๆ แล้ว เดียวไม่นึกรังเกียจคนรักเพศเดียวกันอย่างปากว่า หากแต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายเลือก คนตรงหน้าย่อมไม่ใช่คนรักที่เขาจะคบหาด้วยแน่ ๆ

“ตอนนี้น้องเดียวอาจยังไม่ชอบ แต่พรุ่งนี้น้องเดียวอาจจะถูกใจพี่ชายขึ้นมาก็ได้ อย่าปิดกั้นโอกาสตัวเองสิครับน้องเดียว”

“ผมไม่ได้ปิดกั้นพี่ ผมแค่ไม่ชอบ” เดียวว่าพลางปรายตามองชายชาตรีตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัวซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบก่อนจะยืนยันจุดยืนที่ตั้งขึ้นเฉพาะกิจสำหรับรุ่นพี่ร่างยักษ์ตรงหน้าอย่างหนักแน่น “ผมไม่ชอบผู้ชายจริง ๆ ครับพี่”

“ก็พี่ชายบอกแล้วไงครับว่าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร พี่ชายรอน้องเดียวเปลี่ยนใจได้เสมอ” จุด ๆ นี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจหยุดยั้งชายชาตรีผู้คลั่งรักได้อีกแล้ว

เฮ่ย?!

“เอาเป็นว่าน้องเดียวช่วยรับนี่ไปก่อนนะครับ พี่ชายตั้งใจซื้อมาให้น้องเดียวโดยเฉพาะเลยนะ” ชายชาตรีเอ่ยขณะวางกล่องใส่ชีสทาร์ตเจ้าดังลงตรงหน้ารุ่นน้องที่ตนชอบพอพลางขยิบตาให้อย่างก๋ากั่นแก่นเซี้ยว

เดียวเริ่มไม่แน่ใจว่า ระหว่างใบหน้ากึ่งบึ้งกึ่งบิดเบี้ยวแบบโคลสอัพของอีกฝ่าย กับความมั่นใจคล้าย ๆ สะดิ้งที่ไม่เข้ากับร่างหนา ๆ ประหนึ่งยักษ์ปักหลั่น อะไรน่าขนหัวลุกกว่ากัน นั่นจึงทำให้เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งคล้ายคนเป็นใบ้ “เดี๋ยวครับพี่ ผม... เอ่อ... ผม”

“พี่ชายไปก่อนนะ เดี๋ยวเที่ยงนี้พี่ชายจะแวะมากินข้าวด้วย บ๊ายบาย!

เฮ่ย?!” รอบนี้ความหน้ามึนของสายเปย์ทำให้รุ่นน้องทั้งโต๊ะเหวอจนอ้าปากค้าง พวกเขาต่างชำเลืองมองหน้ากันไปมาอย่างอึ้ง ๆ หลังจากโดนชายชาตรีและผู้ติดตามโยนระเบิดใส่... จะมีใครขี้ตื๊อและเข้าข้างตัวเองได้เก่งกว่ารุ่นพี่ต่างคณะผู้นี้อีกไหมวะ?




“เฮ่ยพี่! พี่มาได้ไงอ่ะ?!” เดียวที่แอบย่องออกจากห้องเรียนก่อนเวลาเพราะตั้งใจจะหนีชายชาตรีหลุดปากอุทานเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองไม่อยากเจอหน้ากำลังยืนจังก้ายิ้มเผล่ให้

“พี่ชายมารอรับน้องเดียวไปกินข้าวครับ กลางวันนี้น้องเดียวอยากกินอะไรเอ่ย บอกพี่ชายมาได้เลยนะ เดี๋ยวพี่ชายพาไป”

“อย่าดีกว่าพี่ พอดีผมมีนัดกินข้าวกับเพื่อน ๆ ในเซค” เด็กปีหนึ่งอ้างโน้นอ้างนี่ไปเรื่อยเปื่อยด้วยไม่อยากไปกินข้าวกับอีกฝ่ายให้เสียสายตา เมื่อเห็นท่าทางแบ่งรับแบ่งสู้ของรุ่นน้องต่างคณะ ชายชาตรีก็มีลูกฮึดขึ้นอีกโข

“งั้นพี่ชายกับเพื่อนขอไปกินข้าวกับน้องเดียวได้ไหมครับ?” สายเปย์พยักเพยิดไปเบื้องหลังเพื่อให้เดียวได้เห็นหน้าเพื่อนรักที่ยืนหน้าง้ำอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

“...เอ่อ...”

เป็นเพราะเดียวมัวแต่นึกว่าจะโกหกอะไรต่อดี ชายชาตรีจึงมีโอกาสตื๊อต่ออีกคำรบ “นะครับ ให้พี่ชายกับเพื่อนไปกินข้าวด้วยนะ พี่ชายอยากมองหน้าน้องเดียวไปแล้วก็กินข้าวไปจังเลย”

ก่อนที่เดียวจะตกหลุมพรางของรุ่นพี่ร่างหนา เสียงของบุคคลที่สามก็ดังแทรกขึ้น “ไอ้เหี้ยเดียว มึงแอบออกมาก่อนทำไม เมื่อกี๊อาจารย์เช็กชื่อด้วยนะมึง!

เมื่อหันไปมองคนมาใหม่ ชายชาตรีก็เห็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สูสีกับตน หรืออาจจะตัวใหญ่กว่าเสียด้วยซ้ำ กว่าครึ่งของใบหน้ารุ่นน้องผู้นั้น ปกคลุมไปด้วยหนวดเครารกรุงรังราวกับมหาโจร นี่ถ้าไม่ติดว่าเด็กหนุ่มเดินมาโอบไหล่น้องเดียวของเขาเอาไว้ ชายชาตรีคงเผลอเข้าใจว่ารุ่นน้องคนนี้เป็นแอบซิ่วมาอย่างน้อยห้าปีแน่ ๆ

“ซวยแล้วสิกู! ไม่น่าเลย!” เดียวออกอาการเดือดร้อนทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าของสหายสนิท ยิ่งเมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นปีคนอื่น ๆ กรูกันออกจากห้องบรรยาย เขาก็ยิ่งหน้าเสีย

“กูล้อเล่น! เขาส่งใบเช็กชื่อวนมาเว่ย กูเซ็นให้มึงแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า” คนมาใหม่รีบอธิบายเพราะไม่อยากให้เพื่อนปริวิตก แต่แล้วเจ้าตัวก็สังเกตได้ว่าเดียวกำลังตกอยู่ในบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับรุ่นพี่แปลกหน้าที่เจอเมื่อเช้า เด็กหนุ่มหน้าหนวดจึงถามขึ้นไม่ได้ “แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่? ไม่ลงไปแดกข้าวเหรอ?”

พิชญ์ปรี่เข้ามากระทุ้งสีข้างเพื่อนรักพลางส่งสายตากดดันให้รีบรวบตึงสถานการณ์ตรงหน้าทันที ชายชาตรีจึงรับลูกโดยพลัน “ไปครับน้องเดียว พวกเราไปกินข้าวกลางวันกันเถอะ”

“อ้าว! ที่มึงออกมาเร็วเพราะนัดกับพี่เขาเอาไว้นี่เอง งั้นพวกกูไปนะ ไม่อยากเป็นกขค.ว่ะ” ทันทีที่เด็กหน้าหนวดพูดจบ รุ่นน้องที่เหลือทั้งกลุ่มก็หัวเราะเสียงดังพลางส่งสายตาล้อเลียนเดียวกันยกใหญ่ คนถูกล้อจึงอดโวยวายไม่ได้ ค่าที่ให้ตายอย่างไร เขาก็ไม่อยากไปกินข้าวกับรุ่นพี่ต่างคณะสองต่อสอง

“ไม่เอา! ขอกูไปด้วย!

“เอ้า! จะมาก็มาดิ้ ใครฉุดขามึงไว้ไง”

“ถ้างั้นขอพวกพี่ไปกินข้าวด้วยนะครับ” พิชญ์แทรกขึ้นกลางปล้องเพื่อช่วยเพื่อนปิดการขาย ฝ่ายเดียวก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรัก ทว่าเด็กหนุ่มหน้าเคราที่เอาแต่จ้องหน้ารุ่นพี่ทั้งสองสลับกันไปมากลับตอบรับคำขอของพิชญ์ง่าย ๆ

“ก็เอาดิพี่” สิ้นคำ รุ่นน้องหน้าแก่ก็เดินนำหน้าเพื่อน ๆ ลงบันไดไปทันที ทั้งหมดจึงค่อย ๆ ทยอยเดินตามหลังไปอย่างไม่มีทางเลือก




หลังจากโดนคำว่ามารยาทกดดันจนต่างฝ่ายต่างแนะนำตัวเองกันเป็นที่เรียบร้อย ชายชาตรีก็เปิดฉากเปย์ใส่เด็กหนุ่มต่างคณะอย่างก้าวร้าว “นี่ พวกเราเคยไปร้านเหล้าเปิดใหม่ตรงหน้ามอกันมาหรือยัง?”

“ร้านไหนอ่ะครับพี่พิชญ์?” กระทั่งพูดคุยโต้ตอบกับชายชาตรีตรง ๆ เด็กหนุ่มคนอื่น ๆ ในโต๊ะก็ยังไม่กล้า ดีว่าที่มีพิชญ์นั่งหัวโด่อยู่อีกคน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครต่อบทสนาทนากับขาเปย์หน้าเข่าเป็นแน่

“ก็ร้านที่แม่งเปิดตรงข้ามประตูใหญ่ของมหาลัยแบบจ่อ ๆ เลยไงล่ะ”

“อ๋อ!” คำตอบของพิชญ์ทำเอาเฟรชชี่เกือบทั้งโต๊ะประสานเสียงโดยพร้อมเพรียงคล้ายจะยืนยันอ้อม ๆ ว่ารู้จัก “ยังไม่เคยเลยครับพี่”

“งั้นคืนนี้ไปกินเหล้ากัน เดี๋ยวพี่ชายเลี้ยงเอง ถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับน้อง ๆ เข้าสู่รั้วมหาลัยหลังจากผ่านการสอบแอดมิชชั่นอันยากเย็นกันมาได้สำเร็จ” แน่นอนว่าเมื่อพิชญ์ชงให้ ชายชาตรีก็รีบตบลูกทำคะแนนอย่างแข็งขัน

“มึงว่าไงวะไอ้เดียว ไปป่ะ?” เด็กปีหนึ่งที่ยังพอเหลือสามัญสำนึกอยู่บ้างคนหนึ่งหันไปขอความเห็นของเดียว ชายหนุ่มผู้ที่ใคร ๆ ต่างรู้ว่า เขาคือสาเหตุหลักของอาการป๋าที่รุ่นพี่ต่างคณะกำลังเป็นอยู่

“กูไม่ไปดีกว่าว่ะ ไม่อยากแดกเหล้าทั้ง ๆ ที่เพื่อนต้องทำงานงก ๆ ” เดียวหยิบยกเอาวิบากกรรมที่น่าเวทนายิ่งกว่าวงเวียนชีวิตของเพื่อนหน้าหนวดขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธคำชวนของชายชาตรีแบบสุภาพและมีแก่นสาร นั่นจึงทำให้เด็กวิศวะที่เหลือพากันคล้อยตามอย่างห้ามตัวเองไม่ได้  

“เออว่ะ” เฟรชชี่ทั้งกลุ่มมองหน้ายิมด้วยสายตารู้สึกผิดที่แอบคิดเรื่องหาความสุขใส่ตัวในขณะที่เขาต้องทำงานหาเงินเลี้ยงชีพอย่างหัวไม่วางหางไม่เว้น

“ไว้วันไหนมึงลางานได้ พวกเราค่อยนัดกันอีกที” เดียวหันไปสรุปกับเพื่อนรักผู้สู้ชีวิต

สีหน้าเสียดายของเพื่อน ๆ ทำเอายิมคิดหนัก แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไร เด็กหนุ่มก็หันไปสบตากับว่าที่เจ้ามือพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลังเล “พี่จะเลี้ยงเหล้าพวกผมแน่ ๆ นะ?”

“ครับ กับน้องเดียวและเพื่อน ๆ พี่ชายพร้อมดูแลเต็มที่ ไม่มีปัญหา!” ชายชาตรียิ้มกว้างพลางผายมืออ้าโชว์สเต็ปป๋าเต็มพิกัด

“งั้นกูไป” ยิมหันไปตบบ่าเดียวเบา ๆ “ทีนี้มึงก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกูแล้วนะเหี้ยเดียว คืนนี้ไปแดกเหล้ากันให้เต็มคราบเลยพวกเรา!” สมาชิกเกือบทั้งโต๊ะกรีดร้องไชโยด้วยความยินดีราวกับถูกหวยใต้ดิน จะมีก็แค่เดียวกับพิชญ์เท่านั้นที่ต่างนั่งทอดอาลัยคล้ายซากมนุษย์อยู่ในมุมของตัวเอง... เฮ่อ! กว่าค่ำคืนนี้จะสิ้นสุด พวกเขาจะต้องถอนหายใจจนอายุสั้นลงอีกสักกี่ปีกันนะ?


$$$$$$$$


“ชาย”

“หือ อะไรเหรอพิชญ์?” ชายชาตรีรับคำเพื่อนอย่างไม่จริงจังนักค่าที่กำลังง่วนอยู่กับการซับมันตรงหน้าผากเพื่อลดดีกรีพระอาทิตย์เที่ยงคืนของตัวเอง

“กูว่า คืนนี้มึงรวบหัวรวบหางน้องกาตาร์เลยเหอะว่ะ”

“บ้าเหรอพิชญ์! ชายกับน้องเดียวเพิ่งเจอกันวันนี้วันแรกเองนะ ชายทำแบบนั้นไม่ได้หรอก มันดูไม่ดี!” ขาเปย์ละสายตาจากหัวเหม่งตัวเอง แล้วจึงจ้องหน้าเพื่อนเขม็งคล้ายติติง

“ชาย มึงช่วยหยุดโลกสวยแล้วตอบกูตรงที ๆ ดิ๊ว่าที่มึงพาน้องกาตาร์กับลูกสมุนมาแดกเหล้าถึงที่นี่เพราะอะไร?”

“ก็เพราะชายอยากทำให้น้องเดียวเห็นความดีของชายจนยอมเป็นแฟนด้วยไง” ชายชาตรีตอบอย่างเอียงอายพลางบิดไปบิดมาด้วยใบหน้าขึ้นสี ท่าทีเก้อเขินของเพื่อนรักทำให้พิชญ์อดคิดไม่ได้ว่า ดีเท่าไรแล้วที่ไฟห้องน้ำค่อนข้างสลัว ไม่อย่างนั้นผู้คนในห้องน้ำคงแตกตื่นกันไปหมด

“ก็นั่นไง ไหน ๆ คืนนี้มึงก็ต้องกระเป๋าตังค์แหกอยู่แล้ว ทำไมมึงไม่ถอนทุนให้คุ้มค่าไปเลยวะ?” พิชญ์โอบไหล่พลางกดหลังคอหนา ๆ ของเพื่อนลงเพื่อรับฟังแนวความคิดแบบไม่มีอะไรจะเสียใกล้ ๆ “สมมติว่าถ้ารอบนี้ไอ้น้องกาตาร์มันไม่รับรักมึงจริง ๆ อย่างน้อย ๆ มึงก็ได้สัมผัสประสบการณ์เสียตัวแลกค่าเหล้าแล้วนะเว่ย!

“จะดีเหรอพิชญ์ ใครรู้เข้าจะหาว่าชายไม่รักนวลสงวนตัวเอาได้นะ”

“ไหนมึงบอกอยากมีผัวจนทนไม่ไหวแล้วไง?”

“ก็ใช่”

“ก็นี่ไง ผัวหล่อ เด็กกว่า หน้าตารูปร่างตรงตามสเปคของมึงทุกอย่าง แล้วมึงจะรออะไรอยู่อีกวะ?” พิชญ์ชักเริ่มยั้ว

“แต่ชายอยากเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้ให้น้องเดียวเชยชมในคืนเข้าหอของเรานี่นา” ชายชาตรีบ่นกระปอดกระแปดเมื่อตระหนักชัดว่านโยบายของเพื่อนไม่ลงรอยกับความตั้งใจมั่นของตน

“เฮ่อ!” พิชญ์ถอนหายใจด้วยสีหน้าเหม็นเบื่ออย่างร้ายกาจก่อนจะควักมือถือออกมาแล้วเริ่มพิมพ์อะไรยุกยิกโดยไม่สนใจโลก

“พิชญ์ อย่าโกรธชายสิ ชายแค่ไม่อยากเอาตัวเข้าแลกเอง พิชญ์... ดีกันเถอะนะ” ทันทีที่เห็นว่าเพื่อนตัวเล็กกว่ายังไม่รามือจากโทรศัพท์ ชายชาตรีก็เริ่มร้อนรน “พิชญ์ พิชญ์คุยกับชายเถอะ ชายขอร้อง”

“...”

“พิชญ์ทำอะไรอ่ะ? พิชญ์คุยกับใคร? คน ๆ นั้นสำคัญกว่าเพื่อนสนิทอย่างชายเหรอ?”

พิชญ์กลอกตาพลางเหลือบมองหน้าเพื่อนตัวใหญ่กว่าอย่างอิดหนาระอาใจ “เมื่อกี๊กูแค่ส่งไลน์ไปบอกพี่ผึ้งว่า ต่อไปนี้กูจะใช้หมายเลขเรียกแทนผู้ชายที่ปฏิเสธเงินถุงเงินถังของคุณชายพ่อมึง เพราะถ้าคืนนี้มึงไม่ได้กับไอ้เด็กกาตาร์ จำนวนว่าที่ผัวของมึงจะต้องพุ่งทะยานทะลุฟ้าแน่ ๆ ”

“ก็ได้ ๆ นี่ชายเห็นแก่พิชญ์หรอกนะ ชายถึงจะยอมทำตามที่พิชญ์บอกทั้ง ๆ ที่ชายไม่เห็นด้วยเลย” พูดจบชายชาตรีก็พยายามกลั้นยิ้มจนริมฝีปากสั่น ซึ่งนั่นทำให้พิชญ์จับไต๋ได้ แต่ก็อย่างที่รู้ว่าพิชญ์ตามใจเพื่อนรักหน้าเข่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ชายหนุ่มจึงคลี่ยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหัวแล้วรุนหลังเพื่อนให้กลับไปรวมกลุ่มกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องด้านนอกทันที

“หึ! ไป ๆ ไปมอมเหล้าว่าที่ผัวเด็กหมายเลขหนึ่งของมึงกัน”    

“บ้า! น้องเดียวต้องเป็นเหนือชายคนแรกและคนเดียวของชายสิพิชญ์ ชายไม่เอาคนอื่น!” พิชญ์ถลึงตามองเพื่อนร่างยักษ์หลังโดนอีกฝ่ายออกท่าสะบัดสะบิ้งเกินกว่าเหตุด้วยการกระโดดเทคตัวเข้าใส่จนตัวเขาเซแซ่ด ๆ ไปอีกทาง




“เอ้าโชนนน!

“ดื่มเลยน้องเดียว ดื่มเยอะ ๆ เลยครับ คืนนี้พี่ชายจ่ายไม่อั้น!” ชายชาตรีออกหน้าพลางส่งสายตาหวานเชื่อมให้เดียวเป็นระยะ ๆ

“พวกพี่ก็ดื่มด้วยดิครับ พวกผมจะได้กินเหล้ากันแบบไม่รู้สึกผิดเท่าไร” หลังจากน้ำเมาถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้พักใหญ่ ๆ บรรดารุ่นพี่และรุ่นน้องต่างคณะก็เริ่มจะสมัครสมานรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตา หนึ่งในนั้นจึงกล้าปฏิสัมพันธ์กับชายชาตรีทั้ง ๆ ที่เคยรู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่ายในทีแรก

“น้องจะรู้สึกผิดทำไมล่ะครับ เพื่อความสุขของน้องเดียวและเพื่อน ๆ พี่ชายยินดีจ่ายเสมอ”

“ดีเลยครับ งั้นพวกเรามาดื่มให้กับพี่ชายกันเถอะ!” สิ้นเสียงเชิญชวน เหล่าเพื่อนผองน้องพี่ก็พากันกระดกเครื่องดื่มสีอำพันลงคอจนหมดแก้วอย่างโหยกระหายคล้ายกับคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้ร่วมสังสรรค์




“อ้าวเฮ่ยพี่?!” หนึ่งในกลุ่มเด็กปีหนึ่งหันรีหันขวางก่อนสะกิดเรียกเพื่อน ๆ ที่ยังประคองสติไว้ได้ให้ดูรุ่นพี่ที่นอนกองทับกันอยู่ตรงมุม “เฮ่ยไอ้เดียว พวกพี่ ๆ แม่งสลบไปแล้วว่ะ”

“อ่อนฉิบหาย!

“ไอ้สัดเดียว มันใช่เวลาด่าพวกพี่เขาไหมวะ?” ยิมท้วงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แล้วนี่ใครจะจ่ายค่าเหล้าคืนนี้วะ แดกกันอย่างกับตายอดตายอยากมาเป็นปี ๆ !

“แล้วมันใช่เวลาที่มึงจะมาห่วงเรื่องเงินหรือเปล่าล่ะวะไอ้เหี้ยยิม?” เดียวย้อนเสียงห้วน ส่วนยิมกลับเอาแต่ถอนหายใจพลางเกาหัวยิก ๆ เมื่อเห็นขวดเหล้ากับเหล่ามิกเซอร์ที่กองอยู่เต็มโต๊ะ

“พวกมึงอย่าเพิ่งกัดกันเลยวะ กูว่าพวกเรามาคิดกันก่อนเหอะว่าจะเอาไงกันดี ไอ้เต้กับไอ้เกมก็น็อกไปแล้วเหมือนกัน เหลือกู มึงสองคน แล้วก็ไอ้โหน่งอีกหนึ่ง”

“กูว่าเรียกเขามาเก็บเงินแล้วแยกย้ายบ้านใครบ้านมันเลยเหอะว่ะ กูอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว” เดียวตัดบทด้วยน้ำเสียงรำคาญ... ฮี่โธ่! ไหนบอกว่าจะเลี้ยงเหล้า สุดท้ายก็เมาไม่รู้เรื่อง เซ็งว่ะ!

“งั้นมึงออกส่วนของกูไปก่อนนะเดียว เดี๋ยวกูทำงานแล้วค่อยผ่อนใช้ให้” เด็กหนุ่มหน้าหนวดเอ่ยปลง ๆ

“เออ ๆ ”

“แล้วจะเอาไงกับพวกพี่สองคนนี่ดีอ่ะ?”

“ก็ปล่อยแม่งให้นอนนี่แหละ เดี๋ยวพอร้านปิด เขาก็มาปลุกพวกแม่งเองแหละ” เดียวตอบคำเพื่อนส่ง ๆ อย่างไม่ใส่ใจพลางส่งสัญญาณเช็กบิลให้เด็กเสิร์ฟ

“กูว่ามึงพาพวกพี่เขากลับไปนอนที่คอนโดด้วยดีกว่าว่ะ ไหน ๆ ก็รู้จักกันแล้ว อีกอย่างพวกพี่เขาก็ดูไม่มีพิษสงอะไรด้วย”

“เออ กูว่าอย่าปล่อยพวกพี่เขานอนนี่เลย สงสารว่ะ” เหตุผลของยิมมีน้ำหนักเสียจนเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่คิดขวาง

“เรื่องดิ?! พวกมึงก็รู้ว่าห้องกูเล็กนิดเดียว ขืนกูพากลับไป กูกับแม่งก็ต้องนอนห้องเดียวกันดิวะ” ทันทีที่เผลอนึกภาพตาม เดียวก็ทำท่าขนลุกขนชันพลางเอ่ยด้วยสีหน้าสยดสยอง “หืย ไม่เอาอ่ะ แค่คิดกูก็อี๋แล้ว!

“งั้นเอางี้ พวกเรามาจับไม้สั้นไม่ยาวกัน ใครได้ไม้สั้นสุดเอาพี่ชายกลับไป ไม้รองโหล่เอาพี่พิชญ์กลับ ส่วนคนที่เหลือก็เลือกเอาว่าใครจะเก็บศพไอ้เกมหรือไอ้เต้กลับไปนอนด้วย โอป่ะ?” ยิมเสนอแนะทางออกที่แม้จะพึ่งโชคชะตาไปเสียหน่อย แต่สมาชิกกว่าสามในสี่กลับพยักหน้าให้ เจ้าของเสียงคัดค้านอย่างเดียวจึงไม่อาจขัดคอเพื่อนในกลุ่มได้

“อ่ะพวกมึง จับกันให้ดี ๆ แล้วก็อย่าเสือกโง่แอบหักไม้ล่ะ ไม่งั้นพวกมึงต้องได้แบกพี่ชายกลับไปนอนด้วยแน่ ๆ ” ยิมเตือนเพื่อนทันทีที่ไม้จิ้มฟันทั้งสี่แท่งถูกจัดทำพร้อมสรรพ “เสร็จยัง? เอ๊ะ ไอ้สัดเดียว มึงจะลีลาไปไหนวะ?” เจ้าของชื่อจิ๊ปากขัดใจ ก่อนจะชักอดีตไม้จิ้มฟันติดมือกลับไปด้วยความหงุดหงิด

“เอ้า! ไหนเอามาดูดิ๊!” หลังจากยิมเรียกให้ทุก ๆ คนเปรียบเทียบผลงาน เสียงร้องระงมด้วยอารมณ์แตกต่างกันก็ดังขึ้นทันที

“เหยดดดด! กูรอดแล้ว”

“กูด้วย!!

ไอ้สัดเอ๊ย! ทำไมกูถึงไม่รอดวะ?!” เดียวร้องอย่างหัวเสียเมื่อรู้ว่าไม้ที่ตัวเองจับได้กุดสั้นเป็นอันดับรองสุดท้าย นั่นก็แปลว่าคืนนี้เขาจะต้องพารุ่นพี่หน้าเหวี่ยงกลับไปนอนที่คอนโดด้วยอย่างไม่มีทางเลือก

เอาจริงดิ?!” ฝ่ายยิมก็เผลอหลุดปากร้องออกมาเบา ๆ เมื่อสำเหนียกได้ว่า ภาระของตนในค่ำคืนนี้ จำแลงแปลงกายมาในรูปของควายป่าโดนยาสลบแล้วตบซ้ำจนหน้าดำด้านประมาณหัวเข่า... เฮ่อ! กรรมของเวรแท้ ๆ ไอ้ยิมเอ๋ย!  

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ :
ไม่เข้าใจเพื่อนที่ชอบบอกว่าชายเหมาะเป็นมิสเปรู ไม่ก็มิสไทเปเลยให้ตาย
เพื่อนก็รู้หนิว่าชายไม่แต่งหญิง... ชายว่ามันไม่ใช่ ชายว่ามันไม่เท่




$$$$<| TBC |>$$$$
เจอกันพุธหน้านะคะที่รักทุก ๆ ท่าน ^^











No comments:

Post a Comment