Wednesday, November 23, 2016

ถ้าต้อยได้ ชายจะเป็นอมตะ ||#02|| 23.11.2016

<|No.02|>
วันหนึ่ง ตื่นขึ้นมาในความรู้สึกใหม่...

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


ฮื่อน้องเดียวล่ะก็... ไม่เอา ไม่เล่น พี่ชายเขิน ชายชาตรีแสร้งผลักเดียวที่ย่างสามขุมเข้ามาหาพร้อมกับน้ำแข็งมือปื้นเท่าท่อนขาในวงแขน

พี่ชายจะเขินทำไมล่ะครับ น่า มามะ พี่ชายไม่อยากลองเหรอ? ขาเปย์หน้าเข่าลอบมองสีหน้าหื่นกระหายของอีกฝ่ายสลับกับน้ำแข็งก้อนใหญ่พลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก... นี่ถ้าเปลี่ยนฉากหลังให้ย้อนยุคอีกนิด เขาคงเข้าใจผิดว่าตัวเองคือคุณบุญเลื่องในจัน ดาราแน่ ๆ

แต่ยังไม่ทันที่คุณบุญล่ำที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนตั่งจะได้ปัดป้อง รุ่นน้องก็นาบความเย็นฉ่ำเข้าที่เหง้าหน้าซึ่งหาจุดนูนจุดเว้าแทบไม่ได้ บ้า! น้องเดียวจะเอาน้ำแข็งมาถูหน้าพี่ชายทำไมอ่ะ?

อ้าว เดียวนึกว่าพี่ชายจะชอบเสียอีก พี่ชายไม่ชอบเย็น ๆ เหรอครับ แววตาเศร้าหมองของเดียวขณะตั้งท่าจะโยนน้ำแข็งในมือทิ้งทำให้ชายชาตรีรีบรั้งข้อมือของเฟรชชี่เอาไว้

ฮื่อ พี่ชายบอกเหรอครับว่าพี่ชายไม่ชอบ ถูหลังให้พี่ชายหน่อยสิครับน้องเดียว ฮิ ๆ เจ้าของประโยคหลิ่วตาทำหน้าเซ็กซี่แบบที่คิดว่าดูดีในโลกส่วนตัวด้วยหมายยั่วยวนพ่อหน้ามนคนหล่อแห่งวิศวะให้เคลิบเคลิ้ม

แทนที่เดียวจะผินหน้าหนีพลางสวดอิติปิโสแบบน็อนสต็อปเหมือนทุกที เด็กหนุ่มกลับยิ้มตอบแถมยังส่งสายตาหวานเยิ้มหยดย้อยด้วยความสิเหน่หาขั้นสูงสุดมาให้คล้ายโดนป้ายยา ได้สิครับ

อุ๊ย เย็นจังเลย

พี่ชายชอบไหมครับ? เดียวถามพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางสบตากับรุ่นพี่สายเปย์อย่างมาดหมาย ฝ่ายคนถูกจับจ้องก็อดกระดี๊กระด๊าในใจไม่ได้... สงสัยคงถึงคราวที่ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของชายชาตรีจะโดนเหนือชายหมายเลขหนึ่งพรากไปเสียแล้ว ยะฮู้ว!  

ชอบครับ ชอบมาก ฮึอุ๊บ!’ น่าแปลกที่เมื่อยิ่งมองสีหน้าอยากนัวจนตัวสั่นของเดียวนานเท่าไร ชายชาตรีก็รู้สึกคลื่นเหียนมากขึ้นเท่านั้น นั่นจึงทำให้เขาจำเป็นต้องยกมือขึ้นอุดปากแบบฉับพลัน

พี่ชายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?

สีหน้าตกอกตกใจของรุ่นน้องวิศวะทำให้สายเปย์พยายามกลืนก้อนเปรี้ยวลงคอเพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศเข้าด้ายเข้าเข็มลงด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง พี่ชายไม่เป็นไ... อุ๊บ!...

พี่ชายท้องแล้วเหรอครับ? แต่ว่าเรายังไม่มีอะไรกันเลยนะครับ

คำพูดคำจาน่าจั๊กจี้ของรุ่นน้องรูปหล่อทำชายอยากจะร้องท้วง ติดที่ว่าอาการคลื่นไส้กลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย อารามกลัวว่าจะทำตัวน่าขายหน้าต่อหน้าเด็กหนุ่มที่ตัวเองหลงใหล รุ่นพี่หน้าเข่าก็รีบปรี่ไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ลืมไปว่า อีตอนยันตัวลุกขึ้นนั้น เขาเผลอดันหน้าหล่อ ๆ ของน้องให้ถอนห่างจนเจ้าของร่างก้นจ้ำเบ้า

“โอ้กกกก!

ดูเหมือนว่าการโก่งคอถ่ายเทของเหลวในร่างกายอย่างเฉียบพลันได้นำพาสติให้กลับฟื้นคืนขึ้นอีกครั้งอย่างน่าไม่น่าเชื่อ พลันรู้ตัว ชายชาตรีก็ลืมตาขึ้นแล้วก็พบตัวเองในสภาพเปลือยเปล่านั่งกอดเข่าแถมโอบโถส้วมซึมเอาไว้อย่างรักใคร่คล้ายกับได้เสียเป็นเมียผัวกันมาหมาด ๆ

“เฮ่ย?!” เมื่อสำเหนียกถึงสภาพคล้ายโดนรูดทรัพย์ของตัวเอง ชายชาตรีก็ตกใจจนเผลออุทานเสียงดังพลางปล่อยมือจากโถส้วมอันเป็นที่รักเพื่อเลื่อนไปกอบกุมชายน้อยเอาไว้กันอุจาด

แม้ร่างกายจะยังไม่เต็มร้อยดี แต่สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดก็ทำให้เด็กบริหารฝืนลากสังขารออกจากห้องน้ำแคบ ๆ ไปสำรวจพื้นที่โดยรอบเพื่อประเมินสถานการณ์ตรงหน้า ทว่าใครเลยจะรู้ว่า สิ่งแวดล้อมเบื้องหลังบานประตูห้องน้ำทำด้วยพลาสติกสีเหลืองซีดจะทำให้นายชายชาตรี มีทรัพย์มากอนันต์ผงะได้

ห้องน้ำเล็ก ๆ ขนาดแมวชราดิ้นยังไม่ตายนั้นเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดซึ่งมีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางกระจายอยู่ตามมุมห้องแค่ไม่กี่อย่าง แต่ความน่าสนใจของห้องดังกล่าวกลับอยู่ที่ แม้จะแลดูอัตคัดขาดความหรูหรา แต่ชายชาตรีกลับรู้สึกว่ามันสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อยเอามาก ๆ  

“ที่นี่ที่ไหน?” ชายหนุ่มถามตัวเองเบา ๆ พลางคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ตรงตะปูข้างฝามาพันรอบเอว สายเปย์กวาดสายตามองจนทั่วห้องด้วยความสงสัยด้วยแน่ใจว่าไม่เคยย่างกรายมายังสถานที่แบบนี้มาก่อน

ยังไม่ทันที่ความรู้สึกงุนงงสงกาจะพร่าผลาญเซลล์สมองชายชาตรีให้หมดไปโดยเปล่าประโยชน์ ประตูหน้าห้องก็เปิดขึ้นพร้อมกับการมาของเจ้าบ้านผู้อารี “อ้าวพี่! ตื่นแล้วเรอะ?”

“เฮ่ย?!” อารามตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นใบหน้าหนวด ๆ ของรุ่นน้องหน้าแก่โผล่เข้ามาในห้องแบบกะทันหัน ชายชาตรีจึงเผลอยกมือขึ้นปิดหน้าอกหน้าใจเป็นสาวน้อยวัยใสไม่ประสา

“ไม่ต้องเขินหรอกพี่ ผมก็มีเหมือน ๆ พี่นั่นแหละ ฮ่า ๆๆ ”

เสียงระเบิดหัวเราะร่วนอย่างสุดกลั้น กับอาการขำจนหน้าดำหน้าแดงของยิมทำให้สายเปย์ยอมลดท่อนแขนลงวางข้างลำตัวพลางตีหน้าตายแล้วไพล่ถามเรื่องอื่น “ที่นี่ที่ไหนอ่ะ?”  

“ห้องผมเองครับ พี่รู้สึกตัวนานยัง? แล้วนี่ปวดเมื่อยตรงไหนหรือเปล่า? โทษทีนะพี่ที่เมื่อคืนผมให้พี่นอนในห้องน้ำ แต่พี่แม่งไม่ไหวว่ะ เอะอะจะอ้วกท่าเดียว” แม้จะไม่ได้นอนเต็มตา ทว่ายิมยังปรานีรุ่นพี่มากพอจะอธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ให้อีกฝ่ายฟัง เด็กหนุ่มว่าพลางเดินหิ้วถุงก๊อบแก๊บไปวางลงบนโต๊ะญี่ปุ่นอีกมุมห้องซึ่งก็แค่ไม่กี่ก้าวจากจุดที่รุ่นพี่ยืนเอ๋ออยู่  

“แล้วพี่ชายมาที่นี่ได้ไงอ่ะ?”

“โหพี่! พี่รีบไปอาบน้ำเลย ปากพี่แม่งโคตรเหม็นอ่ะ นี่เพิ่งอ้วกมาอีกใช่ป่ะเนี่ย?”

“?!!” สีหน้ารับไม่ได้คล้ายขมคอของอีกฝ่ายทำเอาคนฟังสะดุ้งโหยงพลางป้องปากตั้งท่าจะทดสอบกลิ่นให้รู้เช่นเห็นชาติ แต่เจ้าของห้องกลับโบกมือไล่อย่างเร็วไวด้วยไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้  

“ไป ๆ เข้าไปอาบให้ไวเลยพี่ เดี๋ยวผมจะได้อาบมั่ง”




“นี่ แล้วเสื้อผ้าพี่ล่ะ?” ชายชาตรีตะโกนถามขึ้นหลังจากอาบน้ำเสร็จได้สักพัก

“เสื้อผ้าพี่ยังไม่แห้ง เดี๋ยวยังไงพี่ใส่ชุดของผมไปเรียนก่อนก็แล้วกันนะ”

ดูเหมือนคำตอบของรุ่นน้องจะอยู่เหนือความคาดหมายของชายชาตรีไปมาก เพราะสุดท้าย สายเปย์ก็รีบฉวยผ้าเช็ดตัวผืนเก่ามาพันท่อนเอวแล้วเดินออกมาซักไซ้ยิมด้วยสีหน้าเหรอหรา “กางเกงในด้วยน่ะเหรอ?!

“เออว่ะ” คนเด็กกว่าทำท่านึกพลางเกาคางครึ้มเครายิก ๆ “แต่จริง ๆ ถ้าพี่จะยืมกางเกงในผม ผมก็ไม่มีปัญหานะ เพราะผมซักอย่างดีทุกตัว อีกอย่าง... พี่น่าจะใส่ของผมได้แหละ ก็พี่ตัวเล็กกว่าผมหนิ” พูดจบ เจ้าของห้องในสภาพหุ้มท่อนล่างด้วยผ้าขาวม้าบาง ๆ ก็เดินสวนเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่ใคร่จะสนใจสายตาโลมเลียของชายชาตรีผู้เสียสมดุลทุกครั้งเมื่อเห็นกล้ามเป็นมัด ๆ ในระยะใกล้แค่เอื้อม

ค่าที่มัวแต่มองต่ำ กว่าจะสำเหนียกได้ว่ายังไม่ได้ตกลงกับเจ้าบ้านเรื่องเสื้อผ้า ชายชาตรีจึงตะโกนถามรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงร้อนรน “งั้นพี่ยืมชุดไปรเวทหน่อยแล้วกันนะ”

“หยิบเอาเลยพี่ เสื้อผ้าผมอยู่ในตะกร้าทั้งหมดนั่นแหละ”

“มันอยู่ตร...” สิ้นเสียงอนุญาตของเด็กหนุ่มต่างคณะ ขาเปย์ก็โพล่งขอพิกัดของตะกร้าที่ว่าทันที กระนั้นเจ้าตัวกลับต้องกลืนท้ายประโยคลงคอ เพราะแค่เหลียวไปข้าง ๆ ตะกร้าก็แทบจะทิ่มตาเขาอยู่แล้ว “มันจะไปอยู่ไหนได้เนอะ ห้องก็มีแค่นี้”

กองเสื้อผ้าที่พับเก็บอยู่ในตะกร้าใต้แนวตะปูซึ่งมีชุดนิสิตที่รีดเรียบร้อยแล้วแขวนอยู่อย่างเป็นระเบียบนั้น แม้ส่วนใหญ่มันจะเก่าซีด แต่กลับมีกลิ่นหอมสะอาดไม่ผิดไปจากคำโฆษณาของรุ่นน้องแต่อย่างใด ทันทีที่ชายชาตรีแต่งตัวเสร็จ เขาก็ได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ เพราะนึกอยากกลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดของตัวเองเต็มแก่ ติดอยู่แค่ว่า เขาอยากจะร่ำลาและขอบคุณเจ้าของห้องให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียก่อน ถึงอย่างนั้น เด็กวิศวะกลับช่วยรุ่นพี่หน้าเข่าตัดสินใจด้วยการเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากเพิ่งหายเข้าไปเพียงไม่นาน

หากสภาพก่อนอาบน้ำของยิมเรียกสายตาชายชาตรีได้ชะงัดแล้ว สารรูปอาฟเตอร์ขัดสีฉวีวรรณคงไม่ต่างอะไรกับโปสเตอร์สี่สีตรงหน้ากลางของหนังสือปลุกใจเสือป่าเป็นแน่แท้ เพราะหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามชะง่อนกล้ามรวมถึงลูกระนาดนา ๆ ขนาดนั้น พากันทำให้ผ้าขาวม้าผืนเก่าบางเบาจนคนเฝ้ามองต้องแอบสูดน้ำลายเป็นพัก ๆ  เป็นบุญของยิมเหลือเกินที่หน้าโหดจนอาชญากรยังแซ่ซ้องร้องเรียกให้เป็นบิดา ไม่อย่างนั้นป่านนี้เด็กหนุ่มคงถูกชายชาตรีหมายตาแทนเดียวไปเสียแล้ว

แม้เบ้าหน้ายิมจะต่ำกว่ามาตรฐานที่รุ่นพี่ตั้งเอาไว้ แต่หุ่นขยี้ใจก็ทำให้ จากที่คิดจะร่ำลา กลายเป็นว่าชายชาตรีกลับวางสายตาจับจ้องน้องนุ่งกางเกงสแล็คตัวเดียวเดินเปลือยท่อนบนไปมาอย่างเลื่อนลอย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายร้องเรียกเสียงดัง “พี่! พี่ชายครับ?!

“หืม?!

“กินโจ๊กกันพี่ น่าจะกำลังเย็นพอดีกินแล้วล่ะ” ยิมชวนพลางพยักเพยิดไปที่ชามโจ๊กอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะญี่ปุ่นตัวจิ๋ว ไม่รู้เป็นเพราะกล้ามอกหรือเพราะโจ๊กที่สะกดให้สายเปย์เชื่องจนน่าสนตะพาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว ชายชาตรีก็ลืมเรื่องกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องไปถนัดใจ

“เอ่อ น้องชื่ออะไรนะ?” รุ่นพี่บริหารถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้าบ้านเริ่มจัดการอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว

คำถามดังกล่าวทำเอายิมถึงกับยอมวางช้อนลงเพื่อจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาจริงเอาจัง “นี่พี่ ผมถามจริง ๆ เหอะ” เมื่อเห็นคู่สนทนาละสายตาจากชามโจ๊กแล้ว เด็กวิศวะจึงว่าต่อ “นอกจากไอ้เดียวแล้ว พี่จำชื่อเพื่อนผมคนไหนได้มั่ง?”

“...”

“หึ!” ยิมเผลอยกมุมปากขึ้นทันทีที่เห็นรุ่นพี่หน้าคลี่ยิ้มแหย ๆ พลางส่ายหัวดิก  “ผมชื่อยิมพี่ กินสักทีดิพี่”

“หืม?!” ฝ่ายที่ละอายจนต้องหรุบสายตาลงวางลอนกล้ามหน้าท้องของรุ่นน้องแทนอย่างไม่มีทางเลือกเผลอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในเจตนาที่อยู่เบื้องหลังคำเชื้อเชิญสั้น ๆ ของอีกฝ่าย... อยู่ดี ๆ ก็มาชวนให้ชายกิน คืออะไร? น้องหนวดนี่ใจง่ายเบอร์ไหนกันนะ?!

“โจ๊กน่ะ” สีหน้าเหวอจนดูตลกของอีกฝ่ายทำยิมหลุดหัวเราะอีกครั้ง “ผมซื้อมาให้พี่กิน ไม่ให้ซื้อมาให้คน”

“อ๋อ! เอ้อ! กิน ๆ ” ชายชาตรีรับคำพลางตั้งสติมองโจ๊กในถ้วยก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “แต่พี่ชายไม่กินขิง หอมก็ไม่กิน”

“โธ่! ก็แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก เมื่อกี๊ผมจะได้ไม่ใส่ให้” แม้จะบ่นอุบ แต่เด็กหนุ่มก็ยอมช้อนเอาผักโรยทั้งสองชนิดออกจากชามของรุ่นพี่ย้ายมาใส่ชามตัวเองจนหมด “ของดี ๆ ทั้งนั้น ทำไมถึงไม่รู้จักหัดกินก็ไม่รู้”

“ยิม ทำไมพี่ชายถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?” ชายชาตรีถามขึ้นเมื่อลองลิ้มชิมรสมื้ออาหารไปได้ไม่นาน

“ก็พี่ พี่พิชญ์แล้วก็เพื่อนผมอีกสองคนเมาไม่รู้เรื่อง พวกผมที่เหลือเลยต้องแบ่งกันพากลับบ้านอย่างละคนน่ะครับ”

“แล้วทำไมพี่ชายถึงไม่ได้ไปนอนกับเดียวล่ะ?”

“หึ! ที่ถามแบบนี้เพราะจริง ๆ เมื่อคืนพี่ตั้งใจจะรุกเพื่อนผมแรงเลยอ่ะดี้?” ยิมอดแซวรุ่นพี่กระเป๋าหนักไม่ได้

“เฮ่ยเปล่า! พี่ชายไม่ได้คิดอะไรลามกแบบนั้นเลยนะ!” คำพูดแทงใจดำทำเอาคนฟังร้อนรนจนต้องแก้ตัวเป็นพัลวัน... นั่นไง! ชายว่าแล้วว่ามันต้องดูไม่ดี! รู้อย่างนี้ชายไม่น่าเชื่อพิชญ์เสียแต่แรกก็ดีหรอก!  

“เออ ๆ พี่จะคิดอะไรก็เรื่องของพี่เหอะ ยังไงผมก็ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว” เจ้าของห้องตัดบทอย่างไม่พิรี้พิไรก่อนจะกลับไปสนใจโจ๊กในชามตัวเองต่อ ทว่าสายตากึ่งเว้าวอนกึ่งอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่ายทำให้เด็กหนุ่มต่างคณะต้องอธิบายที่มาที่ไปทั้งหมดอย่างเลี่ยงไม่ได้ “พวกเราจับไม้สั้นไม้ยาวกัน ผมจับได้พี่ พี่ก็เลยต้องมานอนห้องผม แค่นั้นแหละ”

“เหรอ?” ชายชาตรีคนโจ๊กอย่างเหม่อลอยด้วยเสียดายโอกาสเป็นที่สุด... แล้วอย่างนี้เมื่อไรเขาถึงจะยัดเยียดตำแหน่งเหนือชายให้น้องเดียวได้อีกน้า?

“พี่ไม่กินแล้วใช่ป่ะ งั้นผมเหมานะ” ไม่ทันขาดคำ โจ๊กในชามที่พร่องไปไม่ถึงครึ่งของชายชาตรีก็โดนเด็กหนุ่มคว้าไปเหมาเป็นที่เรียบร้อย

“ขอบใจนะยิมที่พาพี่กลับมาด้วย แถมยังอุตส่าห์ตื่นไปซื้อโจ๊กให้พี่แต่เช้า” ไหน ๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ชายชาตรีจึงตั้งใจว่า เมื่อแสดงความซาบซึ้งต่อเด็กหนุ่มรุ่นน้องเสร็จสรรพเมื่อใด เขาก็จะปลีกตัวกลับคอนโดทันที แต่แล้วคำตอบของยิมกลับทำให้สายเปย์เลือกที่จะปักหลักอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน

“พวกผมปล่อยพวกพี่นอนที่ผับไม่ลงหรอกครับ เดี๋ยวเกิดอะไรไม่ดีขึ้น พวกผมคงรู้สึกผิดแย่” ยิมยิ้มน้อย ๆ พลางว่าต่อ “แต่โจ๊กเนี่ย ผมซื้อขากลับตอนส่งหนังสือพิมพ์เสร็จ ไม่ได้ตื่นไปซื้อให้พี่กินโดยเฉพาะหรอก พี่ไม่ต้องซึ้งนะ มันทางผ่านน่ะ”

“อ๋อ... เหรอ?” ชายชาตรียิ้มแหย ๆ พลางกระพือคอเสื้อยืดย้วย ๆ เมื่อแสงแดดด้านนอกเริ่มคืบคลานเข้ามาคุกคามสองชีวิตในห้อง “ยิมไม่ร้อนเหรอ?”

“อ้าว! พี่ร้อนแล้วทำไมไม่บอกผมล่ะ?” สิ้นคำ เด็กหนุ่มก็ยื่นปลายเท้าไปเขี่ยพัดลมให้หมุนมาหา ก่อนจะกดหัวแม่เท้าสั่งการต่างรีโมทคอนโทรล ทว่าทันทีที่เจ้าพัดลมคออ่อนคอพับเริ่มเดินเครื่อง ก็มีเสียงควงสว่านน่าเสี้ยวไส้คล้ายชิ้นส่วนต่าง ๆ ใกล้จะหลุดออกจากกันในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าดังขึ้น “โทษทีพี่ เสียงมันดังไปหน่อย ผมเลยไม่ค่อยอยากเปิด แต่ถ้าไม่อยากร้อน พี่ก็ทนหนวกหูหน่อยแล้วกันนะ”

สภาพซอมซ่อของห้องและสิ่งของต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวทำให้ชายชาตรีอดสงสัยไม่ได้ “นี่ยิมอยู่คนเดียวเหรอ?”

“ครับพี่ เมื่อก่อนผมอยู่วัด แต่พอสอบติดที่กรุงเทพฯ ผมก็ต้องลงมาหาห้องเช่าอยู่คนเดียวอย่างนี้แหละครับ”

“แล้วทำไมไม่เช่าห้องติดแอร์ล่ะ? จะได้ไม่ร้อนไง” จริง ๆ ถ้าไม่กลัวว่าจะโดนอีกฝ่ายต่อยเข้าให้ สายเปย์คงหลุดปากซักไซ้ยิมหนักมือยิ่งไปกว่านี้แน่ ๆ  

“อยู่แบบนี้ก็สบายดีนะพี่ สมตัวดี ขืนผมหาเงินได้เท่านี้แต่ริอยู่ห้องแอร์ ผมคงหาเงินค่าเทอมได้ไม่พอเรียนจบแน่ ๆ ครับ”

คำตอบแบบเจียมเนื้อเจียมตัวของรุ่นน้องต่างคณะทำเอาชายชาตรีรู้สึกผิดขึ้นในบัดดล “ขอโทษนะ พี่ชายไม่ได้ตั้งใจถามให้ยิมคิดมากเลย”

“หึ! เรื่องเล็กว่ะพี่ ผมชินแล้ว” แม้เจ้าบ้านจะก้มหน้าก้มตากินโจ๊กต่ออย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่มีวี่แววคิดมากแต่อย่างใด แต่คนถามกลับกระดากอายเสียจนต้องเปลี่ยนเรื่องคุยเอาดื้อ ๆ  

“ยิมสนิทกับเดียวมากไหม?”

“ก็น่าจะนะพี่ ทำไมเหรอครับ?” ยิมเลิกคิ้วพลางรอฟังคำตอบของรุ่นพี่หน้าเข่า

“ยิมช่วยพี่จีบน้องเดียวหน่อยสิ นะ ๆ พี่อยากเป็นแฟนน้องเดียวน่ะ”

“พี่ไปคุยกับคนอื่นเหอะ ผมช่วยพี่ไม่ได้หรอก” แม้นี่จะไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงในการปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย ทว่าเด็กหนุ่มก็อดหวังไม่ได้ว่า คำแนะนำดังกล่าวจะทำให้ชายชาตรีถอดใจ เพราะเท่าที่รู้จักกับเดียวมาหลายปี เขาบอกได้เลยว่าไม่มีวันที่เพื่อนสนิทเขาคนนี้จะรักชอบใครโดยไม่สนใจหน้าตา

“ทำไมล่ะ ก็ยิมสนิทกับเดียวไม่ใช่เหรอ หรือว่ายิมรังเกียจพี่?”

“โหยพี่แม่งคิดได้!

“อ้าว! ก็เมื่อกี๊ยิมบอกว่ายิมจะไม่ช่วยพี่ชายนี่นา”

ยิมถอนหายใจยืดยาวให้กับความเร้าหรือของพี่หน้าเข่าขี้เถียง แต่ก็ใช่ว่าเขาจะใจร้ายกับอีกฝ่ายเสียหน่อย “เวลาว่างผมต้องทำงาน ผมไม่รู้หรอกว่าวัน ๆ ไอ้เดียวมันไปไหน หรือทำอะไร ผมถึงได้บอกไงว่าผมคงช่วยพี่จีบไอ้เดียวไม่ได้หรอกครับ”

“โธ่! แล้วอย่างนี้พี่ชายจะพึ่งใครได้ล่ะ?” ชายชาตรีนั่งกอดเข่าพลางมองหน้ารุ่นน้องด้วยสายตาหมองเศร้า

ท่าทางเซื่องซึมกับเสียงบ่นพึมพำของรุ่นพี่สายเปย์ที่ดูคลับคล้ายควายเมาเห็ดพิษ ทำให้ยิมรีบชี้แนะทางสว่างโดยพลัน “พี่ก็ให้พวกไอ้เอ๋ ไอ้โหน่งช่วยดิพี่ พวกมันนิสัยดีนะ”

“พวกนั้นเขาไม่ได้รังเกียจพี่ชายใช่ไหม พี่ชายเห็นไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับพี่ชายเท่าไรเลย”

น้ำคำของรุ่นพี่ต่างคณะเป็นดั่งคมแฝกที่ตีแสกเข้าหน้า... ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า เพราะเมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงมื้อกลางวันของเมื่อวาน พวกเพื่อน ๆ ทั้งหมดของเขาดูจะขยาด พี่ชาย เอามาก ๆ นั่นก็เท่ากับว่า จะเหลือเขาแค่คนเดียวที่พอจะเป็นกองหนุนให้ชายชาตรีได้...

เอาวะ ลองดู เผื่อว่าไอ้เดียวมันจะเลิกตัดสินใครเพราะรูปกายภายนอกได้เสียที อีกอย่าง คนตลก ๆ อย่างพี่ชายก็ไม่น่าจะเลวร้ายอะไร “โอเค ๆ ผมจะช่วยพี่ก็ได้ แต่พี่ต้องจ่ายค่าเหล้าเมื่อคืนให้พวกผมก่อนนะ ไม่งั้นผมคงต้องทำงานควงกะหาเงินค่าเหล้าจนไม่ได้โงหัวแน่ ๆ ”

“จริงเหรอยิม?!” ชายชาตรีตาลุกโพลงด้วยความปีติอย่างสุดซึ้ง

“ครับ แต่ผมจะช่วยพี่เท่าที่ผมช่วยได้นะ ถ้าตอนไหนผมเกิดติดงาน พี่ก็ไปหาทางพยายามเองแล้วกัน”

“ขอบใจมากนะยิม พี่ชายดีใจจังเลย!” ชายชาตรีอดนึกขอบคุณเพื่อนรักไม่ได้ เพราะหากไม่ได้พิชญ์ช่วยไว้ ป่านนี้เขาคงเผลอแสดงออกถึงความดีใจด้วยการพุ่งหลาวเข้ากอดแผ่นอกล่ำ ๆ ตรงหน้าจนหนำใจไปแล้ว... ขืนลืมตัวโผเข้าไปกอดยิมในสภาพนี้ ร่างกายอันผุดผ่องของเขาคงมัวหมองจนต้องยกตำแหน่งเหนือชายให้น้องหนวดหน้าแก่ไปก่อนใครเพื่อนแน่ ๆ

$$$$$$$$

“จิ๊!” ความรู้สึกอบอุ่นจนอึดอัดทำให้พิชญ์ขยับตัวด้วยความรำคาญ แต่แม้จะเปลี่ยนท่านอนได้อย่างใจแล้วก็ตาม ความรู้สึกเหมือนโดนผีอำก็ยังไม่หายไปไหน

“ฮึ่ย!” เด็กบริหารพ่นลมหายใจพลางส่งเสียงครางอย่างหงุดหงิดพลางพยายามพลิกตัวแต่กลับทำไม่ได้ อาการไม่สบายตัวทำให้พิชญ์ตื่นขึ้นอย่างหัวเสียก่อนจะพบว่าตัวเองโดนไอ้เด็กการ์ตาร์ที่เพื่อนรักหมายตากอดอยู่ในท่วงท่าล่อแหลมแถมเสื้อผ้าน้อยชิ้นกันทั้งคู่ “ว้ากกกกก!

“เฮ่ย!” เสียงหวีดใกล้ๆ หูทำเอาเดียวสะดุ้งตื่น แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้พูดอะไร คนในอ้อมกอดก็ตีเข่าย้อนขึ้นมาสอยกล่องดวงใจใต้บ็อกเซอร์ตัวจิ๋วจนสะท้านสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งโลกา “โอ๊ยยยย!

“มึง มึง มึง!!!” เมื่อร่างกายเป็นอิสระ รุ่นพี่ก็ดีดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างว่องไวคล้ายจา พนมเวอร์ชันโหวกเหวกฉิบหายวายป่วง ขณะที่กวาดตามองหากระเป๋าและเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้น พิชญ์ก็ชี้หน้าด่ารุ่นน้องบนเตียงไปพลาง จวบจนแน่ใจว่าตนเองฉวยสมบัติติดมือมาครบถ้วนทุกชิ้น รุ่นพี่ก็ด่าจองเวรทิ้งทวน “หนอย ไอ้สัดการ์ตาร์ มึงอย่าหวังว่าชาตินี้จะมีความสุขอีกเลย!

ก่อนเดียวจะได้เอื้อนเอ่ยคำใด แขกไม่พึงประสงค์จอมโวยวายก็คว้าไม้เบสบอลตรงมุมห้องมาซัดเข้าที่หน้าแงของรุ่นน้อง จากนั้นเจ้าตัวก็วิ่งเตลิดออกจากห้องไปด้วยความคับแค้นใจขั้นสูงสุดพร้อมกับเสียงก่นด่าที่เบายิ่งกว่าหมากรนของเด็กวิศวะผู้อาภัพที่สลบเหมือดเพราะอาวุธคู่กายในห้องของตัวเอง “ไอ้พี่เหี้ยยย...”


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ:
มานึก ๆ ดู ตอนเด็ก ๆ ชายไม่ควรเป็นสุขเมื่อได้ขึ้นสแตนด์เชียร์ร้องเพลงเลย
ยิ่งพอรู้ว่าเพลงที่ชอบ สามารถทำนายทายทักลักษณะของพญาวิหคที่ชายเป็นได้อย่างถูกต้องแม่นยำไม่มีใครเกิน

อังกาลี ลีลา อังกาลู อังกาลู ลีลา กาลีสุ่ม
สุ่มกาลีกาลีกาลีสุ่ม กาลีกาลีซุม*
ร้องมาตั้งหลายปี เพิ่งรู้วันนี้เองว่าเป็นคาถาเรียกนก 
 [หมายเหตุ: เนื้อเพลงด้านบนเป็นส่วนหนึ่งของเพลงเชียร์ชื่อ เจ้านกน้อย’]


 $$$$<| TBC |>$$$$



เราเชื่อว่าพออ่านตอนล่าสุดจบแล้ว ทุก ๆ คนน่าจะพอเดาออกแหละเนอะว่าใครคู่ใคร
และบรรยากาศของแต่ละคู่จะไปในทิศทางไหน 
(ของเดียวนี่น่าจะเผ็ดร้อน ส่วนยิม... เฮ่อ! สงสารน้องเหลือเกินค่ะจุด ๆ นี้)

อย่างไรก็ดี ตอนนี้ขอพื้นที่ให้เราได้ปูเนื้อหาเกี่ยวกับความยากจนของน้องยิมนิดนึงเนาะ 
อ่าน ๆ ไปจะได้นึกภาพออกว่า เออว่ะ ! ไอ้น้องยิมนี่มันสู้ชีวิตแท้เหลา 
(หูย ไม่อยากจะเซดเลยว่าน้องยิมนี่เป็นพระเอกคนแรกเลยนะคะที่เราเขียนแล้วกรอบเกลียวเคี้ยวอาหารกระป๋องขนาดนี้ โถ! ปาตังค์ใส่ด้วยความเอ็นดู หากใครสนใจให้การอุปถัมภ์ สามารถสมทบทุนค่าอาหารกลางคืนให้น้องยิมได้ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีออมแซ่บของเราได้นะคะ - เดี๋ยว!!!) 

ชอบไม่ชอบยังไง ฝากข้อความแทนใจไว้ให้เราตอบ 
(เหมือนด้านล่างนี้) ได้นะคะ เราชอบอ่าน... มันอุ่นในอกม้ากมากแหละ  ^^ 
และไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เราขอฝากเพจนิยายเอาไว้ในอ้อมใจด้วยเนาะ
(เข้าไปคุยเล่น ไปทวงนิยายได้นะคะ เพราะตอนนี้ เพจเราหลอนมากกกก ฮ่า ๆๆๆๆ)












No comments:

Post a Comment