Tuesday, August 18, 2015

Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ The 22th Blessing || 19.08.2015



เตือนก่อนอ่านนิดนึงนะคะ...
ตอนนี้ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาค่ะ เพราะฉะนั้น...ค่อยๆอ่านกันเนอะ ^^
ตอนนี้อาจจะไม่มีอะไรมาก
เป็นแค่ตัวอย่างของกิจกรรมวันว่างที่หนุ่มๆจะทำร่วมกันต่อไปเรื่อยๆหลังจากนี้
(ครั้งนี้เป็นครั้งแรกค่ะ...แล้วเจ้าของบ้านจะติดใจ)

รักชอบประการใด...ฝากความเห็นทิ้งเอาไว้ได้นะคะ
รักคนอ่านทุกท่านมากค่ะ ^^



Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ



The 22nd Blessing
คำว่า ติวหนังสือ คือ ชื่อเล่นของการนั่งเล่นพร้อมกันเป็นหมู่คณะ





สามหนุ่ม สามมุม

 สามหนุ่มสามมุมโปรดทราบ
ขอให้เก็บรายละเอียดการสนทนาครั้งนี้เป็นความลับ
 READ 01.48 PM
 อย่าได้แพร่งพรายแก่ผู้ใดเป็นอันขาด
 READ 01.50 PM

 Sakol:
ผู้ใดที่พี่ฌานว่านี่ หมายถึงใครมั่งอ่ะครับ?
 01.52 PM

 แล้วกรุ๊ปนี้มีกันอยู่กี่คนล่ะครับแว่น?
 READ 01.52 PM

 Sakol:
อ๋อ! เฉพาะผม พี่ฌาน กับฌอนใช่ไหมครับ?
 01.53 PM
 Shaun:
เดี๋ยวนี้คิดช้านะสกล...
มัวแต่สับสนเพศตัวเองอยู่เหรอ?
 01.54 PM
 Sakol:
ใครบอกครับฌอน?...
เรื่องนี้ไม่มีมูลนะครับ
ผมพูดคุยกับคุณสกลเป็นการส่วนตัวมาแล้ว
 01.54 PM
 Shaun:
น้องพลายบอกน่ะ
 01.55 PM
 Sakol:
ชะอุ๊ย! หิวจังเลย ไปหาหนมกินก่อนดีกว่า
 01.55 PM

 สรุปว่าไม่งงแล้วนะแว่น?
 READ 01.55 PM

 Sakol:
เคลียร์คัทชัดแจ่มเลยครับพี่ฌาน!
 01.55 PM

 อยากให้ทุกคนช่วยสังเกต
อาการไอ้เก็กมันหน่อย...
พี่ฌานว่า มันชักจะมีพิรุธ
 READ 01.56 PM

 Sakol:
เกี่ยวกับบูบู้เหรอครับ?
 01.57 PM

 เออ! นั่นแหละ...
เอานะ...อย่าหลุดล่ะ!
 READ 01.56 PM


 Sakol:
ครับพ้ม!!!
 01.57 PM



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



กริฟฟินดอร์พ่อทุกถาบัน
 เอาล่ะทุกคน...
วันนี้พี่ฌานมีหลายเรื่อง
จะอัพเดทและปรึกษา
 READ 01.58 PM

 Sakol:
เรื่องอะไรเหรอครับพี่ฌาน?
 01.58 PM

 เรื่องแรก... พวกเราต้องคุยกัน
 READ 01.59 PM
 Sakol:
แล้วนี่เรียกว่าอะไรเหรอครับพี่ฌาน?
 02.00 PM
 Sakol:
จินตนาการหมู่? ดูฟุตบอล?
 02.00 PM
 Bu-Ai:
สกล!
 02.01 PM

 เก็ก...ว่างวันไหน?
 READ 02.02 PM

 T.Geg:
อีกสองวันก็ได้พักอ่านหนังสือวิชาสุดท้ายแล้วล่ะพี่ฌาน
 02.03 PM
 Shaun:
พอดีกับที่พวกเราสอบเสร็จ
 02.04 PM

 พี่ฌานจองคิวนะเก็ก
 READ 02.04 PM
 บ๊วย...
ลองถามพี่เต๋อว่าว่างตรงกันไหม
  READ 02.05 PM

 Bu-Ai:
ครับ
 02.05 PM
 T.Geg:
ครับ
 02.05 PM
 Sakol:
อุ๊ย! ข้างบนน่ะ...
ตอบเหมือนกันเค้าว่าเนื้อคู่นะรู้ไหม?
 02.06 PM
 Shaun:
อย่าไปสนใจสกลเลยนะ
 02.07 PM
 T.Geg:
แต่มันอาจจะเป็นแบบที่สกลว่าก็ได้นะฌอน
 02.07 PM
 Sakol:
นั่นปะไร!
ถึงว่าทำไมซื้อหวยไม่เคยถูก!!!
 02.08 PM
 Bu-Ai:
พี่เต๋อว่างพอดีครับ
แกจะอ่านหนังสืออยู่ที่ห้อง
 02.08 PM
 Sakol:
บ๊วย! ย้อนขึ้นไปอ่านข้างบนอย่างด่วน!!
 02.09 PM


 ดีเลย...
งั้นพวกเราก็ไปรวมตัวกันที่ห้องแกนี่แหละ
  READ 02.10 PM
 แต่ไม่ต้องบอกแกหรอกนะ
  READ 02.10 PM

 Sakol:
อู้ว์!! เซอร์ไพรส์เหรอครับพี่ฌาน?
 02.11 PM
 Sakol:
แล้วพีเต๋อจะไม่ด่าพ่อพี่ฌานเอาเหรอครับ?
 02.12 PM
 Sakol:
อุ๊ย! ลืมไป...พ่อพี่ฌานไม่เข้าใจภาษาไทยนี่เนอะ
 02.13 PM
 Bu-Ai:
สกล!!
 02.13 PM


 แว่นครับ...
รับควายธนูไปเลี้ยงดูสักตัวไหม?
  READ 02.14 PM

 Sakol:
ควายธนูนะครับพี่ฌาน ไม่ใช่หนมจีบซาละเปา...
ดูทำพูดเข้าสิ เลอะเทอะนะเดี๋ยวนี้!!
 02.15 PM
 T.Geg:
ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมพาเฮียฟูไปด้วย
 02.15 PM

 ตกลงตามนั้น
 READ 02.15 PM

 T.Geg:
แล้วเรื่องอื่นล่ะพี่ฌาน?
 02.16 PM

 พวกเราต้องหาทางให้พี่เต๋อ
ได้เจอเฮียฟูช่วงปิดเทอมหลังสอบ
 READ 02.18 PM

 Sakol:
ไปเที่ยวสิครับ ปิดเทอมแบบนี้ต้องไปเที่ยวเท่านั้น!!
 02.18 PM
 Sakol:
ที่สำคัญ...ต้องเที่ยวต่างจังหวัด
และต้องค้างคืนด้วยนะครับ
 02.19 PM
 Bu-Ai:
ทำไมต้องค้างคืนด้วยล่ะ?
 02.20 PM
 Sakol:
เฮ่อ! อีกละนายหนิ...
อย่าบอกใครล่ะว่าเราเป็นเพื่อนกัน...
เราอายน่ะ
 02.22 PM
 T.Geg:
...แว่น...
 02.22 PM
 Sakol:
อ๊ายยยยย! อย่าทำเค้านะพี่หมี!!!!!!
 02.23 PM
 Shaun:
สกล...พี่พลายบอกว่าคุยสนุก
อยากพามาอยู่ด้วยกันน่ะ
 02.23 PM
 Sakol:
กรี๊ดดดดดดดดด!!!!
 02.25 PM

  เฮ่ออออ...
แต่ที่สกลว่ามาก็น่าสนนะ
 READ 02.26 PM
 แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกันดีล่ะ?
 READ 02.26 PM

 Sakol:
สมุนเลวทั้งหลาย...
 02.28 PM
 Sakol:
กระผมขอแนะนำสถานที่ๆครบครันเป็นที่สุด
 02.28 PM
 Sakol:
ทั้งต่างจังหวัด...ทั้งพักค้างอ้างแรม
 02.29 PM
 Sakol:
รวมทั้งพี่สาวแจ่มๆอีกสามคน...อราาาาาาา!
 02.30 PM
 Bu-Ai:
อย่าบอกนะ?!!!!!
 02.30 PM

 แว่น...อย่าเยอะ!
 READ 02.30 PM

 Sakol:
แหมพี่ฌานล่ะก็!!
 02.31 PM
 Shaun:
บ้านบ๊วยน่ะครับ... น้องพลายบอกมา
 02.31 PM
 Sakol:
ฌอน!!! ...พี่พลาย!
ทำไมถึงทำกับผมได้?!!
อ่ะเฮื่อ!...
 02.32 PM
 Shaun:
ตายๆไปเสียก็ดี
 02.35 PM


 เข้าท่า!!!
 READ 02.35 PM
 บ๊วยล่ะว่าไง? โอเคไหม?
 READ 02.36 PM

 Bu-Ai:
จะดีเหรอครับพี่ฌาน?
ไปที่อื่นอาจจะสบายกว่าบ้านผมก็ได้นะครับ
 02.36 PM
 T.Geg:
อย่าคิดมากสิครับบูบู้...เค้าอยากไปบ้านบูบู้นะ
 02.37 PM
 Bu-Ai:
เอ่อ...
 02.38 PM
 Sakol:
เป็นอันว่าตกลงแล้วกันนะ
 02.38 PM

 ว่าไงบ๊วย? สะดวกไหม?
 READ 02.38 PM

 Bu-Ai:
เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ
 02.39 PM
 Sakol:
เย่สสสสสส!!
บิ๊วนูน่าาาาา  สกลมาแว้ว!!!
 02.39 PM

 เอาเป็นว่าหลังสอบเสร็จ
เราจะไปบ้านบ๊วยกันนะ
 READ 02.40 PM
 ส่วนตอนนี้...
แยกย้ายกันไปอ่านหนังสือได้แล้ว
 READ 02.41 PM



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



สามหนุ่ม สามมุม


 เห็นข้อความไอ้เก็กไหม?
 READ 02.43 PM

 Sakol:
อู๊ยยย! เต็มๆสองลูกกะตาเลยครับพี่ฌาน
 02.43 PM
 Sakol:
แต๋แหว่ว!!  ในที่สุด...
เดือนมหาลัยก็หมายตา
เพื่อนบูบู้ของเราเข้าจนได้
 02.44 PM
 Shaun:
แล้วพี่ชายต้องการจะบอกอะไรเหรอครับ?
 02.44 PM


  ยังไม่ลืมภารกิจที่แท้จริงไปใช่ไหม?
 READ 02.45 PM
 ล้างพรให้เก็กเป็นแค่ผลพลอยได้
 READ 02.45 PM
 ทำให้เก็กรักบ๊วย คืองานหลัก
 READ 02.46 PM

 Shaun:
แล้วยังไงครับพี่ชาย?
 02.46 PM

 ต่อจากนี้ไป...
แผนของพวกเราจะปรับตาม
ความต้องการของพระเอกมัน
 READ 02.48 PM
 และปัญหาแรกที่เราต้องรีบจัดการ
 READ 02.48 PM
 คือ...แฟนเก่าของไอ้เก็ก
 READ 02.49 PM
 Sakol:
นั่นสิครับ เล่นตามประกบคุณธันวา
หนึบกว่ากาวตราช้างแบบนี้...
บูบู้เพื่อนรักช้ำใจตายกันพอดีครับ
 02.50 PM
 Shaun:
ถ้าเรื่องนั้นพี่ชายไม่ต้องเป็นห่วง
 02.51 PM
 Shaun:
ปล่อยอิ๊กให้ผมจัดการเอง
 02.51 PM
 Sakol:
ฮู้ว! มาดแมนสุดเฉียบเนี๊ยบหนิง!!
 02.52 PM

 ฝากด้วยนะน้องชาย
 READ 02.52 PM

 Shaun:
ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง
 02.53 PM





Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ



คำถามที่ว่า...เสียงกริ่งหน้าประตูห้องตอนบ่ายสามของวันอ่านหนังสือสอบคืออะไร?  น่าจะหาคำตอบได้ง่ายกว่า...
ใครมันบังอาจกดกริ่งห้องพักหรูหราชั้นบนสุดเพียงห้องเดียวของหนุ่มร่างหมีซ้ำๆด้วยจังหวะสามช่าน่ารำคาญเช่นนี้?...
ดูเหมือนเต๋อกำลังถูกลูกบ้านภูธรของคุณพ่อลองดีเข้าให้แล้ว


“เดี๋ยวเถอะนะพว...

เซอร์ไพรส์! สามสมุนเลวร่างสูงที่ยืนออกันเต็มพื้นที่หน้าประตูห้องร้องทักทายเต๋อด้วยน้ำเสียงร่าเริงและเป็นมิตรผิดปกติ

จากที่เข้าใจว่าจะต้องรับมือกับลูกบ้านมือโรคจิตชอบกดกริ่งหน้าห้องคนอื่นเล่น
กลายเป็นว่า...เต๋อต้องรบราฆ่าฟันกับฝูงควายวัยฉกรรจ์พลัดถิ่นทั้งหลายโดยไม่ได้คาดฝันแทนเสียนี่  


“พวกมึงมาทำห่าอะไรที่นี่? ไป ไป๊!! ชิ่วๆ” ทันทีที่รุ่นพี่โบกมือไล่ ตัวช่วยลำดับแรกก็ถูกแฝดพี่ลากเข้ามายืนทำหน้าละห้อยอยู่ตรงกลางวงล้อมของสามหนุ่มทันที

“พี่เต๋อครับ... พอดีพวกผมซื้อของกินมาเยอะแยะเลยครับ ว่าจะมาทำอาหารเย็นกินฉลองสอบเสร็จกันที่นี่...
.
...พี่เต๋อสะดวกไหมครับ?” บ๊วยยิ้มแหยๆพลางชูถุงพลาสติกหูหิ้วใส่ของสดเต็มสองไม้สองมือขึ้นแกว่งไกวในระดับสายตา เพื่อให้พี่รหัสยอมจำนนต่ออาหารการกินที่เหล่าสมุนเลวเลือกใช้เป็นเครื่องต่อรองเบื้องต้น  

“ไม่ได้! วันนี้พี่ต้องอ่านหนังสือ ถ้าว่างนักก็กลับห้องไปเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้านกลับช่องเสียเถอะน้องรัก” เต๋อกลั้นใจทำเสียงแข็งใส่บ๊วยเพื่อบอกปัดตัดรำคาญ  

หากยอมอ่อยให้น้องรหัสตัวน้อย...
รับรองเลยว่า พวกไอ้ห้อยไอ้โหนทั้งสามคงได้ตามเข้ามาป่วนช่วงเวลาบ่ายอันแสนสุขของเขาจนไม่เป็นอันอ่านหนังสือแน่ๆ


“เห็นไหมครับพี่ฌาน ผมบอกแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าให้งัดไม้ตายมาใช้เลย พี่เต๋อจะได้ไม่เคยตัวทำท่ามากให้เสียนิสัย” สกลที่เริ่มจะทนอากาศอบอ้าวราวเตาอบภายนอกห้องเต๋อไม่ไหวก็หันไปเปรี้ยวใส่แฝดพี่ที่ยืนข้างๆ  แถมยังเหน็บกระทบชิ่งรุ่นพี่ให้พอแสบๆคันๆอย่างไม่น้อยหน้า จากนั้นจึงตะโกนเรียกหาสมุนเลวอีกหนึ่งหน่อที่ยังไม่ได้โผล่หน้าหล่อๆมาเข้าฉากแต่ทีแรก “คุณธันวาคร๊าบ เชิญคร๊าบ”

“ต่อให้มึงงัดไม้ระแนง ไม้ตีแมลงวัน หรือไม้สั้นไม้ยาวที่ไหนมาใช้ ไม่ว่ายังไงกูก็ไม่มีทางยอมให้พวกมึงได้แตะต้องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของกูอย่างแน่นอ...

“โอ๊ย! มึงจะลากกูทำไมเนี่ยไอ้เหี้ยเก็ก?!! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ!!!


ถ้อยคำก่นด่าไม่ซ้ำแบบใครดังแทรกเสียงเต๋อเอากลางปล้อง
การปรากฏกายของร่างเล็กทำให้เจ้าของห้องประหลาดใจยิ่งกว่าเซอร์ไพรส์หนเมื่อครู่อยู่หลายเท่า
เหล่าสมุนเลวร่างยักษ์ทั้งสามต่างพร้อมใจกันแหวกช่องว่างพอให้อดีตเดือนมหาลัยเข้ามาพรีเซนต์พี่ชายแท้ๆ ที่กำลังหงุดหงิดงอแงติดลมบนเพราะโดนน้องชั่วซ้อนแผนทำลายล้างไอ้บูบู้เข้าอย่างจัง


“แล้วถ้าเป็นไม้นี้ล่ะครับพี่เต๋อ... พี่เต๋อจะยอมให้พวกเราเข้าไปอ่านหนังสือข้างในห้องไหม?” หลังจากโชว์เครื่องบรรณาการในรูปสัตว์สองเท้าที่เจ้าของห้องปรารถนา เก็กก็ยิ้มร่าระหว่างรอคำตอบจากรุ่นพี่ต่างคณะที่เปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างกะทันหัน... ให้มันรู้กันไปสิว่า อีกฝ่ายจะกล้าไล่กังฟูเหมือนหมูเหมือนหมาต่อหน้าไพร่ฟ้าตาดำๆได้ลงคอ

“มาด้วยเหรอเตี้ย?” ความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นหน้าคนที่คิดถึง ทำให้เจ้าของห้องโพล่งคำถามสิ้นคิดออกมาแบบโง่ๆ...

แม้เต๋อจะออกตัวว่าพร้อมเดินหน้าจีบพี่ชายอดีตเดือนมหาลัย แต่เพราะไม่ได้อยู่กันเพียงสองคน
หนุ่มร่างหมีจึงไม่ได้ปฏิบัติกับอีกฝ่ายด้วยความพิเศษกว่าใครๆ เพราะไม่อยากทำให้กังฟูรู้สึกกระดากอายโดยไม่จำเป็น...
อีกอย่าง หากเขาเผลอแสดงท่าทางหวานแหววออกมาจริงๆ ไอ้พวกเด็กเวรคงลดสถานะเขาเป็นเพื่อนเล่นในเร็ววันแหงๆ


“ก็เออสิวะ! แล้วนี่จะให้กูยืนขาแข็งอยู่หน้าห้องมึงถึงเช้าหรือไง?...
.
...ถ้าไม่เต็มใจรับแขก...กูกลับก็ได้นะ” กังฟูทำท่าฟึดฟัดแบบจัดชุดใหญ่ทั้งที่ไม่มีใครพูดจาสะกิดต่อม...

เหล่าสมุนเลวต่างชะม้ายชายตาจ้องกันไปมาเพื่อส่งภาษาเม้าธ์มอยไร้ซาวด์ประกอบ
ใครหนอที่บ่นพวกเขาจนแทบเฉาตายหลังรู้ว่าถูกน้องชายตัวเองต้มเสียเปื่อย?
ใครกันที่ทำหน้าเหน็ดเหนื่อย ยืนถอนหายใจหนักๆอยู่ตลอดเวลาที่ต้องยืนคอยเจ้าของห้องมาเปิดประตู?
ใครกันที่ดูจะให้ความร่วมมือน้อยที่สุด แต่พอเจอหน้าพี่รหัสบ๊วยเข้าจริงๆ ก็แทบจะวิ่งมุดเข้าห้องไปข้างในห้องก่อนเพื่อน?
วินาทีนี้...จะมีใครซึนได้โล่เสมอเหมือนพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยคนนี้ได้อีกไหมหนอ?


“กลับกันเถอะฟู... อยู่นี่คงไม่ได้ทบทวนเนื้อหาหรอกมั้ง” ด้วงฝ่าดงรุ่นน้องเข้ากระชากข้อมือเพื่อนรักร่างเล็กพลางปรายตาข่มขู่สมุนเลวไม่ให้วอแวเวิ่นเว้อ อัศวินม้าขาวทว่าตัวดำอย่างเต๋อจึงต้องเข้ามาช่วยชีวิตเจ้าหญิงจากพ่อมดร้ายโดยไม่รอช้า

มึงอยากกลับก็กลับไปก่อนเลยก็ได้กะเทย... ไปเตี้ย! เข้าไปอ่านหนังสือข้างในห้องกับกู!พูดจบ หนุ่มร่างหมีก็คว้าข้อมืออีกข้างที่ว่างอยู่ของกังฟูแล้วยื้อยุดฉุดลากอีกฝ่ายเข้าห้อง

แต่ก่อนที่ร่างเล็กของกรกฏจะขาดเป็นสองท่อน
และก่อนที่ทั้งเต๋อและด้วงจะโดนกังฟูชำระความเพราะทำรุ่มร่ามเกินพอดี
สุดยอดสมุนเลวขี้ร้อนนามว่าสกล ก็วิ่งฝ่าความโกลาหลเข้าสู่ใจกลางความเย็นฉ่ำภายในของห้องพักสุดหรูของรุ่นพี่ทันที
แน่ล่ะ พอมีตัวนำ... ไอ้ตัวที่เหลือย่อมต้องพร้อมจะทำตามหนุ่มหน้าแว่นตัวต้นแบบโดยแทบไม่ต้องสอน  

เพียงอึดใจหลังจากนั้น... แขกไม่ได้รับเชิญทั้งหลาย ต่างพากันโยกย้ายมวลกายเข้าไปนั่งหน้าสลอนอยู่บนโซฟาตัวใหญ่  เปิดทีวีและเลือกรายการที่พวกมันโปรดปรานเป็นที่เรียบร้อย  ปล่อยให้เจ้าของห้องกับหนุ่มรุ่นพี่อีกสองคนยืนงงทำตาปริบๆอยู่ตรงหน้าประตูครู่ใหญ่โดยไม่มีรุ่นน้องคนไหนให้ความสนใจใยดีเลยสักนิด


Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ


เนื่องจากเหล่าสมุนเลวปักหลักหากินกันเต็มพื้นที่ส่วนรับแขก อาคันตุกะรุ่นพี่ทั้งสองจึงต้องแบกตำรับตำราระเห็จออกมายึดระเบียงข้างห้องเป็นชัยภูมิหลักสำหรับการตะลุยทบทวนความรู้ก่อนสอบในช่วงโค้งสุดท้าย ทว่าก่อนที่ใครจะได้ตั้งสมาธิจดจ่อกับหนังสือหนังหาทั้งหลาย พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็โพล่งข้อสงสัยซึ่งเป็นคำถามติดปากเจ้าตัวไปเสียแล้ว


“ด้วง...ไอ้เหี้ยเก็กอ่ะ?”

“เห็นบอกอยู่เมื่อกี๊ว่าจะไปช่วยน้องบ๊วยในครัวน่ะ” ด้วงตอบตามที่ได้ยินพวกรุ่นน้องคุยกันเมื่อสักครู่

หนุ่มผมยาวอดทึ่งไม่ได้ที่อีกฝ่ายยังสงบนิ่งอยู่ได้โดยไม่เต้นแร้งเต้นกา
หรือจิกเรียกน้องชายให้กลับมาคลอเคลียรอบๆขาอย่างที่มักจะทำ  

กระทั่งตอนนี้...พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็เอาแต่จดจ่ออยู่กับตำราเล่มยักษ์บนหน้าตักโดยไม่หือไม่อือใดๆทั้งสิ้น...
หรือจะเป็นไปได้ว่า กังฟูสามารถทำใจยอมรับความรักของน้องชายได้แล้วจริงๆ?


เป็นเพราะด้วงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
หนุ่มผมยาวจึงไม่อาจรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว...คลื่นลมไม่ได้สงบอย่างที่เห็น  



บ่าง

 มึงจงมาหากูภายในยี่สิบนาที!!
 READ 03.37 PM
 ตอนนี้กูอยู่ห้องไอ้เต๋อ
 READ 03.37 PM
 หวังว่าจะไม่โง่จนคลำทางมาไม่ถูกล่ะ
 READ 03.38 PM
 ถ้าเลท...มึงเจอกูแน่!!
 READ 03.38 PM


 บ่าง :
ตัวเฮี่ยครับ รู้จักคำว่ามารยาทไหม?
 03.40 PM

 กูต้องสนเหรอ?
 READ 03.40 PM
 แล้วเมื่อกี๊มึงเรียกกูว่าอะไร?
ปีนเกลียวเหรอสัด?
 READ 03.41 PM

 บ่าง :
คนไม่ชั่วทั่วๆไป
มักจะหาคำตอบเรื่องมารยาท
ได้ด้วยตัวเองนะครับ
 03.42 PM
 บ่าง :
อ้อ! ผมไม่ไปนะครับตัวเฮี่ย
 03.43 PM

 ตามใจ!
 READ 03.44 PM
 ไว้ให้น้องกูกับไอ้เหี้ยบูบู้เด้ากันเมื่อไร
กูจะส่งคลิปไปให้มึงเชยชมอีกทีนะสัด
  READ 03.44 PM


 บ่าง :
ไม่เกินสี่โมงครึ่งผมถึงแน่ครับตัวเฮี่ย
 03.45 PM

 หึ...กาก!
 READ 03.44 PM




“เตี้ยยิ้มไร? เอาแต่เล่นมือถือ...ไม่อ่านหนังสือเหรอ?” หนุ่มร่างหมีถือวิสาสะนั่งลงข้างๆร่างเล็กโดยไม่สนใจท่าทางเหมือนจงอางหวงไข่ของด้วง ส่วนกังฟูที่ดูเหมือนจะขวัญอ่อนผิดปกติก็รีบคว่ำหน้าจอมือถือที่ตนแอบใช้ลงกับตำรา ก่อนจะส่งเสียงล้งเล้งกลบเกลื่อน

“มึงตาบอดหรือไงไอ้เหี้ยเต๋อ? ใครเล่นมือถือ...หนังสือคาเปิดอยู่ทั้งเล่มเนี่ยเห็นไหม? ไอ้ควาย!!

ความเจ็บใจที่โดนกังฟูจิกด่าแทบไม่มีค่าอะไร หากเทียบกับสายตาเย้ยหยันของกะเทยเก๊ที่หนีบไข่ไขว่ห้างเบ้หน้าพลางยักไหล่ให้กับความผิดพลาดของเจ้าบ้านไม่ได้สักนิด  อารามหมั่นไส้คู่แข่งหัวใจจับจิต... ร่างหนาจึงเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่โดยไม่ปล่อยให้ใครตั้งตัว


“ไม่เล่นก็ไม่เล่นสิครับ เต๋อแค่เป็นห่วงก็เลยถามเฉยๆ...ไม่ได้คิดจะว่าฟูเสียหน่อย” หนุ่มร่างหมีเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนเคลิ้ม “ฟูไม่โกรธเต๋อนะครับ” คนพูดเลื่อนมือไปทาบหลังมือของกังฟูเอาไว้แล้วบีบเบาๆพร้อมยักคิ้วอัดสีหน้าโชว์พาวใส่หนุ่มผมยาวที่นั่งตรงข้ามแบบเต็มๆ... ของแบบนี้ ใครดีใครได้ ยิ่งถ้านั่งใกล้ๆก็ยิ่งได้แต่ดีๆ

ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความรุนแรงและรวดเร็วของจังหวะหัวใจกังฟูที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆได้ดีเท่าเจ้าตัว
ลำพังคำพูดเพราะๆแบบที่เต๋อชอบทำเวลาอยู่กันสองต่อสองน่ะไม่เท่าไร  แต่อยู่ๆก็แอบจับมือแบบเมื่อกี๊น่ะคืออะไร?...
จริงอยู่ว่าเขาเคยอนุญาตให้อีกฝ่ายจีบได้ แต่ใจคอจะไม่ปล่อยให้เขาวางตัวตามปกติได้หน่อยเหรอ?


“เอ้อ! งั้นก็แล้วไป ทีหลังไม่รู้อะไรก็อย่ามาทำง่าวต่อหน้าคนอื่นอีกล่ะมึง!

พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเอ่ยเสียงค่อยเหมือนโดนใครต่อยท้องก่อนเปิดปากพูด
ร่างเล็กชักฝ่ามือหลบการเกาะกุมอย่างช้าๆ แล้วแสร้งทำท่าประหนึ่งเด็กเรียนผู้อิ่มเอมกับวิชาการอัดแน่นในหน้ากระดาษ
ทั้งที่สติยังหล่นเกลื่อนกลาดอยู่ตามพื้นเพราะกำลังเขินกับสัมผัสเมื่อครู่ไม่หาย

ฝ่ายเต๋อที่ได้ทั้งจับมือโดยไม่โดนตะเพิดใส่ แถมยังได้นั่งข้างๆ เพื่อจ้องมองใบหน้าเลิ่กลั่กของร่างเล็กใกล้ๆ...
ก็แอบแสยะยิ้มใส่คู่แข่งให้ปวดร้าวหัวใจเล่นเป็นระยะๆ  


“ฟู... อธิบายโจทย์นี้ให้เราหน่อยสิ เราจำวิธีทำไม่ได้น่ะ” ยังไม่ทันจบประโยค ด้วงก็หย่อนก้นลงบนพื้นที่ว่างอีกฝั่งของกรกฏก่อนจะใช้กระดาษทดเป็นเครื่องมือทำคะแนนตีตื้นหนุ่มสถาปัตย์อย่างแนบเนียน

“ไหน?...ก็นี่ไง มึงต้องใช้สูตรนี้ยังไงล่ะ......  

กังฟูนึกขอบใจด้วงที่ถามแทรกขึ้นมาอย่างถูกจังหวะ
อย่างน้อยๆโจทย์ข้อดังกล่าวก็สามารถเบนความสนใจของเขาไปจากอาการตื่นเต้นตูมตามเมื่อครู่ได้บ้าง  

ระหว่างกรกฏกำลังอธิบายด้วยความตั้งอกตั้งใจ ด้วงก็เอนตัวเข้าหาเพื่อนรักแล้วพาดคางลงบนลาดไหล่ของร่างเล็กคล้ายกับกำลังพยายามทำความเข้าใจตามรายละเอียดที่อีกฝ่ายพร่ำสอนอย่างใกล้ชิด


“อืม...อ่อ...งืมมม ....”

หนุ่มผมยาวครางรับเป็นนกแก้วนกขุนทอง เพราะมัวแต่ส่งสายตาท้าทายบุคคลที่สามซึ่งกลายเป็นอากาศธาตุในทันตา
หลังจากที่ด้วงย้ายฝั่งมานั่งข้างๆกังฟูตั้งแต่เมื่อครู่... ดูเหมือนจะต้องเตือนความจำกันเสียหน่อยว่า เขาไม่ค่อยชอบให้ใครมาลูบคมง่ายๆ

ส่วนเต๋อที่เฝ้ามองการกระทำของด้วงอย่างไม่คลาดสายตา นอกจากจะไม่เสียกำลังใจแล้ว
หนุ่มสถาปัตย์ยังกระโจนแผล็วลงต่อสู้ในสนามแห่งความรักครั้งนี้อย่างฮึกเหิมเสียด้วยซ้ำ... ชายร่างหมีจะทำให้กังฟูเทความสนใจทั้งหมดกลับมาสู่ตัวเขาให้จงได้


“ฟูครับ...เต๋อก็มีโจทย์ที่อยากถามอาจารย์ฟูอยู่เหมือนกัน” เต๋อเอ่ยขึ้นทันทีที่กังฟูร่ายจบ ทำให้บรรยากาศการเรียนการสอนอันเข้มข้นของติวเตอร์ร่างเล็กกับเด็กโข่งจอมมารยากลายเป็นพิลึกพิลั่นในทันใด

“นี่มึงจงใจกวนตีนกูเปล่าเนี่ย? จะให้กูสอนเหี้ยอะไร?...
.
...อยากแดกปลาปลายเทอมให้หายโง่หรือไง?!!...
...ถามจริง  หัวมึงมีไว้กั้นหูอย่างเดียวเรอะ?”  พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยพรั่งพรูคำด่าโดยไม่ยั้งคิด ถ้าอีกฝ่ายเกิดติดเอฟขึ้นมาจริงๆ เขาจะแถมกัณฑ์เทศนาชุดใหญ่ให้หูหนวกกันไปข้าง

“ฮื่อฟู อย่าไปสนใจเต๋อเลยนะ... มาทบทวนต่อเถอะ... นี่ นี่ ตรงนี้ๆ อธิบายให้เราฟังหน่อยสิ อ่านตั้งสามรอบแล้วก็ยังไม่เข้าใจสักที” ด้วงโฉบเข้ามากันซีนเต๋อด้วยความว่องไว แต่อย่าได้หวังว่าชายร่างหมีจะยินยอมให้หนุ่มผมยาวตะล่อมกังฟูได้ง่ายๆ

“เต๋อแค่จะถามฟูว่า... ถ้าความรักมีน้ำหนักมากกว่าแต่ใช้เวลาเดินทางนานกว่าความคิดถึง...
.
...คนอยู่ที่ปลายทางความรู้สึกอย่างฟูจะรับความรู้สึกใดของเต๋อได้ก่อนกันน่ะครับ?”  

เท่านั้นแหละ...
จากที่กำลังจะอ้าปากจวกเต๋อที่เจ๋อเข้ามาทำให้ตัวเองไม่ได้เริ่มอ่านหนังสือทบทวนความรู้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้
ร่างเล็กกลับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ กังฟูรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่กระจายไปทั่วหน้าจนต้องกดสายตาลงต่ำเพราะทำตัวไม่ถูก   


“ว่ายังไงล่ะครับ? ฟูรับความคิดถึงของเต๋อได้ก่อน...หรือ รับรักเต๋อก่อนกันครับ?”

หนุ่มร่างหมีที่หยอดอย่างมุ้งมิ้งไม่อิงความเหี้ยมบนใบหน้าเย้าซ้ำๆให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยยิ่งเขินอายไปกันใหญ่...
เต๋อนึกขอบใจด้วงอยู่ไม่น้อย ที่คอยยุ่มย่ามกับกังฟูจนเขาสู้ไม่ถอย ไม่อย่างนั้นหนุ่มสถาปัตย์คงไม่กล้าปล่อยลูกหยอดหวานหยดออกมาให้กรกฏได้ฟังแน่ๆ

มนุษย์เรานี่ก็แปลก...แม้จะไม่ชอบการโดนต้อนให้อายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่สติและเหตุผลทั้งหลายกลับไม่อาจบรรเทาอาการหัวใจโป่งพองของกังฟูได้สักนิด...
ร่างเล็กที่กำลังเขินจนสติปลิดปลิวลอยละล่อง จึงนั่งจ๋องทำตาใสปล่อยให้เต๋อแทะโลมได้อย่างสบายแฮ  


“เต๋อ...เราว่านายอย่าทำให้ฟูลำบากใจไปกว่านี้อีกเลยนะ นายคงไม่รู้ใช่ไหมว่าฟูไม่ชอบให้ใครพูดจาแบบนี้ด้วยมากที่สุด” ไม่พูดเปล่า...หนุ่มผมยาวโอบไหล่บางของกังฟูเอาไว้หลวมๆคล้ายกับจะปลอบ ทว่าอันที่จริง...ด้วงหวังจะดึงร่างเล็กให้กระถดออกห่างเต๋อ ที่อาศัยจังหวะเผลอโน้มตัวเข้าใกล้กรกฏในระยะสุ่มเสี่ยงจนเกินไปแล้วต่างหาก

”ขอร้องล่ะ ถ้านายว่างมาก นายก็เข้าไปนั่งเล่นกับพวกน้องๆของนายข้างในเถอะ เพราะเรากับฟูอยากอ่านหนังสือน่ะ” ด้วงรวบรัดตัดความด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเพราะตั้งใจจะกำจัดเต๋อให้หลุดวงโคจรไปให้พ้นๆ

“ฟูลำบากใจเหรอครับ?...
.
...งั้นตอนนี้ก็รับรู้ว่าเต๋อคิดถึงไปก่อนแล้วกันนะ แล้วอีกสองวันข้างหน้าค่อยกลับมารับรักเต๋ออีกที”

จุดๆนี้ เต๋อหน้าด้านเกินการคาดเดาของผู้ใดไปหลายขุม  
มือหนาของร่างหมีปัดแขนของด้วงให้พ้นไปจากไหล่กังฟู แล้วจับร่างเล็กให้นั่งพิงแผ่นอกของตัวเองโดยไม่ขออนุญาต

แต่ก่อนที่จะเกิดศึกชิงนายที่ราบรื่นประหนึ่งคลื่นใต้น้ำระหว่างร่างสูงใหญ่ทั้งสอง...
สายตาอาฆาตและการวัดกำลังผ่านฝ่ามือที่จับแขนกังฟูอีกข้างเอาไว้แน่นของด้วง ก็ทำให้กรกฏรู้สึกเจ็บจนได้สติ
ร่างเล็กผุดลุกขึ้นแล้วย้ายไปนั่งเก้าอี้เดี่ยวฝั่งตรงข้ามก่อนจะด่าไอ้ตัวรุ่มร่ามทั้งสองอย่างไม่ไว้หน้า


“พวกมึงก้มหน้าอ่านหนังสือไปเลยนะ!! ถ้าใครเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเกินห้าวินาที กูจะปาไอ้นี่ใส่หัวให้แตกเลย”

เมื่อทั้งด้วงและเต๋อตระหนักว่า ไอ้นี่ที่กังฟูว่าคือตำราเล่มหนาเท่าสมุดโทรศัพท์
สองหนุ่มจึงรีบก้มหน้าก้มตากลับลงไปให้ความสนใจกับชีทในมือกันยกใหญ่...
ไม่ได้กลัวคำขู่ของว่าที่เมียแต่อย่างใด แต่กลัวใจกังฟู...เพราะรู้ว่า ร่างเล็กพูดจริงทำจริง


Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ


“พรุ่งนี้พี่หมีมีสอบไม่ใช่เหรอครับ?...ไปอ่านหนังสือเถอะครับ...ทางนี้เค้าทำคนเดียวได้” บ๊วยละสายตาจากกระทะหลังหย่อนปีกไก่ลงทอด เพื่อชำเลืองมองหน้าอดีตเดือนมหาลัยที่ยืนหมุนมีดเล่นอยู่ไม่ห่าง

“เค้าว่ากันว่า เครียดเกินไปก็ไม่ดีต่อสมองหรอกนะครับบูบู้...
.
...เพราะฉะนั้น เค้าเลยอาสามาเป็นลูกมือให้บูบู้เพื่อผ่อนคลายนี่ยังไงล่ะ” เก็กอธิบายพลางควงมีดอย่างคล่องแคล่ว...

นานแล้วที่เขาไม่ได้เข้าครัวเพื่อช่วยใครทำอาหารเหมือนเมื่อครั้งที่ม๊ายังมีชีวิต
อยู่กับกังฟู...กับข้าวโรงอาหาร อาหารแช่งแข็ง และแกงถุงดูจะเป็นคำตอบที่ทั้งสองหนุ่มอริยะตรัยคุ้นเคยมากที่สุด


“แต่ตั้งแต่พี่หมีจับมีด  เค้าก็ชักจะเครียดขึ้นเรื่อยๆเสียแล้วล่ะ...
.
...พอเลยครับพี่หมี! พี่หมีออกไปนั่งรอกับพวกพี่ฌานดีกว่า เดี๋ยวผีผลักแล้วจะยุ่งไปกันใหญ่” ชายกลางเอ่ยอย่างละมุนละม่อม...

เจ้าของร่างผอมแกร็นหาทางกำจัดหนุ่มรูปงามที่พยายามคลอเคลียอยู่ไม่ห่างนับตั้งแต่ที่เขาปลีกตัวเข้าครัว...
ไม่สิ... ความเป็นจริงก็คือ บ๊วยกำลังหาจังหวะปรับตัวให้รับมือกับเก็กในโหมดก้อร่อก้อติกให้ได้โดยเร็วต่างหาก
เพราะหลังจากงานเลี้ยงคืนนั้น ธันวาก็มักจะหาโอกาสใช้เวลากับตนอยู่เสมอทั้งที่ไม่มีเงื่อนไขของภารกิจใดๆมาเกี่ยวข้อง


“แสดงว่าเค้าเกะกะ เลยจะหาทางไล่เค้าไปให้ไกลๆใช่ไหมครับบูบู้?“ ทว่าอดีตเดือนมหาลัยผู้เหนือชั้นด้านงานล่อลวงชายกลางน้อยให้ตกบ่วงเป็นงานอดิเรก กระทืบเบรกอารมณ์ชื่นมื่นยืนทอดไก่จนตัวโก่ง ด้วยการปั้นหน้าตึงใส่แล้วดึงบ๊วยเข้าสู่โหมดดราม่าทันที

“เปล่านะครับพี่หมี!“ แค่เห็นธันวาทำหน้าตูม ใจบ๊วยก็ร่วงลงตาตุ่มไปเรียบร้อย... จากที่คอยหาทางขับไล่อีกฝ่าย กลายเป็นต้องรีบอธิบายให้เก็กเข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริงจนหมดเปลือก  

“ก็แค่...ตอนที่พี่หมีอยู่ เค้าทำอะไรไม่ถูกนี่นา” บ๊วยก้มหน้างุดพลางพูดไม่เต็มเสียง  เมื่อได้ที...ชายหนุ่มผู้มีภาวะทางอารมณ์สวิงสวายคล้ายกราฟพาราโบลาอย่างธันวาจึงคว้าโอกาสตรงหน้ายัดเยียดความรู้สึกในใจให้อีกฝ่ายรับฟังโดยไม่อ้อมค้อม

“แต่เค้าก็ไม่เห็นว่าบูบู้จะทำอะไรผิดเลยนี่ครับ... ที่ผ่านมาก็เห็นแต่ทำอะไรถูกใจเค้าไปซะทุกอย่าง” เก็กกระหยิ่มอย่างปลื้มปริ่มเสียเต็มประดาเมื่อฟีดแบ็กที่เห็น คือ ร่างผอมเขินจนก้มหลบตาคล้ายอยากจะซ่อนใบหน้าไว้ใต้ผืนพสุธาเสียให้ได้...

เอาวะ! ถึงจะยังบอกรัก รู้สึกรัก หรือร่วมรักกับอีกฝ่ายไม่ได้ก็ตาม
แต่แค่ได้ลวนลาม หยอดหยอก และบอกความรู้สึกแบบอ้อมๆให้บ๊วยได้รับรู้บ้าง...
ก็พอหยวนได้ว่า อาการประหลาดๆของร่างกายอันเป็นผลจากพรของกังฟู...ยังไม่เลวร้ายจนเกินทน


“บูบู้เป็นอะไรครับ ทำไมไม่มองหน้าเค้าเลยล่ะ?...โกรธเค้าเหรอ?” เก็กพูดแหย่พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับอีกฝ่ายที่ไม่ยอมสบตาด้วยตั้งแต่เมื่อครู่เพื่อรอดูสีหน้าขัดเขินของบ๊วยใกล้ๆ

“เปล่าครับ... เค้าทอดไก่อยู่ ถ้าไม่ดูเดี๋ยวจะไหม้”...ยิ่งบ๊วยเฉไฉ เก็กยิ่งออกอาวุธใส่เป็นว่าเล่น

“งั้นเค้าทอดให้ดีกว่า บูบู้จะได้ดูทั้งไก่ดูทั้งเค้าไปพร้อมๆกันเลยดีไหมครับ?” คนพูดทำหน้าทะเล้น ก่อนจะกระแซะเข้าใกล้เพื่อให้ความช่วยเหลืออีกฝ่ายดังปากว่า

“อย่าเลยครับ เดี๋ยวน้ำมันกระเด็นใส่พี่หมี เค้าทอดเองแหละดีแล้ว” บ๊วยบ่ายเบี่ยงเพราะดูเหมือนว่า คนเสนอตัวจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงนอกเหนือไปจากการทอดไก่...  

ใช่... เหยื่อส่วนใหญ่มักจะรับรู้ได้ถึงอันตรายที่พุ่งเป้าเข้าหาตน...
ยิ่งถ้าโดนเนียนหื่นใส่เป็นประจำ ต่อให้แกล้งทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทว่าสุดท้ายก็ต้องทนไม่ไหวอยู่ดี


“ให้เค้าทอดดีกว่าครับ...
.
...บูบู้ไม่เคยได้ยินหรอกเหรอครับว่า คนหล่อ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้...
...ตกน้ำมันยิ่งแล้วใหญ่ เพราะว่าให้เลขได้ด้วยนะครับ”  

อดีตเดือนมหาลัยเรื่อยเจื้อยพลางเลื้อยมือเข้าหาชายกลางอย่างช้าๆ
ด้วยหวังเสียใหญ่โตว่าจะได้กอดประคองอีกฝ่ายทอดไก่ในบรรยากาศโรแมนติกสุดร้อนฉ่าหน้ากระทะบัวใบเขื่อง...
ถ้าไม่ติดว่าคนตัวเล็กกว่าหันมาสั่งให้เก็กเริ่มทำหน้าที่ๆตนขันอาสาตามเดิมเสียก่อนน่ะนะ


“พี่หมีหั่นผักไปเถอะครับ”

“ว้า...เค้าชักจะเอาใจบูบู้ไม่ถูกเสียแล้วสิ!... เมื่อกี๊บอกอย่าง ตอนนี้บอกอีกอย่าง” เก็กแสร้งทำเสียงกลุ้มอกกลุ้มใจพลางอาศัยจังหวะที่บ๊วยยังไม่หันมา รีบชักมือหดกลับเข้าประจำที่เพื่อไม่ให้ชายกลางจับพิรุธได้  

ในเมื่อการหาเศษหาเลยทางกายกลายเป็นเรื่องยาก...
ชายหนุ่มรูปงามจึงเปลี่ยนใจมาใช้ฝีปากเต๊าะอีกฝ่ายให้กระชุ่มกระชวยหัวใจอีกรอบ


“เปลี่ยนใจไปมารวดเร็วจนเค้าตามไม่ทัน... ชักจะหวั่นเสียแล้วสิว่าแฟนพี่หมีจะสามวันจากชาตรีเป็นอื่นหรือเปล่าน้า?”

คนฟังยืนก้มหน้ากดคางจมอกโดยไม่พูดไม่จา ด้วยไม่กล้าเผยใบหน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงสุกของตัวเองให้อีกฝ่ายเห็น
เพราะพอไม่มีเงื่อนไขในการล้างพรเป็นข้ออ้างบังหน้าอีกต่อไป นั่นจึงหมายความว่า...สิ่งที่เพิ่งได้ยินไปนั้น กลั่นมาจากความต้องการที่แท้จริงของคนพูดล้วนๆ


“อ่ะ อ่ะ...เค้าไม่ถามแล้วก็ได้ครับ เค้าจะหั่นผักตามคำบัญชาของกุ๊กใหญ่เดี๋ยวนี้เลย!” จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่...ทว่า สุดท้าย อดีตเดือนมหาลัยก็ยอมอ่อนข้อให้บ๊วยแต่โดยดี

ทว่า...ความผาสุกกลับอยู่กับพวกเขาทั้งสองได้เพียงไม่นาน
เพราะเพียงไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ร่างสูงซึ่งกำลังปลุกปั้นแครอทเป็นรูปดอกไม้อย่างตั้งใจอยู่ในโลกส่วนตัว ก็ส่งเสียงร้องโหยหวนจนน่ากลัวประหนึ่งคนใกล้ตาย ไม่ก็ควายถูกเชือด


“โอ๊ยยยยยยยยยย! ธันวาเจ้าของเบ้าหน้าเหยเกในยามนี้เบะปากคว่ำพร้อมทำท่าเจ็บปวดเจียนตาย

“พี่หมี?!! ไหนขอเค้าดูมือหน่อยซิครับ... เจ็บมากไหมครับพี่หมี?”

ลาก่อนความอับอาย วินาทีนี้...ความปลอดภัยของผู้เป็นที่รักย่อมสำคัญกว่าการรักษาหน้าตาเป็นไหนๆ  
บ๊วยปราดเข้าไปหาเก็กที่ยืนกุมมือข้างหนึ่งของตัวเองเอาไว้แน่น  ร่างผอมดึงมือหนาของคนเจ็บมาพลิกหน้าพลิกหลังเพื่อตรวจดูบาดแผลโดยละเอียด

ยิ่งโดนมือนิ่มกระชับสัมผัสแนบแน่นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย...
ระดับความออดอ้อนของอดีตเดือนมหาลัยก็ใกล้จะแตะจุดสูงสุด


“อูยยยย...เจ็บครับ เจ็บมากเลยครับบูบู้”  เก็กสูดปากร้องหงิงพลางทำท่าสะดีดสะดิ้งไปเสียทุกครั้งที่มือถูกจับพลิกคว่ำพลิกหงาย ผิดกับอีกฝ่ายที่เริ่มทำนิ่วหน้าคิ้วขมวดด้วยความสงสัยเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายนาที แต่กลับไม่มีหลักฐานชี้ชัดจุดเกิดเหตุ

“ไหนครับพี่หมีโดนบาดตรงไหน? แล้วทำไมไม่มีแผลเลยล่ะครับ?” หนุ่มสถาปัตย์รำพึงรำพันด้วยความไม่เข้าใจ...

กว่าบ๊วยจะรู้ตัวว่า ทั้งหมดเป็นแผนของธันวา...
ก็เมื่อมือทั้งสองข้างก็ถูกอีกฝ่ายคว้าเอาไปจับเสียแน่นหนาแล้วนั่นแหละ


“เค้าโดนบาดตรงนี้ครับ... แผลมันลึก บูบู้มองไม่เห็นหรอก” อดีตเดือนมหาลัยส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่าย พร้อมกับเลื่อนมือนิ่มของบ๊วยลงวางทาบเอาไว้ตรงหน้าอกด้านซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจพอดิบพอดี

“พี่หมี!!! ใครบอกให้เล่นแบบนี้?!! เดี๋ยวเถอะนะ!!” บ๊วยขึ้นเสียงอย่างเหลืออด

“ก็บูบู้ไม่ยอมตอบคำถามข้อเมื่อกี๊นี่ครับ ถ้าเค้าไม่ทำแบบนี้ แล้วบูบู้จะยอมคุยกับเค้าดีๆเหรอ?...
...ว่ายังไง? ไม่ตอบเดี๋ยวแผลเค้าไม่หายกันพอดีนะ...
...อยากเป็นหม้ายเหรอครับบูบู้?”

หากเคยเข้าใจว่าแม่ค้าขนมครกคือผู้ขยันหยอดไร้เทียมทาน...ขอให้ท่านเปลี่ยนความคิดกันเสียใหม่
เพราะสุดหล่อชั้นแนวหน้าของมหาลัยเพียรตอดบ๊วยเสียจนอีกฝ่ายเขินจนหน้าไหม้ได้อย่างไร้ความปรานี

กระนั้น...ในความโชคดีของเก็ก กลับมีความโชคร้ายซุกซ่อนตัวอย่างแนบเนียน
แม้อดีตเดือนมหาลัยจะเพียรสร้างโอกาสอยู่กับบ๊วยสองต่อสองหนแล้วหนเล่า แต่เพื่อนสนิททั้งสามก็มักจะตามเข้ามาขัดจังหวะอยู่ร่ำไป


“ฮู๊ยยยยย! พี่ฌานครับ ช่วยจับมือผมเดินหน่อยได้ไหมครับ?... เบาหวานมันขึ้นตาจนแว่นผมพร่ามองทางข้างหน้าไม่เห็นแล้วครับเนี่ย!!” สกลส่งเสียงนำร่องก่อนจะพาเพื่อนรักฝาแฝดเดินตามหลังมาครบชุด

“แซวเพื่อนทำไมครับสกล? เพื่อนแค่ซ้อมบทกระหนุงกระหนิงกันเผื่อเวลาอยู่ต่อหน้าเฮียฟูแค่นั้นเอง...
.
...พี่ฌานพูดถูกใช่ไหมบ๊วย?” แฝดพี่ช่วยชี้ช่องให้เพื่อนตัวน้อย บ๊วยเลยลอยคอตามน้ำหนีขี้ปากของหนุ่มหน้าแว่นโดยไม่รั้งรอ

“ครับ ใช่ครับ...พี่ฌานมาพอดีเลย คือฝากดูไก่ทอดหน่อยได้ไหมครับ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ซื้อน้ำมันหอยมา ว่าจะลงไปซื้อซักหน่อย”  ชายกลางผู้วางตัวไม่ถูกยกข้ออ้างที่เพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆขึ้นมาเพื่อสลัดตัวเองให้หลุดจากท่าทางชวนจิ้นที่เป็นอยู่... ร่างผอมเกือบรอดพ้นจากการยื้ดยุดฉุดรั้งของธันวาได้อยู่แล้วเชียว หากไม่ติดว่าแฝดน้องขันอาสารับภาระน้ำมันหอยกู้ชาติขึ้นเสียก่อน

“ดูไก่ไปเถอะบ๊วย... เดี๋ยวเราไปซื้อให้เอง” พูดจบ ฌอนก็หมุนตัวกลับหลังจากรับคำสั่งทันที...

ใครเลยจะรู้ว่าที่แฝดน้องรีบร้อนขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะเครื่องปรุงรสของบ๊วยที่ขาดหายไป
แต่เป็นเพราะข้ออ้างดังกล่าวช่วยให้เขาลงไปข้างล่างได้อย่างแนบเนียน... ตามที่กุมารทองเพียรย้ำตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วว่า อดีตเดือนบริหารกำลังเดินทางมาถึงอพาร์ทเมนท์หรูของเต๋อในไม่ช้า


“ดีมากครับฌอน! เพื่อนบูบู้ของผมจะได้อยู่ทอดไก่ต่อ เพราะพี่หมีคงไม่อยากกินฝีมือไก่ทอดของใครนอกจากไก่ของบูบู้หรอกเนอะ” ฌอนตบบ่าเพื่อนหน้าแว่นขาแซวปุๆโดยไม่พูดไม่จา แล้วจึงผลุบหายลับไปจากสายตาด้วยความรวดเร็ว

“ปล่อยมือเพื่อนพี่ฌานก่อนเถอะเก็ก... ถือมือบ๊วยเอาไว้แน่นแบบนั้น เดี๋ยวไก่ก็ไหม้กันพอดี” แฝดพี่กรุยทางหวังให้ชายกลางเป็นอิสระ หลังจากอีกฝ่ายส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือผ่านสายตาวิงวอนอยู่นานสองนาน

ถึงอย่างนั้น...ความมุ่งมั่นของอดีตเดือนมหาลัยกลับสูงส่งจนน่ากราบไหว้เสียเหลือเกิน


“วันนี้ผมเสียสละไม่กินไก่ก็ได้พี่ฌาน ผมว่าผมจะจับมือบ๊วยจนกว่าพี่ฌานกับสกลจะเดินออกไปก่อนน่ะครับ” มาดขึงขังเข้มแข็งของเก็กดูขัดแย้งกับสีหน้าตระหนกเป็นกระต่ายตื่นตกใจของชายกลางแบบสุดขั้ว แฝดพี่จึงหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“หึ หึ หึ...ก็ได้ ก็ได้ พระเอกว่าไง พี่ฌานก็ว่างั้น” ฌานส่ายหัวป้อยๆพลางชูมือยอมแพ้ แล้วจึงส่งสายตาขอโทษขอโพยกึ่งขบขันไปให้เพื่อนตัวเล็กที่ยังทำหน้าช็อกไม่หาย ปิดท้ายด้วยการแงะก้างขวางคอพระเอกอีกชิ้นให้หลบฉากไปพร้อมๆกัน “พวกเราไปกันเถอะสกล เดี๋ยวเย็นนี้ไม่มีไก่ให้สกลลากลงไปกินในน้ำกันพอดี”

“พี่ฌานกลัวไม่มีคนกินเป็นเพื่อนใช่ไหมล่ะครับ? กระหน่ำแฮชแท็ก...ในน้ำหนาวมาก ตามด้วยรีทวิตรัวๆ” หนุ่มแว่นทำท่าทะลึ่งตึงตังใส่เพื่อนร่างหนามากบารมี ซึ่งอาการแบบนี้...มักจะยั่วยุการตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อจากแฝดพี่ได้ดีเสมอ

“อยากลองติดแฮชแท็ก...โลงจำปาหนาวมากแล้วรีทวิตรัวๆดูบ้างไหมล่ะแว่น? พี่ฌานบริการได้นะ” รอยยิ้มพิฆาตมารที่ชวนให้คนมองสั่นสะท้านไปทั้งสรรพางค์คือรางวัลตบท้ายที่ชายหนุ่มหน้าแว่นได้รับจากแฝดพี่ ทันทีที่ประโยคชักชวนแกมขย่มขวัญเมื่อครู่จบลง... แต่มีหรือที่คนเหนือโลกอย่างสกลจะเกรงกลัว

“ฮู๊ยยยย! อย่าเลยครับ ผมกลัวว่าสัญญาณไวไฟจะไปไม่ถึงใต้ดิน”


Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ


“อ้าวนายขอรับ!... นายลงมารอฉันเหรอ?”

อดีตเดือนบริหารร้องทักแฝดน้องที่เดินลิ่วๆผ่านหน้ารถตนไปหมาดๆแบบไม่คาดฝัน
ร่างบางซึ่งโดนพี่ชายแฟนเก่าตามจิกจนไม่เป็นอันติวจ้ำตามคนหล่อหน้านิ่งเพื่อรอฟังคำตอบของอีกฝ่ายด้วยความว้าวุ่นใจ


“ผมเปล่า” กว่าจะได้ยินคำตอบของร่างสูง อิ๊กก็ต้องวิ่งกระหืดกระหอบตามหนุ่มสถาปัตย์มาหยุดรอลิฟท์ข้างๆกันจนลิ้นห้อยเสียก่อน  แต่แทนที่อีกฝ่ายจะหยุดพูดคุยกับเขาให้เป็นเรื่องเป็นราว ขายาวๆของฌอนกลับล่วงพ้นบานประตูโลหะของลิฟท์เข้าสู่ด้านใน

อาการไม่อยากจะเสวนาหรือวิสาสะด้วยของแฝดน้องทำให้อิ๊กใจหาย...
เขารึอุตส่าห์ดีใจที่ได้เจออีกฝ่ายหลังจากไม่ได้เห็นหน้ากันมาเกือบสองอาทิตย์...เฝ้าคิดเฝ้าตั้งความหวังอยู่นั่น หากเจอกันตอนมีสติครบถ้วน อิ๊กจะชวนหนุ่มสถาปัตย์ปรับความเข้าใจ พร้อมๆกับอธิบายตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด


“เดี๋ยวก่อนซี่...รอฉันด้วย
!!” เมื่อเห็นท่าไม่ดี...ร่างบางจึงกระโดดแผล็วเข้าด้านในก่อนประตูทั้งสองจะผนึกกล่องเหล็กจนแนบสนิท หลังจากยึดพื้นที่ฝั่งใกล้ประตูลิฟท์เอาไว้ได้ อดีตเดือนบริหารก็ประกาศความตั้งใจของตนให้อีกฝ่ายรับรู้โดยไม่เสียเวลา

“นายขอรับ เราสองคนต้องคุยกัน!

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” ฌอนที่คุมพื้นที่ด้านในสุดของลิฟท์ปฏิเสธความต้องการของอีกฝ่ายทันควัน ท่าทางหมางเมินผิดปกติทำให้อิ๊กตัดสินใจได้

“แต่ฉันมี!” มือเรียวกดปุ่มหยุดลิฟท์ฉุกเฉินทันที “เยอะด้วย” อคิราเชิดหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดพลางจ้องตาสู้กับเจ้าของนัยน์ตาคมไม่ลดละ  

“คุณหยุดลิฟท์ทำไมเนี่ยะ?!!” แฝดน้องเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ครั้นจะเดินเข้าไปยังแผงปุ่มควบคุมลิฟท์ ร่างบางกลับดักทางเขาเอาไว้ด้วยภาษากายคล้ายเด็กน้อยกำลังเล่นบอลลูน

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน และฉันคงปล่อยนายไปไม่ได้ถ้าวันนี้เราไม่ได้พูดกันให้รู้เรื่อง” อดีตเดือนบริหารยืนยันคำเดิมหากแต่เพิ่มความเข้มข้นของสุ้มเสียง และความเหวี่ยงของหน้าตาให้มากไปกว่าเมื่อครู่ แต่อีกฝ่ายดูจะยังไม่ค่อยเข้าใจหรือให้ความร่วมมือเท่าที่ควร

“คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?” หนุ่มสถาปัตย์เริ่มจะหงุดหงิดกับความคิดพิเรนทร์ของหนุ่มหน้าสวย ซ้ำร้ายกุมารพลายยังลอยไปช่วยเชียร์อีกฝ่ายอยู่ไหวๆโดยไม่เห็นหัวผู้มีพระคุณอย่างเขาสักนิด...

ฌอนพยายามต้อนร่างบางให้หลบจากบรรดาปุ่มกดทั้งหลาย
กระนั้นอีกฝ่ายกลับเชิดหน้า แอ่นอกตึง พลางสาวเท้าเข้าถึงตัวเขาอย่างบ้าบิ่น...

ซึ่งหากแฝดน้องยังรั้นจะปลดล็อคลิฟท์ให้ได้จริงๆ นั่นจะหมายความว่า...
กว่าที่ลิฟท์จะทำงานตามปกติอีกครั้ง เขาทั้งสองจะต้องตกอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันกลายๆ  
ลำพังแค่คุยกันได้ไม่เท่าไร อีกฝ่ายยังคิดว่าเขาเป็นบ้า แล้วถ้าสมมติว่า...ร่างบางโดนเขากอดแม้จะไม่ตั้งใจ เขาจะไม่ผันตัวกลายเป็นไอ้บ้ากามในสายตาอิ๊กไปเลยหรือ?!  


“ฟัง! นายขอรับ...นายต้องฟัง!!” คนพูดควักกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วคลี่ออก “ไม่ต้องทำหน้าสงสัย...ฉันกลัวจำไม่ได้ ฉันเลยจดหัวข้อมา” อิ๊กรัวลิ้นอธิบายแต่ยังไม่คลายความจริงจังในน้ำเสียงลง... ร่างเล็กกระแอมเบาๆก่อนจะอ่านตามเนื้อความในแผ่นกระดาษด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น

ถ้าสถานการณ์ไม่ตึงเครียด
แฝดน้องเดาว่าตนเองคงเผลอหัวเราะกับความโก๊ะของอีกฝ่ายไปนานแล้ว


“ข้อแรก...ฉันไม่ได้รักเก็ก...
.
...ที่สำคัญ...ฉันไม่คิดจะกลับไปใช้ของมือสองที่ฉันเป็นคนปล่อย หรือใช้ของๆใครเพื่อแก้ขัดเป็นอันขาด นายเคลียร์นะ” คนพูดคาดคั้นคำตอบสำคัญของแฝดน้องด้วยสายตาที่จ้องเขม็ง

“ก็...อืม” แฝดน้องพยักหน้าเนือยๆพลางรับคำไม่เต็มเสียงนัก...

ดีว่าฌอนเก็บอาการเก่งเป็นทุน ไม่อย่างนั้นอดีตเดือนบริหารคงจับไต๋ได้ถึงไหนๆ
เป็นใครก็ต้องดีใจ เมื่อได้ยินคนที่ชอบจาระไนความรู้สึกไร้เยื่อใยต่ออดีตแฟนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังให้ฟังกับหู


“ข้อสอง...พักหลังๆมานี่ ฉันเพิ่งสังเกตว่า ฉันมักจะควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาเห็นแฟนเก่าอยู่กับแฟนใหม่...
...ก็ไอ้เก็กกับเพื่อนสนิทนายนั่นแหละ...
.
...พอฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันก็มักจะทำอะไรที่ฉันไม่คิดจะทำมาก่อนในชีวิต ทั้งแย่งผู้ชายเอย เข้าหาผู้ชายก่อนเอย...
...ทั้งที่มีสติตลอดเวลา ทั้งที่อยากจะอธิบายว่าฉันไม่ได้อยากทำ...อยากจะบอกว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจแท้ๆ...
...แต่ฉันกลับทำได้แค่นั่งดูตัวเองก่อเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่หาทางแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลยสักนิด...
...ฉันรู้สึกเหมือนตัวฉันติดอยู่ข้างใน ระหว่างที่ใครก็ไม่รู้ใช้ร่างฉันทำเรื่องผิดๆต่อหน้าต่อตา...
.
...ฟังแล้วนายเข้าใจฉันไหม?” น้ำเสียงของร่างบางฟังดูเป็นกังวลกับสิ่งที่ตนพรั่งพรูออกจากปาก...

อิ๊กกำลังภาวนาอย่างหนักให้อีกฝ่ายพยายามทำความเข้าใจ
หรือถ้าไม่...อย่างน้อยๆก็แค่เปิดใจรับฟัง  
แต่คำตอบของแฝดน้องกลับเหนือความคาดหมายไปไกลกว่านั้นมาก


“อืม...ผมเข้าใจ”ฌอนรับคำเรียบๆ... ลองได้เป็นภาชนะให้จิตของคนอื่นหยิบยืมใช้ร่างมาตลอดชีวิตก่อนที่จะหัดเดิน กับอีแค่สิ่งที่อิ๊กเผชิญ...ทำไมเขาถึงจะไม่เข้าใจกันล่ะ


“ข้อสาม ของที่ฉันให้นายเมื่อวานก่อนเตะบอลน่ะ ฉันเตรียมมันมาให้นายใช้โดยเฉพาะ...
...ไม่ใช่ของเหลือใช้ที่สักแต่จะให้โดยไม่ใส่ใจคนรับ...
.
...เพราะฉะนั้น...ขอโทษฉันมาเสียดีๆที่เอาแต่ด่าฉันจนโดยไม่ยอมฟังเหตุผลให้เข้าใจก่อน” ดูเหมือนว่าคำอธิบายผนวกข้อเรียกร้องนี้จะมีความสำคัญยิ่งไปกว่าหัวข้อก่อนหน้า เพราะร่างบางรุกคืบไล่จนหลังของฌอนสัมผัสผนังลิฟท์ด้านในสุดไปเสียแล้ว

“โอเค เรื่องนั้นผมผิด ผมขอโทษแล้วกัน... คุณพอใจหรือยัง?” แฝดน้องขอโทษแบบขอไปทีอย่างกระอึกกระอัก เพราะอดใจเต้นตึกตักกับระยะห่างจากร่างบางที่ร่นเข้าใกล้จนเหลือน้อยกว่าฝ่ามือกั้นไม่ได้

แต่ดูเหมือนฌอนจะคิดตื้นเกินไป...
ไม่ก็ ไม่อาจเข้าใจจินตนาการอันมหัศจรรย์พันลึกของอีกฝ่ายได้ดีนัก


“ยัง! นอกจากฉันแล้ว นายต้องขอโทษถุงซานต้าใบน้อยของฉันด้วย...
...ใครใช้ให้นายวางถุงของฉันลงกับพื้น? นายรู้ไหมว่าพี่ถุงเสียใจมากนะ!” แฝดน้องถึงกับจ้องหน้ายู่แก้มพองเป็นซาละเปากับท่ายืนกอดอกพ้อยท์เท้าเชิดคางเอาเรื่องของอดีตเดือนบริหารด้วยสายตาตื่นตะลึง...  ทั้งสองมาถึงจุดๆนี้กันได้อย่างไร?!!

ต่างคนต่างจ้องหน้ากันอยู่นานสองนาน...
ฌอนมองอีกฝ่ายด้วยคำถามในใจที่ว่า เอาจริง? ในขณะที่อดีตเดือนบริหารยังไม่ทิ้งจุดยืนไปง่ายๆ


“พูด ตาม ฉัน น้องขอโทษนะครับพี่ถุง คราวหน้าน้องจะไม่ทำแบบนั้นกับพี่ถุงอีก...พูด! ร่างบางใช้เสียงคุกคามตามด้วยการถลึงตาใส่อย่างไม่ไว้ชีวิต สุดท้ายคนผิดก็ต้องยอมตามใจไปส่งๆเพราะดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงไม่เลิกราแต่โดยดี  

“น้องขอโทษนะครับพี่ถุง คราวหน้าน้องจะไม่ทำแบบนั้นกับพี่ถุงอีก”

“ดีมาก!! เฮ่ออออ! ค่อยยังชั่วหน่อย... ทีนี้เราสองคนก็ไม่มีอะไรติดค้างใจกันแล้วเนอะ” อิ๊กถอนหายใจแล้วกลายร่างกลับสู่โหมดโสดใสไร้สติตามเดิม  

“สรุปว่า คุณสบายใจแล้วใช่ไหม?”

“ฮื่อ! มากเลยล่ะ” คนตอบพยักหน้ารับคำด้วยความชื่นบาน ผิดกับอีกฝ่ายที่นอกจากจะไม่ผ่อนคลายแล้ว ยังดูคล้ายกับกำลังแผ่รังสีมาคุดุดันออกมาข่มขวัญอดีตเดือนบริหารมากขึ้นเรื่อยๆ

“ดี! ทีนี้ตาผมบ้าง” ฌอนโต้กลับด้วยการเลียนแบบท่าทีคุกคามของอีกฝ่ายไปเสียทุกกระเบียด โดยเริ่มจากสืบเท้าเข้าหาอดีตเดือนบริหารด้วยสีหน้าเคร่งขรึม 

“เอ่อ...นายมีอะไรเหรอนายขอรับ?” ร่างบางเอ่ยพลางกระถดตัวถอยหลังอย่างช้าๆโดยไม่ละสายตาจากใบหน้าหล่อสงบสยบความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายสักวินาที

“จำได้ไหมว่าเมื่อวันก่อนคุณด่าอะไรผมเอาไว้บ้าง?” น้ำเสียงเข้มๆของฌอนเอ่ยถามทวนความจำของอคิรา ทว่ากลับไม่หยุดก้าวขากระชับพื้นที่ จนตอนนี้...ด้านหลังร่างบางแทบไม่เหลือความว่างเปล่าให้หนีเข้าไปซุกหลบอีกแล้ว

“เปล่านะ! ฉันไม่ได้ด่านาย” อิ๊กเถียงสู้จนหยดสุดท้าย

“แล้วใครบอกว่าผมบ้า?  ใครด่าผมว่าพูดจาไม่รู้เรื่อง?...
.
...อืม...แล้วมีอะไรอีกนะ” อิ๊กถอยกรูดจนหลังชนมุมฝั่งข้างประตูลิฟท์  ส่วนฌอนก็ไม่รอช้า...ร่างหนาเร่งกระเถิบเข้าประชิดจนเหลือช่องว่างอีกเพียงนิดหน่อยเท่านั้น “...อ๋อ ใช่! ไม่สมประกอบชอบทำตัวเหมือนเด็กแล้วก็เป็นไบโพล่าร์ด้วยใช่ไหม?”

“ก็ฉันโมโหนายนี่นา คนบ้าอะไรก็ไม่รู้...ขนาดฉันพยายามอธิบายแทบตาย นายก็ยังไม่ยอมฟังฉันเลย” ร่างบางละล่ำละลัก ก็หัวใจเขาทำงานหนักขนาดนี้บ่อยเสียที่ไหน อีกอย่าง...ประสบการณ์ใจเต้นไม่เป็นส่ำครั้งสุดท้ายเมื่อครั้งที่ยังคบกับไอ้เดือนมหาลัย...ก็ผ่านมานานจนแทบจำไม่ได้เสียแล้ว

“ด่าผมจนยับเยินไม่มีชิ้นดีขนาดนั้น... คิดว่าผมจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆอย่างนั้นน่ะเหรอ?” หนุ่มสถาปัตย์ซักด้วยน้ำเสียงหนักๆจนคนฟังใจแป้ว... งานเข้าเสียแล้วนายอคิรา!!

ฌอนเท้าแขนทั้งสองข้างกับผนังข้างร่างบางที่หดลีบเล็กลงจนแทบจะกลายเป็นขีด
ยิ่งอิ๊กเบี่ยงตัวหลบหลีกแขนแกร่งทั้งสองมากเท่าไร...แฝดน้องก็ยิ่งกระชับวงล้อมเข้าใกล้จนทั้งคู่รู้สึกได้ถึงไอร้อนจากร่างกายของกันและกันได้เป็นอย่างดี


“นะ นะ นายต้องการอะไรกันแน่นายขอรับ?” อดีตเดือนบริหารออกอาการปากคอสั่นเพราะขวัญเริ่มกระจัดกระจาย

“ผมต้องการให้คุณชดใช้”...สิ่งที่เพิ่งหลุดออกจากปากแฝดน้องเปรียบเสมือนสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงตรงกลางใจคนฟัง

ไม่เท่านั้น...ชายหนุ่มเจ้าของวาทะคาบลูกคาบดอกหลอกล่อให้ต่อมมโนของอิ๊กทำงานหนักผู้นี้ ยังถือดีเสียจนกล้าลวนลามตัวเขาผ่านสายตาคมที่กวาดไล้ไปทั่วเรือนกายใต้เนื้อผ้าอย่างช้าๆด้วยสีหน้าพึงพอใจใกล้ๆหื่น...
.
.
...นั่นคืองานมโนของอดีตเดือนบริหารล้วนๆ
เพราะในความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงการกวาดตามองอิ๊กตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อเย้าแหย่เท่านั้น


“อะ อะ อะไร? นายพูดอะไรของนาย” ร่างบางทำหน้าตื่นตกใจโดยไม่ลืมยกมือขึ้นรวบคอเสื้อเพื่อสงวนปิดผิวกายที่อาจทำให้อีกฝ่ายเกิดอารมณ์อย่างว่า... ขอบเขตการมโนของอิ๊กช่างกว้างไกลเกินหยั่งโดยแท้

หนุ่มสถาปัตย์นึกกระหยิ่มในใจด้วยไม่คิดว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายจะชวนให้รู้สึกเอ็นดูร่างบางได้มากขนาดนี้
เดิมทีเขากะจะแกล้งแหย่ให้อดีตเดือนบริหารยอมเอ่ยขอโทษด้วยสีหน้าฮาๆ เพื่อให้สมกับบทขอขมาถุงซานต้าสุดประหลาดเมื่อครู่เท่านั้น  

แต่ถ้านั่นจะทำให้อีกฝ่ายคิดลึกไปไกล... ก็ลองเล่นด้วยสักหน่อยจะเป็นไร
เพราะลึกๆแล้ว ฌอนก็ไม่อาจปฏิเสธความต้องการที่จะครอบครองอีกฝ่ายเอาไว้ได้เช่นกัน  


“คุณต้องชดใช้ค่าเสียหายด้วยร่างกายของคุณ” แฝดน้องซึ่งกำลังยืนคร่อมร่างบางในระยะห่างไม่ถึงคืบดี
ยื่นหน้าเข้าใกล้ใบหน้าแดงเถือกเพื่อกระซิบความต้องการด้วยประโยคบอกเล่ากำกวม ซึ่งเมื่อรวมกับสายตากระลิ้มกระเหลี่ย คนฟังเลยยิ่งเสียจริตคิดลามกไปกันใหญ่

“อย่านะ! อย่าเข้ามานะ!!“ อิ๊กเบือนหน้าหนีพลางหลับตาปี๋ก่อนจะหลุดปากเอ่ยสิ่งที่ไม่ควรพูดเป็นที่สุดออกมาอย่างสิ้นคิด  “ไม่เอาในลิฟท์นะ ขอร้อง...มันมีกล้อง ฉันยังไม่อยากดัง!!

ร่างบางยืนหลับตาหดคอค้างท่าหวาดหวั่นระหว่างนับถอยหลังอย่างขมีขมันในใจ
สมองก็เฝ้าใคร่ครวญถึงกระบวนท่าต่อสู้งูๆปลาๆที่ครูพักลักจำมาจากหนังองค์บากทั้งสามภาคอย่างคร่ำเคร่ง  

ทว่าแทนที่ร่างกายจะถูกสัมผัสตามที่เข้าใจ
อดีตเดือนบริหารกลับได้ยินเสียงรัวชัตเตอร์หลายครั้ง ก่อนจะรู้สึกว่ากล่องเหล็กที่ใช้แทนบันไดกลับมาทำงานตามปกติเสียแล้ว 


“หน้าคุณตอนกลัวนี่ตลกดีนะ หึ หึ” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของฌอนทำให้อิ๊กเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ  แต่เมื่อเห็นสารรูปดูไม่ได้ของตัวเองในหน้าจอมือถือของอีกฝ่าย ร่างบางก็ยิ่งตกใจราวกับโดนตุ้งแช่ใส่ตอนเดินพ้นมุมตึกอย่างไรอย่างนั้น

“นาย!! ไอ้บ้า!! นายนี่มันแย่ที่สุด!!”...จุดๆนี้ อิ๊กไม่อาจเก็บคำด่าทอไว้กับตัวได้อีกแล้ว แต่หนุ่มสถาปัตย์กลับไม่สลด

“คุณต้องเอาร่างกายมาแลกกับความเสียหายของใจผม”  

“ไม่!! ฉันไม่ตกลง” ร่างบางปฏิเสธเสียงห้วน กระนั้น...แฝดน้องกลับยียวนไม่เลิก

“ถ้าคุณอยากให้คนอื่นสภาพดูไม่ได้เมื่อกี๊ ก็ตามใจ...
.
...คิดดู ขนาดผมเห็นใกล้ๆผมยังขยาด...คนอื่นจะเหลือเรอะ!

“ก็ได้! แล้วนายจะให้ฉันทำอะไรล่ะ?... อย่าบอกนะ?!!“  เพราะเดาสีหน้าของฌอนไม่ถูก ร่างบางขี้มโนจึงยกนิ้วขึ้นชี้หน้าแฝดน้องพลางจ้องจิกจนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า แต่สิ่งที่อดีตเดือนบริหารได้ยินกลับพลิกโผกลายเป็นหนังคนละม้วน

“นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป...คุณต้องมาเป็นคนรับใช้ของผมไปจนกว่าจะสิ้นปี”

“โห!! จะมากเกินไปแล้วนะนายขอรับ!! แค่ด่านายไม่กี่คำ ทำไมฉันต้องยอมเป็นขี้ข้าให้นายโขกสับเป็นเดือนๆด้วยล่ะ?” อิ๊กบ่นหนุ่มสถาปัตย์น้ำไหลไฟดับ

“เอ...หรือจะตั้งรูปนี้เป็นวอล์เปเปอร์หน้าจอดีนะ พักนี้สกลยิ่งชอบยืมโทรศัพท์ไปใช้บ่อยๆเสียด้วยสิ”

แฝดน้องชูมือถือขึ้นรับกับคำพูด สไลด์หน้าจอเปิดอัลบัมเหียกล้ำนำสมัยที่เต็มไปด้วยหนังหน้าดูไม่ได้ให้อิ๊กเชยชม  
ซึ่งเท่าที่คะเนจากสายตา... ร่างบางก็รู้ซึ้งว่า วินาทีที่ตนเผลอหลับตา...ยาวนานเกินกว่าที่คาดเอาไว้มาก


“เออ เออ! ถึงแค่วันสิ้นปีใช่ไหมนายขอรับ?” อดีตเดือนบริหารโบกมือเพื่อให้อีกฝ่ายเก็บโทรศัพท์ไปให้พ้นหูพ้นตา

“ฌอน... ไม่ใช่นายขอรับ” ทันทีที่ได้ยินคำตอบรับของร่างบาง แฝดน้องก็ป้อนคำสั่งแรกให้อิ๊กทันที  ฝ่ายคนฟังก็ทำหน้ายู่ยี่พลางเต๊ะท่าเลียนแบบฌอนโดยไร้เสียงด้วยอารามหมั่นไส้  

“คุณกล้าล้อเลียนผมเหรอ?” น้ำเสียงเย็นเยียบของหนุ่มสถาปัตย์ทำให้อิ๊กยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่... แอบงุบงิบทำแทบตาย ยังจะจับได้อีกหรือ?!!   

“นายมีตาทิพย์หรือไง?”

จังหวะที่หนุ่มหน้าสวยกระชากเสียงพูดนั้น พอดีกับที่ประตูลิฟท์เปิดออกตรงโถงเล็กๆบริเวณหน้าห้องของเต๋อพอดิบพอดี  
ร่างบางผู้ไม่มีกะจิตกะใจมองหน้ากวนประสาทของอีกฝ่ายจึงย่ำเท้านำแฝดน้องหวังจะก้าวเข้าห้องโดยไม่รอฟังคำตอบ
ทว่าก่อนที่ลูกบิดประตูหน้าห้องรุ่นพี่จะถูกหมุน ฌอนกลับรั้งข้อศอกของอิ๊กเอาไว้ แล้วกระซิบเบาๆใส่หูให้พอได้ยินเท่านั้น


“อย่างอื่นก็ทิพย์นะ... คุณอยากลองพิสูจน์ดูไหมล่ะ?” พอเห็นใบหน้าสวยหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ผู้ที่เหนือกว่าก็เดินนำหน้าเข้าห้องเต๋อไปก่อนด้วยความพึงพอใจเป็นที่สุด




“ไปซื้อน้ำมันหอยแถวปอยเปตมาเหรอครับฌอน ไม่รอให้เพื่อนๆนอนก่อนแล้วค่อยซมซานกลับมาล่ะครับ?” หนุ่มหน้าแว่นอุตส่าห์ละสายตาจากจอทีวีเพื่อทักทายเพื่อนรักอย่างไม่ไว้หน้า

“สกล... น้องพลายฝากมาถามว่า กำหนดวันย้ายไปอยู่ปรโลกแล้วหรือยัง? อยากให้น้องพลายช่วยอีกแรงไหม?” ฌอนอำเพื่อนรักปากดีหน้านิ่ง... ชื่อของกุมารคือข้อมูลอ้างอิงชั้นดีที่ช่วยสกัดฝีปากผีพุ่งไต้ของสกลไม่ให้เข้าชนตัวเองตัวเองจนเหวอะหวะได้อย่างชงัด

“พี่ฌาน...พี่ฌานดูสิครับ เมื่อกี๊ฌอนว่าผม” สกลดีดดิ้นพลางหันไปฟ้องแฝดพี่ที่นั่งเอนหลังอย่างสบายอกสบายใจด้วยน้ำเสียงดัดจริต

“แว่นครับ...คิดให้ดี นั่นน้องพี่ฌาน...
.
...พี่ฌานจะเข้าข้างใคร แว่นรู้ใช่ไหมครับ?” ฌานยิ้มร้ายให้เพื่อนรักสุดเกรียน

“ใช่ซี่! ผมมันก็แค่เพื่อน จะไปสนิทเหมือนน้องชายพี่ฌานได้ยังไงกัน?!

“อย่าเพิ่งเถียงกันเลยครับ กินข้าวกันเถอะ...อาหารพร้อมแล้ว”

บ๊วยกับเก็กที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวขนาดย่อมเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้ตอบรับคำเชิญของบ๊วย เสียงหวานใสชวนระทวยของอดีตเดือนบริหารก็ดังแหวกอากาศไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของร่างสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนหลังชายกลางโดยไม่สนใจบริบทก่อนหน้าเลยสักนิด


“เก็ก หวัดดี...เป็นไงมั่ง?” อิ๊กทำหน้าระรื่นชื่นชีวินเป็นที่สุด...

ซึ่งอาการดังกล่าวไม่อาจหลุดรอดไปจากสายตาของแฝดน้องได้
ฌอนเริ่มจะเข้าใจสิ่งที่อดีตเดือนบริหารอธิบายได้อย่างจะแจ้งยิ่งขึ้น
เพราะจวบจนตอนนี้ ร่างบางยังไม่ละสายตาจากธันวาเพื่อมองหน้ามนุษย์คนไหนๆภายในห้อง ทั้งที่ถูกสายตาหลายคู่กดดันและจับจ้องอยู่ตลอดก็เถอะ


“บูบู้...เดี๋ยวเค้าไปตามเฮียฟูกับพี่ๆก่อนนะ” เก็กเมินคำถามเมื่อครู่ราวกับคนไม่รู้มารยาท เพราะหนุ่มรูปงามเทกระจาดความสนใจให้กับร่างผอมกระหร่องแต่เพียงผู้เดียว

“ครับ”

“ผมหิวแล้ว... ผมไปรอที่โต๊ะนะครับพี่ชาย” ฌอนสั่งความสั้นๆก่อนจะลากอิ๊กให้ออกเดินไปพร้อมกันโดยไม่รอคนอื่นที่ทยอยเดินตามมาภายในไม่กี่อึดใจ และคนคุ้นหน้ารายแรกที่ปรี่เข้ามาทักทายเห็นจะหนีไม่พ้นพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างเสแสร้ง

“น้องอิ๊ก... ทำไมมาช้าจังล่ะครับ? ปล่อยให้เฮียฟูรอจนใจคอไม่ค่อยจะดีเลย...
.
...ทีหลังอย่าทำให้เฮียเป็นห่วงแบบนี้อีกรู้ไหมครับ?” กังฟูทักอิ๊กซึ่งนั่งติดกับแฝดน้องราวกับปรองดองรักใคร่กันปานจะแหกตูดดม

“พอดีอิ๊กติดธุระน่ะครับ” อดีตเดือนบริหารในโหมดเบลออธิบายสั้นๆพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

“เฮียไม่ได้จะว่าน้องอิ๊กครับ  ไม่ต้องร้อนตัวไปหรอกนะ” ทั้งที่ปากกังฟูบอกไม่ต่อว่า แต่ที่พูดมาน่ะเจตนาด่ากระทบอิ๊กด้วยคำสุภาพแทบทั้งนั้น เมื่อจบจากการสะสางคดีความกับลิ่วล้อ...กรกฏก็หันไปจิกเก็กต่อทันที “เอ้า...เก็ก นั่งสิ นั่งข้างๆน้องอิ๊กเลย น้องอิ๊กจะได้ตักข้าวตักปลาให้เก็กง่ายๆยังไงล่ะ”

“อุ๊ย! ขอโทษนะครับคุณกรกฏ คือบังเอิญว่าผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย...
.
...แล้วแอร์มันก็ดันลงฝั่งโน้นพอดี๊พอดี ผมเลยต้องขอมานั่งฝั่งนี้แทน หวังว่าคุณกรกฏและทุกๆคนจะเข้าใจผมนะครับ” สกลตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จใส่หน้าพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยได้อย่างทันท่วงที  และก่อนที่ใครจะทักท้วง หนุ่มหน้าแว่นก็ควงแฝดพี่ย้ายมวลร่างกายไปนั่งอุดที่ว่างข้างๆอดีตเดือนบริหารเพื่อถมเก้าอี้ให้เต็ม

“พี่ฌาน มานั่งด้วยกันดีกว่า ผมจะได้ข้าวตักปลาให้พี่ฌานได้ง่ายๆยังไงล่ะครับ” ฌานกลั้นยิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างๆสกลอย่างว่าง่ายผิดคาด

“ฟู นั่งก่อนเถอะ คนอื่นรอกินข้าวอยู่นะ” ด้วงชักชวนเพื่อนรักด้วยตั้งใจจะกันไม่ให้เต๋อได้นั่งใกล้กับร่างเล็ก กระนั้น...เจ้าบ้านผู้ว่องไวกลับคว้าข้อมือเรียวของกังฟูเอาไว้ข้างหนึ่ง แล้วจึงลากให้เดินมายังตำแหน่งของเก้าอี้ตัวที่เขาหมายตา

“นั่งข้างๆกันนะครับฟู” เต๋อชวนด้วยน้ำเสียงละมุนละไมโดยไม่วายยิ้มพรายให้กังฟูอย่างน่ามอง  

“พวกมึงสองคนนี่พูดมากจังวะ น่ารำคาญ!” รุ่นพี่ร่างเล็กฟึดฟัดพอเป็นพิธีก่อนจะกระแทกก้นลงบนเก้าอี้ตัวกลางระหว่างเต๋อกับด้วงจนได้ นั่นจึงทำให้เก็กและชายกลางได้ที่นั่งข้างกันตรงท้ายโต๊ะอีกฝั่งไปในที่สุด  

“เอ้าพวกมึง...จะรออะไรกันอยู่ล่ะ?! ตักข้าวเลยดิ!!” เต๋อตัดริบบิ้นเปิดงานรับประทานอาหารมื้อประวัติการณ์ร่วมกันของเพื่อนพ้องน้องพี่ด้วยน้ำเสียงปรีดาร่าเริง  หนุ่มๆต่างแจกจ่ายอาวุธคู่มือ ตักข้าว และเทน้ำส่งต่อกันอย่างขันแข็ง

“เฮีย... เฮียลองกินฉู่ฉี่ปลาทูดูดิ โคตรอร่อยเลยอ่ะ” เก็กนำเสนอเมนูเด็ดที่จัดว่าอร่อยเลิศจนหากินยากให้พี่ชายได้ทดลองทันที เขาอยากให้พี่ชายได้ตื่นตะลึงกับฝีมือของว่าที่น้องสะใภ้เหมือนตนเองที่เพิ่งประจักษ์ไปเมื่อครู่

“ไม่เอา! กูจะกินไก่ทอด”

กังฟูเลี่ยงด้วยรู้ซึ้งถึงเจตนารมณ์ของน้องชายอย่างถ่องแท้...
เขาจะไม่มีวันชื่นชมไอ้บูบู้ออกหน้าออกตา ไม่ว่าภายในชาตินี้หรือชาติหน้าก็ตาม
แต่แทนที่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจะตีหน้ายักษ์ได้ตลอดรอดฝั่ง สองหนุ่มที่นั่งกระหนาบข้างต่างวางปีกไก่ลงในจานร่างเล็กโดยพร้อมเพรียงราวนัดกันมา

“อ่ะนี่ ไก่ทอด! เราตั้งใจตักให้เลยนะ / นี่ครับไก่ ชิ้นนี้น่ากินสุดๆไปเลยครับฟู”...กระทั่งคำพูดทวงเครดิตของรุ่นพี่ร่างใหญ่ทั้งสองยังพ้องประสานกันเสียอีก  กังฟูเลยปิดปากฉับด้วยการรับไก่ทั้งสองชิ้นมาฉีกกินเงียบๆ

“เป็นไงเฮีย...อร่อยป่ะ?” ไม่ใช่แค่เจ้าของคำถามเท่านั้นที่กำลังลุ้นกับคำตอบของกังฟู เพราะเท่าที่รู้...นอกจากอิ๊กที่นั่งจ้องเก็กไม่วางแล้ว ทุกๆคนในโต๊ะอาหารต่างตั้งใจรอฟังคำวิจารณ์ของหนุ่มวิศวะร่างเล็กด้วยใจจดจ่อ

“ก็งั้นๆ” กังฟูเบะปากพลางทำหน้าไม่อภิรมย์สักเท่าไร... จะให้เขายอมรับฝีมืออันสุดยอดของไอ้บูบู้ต่อหน้าทุกคนน่ะเหรอ เฮอะ
! ฝันไปเถอะ!!

“แหม...คุณกรกฏก็ซึนซะน่าเอ็นดูเชียวครับ  ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่เต๋อถึงได้ชอบคุณกรกฏจนชอบเพ้อให้พวกผมฟังอยู่ตลอดๆ” เพราะอดรนทนไม่ไหว สกลจึงออกปากแซวพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยแถมชิ่งทำคะแนนให้พี่ชายร่วมคณะไปอีกดอก

“ไอ้เหี้ยแว่น! หุบปากไปเลยนะ!! หรือมึงอยากจะโดนบอลอัดหน้าเหมือนอย่างคราวนั้นอีก?!” กังฟูขู่ลั่นพลางชี้หน้าเด็กแว่นด้วยน้ำเสียงดุดัน... กระนั้น...สกลกลับมิได้นำพา  

“พี่ฌานครับ กินไก่กันเถอะครับ...ซึ้นซึน เอ้ย! อร๊อยอร่อย” หนุ่มหน้าแว่นหันไปชวนแฝดพี่คุยกระหนุงกระหนิงเพื่อชิ่งลูกด่าเมื่อครู่ ทว่ากังฟูกลับต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เมื่อน้องชายพูดจาเอาอกเอาใจแฟนวิปริตผิดเพศให้เขาได้ยิน

“บูบู้ ตักถึงไหมครับ? อยากกินอะไรบอกเค้าได้นะ เดี๋ยวเค้าตักให้” อดีตเดือนมหาลัยไม่พูดเปล่า เพราะเพิ่งกุลีกุจอบริการตักกับข้าวหลากหลายวางลงในจานของบ๊วยอย่างเอาอกเอาใจ

“ครับพี่หมี” ชายกลางยิ้มหวานส่งให้แฟนในนามด้วยความขอบคุณ แต่รอยยิ้มละมุนของบ๊วยกลับทำให้กังฟูทนดูฉากหวานๆของสองหนุ่มไม่ได้

“มือดีเท้าดีก็ตักเองสิ จะมานั่งรอให้คนอื่นตักให้จนง่อยก่อนหรือยังไง?” กังฟูแดกดัน

อนิจจา... คำพูดร้ายกาจของรุ่นพี่ร่างเล็กคลายความศักดิ์สิทธิ์ในชั่วพริบตา
เมื่อด้วงกับเต๋อเพิ่งตักกับข้าวกับปลาเพิ่มให้กังฟูไปสดๆร้อนๆตอนเดียวกับที่กรกฏจิกกัดบ๊วยนั่นเอง  

ซึ่งผู้ไม่เกรงอิทธิพลด้านมืดของมนุษย์หน้าไหนอย่างสกล
ก็ตั้งตนเป็นอริผู้หวังจะทำลายให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยแพ้พ่ายและตายไปในที่สุด


“อุ๊ย! ว่าแต่เขา!!” หนุ่มแว่นเอ่ยลอยหน้าลอยตา พาให้กังฟูปรี๊ดแตกได้อย่างกะทันหัน

“เมื่อกี๊มึงพูดอะไรไอ้สัดแว่น?!!

“เปล่านะครับคุณกรกฏ ผมไม่ได้พูดอะไรเลย” สกลใช้สกิลโกหกหน้าตายใส่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัย ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้แก่ใจเป็นอย่างดี

“โกหก!!” รุ่นพี่ร่างเล็กชี้หน้าด่าพร้อมส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายไปยังหนุ่มสถาปัตย์หน้าแว่น  ก่อนที่บรรยากาศในการร่วมโต๊ะอาหารครั้งแรกของหนุ่มๆทั้งหลายจะกลายเป็นสงครามย่อมๆ ด้วงก็อ้อนวอนเพื่อนรักให้หักห้ามใจเอาไว้ได้ทัน

“ฟู... ใจเย็นๆ น้องคงไม่ได้พูดอะไรหรอก กินข้าวเถอะนะ...กับข้าวอร่อยๆทั้งนั้นเลย”

“พี่เต๋อครับ...หลังสอบเสร็จพี่เต๋อต้องรีบกลับบ้านหรือเปล่าครับ?” ฌานเปลี่ยนประเด็นด้วยการถามเจ้าบ้านด้วยเรื่องอันเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของการรวมตัววันนี้  

“มึงจะถามทำไม?”

“พอดีพวกผมจะชวนพี่เต๋อไปเที่ยวด้วยกันน่ะครับ” ร่างทรงหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือกตามสไตล์...

เหล่าสมุนเลวต่างคาดหวังให้รุ่นพี่ร่างหมีตกลงโดยเร็ว
จึงให้ฌานเป็นผู้เปิดเกมด้วยรู้ว่าเต๋อค่อนข้างจะเกรงบารมีของแฝดพี่อยู่ไม่น้อย
กระนั้น...รุ่นพี่กลับไม่อาจละเลยรายละเอียดและวัตถุประสงค์ของรุ่นน้องจอมวางแผนกลุ่มนี้ไปง่ายๆ


“พวกมึงนึกยังไงกันถึงได้จะชวนกูไปเที่ยวด้วยเนี่ย? มึงจะล่อลวงกูไปฆ่าชิงทรัพย์หรือจับตัวกูไปเรียกค่าไถ่หรือเปล่าวะ?”

“แหม่...เข้าใจคิดเหลือเกิน! ใจคอจะไม่ประเมินหนังหน้าก่อนจะพูดจะจาหน่อยเหรอครับพี่เต๋อ?” แค่ได้ฟังคำพูดสะกิดหูเข้าหน่อย หนุ่มหน้าแว่นก็ลอยหน้า ยื่นจมูกเข้ามาสอดโดยไม่ต้องคิด

“สกล!!” ...และก็เป็นสกล ที่ทำให้คนสงวนคำพูดอย่างบ๊วยและฌอนหลุดปากปรามออกมากลางโต๊ะอาหารจนได้

“ถ้าพวกมึงไม่มีเหตุผลดีๆที่จะอธิบายว่าทำไมกูควรจะต้องไปเที่ยวกับพวกมึง...
.
...ต่อให้อ้อนวอนให้ตาย กูก็ไม่มีทางไปเที่ยวกับพวกมึงแน่ๆ” เต๋อยึกยัก แฝดพี่จึงลักไก่เบี่ยงสายตาส่งคิวออกหมัดเด็ดด้วยการจ้องหน้าธันวาเป๋งอยู่ครู่ใหญ่ ฝ่ายอดีตเดือนมหาลัยที่รอลุ้นอยู่แต่แรกก็พูดแทรกตามบทที่ตกลงกับเพื่อนๆเอาไว้ทันที

“คืองี้ครับพี่เต๋อ... พอดีพวกผมคุยกันว่า ปิดเทอมนี้พวกเราจะไปเที่ยวบ้านบูบู้กันสักสองสามวันน่ะครับ”

“มึงว่าไงนะไอ้เก็ก?” พี่ชายร่างเล็กของเก็กถามเสียงลั่น

“ก็อย่างที่เฮียได้ยินนั่นแหละครับ เก็กจะไปเที่ยวบ้านบูบู้... กะว่าจะไปแนะนำตัวให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักเอาไว้แต่เนิ่นๆ”

“กูไม่ให้ไป!!” กังฟูยื่นคำขาด...แต่เขาคงประมาทน้องชายวัยต่อต้านของตนจนเกินไป

“เฮ่ออออ! เก็กไม่ได้จะขออนุญาต เก็กแค่บอกเฮียเฉยๆ” เก็กพูดเนือยๆพลางถอนหายใจหน่ายๆเป็นระยะๆ ท่าทางเซ็งโลกที่น้องชายตอบโต้มานั้น สั่นสะเทือนขันติของผู้เป็นพี่ได้ดีเหลือเกิน

“ไอ้สัดเก็ก!!... มึงอยากใช้เวลากับไอ้บูบู้มันมากนักใช่ไหม?” ...จากที่เป็นแค่ไอ้เก็กต่อหน้าคนอื่น ความโกรธช่วยให้กังฟูหยิบยื่นคำนำหน้าชื่อต่างๆให้กับน้องชายได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“ครับ...ก็นี่แฟนเก็กนะ ทำไมเก็กจะไม่อยากอยู่กับแฟนตัวเองล่ะครับเฮีย?” ธันวาต่อปากต่อคำโดยไร้ความยำเกรงเพื่อเร่งให้พี่ชายตกหลุมพรางโดยเร็ว

“ได้! งั้นกูไปด้วย!!” กังฟูสรุปห้วนๆโดยเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง... เขาจะพังทริปนี้ให้พินาศเลยคอยดู

“อย่าไปเลยเฮียเก็กขอร้อง” อดีตเดือนมหาลัยเร้าหรือต่อยอดเพื่อความสมจริง  จนพี่ชายวิ่งตามเกมโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“ทำไม? ทีไอ้เต๋อพวกมึงยังชวนได้ แล้วทำไมกูจะไปด้วยไม่ได้?” กังฟูแหว

“ก็เฮียเป็นแบบเนี้ย ใครจะอยากให้เฮียไปด้วยล่ะ”

“กูเป็นยังไง?! หรือว่าไอ้บูบู้ไม่อยากให้กูไปบ้านมัน?”  ในเมื่อน้องชายไม่ให้ความร่วมมือ กรกฏจึงหันไปเล่นงานเจ้าของบ้านที่ทั้งหมดจะไปพักพิงในช่วงไม่กี่วันข้างหน้าเป็นลำดับถัดไป “ไอ้บูบู้...สอบเสร็จแล้วกูจะไปบ้านมึง มึงเข้าใจใช่ไหม?”

“เอ่อ ได้ครับ...ผมไม่ขัดข้องครับ” บ๊วยยิ้มแหยๆรับคำรุ่นพี่ร่างเล็กตามที่เก็กแนะนำเอาไว้... ต้องทำเหมือนไม่เต็มใจให้เฮียฟูไปด้วย ฝ่ายนั้นจะได้ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเอานาทีสุดท้าย

“ดี! เป็นอันว่า ทริปนี้กูไปด้วย” เมื่อได้ทุกอย่างดั่งใจ พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่ออย่างเอร็ดอร่อย

“แล้วพี่เต๋อล่ะครับ จะไปไหม? พวกผมจะยังต้องอ้อนวอนพี่เต๋อจนตายอยู่หรือเปล่า?” สุดท้ายแล้ว...ฌอนก็ไม่ปล่อยให้รุ่นพี่ร่วมคณะลอยนวล

“ไม่ต้องมายิ้มกวนตีนกูเลยไอ้แฝดนรกตัวบอส!

“แล้วสรุปว่าพี่เต๋อจะไปไหมล่ะครับ?” แฝดพี่ยังไม่หยุดกระเซ้า จนรุ่นพี่ร่างหมียอมรับปากด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาผิดจากเมื่อครู่

“เออ!

“ก็แค่เนี้ย! ทำเป็นโก่งค่าตัวอยู่ได้ตั้งนาน น่ามคาญนะพี่เต๋อ...รู้ตัวป่ะ?” สกลผู้ถือคติว่า...คนล้มต้องข้าม ต้องหยามให้ช้ำในตายไปข้างส่งเสียงสะท้อนพลังด้านลบในจิตใจออกมาโดยไม่รอให้ใครร้องห้าม  ฝ่ายที่ถูกลามปามจึงทำได้แค่สรรเสริญสั้นๆเท่านั้นเอง

“ไอ้สัดแว่น!!

“งั้นพี่ขอไปด้วยแล้วกันนะน้องบ๊วย” ฝ่ายแขกผู้ยังไม่ได้รับเชิญอย่างด้วงก็เอ่ยปากร้องขอรุ่นน้องตัวแทนเจ้าของบ้านด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  ชายกลางจึงเชิญชวนหนุ่มๆทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างเป็นทางการด้วยความเท่าเทียมเสียเลย

“เอาอย่างนี้ดีกว่า ในฐานะเจ้าของบ้าน... ผมขอเชิญทุกคนไปเที่ยวบ้านผมหลังสอบเสร็จแล้วกันนะครับ”

“ผมไปด้วยได้เหรอครับบ๊วย?” อิ๊กส่งเสียงถามด้วยความประหลาดใจ...เพราะเขาไม่ใช่ทั้งเพื่อน หรือคนสนิทของสมาชิกคนใดในโต๊ะนี้ทั้งสิ้น

“ครับ... ไปด้วยกันเยอะๆ น่าสนุกออกครับ” ชายกลางยิ้มให้อดีตเดือนบริหารด้วยความจริงใจ  อีกฝ่ายจึงตอบรับอย่างรวดเร็วคล้ายกับกลัวบ๊วยเปลี่ยนใจอย่างไรอย่างนั้น

“ถ้าอย่างนั้น ผมไม่เกรงใจแล้วนะ”

“ตกลงว่า... มะรืนนี้ ใครที่ตกลงใจจะไปเที่ยวบ้านน้องรหัสกู ขอให้มาเจอกันที่ลานจอดรถของที่นี่ตอนแปดโมงเช้า โอเคไหม?” เต๋อผู้อยู่ในฐานะเจ้าบ้านคนปัจจุบันจึงถือโอกาสนัดแนะหนุ่มๆทั้งหมดอย่างรวบรัดตัดความเพื่อให้มื้ออาหารดำเนินต่อไปโดยไม่สะดุดหลังจากที่ทั้งหมดหยุดพูดคุยกันมาพักใหญ่ๆ  

“โอเค!/เฮ่!!” หนุ่มๆทั้งโต๊ะต่างพร้อมใจรับคำรุ่นพี่ร่างหมีด้วยความเต็มอกเต็มใจ พลางตั้งความหวังเสียยกใหญ่ไปต่างๆนาๆสุดแล้วแต่เจตนาของการร่วมเดินทางในครั้งนี้จะนำทาง




Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ







No comments:

Post a Comment