ตอนนี้ยาวมากค่ะ
เพราะฉะนั้น
เราขอแบ่งออกเป็นการลงสองครั้งนะคะ
ครึ่งหลังเราจะพยายามเขียนให้เสร็จเร็วที่สุด
อย่างช้าไม่น่าเกินวันพฤหัสฯ
อย่างเร็วน่าจะภายในพรุ่งนี้...สัญญาว่าจะไม่ให้รอถึงวันเสาร์แน่ค่ะ
ขอให้อ่านตอนนี้อย่างมีความสุขนะคะ
รักชอบประการใดฝากความเห็นเอาไว้ได้นะคะ
^^
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
The 21st
Blessing
ฟุตบอลนัดวาสนา…
อ่า...พอดี
'มี อะไร จะ บอก'!! [1]
“ฟู!! เดี๋ยวก่อนสิฟู อย่าเพิ่งไป!!” ร่างหนาชุ่มเหงื่อเจ้าของเสื้อฟุตบอลเบอร์เจ็ดวิ่งพรวดพราดตัดหน้าร่างเล็กที่กำลังจ้ำเหมือนตามควายออกจากสนามกีฬากลางตั้งแต่ก่อนที่นักฟุตบอลทีมสถาปัตย์คนสุดท้ายจะงัดข้อเท้ายิงลูกโทษเสียด้วยซ้ำ
“อะไรของมึงอีกล่ะไอ้เหี้ยเต๋อ?!!”
ท่าทางพ่นไฟใส่คล้ายรำคาญที่กังฟูกำลังแสดงอยู่
เป็นเพียงการกลบเกลื่อนความรู้สึกประหม่าหลังต้องเจอหน้ากัปตันทีมสถาปัตย์อย่างจังทั้งที่จงใจหลบออกมาเพื่อป้องกันการเผชิญหน้ากับใครๆ...
โดยเฉพาะไอ้ร่างหมีที่ทำท่าโคตรจะดีใจอย่างกับได้ครองแชมป์บอลโลกอยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง...
ไอ้นี่น่ะ
ผู้ก่อการร้ายหมายเลขหนึ่งที่ต้องบึ่งไปให้ไกลๆด้วยความว่องไวเลยเชียวแหละ
ฝั่งเต๋อที่ยินดีกับผลการแข่งขันยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกหล้าก็ดักหน้าดักหลังร่างเล็กเอาไว้
เป็นเหตุให้อีกฝ่ายไม่อาจหลุดรอดจากวงล้อมของหมีแล้วเผ่นหนีไปไหนได้ตามใจหวัง
“กูชนะแล้วฟู!!” เต๋ออวดผลแห่งความพยายามและความตั้งใจที่เดินหน้าทุ่มเทหมดหน้าตักให้กับการเดิมพันในครั้งนี้อย่างเต็มที่
ซึ่งแค่ฟังจากน้ำเสียงดีใจอย่างสุดกลั้นกังฟูก็พอจะบอกได้ว่า กายละเอียดของหนุ่มร่างหมีได้ขี่กระสวยอวกาศพุ่งขึ้นไปประกาศความยิ่งใหญ่ใกล้ตะเข็บจักรวาลกาแล็กซีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แล้วไง?
สุดท้ายทีมมึงก็เตะลูกโทษแพ้ทีมกูอยู่ดี”
จริงอยู่...แม้วิศวะจะสามารถครองสถานะแชมป์ผู้ยืนยงได้อีกสมัย
แต่การชี้นำทำเนียนเพื่อหลอกล่อให้คู่สนทนาหลงลืมจุดมุ่งหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อของกังฟูนั้น
ดูจะใช้ไม่ได้กับกัปตันทีมสถาปัตย์ในโหมดมุ่งมั่นเช่นนี้
“ช่างหัวผลบอลแม่งเถอะ
เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นเยอะ” ร่างหนาตัดบทเพื่อไม่ให้เรื่องไร้สาระบิดเบือนความตั้งใจของเขาให้เป๋ไปเสียก่อน
“ฟู...มึงจำไม่ได้หรือไงว่ากูบอกอะไรกับมึงไว้ก่อนแข่ง?”
เต๋อทวงถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดน้อยๆเพราะร่างเล็กเอาแต่ทำหน้าซื่อตาใสเฝ้าหาทางบ่ายเบี่ยงเขาอยู่ตลอด
ระหว่างกอดอกรอฟังคำตอบของอีกฝ่ายด้วยใจระทึก... ร่างหนาก็ค่อยๆสืบเท้าเดินเข้าไปหาพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยอย่างช้าๆ
ตามสัญชาตญาณแล้ว
เมื่อถูกคุกคาม...สัตว์โลกทั้งหลายย่อมต้องหาทางปกป้องตัวเองเท่าที่ศักยภาพทางร่างกายจะพึงมี
สัตว์เล็กที่แม้จะมีจิตวิญญาณของราชสีห์
ซึ่งไม่ใคร่จะสึกยินดีกับการโดนต้อนให้จนมุมสักเท่าไรก็เช่นกัน
เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกนัก...หากกังฟูจะทำหน้าเป็นจวัก
แล้วปักหลักต่อสู้ด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดไม่ต่างจากที่เคย
“กูไม่รู้โว้ย! กูไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!!” กังฟูเหวี่ยงเสียงเขียว
แค่เห็นร่างเล็กทำหน้าตึงพร้อมแสดงอาการไม่รู้ไม่ชี้ออกมาโต้งๆทั้งๆที่ไม่ใช่พวกความจำสั้น
เต๋อก็เปลี่ยนท่าทีเพื่อกล่อมอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกชอบอกชอบใจโดยพลัน
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการกระทำของกังฟูในเวลานี้นั้น
หมายความว่าอย่างไร...
หึ! กำลังหาทางเลี่ยงอยู่ใช่ไหม?...
ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือไปได้หรอก!
“ไม่เป็นไร
ไม่ได้ยินก็ไม่เป็นไร เพราะกูจะบอกใหม่”
ยังไม่ทันจบประโยคดี
กัปตันทีมสถาปัตย์ก็สืบเท้าเข้าประชิดแล้วกอดรวบเอาร่างกะทัดรัดจับถนัดมือของกังฟูเข้าแนบอก
เพื่อความปลอดภัย
เต๋อไม่ลืมรัดแขนทั้งสองของคนเล็กหมัดมึนไว้ข้างตัวจนอีกฝ่ายไม่อาจกระดิกกระเดี้ยไปไหนไกลกว่าวงแขนของเขาได้อีกแล้ว
“คราวนี้กูจะบอกมึงให้ชัดๆเลย”
อยู่ๆเสียงกร้าวห้าวหาญเมื่อครู่แอบหลบไปซ่อนที่ไหนแล้วก็ไม่รู้... เพราะที่เหลืออยู่
คือเสียงกระซิบแหบพร่าข้างๆใบหูที่ขึ้นสีแดงของกังฟูเพียงเท่านั้น
“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะไอ้เหี้ยเต๋อ!!!” กังฟูโมโหตัวเองที่พอเอาเข้าจริง
เขาก็ตีโพยตีพายใส่อีกฝ่ายได้ไม่เต็มเสียงนัก...
ร่างเล็กแน่ใจว่า
หากหัวใจไม่เต้นแรงเกินพอดี
สมองของเขาคงลื่นไหลจนรู้วิธีหลุดพ้นจากสถานการณ์กระอักกระอ่วนที่กำลังประสบอยู่นี่ได้ไปนานแล้ว...
ทั้งที่อยากกลับไปอ่านหนังสือพระที่ห้องใจแทบขาด
แต่ทำไมถึงได้เผลอทำตัวยืดยาดจนไอ้หมีมันตามมาได้ก็ไม่รู้?!!
แล้วดูสภาพตัวเขาตอนนี้สิ...มัวแต่งมโข่งอะไรอยู่ได้
ทำไมถึงยอมปล่อยให้ไอ้หมีควายทำตัวรุ่มร่ามใส่ได้ง่ายๆแบบนี้วะ?!
“ไม่ปล่อย!” หนุ่มหน้าคมลอยหน้าเอ่ยเย้ยหยันพลางจุดยิ้มมุมปากด้วยความพึงใจ...
รู้หรอกว่ากังฟูปากแข็ง
แถมยังชอบรับบทนักแสดงนำผู้แกร่งกล้าก๋ากั่นอยู่เสมอ
แต่ให้ตาย! การปราบพยศคนร้ายๆให้ดิ้นพราดๆอยู่แนบกาย
ช่างเต็มตื้นชื่นหัวใจหาใด้เปรียบจริงๆ?!
“ปล่อยยยยย
กูบอกให้ปล่อยยังไงล่ะไอ้เหี้ย!!”
กังฟูยังไม่ละความพยายามแม้จะเริ่มหอบแล้วก็เถอะ...
ขืนยอมง่ายๆ...
ก็เข้าทางไอ้หมีควายมันพอดีน่ะสิ!!
แต่ลมหายใจหนักๆที่ระผิวอ่อนต้นคออยู่เป็นระยะๆ
กลับทำให้กังฟูนึกถึงจูบเมื่อวานที่อีกฝ่ายฝากเอาไว้ขึ้นมาอีกครั้งจนได้...
น่าอาย...
แต่พอนึกถึงทีไร หัวใจของเขาก็เต้นตึกตักโดยไม่รู้จักหยุดพักขึ้นมาเสียทุกที
“ไม่ปล่อย
จนกว่ามึงจะฟังกูจบก่อน!” คนพูดยืนกรานความตั้งใจเดิมผ่านเสียงพูดแผ่วระหว่างจรดปลายจมูกเคล้าคลอหยอกล้อพวงแก้มขาวผ่อง
ร่างเล็กที่ตกเป็นรองซึ่งยังพอประคองสติเอาไว้ได้จึงต้องยอมจำนนให้กับอีกฝ่ายในท้ายที่สุด
“เอ้า! มึงอัดอั้นห่าอะไรนักหนาก็บอกมาให้เสร็จๆ
กูจะได้กลับห้องไปนอนให้จบๆ...
.
...สนามเหี้ยนแม่งร้อนจนกูแทบจะสลบอยู่แล้วเนี่ยะ!” กังฟูเอ่ยอย่างขอไปทีพลางเลื่อนหน้าหนีปลายจมูกของอีกฝ่ายอย่างจ้าละหวั่น หมดกัน... ภาพลักษณ์หัวหน้าแกงค์ที่สั่งสมมากับมือ!
“ฟู
/อะไร!!!” ตรินรบเร้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ส่วนอีกฝ่ายก็เห่าห้วนชวนให้ใจคนฟังสั่นได้ดีเหลือเกิน
“ฟูครับ
/ มึงเป็นเหี้ยอะไร? พูดเพราะอะไรเนี่ยสัด?!!” เต๋อร้องขอความร่วมมือโดยไม่ถือสาวาจาสุดเกรียนของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยที่ลอยเข้าหู
เพราะจังหวะที่ตนตวัดปลายจมูกผ่านแก้มอุ่นดอกเมื่อครู่ ฝ่ายเสียหายคือกังฟูนั่นเอง
“ฮื่อ
ไม่เอาสิครับฟู... อย่าเพิ่งขัด” เต๋อเว้าวอนเสียงอ่อนเสียงหวานให้สมกับความหอมหวานที่นาสิกใฝ่เกลือกกลั้ว
“ต่อจากนี้ไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เต๋อจะไม่ยอมให้ฟูหลุดมือไปไหนไกลๆอีกแล้วนะ...
.
...นับจากวันนี้
เต๋อจะเกาะฟูแจไม่ปล่อยเลย”
เต๋อมั่นใจว่า
ประโยคที่ฟังคล้ายกับคำสารภาพรักที่เพิ่งเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายไปนั้น
คงทำให้กังฟูหวั่นไหวได้ไม่มากก็น้อย
แต่หนุ่มวิศวะร่างจ้อยกลับแหวสวนกระแสจนบรรยากาศแสนหวาน
‘เลิฟอิสอินดิแอร์’ ที่เต๋อเพียนสร้างสรรค์จางหายไปในชั่วพริบตา
“มึงเป็นเห็บหรือไงไอ้สัด?!!”
“ชู่ว์ววว! อย่าเพิ่งเห่า ฟังเห็บก่อนนะครับตูบน้อย”
เต๋อร้องห้ามกังฟูด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พลางส่งสายตาอ่อนหวานพาลให้คนมองระทดระทวยเพื่อช่วยตรึงดวงเนตรกลมใสของอีกฝ่ายให้อ่านความนัยที่ฉายชัดในแววตา
ต่อให้กังฟูด่าพ่อล้อชื่อแม่...แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่า
นาทีนี้...คงไม่มีใครหยุดยั้งหมีหนุ่มคลั่งรักได้อีกต่อไป
กระทั่งหัวใจที่พยายามจะต่อต้านของกังฟู
ก็ดูจะไม่เชื่อฟังคำสั่งจากเจ้าของสักเท่าไร...
แต่ใครมันจะไปยอมเสียท่าให้ง่ายๆกันล่ะ?
“ไอ้เหี้ยเต๋อ...กูเพื่อนเล่นมึงเหรอไง?!!” กังฟูสวนกลับทันควันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
แต่เมื่อเต๋อที่อยู่ในโหมดพร้อมต่อสู้เพื่อความรักกดหน้าต่ำทำขรึมใส่เข้าหน่อย
พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็ต้องยอมถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วลดความห้าวลงทันที
“ก็พูดมาเร็วๆสิ!!! มัวแต่อมพะนำอะไรอยู่ได้ไอ้เห็บหมาเอ๊ย!!!!”
“ฟูครับ
/เรียกทำไมนักหนา?”
“ฟูครับ /จะเรียกชื่อกูซ้ำๆทำไมเนี่ยะ?”
“ให้เต๋อจีบฟูนะ
/...!!!!!!!!!!...”
เป็นครั้งแรกที่กังฟูเพิ่งเคยสัมผัสประสบการณ์เขินจนหูเฝื่อน
ร่างเล็กรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ที่มีเพียงเสียงนุ่มๆของเต๋อก้องดังอยู่ข้างๆใบหู...
...ให้เต๋อจีบฟูนะ...
...ให้เต๋อจีบฟูนะ...
...ให้เต๋อจีบฟูนะ...
...ให้เต๋อจีบฟูนะ...
...ให้เต๋อจีบฟูนะ...
...ให้เต๋อจีบฟูนะ...
พอเผลอฟังนานๆเข้า...
เขาก็รู้สึกงงราวกับไม่เข้าใจว่า ไอ้ประโยคร้องขอที่ว่า มันกลั่นออกมาเป็นภาษาอะไร?...
ทำไมอยู่ๆกังฟูก็กลับไม่เข้าใจในความหมายประโยคสั้นๆที่ว่าขึ้นมาเสียอย่างนั้นก็ไม่รู้?
ส่วนฝ่ายที่กำลังเฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดจ่อก็เกิดร้อนรนจนอดทนรอต่อไม่ไหว
สุดท้ายเต๋อก็อดทวงถามพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนยิ่งกว่าครั้งไหนๆขึ้นมาไม่ได้จริงๆ
“นะ...นะครับฟู”
เสียงกระซิบพลอดพร่ำชวนเคลิบเคลิ้มทำเอาหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำอยู่แต่เดิม
กระหน่ำเพิ่มจังหวะสูบฉีดของเหลวสีแดงในร่างเล็กจนส่งเสียงดังผิดปกติ
ยิ่งจมูกโด่งเป็นสัน
กับริมฝีปากหยักที่ผลิรอยยิ้มชวนไหวหวั่นของเต๋อวนเวียนเข้ามาใกล้ผิวแก้มขาวของเขามากขึ้นเท่าไร
ก็ชวนให้ร่างบางรู้สึกวิ้งๆข้างในคล้ายๆคนใกล้จะเป็นลมมากขึ้นเท่านั้น...
การตกอยู่ในสถานการณ์ยากเกินรับมือแบบฉับพลัน
ทำให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยรู้สึกตื้อและตันจนงงงันทำตัวไม่ถูก
“โอ๊ย!!! อะไรของมึง เสียเหงื่อมากจนประสาทกลับหรือไง?...
ไม่เอา ไม่คุยด้วยแล้ว!!!” กังฟูส่งเสียงดังโหวกเหวกทำเอะอะเพื่อหลบสายตาละลาบละล้วงของอีกฝ่ายเป็นพัลวัน
หากย้อนไปเมื่อตอนที่เต๋อยังไม่เข้ามาก้าวก่ายและวุ่นวายกับชีวิตประจำวันของเขามากถึงเพียงนี้...
พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยคงไม่มีวันเชื่อว่า
วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า...
เขาจะยอมให้ผู้ชายคนอื่นเดินมาบอกว่า
‘ขอจีบนะ’ ได้โดยไม่ต่อยไอ้บ้านั่นให้สิ้นชีวาวายล้มตายไปกับตา...
และที่น่าช็อกยิ่งกว่าคือกรกฏยังปล่อยให้ไอ้ควายป่าหน้าแก่นั่นเข้าหา
ยอมให้ล่วงเกินด้วยวาจา
รวมทั้งกระทำชำเราร่างกายที่รังเกียจสัมผัสของผู้ชายมาโดยตลอดของเขาได้โดยไร้ปัญญาต่อกร
แต่ที่น่าสะพรึงไปถึงไหนๆ
คือเรื่องไม่น่าเชื่อเหล่านั้น...ดันเป็นสิ่งที่เต๋อเองก็สังเกตได้เช่นกัน
ซึ่งนั่นกลายเป็นแรงผลักดันให้กัปตันหนุ่มแห่งทีมฟุตบอลสถาปัตย์ไม่ท้อถอยแค่เพราะอีกฝ่ายโวยวายอยู่แค่ไม่กี่ประโยค
“ถ้าฟูไม่ตอบ
เต๋อไม่ปล่อยจริงๆนะ...
.
...เอาซี่ ถ้าฟูอยากให้คนอื่นเห็นเราสองคนยืนกอดกันก็ลองดู...
...เต๋อจะยิ่งดีใจเสียอีกที่คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน”
กัปตันทีมสถาปัตย์เร่งรัดคำตอบด้วยสีหน้าชอบอกชอบใจ... ก็ใครใช้ให้เขากลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบทั้งขึ้นทั้งล่องแบบนี้กันล่ะ?!
เต๋อรู้ดีว่ากังฟูเกลียดอะไร...
เขาจึงใช้สิ่งนั้นมาต่อรองได้อย่างเหมาะเจาะกับสถานการณ์เป็นที่สุด
ร่างเล็กอาจจะหงุดหงิดที่ต้องเสียฟอร์มยอมรับคำขอของเขาซึ่งซึ่งหน้า
แต่ถ้ากังฟูไม่รับปากออกมาเป็นมั่นเหมาะ คนที่จะหัวเราะไม่ออกในภายหลังอาจจะกลายเป็นตัวเขา
“ไอ้ควาย
ไอ้หมาตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด ไอ้ ไอ้ ไอ้!!”
สำหรับเต๋อที่กำลังฮึกเหิมกับชัยชนะเดิมพัน
และความใกล้ชิดกันโดยไม่มีคนคั่นกลางหรือขวางขัดอย่างเช่นในยามนี้
ต่อให้กังฟูด่ารุนแรงสักกี่ดีกรี
หนุ่มร่างหมีก็ยิ่งรู้สึกว่ามันยิ่งเข้าตำรา ‘ด่าแปลว่ารัก...ยิ่งด่าหนัก ยิ่งแปลว่ารักฉิบหาย’
“ตกลงชอบให้เต๋อกอดใช่ไหมถึงได้เอาแต่ด่า
แต่ว่าไม่ยอมตอบน่ะหื้มม?” เสียงกระซิบทอดผ่อนชวนให้คนฟังอ่อนยวบไปทั้งตัว
แต่ประโยคเงื่อนไขที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมากลับทำให้กังฟูหวาดกลัวกับผลที่ตามมายิ่งกว่าอะไร
“งั้นหอมแก้มด้วยดีกว่า จะได้แสดงความเป็นเจ้าของแบบครบถ้วนกันไปเลย”
อันที่จริง...ระยะห่างระหว่างใบหน้าของทั้งสองหนุ่มในยามนี้แทบจะไม่มีช่องว่างเหลือพอให้ใครขยับหนีได้อย่างใจ
เพราะฉะนั้นคงไม่ผิดอะไร...หากร่างสูงใหญ่จะทำตามอำเภอใจเพื่อบีบบังคับอีกฝ่ายให้รับปากอย่างเป็นกิจลักษณะเสียที
ที่ต้องทำกันถึงขนาดนี้
เพราะเต๋อรู้ดีว่าศักดิ์ศรีที่ค้ำคอของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัย
จะช่วยให้กังฟูรักษาคำพูดที่เคยเอ่ยไว้กับเขาโดยไม่กลับคำไปมาโดยง่าย
“พอเลยไอ้เต๋อ...พอ! เออ เออ... มึงอยากจะทำอะไรก็ทำ กูไม่ห้ามมึงแล้วสัด!!”
กังฟูรับคำส่งๆเพราะทั้งเบลอทั้งงงกับประโยคเงื่อนไขที่ได้ยินก่อนหน้า
แถมสติยังง่อนแง่นแอ่นไหวไปมาเพราะความใกล้ชิดสนิทแนบแบบแทบจะสิงเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย...
พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยไม่ได้เฉลียวใจสักนิดว่า
คำพูดที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองล่วงหน้าจะจุดประกายความคิดร้ายกาจในหัวเต๋อให้บานปลายได้มากขนาดไหน
“จริงเหรอครับฟู?” เต๋อถามด้วยน้ำเสียงตื่นปนล่ก นี่ถ้าที่กังฟูพูดมาไม่ใช่เรื่องตลก...เขาจะต้องกลายเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดคนหนึ่งแน่ๆ
“เอ๊ะไอ้เหี้ยนี่! มึงเห็นกูเป็นพวกขี้อำหรือไง?
คนอย่างกังฟู...คำไหนคำนั้นเสมอแหละเว่ย!!!” กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอโอ่ในเรื่องที่ไม่ควร น้ำเสียงผะแผ่วซู่ๆซื่อๆอื้อๆอ้าห์ๆที่ชวนให้ขนลุกก็กลับมากรอกเข้ากระบอกหูของเขาเข้าอีกครั้ง
“ฟู ฟูน่ารัก...ฟูรู้ตัวใช่ไหมครับ?” คนถามไม่ได้รอให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยตอบโต้ให้เสียเวลา
ร่างหนากดจมูกโด่งลงบนแก้มขาวใสได้อารมณ์ตูดเด็กของกังฟูแล้วสูดดมกลิ่นเฉพาะตัวที่หวานหอมยั่วยวนในความรู้สึกของเต๋อเข้าเต็มรัก
แรงกดหนักๆและลมหายใจร้อนที่สูดเข้า
– ออกซ้ำๆย้ำตรงแก้มไม่ได้ทำให้กังฟูได้สติรวดเร็วเท่ากับสายตาของแฟนบอล
ที่เริ่มทยอยเดินออกจากสนามกีฬา
ซึ่งล้วนแล้วแต่จับจ้องมองมายังพวกเขาทั้งสองด้วยความสนอกสนใจเป็นตาเดียว
รายที่เปรี้ยวหน่อย...ก็ชี้มือชี้ไม้ให้เพื่อนพ้องดูพลางป้องปากเชียร์ไอ้กัปตันเบอร์เจ็ดให้สอยประตูแฟนได้ในเร็ววัน
“ไอ้สัดเต๋อ!!! มึงทำอะไรของมึงเนี่ย?”
ร่างเล็กอาศัยจังหวะที่เต๋อเผลอตอกส้นคอนเวิร์สลงบนหลังเท้าคีบช้างดาวของอีกฝ่าย
ยืนรอสักพักให้คนตัวโตคลายอ้อมกอดจนเขาเป็นอิสระ
แล้วจึงถองข้อศอกเข้าตรงหน้าท้องแบบจะจะแถมให้อีกดอก
“สมน้ำหน้า...ไอ้บ้ากาม!!”
“อูยยยยย! ไหนฟูบอกว่าอยากทำอะไรก็ทำยังไงล่ะครับ...โอย”
กัปตันร่างหมีนอนกุมท้องพลางร้องโอดโอยด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าโดยไม่ละสายตาจากร่างเล็กที่ค่อยๆกึ่งเดินกึ่งวิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ
“พี่หมี...
ยินดีด้วยนะครับ ทีมพี่หมีทำสำเร็จแล้วนะ” บ๊วยยิ้มให้ชายหนุ่มรูปงามที่เพิ่งผละจากขอบสนามมายังจุดปล่อยตัวนักกีฬา...
สถานที่ๆอดีตเดือนมหาลัยกำชับกำชาให้ชายกลางลงจากแสตนด์มารอท่าหลังการแข่งขันสิ้นสุด
ร่างเล็กกว่าซับเหงื่อบนใบหน้าให้นักกีฬาขี้ออเซาะตามความเคยชิน
อีกฝ่ายก็ใช้ลิ้นล่อลวงหนุ่มสถาปัตย์ให้ติดกับดักหัวใจที่ทิ้งเอาไว้อย่างเรี่ยราดเหลือกำลัง
“เพราะบูบู้เชียร์อยู่ยังไงล่ะทีมเค้าเลยชนะมาได้”
ศูนย์หน้าตัวมหาลัยยิ้มมุมปากพลางยักคิ้วให้คล้ายจะอวดอยู่ในที...
แต่ไอ้ที่อยากจะอวดนี่ไม่ได้เกี่ยวกับฝีมือการเล่นฟุตบอลแต่อย่างใดหรอกนะ
อันที่จริง...สุดหล่อดีกรีเดือนมหาวิทยาลัยอยากจะเทความดีความชอบใส่พานส่งมอบให้กับแฟนกำมะลอเสียเต็มปรี่
ติดอยู่ที่ว่า...
หากเผลอตัวป้อบ๊วยหนักมือเกินไป เขาอาจถึงตายเพราะสำลักน้ำเปรี้ยวจนหายใจไม่ออกไปเสียก่อนน่ะสิ
“พี่หมีไม่เสียใจใช่ไหมครับที่ยิงประตูไม่เข้า?”
บ๊วยถามธันวาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยไม่แพ้ไปจากภาษากายที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา...
มือข้างที่เช็ดเหงื่อบนใบหน้ายังไม่ทันได้ว่าง
แต่มืออีกข้างก็ยกกระติกน้ำเย็นพร้อมหลอดส่งให้แฟนหนุ่มรูปหล่อทว่าง่อยเหลือร้ายที่ไม่ยอมรับไปดูดโดยดี
อดีตเดือนมหาลัยก็เหลือเกิน...
ทำเป็นก้มหน้าลงต่ำในระดับสายตาที่พอดีกันกับอีกฝ่าย
เพื่อดูดน้ำเย็นชื่นใจจากปลายหลอดพลางสบตากับหนุ่มสถาปัตย์ร่างผอมแห้งไม่วาง
ระหว่างนั้น...สองมือที่ยังว่างของธันวาก็ถูกเจ้าตัวส่งไปปัดลูกผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายให้พ้นหูพ้นตา...
ด้วยรู้ดีว่า
หากตนเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆทำนองนี้ เจ้าของร่างเล็กที่คอยปรนนิบัตรพัดวีเขาเป็นอย่างดีไม่มีใครเกิน
จะยอมเผยรอยยิ้มสะกดสายตาออกมาให้เขาเห็นเป็นพิเศษอีกครั้ง
“ว่ายังไงล่ะครับพี่หมี...
เสียใจหรือเปล่า?” ชายกลางที่เขินสายตากับการกระทำของอีกฝ่ายต้องอาศัยคำถามเมื่อครู่
มาช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้ทั้งเขาและอดีตเดือนมหาลัยไม่รู้สึกกระดากอายจนเกินไปนัก
“จะเสียใจอะไรล่ะครับบูบู้
ก่อนยิงลูกโทษ...เจ้าพ่อไทรทองเล่นชูป้ายไฟใหญ่เท่าบิลบอร์ดอยู่ข้างหลังสกล บอกเค้าว่าไม่ต้องตั้งใจเตะนักก็ได้
เพราะยังไงท่านก็ไม่ปล่อยให้บอลก็เข้าโกลอยู่ดี...เค้าเลยเตะแบบขอไปทีโดยไม่ตั้งความหวังอะไรทั้งสิ้น”
เก็กสรุปภาพความทรงจำที่คงไม่เลือนไปจากสมองง่ายๆออกมาให้บ๊วยฟังเพื่อตอบข้อสงสัย...
ดีเท่าไรแล้วที่เจ้าพ่อทั้งสองไม่ขึ้นป้ายไฟใหญ่เบิ้มอยู่ตลอดช่วงการแข่งขัน
ไม่อย่างนั้นเขาซึ่งเป็นผู้เล่นที่สามารถมองเห็นป้ายไฟของเจ้าพ่อทั้งสองอยู่เพียงคนเดียวในสนาม
อาจต้องถูกเมดิคฯหามออกจากเกมไปเพราะธาตุไฟแตกก่อนเวลาอันควรแหงๆ
ส่วนคนฟังที่เพิ่งได้ยินประสบการณ์ดังกล่าวเป็นครั้งแรก
ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความทึ่งในฝีมือเหนือชั้นของเทวบุตรทั้งสอง
“งั้นก็แสดงว่าสาเหตุที่วิศวะยิงไม่เข้าสักประตูตลอดการแข่งขัน
เป็นเพราะเจ้าพ่อห่อไหล่กับเจ้าพ่อไทรทองอย่างนั้นหรอกเหรอครับ?” บ๊วยถามด้วยความอัศจรรย์ใจไม่มีความรู้สึกอื่นใดเจือปน
“ก็ทำนองนั้นแหละครับบูบู้”
เก็กรับคำด้วยท่าทางหนักอกแบบที่จงใจใส่แอคติ้งเพิ่มไปอีกนิดหน่อย
เพื่อให้ผู้ดูแลตัวน้อยเห็นใจจนเผลอกระเถิบร่นเข้าใกล้มากขึ้นอีกนิด
“คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นี่หัวเสียกันไปหมดเลยนะครับ
โดยเฉพาะพี่ด้วงที่แทบจะพุ่งเข้าขวิดกรรมการอยู่หลายรอบ” อดีตเดือนมหาลัยลูบหลังลูบไหล่บางๆของอีกฝ่ายเบาๆ
จนดูคล้ายกับกำลังโอบเอวและไหล่ของบ๊วยเอาไว้ทั้งสองมือ
“น่าสงสารพี่ด้วงเหมือนกันนะครับ
ดูพี่ด้วงจะตั้งความหวังกับฟุตบอลนัดนี้เอาไว้มากทีเดียว”
ระหว่างฟังเก็กพร่ำพรรณนา
บ๊วยผู้ไร้เดียงสายังคงจดจ่อกับการซับอีกซีกหนึ่งของใบหน้าให้ธันวาอย่างทนุถนอม
ฝ่ายสุดหล่อจอมมารยาก็คว้ามือนุ่มของแฟนปลอมๆเอาไว้
ก่อนจะหาทางหยอดคำอ้อนใส่เพื่อให้บ๊วยดูแลเขาให้ถึงเนื้อถึงตัวยิ่งไปกว่าที่เป็นอยู่
“อย่าเพิ่งสงสารคนอื่นเลยครับบูบู้ เค้าว่าคนแรกที่ควรสงสาร คือเค้าต่างหา...
อดีตเดือนมหาลัยยังฝอยได้ไม่จบประโยค
แฟนเก่าผู้ตกอยู่ในโหมดเบลอโลกก็ปรี่เข้ามาคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนข้างหนึ่งของธันวา
ซึ่งเมื่อดูจากท่าจับกับใบหน้าฟินเกินห้ามใจยามที่ถูไถไซ้ก้อนไบเซบโชกเหงื่อของอดีตเดือนมหาลัยของอิ๊กแล้ว
สภาพของอดีตเดือนบริหาร
ณ ขณะนี้ ก็ไม่แคล้วลูกชะนีวัยขบเผาะเกาะอกมารดาแต่อย่างใด
ซึ่งทันทีที่แลนดิ้งยังที่หมายได้ตามเป้า
อิ๊กก็เริ่มทำลายล้างตามแรงจูงใจบางอย่างที่กระทั่งเจ้าตัวยังไม่อาจนิยามได้
“เก็ก
เหนื่อยมากไหม?” หนุ่มหน้าสวยถามด้วยน้ำเสียงหวานหยด...
ทว่านั่นกลับเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับอดีตเดือนมหาลัยผู้ไม่เหลือเยื่อใยใดๆให้กับอิ๊กแม้สักนิด
“ก็ไม่เท่าไรหรอก”
เก็กรีบแกะมือกาวของคนรักเก่าออกแล้วสั่งเสียงเข้ม “อย่าทำแบบนี้อีกนะอิ๊ก!” ว่าแล้วก็ถอยห่างจากจุดที่อิ๊กยืนงงอยู่
พลางกระเตงชายกลางเดินตีคู่กันออกไปยังด้านนอกสนาม แต่ร่างบอบบางกลับเดินตามคู่รักทั้งสองมาอย่างว่องไวคล้ายวิญญาณสาวซาดาโกะคลานโผล่ออกจากทีวี
“เก็กบอกอิ๊กได้ไหมว่าทำไมอิ๊กถึงทำแบบนั้นอีกไม่ได้?”
อดีตเดือนมหาลัยถึงกับผงะ
เมื่อเลื่อนสายตากลับไปปะทะเข้ากับใบหน้าเบะน้อยๆของเจ้าของคำถามเมื่อครู่
แต่ดูเหมือนว่าโชคยังเข้าข้างเก็กอยู่บ้าง
เพราะทันทีที่เบี่ยงวิถีการมองไปข้างๆ เขาก็เจอเข้ากับมนุษย์เพศชายขนาดย่อส่วนที่ป๊ากับม้าชี้ชวนให้เรียก
‘เฮีย เฮีย’ ตั้งแต่ตอนที่หมานั่งยังสามารถเลียไข่ลามไปถึงใบหูของเขาได้สบายๆ
“เฮียฟู!! เฮียจะรีบไปไหน?” หนุ่มรูปงามป้องปากตะโกนข้ามหัวอิ๊กที่กลายเป็นอากาศธาตุโดยสมบูณ์เพื่อร้องเรียกพี่ชายเสียงดัง
ซึ่งร่างเล็กที่กำลังจ้ำอยู่ไหวๆก็หันมาตอบไวๆโดยไม่พักขา
“กลับหอ!” ท่าทางล่กๆเหมือนไปตกกระเป๋าตังค์ใครมาของกังฟูทำให้ธันวาพรั่งพรูถ้อยคำเชิญชวนออกมาอย่างรวดเร็ว
“เอ้ย! เฮีย! เดี๋ยวดิ!! คืนนี้ไปกินเลี้ยงด้วยกันนะครับ”
“เออๆ
กูไปก่อนนะ จะรีบกลับไปอาบน้ำ!” กรกฏตอบโดยไม่เสียเวลาหันกลับมามองหน้าน้องชาย
เก็กแปลกใจกับทีท่าเร่งรีบไม่สนใจใครของคนเป็นพี่
ทั้งที่เมื่อไรก็ตามที่เขาลอยชายอยู่ใกล้ๆบ๊วย
มีหรือที่หน่วยขัดขวางระรานขั้นแกนนำอย่างกังฟูก็จะไม่กระโดดเข้ามาพะบู๊ขู่ขวัญให้เขาทั้งสองต้องกระเจิง...
เฮียฟูกำลังทำตัวประหลาด
“ทำไมเฮียดูรีบร้อนชอบกล?...หรือว่าเฮียจะไม่สนเราสองคนอีกต่อไปแล้ว?”
เก็กถามขึ้นมาลอยๆ
“ไม่หรอกครับพี่หมี...ดูโน่นสิ”
ชายกลางอมยิ้มน้อยๆพลางชี้ให้อดีตเดือนมหาลัยมองตามปลายนิ้วของตนไปยังจุดที่กังฟูเพิ่งเดินผ่านไปหมาดๆ
ซึ่งปรากฏร่างหนามาดแมนสมชายของกัปตันทีมสถาปัตย์กำลังวิ่งตุปัดตุเป๋ตามหลังกังฟูไปห่างๆ
“หึ
หึ...โดนพี่เต๋อตามจองเวรอยู่สินะ” อดีตเดือนมหาลัยสรุปด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ
แล้วจึงหันไปทำเสียงอ่อนใส่ชายกลางที่โดนเหน็บเอวให้ยืนประกบข้างๆลำตัวของเขาโดยไม่ยอมให้ห่างไปไหน
“เราก็ไปกันบ้างเถอะครับบูบู้
เค้าอยากอาบน้ำชะมัด” ธันวาแอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเร็วๆ
ก่อนจะลักไก่บอกความปรารถนาลึกๆในใจโดยไม่ปล่อยให้บ๊วยไหวตัว “เดี๋ยวเค้าแวะไปอาบน้ำที่ห้องบูบู้ได้ไหม?”
ระหว่างรอคำตอบของแฟนบังหน้า
อดีตเดือนมหาลัยก็แอบตั้งความหวังว่า เจ้าของห้องจะพลั้งปากตกลงโดยไม่ทันได้ฟังประโยคคำถามเมื่อครู่ให้รู้แล้วรู้รอด...แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังกันอยู่ตลอดๆเสียเมื่อไรล่ะ
“อ้าว! ทำไมล่ะครับ?” บ๊วยถามซื่อๆ
“ก็เค้าไม่อยากรอเฮียฟูนี่ครับ...
.
...เนี่ยะบูบู้ดูสิ
เค้านะ...เหนอะหนะไปหมดทั้งตัวแล้ว” เก็กหวังว่าหน้าตาเซื่องๆกับวาจาออดอ้อนของเขาจะทำให้บ๊วยมองข้ามความไม่สมเหตุสมผลของคำของี่เง่าเมื่อครู่นี้ไปได้...
ที่เก็กอยากไปอาบน้ำที่ห้องของอีกฝ่าย
เพราะอยากแน่ใจว่า
เขาจะได้ใช้เวลาอธิบายเหตุการณ์สุดสะพรึงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานได้โดยไม่มีบุคคลที่สาม
สี่ ห้า...
วิ่งผ่าเข้ามาแทรกกลาง
หรือจงใจขัดขวางอย่างที่อิ๊ก หรือ เฮียฟูชอบทำ
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น...
เก็กเชื่อมั่นว่า หากพวกเขาทั้งสองได้ทดลองใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้องปิดตาย
บ๊วยน่าจะตระหนักได้ถึงความชัดเจนของสถานะพิเศษของตนที่เขายินยอมมอบให้ชายกลางผู้แสนดีได้มากยิ่งขึ้น
“งั้นอาบที่นี่เลยดีไหมล่ะครับพี่หมี?
จะได้หายเหนียวตัวเร็วๆยังไงล่ะ” บ๊วยเสนอตัวเลือกที่น่าจะตอบโจทย์ของเก็กได้ดียิ่งกว่าหนทางไหนๆให้โดยไม่รอรี...หวังว่าอีกฝ่ายจะยินดี
หากได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบเร็วๆสมใจ...
ทว่าชายกลางดูจะคิดน้อยไป
ส่วนไอ้หนุ่มรูปหล่อก็ดันคิดการณ์ใหญ่...จึงไม่พอใจกับสิบเบี้ยใกล้มืออย่างที่ควรจะเป็น
“ไม่เอาอ่ะ...เค้าอยากไปอาบน้ำที่ห้องบูบู้นี่นา”อดีตเดือนมหาลัยเปิดฉากเจรจาต่อรองด้วยท่วงท่ากระเง้ากระงอด
ตามด้วยออดอ้อนเป็นรายการปิดท้าย “นะ นะ...นะครับ” ...นี่ถ้าไม่ห่วงว่าดีดดิ้นอยู่กับพื้นเหมือนเด็กๆแล้วจะกลายเป็นพวกหล่อแต่สมองกลวง
เข้าใจว่าธันวาคงหย่อนก้นนั่งลงบนพื้นรอล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อห้าวันก่อน
“ไม่ต้อง!
เดี๋ยวพวกมึงไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องกูนี่แหละ!”
แทนที่บ๊วยจะไหลตามน้ำทำให้เก็กได้สุขสมใจ
ประโยคคำสั่งของผู้ที่เพิ่งเดินอาดๆเข้ามาสมทบยังจุดที่คู่รักกำมะลอยืนต่อรองกันอยู่
ก็กลายเป็นคำตอบที่ดูจะต้องทำตามอย่างไม่มีข้อแม้
“พี่เต๋อ?!!” เก็กโอดครวญออกมาเป็นชื่อของว่าที่แฟนพี่ชาย...
แล้วอย่างนี้เมื่อไรเขาจะได้ปรับความเข้าใจกับบ๊วยให้รู้เรื่องกันไปเสียที?!
“กูมีเรื่องจะขอคำปรึกษาจากพวกมึงทั้งหมดเสียหน่อย”
คำอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจังของเต๋อทำให้เก็กถึงกับยอมหุบปากแต่โดยดี แต่ร่างเล็กที่เขายืนโอบอยู่นี่กลับมีข้อสงสัย
“แล้วคนอื่นล่ะครับพี่เต๋อ?”
บ๊วยอยากแน่ใจว่า ‘พวกมึง’ ที่พี่รหัสตนพูดถึงเมื่อครู่ มีใครอยู่ในนั้นบ้าง เต๋อเลยสาธยายในรายละเอียดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ
ด้วยตัวเขาเพิ่งสำเหนียกถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าซึ่งถาโถมเข้ามาใส่หลังเบิกอะดรีนาลีนออกมาใช้จนเกินขนาด
“ไอ้แฝดนรกกับไอ้เหี้ยแว่นแม่งมาแซงค์คีย์การ์ดห้องกูไปตั้งแต่แข่งเสร็จแล้ว”
เข้าใจว่าแค่ความงอม เต๋อคงไม่ยอมเผยสีหน้าเกลียดและรำคาญบุคคลที่สามที่เขาเพิ่งเอ่ยถึงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนี้...
เหล่าสมุนเลวควรจะดีใจที่รุ่นพี่ร่างใหญ่ให้ความเอ็นดูแก่พวกเขาเป็นอย่างยิ่ง
“มึงก็พาน้องกูไปได้เลยไม่ต้องรอ...
...ขอกูไปลากคอกะเทยลงมาจากวอสักเดี๋ยว
ไม่อยากทนเห็นไอ้พวกเสี่ยวแห่มันร่อนไปทั่วมหาลัยให้เกะกะลูกตา...
...ชนะบอลแค่นี้จะดีใจอะไรกันนักหนา...ปัญญาอ่อน!!” เต๋อกระชากเสียงบ่นราวกับคนได้รับผลกระทบจากการแสดงความยินดีของทีมคู่อริเสียเต็มประดา
ทั้งที่แสดงออกมาโดยตลอดว่า ตนเองไม่แคร์กับผลการแข่งขันแต่อย่างใด...
ไม่รู้อะไรดลใจ
แต่ระหว่างที่ฟังการพล่ามของพี่รหัสแฟนใหม่
อดีตเดือนมหาลัยกลับรู้สึกถึงสำนวนที่บอกว่า
‘องุ่นเปรี้ยว’ ขึ้นมาตงิดๆ
กระนั้น...ความคิดของทุกฝ่ายกลับต้องสะดุดลงเมื่อคนที่เหมือนจะจืดจางไม่มีบทบาทใดๆ
กลับเอ่ยถามเสียงใสด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ขออิ๊กไปด้วยคนได้ไหมครับพี่เต๋อ?”
ว่าพลางส่งยิ้มหยาดเยิ้มให้เต๋อเพื่อกรุยทาง แต่หนุ่มร่างหมีรุ่นพี่ต่างคณะกลับเขี้ยวเกินกว่าที่อดีตเดือนบริหารประมาณการณ์เอาไว้
“นี่กูสนิทกับมึงตั้งแต่เมื่อไรไอ้หน้าหวาน?”
เต๋อปรายตามองหน่ายๆ ต่อให้ไม่เคยเป็นคอละครเรื่องไหนๆ เขาก็บอกได้ว่าไอ้เด็กทอมตรงหน้า
คือ หนึ่งในตัวท็อปซึ่งลอบเข้ามาตีท้ายครัวน้องรหัสของเขาอย่างน่าไม่อาย... คงไม่ผิดอะไร
หากชายหนุ่มร่างหมีจะไม่ชอบขี้หน้าอีกฝ่ายและไม่หมายจะคบหาด้วย
“พี่เต๋อ!!” บ๊วยออกโรงดุพี่รหัสต่อหน้าต่อตาชายหนุ่มต่างคณะ
แค่ได้ยินน้องรหัสที่รักเรียกชื่อให้สติ...คนเป็นพี่ก็ยอมอ่อนข้อให้กับอดีตเดือนบริหารแบบง่ายๆ
แต่ไม่วายสั่งสอนตามประสาคนอาบน้ำร้อนมาก่อนราวปีกว่าๆ
“เออๆ
ตามใจแล้วกัน...
...ขออย่างเดียว
อย่าทำตัวน่าเป็นห่วง...
.
...ไอ้เก็กกับน้องรหัสกูก็รักกันดีอยู่
ขอร้อง...อย่าเที่ยวหาโอกาสแยกคู่พวกมันออกจากกันเลยว่ะ...
...กูเห็นแล้วอดสงสารมึงไม่ได้ เข้าใจที่กูพูดใช่ไหมไอ้หน้าหวาน?”
“คระ
ครับพี่เต๋อ” อิ๊กรับคำง่ายๆ
แม้จะเถียงรุ่นพี่หนุ่มอยู่ในใจว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจทำในสิ่งที่ใครต่อใครเข้าใจเลยสักนิด
แต่เพราะไม่มีใครคิดอย่างที่อดีตเดือนบริหารรู้สึกอยู่ภายใน
ทั้งหมดจึงทำได้แค่แยกย้ายกันไปรอเต๋อที่ห้องตามคำบัญชาสุดท้ายของชายร่างหมีโดยไม่มีบิดพลิ้ว
“ไป! งั้นก็ไปกันได้แล้ว
เดี๋ยวไปแดกเหล้าคืนนี้ไม่ทัน!!”
Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ
“บ๊วย...
นายทำอะไรให้พวกเรากินรองท้องหน่อยได้ไหม?...
.
...เผอิญวันนี้เรากับคนอื่นๆใช้กำลังหนักเกินกว่าเหตุ
พวกเราเลยหิวเป็นพิเศษน่ะ...
...อุ๊ย! โทษทีนะ ลืมไปว่าคนนั่งดูที่ไม่ได้ออกแรงอย่างนาย คงไม่มีวันเข้าใจความลำบากของพวกเราที่เหลือหรอกมั้ง”
สกลที่นั่งไขว้ห้างบนม้านั่งตัวสูงหน้าบาร์จีบปากจีบคอจิกกัดบ๊วยที่สาละวนทำโน่นนี่อยู่ในแพนทรีระหว่างรอแฟนในนามเข้าไปอาบน้ำในห้องพักชั่วคราวของด้วง
ชายกลางผู้ถูกจาบจ้วงส่ายหัวป้อยๆอย่างอ่อนใจให้กับเพื่อนสนิทปากไว
ทว่ากลับเริ่มค้นเครื่องปรุงทั้งสดทั้งแห้งที่เจ้าของห้องเก็บเอาไว้ในตู้ต่างๆโดยละเอียดทันที
ด้วยความกังวลว่าเพื่อนรักแสนดีอย่างบ๊วยจะเครียดกับฝีปากมหาประลัยของสกล
แฝดพี่เลยอดทนกับประโยคกระทบกระแทกแดกดันของหนุ่มหน้าแว่นได้ไม่ดีนัก
“หืมมม...แว่น
ได้ข่าวว่าแว่นลงไปเฝ้าประตูแค่ห้าลูกสุดท้ายเองไม่ใช่เหรอครับ?” ฌานที่นั่งอยู่บนม้านั่งตัวข้างๆกันละสายตาจากแฝดน้องที่ยืนนิ่วหน้าพิงฝาห้องครัว
เพื่อช่วยรื้อฟื้นความทรงจำอันแสนสั้นเรียกสติให้เพื่อนหน้าแว่นเลิกทำตัวมั่นหน้าเสียที...
แต่อนิจจา...
เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เหนือคนบ้ายังมีสกล
“แหม
พี่ฌานครับ...การต่อกรกับลูกเตะมฤตยูทั้งห้า นับเป็นภาระยิ่งใหญ่ที่เหน็ดเหนื่อยและหนักหนายิ่งไปกว่าการออกกำลังกายตลอดทั้งชาตินี้ล่วงเลยไปถึงการออกแรงภายในชาติหน้าของผมเสียอีกนะครับ...
.
...ที่ผมยังหยัดยืนอยู่ได้โดยไม่หลับ
ก็นับว่าผมเทพมากกว่าปกติเป็นล้านเท่าแล้วครับพี่ฌาน” สกลลอยหน้าลอยตาตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สา...
ก็จริงของมัน...
เพราะหากถ้าเทียบกันระหว่างตัวสำรองของทีมสถาปัตย์ทั้งสาม
สกลทำแต้มนำฝาแฝดด้านความยาวนานในการลงสนามไปหลายช่วงตัว
และการที่หนุ่มหน้าแว่นยังสามารถนั่งประคองลำตัวให้ตั้งตรงอยู่ได้โดยไม่นอนตายไปเสียตั้งแต่เกมจบ
ก็ถือเป็นเรื่องน่าเคารพกราบไหว้เป็นที่สุด
“ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับสกลหรอกพี่ฌาน...
.
...เดี๋ยวผมลองดูเผื่อว่ามีอะไรเหลือพอติดห้องพี่เต๋อบ้าง แล้วจะทำอะไรเบาๆให้กินกันก่อนไปกินเลี้ยงเย็นนี้แล้วกันนะ”
...เดี๋ยวผมลองดูเผื่อว่ามีอะไรเหลือพอติดห้องพี่เต๋อบ้าง แล้วจะทำอะไรเบาๆให้กินกันก่อนไปกินเลี้ยงเย็นนี้แล้วกันนะ”
บ๊วยตัดบทหลังจากเอาซากไก่
ซากหมูและผักหญ้าที่มีวัยวุฒิล้ำหน้ากว่าอายุขัยที่แท้จริงจำนวนไม่น้อยออกมาจากตู้เย็น
เพื่อรอแปรรูปเป็นเครื่องเซ่นไหว้ให้แก่เหล่าชายหนุ่มผู้หิวโหยทั้งหลายในอีกไม่ช้า
วาจาที่สอดคล้องกับการกระทำของเพื่อนรักตั้งแต่เยาว์วัยของชายหนุ่มหน้าแว่น
ทำให้เขาอดกระหยิ่มด้วยความยินดีไม่ได้
“ให้มันได้อย่างนี้สิบ๊วย! ไม่เสียแรงจริงๆที่เราลดตัวยอมไปคบหาด้วยตั้งแต่เด็กๆ”
“เหรอออออ?!!!” เพื่อนรักทั้งสามที่อดทนฟังต่างประสานเสียงกันด้วยความพร้อมเพรียง
ซึ่งก่อนสกลจะอ้าปากเถียง เจ้าบ้านที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เดินลิ่วเข้ามาขัดตาทัพได้ถูกเวล่ำเวลาเป็นที่สุด
“เอาล่ะ
เอาล่ะพวกมึงทั้งหลาย พอก่อน!...
.
...ที่กูยอมให้พวกมึงมาถล่มห้องกูชั่วคราว
ไม่ใช่เพราะอยากเปิดบ้านให้พวกมึงมาทำตัวสำเริงสำราญแดกอาหารพร้อมดริงค์ฟรีหรอกนะ”
เต๋อตบเกรียนไอ้เด็กหน้าแว่นด้วยความหมั่นไส้ไปสองทีติดๆ ค่าที่พูดแบบไม่คิดใส่น้องรหัสสุดที่รักของเขาไปเมื่อครู่
“นั่นสิครับพี่เต๋อ...ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า
ทำไมพี่ถึงยอมให้กุญแจห้องกับพวกผมมาง่ายๆ?”
ลำพังแค่เสียงทุ้มทรงอำนาจของฌอนที่ถามไถ่ชายหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความสงสัยเพียงไม่กี่ประโยค
ก็ทำให้บรรยากาศโชกเลือดเดือดแค้นเมื่อครู่จางหายไปในชั่วพริบตา
เว้นเสียแต่ว่า...
ดีกรีความไม่รู้กาละเทศะของคนผู้นั้นจะย่ำแย่เกินเยียวยาระดับเดียวกับสกล
“หรือเป็นเพราะแข่งเสร็จแล้ว...พี่เต๋อเลย
‘มี อะไร จะ บอก’ พวกเราเป็นพิเศษใช่ไหมครับ?” หนุ่มหน้าแว่นยิ้มแป้นก่อนจะส่งจูบและโบกมือหยอยๆให้พี่รหัสของเพื่อนสนิทด้วยท่าทางที่เคาะมาจากต้นแบบแทบจะร้อยเปอร์เซนต์
“สัดแว่น! ปีนเกลียวใหญ่แล้วนะมึง!! เดี๋ยวเหอะ! อยากให้กูเฉดหัวมึงออกไปจากห้องเป็นคนแรกใช่ไหม?”
หนุ่มร่างหมีคำรามลั่นห้องจนแฝดพี่ต้องออกโรงเพราะเห็นแก่ความสงบสุขของคนหมู่มาก
“ช้าก่อนครับพี่เต๋อ
อย่าเพิ่งวู่วามไป...เพื่อความสงบสุขของพวกเราทุกคนในช่วงเย็นย่ำเช่นนี้...
...ผมขอแนะนำให้พี่เต๋อบอกเบอร์รองเท้าของพี่ให้สกลรู้เอาไว้เป็นข้อมูลเสียหน่อยก็ดีครับ...
.
...เผื่อตอนตั้งรับ
เพื่อนผมจะได้เตรียมกระอักเลือดได้อย่างพอเหมาะ” ...และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่แฝดพี่สามารถสงบศึกได้โดยสันติวิธี
และไม่มีผู้ใดเพลี่ยงพล้ำทำชีวิตหล่นหายไปกลางทาง อาจจะมีบ้างซึ่งเสียงตัดพ้อแบบไม่ง้อความหมายจากเพื่อนหน้าแว่นผู้ไม่เคยยี่หระต่อสิ่งใดในโลกใบนี้
“ง่อวววว!”
“แล้วไอ้เก็กมันไปไหนล่ะ?
กูต้องการตัวมันที่สุดเลยนะในบรรดาตัวประกอบอย่างพวกมึงทั้งหมดเนี่ยะ” เต๋อถามโดยจงใจให้น้องรหัสเป็นฝ่ายอธิบาย
แต่ชายกลางก็ช้ากว่าความเกรียนของสกลไม่ต่างจากทุกที
“แล้วกัน!!... พวกเราเป็นได้แค่ทางผ่านเองหรือครับพี่ฌาน?” หนุ่มหน้าแว่นตีโพยตีพาย ทว่าชายร่างหมีกลับแยแสไม่
“น้ำหน้าอย่างมึงนี่ยังไม่ชินกับสถานะพลเมืองชั้นสองของตัวเองอีกเหรอไอ้สัดแว่น?”
“เดี๋ยวผมไปตามพี่หมีให้เองก็ได้ครับ”
บ๊วยรีบแทรกกลางศึกฟาดฝีปากของทั้งสองฝ่ายด้วยการให้ทางออกที่น่าพอใจแก่ทุกฝ่าย
ชายกลางเสนอตัวไปตามแฟนในนามของตนให้พี่รหัส
เพราะไม่อยากอึดอัดกับบทสนทนาอันน่าเวียนหัวของทั้งสองหนุ่ม
ส่วนฌอนที่ยืนกลุ้มพิงข้างฝาอยู่นานสองนาน...ก็เริ่มต้านทานเสียงเรียกร้องของกุมารพลายไม่ไหว
ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง...
ความรักบังหน้าของเพื่อนสนิทต้องพังพาบราบเป็นหน้ากลองแน่ๆ
และไม่ต้องสงสัย
อดีตเดือนบริหารที่หายต๋อมไปไม่ยอมโผล่หน้าตั้งแต่แรกมาถึงยังห้องของรุ่นพี่นี่แหละ
ที่จะเป็นชนวนของปัญหาน่าปวดหัวทั้งหมด คิดแล้วแฝดน้องก็เดินฝ่ากลางวงร่ำน้ำลายสุดโหดตามหลังบ๊วยไปติดๆ
“เฮ่ย!” “อิ๊กเข้ามาทำอะไรเนี่ยะ?” เก็กร้องเสียงหลงออกมาทันทีที่รู้สึกถึงแรงกระแทกแจกอ้อมกอดจากทางด้านหลัง
ทั้งที่เพิ่งเห็นเจ้าของร่างบางผ่านหางตาไปเมื่อไม่ถึงอึดใจก่อนเองนะ...
อดีตเดือนมหาลัยซึ่งเพิ่งออกจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวห่อไข่รู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่า
ไอ้โรคจิตที่แอบซุ่มโจมตีเขาในภาวะล่อแหลมเช่นนี้
เป็นคนๆเดียวกับที่เขาเคยรัก...
ไม่ยักรู้ว่าอิ๊กมีรสนิยมแบบนี้มาก่อนเลยให้ตาย!
หรือพอเลิกคบกันไป...อีกฝ่ายเกิดช้ำใจจนมุ่งหน้าเข้าสู่ทางเดินสายต้องห้ามเข้าให้แล้ว?!!
“ทำไมเก็กต้องทำท่าเหมือนรังเกียจอิ๊กด้วยล่ะ?”
อดีตเดือนบริหารถามด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยวฟังดูไร้เรี่ยวแรงเป็นที่สุด แต่แรงฉุดมหาศาลรอบเอวของเก็กบอกใบ้ให้ร่างสูงใหญ่รู้ว่า
อีกฝ่ายจงใจดอดเข้าหาเขาตั้งแต่ต้น
“เปล่า...
เก็กไม่ได้รังเกียจ แต่อิ๊กปล่อยก่อนได้ไหม? ขอเก็กใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเถอะนะ”
ธันวาเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เนื่องจากไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่เหมาะไม่ควรใดๆทั้งที่ข้างนอกยังมีใครที่เขาแคร์มากที่สุดเฝ้ารออยู่
แต่อีกฝ่ายดูจะไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเอาเสียเลย
“ไม่เอา! เก็กตอบอิ๊กมาก่อน... ทำไม?
เก็กเกลียดอิ๊กมากเลยเหรอ?” ร่างบางเพิ่มแรงโอบกอดรอบๆเอวของเก็กให้แน่นยิ่งขึ้น
ในขณะที่อดีตเดือนมหาลัยพยายามแกะมือที่ประสานกันเอาไว้ของอิ๊กออกจากหน้าท้องเปี่ยมไปด้วยกล้ามเนื้อของตัวเองอย่างมุ่งมั่น
“ปล่อยเก็กก่อนเถอะนะอิ๊ก
ถ้ามีคนเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี” หนุ่มวิศวะที่เริ่มจะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของสถานการณ์ตรงหน้ายังไม่หยุดเกลี้ยกล่อม...
เก็กอดแปลกใจกับความดื้อรั้นของแฟนเก่าไม่ได้
แต่ไหนแต่ไร...อิ๊กเป็นคนรอมชอมและพูดจารู้เรื่องกว่านี้มาก
แล้วทำไมอยู่ๆถึงกลายเป็นพวกทำตัวยุ่งยากน่ารำคาญไปเสียได้?!!
“เก็กกลัวอะไร?
กลัวใครมาเห็นเราสองคนยืนกอดกันแบบนี้เหรอ?...
.
...ช่างสิ! อิ๊กไม่เห็นจะแคร์เลย
อิ๊กกลับอยากให้คนอื่นมาเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกันแบบนี้เสียอีก” อิ๊กพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ
แม้ข้างในใจจะก่นด่าการกระทำไม่เข้าท่าที่ลดคุณค่าของตัวเองอย่างที่เป็นในตอนนี้อยู่ตลอดก็ตาม
ยังไม่ทันขาดคำ
ประตูห้องเจ้ากรรมก็เปิดผางออก
สิ่งที่น่าตลกไม่หยอกเห็นจะเป็นความบังเอิญหนึ่งในล้านที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงได้ง่ายๆ
นั่นปะไร!... ไหงสิ่งที่เคยอยากได้กลับไม่เคยปรากฏ
ส่วนเหตุการณ์น่าสลดกลับกระโดดเข้าใส่อดีตเดือนมหาลัยปั๊บราวกับมีใครแอบจัดคิวให้?!!
โครงร่างผอมแกร็น
กับโครงร่างสูงใหญ่ซึ่งไว้จุกน้ำพุกลางกระหม่อม ถูกภาพในห้องสาปให้อึ้งบึ้งใบ้ไปชั่วขณะ
บ๊วยยังคงกำลูกบิดประตูเอาไว้แน่น
แต่แขนขากลับไม่มีแรงจะก้าวไปไหน ฝ่านฌอนก็พูดอะไรไม่ออกเพราะความถูกรู้สึกเจ็บยอกในอกเข้าทำร้ายจนร่างกายชาดิก
“เฮ่ย!! บูบู้!!” เก็กพยายามสะบัดอิ๊กให้หลุดจากร่างพลางลากขาพาตัวเองย่างเข้าหาร่างที่แข็งเป็นหินด้านหน้าห้อง
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นนะครับบูบู้...ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด”
อดีตเดือนมหาลัยอธิบายอย่างละล่ำละลัก...
แม้จะรู้ว่าชายกลางเป็นฝ่ายตกหลุมรักเขาก่อน
แต่เพราะเขายังไม่อาจถอนคำสาปของเฮียฟูได้...
เพราะฉะนั้น
หากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายที่กระทบต่อความอ่อนไหวในจิตใจ อาจส่งผลให้บ๊วยเปลี่ยนใจไปจากเขาในสักวัน
โดยเฉพาะภาพชวนไหวหวั่นซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
ที่ย่อมต้องกลายเป็นประเด็นร้าวฉานของแต่ละบ้านได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แฝดน้องที่ได้สติก่อนเพื่อนรักก้าวเข้าสู่ด้านในของห้องพักแขกด้วยความมั่นคง
ฌอนตรงเข้าไปกระชากเอวบางออกจากร่างของเก็กได้อย่างง่ายๆดาย
แต่ยังไม่ทันที่หนุ่มสถาปัตย์จะได้สะพายอิ๊กขึ้นบ่าเพื่อมุ่งหน้าออกจากห้อง อดีตเดือนบริหารกลับทั้งร้องทั้งดิ้นรนต่อสู้ทั้งๆที่ลำตัวลอยอยู่เหนือจากพื้น
“นายขอรับ!! นี่นายทำอะไรของนาย? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันยังคุยกับเก็กไม่จบเลย!...
...ฮึ่ย!! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะเว่ย!!!”
การคานอำนาจระหว่างร่างหนากับร่างบางทำให้ฝั่งอดีตเดือนบริหารดิ้นดุ๊กดิ๊กไร้ทิศทาง
จังหวะที่ฌอนคว้าลำตัวส่วนกลางของอิ๊กขึ้นพาดตรงหัวไหล่
ดันพอดีกับที่ปลายเท้าอีกฝ่ายสะบัดไปเกี่ยวกับผ้าขนหนูที่เก็กห่อท่อนล่างเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่...
และแล้วผู้ชมที่ยืนอึ้งอยู่นอกห้องก็ได้เฮเมื่อผ้าเช็ดตัวที่เริ่มเป๋ไม่สามารถต้านกฏแห่งแรงโน้มถ่วงได้อีกต่อไป
“.....!!!!...... / เหี้ย!!!!” แม้จะยังตกใจกับสถานการณ์โป๊ะแตกแดกจุดเมื่อครู่ไม่หาย
แต่อดีตเดือนมหาลัยกลับว่องไวพอจะคว้าชายผ้าเอาไว้ได้ทัน บ้องข้าวหลามที่เคยมันจึงได้ออกมาแสดงตัวแค่ชั่วอึดใจเท่านั้น
ทว่านั่นก็ทำให้ชายกลางวางหน้าไม่ถูกไปเรียบร้อย
“พี่หมีครับ
พี่เต๋อให้มาตามครับ...รีบๆไปนะครับ พี่เต๋อรออยู่” บ๊วยท่องอาขยานก่อนจะทะยานวิ่งปิดหน้าหนีไปด้วยความไวยิ่งกว่าปรอท
“เดี๋ยวก่อนสิบูบู้! อยู่คุยกับเค้าก่อนนนนนนนนนนน!!!” อดีตเดือนมหาลัยโก่งคอหอยส่งเสียงรั้งแฟนในนามของตนจนหมดลม
ความพยายามของเก็กล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า...
เรื่องเก่ายังไม่ได้สะสาง
ยังจะมีความผิดใหม่มาพอกหางให้ใจแป้วเพิ่มอีกกระทง
ตกลงวันนี้เขาจะได้คลี่คลายปมทั้งหลายให้หมดไปจากใจของบ๊วยไหมเนี่ย?!!
“นายรีบแต่งตัวเหอะเก็ก...
พี่เต๋อรอคุยกับนายอยู่ เดี๋ยวทางนี้เราจัดการเอง” ฌอนพูดพลางหิ้วร่างบอบบางของอิ๊กที่ห้อยต่องแต่งอยู่เหนือบ่าออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงโหยไห้ของอดีตเดือนบริหารที่ต่อต้านจนนาทีสุดท้าย
“ปล่อยยยยยยย!
นายขอรับ...ฉันบอกให้ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยยย!!”
Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ
No comments:
Post a Comment