เรื่องราวหลังจากฟุตบอลจบแต่คนไม่จบมาแล้วค่ะ
ขอเชิญทุกท่านติดตามประเด็นร้อนต่างๆได้เลยค่ะ
(ช่วงฝนตก อย่าลืมว่าถ้าโดนละอองฝนต้องรีบอาบน้ำสระผมกันทันทีที่ถึงบ้านนะคะ
แล้วก็ดื่มน้ำมากๆก่อนนอนจะได้ไม่เป็นหวัดค่ะ)
หากรักชอบประการใด
หรือมีข้อติชม...
ฝากความเห็นเอาไว้ได้เลยค่ะ
เจอกันวันเสาร์นะคะ & รักคนอ่านทุกท่านมากค่ะ
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
The 21st
Blessing
ฟุตบอลนัดวาสนา…
อ่า...พอดี
'มี อะไร จะ บอก'!! [2]
“พี่เต๋อ...
พี่เต๋อเรียกหาผมเหรอครับ?”
เก็กที่เพิ่งแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จเดินจากห้องมาสมทบกับอีกสามหนุ่มตรงระเบียงกว้างถัดจากห้องรับแขกโดยไม่รอช้า
สายตาของอดีตเดือนมหาลัยดูล่อกแล่กอยู่ตลอดเวลาเหมือนลูกหมาแปลกที่
แม้เวลาจะผ่านไปหลายนาที...แต่ธันวากลับไม่ยอมจ่อมก้นลงประทับยังเก้าอี้ตัวใด
คล้ายกับรอใครสักคนด้วยความกระวนกระวาย
“มึงนั่งลงก่อนเลยไอ้หล่อ”
เจ้าบ้านหน้าเข้มสั่งเก็กด้วยน้ำเสียงเอือมระอา...
แค่มองสีหน้าทุรนทุรายของไอ้หล่อลากไส้ในตอนนี้
เต๋อก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังมองหาใคร
ส่วนชายหนุ่มที่อกร้อนรุ่มเหมือนสุมไฟก็ค่อยๆสไลด์ตัวลงนั่งข้างๆรุ่นพี่ต่างคณะแต่โดยดีทั้งที่ไม่เต็มใจนัก
“แล้วบูบู้ไปไหนอ่ะครับ?”...นั่นแน่ะ! ทิ้งน้ำหนักลงบนแก้มก้นได้ไม่ทันไร อดีตเดือนมหาลัยก็กระจองอแงร้องหาแฟนกำมะลอที่หายจ้อยไปตั้งแต่เหตุการณ์ชวนให้เข้าใจผิดเมื่อสักครู่
“น้องกูสถิตอยู่ในครัว...แต่ช้าก่อน!” เต๋อทัดทานอีกฝ่ายไว้ทันการ
ไม่อย่างนั้นเก็กคงได้ลุกไปหาน้องรหัสของเขาตามคำบอกเล่าพิกัดของตนเป็นแน่ “ไม่ต้องห่วงครับหล่อ
ครัวบ้านกูปลอดภัย” เต๋อแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาอาฆาตของอีกฝ่ายที่จ้องเป๋งมายังตัวเขาอย่างไม่เกรงใจ
ก่อนจะพล่ามให้คนหล่อหน้างอง้ำรับฟังการอารัมภบทของเขาต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
“น้องรหัสกูไม่ใช่เด็กปฐมวัย
ผู้ปกครองไม่ต้องตามไปให้คำแนะนำในการใช้มีด...
.
...ปล่อยวางน้องกูบ้างเหอะวะ
ชีวิตน้องกูจะได้อยู่อย่างสงบๆอย่างคนอื่นเขาบ้าง” หนุ่มรุ่นพี่ดักคอพลางถอนหายใจใส่คนหล่ออย่างไร้เมตตาเมื่อเห็นตำตาว่าอดีตเดือนมหาลัยชักสีหน้าหนักยิ่งกว่าเดิม...
ไอ้เด็กห่า! จะอาลัยอาวรณ์อะไรกันนักกันหนา
แค่ไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาสักสิบห้านาที
ขี้จะหักในตายให้ได้เลยใช่ไหม?!
“อีกอย่าง
เรื่องที่กูอยากจะขอคำปรึกษาจากพวกมึง ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้บ๊วยมัน
มึงเคลียร์นะหล่อ?” เก็กพยักหน้างงๆหลังจากได้ยินการรวบรัดตัดความของรุ่นพี่...
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบ๊วย แต่เกี่ยวกับเขา สกล และพี่ฌานอย่างนั้นเหรอ?
“แล้วพี่เต๋ออยากรู้เรื่องอะไรล่ะครับ?” ธันวาเปิดประเด็นอย่างฉับไวด้วยอยากรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่าย
เพราะโดยส่วนตัว อดีตเดือนมหาลัยไม่มีผลประโยชน์ใดๆทับซ้อนกับอีกฝ่าย
นอกไปเสียจากยืมมือล้างคำสาปของพี่ชาย กับหวังงาบน้องรหัสของเต๋อเพียงสองข้อเท่านั้น
“อ่ะแฮ่ม!! กู...เอ่อ...คือ...กู...อ่ะแฮ่ม! ไม่อ้อมค้อมล่ะนะ” เสียงกระแอมติดๆกันหลายครั้งไม่ได้ทำให้สมุนเลวทั้งสามตั้งอกตั้งใจฟังได้มากเท่ากับท่าทางอึกอักของหนุ่มรุ่นพี่เหมือนหมาปั๊กติดอ่างส่งเสียงเห่ากบ
.
.
.
.
.
“กูจะจีบกังฟู”
ในที่สุดเต๋อก็ยอมเผยความรู้สึกอัดอั้นที่บีบคั้นเขาอยู่ตลอดเวลาให้กับคนอื่นได้รับฟังเป็นครั้งแรก
“กูอยากขอแรงพวกมึง... ช่วยเป็นกองหนุนให้กูหน่อย”
วูบแรกที่ผู้ฟังแต่ละคนได้ยินคำสารภาพของเต๋อ...
ต่างคนต่างเผลอคิดกันไปคนละอย่าง
ทางสกลกับแฝดพี่ฌาน
ถูกความรู้สึกฟรุ้งฟริ้งฟินเฟ่อร์สุดประมาณเข้าสิงสู่อย่างจังเบอร์ ประหนึ่งพ่อแม่ที่ละเมอเห็นวันวิวาห์ของลูกชายอยู่รำไร
ในขณะที่อดีตเดือนมหาลัยรูปหล่อกลับทำหน้าทดท้อเหมือนคนโดนโลกทั้งใบถล่มใส่แบบจังจัง...
ใช่ว่าเก็กรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจที่เต๋อตบเท้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการด้วยความยินยอม
แต่พอมาคิดทบทวนดีๆถึงนิสัยใจคออันโหดร้ายของพี่ชาย
เก็กกลับอดเป็นห่วงสวัสดิภาพของเป้าหมายที่ต้องตกอยู่ในสถานะเครื่องบูชายัญให้กับการถอนคำสาปครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ...
ยิ่งคนผู้นั้นเป็นถึงพี่รหัสว่าที่แฟนของเขายิ่งแล้วใหญ่
“พี่เต๋อครับ...
พี่รับน้ำใบบัวบกไปจิบพลางๆก่อนดีไหมครับ?” เก็กถามด้วยสีหน้าหนักใจ
“อ้าว! ไอ้เก็ก!! ไหงพูดจาหมาๆแบบนี้ล่ะ?
หรือว่ามึงหวงพี่?...บอกกูมาดีๆก็ได้นะ” เต๋อสวนกลับฉุนๆ... ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายเป็นถึงว่าที่น้องเมีย
เขาคงได้ลากไอ้หน้าหล่อไปเคลียร์ประเด็นเมื่อครู่ให้รู้แล้วรู้รอด
“เฮ่ย! เปล่านะพี่
ผมไม่ได้จะบอกว่าพี่จะอกหักจนชีช้ำหรืออะไร...
.
...แต่ผมกลัวใจเฮียฟู
กลัวว่าเฮียยังลืมเรื่องที่โดนเกย์ลากเข้าห้องไปลวนลามตอนมอสี่ไม่ได้...
...ผมคิดว่า
การเข้าหาพี่ชายผมตรงๆแบบนี้ พี่เต๋ออาจจะโดนเฮียออกอาวุธใส่จนช้ำในตายไปเสียก่อนจะได้กันน่ะครับ”
อดีตเดือนมหาลัยอธิบายตามความเห็นส่วนตัว...
นับตั้งแต่เรื่องเมื่อคราวนั้น...
ผู้เป็นพี่มักจะคอยกรอกหูเขาด้วยเรื่องน่ากลัวและชั่วช้าของบรรดาเกย์ที่โรงเรียนให้ฟังทุกครั้งที่สบโอกาส
พอย้ายไปเรียนกินนอนตามรอยพี่ชาย
เรื่องต่อยตีกับนักเรียนคนอื่นที่จ้องจะกินกังฟูก็มักจะลอยลมมาเข้าหูเก็กอยู่เนืองๆ
สุดท้าย...
ชื่อเสียงของนายกรกฏ อริยะตรัยก็เลื่องลือไปทั่ว ค่าที่กำราบเซียนเกย์ระดับพระกาฬที่เข้ามาแผ้วพานตนเองแบบซึ่งซึ่งหน้าได้อย่างราบคาบไปเสียทุกราย
แต่ก่อนที่สมาชิกในวงสนทนาจะเปล่งวาจาใดๆ
บุคคลที่สี่ซึ่งหายเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนของเจ้าบ้านอยู่ครู่ใหญ่
ก็พร่าทำลายความหวังอันยิ่งใหญ่ของกัปตันทีมสถาปัตย์ลงในพริบตา
“เก็กไม่ต้องกังวลหรอก
พี่ไม่ปล่อยไปให้เรื่องแค่นี้ไปรบกวนฟูให้ลำบากใจแน่ๆ” เจ้าของประโยคเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“พี่ด้วง!! / ไอ้สัดด้วง!!!” การมาร่วมวงโดยไม่ได้รับเชิญของด้วงทำให้น้องห้องและเจ้าบ้านชั่วคราวไม่ทันได้ตั้งตัว
กระนั้น... ใบหน้าน่ากลัวคล้ายจะกินหัวด้วงเสียให้ได้ของเต๋อ กลับไม่ได้อยู่ในความสนใจของหนุ่มวิศวะผมยาวแม้แต่น้อย
“หัวเด็ดตีนขาดยังไง
เราก็ไม่ยอมให้นายจีบฟูง่ายๆหรอก!” หนุ่มผมยาวกล่าวนิ่มๆพลางไม่ละสายตาฟาดฟันไปจากเต๋อแม้สักวินาที
ฝ่ายคู่กรณีที่เดือดดาลถึงขั้นตบโต๊ะเสียงดังก็ออกอาการนั่งไม่ติดอีกต่อไป
“อ้าว! ไหนมึงบอกว่าถ้ากูชนะเดิมพัน
มึงจะไม่ขวางทางกู” ร่างหมียืนขึ้นด้วยความลืมตัว...ก่อนจะกดสายตามองจิกด้วงที่นั่งอยู่จากมุมสูงอย่างเดือดดาล
“เราก็ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าเราจะขวางทางนาย”
ด้วงยียวนอีกฝ่ายด้วยสายตาร้อนแรงไม่แพ้กัน พลันก็ว่าต่ออย่างไหลลื่น “แต่เรานี่แหละที่จะพิสูจน์ให้นายเห็นว่า
การจีบฟูแบบโต้งๆน่ะ...ไม่มีวันสำเร็จ!!”
คำพูดคำจาฟังคล้ายการแนะแนวการศึกษา...คำชักพาแสงสว่างมาสู่ชีวิตเมื่อครู่
ไม่ได้ทำให้เต๋อวางใจอีกฝ่ายสักเท่าไร...
กลับกัน...
ท่าทีเก็บซ่อนความนัยซ่อนไว้ใต้หน้ากากผู้ดีของด้วง บอกให้หนุ่มร่างหมีตั้งการ์ดสูงเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าแผนการล่อลวงเขาได้โดยง่าย
“แล้วกูต้องทำยังไง?...
.
...ต้องปลอมตัวเป็นกะเทยควายแล้วเดินอ้อมเทือกเขาหิมาลัยสามรอบก่อนจะจีบมันเป็นแฟนเหมือนที่มึงทำรึไงไอ้ห่า?”
เต๋อย้อนอีกฝ่ายอย่างเจ็บแสบ...
เที่ยวตัดสินว่าวิธีของคนอื่นไม่ดีอย่างโน้น
ไม่มีทางสำเร็จอย่างนั้น
หึ! จนตอนนี้...เขายังไม่เห็นข้อดีของวิธีสิ้นคิดอย่างที่อีกฝ่ายทำอยู่ทุกวันเลยสักครั้ง!
ถึงอย่างนั้น...ความเข้าใจของเต๋อเกี่ยวกับเป้าหมายในการร่วมโต๊ะสัมนาของด้วงดูจะคลาดเคลื่อนไปอย่างมหันต์
เพราะหนุ่มวิศวะไม่ได้ต้องการแบ่งปันเคล็ดวิชาในการปราบกังฟูให้อยู่หมัดให้ใครต่อใครได้ล่วงรู้
ทว่าการประกาศความพร้อมที่จะลงสนามต่อสู้แย่งชิงหัวใจของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยต่างหาก
คือ ใจความสำคัญที่ผลักดันให้หนุ่มผมยาวยอมลดตัวนั่งลงท่ามกลางวงล้อมของเหล่าผู้ไม่ประสงค์ดีต่อเขาและกังฟูอย่างเช่นในตอนนี้
“นั่นมันก็เรื่องของนาย
เราแค่อยากบอกเอาไว้ให้รู้กันไปเลยว่า...
.
...ระหว่างที่นายเดินหน้าจีบฟู
เราก็จะจีบฟูในแบบของเราเหมือนกัน!!” ความรู้สึกฮึกเหิมในน้ำเสียงของด้วงไม่ได้ทะลวงใจคนฟังได้รุนแรงเท่ากับเนื้อความที่เจ้าตัวเพิ่งแถลงไปหมาดๆ
น่าแปลกที่รอบนี้
ฝ่ายที่ลุกพรวดพราดหวีดว๊ากโวยวายด้วยความตกใจราวโดนใครเอาน้ำมันมวยโปะกรวยแบบเน้นๆกลับกลายเป็นสกลไปเสียได้
“ห๊ะ?!!!! นี่คุณพี่ด้วงไม่ได้เป็นกะเทยหรอกเหรอครับ?” ฌานดึงแขนสกลซึ่งจิตหลุดไปชั่วขณะให้นั่งลงสงบปากสงบคำหลังจากพล่ามอะไรไม่เข้าท่าออกไปโดยไม่มีใครถามความคิดเห็น...
ทั้งๆที่เป็นเพียงบุคคลที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆกับศึกช่วงชิงหัวใจในครั้งนี้แม้แต่น้อย
“หึ! กูนึกเอาไว้อยู่แล้วเชียวว่า
คนแผนสูงอย่างมึงจะต้องไม่ยอมปล่อยให้กูได้จีบฟูง่ายๆ” เต๋อลดตัวลงนั่งพิงพนักกว้างของโซฟาตัวยาวพลางทำสีหน้าราวกับชอบชอบใจ
หลังจากได้ยินความในใจของอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา “ก็ได้! ถ้างั้นเรามาลองวัดกันดูสักตั้ง
ว่าวิธีการของใครมันจะได้ผลกับหัวใจฟูมากกว่ากัน!”
“ดี! นายจะได้เห็นว่า
การจีบฟูแบบซึ่งซึ่งหน้าน่ะ จะยิ่งทำให้ฟูกลัวมากกว่าจะเข้าใกล้” ด้วงรับคำท้าของเต๋อโดยไม่เสียเวลาใคร่ครวญ
ท่าทางหยิ่งผยองทะนงตน
กับดวงตาเรียวที่สื่อถึงการเหยียดหยามอยู่ในทีของด้วง
ทำให้ความพยายามที่จะยับยั้งคำปรามาสของเต๋อแทบจะเป็นไปไม่ได้...
ชายหนุ่มร่างหมีจึงโอ่ใส่อีกฝ่ายคล้ายจะตัดไม้ข่มนามเสียแต่เนิ่นๆ
“มึงอย่าลืมไปนะด้วง
ก่อนหน้าวันนี้....มึงเคยสบประมาทกูเอาไว้เยอะขนาดไหน...
.
...แล้วไงล่ะ
ผลสุดท้าย กูก็เอาชนะเงื่อนไขเดิมพันของมึงได้อยู่ดี...
...ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
กูจะทำให้ฟูหันมารักกูให้ได้!”
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!” ในขณะที่ด้วงรับคำแม่นมั่น... เต๋อก็สวนขึ้นทันควันอย่างแสบทรวง
“เออ!! คอยดู...กูจะให้มึงเห็นไปถึงดี
ถึงดากกูเลยไอ้ด้วง!” ...หากเต๋อเป็นน้ำมัน ด้วงก็คงจะเป็นเปลวไฟที่พร้อมจะเผาไหม้ทันทีที่เจอเชื้อไฟชั้นดี
แต่ก่อนที่เปลวไฟกับน้ำมันจะห้ำหั่นกันใหญ่โต
พวกเขาต่างเห็นสมควรว่าจะต้องทำข้อตกลงกับรุ่นน้องทั้งสามที่นั่งจ้องพวกเขาคุยโวใส่อีกฝ่ายให้เสร็จสิ้นลงเสียก่อน
เพราะหากเรื่องนี้ร้อนไปถึงหูกังฟูอีกครั้งเหมือนก่อนแข่งบอลนัดวาสนา
เห็นทีว่า...ความมุ่งหวังที่จะได้ครอบครองหัวใจพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยคงได้กลายเป็นหมันไปตั้งแต่การปฏิสนธิยังไม่เริ่มต้น
“พวกมึงทั้งหมดที่รู้เห็นเรื่องนี้ทุกคน รวมทั้งไอ้หัวจุก ไอ้หน้าหวาน และน้องรหัสบังเกิดเกล้าของกู...
.
...พวกมึงจงสัญญากับพวกกูสองคนมาก่อนว่า
หลังจากที่รับรู้เรื่องที่กูเพิ่งคุยกับไอ้ด้วงไปเมื่อตะกี๊...
...พวกมึงจะไม่เอาเรื่องที่ได้ยินไปบอกใครหน้าไหน...
โดยเฉพาะไอ้เหี้ยเตี้ย เข้าใจไหม?” เต๋อกำชับกับบรรดาสมุนเลวทั้งสามพร้อมกับทำท่าข่มขู่เหมือนยากูซ่ารีดไถไอติมเด็ก
“ครับ!/ เฮ่!!” สามหนุ่มรับคำรุ่นพี่ด้วยความพร้อมเพรียงแม้เสียงตอบจะไม่เป็นเอกฉันท์อย่างที่ควรก็เถอะ
ทว่าด้วงผู้รอบคอบกลับไม่ปล่อยให้รุ่นน้องทั้งสามได้พักหายใจหายคอโดยง่ายดายจนเกินไป
“อย่าลืมไปบอกคนอื่นๆที่เหลือล่ะ...
.
...พี่กับเต๋อไม่อยากมีปัญหากับพวกนายทีหลังหรอกนะ”
หนุ่มผมยาวยังคงรักษาระดับและท่าทางในการปราศรัยได้สงบนิ่งน่าชื่นชมไม่ต่างไปจากทุกที
ทว่ารังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากรอยยิ้มละมุนละไมและสีหน้าเป็นมิตรกลับเข้มข้นจนคนมองเริ่มจะหายใจได้ไม่ทั่วท้องนัก
“พวกนายคงไม่อยากรู้ใช่ไหมว่า
พวกพี่สามารถทำอะไรกับพวกนายได้บ้าง หากพวกนายเล่นไม่ซื่อกับพี่สองคน?” ด้วงถามด้วยน้ำเสียงหวานจ๋อยพลางจุดยิ้มน้อยๆตรงมุมปาก...
สาบานได้ว่า
จังหวะที่สามหนุ่มรับฟังคำเตือนอย่างสุภาพของรุ่นพี่หนุ่มผมยาวเมื่อครู่
ความโหดเหี้ยมเปี่ยมล้นของอีกฝ่าย
ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับกำลังทำสัญญากับหัวหน้ามาเฟียอิตาลีผู้ทรงอิทธิพล...
ซึ่งผลลัพธ์ปลายทางที่รอคนปากโป้งอยู่นั้น
คือ การบั่นข้อนิ้วให้ขาดลงอย่างช้าๆ...นอนรอคอยเวลาให้เลือดไหลออกจากร่างกายจนหมด
แล้วตายอย่างน่าสลดในท้ายที่สุดอย่างแน่นอน
“คระ
คระ ครับ...ไม่อยากรู้ครับ ไม่บอกคนอื่นแน่ๆครับ” สกลซึ่งช็อกตาตั้งเป็นรอบที่สองถึงกับตอบอย่างละล่ำละลัก
“ผมไม่พูดหรอกพี่ด้วง
สบายใจได้” อดีตเดือนมหาลัยตอบรับคำขอของด้วงด้วยท่วงท่าสบายๆ...
เพราะจะว่าไป
เขาคือคนสุดท้ายในโลกที่คิดจะทำลายการแข่งขันจีบกังฟูของสองหนุ่มรุ่นพี่
แม้จะประหลาดใจกับแผนการของพี่ห้องผมยาวที่หลอกทั้งเขาและเฮียฟูจนตายใจกับเพศสภาพปลอมๆมาได้หลายปีดีดักอยู่ไม่น้อยก็เถอะ
“ขอบใจมากนะเก็ก”
รุ่นพี่ผมยาวคลี่ยิ้มงามส่งให้น้องห้องด้วยความซาบซึ้ง
ฝ่ายสกลก็อาศัยจังหวะที่เก็กรับหน้าประคองบทสนทนากับทั้งเต๋อและด้วง
หันไปกระซิบกระซาบกับแฝดพี่ด้วยหัวข้อเผ็ดร้อนที่สุดในวินาทีนี้
“พี่ฌานครับ...
เราเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณกรกฏดีไหมครับ?...
.
...พอคุณกรกฏรู้เรื่องทั้งหมด
คุณกรกฏจะได้เลิกคบกับคุณพี่ด้วง หลังจากนั้น...คุณกรกฏก็จะหันมาสนใจพี่เต๋อของเราแต่เพียงผู้เดียว”
ได้ยินดังนั้น...ฌานผู้ปราดเปรื่องอยู่เป็นนิจจึงพูดจาให้สติเพื่อนรักหน้าแว่น
จนอีกฝ่ายเกิดปัญญาขึ้นมาอย่างฉับพลันทันใด
“อย่าเพิ่งใจร้อนสิสกล...
ยิ่งคุณพี่ด้วงแสดงตนว่าสนใจในตัวเฮียฟูแบบออกนอกหน้าอย่างนี้...
.
...ก็เท่ากับว่าโอกาสที่พวกเราจะล้างพรให้ไอ้เก็กได้ยิ่งมีสูงขึ้นเป็นสองเท่า...
...ถ้าสุดท้ายพวกเราหมดหวังกับพี่เต๋อ...
...เราก็ยังเหลือคุณพี่ด้วงเอาไว้เป็นตัวเลือกสำรองให้คอยสนับสนุนและลุ้นต่อ...
.
...เพราะฉะนั้น
ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะ ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธกันเสียใหม่...
...จากนี้ไปเหล่าสมุนเลวทั้งหลาย
ต้องให้การสนับสนุนแก่ทั้งพี่เต๋อและคุณพี่ด้วงให้มีโอกาสทำคะแนนกับเฮียฟูอยู่บ่อยๆ”
แม้ว่าการออกหน้าเชียร์
‘คุณพี่ด้วง’ จะทำให้ร่างทรงหนุ่มตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย
เนื่องจากทั้งหมดไม่ค่อยมีช่วงเวลาน่าประทับใจร่วมกับรุ่นพี่ผมยาวสักเท่าไร...
ค่อนไปทางไม่ถูกชะตาเสียด้วยซ้ำ
ที่สำคัญ...
นาทีนี้ พี่คณะย่อมต้องได้ใจจากพวกเขามากกว่าตัวเลือกอีกคนจากคณะคู่อริอยู่แล้ว
แต่เมื่อแฝดพี่เห็นสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องของเพื่อนรักหน้าแว่น
ฌานก็พลอยเบาใจที่สกลพร้อมให้ความร่วมมือกับเขาโดยไม่คิดคัดค้าน
“แต่ผมแอบเชียร์ทีละหมัด
สัดกูงงของผมนะ...
.
...เวลาพี่เต๋อพูดถึงเฮียฟูทีไร
แกดูเร้าใจไปเสียทุกครั้งเลยอ่ะผมว่า” สกลหยอกเย้าราวกับหลุดเข้ามานั่งกลางใจของฌาน
แต่ครั้นจะพูดจาให้ท้ายหนุ่มหน้าแว่น คงไม่เป็นผลดีกับแผนการของพวกเขาสักเท่าไร เพราะไม่ว่าอย่างไร... การมีตัวเลือกสำรองเพื่อความอุ่นใจย่อมต้องดีกว่าอยู่แล้ว
“พี่เต๋อเนี่ยะนะเร้าใจ?! ใช้ตาตุ่มดูเหรอวะแว่น?” ฌานติเพื่อนรักแค่พอเป็นพิธีทันทีที่ได้ข้อสรุปเรื่องด้วง...
ทว่าวูบหนึ่งที่เหลือบมองหน้าสกลอีกครั้ง...
แฝดพี่ก็ต้องชั่งใจด้วยไม่รู้ว่า
ไอ้หน้าแว่นปากสว่างแอบคลั่งไคล้พี่รหัสสุดกรังของบ๊วยอยู่หรือเปล่า...
เพราะคำว่า
‘เร้าใจ’ ไม่ควรหลุดออกจากปากผู้ชายเพื่อใช้ชมผู้ชายด้วยกันสักเท่าไร...ใช่ไหมนะ?!
แต่แล้ว...ฌานก็ปัดความคิดฟุ้งซ่านเมื่อครู่ให้ตกไป
ก่อนจะกระซิบกระซาบไอเดียน่าสนใจให้หนุ่มหน้าแว่นได้รับทราบไปพร้อมๆกัน
“ที่สกลพูดมาก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ...
...เอาไว้ในที่ประชุมครั้งหน้า
พวกเรามาแบ่งกันเป็นสองทีมดีกว่า จะได้แข่งกันดันพี่เต๋อ
กับคุณพี่ด้วงด้วยความเท่าเทียม...
...ชักอยากจะรู้เสียแล้วสิว่า
วิธีจีบแบบไหนที่จะเขย่าหัวใจเฮียฟูปากไวได้รุนแรงกว่ากัน” สกลถึงกับสูดปากด้วยความเคลิบเคลิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่แฝดพี่เพิ่งจะนำเสนอ
“อู๊ยยยย! แค่คิดภาพตาม...ผมก็แทบรอดูไม่ไหวแล้วครับพี่ฌาน”
หนุ่มหน้าแว่นพูดพลางถูมือไปมาอย่างชอบอกชอบใจราวกับได้ตุ๊กตายางตัวใหม่มาเก็บไว้ในคอลเลคชันเลยทีเดียว
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
“นายทำอะไรของนายน่ะนายขอรับ?”
อิ๊กยังไม่หยุดต่อว่าแฝดน้องที่นั่งคุมตัวเขาโดยไม่ละสายตาไปไหน ยิ่งภายหลังจากอีกฝ่ายจับมือและเท้าของเขาผูกเข้ากับราวกั้นระเบียงเล็กด้านนอกห้องนอนใหญ่
อดีตเดือนบริหารก็ยิ่งโวยวายไม่หยุดปาก
“แล้วคุณล่ะทำอะไรของคุณ?”
ฌอนสะบัดหางเสียงใส่เพราะยังปล่อยวางความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อต้องทนเห็นภาพเหตุการณ์น่าอับอายของอดีตเดือนบริหารเมื่อครู่ไม่ได้
ฝ่ายอิ๊กซึ่งยังตกใจกับตัวเองไม่หาย...
ร่างบางรับไม่ได้ที่รู้ตัวว่าแอบดอดเข้าไปรอแฟนเก่าอาบน้ำแล้วทำตัวรุ่มร่ามใส่เหมือนนางร้ายหนังไทยไม่มีผิด...
นี่มันบ้าอะไร?
ตกลงเขาจะสามารถประคองสติเหมือนมนุษย์คนอื่นๆได้บ้างไหม?
แล้วทำไมสุดท้ายถึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์โจรปล้นใจ
บวกไฟรักอสูรกับนายขอรับด้วย?...
ถ้าเกิดหลังจากนี้
เขาดันพูดจาไม่เข้าหู หรือขัดขืนสะดีดสะดิ้งเกินไป... จะไม่ยั่วยุให้นายขอรับจับจูบเข้าให้เหรอ?!!!
คิดได้ดังนั้น
หนุ่มหน้าสวยหวานแห่งคณะบริหารจึงพยายามบอกกับตัวเองว่าให้ตั้งสติ
เพื่อเจรจากับหนุ่มสถาปัตย์สุดประหลาดให้ปล่อยเขาไปโดยเร็วที่สุด
“ก็เข้าไปคุยกับเก็กยังไงล่ะ! ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
ทั้งที่เพิ่งได้ข้อสรุปว่าต้องคุยกับอีกฝ่ายดีๆแท้ๆ
แล้วไหงสิ่งที่ตนเองเพิ่งพูดออกไปถึงได้ตรงกันข้ามกับความตั้งใจได้มากขนาดนี้กัน?!!
ฝั่งฌอนก็ยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่หลังจากได้ยินอีกฝ่ายเถียงและแถได้อย่างน่าไม่อายที่สุด
“ไม่มีอะไรได้ยังไง?
คุณก็รู้นี่ว่าเก็กมีแฟนอยู่แล้ว...
...แฟนมันก็อยู่ด้วยกันที่นี่
แล้วคุณเข้าไปทำรุ่มร่ามกับมันแบบนั้นได้ยังไง?...
...คุณไม่รู้สึกละอายใจหน่อยเหรอ?”
ฌอนตำหนิอีกฝ่ายแบบไม่ไว้หน้า จนคนฟังชาไปทั้งร่าง...
ลำพังท่าทางไม่พอใจของนายขอรับก็ทำให้อดีตเดือนบริหารหวั่นไหวเกินพออยู่แล้ว
ยิ่งมาโดนจาระไนความผิดแจ้วๆ
อิ๊กก็ยิ่งหดหู่กับอาการไม่เป็นตัวของตัวเองไปกันใหญ่...
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
ก็แค่เข้าไปคุยกับเก็กเฉยๆเอง”
กระทั่งอิ๊กยังอดตกใจกับคำตอบของตัวเองที่เพิ่งเอื้อนเอ่ยไม่ได้...
คำพูดแก้ตัวน้ำขุ่นๆเมื่อครู่
ควรจะเป็นประโยคประจำตัวพวกหน้าไหว้หลังหลอก มากกว่าจะหลุดออกจากปากเขาที่ไม่เคยคิดแย่งของๆใครมาก่อนในชีวิต
แต่ในเมื่อไม่อาจควบคุมตัวเองได้อย่างใจ สุดท้ายอิ๊กจึงตัดสินใจปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามยถากรรม
จากนั้นค่อยกลับลำมาตามมาเก็บกู้ซากกันใหม่ตอนได้สติ
“คุยเฉยๆอย่างนั้นเหรอ?...กอดกันกลมนี่คุยเฉยๆตรงไหนคุณ?”
ฌอนเปล่งประโยคคำถามทั้งสองด้วยความยากเย็น อีกฝ่ายที่ไม่เน้นอธิบายหรือให้เหตุผลใดๆกลับยิ่งทำให้ความรู้สึกของแฝดน้องย่ำแย่ไปกันใหญ่
เพราะอดีตเดือนบริหารดันชิงพูดตัดบทแบบห้วนๆเสียอย่างนั้น
“ฉันไม่คุยกับนายแล้ว
นายหาเรื่อง!” อิ๊กสะบัดหน้าผินไปทางอื่นคล้ายกับไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น
“ผมก็ไม่อยากคุยกับคุณเหมือนกัน”
ด้วยรู้ดีว่าตัวเองใกล้ถึงจุดแตกหักเต็มแก่ ฌอนจึงพยายามผ่อนลมหายใจพลางควบคุมสติไม่ให้เตลิดไปเสียก่อน
หากสภาวะอารมณ์ของเขาย่ำแย่ยิ่งกว่านี้ขึ้นมาเมื่อไร...เขาจะกลายเป็นเพียงภาชนะของใครต่อใครในอีกไม่ช้า
“ดี! งั้นก็ปล่อยฉันไปเสียทีสิ!!”
อดีตเดือนบริหารกระแทกกระทั้นเสียงใส่โดยไร้วี่แววของการสำนึกผิดแม้แต่น้อย ฌอนจึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะแก้มัดอีกฝ่ายไปในทันที
“ผมบอกว่าไม่อยากคุยกับคุณ
แต่ผมไม่ได้บอกว่าจะปล่อยคุณกลับไปก่อกวนคนอื่นเสียหน่อย” ฌอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวังเป็นที่สุด...
ยิ่งได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้นหลังจากได้ใช้เวลาเมื่อคืนด้วยกันสองคน
แฝดน้องยิ่งไม่เห็นเหตุผลที่คนเปี่ยมเสน่ห์เช่นอิ๊ก
จะต้องวิ่งแร่ตามผู้ชายที่ไม่สนใจตัวเองเพื่อเสนอร่างกายอย่างเมื่อครู่...
ขนาดเขาเป็นแค่คนนอกที่ได้แต่ยืนดู
ยังรู้สึกว่าสิ่งที่อดีตเดือนบริหารทำ...น่าสมเพชมากกว่ามากกว่าน่าพิศวาสเป็นไหนๆ
“โอ๊ย!!! นายนี่มันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ”
ความหงุดหงิดและรำคาญของอดีตเดือนบริหารที่ส่งผ่านคำต่อว่าเมื่อครู่มาเข้าหู
ทำให้แฝดน้องหมดแรง
ฌอนล้วงลูกกุญแจที่ซ่อนเอาไว้มิดชิดในหัวเพื่อไขเปิดประตูบานหนึ่ง
ก่อนจะก้าวเข้าไปตั้งสติด้านในโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของกุมารพลายที่ต้องเป็นฝ่ายมาครอบครองร่างชั่วคราว
“คนน่ารักพูดจาไม่เพราะเลยขอรับ”
เด็กวิเศษที่ถูกบังคับให้เข้ากะบ่นกระปอดกระแปดให้กับความเจ้าอารมณ์ของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ
อดีตเดือนบริหารจึงทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่คนพูดให้สมกับความไม่มีมารยาทของนายขอรับที่ปรับเปลี่ยนท่าทีใส่เขากลางคัน
“ฮึ่ย! ตาบ้าเอ๊ย!!!”
“พี่พลายไม่ได้บ้านะขอรับ
พี่พลายปรกติดี...
.
...คนน่ารักต่างหากขอรับที่ทำตัวไม่น่ารักเลยเอาเสียเลย...
...ดูสิ
พ่อฌอนโกรธมากเสียจนยอมปล่อยให้พี่พลายออกมาเจรจาพาทีกับคนน่ารักแทนพ่อฌอนเลย
คนน่ารักเห็นหรือไม่ขอรับ?” กุมารพลายจำใจร่ายยาวถึงสาเหตุที่ต้องทำหน้าที่หนังหน้าไฟให้กับผู้มีพระคุณ
แม้เจ้าตัวจะไม่ปลื้มกับการกระทำของอิ๊กมากพอดู
“นายพูดจาเพ้อเจ้ออะไรน่ะ
ปัญญาอ่อนชะมัด!!” อิ๊กยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กชาย...การต่อปากต่อคำโดยไม่เลิกรา
จึงไม่ใช่เรื่องน่าลำบากใจสำหรับพี่พลายมากเท่ากับคนสงวนท่าทีอย่างฌอน
“คนน่ารักใจร้ายกับพ่อฌอนเหลือเกิน...
.
.
...คนน่ารักรู้หรือไม่ขอรับ
พ่อฌอนกับพี่พลายเจ็บปวดหัวใจมากที่ต้องทนเห็นคนน่ารักลดค่าตัวเอง...
...ทั้งที่รู้ว่านายธันวามีคู่ตุนาหงันอยู่แล้ว
คนน่ารักยังจะเสนอตัวทอดสะพานให้ทางโน้นจนโดนคนครหากันไปทั่ว...
...ทำไมคนน่ารักถึงทำตัวไร้ยางอายโดยไม่ตรึกตรองเช่นนั้นล่ะขอรับ?”
เด็กวิเศษเทศน์อิ๊กด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
ท่าทางใจน้อยของฌอน
ทำให้อดีตเดือนบริหารย้ำประโยคคำถามประชดประชันที่คาใจตัวเองมาโดยตลอดให้อีกฝ่ายรับฟังอีกครั้ง
“ถ้าฉันรู้ว่าฉันทำแบบนั้นไปทำไม..ฉันจะมานั่งหงุดหงิดเพราะตอบคำถามของนายไม่ได้อยู่แบบนี้หรือนายขอรับ?!!”
“ถ้าเช่นนั้น
พี่พลายก็จะนั่งเป็นเพื่อนคนน่ารักไปจนกว่าคนน่ารักจะคิดได้
หรือไม่ก็จนกว่าพ่อฌอนจะหายโกรธคนน่ารักก็แล้วกันนะขอรับ”
ที่กุมารทองรับคำง่ายๆ
ใช่เพราะเข้าใจในสิ่งที่อิ๊กพูดแต่อย่างใด...
แต่เป็นเพราะไม่มีแฝดน้องอยู่ช่วยรับฟังหรืออธิบายความหมายของประโยคเมื่อครู่
พี่พลายจึงไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
สุดท้ายจึงตัดสินใจนั่งเฝ้าอีกฝ่ายตามคำสั่งของพ่อฌอนก่อนอีกฝ่ายจะหายเข้าไปทำใจให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
คนฟังจึงได้แต่นั่งเหม่อมองลอดระเบียงอย่างไม่มีจุดหมาย
พลางบ่นระบายความผิดปกติของร่างกายตัวเองอย่างเซ็งๆ
“ตามใจนายแล้วกัน...ฉันเลือกอะไรไม่ได้อยู่แล้วนิ”
Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ
ตามธรรมเนียม
หลังการแข่งขันฟุตบอลนัดวาสนาสิ้นสุดลง
นักเตะและผู้เกี่ยวข้องจากทั้งสองทีมจะพากันมาสังสรรค์ที่ร้านกินดื่มเจ้าประจำที่ทำธุรกิจกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ช่วงแรกๆของการก่อตั้งวิทยาเขต
กระนั้น...คงเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินไป
หากจะหวังให้การกีฬาสมานสามัคคีของเด็กจากทั้งสองคณะคู่อริได้ในชั่วพริบตาดังเช่นอุดมการณ์ของพวกผู้ใหญ่
เพราะแม้ทั้งหมดจะเลือกการใช้เวลาผ่อนคลายอยู่ใต้ชายคาร้านเดียวกัน
แต่พวกเด็กๆต่างยืนยันที่จะนั่งแยกโต๊ะตามคณะอยู่ดี
บรรยากาศในงานคงจะปลอดโปร่งโล่งสบายและสดใสมากกว่านี้
หากไม่มีมวลความกดอาฆาตสูงที่ส่อเค้าก่อตัวเป็นพายุไซโคเข้าถล่มจุดที่อดีตเดือนมหาลัยและพี่ชายนั่งอยู่
ไม่ต้องปักป้ายเตือน...ทุกๆคนต่างก็รับรู้โดยทั่วกันว่า
อารมณ์ของพี่น้องอริยะตรัย กำลังไม่จอยขั้นสูงสุด
เมื่องานเลี้ยงที่อุดมไปด้วยเสียงสรวลเสรเฮฮาของคนส่วนใหญ่ดำเนินมาได้ระยะหนึ่ง
เหล่าบุคคลผู้หมดความอดทนก่อนใครเพื่อนจึงเริ่มเคลื่อนไหวแก้ไขปัญหาคาราคาซังทั้งหลายให้มลายไปด้วยไม่อาจนิ่งนอนใจได้อีกแล้ว
อดีตเดือนมหาลัยดีดตัวลุกขึ้นโดยไม่ฟังเสียงค้านของพี่ชายที่นั่งซังกะตายเพราะไม่อยากหายใจร่วมกับด้วงที่นั่งฝั่งตรงข้าม
ร่างสูงใหญ่ถลาเข้าถึงตัวชายกลางซึ่งนั่งเป็นไข่แดงอยู่ในวงล้อมของพี่รหัสและสมุนเลวอีกสองหน่อที่กำลังหัวร่องอหายกับมุกควายๆของเพื่อนร่วมโต๊ะ
“พี่ฌาน
ผมยืมเพื่อนพี่ฌานเดี๋ยวนะ” เก็กไม่รอให้แฝดพี่อนุญาต ไม่คอยสกลปาดหน้าเค้ก เพราะเมื่อพูดจบ...อดีตเดือนมหาลัยคว้ามือแฟนกำมะลอร่างผอมให้ลุกตามตนเองออกไปด้านนอกด้วยความรีบร้อน
“เดี๋ยวก่อนสิครับพี่หมี...
พี่หมีมีอะไรหรือเปล่า? แล้วนี่จะพาเค้าไปไหน?” บ๊วยที่แทบจะซอยเท้าวิ่งตามแผ่นหลังกว้างให้ทันร้องถามอดีตเดือนมหาลัยด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ
ฝ่ายร่างสูงผู้ลากจูงซึ่งกำลังเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อหามุมสงบที่สุดภายนอกร้านเอ่ยตอบแบบสงวนคำพูดผิดวิสัย
“เรามีเรื่องต้องคุยกันครับบูบู้”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?
รอคุยหลังจากงานเลี้ยงไม่ดีเหรอ?...
เพื่อนร่วมทีมเค้ารอพี่หมีไปถ่ายรูปรวมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?” บ๊วยทักท้วงเพราะไม่อยากให้การหายไปของศูนย์หน้าทำให้บรรยากาศของโต๊ะวิศวะกร่อยไปเสียก่อน
แต่เก็กคงนอนไม่หลับหากไม่ได้ปรับความเข้าใจกับชายกลางทั้งที่มีโอกาส
“ถ่ายรูปน่ะไว้ก่อนก็ได้ครับ
ขืนนั่งรอให้งานเลิก...เค้ากลัวว่าบูบู้จะยิ่งเข้าใจผิดเค้าไปกันใหญ่” ร่างสูงลากบ๊วยไปจนสุดทางเดิน
แล้วเลี้ยวไปหลบตรงซอกด้านหลังที่ร้างผู้คน “เค้าไม่อยากให้บูบู้คิดมากเสียจนไม่เปิดใจรับฟังสิ่งที่เค้าอยากจะอธิบายน่ะครับ”
น้ำเสียงจริงจังกับหน้าตาเคร่งเครียดของเก็กทำให้บ๊วยใจคอไม่ดี...
จะมีสักกี่เรื่องกันที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ดูไม่ร่าเริงได้แบบนี้
“พี่หมีอยากคุยกับเค้าเกี่ยวกับเรื่องอะไรครับ?...
.
...เรื่องของพี่หมีกับคุณอิ๊กเมื่อตอนเย็นน่ะเหรอ?”
บ๊วยหยิบยกเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นชนวนความกระอักกระอ่วนใจของอีกฝ่ายมากที่สุดขึ้นมาเปิดประเด็น
ซึ่งคนฟังพยักหน้าหงึกหงักโดยไม่คลายหัวคิ้วที่ขมวดเคร่งแม้แต่น้อย
“อืม
เรื่องนั้นก็ด้วย...
.
...บูบู้
ขอเค้าอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังก่อนได้ไหมครับ?”
ในที่สุดชายกลางก็เข้าใจ...ความเป็นจริง
ไม่ต่างไปจากสิ่งที่เขาคาดเอาไว้จริงๆนั่นแหละ!
เพราะเขาเข้าไปขัดขวางช่วงเวลาระลึกความหลังของคู่รักคนดังประจำมหาวิทยาลัยทั้งสองแท้ๆ
อีกฝ่ายถึงแสดงสีหน้าเหมือนไม่พอใจอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ออกมาจากห้องพี่รหัสของตน
“พี่หมีไม่จำเป็นต้องอธิบายตัวเองหรอกครับ...
...เพราะระหว่างเรา
เป็นเพียงความสัมพันธ์ที่ถูกสมมติขึ้นมาเท่านั้น...
.
...พี่หมีกับคุณอิ๊กต่างหากล่ะที่คบกันอยู่จริงๆ...
...เค้าขอโทษนะครับที่เข้าไปขวางพี่หมีกับคุณอิ๊กเมื่อตอนเย็น
เค้าน่าจะเคาะประตู ไม่ก็บอกพี่เต๋อให้ใจเย็นๆ” บ๊วยชิงขอโทษขอโพย เนื่องจากไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเสียความรู้สึกกับตัวเขาไปมากกว่านี้
ทว่าสัมผัสอ่อนโยนอบอุ่นผ่านเรียวนิ้วที่สอดประสานกันจนไม่เหลือช่องว่างใดๆระหว่างฝ่ามือของเขากับใครอีกคน
ทำให้บ๊วยช้อนสายตาขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสับสนพอตัว
เจ้าของฝ่ามือหนาที่จ้องหน้าบ๊วยอยู่นานเอ่ยเสียงสั่นด้วยกำลังหวั่นกลัวกับสัญญาณของอาการผิดปกติภายในร่างกาย...
เก็กเริ่มรู้สึกไม่สบายทันทีที่ตัดสินใจจะสารภาพความรู้สึกหวั่นไหวของตนให้อีกฝ่ายได้รับฟัง
“บูบู้...
ฟังเค้าให้ดีๆนะ เพราะเค้าอาจจะพูดประโยคนี้ได้แค่ครั้งเดียว” ธันวาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
“เอ่อ...ครับ”
หนุ่มสถาปัตย์รับคำงงๆ...ตกลงเรื่องที่อดีตเดือนมหาลัยต้องการจะสื่อ คือ
เรื่องอะไรกันแน่?
“เค้าไม่ได้รักอิ๊ก
และเค้าไม่ได้คิดอะไรกับอิ๊กอีกต่อไปแล้ว”
ดวงตาคมของอดีตเดือนมหาลัยที่สบนิ่งอย่างแน่วแน่ยืนยันความสัตย์จริงของคำพูดเมื่อครู่ให้บ๊วยรับรู้ได้โดยไม่มีข้อกังขา
ซึ่งทั้งคำพูดและสายตาคู่นั้น
กลายเป็นบ่อเกิดของความรู้สึกประหม่าแบบเฉียบพลัน...
ความรู้สึกหวิวๆหวั่นๆข้างในนั่น
ทำให้บ๊วยประจักษ์ถึงตัวตนของเหล่าผีเสื้อนับพันที่แอบหลับอยู่ในท้องของเขามานานแสนนาน
ซึ่งคำพูดของเก็กที่เพิ่งผ่านเข้าหูไปนั้น...เข้าไปปลุกปั่นให้พวกมันพร้อมใจกันโผบินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ฝ่ายอดีตเดือนมหาลัยที่ใจเต้นตึกตักเมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
ก็รีบใช้ช่วงเวลาที่ตนเอง
‘ยังเป็นปกติ’ ที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่า
“บูบู้ฟังเค้านะครับ...
.
...สิ่งที่เค้ารู้สึกกับอิ๊ก
ณ ตอนนี้...เวลานี้ คือ..อิ๊กเป็นแค่คนอื่นที่เคยรู้จักเค้าดีมากกว่าใครหลายคน...
...แต่ไม่มีเหตุผลใดๆที่ทำให้เค้าอยากกลับไปคบหากับอิ๊กอีก...
...บูบู้เข้าใจที่เค้าพูดทั้งหมดใช่ไหมครับ?”
ธันวากระชับสัมผัสหว่างนิ้วทั้งสิบให้แน่นยิ่งขึ้นคล้ายต้องการกระตุ้นให้อีกฝ่ายไม่หลบสายตาไปเสียก่อน
“งั้นก็แสดงว่า
เมื่อเย็น...เค้าก็เข้าใจผิดไปเองน่ะสิครับ” ชายกลางพูดด้วยความอับอาย... เขาไม่น่าจับแพะชนแกะให้อีกฝ่ายต้องวุ่นวายใจเลยจริงๆ!
“ไม่หรอกครับบูบู้
จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว...
.
...ลองว่าถ้าเป็นบูบู้ตกอยู่ในสภาพล่อแหลมแบบนั้นกับคนอื่น
เค้าก็เข้าใจผิดเหมือนกันนั่นแหละ...
...เพราะฉะนั้น
หากจะหาสาเหตุของความเข้าใจผิดในครั้งนี้ เค้าว่าส่วนหนึ่งอยู่ที่คนสร้างสถานการณ์
และอีกส่วนคงจะเป็นเค้าที่ไม่ระวังตัวให้มากพอน่ะครับ”
“ขอโทษนะครับพี่หมี”
แม้คำพูดของอดีตเดือนมหาลัยจะช่วยทำให้บ๊วยเลิกโทษตัวเองได้อย่างน่าประหลาด
แต่ร่างเล็กก็ยังพร่ำคำขอโทษไม่ขาดปากอยู่ดี
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยครับบูบู้
แค่บูบู้เข้าใจและสัญญาก่อนว่าจะไม่เข้าใจผิดเค้ากับคนอื่นอีก เค้าก็โอเคแล้วล่ะ
ตกลงนะครับ” พอเห็นว่าบ๊วยพยักหน้ารับ เก็กจึงวกเข้าประเด็นสำคัญที่ยังไม่ได้เคลียร์ให้จบอีกเรื่องทันที
“จริงๆแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่เค้าต้องอธิบาย”
“เรื่องอะไรเหรอครับพี่หมี?”
ร่างเล็กซึ่งยังเบลอคำพูดของเก็กไม่หายถึงกับเอียงคอถามอดีตเดือนมหาลัยด้วยยังคิดตามไม่ทัน
“เรื่องจูบเมื่อวานนี้น่ะครับ”
“!!!!!!”
อารามตกใจทำให้บ๊วยหายมึนและเลิกตื่นเต้นเป็นปลิดทิ้ง
ชายกลางยืนนิ่งราวกับโดนแช่แข็งเพราะไม่คิดว่าเก็กจะพาดพิงเหตุการณ์เบลอค้างของเขาเอาไว้ในบทสนทนาครั้งนี้ด้วย...
อุตส่าห์เอาการแข่งฟุตบอลมาช่วยทำให้ลืมไปได้แล้วเชียว
สุดท้าย...อีกฝ่ายกลับไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ตกไปเสียที
กระนั้น...
สิ่งที่บ๊วยกังวล กับความเป็นจริงก็มักจะสวนทางกันอยู่เสมอ
“เมื่อวานน่ะ...เค้าตั้งใจนะ”
อดีตเดือนมหาลัยพูดนิ่งๆเพราะหวังจะให้ความจริงจังช่วยสื่อถึงความรู้สึกของตัวเองเพื่อเลี่ยงการคิด
หรือเอ่ยถึง ‘คำและความรู้สึกต้องห้าม’โดยไม่จำเป็น
“...ตั้งใจอ้วกเหรอครับ?...”
“เฮ่ย! ไม่ใช่!! ใครจะไปตั้งใจอ้วกใส่คนอื่นกันล่ะครับบูบู้?!” คำถามซื่อๆของบ๊วยทำเอาเก็กหลุดออกจากโซนจริงจังชั่วคราว
“อ้าว! ก็เค้าไม่รู้จริงๆนี่นาว่า
พี่หมีหมายถึงอะไร”...ใช่ ชายกลางค่อนข้างจะเชื่อด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นฝ่ายทำให้อดีตเดือนมหาลัยรู้สึกกระอักกระอ่วนมวนท้องจนต้องปล่อยของออกจากร่างภายหลังเสียจูบให้เขาแค่อึดใจ เก็กแทบจะถลกหนังหัวตัวเองออกมาแล้วโปะกลับเข้าไปใหม่หลังจากได้ยินประโยคของแฟนผู้ใส่ซื่อของตน
“บูบู้ครับ...
ถามจริง...ไม่รู้เลยเหรอว่าที่เค้าจูบบูบู้น่ะเป็นเพราะอะไร?”
“หึ!!” สุ้มเสียงปฏิเสธห้วนๆกับท่าทางส่ายหัวดิกของหนุ่มสถาปัตย์ทำให้เก็กปลงได้ในที่สุด
ร่างสูงกระตุกข้อมือตัวเองเพื่อรั้งให้ร่างผอมกระเถิบเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะยกมือที่ประสานกันทั้งสองข้างขึ้นมาประคองช้อนใต้คางของอีกฝ่ายให้เงยขึ้นมองหน้าระหว่างรับฟังถ้อยคำที่เขากำลังจะเอ่ย
“อืม...ไม่รู้ก็ไม่รู้
แต่เค้าอยากให้บูบู้จำเอาไว้นะว่า จูบเมื่อวานของเค้า
มาจากความตั้งใจ...และความต้องการของเค้าเอง...
.
...เค้าอยากจูบบูบู้นะครับ...
...จำเอาไว้ให้ดีๆล่ะ”
ยังดีที่มือของพวกเขายังประทับอยู่ใต้คางเรียวของร่างเล็กกว่า
ไม่อย่างนั้นปากเล็กๆของชายกลางคงได้อ้ากว้างแตะลงถึงพื้นดินเป็นแน่
แต่อาการที่แย่ที่สุด
คงเป็นหัวใจที่หยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำสารภาพของอดีตเดือนมหาลัยเมื่อครู่
“เอ่อ...
ครับ จำครับจำ” คนหน้าแดงก่ำพร่ำเป็นนกแก้วนกขุนทองโดยไม่ได้รับรู้ความหมาย ในขณะที่ชายหนุ่มรูปงามกลับเอาแต่ยิ้มร้ายให้ตัวเองอย่างชอบอกชอบใจพลางถามไถ่คล้ายเย้าให้อีกฝ่ายเสียการควบคุมหนักข้อขึ้นไปอีก
“แล้วบูบู้ล่ะ
มีความในใจอะไรอยากจะบอกกับเค้าบ้างหรือเปล่า?”
“เอ่อ
ไม่มีครับ ไม่มี” ทักษะในการสื่อสารของบ๊วยกระเจิดกระเจิงไปพร้อมๆกับสติ วินาทีนี้ชายกลางจึงทำได้แค่พูดจาวนไปวนมาอย่างไม่มีเนื้อหาเท่านั้น
“งั้นก็ดีครับ
เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะนะ ป่านนี้คนอื่นรอแย่แล้ว” บ๊วยพยักหน้าให้ร่างสูงเบลอๆเหมือนคนนอนละเมอนอนลืมตา
ร่างสูงกว่าจึงต้องกลั้นยิ้มแทบบ้าระหว่างที่จับจูงอีกฝ่ายให้เดินกลับเข้าด้านในร้านไปพร้อมๆกัน
“ไปครับบูบู้”
ร่างเล็กที่ยืนล้างมืออยู่ตรงอ่างล้างมือภายในห้องน้ำชายของร้านอาหารเงยหน้าขึ้นมองเงาสะท้อนในกระจกทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆมาจากด้านหลัง
ใบหน้าหมาหงอยของเพื่อนรักผมยาวทำให้กังฟูพยายามหาทางเลี่ยงเพื่อเดินออกจากห้องน้ำแล้วกลับไปที่โต๊ะอย่างร้อนรน
ทว่าอีกคนกลับยื้อยุดข้อมือของเขาเอาไว้
“ฟู...
เดี๋ยวสิฟู คุยกันก่อน” ด้วงเอ่ยรั้งพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยด้วยสีหน้าอมทุกข์
และแทบไม่ต้องเดา...อีกฝ่ายก็เปิดฉากเห่าไล่พร้อมกับส่งสายตาไม่เป็นมิตรตอบโต้กลับไปทันที
“อะไร?!!”
“เราอยากมาขอโทษฟูเรื่องเดิมพันน่ะ”
หนุ่มผมยาวพยายามทำหน้าทำตาให้ดูน่าสงสาร เพราะรู้ดีว่ากรกฏเป็นพวกปากร้ายแต่ใจดี
แถมขี้ใจอ่อนเวลาโดนออดอ้อนหนักๆ “เรารู้ว่าเราทำผิดที่เราเอาฟูไปเป็นคนกลางระหว่างเรื่องปัญญาอ่อนของเรากับเต๋อ
แต่เราไม่อยากให้เต๋อเข้าใกล้ฟูเกินไป”
“มึงเป็นพ่อกูหรือไง
ถึงได้ต้องมาคอยปกป้องกูอยู่แบบนี้?...
.
...กูก็เป็นผู้ชายเหมือนๆกับมึงนั่นแหละ ไม่สิ! กูน่ะเป็นผู้ชายมากกว่ามึงด้วยซ้ำ...
...เพราะฉะนั้น...ต่อให้ใครจะเข้าหากูด้วยเหตุผลอะไร
มึงก็แค่ปล่อยให้กูจัดการปัญหานั้นด้วยตัวเอง...
...ห่า! ยิ่งมึงหวงกูเป็นไข่ในหิน
ต่อไปคนอื่นคงได้มองว่ากูเป็นเป็นผู้หญิงกันพอดีสิวะ!!” กังฟูสวดเพื่อนรักไม่เลี้ยง...
แม้ตลอดมา
ด้วงจะไม่เคยออกหน้าทำตัวเด่นเป็นหัวโจกเหมือนอย่างเขา
แต่ทำไมกังฟูจะไม่รู้ว่า
อีกฝ่ายมักจะปฏิบัติตัวคล้ายพ่อแม่ ที่คอยดูแล เป็นห่วงและคุ้มครองเขาอยู่เสมอ
ทั้งๆที่ด้วงนั่นแหละ...ที่อ่อนแอ
และต้องการการคุ้มครองปกป้องมากกว่าเขาเสียอีก
เมื่อแน่ใจว่ากรกฏไม่ได้โกรธขึ้งตะบึงตะบอนตัวเขาอีกต่อไป
ชายหนุ่มผมยาวก็เริ่มกระบวนการตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งหัวใจทำคะแนนได้ง่ายๆโดยไม่รั้งรอ
“เราไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆนะฟู...
...เอาจริงๆ
เราก็แค่ไม่อยากให้ฝันร้ายในอดีตย้อนรอยหวนกลับมาเกิดซ้ำใหม่...
.
...ฟูจำได้ใช่ไหมว่าหลังจากเหตุการณ์นั้น
ฟูบอกกับทุกคนว่ายังไง?” ด้วงหยอดเมล็ดแห่งความหวาดกลัวลงในหัวของกังฟูอย่างแนบเนียน
เพื่อให้ความเพียรของเขาประสบผลสำเร็จได้ในที่สุด
“กูจะไม่มีวันชอบผู้ชาย”
กังฟูรู้ว่าเสียงพูดเมื่อครู่ของตัวเองไม่เข้มแข็งเหมือนทุกที...
จริงอยู่...ตัวเขาเคยสัมผัสประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีต
ทว่าความหวาดกลัวฝังใจดังกล่าว
กลับผิดไปจากความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เขาใกล้ชิดกับเต๋อแบบลิบลับ...
ร่างเล็กอดตระหนกไม่ได้ที่อยู่ๆเขาดันไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
เมื่อเผลอคิดถึงชีวิตในอีกสิบปีข้างหน้าแล้วตระหนักว่า อาจจะมีหนุ่มหน้าคมร่างหนาปรากฏอยู่ในนั้น
ฝ่ายด้วงก็กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้มีชัยอยู่ในใจ
เมื่อได้ยินคำตอบน่าฟังออกจากปากกังฟูไปหมาดๆ
และเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
หนุ่มผมยาวจึงจำเป็นต้องตอกย้ำให้กังฟูไม่ถลำเลือกทางเดินที่ไม่คู่ควร
“ใช่...เพราะอย่างนั้นไง
ทันทีที่เรารู้ถึงสิ่งที่เต๋อปรารถนา เราเลยหลุดปากยื่นเงื่อนไขบ้าๆแบบนั้นกับเต๋อไปโดยพลการ...
...เราไม่อยากให้ฟูต้องเผชิญสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนเมื่อสมัยมอปลายโดยไม่จำเป็นอีกต่อไปน่ะ...
.
...ฟูอย่าโกรธเราเลยนะ
เราแค่หวังดีกับฟูเฉยๆน่ะ”
“เออๆ
กูไม่โกรธมึงแล้วก็ได้” กังฟูรับคำแบบขอไปที ด้วงจึงรีบสรุปแบบเข้าข้างตัวเองอย่างเร็วรี่โดยไม่เว้นช่องไฟให้พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเปลี่ยนใจง่ายๆ
“งั้นก็แปลว่า
เรากลับไปนอนห้องได้แล้วสิ”
“หรือมึงจะไม่กลับมาก็ได้นะ...
.
...ดีเหมือนกัน...กูจะได้ยึดเตียงล่างของมึงเสียเลย
ขี้เกียจปีนขึ้นไปนอนข้างบนเต็มทีแล้วเหมือนกัน” ร่างเล็กสัพยอกเพราะอดเอ็นดูท่าทางตื่นเต้นของเพื่อนรักเมื่อครู่ไม่ได้
“ไม่เอาน่าฟู
ฟูก็รู้นี่ว่าเราอยากกลับไปที่ห้องจะแย่ ไม่ได้เจอหน้าฟูแค่สองวัน
เราก็คิดถึงฟูจะตายอยู่แล้วเนี่ยะ” ด้วงทำทีฉอเลาะด้วยการจีบปากจีบคอพูดเสียงอ่อนเสียงหวานเพื่อหลอกล่อให้กังฟูตายใจ
ร่างสูงเลยได้คำสรรเสริญอย่างรักใคร่จากอีกฝ่ายเป็นรางวัลตอบแทน
“ยิ่งแก่ยิ่งเยอะนะมึงเนี่ย!”
“อ๊ายยยย! ดีใจจัง” ด้วงโผเข้าไปรวบกอดร่างเล็กเอาไว้แล้วหอมแก้มอีกฝ่ายเสียฟอดใหญ่โดยใช้อารมณ์เพื่อนสาวดีใจสุดติ่งเป็นข้ออ้าง
ส่วนกังฟูถึงกับยืนตัวแข็งทำตาค้างหลังจากโดนจู่โจมแบบไม่รู้ตัว
“ในที่สุด
เราก็จะได้กลับไปนอนที่ห้องแล้ว” ค่าที่ยังดอมดมกลิ่นแก้มเนียนของร่างเล็กไม่หนำใจ
แถมยังไม่โดนหมัดทะลวงไส้ต่อยหน้าคว่ำ หนุ่มผมยาวเลยกดปลายจมูกฝังลงบนใบหน้าของร่างในอ้อมกอดซ้ำอีกครั้งโดยไม่รั้งรอ...
.
.
แต่บางทีคำว่า
‘พอ’ ก็จำเป็นกับเรื่องเล็กๆน้อยๆทำนองนี้เช่นกัน
“โอ๊ย! ฟู!! ฟูศอกเราทำไมอ่ะ?” หนุ่มผมยาวกุมท้องร้องถามเพื่อนรักร่างจ้อยที่วิ่งสี่คูณร้อยกลับเข้างานเลี้ยงไปโดยไม่สนใจในสวัสดิภาพของเขาเลยสักนิด
ในระหว่างที่กำลังซึมซับความเจ็บปวดอันแสนหวานอยู่นั้น...ด้วงก็เฝ้าคิดเฝ้าฝันเสียดิบดีว่า
จะต้องหาโอกาสดอดไปเยาะเย้ยเต๋อด้วยเหตุการณ์เมื่อครู่เพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บใจจนทนไม่ได้เสียหน่อย
ร่างสูงผูกจุกเดินอ้อมไปหลังรถเพื่อหยิบถุงผ้าใบใหญ่ออกมาแล้วยื่นให้อดีตเดือนบริหารที่ทำท่าขัดอกขัดใจ
ไม่ใช่อะไร...
แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเพิ่งปล่อยให้เขาเป็นอิสระเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อน
แถมระหว่างทางมายังร้านอาหารที่จัดงานสังสรรค์
นายขอรับก็เอาแต่นั่งขับรถอย่างเงียบงันไม่พูดไม่จา
โดยไม่สนใจว่าเขาจะพยายามชวนคุยโน่นนี่อยู่ตลอดก็ตาม
“เอาของๆคุณคืนไปเถอะ
ไม่ต้องห่วงว่ามันจะสกปรกหรอกนะ...ผมยังไม่ได้ใช้หรอก” ฌอนเอ่ยระหว่างยื่นถุงผ้าสีหวานส่งคืนให้เจ้าของโดยไม่มองหน้า...
ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายจะทำเรื่องน่าอายกับอดีตเดือนมหาลัย
เขาคงไม่รับถุงใส่ผ้าขนหนู
และอุปกรณ์จุกจิกทั้งหลายที่อิ๊กมอบให้ตั้งแต่ก่อนลงเตะมาง่ายๆตั้งแต่แรก
ไอ้ครั้นจะเก็บเอาไว้...แฝดน้องก็ทนความหงุดหงิดเพราะอดคิดถึงภาพบาดตานั่นไม่ได้อยู่ดี
“นายเอาไปเถอะ
ของที่ฉันให้นาย...ก็เป็นของๆนาย” อิ๊กซึ่งเริ่มได้สติดันถุงผ้าอัดแน่นไปด้วยสิ่งของประดามีที่เขาเต็มใจจัดหามาเตรียมไว้ให้อีกฝ่ายได้ใช้หลังเตะบอลเสร็จคืนไปยังผู้รับ
แต่แล้วฌอนกลับวางถุงนั้นลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี
“ผมไม่อยากได้ของเหลือใช้จากใคร”
“เอ๊ะ! นายขอรับ นายนี่ยังไง?”
อดีตเดือนบริหารชักเริ่มยัวะ “ถามจริงๆเถอะ นายเป็นอะไรของนายกันแน่? ตอนที่ฉันให้ของทั้งหมดนี่กับนายก่อนแข่ง
เรายังคุยกันดีๆอยู่เลยนะ” อิ๊กทวงถามคำอธิบายเกี่ยวกับท่าทีผิดปกติของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“คุณเองก็เถอะ...เมื่อวาน
หรือกระทั่งตอนก่อนแข่ง คุณก็ยังดีๆอยู่เหมือนกัน...
.
...แต่พอเก็กเดินเข้ามาในสายตา
คุณก็เหมือนพวกบ้าผู้ชาย เที่ยวไล่ตามคนที่มีแฟนแล้วอย่างมันไปทั่ว” แฝดน้องเหน็บอิ๊กอย่างเจ็บแสบ
ฌอนแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เพิ่งพูดออกไปนั้น สะท้อนความน้อยอกน้อยใจของตนออกมาอย่างตรงไปตรงมาเป็นที่สุด
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่า
ฉันห้ามตัวเองไม่ได้!” เจ้าของดวงหน้าสวยหวานตวาดด้วยอารมณ์ใส่หน้าฌอนเพื่อตอบโต้คำพูดดูถูกเมื่อครู่อย่างเท่าเทียม
“ห้ามไม่ได้หรือไม่คิดจะห้ามตัวเองกันแน่?”
แฝดน้องยังไม่อาจห้ามอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองได้ดีสักเท่าไร นั่นจึงทำให้เขาพลั้งปากต่อว่าอีกฝ่ายให้ยิ่งเสียใจหนัก
“นายขอรับ!! นายมันบ้า!...
...คนอะไรพูดจาไม่รู้เรื่อง
แถมยังเป็นพวกหลายบุคลิกอีก...
...บางทีนายก็เหมือนคนสมประกอบ บางทีนายก็ชอบทำตัวเหมือนเด็ก...
...เรียกตัวเองว่าพี่พลายมั่ง
เรียกตัวเองว่าผมมั่ง...
.
...แถมพอฉันอธิบายอะไรไป
นายก็ไม่ฟัง
เอาแต่หลับหูหลับตาด่าว่าฉันอยู่นั่นแหละ...
...นายผิดปกติมากขนาดนี้แล้วยังจะกล้ามาตัดสิน
กล้ามาถามหาเหตุผลจากการกระทำของคนอื่นอยู่อีกเหรอ?” หากไม่นับครั้งที่พลาดเล่าเรื่องตัวเองให้แฝดพี่ฟังไปเมื่อวาน
เมื่อครู่นี้ถือเป็นครั้งแรกที่อดีตเดือนบริหารพรั่งพรูความในใจออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้
แต่ดูเหมือนว่า...สถานการณ์ตรงหน้าจะไม่เอื้อกับการทำให้อีกฝ่ายยอมเชื่อเขาเลยสักนิด
“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำน่าไม่อายของคุณ
ผมคงไม่เป็นแบบนี้หรอก!...
.
...รู้เอาไว้เลยนะ
ตราบใดที่คุณยังคิดจะเป็นมือที่สามก่อกวนความสัมพันธ์ของเพื่อนผมอยู่ล่ะก็...
...ผมนี่แหละ
ที่จะคอยขัดขวางคุณเอง” ทันทีที่พูดจบ ร่างสูงหัวจุกก็เดินหันหลังเข้าไปข้างในร้านโดยไม่บอกกล่าว
ทำเอาอดีตเดือนบริหารถึงกับตีอกชกหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด
“โธ่เอ๊ย!
ทำไมนายถึงเป็นเอามากขนาดนี้นะนายขอรับ?!! ใจคอจะไม่พยายามรับฟังฉันหน่อยหรือยังไง?” อิ๊กรำพึงรำพันพลางลากถุงผ้าใบเขื่องตามหลังฌอนไปอย่างช้าๆ
“พูดไม่รู้ฟัง! บอกกี่ครั้งแล้วว่าคนมันไม่ได้ตั้งใจ!!...
.
...คนสติดีที่ไหนจะอยากกลายเป็นมือที่สามของครอบครัวคนอื่นทั้งที่ไม่ได้รู้สึกอะไรซักกะนิดกันวะ?!!...
...ฮึ่ม! นายนี่มันน่าโมโหจริงๆเลยนะนายขอรับ!!!...
...ไอ้ไบโพล่าร์
ไอ้บ้าขอรับเอ๊ย ฮึ่ยยยย!!!”
“อย่าบอกนะครับว่าคุณรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องยุ่งๆของเจ้าแฝดน้องกับเจ้าอิ๊กนี่อีกคน”
เจ้าพ่อห่อไหล่เปรยถามเจ้าพ่อไทรทองที่ลอยอยู่ข้างๆหลังจากที่แอบเห็นว่าเทวบุตรสุดชิคส่ายหัวให้กับเหตุการณ์ความขัดแย้งเมื่อครู่ของแฝดน้องกับแฟนเก่าของธันวา
“แหมเบ๊บครับ
จะให้บันยันทำยังไงได้ล่ะครับ?...
.
...ถ้าเลือกได้
บันยันก็ไม่อยากให้มีมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ที่ไหนต้องพลอยติดร่างแห
และเป็นเดือดเป็นร้อนเพราะพรที่บันยันประทานให้มนุษย์คนอื่นไปสักเท่าไรหรอกครับเบ๊บ”
เจ้าพ่อไทรทองตอบอย่างกระมิดกระเมี้ยน
“คุณอย่าบอกนะว่า...
การที่เจ้าอิ๊กโผล่เข้ามาสร้างเรื่องยุ่งยากใจให้กับบ๊วยและเก็กอยู่ตลอดเวลา เป็นผลมาจากพรของเจ้ากังฟู?”
บุตรแห่งเทพประจำวิทยาเขตถลึงตาพลางเลิกคิ้วมองหน้าคู่สนทนาอย่างจับผิด
“ครับ...
อำนาจพรของบันยัน
นอกจากจะทำให้เจ้าธันวารู้สึกรักใครไม่ได้แล้ว...
.
...พรข้อนี้ยังทำให้ฝ่ายที่เข้าหาเสียความรู้สึก
ควบคู่ไปกับอาการเสียใจที่ต้องเฝ้ารักเจ้าธันวาอยู่เพียงฝ่ายเดียว...
...และเมื่อถึงจุดหนึ่ง
ผู้มีจิตปฏิพัทธ์ต่อเจ้าธันวาทุกรายจะรู้สึกเจ็บปวดเกินจะทนไหว...
...สุดท้าย
เมื่อขาดกำลังใจ อีกทั้งยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ความรักตอบแทน คนเหล่านั้นก็จะบอกลา
ไม่ก็หารักใหม่ไปเอง”
“นั่นก็แสดงว่า
การมาของเจ้าอิ๊ก...ก็เพื่อบั่นทอนกำลังใจของบ๊วย
ทำให้บ๊วยเสียใจจนต้องบอกลาเจ้าธันวาเหมือนกับคนอื่นๆอย่างนั้นเองหรอกหรือคุณ?” ...บางครั้งเจ้าพ่อห่อไหล่ก็นึกอยากเป็นลมล้มพับหลับไปเสียให้พ้นๆ
เพราะเรื่องราวทั้งหมดชักจะเวียนวนพัวพันกันจนยากจะสะสาง
“บันยันคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ
และนั่นคือคำอธิบายว่าทำไมเจ้าอิ๊กถึงควบคุมตัวเองไม่ได้สักครั้ง
เวลาที่เจ้าอิ๊กเจอหน้าทั้งเจ้าบ๊วยทั้งเจ้าธันวาอยู่ด้วยกันยังไงล่ะครับเบ๊บ” เจ้าพ่อไทรทองสรุปตามความเข้าใจหลังจากเฝ้าสังเกตความผิดปกติข้อนี้มาพักใหญ่
“เราควรจะบอกเรื่องนี้ให้เหล่าสมุนเลวได้รับรู้ไว้นะคุณ”
โฮลี่ฮิปสเตอร์รีบเสนอทางรับมือกับปัญหาบานปลายที่เพิ่งได้รับคำอธิบายไปหยกๆ
“คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับเบ๊บ
เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับภารกิจการล้างพรของเจ้ากังฟูโดยตรง...
.
...และหากบรรดาสมุนกระทำการล่วงเกินเจ้าอิ๊กเกินกว่าเหตุ
ขณะอยู่ภายใต้การดูแลของเราทั้งสองตน...
...สุดท้าย การกระทำทั้งหลายเหล่านั้น
อาจจะส่งผลให้เกิดการติดค้าง ไม่ก็การสร้างเวรสร้างกรรมต่อกันไปถ้วนทั่วทุกฝักฝ่ายก็ได้นะครับเบ๊บ”
เทวบุตรสุดชิคบอกเงื่อนไขให้บุตรแห่งเทพสุดที่รักของเขารับฟังโดยไม่ปิดบัง เมื่อได้ยินดังนั้น...เจ้าพ่อห่อไหล่ก็เกิดวิริยะขึ้นในจิตใจอย่างฉับพลันทันตา
“ถ้าอย่างนั้น
เราทั้งสองตนก็ต้องรีบหาทางทำให้เจ้ากังฟูรักกับเจ้าเต๋อให้ได้เร็วๆเสียแล้วล่ะ...
.
...ผมไม่อยากทำลายประวัติการทำงานอันยอดเยี่ยมของตัวเองไปเพราะถูกพรเก่าของคุณทำลายโอกาสซึ่งซึ่งหน้า”
“อย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลยครับเบ๊บ”
เจ้าพ่อไทรทองดับประกายไฟในดวงตาของอีกฝ่ายด้วยประโยคขอร้องนุ่มหู เมื่อเจ้าพ่อห่อไหล่พร้อมรับฟัง
องค์เทวบุตรสายบู๊ก็รีบเกริ่นนำเข้าสู่หัวข้อไฮไลท์ทันที “หลังจากนี้...หน้าที่หลักๆทั้งหลายในภารกิจ
จะถูกถ่ายโอนมาที่พวกเราจนเราทั้งสองตนจนไม่เหลือเวลามากพอให้สวีทกันได้อย่างใจ”
“นี่คุณกำลังต้องการจะบอกอะไรผมหรือไทรทอง?”
“เดี๋ยวไว้รอให้เรากลับไปที่ตำหนักของเบ๊บก่อนดีไหมครับ?...
.
...รับรองว่าเบ๊บจะปลาบปลื้มกับเซอร์ไพรส์ที่บันยันสั่งให้เจ้าแฝดพี่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นพิเศษ...
...จนเบ๊บจะลืมความเหนื่อยล้าหลังจากการทำงานหนักติดต่อกันสองวันที่ผ่านมา รวมทั้งความซับซ้อนของภารกิจในครั้งนี้ไปจนหมดสิ้นแน่เชียวครับ”
สีหน้ากรุ่มกริ่มกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเจ้าพ่อไทรทองทำให้โฮลี่ฮิปสเตอร์ใจคอไม่ค่อยดี
“อย่าเล่นอะไรพิเรนทร์อีกนะคุณ...แล้วก็ไม่ต้องหวังว่าจะได้ทำลามกกับผมด้วย
ผมยังไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอกนะ” บุตรแห่งเทพเจ้าถิ่นปรามเทวบุตรสุดชิคเอาไว้ล่วงหน้า...
แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเทพจะคืบหน้าไปกว่าเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนมาก
แต่เจ้าพ่อห่อไหล่ยังไม่อาจคลายใจ
หรือยอมให้อีกฝ่ายถึงเนื้อถึงตัวแบบเกินเลยเหมือนเหตุการณ์ครั้งนั้น
“โธ่เบ๊บครับ!... บันยันไม่ได้หวังความสัมพันธ์ชั่วคราวเหมือน Father
Fucker ตนอื่นๆเสียหน่อย...
.
...ถ้าเบ๊บบอกให้คอย
บันยันก็เต็มใจคอยจนกว่าวันที่เบ๊บจะพร้อมอยู่แล้วล่ะครับ...
...เชื่อบันยันเถอะครับ
หากจัดระดับความซื่อสัตย์และศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเทพในเขตพระนครและปริมณฑล...
...ไม่มีเทพองค์ไหนได้กินบันยันซักองค์
จะให้บันยันสาบาน หรือไปอมพระประธานที่ไหนมาพูดก็ได้นะครับ!” เจ้าพ่อไทรทองรับรองด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
และนั่นคือคำมั่นที่โฮลี่ฮิปสเตอร์ยึดถือเนื่องจากเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
จะไม่มีวันกล่าวความเท็จเป็นอันขาด
“เรากลับไปดูเซอร์ไพรส์ที่เจ้าแฝดพี่เตรียมเอาไว้ให้กันดีไหมครับเบ๊บ?”
เทวบุตรสุดชิคกล่าวเชื้อเชิญเจ้าพ่อห่อไหล่หลังจากได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆของอีกฝ่ายหลังจากได้รับฟังความจริงใจของเขาไปเมื่อครู่
“อืม...
ก็ไปสิ”
เจ้าพ่อห่อไหล่รับปากแล้วจึงอธิษฐานจิตเพื่อนำกายละเอียดเดินทางกลับไปยังโฮมออฟฟิศส่วนตัวภายในชั่วอึดใจ
ซึ่งนับเป็นจังหวะเดียวกันกับฝ่ายเตรียมเซอร์ไพรส์อย่างเจ้าพ่อไทรทองได้หายวับมาโผล่ข้างๆเทพหนุ่มที่เพิ่งเริ่มตั้งสมาธิได้เพียงไม่นานก่อนจะพาร่างบางให้อันตรธานลับไปพร้อมๆกัน
“ฮื่ออออ...
ปล่อยก่อน อย่ากอดแน่นนักสิครับบันยัน ผมตั้งจิตอธิษฐานอยู่นะ!” และนั่นคือประโยคทิ้งท้ายที่โฮลี่ฮิปสเตอร์เผลอเอ่ยทิ้งท้ายออกมา
ณ ชั่วอึดใจที่โดนกระแสจิตของเทวบุตรสุดชิคโอบล้อมรอบๆกายระหว่างนำทางไปยังที่หมายของเทพบุตรทั้งสององค์
Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ
No comments:
Post a Comment