Saturday, August 8, 2015

Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ The 20th Blessing|| 08.08.2015



  ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย...อย่าลืมดูแลสุขภาพเหมือนหนุ่มๆในตอนนี้นะคะ
เพราะเนื้อหาของตอนล่าสุดนี้ว่าด้วยฟุตบอลแมทช์สำคัญที่เต๋อเอาความรักเป็นประกันเชียวค่ะ

หากรักชอบประการใด หรือเจอความผิดพลาดที่ตรงไหน...
ทิ้งความเห็นเอาไว้ให้เรามีกำลังใจ หรือปรับปรุงได้นะคะ

เจอกันวันอังคารค่ะ ^ ^
ขอให้อ่านอย่างมีความสุข & รักคนอ่านทุกท่านค่ะ  



 Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ



The 20th Blessing            
ฟุตบอลนัดวาสนา... ฆ่าไม่ได้ หยามก็ไม่ได้!!   




“ฮัดเช่ย!!!!” นั่นคือเสียงแรกของวันที่หนุ่มผมยาวซึ่งเพิ่งเดินออกจากห้องนอนแขกด้วยสภาพสลึมสลือเปล่งออกมาให้เจ้าของห้องได้รับฟัง... ช่างเป็นสัญญาณอันดีของการเริ่มต้นวันสุดพิเศษเช่นวันนี้เสียจริงๆ

“ไงล่ะ...ป่วยเหรอกะเทย? สารรูปมึงนี่ดูไม่ได้เลยนะ” เจ้าของห้องหน้าคมในบ็อกเซอร์ตัวเดียวซึ่งกำลังง่วนอยู่แถวๆเครื่องชงกาแฟแซวคู่แข่งหัวใจที่เดินขยี้สังกะตังพลางสูดน้ำมูกซื๊ดซ๊าดมายืนตาลอยอยู่ไม่ห่าง

สองตาเรียวของด้วงวางจับสายธารสีน้ำตาลเข้มที่ไหลรินลงสู่แก้วที่รองรับอยู่เบื้องล่างพลางสูดดมฟุดฟิด
เต๋อรู้สึกตงิดๆว่า อีกไม่ช้า...ต้องได้ชงกาแฟเบิ้ลอีกแก้ว เมื่อดูท่าแล้ว...ไอ้คุณชายตื่นสายนี่ต้องกำลังเปรี้ยวปากอยู่แหงๆ

แต่กาแฟแห่งมิตรภาพกลับมีอันต้องเป็นหมันไปในพริบตา
หลังจากคุณชายแห่งคณะวิศวะฉะหนุ่มสถาปัตย์เสียจนอ้าปากค้าง


“หึ! ก็พอๆกันนั่นแหละ” ว่าแล้วจึงสูดน้ำมูกข่มเต๋อไปอีกคำรบก่อนจะแซะต่อ “เป็นยังไงล่ะ?...โดนลูกเทนนิสอัดเข้าเบ้าตาเต็มๆ สมน้ำหน้า!

ด้วงจี้ใจดำหนุ่มหล่อคมขำด้วยเรื่องริ้วรอยอันเกิดจากน้ำมือของคนตัวจ้อยเมื่อคืนวาน...
ปื้นวงกลมสีม่วงอมแดงที่ผลิบานแต้มแต่งรอบดวงตาข้างขวาของอีกฝ่ายจนดูคล้ายหมีแพนด้าตาดำแหว่งหนึ่งข้าง ทำให้เวลาเต๋อออกอาการกร่าง กลับชวนให้ขำได้ไม่หยอก...

แต่ในเมื่อหนึ่งในคติพจน์ประจำใจชายผู้หันหลังให้สังคมอย่างเต๋อคือ ฆ่าได้หยามไม่ได้
สิ่งที่ด้วงเพิ่งจะเอื้อนเอ่ยออกมานั้น ไม่ต่างจากสานส์ท้าทายก่อนการรบที่แท้จริงจะเริ่มต้น...
เห็นทีว่า กว่าศึกฟาดแข้งจะผ่านพ้น...เขากับไอ้หน้ามนปากดีคงได้จิกกัดกันแบบพอเป็นพิธีไปตลอดแน่ๆ


“ถึงร่างกายกูจะไม่เต็มร้อย แต่อย่างน้อยใจกูก็สู้เต็มที่ล่ะวะ...
.
...อย่าได้หวังไปเลยว่า ทีมกูจะออมมือให้!!

ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอทำให้กัปตันทีมสถาปัตย์ซัดลูกข่มใส่ด้วงแบบไม่ยั้ง
ถึงลึกๆแล้วเขาเองก็ยังไม่อาจวางใจกับผลการแข่งขันในวันนี้ได้เต็มร้อย  
ซึ่งฝ่ายที่รู้ถึงฝีมือที่ด้อยกว่าของคู่แข่งอย่างด้วง ก็จัดคำพูดแรงๆมาสนองนี๊ดให้เต๋ออย่างสมน้ำสมเนื้อ

“เฮอะ! ฝีมือห่วยก็อย่ามาเที่ยวข่มคนอื่นให้ตลกเลย” หนุ่มผมยาวตวัดหางตามองเหยียดอีกฝ่ายคล้ายกับเต๋อเป็นไส้เดือนกิ้งกือ “เราว่า นายรีบทำใจเอาไว้เสียแต่เนิ่นๆจะดีกว่า เวลาสัมผัสกับรสชาติของความพ่ายแพ้แบบเต็มอัตราแล้วจะได้ไม่รู้สึกเคว้งคว้างมากยังไงล่ะ”

วาจาสามหาว กับท่าทางราวอึ่งอ่างพองลมของอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญ
สะกิดต่อมหมั่นไส้ของเต๋อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เต๋อยอมลงทุนวางมือจากแก้วกาแฟหอมกรุ่นเพื่อแสร้งหมุนตัวเดินย้อนกลับเข้าห้อง
แล้วจึงอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันได้เหลียวมอง ดึงยางยืดขอบกางเกงในที่โผล่พ้นชายกางเกงนอนของด้วงออกมาจนตึง  
ก่อนจะปล่อยให้แถบอีสาสติกเบ่งยี่ห้อคาลวิน ไคลน์ดีดผึงลงบนเนื้ออ่อนเหนือบั้นท้ายของชายหนุ่มผมยาวเข้าอย่างจัง  


“โอ๊ย! เล่นบ้าอะไรของนายวะเต๋อ?!!” ด้วงตวาดกร้าวราวกับเสือโดนกระตุกหนวด...แต่นั่นยังไม่เจ็บปวดเท่ากับคำพูดทับถมกับใบหน้าสบออารมณ์เป็นที่สุดของอีกฝ่ายที่ตามมาติดๆ

“อย่ามาสะดิ้งโอเว่อร์นะตุ๊ด โดนขอบกางเกงในดีดง่ามตูดแค่นี้ทำมาเป็นร้อง!” เต๋อถากถางพลางเบะปากใส่

จากที่ยังไม่ตื่นเต็มตา กลายเป็นฟ้าแจ้งจางปางสว่างวาบขึ้นมาในความรู้สึกของด้วงโดยพลัน
ชอบเล่นเย้ยหยันคนอื่นเป็นเด็กๆนักใช่ไหม? ได้! อยากจะรู้เหมือนกันว่า...คนแหกปากทีหลังจะร้องเสียงดังกว่าเขาสักแค่ไหนเชียว


“หึ! งั้นเหรอ?”  

พูดยังไม่ทันขาดคำ ด้วงก็รวบกระชากขอบบ็อกเซอร์ที่เต๋อใส่อยู่จากทางด้านหลังจนรอยตะเข็บเหน็บเข้าวิน
เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจ...หนุ่มหล่อผมยาวยังรั้งเนื้อผ้าให้แนบลำอาวุธคู่กายาแบบหาช่องว่างไม่มี บิดซ้ายบิดขวาอยู่อีกหลายที จนเนื้อผ้าและรังดุมด้านหน้าบดขยี้กล่องดวงใจของร่างหนาเสียเจ็บจี๊ดลงไปนอนกรีดร้องอยู่บนพื้นอย่างน่าสงสาร


“ซี๊ดดดดส์ อูยยย...ลูกพ่อ!...ไอ้สัด...ด้วง!!!

“ไงล่ะ? รีบไปอาบน้ำสิ จะมานอนครางอยู่ทำไม?...
.
...แค่บ็อกเซอร์รัดไข่...หนังหนาอย่างนาย คงไม่ระคายผิวเท่าไรหรอกมั้ง” หนุ่มผมยาวแสยะยิ้มอย่างสะใจ...อีกฝ่ายควรจะเรียนรู้ได้แล้วว่า อย่าบังอาจมาแลกกับคนอย่างเขา

ปรอทวัดความเจ็บใจของเต๋อแทบแตกเมื่อต้องนอนแบกรับความอดสูฟังคำยั่วยุของอีกฝ่ายจากมุมที่เห็นแต่ปลายเท้าด้วง
ถ้าไม่ติดว่ายังหน่วงงวงไม่หาย เขาคงได้ตะกายขึ้นไปตะบันหน้าไอ้ผมยาวเอาให้เห็นดาวเต็มๆตาเสียให้รู้แล้วรู้รอด...
แต่เพราะความเจ็บปวดฉิบหายวายวอด หนุ่มสถาปัตย์จึงทำได้แค่กัดฟันสรรเสริญตัวต้นเหตุด้วยท่าทางน่าสมเพชเป็นที่สุด


“หนอยยยย! ไอ้กะเทยเสิ่นเจิ้น! อย่าให้กูลุกขึ้นได้นะ...กูจะเจี๋ยนตุ้มมึงทิ้งแน่!” คนนอนตัวงอชี้หน้าด้วงพลางส่งสายตาเขียวปั้ด ซึ่งคนฟังที่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจตอกกลับอย่างว่องไวด้วยคำปรามาสที่ทำให้เต๋อใจแป้ว

“หึ หึ หึ เราจะปล่อยให้นายปากดีไปอีกสักพักก็แล้วกัน...
.
...เพราะเดี๋ยวพอแข่งเสร็จ  นายก็ต้องระเห็จออกไปจากชีวิตของเรากับฟูเองนั่นแหละ...
...ถ้าไม่เชื่อก็นับถอยหลังได้เลย”

“กูอาจจะยิงลูกเข้าโกลทีมมึงสำเร็จก็ได้ ใครจะรู้!!”ร่างหนาที่ยังนอนอยู่กับพื้นแหวใส่โดยไม่ได้สังวรณ์สักนิดว่า การขยับร่างกายเกินจำเป็น จะช่วยเน้นย้ำความเจ็บปวดให้กล้าแสดงออกได้อย่างโหดร้าย “อูยยยย! แม่งเจ็บฉิบหาย!!

“หึ! แล้วเราจะได้เห็นกัน” ด้วงทิ้งท้ายก่อนจะเดินลอยชายกลับเข้าห้องไปอย่างผู้ชนะ








“เป็นไรเฮียทำไมตื่นเช้า? พี่ด้วงไม่อยู่แค่นี้ถึงกับนอนไม่หลับเลยเหรอ?” เก็กที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาในห้องร้องทักพี่ชายที่นั่งทำหน้าเป็นหมาโดนยาเบื่ออยู่บนเตียงของพี่ห้องอีกคนที่โดนกังฟูบอยคอตไปเมื่อสองวันก่อน  คนฟังชักสีหน้าไม่พอใจกับประโยคคำถามเมื่อครู่แล้วจึงขู่ฟ่อ

“พูดมากจริงว่ะมึงหนิ!...
.
...เสียดาย...
...กูน่าจะบอกม้าให้เอาขี้เถ้ายัดปากมึงเสียตั้งแต่ยังแบเบาะ กูจะได้ไม่ต้องทนฟังมึงฉอเลาะให้รำคาญหูอยู่อย่างทุกวันนี้”ด่าจบ คนเป็นพี่ก็เขยิบตัวเบี่ยงองศาหันหน้าไปทางอื่นราวกับเหม็นหน้าน้องชายคลานตามกันมาเสียเต็มปรี่  


สุดหล่อดีกรีเดือนมหาลัยจึงวินิจฉัยสาเหตุอาการคล้ายสตรีวัยเจริญพันธ์ในวันแดงเดือดที่พี่ชายเป็นอยู่แบบงูๆปลาๆ...
เผื่อกังฟูจะเมื่อยหน้าแล้วยอมหลุดปากเล่าความจริงให้เขาฟังได้เสียที


“หรือที่เฮียอารมณ์ขึ้นๆลงๆจะเป็นเพราะพี่เต๋อ?...พี่เต๋อไลน์มากวนใจเฮียหรอ?” เก็กถามซื่อๆ...

เพราะนอกจากด้วงที่ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดแล้ว ยังมีรุ่นพี่สถาปัตย์ที่กังฟูให้ความสนใจอยู่อีกหนึ่งคน...
ซึ่งดูเหมือนว่า รายหลังชักจะมีอิทธิพลต่อหัวใจของพี่ชายของเขามากขึ้นทุกที ทุกที
สังเกตได้จากท่าทีกลบเกลื่อนแบบที่อีกฝ่ายกำลังแสดงให้เห็นอยู่ ณ ขณะนี้เอาก็ได้


“โอ๊ยยยย!! มึงช่วยรีบไปหายาสลายมโนมาแดกให้ไวเลยเหอะวะเก็ก กูชักจะทนมึงไม่ไหวแล้วเนี่ยะ” คนพูดนิ่วหน้า เต๊ะท่าเกรี้ยวกราดราวกับโดนเยี่ยวสาดต้นขา...

แน่ะ! มาแล้ว สเต็ปแรกของการแถ... เลี่ยงคำถาม ทำแชเชือน...ปิดท้ายด้วยการทำเสียงดังข่ม
สีหน้าไม่สบอารมณ์ของกังฟูที่ดูจะหนักหนายิ่งกว่าเมื่อวาน พาลสร้างเสริมลักษณะนิสัยขี้เผือกให้ยิ่งผลิบานในใจคนเป็นน้องไปกันใหญ่


“เช้านี้เฮียเป็นไร? ทำไมขยันแดกเก็กจั๊งงง? ตั้งแต่เก็กกลับห้องมา เก็กโดนเฮียกราดด่าไปหลายดอกแล้วนะเฮ่ย...
...นี่น้องชายแท้ๆนะเว่ยเฮีย ไม่ใช่แหจับปลา จะได้มาเอะอะเหวี่ยง เอะอะเหวี่ยง...
.
...ถามจริง...เฮียมีไรในใจหรือเปล่า?”

“เปล๊า! กูปกติ” กังฟูทำหน้านิ่งแล้วเอ่ยชิ่งเสียงเรียบ... แต่ริมฝีปากบางเฉียบที่สั่นระรัวเพราะกลัวโป๊ะแตกทำให้น้องชายจับไต๋ได้จังเบอร์  

“อืม... ปกติก็ปกติ” อดีตเดือนมหาลัยถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อเข้าสู่เรื่องสำคัญประจำวัน 

“เออ...เฮีย  วันนี้เฮียอย่าลืมไปเชียร์เก็กด้วยนะ  เก็กจะเป็นทัพหน้าพาทีมเราครองแชมป์อีกสมัย” ศูนย์หน้าทีมวิศวะเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ เพราะหลังได้ปะทะแข้งกับฝ่ายตรงข้ามมาสามสี่นัด ก็สามารถชี้วัดผู้ชนะได้โดยไม่ต้องลุ้น

ถึงจะเอาแต่เฝ้าฝันถึงช่วงเวลาหลังแข่งเสร็จกับของขวัญสุดพิเศษที่คิดจะขอจากแฟนบังหน้า
แต่หางตาของธันวาก็ยังแฉลบไปเห็นสีหน้าเศร้าหมองคล้ายคนใกล้ตายที่พี่ชายกำลังทำอยู่ได้เต็มๆอยู่ดี...
แถมยังมีประโยคส่งท้ายที่ดูเหมือนพี่ชายจะเอ่ยลอยๆออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก  


“ฟุตบอลแม่งมีล้มมวยเปล่าวะ?”

“เมื่อกี๊เฮียว่าอะไรนะ? มวยๆ...มวยอะไร?” เก็กแสร้งถามด้วยสีหน้าตามไม่ทัน... เพราะรู้ซึ้งแล้วว่า ต่อให้ใช้มาตรการใดๆ พี่ชายขาซึนคงไม่ยอมเปิดอกเล่าหนังชีวิตให้ฟังง่ายๆ

“ช่างกูเหอะน่า...ไม่มีอะไรหรอก” คนพูดตอบอย่างขอไปที แต่เพราะยังมีสายตาคมกริบของน้องชายจับจ้องใบหน้าของเขาอย่างไม่ลดละ กังฟูจึงจำใจต้องร่ายต่อ “กูแค่พึมพำว่า ฟุตบอลแม่งไม่น่าดูเหมือนมวย...กีฬาเฮงซวยอะไรก็ไม่รู้  ดูกี่ทีกี่ทีกูก็ไม่เคยรู้เรื่อง”

“โห่เฮีย! พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะเฮีย แค่เฮียดูไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่สนุกเสียหน่อย” อดีตเดือนมหาลัยตัดพ้อแค่พอเป็นกระสัย...

ด้วยเพราะกลิ่นอายแห่งหายนะที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของพี่ชายเตือนให้เขารู้ว่า ชะตาใกล้จะขาด  
พอดีกับแรงสั่นครืดคราดเป็นจังหวะสั้นๆด้านในกระเป๋ากางเกงที่บอกถึงการมาของข้อความใหม่...

จะใช่บ๊วยหรือเปล่า?!  
.
ต้องใช่แน่ๆ!... เพราะบ๊วยไม่มีทางไม่คุยไลน์กับเขาแค่สั้นๆ อย่างเมื่อเช้าตรู่
อีกอย่าง...บ๊วยคงไม่ปล่อยโทรศัพท์ทิ้งไว้โดยไม่ดูแล หรือเห็นมิสคอลแล้วไม่ยอมโทรกลับแน่ๆ...
หึ! อย่างนี้ก็แปลว่า น่าจะสำนึกผิดได้แล้วสินะ


“เอ๊!ไอ้เหี้ยนี่  กูบอกว่าไม่สนุกก็ไม่สนุกสิวะ!... มึงก็รีบไปอาบน้ำสักทีเถอะ กูเหม็นเหงื่อจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ยะ” คลื่นเสียงด่าของกังฟูเดินทางมาพร้อมกับสติ แต่เพราะอีกฝ่ายยังนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิก พี่ชายเลยจิกเข้าให้อีกงวด “เร็วๆ! จะได้ไปหาซื้ออะไรมาให้กูแดกเสียที” กังฟูหมุนตัวลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือโดยไม่หันหลังกลับมามองผู้เป็นน้องแต่อย่างใด

เก็กหักห้ามใจไม่ต่อปากต่อคำกับพี่ชายให้มากความเมื่อไล่สายตาตามตัวหนังสือเล็กๆในหน้าจอแล้วเห็นว่า
ข้อความที่เพิ่งถูกส่งมานั้น...คือหมายนัดประชุมเหล่าสมุนเลวแบบด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋าของฝาแฝดคนพี่


“ครับ ครับ... รอเก็กเดี๋ยวนะเฮีย” เก็กรับคำพี่ชายแกนๆ...

ยอมรับแมนๆเลยว่าผิดหวังนิดหน่อยเพราะข้อความที่รอคอยกลับไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งได้อ่าน
แต่การจะได้เจอหน้าบ๊วยก่อนเวลาที่ทั้งสองตกลงกันเอาไว้ ก็ทำให้อดีตเดือนมหาลัยลืมความน้อยใจไปเสียสิ้น...

ซึ่งเมื่อวิเคราะห์แล้ว เก็กก็ตระหนักได้ว่า
สัดส่วนของความยินดี มีน้อยกว่าความรู้สึกเสียดเสียว กังวลว่าของเก่าในท้องจะเลี้ยวออกปากมาเมื่อไร...
และนั่นแปลง่ายๆได้ความว่า อารมณ์รักใคร่สิเน่หาที่เขาน่าจะมีให้เจ้าของรอยยิ้มพิมพ์ใจในห้วงคำนึง...
พิเศษ และจริงจังเสียจนร่างกายเขาไม่อาจตรึงกองกำลังน้ำเปรี้ยวกับอาการผิดปกติทั้งหลายเอาไว้ได้อีกต่อไป


 Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


“พี่ฌาน โทษที...เฮียแม่งจิกผมอยู่นั่นแหละ กว่าจะยอมปล่อยตัวมาได้ต้องอ้อนวอนกันแทบตาย” อดีตเดือนมหาลัยบ่นเป็นหมีกินผึ้งขณะก้าวข้ามม้านั่งยาวเพื่อทิ้งตัวลงนั่ง ทว่าร่างสูงกลับยั้งตัวเอาไว้เมื่อสายตายังมองไม่เห็นใครอีกคน “แล้วบูบู้ล่ะครับ?”

น้ำเสียงร้อนรน กับท่าทางอยู่ไม่สุขของไทเก็กเรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นบนใบหน้าของคนฟังเข้าจนได้...
จะหวงจะห่วงอะไรขนาดนี้?!  นี่ขนาดรักใครไม่ได้เสียที ยังเครซี่ชายกลางของพวกเขาจนแทบไม่ปล่อยให้อยู่ห่างสายตา

เอ...หรือจะเป็นไปได้ว่า อำนาจพรของเจ้าพ่อห่อไหล่ช่วยทำให้คำสาปของเจ้าพ่อไทรทองคลายความศักดิ์สิทธิ์ลง?!...
ที่คนเขาว่ากันว่า อย่าได้ปรามาสอำนาจของผู้เป็นภรรยา...คงจะหมายความตามนี้เสียล่ะมั้ง หึ หึ


“บ๊วยไปซื้อน้ำกับน้องชาย... นั่งก่อนเถอะ พี่ฌานไม่รีบหรอก...เพราะนี่ก็ยังไม่ครบองค์ประชุมเสียหน่อย” ฌอนพูดสบายๆ พลางเชิ้อเชิญให้หนุ่มรูปงามต่างคณะคลายความกังวลระหว่างรอคนอื่นๆ

“รอเจ้าพ่อทั้งสองอยู่เหรอครับ?” เก็กถามพลายกวาดสายตามองไปทั่ว

“เปล่าหรอก...
...เจ้าพ่อไทรทองท่านบอกว่า ช่วงเช้านี้ท่านกับเจ้าพ่อห่อไหล่อยากจะบำเพ็ญบุญเพิ่มที่ตำหนักกันสักหน่อย...
.
...ท่านเลยอาศัยเปิดคลื่นกระแสจิตตรงเข้ามาแทน จะได้ไม่ต้องปรากฏกายให้เสียดายเลเว่ลบุญ...
...อย่าเผลอเมาท์เจ้าพ่อลับหลังล่ะ ท่านได้ยินหมดทุกเม็ดนะจะบอกให้” ฌานสาธยายพลางทำหน้ากรุ้มกริ่ม

“อ่อ..ครับๆ” เก็กรับคำเชื่องๆ

ต่อให้แฝดพี่พูดอะไร...เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงเอาอายุขัยไปคัดค้านด้วยอยู่ดี
กระนั้น...ความสงสัยก็อดให้ชายหนุ่มรูปงามเอ่ยถามอีกฝ่ายถึงการเริ่มประชุมสายกว่าปกติไม่ได้จริงๆ
เพราะเท่าที่สัมผัสมา ฌอนไม่เคยประวิงเวลา หรือปล่อยให้ใครต้องคอยท่าเลยสักครั้ง


“ถ้าไม่ได้รอเจ้าพ่อ...แล้วนี่เรากำลังรอใครกันอยู่เหรอครับ?”

“สกลน่ะ” ฌอนที่เพิ่งเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมๆกับชายกลางของกลุ่มกลายเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนพี่ชาย แต่คำตอบที่เก็กได้ กลับกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญไปเสียแล้ว...

อดีตเดือนมหาลัยหันไปส่งยิ้มหวานพลางรับแก้วนมชมพูของโปรดของอีกคนวางลงบนโต๊ะ
เพื่อจะได้จับมือนุ่มๆได้อย่างถนัดถนี่ แล้วจึงออกแรงรั้งเบาๆให้บ๊วยกระเถิบเข้ามานั่งใกล้ๆ  

ฝ่ายคนไม่ได้เกินเลยใดๆก็ทำท่านึกขึ้นได้ ก่อนจะหยิบเอากระติกน้ำเก็บอุณหภูมิสีเงินออกมาวางลงตรงหน้าอดีตเดือนมหาลัย แล้วจึงจัดแจงตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพรียงประหนึ่งภรรยาที่ดี  


“พี่หมี...เค้าต้มน้ำขิงใส่น้ำผึ้งอุ่นๆมาเผื่อครับ จิบหน่อยนะ จะได้หายคลื่นไส้” บ๊วยยื่นฝากระติกที่บรรจุเครื่องดื่มสุดพิเศษไปให้อดีตเดือนมหาลัยที่ยังอึ้งด้วยความประทับใจเป็นที่สุด “แล้ววันนี้อาการพี่หมีเป็นไงมั่งครับ? ยังวิงเวียนเวลาเจอคนเยอะๆอยู่อีกไหม? รู้สึกไม่ไหวเมื่อไรต้องบอกเค้านะ”  

หนุ่มสถาปัตย์ผู้เอาใจใส่ในสวัสดิภาพของผู้คนรอบกายเป็นอย่างดีถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยตามข้อมูลที่ไทเก็กป้อนให้เมื่อคืนวานหลังจากงานเทกระจาดสาดน้ำเปรี้ยวยุติลงพร้อมๆกับความเสียหายเกินเยียวยาของซุ้มวิศวะ

ในขณะเดียวกันนั้นเอง... ฝาแฝดทั้งสองต่างจ้องภาพความหวานตรงหน้าเขม็งโดยแทบไม่หายใจด้วยไม่อยากทำให้ไก่ตื่น...อะไรจะชื่นมื่นขนาดนี้?!


“ได้ครับ... แต่บูบู้ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ ตอนนี้เค้าดีขึ้นมากแล้วล่ะ” อดีตเดือนมหาลัยตอบด้วยความซาบซึ้งถึงกึ๋น... 

หลังจากที่หม่าม้าเสียไป... นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เก็กได้มีโอกาสสัมผัสความห่วงหาอาทร
พร้อมกับได้รับการเอาอกเอาใจแบบลงลึกในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่คนอื่นอาจมองเลยข้ามไปอีกครั้ง...
เพราะรู้ว่าชอบผู้ชาย เขาจึงไม่เคยคาดหวังให้แฟนคนไหนทำให้เขาได้เหมือนกับที่มารดาเคยเป็น แต่คนตรงหน้ากลับแสดงให้เห็นด้วยท่าทางธรรมชาติเสียเหลือเกิน... อุ๊บ! คิดแล้วก็ต้องรีบกลืนน้ำเปรี้ยวกับขมิบก้นกั้นลมปราณทันที


“...อึ่ก!... ฮึบ!... ที่เมื่อเช้าบอกว่าติดธุระคุยกับเค้าไม่ได้ เพราะมัวแต่ต้มน้ำขิงให้เค้าอยู่ใช่ไหมครับ?” คนฟังอมยิ้มพลางพยักหน้าน้อยๆแทนคำตอบ “ขอบคุณนะครับบูบู้  เป็นเพราะบูบู้คอยดูแลเค้าดีแบบนี้ยังไงล่ะ เค้าถึงได้หายเป็นปลิดทิ้งเลยเห็นไหม?” ...ว่าแล้วคนพูดก็ถกแขนเสื้อบอลข้างหนึ่งขึ้นเพื่อเบ่งกล้ามต้นแขนอวดชายกลางให้วางใจ

แต่ยังไม่ทันที่อดีตเดือนมหาลัยจะได้โชว์หวานไปถึงไหนต่อไหน
ไอ้คนไม่รู้จักเวล่ำเวลาก็กระโดดผางเข้ามากลางวง พร้อมกับวาดลวดลายที่คงเส้นคงวาเป็นอย่างยิ่ง

“เดี๋ยวก่อนนะครับ!...  ขอผมคั่นฉากกระหนุงกระหนิงกินน้ำขิงของพระ-นางด้วยหนังขายยานิดนึงนะครับ” สกลยืนกอดอกทำหน้าหงิกใส่บรรดาสมุนเลวที่เหลือโดยถ้วนทั่ว แต่ต้องไม่ลืมว่า ยังมีคนที่ไม่เกรงกลัวหนุ่มหน้าแว่นในโหมดไหนๆรวมอยู่ด้วย

“อ้าว! แว่น  แอบไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา?...
...ทำไมถึงปล่อยให้ทุกคนต้องมานั่งรอเป็นชั่วโมงๆอยู่อย่างนี้ล่ะ?...
.
...นับวันยิ่งทำตัวเสียมารยาทมากขึ้นเรื่อยๆ จนพี่ฌานเริ่มจะเหน็ดเหนื่อยและเอือมระอากับแว่นมากขึ้นทุกทีๆแล้วนะครับ” หลังสิ้นสุดคำเหน็บแนมยืดยาว ฌานก็ส่งสายตากร้าวมองหน้าสกลอย่างไม่ลดละ ทว่าอีกฝ่ายกลับดูเหมือนจะยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเป็นเงาตามตัว  

“ผมตังหากล่ะที่ต้องเป็นคนถามพี่ฌาน...
...ทำไมไม่มีใครสนใจใยดีผมคนนี้บ้างเลยล่ะครับ  ไม่เอะใจกันหน่อยเหรอว่าผมหายไปไหนมา?” สกลเริ่มเบิกฤกษ์มหากาพย์แห่งการตัดพ้อด้วยน้ำเสียงน้อยใจที่ไม่เข้ากับใบหน้า...แต่นี่ยังถือเป็นเพียงดราม่าในขั้นต้น เพราะความเข้มข้นที่แท้จริงกำลังจะตามมาหลังจากนี้ต่างหาก

“ถามหน่อยเถอะครับ...
...มีใครรู้บ้างไหมว่าผมถูกทิ้งเอาไว้ในสโมฯจนถึงเช้า รถก็ไม่มี โทรศัพท์ก็ตกน้ำจนโทรให้ใครมารับก็ไม่ได้...
...กว่าผมจะย้ายมวลร่างกายกลับหอ กว่าจะอาบน้ำ กว่าจะปั่นจักรยานมาถึงที่นี่  ผมชีช้ำหัวอกมากเลยนะครับ” สีหน้ายู่ๆที่ดูน่าสะพรึงของคนพูดไม่ได้ทำให้ความฉลาดเฉลียวของเก็กหดหายไป ชายหนุ่มรูปงามจึงร้องถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัยทันที

“เดี๋ยวนะสกล อย่าเพิ่งลวกเส้นมาม่า...
.
...ถ้าสกลบอกว่าไม่มีใครสนใจ และโทรศัพท์ใช้ไม่ได้...
...ไหนลลองบอกมาซิว่า สกลรู้ได้ยังไงว่าพวกเรานัดกันที่ไหนน่ะฮึ?” เก็กสอบสวนผู้ต้องหาด้วยน้ำเสียงจริงจังจนสกลถึงกับรับประทานจุดไข่ปลาเป็นอาหารว่าง

“เค้าแวะเอาแซนวิชไปให้สกลที่ห้องมาน่ะครับพี่หมี...
.
...พอไม่เจอ...เค้าเลยแปะโน๊ตบอกเอาไว้กันลืมว่าเรามีนัดประชุมกันที่ไหน ยังไง แล้วเค้าถึงค่อยออกมาพร้อมกับพี่ฌานกับฌอนนี่แหละ” กลายเป็นบ๊วยที่ต้องช่วยอธิบายใจความที่หายไปเสียเอง ก่อนแฝดพี่จะกระหน่ำซ้ำเติมเสียจนสกลไม่อาจผงาดหน้าชูคอล้อเล่นกับใครได้อีกต่อไป

“หึ! สงสัยแซนวิชของบ๊วยจะเอาแว่นไม่อยู่ แว่นเลยกะจะต้มพวกเราใส่หม้อมาม่าให้พวกเราได้สำนึกบุญคุณว่า
ใครกันหนอที่อุตส่าห์ลากศพขึ้นอืดของแว่นไปทิ้งไว้บนเบาะแสนนุ่มนิ่มในสโมฯ เพราะปลุกให้ตายยังไง...มันก็ไม่ยอมตื่น...
.
...พี่ฌานเข้าใจความทรพีของเพื่อนๆที่เหลือไม่ผิดใช่ไหมครับแว่น?”

“แหม พี่ฌานล่ะก็ รู้ทันผมตลอดๆเลยอ้ะ!...
...ผมก็แค่อยากมีโมเมนท์พิสูจน์เนื้อแท้ของเพื่อนรักบ้างก็เท่านั้นเองอ่ะครับ...
.
...ไม่เอานะ ไม่ขมวดคิ้วนะ เดี๋ยวไม่หล่อนะ โอ่เอ๊ โอ่เอ๊” สกลปรับท่าทีได้อย่างรวดเร็วราวกับจิ้งจกเปลี่ยนสี โชคยังดีที่แฝดน้องทนฟังสกลต่อไปไม่ไหว ฌอนเลยสอดแทรกเข้ามาเพื่อเบี่ยงความสนใจจากทุกคนไปเสียก่อน

“พี่ชายเข้าเรื่องเลยเถอะครับ”

“อืม... คืองี้ เมื่อตอนเช้าพี่เต๋อเรียกนักบอลประชุมฉุกเฉิน...
.
...แกยอมปูดให้ทุกคนฟังว่า แกแอบไปเดิมพันกับคุณพี่ด้วงเรื่องผลบอลมาน่ะ...
...นัดนี้แกต้องยิงให้เข้าอย่างน้อยหนึ่งลูก ไม่อย่างนั้น แกจะไม่ได้จีบเฮียฟูตลอดไป” ฌานอธิบายตามข้อมูลที่หนุ่มรุ่นพี่เพิ่งเล่าให้ฟังเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่แล้ว ซึ่งนอกจากฌอนแล้ว...สมุนเลวที่เหลือต่างอยู่ในอาการตกใจทันทีที่ได้ยินเงื่อไขข้อนี้เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะเก็กที่ดูจะลำบากใจมากเป็นพิเศษ

“แล้วอย่างนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะพี่ฌาน?...
.
...จะให้ทีมผมเล่นง่อยก็คงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งหลังพี่ด้วงเป็นตัวจริง คนในทีมผมยิ่งบ้าพลังไปกันใหญ่...
...รับรองเลยว่าต้องไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้สถาปัตย์ง่ายๆแน่” อดีตเดือนมหาลัยเอ่ยอย่างวิตก เพราะสิ่งที่เต๋อบอก ไม่มีทางเป็นจริงได้เพราะศักยภาพของนักกีฬาจากสองคณะแตกต่างกันราวเอซีมิลาน กับ หนองยายหานยูไนเต็ด

“ก็ใช่...ลำพังพวกเราที่ต้องแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตามจุดต่างๆ คงจะทำอะไรไม่ได้มาก...
.
...ดังนั้น เรื่องที่จะเกิดขึ้นภายในวันนี้ พวกเราคงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพ่อทั้งสององค์เหมือนกับเมื่อวานนั่นแหละ” แฝดพี่รีบเฉลยทางออกที่ได้หารือกับเจ้าพ่อทั้งสองเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อลดความตึงเครียดของบรรดาสมาชิกในที่ประชุม

“แล้วเจ้าพ่อท่านจะโอเคเหรอครับพี่ฌาน?...
.
...พวกเราขอให้ท่านช่วยรับหน้าเล่นบทนำติดๆกันสองวันแล้วนะครับ” เก็กยังไม่คลายใจ... เขารู้ดีว่า ทั้งเจ้าพ่อทั้งสองจะต้องวุ่นวายและลำบากขนาดไหน ทั้งที่พวกเขาเพิ่งจะขอให้องค์เทวบุตรจัดฉากให้กังฟูกับเต๋อได้เจอกันเมื่อวานนี้ไปหยกๆแท้ๆ    

กระนั้น  แฝดพี่ผู้รอบคอบก็ได้เตรียมการรับมือในส่วนนั้นเอาไว้ล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อย
ที่สำคัญ...หลังจากฟุตบอลแมทช์นี้จบลงก็จะถึงเวลาของช่วงสอบไฟนอล ซึ่งาคงไม่มีพวกเขาคนไหนเสนอหน้าไปก่อร่างสร้างรักให้ใครได้เหมือนกัน  ฌานจึงวางแผนให้เจ้าพ่อทั้งสองนั้นได้พักร้อนจนกว่าวันปิดเทอมภาคต้นวันแรกจะเริ่มขึ้น


“หึ หึ หึ...เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง...
.
...พี่ฌานมีของแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อถวายเป็นบัตรพลีให้กับเจ้าพ่อทั้งสองแล้ว” พูดจบ แฝดพี่ก็หันไปส่งสายตาที่รู้ความหมายกันอยู่สองคนให้กับบ๊วย...ช่วยไม่ได้ หากนั่นจะทำให้อดีตเดือนมหาลัยรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาดื้อๆ

“ถ้าไม่นับเรื่องเดิมพันที่น่ากังวล การที่พี่เต๋อคิดจริงจังกับเฮียฟูก็ถือเป็นข่าวดีที่สุดของช่วงเวลานี้เลยนะ” สมุนเลวล้วนแต่เห็นด้วยกับการสรุปความคืบหน้าที่ฌอนเพิ่งเอ่ยปาก

“ใช่... สิ่งสุดท้ายที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นกับพี่เต๋อเลยก็คือ การยัดเยียดความรู้สึกรักให้แกน่ะ...
...เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ คนที่น่าสงสารที่สุดก็คงไม่พ้นพี่เต๋อนี่แหละ” บ๊วยที่กังวลกับความรู้สึกของพี่รหัสอยู่ตลอดเวลาก็อดผสมโรงตามประสาคนช่างห่วงใยไม่ได้

“แต่ผมว่า ข่าวดีของพวกเราไม่ได้มีแค่เรื่องของพี่เต๋อหรอกครับทุกคน...
.
...เฮียฟูเองก็น่าจะรู้สึกอะไรสักอย่างกับพี่เต๋อขึ้นมาแล้วเหมือนกัน...
...ยิ่งไปกว่านั้น เฮียฟูน่าจะรู้เรื่องเดิมพันครั้งนี้แล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเฮียคงไม่นั่งหน้าหงิก แล้วก็เอาแต่จิกผมมาตั้งแต่เช้าหรอกครับ” เก็กแชร์เรื่องน่ายินดีอีกเรื่องให้แก่ที่ประชุมได้รับทราบ และยิ่งเมื่อสกลกับฌอนให้ข้อมูลสมทบแล้ว...เหล่าสมุนเลวทั้งหลายก็เริ่มจะอุ่นใจที่แผนการล้างพรของเจ้าพ่อไทรทองเริ่มจะเป็นรูปธรรมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“ใช่แล้วครับคุณธันวา!...
.
...เมื่อคืนก่อนที่ผมจะสลบไป คุณกรกฏก็ด่าพ่อล่อแม่พี่เต๋อกับคุณพี่ด้วงเกี่ยวกับเดิมพันอะไรก็ไม่รู้ครับ”

“ใช่...น้องพลายบอกว่า พ่อฟูใจอ่อนกับพี่เต๋อมากขึ้นจากเดิมเยอะเชียวล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า ความพยายามของพวกเราทั้งหมดก็น่าจะสำเร็จใช่ไหมครับ?” บ๊วยขอคำยืนยันจากคนอื่นๆเพื่อความมั่นใจ... เขาหวังจะให้ภารกิจล้างพรของเจ้าพ่อไทรทองลุล่วง เพื่อคืนดวงใจให้เก็กได้ในที่สุด

“ก็น่าจะน่ะแหละบ๊วย” ฌานแบ่งรับแบ่งสู้ “แต่ถึงทุกอย่างเริ่มจะเข้ารูปเข้ารอยแล้วก็เถอะ  พวกเราก็ต้องพร้อมรับมือกับเรื่องไม่คาดฝันอยู่ทุกเมื่อ เข้าใจไหม?”

ฌานปิดประเด็นด้วยการเตือนสติสมุนทุกคนอีกครั้งไม่ต่างจากทุกที
ยิ่งช่วงนี้ตัวสอดแทรกที่คอยหาเรื่องปั่นป่วนแผนการของพวกเขามีมากกว่าหนึ่งด้วยแล้ว...
ยิ่งไม่แคล้วต้องระมัดระวังกันให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า


“ครับ เข้าใจครับพี่ฌาน / เฮ่!!



หลังจากที่ประชุมได้ข้อสรุป
ก็ถึงเวลาอิสระที่สกลจะเสร่อได้อย่างปุบปับตามแต่ต้องการ

“เอ่อ คุณธันวาครับ... ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณธันวาเสียหน่อยน่ะครับ” หนุ่มหน้าแว่นจริงจังเสียจนอดีตเดือนมหาลัยจำเป็นต้องให้ความความสนใจอย่างช่วยไม่ได้

“อะไรเหรอสกล?”

“ตอนอาบน้ำ ผมได้ยินพวกที่หอคุยกันว่า...
...เมื่อวานเกิดเรื่องสยดสยองพองขนที่ทำผู้คนแตกฮือด้วยความหวาดกลัวที่ซุ้มวิดวะ” หนุ่มหน้าแว่นกลืนน้ำลายเอื้อกก่อนจะถามต่อด้วยท่าทางสนอกสนใจ

“คุณธันวาพอจะรู้ไหมครับว่ารายละเอียดมันเป็นยังไง? คืองี้ครับ...ผมให้สัญญากับแฟนๆในบล็อกว่าจะหาโอกาสตามรอยวิญญาณเฮี้ยนเพื่อเขียนถ่ายทอดประสบการณ์ให้พวกเขาได้อ่านเป็นวิทยาทานโดยทั่วกันน่ะครับ”

สายตาวิบวับแวววาวเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของสกล
ทำให้ไทเก็กอดนึกถึงภาพความโหดร้ายที่หลอกหลอนเขามาตั้งแต่เมื่อวานขึ้นมาไม่ได้
แต่หากเรื่องทั้งหมดถูกเล่าขานสืบต่อกันไปผ่านขี้ปากของสกล คนอย่างเขาจะเหลืออะไรไปสู้หน้ากับหลานปู่หลานอาในวันหน้าได้กัน?...เขาจะไม่มีวันปล่อยให้มนุษย์ปากสว่างอย่างสกลได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นแน่แท้!!


“เอ่อ... ไม่รู้ว่ะ...บูบู้... ไปสนามกับเค้านะ เค้าต้องไปวอร์มแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่ด้วงจิกน่ะ”

อดีตเดือนมหาลัยบอกปัดอย่างรวดเร็วก่อนจะกอบข้าวกวาดของๆทั้งตัวเองและแฟนกำมะลอติดแขนขึ้นยืน
ก่อนจะเอื้อมไปฉุดข้อมือของบ๊วยติดมาโดยไม่คิดถามความสมัครใจของอีกฝ่ายล่วงหน้า


“ครับ ครับ... พี่ฌาน ฌอน สกล...ไปก่อนนะ เจอกันที่สนามนะ” บ๊วยรับคำง่ายเพราะไม่รู้อะไรเหมือนทุกที  ในขณะที่สกลได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเพราะท่าทีเปี่ยมไปด้วยพิรุธของหนุ่มรูปงามเมื่อกี๊ แถวบ้านหนุ่มหน้าแว่นตาตี่เรียกว่ามีเงี่ยนงำแท้เหลา!!


 Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ



   ((...ผมขอถือโอกาสระหว่างนักกีฬาจากทั้งสองคณะกำลังวอร์มร่างกายอยู่ในสนาม
กล่าวขอบพระคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของงานฟุตบอลประเพณีในครั้งนี้ไปพลางๆนะครับ...))  



ก่อนหนุ่มรูปงามผิวคร้ามแดดเจ้าของหมายเลขเจ็ดและปลอกแขนกัปตันทีมสถาปัตย์จะลงสนามไปอบอุ่นร่างกาย
ร่างหนากลับวิ่งเหยาะๆเข้ามาใกล้อัฒจันทร์ ณ ตำแหน่งที่เขาหมายตามาตั้งแต่แรกที่ร่วมเดินอยู่ในขบวนพาเรด

เหตุผลที่ชายหนุ่มยังคงยืนปักหลักนิ่งไม่ไปไหน คือเรื่องง่ายๆเพียงข้อเดียวที่เสี่ยวชะมัด...
นั่นคือ...เขาต้องการเห็นหน้าใครบางคนให้ชัดๆเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจก่อนลงเตะ  


“...  ไอ้ เตี้ย!!  ...”

เต๋อป้องปากตะโกนเรียกร่างเล็กที่เต๊ะท่าเหม่อมองท้องฟ้าตามประสาพระเอกหนังฟีลกู๊ดผิดแต่ว่าหน้าบูดกว่าหลายเท่า
เสียงเรียกของเต๋อทำเอาคนดูที่นั่งอยู่บนแสตนด์หย่อมนั้นหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กพลางประเมินว่า
ไอ้หน้าหล่อที่ตะโกนขึ้นมานั่นเป็นใคร...ไม่ก็คำณวนในใจว่าตนเองเตี้ยพอไหมที่จะรับสมอ้าง


  ไอ้ เหี้ย เตี้ย!!!!!    กัปตันทีมสถาปัตย์ยังไม่ถอดใจ ฟังได้จากเสียงตะโกนที่ดังยิ่งกว่าเดิม

ความที่ผู้ชมโดยรอบเริ่มจะมองหา ไอ้เหี้ยเตี้ยคนที่ว่ากันจ้าละหวั่น
ทำให้กังฟูรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจนต้องมองหาสิ่งของข้างกายมาช่วยอำพราง...

สุดท้ายเมื่อความสิ้นหวังเข้าเล่นงาน
ร่างเล็กเลยบีบบังคับจับอิ๊กกับบ๊วยที่นั่งประกบสองข้างให้ลุกขึ้นยืนชิดกันประหนึ่งแผงกำบัง
แล้วจึงแอบหมอบอยู่ข้างหลังทั้งสองหนุ่ม...

แต่ในเมื่อทนอับอายตะโกนเรียกมานานถึงขนาดนี้
คงไม่มีหวังว่าเต๋อจะเดินหันหลังลงสนามไปง่ายๆแน่


  ไอ้ เหี้ย เตี้ยยยยยยย   เตี้ย เหี้ย เหี้ยยยยยยยยยยยยย!!...
...ไอ้ ที่ หลบ หลัง ไม้ ซีก สอง คน นั่น น่ะ แม่ง โคตร เตี้ย เลย!!   


“มึงคิดว่าคนอื่นหน้าด้านเหมือนมึงทุกคนหรือยังไงห๊ะไอ้ห่าเต๋อ?!!” ...สุดท้ายก็เป็นกังฟูที่ทนไม่ได้ ชายร่างเล็กแหวกผ่ากลางฝาไม้กระดานเฌอร่าทั้งสองเพื่อยื่นหน้าไปด่าทอเต๋ออย่างแสบสัน  

นอกจากจะไม่สลดกับการโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อนของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัย  หนุ่มหน้าคมยังยิ้มเผล่เข้าใส่
จากนั้นจึงแถลงไขถึงสาเหตุของการตามตอแยแหย่หมากระเป๋าให้เห่าสู้ต่อหน้าฝูงชนแบบนี้


“กังฟู... ฟัง กู นะ!!” เต๋อเว้นวรรครวบรวมคำพูด ทำเอาลมหายใจของคนฟังสะดุดโดยไม่รู้ตัว “ถ้า กู ทำ ประตู ได้...รอ กู นะ  กู มี อะไร จะ บอก!!” กัปตันหนุ่มปิดท้ายด้วยการส่งจูบลอยลมมาให้อีกฝ่ายที่ยืนแน่นิ่งเหมือนโดนผีหลอกไปชั่วขณะ



ทว่าก่อนที่เต๋อจะวิ่งกลับลงสนามไปวอร์มกล้ามเนื้อก่อนการแข่งขัน
บรรดาสมุนเลวอีกสี่หน่อก็วิ่งมาสมทบกับลูกพี่เพื่อมาจับจ้องของดีที่ข้างสนาม
เมื่อเห็นวีรกรรมจีบหนุ่มซึ่งๆหน้าของหนุ่มปีสามไปเมื่อครู่...ตัวลูกที่แอบดูอยู่ตั้งแต่ต้นจึงเอาเยี่ยงอย่างโดยไม่ลังเล


“บู บู้ คร๊าบบบบบบ” อดีตเดือนมหาลัยรีบป้องปากเรียกร้องความสนใจจากแฟนกำมะลอ พอบ๊วยหันไปสบตาแล้วยิ้มหวานส่งไปให้ พ่อรูปหล่อติดอันดับแนวหน้าของมหาวิทยาลัยก็หยอดตบท้ายด้วยวาทะแห่งวันทันที

”เดี๋ยว เล่น เสร็จ แล้ว เค้า ก็  ‘มี อะไร จะ บอก บู บู้ เหมือน กัน นะ คร๊าบ” แม้คนฟังจะไม่ได้ขานรับ แต่ใช่ว่าระดับความหวานที่ลอยอวลอยู่ในอากาศ ระหว่างคู่รักจอมปลอมแห่งปีสื่อสารทางสายตากันนี่จะน้อยเสียเมื่อไร


“พี่ ฌาน ครับ” เมื่อเสียงเพรียกของหนุ่มหน้าแว่นลอยไปเข้าหูแฝดพี่ที่ยืนชื่นชมผลงานอันน่ายินดีของทั้งสองคู่อยู่ข้างๆกัน  ฌานก็ตอบรับเพื่อนสนิทนิ่งๆ

“ครับสกล”

“ถ้า ไม่ ต้อง ลง เล่น นัด นี้... ผมมี อะไร จะ บอกพี่ ฌาน นะ ครับ” สกลพูดด้วยน้ำเสียงขึงขังและดังมากพอที่จะเรียกความสนใจของใครหลายๆคนได้ แต่สิ่งเดียวที่ดูจะอยู่ผิดที่ผิดทางเกินไป เห็นจะเป็นใบหน้าที่ชวนให้ประเคนฝ่าเท้าเข้าใส่เป็นที่สุด

“แว่นครับ”

“ครับพี่ฌาน”

“ถ้าแว่นไม่อยากตายดีๆ... พี่ฌานว่า พี่เต๋อคงมี อะไร จะ บอกกับแว่นเหมือนกันนะครับ” แฝดพี่เดินลงสนามไปทันทีที่พูดจบ

เมื่อร่างสูงของฌานพ้นสายตาไป...
ก็เผยให้เห็นกายหนาของหมีใหญ่ที่ยืนตีหน้ายักษ์ใส่สกลราวกับอยากจะป่นให้กระดูกของอีกฝ่ายกลายเป็นผุยผงก็ไม่ปาน


“ไอ้เหี้ยแว่น!! ไปวอร์มร่างกายเดี๋ยวนี้ ก่อนที่มึงจะไม่มีโอกาสได้สั่งเสียก่อนตายกับใครหน้าไหนอีก”

เต๋ออาศัยตำแหน่งกัปตันด่าจิกผู้รักษาประตูสำรองของทีมพลางชี้นิ้วสั่งให้ร่างผอมเดินตามเพื่อนๆลงสนามไปโดยเร็ว  
ซึ่งหนุ่มแว่นผู้ไม่เคยครั่นคร้ามกับความน่ากลัวใดๆ ก็ได้แต่ยักไหล่ก่อนจะเอ่ยกับรุ่นพี่เบาๆราวกับสำนึกผิด  


“พี่เต๋อครับ”

”อะไรอีกล่ะไอ้สัดแว่น?!!

“ถ้าพี่เต๋อพูดชัดเจนออกเสียขนาดนี้...น้องสกลก็มี อะไร จะ บอกครับ” ยิ่งได้เห็นว่าคนพูดส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มารอท่า พายุแห่งความโมโหโกรธาของกัปตันทีมสถาปัตย์ก็พัดโหมโถมกระหน่ำโดยพลัน

“ไอ้ห่า!!!! เดี๋ยวมึงได้ลองแดกสตั๊ดกูก่อนเป็นตัวแรกเลยไอ้แว่น!!!”  เต๋อวิ่งไล่กวดรุ่นน้องหน้าแว่นไปทั่วสนาม ฝ่ายคนถูกตามก็โกยอ้าวพลางร้องตะโกนปาวๆเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักผู้มากบารมีโดยไม่ลืมที่จะยั่วเย้ารุ่นพี่ไปพลางๆ

“พี่ ฌาน ครับ...สกล  มี อะไร จะ บอกครับ... พี่ เต๋อ จะ เตะ สกล ครับ   แว๊กกกกกกกก!!


ฝั่งแฝดน้องที่ยืนยิ้มค้างอยู่ชั่วขณะ ก็ผละสายตาจากเจ้าของร่างบางที่เหม่อมองตามอดีตเดือนมหาลัยอย่างไม่เลิกรา...
เพื่อตามเพื่อนๆและพี่ๆไปทำหน้าที่ๆได้รับมอบหมายมาให้ลุล่วงด้วยดวงหน้าไม่ใคร่จะสบอารมณ์นัก


 Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ



  ((...ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนกหวีดบอกช่วงทดเวลาสิ้นสุด
สกอร์ของทั้งสองทีมยังคงแน่นิ่งอยู่ที่ศูนย์ประตูต่อศูนย์
เรียกได้ว่าเกมในวันนี้หักปากกาเซียนหลายๆท่านเสียเรียบวุธเลยนะครับคุณสรย้วย))  


  ((นั่นน่ะสิครับคุณกิตติก...
จะว่าไปผมก็ยังแปลกใจกับลูกเตะมุมของวิศวะเบอร์สิบตอนก่อนหมดเวลาครึ่งแรกลูกนั้นไม่หาย
วิถีของลูกโค้งที่ธันวาบรรจงปั่นไซด์ก้อยจนลูกย้อยลอดคานเข้าด้านในไปนั้นยังติดตาผมอยู่เลยครับ
แต่แทนที่กองเชียร์วิศวะจะได้เฮ  อยู่ๆลูกบอลก็กระแทกโดนเสาแล้วกระดอนออกจากโกลไปได้ยังไงก็ไม่รู้

บอกตรงๆนะครับคุณกิตติก
จังหวะนั้น...ต้องไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแน่ๆที่งงจนพูดอะไรไม่ออก
ขนาดกรรมการ และนักฟุตบอล กับคนดูอีกกว่าครึ่งสนามยังเหวอกันอยู่นานสองนานเลยเชียวครับ))  


  ((แต่คุณสรย้วยครับ ผมว่าลูกที่คุณสรย้วยพูดถึง
ไม่ได้ทำให้กองเชียร์วิศวะเจ็บกระดองใจได้มากเท่ากับ
ลูกโหม่งของศูนย์หน้าผมยาวเจ้าของหมายเลขหกสิบเก้าลูกนั้นหรอกครับคุณสรย้วย

วินาทีที่ลูกบอลกระฉอกออกมาหลังจากฝังเข้ามุมเสาสองไปแล้วครู่หนึ่ง
 ทำผมทึ่งขนาดต้องขยี้ตาซ้ำๆจนเรตินาชำรุดไปหลายรอบเลยครับคุณสรย้วย))  


  ((แต่เราก็ต้องให้เครดิตกับสถาปัตย์เหมือนกันนะครับคุณกิตติก
 วันนี้สถาปัตย์ขยันต่อบอล และคอยหาโอกาสฝ่าวงล้อมกองหลังวิศวะวิ่งเจาะ
เข้าไปในเขตโทษอยู่ตลอดเวลาราวกับสะกดคำว่าเหน็ดเหนื่อยไม่เป็นกันเลยทีเดียว

โดยเฉพาะศูนย์หน้าที่พ่วงตำแหน่งกัปตันทีมอย่างหมายเลขเจ็ดที่ชื่อตริน
ไม่รู้ไปแอบกินดีหมีที่ไหนมาหรือเปล่า... ฝีเท้าไม่ตกตั้งแต่ต้นเกมยันทดเวลาเลยนะครับคุณกิตติก))  


  ((โธ่ คุณสรย้วยครับ...
พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็โดนดักตีหัวลากตัวไปกระทีบกันพอดี

สมัยนี้แล้ว...ไม่มีหรอกครับยาด๊งยาโด๊ปอะไรน่ะ...
ผมว่าเบอร์เจ็ดนี่น่าจะเข้าตำราได้กำลังใจดีเสียมากกว่า))  


  ((ยังไงครับคุณกิตติก?))  


  ((แหม...ผมก็ไม่รู้ว่าจะบอกคุณสรย้วยดีไหม...เข้าใจว่าถ้าบอกคุณสรย้วยไปแล้ว
คนทั้งโลกก็จะต้องรู้ไปด้วย เพราะสรย้วยรู้...โลกรู้ใช่ไหมล่ะครับ?

แต่ก็เอาเถอะครับ...ไหนๆเรื่องชาวบ้านคืองานของเราสองคน
ผมก็ไม่อาจทนเก็บความลับนี้เอาไว้คนเดียวได้อีกต่อไปแล้วล่ะครับคุณสรย้วย...

คืออย่างนี้ครับคุณสรย้วย...
ก่อนที่นักเตะทั้งสองทีมจะลงสนาม น้องๆทีมสถาปัตย์แพล่มให้ฟังว่า
.
.
.
ถ้ากัปตันตีไข่วิศวะแตกได้
แฟนกัปตันจะยอมให้ซัลโวลูกชายตุงตาข่าย
เป็นรางวัลแห่งความพยายามและความสำเร็จน่ะครับคุณสรย้วย))  


  ((โอ้โห! มิน่าล่ะ...
เบอร์เจ็ดถึงได้วิ่งพล่านเหมือนโดนไขลานมาเต็มเหนี่ยวเลยนะครับคุณกิตติก

 แต่พูดก็พูดเถอะครับคุณกิตติก...
ผมว่าต่อให้ยิงประตูได้จริง แต่เบอร์เจ็ดคงไม่ได้ถลุงลูกเข้าประตูแฟนเร็วๆนี้หรอกครับ))  


  ((อ้าว! ทำไมล่ะครับคุณสรย้วย?
คุณสรย้วยคิดว่าสถาปัตย์จะแพ้อย่างนั้นเหรอครับ?))  


  ((เปล่าหรอกครับคุณกิตติก...
 แต่เพราะเบอร์เจ็ดจะหมดแรงไปก่อนน่ะสิ คุณกิตติกคิดอย่างผมไหมล่ะ?))  


  ((ฮ่า ฮ่า ฮ่า...เออ จริง!!))  


  ((คุณกิตติกเองก็เถอะครับ...
ระวังจะโดนกองเชียร์สถาปัตย์ชวนไปนั่งยางเล่นนะครับ...

มีอย่างที่ไหน...ลูกโทษลูกแรกยังไม่ทันเริ่มเตะ แต่คุณกลับกล้าทักว่าสถาปัตย์จะแพ้บอลนัดนี้
ตอนก่อนกลับบ้านก็ระวังหลังให้ดีๆนะคุณครับ...ผมเตือนคุณแล้วนะ หึ หึ หึ))  



“เฮียฟู...นั่นเฮียฟูจะไปไหนครับ?” บ๊วยร้องทักรุ่นพี่ร่างเล็กที่ผุดลุกขึ้นปุบปับพร้อมกับสีหน้าอยากจะเขวี้ยงหมัดใส่หน้าใครสักคนให้หลับกลางอากาศ...

เพราะเสียงตามสายของไอ้โฆษกปากเปราะทั้งสองเมื่อครู่แท้ๆเชียว
กังฟูเลยคันไม้คันมืออยากจะเหนี่ยวกำปั้นลุ่นๆใส่หน้าไอ้ชาติม้าสรย้วย  กับไอ้หัวมวยกิตติกนั่นจนมันพูดภาษาคนไม่ได้อีกต่อไป


“กูจะไปเตะก้านคอไอ้คนพากย์บอลจัญไรแม่งให้สลบคาไมค์เสียหน่อย ปากมากฉิบหาย” กังฟูสบถพลางถกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น ฝ่ายชายกลางว่าที่สะใภ้แห่งสกุลอริยะตรัยกลับรั้งแขนพี่ชายแฟนปลอมๆเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง

“เฮียอย่าเพิ่งไปเลยครับ ใกล้จะเตะลูกโทษแล้ว” บ๊วยยกเอาโค้งสุดท้ายของการแข่งขันขึ้นมาเกลี้ยกล่อม แต่ยิ่งตะล่อมก็ยิ่งทำให้กังฟูเปรี้ยวไม่อ้อมค้อมไปกันใหญ่

“ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหมไอ้บูบู้?!!” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยหันไปเหวี่ยงใส่บ๊วยด้วยสีหน้าโหดสัด  ทว่าแทนที่จะพุ่งตัววิ่งออกไปทำตามปณิธารชั่ววูบเมื่อครู่ ร่างเล็กกลับหย่อนก้นลงนั่งดูบอลอย่างสงบเสงี่ยมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ซึ่งท่าทีสะกดกลั้นความพลุ่งพล่าน กับงานโล้งเล้งเมื่อครู่ช่างขัดหูขัดตาพันธมิตรงูเห่าอย่างอิ๊กเสียเหลือเกิน
ในเมื่ออีกฝ่ายเพลิดเพลินกับการจิกหัวใช้คนอื่นอย่างสิ้นเปลืองราวกระดาษทิชชู  เขาก็อยากจะสั่งสอนให้กังฟูรู้สึกตัวว่า...
ตัวเขาไม่ใช่ขี้ข้า เพราะฉะนั้นก็อย่าหวังว่าตัวเขายามมีสติครบถ้วนจะยอมหยวนร่วมมือง่ายๆ


“เฮียฟูดูร้อนตัวแปลกๆนะครับ” อิ๊กพูดเนิบๆพลางส่งยิ้มเชือดเฉือนไปให้รุ่นพี่

“หรือว่า คนที่โฆษกบอกว่าจะโดนซัลโวประตูเมื่อตะกี๊ ที่แท้คือเฮียฟูหรอกเหรอครับ?” ...ชั่วพริบตานั้นเอง สายตาฟาดฟันหมายบั่นคออีกฝ่ายให้ถึงที่ตายของพี่ชายอดีตแฟน ก็แล่นปราดเข้ามาสบกับสายตาท้าทายไม่มีหลบของชายหนุ่มหน้าหวานเข้าจนได้

“หึ! เปล่าหรอกครับน้องอิ๊ก...
.
...แค่พวกมันบอกว่าสถาปัตย์จะแพ้เท่านั้นแหละครับ เฮียเลยอยากจะไปเอาเรื่องพวกมันเสียหน่อย” กังฟูแก้ตัวน้ำขุ่นๆพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นน่าประทับใจ แต่รังสีแห่งความตายกลับแผ่ซ่านพาลให้ขนอ่อนลุกเกรียว  

ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าเป็นคนอื่นคนย่อมจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบ...
แต่อิ๊กกลับไม่ใช่


“เฮียฟูเชียร์สถาปัตย์เหรอครับ? อิ๊กนึกว่าเฮียเชียร์คณะตัวเองเสียอีก” อดีตเดือนบริหารเอ่ยวาจาแทงใจดำพลางสำแดงอาการไม่ยี่หระผ่านการยักคิ้วหลิ่วตาให้กับกังฟูเป็นภาพประกอบ  ฝ่ายคนตอบถึงกับสะอึกเพราะนึกไม่ถึงว่าอิ๊กจะชกใต้เข็มขัด

“นั่นก็เปล่าอีกเหมือนกันครับน้องอิ๊ก แต่เฮียไม่อยากให้คณะเฮียได้ชัยชนะแบบไม่ใสสะอาดน่ะครับ...
.
...ถ้าคนพากย์บอลเข้าข้างทีมเฮียมากๆ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดได้ว่าคณะเฮียเล่นพวกพ้อง” กระทั่งกังฟูยังรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของรอยยิ้มกว้างที่เพิ่งบังคับกล้ามเนื้อหน้าให้คลี่ออกไป เพื่อช่วยกลบไม่ให้แววตาเพชรฆาตโดดเด่นจนเกินไปนัก

“เนื้อแท้ของเฮียนี่ดูเหมือนจะเป็นคนดีเลยนะครับ”

ประโยคนุ่มนวลทว่ากวนประสาทไม่มีใครเกินทำให้หน้ากากผู้มีอารยะของกังฟูแทบร้าวแหลก
ลำพังแค่ประคองภาพพจน์ผิดแปลกไปจากความต้องการที่แท้จริงให้ตลอดรอดฝั่ง เขายังจะบ้า...
ทำไปทำมา...ความคิดที่ว่าจะอาศัยไอ้เด็กวิปริตจิตสังหารมาระรานความรักของน้องชายกับไอ้เด็กบูบู้ให้แหลกสลายไป
มันใช่ไอเดียที่ถูกต้องจริงๆหรือ?!


“น้องอิ๊กเองก็ก็อปนิสัยคนสมประกอบมาได้ใกล้เคียงอยู่นะเนี่ย จะมาเสียก็อีตอนเปิดปากพูดนี่แหละครับ”

ถ้อยคำกระทบกระแทกแดกดันของกังฟูดูจะไม่ระคายหูของอิ๊กแต่อย่างใด
เพราะก่อนการโต้คารมยกนี้จะยุติ อดีตเดือนบริหารก็แค่ปรายหางตาแห่งที่เหนือกว่าใส่กังฟูครู่หนึ่ง
ก่อนที่ภาพเคลื่อนไหวในสนามจะตรึงสายตาหวานฉ่ำอันงามล้ำของเขาเอาไว้ได้อีกครั้ง
กังฟูจึงได้แต่นั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโหอยู่เพียงลำพังเท่านั้น


  ((  เอาล่ะครับ...นักเตะคนแรกที่วิศวะส่งมาเพื่อตัดสินชะตาของการแข่งขันฟุตบอลประเพณีในครั้งนี้ได้แก่ ธันวา หมายเลขสิบครับ  ))  


  (กรี๊ดดดดดดดดด!!! / เก๊กกกกกก! )  



  ((โอ้โหคุณสรย้วย...
อดีตเดือนมหาลัยคนนี้ยังคงเป็นที่กล่าวขานของใครๆไม่ผิดไปจากปีที่แล้วเลยนะครับ))  


  ((เปล่าหรอกครับคุณกิตติก...
ผมว่าที่คนกรี๊ดกันหูดับน่าจะเป็นเพราะวีรกรรมงามหน้าที่ธันวาทำไว้เมื่อวานเสียมากกว่าครับ))  


  ((วีรกรรมอะไรเหรอครับคุณสรย้วย?
คุณนี่รู้ลึกรู้ดีทีวีสามร้อยหกสิบเอ็ดองศามากๆเลยนะครับ!!))  


  ((หน่วยข่าวกรองของเราแจ้งมาอย่างนี้ครับคุณกิตติก...
หลักใหญ่ใจความแล้วสรุปง่ายๆก็คือ

เมื่อวานหลังจากศูนย์หน้ารูปหล่อเบอร์สิบพ่นกระแสน้ำอุ่นพร้อมสารอาหารห้าหมู่
ใส่หน้าพ่อแม่พี่น้องที่มาต่อแถวซื้อจูบซุ้มวิศวะ  ก็ทำให้ยอดขายของงานออกร้านวันลอยกระทง
ลดฮวบยวบยาบจนวิศวะต้องยกธงขาวยอมรับความพ่ายแพ้ให้แก่ซุ้มรวมของแปลกของสถาปัตย์ไปในที่สุด

กระทั่งตอนนี้...ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่า
สาเหตุที่คนหล่อพ่นพิษนั้นเป็นเพราะเหตุผลกลใด
เนื่องจากเจ้าตัวยังคงกบดานไม่ให้ข่าวแก่สื่อสำนักไหนๆทั้งสิ้น

ไว้รอให้ธันวาเปิดแถลงข่าวอธิบายความเป็นมาของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้เมื่อไร
ผมจะเอามาขยายให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งนะครับ))  


  ((เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะครับคุณสรย้วย
ตอนนี้เรามาลุ้นกันดีกว่าศูนย์หน้ารูปหล่อผู้นี้
จะตีไข่แตกให้ทีมวิศวะได้เฮกันสำเร็จหรือไม?!!))  


  ((ท่าจะยากนะครับคุณกิตติก...
เพราะผู้รักษาประตูสำรองหน้าแว่นที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงเล่น
ทำท่าราวกับกำลังลงอาคมใส่เสาโกลทั้งสองอยู่อย่างนั้นแหละ...
สงสัยสถาปัตย์จะอาศัยโชครางเข้าช่วยเสียแล้วล่ะมั้งครับเนี่ยะ))  


  ((กรรมการเป่าให้สัญญาณยิงลูกโทษแล้วครับ....
แล้วก็....แล้วก็...ธันวาปั่นลูกออกไปแล้วครับ!!!))  


   (โฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!/ฮุ่ย ฮุ่ย ฮุ่ย ฮุ่ย!)  


  (( โอ้ววววว! ไม่เข้าครับท่านผู้ชม!
ไม่น่าเชื่อครับว่าศูนย์หน้าตัวมหาลัยอย่างธันวาจะยิงลูกโทษไม่เข้า!!!
.
.
แล้วผู้รักษาประตูสถาปัตย์จะเซิ้งทำไมล่ะครับนั่น?))  


  ((อาจจะเป็นการเซิ้งเพื่อขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางก็ได้นะครับคุณสรย้วย))  


  ((หึ! เข้าใจคิดนะครับคุณกิตติก แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับ
ความกดดันได้ย้ายมาตกที่ผู้สังหารจุดโทษคนแรกของทีมสถาปัตย์แทนแล้วล่ะครับ
และนักเตะที่สถาปัตย์คัดเลือกมาเป็นคนแรก คือ นักเตะหมายเลขห้าห้าสาม...

เดี๋ยวนะครับ...
หมายเลขยาวเหยียดแบบนี้ ก็แสดงว่า...
พ่อหัวจุกที่เพิ่งเดินลงสนามมา มีดีกรีเป็นนักกีฬาสำรองครับ!!!...

คุณกิตติกครับ...ผมไม่รู้ว่าสถาปัตย์กำลังวางแผนอะไรอยู่
ไม่แน่ว่า...นักเตะสำรองเหล่านี้ คือนักเตะที่ถูกฝึกมาเพื่อพิฆาตจุดโทษโดยเฉพาะก็เป็นได้ครับคุณกิตติก))  



“โธ่พี่หมี...ไม่น่าเลย!!” ลูกเตะที่ผิดฟอร์มของเก็กทำให้บ๊วยอดตีโพยตีพายด้วยความเสียดายออกมาดังๆไม่ได้

แต่ทันทีที่หนุ่มสถาปัตย์รู้ตัว ร่างหย็องกรอดก็หันมาขอโทษขอโพยเพื่อนร่วมเชียร์รอบข้างเสียยกใหญ่ เพราะไม่ต้องการรบกวนสมาธิของใครๆที่กำลังสนใจเกมในสนามอยู่

อิ๊กที่เพิ่งผงกหัวบอกปัดคำขอโทษของอีกฝ่ายไปหมาดๆกลับรู้สึกชื่นชมบ๊วยอยู่ในใจ...
แฟนใหม่เก็กเอาใจใส่ความรู้สึกของคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา และท่าทางเอาใจช่วยและผิดหวังยิ่งกว่าธันวาที่บ๊วยแสดงออกก็ทำให้หนุ่มสถาปัตย์ยิ่งน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่

แต่ไอ้ตั่วเฮียที่นั่งนิ่งเหมือนกำลังจะลงไปยิงลูกโทษเสียเองนี่คืออะไร?!
ทำไมไม่ออกอาการเป็นเดือดเป็นร้อนแทนน้องที่เพิ่งยิงลูกไม่ชนตาข่ายอย่างที่พี่ชายทั่วๆไปควรทำล่ะ?


“เฮียฟูดูจะไม่เสียใจเลยนะครับที่เก็กยิงลูกโทษไม่เข้า” อิ๊กก็แกว่งเท้าหาเสี้ยนในประเด็นที่ตนสนใจขึ้นทันที  

“โอ๊ะ!... ไอ้คนเมื่อกี๊ที่ยิงกากๆนั่นไอ้เก็กเองหรอกเหรอ? เอ่อ...กู เอ๊ย! เฮียสายตาไม่ค่อยดีน่ะ เลยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร” กังฟูที่ถูกกระทุ้งจึงรีบป้องปากโหวกเหวกแบบส่งเดช “โธ่! ไอ้เก็กแม่ง!!! ใช้ไม่ได้เลยจริงๆว่ะ ดูดิ๊...ทีมเราจะแพ้อยู่แล้วเนี่ยะ”

“ยังครับเฮียฟู... ยังไม่แพ้ สถาปัตย์ยังไม่ได้ยิงเลย” อิกท้วงพลางจับสังเกตอาการของพี่ชายอดีตคนรักอย่างถี่ถ้วนหลังจากอีกฝ่ายทำท่าเครียดแปลกๆ คล้ายกับคนกำลังแบกโลกเอาไว้ทั้งใบอย่างไรอย่างนั้น

“อ้อ! อย่างนั้นเองเหรอ... เฮียไม่ค่อยรู้กติกาหรอกน้องอิ๊ก เฮียไม่ชอบฟุตบอลน่ะ” ...ยิ่งกังฟูไม่ต่อปากต่อคำ ยิ่งทำให้อิ๊กต้อนไม่หยุด

“แปลกนะครับ...อิ๊กนึกว่าเฮียน่าจะชอบฟุตบอลมากเสียอีก...
.
...วันหลังเฮียคงต้องให้กัปตันทีมฟุตบอลแฟนเฮียช่วยสอนให้ จะได้ดูรู้เรื่องกว่านี้แล้วล่ะครับ”

ดูเหมือนว่าความพยายามของอิ๊กจะสำเร็จ เพราะหลังจากพาดพิงถึงกัปตันทีมสถาปัตย์
กังฟูถึงกับต้องกัดฟันอธิบายพลางกลั้นใจไม่ถวายหมัดใส่หน้าอดีตเดือนบริหารอยู่นานสองนานทีเดียว


“กู....เอ๊ย! เฮียยังไม่มีแฟนหรอกครับน้องอิ๊ก...
.
...อยากให้เฮียช่วยจิกหนังหัวให้เลือดไปหล่อเลี้ยงเพื่อฟื้นฟูความจำสักหน่อยดีไหมเอ่ย?”  คำถามแดกดันของรุ่นพี่ร่างเล็กลอยหายไปกับสายลมหลังจากน้ำเสียงตื่นเต้นของบ๊วยเรียกความสนใจอิ๊กไปจากกังฟูเสียก่อน

“อ๊ะ! นั่นฌอนนี่นา... ฌอนกำลังจะเตะลูกโทษแล้วครับ!!


  (เฮ!!!!!!!!/ กรี๊ดดดดดดด!!!)  


  ((แม่เจ้า!! 
ลูกโทษลูกแรกของสถาปัตย์พุ่งเข้าตุงตาข่ายอย่างสวยงามเลยครับคุณสรย้วย...

ในที่สุดสถาปัตย์ก็ตีไข่แตกไปเป็นที่เรียบร้อย...
เอาล่ะสิครับคุณสรย้วย  วิศวะจะส่งใครมายิงลูกโทษเป็นรายถัดไปกันหนอ
ผมนี่ลุ้นจนปัสสาวะเหนียวไปหมดแล้วครับเนี่ย))  


  ((แหมคุณกิตติกครับ...จะไม่ให้ลูกเมื่อกี๊ตุงตาข่ายได้ยังไงกันล่ะครับ
ก็ผู้รักษาประตูวิศวะเล่นโผตัวไปป้องกันลูกผิดทางตั้งแต่เบอร์ห้าห้าสามยังไม่ทันได้สับขาหลอก
ต่อให้เป็นผมหลับหูหลับตายิงมั่วๆ ก็เข้าชัวร์ๆหรือเปล่าครับ?!))  


  ((นั่นสินะครับคุณสรย้วย  
ผมว่าสถาปัตย์ต้องเสกคาถาอะไรสักอย่างใส่ผู้รักษาประตูวิศวะก่อนจะยิ่งลูกเมื่อครู่แน่ๆครับ
ไม่อย่างนั้นจะแตะแล้วล้ม ก้มแล้วไม่ลุกอยู่กับพื้นสนามอยู่จนถึงตอนนี้อย่างนั้นเหรอครับ))  


  ((ว่าไม่ได้หรอครับคุณกิตติก
เรื่องแบบนี้เขาไม่ให้ทัก ไม่อย่างนั้นของอาจจะเข้าตัว...

ผมว่าเราพักเรื่องไสยศาสตร์ไปก่อนจะดีกว่าครับ
เพราะศูนย์หน้าผมยาวเบอร์หกสิบเก้าของวิศวะเดินลงสนามมาโน่นแล้วครับ))  


  ((แต่คุณสรย้วยครับ...
เราจะประมาทผู้รักษาประตูหน้าแว่นของสถาปัตย์ไปไม่ได้นะครับ
เห็นหงิมๆแบบนี้ อาจจะมีทีเด็ดอะไรซ่อนอยู่อีกก็เป็นได้

อย่างเช่น...
.
.
.
กระโดดโลดเต้นพลางโห่ร้องไม่เป็นภาษาไปรอบๆโกลอย่างที่กำลังทำอยู่นี่))  


  ((คุณกิตติกคิดเหมือนผมไหมครับว่า
จริงๆแล้วผู้รักษาประตูทีมสถาปัตย์อาจจะแค่ต้องการหลอกล่อนักเตะวิศวะ
ไปพร้อมๆกับข่มขวัญกำลังใจด้วยท่าทางบ้าๆบอๆเท่านั้น
ไม่ใช่การร่ายมนตร์ดำหรือทำคุณไสยอย่างที่เราสองคนคาดคิด))  


  ((จะไปยากอะไรล่ะครับคุณสรย้วย...
เราก็แค่อดใจรอดูว่า ลูกโทษลูกนี้ของวิศวะจะตุงตาข่ายหรือไม่

ถ้าไม่...เราค่อยฟันธงว่าสถาปัตย์ใช้คุณไสยเอาตอนนั้นก็ยังไม่สายไม่ใช่เหรอครับคุณสรย้วย))  


  ((ครับ ครับ...
เอาเป็นว่าเรากลับมาให้ความสนใจกับการยิงลูกโทษกันต่อดีกว่านะครั้บคุณกิตติก

กรรมการส่งสัญญาณให้หมายเลขหกสิบเก้าเตรียมพร้อมแล้วครับ!!
เอาล่ะครับ วิญญูเตะลูกโทษจากจุดโทษเต็มๆข้อเลยครับ
ลูกแรงขนาดนี้...ผมว่าคาถาดีๆของผู้รักษาประตูคงขวางเอาไว้ไม่อยู่แน่ๆ))  


  (เฮ!!!!!!!!!!!!!!!!)  


  ((เข้าไปแล้วครับพี่น้อง!! 
ในที่สุดวิศวะก็ตีเสมอได้อย่างสูสีแม้สถาปัตย์จะเป็นต่ออยู่ก็ตาม...

สรุปว่า...สถาปัตย์ไม่ได้เล่นคุณไสยนะครับคุณสรย้วย
ไม่อย่างนั้นลูกโทษลูกนี้ต้องมีอันเป็นไปแน่ๆครับ))  


  ((ถ้าอย่างนั้น... คุณกิตติกช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหมครับว่า
ผู้รักษาประตูหน้าแว่นของสถาปัตย์จะฟ้อนสาวไหมให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะครั้บนั่น?!!))  


  ((ช่างพี่แว่นเขาเถอะครับ เพราะชวงที่กำลังจะถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
นับเป็นช่วงชี้เป็นชี้ตายของการแข่งขันฟุตบอลในวันนี้

หากสถาปัตย์ยิงเข้า...นั่นจะหมายความว่า สถาปัตย์มีสิทธิจะชนะสูงมาก...
คุณสรย้วยครับ ไม่ทราบว่าสถาปัตย์จะส่งใครลงมาเป็นผู้เตะลูกโทษเป็นคนถัดไปกันครับ?))  


  ((จะเป็นใครไปได้อีกล่ะครับคุณกิตติกถ้าไม่ใช่ศูนย์หน้าเบอร์เจ็ดยับของเรา
สำหรับลูกโทษลูกนี้ผมจำเป็นต้องออกตัวเลยว่า ผมเอาใจช่วยสถาปัตย์เป็นพิเศษ...
.
.
.
.
อยากให้กัปตันทีมเบอร์เจ็ดได้เผด็จศึกแฟนเสียทีน่ะครับ...
 เห็นว่าทั้งทีมก็ตั้งความหวังเอาไว้กับลูกนี้เยอะเหมือนกัน))  


  ((แหม คุณสรย้วยครับ...
ลองว่าคุณกับคนดูเกือบทั้งสนามเอาใจช่วยกัปตันทีมสถาปัตย์เสียขนาดนี้
ผมว่าเขาน่าจะกดดันไม่น้อยนะครับ))  



“หน้าเฮียฟูซีดจัง...เฮียฟูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ดื่มน้ำ หรือเอายาดมหน่อยไหมครับ?”

ด้วยความเป็นห่วง บ๊วยจึงหันไปถามกังฟูที่นั่งหน้าถอดสีมาตั้งแต่ลูกโทษของด้วงพุ่งเข้าตุงตาข่าย
ชายกลางเข้าใจว่าพี่ชายของอดีตเดือนมหาลัยอาจจะไม่ค่อยสบายใจที่วิศวะเพิ่งได้ประตูแรก ซึ่งนั่นอาจเป็นตัวแปรทำให้คณะของเขากลายเป็นแชมป์บอลนัดนี้ได้...

แต่สิ่งที่บ๊วยคิดและเข้าใจ กลับไม่ใกล้เคียงต้นเหตุของความหวั่นไหวที่ทำให้กังฟูอยู่ไม่สุขแบบนี้สักนิด
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านไปทุกๆขณะจิต ร่างจ้อยเอาแต่คิดทบทวนถึงสิ่งที่กัปตันเบอร์เจ็ดบอกกับเขาตอนหัวค่ำเมื่อวานอยู่ไม่มีหยุดหย่อนต่างหาก...

 ‘แข่งบอลวันพรุ่งนี้ กูต้องเตะบอลให้เข้าโกลอย่างน้อยหนึ่งลูก ไม่อย่างนั้นกูจะไม่ได้เจอหน้ามึงอีกต่อไป
ถ้ากูแพ้เดิมพันหนนี้...กูกับมึงจะไม่ได้เจอกันเชียวนะเว่ยฟู


“ไม่ต้อง!!! กูแค่ร้อนเฉยๆ” กังฟูแสร้งกระพือคอเสื้อพั่บๆให้รับกับคำพูด “เมื่อไรจะแข่งเสร็จเสียทีก็ไม่รู้ ร้อนฉิบหาย”

ทว่าความคิดว้าวุ่นทั้งหลายภายใน
จะสู้อะไรกับการท้าทายจากผู้ประสงค์ร้ายในคราบหนุ่มหน้าหวานที่นั่งจับผิดกังฟูเป็นงานอดิเรกได้กัน?!


“เฮียฟูยังจะกล้าร้อนอยู่อีกเหรอครับ?...
.
...โดนพัดลมไอน้ำพัดจนหัวลู่ทรงผมดูไม่ได้ไปทั้งแถบ หัวแหมบออกเสียขนาดนี้ยังเรียกว่าเย็นไม่ถึงใจเฮียอีกหรือเนี่ย?...
...ไม่เสียทีที่เฮียเป็นคนอุปนิสัยใจคอร้อนแรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเลยจริงๆนะครับ”

“ร้อนสิครับน้องอิ๊ก... อากาศร้อนจนเฮียอยากจะแหกอกน้องอิ๊กเพื่อดื่มเลือดดับกระหายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยน่ะครับ”

ร่างเล็กต่อปากต่อคำแบบขอไปที เนื่องจากไม่มีกะใจละสายตาจากสนามมาป้อมปรามกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายได้อีกต่อไป  ขณะที่ภายในใจก็เอาแต่ภาวนาให้ร่างหนาเจ้าของเสื้อบอลหมายเลขเจ็ดชนะเดิมพันให้สำเร็จ...

...ไม่ว่าอย่างไร ไอ้หมีบ้าก็ต้องห้ามแพ้เป็นอันขาด!
...ห้ามหายหน้าแก่ๆไปที่ไหน ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนสั่ง!!


“กายร้อนก็อย่าเพิ่งใจร้อนตามไปเลยครับเฮียฟู...
.
...พวกเรามาเชียร์แฟนเฮียให้เตะลูกโทษเข้าให้ได้ก่อนดีกว่าเนอะ...
...แฟนเฮียฟูจะได้ยิงเป้าเฮียสักทียังไงล่ะครับ” อิ๊กบดขยี้ใจดำของกังฟูอย่างเลือดเย็น

และก็เป็นอย่างทุกที...ที่กังฟูมักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างเต็มที่เมื่ออดีตเดือนบริหารพาลพาโลใส่อีกฝ่ายด้วยการอ้างถึงชายผู้กำลังตั้งท่าจะเตะลูกโทษอยู่ในสนาม


“ขอบคุณนะครับน้องอิ๊กที่เป็นห่วงเฮีย... 
...แต่...สนใจเรื่องของตัวเองดีกว่าไหมครับ? เดี๋ยวจะโดนคนอื่นด่าลับหลังว่า เสือก เอาได้นะ...
.
...ที่เฮียพูดน่ะไม่ได้จะอะไรนะ เป็นห่วงชื่อเสียงของน้องอิ๊กล้วนๆเลยครับ” เสียงนกหวีดในสนามไม่ได้ทำให้เต๋อเตรียมตัวเตะลูกโทษเท่านั้น ทว่ามันกลับกลายเป็นสัญญาณห้ามมวยระหว่างรุ่นน้องหน้าสวยแห่งบริหารกับรุ่นพี่หน้าหวานแห่งวิศวะไปโดยปริยาย

  ((เอาล่ะครับ เสียงนกหวีดให้สัญญาณนักเตะสิ้นสุดลงแล้ว
ตรินซอยเท้าถี่ๆก่อนจะแปเท้าขวางัดลูกให้ลอยตัดอากาศเป็นเส้นตรงไปยังประตูด้วยความมั่นใจ...

ที่เหลือก็ต้องลุ้นกันว่า จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับผู้รักษาประตูของวิศวะอีกหรือเปล่า))  


   เฮ!!!!!  คนทั้งสนามรวมทั้งสามหนุ่มร่างเล็กต่างร้องลั่นด้วยความยินดี ก่อนที่ทั้งหมดจะกระโดดโผเข้ากอดกันกลมดิกด้วยความดีใจอย่างลืมตัว


  ((คุณกิตติกเห็นเหมือนที่ผมเห็นใช่ไหมครับ?
กัปตันทีมเบอร์เจ็ดทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมตั้งแต่นาทีแรกจนวินาทีสุดท้าย...
สุดยอดไปเลยครับ!!))  


  ((น่ายินดีกับสถาปั้ตย์จริงๆนะครับคุณสรย้วย
ที่สามารถทำคะแนนนำแชมป์เก่าสี่สิบสมัยอย่างวิศวะได้

คุณสรย้วยครับ....ลูกโทษเมื่อตะกี๊ทำคุณดีใจจนต้องร้องไห้ออกมาเลยเหรอครับเนี่ย?))  


  ((เปล่าหรอกครับคุณกิตติก...
น้ำตาที่ไหลมาจากความรู้สึกดีใจแทนเบอร์เจ็ดที่จะได้ร่วมหอลงโลง
เตะลูกฟรีคิกเข้าประตูแฟนในที่สุดต่างหากล่ะครับ!!))  





 Ħ------------------------------------  TBC  ------------------------------------Ħ

No comments:

Post a Comment