Saturday, August 1, 2015

Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ The 18th Blessing|| 01.08.2015



กลับมาแล้วค่าพ่อแม่พี่น้อง...กลับมาพร้อมกับตอนใหม่ที่ว่าด้วยงานบลอยกระทง
แต่ก่อนอื่นเลย เราอยากจะบอกทุกคนเหลือเกินว่า เราคิดถึงทุกคนมากกกกก
แล้วจะรอช้าอยู่ใย...พวกเราไปอ่านเนื้อหาของตอนนี้ให้ไวกันเลยดีกว่าค่ะ!!!

หากรักชอบประการใด ฝากความเห็นเอาไว้ให้เราได้อ่านจนชื่นใจได้เลยนะคะ
รักคนอ่านทุกๆท่านยิ่งชีพเลยค่ะ เจอกันวันอังคารค่า ^^ จุ๊บๆๆ



Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ



The 18th Blessing
วันลอยกระทง คือ วันเสียจูบแห่งชาติ
:: ปฐมบท :: จูบ...ของหมีหวานน้อยไปหน่อยยยยยย♫♪







“ไอ้เก็ก!!...นั่นมึงจะไปไหน?”

กังฟูกระชากเสียงตวาดน้องชายเพียงคนเดียวพร้อมส่งสายตาอาฆาตมาดร้ายตามไปติดๆ...
เข้าใจว่า ด้วยระดับความโกรธเกรี้ยวเปรี้ยวจิตประหนึ่งหมาบ้าหงุดหงิดของร่างเล็กในจังหวะนี้  
ต่อให้คนตรงหน้ามีดีกรีเป็นถึงบุคคลสำคัญของโลก กังฟูก็สามารถกรรโชกให้หวาดกลัวได้อย่างมืออาชีพ
ทว่าคนที่คุ้นเคยกับการวางอำนาจบาทใหญ่ของอีกฝ่ายมาตลอดหลายปีดีดักอย่างธันวา กลับหาได้อนาทรร้อนใจสักกระผีกไม่


“แป๊บเดียวเฮีย เดี๋ยวเก็กมา” ธันวาตอบแกนๆ พลางสืบเท้าเดินไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งของซุ้มขายเครื่องดื่มแห่งเดียวประจำพื้นที่โดยไม่สนใจอาการผีเข้าไม่ยอมออกตั้งแต่เช้าของพี่ชายสักเท่าใดนัก

“ไม่ได้! มึงต้องมาเดินกับกูเดี๋ยวนี้!!” ผีอีเม้ยที่สิงกังฟูอยู่ประกาศกร้าวด้วยความเอาแต่ใจ... หากค่ำคืนอันสนุกสนานเช่นนี้ คือช่วงเวลาที่คนอย่างเขาจะไม่มีความสุข คนทั้งโลกก็ต้องชดใช้ด้วยหยาดน้ำตาแห่งความทุกข์โศกอย่างไม่มีทางเลือก!!


สายตาคมติดจะเฉยชาของอดีตเดือนมหาลัยปรายสบสีหน้าเบ้บึ้งปึ่งปั้นเหมือนลูกหมาคันเหงือกของพี่ชาย
สลับกับใบหน้าตื่นตาตื่นใจยามได้เห็นความตระการตาของซุ้มออกร้านคณะสถาปัตย์ของอิ๊ก...
เหยื่อเบอร์ล่าสุดที่ถูกกังฟูจิกติดกรงเล็บ เหน็บติดซอกฟันมาตั้งแต่ช่วงสายของวัน  
แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจในการห้ำหั่นกันของกระแสอารมณ์ที่หลั่งไหลมาจากชายสองคนผู้ไม่สนโลกหล้า  

เมื่อประเมินสถานการณ์ไม่สบอารมณ์ตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง
อดีตเดือนมหาลัยจึงรู้ซึ้งว่า พี่ชายตัวดีคงไม่ยอมปล่อยให้เขาปลีกตัวเดินไปไหนต่อไหนดั่งใจนึกแน่ๆ  

เฮียแม่ง!” ชายหนุ่มรูปงามจำใจทำตามคำสั่งแต่ไม่วายแอบบ่นระบายกับตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวแมวตด กระนั้นพี่ชายผู้พร้อมกระโดดเข้าขย้ำสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในรัศมีสายตาก็สามารถเก็บเสียงบ่นของเขาได้ทุกเม็ด

“หนอย! เดี๋ยวนี้มึงกล้าบ่นกูเหรอไอ้สัดเก็ก?!” กังฟูเบะปากแนบสายตาจิกส่งให้น้องชายตัวเองอย่างเลือดเย็นไม่เห็นแก่สายเลือด “ทำไม? เดินเที่ยวกับกูแค่นี้จะตายห่าเสียให้ได้หรือยังไง?”

คำพูดเหน็บแนมแถมแอ็คติ้งโหดเหี้ยมของพี่ชายทำให้เก็กเบือนหน้าไปลอบจ้องพวงข้าวเกรียบกับแผงมะม่วงดองของซุ้มโชห่วยข้างๆเพื่อซ่อนอาการเบื่อโลกกะทันหันเข้าขั้นรุนแรงให้พ้นจากตาขวางๆของกังฟูแทบไม่ทัน...

การร่วมเดินขบวนเที่ยวชมงานลอยกระทงที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ของสถาปัตย์พกับพี่ชายและแฟนเก่า
ไม่ได้ทำให้เก็กซึมเศร้าจนอยากกัดลิ้นปี่ตายอย่างที่กังฟูกล่าวหา หากแต่มัน ไม่สุขเท่ากับตอนได้เห็นหน้าบ๊วย...ก็แค่นั้น


“แล้วนี่มึงพากูมาซุ้มถาปัตย์ทำซากอะไร?” ทันทีที่ทั้งสามย่างกรายเข้าสู่ด้านในซุ้มขนาดใหญ่ของคณะอริ  เจ้าของใบเห็นหน้าหงิกง้ำมาตั้งแต่ย่ำรุ่งตะเบ็งเสียงเห่าใส่น้องชาย กังฟูเล่นดุแบบไม่จำเป็นอย่างนี้...มีหรือที่อดีตเดือนมหาลัยจะทนได้

“เก็กตามใจเฮียมาตั้งแต่เช้า ถึงคราวเฮียตามใจเก็กเรื่องที่ๆเก็กอยากไปมั่งดิ” ธันวาตอบตามตรง...เรื่องอะไรจะต้องยอมลงให้พี่ชายตลอดๆ สู้จิ้มตาเขาให้บอดแล้วเอาเชือกมาสนตะพายให้รู้แล้วรู้รอดไปจะดีกว่า

“หึ! อยากไปที่ชอบที่ชอบก็ไม่บอก กูจะได้จัดให้แบบไม่ต้องออกแรงเดินให้เหนื่อย” กังฟูแดกน้องชายกลับไปด้วยความไวเหนือแสง ชะรอยน่าจะเป็นเพราะความหมั่นไส้ในเจตนาแอบแฝงของอดีตเดือนมหาลัยนั่นเอง

อนิจจา...
กังฟูคงลืมนึกไปว่า ทรราชที่รอจังหวะลี้ภัยไปจากการปกครองระบอบฟูมิวนิสต์ กลับไม่ได้มีแค่เก็กเท่านั้น


“เอ่อ...ถ้าเฮียฟูเหนื่อย ขออิ๊กไปเดินดูรอบๆซุ้มก่อนได้ไหมครับ?” อิ๊กถามเบาๆ...

ว่ากันตามจริง...
อดีตเดือนบริหารผู้อยู่ในสภาวะเป็นตัวของตัวเองเต็มร้อยในยามนี้ ไม่แม้แต่จะคิดขออนุญาตจากพี่ชายแฟนเก่า
แต่เมื่อเห็นว่ากับตาว่าเงาหัวของธันวาผู้เป็นน้องชายแท้ๆของกังฟูใกล้จะขาดอยู่รอมร่อ
จากแค่จะเอ่ยประโยคบอกเล่าให้คนฟังพอเข้าใจ  จึงกลายมาเป็นการกล่าวคำขออนุญาตอย่างสุภาพไปในพริบตา


“มึงก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นเหมือนกันไอ้อิ๊ก!” กังฟูเผื่อแผ่สายตาอำมหิตที่ใช้กระซวกไส้น้องชายมาให้อิ๊กโดยไม่คิดหวง


ไม่แปลกหากอดีตคู่ควงของธันวาจะเผลอเหยียดปากคว่ำให้การกระทำอันเสแสร้งของชายหนุ่มรุ่นพี่
ไอ้ที่ส่งภาษาดอกไม้ให้กันเสียดิบดี กับท่าทีเป็นมิตรผิดคาดตั้งแต่เมื่อวานนั่น คงเป็นเพราะอีกฝ่ายกำลังหมายมั่นฝันใฝ่อะรไรบางอย่างจากตัวเขาเป็นการตอบแทนแน่ๆ

ถึงอย่างนั้น การแสดงธาตุแท้ของกังฟูไม่อาจกลบความรู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศรื่นเริงรอบกายไปได้
ด้วยเมื่อปีกลาย อิ๊กไม่มีโอกาสได้ออกมาเดินเที่ยวงานนี้แต่อย่างใด เพราะเขาดันติดไข้จากไอ้แฟนเก่าเฮงซวย
สุดท้ายก็ต้องนอนซมจมความเจ็บป่วยอยู่คนเดียวในห้อง เฝ้ามองแฟนอกตัญญูดอดออกไปซิ่งฉลองคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองกับผองเพื่อนด้วยความอาฆาตรุนแรง... คิดแล้วก็อยากจะเอาแผงฟันแทะหน้าแม่งทั้งพี่ทั้งน้อง

ฝ่ายอดีตเดือนมหาลัยที่ตกอยู่ในสถานะคนกลางอย่างไม่ทันตั้งตัว เหลือบจ้องสีหน้าชั่วร้ายของพี่ชายที่มอบให้กับอิ๊กอย่างจะแจ้ง เทียบกับใบหน้าสว่างไสวเปล่งแสงออร่าของอดีตคนรักที่กำลังเฝ้ามองการตกแต่งสุดอลังการของซุ้มของสถาปัตย์ด้วยสายตาชื่นชมแล้วก็อดกลุ้มไม่ได้  

ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าซุ้มธีมเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก(ที่สาม)ที่พวกเต็กเลือกมาเรียกแขกมันเข้าท่าน่าดู...
แต่ช่วยยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจของเฮียฟูเป็นเพื่อนกันหน่อยได้ไหม?!  


“เฮ่อออออ!  เก็กถามจริงเหอะว่ะเฮีย” เก็กเกริ่นนำ “ที่เฮียเหวี่ยงเสียจริต หงุดหงิดติดลมบนแบบนี้...เพราะเฮียแอบเป็นห่วงพี่ด้วงที่หายหน้าไปตั้งแต่หลังเตะบอลเสร็จใช่ป่ะ?”

“เปล๊า!! เปล่าเลย  กูเฉยๆมาก” คำตอบที่ได้ยินทำให้อดีตเดือนมหาลัยส่ายหัวป้อย...

อื้อหือ!... เล่นปฏิเสธเสียงสูงผิดคีย์ออกปานนี้ คงไม่มีอะไรจริงๆอย่างที่เฮียว่ามาหรอกมั้ง
แต่เดี๋ยวนะ... ยังมือประเด็นที่พีคยิ่งกว่านี้รอให้เล่นอีกนี่หว่า


“อืมมม ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ด้วง” ธันวาลากเสียงพลางเดาะลิ้นทำทีคล้ายกับกำลังกลั่นกรองคำพูดเพื่อเรียกร้องความสนใจของพี่ชาย  แล้วจึงปล่อยฮุคซ้ายด้วยการอ้างอิงบุคคลต้องห้าม

“งั้นก็แปลว่า...เฮียงอนพี่เต๋อเรื่องเมื่อวานที่ร้านไอติม” อาการสะดุ้งน้อยๆตามด้วยเกร็งจนร่างกายสั่นเทิ้มของกังฟูทำให้เก็กเหิมเกริมมากพอจะขยี้ปมอ่อนไหวของอีกฝ่ายซ้ำๆอย่างไร้เมตตา “แน่ๆเลย...ต้องใช่พี่เต๋อแน่ๆ”

“ถ้ามึงยังเห็นหัวกู อย่าพูดชื่อไอ้เหี้ยนั่นอีก!!” คนเป็นพี่เอ่ยเสียงเย็นเยียบหลังจากหวนนึกถึงวีรกรรมของหนุ่มร่างหมี นานแล้วที่ไม่มีใครทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปพร้อมๆกับเจ็บปวดเจียนตายได้อย่างเต๋อ

“เอา เอา...จะเอาแบบนั้นก็ได้เฮีย เอาตามที่เฮียพอใจเลย” อดีตเดือนมหาลัยเอ่ยปลงๆ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงป่านนี้...คงไม่มีหวังที่จะดัดนิสัยซึนมึนโฮกของกังฟูได้อีกต่อไปแล้วล่ะมั้ง

“แล้วนี่เฮียจะเล่นซุ้มไหนก่อน?” เก็กเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเข้าสู่เรื่องใหม่ที่น่าสนใจกว่า เผื่อว่าหลังจากหลอกล่อให้กังฟูหลงมัวเมาไปกับแสงสีรอบๆตัวได้แล้ว เขาก็จะแอบดอดไปเจอหน้าบ๊วยให้หายคิดถึงสักนิดก็ยังดี

“ไม่อ่ะ... กูเบื่อๆ แม่งมีแต่ของหลอกเด็ก” คนเป็นพี่ยักไหล่ปรายหางตามองสีสันตระการตาและผู้คนล้านแปดโดยรอบด้วยท่าทางไว้ตัวไม่อยากเกลือกกลั้วด้วย  

“เหรอออออออออ ไม่ม้างเฮีย” ผู้เป็นน้องสวนกลับทันควันด้วยความหมั่นไส้เพราะคำพูดของกังฟูค้านสายตาเป็นที่สุด

“เฮียเบิกตาดูให้ดีๆดิ ทั้งเด็กมอทั้งคนนอก  ยืนออเบียดกันจนมองเกือบไม่เห็นแต่ละซุ้มแล้วเนี่ยะ...
.
...อิจฉาว่ะ! ถาปัตย์ปีนี้แม่งเข้าใจคิดดีจริงๆ” เก็กเอ่ยปากชื่นชมทุกสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าจากใจจริง


ดูท่าว่าไอเดียของเด็กสถาปัตย์ในงานออกร้านปีนี้จะไม่ได้ทำให้ธันวารู้สึกปลาบปลื้มแต่เพียงผู้เดียวเสียล่ะมั้ง
เพราะใบหน้าตื่นตะลึงของร่างบางที่ถูกกังฟูหนีบแนบกายให้เดินเคียงข้างอยู่อีกฝั่งฟากที่ทำตาเบิกกว้างแวววาว
แถมยังสูดปากร้องวู้วว้าวอยู่เกือบตลอดเวลา ก็น่าจะอธิบายความอลังการของบรรยากาศในงานได้เป็นอย่างดี
นี่ถ้าไม่ติดว่ากังฟูกระชากปกเสื้อเชิ้ตของอิ๊กเอาไว้แน่น...ป่านนี้อดีตเดือนบริหารคงได้แล่นตามคลื่นเด็กสาววัยรุ่นเข้าไปในซุ้มดูดวงเป็นที่เรียบร้อย


“เฮ่ออออ...อย่าหาว่าเก็กสอนเฮียเลยนะ” เมื่อผู้เป็นพี่ไม่พูดขัด ธันวาจึงจัดกัณฑ์เทศน์โปรดอีกฝ่ายโดยไม่รอช้า

“เฮียไม่น่าหาเรื่องทะเลาะกับใครไปทั่วแบบนี้เลยจริงๆว่ะ...
.
...กับคนอื่นน่ะไม่เท่าไร แต่กับพี่ด้วงนี่สิ... 
...พี่ด้วงอุตส่าห์ทนคบกับเฮียมาตั้งกี่ปี ทะเลาะกันที ไหงเฮียถึงไล่พี่ด้วงเหมือนหมูเหมือนหมาแบบนั้นล่ะ?” คนพูดส่ายหัวส่งสายตาตำหนิให้ ฝ่ายคนฟังกลับไหวไหล่อย่างไม่แยแสพร้อมกับแถแบบข้างๆคูๆ

“กูเปล่าไล่ กูแค่ไม่อยากเห็นหน้าแม่ง!

“หึ! งั้นเรอะ?!” คิ้วหนาของอดีตเดือนมหาลัยเลิกสูงขึ้นขณะเจ้าของใบหน้าส่งยิ้มแสยะไปเยาะพี่ชาย... นับเป็นสีหน้ากวนตีนระดับอ่อนโยนมากพอจะทำให้กังฟูยอมปล่อยให้น้องบังเกิดเกล้ายังทำปากบอนใส่ตนต่อได้โดยไม่กระดากใจนัก

“จะด่าว่าเก็กลามปามก็ได้นะ... 
...แต่แทนที่จะเข้าท่า  ทำไปทำมา...เฮียแม่งโคตรเหมือนเมียหลวงที่จับได้ว่าผัวนอกใจเลยว่ะ...
.
...พอผัวเตลิด  ฝ่ายเมียก็ระเบิดอารมณ์ใส่ลูกๆจนหวาดกลัวกันไปหมด...
...เวลาเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน  ลูกอย่างเก็กก็กลัวเป็นนะ...บอกเลย” อดีตเดือนมหาลัยอาศัยท่าทางหวาดหวั่นขวัญกระเจิงระดับอ้อล้อพรีเมี่ยมประกอบคำพูด ชวนให้คู่สนทนาอดแสดงความหมั่นไส้ออกมาไม่ได้  

“ประสาท!! เปรียบเทียบห่าอะไรของมึงเนี่ยไอ้เก็ก?!

“หึ หึ หึ เอาน่าเฮีย...ไหนๆงานนี้ก็มีปีละครั้งเอง เฮียไม่อยากไปเล่นหน่อยเหรอ?” เก็กรีบลูบหลังพี่ชายด้วยการพูดจาปะเหลาะหลังตบหัวอีกฝ่ายเล่นอยู่ครู่ใหญ่ “สกลกับพี่เต๋ออยู่โยงซุ้มสาวดุ้นตกน้ำเลยนะ เฮียไม่อยากโฉบไปดูให้เสียสายตาหน่อยไง?”

“โอ๊ย...ไอ้เหี้ยเก็ก! มึงนี่มันน่ารำคาญฉิบหายเลยว่ะ!” ทันทีที่ได้ยินชื่อคูอริตลอดกาลผ่านเข้าโสตประสาทอีกครั้ง กังฟูก็เผลอตะคอกน้องชายโดยไม่รู้ตัว แต่ยังไม่ทันที่เก็กจะได้นำเสนอตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจรองลงไปให้กังฟูได้เลือกใหม่ ฝ่ายพี่ชายก็ตัดจบบทสนทนาเสียดื้อๆ 

“เออๆ มึงอยากเดินไปไหนมึงก็นำไปเลย!”  คำตอบส่งๆของกังฟูทำให้ไทเก็กต้องกลั้นยิ้มแทบตาย... ซึนฉิบหายพี่ชายใครก็ไม่รู้?!

แต่ใครจะสนล่ะ ในเมื่อระหว่างทางเดินไปยังจุดหมายที่ตัวเขาโฆษณาเอาไว้ดิบดี
มีจังหวะเอื้อให้หนุ่มรูปงามหลบชิ่งไปหาคนที่เขาคิดถึงที่สุดได้มากมายเหลือเกิน...
คิดได้ดังนั้น ธันวาก็เร่งความเร็วของสองช่วงขา นำพาร่างสูงใหญ่ของตนให้หายลับเข้าสู่กลุ่มคนทันที  

จวบจนกระทั่งแกนนำสมัชชาชายขาสั้นทั้งสองซึ่งเดินตามหลังธันวาเริ่มออกอาการลิ้นห้อย
ด้วยต้องคอยจ้ำตามแผ่นหลังกว้างของคนนำทางพลางฝ่าดงผู้มาเยี่ยมชมงานจำนวนล้านแปดอยู่ครู่ใหญ่
พี่ชายของอดีตเดือนมหาลัยจึงร้องสั่งไกด์สุดหล่อด้วยน้ำเสียงกึ่งห้วนกึ่งหอบ


“ไอ้เหี้ยเก็ก!... เดินช้าๆหน่อยได้ไหมวะ?” เมื่อไร้การตอบโต้อย่างทุกที รุ่นพี่ร่างเล็กจึงปักหลักอยู่กับที่เพื่อสอดส่ายสายตามองหาน้องชายตามหลืบมุม รวมทั้งซุ้มทั้งหลายที่รายล้อม

“อ้าว! แล้วไอ้เหี้ยเก็กมันไปไหนแล้วเนี่ยะ?” กังฟูเกาหัวแกรกโดยไม่ละสายตาจากพื้นที่ทุกตารางเมตรรอบตัว 

“ไม่รู้เหมือนกันครับเฮีย” อิ๊กผู้ติดร่างแหตอบอย่างพาซื่อ หารู้ไม่ว่า...คำถามเมื่อครู่คือการบ่นบ้าใช่การหาคำตอบไม่

“เสือก! กูไม่ได้ถามมึง!!


 ‘แวร๊งส์!!’


นั่นคือคำเดียวสั้นๆที่คนฟังผู้เงิบผงะกับวาทะเมื่อครู่ของพี่ชายแฟนเก่านึกออกทันควัน
แหม! พอเห็นว่าแฟนใหม่ของธันวาไม่โผล่มาร่วมฉากเข้าหน่อย...
ก็ทำตัวถ่อยผิดมาดพันธมิตรชั่วคราวจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแทบไม่ทันเชียวนะไอ้ตั่วเฮีย!


จังหวะเดียวกันกับที่อดีตเดือนบริหารรำพึงรำพันเพียงลำพังอยู่ในใจนั้น กังฟูก็พลันรู้สึกถึงแรงกระตุกเบาๆรอบๆข้อมือตน  
พอได้ตวัดสายตาลงมองดู รุ่นพี่ร่างเล็กก็พบกับเด็กชายพลับยิ้มรับอยู่แล้วล่วงหน้า
กระนั้น...ความประหลาดใจยังไม่ดูแปลกตาเท่ากับท่าทางของเด็กน้อยที่เป็นอยู่ในยามนี้

เพราะนอกจากเจ้าตัวเล็กจะไม่พูดจาคำใด รวมทั้งไม่ออดอ้อนออเซาะเหมือนเมื่อวาน
พลับน้อยในโหมดสุขุมยังออกแรกดึงข้อมือของกังฟูให้ออกวิ่งตามร่างป้อมของตัวเองไปเรื่อยๆเสียอย่างนั้น
และนั่นจึงทำให้เมื่ออิ๊กหันกลับมาทางกังฟูอีกที ก็ไม่มีวี่แววของพี่ชายอดีตคนรักยืนหน้างอคอหักอยู่ข้างๆอีกต่อไป


“เอาเข้าไป! ให้มันได้อย่างนี้สิ!...
.
...ไอ้ตัวน้องเห่อเมีย ไอ้ตั่วเฮียก็บ้าน้ำลาย...
...เห็นใครหงอเป็น็็นไม่ได้ ต้องวิ่งเข้าไปกร่างใส่เสียทุกคน...
...ไม่รู้จริงๆว่าตอนนั้นหลวมตัวยอมเป็นแฟนกับไอ้เก็กไปได้ยังไง” อิ๊กบ่นกับตัวเองออกมาเบาๆเคล้าด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ

“ไม่ไหว ไม่ไหว... อยู่ด้วยนานๆแล้วสติจะเสีย...
.  
...ไปแหย่รูเมียงูเล่นดีกั่วววว คึคึคึ” คิดได้ดังนั้น...สายตาของอดีตเดือนบริหารก็ลุกวาวขึ้นมาราวกับเปิดสวิตช์หลอดไฟ และแล้ว...เจ้าของร่างบางผู้มีรอยยิ้มระบายอยู่เต็มใบหน้าก็ผลุบหายเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นฝูงชนเพียงลำพังหลังจากโดนพี่น้องอริยตรัยทอดทิ้งอย่างไม่ใยดีไปเมื่อครู่นี้เอง  







“เฮ่ย!!!!


แม้ว่า ณ จังหวะที่เข็มนาฬิกากำลังเดินอยู่นี่  บ๊วยและกังฟูจะไม่ได้อยู่ในบรรยากาศแวดล้อมเดียวกัน...
ทว่าสุ้มเสียงที่สะท้อนอาการตกใจของคนทั้งคู่เมื่อโดนจู่โจมด้วยอ้อมกอดจากด้านหลังแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น  กลับฟังไม่ผิดเพี้ยนไปจากกันแม้แต่น้อย


ชายกลางผู้รับหน้าที่บาริสต้าหนุ่มประจำร้านเครื่องดื่มกลางแจ้งขนาดใหญ่ ณ ใจกลางงานออกร้านคณะสถาปัตย์
ร้านนี้คือสถานที่แห่งเดียวซึ่งบริการขายน้ำทุกประเภท ตั้งแต่น้ำเปล่า ไปจนถึงเครื่องดื่มมึนเมาในรูปน้ำปั่นหลากสี รวมทั้งชา กาแฟสด และน้ำชงชั้นดีทุกเมนู  

ขณะที่เจ้าตัวกำลังหัวหมุนกับออเดอร์ยาวเหยียดซึ่งไหลบ่าเข้ามาอย่างไม่ขาดสายนับจากวินาทีแรกที่เปิดร้าน
หนุ่มหัวฟูหุ่นผอมกระหร่องแทบจะเซแซ่ดๆล้มลงไปกอง  เมื่อโดนวงแขนอัดแน่นไปด้วยกล้ามของมือดีที่แฝงตัวอยู่ตรงมุมมืดหลังร้านกระชากเอาร่างเบาหวิวของเขาลอยติดไปด้วย    




ส่วนอีกด้านหนึ่ง...
รุ่นพี่วิศวะปีสามผู้กำลังซอยเท้าตามเด็กชายตัวน้อยๆวิ่งขึ้นตึกคณะสถาปัตย์ไปยังมุมลับตาคน
ถูกกระชากข้อมือเข้าปะทะกับแผ่นอกหนาของหนุ่มผมยาวที่แอบส่องความเคลื่นไหวของเพื่อนสนิทร่างเล็กผู้นี้มาตั้งแต่แรกตบเท้าเข้าเขตจัดงานของเด็กสถาปัตย์เมื่อสักครู่


“พี่หมี!/ด้วง!!


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ



“เฮ่ย! พวกมึงทั้งหลาย มีใครเห็นบ๊วยบ้างวะ?
“ใครก็ได้มาชงน้ำทีดิ๊ ออเดอร์เยอะจนใบเสร็จแม่งจะเลื้อยออกมหาสมุทรแปซิฟิกเกียร์อินโดนีเซียอยู่แล้วเนี่ยะ!...
.
...ไอ้บ๊วยแม่งหายหัวไปไหนวะ?” น้ำเสียงงุ่นง่านติดรำคาญของรุ่นพี่คนหนึ่งลอยเข้ามากระทบหูสตาฟทุกคนที่ประจำอยู่ภายในซุ้มเครื่องดื่มเป็นระยะๆ  

“เดี๋ยวผมไปตามบ๊วยให้ก็ได้ครับพี่”แฝดน้องอาสาให้ความช่วยเหลือโดยไม่ต้องให้ใครร้องขอ  ถ้าให้ยอมกันรับตามตรง...เหตุที่ฌอนผู้รักสันโดษเสนอตัวนั้น  มาจากความห่วงใยในความปลอดภัยของเพื่อนรักมากกว่ายอดขายของซุ้มคณะเป็นไหนๆ

“อุ๊ย! ขอบคุณมากนะครับน้องฌอน พวกพี่รบกวนด้วยนะครับ” เมื่อรู้ว่าคนขันอาสาเป็นใคร รุ่นพี่เจ้าของเสียงโวยวายเมื่อครู่ก็เข้าเปลี่ยนท่าทีมาประจบเอาใจรุ่นน้องผู้เปี่ยมด้วยบารมีอันน่าอัศจรรย์ทันที

“น้องฌอนค่อยๆเดินนะครับ ไม่ต้องรีบร้อน พวกพี่รอได้...
...ถ้าเดินไปสักพักแล้วรู้สึกเหนื่อย จะแวะดื่มน้ำ ทานอาหารระหว่างทางก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวพวกพี่จะจัดการทางนี้เอง...
.
...ขออย่างเดียว  ไม่ต้องไปรบกวนให้น้องฌานมาช่วยออกตามหาน้องบ๊วยอีกคน... 
...ลำพังขอให้น้องฌานอยู่ประจำซุ้มดูดวงให้แค่นี้ พวกพี่ก็เกรงใจน้องฌานจะแย่แล้วล่ะครับ” ...ใครเลยจะคิดว่าบารมีของพี่ชายจะแผ่ไกลมาครอบคลุมทั่วทุกหย่อมหญ้าถึงเพียงนี้  สรุปว่าเกิดมาเป็นน้องชายของฌานนี่มันดีหรือใช้ชีวิตลำบากกันแน่?!

“ครับๆ ได้ครับพี่” ฌอนรับคำง่ายๆ หลังจากกลั้นใจรอฟังคำสั่งเสียของรุ่นพี่คนดังกล่าวด้วยความอดทนอยู่เป็นนานสองนาน

“ขอบคุณมากนะครับน้องฌอน” รุ่นพี่คนดังกล่าวยืนเอามือกุมเป้าทำท่าพินอบพิเทาพลางค้อมตัวขอบคุณรุ่นน้องกิตติมศักดิ์ด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง

“ไม่เป็นไรครับ ผมไปนะครับ”คนฟังหน้านิ่งรับคำเรียบๆอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว คราวหน้าคงต้องบอกให้พี่ชายลดจำนวนวิญญาณคุ้มกันเสียหน่อย เผื่อคนรอบข้างจะคลายความยำเกรงในตัวของพวกเขาทั้งสองคนลงได้บ้าง... ถึงอย่างนั้น แม้ฌอนจะพร้อมออกเดินทาง แต่รุ่นพี่กลับยังไม่พอใจ 

“เฮ้ย! ไอ้โป้ง...ไอ้ลิ่วล้อ  มึงเดินไปส่งน้องฌอนทีซิ!!” รุ่นพี่หมายเลขหนึ่งหันไปสั่งรุ่นพี่ท่าทางจ๋องๆอีกคน

“อะไรนะ?! กูต้องไปจริงๆเหรอ?” เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร รุ่นพี่หมายเลขสองก็ทำท่าประหนึ่งนักโทษประหารเดินเข้าลานยิงเป้า

“ไอ้ห่าโป้ง ไม่ใช่มึงแล้วจะใครล่ะ มึงจะให้กูไปหรือไง?...
.
...ถามมาได้ไอ้ห่า...เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว!!!

“ไม่เป็นครับพี่ๆ ผมเดินไปเองได้ ไม่ต้องไปส่งหรอกครับ” เมื่อปฏิเสธความหวังดีเรียบร้อย แฝดน้องก็ชิงออกตามหาตัวเพื่อนรักเพื่อกันปัญหาระหว่างรุ่นพี่ทั้งสองเบอร์โดยไม่รอช้า

“เฮ่อ บ๊วยหายไปไหนกันนะ?...
.
...วันนี้น้องพลายก็ดันไม่อยู่ให้ถามเสียด้วยสิ”  แฝดน้องปรารภกับตัวเองเบาๆ พลางก้าวเท้าไปยังจุดที่ตนคาดว่าบ๊วยน่าจะผ่านไป






หลังจากถูกความเป็นจริงอันน่าตกใจภายในซุ้มเมียงูทำร้ายจนต้องเดินโซซัดโซเซออกมาด้วยความผิดหวังอย่างรุนแรง
อดีตเดือนบริหารก็หลงเข้าสู่บริเวณของซุ้มๆหนึ่งซึ่งดูท่าว่าจะได้รับความนิยมจากสาวน้อยสาวใหญ่มากที่สุด

เพื่อหลีกเลี่ยงการเบียดเสียดยัดเยียดร่างกายผอมบางของตัวเองผ่านประชากรสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายโดยไม่จำเป็น
อิ๊กจึงตัดสินใจเดินอ้อมด้านหลังซุ้มเจ้าปัญหาดังกล่าวเพื่อข้ามไปเที่ยวเล่นยังซุ้มถัดๆไป โดยไม่คาดฝันว่าจะได้เจอหน้าชายหนุ่มที่ติดอยู่ในความคิดมาตั้งแต่เมื่อเย็นวาน


“อ้าว นายขอรับ... นายมานั่งทำอะไรเงียบๆคนเดียวล่ะนี่?” แม้จะงุนงงกับสายตาขี้เล่นของอีกฝ่ายที่มองมา อิ๊กก็ยังทักทายอีกฝ่ายที่นั่งสบายๆอยู่บนถังน้ำแข็งถังใหญ่อยู่ดี

“นายขอรับ?” ฌานชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางมองหน้าเปื้อนรอยยิ้มงดงามของคนเรียกด้วยความสงสัย...


แฟนเก่าไอ้เก็กมันเป็นอะไร?
ได้ข่าวว่า...ตั้งแต่แรกพบหน้าก็คอยแต่จะตั้งท่าเป็นปฏิปักษ์กับคนทั้งโลกยกเว้นไอ้อดีตเดือนมหาลัยคนเดียว...
แล้วนี่ไปเปลี่ยวมาจากไหน?...เป็นไปได้ไหมว่า ไอ้หน้าหวานตรงหน้าจะกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่?


“ก็ใช่น่ะสิ ฉันพูดกับนายนั่นแหละนายขอรับ...
.
...นอกจากพูดจาประหลาดๆ กับชอบเดินหนีคนอื่นไปหน้าตาเฉยแล้ว นายยังขาดทักษะการเข้าสังคมอีกด้วยนะ...
...นี่นายไม่รู้ตัวหรอกเหรอว่าฉันกำลังคุยกับนายอยู่?...
...นายนี่มันใช้ไม่ได้จริงๆ!” อิ๊กต่อว่าอีกฝ่ายแจ้วๆโดยไม่ได้สังวรณ์ถึงความเป็นไปของโลกแม้แต่น้อย


นอกจากจะชื่อขอรับ ยังเป็นคนใช้ไม่ได้อีกหรือ?...
คนดีๆที่ไหนจะมีคุณสมบัติด้านลบได้น่าเคารพขนาดนี้?

แล้วนี่เขากับอดีตเดือนบริหารไปสนิทกันตอนไหน?
คุยกันสักครั้งก็ยังไม่เคย... เห็นป้อแต่ไอ้เก็กมันอยู่นั่น...
วันนี้มาแปลกแฮะ...กินแต่ขวดแล้วเขวี้ยงยาทิ้งไปหรือเปล่า ถึงได้เข้ามาพันแข้งพันขาแถมยังพูดจาไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก?


“แหน่ะ! คนพูดด้วยแล้วยังจะไม่พูดด้วยอีกนะ... ถามจริงเหอะ นายเป็นพวกขี้หยิ่งเหรอ?” เมื่อคนที่คุยด้วยไม่ตอบโต้ อิ๊กจึงไล่สายตามองแฝดพี่ให้ดีๆอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า

“อ๋อ! หรือว่าวันนี้นายต้องแสดงละครจริงๆ แล้วที่หลบมานั่งตรงนี้ก็เพราะกำลังทำอารมณ์อยู่?” คนพูดตบมือดังป๊าบที่ไขความลับของอาการสงบนิ่งของอีกฝ่ายผ่านเสื้อผ้าแนวภารตะเชื้อพระวงศ์นิดๆที่ฌอนสวมใส่อยู่ได้...

ฌานเบิกตามองคนพูดด้วยความประทับใจ...
ถ้าขาดทักษะในการมโนขั้นสูงสุดไป  อีกฝ่ายคงเวิ่นเว้อไม่ได้เป็นคุ้งเป็นแควขนาดนี้แหงแซะ


“ฉันขอโทษด้วยนะที่มารบกวนสมาธิของนายแบบนี้......ฉันไปก่อนนะ” อดีตเดือนบริหารทำหน้าเสียอกเสียใจดังปากว่า อิ๊กคงไม่ทันมองสีหน้าอึ้งทึ้งขำจนหน้าดำหน้าแดงของแฝดพี่ในยามนี้เป็นแน่

...นั่น! ใช่เบาเสียที่ไหน?!
คนอะไรจะพูดเองเออเอง แถมยังปิดฉากการสนทนาเองได้แบบหนักข้อถึงเพียงนี้?!

หลังจากปล่อยให้อิ๊กทึกทักโน่นนี่เหมือนคนบ้าอยู่นานสองนาน ฌานก็แน่ใจว่า...
แฟนเก่าไอ้เก็กน่าจะมีซัมติงรองกับน้องชายฝาแฝดของเขามาก่อน   
แต่โชคร้ายหน่อยนะ ที่ไอ้หนุ่ทหน้าหวานขนตางอนคนนี้ดันแยกแยะไม่ได้ว่าเขากับน้องชายแตกต่างกันที่ตรงไหน

ในเมื่อโอกาสสร้างเรื่องขบขันให้เก็บเอาไปนึกถึงลอยมาตกอยู่ตรงหน้า
คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง หากเขาจะอาศัยข้อดีที่หน้าเหมือนกับน้องชายฝาแฝดมาแอบล้วงความลับของอีกฝ่ายที่แอบทำไว้กับฌอนดูเสียหน่อย


“เดี๋ยวสิคุณ อย่าเพิ่งไป...อยู่คุยกันก่อนสิครับ” แฝดพี่ปรับท่าทางให้ดูสงบนิ่งมากที่สุดโดยไม่หลุดเผยยิ้มแบบที่มักจะทำอยู่บ่อยๆ เพราะฌอนเป็นคนน้อยไปเสียทุกเรื่อง...ทั้งการพูด การแจกจ่ายรอยยิ้ม ไหนจะเป็นพวกใจน้อยไม่เข้าท่าอีกต่างหาก

“อ้าว! คุยได้หรอกเหรอ ฉันนึกว่านายอยากอยู่คนเดียวเสียอีก นี่ตั้งใจว่าจะไม่ชวนคุยแล้วนะ” อิ๊กออกตัวแรง แต่อยู่ๆอดีตเดือนบริหารก็กลับตัวแบบทันควันจนฌานเกือบตามอารมณ์ไม่ทันเลยทีเดียว “เอาล่ะ เอาล่ะ...ไหนๆนายก็ว่างแล้ว เรามานั่งจับเข่าคุยกันเสียหน่อยก็ดี ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายเต็มไปหมดเลยล่ะ”  พูดจบ ร่างบางก็เชิญตัวเองนั่งลงบนถังน้ำแข็งติดๆกับฌานราวกับสนิทกันมาชั่วนาตาปี  

ถึงงานมโนกับการตีสนิทของอิ๊กจะไม่เป็นสองรองใคร
แต่เรื่องความพลิ้ว...ชายหนุ่มหน้าสวยหวานคงต้องกลับไปฝึกวิชามารมาอีกหลายชาติกว่าฟาดฟันกับแฝดพี่ได้แบบสูสี

“คุณมาทำอะไรที่นี่?” ฌานอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังไม่ตั้งคำถามเปิดประเด็นก่อนที่จะโดนจับได้ว่าเขาไม่ใช่  ‘นายขอรับของอิ๊กแต่อย่างใด

“อ๋ออออออ ฉันมาเที่ยวเล่นน่ะ” อิ๊กตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยถึงสองพี่น้องที่กระชากวิญญาณเขาให้ติดตามหนุ่มๆอริยตรัยมาถึงซุ้มออกร้านของสถาปัตย์นี่แต่อย่างใด

“ซุ้มพวกนายจัดกันสวยดีนะ ดูน่าตื่นตาตื่นใจใช้ได้เลยล่ะ...
...เรียนมาที่นี่ก็เกือบจะสองปี ก็เพิ่งจะเคยมาเดินครั้งแรก หลังเขาชะมัด...
...เอ้อ! แต่ซุ้มเมียงูฉันว่าไม่ผ่านอย่างแรงนะบอกก่อน” อดีตเดือนบริหารติชมตามความเห็นส่วนตัว เพราะเขาไม่ประทับใจกับซุ้มที่ตนเพิ่งจากมาเอาเสียเลย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใด ซุ้มธรรมดาๆดังกล่าวจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ขยันเดินหมุนเวียนเข้าออกอยู่ไม่ขาดสาย

“หึ หึ ซุ้มนั้นมันเป็นซุ้มสำหรับให้คนเข้าไปนั่งพักกินข้าวกินขนม แล้วก็ถ่ายรูปเล่นน่ะคุณ...
.
...โดยเฉพาะเมียงูนี่นอนอืดอยู่กลางลานน่ะจัดว่าเด็ดเลยนะ...  
...ถ้าใครเผลอเข้าไปยืนใกล้ๆ มันจะสั่นหน้าท้องเป็นลูกคลื่นให้ดูเล่นได้ด้วย” ฌานเฉลยความลับที่แท้จริงของซุ้มดังกล่าวให้หนุ่มบริหารได้รับฟัง

“ถึงว่าสิ ทำไมใครๆก็ชอบเข้าไปในซุ้มนั้น ทั้งๆที่มันไม่เห็นจะมีอะไร” แม้จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรดีแล้ว แต่แล้วคนพูดก็นึกย้อนไปถึงภาพสะเทือนใจภายในซุ้มเมียงูขึ้นมาอีกหนอย่างช่วยไม่ได้...

จะให้เขายอมรับโต้งๆว่าติดตา อิ๊กก็รู้สึกกระดากปาก...
แต่คิดไปคิดมา...หากเป็นอย่างที่เจ้าถิ่นบอก ก็น่าจะชวนให้รู้สึกตลกได้ไม่หยอก
ลองได้เห็นพุงใหญ่ๆของเด็กสถาปัตย์เคราเฟิ้มหุ่นพี่เบิ้มนอนแอ้งแม้งอยู่บนเบาะเพราะช่วยตัวเองไม่ได้หลังใส่หางปลอมแวววาวยาวเฟื้อยสะบัดไหวท้าทายสายตาอยู่แบบนั้น ใครมันจะไปทนจิตแข็งทำหน้านิ่งอยู่ได้อีกล่ะ?


“พอรู้อย่างนี้แล้วก็ตลกดีนะ... วนกลับไปดูอีกรอบดีกว่า!

“เฮ่ย! เดี๋ยวสิคุณ!” ยังไม่ทันที่อิ๊กผู้ร่างเริงกับงานประเพณีในคืนนี้จะได้ดีดตัวกลับไปยังซุ้มเมียงูเพื่อดูซากปลาวาฬห่มดิ้นวิบวับเลื้อยเกยตื้นอยู่บนหางตัวเองตรงริมฝั่งมากกว่างูเป็นไหนๆอีกครั้ง ฌานก็รั้งอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน

“อะไรเหรอนายขอรับ?” คนที่ทำท่าจะลุกออกไปตั้งแต่เมื่อครู่ทิ้งน้ำหนักตัวลงนั่งบนถังน้ำแข็งอีกครั้งเพื่อรอฟังอีกฝ่ายด้วยความตั้งใจ นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้สนทนากับนายขอรับแบบจริงๆจังๆ  เพราะที่ผ่านมา เขาได้รับฟังเพียงการพูดจาด้วยภาษาแปลกๆไม่ก็ประโยคประชดประชันของอีกฝ่ายมาโดยตลอด

“คุณต้องการอะไรจากเก็กกันแน่?”

“เอ้อนี่นาย คำถามเมื่อกี๊ของนายทำให้ฉันนึกอะไรออกบางอย่างแหละ!” อิ๊กพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลด ทว่ากลับฟังล้นๆชอบกลในความคิดของแฝดพี่... พอเลิกมโน ก็โชว์ความสามารถพิเศษในการตอบไม่ตรงคำถามออกมาเสียอีก นี่จะคุยกันดีๆไม่ได้เสียหน่อยเลยหรือ?

“อย่าเพิ่งทำหน้าเบื่อฉันแบบนั้นซี่!...
...ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ เวลาอยู่กับใครแล้วสบายใจ พอนึกอะไรออกฉันก็จะรีบพูดออกไปทันที...
...กลัวลืมน่ะ แหะ แหะ...
.
...เอ๊า! ดูสิ เลยลืมกันพอดีว่าเมื่อกี๊จะพูดอะไร... นายนี่นะ! ไม่น่าทำหน้าขัดฉันขึ้นมาเลยจริงๆให้ตาย!

“แล้วคุณเป็นอะไรของคุณอีกล่ะเนี่ยะ สันนิบาตลูกนกขึ้นปากเหรอ?” ฌานร้องทักอีกฝ่ายที่อยู่ดีๆก็ยกมือขึ้นเการอบๆปากยิกๆหลังจากบ่นยาวเหยียดอยู่คนเดียวไปเมื่อครู่

“เปล่า” อิ๊กปัดเสียงอ่อน ก่อนจะยอมรับด้วยสีหน้าเขินๆ “ก็พอลืมแล้วมันมักจะคันยิบๆที่ปากน่ะ แต่เดี๋ยวเดียวก็หาย”

“เฮ่ออออออ! เมื่อกี๊คุณบอกผมว่า คุณนึกอะไรออกหลังจากฟังคำถามของผมน่ะ” ฌานจำใจช่วยสงเคราะห์อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเอือมระอา ดูท่าแล้ว...หนุ่มหน้าสวยคนนี้น่าจะมีความพิสดารเป็นสมบัติส่วนตัวอยู่ไม่น้อย

“อ๋ออออออออออออ!... ใช่แล้วล่ะ!” อิ๊กอุทานด้วยความดีใจ “เมื่อกี๊ฉันจะบอกนายว่า นายก็พูดจารู้เรื่องเหมือนกัน”

“ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย...จำไม่ได้หรือไงว่า ตอนแรกๆที่เจอกัน นายน่ะชอบพูดจาเหมือนเจ้าขุนมูลนาย แล้วก็เรียกแทนตัวเองว่าพี่พลายๆอยู่นั่นแหละ”


โป๊ะเชะ! ในที่สุดฌานก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างน้องชายกับอดีตเดือนบริหารเข้าจนได้...
แสดงว่าฌอนจะต้องรู้สึกอ่อนไหว ไม่ก็สนใจแฟนเก่าไอ้เก็กนี่ไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้น้องพลายยึดครองร่างกายได้ง่ายดายแบบนี้  


“ก็ตอนนั้นผมซ้อมบทอยู่จริงๆนั่นแหละ... ผมเลยลองต่อบทกับคุณเพื่อให้คุ้นกับตัวแสดงที่ผมจะเล่นน่ะ” แฝดพี่อำเนียนๆ ก่อนจะวกเข้าหัวข้อสำคัญที่ยังค้างคาใจ “แล้วสรุปว่า คุณยังคิดอะไรกับไอ้เก็กอยู่อีกหรือเปล่า?”

“คนเลิกกันมาตั้งเป็นปี จะมามีเยื่อใยอะไรต่อกันได้อีกล่ะ...
.
...อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้ต๊อกต๋อยขนาดต้องเฝ้ารอให้นายนั่นกลับมาคบด้วยเสียหน่อย” อาจเป็นเพราะน้ำเสียงและสายตาของแฝดพี่เมื่อครู่ กอปรกับโดยรอบปราศจากคู่รักข้าวใหม่ปลามันอย่างบ๊วยกับเก็กอยู่ในกรอบสายตา อิ๊กจึงยอมเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงให้อีกฝ่ายรับฟังเป็นครั้งแรก

ฝ่ายฌานที่สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของเรื่องทั้งหมดยังไม่พอใจกับคำตอบที่ได้ยินเท่าไรนัก
“อ้าว! แล้วคุณยังจะเข้ามายุ่งกับเก็กมันอีกทำไมล่ะ?...
.
...เก็กมันมีแฟนใหม่แล้วนะ... คุณไม่รู้เหรอ?” ...ถึงตอนนี้สองคนนั่นจะเป็นแค่แฟนปลอมๆของอีกฝ่ายก็เถอะ แต่อีกหน่อย...พวกเขาทั้งสามจะทำให้อดีตเดือนมหาลัยไปไหนไม่รอดอีกเลย...คอยดูสิ

“ฉันรู้หรอกน่าว่านายนั่นมีแฟนใหม่แล้ว แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันต้องทำแบบนี้... 
.
...หลังๆมานี่ฉันรู้สึกเบลอๆเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่บ่อยๆ...
...อย่าว่าแต่นายไม่เข้าใจเลย  ฉันยังงงๆกับตัวเองอยู่ทุกวันนี้เหมือนกันนั่นแหละ” เจ้าของคำสารภาพกุมขมับโดยไม่รู้ตัว


ฝ่ายฌานที่เริ่มจะจับจุดได้จึงรีบแนะนำทางออกให้กับอดีตเดือนบริหารผู้ตกที่นั่งลำบากตามที่เข้าใจ...
เพื่อความสุขสมหวังดั่งตอนจบของหนักรักเบาสมองของชีวิตคู่ระหว่างเพื่อนแสนดีกับหนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาลัย

ลางสังหรณ์ยังบอกกับฌานอีกว่า หากเขาเกลี้ยกล่อมจนทำให้มือที่สามหน้ามึนหายตัวไปได้...
น้องชายฝาแฝดของตนอาจจะกลายเป็นอีกคนที่แฮปปี้ดี๊ด๊าไม่น้อยหน้าผู้ใดในโลก


“ถ้าผมเป็นคุณ ผมคงพยายามหนีไปอยู่ไกลๆจากเก็กให้มากที่สุดจนกว่าตัวเองจะเข้าใจว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรนะคุณ” แฝดพี่พูดนิ่งๆ ในขณะที่คนฟังกลับมีสีหน้ายุ่งยาก

“ฉันก็คิดแบบนั้นน่ะแหละ แต่ก็ไปไหนไม่พ้นสักที...
.
...ยิ่งสองสามวันมานี่  ฉันมักจะรู้สึกวูบๆ เบลอๆบ่อยผิดปกติ...
...รู้ตัวอีกที  ฉันก็โผล่มานั่งข้างๆนายนั่นกับแฟนเข้าให้แล้วน่ะ” อิ๊กบ่นตัวเองด้วยความหงุดหงิด


ร่างบางไม่ปลื้มตัวเองสักเท่าไรที่ทำตัวคล้ายกับเหลือบไรในความรักของคนอื่นเข้าไปทุกวัน ทุกวัน
ไอ้ท่าทางอยากจะสิงสู่อดีตคนรักนั่นก็เหมือนกัน...มันใช่ตัวเขาเสียที่ไหน?!

แต่ก่อนที่อดีตเดือนบริหารจะได้ปรับทุกข์กับชายหนุ่มแปลกหน้าไปมากกว่านี้
เสียงร้องเรียกเบาๆจากด้านในซุ้มดังลอดมาพอให้ได้ยิน ก็ทำให้ฝ่ายที่สวมรอยเป็นน้องชายตัวเองอย่างแนบเนียนรีบออกปากขอตัวกลับไปประจำหน้าที่ขึ้นมาทันที


“ผมไปก่อนนะคุณ เอาไว้เจอกันใหม่“ฌานตัดบทห้วนๆ แล้วจึงเดินหายเข้าซุ้มไป

“นายขอรับ เดี๋ยวก่อนสิ!!...ฉันยังไม่ทันได้ถามนายเลยว่าแล้วฉันผิดปกติตรงไหน?...
.
....แล้วกัน! อะไรของนายเนี่ยะ?!...
...นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป...
...คนอะไรพิลึกจริง!!”  อดีตเดือนบริหารผู้กำลังคันปากอยากเม้าท์บ่นกับตัวเองอย่างไม่จริงจังนัก เพราะที่ผ่านมา...อีกฝ่ายก็มักจะทำตัวไม่ผิดไปจากสายลมอยู่แล้ว “ช่างเถอะ...กลับไปถ่ายรูปพุงกระเพื่อมของพี่งูตัวเลื่อมเล่นดีกว่า”


ร่างบางกระโดดลงจากถังน้ำแข็งก่อนจะเดินผ่านซุ้มดูดวงกลับออกไปทางเดิม
จังหวะที่เจ้าตัวเอี้ยวหลบหางแถวของสาวๆที่ออกันแน่นโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน อิ๊กก็โผเข้าไปชนกับคนๆหนึ่งเข้าอย่างจัง


“โอ๊ย!/ ขอโทษครับ!” เสียงของคู่กรณีทั้งสองร้องประสานทว่ากลับแตกต่างกันด้วยเจตนา แต่เมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย ผู้กระทำกลับแสดงสีหน้าเหลอหลาออกมาอย่างโจ่งแจ้ง

“อ้าว นายขอรับ!! เมื่อกี๊นายเพิ่งเดินเข้าด้านในซุ้มนั้นไปเองนี่แล้วทำไมนายมาโผล่อยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?...
.
...อย่าบอกนะว่านายหายตัวได้?...
...บ้าไปแล้ว! คนอะไรจะหายตัวได้กันล่ะ คึคึ” อิ๊กตั้งคำถามแถมยังตบมุกใส่หน้าฝาแฝดที่ตนเดินชนอย่างสนุกสนานโดยไม่ยั้งคิด  ทว่าคนฟังที่โดนความดีใจ ความประหลาดใจ และความไม่เข้าใจหลังได้ยินคำถามและคำพูดประหลาดๆของอดีตเดือนบริหารเมื่อครู่เข้าโจมตี ชายหนุ่มจึงทำได้แค่เพียงถามไถ่ออกไปด้วยความงุนงงขึ้นสูงสุด

“คุณพูดอะไรของคุณ? ซุ้มไหน?” ฌอนที่ยังหาบ๊วยไม่เจอถามอิ๊กเสียงตื่น... นี่เขาเหนื่อยจนหูไม่ดี หรืออีกฝ่ายแอบไปพี้กัญชาที่ไหนมาหรือเปล่า?


มองจากสีหน้า ฟังจากน้ำเสียง และเปรียบเทียบเสื้อผ้าที่ นายขอรับ คนนี้กำลังสวมใส่อยู่ดูดีๆอีกครั้ง
อดีตเดือนบริหารจึงเพิ่งถึงบางอ้อว่า เมื่อครู่ตนเองน่าจะเผลอคุยกับกับแฝดผิดคนไปเสียยืดยาว
ดังนั้น...เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ถึงความเฟลของตัวเอง อิ๊กเลยรีบกลบเกลื่อนทันที


“เอ่อ เปล่า...ฉันคงเบลอไปหน่อยน่ะ...
.
...แล้วนี่นายกำลังจะไปไหนเหรอ?”

“ผมกำลังตามหาเพื่อนน่ะ” คงเป็นเพราะที่ผ่านมา อิ๊กมักจะพูดจาไม่รู้เรื่องต่อหน้าชายหนุ่มอยู่บ่อยๆ แฝดน้องจึงปลงใจเชื่อคำโกหกของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก

“ให้ฉันช่วยไหม?... ฉันว่างนะ” คงเป็นเพราะความรู้สึกดีใจลึกๆที่รู้ว่า ในที่สุด...เขาก็ได้ใช้เวลากับคนที่อยากคุยด้วยเสียทีล่ะมั้ง ที่ทำให้อิ๊กรีบเสนอตัวให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว... เอาน่า คิดเสียว่าเป็นการแก้มือจากความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยเมื่อครู่ก็แล้วกัน  

“อืม... ก็เอาสิ” ฌอนรับข้อเสนอง่ายๆ...

อย่างน้อยๆการเจอหน้าอีกฝ่ายโดยไม่คาดฝันรอบนี้ เขาก็มีสติครบถ้วนทุกประการ
คงจะดีเหมือนกันหากตัวเขาได้เป็นตัวของตัวเองต่อหน้าคนที่ตนหมายตาท่ามกลางบรรยากาศสุดพิเศษเช่นในคืนนี้
ร่างสูงจึงเดินนำอดีตเดือนบริหารเพื่อทำหน้าที่ที่ตนอาสามาให้สำเร็จโดยเร็ว เผื่อว่าเขาอาจมีเวลาเหลือพอให้ใช้เที่ยวงานลอยกระทงกับร่างบางดูสักครั้ง

แต่ภายหลังจากที่ทั้งสองออกเดินมาจากจุดเริ่มต้นเมื่อครู่เพียงไม่นาน
ชายเสื้อของฌอนก็ถูกคนที่เดินตามต้อยๆกระตุกเบาๆ จนแฝดน้องต้องผ่อนฝีเท้าลง

“นายขอรับ” 

“หืมมม?” ฌอนเบือนหน้ากลับมามองร่างบางที่ดึงชายเสื้อของเขาไปทางโน้นที ทางนี้ทีพลางแสดงสีหน้าตลกๆคล้ายกับกำลังรวบรวมความกล้าก่อนจะอ้าปากพูดเรื่องน่าอายให้เขาฟังอย่างไรอย่างนั้น... อิ๊กเป็นอะไร? ทำไมทำหน้าแปลกๆ?  

“หิว!” ท่าทางน่าเอ็นดูของอดีตเดือนบริหารทำให้ฌอนอดแซวไม่ได้  

“หึ! แล้วเมื่อกี๊ใครบอกว่าจะมาช่วยหาคน?”

“ก็มันหิวนี่นา!!” ร่างบางก้มหน้างุดพลางกระแทกเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิดกับท่าทีของแฝดน้องเมื่อครู่ แต่ก่อนที่อิ๊กจะแสดงแสนยานุภาพด้วยอำนาจของความโมโหหิวแบบเต็มสตรีมให้ฌอนได้ประจักษ์ หนุ่มสถาปัตย์หน้าคมก็ตอบรับคำขอของอีกฝ่ายทันที  

“ตามมาสิ เดี๋ยวจะพาไปซื้อของกิน”

“ซื้อเสร็จแล้วไปกินที่ซุ้มเมียงูได้ไหม?  อยากไปถ่ายรูปกับพี่งูหลามพุงกระเพื่อมน่ะ”  


ฌอนตอบรับคำขอสุดท้ายของอดีตเดือนบริหารด้วยการเสตามองไปทางอื่นแล้วจึงพยักหน้ากับลมกับฟ้าอยู่คนเดียว
ที่ต้องทำแบบนั้น เพราะแฝดน้องไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมองเห็นรอยยิ้มบางๆที่ผุดขึ้นตรงมุมปากของตนอย่างห้ามไม่ได้
สงสัยภารกิจตามหาตัวบ๊วยให้เจอคงต้องรอไปก่อน  เพราะการปล่อยให้คนตัวเล็กหิวจนงอนคือสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากให้เกิด


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


“พี่หมี?! พี่หมีพาเค้ามาที่นี่ทำไมครับ?”

หากนี่เป็นครั้งแรกที่บ๊วยเอ่ยประโยคนี้หลังจากโดนอดีตเดือนมหาลัยลักพาตัวเขาออกมาจากซุ้มขายน้ำ
เขาคงจะไม่รู้สึกหงุดหงิดกับสเตตัสทองไม่รู้ร้อนของหนุ่มรูปงามซึ่งเดินจูงมือตัวเองโดยไม่ใส่ใจบอกเหตุผลให้เขาฟังสักแอะอย่างที่กำลังเป็นอยู่นี่หรอก

จวบจนเมื่อทั้งสองก้าวเข้าสู่ใจกลางของซุ้มวิศวะเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ ไทเก็กถึงได้ยอมปริปากคุยกับเขาดี         ๆ
“บูบู้พูดเหมือนบูบู้ไม่อยากมากับเค้าอย่างนั้นแหละ” เก็กอุทธรณ์พลางสวมบทหนุ่มช้ำรักเพื่อลดระดับความไม่พอใจของแฟนกำมะลอผู้อ่อนโยนของตนให้ลดต่ำลงโดยเร็ว  

หากเขาใช้วิธีเมื่อครู่ออดอ้อนคนอื่นที่ไม่ใช่บ๊วย ป่านนี้นอกจากจะไม่โกรธแล้วคงตัวย้วยไม่เป็นทรงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ทว่ากับชายกลางผู้ประเมินค่าตัวเองต่ำกว่ามาตรฐาน แถมยังไม่กล้าคิดเกินเลยกับอดีตเดือนมหาลัย...
อย่างดี...ท่าทางที่ทำให้หัวใจเต้นได้ง่ายๆของเก็กเมื่อครู่ ก็ทำให้บ๊วยแค่รู้สึกผิดนิดหน่อยเท่านั้น  


“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อยครับพี่หมี” ชายกลางพยายามตะล่อม ก่อนจะเปลี่ยนโหมดเป็นตำหนิอีกฝ่ายที่เล่นไม่รู้เวลาต่อทันที “พี่หมีก็รู้นี่ครับว่า เค้าต้องช่วยงานคณะเพราะคนไม่พอ ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ๆที่ซุ้มจะวุ่นวายมากแค่ไหน...
.
...พี่หมีทำตัวเอาแต่ใจอย่างนี้ คนอื่นลำบากรู้ไหมครับ?”

“เค้าขอโทษ” แต่เพราะธันวาไม่ใช่ผู้ชายที่มีดีแต่หน้าตา... ทว่าทักษะด้านการแสดงของเขายังล้ำเลิศเกินหน้าผู้ใดที่บ๊วยเคยวิสาสะด้วย การตอบโต้ของอีกฝ่ายจึงอยู่เหนือการคาดเดาของบ๊วยไปหลายปีแสง

“ถ้าเค้ารู้ว่าบูบู้จะเดือดเนื้อร้อนใจเพราะคนอื่นมากขนาดนี้ เค้าคงไม่หิ้วท้องรอกินข้าวเย็นพร้อมกับบูบู้มาตั้งแต่ต้น” เก็กหยิบยกคำโกหกมากดดันอีกฝ่ายให้ยินยอมพร้อมใจมาเที่ยวเล่นตามซุ้มต่างๆไปพร้อมๆตน  

กระนั้น...เมื่ออีกฝ่ายดูจะยังตัดสินใจไม่ได้
อดีตเดือนมหาลัยที่กำลังจนแต้มต่อ จึงตัดสินใจเล่นใหญ่ให้มันรู้แล้วรู้รอด

จากที่หันหน้าคุยกันดีๆ  หนุ่มรูปงามก็หมุนตัวแล้วเปลี่ยนท่าเป็นยืนหันหลังให้ผู้ฟังราวกับไม่อาจสู้หน้าได้อีกต่อไป
ทว่าความในใจของเขาผู้นี้ยังไม่หมดเสียทีเดียว  ธันวาจึงพรั่งพรูถ้อยคำแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจออกมาอีกระลอกใหญ่...
ก็ให้มันรู้ไปสิว่า ถ้าทำถึงขนาดนี้ ซุ้มน้ำนั่นยังจะสำคัญกว่าแฟนที่กำลังเสียใจและผิดหวังอยู่อีกหรือเปล่า?
!!!


“ขอโทษนะครับที่เค้าเอาแต่ใจ...
...ขอโทษที่พาตัวบูบู้ออกมาโดยพลการ...
...และก็ขอโทษ ที่ทำใหบูบู้ไม่สบายใจ...
...ขอโทษจริงๆ ที่เค้าอยากใช้เวลากับแฟนตัวเองในวันพิเศษแบบนี้เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง” ไหล่กว้างที่กระเพื่อมขึ้นลงสั้นๆแบบไม่สัมพันธ์กับคำพูด ผนวกกับหางเสียงสั่นเครือเจือความโศกเศร้าทำเอาคนฟังใจหาย

“พี่หม...  คำพูดแผ่วๆของบ๊วยถูกเสียงบ่นของเก็กกลบจนมิด

“ถ้าบูบู้อยากกลับไปที่ซุ้มเพราะเป็นห่วงคนอื่น บูบู้ก็ไปเถอะครับ...
.
...เดี๋ยวเค้าไปกินข้าวคนเดียวก็ได้ แค่กินข้าวคนเดียวในวันลอยกระทงแค่นี้เอง...
...เค้าทำได้ เค้าไม่เป็นไร”...เก็กเชื่อมั่นว่า เอฟเฟคเสียงสูดน้ำมูกกับหางเสียงลังเลจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับเขาได้มากโข และบ๊วยจะต้องใจอ่อนในไม่ช้า

“เดี๋ยวครับพี่หมี... พี่หมีคุยกับเค้าก่อน” ชายกลางผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พยายามพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยเหตุผลโดยไม่นึกเฉลียวใจแม้แต่น้อยว่า ตนเองกำลังโดนแฟนบังหน้าปั่นหัวอยู่อย่างรัวๆ 

“บูบู้รีบกลับไปทำงานเถอะ บูบู้ไม่ต้องสนใจเค้าหรอก/ พี่หมี!! อย่าทำแบบนี้สิครับ คุยกันก่อนนะ”


ลำพังคำพูดตัดพ้อยังไม่ใช่บทสรุปที่จะชี้วัดปลายทางที่อดีตเดือนมหาลัยปรารถนา
ไทเก็กจึงไม่รอช้า...ออกเดินกดคอต่ำทำไหล่ลู่หนีแฟนในนามของเขาออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
โดยในๆทุกก้าวที่เขาออกเดินนั้น...หนุ่มรูปงามก็เอาแต่ตั้งจิตมั่นกับการภาวนาขอให้บ๊วยเดินตามมาง้อเขาให้ไวหน่อย
ไม่งั้นฝ่ายที่หงอกหงอยสร้อยเศร้าคงไม่พ้นเขานี่แหละ




ถึงจะตั้งใจเอาไว้ดิบดีว่าแผนการดังกล่าวจะต้องสำเร็จตามต้องการ ทว่าการปรากฏตัวของเพื่อนสนิททั้งสามของอดีตเดือนมหาลัยแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยกลับกลายมาเป็นอุปสรรคสำคัญของวันก็ว่าได้


“หนอยไอ้เก็ก...แอบมาเดินอยู่ที่นี่เอง ปล่อยให้พวกกูเดินหาอยู่ตั้งนาน!  มึงมานี่เลย!!” 

“เฮ่ย! มึงเล่นอะไรของมึงวะไอ้ต๊อบ?!!” เก็กส่งเสียงล้งเล้งถามไถ่เพื่อนทั้งสามทันทีเมื่อทั้งหมดต่างรุมเข้ามากอดล็อคตัวของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา

“ตามมาเหอะน่า อย่าเพิ่งถาม!!” ว่าแล้วสามหนุ่มเจ้าของรูปร่างสูสีกับอดีตเดือนมหาลัยก็ลากคอเก็กให้เดินตามพวกเขาจนได้  


แม้ธันวาจะตกอยู่ในสถานการณ์ไม่คาดฝัน
ถึงอย่างนั้น...ชายหนุ่มกลับยังทำหน้าแป้นอยู่ได้
เมื่อหางตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างผอมแกร็นของบ๊วยเดินตามขบวนแห่ของพวกเขาทั้งสี่มาติดๆ

สุดท้ายแล้ว คำตอบของคำถามที่เก็กยิงใส่เพื่อนสนิททั้งสามเมื่อครู่ก็กระจ่างแก่ใจทันทีที่เขาเห็นประธานสโมฯยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับรอพวกเขาทั้งหมดอยู่หน้าซุ้มเปล่าซุ้มหนึ่ง ซึ่งหากธันวาจำไม่ผิด...เมื่อตอนหัวค่ำ พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นบริเวณของกิจกรรมสอยดาวสาวเดือนมาก่อน


“เก็กมึง ช่วยพวกพี่ทีเหอะวะ...
.
...ปีนี้ซุ้มถาปัตย์แม่งเจ๋งจริงๆว่ะ คนโคตรแน่นอ่ะ...
...ขืนพวกเราไม่ทำอะไรสักอย่าง มีหวังออกร้านปีนี้คณะเราแพ้พวกเต็กแหงๆ” ประธานสโมฯปีสามแทบจะพนมมือขึ้นเหนือหัวประกอบการอ้อนวอนความหวังสุดท้ายของการออกร้านในปีนี้  

เมื่อเก็กกวาดสายตาดูป้ายโฆษณาชั่วคราวที่เดาว่าน่าจะเพิ่งถูกทำขึ้นมาหมาดๆ
เขาก็เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการได้โดยไม่ต้องรบกวนใครให้อธิบายเพิ่ม...

ขายจูบการกุศล?!!  
หึ! ไอ้สิ่งที่พวกพี่ๆมันอยากได้จนตัวซี้ตัวสั่น คือการจับเอาเขามาเป็นเหยื่อบูชายัญสังเวยให้แก่เจ้าของริมฝีปากเร่ร่อนทั้งหลายที่ออกล่าเหยื่อในคืนวันเพ็ญเองหรือนี่?

“โห่พี่ดี๋! พี่ดี๋เอาส้นตีนอะไรคิดวะถึงได้กล้าขอให้ผมเปลืองตัวขนาดนี้อ่ะ?”

“เหอะน่าเก็ก...
.
...ไหนๆมึงก็ไม่สนใจผู้หญิงอยู่แล้ว แค่เสียจูบให้พวกสาวๆ มึงก็ไม่น่าจะสึกหรอเท่าไร” ประธานสโมฯผู้จนตรอกพยายามหว่านล้อมบุคคลสำคัญผู้กุมอนาคตของสโมสรนักศึกษาประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ในปีนี้เอาไว้ในมือ

“ยิ่งถ้าเป็นผู้ชาย มึงก็กำไรเห็นๆเลยนะเว่ย เห็นไหม...มีแต่ได้กับได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะเว่ยมึง” รุ่นพี่ไม่ลืมตบท้ายด้วยการชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการสังเวยตนเองให้แก่คณะครั้งนี้ของเก็กอีกข้อหนึ่งที่น่าจะถูกใจอีกฝ่ายเป็นที่สุด

“ถ้าแม่งดีออกเสียขนาดนี้ ทำไมพี่ไม่มาทำแทนผมล่ะวะ?” เก็กย้อนฉุนๆ แต่อีกฝ่ายก็เสียดสีได้ทันท่วงทีไม่แพ้กัน

“โห่! มึงช่วยแหกตาดูหนังหน้ากูหน่อยเห๊อะ!...
.
...ถ้ากูหล่อได้ครึ่งของมึง กูคงขายจูบจนได้ค่าสร้างตึกเรียนใหม่ให้คณะเราได้สามตึกแล้วมั้งครับน้องเก็ก”

“พี่ดี๋...ผมขอเหอะ ไม่ทำได้ไหมวะ?” อดีตเดือนมหาลัยต่อรองเพื่อเอาตัวรอดพลางเหลือบมองหน้าแฟนในนามของตนแล้วก็ตั้งข้อสงสัยไปพลางๆ... บ๊วยจะรู้สึกอย่างไร หากเขาต้องเปลืองตัวจูบกับใครก็ไม่รู้แบบนี้? ทว่าอีกฝ่ายกลับเตรียมการมาดีกว่าที่คิด

“มึงจะไม่ทำก็ได้ แต่กูจะปลุกระดมให้ทุกคนในคณะปล่อยเกาะมึงจนมึงอยากจะฆ่าตัวตายไปให้พ้นๆ...
.
...เอาซี่ ถ้ามึงจะยังหน้าด้านอยู่ได้ก็ลองดู” ประธานสโมฯหัวเสยื่นคำขาดด้วยท่าทางของผู้ถือไพ่เหนือกว่าอย่างแท้จริง

“โห่ พี่ดี๋แม่ง...ถึงผมจะเป็นเกย์ แต่ผมก็หวงตัวนะเว่ย!

ท่าทางเอาจริงเอาจังของรุ่นพี่ทำให้เก็กเหงื่อตก...เห็นทีว่าเขาคงไม่รอดจากเงื้อมมือของตัวแทนคณะผู้นี้ไปได้  
แต่เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองยังพอเหลือช่องทางให้บิดพลิ้ว อดีตเดือนมหาลัยจึงลองหยั่งเชิงถึงอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันโดยไม่รั้งรอ

“แล้วนี่พวกพี่ประกาศขายบัตรไปหรือยัง?”

“หึ! ถ้าบัตรคิวกูไม่โดนเหมาเรียบเร็วกว่าบัตรคอนเสิร์ตมารูนไฟว์  กูคงไม่ส่งพวกไอ้ต็อบไปลากคอมึงกลับมาเร็วขนาดนี้หรอก” ประธานสโมฯยอมแบไต๋ในท้ายที่สุด

“โห!! แล้วอย่างนี้ผมจะเลือกอะไรได้อีกล่ะวะแม่ง?” ธันวาโอดครวญพลางกุมขมับแน่น

ฝ่ายรุ่นพี่ที่เห็นท่าทางพ่ายแพ้ของน้องร่วมคณะ ก็กระหน่ำเกลี้ยกล่อมอย่างไม่ลืมหูลืมตาด้วยหมายใจว่า
ไทเก็กจะต้องยอมจนมุมและให้ความร่วมมือกับพวกเขาทั้งหมดโดยเร็ว

“ก็ไม่เห็นจะต้องเลือกอะไรเลย...
.
...มึงก็แค่เลือกทำหน้าหล่อๆ แล้วก็พลีกายขายจูบเพื่อทดแทนบุญคุณอันล้นเหลือของคณะที่เมตตาให้รุ่นน้องสุดประเสิรฐอย่างมึงได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ยังไงล่ะ... น่านะเก็ก...อึดใจเดียว แป๊บๆเดี๋ยวก็ครบพัน”

ห๊ะ?!! พันนึงเลยเหรอวะพี่?” อดีตเดือนมหาลัยร้องเสียงหลง... นี่ใช่การออกร้านของเด็กมหาลัยแน่หรือ? ทำไมพวกรุ่นพี่ต้องห้ำหั่นกันด้วยกลยุทธที่ทำร้ายความภูมิใจของเขาจนป่นปี้เช่นนี้ด้วยวะ?!!

“เชื่อกูเหอะเก็ก แค่มึงหลับตาแล้วก็ยื่นปากออกมาแป๊บๆแบบแทบไม่ทันเสียว...เดี๋ยวเดียวแม่งก็ผ่านไป...
.
...ช่วยพวกกูเหอะนะ เห็นแก่ประธานสโมฯตาดำๆอย่างกูเหอะ...
...นะ นะ...ทอดกายให้ผู้คนได้ชื่นชมมึงอย่างทั่วถึงสักคืนเหอะนะเก็ก...
...จะให้กูกราบตีนมึงเลยก็ได้ กูยอมใจมึงทุกอย่างแล้วชั่วโมงนี้ ”


ยัง! ประธานสโมฯไม่อาจวางมือได้จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมขายตัวให้แก่ผลประโยชน์ และหน้าตาของเขาอย่างเป็นทางการ  
และเขาพร้อมจะงัดเอามารยาทั้งหลายออกมาใช้เพื่อทำให้ธันวาใจอ่อนให้จงได้...
ต่อให้ต้องถวายตัวเป็นทาสรุ่นน้องผู้นี้ไปตลอดหนึ่งเดือน ประธานสโมฯปีสามผู้นี้ก็พร้อมจะทำด้วยความเต็มใจ


“เออ เออ ผมจะยอมให้พี่ก็ได้” เก็กตอบรับคำขอของรุ่นพี่ในที่สุดหลังจากคิดสะระตะถึงทางออกทั้งหมด รวมทั้งข้อจำกัดของตัวเองมาเป็นอย่างดี แน่นอนว่า...อดีตเดือนมหาลัยที่ไม่ได้แค่หล่อไปวันๆย่อมไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนบังคับให้เขาทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการได้ง่ายๆ

“แต่พี่ต้องให้ผมประเดิมจูบกับคนที่ผมอยากจูบด้วยเสียก่อนเป็นอันดับแรก...
.
...ไม่งั้น ผมก็จะหน้าด้านอยู่ในคณะแบบไม่มีเพื่อนไปจนจบแม่งเนี่ยะแหละ” ธันวายื่นข้อเสนอที่จะทำให้เขาเป็นอิสระจากกิจกรรมมัดมือชกบ้าๆนี่ด้วยความแน่วแน่...


คำพูดเด็ดขาดเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรวมทั้งบ๊วยต่างสงสัยในท่าทีที่เปลี่ยนผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้าของเก็กขึ้นมาทันที
กระนั้น...ยังมีอยู่อีกคนที่ไม่ได้สำเหนียกถึงหายนะใดๆอยู่ด้วยเช่นกัน


“ฮู๊ยยยย! จะไม่ได้ได้ยังไงล่ะครับน้องเก็ก...
.
...ไม่ว่าน้องเก็กจะอยากจูบกับใคร พี่ดี๋จะไปตามล่าหาตัวจิกหัวมาใส่พานถวายให้น้องเก็ก ณ บัดนาวเลยครับ” ประธานสโมฯผู้หน้าบานเป็นจานเชิงแทบจะเลียแข้งเลียขาธันวาแรงๆอยู่หลายทีหลังจากที่ข้อเสนอของรุ่นน้องไม่ได้ยากเย็นนัก

ระหว่างประจบสอพลอบีบนวดเนื้อตัวอดีตเดือนมหาลัยได้สักระยะ
ประธานสโมฯก็ไม่ลืมหันไปหาสตาฟที่เหลือซึ่งกำลังเฝ้ารอคำสั่งด้วยใจจดจ่อ


“เฮ๊ย! พวกมึง ตั้งแถวเรียงคิวเหล่าบรรดาผู้มีอุปการะคุณกับซุ้มจูบฉุกเฉินให้ไวเลย...
...อีกเดี๋ยวท่านอดีตเดือนมหาลัยจะมาประทานจุมพิตพิฆาตให้กับทุกๆคนในอีกไม่กี่วินาทีนี้แล้วโว้ยยย
!


สิ้นเสียงประกาศของประธานสโมฯวิศวะยังไม่ทันไร  
หนุ่มๆสาวๆเจ้าของบัตรคิวซุ้มจูบฉุกเฉินกับอดีตเดือนมหาลัยก็โถมเข้ามายืนอัดแน่นด้านหน้าซุ้มกันอย่างล้นหลาม...คนหื่นกามช่างมีปริมาณมากมายกว่าที่คาดหมายเอาไว้มากนัก


“แล้วน้องเก็กอยากมอบจูบแรกของวันให้กับผู้โชคดีคนไหนล่ะครับ? พวกพี่จะได้ไปจับตัวคนๆนั้นมาบำเรอให้”

เห็นจะไม่ใช่แค่ประธานสโมฯที่ตั้งตารอฟังว่าใครคือคนที่อดีตเดือนมหาลัยอยากประเดิมจูบด้วยความเต็มใจเป็นที่สุด
เหล่าลูกค้าทั้งหลาย สตาฟ และเพื่อนสนิททั้งสามของชายหนุ่มเองก็กำลังตั้งหน้าตั้งตารอฟังการประกาศชื่อของผู้โชคดีคนนั้นด้วยความตั้งใจราวกับกำลังรอลุ้นรางวัลเลขท้ายสามตัวก็ไม่ปาน  

“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ เพราะผมอยากจูบกับแฟนผมก่อนเริ่มขายจูบเท่านั้นเอง” เก็กตอบด้วยท่าทางสบายๆ ในขณะเป้าหมายที่อีกฝ่ายพูดถึงกลับร้องอุทานเสียงหลงเหมือนคนโดนเจ้ามือหวยกินเงินจนเรียบวุธ

ห๊ะ?!!” บ๊วยถึงกับกระชากแขนให้แฟนจอมปลอมของตนให้หันหน้ากลับมาคุยกันให้รู้เรื่องโดยไม่แคร์สายตาของฝูงชนกลุ่มใหญ่ที่ลอบมองพวกเขาทั้งคู่อย่างถือวิสาสะ

“เมื่อกี๊พี่หมีว่าไงนะ?” ชายกลางคาดคั้นคำยืนยันจากไทเก็กให้แน่ใจอีกครั้ง

“ก็เราสองคนจูบกันก่อนที่เค้าจะต้องเสียจูบให้คนอื่นอีกเป็นพันยังไงล่ะครับบูบู้”...ท่าทางตระหนกของบ๊วยทำให้เก็กอดชอบใจไม่ได้  ไม่นึกเลยว่าการตกลงใจเอาตัวเข้าแลกในกิจกรรมของคณะครั้งนี้ จะเปิดโอกาสให้เขาได้แกล้งแฟนปลอมๆให้ทำตัวไม่ถูก แถมยังจะได้แลกสัมผัสริมฝีปากกับบ๊วยแบบเต็มๆด้วยความตั้งอกตั้งใจอีกต่างหาก

ดีจริงๆที่ระหว่างกำลังครุ่นคิดหาทางออกจากการถูกบังคับให้ขายจูบจนหัวแทบแตกเมื่อครู่ก่อนนั้น
จู่ๆห้วงความคิดที่ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นจูบกับบ๊วยสักพันทีจะไม่บ่นเลยจะสว่างวาบขึ้นมาในสมอง
และกลายเป็นช่องทางทำให้เขารอดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้อย่างแยบยล


“...แต่...”

“หรือบูบู้จะอยากให้เค้าเสียใจเพราะบูบู้เห็นงานดีกว่าเค้าก็ตามใจบูบู้นะ” เก็กกัดไม่ปล่อยจนคนที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนแปลกหน้ามากมายอย่างบ๊วยยิ่งหนักใจไปกันใหญ่  ชายกลางจึงป้องปากกระซิบระบายความรู้สึกอึดอัดให้อีกฝ่ายรับฟังโดยไม่รีรอ

“แต่ทำแบบนี้มันนอกเหนือไปจากบทที่เราตกลงกันเอาไว้เยอะเลยนะครับพี่หมี”  บ๊วยส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากผู้เป็นแฟนแค่ชื่อที่ทำหน้าซื่อตาใสอยู่ข้างๆ  

อดีตเดือนมหาลัยกำลังจะก้าวข้ามเส้นแบ่งที่พวกเขาขีดเอาไว้แต่แรก
และจูบเล่นๆในครั้งนี้ อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความกระอักกระอ่วนใจจนเข้าหน้ากันไม่ติดได้ในภายหลัง
ทว่านั่นคือความต้องการที่สวนทางกับสิ่งที่ไทเก็กปราถนาโดยสิ้นเชิง


“นอกบทตรงไหน?...บูบู้ต่างหากล่ะที่เข้าไม่ถึงบท” เก็กแก้เกมด้วยการกระซิบย้ำหน้าที่ของทั้งสองมาเป็นเกณฑ์ชี้วัดตัดสินแบบเนียนๆ  นิสัยขี้ตู่คือคุณสมบัติที่อยู่คู่กายเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งเสริมส่งด้วยแอคติ้งขั้นเทพปิดท้ายตามไป...ไม่ใครก็ใครต่างก็ต้องยอมศิโรราบให้กับเขาทั้งสิ้น

“มีอย่างที่ไหน บูบู้เป็นแฟนของเค้าแท้ๆ แต่ไม่ยักกะหึง ไม่ยักกะหวงเค้าสักนิด...
.
...นี่แฟนทั้งคนนะครับ แฟนหล่อ ราศีจับขนาดนี้...
...ทำไมบูบู้ถึงกล้าปล่อยให้ไปจูบกับคนอื่นได้ง่ายๆกันล่ะ?” อดีตเดือนมหาลัยกอดอกพลางทำหน้าหงิกใส่แฟนตัวเล็กทันทีที่พูดจบ บ๊วยเลยต้องให้เหตุผลอีกประการที่ฉุดรั้งไม่ให้เขายอมทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอได้

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะครับพี่หมี... เพราะต่อให้เค้าตกลง เค้าก็ไม่กล้าจูบกับพี่หมีต่อหน้าคนเยอะแยะหรอก” หนุ่มสถาปัตย์มองหน้าแฟนตัวเองสลับกับธารกำนัลที่จ้องพวกเขาตาเป็นมัน พร้อมๆกับเงี่ยหูฟังความลับของทั้งคู่ที่อาจจะรั่วไหลลอยลมมาให้ได้ยิน

“จะยากอะไรล่ะครับ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเห็น บูบู้ก็หลับตาซะสิ... เห็นไหม ง่ายนิดเดียว” ไทเก็กยิ้มเผล่อย่างเจ้าเล่ห์ให้หนุ่มหัวอ่อน

“จะดีเหรอครับพี่หมี?” ความกะล่อนของเขาทำให้บ๊วยที่เกือบหลงเชื่อเกิดเอะใจ ผลก็คือ...อดีตเดือนมหาลัยจำเป็นต้องงัดเอาไม้ตายออกมาใช้ต่อรองกับบ๊วยจนได้

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าบูบู้ไม่ยอมจูบกับเค้า เค้าก็จะไม่ยอมจูบกับใครหน้าไหนอีกเลย...
.
...ก็ดีเหมือนกัน คนอื่นในคณะเค้าจะได้จำไปจนตายว่า สถิติยอดขายอันดับหนึ่งสิบปีซ้อนของคณะวิศวะมีอันต้องล่มสลายเพราะความขี้อายของบูบู้เพียงคนเดียว!”...เมื่องัดทักษะในการต่อรองออกมาใช้ งานแสดงก็ต้องจัดไปอย่าให้เสีย!

หลังจากกระแทกเสียงใส่แฟนบังหน้าจนจบประโยค
ธันวาก็เบี่ยงตัวหนีหน้าบ๊วยไปทางอื่นพร้อมทำแก้มป่องปากยื่นเพื่อบ่งบอกอาการขัดใจ
เก็กนึกขอบคุณข้อมูลที่ได้มาจากการอ่านนิยายวายอย่างโชกโชน เพราะเขาสามารถแสดงอาการปั้นปึ่งได้อย่างไร้ที่ติ... 

แต่พ่อรูปงามคงลืมนึกไปว่า ท่าทางน่ารักทำนองนั้น คือ ท่าไม้ตายที่ฝ่ายรับเอวสอบร่างบอบบางมักจะใช้สยบพระเอก...
ช่วยไม่ได้ที่นายธันวาดันชอบงัดเคล็ดวิชาออกมาใช้ยามจวนตัวไปหน่อย ผลลัพธ์เลยออกมาแปลกตาแบบนี้แหละ


“โธ่น้องบูบู้ครับ... เมตตาพวกพี่ด้วยเถอะครับ” ประธานสโมฯผู้เป็นตัวต้นคิดพยายามมองข้ามอาการปัญญาอ่อนของอดีตเดือนมหาลัยไปชั่วคราวเพราะบุคคลที่สำคัญเหนือกว่าธันวา กำลังยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง

“ชีวิตและชื่อเสียงของประธานสโมฯอย่างพี่ ฝากเอาไว้ในอุ้งมือของน้องบูบู้หมดแล้วนะครับ”


รุ่นพี่ซึ่งรอดพ้นมาจากการสักการะกราบไหว้ไทเก็กมาได้อย่างหวุดหวิดเริ่มจะยืนไม่ติด
เพราะเด็กหนุ่มที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนในชีวิตทว่ากุมชะตาของพวกเขาทั้งหมดเอาไว้แน่นิ่งไปเนิ่นนาน
แต่สุดท้าย...คนที่เห็นใจและพร้อมหยิบยื่นน้ำใจให้แก่เพื่อนมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่เป็นประจำอย่างบ๊วย จะทำใจแข็งไม่ยอมช่วยพวกเขาได้อย่างไรกัน


“ก็...ก็ได้ครับ” ชายกลางละล่ำละลักหลังจากใช้เวลาชั่งใจอย่างหนักอยู่พักใหญ่...


จากที่เคยคิดว่า การได้จูบกับเก็กคือเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิต แบบที่ต้องคิดเตรียมใจและกายมาล่วงหน้าอยู่หลายต่อหลายวัน
แล้วการจูบกับเก็กต่อหน้าสักขีพยานนับร้อยล่ะ...เขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร?!!


เย่!!!!!” ฝูงชนที่ห้อมล้อมพวกเขาทั้งหมดส่งเสียงลั่นด้วยความยินดีที่สุดท้าย บ๊วยก็ยอมให้ความร่วมมือเสียที   

ซึ่ง ณ จุดนี้...แต่ละคนต่างก็มีความคาดหวังแตกต่างๆกันออกไป
บ้างก็ฝันถึงตัวเลขของเม็ดเงินที่จะวิ่งเข้าสู่กองกลาง
บ้างก็ฝันถึงชัยชนะของงานออกร้านอีกสมัย
บ้างก็แอบดีใจที่จะได้จูบกับผู้ชายที่หมายตามาตลอดหลายปี
บ้างก็อยากเห็นผู้ชายจูบกันให้เป็นบุญตาเสียที เผื่อจะได้มีประสบการณ์แบบนั้นในวันข้างหน้ากับเขาบ้าง

ส่วนพ่อหนุ่มรูปงามผู้แอบกำมือทั้งสองแน่นด้วยความยินดีที่รู้ว่าแฟนหลอกๆของตนยินยอมจูบด้วย
ก็ตั้งความหวังครั้งใหญ่ว่าจะมอบความประทับใจให้กับอีกฝ่ายผ่านรสจูบอันวาบหวาม ตามประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีของตน แต่ก่อนที่อดีตเดือนมหาลัยจะฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ รุ่นพี่หัวใสเจ้าของไอเดียขายจูบก็เริ่มพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์โดยไม่คิดประวิงเวลา


“งั้นก็จูบไอ้เก็กมันเลยครับน้องบูบู้ พวกพี่จะได้ทำมาหากินกันเสียที!”  ประธานสโมฯคณะวิศวะจัดแจงให้ทั้งบ๊วยและเก็กยืนหันหน้าเข้าหากันตรงพื้นที่ว่างที่กันเอาไว้สำหรับให้คนขายจูบพอมีที่ยืน

ความประหม่าเมื่อทั้งสองได้มาสบตากันใกล้ๆทำให้ต่างฝ่ายไม่กล้าเคลื่อนไหวร่างกายสักมิลลิเมตร...
จะเหลือก็แต่สายตาซ่อนความขวยเขินระคนปรารถนาที่หลบกันไปมาจนวุ่นวาย กับจุดมุมปากทั้งสองข้างของทั้งคู่ที่ยกขึ้นเป็นระยะๆเท่านั้น ที่ยังขยับเขยื้อนโดยอิสระแบบที่เจ้าของไม่ทันรู้ตัว


จูบเลย จูบเลย จูบเลย!!


ไม่ต้องรอให้สิ้นเสียงยุยงส่งเสริมของผู้คนโดยรอบ ทันทีที่ขาทั้งสองข้างของเก็กค่อยๆสืบเข้าหาคนตัวเล็กกว่าเพื่อร่นระยะห่างที่กั้นกลางระหว่างเขาทั้งคู่ โลกที่แวดล้อมพวกเขาทั้งสองอยู่นั้นก็อันตรธานหายไปจากสายตา

แขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรอบเอวผอมของบ๊วยเอาไว้หลวมๆก่อนจะกระชับกายให้ทั้งสองร่างไม่เหลือช่องว่างใดๆ
มือหนาที่ยังว่างเลื่อนไปเชยคางเล็กๆขึ้นก่อนที่อดีตเดือนมหาลัยจะก้มหน้าลงเพื่อมอบจุมพิตอ่อนโยนให้คนในอ้อมกอด

ริมฝีปากหยักได้รูปประกบลงบนกลีบปากบางของบ๊วยอย่างเนิบนาบเนิ่นนานก่อนจะกดน้ำหนักนวดคลืงไปทั่ว
ปลายลิ้นชื้นฉ่ำและเล็มรอบริมฝีปากเงอะงะที่พยายามตอบสนองทุกๆสัมผัสที่เก็กปรนเปรอให้ จนคนนำเริ่มจะหลงใหลในความไม่รู้ประสาของชายกลางมากขึ้นเรื่อยๆ  

ทว่าฝ่ายที่โหยหารสจูบอันดื่มด่ำฉ่ำหวานยิ่งไปกว่านี้อย่างอดีตเดือนมหาลัย
กลับต้องรีบผละและถอยห่างออกจากร่างเล็กที่ยังปรือตาค้างท่าจูบอยู่กับที่ ทันทีที่สัญญาณแห่งหายนะในรูปน้ำเปรี้ยวตีเอ่อขึ้นมาจ่อปลายลิ้นไก่โดยไม่ยอมลดระดับลงไปภายหลังการกลืนน้ำลายต่อสู้รักษาคูเมืองอยู่หลายรอบ

เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เก็กจึงรีบโบกมือส่งซิกกับประธานสโมฯให้รีบส่งลูกค้าคนแรกเข้ามาทันที
แต่ดูเหมือนจะมีการจราจลเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของบัตรคิวทั้งหลายต่างกรูกันเข้าใส่คนขายจูบด้วยความหื่นกระหาย เพราะแต่ละคนล้วนแต่อยากได้จูบละมุนละไมเปี่ยมไปด้วยความฟินที่ไม่แตกต่างกับการสาธิตเมื่อครู่

ฝ่ายบ๊วยที่ยังมึนเพราะรสสัมผัส ทำได้แค่ยืนตาลอยมองภาพบรรดาปีศาจไฮยีน่าหนุ่มสาวผู้หิวโหยริมฝีปากหลายตน
แก่งแย่งชิงดีกันกรูเข้ารุมทึ้งแฟนกำมะลอของตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก  ทว่าก่อนที่ปีศาจหื่นตนไหนจะได้ครอบครองริมฝีปากอันน่าปรารถนาของเก็กดั่งที่เข้าใจ เหตุการณ์อุกฉกรรจ์ว่าด้วยการสแปลชน้ำเปรี้ยวออกจากปากของอดีตเดือนมหาลัยในระยะเผาขนก็ถูกฉายสู่ม่านสายตาของคนที่ยังเบลอกับรสจูบอย่างช้าๆประหนึ่งวิดีโอหน่วงสปีด


กรี๊ดดดด คนหล่อพ่นพิษ!!!!! / แอร๊ยยยยส์ ทุกคนหลบ!!/
เหี้ยยยยย!!!/ ไอ้สัดเก็ก มึงช่วยหันมิสไซล์ไปทางอื้นทีสิโว้ย!!

เสียงกรีดร้องที่ดังก้องไปทั่วบริเวณซุ้มออกร้านของวิศวะคือท่วงทำนองประกอบภาพสโลโมชันเมื่อครู่ที่บ๊วยยังไม่อาจถอนสายตาเลื่อนหนีไปดูสิ่งอื่นได้  ในขณะที่ผู้แจกจ่ายของเหลวก็เดินหน้าพรมน้ำมนต์ส่วนตัวเพื่อทำลายเหล่าผีร้ายให้ตายตกไปตามกันอย่างทั่วถึงแบบจะจะโดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะและความสนิทสนมแต่อย่างใด




Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ



No comments:

Post a Comment