เนื่องจากวันนี้เป็นวันพิเศษ
เราเลยอยากทำให้ทุก ๆ คนมีความสุข
ขอให้ความสุขนี้
ทำให้พวกเราก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็งนะคะ
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
The Special
Bonding Vol.14
คืนพิเศษ
คนพิเศษ
พลับโตขึ้นมาก...
แปลกนะ ทั้ง ๆ
ที่เห็นกันอยู่ทุกวัน แถมยังได้นอนกอดกันแทบทุกคืนแท้ ๆ แต่พอได้เฝ้ามองเรือนร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าดี
ๆ ผมก็เพิ่งตระหนักว่า ในอีกไม่ช้า เค้าลางของเด็กชายตัวน้อยที่ใครต่อใครคุ้นตากำลังจะลบเลือนจางหาย
พร้อม ๆ กับที่รูปลักษณ์ของชายหนุ่มรูปงามน่าหลงใหลได้ก้าวย่างเข้ามาทดแทน
ไรหนวดบาง ๆ
ที่ขึ้นล้อมกรอบหน้าและเหนือริมฝีปากสีชมพูคู่นั้น ช่วยขับให้ผิวหน้าขาวยิ่งดูชวนมองโดยเฉพาะในยามที่เจ้าตัวอยู่ใต้แสงรำไรเช่นในเวลานี้
โหนกแก้มกับสันกรามซึ่งเคยถูกบดบังด้วยพวงแก้มนุ่มนิ่มเด่นชัดขึ้นทีละนิด ๆ จนความเป็นผู้ใหญ่ค่อย
ๆ เผยสู่สายตา ไหล่ผายกว้างที่แม้จะดูบางลงยามที่ผมยืนเทียบใกล้ ทำให้โครงร่างของมนุษย์เพศชายวัยฉกรรจ์ดูมีมิติและดึงดูดสายตากว่าเมื่อก่อนหลายเท่าตัว
ไหนจะลำคอ แผ่นหลัง รวมถึงแขนขาที่ยืดยาวจนดูเก้งก้างนั่นอีกล่ะ...
นี่เขารีบโตเพื่อผมขนาดนี้เชียวหรือ?
อย่างไรก็ดี แม้พลับจะรู้ว่าผมคลั่งไคล้ในตัวเขาเอามาก
ๆ แต่กลับมีอยู่เรื่องหนึ่งที่พลับไม่เคยรู้ และผมตั้งใจจะเก็บมันเป็นความลับตลอดไป
นั่นคือ ในบางจังหวะซึ่งผมกวาดหางตาเหลือบมองเด็กน้อยแบบผ่าน ๆ ผมมักจะเผลอตัวดื่มด่ำกับความรู้สึกผยองพองขนในอกอยู่บ่อย
ๆ ... ช่วยไม่ได้นี่นะ ก็ใครใช้ให้ผมเป็นคนโชคดีที่เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้หลงรัก
และปรารถนาจะครองคู่ด้วยล่ะ
“ฌาน
ฌานจะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม?” กระแสความไม่มั่นใจในน้ำเสียงของพลับทำให้ผมเลื่อนกรอบสายตาขึ้นจ้องมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง
อะไรบางอย่างบอกผมว่าเด็กน้อยกำลังหวาดหวั่น
“เปลี่ยนใจ?
เปลี่ยนใจเรื่องอะไรเหรอครับตัวเล็ก?”
“ก็เรื่องคืนนี้ไง”
ใบหน้าของพลับเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างง่ายเหลือเกิน ยิ่งเวลาที่หัวข้อสนทนาเกี่ยวพันกับเรื่องอย่างว่าด้วยแล้วล่ะก็
“ฌานจะไม่เปลี่ยนใจแน่นะ?”
อาการวางหน้าไม่ถูกของเขาทำเอาผมหลุดหัวเราะเพราะนึกชอบใจ
กระนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไปอีกทาง
ผมจึงรีบยืนยันความต้องการของตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังอย่างที่สุด “ไม่ครับ
ต่อให้ตัวเล็กร้องไห้งอแง ฌานก็จะไม่ยอมปล่อยตัวเล็กไปเด็ดขาด”
“มุ่งมั่นขนาดนั้นเลย?”
เพราะรู้ดีว่าการพยายามปั้นหน้านิ่งพลางพูดจาหยอกเย้าเมื่อสักครู่เป็นวิธีกลบเกลื่อนความรู้สึกกระดากอายให้พ้นจากสายตาผม
ผมจึงอดส่งสายตาล้อเลียนคืนกลับไปไม่ได้ จนเมื่อแก้มใสของเด็กน้อยค่อย ๆ
ขึ้นสีระเรื่ออีกครั้งแล้วนั่นแหละ ผมจึงเสไปพูดเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้ยิ่งชวนประหม่าไปกันใหญ่
“ไปครับ อาบน้ำกัน”
พลับไม่ตอบคำ หากแต่คลี่ยิ้มบาง ๆ พลางกระชับฝ่ามือแนบกับมือผม ก่อนที่เราทั้งคู่ในชุดวันเกิดจะก้าวลงอ่างอาบน้ำไปพร้อม
ๆ กัน
.
.
.
.
.
.
.
“เมื่อกี๊ฌานคิดอะไรอยู่เหรอ?”
จะเพราะมัวแต่จดจ่อกับเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึงมากเกินไป
หรือจะเพราะอะไรก็แล้วแต่ ทว่าผมกลับเพิ่งได้สติอีกครั้งหลังจากได้ยินคำถามของคนที่นั่งแช่น้ำอุ่นอยู่อีกฝั่งของอ่างอาบน้ำ
“ตอนไหนครับ?”
“ก็ตอนถอดเสื้อผ้าไง”
แทนที่จะอธิบายสิ่งที่ผมคิดผ่านคำพูดจา
ผมกลับเลือกที่จะกวาดสายตาชื่นชมเรือนร่างของอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ ด้วยความภาคภูมิใจ
ซึ่งหากพลับไม่รู้สึกประหม่าไปเสียก่อน เขาคงรับรู้ได้ว่า
ผมดีใจแค่ไหนที่กำลังจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันกับเขาโดยสมบูรณ์เสียที
“พลับเห็นฌานเหม่อ
ๆ ” ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเด็กน้อยไม่มีเจตนายั่วยวนหรือปลุกปั่นให้ผมร้อนรุ่ม หากแต่การเสหลบตาทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำขณะเอ่ยคำ
ทำให้ผมไม่อาจอดใจรอได้อีก ผมจึงคว้าตัวเขามานั่งซ้อนตักแล้วเฝ้ามองเด็กน้อยในภาวะไม่เป็นตัวของตัวเองใกล้
ๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่คำพูดหรือบทสนทนาทั้งหลายจะไม่จำเป็นอีกต่อไป
“จริง ๆ
พลับน่าจะออกกำลังกายมากกว่านี้นะ ตัวจะได้ไม่ผอมเป็นขี้ก้าง ดูดิ
ไม่เห็นจะน่ามองเหมือนฌานเลย” ยิ่งเราเข้าใกล้กันมากขึ้นเท่าไร สุ้มเสียงที่แหบนิด
ๆ ของอีกฝ่ายก็ดูจะรัวเร็วขึ้นอีกหลายเท่า
ไม่ต้องให้ใครบอกผมก็เดาได้ว่าตอนนี้
พลับคงจะกำลังเขินเอามาก ๆ เพราะนอกจากลิ้นจะพันกันแล้ว หัวใจเขายังเต้นดังและรุนแรงเสียจนผมชักห่วง
กระนั้น ผมกลับยินดีที่จะนั่งฟังมันเต้นโครมครามแบบนี้ไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ
กับรอให้ถ้อยคำที่ค้างคาอยู่ในใจอีกฝ่ายค่อย ๆ ถูกระบายออกมาพร้อมกับความตื่นเต้น
เพราะนั่นคือสัญญาณที่บอกให้ผมรู้ว่า ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกที่ตั้งตารอให้ค่ำคืนนี้ของเรามาถึง
เขาเองก็กำลังนับถอยหลังอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่เช่นกัน
“รู้อย่างนี้พลับเข้าชมรมว่ายน้ำกับกลางเสียก็ดี
ยิ่งพี่พลายยิ่งแล้วใหญ่ อีกนิดก็ตัวจะเท่าป๋าอยู่แล้ว”
“ตัวเล็กเขินเหรอครับ?”
จริงอยู่ที่ผมไม่ค่อยแกล้งเด็กน้อยเหมือนเพื่อน ๆ หรือพี่ ๆ คนอื่นที่ชอบแหย่แฟนตัวเอง
แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าใครลองได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ย่อมไม่อาจอดใจ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไร
พลับไม่ใช่คนช่างจ้อ หากแต่ยามประหม่า เด็กน้อยของผมกลับเจรจาไม่ขาดปาก
และดูเหมือนครั้งนี้ แฟนผมจะพูดมากกว่าทุก ๆ ทีที่เราอยู่ด้วยกัน
“เปล่า
พลับจะเขินทำไม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทำอะไรแบบนี้ด้วยกันเสียหน่อย”
“แต่มันเป็นครั้งแรกที่เราจะมีอะไรกันนะครับ”
“ก็พลับเห็นฌานเงียบ
ๆ ตอนเห็นพลับโป๊ พลับเลยคิดว่า ขี้ก้างขนาดนี้ ฌานจะไม่อยากกอดพลับ”ผมนึกขำในใจเมื่อเห็นเด็กน้อยแสร้งฉีกยิ้มพลางเจื้อยแจ้วต่อคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้ง ๆ ที่ลำตัวที่เคยขาวผ่องอยู่เมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน ๆ
ไปทั่วทุกอณู
“ชู่ว์ตัวเล็ก! ถ้าไม่อยากกอดตัวเล็กแล้วฌานจะเป็นแบบนี้เหรอครับ?”
ขณะกระซิบถามเด็กน้อย ผมก็รั้งกายท่อนล่างของเขาลงสัมผัสกับความพร้อมพรั่งกึ่งกลางลำตัว
ซึ่งสีหน้าตื่นตะลึงระคนเก้อกระดากของอีกฝ่ายไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยสักครั้งเดียว
“ฌะ... ฌาน”
“เป็นของฌานนะครับ”
พลับก้มหน้างุดพลางอ้อมแอ้มกับอกผมด้วยประโยคขอร้องสุดน่ารัก
“ไปที่เตียงได้ไหม? พลับกลัวหัวฟาดขอบอ่าง”
สุดท้ายแล้วก็มีเสียงหัวเราะของผมนี่แหละที่สามารถกลบเสียงหัวใจเต้นรัวของเด็กน้อยได้อย่างราบคาบ
ทว่าแปลกเหลือเกินที่หลังจากรวบร่างเก้งก้างขึ้นพ้นจากผิวน้ำ
ความตื่นเต้นระคนประหม่าที่อีกฝ่ายกำลังรู้สึกอยู่ก็ไหลบ่าท่วมท้นเข้ามาในตัว
จนหัวใจผมเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำตามเขาไปติด ๆ
แต่ไม่เป็นไรหรอก
ผมจะคิดเสียว่า มันคือท่วงทำนองนำร่องที่ขับขานก่อนการรอคอยอันยาวนานของเราสองคนก็จะสิ้นสุดลงภายในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
“อือ” ทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว
เสียงครางอ่อนก็ลอดออกจากปากของปวรจนคนแอบนอนมองอยู่ข้าง ๆ โผเข้ามาถามไถ่อาการอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ตัวเล็ก
เป็นไงบ้างครับ?”
.
.
.
.
.
.
“เมื่อย” เด็กหนุ่มบรรยายความรู้สึกสั้น
ๆ หลังรวบผ้าห่มแนบตัวพร้อมกระถดร่างเข้าประชิดแผ่นอกของตากล้องหนุ่มเพื่อร้องขอไออุ่นและอ้อมกอด
ทว่าฌานยังไม่วางใจ เพราะเท่าที่เขาได้รับฟังคำบอกเล่าจากเหล่าสมุนเลวผู้มีประสบการณ์ตรงทั้งหลาย
กว่าสองในสามพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังผ่านคืนแรกไป
พวกเขาต้องให้เวลากับการฟื้นฟูร่างกายต่อยู่หลายวัน
“แค่เมื่อยเหรอครับ?
แล้วอย่างอื่นล่ะ รู้สึกไหม?”
ทายาทหมายเลขสามของบ้านบิดตัวจนกระดูกลั่นก่อนจะม้วนผ้าห่มกลิ้งไปอีกฝั่งของเตียงแล้วจึงกลิ้งกลับพร้อมให้ความเห็น
“ไม่นะ แค่เมื่อยเอว คงจะขยับมากไป แฮ่!” สิ้นคำ ฝาแฝดคนเล็กก็แลบลิ้นพลางทำหน้าทะเล้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเก้อเขิน
“แล้วเจ็บตรงนั้นไหมครับ?”
“โหฌาน! ถามตรงเกิ๊น!”
“ก็ฌานเป็นห่วงนี่ครับ
ว่ายังไงครับ เจ็บไหม?”
“หึ!” พลับส่ายหัวดิกพลางเม้มปากด้วยไม่อยากคลี่ยิ้มให้ตัวเองยิ่งพลอยรู้สึกประหม่าไปกันใหญ่
“แน่นะ?”
“อือฮึ!” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วเพราะเริ่มจะต่อกรกับสายตาซอกแซกของคู่สนทนาไม่ไหว
เนื่องจากผลลัพธ์ผิดเพี้ยนไปจากความเข้าใจ
ฌานจึงแนบหลังมือลงวัดอุณหภูมิของร่างกายอีกฝ่ายตรงหน้าผากเสียเลย
ทว่าเมื่อไม่พบอาการตัวร้อนผิดปกติ อดีตเด็กเต็กจึงฉวยก้อนผ้าห่มสอดไส้คนรักมากอดก่ายเอาไว้เพื่อถามไถ่สอบสวน
“แล้วเมื่อคืนเป็นไงบ้างครับ? ชอบหรือเปล่า?”
ทันทีที่ได้ยินคำถามล้วงลูก
เด็กหนุ่มก็ดึงชายผ้าห่มขึ้นปิดหน้าทันที ก่อนจะมีเสียงอู้อี้ดังลอดออกมาให้พอได้ยิน
“ชอบ”
“ไม่เอาแบบนี้สิครับ
ออกมาคุยกันดี ๆ ก่อนครับตัวเล็ก” ฌานแย้งพลางยื้อยุดชายผ้าผวยกับอีกฝ่ายจนเด็กหนุ่มร้องลั่น
“ม่ายยย”
เจ้าของเสียงดิ้นขลุกขลักหนีฝ่ามือที่พยายามยื้อผืนผ้าออกจากหน้า
ทว่าตากล้องหนุ่มกลับไม่ยอมแพ้
“แต่ฌานอยากเห็นหน้าตัวเล็กนี่ครับ”
“ไม่เอา! พลับเขิน! ถ้าไม่คุยแบบนี้ก็ห้ามฌานถามพลับเรื่องนั้นอีก
ตกลงไหม?”
การเจรจาต่อรองของคนโตกว่ามีอันต้องพับไปทันทีที่ปวรยื่นคำขาดด้วยหางเสียงติดฉุน
“ก็ได้ครับ คุยกันแบบนี้ก็ได้” ฌานกวาดตามองกองผ้าห่มอีกครั้งอย่างชั่งใจขณะยิงคำถามที่สะท้อนความไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองออกมาลุ่น
ๆ “ที่บอกว่าชอบ คือชอบตรงไหนที่สุดครับ?”
.
.
.
.
.
.
.
“...ก็...
ทุกตรง”
“ชอบทั้งหมดเลยเหรอครับ?
ไม่อยากให้ฌานปรับตรงไหนเลยเหรอ?” จริงอยู่ที่เขาเห็นโลกมามากกว่าอีกฝ่าย
แต่ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ฌานเองก็มือใหม่พอ ๆ กับพลับ จึงไม่แปลกหากลึก ๆ แล้ว
ชายหนุ่มจะปริวิตกกับทักษะในการสร้างสุขให้คนรักอยู่มากทีเดียว
“ก็ชอบหมดนั่นแหละ
ฌานทำอะไรให้ พลับชอบทั้งนั้นเลย ไม่ต้องปรับหรอก”
“จริงเหรอครับตัวเล็ก?”
“ก็จริงน่ะสิ
พลับจะโกหกฌานทำไมล่ะ?!”
จากเดิมที่แม้จะรู้สึกเขินอยู่บ้าง ทว่าเด็กหนุ่มก็ตั้งใจตอบทุก ๆ
คำถามเป็นอย่างดี แต่เมื่อเริ่มโดนอีกฝ่ายต้อนจนเริ่มเขินจนหูอื้อตาลาย
ปวรก็เริ่มจะออกอาการโวยวายแกมเหวี่ยงนิด ๆ เข้าให้แล้ว
“เหรอครับ
แต่ฌานยังไม่มั่นใจเลย”
“มั่นใจได้เลย
พลับรับประกันคุณภาพ!”
ฝาแฝดคนสุดท้องภาวนาให้นี่เป็นคำถามข้อสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องน่าอับอายที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า
ทว่าฌานกลับทำให้เลือดในกายเขาร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง
“งั้นขอฌานพิสูจน์คุณภาพอีกรอบได้ไหมครับ?”
“จะบ้าเหรอฌาน?! ฟ้าสว่างโร่แบบนี้ ไม่เอานะ!” เด็กหนุ่มในโปงผ้าแหวเสียงเขียว...
ลำพังภาพในหัวเกี่ยวกับประสบการณ์หลังดับไฟเมื่อคืนก็ทำให้เขาเวียนหัวมากพอแล้ว
อย่าเพิ่งคิดจะต่อยอดความวาบหวิวทั้ง ๆ ที่แดดจ้าเลย เขากลัวจะมองหน้าฌานไม่ติดเอาเปล่า
ๆ
“ทำไมล่ะครับ?”
ไม่ถามเปล่า ตากล้องหนุ่มยังพยายามคว้าลำตัวเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มออกมาคุยกันเสียอีก
“ไม่เอา
พลับอาย!” ปวรโวยวายพลางปัดฝ่าใต้โปงผ้าเป็นพัลวัน กระนั้นสัมผัสเย็น ๆ ที่โอบล้อมปลายนิ้วนางข้างซ้ายก็ทำให้เด็กหนุ่มยอมโผล่หน้าออกมาในที่สุด
“ฌาน?!”ปวรอุทานด้วยความยินดีเมื่อเห็นแหวนเกลี้ยงวงเดิมที่อีกฝ่ายมอบให้พร้อมสายสร้อยในวันเกิดครบรอบห้าขวบของเขา
ย้ายมาอยู่ในที่ ๆ เหมาะสม แค่เพียงสบตากัน เด็กหนุ่มก็เข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
“ตัวเล็กเป็นคนของฌานเต็มตัวแล้วนะครับ”
ขาดคำ ฌานก็ประทับริมฝคปากกับหน้าผากเนียนเนิ่นนาน
ก่อนจะผละจากเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ “ทีนี้ถ้าใครถามก็บอกเขาได้เลยนะว่าเราเป็นคนรักกัน”
“ขอบคุณนะฌาน
ขอบคุณที่อดทน ขอบคุณที่รักพลับ ขอบคุณที่รักครอบครัวพลับ” คนเกิดทีหลังอมยิ้มก่อนจะกระเซ้าตากล้องหนุ่มทิ้งท้ายโดยไม่ลืมพาดพิงถึงบุคคลที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอีกฝ่ายมาตลอดหลายปี
“โดยเฉพาะป๋า”
“หึ หึ หึ ครับ
แต่ไม่ต้องขอบคุณฌานหรอกครับ ฌานเต็มใจทำเพื่อตัวเล็กทุกอย่างอยู่แล้ว... ฌานรักตัวเล็กนะครับ”
“พลับรักฌานจัง!” จังหวะที่กำลังจะโผเข้าไปกอดและตบรางวัลคนรักให้สมกับความรู้สึกแช่มชื่นและซาบซ่านไปทั้งหัวใจ
ปวรก็นึกขึ้นได้ว่าทางเขาเองยังไม่ได้กำชับกำชาอีกฝ่ายให้แม่นมั่น
เด็กหนุ่มจึงชะงักท่วงท่าค้างกลางอากาศ ก่อนจะถลึงตาพร้อมทำหน้าดุใส่คนรักในบัดดล “ฌานเองก็เหมือนกันนะ
ต่อไปถ้ามีใครถามก็บอกไปเลยว่ามีแฟน
แล้ว”
“ได้เลยครับ”
“แต่ถ้ามีใครมาจีบก็บอกว่ามีเมียแล้ว
และรักเมียมากกก”
หางเสียงที่ลากยาวกับสีหน้าเอาเรื่องของเด็กน้อยในอ้อมกอดทำเอาตากล้องแฟชันชื่อดังระเบิดหัวเราะลั่นห้อง
จะมีใครแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแฟนได้น่ารักเท่าพลับอีกไหมนะ?! “ครับ ตามนั้นครับ”
“พลับว่า จริง
ๆ แล้วการรอคอยก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียวนะฌาน” ปวรเอ่ยพลางประสานสายตากับคนเกิดก่อน ฝ่ายฌานก็เลิกคิ้วขึ้นน้อย
ๆ พร้อมกับนิ่งฟัง “เพราะช่วงเวลาที่เราอดทนรออย่างทรมานก็ทำให้เรารู้คุณค่าของสิ่งที่เรามีในวันนี้
พลับสัญญาว่าพลับจะเป็นคนรักที่ดี และซื่อสัตย์กับฌานที่สุด อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อย
ๆ นะฌาน”
“ครับ เราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปครับ”
“ดีใจจังที่เราได้กันเสียที! ถ้ารู้ว่าเซ็กส์มันดีขนาดนี้พลับคงปล้ำฌานไปนานแล้วล่ะ!” ฌานถึงกับเบิกตามองคนรักด้วยสายตาตื่นตะลึง
จะให้เขาไม่ประหลาดใจได้อย่างไรไหว
ในเมื่ออยู่ ๆ
อีกฝ่ายก็หยัดตัวขึ้นชูกำปั้นขึ้นชี้ฟ้าพลางประกาศกร้าวด้วยทีท่าก๋ากั่น เห็นดังนั้นชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่า
อีกฝ่ายคงจะกำลังมีความสุขสุด ๆ อยู่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้น ปวรคงไม่คึกจนทำตัวหลุดกรอบแบบนี้
แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็อดดีใจไม่ได้ที่ความอดทนอันยาวนานของตัวเองไม่เคยสูญค่าหรือเปล่าดาย
“ฮ่า ๆๆ
” หลังจากความในใจของเด็กหนุ่มถูกเปิดเผยให้โลกได้รับรู้
ผู้ร่วมเหตุการณ์ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันพร้อมกับระเบิดหัวเราะเสียงดัง “อย่าไปเผลอพูดแบบนี้ให้ป๋าได้ยินเชียวนะครับ
เดี๋ยวป๋าจะโกรธเอา”
“ป๋าไม่โกรธหรอก”
“จะไม่โกรธได้ไงครับ
นี่ถ้าป๋ากลับมาแล้วรู้ว่าปลาย่างสุดที่รักถูกแมวฌานจับกินแล้วเรียบร้อย ป๋าต้องแผลงฤทธิ์อะไรอีกแน่
ๆ ” ฌานเอ่ยอย่างหวาด ๆ เมื่อเผลอนึกไปถึงอนาคตอันใกล้หลังพ่อตาหน้าเข้มกลับมาถึงเมืองไทยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“แต่พลับว่าป๋าไม่น่าจะมีแผนอะไรอีกแล้วนะ
เพราะถ้าป๋าคิดจะกีดกันเราสองคนจริง ๆ ป๋าคงไม่ยอมพายัยจิ๋ว แด๊ด แล้วก็พ่อฟูไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์แบบกะทันหันหรอก”
ปวรสรุปตามความเข้าใจของตัวเอง เพราะเท่าที่เขารู้ พ่อ ๆ ทั้งสามของพวกเขาดูจะไม่ติดใจอะไรเมื่อต้องทิ้งให้พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของฌานตลอดสี่วัน
“ไม่นะครับ จริง
ๆ ที่ป๋ายอมไปดิสนีย์แลนด์ก็เพราะฌานจ้างอาเจ็กกับอาบ๊วยให้พาบง ๆ ไปเที่ยว แลกกับการขอให้บง
ๆ โทรมาชวนน้องเพลินให้ไปด้วยกันน่ะครับ” ตากล้องหนุ่มแย้งด้วยการแย้มพรายถึงแผนการที่ตนใช้เพื่อหลอกล่อให้ก้างขวางคอทั้งสามไม่อยู่กวนใจพวกเขาทั้งสอง
“โหฌาน!
นี่ฌานลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ?”
คนโตกว่ายิ้มบาง
ๆ พลางเกาท้ายทอยเขิน ๆ ขณะสารภาพความรู้สึก “ทีนี้รู้แล้วหรือยังล่ะครับตัวเล็กว่าฌานอยากเป็นเจ้าของตัวเล็กมากขนาดไหน?”
“อือ... รู้แล้ว”
เด็กหนุ่มหรุบตามองต่ำพลางส่งเสียงตอบดังงึมงำจนแทบจับความไม่ได้ กระนั้นประโยคเชิญชวน
หลังเจ้าตัวนิ่งเงียบคล้ายชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ๆ กลับดังกังวานในโสตประสาทคนฟังดีเสียจริง
.
.
.
.
.
.
“งั้นเราทำกันอีกดีไหม?”
“หืม?!
ตัวเล็กไม่หิวข้าวเหรอครับ?
ฌานว่าพวกเราเข้าไปอาบน้ำแล้วลงไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม?” ฌานไม่ปฏิเสธว่านั่นคือการพูดจาตรงข้ามกับความต้องการส่วนลึกในจิตใจ
ทว่าชายหนุ่มไม่อาจปล่อยให้อำนาจของตัณหาอยู่เหนือปากท้องและสุขอนามัยของผู้เป็นที่รักอย่างแน่นอน
“อีกสามวันพวกป๋าก็กลับมาแล้ว
ฌานไม่อยากใช้เวลากับพลับให้คุ้มค่าหน่อยเหรอ?” ทายาทรุ่นที่สามของคุณะประสิฒธิ์ส่ายหัวป้อยพลางให้เหตุผลที่ชวนทำให้คนฟังรู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังวังชาอย่างไม่น่าเชื่อ
“หึ หึ หึ!
ใครว่าล่ะครับ”
คนโตกว่ากระซิบเสียงนุ่มพลางไล้ปลายจมูกคลอเคลียไม่ห่างข้างแก้มเนียน “เอาเป็นว่า ถ้าตัวเล็กไม่สลบ
ฌานจะไม่หยุด ตกลงไหมครับ?” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มและสายตาวิบวับที่เด็กหนุ่มใช้แทนการรับคำกลาย
ๆ ละลายหายไปในม่านสายตาหลังจากทั้งสองหนุ่มถูกแรงปรารถนาดึงดูดเข้าหากันอีกครั้ง
«♥»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «♥»
No comments:
Post a Comment