Sunday, December 4, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» Spe. 14|| 05.12.2016



เนื่องจากวันนี้เป็นวันพิเศษ เราเลยอยากทำให้ทุก ๆ คนมีความสุข
ขอให้ความสุขนี้ ทำให้พวกเราก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็งนะคะ






«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The Special Bonding Vol.14
คืนพิเศษ คนพิเศษ




พลับโตขึ้นมาก...

แปลกนะ ทั้ง ๆ ที่เห็นกันอยู่ทุกวัน แถมยังได้นอนกอดกันแทบทุกคืนแท้ ๆ แต่พอได้เฝ้ามองเรือนร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าดี ๆ ผมก็เพิ่งตระหนักว่า ในอีกไม่ช้า เค้าลางของเด็กชายตัวน้อยที่ใครต่อใครคุ้นตากำลังจะลบเลือนจางหาย พร้อม ๆ กับที่รูปลักษณ์ของชายหนุ่มรูปงามน่าหลงใหลได้ก้าวย่างเข้ามาทดแทน

ไรหนวดบาง ๆ ที่ขึ้นล้อมกรอบหน้าและเหนือริมฝีปากสีชมพูคู่นั้น ช่วยขับให้ผิวหน้าขาวยิ่งดูชวนมองโดยเฉพาะในยามที่เจ้าตัวอยู่ใต้แสงรำไรเช่นในเวลานี้ โหนกแก้มกับสันกรามซึ่งเคยถูกบดบังด้วยพวงแก้มนุ่มนิ่มเด่นชัดขึ้นทีละนิด ๆ จนความเป็นผู้ใหญ่ค่อย ๆ เผยสู่สายตา ไหล่ผายกว้างที่แม้จะดูบางลงยามที่ผมยืนเทียบใกล้ ทำให้โครงร่างของมนุษย์เพศชายวัยฉกรรจ์ดูมีมิติและดึงดูดสายตากว่าเมื่อก่อนหลายเท่าตัว ไหนจะลำคอ แผ่นหลัง รวมถึงแขนขาที่ยืดยาวจนดูเก้งก้างนั่นอีกล่ะ...

นี่เขารีบโตเพื่อผมขนาดนี้เชียวหรือ?

อย่างไรก็ดี แม้พลับจะรู้ว่าผมคลั่งไคล้ในตัวเขาเอามาก ๆ แต่กลับมีอยู่เรื่องหนึ่งที่พลับไม่เคยรู้ และผมตั้งใจจะเก็บมันเป็นความลับตลอดไป นั่นคือ ในบางจังหวะซึ่งผมกวาดหางตาเหลือบมองเด็กน้อยแบบผ่าน ๆ ผมมักจะเผลอตัวดื่มด่ำกับความรู้สึกผยองพองขนในอกอยู่บ่อย ๆ ... ช่วยไม่ได้นี่นะ ก็ใครใช้ให้ผมเป็นคนโชคดีที่เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้หลงรัก และปรารถนาจะครองคู่ด้วยล่ะ  


“ฌาน ฌานจะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม?” กระแสความไม่มั่นใจในน้ำเสียงของพลับทำให้ผมเลื่อนกรอบสายตาขึ้นจ้องมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง อะไรบางอย่างบอกผมว่าเด็กน้อยกำลังหวาดหวั่น

“เปลี่ยนใจ? เปลี่ยนใจเรื่องอะไรเหรอครับตัวเล็ก?”

“ก็เรื่องคืนนี้ไง” ใบหน้าของพลับเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างง่ายเหลือเกิน ยิ่งเวลาที่หัวข้อสนทนาเกี่ยวพันกับเรื่องอย่างว่าด้วยแล้วล่ะก็ “ฌานจะไม่เปลี่ยนใจแน่นะ?”

อาการวางหน้าไม่ถูกของเขาทำเอาผมหลุดหัวเราะเพราะนึกชอบใจ กระนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไปอีกทาง ผมจึงรีบยืนยันความต้องการของตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังอย่างที่สุด “ไม่ครับ ต่อให้ตัวเล็กร้องไห้งอแง ฌานก็จะไม่ยอมปล่อยตัวเล็กไปเด็ดขาด”

“มุ่งมั่นขนาดนั้นเลย?”

เพราะรู้ดีว่าการพยายามปั้นหน้านิ่งพลางพูดจาหยอกเย้าเมื่อสักครู่เป็นวิธีกลบเกลื่อนความรู้สึกกระดากอายให้พ้นจากสายตาผม ผมจึงอดส่งสายตาล้อเลียนคืนกลับไปไม่ได้ จนเมื่อแก้มใสของเด็กน้อยค่อย ๆ ขึ้นสีระเรื่ออีกครั้งแล้วนั่นแหละ ผมจึงเสไปพูดเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้ยิ่งชวนประหม่าไปกันใหญ่

“ไปครับ อาบน้ำกัน” พลับไม่ตอบคำ หากแต่คลี่ยิ้มบาง ๆ พลางกระชับฝ่ามือแนบกับมือผม ก่อนที่เราทั้งคู่ในชุดวันเกิดจะก้าวลงอ่างอาบน้ำไปพร้อม ๆ กัน
.
.
.
.
.
.
.
“เมื่อกี๊ฌานคิดอะไรอยู่เหรอ?”

จะเพราะมัวแต่จดจ่อกับเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึงมากเกินไป หรือจะเพราะอะไรก็แล้วแต่ ทว่าผมกลับเพิ่งได้สติอีกครั้งหลังจากได้ยินคำถามของคนที่นั่งแช่น้ำอุ่นอยู่อีกฝั่งของอ่างอาบน้ำ “ตอนไหนครับ?”

“ก็ตอนถอดเสื้อผ้าไง”

แทนที่จะอธิบายสิ่งที่ผมคิดผ่านคำพูดจา ผมกลับเลือกที่จะกวาดสายตาชื่นชมเรือนร่างของอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ ด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งหากพลับไม่รู้สึกประหม่าไปเสียก่อน เขาคงรับรู้ได้ว่า ผมดีใจแค่ไหนที่กำลังจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันกับเขาโดยสมบูรณ์เสียที

“พลับเห็นฌานเหม่อ ๆ ” ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเด็กน้อยไม่มีเจตนายั่วยวนหรือปลุกปั่นให้ผมร้อนรุ่ม หากแต่การเสหลบตาทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำขณะเอ่ยคำ ทำให้ผมไม่อาจอดใจรอได้อีก ผมจึงคว้าตัวเขามานั่งซ้อนตักแล้วเฝ้ามองเด็กน้อยในภาวะไม่เป็นตัวของตัวเองใกล้ ๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่คำพูดหรือบทสนทนาทั้งหลายจะไม่จำเป็นอีกต่อไป

“จริง ๆ พลับน่าจะออกกำลังกายมากกว่านี้นะ ตัวจะได้ไม่ผอมเป็นขี้ก้าง ดูดิ ไม่เห็นจะน่ามองเหมือนฌานเลย” ยิ่งเราเข้าใกล้กันมากขึ้นเท่าไร สุ้มเสียงที่แหบนิด ๆ ของอีกฝ่ายก็ดูจะรัวเร็วขึ้นอีกหลายเท่า

ไม่ต้องให้ใครบอกผมก็เดาได้ว่าตอนนี้ พลับคงจะกำลังเขินเอามาก ๆ เพราะนอกจากลิ้นจะพันกันแล้ว หัวใจเขายังเต้นดังและรุนแรงเสียจนผมชักห่วง กระนั้น ผมกลับยินดีที่จะนั่งฟังมันเต้นโครมครามแบบนี้ไปเรื่อย ๆ  พร้อม ๆ กับรอให้ถ้อยคำที่ค้างคาอยู่ในใจอีกฝ่ายค่อย ๆ ถูกระบายออกมาพร้อมกับความตื่นเต้น เพราะนั่นคือสัญญาณที่บอกให้ผมรู้ว่า ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกที่ตั้งตารอให้ค่ำคืนนี้ของเรามาถึง เขาเองก็กำลังนับถอยหลังอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่เช่นกัน

“รู้อย่างนี้พลับเข้าชมรมว่ายน้ำกับกลางเสียก็ดี ยิ่งพี่พลายยิ่งแล้วใหญ่ อีกนิดก็ตัวจะเท่าป๋าอยู่แล้ว”

“ตัวเล็กเขินเหรอครับ?” จริงอยู่ที่ผมไม่ค่อยแกล้งเด็กน้อยเหมือนเพื่อน ๆ หรือพี่ ๆ คนอื่นที่ชอบแหย่แฟนตัวเอง แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าใครลองได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ย่อมไม่อาจอดใจ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไร พลับไม่ใช่คนช่างจ้อ หากแต่ยามประหม่า เด็กน้อยของผมกลับเจรจาไม่ขาดปาก และดูเหมือนครั้งนี้ แฟนผมจะพูดมากกว่าทุก ๆ ทีที่เราอยู่ด้วยกัน

“เปล่า พลับจะเขินทำไม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทำอะไรแบบนี้ด้วยกันเสียหน่อย”

“แต่มันเป็นครั้งแรกที่เราจะมีอะไรกันนะครับ”

“ก็พลับเห็นฌานเงียบ ๆ ตอนเห็นพลับโป๊ พลับเลยคิดว่า ขี้ก้างขนาดนี้ ฌานจะไม่อยากกอดพลับ”ผมนึกขำในใจเมื่อเห็นเด็กน้อยแสร้งฉีกยิ้มพลางเจื้อยแจ้วต่อคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ลำตัวที่เคยขาวผ่องอยู่เมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน ๆ ไปทั่วทุกอณู

“ชู่ว์ตัวเล็ก! ถ้าไม่อยากกอดตัวเล็กแล้วฌานจะเป็นแบบนี้เหรอครับ?” ขณะกระซิบถามเด็กน้อย ผมก็รั้งกายท่อนล่างของเขาลงสัมผัสกับความพร้อมพรั่งกึ่งกลางลำตัว ซึ่งสีหน้าตื่นตะลึงระคนเก้อกระดากของอีกฝ่ายไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยสักครั้งเดียว

“ฌะ... ฌาน”  

“เป็นของฌานนะครับ”

พลับก้มหน้างุดพลางอ้อมแอ้มกับอกผมด้วยประโยคขอร้องสุดน่ารัก “ไปที่เตียงได้ไหม? พลับกลัวหัวฟาดขอบอ่าง”

สุดท้ายแล้วก็มีเสียงหัวเราะของผมนี่แหละที่สามารถกลบเสียงหัวใจเต้นรัวของเด็กน้อยได้อย่างราบคาบ ทว่าแปลกเหลือเกินที่หลังจากรวบร่างเก้งก้างขึ้นพ้นจากผิวน้ำ ความตื่นเต้นระคนประหม่าที่อีกฝ่ายกำลังรู้สึกอยู่ก็ไหลบ่าท่วมท้นเข้ามาในตัว จนหัวใจผมเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำตามเขาไปติด ๆ  

แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมจะคิดเสียว่า มันคือท่วงทำนองนำร่องที่ขับขานก่อนการรอคอยอันยาวนานของเราสองคนก็จะสิ้นสุดลงภายในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้  

«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“อือ” ทันทีที่เริ่มรู้สึกตัว เสียงครางอ่อนก็ลอดออกจากปากของปวรจนคนแอบนอนมองอยู่ข้าง ๆ  โผเข้ามาถามไถ่อาการอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“ตัวเล็ก เป็นไงบ้างครับ?”
.
.
.
.
.
.
“เมื่อย” เด็กหนุ่มบรรยายความรู้สึกสั้น ๆ หลังรวบผ้าห่มแนบตัวพร้อมกระถดร่างเข้าประชิดแผ่นอกของตากล้องหนุ่มเพื่อร้องขอไออุ่นและอ้อมกอด ทว่าฌานยังไม่วางใจ เพราะเท่าที่เขาได้รับฟังคำบอกเล่าจากเหล่าสมุนเลวผู้มีประสบการณ์ตรงทั้งหลาย กว่าสองในสามพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังผ่านคืนแรกไป พวกเขาต้องให้เวลากับการฟื้นฟูร่างกายต่อยู่หลายวัน

“แค่เมื่อยเหรอครับ? แล้วอย่างอื่นล่ะ รู้สึกไหม?”

ทายาทหมายเลขสามของบ้านบิดตัวจนกระดูกลั่นก่อนจะม้วนผ้าห่มกลิ้งไปอีกฝั่งของเตียงแล้วจึงกลิ้งกลับพร้อมให้ความเห็น “ไม่นะ แค่เมื่อยเอว คงจะขยับมากไป แฮ่!” สิ้นคำ ฝาแฝดคนเล็กก็แลบลิ้นพลางทำหน้าทะเล้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการเก้อเขิน

“แล้วเจ็บตรงนั้นไหมครับ?”

“โหฌาน! ถามตรงเกิ๊น!

“ก็ฌานเป็นห่วงนี่ครับ ว่ายังไงครับ เจ็บไหม?”

“หึ!” พลับส่ายหัวดิกพลางเม้มปากด้วยไม่อยากคลี่ยิ้มให้ตัวเองยิ่งพลอยรู้สึกประหม่าไปกันใหญ่

“แน่นะ?”

“อือฮึ!” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วเพราะเริ่มจะต่อกรกับสายตาซอกแซกของคู่สนทนาไม่ไหว

เนื่องจากผลลัพธ์ผิดเพี้ยนไปจากความเข้าใจ ฌานจึงแนบหลังมือลงวัดอุณหภูมิของร่างกายอีกฝ่ายตรงหน้าผากเสียเลย ทว่าเมื่อไม่พบอาการตัวร้อนผิดปกติ อดีตเด็กเต็กจึงฉวยก้อนผ้าห่มสอดไส้คนรักมากอดก่ายเอาไว้เพื่อถามไถ่สอบสวน “แล้วเมื่อคืนเป็นไงบ้างครับ? ชอบหรือเปล่า?”

ทันทีที่ได้ยินคำถามล้วงลูก เด็กหนุ่มก็ดึงชายผ้าห่มขึ้นปิดหน้าทันที ก่อนจะมีเสียงอู้อี้ดังลอดออกมาให้พอได้ยิน “ชอบ”

“ไม่เอาแบบนี้สิครับ ออกมาคุยกันดี ๆ ก่อนครับตัวเล็ก” ฌานแย้งพลางยื้อยุดชายผ้าผวยกับอีกฝ่ายจนเด็กหนุ่มร้องลั่น

ม่ายยย” เจ้าของเสียงดิ้นขลุกขลักหนีฝ่ามือที่พยายามยื้อผืนผ้าออกจากหน้า ทว่าตากล้องหนุ่มกลับไม่ยอมแพ้

“แต่ฌานอยากเห็นหน้าตัวเล็กนี่ครับ”

“ไม่เอา! พลับเขิน! ถ้าไม่คุยแบบนี้ก็ห้ามฌานถามพลับเรื่องนั้นอีก ตกลงไหม?”

การเจรจาต่อรองของคนโตกว่ามีอันต้องพับไปทันทีที่ปวรยื่นคำขาดด้วยหางเสียงติดฉุน “ก็ได้ครับ คุยกันแบบนี้ก็ได้” ฌานกวาดตามองกองผ้าห่มอีกครั้งอย่างชั่งใจขณะยิงคำถามที่สะท้อนความไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองออกมาลุ่น ๆ “ที่บอกว่าชอบ คือชอบตรงไหนที่สุดครับ?”
.
.
.
.
.
.
.
“...ก็... ทุกตรง”

“ชอบทั้งหมดเลยเหรอครับ? ไม่อยากให้ฌานปรับตรงไหนเลยเหรอ?” จริงอยู่ที่เขาเห็นโลกมามากกว่าอีกฝ่าย แต่ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ฌานเองก็มือใหม่พอ ๆ กับพลับ จึงไม่แปลกหากลึก ๆ แล้ว ชายหนุ่มจะปริวิตกกับทักษะในการสร้างสุขให้คนรักอยู่มากทีเดียว

“ก็ชอบหมดนั่นแหละ ฌานทำอะไรให้ พลับชอบทั้งนั้นเลย ไม่ต้องปรับหรอก”

“จริงเหรอครับตัวเล็ก?”

“ก็จริงน่ะสิ พลับจะโกหกฌานทำไมล่ะ?!” จากเดิมที่แม้จะรู้สึกเขินอยู่บ้าง ทว่าเด็กหนุ่มก็ตั้งใจตอบทุก ๆ คำถามเป็นอย่างดี แต่เมื่อเริ่มโดนอีกฝ่ายต้อนจนเริ่มเขินจนหูอื้อตาลาย ปวรก็เริ่มจะออกอาการโวยวายแกมเหวี่ยงนิด ๆ เข้าให้แล้ว

“เหรอครับ แต่ฌานยังไม่มั่นใจเลย”

“มั่นใจได้เลย พลับรับประกันคุณภาพ!” ฝาแฝดคนสุดท้องภาวนาให้นี่เป็นคำถามข้อสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องน่าอับอายที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ทว่าฌานกลับทำให้เลือดในกายเขาร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง

“งั้นขอฌานพิสูจน์คุณภาพอีกรอบได้ไหมครับ?”

“จะบ้าเหรอฌาน?! ฟ้าสว่างโร่แบบนี้ ไม่เอานะ!” เด็กหนุ่มในโปงผ้าแหวเสียงเขียว... ลำพังภาพในหัวเกี่ยวกับประสบการณ์หลังดับไฟเมื่อคืนก็ทำให้เขาเวียนหัวมากพอแล้ว อย่าเพิ่งคิดจะต่อยอดความวาบหวิวทั้ง ๆ ที่แดดจ้าเลย เขากลัวจะมองหน้าฌานไม่ติดเอาเปล่า ๆ

“ทำไมล่ะครับ?” ไม่ถามเปล่า ตากล้องหนุ่มยังพยายามคว้าลำตัวเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มออกมาคุยกันเสียอีก

ไม่เอา พลับอาย!” ปวรโวยวายพลางปัดฝ่าใต้โปงผ้าเป็นพัลวัน กระนั้นสัมผัสเย็น ๆ ที่โอบล้อมปลายนิ้วนางข้างซ้ายก็ทำให้เด็กหนุ่มยอมโผล่หน้าออกมาในที่สุด

ฌาน?!”ปวรอุทานด้วยความยินดีเมื่อเห็นแหวนเกลี้ยงวงเดิมที่อีกฝ่ายมอบให้พร้อมสายสร้อยในวันเกิดครบรอบห้าขวบของเขา ย้ายมาอยู่ในที่ ๆ เหมาะสม แค่เพียงสบตากัน เด็กหนุ่มก็เข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

“ตัวเล็กเป็นคนของฌานเต็มตัวแล้วนะครับ” ขาดคำ ฌานก็ประทับริมฝคปากกับหน้าผากเนียนเนิ่นนาน ก่อนจะผละจากเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ “ทีนี้ถ้าใครถามก็บอกเขาได้เลยนะว่าเราเป็นคนรักกัน”

“ขอบคุณนะฌาน ขอบคุณที่อดทน ขอบคุณที่รักพลับ ขอบคุณที่รักครอบครัวพลับ” คนเกิดทีหลังอมยิ้มก่อนจะกระเซ้าตากล้องหนุ่มทิ้งท้ายโดยไม่ลืมพาดพิงถึงบุคคลที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอีกฝ่ายมาตลอดหลายปี “โดยเฉพาะป๋า”

“หึ หึ หึ ครับ แต่ไม่ต้องขอบคุณฌานหรอกครับ ฌานเต็มใจทำเพื่อตัวเล็กทุกอย่างอยู่แล้ว... ฌานรักตัวเล็กนะครับ”

“พลับรักฌานจัง!” จังหวะที่กำลังจะโผเข้าไปกอดและตบรางวัลคนรักให้สมกับความรู้สึกแช่มชื่นและซาบซ่านไปทั้งหัวใจ ปวรก็นึกขึ้นได้ว่าทางเขาเองยังไม่ได้กำชับกำชาอีกฝ่ายให้แม่นมั่น เด็กหนุ่มจึงชะงักท่วงท่าค้างกลางอากาศ ก่อนจะถลึงตาพร้อมทำหน้าดุใส่คนรักในบัดดล “ฌานเองก็เหมือนกันนะ ต่อไปถ้ามีใครถามก็บอกไปเลยว่ามีแฟน
แล้ว”

“ได้เลยครับ”

“แต่ถ้ามีใครมาจีบก็บอกว่ามีเมียแล้ว และรักเมียมากกก”  

หางเสียงที่ลากยาวกับสีหน้าเอาเรื่องของเด็กน้อยในอ้อมกอดทำเอาตากล้องแฟชันชื่อดังระเบิดหัวเราะลั่นห้อง จะมีใครแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแฟนได้น่ารักเท่าพลับอีกไหมนะ?! “ครับ ตามนั้นครับ”

“พลับว่า จริง ๆ แล้วการรอคอยก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียวนะฌาน” ปวรเอ่ยพลางประสานสายตากับคนเกิดก่อน ฝ่ายฌานก็เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ พร้อมกับนิ่งฟัง “เพราะช่วงเวลาที่เราอดทนรออย่างทรมานก็ทำให้เรารู้คุณค่าของสิ่งที่เรามีในวันนี้ พลับสัญญาว่าพลับจะเป็นคนรักที่ดี และซื่อสัตย์กับฌานที่สุด อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นะฌาน”

“ครับ เราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปครับ”

ดีใจจังที่เราได้กันเสียที! ถ้ารู้ว่าเซ็กส์มันดีขนาดนี้พลับคงปล้ำฌานไปนานแล้วล่ะ!” ฌานถึงกับเบิกตามองคนรักด้วยสายตาตื่นตะลึง

จะให้เขาไม่ประหลาดใจได้อย่างไรไหว ในเมื่ออยู่ ๆ อีกฝ่ายก็หยัดตัวขึ้นชูกำปั้นขึ้นชี้ฟ้าพลางประกาศกร้าวด้วยทีท่าก๋ากั่น เห็นดังนั้นชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่า อีกฝ่ายคงจะกำลังมีความสุขสุด ๆ อยู่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้น ปวรคงไม่คึกจนทำตัวหลุดกรอบแบบนี้ แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็อดดีใจไม่ได้ที่ความอดทนอันยาวนานของตัวเองไม่เคยสูญค่าหรือเปล่าดาย

ฮ่า ๆๆ ” หลังจากความในใจของเด็กหนุ่มถูกเปิดเผยให้โลกได้รับรู้ ผู้ร่วมเหตุการณ์ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันพร้อมกับระเบิดหัวเราะเสียงดัง “อย่าไปเผลอพูดแบบนี้ให้ป๋าได้ยินเชียวนะครับ เดี๋ยวป๋าจะโกรธเอา”

“ป๋าไม่โกรธหรอก”

“จะไม่โกรธได้ไงครับ นี่ถ้าป๋ากลับมาแล้วรู้ว่าปลาย่างสุดที่รักถูกแมวฌานจับกินแล้วเรียบร้อย ป๋าต้องแผลงฤทธิ์อะไรอีกแน่ ๆ ” ฌานเอ่ยอย่างหวาด ๆ เมื่อเผลอนึกไปถึงอนาคตอันใกล้หลังพ่อตาหน้าเข้มกลับมาถึงเมืองไทยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

“แต่พลับว่าป๋าไม่น่าจะมีแผนอะไรอีกแล้วนะ เพราะถ้าป๋าคิดจะกีดกันเราสองคนจริง ๆ ป๋าคงไม่ยอมพายัยจิ๋ว แด๊ด แล้วก็พ่อฟูไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์แบบกะทันหันหรอก” ปวรสรุปตามความเข้าใจของตัวเอง เพราะเท่าที่เขารู้ พ่อ ๆ ทั้งสามของพวกเขาดูจะไม่ติดใจอะไรเมื่อต้องทิ้งให้พวกเขาอยู่ภายใต้การดูแลของฌานตลอดสี่วัน

“ไม่นะครับ จริง ๆ ที่ป๋ายอมไปดิสนีย์แลนด์ก็เพราะฌานจ้างอาเจ็กกับอาบ๊วยให้พาบง ๆ ไปเที่ยว แลกกับการขอให้บง ๆ โทรมาชวนน้องเพลินให้ไปด้วยกันน่ะครับ” ตากล้องหนุ่มแย้งด้วยการแย้มพรายถึงแผนการที่ตนใช้เพื่อหลอกล่อให้ก้างขวางคอทั้งสามไม่อยู่กวนใจพวกเขาทั้งสอง

โหฌาน! นี่ฌานลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ?

คนโตกว่ายิ้มบาง ๆ พลางเกาท้ายทอยเขิน ๆ ขณะสารภาพความรู้สึก “ทีนี้รู้แล้วหรือยังล่ะครับตัวเล็กว่าฌานอยากเป็นเจ้าของตัวเล็กมากขนาดไหน?”

“อือ... รู้แล้ว” เด็กหนุ่มหรุบตามองต่ำพลางส่งเสียงตอบดังงึมงำจนแทบจับความไม่ได้ กระนั้นประโยคเชิญชวน หลังเจ้าตัวนิ่งเงียบคล้ายชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ ๆ กลับดังกังวานในโสตประสาทคนฟังดีเสียจริง
.
.
.
.
.
.
“งั้นเราทำกันอีกดีไหม?”

“หืม?! ตัวเล็กไม่หิวข้าวเหรอครับ? ฌานว่าพวกเราเข้าไปอาบน้ำแล้วลงไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม?” ฌานไม่ปฏิเสธว่านั่นคือการพูดจาตรงข้ามกับความต้องการส่วนลึกในจิตใจ ทว่าชายหนุ่มไม่อาจปล่อยให้อำนาจของตัณหาอยู่เหนือปากท้องและสุขอนามัยของผู้เป็นที่รักอย่างแน่นอน

“อีกสามวันพวกป๋าก็กลับมาแล้ว ฌานไม่อยากใช้เวลากับพลับให้คุ้มค่าหน่อยเหรอ?” ทายาทรุ่นที่สามของคุณะประสิฒธิ์ส่ายหัวป้อยพลางให้เหตุผลที่ชวนทำให้คนฟังรู้สึกฮึกเหิมและมีกำลังวังชาอย่างไม่น่าเชื่อ

“หึ หึ หึ! ใครว่าล่ะครับ” คนโตกว่ากระซิบเสียงนุ่มพลางไล้ปลายจมูกคลอเคลียไม่ห่างข้างแก้มเนียน “เอาเป็นว่า ถ้าตัวเล็กไม่สลบ ฌานจะไม่หยุด ตกลงไหมครับ?” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มและสายตาวิบวับที่เด็กหนุ่มใช้แทนการรับคำกลาย ๆ ละลายหายไปในม่านสายตาหลังจากทั้งสองหนุ่มถูกแรงปรารถนาดึงดูดเข้าหากันอีกครั้ง




 «»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»



No comments:

Post a Comment