Wednesday, December 21, 2016

ถ้าต้อยได้ ชายจะเป็นอมตะ ||#06|| 21.12.2016



<|No.06|>
อาการสมถะเฉียบพลัน เป็นวันนี้ งานก็เข้าทันทีเลยจ้า


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


พิชญ์_Pitt with ปาณัธ ถนัดการค้า
7 mins
จากคุณชาย ตกอับจนกลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน
จากพกเงินเป็นหมื่น ๆ วันนี้แค่แตกแบงค์ร้อยยังยึกยัก
ถถถถถถ นี่หรือชีวิตชิค ๆ ของเพื่อนกู น่าอดสูฉิบหาย!


“หึ!” พิชญ์ส่งเสียงชอบใจหลังโพสต์ประจานสถานะล่าสุดของเพื่อนสนิทลงบนเฟซบุ๊คของตัวเองไปหมาด ๆ ดวงตาเรียวตวัดมองแผ่นหลังกว้างของเพื่อนซี้ที่เพิ่งเดินผละไปหาอะไรกินด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับเพิ่งนึกเรื่องน่าขบขันได้

แน่นอนว่า กัลยาณมิตรผู้เพียบพร้อมอย่างเขาย่อมไม่มีวันปล่อยให้แผนร้ายในหัวกลายเป็นเพียงหนึ่งในความคิดชั่ว ๆ ที่แว้บเข้ามาก่อนจะวูบหายไป ชายหนุ่มจึงก้มหน้างมง่วนกับมือถือในมืออย่างจดจ่อโดยไม่รอให้ใครสั่ง


พิชญ์_Pitt with ปาณัธ ถนัดการค้า
3 mins

“หึ หึ หึ!” เด็กบริหารปีสามหัวเราะครืดคราดในลำคอพลางตั้งใจแน่วแน่ว่า เขาจะรีบกินข้าวมื้อนี้ให้เสร็จไว ๆ  จะได้เหลือเวลาเดินลากสังขารตากแดดร้อนเปรี้ยงไปซื้อกาแฟยี่ห้องดังมาละเลียดดูดคาตาเพื่อนสนิท เพื่อจะได้มีรูปหัวเข่าอิจฉาไปโพสต์ลงหน้าวอลล์ให้ชาวโลกได้เข้าใจถึงระบบนิเวศน์ของร่างกายส่วนนี้ดียิ่งขึ้น

“พี่พิชญ์หวัดดีครับ”
น้ำเสียงรีบร้อนที่สอดแทรกด้วยเสียงหอบหายใจของคนมาใหม่ดึงดูดความสนใจของคนโตกว่าได้ชะงัดนัก “อ้าวมึง! มาเฝ้าระวังการใช้เงินของไอ้ชายมันเหรอ?” พิชญ์ผงกหัวแทนการรับไหว้รุ่นน้องต่างไซส์จากอีกคณะ

“เปล่าครับพี่ พอดีผมมีเรื่องด่วนต้องรีบคุยกับพี่ชายให้รู้เรื่อง” ยิมยิงตรงเข้าสู่ประเด็นเด็ดทันทีที่ได้ยินประโยคทักทายคล้ายกับคนวงในของเด็กปีสาม ลองว่าพี่พิชญ์พูดมาแบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องอ้อมค้อม

“ไอ้ชายมันเพิ่งเดินไปซื้อข้าวเมื่อกี๊ มึงเหอะ กินอะไรมาหรือยัง?” สีหน้าตาร้อนใจของอีกฝ่ายทำให้พิชญ์คาดคะเนคำตอบได้ไม่ยาก “มึงไปซื้อข้าวมากินพร้อมพวกกูสิ ถึงตอนนั้นจะกินไปคุยไปก็ไม่มีใครห้ามหรอก”

“ครับ ๆ ”




“พี่ชาย ทำไมบัตรพี่ถึงใช้ไม่ได้อ่ะ?” แม้จะมีสิ่งกีดขวางการสนทนาเป็นข้าวสวยกับแกงเผ็ดหมูอยู่เต็มกระพุ้งแก้ม ทว่ายิมกลับยังคงรักษาความร้อนรุ่มในอารมณ์ได้อย่างดีเลิศ ผิดกับสายเปย์ที่หิวเสียจนเกือบจะพุ่งหลาวเอาหน้าจุ่มถ้วยก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้นรสจัดจ้านอยู่รอมร่อ

“เดี๋ยวยิม ใจเย็น ๆ ยิมกินก่อนดีไหม?”

“บัตรมันเสียหรือเปล่าพี่? แล้วพี่ได้ลองโทรไปถามธนาคารดูหรือยังว่าทำไมมันถึงใช้ไม่ได้?”

“ยิมครับ พี่ชายหิว ขอพี่ชายกินข้าวก่อนเถอะนะ” เสียงอ่อนระโหยโรยแรงวอนขอความเมตตาจากเฟรชชี่หน้าหนวด กระนั้นฝ่ายที่ปากกัดตีนถีบเลี้ยงชีพด้วยตัวเองมาตั้งแต่อายุยังน้อยกลับไม่ลดราวาศอก

“เฮ่ยไม่เอาดิพี่! คุยกันให้รู้เรื่องก่อน!” ยิมรั้งฝ่ามือของรุ่นพี่หน้าเข่าข้างที่ถือช้อนหมายจะป้อนไส้อ่อนกับเส้นเล็กเข้าปาก  สายตาละห้อยหากับอาการอ้าปากค้างเติ่งน้ำบ่อน้อยเจิ่งนองของชายชาตีช่างน่าสมเพชเสียจนพิชญ์ไม่อาจทนเพิกเฉยอยู่ได้

“บัตรมันถูกระงับ” คำตอบของรุ่นพี่บริหารอีกคนทำให้เด็กวิศวะหูอื้อตาลาย “กูโทรไปถามมาให้แล้ว”

“จริงเหรอครับพี่พิชญ์?!!” ยิมคาดคั้นเสียงหลง แต่ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสันทัดจะเอื้อนเอ่ยคำใด ตัวอ่อนมนุษย์ป้าหน้าบอกบุญไม่รับของกลุ่มก็นั่งพรวดลงข้าง ๆ พิชญ์พร้อมชามก๋วยจั๊บญวนในมือ

“อ้าวไอ้ยิม?! มึงมาทำอะไรที่นี่เนี่ยะ?!

“พี่ผึ้ง?!” ยิมแทบผงะหงายเมื่อประจักษ์แจ้งแก่ใจว่า หญิงสาวที่เพิ่งตามมาสมทบคือคนคุ้นเคยที่ตนต้องให้ความเคารพยิ่งกว่าใคร ๆ ในที่นี้ “หวัดดีครับ”

ยิ่งเห็นรุ่นน้องวิศวะพนมมือพร้อมก้มหัวกราบไหว้สักการะปาณัธให้วุ่นวาย พิชญ์ก็ยิ่งไม่อาจเก็บความสงสัยเอาไว้กับตัว “เดี๋ยวพี่ผึ้ง พี่ผึ้งรู้จักน้องมันด้วยเหรอ?”

“เออ มันทำงานที่เดียวกับพี่” หลังจากคำอธิบายสั้น ๆ ผ่านน้ำเสียงห้าวห้วนไม่เป็นมิตรนัก ปาณัธก็หันไปซักไซ้ยิมอย่างสนอกสนใจแทน “แล้วสรุปมึงมานี่ทำไมยิม?”

“ผมมาหาพี่ชายครับ”

“มึงรู้จักเพื่อนกู?”

“ครับ”

“แล้วมึงมาหาเพื่อนกูทำไม?”  

“จิ๊! พอพี่พอ!” พิชญ์โพล่งขึ้นด้วยความรำคาญ ขืนปล่อยให้สองคนนี่คุยกัน ไม่รู้ว่าเย็นวันนี้จะรู้เรื่องกันไหม “เดี๋ยวผมเล่าเรื่องย่อให้พี่ผึ้งฟังก่อนดีกว่า พี่จะได้ไม่งงว่าไอ้ยิมมันมาหาไอ้ชายทำไม”

พิชญ์มองเมินเพื่อนรักหน้าเข่าผู้กำลังโซ๊ยก๋วยเตี๋ยวอย่างสบายอารมณ์พลางทึกทักเอาว่า การที่ผู้ร่วมโต๊ะอาหารอีกสองหน่อพยักหน้ารับ เท่ากับเขาสามารถเริ่มสรุปเหตุการณ์ได้ “ที่เมื่อเช้าบัตรเครดิตของไอ้ชายรูดไม่ผ่านก็เพราะมันเพิ่งโดนพ่อตัดสายแล้วไล่ออกจากวัง”

“อ๋อ... ที่มันบ่นเป็นหมีไปเมื่อเช้านี้น่ะเหรอ?” เหตุที่ปาณัธจำได้นั่นก็เพราะระหว่างที่ก้มหน้าก้มตากับการคัดลอกการบ้านของเมื่อวาน หล่อนก็ได้เสียงครางหงิงประหนึ่งควายเมาหญ้าของชายชาตรีนี่แหละที่คอยขับกล่อมไม่มีขาด

“ครับพี่”

“แล้วไอ้ยิมมันไปเกี่ยวอะไรด้วย?” เรื่องบาดหมางระหว่างชายชาตรีกับคุณชายพ่อนั้นปาณัธน่ะพอรู้ แต่หล่อนไม่อาจเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องของเพื่อนหน้าเข่าเข้ากับรุ่นน้องที่ทำงานได้เลย

“ก็เผอิญว่าน้องมันเสือกซวยที่รู้เห็นเหตุการณ์จนต้องช่วยให้ที่พักพิงชั่วคราวกับเพื่อนชายของพวกเรายังไงล่ะครับ”

หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวมองหน้าสายเปย์ที่ซดน้ำซุปอย่างกระหายสลับกับยิมที่ทำหน้าซังกะตายด้วยสายตาทึ่ง ๆ “โหยิม! นี่มึงได้ประพาสวังของไอ้ชายมาแล้วเหรอ?”

“ครับ” ยิมขมวดคิ้วพลางรับคำผึ้งงง ๆ ... อะไรมันจะน่าตื่นเต้นขนาดนั้น แค่โดนลากไปนั่งฟังพ่อลูกทะเลาะกันเนี่ยนะ? พี่ผึ้งจะเว่อร์ไปไหน?

“ไปเข้าเฝ้าคุณหญิงแม่กับคุณชายพ่อมาแล้วด้วยสิ?” ปาณัธยังซักไซ้ไม่หยุดปาก

“ครับพี่ผึ้ง”

แม้จะยังรู้สึกอัศจรรย์ใจไม่หาย ทว่าชั่วอึดใจหลังจากนั้น สตรีเพียงหนึ่งเดียวของวงก็ทำหน้าระอาใส่รุ่นน้องโดยพลัน “เฮ่อ! มึงนี่ไม่ดูตัวเองเลยนะไอ้ยิม! จน ๆ ไม่มีจะแดกอยู่แล้วยังจะใจดีกับคนอื่นเขาไปทั่ว”

“...อ่า... ครับ” พอได้ยินประโยคดังกล่าวพ่นใส่หน้าแบบจะ ๆ ยิมก็สำเนียกได้เดี๋ยวนั้นเลยว่า เพราะอะไรชายชาตรีจึงไม่คิดจะพึ่งพาเพื่อนคนไหน โดยเฉพาะตัวอ่อนมนุษย์ป้าหน้าเหวี่ยงคนนี้  

“อ่ะ... แล้วอย่างนี้พวกมึงจะเอายังไงกันต่อ?” ปาณัธยังไม่คลายความสงสัย เด็กวิศวะจึงถือโอกาสนั้นเปิดฉากถามไถ่ความเป็นไปของผู้ประสบภัยไร้ที่พึ่งพิงในขณะนี้  

“พี่ชาย”

“หือ?” สายเปย์ที่กำลังสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวในชามส่งเสียงอือออพลางแหงนหน้าขึ้นมองรุ่นน้องต่างคณะตาปริบ ๆ

“พี่ชายเหลือเงินเท่าไรครับ?” สิ้นคำถาม กระเป๋าตังค์ราคาแพงก็ถูกเจ้าของยัดใส่มือยิมอย่างไม่ลีลา ชายชาตรีที่รักษามารยาทบนโต๊ะอาหารยิ่งชีพพยักเพยิดเชิงอนุญาตให้ยิมจัดการตรวจตราทุกซอกทุกมุมได้ตามใจ รุ่นน้องจึงไม่โอ้เอ้รอช้า

“พันสามหกสิบ” เด็กปีหนึ่งปรารภพอย่างเศร้าสร้อยพลางจับจ้องใบหน้าของสายเปย์ด้วยดวงตาเลื่อนลอยว่างเปล่า... เงินสดติดตัวก็มีอยู่เท่านี้ แถมบัตรเครดิตที่ได้ติดมาก็ดันใช้ไม่ได้ แล้วทำไมพี่ชายถึงยังนั่งลอยหน้ากินข้าวกินปลาได้อยู่อีกวะ? จิตแข็งหรือยังไม่รู้สำนึกกันแน่เนี่ย?

“โห! พันสามหกสิบ น้อยกว่าพี่เยอะเลยว่ะ” หากฟังผ่าน ๆ คงพาลเข้าใจไปว่าตัวอ่อนมนุษย์ป้าตั้งใจจะปลอบเพื่อน ทว่าทั้งสามหนุ่มกลับมองขาดถึงความมาดร้ายที่แท้จริงของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น พิชญ์ที่ไม่อยากปล่อยให้ปาณัธซัดเพื่อนหน้าเข่าจนสูญสิ้นกำลังใจจึงรีบช่วงชิงบทตัวร้ายมาเล่นเสียเอง

“เงินพันสามน่ะเปย์ใครไม่ได้หรอกนะชาย อย่างมึงน่ะแค่หลับหูหลับตาจามใส่สักสองสามที เงินเท่านี้ก็ปลิวหายไปกับสายลมหมดแล้ว” เจ้าของรูปร่างสันทัดเปรยพลางปรายตามองชายชาตรีด้วยความเวทนากึ่งอาทร “กูว่ามึงไปขอโทษคุณชายพ่อมึงเหอะชาย เพื่อความอยู่รอดของตัวมึงเอง”

“ไม่! ชายจะพิสูจน์ให้คุณพ่อเห็นว่าชายอยู่ได้ และชายจะไม่มีวันกลับไปถ้าปณิธานด้านความรักของชายไม่สำเร็จ!” หนุ่มบริหารหน้าเข่าประกาศกร้าวราวกับบิดาตัวเป็น ๆ วาร์ปมานั่งหัวโด่อยู่ตรงหน้า ฝ่ายยิมก็หันขวับไปจ้องชายชาตรีอย่างสนเท่ห์... ทีเขาถามเรื่องเงินก็ทำเป็นบ่ายเบี่ยง พอเป็นเรื่องพ่อล่ะก็ส่งเสียงเถียงเพื่อนแจ้ว ๆ พี่ชายนะพี่ชาย ไม่กลัวก๋วยเตี๋ยวติดคอแล้วหรือไง?!

“แล้วมึงจะกินจะอยู่ยังไงชาย?”

“...อืม...” คนถูกถามทำหน้าซื่อก่อนจะหรุบตาก้มหน้าเขี่ยถั่วงอกในชามแก้เก้อ... ขืนเขาแบไต๋ว่าอยากกลับไปดูกล้ามยิมใกล้ ๆ น้องมันจะด่าเอาให้น่ะสิ

“ที่ถามนี่ไม่ได้จะทับถมมึงนะ แต่กูว่ามึงอยู่ไม่ได้หรอก มึงอย่าหลอกตัวเองเลยดีกว่าว่ะชาย!” พิชญ์ร่ายยาวแทบไม่พักหายใจ “จริง ๆ ถ้าเมื่อวานมึงไม่ได้น้องมันช่วยไว....” พูดมาถึงตรงนี้ รุ่นพี่ทั้งสามก็เงยหน้าขึ้นสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย

จริงอยู่ที่ในยามปกติ เด็กบริหารทั้งสามจะห้ำหั่นกันด้วยถ้อยคำทำลายน้ำใจ แต่พอตกอยู่ในภาวะวิกฤต พวกเขาก็พร้อมจะก้าวผ่านอุปสรรคไปอย่างสามัคคี ยิ่งเมื่อเห็นทางสว่างของปัญหาปรากฏอยู่ตรงหน้าด้วยแล้ว มีหรือที่เหล่าผู้เจนโลกมากกว่าจะละเลยมองข้าม

ทั้งสามพากันจ้องเด็กวิศวะตาเขม็ง ก่อนที่จะเป็นปาณัธนี่เองที่ใช้อำนาจรุ่นพี่เข้าเจรจาเพราะลึก ๆ แล้วเจ้าหล่อนไม่อยากให้ปัญหาของชายชาตรีกลายมาเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องช่วยแบกรับอย่างเสียไม่ได้ “ยิม ให้ชายมันอยู่ด้วยเถอะนะ ไหน ๆ ก็ช่วยมันมาแต่แรกแล้วหนิ”

“...” เฟรชชี่หน้าหนวดเกือบสำลักข้าว... เมื่อตะกี๊ไม่ใช่พี่ผึ้งหรอกเหรอวะที่ด่าเขาว่าหาเหาใส่หัวไปหยก ๆ ทำไมแกกลับคำพูดไวจังวะ?!

“คิดเสียว่าทำบุญกับลูกควายตาดำ ๆ ก็ได้ ทำบุญกับสัตว์ใหญ่น่ะกุศลแรงนะ รู้เปล่า?” ปาณัธโฆษณาหว่านล้อมไม่ยั้งมือแต่เจ้าหล่อนคงลืมไปว่า เพื่อนหน้าเข่าน่ะขี้ใจน้อยเป็นที่หนึ่ง  

“พี่ผึ้ง! ชายเป็นคนนะครับ!” สายเปย์กระเง้ากระงอด

“นะยิม สงสารเพื่อนพี่เถอะ” พิชญ์ไม่ปล่อยโอกาสดี ๆ ให้หลุดลอย ชายหนุ่มเปลี่ยนไปใช้เสียงสองแล้วเอ่ยอย่างอ่อย ๆ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้รุ่นน้องรู้สึกเวทนาลูกควายน้อยหนักข้อยิ่งขึ้น “นี่ถ้าคุณชายพ่อมันไม่โทรมาล็อบบี้พ่อพี่ พี่ก็คงจะให้มันไปอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว”

เด็กวิศวะถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนการตัดสินใจอันยากลำบาก แต่สุดท้าย ยิมก็ไม่ทำให้รุ่นพี่ทั้งสามต้องผิดหวัง “เรื่องที่อยู่น่ะผมไม่มีปัญหาหรอกครับ พี่ชายจะมาอยู่กับผมก็ได้” กระนั้น แม้ปัญหาเร่งด่วนประการแรกจะคลี่คลายลงแล้ว แต่เฟรชชี่กลับไม่ได้ดูผ่อนคลายลงเลยสักนิด ดีไม่ดี จะยิ่งดูหนักใจขึ้นอีกหลายเท่า “แต่เรื่องกินนี่สิ แค่ผมหาเลี้ยงตัวเองยังลำบากเลยพี่”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะยิม เดี๋ยวพี่ชายจะหางานทำเอง” ชายชาตรีโพล่งขึ้นด้วยสีหน้าระรื่นชื่นบานจนคนฟังทั้งสามออกอาการเซ่อจนหลุดปากร้องเซ็งแซ่ไปตาม ๆ กัน 

หา?!

“ทุกคนจะตกใจทำไมครับ ชายแค่บอกว่าชายจะทำงานเองนะ”

“โหชาย! กูล่ะอยากให้คุณชายพ่อมึงมาได้ยินประโยคเมื่อกี๊ของมึงที่สุดเลยว่ะ รับรองว่าคุณชายพ่อมึงจะต้องหายโกรธเป็นปลิดทิ้งเลยว่ะ” พิชญ์ออกความเห็นอย่างจริงใจ... ลำพังแค่เพื่อนสนิทอย่างเขายังอดขนลุกขนพองกับคำพูดของสหายหน้าเข่าไม่ได้  ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าคุณชายพ่อของไอ้ชายมันมานั่งอยู่ตรงนี้ ท่านจะปลาบปลื้มกับความเปลี่ยนแปลงใน่แง่ดีของบุตรบังเกิดเกล้าผู้เผาเงินเป็นว่าเล่นขนาดไหน  

“แหมพิชญ์ ไม่ต้องชมชายหรอก เรื่องแค่นี้ ใคร ๆ ก็ต้องคิดได้” ประโยคสุดมโนดังกล่าวทำเอาเจ้าของชื่อกลอกตาทำหน้าเหม็นเบื่ออย่างแรง

ปาณัธละสายตาจากพิชญ์เพื่อหันไปคุยกับชายชาตรีด้วยสีหน้าซีเรียส “ชายจะไปทำงานอะไร? ไหนบอกพี่ผึ้งซิ”

“นี่ไงพี่ผึ้ง” สายเปย์อวดใบปลิวเล็ก ๆ ให้เพื่อนรุ่นพี่เชยชมพลางจาระไนสรรพคุณเสร็จสรรพ “ชายได้มาเมื่อเช้าตอนไปเข้าห้องน้ำ คนแจกเขาบอกว่างานสบาย รายได้ดี คนไม่มีประสบการณ์ก็ทำได้”

เฮ่ย! เดี๋ยวนี้มันกล้ามารับสมัครคนกันถึงที่นี่เลยเรอะ?!” สีหน้าตระหนกของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวทำเอาพิชญ์กับยิมออกอาการสนใจ เจ้าหล่อนจึงส่งใบปลิวเจ้าปัญหานั่นให้ชายหนุ่มทั้งสองผลัดกันอ่านเนื้อความ

เฮ่ย!

“พี่ชาย เนี่ยน่ะเหรองานที่พี่ชายจะไปสมัคร?” ยิมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าแป้นแล้นเบิกบาน ชายหนุ่มก็เริ่มจะลนลานตามผึ้งไปอีกคน  

“ก็ใช่น่ะสิ เขาบอกว่าถ้าทำงานดี ทิปเดือนนึงก็หลายหมื่นเลยนะยิม”

“นี่พี่ชายไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอว่าไอ้ใบปลิวพวกนี้น่ะเขาหาคนไปทำอะไร?”

“หึ!

พอเห็นรุ่นพี่เจ้าปัญาหาส่ายหัวดิก ยิมก็กุมขมับอย่างอ่อนใจ แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจอีกครั้งอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง “พี่ผึ้ง... เฮียคองยังรับเด็กเสิร์ฟอยู่ใช่ไหมครับ?”

“เออ” ปาณัธรับคำหน้ามุ่ย แต่แล้วก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่ออย่างถ่องแท้ “อย่าเลยยิม พี่ว่าไม่ไหวหรอก” หญิงสาวทำหน้าปูเลี่ยน ๆ พลางโบกมือไม่เห็นด้วย แต่แล้วเจ้าหล่อนกลับต้องจนใจเมื่อโดนยิมสวนด้วยคำถามที่ไม่ว่าใครก็รู้คำตอบ... จะเว้นก็แต่สายเปย์หน้าเข่าเท่านั้น 

“พี่ผึ้งอยากให้พี่ชายไปทำงานซาวน่าเหรอครับ?”

“เฮ่อ!” ปาณัธคิดหนักอยู่พักใหญ่ ๆ ก่อนจะปลงได้ ทว่าเจ้าหล่อนกลับไม่วายออกตัวเสียแต่เนิ่น ๆ “เอาก็เอา แต่ถ้ามันไปแล้วกลายเป็นตัววุ่นวาย พี่ไม่รับรองนะว่าเฮียจะเก็บมันไว้”

“ไม่ลองไม่รู้พี่ เดี๋ยวผมช่วยดูอีกแรงก็ได้” ยิมสำทับก่อนจะออกหน้ารับรองแทนชายชาตรีอย่างแข็งขันทั้งที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อนาคตที่รอเขาอยู่นั้น มันช่างยากเย็นเข็ญใจจนเจ้าตัวอยากจะกลั้นใจตายวันละหลาย ๆ หน


$$$$$$$$


“เฮียอย่ารับมันเลย ชายมันคุณหนู ดีแต่ใช้เงินไปวัน ๆ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง”

ยิมเบิกตามองหน้าผึ้งอย่างตะลึงพรึงเพริด นี่ถ้าเมื่อกลางวันเขาไม่ได้เป็นคนโน้มน้าวอีกฝ่ายด้วยตัวเขาเอง ชายหนุ่มคงจะเหวอแดกแหกโค้งกว่านี้แน่ ๆ “เฮ่ยพี่ผึ้ง?! ไหนตอนแรกพี่เห็นด้วยไง?”

“ก็นั่นมันตอนแรก แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้วน่ะสิ” ยิ่งพูด ปาณัธก็ยิ่งทำให้ยิมรู้ซึ้งถึงวลีที่ว่า สามวันจากนารีเป็นอื่น ได้อย่างถ่องแท้ถึงใจดีเสียจริง

ถึงจะโดนรุ่นพี่หักหลังเอาดื้อ ๆ แต่เด็กปีหนึ่งกลับไม่ถอดใจง่าย ๆ ยิมหันไปสบสายตากับเจ้าของร้านพลางให้เหตุผล “ถึงพี่ชายจะไม่เคยทำงาน แต่ของแบบนี้มันหัดกันได้ไม่ใช่เหรอครับเฮีย? เฮียให้โอกาสพี่ชายเถอะครับ นะครับเฮีย... ผมไหว้ล่ะ” ไม่ทันขาดคำ เฟรชชี่หน้าหนวดก็กระพุ่มมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายจริงดังปากว่า ส่วนชายชาตรีที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ กันก็อดซาบซึ้งกับอาการเป็นเดือดเป็นร้อนของรุ่นน้องต่างคณะไม่ได้ แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไร ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นเจ้านายก็ยกมือขึ้นปรามพลางสั่งห้ามเสียงเขียว

“พอ ๆ มึงไม่ต้องออกหน้าแทนมัน... เฮียจะสัมภาษณ์มันเอง” น้ำเสียงเด็ดขาดกับมาดนิ่ง ๆ ของ เฮียคอง ที่รุ่นน้องพูดถึงทำให้ชายชาตรีหายใจไม่ทั่วท้อง จริงอยู่ที่แม้สถานที่ดังกล่าวจะเป็นเพียงร้านข้าวต้มธรรมดา ๆ  ไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่าเหมือนภัตตาคารห้าดาวชั้นนำ หนำซ้ำว่าที่เจ้านายก็ไม่ได้ดูดุดันเป็นอาชญากรโทษประหารอย่างที่เผลอมโน แต่เมื่อสายเปย์ระลึกได้ว่า นี่คือการสัมภาษณ์งานครั้งแรกในชีวิต เขาก็อดประหม่าไม่ได้อยู่ดี  

“มึงชื่อชายใช่ไหม?”

“ครับเฮีย” ชายหนุ่มหน้าเข่าลอบกลืนน้ำลายขณะรอฟังคำถามของว่าที่เจ้านายอย่างจดจ่อ...  ขอให้เฮียคองไม่ถามอะไรยาก ๆ ทีเถอะ!  

“มึงเคยดูหนังเกาหลีเรื่องซอมบี้ถล่มรถไฟหรือเปล่า?”

“หือ?” คำถามแปลก ๆ ของผู้มีศักดิ์เป็นผู้จ้างงานทำเอายิมกับชายมองหน้ากันงง ๆ ในขณะที่ปาณัธกลับทำหน้าละเหี่ยเพลียใจ กระนั้นเฮียคองกลับไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากคำตอบของสายเปย์เพียงอย่างเดียว  

“ตอบมาสิว่าเคยดูไหม?... ไอ้หนังที่มันเข้าโรงไปเมื่อเร็ว ๆ นี้นั่นแหน่ะ”

“เคยครับ”

“งั้นบอกมาซิว่าระหว่างกูกับไอ้ล่ำที่มันต่อยซอมบี้เก่ง ๆ น่ะ ใครหล่อกว่ากัน”

“...” จนถึงเดี๋ยวนี้ ชายชาตรีก็ยังไม่เลิกงง

“เอ้า! ใครหล่อกว่า?” ท่าทางกระวีกระวาดที่เจ้าของร้านแสดงออกระหว่างรอฟังคำตอบทำให้ตัวอ่อนมนุษย์ป้าวิวัฒนาการตัวเองจนข้ามสายพันธุ์กลายเป็นมนุษย์เมนส์ไปเสียแล้ว  

“เฮีย!

“เฉยน่าผึ้ง ปล่อยเฮีย!

“เฮียหล่อกว่าครับ” ชายชาตรีตอบอย่างพาซื่อ เพราะจะว่าไป หน้าตาและรูปร่างของเฮียคองก็ดูดึงดูดสายตาดีทีเดียว ลองว่าเพิ่มกล้ามเนื้ออีกสักนิดหน่อย ขี้คร้านสาว ๆ หนุ่ม ๆ จะพากันแห่เข้าร้านจนรับออเดอร์แทบไม่ทัน

“งั้นลองเรียกเฮียว่าคยองโอปป้าซิ”

“โอปป้ามันเอาไว้ให้ผู้หญิงเรียกผู้ชายโว้ย!” มนุษย์เมนส์แหวลั่นอย่างเหลืออด ทว่าเฮียคองกลับยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเชื่อของตัวเองอย่างไม่ไหวหวั่น

“ก็ผึ้งไม่ยอมเรียกเฮียนี่!

“ก็เฮียหน้าตาแบบนี้ ใครมันจะไปเรียกลง!

“อย่าให้รู้นะว่าผึ้งแอบหึงเวลาได้ยินคนอื่นเรียกเฮียว่าคยองโอปป้า!” วิวาทะระหว่างเจ้านายและปาณัธทำให้ผู้ร่วมสังเกตการณ์ทั้งสองสื่อสารผ่านสายตากันอย่างเข้มข้น จนเมื่อยิมส่งยิ้มมุมปากปลอบชายชาตรีก่อนนั่นแหละ เด็กปีสามก็เริ่มจะใจชื้นมากขึ้น  

“ไหนเรียกเฮียซิ... คยองโอปป้า” เฮียคองเร่งว่าที่ลูกน้องใหม่อย่างเอาแต่ใจ ซึ่งจุด ๆ นี้ ชายชาตรีก็ยอมเปิดเผยนิสัยว่านอนสอนง่ายออกมาให้ใคร ๆ ได้ร่วมรับรู้

“คยองโอปป้า”

“ต่อไปให้เรียกเฮียแบบนี้ตลอดเวลาเลยนะ”

“ครับคยองโอปป้า”

“แหม ไอ้เด็กใหม่นี่ได้อย่างใจกูจริง ๆ ! ไอ้ยิม เดี๋ยวมึงพามันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเริ่มงานเลยนะ ค่าแรงกูให้เท่ามึงเลย... มึงบอกมันลำบากอยู่ใช่ไหมล่ะ?” ค่าที่รู้สึกกระชุ่มกระชวยในหัวใจคล้ายได้ยาโด๊ปขนานใหญ่ไปสด ๆ ร้อน ๆ  เฮียคองจึงรวบรัดตัดความอย่างรวดเร็วและเรียบง่าย 

“ขอบคุณครับเฮีย” เด็กวิศวะคลี่ยิ้มกว้างพลางยกมือไหว้เฮียอย่างซาบซึ้งใจ ผิดกับมนุษย์เมนส์ที่ดูจะโมโหร้ายขึ้นทุกที ๆ

“หนอยไอ้เฮีย! ไอ้ชายมันเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ เฮียจะให้เงินมันเท่าไอ้ยิมได้ยังไง?” อาการหน้าใหญ่แบบไม่เกรงทุนหายกำไรหดของเฮียคองทำเอาปาณัธอัญเชิญองค์เจ้าแม่กาลีลงประทับแทบไม่ทัน กระนั้นยิมกับเจ้าของร้านกลับแสร้งทำมึนทำมองไม่เห็นหายนะใกล้มือเอาดื้อ ๆ

“พี่ชาย ขอบคุณเฮียสิ เฮียรับพี่ชายเข้าทำงานแล้วนะ”

“ขอบคุณครับคยองโอปป้า” ชายชาตรียกมือขึ้นพนมก่อนจะแสดงความขอบคุณต่อเจ้านายอย่างชดช้อยน่ามอง  

“โว้ะไอ้นี่! หัวไวดีฉิบหาย ใช้ได้ ๆ !” ไม่ทันขาดคำ เจ้าของร้านก็โบกมือไล่แทนสัญญาณบอกใบ้ให้ทั้งสองหนุ่มออกจากห้องแอร์เล็ก ๆ อันเป็นศูนย์บัญชาการและส่วนเก็บเงินของร้านโดยพลัน แต่ก่อนที่ลูกจ้างจะเดินพ้นประตู เสียงตวาดแว้ดของมนุษย์เมนส์ก็ลอยเข้าหูพวกเขาอีกครั้ง   

“ไอ้เฮีย! ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!




“พี่ผึ้งกับเฮียคยองโอปป้าดูสนิทกันดีจังเลยเนอะ” ชายชาตรีเปรยขึ้นขณะที่ทั้งสองเดินมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถของร้าน คำพูดกอปรกับสีหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของรุ่นพี่ทำเอายิมหยุดอยู่กับที่เพื่อไต่ถาม  

“นี่พี่ชายไม่รู้จริง ๆ เหรอ?”

“แล้วพี่ชายต้องรู้อะไร? พี่ชายตกข่าวอีกแล้วเหรอ?!” ชายชาตรียกมือขึ้นทาบอกพลางทำหน้าวิตกกังวล

แม้เด็กปีหนึ่งจะทอดสายตาขุ่น ๆ มองหน้ารุ่นพี่ทำนองว่า เป็นเพื่อนกันจริงเปล่าเนี่ย? แต่สุดท้าย ชายหนุ่มหน้าหนวดก็ยอมเล่าสิ่งที่ตนพอรู้ให้อีกฝ่ายรับฟัง “พี่ผึ้งเป็นเมียเฮีย เห็นเฮียบอกอย่างนั้นนะ”

“หา?! พี่ผึ้งกับคยองโอปป้าน่ะเหรอ?” สายเปย์อ้าปากค้างพลางถลึงตากว้างจนดูตลก

“อือ ผมรู้แค่นี้แหละ นอกนั้นพี่ก็ไปถามพี่ผึ้งเอาเองแล้วกัน ไปพี่ เดี๋ยวผมพากลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อ” ยิมตัดบทอย่างแห้งแล้ง เพราะโดยปกติแล้ว เขาไม่ชอบพูดเรื่องคนอื่นมากพอ ๆ กับไม่ชอบฟังนั่นแหละ

ฝ่ายชายชาตรีที่ถึงจะสนใจใคร่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของปาณัธสักปานใด แต่เมื่อลองนึกถึงสีหน้าอีกฝ่ายตอนโดนเขากับพิชญ์ซักไซ้ ความรู้สึกอยากที่ว่าก็ปลาสนาการไปในพริบตาเดียว กระนั้น ต่อให้เรื่องหนึ่งจะตกไป แต่ข้อสงสัยอื่น ๆ ที่ยังค้างคาใจก็ยังต้องการคำอธิบายอยู่ดี “เดี๋ยวยิม ที่เฮียคยองโอปป้าบอกว่าจะให้ค่าแรงพี่เท่ายิมน่ะมันเท่าไรเหรอ?”

“อ๋อ ก็วันละห้าร้อยอ่ะพี่”

สายเปย์หน้าหดพลางโอดเสียงอ่อย “วันละห้าร้อยเองเหรอ? ทำไมมันน้อยจัง?”

“ก็ไม่น้อยนะพี่ชาย ถ้าทำทุกวัน สิ้นเดือนพี่ก็ได้ตั้งหมื่นห้าแน่ะ”

“หมื่นห้านี่เยอะเหรอยิม?”

“เยอะสิพี่ ถ้าพี่ใช้ประหยัด ๆ เดือน ๆ นึงพี่ก็น่าจะมีเหลือเก็บหลายพันเลยครับ อีกอย่าง มันก็ดีกว่ามีเงินติดตัวแค่พันสามใช่ไหมล่ะพี่” ยิมนึกแปลกใจตัวเองที่ยอมเสียเวลาอธิบายทุก ๆ เรื่องแก่อีกฝ่ายอย่างใจเย็น ทั้ง ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเขาได้ยินใครพูดแบบชายชาตรีเมื่อสักครู่ เชื่อเถอะว่ามันคนนั้นคงรู้ไปนานแล้วล่ะว่า ความรู้สึกขณะใบหน้าถูกกระทืบจมผิวคอนกรีตร้อน ๆ น่ะเป็นเช่นไร

“เหรอ?”

“ครับ แต่ถ้าเงินแค่นี้ไม่พอใช้ พี่จะตื่นไปส่งหนังสือพิมพ์กับผมไหมล่ะ ถึงจะได้ไม่มากเท่าที่ทำกับเฮีย แต่พอรวม ๆ แล้ว ผมว่ามันก็เยอะใช้ได้นะ”

ไม่ต้องฉลาดเฉลียวกว่านี้ ชายชาตรีก็สามารถเปรียบเทียบในใจได้ว่า งานไหนให้ค่าตอบแทนคุ้มค่ากว่ากัน นั่นจึงทำให้สายเปย์หน้าเข่าไม่อาจตัดใจจากเงินหลายหมื่นได้เสียที “แต่งานในใบปลิวมันได้หลายหมื่นเลยนะยิม”  

ฝ่ายคนฟังที่เผลอนึกภาพคนตรงหน้าแต่งตัววับ ๆ แวม ๆ ขณะคอยให้บริการผู้ชายมากหน้าหลายตาในพื้นที่รโหฐานตลอดทั้งคืนก็เผลอทำหน้าตึงโดยไม่รู้ตัว “ได้เงินหลายหมื่นแต่ต้องแก้ผ้าทำงาน พี่ชายจะทำเหรอครับ?”

“หือ?! ต้องแก้ผ้าทำงานด้วยเหรอ?”

“งานสบาย ๆ แต่ได้เงินดีน่ะไม่มีจริงหรอกพี่ ไอ้ที่เขาโฆษณาน่ะมันขายฝันเกินจริง” ในขณะที่ชายชาตรียังตกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไม่หาย ยิมก็ตะล่อมเสียงนุ่ม “ทำงานที่นี่ด้วยกันเถอะพี่ชาย ถึงงานมันจะหนัก เงินมันจะน้อย แต่ผมว่าพี่น่าจะมีความสุขมากกว่าต้องแก้ผ้าทำงานนะครับ”

“อืม พี่ชายเข้าใจแล้วล่ะ” ชายชาตรีชักเริ่มไม่แน่ใจว่าระหว่างสายตาและน้ำเสียงอ้อน ๆ ของรุ่นน้องหน้าหนวด กับเงื่อนไขน่าตกใจของงานสบายเงินเยอะ อันไหนกันแน่ที่ทำให้เขาเลิกคิดเรื่องไปทำงานที่อื่นโดยสิ้นเชิง แต่ยังไม่ทันที่เด็กบริหารจะได้ใคร่ครวญถึงคำตอบ ยิมก็เอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังหัวใจอุ่นวาบขึ้นเสียก่อน

“ไปครับ กลับห้องกัน”

กลับห้อง...
ยิมชวนพี่ชายกลับห้องด้วย
ดีใจจัง

“ขอบคุณนะยิม ถ้าไม่ได้ยิม พี่ชายคงแย่” เฟรชชี่จุดยิ้มมุมปากหากแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะพยักหน้าเชิญชวนให้รุ่นพี่คร่อมซ้อนหลังอย่างที่ทำมาตลอดทั้งวัน  

$$$$$$$$


นายหนึ่งเดียว, The One and Only  
5 mins

พิชญ์_Pittถ้าไม่อยากให้คลิป คืนแรกของเราถูกแชร์ว่อนเน็ต
หกโมงเย็นวันนี้มากันเจอกันที่ร้าน xxx ห้าง yyy

“หึ! คิดว่าผมจะกลัวพี่หรือไง” เดียวพึมพำพลางกวาดสายตาอ่านทวนข้อความที่เพิ่งพิมพ์เสร็จอีกครั้งก่อนจะกดส่งไปยังผู้รับที่เขาเพียรค้นหาช่องทางติดต่อมาแล้วหลายวัน โชคดีที่เด็กวิศวะไม่ได้กดบล็อคคำขอเป็นเพื่อนของชายชาตรีไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงอีกนาน กว่าที่เขาจะได้ชำระความแค้นที่สั่งสมอัดแน่นจนจวนระเบิดอยู่ทุกขณะจิต

ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจหลบหน้า พอ ๆ กับที่เดียวหาเรื่องกบดานจากการรังควาญของรุ่นพี่หน้าเข่า เขาจึงจำเป็นต้องล่อลวงคู่กรณีให้ออกมาพบปะในพื้นที่ปลอดภัยด้วยกุเรื่องขึ้นการข่มขู่อย่างไม่มีทางเลือก หึ! การมีคลิปหรือไม่มีมันจะสำคัญอะไรล่ะ ถ้าสุดท้ายแล้ว ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวภายในใจจะได้รับการระบายออกอย่างสาสมเสียที

“วันนี้แหละ ผมจะเอาคืนพี่แบบทบต้นทบดอกเลยคอยดู!


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ :
ถ้าเป็นไปได้ ชายอยากให้หน้าที่ ภรรยา ได้รับการบรรจุเป็นอาชีพจริง ๆ  
คุณชายพ่อท่านจะได้สบายใจเสียทีว่าหลังจบปีสี่แล้วชายจะมีงานประจำทำไปตลอดชีวิต


 $$$$<| TBC |>$$$$












No comments:

Post a Comment