<|No.06|>
อาการสมถะเฉียบพลัน
เป็นวันนี้ งานก็เข้าทันทีเลยจ้า
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
พิชญ์_Pitt with ปาณัธ ถนัดการค้า
7
mins
จากคุณชาย
ตกอับจนกลายเป็นยาจกในชั่วข้ามคืน
จากพกเงินเป็นหมื่น
ๆ วันนี้แค่แตกแบงค์ร้อยยังยึกยัก
ถถถถถถ
นี่หรือชีวิตชิค ๆ ของเพื่อนกู น่าอดสูฉิบหาย!
“หึ!” พิชญ์ส่งเสียงชอบใจหลังโพสต์ประจานสถานะล่าสุดของเพื่อนสนิทลงบนเฟซบุ๊คของตัวเองไปหมาด
ๆ ดวงตาเรียวตวัดมองแผ่นหลังกว้างของเพื่อนซี้ที่เพิ่งเดินผละไปหาอะไรกินด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับเพิ่งนึกเรื่องน่าขบขันได้
แน่นอนว่า
กัลยาณมิตรผู้เพียบพร้อมอย่างเขาย่อมไม่มีวันปล่อยให้แผนร้ายในหัวกลายเป็นเพียงหนึ่งในความคิดชั่ว
ๆ ที่แว้บเข้ามาก่อนจะวูบหายไป ชายหนุ่มจึงก้มหน้างมง่วนกับมือถือในมืออย่างจดจ่อโดยไม่รอให้ใครสั่ง
พิชญ์_Pitt with ปาณัธ ถนัดการค้า
3
mins
“หึ
หึ หึ!” เด็กบริหารปีสามหัวเราะครืดคราดในลำคอพลางตั้งใจแน่วแน่ว่า
เขาจะรีบกินข้าวมื้อนี้ให้เสร็จไว ๆ จะได้เหลือเวลาเดินลากสังขารตากแดดร้อนเปรี้ยงไปซื้อกาแฟยี่ห้องดังมาละเลียดดูดคาตาเพื่อนสนิท
เพื่อจะได้มีรูปหัวเข่าอิจฉาไปโพสต์ลงหน้าวอลล์ให้ชาวโลกได้เข้าใจถึงระบบนิเวศน์ของร่างกายส่วนนี้ดียิ่งขึ้น
“พี่พิชญ์หวัดดีครับ”
น้ำเสียงรีบร้อนที่สอดแทรกด้วยเสียงหอบหายใจของคนมาใหม่ดึงดูดความสนใจของคนโตกว่าได้ชะงัดนัก
“อ้าวมึง! มาเฝ้าระวังการใช้เงินของไอ้ชายมันเหรอ?”
พิชญ์ผงกหัวแทนการรับไหว้รุ่นน้องต่างไซส์จากอีกคณะ
“เปล่าครับพี่
พอดีผมมีเรื่องด่วนต้องรีบคุยกับพี่ชายให้รู้เรื่อง” ยิมยิงตรงเข้าสู่ประเด็นเด็ดทันทีที่ได้ยินประโยคทักทายคล้ายกับคนวงในของเด็กปีสาม
ลองว่าพี่พิชญ์พูดมาแบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องอ้อมค้อม
“ไอ้ชายมันเพิ่งเดินไปซื้อข้าวเมื่อกี๊
มึงเหอะ กินอะไรมาหรือยัง?” สีหน้าตาร้อนใจของอีกฝ่ายทำให้พิชญ์คาดคะเนคำตอบได้ไม่ยาก
“มึงไปซื้อข้าวมากินพร้อมพวกกูสิ ถึงตอนนั้นจะกินไปคุยไปก็ไม่มีใครห้ามหรอก”
“ครับ
ๆ ”
“พี่ชาย
ทำไมบัตรพี่ถึงใช้ไม่ได้อ่ะ?” แม้จะมีสิ่งกีดขวางการสนทนาเป็นข้าวสวยกับแกงเผ็ดหมูอยู่เต็มกระพุ้งแก้ม
ทว่ายิมกลับยังคงรักษาความร้อนรุ่มในอารมณ์ได้อย่างดีเลิศ ผิดกับสายเปย์ที่หิวเสียจนเกือบจะพุ่งหลาวเอาหน้าจุ่มถ้วยก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้นรสจัดจ้านอยู่รอมร่อ
“เดี๋ยวยิม
ใจเย็น ๆ ยิมกินก่อนดีไหม?”
“บัตรมันเสียหรือเปล่าพี่?
แล้วพี่ได้ลองโทรไปถามธนาคารดูหรือยังว่าทำไมมันถึงใช้ไม่ได้?”
“ยิมครับ
พี่ชายหิว ขอพี่ชายกินข้าวก่อนเถอะนะ” เสียงอ่อนระโหยโรยแรงวอนขอความเมตตาจากเฟรชชี่หน้าหนวด
กระนั้นฝ่ายที่ปากกัดตีนถีบเลี้ยงชีพด้วยตัวเองมาตั้งแต่อายุยังน้อยกลับไม่ลดราวาศอก
“เฮ่ยไม่เอาดิพี่! คุยกันให้รู้เรื่องก่อน!” ยิมรั้งฝ่ามือของรุ่นพี่หน้าเข่าข้างที่ถือช้อนหมายจะป้อนไส้อ่อนกับเส้นเล็กเข้าปาก สายตาละห้อยหากับอาการอ้าปากค้างเติ่งน้ำบ่อน้อยเจิ่งนองของชายชาตีช่างน่าสมเพชเสียจนพิชญ์ไม่อาจทนเพิกเฉยอยู่ได้
“บัตรมันถูกระงับ”
คำตอบของรุ่นพี่บริหารอีกคนทำให้เด็กวิศวะหูอื้อตาลาย “กูโทรไปถามมาให้แล้ว”
“จริงเหรอครับพี่พิชญ์?!!” ยิมคาดคั้นเสียงหลง แต่ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสันทัดจะเอื้อนเอ่ยคำใด
ตัวอ่อนมนุษย์ป้าหน้าบอกบุญไม่รับของกลุ่มก็นั่งพรวดลงข้าง ๆ พิชญ์พร้อมชามก๋วยจั๊บญวนในมือ
“อ้าวไอ้ยิม?! มึงมาทำอะไรที่นี่เนี่ยะ?!”
“พี่ผึ้ง?!” ยิมแทบผงะหงายเมื่อประจักษ์แจ้งแก่ใจว่า
หญิงสาวที่เพิ่งตามมาสมทบคือคนคุ้นเคยที่ตนต้องให้ความเคารพยิ่งกว่าใคร ๆ ในที่นี้
“หวัดดีครับ”
ยิ่งเห็นรุ่นน้องวิศวะพนมมือพร้อมก้มหัวกราบไหว้สักการะปาณัธให้วุ่นวาย
พิชญ์ก็ยิ่งไม่อาจเก็บความสงสัยเอาไว้กับตัว “เดี๋ยวพี่ผึ้ง
พี่ผึ้งรู้จักน้องมันด้วยเหรอ?”
“เออ
มันทำงานที่เดียวกับพี่” หลังจากคำอธิบายสั้น ๆ ผ่านน้ำเสียงห้าวห้วนไม่เป็นมิตรนัก
ปาณัธก็หันไปซักไซ้ยิมอย่างสนอกสนใจแทน “แล้วสรุปมึงมานี่ทำไมยิม?”
“ผมมาหาพี่ชายครับ”
“มึงรู้จักเพื่อนกู?”
“ครับ”
“แล้วมึงมาหาเพื่อนกูทำไม?”
“จิ๊! พอพี่พอ!” พิชญ์โพล่งขึ้นด้วยความรำคาญ ขืนปล่อยให้สองคนนี่คุยกัน
ไม่รู้ว่าเย็นวันนี้จะรู้เรื่องกันไหม
“เดี๋ยวผมเล่าเรื่องย่อให้พี่ผึ้งฟังก่อนดีกว่า
พี่จะได้ไม่งงว่าไอ้ยิมมันมาหาไอ้ชายทำไม”
พิชญ์มองเมินเพื่อนรักหน้าเข่าผู้กำลังโซ๊ยก๋วยเตี๋ยวอย่างสบายอารมณ์พลางทึกทักเอาว่า
การที่ผู้ร่วมโต๊ะอาหารอีกสองหน่อพยักหน้ารับ เท่ากับเขาสามารถเริ่มสรุปเหตุการณ์ได้
“ที่เมื่อเช้าบัตรเครดิตของไอ้ชายรูดไม่ผ่านก็เพราะมันเพิ่งโดนพ่อตัดสายแล้วไล่ออกจากวัง”
“อ๋อ...
ที่มันบ่นเป็นหมีไปเมื่อเช้านี้น่ะเหรอ?” เหตุที่ปาณัธจำได้นั่นก็เพราะระหว่างที่ก้มหน้าก้มตากับการคัดลอกการบ้านของเมื่อวาน
หล่อนก็ได้เสียงครางหงิงประหนึ่งควายเมาหญ้าของชายชาตรีนี่แหละที่คอยขับกล่อมไม่มีขาด
“ครับพี่”
“แล้วไอ้ยิมมันไปเกี่ยวอะไรด้วย?”
เรื่องบาดหมางระหว่างชายชาตรีกับคุณชายพ่อนั้นปาณัธน่ะพอรู้ แต่หล่อนไม่อาจเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องของเพื่อนหน้าเข่าเข้ากับรุ่นน้องที่ทำงานได้เลย
“ก็เผอิญว่าน้องมันเสือกซวยที่รู้เห็นเหตุการณ์จนต้องช่วยให้ที่พักพิงชั่วคราวกับเพื่อนชายของพวกเรายังไงล่ะครับ”
หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวมองหน้าสายเปย์ที่ซดน้ำซุปอย่างกระหายสลับกับยิมที่ทำหน้าซังกะตายด้วยสายตาทึ่ง
ๆ “โหยิม! นี่มึงได้ประพาสวังของไอ้ชายมาแล้วเหรอ?”
“ครับ”
ยิมขมวดคิ้วพลางรับคำผึ้งงง ๆ ... อะไรมันจะน่าตื่นเต้นขนาดนั้น
แค่โดนลากไปนั่งฟังพ่อลูกทะเลาะกันเนี่ยนะ? พี่ผึ้งจะเว่อร์ไปไหน?
“ไปเข้าเฝ้าคุณหญิงแม่กับคุณชายพ่อมาแล้วด้วยสิ?”
ปาณัธยังซักไซ้ไม่หยุดปาก
“ครับพี่ผึ้ง”
แม้จะยังรู้สึกอัศจรรย์ใจไม่หาย
ทว่าชั่วอึดใจหลังจากนั้น สตรีเพียงหนึ่งเดียวของวงก็ทำหน้าระอาใส่รุ่นน้องโดยพลัน
“เฮ่อ! มึงนี่ไม่ดูตัวเองเลยนะไอ้ยิม! จน ๆ ไม่มีจะแดกอยู่แล้วยังจะใจดีกับคนอื่นเขาไปทั่ว”
“...อ่า...
ครับ” พอได้ยินประโยคดังกล่าวพ่นใส่หน้าแบบจะ ๆ ยิมก็สำเนียกได้เดี๋ยวนั้นเลยว่า
เพราะอะไรชายชาตรีจึงไม่คิดจะพึ่งพาเพื่อนคนไหน โดยเฉพาะตัวอ่อนมนุษย์ป้าหน้าเหวี่ยงคนนี้
“อ่ะ...
แล้วอย่างนี้พวกมึงจะเอายังไงกันต่อ?” ปาณัธยังไม่คลายความสงสัย เด็กวิศวะจึงถือโอกาสนั้นเปิดฉากถามไถ่ความเป็นไปของผู้ประสบภัยไร้ที่พึ่งพิงในขณะนี้
“พี่ชาย”
“หือ?”
สายเปย์ที่กำลังสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวในชามส่งเสียงอือออพลางแหงนหน้าขึ้นมองรุ่นน้องต่างคณะตาปริบ
ๆ
“พี่ชายเหลือเงินเท่าไรครับ?”
สิ้นคำถาม กระเป๋าตังค์ราคาแพงก็ถูกเจ้าของยัดใส่มือยิมอย่างไม่ลีลา
ชายชาตรีที่รักษามารยาทบนโต๊ะอาหารยิ่งชีพพยักเพยิดเชิงอนุญาตให้ยิมจัดการตรวจตราทุกซอกทุกมุมได้ตามใจ
รุ่นน้องจึงไม่โอ้เอ้รอช้า
“พันสามหกสิบ”
เด็กปีหนึ่งปรารภพอย่างเศร้าสร้อยพลางจับจ้องใบหน้าของสายเปย์ด้วยดวงตาเลื่อนลอยว่างเปล่า...
เงินสดติดตัวก็มีอยู่เท่านี้ แถมบัตรเครดิตที่ได้ติดมาก็ดันใช้ไม่ได้ แล้วทำไมพี่ชายถึงยังนั่งลอยหน้ากินข้าวกินปลาได้อยู่อีกวะ?
จิตแข็งหรือยังไม่รู้สำนึกกันแน่เนี่ย?
“โห! พันสามหกสิบ น้อยกว่าพี่เยอะเลยว่ะ” หากฟังผ่าน
ๆ คงพาลเข้าใจไปว่าตัวอ่อนมนุษย์ป้าตั้งใจจะปลอบเพื่อน ทว่าทั้งสามหนุ่มกลับมองขาดถึงความมาดร้ายที่แท้จริงของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น
พิชญ์ที่ไม่อยากปล่อยให้ปาณัธซัดเพื่อนหน้าเข่าจนสูญสิ้นกำลังใจจึงรีบช่วงชิงบทตัวร้ายมาเล่นเสียเอง
“เงินพันสามน่ะเปย์ใครไม่ได้หรอกนะชาย
อย่างมึงน่ะแค่หลับหูหลับตาจามใส่สักสองสามที เงินเท่านี้ก็ปลิวหายไปกับสายลมหมดแล้ว”
เจ้าของรูปร่างสันทัดเปรยพลางปรายตามองชายชาตรีด้วยความเวทนากึ่งอาทร
“กูว่ามึงไปขอโทษคุณชายพ่อมึงเหอะชาย เพื่อความอยู่รอดของตัวมึงเอง”
“ไม่!
ชายจะพิสูจน์ให้คุณพ่อเห็นว่าชายอยู่ได้ และชายจะไม่มีวันกลับไปถ้าปณิธานด้านความรักของชายไม่สำเร็จ!” หนุ่มบริหารหน้าเข่าประกาศกร้าวราวกับบิดาตัวเป็น
ๆ วาร์ปมานั่งหัวโด่อยู่ตรงหน้า ฝ่ายยิมก็หันขวับไปจ้องชายชาตรีอย่างสนเท่ห์... ทีเขาถามเรื่องเงินก็ทำเป็นบ่ายเบี่ยง
พอเป็นเรื่องพ่อล่ะก็ส่งเสียงเถียงเพื่อนแจ้ว ๆ พี่ชายนะพี่ชาย
ไม่กลัวก๋วยเตี๋ยวติดคอแล้วหรือไง?!
“แล้วมึงจะกินจะอยู่ยังไงชาย?”
“...อืม...”
คนถูกถามทำหน้าซื่อก่อนจะหรุบตาก้มหน้าเขี่ยถั่วงอกในชามแก้เก้อ... ขืนเขาแบไต๋ว่าอยากกลับไปดูกล้ามยิมใกล้
ๆ น้องมันจะด่าเอาให้น่ะสิ
“ที่ถามนี่ไม่ได้จะทับถมมึงนะ
แต่กูว่ามึงอยู่ไม่ได้หรอก มึงอย่าหลอกตัวเองเลยดีกว่าว่ะชาย!” พิชญ์ร่ายยาวแทบไม่พักหายใจ “จริง ๆ
ถ้าเมื่อวานมึงไม่ได้น้องมันช่วยไว....” พูดมาถึงตรงนี้
รุ่นพี่ทั้งสามก็เงยหน้าขึ้นสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย
จริงอยู่ที่ในยามปกติ
เด็กบริหารทั้งสามจะห้ำหั่นกันด้วยถ้อยคำทำลายน้ำใจ แต่พอตกอยู่ในภาวะวิกฤต
พวกเขาก็พร้อมจะก้าวผ่านอุปสรรคไปอย่างสามัคคี ยิ่งเมื่อเห็นทางสว่างของปัญหาปรากฏอยู่ตรงหน้าด้วยแล้ว
มีหรือที่เหล่าผู้เจนโลกมากกว่าจะละเลยมองข้าม
ทั้งสามพากันจ้องเด็กวิศวะตาเขม็ง
ก่อนที่จะเป็นปาณัธนี่เองที่ใช้อำนาจรุ่นพี่เข้าเจรจาเพราะลึก ๆ แล้วเจ้าหล่อนไม่อยากให้ปัญหาของชายชาตรีกลายมาเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องช่วยแบกรับอย่างเสียไม่ได้
“ยิม ให้ชายมันอยู่ด้วยเถอะนะ ไหน ๆ ก็ช่วยมันมาแต่แรกแล้วหนิ”
“...”
เฟรชชี่หน้าหนวดเกือบสำลักข้าว... เมื่อตะกี๊ไม่ใช่พี่ผึ้งหรอกเหรอวะที่ด่าเขาว่าหาเหาใส่หัวไปหยก
ๆ ทำไมแกกลับคำพูดไวจังวะ?!
“คิดเสียว่าทำบุญกับลูกควายตาดำ
ๆ ก็ได้ ทำบุญกับสัตว์ใหญ่น่ะกุศลแรงนะ รู้เปล่า?” ปาณัธโฆษณาหว่านล้อมไม่ยั้งมือแต่เจ้าหล่อนคงลืมไปว่า
เพื่อนหน้าเข่าน่ะขี้ใจน้อยเป็นที่หนึ่ง
“พี่ผึ้ง! ชายเป็นคนนะครับ!” สายเปย์กระเง้ากระงอด
“นะยิม
สงสารเพื่อนพี่เถอะ” พิชญ์ไม่ปล่อยโอกาสดี ๆ ให้หลุดลอย ชายหนุ่มเปลี่ยนไปใช้เสียงสองแล้วเอ่ยอย่างอ่อย
ๆ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้รุ่นน้องรู้สึกเวทนาลูกควายน้อยหนักข้อยิ่งขึ้น “นี่ถ้าคุณชายพ่อมันไม่โทรมาล็อบบี้พ่อพี่
พี่ก็คงจะให้มันไปอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว”
เด็กวิศวะถอนหายใจหนัก
ๆ ก่อนการตัดสินใจอันยากลำบาก แต่สุดท้าย ยิมก็ไม่ทำให้รุ่นพี่ทั้งสามต้องผิดหวัง
“เรื่องที่อยู่น่ะผมไม่มีปัญหาหรอกครับ พี่ชายจะมาอยู่กับผมก็ได้” กระนั้น
แม้ปัญหาเร่งด่วนประการแรกจะคลี่คลายลงแล้ว
แต่เฟรชชี่กลับไม่ได้ดูผ่อนคลายลงเลยสักนิด ดีไม่ดี จะยิ่งดูหนักใจขึ้นอีกหลายเท่า
“แต่เรื่องกินนี่สิ แค่ผมหาเลี้ยงตัวเองยังลำบากเลยพี่”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะยิม
เดี๋ยวพี่ชายจะหางานทำเอง” ชายชาตรีโพล่งขึ้นด้วยสีหน้าระรื่นชื่นบานจนคนฟังทั้งสามออกอาการเซ่อจนหลุดปากร้องเซ็งแซ่ไปตาม
ๆ กัน
“หา?!”
“ทุกคนจะตกใจทำไมครับ
ชายแค่บอกว่าชายจะทำงานเองนะ”
“โหชาย! กูล่ะอยากให้คุณชายพ่อมึงมาได้ยินประโยคเมื่อกี๊ของมึงที่สุดเลยว่ะ
รับรองว่าคุณชายพ่อมึงจะต้องหายโกรธเป็นปลิดทิ้งเลยว่ะ” พิชญ์ออกความเห็นอย่างจริงใจ...
ลำพังแค่เพื่อนสนิทอย่างเขายังอดขนลุกขนพองกับคำพูดของสหายหน้าเข่าไม่ได้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าคุณชายพ่อของไอ้ชายมันมานั่งอยู่ตรงนี้
ท่านจะปลาบปลื้มกับความเปลี่ยนแปลงใน่แง่ดีของบุตรบังเกิดเกล้าผู้เผาเงินเป็นว่าเล่นขนาดไหน
“แหมพิชญ์
ไม่ต้องชมชายหรอก เรื่องแค่นี้ ใคร ๆ ก็ต้องคิดได้” ประโยคสุดมโนดังกล่าวทำเอาเจ้าของชื่อกลอกตาทำหน้าเหม็นเบื่ออย่างแรง
ปาณัธละสายตาจากพิชญ์เพื่อหันไปคุยกับชายชาตรีด้วยสีหน้าซีเรียส
“ชายจะไปทำงานอะไร? ไหนบอกพี่ผึ้งซิ”
“นี่ไงพี่ผึ้ง”
สายเปย์อวดใบปลิวเล็ก ๆ ให้เพื่อนรุ่นพี่เชยชมพลางจาระไนสรรพคุณเสร็จสรรพ
“ชายได้มาเมื่อเช้าตอนไปเข้าห้องน้ำ คนแจกเขาบอกว่างานสบาย รายได้ดี
คนไม่มีประสบการณ์ก็ทำได้”
“เฮ่ย! เดี๋ยวนี้มันกล้ามารับสมัครคนกันถึงที่นี่เลยเรอะ?!” สีหน้าตระหนกของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวทำเอาพิชญ์กับยิมออกอาการสนใจ
เจ้าหล่อนจึงส่งใบปลิวเจ้าปัญหานั่นให้ชายหนุ่มทั้งสองผลัดกันอ่านเนื้อความ
“เฮ่ย!”
“พี่ชาย
เนี่ยน่ะเหรองานที่พี่ชายจะไปสมัคร?” ยิมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าแป้นแล้นเบิกบาน
ชายหนุ่มก็เริ่มจะลนลานตามผึ้งไปอีกคน
“ก็ใช่น่ะสิ
เขาบอกว่าถ้าทำงานดี ทิปเดือนนึงก็หลายหมื่นเลยนะยิม”
“นี่พี่ชายไม่รู้จริง
ๆ น่ะเหรอว่าไอ้ใบปลิวพวกนี้น่ะเขาหาคนไปทำอะไร?”
“หึ!”
พอเห็นรุ่นพี่เจ้าปัญาหาส่ายหัวดิก
ยิมก็กุมขมับอย่างอ่อนใจ แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจอีกครั้งอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง “พี่ผึ้ง...
เฮียคองยังรับเด็กเสิร์ฟอยู่ใช่ไหมครับ?”
“เออ”
ปาณัธรับคำหน้ามุ่ย แต่แล้วก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่ออย่างถ่องแท้ “อย่าเลยยิม
พี่ว่าไม่ไหวหรอก” หญิงสาวทำหน้าปูเลี่ยน ๆ พลางโบกมือไม่เห็นด้วย แต่แล้วเจ้าหล่อนกลับต้องจนใจเมื่อโดนยิมสวนด้วยคำถามที่ไม่ว่าใครก็รู้คำตอบ...
จะเว้นก็แต่สายเปย์หน้าเข่าเท่านั้น
“พี่ผึ้งอยากให้พี่ชายไปทำงานซาวน่าเหรอครับ?”
“เฮ่อ!” ปาณัธคิดหนักอยู่พักใหญ่ ๆ
ก่อนจะปลงได้ ทว่าเจ้าหล่อนกลับไม่วายออกตัวเสียแต่เนิ่น ๆ “เอาก็เอา แต่ถ้ามันไปแล้วกลายเป็นตัววุ่นวาย
พี่ไม่รับรองนะว่าเฮียจะเก็บมันไว้”
“ไม่ลองไม่รู้พี่
เดี๋ยวผมช่วยดูอีกแรงก็ได้” ยิมสำทับก่อนจะออกหน้ารับรองแทนชายชาตรีอย่างแข็งขันทั้งที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
อนาคตที่รอเขาอยู่นั้น มันช่างยากเย็นเข็ญใจจนเจ้าตัวอยากจะกลั้นใจตายวันละหลาย ๆ
หน
$$$$$$$$
“เฮียอย่ารับมันเลย
ชายมันคุณหนู ดีแต่ใช้เงินไปวัน ๆ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง”
ยิมเบิกตามองหน้าผึ้งอย่างตะลึงพรึงเพริด
นี่ถ้าเมื่อกลางวันเขาไม่ได้เป็นคนโน้มน้าวอีกฝ่ายด้วยตัวเขาเอง
ชายหนุ่มคงจะเหวอแดกแหกโค้งกว่านี้แน่ ๆ “เฮ่ยพี่ผึ้ง?! ไหนตอนแรกพี่เห็นด้วยไง?”
“ก็นั่นมันตอนแรก
แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้วน่ะสิ” ยิ่งพูด ปาณัธก็ยิ่งทำให้ยิมรู้ซึ้งถึงวลีที่ว่า ‘สามวันจากนารีเป็นอื่น’ ได้อย่างถ่องแท้ถึงใจดีเสียจริง
ถึงจะโดนรุ่นพี่หักหลังเอาดื้อ
ๆ แต่เด็กปีหนึ่งกลับไม่ถอดใจง่าย ๆ ยิมหันไปสบสายตากับเจ้าของร้านพลางให้เหตุผล “ถึงพี่ชายจะไม่เคยทำงาน
แต่ของแบบนี้มันหัดกันได้ไม่ใช่เหรอครับเฮีย? เฮียให้โอกาสพี่ชายเถอะครับ
นะครับเฮีย... ผมไหว้ล่ะ” ไม่ทันขาดคำ เฟรชชี่หน้าหนวดก็กระพุ่มมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายจริงดังปากว่า
ส่วนชายชาตรีที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ กันก็อดซาบซึ้งกับอาการเป็นเดือดเป็นร้อนของรุ่นน้องต่างคณะไม่ได้
แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไร ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นเจ้านายก็ยกมือขึ้นปรามพลางสั่งห้ามเสียงเขียว
“พอ
ๆ มึงไม่ต้องออกหน้าแทนมัน... เฮียจะสัมภาษณ์มันเอง” น้ำเสียงเด็ดขาดกับมาดนิ่ง ๆ
ของ ‘เฮียคอง’ ที่รุ่นน้องพูดถึงทำให้ชายชาตรีหายใจไม่ทั่วท้อง จริงอยู่ที่แม้สถานที่ดังกล่าวจะเป็นเพียงร้านข้าวต้มธรรมดา
ๆ ไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่าเหมือนภัตตาคารห้าดาวชั้นนำ
หนำซ้ำว่าที่เจ้านายก็ไม่ได้ดูดุดันเป็นอาชญากรโทษประหารอย่างที่เผลอมโน
แต่เมื่อสายเปย์ระลึกได้ว่า นี่คือการสัมภาษณ์งานครั้งแรกในชีวิต เขาก็อดประหม่าไม่ได้อยู่ดี
“มึงชื่อชายใช่ไหม?”
“ครับเฮีย”
ชายหนุ่มหน้าเข่าลอบกลืนน้ำลายขณะรอฟังคำถามของว่าที่เจ้านายอย่างจดจ่อ... ขอให้เฮียคองไม่ถามอะไรยาก ๆ ทีเถอะ!
“มึงเคยดูหนังเกาหลีเรื่องซอมบี้ถล่มรถไฟหรือเปล่า?”
“หือ?”
คำถามแปลก ๆ ของผู้มีศักดิ์เป็นผู้จ้างงานทำเอายิมกับชายมองหน้ากันงง ๆ
ในขณะที่ปาณัธกลับทำหน้าละเหี่ยเพลียใจ กระนั้นเฮียคองกลับไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากคำตอบของสายเปย์เพียงอย่างเดียว
“ตอบมาสิว่าเคยดูไหม?...
ไอ้หนังที่มันเข้าโรงไปเมื่อเร็ว ๆ นี้นั่นแหน่ะ”
“เคยครับ”
“งั้นบอกมาซิว่าระหว่างกูกับไอ้ล่ำที่มันต่อยซอมบี้เก่ง
ๆ น่ะ ใครหล่อกว่ากัน”
“...”
จนถึงเดี๋ยวนี้ ชายชาตรีก็ยังไม่เลิกงง
“เอ้า! ใครหล่อกว่า?” ท่าทางกระวีกระวาดที่เจ้าของร้านแสดงออกระหว่างรอฟังคำตอบทำให้ตัวอ่อนมนุษย์ป้าวิวัฒนาการตัวเองจนข้ามสายพันธุ์กลายเป็นมนุษย์เมนส์ไปเสียแล้ว
“เฮีย!”
“เฉยน่าผึ้ง
ปล่อยเฮีย!”
“เฮียหล่อกว่าครับ”
ชายชาตรีตอบอย่างพาซื่อ เพราะจะว่าไป หน้าตาและรูปร่างของเฮียคองก็ดูดึงดูดสายตาดีทีเดียว
ลองว่าเพิ่มกล้ามเนื้ออีกสักนิดหน่อย ขี้คร้านสาว ๆ หนุ่ม ๆ จะพากันแห่เข้าร้านจนรับออเดอร์แทบไม่ทัน
“งั้นลองเรียกเฮียว่าคยองโอปป้าซิ”
“โอปป้ามันเอาไว้ให้ผู้หญิงเรียกผู้ชายโว้ย!” มนุษย์เมนส์แหวลั่นอย่างเหลืออด
ทว่าเฮียคองกลับยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเชื่อของตัวเองอย่างไม่ไหวหวั่น
“ก็ผึ้งไม่ยอมเรียกเฮียนี่!”
“ก็เฮียหน้าตาแบบนี้
ใครมันจะไปเรียกลง!”
“อย่าให้รู้นะว่าผึ้งแอบหึงเวลาได้ยินคนอื่นเรียกเฮียว่าคยองโอปป้า!” วิวาทะระหว่างเจ้านายและปาณัธทำให้ผู้ร่วมสังเกตการณ์ทั้งสองสื่อสารผ่านสายตากันอย่างเข้มข้น
จนเมื่อยิมส่งยิ้มมุมปากปลอบชายชาตรีก่อนนั่นแหละ เด็กปีสามก็เริ่มจะใจชื้นมากขึ้น
“ไหนเรียกเฮียซิ...
คยองโอปป้า” เฮียคองเร่งว่าที่ลูกน้องใหม่อย่างเอาแต่ใจ ซึ่งจุด ๆ นี้ ชายชาตรีก็ยอมเปิดเผยนิสัยว่านอนสอนง่ายออกมาให้ใคร
ๆ ได้ร่วมรับรู้
“คยองโอปป้า”
“ต่อไปให้เรียกเฮียแบบนี้ตลอดเวลาเลยนะ”
“ครับคยองโอปป้า”
“แหม
ไอ้เด็กใหม่นี่ได้อย่างใจกูจริง ๆ ! ไอ้ยิม เดี๋ยวมึงพามันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเริ่มงานเลยนะ
ค่าแรงกูให้เท่ามึงเลย... มึงบอกมันลำบากอยู่ใช่ไหมล่ะ?” ค่าที่รู้สึกกระชุ่มกระชวยในหัวใจคล้ายได้ยาโด๊ปขนานใหญ่ไปสด
ๆ ร้อน ๆ
เฮียคองจึงรวบรัดตัดความอย่างรวดเร็วและเรียบง่าย
“ขอบคุณครับเฮีย”
เด็กวิศวะคลี่ยิ้มกว้างพลางยกมือไหว้เฮียอย่างซาบซึ้งใจ
ผิดกับมนุษย์เมนส์ที่ดูจะโมโหร้ายขึ้นทุกที ๆ
“หนอยไอ้เฮีย! ไอ้ชายมันเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ เฮียจะให้เงินมันเท่าไอ้ยิมได้ยังไง?”
อาการหน้าใหญ่แบบไม่เกรงทุนหายกำไรหดของเฮียคองทำเอาปาณัธอัญเชิญองค์เจ้าแม่กาลีลงประทับแทบไม่ทัน
กระนั้นยิมกับเจ้าของร้านกลับแสร้งทำมึนทำมองไม่เห็นหายนะใกล้มือเอาดื้อ ๆ
“พี่ชาย
ขอบคุณเฮียสิ เฮียรับพี่ชายเข้าทำงานแล้วนะ”
“ขอบคุณครับคยองโอปป้า”
ชายชาตรียกมือขึ้นพนมก่อนจะแสดงความขอบคุณต่อเจ้านายอย่างชดช้อยน่ามอง
“โว้ะไอ้นี่! หัวไวดีฉิบหาย ใช้ได้ ๆ !” ไม่ทันขาดคำ เจ้าของร้านก็โบกมือไล่แทนสัญญาณบอกใบ้ให้ทั้งสองหนุ่มออกจากห้องแอร์เล็ก
ๆ อันเป็นศูนย์บัญชาการและส่วนเก็บเงินของร้านโดยพลัน แต่ก่อนที่ลูกจ้างจะเดินพ้นประตู
เสียงตวาดแว้ดของมนุษย์เมนส์ก็ลอยเข้าหูพวกเขาอีกครั้ง
“ไอ้เฮีย! ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
“พี่ผึ้งกับเฮียคยองโอปป้าดูสนิทกันดีจังเลยเนอะ”
ชายชาตรีเปรยขึ้นขณะที่ทั้งสองเดินมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถของร้าน คำพูดกอปรกับสีหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของรุ่นพี่ทำเอายิมหยุดอยู่กับที่เพื่อไต่ถาม
“นี่พี่ชายไม่รู้จริง
ๆ เหรอ?”
“แล้วพี่ชายต้องรู้อะไร?
พี่ชายตกข่าวอีกแล้วเหรอ?!” ชายชาตรียกมือขึ้นทาบอกพลางทำหน้าวิตกกังวล
แม้เด็กปีหนึ่งจะทอดสายตาขุ่น
ๆ มองหน้ารุ่นพี่ทำนองว่า ‘เป็นเพื่อนกันจริงเปล่าเนี่ย?’ แต่สุดท้าย ชายหนุ่มหน้าหนวดก็ยอมเล่าสิ่งที่ตนพอรู้ให้อีกฝ่ายรับฟัง “พี่ผึ้งเป็นเมียเฮีย
เห็นเฮียบอกอย่างนั้นนะ”
“หา?! พี่ผึ้งกับคยองโอปป้าน่ะเหรอ?” สายเปย์อ้าปากค้างพลางถลึงตากว้างจนดูตลก
“อือ
ผมรู้แค่นี้แหละ นอกนั้นพี่ก็ไปถามพี่ผึ้งเอาเองแล้วกัน ไปพี่
เดี๋ยวผมพากลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อ” ยิมตัดบทอย่างแห้งแล้ง เพราะโดยปกติแล้ว เขาไม่ชอบพูดเรื่องคนอื่นมากพอ
ๆ กับไม่ชอบฟังนั่นแหละ
ฝ่ายชายชาตรีที่ถึงจะสนใจใคร่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของปาณัธสักปานใด
แต่เมื่อลองนึกถึงสีหน้าอีกฝ่ายตอนโดนเขากับพิชญ์ซักไซ้
ความรู้สึกอยากที่ว่าก็ปลาสนาการไปในพริบตาเดียว กระนั้น ต่อให้เรื่องหนึ่งจะตกไป
แต่ข้อสงสัยอื่น ๆ ที่ยังค้างคาใจก็ยังต้องการคำอธิบายอยู่ดี “เดี๋ยวยิม ที่เฮียคยองโอปป้าบอกว่าจะให้ค่าแรงพี่เท่ายิมน่ะมันเท่าไรเหรอ?”
“อ๋อ
ก็วันละห้าร้อยอ่ะพี่”
สายเปย์หน้าหดพลางโอดเสียงอ่อย
“วันละห้าร้อยเองเหรอ? ทำไมมันน้อยจัง?”
“ก็ไม่น้อยนะพี่ชาย
ถ้าทำทุกวัน สิ้นเดือนพี่ก็ได้ตั้งหมื่นห้าแน่ะ”
“หมื่นห้านี่เยอะเหรอยิม?”
“เยอะสิพี่
ถ้าพี่ใช้ประหยัด ๆ เดือน ๆ นึงพี่ก็น่าจะมีเหลือเก็บหลายพันเลยครับ อีกอย่าง
มันก็ดีกว่ามีเงินติดตัวแค่พันสามใช่ไหมล่ะพี่” ยิมนึกแปลกใจตัวเองที่ยอมเสียเวลาอธิบายทุก
ๆ เรื่องแก่อีกฝ่ายอย่างใจเย็น ทั้ง ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเขาได้ยินใครพูดแบบชายชาตรีเมื่อสักครู่
เชื่อเถอะว่ามันคนนั้นคงรู้ไปนานแล้วล่ะว่า ความรู้สึกขณะใบหน้าถูกกระทืบจมผิวคอนกรีตร้อน
ๆ น่ะเป็นเช่นไร
“เหรอ?”
“ครับ
แต่ถ้าเงินแค่นี้ไม่พอใช้ พี่จะตื่นไปส่งหนังสือพิมพ์กับผมไหมล่ะ
ถึงจะได้ไม่มากเท่าที่ทำกับเฮีย แต่พอรวม ๆ แล้ว ผมว่ามันก็เยอะใช้ได้นะ”
ไม่ต้องฉลาดเฉลียวกว่านี้
ชายชาตรีก็สามารถเปรียบเทียบในใจได้ว่า งานไหนให้ค่าตอบแทนคุ้มค่ากว่ากัน
นั่นจึงทำให้สายเปย์หน้าเข่าไม่อาจตัดใจจากเงินหลายหมื่นได้เสียที “แต่งานในใบปลิวมันได้หลายหมื่นเลยนะยิม”
ฝ่ายคนฟังที่เผลอนึกภาพคนตรงหน้าแต่งตัววับ
ๆ แวม ๆ
ขณะคอยให้บริการผู้ชายมากหน้าหลายตาในพื้นที่รโหฐานตลอดทั้งคืนก็เผลอทำหน้าตึงโดยไม่รู้ตัว
“ได้เงินหลายหมื่นแต่ต้องแก้ผ้าทำงาน พี่ชายจะทำเหรอครับ?”
“หือ?! ต้องแก้ผ้าทำงานด้วยเหรอ?”
“งานสบาย
ๆ แต่ได้เงินดีน่ะไม่มีจริงหรอกพี่ ไอ้ที่เขาโฆษณาน่ะมันขายฝันเกินจริง” ในขณะที่ชายชาตรียังตกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไม่หาย
ยิมก็ตะล่อมเสียงนุ่ม “ทำงานที่นี่ด้วยกันเถอะพี่ชาย ถึงงานมันจะหนัก
เงินมันจะน้อย แต่ผมว่าพี่น่าจะมีความสุขมากกว่าต้องแก้ผ้าทำงานนะครับ”
“อืม
พี่ชายเข้าใจแล้วล่ะ” ชายชาตรีชักเริ่มไม่แน่ใจว่าระหว่างสายตาและน้ำเสียงอ้อน ๆ ของรุ่นน้องหน้าหนวด
กับเงื่อนไขน่าตกใจของงานสบายเงินเยอะ อันไหนกันแน่ที่ทำให้เขาเลิกคิดเรื่องไปทำงานที่อื่นโดยสิ้นเชิง
แต่ยังไม่ทันที่เด็กบริหารจะได้ใคร่ครวญถึงคำตอบ ยิมก็เอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังหัวใจอุ่นวาบขึ้นเสียก่อน
“ไปครับ
กลับห้องกัน”
กลับห้อง...
ยิมชวนพี่ชายกลับห้องด้วย
ดีใจจัง
“ขอบคุณนะยิม
ถ้าไม่ได้ยิม พี่ชายคงแย่” เฟรชชี่จุดยิ้มมุมปากหากแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะพยักหน้าเชิญชวนให้รุ่นพี่คร่อมซ้อนหลังอย่างที่ทำมาตลอดทั้งวัน
$$$$$$$$
นายหนึ่งเดียว, The One and Only
5 mins
พิชญ์_Pittถ้าไม่อยากให้คลิป ‘คืนแรกของเรา’ ถูกแชร์ว่อนเน็ต
หกโมงเย็นวันนี้มากันเจอกันที่ร้าน
xxx ห้าง yyy
“หึ! คิดว่าผมจะกลัวพี่หรือไง” เดียวพึมพำพลางกวาดสายตาอ่านทวนข้อความที่เพิ่งพิมพ์เสร็จอีกครั้งก่อนจะกดส่งไปยังผู้รับที่เขาเพียรค้นหาช่องทางติดต่อมาแล้วหลายวัน
โชคดีที่เด็กวิศวะไม่ได้กดบล็อคคำขอเป็นเพื่อนของชายชาตรีไปเสียก่อน
ไม่อย่างนั้นคงอีกนาน กว่าที่เขาจะได้ชำระความแค้นที่สั่งสมอัดแน่นจนจวนระเบิดอยู่ทุกขณะจิต
ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจหลบหน้า
พอ ๆ กับที่เดียวหาเรื่องกบดานจากการรังควาญของรุ่นพี่หน้าเข่า เขาจึงจำเป็นต้องล่อลวงคู่กรณีให้ออกมาพบปะในพื้นที่ปลอดภัยด้วยกุเรื่องขึ้นการข่มขู่อย่างไม่มีทางเลือก
หึ! การมีคลิปหรือไม่มีมันจะสำคัญอะไรล่ะ
ถ้าสุดท้ายแล้ว ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวภายในใจจะได้รับการระบายออกอย่างสาสมเสียที
“วันนี้แหละ
ผมจะเอาคืนพี่แบบทบต้นทบดอกเลยคอยดู!”
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ :
ถ้าเป็นไปได้ ชายอยากให้หน้าที่ ‘ภรรยา’ ได้รับการบรรจุเป็นอาชีพจริง
ๆ
คุณชายพ่อท่านจะได้สบายใจเสียทีว่าหลังจบปีสี่แล้วชายจะมีงานประจำทำไปตลอดชีวิต
$$$$<| TBC |>$$$$
No comments:
Post a Comment