ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายที่เรื่องนี้ปิดฉากลงอย่างถาวรแล้วนะคะ
ขอย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนที่แฝดสามยังเป็นเด็กน้อยวัยไม่กี่ขวบหน่อยดีกว่า
ทีนี้พวกเราจะได้รู้กันแล้วแหละว่า
ที่มาของหน้าที่บอดี้การ์ดพ่อฟูนั้น เป็นอย่างไร
สำหรับใครที่อาจจะเหงาเมื่อนิยายเรื่องนี้จบลง
เราขอแนะนำให้เข้าไปคุยเล่น
หรือทวงถามความคืบหน้าของการรวมเล่มได้ที่เพจด้านล่างนะคะ
(แอบแทรกโฆษณาตลอด ๆ
ฮ่า ๆๆๆ )
รักคนอ่านทุก ๆ คนตลอดมาและตลอดไปเลยค่ะ
^^
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
The Special
Bonding Vol.10
ทายาทอสูร
“พี่พลายครับ
อย่าลากรถเข็นเร็วนักสิลูก เดี๋ยวน้อง ๆ ตก” กังฟูปรามบุตรชายคนโตวัยใกล้สี่ขวบเมื่อพลายออกแรงดึงรถเข็นคันใหญ่ที่บรรทุกน้องชายทั้งสองกับของสดให้เคลื่อนตามฝีเท้าว่องไวของตัวเอง
“พลุ พลับ เกาะแน่น ๆ นะครับลูก”
“ค้าบบบ!” เมื่อสิ้นเสียงขานรับอย่างสดใสของเหล่าเด็กชายทั้งสาม
ปภพก็ยอมหยุดยืนนิ่ง ๆ เพื่อรอให้คุณพ่อหน้าหวานได้ตั้งสมาธิอ่านฉลากสินค้าในมือให้จบเสียที
“พ่อฟูคับ พะ-ลับจะเอาอันนี้” ทายาทคนสุดท้องที่อยู่ในรถเข็นดึงความสนใจของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยด้วยการชูซองขนมขบเคี้ยวให้พ่อดูใกล้
ๆ พลางทอดสายตาเว้าวอน
“ไม่ครับลูก
เราจะไม่กินขนมก่อนกินข้าวนะครับ”
“ทำไมอ่ะครับพ่อฟู?”
“เพราะเดี๋ยวถ้าป๋ากับแดดดี๊มาถึงแล้ว
พวกเราจะไปกินข้าวกัน ถ้าถึงตอนนั้นแล้วพลับกินข้าวไม่ลงเพราะยังอิ่มขนมอยู่
ป๋ากับแด๊ดต้องไม่สบายใจมากแน่ ๆ เลย เชื่อพ่อฟูสิ”
เหตุผลกับน้ำเสียงหนักแน่นของกรกฏทำให้เด็กชายสลดลงเล็กน้อย
ทว่าปวรกลับไม่ละทิ้งความพยายามแต่อย่างใด “ถ้าเก็บไว้กินหลังกินข้าวล่ะครับพ่อฟู?”
ผู้เป็นพ่ออมยิ้มให้กับความหัวใสของบุตรคนเล็ก
และแน่นอนว่า เด็กชายย่อมต้องได้ฟังข่าวดี “ได้ครับ แต่พ่อฟูให้กินวันละชิ้นนะลูก”
“ครับ”
ก่อนจะปลาบปลื้มกับอาการว่านอนสอนง่ายของปวร
กรกฏกลับต้องหลอนสะพรึ่งเมื่อเพิ่งตระหนักได้ว่า รอบ ๆ กายเขา ไร้ร่องรอยของฝาแฝดคนโต
“พี่พลาย? พี่พลาย?!” อริยะตรัยผู้พี่หันรีหันขวางพลางมองหาปภพด้วยท่าทางแตกตื่น
“ทางโน้นคับพ่อฟู!” ทันทีที่ปพนชี้บอกทาง กังฟูก็รีบเข็นรถพาทายาทอีกสองหน่อออกเดินตามหาฝาแฝดหมายเลขหนึ่งอย่างร้อนรน
โชคดีที่เพียงไม่กี่อึดใจให้หลัง ชายหนุ่มก็พบว่าลูกชายกำลังยืนสนทนากับชายแปลกหน้าอยู่ตรงชั้นวางสินค้าที่ถัดออกไปเพียงไม่กี่แถว
เมื่อเห็นลูกอยู่ในกรอบสายตา คุณพ่อหน้าหวานก็ปราดเข้าไปกุมมือป้อมของเจ้าตัวเล็กเอาไว้แน่น
“พี่พลาย
เราตกลงกันว่ายังไงครับ?” แม้จะคลายกังวล
แต่น้ำเสียงของกรกฏกลับยังสั่นเครือไม่หาย
ทว่าเด็กชายผู้หวังดีกลับตอบคำพ่ออย่างพาซื่อ
“พี่พายแค่จะมาช่วยหยิบนมให้พ่อฟูคับ”
ปภพเอ่ยพลางยื่นของกลางในมือส่งให้พ่อ
“โธ่พี่พลาย!
พี่พลายอย่าเดินไปไหนมาไหนโดยไม่บอกให้พ่อฟูรู้ก่อนสิลูก
พ่อฟูกลัวหาพี่พลายไม่เจอรู้ไหมครับ?” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยทรุดตัวลงนั่งพลางกอดบุตรชายคนโตเอาไว้แน่น
สีหน้าตกอกตกใจกับร่างกายอันสั่นเทาของบุพการีทำให้เด็กชายรู้สึกเสียใจและสำนึกผิดขึ้นมาทันที
“พี่พายขอโทษคับพ่อฟู พี่พายสัญญาว่าพี่พายจะไม่ทำแบบนี้อีกคับ” ทายาทคนโตของบ้านโอบท่อนแขนสั้น
ๆ รอบ ๆ แผ่นหลังบิดาเสียเต็มรักราวกับต้องการปลอบประโลมอีกฝ่ายทางอ้อม
.
.
.
.
.
“เอ่อ
คุณครับ”
เสียงเรียกของบุคคลที่สามทำให้กังฟูจำใจต้องคลายอ้อมกอดจากเลือดเนื้อเชื้อไขเพื่อหันไปสนทนากับชายแปลกหน้าอย่างไม่มีทางเลือก
“ครับ?!”
ตรงหน้ากังฟู คือ
ชายหนุ่มวัยทำงานท่าทางภูมิฐานและดูเนี้ยบเสียจนคนไม่มีเกย์ดาร์อย่างกรกฏยังจับออร่าสีม่วงได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดา
ซึ่งสิ่งที่ทำให้คุณพ่อลูกสามรู้สึกหวาดหวั่นขนลุกชันไปทั้งร่างหาใช่การทักทายของอีกฝ่ายไม่
หากแต่เป็นเพราะสายตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายที่จับจ้องเขาอย่างจาบจ้วงต่างหาก รู้ดังนั้น
พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจึงรีบอุ้มลูกชายคนโตขึ้นรถเข็นไปอีกคน
“จริง ๆ ผมต่างหากล่ะครับที่ชวนลูกชายคุณคุยอยู่ตั้งนาน
ผมนึกว่าแกหลงทาง ผมเลยอยากจะช่วย” ชายแปลกหน้าพยายามสร้างบทสนทนาพร้อม ๆ
กับเรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อลูกสามที่ดูอย่างไรก็น่าจะ ‘เป็น’ แบบที่เขาชอบพอ
“ไม่เป็นไรครับ
ขอบคุณมากนะครับ” จากประสบการณ์โดนจีบนับครั้งไม่ถ้วนทำให้ประโยคปฏิเสธของกรกฏทั้งสั้นทั้งห้วนแถมยังเย็นชามากขึ้นเรื่อย
ๆ “หิวหรือยังลูก? รอพวกป๋าแป๊บนึงนะครับ”
“เอ่อคุณครับ”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากคนที่เดินตามตื๊ออยู่ข้าง ๆ
ทำให้อริยะตรัยคนพี่อดระแวดระวังไม่ได้ ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าพร้อมกับออกแรงเข็นรถให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อสลัดแขกไม่ได้รับเชิญไปให้พ้น
ๆ แต่บทจะเจอคนเร้าหรือ คุณพ่อลูกสามอย่างเขาน่ะหรือจะทำอะไรได้ “ถ้าไม่รังเกียจ
ให้ผมช่วยคุณดูลูกดีไหมครับ?”
“อย่าเลยครับ
ผมเกรงใจ” ขาดคำ กรกฏก็ฉีกไปอีกทางอย่างว่องไว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ปล่อยให้เขาได้หายใจหายคอ
ฝ่ายเด็ก ๆ ก็เริ่มกรี๊ดกร๊าดกันอย่างสนุกสนานหลังจากพาหนะชั่วคราววิ่งปาดซ้ายป่ายขวาด้วยความเร็วน่าหวาดเสียวขึ้นทุกที
“พวกแกเป็นแฝดสามเหรอครับ?”
ชายแปลกหน้าพยายามชวนกรกฏพูดคุย กระนั้นกลับกลายเป็นเด็กชายหลงทางคนเมื่อครู่ที่โต้ตอบกับเขาอย่างเป็นมิตร
“ใช่คับ
พี่พายพุพับเป็น triplets!”
“โห
เก่งจังเลย พูดภาษาอังกฤษเป็นด้วย” คนขายขนมจีบป้อยอเด็กน้อยด้วยหวังจะใช้เป็นสะพานเพื่อสานสัมพันธ์กับผู้เป็นพ่อ
แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งเสาเทปูนตอม่อ เจ้าของตัวจริงของคุณพ่อหน้าหวานก็โผล่มาดับฝันจนราพณาสูร
“จะไปจ่ายเงินเลยไหมหนู?”
ตรินยิ้มเผล่พลางโฉบเข้าไปช่วยคนรักบังคับทิศทางของรถเข็นโดยพลัน
“Pappy!” ฝาแฝดทั้งคันรถกรีดร้องด้วยความดีใจที่โดนบิดาหน้าหนวดเซอร์ไพรส์เข้าอย่างจัง
“ป๋า?!” แม้จะยังประหลาดใจไม่หาย ทว่าความดีใจกลับมีมากกว่า
กรกฏจึงคลี่ยิ้มหวานเต็มหน้าทันทีที่ป๊ะป๋าของบ้านปรากฏตัวได้อย่างถูกจังหวะเสียนี่กระไร
“แล้วแด๊ดล่ะ?” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยไม่ได้รอคำถามเปล่า ๆ ปลี้ ๆ
หากแต่ชายหนุ่มกลับเอนตัวซบคนรักร่างหมีด้วยท่วงท่าดูเป็นธรรมชาติจนผู้ชมนิรนามเริ่มอยู่ไม่สุข
“หนูด้วงจอดรถอยู่ครับ
หนูล่ะ... ซื้อของเสร็จหรือยัง?”
“กำลังจะเสร็จครับ”
“งั้นเดี๋ยวป๋าช่วยนะ”
เต๋อหันไปหาบุคคลที่สามแล้วคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งไปทักทายพร้อม ๆ กับอำลาในคราเดียว
“พวกผมขอตัวนะครับ”
ทันทีที่ทิ้งชายแปลกหน้าเอาไว้เบื้องหลัง
คุณพ่อร่างเล็กก็รีบคลายความวิตกของคนรักโดยไม่รั้งรอ “เมื่อกี๊ไม่มีอะไรจริง ๆ
นะป๋า” จริงอยู่ที่แม้เขาจะไม่อธิบายตัวเองให้อดีตเด็กสถาปัตย์ฟัง
กังฟูก็เชื่อมั่นว่าเต๋อจะเชื่อใจเขามากพอ แต่เพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย
อริยะตรัยผู้พี่จึงพร้อมจะตอกย้ำความบริสุทธิ์ใจของตัวเองให้ตรินรับทราบแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ป๋ารู้ครับ
หนูไม่ต้องคิดมากนะ” ป๊ะป๋าร่างหมีคลี่ยิ้มละไมพลางยืนยันหนักแน่น
“พี่พลาย พลุ
พลับ ต่อเลโก้กันอยู่เหรอลูก?”
“คับป๋า!”
ทายาทหมายเลขหนึ่งรับหน้าที่ต่อบทสนทนากับตรินแทนน้อง ๆ
ที่ง่วนอยู่กับชิ้นส่วนหลากสี
“งั้นขอป๋าเล่นด้วยคนได้ไหมครับ?”
ถ้าเป็นผู้ใหญ่ในบ้านคนอื่น ๆ คงรู้สึกแปลกใจที่ช่วงหัวค่ำแบบนี้ แทนที่ป๊ะป๋าของบ้านจะปลีกตัวไปนั่งสะสางงานเงียบ
ๆ ในห้องหนังสือแต่กลับดอดขึ้นมาหาลูกชายทั้งสาม ทว่าสำหรับเด็ก ๆ แล้ว พวกเขาดูจะดีใจกับการมาของบิดาร่างหมีเป็นพิเศษเสียด้วยซ้ำ
“ได้คับ!” สิ้นคำ ฝาแฝดคนโตก็เลื่อนถังใส่ตัวต่อให้เต๋ออย่างไม่นึกหวง
“เออนี่ลูก
วันนี้คุณอาคนนั้นเขาเข้ามาคุยอะไรกับพ่อฟูเหรอครับ?” ที่สุดแล้ว
จุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้เป็นพ่อก็เปิดเผย... หึ! แม้ภายนอกเขาจะดูเฉย ๆ
กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อตอนเย็น ทว่าลึก ๆ แล้ว ตรินกลับรู้สึกร้อนรุ่มวุ่นวายใจจนอยากจะจับไอ้หน้าจืดนั่นมาข่มขู่ให้เสียผู้เสียคนกันไปเลย
“คุณอาคนไหนเหรอครับป๋า?”
ปวรเอียงคอพลางจับจ้องมองพ่ออย่างใคร่รู้
“ก็คุณอาคนที่พวกลูก
ๆ เจอที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตไงครับ”
“อ๋อออ!” เด็ก ๆ รับคำโดยพร้อมเพรียงเพราะยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ลืม
“คุณอาคนนั้นหยิบนมบนชั้นให้พี่พายคับ”
ปภพรายงานเสียงแจ๋ว แต่นั่นดูจะห่างไกลจากข้อมูลเชิงลึกที่ชายหนุ่มร่างใหญ่อยากได้ยิน
“แล้วหลังจากนั้นล่ะลูก
เกิดอะไรขึ้น?”
“แล้วพ่อฟูก็มาคับ”
พลายว่าพลางประกบตัวต่อลงบนฐานของยานอวกาศในจินตนาการอย่างขยันขันแข็ง ตรินแสร้งทำทีจดจ่อกับชิ้นส่วนเล็ก
ๆ ในมือเพื่อกลบเกลื่อนอาการหึงหวงจนควันใกล้ออกหูให้รอดพ้นจากสายตาฝาแฝด
“พ่อฟูมาแล้วไงต่อลูก?”
“แล้วป๋ากับแดดดี๊ก็มาไงคับ”
“คุณอาคนนั้นเดินตามพ่อฟูมาด้วยคับ”
พลุเสริมความต่อจากพี่ชายก่อนที่จะเป็นฝาแฝดคนสุดท้องที่ต่อจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายให้คนเป็นพ่อเห็นภาพเหตุการณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ใช่ ๆ
คุณอาเดินมาคุยกับพ่อฟู แต่พ่อฟูไม่คุยด้วย คุณอาเลยคุยกับพี่พะ-ลายแทน”
“แล้วป๋ากับแดดดี๊ก็มาคับ”
ค่าที่มัวแต่สนใจตัวต่อจนแทบไม่รู้ว่าคุณพ่อหน้าหนวดคิดอะไรอยู่ เด็กชายปภพก็เอายย้ำคำตอบเดิมอีกคำรบ...
ก็คนกำลังเล่นอยู่ จะให้พูดเยอะ ๆ ได้อย่างไรล่ะ?!
“แค่นั้นเหรอครับ”
“ฮื่อ!”
การพยักหน้าโดยพร้อมเพรียงกันของบรรดาเลือดเนื้อเชื้อไขทำให้ฝ่ายบิดาจำต้องถอดใจจากหัวข้อประจำวัน
แต่ใครบอกล่ะว่าเขาจะยุติการสอบสวนแต่เพียงเท่านี้กันล่ะ “แล้วปกติเวลาออกไปข้างนอก
มีคุณอาที่พวกลูก ๆ ไม่รู้จักเข้ามาคุยกับพ่อฟูบ่อยไหมครับ?”
“บ่อยคับ!” โชคไม่ดีที่รอบนี้แกนนำเหล่าฝาแฝดอย่างปภพเผลอเข้าใจไปว่า
คุณอาที่ป๊ะป๋าพูดถึง คือ บรรดาพนักงานขายของ และแคชเชียร์ที่กรกฏจำต้องวิสาสะด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จึงไม่แปลกอะไรที่เมื่อได้ยินคำตอบอย่างฉะฉานของลูกชายแล้ว
ตรินจะประหวั่นพรั่นพรึ่งถึงขีดสุด
“บ่อยเลยเหรอลูก?!”
“คับ!”
.
.
.
.
.
.
“ถ้างั้นป๋าคงต้องขอแรงพวกเราทำอะไรสักอย่างให้ป๋าแล้วแหละ” เต๋อรวบรัดพลางมองเลือดเนื้อเชื้อไขด้วยสายตาเป็นประกาย
ในเมื่อเขาไม่อาจคอยอยู่กำจัดริ้นไรที่หมายตาคนรักด้วยตัวเองได้
ชายหนุ่มก็จะถ่ายทอดวิทยายุทธทั้งหลายให้ฝาแฝดไปช่วยทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์เมียแทนเขาเสียเลย
“อะไรเหรอคับ?”
ในเมื่อหัวโจกสนใจ ลูกกระจ๊อกที่เหลือย่อมต้องพลอยสนใจตามไปด้วย
“พวกเรามาช่วยกันปกป้องพ่อฟูจากคุณอาแปลกหน้ากันเถอะลูก!”
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
“สวัสดีครับ
ลองชิมองุ่นไร้เมล็ดดูก่อนไหมครับ? พันธุ์นี้นำเข้ามาจากออสเตรเลีย
ทั้งหวานทั้งกรอบเลยนะครับ” พนักงานยื่นองุ่นให้กังฟู ก่อนจะเชิญชวนเด็ก ๆ
ด้วยผลไม้ที่ถูกจัดแต่งในรูปแบบเดียวกัน
“ลองชิมดูก่อนครับ” แต่แทนที่องุ่นจะถูกเปลี่ยนถ่ายย้ายมาอยู่ในมือของคุณพ่อและลูกชาย เหล่าฝาแฝดก็วาดลวดลายที่ถูกป๊ะป๋าร่างหมีฝึกฝนมาอย่างดีให้โลกได้ประจักษ์ตามความถนัดของแต่ละคน
“พี่พายไม่กินคับ!”
“ไม่เอาครับ!”
“พ่อฟู ๆ พุอยากกินนมคับ”
“ครับ ๆ
งั้นเราไปตู้แช่นมกันเลย” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยยิ้มน้อย ๆ พลางขอโทษขอโพยพนักงานของซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ไว้วันหลังนะครับ ขอบคุณครับ”
“สวัสดีค่ะ สนใจรับตัวอย่างแชมพูสูตรใหม่ไปทดลองใช้ดูไหมคะ?”
เมื่อสิ้นเสียงของพริตตี้ประจำบูธยาสระผม
ทายาทรุ่นที่สามแห่งคุณะประสิฒธิ์ก็ลอบมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย... ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีบททดสอบความสามารถของพวกเขามากมายเสียเหลือเกิน
เพราะคล้อยหลังคุณอาองุ่นมาได้เพียงไม่นาน
คุณอาคนสวยก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้พ่อฟูเสียแล้ว แถมดูเหมือนว่าคราวนี้
พ่อฟูจะมีใจให้กับคุณอายาสระผมเสียด้วยสิ
“หืม?
ออกสูตรใหม่เหรอครับ?” กรกฏเข็นรถเข็นเข้าไปใกล้กับซุ้มดังกล่าวเมื่อเห็นว่าแชมพูที่หญิงสาวแนะนำเป็นยี่ห้อเดียวกับที่เขาและคนรักใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“ใช่ค่ะ
นี่ค่ะตัวอย่างแจกฟรี”
“พ่อฟู
พี่พายเดินไปตรงนั้นได้ไหมคับ?” และก็เป็นอีกครั้งที่ฝาแฝดทำให้ผู้เสนอไมตรีแฝงการค้าทั้งหลายต้องชะงักค้างกลางอากาศ
พร้อม ๆ กับสินค้าตัวอย่างที่โดนหมางเมินในมือ
“พี่พลายจะไปไหนลูก?”
“เมื่อกี๊พี่พายเห็นของเล่นคับ
พี่พายอยากไปดู”
“ของเล่นอยู่ตรงไหนลูก?”
ขึ้นชื่อว่าเป็นความต้องการของบุตรชายทีไร อริยะตรัยผู้พี่เป็นต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอ
“ตรงนู้นคับ!” เด็กชายชี้นิ้วพลางพยักเพยิดบอกใบ้ ท่าทางกระวีกระวาดของลูกชายคนโตทำให้คนเป็นพ่อใจอ่อน
“โอเค ๆ
ไปดูของเล่นกันนะ” ความที่กังฟูทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับเลือดเนื้อเชื้อไขไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร
จึงไม่แปลกหากชายหนุ่มจะสนใจและพร้อมตอบสนองความต้องการของบุตรทั้งสามจนเมินของแถมที่พนักงานประจำบูธยาสระผมหยิบยื่นให้ไปในพริบตา
ทว่ายังไม่ทันเดินไปถึงไหน มารผจญตัวใหม่ก็เดินเข้ามาขวางทางพ่อลูกทั้งสามเข้าให้อีกหนึ่งตน
“อ้าว!
เจอกันอีกแล้วนะครับ”
แม้จะเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตายไปหยก ๆ แต่ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เจอกับกังฟูไปเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ยังคงตัดใจไม่ได้เสียทีเดียว
“...อ่า...
ครับ...” กรกฏยิ้มเจื่อนเมื่อโดนจอมตื๊อเดินประกบเป็นเงา แต่เพื่อยืนยันความรู้สึกอึดอัดในใจ
ชายหนุ่มก็เลือกที่จะใช้สเต็ปเดิม ๆ ในการเลี่ยงผู้ไม่พึงประสงค์
คุณพ่อหน้าหวานอุ้มลูกชายคนโตใส่ในรถเข็น
ก่อนจะเร่งความเร็วของการสับขาให้มากกว่าเดิม
“สวัสดีครับสุดหล่อ”
คุณอาแปลกหน้าเอ่ยทักปภพด้วยหวังจะใช้เด็กชายเป็นใบเบิกทาง ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้การปรายตามอง
เมื่อเห็นดังนั้น ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนช่องสัญญาณเสียใหม่ “Good Afternoon!
How are you today?”
“พ่อฟูคับ
พี่พายปวดฉี่” ทายาทเบอร์หนึ่งเปรยขึ้นพลางหนีบขา ทำหน้าเหยเก คนเป็นพ่อจึงเริ่มเดือดเนื้อร้อนใจ
“พี่พลายปวดฉี่เหรอลูก?”
“คับ”
“ขอตัวก่อนนะครับ”
ทันทีที่ได้ฟังคำยืนยันของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กรกฏก็ตัดบทชายแปลกหน้าด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดพร้อมกับมุ่งหน้าดิ่งไปยังห้องน้ำโดยไม่สนใจใคร
แน่นอนว่าถ้าอีกฝ่ายยังจะตื๊อเขาอยู่อีกล่ะก็ คุณพ่อร่างเล็กก็พร้อมจะไฝว้กับทุกคนโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเช่นกัน
“พี่พลายปวดมากไหมครับ? ทนไหวไหมลูก?”
“พี่พายหายปวดแล้วคับ”
“หืม?!” กังฟูเอะใจแต่ก็ไม่คลายวิตกเสียทีเดียว “หายปวดฉี่แล้วจริง
ๆ เหรอลูก? อยากให้พ่อฟูพาไปเข้าห้องน้ำดูหน่อยไหม?”
การที่เห็นลูกชายส่ายหัวพร้อมกับประสานสายตาใส
ๆ จ้องมองตัวเขาหลังจากอีกฝ่ายกลับคำพูดไปมาแบบหมาด ๆ ทำให้ชายหนุ่มวัยสามสิบกว่า
ๆ นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้... เดี๋ยวนะ! หรือว่าเมื่อกี๊จริง ๆ แล้วเจ้าตัวเล็กไม่ได้ปวดฉี่แต่แค่จงใจปดเพื่อให้เขาปลีกตัวจากผู้ชายคนนั้นได้?!
“พี่พลาย
เมื่อกี๊พี่พลายโกหกพ่อฟูเหรอครับ?”
“ป๋าบอกว่าถ้าทำให้พ่อฟูไม่ต้องคุยกับคุณอาคนอื่นได้
ป๋าอนุญาตให้พี่พายพุพับโกหก” เป็นเพราะความไร้เดียงสาแท้ ๆ
ที่ทำให้ปภพยอมรับความผิดหน้าตาเฉย
ทว่านั่นกลับเฉลยให้ผู้เป็นพ่อรู้ถึงแผนการอันร้ายกาจของคนรักร่างหมีเข้าอย่างจัง
“ป๋าพูดอย่างนั้นจริง
ๆ เหรอลูก?” เพื่อความมั่นใจ พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจึงหันไปซักไซ้ลูกชายอีกสองคน
ซึ่งชายหนุ่มก็ได้รับการพยักหน้าแทนคำตอบแง่บวก
“คับ!”
“เฮ่อ!
ป๋านะป๋า แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ฟูคิดมากได้ไงไหว!” กังฟูรำพึงรำพันกับตัวเองด้วยอารมณ์อันหลากหลาย
แต่ที่แน่ ๆ นิสัยโกหกแบบมีข้ออ้างไม่ควรถูกปลูกฝังและหล่อหลอมจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของบุตรชายทั้งสามในภายภาคหน้าเป็นอันขาด
“พี่พลาย พลุ พลับฟังพ่อฟูนะลูก”
“คับ!” เด็ก ๆ ทั้งสามจับจ้องบิดาร่างเล็กตาแป๋ว
“ต่อจากนี้ไป
ห้ามพูดโกหกอีกนะลูก เพราะการโกหกเป็นสิ่งไม่ดี พ่อฟูเคยสอนหลายทีแล้วใช่ไหม”
“แต่ถ้ามีคุณอาเข้ามาคุยกับพ่อฟูอีก
พ่อฟูจะทำยังไงล่ะครับ?” พลับแย้งตามคำสั่งของป๊ะป๋าหน้าหนวด
“อืม... ถ้าเป็นอย่างนั้น
ลูก ๆ ร้องเพลงดีไหม?”
“ร้องเพลง?”
“ใช่ลูก ร้องเพลงพี่บาร์นีย์ก้ได้ครับ
ร้องให้เสียงดัง ๆ เลยนะ รับรองว่าอา ๆ พวกนั้นจะต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแน่ ๆ ” คำตอบของบิดาทำให้เด็กชายทั้งสามออกอาการงุนงง
แต่เมื่อได้ยินกรกฏร้องเพลงที่คุ้นเคย
มีหรือที่ฝาแฝดทั้งสามจะนิ่งเฉยอยู่ได้ “I love you, you love me. We are
happy family…”
.
.
.
.
.
.
.
“มีบัตรสมาชิกไหมครับ?”
“ไม่มีครับ” กรกฏตอบแคชเชียร์พลางทยอยวางของในตระกร้าลงบนสายพานในขณะที่เด็ก
ๆ ทั้งสามยังคงร้องเพลงติดลมบน
“สองพันห้าร้อยสี่สิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์ครับ”
ชายหนุ่มยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานพลางยิ้มหวานให้กำลังใจทายาทอย่างต่อเนื่อง
“เด็ก ๆ
ร้องเพลงเพราะจังเลยครับ”
“ครับ
พวกแกอารมณ์ดีมากครับ”
“นั่นสิครับ
พอได้เห็น ๆ เด็ก ๆ มีความสุข ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็พลอยมีความสุขไปด้วยนะครับ”
“ครับ” เสียงเพลงที่ถูกขับขานด้วยเสียงกังวานใสของเหล่าฝาแฝดในระหว่างที่ผู้เป็นพ่อกำลังยืนรอเซ็นกำกับสลิปบัตรเครดิตนั้นทำให้
บรรดาลูกค้าที่กำลังเข้าแถวรอจ่ายเงินรวมถึงพนักงานทั้งหมดพากันอมยิ้มให้กับความน่ารักสดใสของเด็กชายหัวเห็ดทั้งสาม
และแล้วมันก็เป็นไปอย่างที่กังฟูคิดเอาไว้จริง
ๆ ... ท่ามกลางบรรยากาศอุ่น ๆ ที่เจือกลิ่นอายแห่งความสุขและความบริสุทธิ์สดใส
ย่อมไม่มีใครกล้าตรงเข้ามาทำลายมันลงเพื่อแลกกับการทำความรู้จักคุณพ่อลูกสามอย่างเขาแน่
ๆ
แต่สิ่งเดียวที่กังฟูมองข้ามไปเห็นจะเป็นการที่หนึ่งในลูกเสือก็ยังคงยืดถือคำสั่งของพ่อเสืออย่างเอาการเอางาน
เพราะนับตั้งแต่วันนั้นจวบจนถึงทุกวันนี้ ลูกเสือตัวหัวโจกก็มักจะแอบทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้บิดาหน้าหวานอย่างแน่วแน่และแนบเนียนขึ้นเรื่อย
ๆ
«♥»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «♥»
No comments:
Post a Comment