Wednesday, December 7, 2016

ถ้าต้อยได้ ชายจะเป็นอมตะ ||#04|| 07.12.2016

<|No.04|>
เมื่อกี๊ยังรวยอยู่ดี ๆ แต่ตอนนี้จนเฉ๊ย!


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


“คุณกีรติ ลูกคุณนี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ” เจ้าบ้านบ่นขรมทันทีที่เห็นหน้าศรีภรรยา ฝ่ายหญิงวัยกลางคนที่สวยและดูสาวเสียจนไม่มีผู้ใดรู้อายุจริงก็วางไอแพ็ดในมือแล้วปรายตามองคู่ชีวิตที่เดินหน้ายุ่งเข้ามาในห้องหนังสือบนชั้นสองของเรือนไทยทรงปั้นหยาขนาดใหญ่ใจกลางย่านเก่าแก่ของเกาะรัตนโกสินทร์

“ไปได้ยินข่าวลือที่ไหนมาอีกล่ะคะคุณชายพจน์ถึงได้บ่นเป็นหมีกินแตนเข้าไปทั้งรังแบ...” อาการหงุดหงิดเรื้อรังของสามีทำเอากีรติอิดหนาระอาใจอยู่ไม่น้อย แต่แทนที่รอบนี้เจ้าหล่อนจะต้องทนฟังอีกฝ่ายร่ายถึงเลือดเนื้อเชื้อไขผู้ไม่ได้อย่างใจจนหูชา ร่างสูงใหญ่ของบุตรชายที่เพิ่งเดินเข้าสู่กรอบสายตาก็ดึงความสนใจของคนเป็นแม่ได้หมดสิ้น  “อ้าวชายน้อยลูก! กลับมาบ้านทั้งที ทำไมถึงไม่ยอมบอกคุณหญิงแม่ก่อนล่ะคะ?”

“มันไม่ได้จะกลับบ้าน ผมต่างหากล่ะที่ลากคอมันกลับมาสำเร็จโทษที่นี่” คุณชายพจน์แหวอย่างเหลืออด แต่ดูเหมือนคุณหญิงกีรติผู้เป็นอมตะจะหาได้แคร์ไม่

“เย็นนี้อยากจะกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะลูก คุณหญิงแม่จะได้บอกแม่สายช่วยทำให้” คุณหญิงกอดหอมลูกชายอย่างรักใคร่อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ร่างหนา ๆ เป็นควายป่าแถบไซบีเรียของเด็กวิศวะจะเตะตาเจ้าหล่อนเข้าจนได้ “อ้าว แล้วนี่ใครคะลูก? รุ่นพี่ที่โรงเรียนเหรอ?”

ชายชาตรีกำลังจะอ้าปากชี้แจงสถานะของรุ่นน้องให้คุณหญิงแม่ได้แจ้งกระจ่าง ทว่าสายเปย์กลับโดนผู้เป็นพ่อตัดบทอย่างไร้เยื่อใย “เรื่องนั้นไว้ค่อยซักไซ้กันทีหลังได้ไหมคุณกีรติ ขอผมคุยกับมันให้รู้เรื่องก่อน”

“คุณชายพจน์นี่ก็ใจร้อนจริง ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะคะคุณน่ะ” คุณหญิงกีรติบ่นพอเป็นพิธี จากนั้นจึงปล่อยให้สามีได้ใช้เวลาคุณภาพกับลูกชายสมดังตั้งใจ “อ่ะ ๆ งั้นพ่อลูกก็คุยกันไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวคุณหญิงแม่ขอตัวลงไปดูน้ำดูขนมมาให้ก่อนดีกว่าเนอะ”

“มึงนี่ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งของกูเลยใช่ไหมไอ้ชาย?” คุณชายพจน์เปิดฉากฉะเลือดเนื้อเชื้อไขอย่างเผ็ดร้อนทันทีที่ภรรยาเดินคล้อยหลัง ฝั่งชายชาตรีที่รู้ถึงความต้องการของบิดาเป็นอย่างดีก็นั่งเชิดหน้าท้าทายอย่างไม่มีเกรงกลัว

“เรื่องอะไรล่ะครับ คุณชายพ่อสั่งชายออกเยอะแยะ”

“เอ๊ะไอ้นี่! ก็ที่กูสั่งห้ามไม่ให้มึงคบผู้ชายยังไงล่ะวะ!” ยิมแทบตกเก้าอี้ทันทีที่ได้ยินพ่อของรุ่นพี่ประกาศกร้าว... เอาแล้วไง! เมื่อกี๊ยังนั่งชูคอกินบุฟเฟ่ต์อยู่ดี ๆ ไหงตอนนี้ปลิงน้อยถึงถูกดูดเข้าสู่จุดศูนย์กลางของพายุทอร์นาโดได้ล่ะเนี่ย?!  

“แต่ชายก็บอกแล้วไงครับว่าชายทำให้คุณชายพ่อไม่ได้ ชายไม่ใฝ่ทางนั้น!” สายเปย์ต่อปากต่อคำไม่ลดละ แถมยังมีทีท่าแข็งกร้าวผิดไปจากปกติวิสัยเสียอีก

“ทำไมจะไม่ได้?! มึงก็แค่ยอมคบคนที่กูหาให้แล้วก็อยู่ ๆ กันไปเหมือนที่พ่อแม่ปู่ย่าตาทวดเขาทำ ๆ กันยังไงล่ะวะ!” ยิมเริ่มไม่แน่ใจว่าเสียงฟืดฟาดที่บุพการีของรุ่นพี่ทำคือสัญญาณบ่งบอกสภาพคล่องของระบบหายใจ หรือเป็นเสียงสะท้อนความอัดอั้นตันใจกันแน่... เฮ่อ! ลองว่าพ่อกับลูกคิดกันไปคนละอย่างแบบนี้ เห็นที่ว่าเขาต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่อีกโกฏิปีแสงชัวร์ ๆ !

“แต่ชายไม่ชอบผู้หญิง หัวเด็ดตีนขาดยังไงชายก็ไม่ชอบผู้หญิง!” หนุ่มบริหารแย้งพลางสะบัดแขน บิดร่างเร่า ๆ อย่างขัดอกขัดใจ ท่าทางสะดีดสะดิ้งเหลือรับของลูกชายทำให้ผู้เป็นบิดาแทบจะควักลูกตาทั้งสองของตนทิ้งบัดเดี๋ยวนั้น

ไม่ได้!! มึงเกิดมาเป็นผู้ชาย ยังไงมึงก็ต้องมีเมีย!

ชายไม่อยากมีเมีย ชายอยากเป็นเมีย!!” ชายชาตรีถลึงตามองสู้บิดาอย่างไม่คิดอ่อนข้อให้ “ชาย อยาก เป็น เมีย ได้ยินชายไหมครับคุณชายพ่อ!” เรื่องอื่น เขาพอยอมลงให้พ่อได้ แต่สำหรับความต้องการของหัวใจ... ไม่มีวันเสียล่ะ!

โว้ย! มึงนี่มันลูกใครวะ ทำไมถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้?!
“ชายก็เป็นลูกของคุณชายพจน์กับคุณหญิงกีรต...”
พอ! กูไม่ได้ถาม” ยิมอดคิดไม่ได้ว่า หากบรรยากาศภายในห้องผ่อนคลายกว่านี้อีกสักนิด เขาคงเผลอเข้าใจว่าคู่พ่อลูกกำลังซ้อมชงซ้อมตบมุกห้าบาทสิบบาทกันอยู่แน่ ๆ “ห่า! ซื่อบื้อหรือกวนตีนกันวะมึงเนี่ย?!
“ก็ชายนึกว่าคุณชายพ่ออยา...”
บ๊ะ! เดี๋ยวกูเหนี่ยวให้เลยหนิ! ผู้เป็นพ่อเงื้อมือขึ้นเหนือหัวทว่ากลับง้างไว้อย่างนั้นทันทีที่เห็นลูกชายสุดที่รักหลับตาปี๋พลางยกแขนป้องหน้า “สรุปว่ามึงจะเลิกดี ๆ ไหม หรือมึงอยากให้กูใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด?”

ไม่ครับคุณชายพ่อ จะยังไงชายก็ไม่เลิก!

อาการต่อต้านของบุตรชายที่กระทำอย่างอุกอาจต่อหน้าบุคคลที่สามทำให้คุณชายพจน์เลือดขึ้นหน้าจนต้องสำแดงฤทธาอภินิหารย์ให้สัตว์โลกได้ประจักษ์ “หนอยยย! มึงฟังกูให้ดี ๆ นะไอ้ชาย ถ้าขืนมึงยังทำตัววิปริตผิดเพศอยู่อีกล่ะก็ กูจะตัดมึงออกจากกองมรดก!

“คุณชายพ่อก็ฟังชายให้ดี ๆ นะครับว่าชายไม่มีวันรักกับผู้หญิงได้ เพราะชายชอบผู้ชายครับ!” ชายชาตรีเถียงเสียงดังอย่างไม่นึกกริ่งเกรงอาญาที่บิดาชี้แจงแถลงไข... คุณชายพ่อจะบ้าเหรอ? เป็นเกย์นะ ไม่ได้เป็นหวัดที่จะอัดยาแล้วหายภายในสองสามวัน!

แม้ใจจริงแล้ว คุณชายพจน์รักชายชาตรีเอามาก ๆ แต่หากปล่อยให้ทายาทใช้เงินล่อลวงผู้ชายอยู่ร่ำไป ไม่วันไหนสักวัน พวกเขาคงต้องขายสมบัติบรรพบุรุษกิน รู้ดังนั้น เจ้าบ้านจึงตอกหน้าลูกชายด้วยพฤติกรรมการเปย์อันก้าวร้าวราวเจ้าของบ่อน้ำมันในตะวันออกกลางของเจ้าตัว “ดี! กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ามึงไม่มีเงินถุงเงินถัง ไอ้แมงดาพวกนั้นยังจะอยากได้มึงเป็นเมียอยู่อีกหรือเปล่า”

“ต่อให้คุณชายพ่อไม่ให้เงินชาย ชายก็จะหาผัวจนได้นั่นแหละครับ!” ค่าที่อยากเอาชนะบิดาให้จงได้ ชายชาตรีจึงไม่สนว่าหายนะประการใดกำลังอ้าแขนรอตนอยู่

ไอ้ลูกไม่รักดี! ได้! งั้นมึงกับกูขาดกัน ต่อจากนี้ไปมึงไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ และกูจะจำไว้ว่ากูไม่เคยมีลูกชั่ว ๆ อย่างมึง! ไปเลย! พวกมึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้!

ทันทีที่ตระหนักถึงความต้องการของผู้อาวุโสอย่างแจ่มแจ้ง เด็กเฟรชชี่ตัวโตก็เกือบจะผุดลุกขึ้นแล้วสับเท้าวิ่งออกจากห้องไปอย่างไว หากไม่ติดว่ายังเห็นสายเปย์นั่งคอแข็งอยู่ที่เดิม... เอ หรือว่าเขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่คนเดียว?!
  
“...” ชายชาตรีปรายตามองบิดามึน ๆ ก่อนจะผินหน้าไปจับจ้องสิ่งที่น่าสนใจนอกกรอบหน้าต่างห้องมันดื้อ ๆ  

เอ้า กูไล่แล้วทำไมพวกมึงยังนั่งลอยหน้าอยู่อีก?! จะให้กูเอาน้ำสาดก่อนหรือไง?

“ถึงคุณชายพ่อจะตัดขาดชายแล้ว แต่ชายยังมีคุณหญิงแม่อยู่อีกทั้งคนนะครับ”

หนอยไอ้ชาย! มึงนี่มัน โว้ย!” อาการดีดดิ้นชกลมกระชากผมตัวเองโดยไม่แว้งกัดผู้อื่นของเจ้าบ้านทำให้ยิมอดนับถือน้ำใจคุณชายพจน์ไม่ได้... ไม่รู้ว่าการเป็นพ่อของพี่ชายจะต้องอดทนขนาดไหน เพราะลองให้เขาต้องรับบทเดียวกันดูสิ ป่านนี้ไม่ใครก็ใครนี่แหละที่ต้องแหลกกันไปข้าง

“ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ค่ะคุณชายพจน์ ดูซิ เสียงคุณดังจนลูกกลัวตัวสั่นไปหมดแล้ว” ในที่สุด อัศวินคุณหญิงกีรติก็ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยพร้อมด้วยขนมกับน้ำอีกถาดใหญ่ ๆ แต่เมื่อหล่อนตั้งท่าจะปราดเข้าไปโอบกอดลูกชายผู้ไม่สะทกสะท้านถ้อยคำหักหาญของบิดาแต่อย่างใด ทุก ๆ คนในที่นั้นก็รู้ได้ทันทีว่าประมุขหญิงของบ้านถือหางควายตัวไหนเยอะที่สุด “โอ๋ชายน้อยลูก มาหาคุณหญิงแม่มะ”

“ไม่ต้องเลยคุณกีรติ เมื่อกี๊ผมตัดมันออกจากกองมรดกแล้ว เพราะฉะนั้น ในฐานะที่คุณเป็นเมียผม คุณก็ต้องตัดขาดจากมันด้วยเหมือนกัน!” คุณชายพจน์แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน

“อ้าวเหรอคะ?! นี่ดิฉันต้องทำแบบนั้นจริง ๆ ใช่ไหมคะคุณชายพจน์?” ไม่ทันขาดคำ เจ้าบ้านทั้งสองก็ห้ำหั่นกันทางสายตาอย่างถึงพริกถึงขิง  

แต่เนื่องจากวันนี้มีอาคันตุกะอยู่ในที่เกิดเหตุ คุณหญิงกีรติจึงยอมไหลตามน้ำด้วยความเห็นแก่หน้าผัวเป็นสำคัญ “ชายน้อยลูก อย่าโกรธคุณหญิงแม่เลยนะคะ คุณชายพ่อท่านพูดถูก ในฐานะเมีย คุณหญิงแม่ก็ต้องยึดถือและเชื่อฟังคำสั่งของสามีจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ชายน้อยเข้าใจคุณหญิงแม่นะคะลูก”

“ไม่เป็นไรครับคุณหญิงแม่ ชายเข้าใจ ถ้าอย่างนั้น ขอชายขึ้นไปเก็บข้าวของก่อนนะครับ เดี๋ยวพอเก็บของเสร็จ ชายก็จะไม่อยู่ให้คุณชายพ่อกับคุณหญิงแม่ต้องลำบากใจอีกแล้ว” สายเปย์ผุดลุกขึ้นด้วยท่าทีองอาจ ทว่ากลับโดนคนเป็นพ่อคำรามตวาดเสียงดังลั่น

ไม่ได้! มึงต้องออกจากบ้านกูไปตัวเปล่า ห้ามเอาสมบัติติดตัวออกไปสักชิ้น!!” เป็นเพราะรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี คุณชายพจน์จึงดักคอลูกชายขี้ประชดเสียแต่เนิ่น ๆ “แล้วก็ไม่ต้องเสือกพาซื่อเดินแก้ผ้าโทง ๆ ออกไปล่ะ กูสงสารเพื่อนบ้าน!

“ถ้าอย่างนั้นชายก็ขอลาล่ะครับ” แม้จะโดนผลักไสแต่กลับไม่มีอะไรทำร้ายกิริยามารยาทอันไร้ที่ติของชายชาตรีได้ เพราะเมื่อสบโอกาสกล่าวคำอำลาบุพการีทั้งสอง เด็กบริหารก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นก่อนจะก้มกราบเท้าของผู้ให้กำเนิดอย่างชดช้อย กระนั้นแทนที่จะได้รับคำชื่นชม ชายหนุ่มกลับต้องยิ่งขมขื่นเพราะคำขาดของบิดา

“เดี๋ยว! เอากุญแจรถกับคีย์การ์ดคอนโดมึงมาด้วย!” ชายชาตรีควักสิ่งที่บิดาร้องขอคืนให้เจ้าของที่แท้จริงด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด “แล้วก็อย่าหวังว่าจะไปอาศัยบ้านคุณพิทักษ์เขาอยู่ล่ะ เพราะเดี๋ยวกูจะโทรไปสั่งห้ามเขาเอง!

“คุณชายพ่อจำคำชายเอาไว้เลยนะครับว่าชาตินี้ ชายจะพาผัวมากราบคุณชายพ่อและคุณหญิงแม่ให้ได้!” สายเปย์ทิ้งท้ายอย่างเดือดดาล แน่นอนว่านั่นย่อมกระตุกต่อมโมโหโกรธาของบิดาได้เป็นอย่างดี

“หึ! ทำเป็นอวดดีไปเถอะ ไว้มึงซมซานกลับมาเมื่อไร กูจะจับมึงหมั้นกับลูกสาวท่านอธิบดีให้รู้แล้วรู้รอด!

“ไม่มีทางที่วันนั้นจะมาถึงแน่ ๆ ครับคุณชายพ่อ!




“เดี๋ยวพี่ ทำไมพี่พูดจาแบบนั้นกับพ่อพี่อ่ะ? แล้วอย่างนี้พ่อพี่จะไม่เสียใจแย่เหรอ?” ทันทีที่ทั้งสองก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายของโถงวัง ยิมก็รั้งแขนเด็กปีสามไว้มั่น “ผมว่าพี่ขึ้นไปคุยกับพ่อพี่ดี ๆ อีกทีไหม โดนไล่ออกจากบ้านน่ะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะพี่” ความหวังดีของเฟรชชี่แลกได้เพียงประโยคยอกย้อนอย่างเจ็บแสบของอีกฝ่ายเท่านั้น

“แล้วยิมคิดว่าพี่ชายควรต้องทำยังไงล่ะ? พี่ชายชอบผู้ชาย แต่เพราะคุณชายพ่อรับไม่ได้ พี่ชายเลยต้องทนคบกับผู้หญิงอย่างนั้นน่ะเหรอ?” ชายชาตรียิ้มเยาะตัวเอง

คำตอบลุ่น ๆ ของรุ่นพี่ต่างคณะเล่นงานยิมจนต้องระบายลมหายใจอย่างหนักหน่วง “ผมก็ไม่ได้บอกว่าไอ้ที่พี่ทำมันผิด แต่ผมก็ไม่เห็นว่าพี่ต้องประชดประชันท่านแบบนั้นเลยนี่หว่า”

“จริง ๆ พี่ชายก็ไม่อยากพูดจาแบบนั้นหรอกนะ แต่พอคุณชายพ่อท่านพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร พี่ชายก็อดแย้งท่านไม่ได้ทุกที” สายเปย์หน้าเข่าสารภาพอย่างหมดเปลือก... หากให้พูดตามตรง จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ชายหนุ่มยังคงตอบตัวเองไม่ได้ว่า เพราะเหตุใด เขาจึงยอมแพ้บิดาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่กับเรื่องอื่น ๆ ทั้งสองแทบไม่เคยมีปากเสียงกันเลยสักครั้ง

“จะแย้งดี ๆ ก็ไม่ได้ด้วยใช่ไหมล่ะ”

“อือ!

“เฮ่อ! แล้วนี่พี่จะเอาไงต่อ?”

“พี่ชายก็ไม่รู้เหมือนกัน” เด็กบริหารถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก เพราะทันทีที่สำเหนียกได้ว่าตัวเองไม่เหลืออะไร เขาก็มืดแปดด้านไปหมด

“ผมว่าพี่ไปอยู่บ้านเพื่อนก่อนดีป่ะ ไว้รอให้พ่อพี่หายโกรธ พี่ก็ค่อยกลับมาขอโทษท่านวันหลัง” รุ่นน้องเสนอแนะทางออกให้กับปัญาหาใหญ่ของชายชาตรีอย่างเต็มความสามารถ... เอาเถอะ ไหน ๆ ก็โดนลากลงเรือลำเดียวกันมาถึงขั้นนี้แล้วนี่นะ

“เพื่อนคนไหนล่ะยิม พี่ชายมีเพื่อนแค่สองคนเองนะ”

“ก็พี่พิชญ์ไงพี่ ถ้าผมเป็นพี่พิชญ์แล้วรู้ว่าเพื่อนกำลังลำบาก ผมคงใจดำกับเพื่อนไม่ลงหรอก”

สายเปย์หน้าเข่าส่ายหัวป้อยเมื่อได้ยินตัวเลือกแรกของยิม “พี่ไปอยู่กับพิชญ์ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพิชญ์จะมีปัญหากับคุณพิทักษ์เปล่า ๆ พี่ไม่อยากทำให้เพื่อนต้องเดือดร้อนเพราะพี่”

“คุณพิทักษ์? คุณพิทักษ์ที่พ่อพี่พูดถึงเมื่อกี๊น่ะเหรอครับ?” เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่พยักหน้ารับเนือย ๆ เด็กวิศวะผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใด ๆ จึงถามด้วยสีหน้างง ๆ  “แล้วคุณพิทักษ์เกี่ยวอะไรกับพี่พิชญ์อ่ะครับ?”

“พิชญ์เป็นลูกชายคุณพิทักษ์น่ะ” 

“อ๋อ!” ยิมรับคำแกน ๆ ก่อนจะปัดความรู้สึกหมั่นเขี้ยวในความเยอะของอีกฝ่ายให้ตกไป “เออ แล้วบ้านเพื่อนพี่อีกคนอ่ะ พี่ไม่ลองไปขอเขาอยู่ด้วยสักพักอ่ะ?”

“คงไม่ได้หรอก เพื่อนพี่อีกคนเป็นผู้หญิงน่ะ เดี๋ยวที่บ้านเขาจะเข้าใจผิดกันไปหมด” ชายชาตรีปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลายั้งคิด แค่หลวมตัวนึกถึงภาพตัวเองขณะบากหน้าไปขอความเมตตาจากปาณัธ ขนตามตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ลุกชันขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลเสียแล้ว

“อ้าว! แล้วอย่างนี้พี่จะทำไงอ่ะ บ้านก็ไม่มีให้กลับ ข้าวของอะไรก็ไม่มีติดตัวสักอย่าง” ยิมโอดครวญหวนไห้เสียใหญ่โตราวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือวิบากกรรมของตัวเอง ฝ่ายรุ่นพี่ที่เพิ่งโดนพ่อแม่เทจนโซซัดโซเซกลับเอาแต่ยืนหน้านิ่งไร้อารมณ์

“พี่ชายก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ผมว่าตอนนี้คนที่น่าจะลำบากกว่าผมคือพี่นี่แหละ"

“เฮ่อ! นั่นสิ!

"เดี๋ยวพี่! ผมว่านี่ไม่ใช่เวลาที่พี่จะทอดอารมณ์นะเว่ย!

“ก็แล้วยิมจะให้พี่ทำยังไงล่ะ?”

เฟรชชี่ประเมินสถานการณ์อย่างละเอียดก่อนชี้แนะวีธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด “เอาจริง ๆ ผมว่าถ้าพี่จะเปลี่ยนใจแล้วขึ้นไปขอโทษพ่อพี่ ท่านก็น่าจะยอมอภัยให้อยู่นะครับ พ่อลูกกัน ไม่น่าจะตัดขาดกันง่าย ๆ หรอก”

“ไม่! ขืนพี่ชายกลับไปง้อคุณชายพ่อตอนนี้ คุณชายพ่อต้องจับพี่ชายหมั้นกับผู้หญิงที่คุณชายพ่อหาเอาไว้ทันทีแน่ ๆ ” น้ำเสียงกับสีหน้าห้าวหาญชาญสมรของรุ่นพี่ผู้ไม่ยอมอ่อนข้อลงให้พ่อทำให้ยิมนึกแปลกใจ... อะไรวะ?! เมื่อกี๊ยังยืนเหี่ยวอยู่แท้ ๆ แต่พอแตะเรื่องพ่อนิดเดียวกลับของขึ้นเสียอย่างนั้น?!! อีกอย่าง... ใครมันจะจัดงานหมั้นได้เร็วฟ้าผ่าในสามวันเจ็ดวัน พี่ชายก็พูดเป็นหนังการ์ตูนไปได้!

ก่อนที่เด็กปีหนึ่งจะได้พูดโต้แย้ง เสียงหวาน ๆ ของคุณหญิงกีรติก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อน “ชายน้อยลูก! คุณหญิงแม่คิดเอาไว้อยู่แล้วเชียวว่าชายน้อยจะอยู่รอร่ำลาคุณหญิงแม่ก่อน”

คำพูดของมารดารุ่นพี่ทำเอาเด็กเฟรชชี่เป็นงง แต่เนื่องจากโดนเพชรตามง่ามนิ้ว ติ่งหู และแผงคอส่งประกายแวววาวเข้าฟาดลูกตาเป็นเวลาหลายนาที สมองยิมจึงตื้อตันพาลคิดอะไรไม่ถ้วนถี่อย่างที่ควรจะเป็น

“ชายน้อยไม่ต้องห่วงนะคะลูก เดี๋ยวคุณหญิงแม่จะช่วยจัดการให้เหมือนทุกทีเนอะ”

“หืม?!” ประโยคเมื่อครู่ทำให้ยิมเอะใจ... เอ๊ะ! ทำไมแม่พี่ชายถึงพูดเหมือนนี่เป็นเรื่องปกติ? คนบ้านนี้เขาทะเลาะกันประจำหรอกเหรอ? แต่ต่อให้เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยก็ไม่มีประโยชน์ เพราะ ณ ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ หากจะมีใครสนใจสุ้มเสียงฉงนฉงายของไอ้ปลิงน้อยหน้าหนวดก็แย่แล้ว!

“แต่ชายว่าคราวนี้คุณชายพ่อคงจะไม่หายโกรธง่าย ๆ หรอกครับคุณหญิงแม่ ที่ผ่านมา คุณชายพ่อไม่เคยบอกว่าจะตัดชายออกจากกองมรดกเลยสักครั้ง”

“โธ่ ชายน้อยของคุณหญิงแม่! เรื่องนั้นไว้ให้เป็นหน้าที่ของคุณหญิงแม่เองนะคะ ส่วนตอนนี้ เอาเงินสดกับบัตรนี่ไปก่อน เดี๋ยวอีกสักสองสามอาทิตย์คุณหญิงแม่จะแอบโอนเงินไปให้เพิ่มนะคะ” คุณหญิงกีรติขยิบตาให้ลูกรักหลังจากมอบทุนรอนก้อนใหญ่ให้อย่างไม่อิดออด

“คุณหญิงแม่ทำแบบนี้ไม่กลัวคุณชายพ่อโกรธเอาเหรอครับ?” สายเปย์หน้าเข่าถามพลางชำเลืองมองบัตรเครดิตสีดำกับเงินฟ่อนใหญ่ในมืออย่างหวาดหวั่น แต่ครั้นจะไม่รับไว้ เขาก็ดันทำไม่ได้นี่สิ

“คุณชายพ่อโกรธคุณหญิงแม่ไม่ลงหรอกค่ะ ก็คุณชายพ่อรักคุณหญิงแม่จะตายนี่เนอะ” เจ้าบ้านหญิงคลี่ยิ้มหวานหยดให้ลูกชายแถมยังมีน้ำใจเผื่อแผ่ความเอ็นดูมาถึงยิม แต่ทั้งหมดกลับต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของคุณชายพ่อดังแว่วมาไกล ๆ

“คุณกีรติ ผมรู้นะว่าคุณแอบเอาเงินไปให้ไอ้ชายมันน่ะ!

แม้คุณหญิงแม่จะยังควบคุมสีหน้าและอาการเอาไว้ได้ ทว่าน้ำเสียงหวานใสกลับรัวเร็วและตะกุกตะกัก “เอาเป็นว่า ระหว่างนี้คุณหญิงแม่ฝากรุ่นพี่ดูแลลูกชายตัวน้อยของคุณหญิงแม่ด้วยนะคะ”

ห๊ะ?! อะไรนะครับ?!

เป็นอีกครั้งที่ยิมโดนสมาชิกของบ้านมีทรัพย์มากอนันต์เมินใส่ เพราะนอกจากจะไม่คิดอธิบายแล้ว คุณหญิงกีรติกลับหันไปกำชับบุตรชายอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนนางนกต่อบอกช่องทางงัดแงะบ้านให้หมู่โจร “เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณหญิงแม่จะให้คนเอาหนังสือกับอุปกรณ์การเรียนของชายไปส่งให้ที่โรงเรียนนะคะ มีอะไรก็โทรหาคุณหญิงแม่นะคะชายน้อยลูก”

“คุณกีรติ ผมกำลังจะลงบันไดไปแล้วนะ! หนึ่ง... สอง...”

“รีบไปเถอะลูก คุณหญิงแม่บอกให้คนรถรออยู่ ไปสิคะ! เดี๋ยวคุณชายพ่อจะมาเห็นเข้า!

แม้จะเริ่มรู้สึกทะแม่ง ๆ กับสถานการณ์ตรงหน้ามากขึ้นทุกที  แต่เฟรชชี่วิศวะกลับไม่มีเวลาเหลือให้สงสัยอะไรอีก เพราะทันทีที่โดนแม่ของชายชาตรีรุนแผ่นหลังจนพ้นจากชายคาวัง พวกเขาทั้งสองก็เห็นคุณหญิงกีรติยืนโบกมือหยอย ๆ สลับกับยกมุมผ้าเช็ดหน้าขึ้นปาดน้ำตาป้อย ๆ จากตอนหลังของรถยนต์เท่านั้น

$$$$$$$$

“เดี๋ยวพี่ นี่มันอะไรกัน?! ทำไมพี่ถึงต้องกลับมาที่หอกับผมด้วย?” ยิมโพล่งขึ้นขณะยืนไขประตูหน้าห้องโดยมีคนมองอย่างรอคอยความหวังอยู่เบื้องหลัง

“ก็พี่ชายจะมาอยู่กับยิมด้วยไง เมื่อกี๊ตอนก่อนจากวังมา ยิมไม่ได้ยินที่คุณหญิงแม่พี่ฝากฝังพี่ไว้กับยิมเหรอ?” ชายชาตรีตอบอย่างพาซื่อ

“เฮ่ยเดี๋ยวพี่! ผมยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะว่าผมจะยอมให้พี่มาอยู่ด้วย! 

“อ้าว! ยิมไม่อยากให้พี่อยู่ด้วยงั้นเหรอ?” คำตอบของรุ่นน้องทำเอาสายเปย์หน้าเข่าออกอาการโศกเศร้าในบัดดล “แล้วอย่างนี้พี่จะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?”

“แม่พี่ให้เงินมาตั้งเยอะ ทำไมพี่ไม่ออกไปหาห้องอยู่เองล่ะครับ?” เท่าที่แอบฟังเสียงกรีดนับธนบัตรระหว่างนั่งรถกลับมาด้วยกัน ยิมก็กะได้คร่าว ๆ ว่า เงินที่มารดาของรุ่นพี่ให้ติดตัวมาจะต้องมีจำนวนมากกว่าครึ่งแสนแน่ ๆ ดังนั้น สถานที่ซุกหัวนอนย่อมไม่ใช่อุปสรรคของคนโตกว่าอีกแล้ว

“เช่าห้องเหรอ? แล้วมันต้องทำยังไงบ้างล่ะ? แค่เอาเงินไปให้เขา พี่ชายก็จะได้ห้องมาแล้วใช่ไหม?”

สายตาบ้องแบ้วที่สบประสานกันโดยไม่เลี่ยงหลบทำให้ยิมยอมปากเปียกปากแฉะอีกครั้ง “ก่อนอื่นพี่ก็ต้องไปหาดูห้องที่พี่อยากได้ แล้วพี่ก็คุยกับเจ้าของ ตกลงรายละเอียดกัน ทำสัญญา จ่ายเงินค่าเช่ากับมัดจำตามที่คุยกันไว้ แค่นั้นพี่ก็มีห้องอยู่แล้วล่ะครับ”

“เหรอ... ทำไมมันยุ่งยากจัง ไม่เห็นเหมือนตอนย้ายไปอยู่คอนโดที่คุณหญิงแม่ซื้อให้เลย”

จากที่เข้าใจว่าการออกไปหาที่อยู่ใหม่ของรุ่นพี่ไม่ใช่ปัญหา แต่เมื่อลองถามไปถามมา เด็กหน้าหนวดก็เริ่มจะวิตกมากขึ้นเรื่อย ๆ “ผมถามจริง ๆ นะพี่ชาย ตั้งแต่เกิดมา พี่เคยทำธุรกรรมอะไรเองมั่ง?”

“เปิดบัญชีธนาคาร?”

“หึ!

“ลงทะเบียนเรียน?”

“หึ!” ในเมื่อโดนรุ่นพี่ส่ายหัวใส่หน้าอย่างจังไปครั้งหนึ่ง ย่อมต้องมีการส่ายหัวครั้งที่สองตามมาติด ๆ ... และเชื่อขนมกินได้เลยว่า คนอย่างชายชาตรีน่ะ ธรรมดาน้อยเสียที่ไหน

“อ่ะ งั้นทำบัตรประชาชนก็ได้เอ้า! ผมว่าพี่ต้องทำเองแน่ ๆ ”

“หึ! พี่ชายไปทำบัตรประชาชนกับคุณหญิงแม่ นอกจากรอยิ้มตอนถ่ายรูป กับสแกนลายนิ้วมือแล้ว ที่เหลือเลขาของคุณชายพ่อก็จัดการให้พี่ชายหมดเลย” สายเปย์ยิ้มน้อย ๆ พลางเจื้อยแจ้วถึงความหลังเมื่อครั้งเยาว์วัยด้วยความซื่อใสไร้สติ

“เฮ่อ! พี่แม่งโตมาจนป่านนี้ได้ไงวะ?!

“พี่ก็กินอาหารให้ครบห้าหมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำล...”

"เมื่อกี๊ผมไม่ได้ถาม! ผมบ่น!” จุด ๆ นี้ ยิมปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเริ่มจะเข้าใจหัวอกของคุณชายพจน์ขึ้นมานิด ๆ ... นี่พี่ชายตั้งใจกวนตีน หรือไม่ทันคิดอะไรกันแน่วะ?!

“อ้าวเหรอ”

“เฮ่อ! เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอคนแบบนี้!” ยิมรำพันพลางพินิจใบหน้าของรุ่นพี่อย่างจริงจัง ทว่าความสิ้นหวังที่ฉายชัดอยู่ในแววตาของอีกฝ่ายก็สามารถอธิบายความรู้สึกนึกคิดทุก ๆ อย่างของชายชาตรีได้เป็นอย่างดี

สุดท้ายแล้ว ความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยากก็ทำให้ยิมใจอ่อนอีกครั้ง “เอางี้แล้วกัน คืนนี้พี่ก็นอนที่ห้องผมไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาพี่ไปหาห้องเช่าแล้วก็ทำสัญญาให้เรียบร้อย พี่จะได้มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งเสียที” เฟรชชี่ว่าพลางพยักเพยิดส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเดินนำหน้าตนเข้าไปในห้อง ทว่ารุ่นพี่ต่างคณะกลับชะงักงันไม่ยอมเยื้องย่างไปไหน

“แล้วทำไมยิมไม่พาพี่ไปดูห้องวันนี้เลยล่ะ?”

“วันนี้ไม่ได้หรอกพี่ เดี๋ยวผมจะออกไปทำงานแล้ว ไหน ๆ วันนี้ก็โดดทั้งที ขอผมหาเงินให้เต็มที่หน่อยแล้วกัน”

เมื่อได้ยินคำตอบอันน่าพอใจ เด็กบริหารหน้าเข่าก็สาวเท้าเข้าสู่ห้องเล็กเท่ารูหนูไปอย่างรู้งานโดยไม่ต้องให้เจ้าของห้องอัญเชิญซ้ำสอง “พี่ชายขอโทษนะ เป็นเพราะพี่ชายแท้ ๆ ยิมเลยไม่ได้ไปเรียนตอนบ่าย”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ วิชานี้ไม่เคร่งมาก เดี๋ยวผมตามอ่านเลคเชอร์ของคนอื่นเอาก็ได้” สีหน้าระรื่นชื่นบานจนน่าหมั่นไส้ของรุ่นพี่ทำให้ยิมรีบดักคอ “แต่ครั้งหน้าผมไม่เอาด้วยแล้วนะ ปัญหาใครปัญหามัน จัดการกันเอาเอง ขืนผมโดนพี่ลากติดร่างแหไปด้วยบ่อย ๆ เกรดผมก็ร่วงหมดพอดี” เด็กหนุ่มเอ่ยพลางถอดเสื้อเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดลำลองที่เหมาะกับการทำงาน ซึ่งการได้เห็นกล้ามเนื้อแน่น ๆ แบบใกล้ ๆ อีกทั้งยังอยู่ในสถานที่รโหฐานเพียงสองต่อสอง ก็ทำให้ชายชายตรีหลุดเข้าโหมดล่องลอยในความฝันอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้ และนั่นจะแปลกอะไรหากสิ่งที่สายเปย์หน้าเข่ารับฟังหลังจากนั้น จะลอยผ่านเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาไปในอีกไม่กี่อึดใจให้หลัง

“เย็นนี้พี่หาอะไรกินเองนะครับ ถัดไปสองซอยมันจะมีตลาดโต้รุ่งขายกับข้าวเยอะแยะไปหมด ถ้าพี่ไม่รู้ทาง พี่ก็ถามคนข้างล่างเอาก็ได้ คนแถวนี้ใจดี เขาคงช่วยพี่ได้แหละ” ยิมอธิบายพร้อมกับค้นเสื้อยืดสีเข้มในกองอย่างใจเย็น ฝ่ายคนเฝ้าสังเกตกล้ามก็ยืนทิ้งสายตาเน้น ๆ ไปที่แผงอกล่ำ

“อือฮึ”

“เออ! แล้วถ้าพี่ง่วงพี่ก็นอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอผม เพราะกว่าผมจะกลับก็หลังเที่ยงคืนโน่นแน่ะ”

“อือ ๆ ” เด็กบริหารรับคำส่ง ๆ ระหว่างที่เลื่อนสายตาลงไปทักทายซิกแพ็คและวีเชปเหนือเข็มขัด... อา! แน่นแถมยังตึงไปทุกสัดส่วนเลยพ่อเจ้าประคุณรุนช่อง!

“แต่พูดก็พูดเถอะ ผมว่า ถึงแม่พี่จะให้เงินมาเยอะ แต่เพื่อความปลอดภัย พี่ต้องเริ่มหัดใช้เงินให้คุ่มค่าได้แล้วนะ ขืนพี่ใช้เงินเป็นเบี้ยเหมือนทุกที ไม่เกินเดือนนี้ พี่ต้องกินแกลบแน่ ๆ เชื่อผมดิ”

“ได้ ๆ ”

“อ่ะนี่ กุญแจสำรองห้องผม พี่อย่าทำหายนะ ผมไม่อยากเสียเงินปั๊มใหม่ มันเปลือง”

แม้ยิมจะจากไปแล้ว แต่กล้ามอก ลูกระนาดหน้าท้องก็ยังคงเวียนวนอยู่ในมโนภาพของรุ่นพี่ไม่มีเสื่อมคลาย  อาการเมากล้ามกับอากาศร้อนระอุภายในห้องทำให้ชายชาตรีจับใจความสิ่งที่อีกฝ่ายพร่ำบอกได้ไม่ดีนัก กระนั้น อนุสติของเขากลับตอกย้ำซ้ำ ๆ ว่า ถ้าการต้องระเห็จออกจากบ้านทำให้ได้เห็นความใหญ่โตโอ่อ่าของเรือนร่างบุรุษแบบเมื่อสักครู่อยู่ทุกเช้าค่ำ นั่นก็นับเป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...


 ความในใจทิ้งท้ายตามสไตล์ชายชิค ๆ :
คุณชายพ่อท่านเกลียดตุ๊ด เกลียดมาก ๆ เกลียดแบบที่เห็นเดินผ่านหน้าไม่ได้
โชคดีที่ชายแค่ชอบเด็กผู้ชาย เพราะชายคงทนให้คุณชายพ่อเกลียดชายไม่ได้จริง ๆ



 $$$$<| TBC |>$$$$


No comments:

Post a Comment