ตอนสุดท้ายที่จะลงในเว็บมาแล้วนะคะ
ขอเชิญทำความรู้จักกับน้องเพลิน
ทายาทคนเล็กของบ้านคี่รักได้ ณ บัดนี้ค่ะ
ไว้เจอกันอีกเมื่อบุญพาวาสนาส่งและเจ้าพ่อบงการนะคะ
^^
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
The Special
Bonding Vol.12
(อีก)หนึ่งวันดี
ๆ ของไปรยา คุณะประสิฒธิ์
“พ่อฟูขา”
“แดดดี๊ขา”
หลังจากไต่ขึ้นเตียงกว้างได้สำเร็จ
เด็กหญิงวัยย่างเจ็ดขวบก็ค่อย ๆ คืบคลานขึ้นไปนอนคว่ำทับแผ่นอกป๊ะป๋าร่างหมีก่อนจะเอื้อมมือไปเขี่ยแพขนตางอนยาวของคุณพ่อหน้าหวานอย่างสนอกสนใจ
“Pappy
ขา”
ลำพังแค่ได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานใกล้
ๆ ก็เพียงพอต่อการปลุกคนเป็นพ่อให้ตื่นจากนิทราได้ไม่ยาก แต่นี่กลับมาพร้อมสัมผัสแผ่ว
ๆ เสียด้วย มีหรือที่กรกฏกับตรินจะทำใจดำกับบุตรีได้
“ขาลูก
ว่าไงคะน้องเพลิน?” กังฟูปรือตาถามเจ้าตัวเล็กด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“เช้านี้น้องเพลินอยากกินแพนเค้กรูปปิกาจูค่ะ”
เด็กหญิงคลี่ยิ้มหวานตบท้ายพลางเลื่อนฝ่ามือไปลูบหลังมือของคุณพ่อหน้าหวานเบา ๆ จนพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยหลับตาลงอีกครั้ง
เต๋อที่นอนสังเกตพฤติกรรมน่ารัก ๆ ระหว่างลูกสาวกับกรกฏมาสักพักก็อดซักไม่ได้
“But
you love Pippi the most, don’t you Princess?”
(แต่หนูรักปิบปีที่สุดไม่ใช่เหรอลูก?)
“Yes.
That’s why I will have Pikachu for my breakfast Pappy”
(ใช่ค่ะ
น้องเพลินถึงจะกินปิกาจูเป็นอาหารเช้ายังไงล่ะคะป๊ะป๋า) ไปรยาช้อนสายตาขึ้นมองหน้าป๊ะป๋าพลางเจื้อยจำนรรจ์อย่างฉะฉาน
“โอเคค่ะน้องเพลิน
งั้นเราลงไปทำแพนเค้กกันเลยดีไหมคะ?” ที่สุดแล้วกังฟูก็เอาชนะตัวขี้เกียจได้สำเร็จ
ชายหนุ่มพลิกตัวเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงเพื่อเจรจากับลูกสาวดี ๆ หากแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่ส่ายหัวดิกก่อนจะเบนความสนใจทั้งหมดไปยังร่างสูงใหญ่อีกหนึ่งที่ยังคงหลับไหล
“แดดดี๊ขาตื่นเถอะ
น้องเพลินอยากกินแพนเค้กกับแดดดี๊นะคะ” ทายาทคนสุดท้องของบ้านเขย่าแขนวิญญูเบา ๆ
เพื่อเร่งเร้าทางอ้อมจนบิดาหน้าหยกยังต้องยอมแพ้ใจ
“แด๊ดตื่นแล้วลูก”
“กู๊ดมอร์นิ่งค่ะป๊ะป๋า
พ่อฟู แดดดี๊ น้องเพลินรักป๊ะป๋า พ่อฟู แล้วก็แดดดี๊นะคะ” เมื่อผลตอบรับเป็นดั่งใจ
เด็กหญิงก็โถมตัวเข้าใส่เหล่าคุณพ่อแล้วทักทายทั้งสามหนุ่มอีกครั้งผ่านรอยจูบกับอ้อมกอดครั้งแล้วครั้งเล่า
สลับกับเสียงหัวเราะคิกคักของทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ
ค่าที่แจกความสดใสให้แก่บิดาได้สำเร็จ
เด็กหญิงจึงได้รับรางวัลเป็นการอุ้มจากชั้นสองลงมาชั้นล่างโดยการสนับสนุนของคุณป๊ะป๋าร่างหมี
แต่ยังไม่ทันที่สมาชิกทั้งสี่ของบ้านคุณะประสิฒธิ์จะสืบเท้าไปยังส่วนรับประทานอาหาร
ร่างคุดคู้ดูอึดอัดของฌานที่ฝังอยู่ในโซฟาก็เตะตาพวกเขาเข้าเสียก่อน
“เมื่อคืนอาฌานกลับดึก
อาฌานเลยต้องนอนโซฟาค่ะ”
“น้องเพลินรู้ได้ยังไงคะว่าอาฌานกลับดึก?”
อริยะตรัยผู้พี่อดถามลูกสาวไม่ได้
“เมื่อคืนน้องเพลินไปนอนกับเล็กค่ะ
เล็กบอกว่าอาฌานจะกลับดึก น้องเพลินสงสาร น้องเพลินเลยไปนอนเป็นเพื่อนเล็ก”
“ไม่ใช่ว่าน้องเพลินไม่อยากนอนคนเดียวใช่ไหมลูก?”
คำตอบของบุตรีที่ผิดไปจากความจริงคือเหตุผลที่ด้วงต้องกึ่งถามกึ่งติงเจ้าตัวเล็กอยู่ในที
“ก็...
นิดนึงค่ะ” เมื่อเห็นเด็กหญิงไปรยาอมยิ้มทำท่าเขิน บรรดาพ่อ ๆ ก็อดยิ้มตามไม่ได้ ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าลูกสาวยังติดนอนกับผู้ใหญ่อยู่ล่ะ
ดีเท่าไรแล้วที่เจ้าตัวเล็กชอบแอบไปนอนกับฝาแฝดคนสุดท้องเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้น
พวกเขานั่นแหละที่จะไม่ได้ใช้เวลาช่วงกลางคืนเพียงลำพังอย่างใจ
“แต่น้องเพลินสัญญาว่าถ้าน้องเพลินขึ้นป.สองเมื่อไร
น้องเพลินจะนอนคนเดียวให้ได้เลยค่ะ” ทายาทคนสุดท้องยืนกรานความตั้งใจด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ไม่เป็นไรลูก
ค่อย ๆ ฝึกไป เดี๋ยวหนูก็นอนคนเดียวได้เองแหละครับ”
เต๋อปลอบใจลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยไม่อยากให้ไปรยากดดันตัวเองจนเครียดเกินไป
“แด๊ด
เดี๋ยวแด๊ดปลุกฌานให้ลุกไปล้างหน้าล้างตานะ เดี๋ยวฟูจะไปเตรียมอาหารเช้า
พวกเราจะได้กินข้าวกัน” ทันทีที่พูดจบ กรกฏก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มลูกสาวกับคนรักทั้งสองแล้วเดินเข้าครัวไปทันที
ฝ่ายวิญญูก็ทำหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บัญชาการสูงสุดทันทีเช่นกัน
“ฌาน สายมากแล้ว
ตื่นเถอะ”
“พี่ด้วง!” ตากล้องหนุ่มสะดุ้งตัวโยนหลังหัวไหล่ถูกรุ่นพี่ต่างคณะแตะเบา
ๆ
“ทำไมถึงมานอนนี่ล่ะ
เมื่อคืนกลับดึกเหรอ?”
“ครับ
เมื่อคืนกว่าจะถึงบ้านก็ตีสองกว่า ผมไม่อยากให้พลับตื่นเลยนอนที่นี่” ฌานอธิบายพลางลูบหน้าลูบตาคล้ายกำลังกระตุ้นให้ตัวเองตื่นเต็มที่
“งั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะ
จะได้ลงมากินข้าวกัน”
“ครับพี่”
“พี่ฝากปลุกฝาแฝดด้วยนะ
บอกว่าอีกเดี๋ยวเดียวสำรับก็จะตั้งแล้ว” ฌานพยักหน้าแล้วเดินโผเผขึ้นบันไดไปอย่างว่าง่าย
ด้วงจึงอาศัยจังหวะดังกล่าวพูดให้เครดิตลูกเขยทันที
“นี่ไงป๋าที่ด้วงกับฟูเคยบอกป๋าน่ะ ขนาดป๋ายอมให้ฌานคบกับลูกเราแล้วนะ ฌานมันยังยอมนอนโซฟาอยู่เลย”
“ป๋าเห็นแล้วครับหนู
ไม่ต้องอวยมันนักก็ได้” ตรินตวัดหางตามองตามแผ่นหลังของรุ่นน้องอย่างฉุน ๆ ที่หงุดหงิดนี่ไม่ใช่เพราะหมั่นไส้ไอ้ตัวบอสหรอก
แต่เป็นเพราะทนฟังคนรักชื่นชมชายอื่นต่อหน้าไม่ได้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีเพียงด้วงเท่านั้นที่เข้าใจสารอย่างถ่องแท้
ในขณะที่เด็กหญิงไปรยากลับทำหน้าที่เป็นทนายหน้าหอให้คนรักของพี่ชายอย่างเต็มอกเต็มใจ
“ป๊ะป๋าอย่าดุอาฌานมากสิคะ
น้องเพลินสงสารอาฌาน อาฌานกลัวป๊ะป๋าม้ากมากเลยนะคะ”
“จริงเหรอลูก?
ไหนลองเล่าให้ป๋าฟังซิครับว่าทำไมน้องเพลินถึงคิดว่าอาฌานกลัวป๋า?” ตรินถามพลางอุ้มลูกไปนั่งยังตำแหน่งประจำตรงหัวโต๊ะ
ส่วนวิญญูก็ปลีกตัวไปช่วยกำกับเด็กในบ้านให้ทยอยยกอุปกรณ์ทำแพนเค้กกับเครื่องเคราต่าง
ๆ มาวางไว้ใกล้ ๆ มือ
“ก็เวลาที่อาฌานพูดถึงป๊ะป๋าให้น้องเพลินฟัง
อาฌานจะทำหน้าแบบนี้ตลอดเลยอ่ะค่ะ” เพลินนิ่วหน้าพลางขมวดหัวคิ้วเข้าหากันเพื่อเลียนแบบฌานให้พ่อดู
“อ้อ ๆ ! แล้วก็แบบนี้ด้วยค่ะ”
ทันทีที่นึกออก เด็กหญิงก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าซึมพลางห่อไหล่ลู่จนตัวลีบ
“ป๊ะป๋ามองแล้วไม่รู้สึกว่าน่าสงสารหรอกเหรอคะ ขนาดน้องเพลินแค่ทำท่าให้ป๊ะป๋าดู
น้องเพลินยังสงสารตัวเองเลยค่ะ”
ตรินระเบิดหัวเราะเสียงดังเมื่อชมการสาธิตอันยิ่งใหญ่ของลูกสาวจนจบ
“น่าสงสารค่ะ น่าสงสารมาก ๆ เลย”
“ถ้าอย่างนั้นป๊ะป๋าก็ต้องเลิกดุอาฌานได้แล้วนะคะ
ถ้าป๊ะป๋าดุอาฌานมาก ๆ เล็กก็จะเสียใจค่ะ ป๊ะป๋าอยากให้เล็กเสียใจเหรอคะ?” ไปรยาฉอเลาะพลางเอนหัวซบอกกว้างของป๊ะป๋าร่างหมี
“ไม่ครับ
ป๋าไม่อยากให้ลูกป๋าคนไหน ๆ เสียใจทั้งนั้นแหละ”
“ดีมากค่ะ!”
“จิ๋วอ้อนอะไรป๋าแต่เช้าฮึเรา?”
เด็กหญิงละสายตาจากบิดาเพื่อหันไปมองเจ้าของเสียงที่เดินลงบันไดเคียงคู่มาพร้อมกับฝาแฝดคนรอง
“มานี่มะ มาให้พี่พลายกอดหน่อยเร้ว!”
“ใหญ่!
กลาง! กู๊ดมอร์นิ่ง!” ไปรยาตะโกนด้วยน้ำเสียงเริงร่าก่อนจะลงจากตักบิดาแล้ววิ่งเข้าไปกระโดดโถมตัวใส่พี่ชายคนโต
“อรุณสวัสดิ์ครับป๋า”
พลุเป็นตัวแทนทักทายตรินด้วยภาษาที่สองตามธรรมเนียมพิเศษของครอบครัว
“วันนี้มีโปรแกรมทำอะไรกัน?”
“พี่พลายว่าจะชวนทุกคนไปกินปิ้งย่างกลางวันนี้อ่ะครับ
ได้ยินเด็กแถวนี้บ่นว่าอยากกินชีสย่างมาหลายวันแล้ว” ปภพตอบคำถามพ่อหากแต่กลับชำเลืองสายตามองหน้าน้องสาวสลัดเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใยเพื่อเข้าไปกอดพลุหนุบหนับราวกับเป็นลูกโคอาล่า
“ชีสย่างงง!!”
“ใช่
ชีสย่างยาวยืด ใครบอกอยากกินน้า?”
“น้องเพลินค่ะ
น้องเพลินอยากกิน!”
เด็กหญิงยกมือระบุความต้องการพลางระบายยิ้มจนหน้าแป้น
“ถ้างั้นเช้านี้น้องเพลินกินปิกาจูได้แค่ตัวเดียวนะคะลูก
ไม่งั้นหนูกินข้าวกลางวันไม่ลงกันพอดี” กังฟูที่เดินออกมาพร้อมกับด้วงแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงขอร้องแกมบังคับอยู่ในที
ได้ยินเช่นนั้น บุตรีก็พร้อมจะให้ความร่วมมือโดยไม่บิดพลิ้วแต่ก็ไม่วายจะวาดลวดลายทิ้งท้าย
“ได้ค่ะ
งั้นน้องเพลินขอปิกาจูตัวใหญ่ ๆ นะคะแดดดี๊”
จังหวะที่เจ้าตัวเล็กประจบประแจงคุณพ่อหน้าหยกอยู่นั้น
ลูกชายคนเล็กของบ้านกับฌานก็ลงมาร่วมโต๊ะอาหารพอดิบพอดี
ประมุขร่างหมีจึงกวักมือเรียกสมาชิกทั้งหมดมารวมตัว “มา ๆ นั่ง ๆ
ใครจะกินแพนเค้กรูปไหนก็วาดเอา หรือใครจะกินอย่างอื่นก็บอกพี่ออย” ก่อนที่ใครจะพูดอะไร
เต๋อก็หันไปสั่งเด็กในบ้านเป็นกรณีพิเศษ “ออย ผมขอกาแฟดำให้คุณฌานแก้วนึงนะ”
การเอาใจใส่เล็ก
ๆ น้อย ๆ ที่ตรินไม่ค่อยจะแสดงออกต่อลูกเขยสามารถเรียกรอยยิ้มของทุก ๆ
คนที่เหลือได้เป็นอย่างดี ใครล่ะจะทำเฉยอยู่ได้... ก็ไม่ใช่ทุกวันเสียหน่อยที่ป๋าจะใจดีกับตากล้องหนุ่มแบบออกนอกหน้าอย่างวันนี้
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
“...ก๊อบลินพาพวกเขาไปยังห้องนิรภัยชั้นใต้ดิน
โดยนั่งรถรางขนาดเล็กแล่นด้วยความเร็วสูง ผ่านทางคดเคี้ยวราวกับเขาวงกต
แล้วมาหยุดกึกที่ตู้เซฟหมายเล...”
“ฟู
เก็กโทรมาน่ะ” วิญญูที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องนอนทาสีฟ้าอ่อนประดับด้วยเครื่องเรือนกระจุ๋มกระจิ๋มสมกับเป็นห้องนอนของเด็กผู้หญิงยื่นโทรศัพท์มือถือนำหน้าแทนคำอธิบายที่ต้องขัดจังหวะกิจกรรมเล่านิทานก่อนนอนกล่อมทายาทหมายเลขสี่
ฝ่ายตรินที่เดินตามหลังมาห่าง ๆ ก็อ้อมเตียงไปอีกฝั่ง ก่อนจะทอดตัวลงนอนกอดลูกสาวเอาไว้
“มีเรื่องด่วนเหรอ?”
พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเลิกคิ้วมองหน้าขณะคั่นหน้าหนังสือแปลเล่มหนาก่อนวางลงบนหน้าตัก
“เปล่า
คนที่เก็กจะคุยด้วยน่ะไม่ใช่ฟูหรอก” ด้วงตอบพลางบุ้ยใบ้ไปที่ลูกสาว
“หืม?!”
“น้องเพลินลูก
มีคนอยากคุยโทรศัพท์ด้วยแน่ะครับ” คุณพ่อหน้าหยกยื่นจอโทรศัพท์ที่มีใบหน้าของคนปลายสายปรากฏเด่นหราส่งให้ลูกสาวก่อนทิ้งตัวลงนอนแล้วสวมกอดคนรักร่างเล็ก
ทายาทหมายเลขสี่ชันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพลางโบกมือให้เด็กหญิงอีกคนในจอด้วยอาการตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด
“พี่บง
ๆ น้องเพลินคิดถึงพี่บง ๆ จังเลย!”
“พี่ก็คิดถึงเพลิน!” หากสมาชิกในบ้านคุณะประสิฒธิ์จะตั้งใจฟังสักนิด
คงได้ยินเสียงกระซิบกระซาบบอกบทดังแว่ว ๆ ก่อนที่เด็กหญิงบง ๆ
ผู้เป็นหลานสาวคนเล็กสุดของบ๊วยจะเอื้อนเอ่ยประโยคถัดไป “เพลิน พี่สอบได้ที่หนึ่ง
น้าเก็กกับน้าบ๊วยเลยจะพาพี่ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงแหละ!”
ไปรยาปรบมือยินดีให้กับความสำเร็จของพี่สาวต่างบิดาก่อนที่สีหน้าเริงรื่นจะหมองลงเล็กน้อย
“โห! พี่บง ๆ จะไปดิสนีย์แลนด์เหรอ?
ดีจังเลย”
“เพลินไปด้วยกันไหม?
น้าเก็กให้พี่โทรมาชวนน่ะ”
“น้องเพลินก็อยากไป
แต่น้องเพลินสอบได้ที่เจ็ด น้องเพลินคงไปไม่ได้หรอกพี่บง ๆ ” เมื่อเปรียบเทียบตัวเองกับพี่สาวเสร็จสรรพ
หางเสียงเล็ก ๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยก็พลอยดังแผ่วเสียจนคุณพ่อทั้งสามอดสะท้อนใจไม่ได้
ทว่าคนปลายสายกลับไม่ถอดใจง่าย ๆ
“ทำไมเพลินไม่ลองถามคุณพ่อดูล่ะ
เผื่อคุณพ่อจะยอมให้เพลินไปเที่ยวกับพี่ไง พี่ไม่อยากไปคนเดียว
อยากให้เพลินไปด้วยกัน”
“พ่อฟูขา
แดดดี๊ขา Pappy ขา ถ้าน้องเพลินสอบได้ที่เจ็ด
น้องเพลินจะไปดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงกับพี่บง ๆ ได้ไหมคะ?” แม้จะไม่รู้ว่าคำตอบของบิดาจะเป็นเช่นไร
ทว่าทายาทหมายเลขสี่ก็ไม่ลังเลที่จะทำตามคำแนะนำของบง ๆ
กังฟูคลี่ยิ้มบาง
ๆ พลางกวาดสายตาพินิจใบหน้าเว้าวอนของลูกสาวสลับกับคนรัก
จากนั้นจึงบิดหน้าจอมือถือในมือลูกสาวเข้าตัวเอง “แล้งพี่บิ๊งล่ะคะบง ๆ พี่บิ๊งไม่ว่างไปดิสนีย์แลนด์เป็นเพื่อนหนูเหรอลูก?”
“พี่บิ๊งไปซัมเมอร์แคมป์กับโรงเรียนค่ะน้าฟู
หนูเลยอยากชวนน้องเพลินไปเที่ยวด้วยกัน น้าเก็กกับน้าบ๊วยบอกว่าจะดูน้องเพลินแทนน้าฟูเองค่ะ”
แม้จะร่ายยาวถึงกิจกรรมของพี่ชายร่วมสายเลือดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ทว่าสายตาของเด็กหญิงในหน้าจอกลับเหลือบมองไปข้าง
ๆ คล้ายกับกำลังหารือกับผู้สนับสนุนหลักฝั่งตน เห็นดังนั้น กรกฏจึงไม่ปล่อยให้น้องชายกับน้องสะใภ้ลอยนวล
“งั้นขอน้าคุยกับ
น้าเก็กหรือน้าบ๊วยหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้ค่ะ”
ไม่ทันขาดคำ หน้าจอก็หมุนไปอีกทางหนึ่งจนกังฟูได้เห็นหน้าค่าตาของอดีตเดือนมหาลัยกับคนรักกำลังนั่งยิ้มรออยู่ข้าง
ๆ กัน
“เฮียฟู
อนุญาตให้น้องเพลินไปเที่ยวกับบง ๆ เถอะนะครับ” บ๊วยเกริ่นนำตามด้วยการเสริมความของน้องชายร่วมสายเลือดกับกังฟู
“ใช่เฮีย
ถึงเก็กกับบูบู้จะไปกับหลานด้วยก็จริง แต่บง ๆ คงไม่สนุกเท่ากับมีน้องไปด้วยแน่ ๆ
”
“แล้วนี่จะไปกันเมื่อไร
หืมไอ้หล่อ?” ตรินถามแทรกขึ้นด้วยอยากรู้รายละเอียดที่แน่ชัด
“ก็วันศุกร์ที่จะถึงนี่แหละครับ
ไปสี่วันสามคืนจะได้เที่ยวไม่เหนื่อยมาก ถ้าพี่เต๋อโอเค
ผมจะได้รีบจองตั๋วเครื่องบินเพิ่มพรุ่งนี้เช้าเลย”
“อืม
ขอพวกพี่คุยกันก่อนนะเก็ก เดี๋ยวยังไงพรุ่งนี้เช้าพี่จะโทรไปบอกอีกที” วิญญูตัดบทด้วยไม่อยากให้บทสนทนายืดเยื้อจนบุตรีต้องนอนดึก
ที่สำคัญ เขาอยากจะคุยกับคนรักทั้งสองรวมทั้งไปรยาให้รู้เรื่องก่อน
“ได้ครับพี่
แต่ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร ผมขอคอนเฟิร์มก่อนพรุ่งนี้เที่ยงนะครับ
ผมกลัวจองตั๋วเพิ่มให้เพลินไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วง
เดี๋ยวพี่โทรไป” ด้วงรับคำน้องเมียเสียงเฉียบ ก่อนจะปรับช่องเสียงให้อ่อนลงในชั่วพริบตาเพื่อคุยกับไปรยาโดยเฉพาะ
“น้องเพลินลาน้า ๆ กับพี่บง ๆ ก่อนลูก”
“อาเจ็ก
อาบ๊วย ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พี่บง ๆ น้องเพลินไปนอนก่อนนะคะ”
หลังจากวางสายจากบ้านไร่
เหล่าคุณพ่อก็เบนความสนใจทั้งหมดกลับมาที่เด็กหญิงตัวน้อยผู้เป็นสุดที่รักของทั้งบ้าน
ไปรยาเองก็รู้ทัน เด็กหญิงจึงเปิดฉากออดอ้อนบิดาโดยงัดกลเม็ดเด็ดพรายทั้งหลาขึ้นมาใช้ทั้งหมด
“ป๊ะป๋าขา แดดดี๊ขา พ่อฟูขา น้องเพลินอยากไปหาพี่มินนี่กับพี่บง ๆ ค่ะ”
“น้องเพลินรู้ใช่ไหมลูกว่าดิสนีย์แลนด์อยู่ไหน?”
แดดดี๊หน้าหยกลองหยั่งเชิง
“ดิสนีย์แลนด์อยู่ฮ่องกงค่ะ
พี่บง ๆ บอก”
“ฮ่องกงไกลนะคะลูก
เราต้องนั่งเครื่องบินแล้วก็ต่อรถไปอีกหลายชั่วโมงเลย น้องเพลินจะไม่บ่น ไม่งอแงใช่ไหมคะ?”
กังฟูอดเป็นห่วงทายาทหมายเลขสี่ไม่ได้
“ตอนไปญี่ปุ่นรอบที่แล้ว
น้องเพลินก็อดทนไม่ร้องไห้ค่ะ พ่อฟูจำได้ใช่ไหมคะ?”
“ค่ะ
รอบนั้นน้องเพลินเก่งมากลูก พ่อฟูจำได้” กรกฏอมยิ้มด้วยรู้ทันบุตรสาวเป็นอย่างดี
ลองไปรยามาไม้นี้ก็แสดงว่าเจ้าตัวอยากให้พวกเขาตระหนักถึงวุฒิภาวะที่มากขึ้นจากแต่ก่อนนั่นเอง
แต่ใครบอกล่ะว่าขอบเขตของความเป็นห่วงของเขาจะครอบคลุมเพียงแค่สวัสดิภาพของลูกสาว...
ความสงบสุขเรียบร้อยของน้องชาย น้องสะใภ้ กับหลานสาวก็ไม่ใช่เรื่องที่อริยะตรัยผู้พี่ละเลย
“แล้วไหนบอกพ่อฟูซิคะว่าถ้าพ่อฟูอนุญาตให้น้องเพลินไปดิสนีย์แลนด์กับพี่บง
ๆ น้องเพลินจะทำตัวยังไง?”
“น้องเพลินจะเป็นเด็กดี
จะเชื่อฟังอาเจ็กอาบ๊วย ไม่ดื้อ ไม่ซน ยอมกินข้าว ยอมไม่ร้องไห้ ยอมไม่ตื่นสายค่ะ”
คำตอบเอาใจคนฟังทำเอาพวกพ่อกลั้นยิ้ม
“แล้วตอนอาบน้ำแต่งตัวล่ะคะ
น้องเพลินจะทำยังไง? ไปที่โน่นไม่มีพี่ออย ไม่มีพ่อฟู
ไม่มีแดดดี๊คอยช่วยน้องเพลินนะลูก”
ยิ่งเห็นสีหน้าลังเลจนน่าเอ็นดูของลูกสาว
วิญญูก็แทบจะหลุดขำ
“น้องเพลินจะอาบน้ำ
จะสระผม จะแปรงฟัน จะแต่งตัวเองค่ะ น้องเพลินทำได้ค่ะ
พ่อฟูให้น้องเพลินไปดิสนีย์แลนด์กับพี่บง ๆ เถอะนะคะ น้องเพลินอยากไป”
แววตาแน่วแน่กับน้ำเสียงหนักแน่นของลูกสาวทำให้ด้วงกับกังฟูยกภาระในการตัดสินใจให้ประมุขใหญ่ของบ้านทันที
“ป๋าว่าไงครับ?”
“น้องเพลินลูก
น้องเพลินคุยกับป๋าก่อนนะครับ” เจ้าของชื่อจับจ้องใบหน้าบิดาร่างหมีอย่างตั้งใจ “ถ้าในอนาคตมีใครชวนน้องเพลินให้ไปไหนด้วย
ก็ไม่ได้แปลว่าป๊ะป๋า พ่อฟู และแดดดี๊จะอนุญาตให้น้องเพลินไปได้เหมือนคราวนี้ เพราะอะไรรู้ไหมลูก?”
“เพราะถ้าไม่มีใช่ป๊ะป๋า
พ่อฟู แดดดี๊ พี่ ๆ พวกคุณอา หรือคุณปู่คุณย่าเป็นคนพาไป
น้องเพลินก็ห้ามไปไหนกับคนอื่นใช่ไหมคะ?” เด็กหญิงทวนในสิ่งที่ทุก ๆ
คนในบ้านหมั่นพร่ำบอกหล่อนมาตั้งแต่ก่อนจะจำความได้
“ใช่ครับ”
ตรินตอกย้ำความเข้าใจของเจ้าตัวเล็กด้วยสีหน้าจริงจัง
จากนั้นจึงเตือนสติบุตรีไม่ให้หลงระเริงจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจจนเกินไป “และที่สำคัญ
ต่อไปถ้าน้องเพลินโตขึ้น น้องเพลินต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยก่อน
ถึงจะมาขออนุญาตป๊ะป๋า พ่อฟู หรือแดดดี๊ไปเที่ยวได้ ไม่ใช่เอะอะเราจะไปที่ไหน ๆ
ตามใจตลอดเวลาหรอกนะลูก”
“ค่ะ”
ไปรยาพยักหน้าหงึกหงัก
“ถ้าเราเข้าใจตรงกันแล้ว
ป๊ะป๋าก็จะอนุญาตให้น้องเพลินไปเที่ยวกับพี่บง ๆ ได้ครับ”
“เย่!” ทายาทหมายเลขสี่ชูสุดแขนพลางขย่มตัวอย่างเริงร่าโดยที่ไม่รู้เลยว่า
นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความสุขในครั้งนี้เท่านั้น
“โดยที่ป๊ะป๋า
พ่อฟู กับแดดดี๊จะไปด้วยนะครับ” การตัดสินใจกะทันหันของป๊ะป๋าร่างหมีทำให้กรกฏกับวิญญูประหลาดใจไม่น้อย
เพราะนับตั้งแต่มีลูก พวกเขาก็ไม่เคยไปพักผ่อนที่ไหนอย่างฉุกละหุกเช่นคราวนี้
“เย่!!! น้องเพลินรักป๊ะป๋า รักแดดดี๊
รักพ่อฟูที่สุดเลยค่ะ” เจ้าตัวเล็กหอมแก้มสากของป๊ะป๋าเป็นพัลวันจนเต๋อต้องประคองร่างของเลือดเนื้อเชื้อไขให้นั่งนิ่ง
ๆ ก่อนจะยื่นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนตามประสานักธุรกิจตัวเอ้
“อย่าเพิ่งดีใจไปครับ
น้องเพลินต้องสัญญากับป๋าก่อนว่า นับตั้งแต่คืนนี้
น้องเพลินจะหัดเข้านอนคนเดียวให้สำเร็จ น้องเพลินทำให้ป๋าได้ไหมครับ?”
“น้องเพลินทำได้ค่ะ
น้องเพลินนอนคนเดียวได้”
“น้องเพลินจะไม่แอบพาพี่ผ้าห่มไปนอนห้องพี่
ๆ เขากลางดึกใช่ไหมลูก?” วิญญูถามดักคอบุตรีเสียแต่เนิ่น ๆ เพราะไม่อยากให้เด็กหญิงแอบลักไก่ในภายหลัง
“ไม่ค่ะ
น้องเพลินให้สัญญาว่าน้องเพลินจะนอนคนเดียวค่ะ”
“งั้นก็นอนได้แล้วค่ะคนเก่งของพ่อฟู
ถึงเวลานอนแล้วนะคะ” ไปรยาสอดตัวลงใต้ผ้าห่มที่กรกฏเตรียมไว้ให้ก่อนจะจัดท่านอนให้สบายพร้อมกับถามทิ้งท้ายด้วยความสงสัย
“แล้วพวกพี่
ๆ ล่ะคะป๋า ป๋าจะพาพวกพี่ ๆ ไปดิสนีย์แลนด์ด้วยกันไหมคะ?”
เต๋อนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะลอบสบสายตากับคู่ชีวิตทั้งสองพลางชั่งใจ
แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็สามารถให้คำตอบที่ดีที่สุดแก่ลูกคนเล็กรวมถึงสมาชิกที่เหลือได้ในคราวเดียว
“เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้ป๋าจะถามพวกพี่ ๆ เขาก็แล้วกันครับ ถ้าพวกพี่ ๆ
อยากอยู่อ่านหนังสือเตรียมสอบที่นี่ พวกเราก็ไปกันแค่สี่คนดีไหมลูก?"
“โอเคค่ะ!”
เด็กหญิงรับคำแข็งขันก่อนจะหลับตานอนโดยไม่มีข้อแม้
ดูเหมือนว่าการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งนี้จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายภายในบ้านคุณะประสิฒธิ์
อาทิ การที่ลูกสาวคนเล็กของบ้าน สามารถเปลี่ยนนิสัยการนอนได้อย่างถาวร หรือการที่ทายาทหมายเลขสามจะได้สมหวังกับสิ่งที่ตั้งตารอมานานหลายปีเสียที
เป็นต้น
“ป๋าแน่ใจนะว่าป๋าโอเคถ้าพี่พลาย
พลุ พลับจะอยู่บ้านกันเอง?” กรกฏเลิกคิ้วมองหน้าอดีตเด็กสถาปัตย์โดยไม่ละสายตาไปไหน
ชายหนุ่มเดินไปปิดสวิตช์ไฟก่อนจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงในห้องของพวกเขาหลังจากส่งลูกสาวเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย
“ป๋าก็ต้องแน่ใจสิหนู
ไม่งั้นป๋าไม่รับปากลูกไปแบบนั้นหรอก” ตรินว่าพลางกวาดแขนดึงตัวคนรักทั้งสองมากอดเอาไว้แน่น
“ป๋ารับได้ใช่ไหมถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น?”
วิญญูยังอดเป็นห่วงความรู้สึกของคนรักหน้าหนวดไม่ได้
“หึ! อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดเถอะหนู
ขืนป๋าขวางไอ้ฌานมันนาน ๆ คนที่น่าสงสารที่สุดก็ลูกเรานี่แหละ”
“หึ
หึ หึ! จริง ๆ ป๋าใจอ่อนตั้งแต่เห็นฌานมันหลับคอพับคออ่อนบนโซฟาเมื่อตอนเช้าแล้วใช่ไหมล่ะ?”
ด้วงเอ่ยแซวนิ่ม ๆ ทันทีที่สบโอกาส
“หึ! เบื่อคนรู้ทัน สงสัยป๋าต้องให้รางวัลคนเก่งของป๋าเสียหน่อยแล้วล่ะ!” ตรินยิ้มกรุ่มกริ่มก่อนจะกระเซ้าคนรักทั้งสองอย่างสมน้ำสมเนื้อ
“ถ้าคืนนี้ใครเผลอสลบไปก่อน ป๋าไม่แต่งตัวให้นะ ตอนน้องเพลินเข้ามาปลุกตอนเช้า คนนอนโป๊จะได้รีบตื่น
ลูกจะได้ไม่ต้องเสียงแหบเสียงแห้งอีก” หมีใหญ่ไม่รอช้า ทันทีที่พูดจบเจ้าตัวก็ฝังใบหน้าพร้อมเลื่อนฝ่ามือครอบครองพื้นที่อ่อนไหวของคู่ชีวิตทั้งสองเอาไว้ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักสุดหฤหรรษ์อย่างถึงพริกถึงขิงทันที
«♥»------------------------------------ จบภาค ------------------------------------ «♥»
No comments:
Post a Comment