Monday, December 19, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» Spe. 12|| 20.12.2016


ตอนสุดท้ายที่จะลงในเว็บมาแล้วนะคะ
ขอเชิญทำความรู้จักกับน้องเพลิน ทายาทคนเล็กของบ้านคี่รักได้ ณ บัดนี้ค่ะ
ไว้เจอกันอีกเมื่อบุญพาวาสนาส่งและเจ้าพ่อบงการนะคะ ^^






«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The Special Bonding Vol.12
(อีก)หนึ่งวันดี ๆ ของไปรยา คุณะประสิฒธิ์




“พ่อฟูขา”
“แดดดี๊ขา”

หลังจากไต่ขึ้นเตียงกว้างได้สำเร็จ เด็กหญิงวัยย่างเจ็ดขวบก็ค่อย ๆ คืบคลานขึ้นไปนอนคว่ำทับแผ่นอกป๊ะป๋าร่างหมีก่อนจะเอื้อมมือไปเขี่ยแพขนตางอนยาวของคุณพ่อหน้าหวานอย่างสนอกสนใจ

Pappy ขา”

ลำพังแค่ได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานใกล้ ๆ ก็เพียงพอต่อการปลุกคนเป็นพ่อให้ตื่นจากนิทราได้ไม่ยาก แต่นี่กลับมาพร้อมสัมผัสแผ่ว ๆ เสียด้วย มีหรือที่กรกฏกับตรินจะทำใจดำกับบุตรีได้

“ขาลูก ว่าไงคะน้องเพลิน?” กังฟูปรือตาถามเจ้าตัวเล็กด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“เช้านี้น้องเพลินอยากกินแพนเค้กรูปปิกาจูค่ะ” เด็กหญิงคลี่ยิ้มหวานตบท้ายพลางเลื่อนฝ่ามือไปลูบหลังมือของคุณพ่อหน้าหวานเบา ๆ จนพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยหลับตาลงอีกครั้ง เต๋อที่นอนสังเกตพฤติกรรมน่ารัก ๆ ระหว่างลูกสาวกับกรกฏมาสักพักก็อดซักไม่ได้

But you love Pippi the most, don’t you Princess?
(แต่หนูรักปิบปีที่สุดไม่ใช่เหรอลูก?)

Yes. That’s why I will have Pikachu for my breakfast Pappy
(ใช่ค่ะ น้องเพลินถึงจะกินปิกาจูเป็นอาหารเช้ายังไงล่ะคะป๊ะป๋า) ไปรยาช้อนสายตาขึ้นมองหน้าป๊ะป๋าพลางเจื้อยจำนรรจ์อย่างฉะฉาน 

“โอเคค่ะน้องเพลิน งั้นเราลงไปทำแพนเค้กกันเลยดีไหมคะ?” ที่สุดแล้วกังฟูก็เอาชนะตัวขี้เกียจได้สำเร็จ ชายหนุ่มพลิกตัวเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงเพื่อเจรจากับลูกสาวดี ๆ หากแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่ส่ายหัวดิกก่อนจะเบนความสนใจทั้งหมดไปยังร่างสูงใหญ่อีกหนึ่งที่ยังคงหลับไหล

“แดดดี๊ขาตื่นเถอะ น้องเพลินอยากกินแพนเค้กกับแดดดี๊นะคะ” ทายาทคนสุดท้องของบ้านเขย่าแขนวิญญูเบา ๆ เพื่อเร่งเร้าทางอ้อมจนบิดาหน้าหยกยังต้องยอมแพ้ใจ

“แด๊ดตื่นแล้วลูก”  

“กู๊ดมอร์นิ่งค่ะป๊ะป๋า พ่อฟู แดดดี๊ น้องเพลินรักป๊ะป๋า พ่อฟู แล้วก็แดดดี๊นะคะ” เมื่อผลตอบรับเป็นดั่งใจ เด็กหญิงก็โถมตัวเข้าใส่เหล่าคุณพ่อแล้วทักทายทั้งสามหนุ่มอีกครั้งผ่านรอยจูบกับอ้อมกอดครั้งแล้วครั้งเล่า สลับกับเสียงหัวเราะคิกคักของทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ 

ค่าที่แจกความสดใสให้แก่บิดาได้สำเร็จ เด็กหญิงจึงได้รับรางวัลเป็นการอุ้มจากชั้นสองลงมาชั้นล่างโดยการสนับสนุนของคุณป๊ะป๋าร่างหมี แต่ยังไม่ทันที่สมาชิกทั้งสี่ของบ้านคุณะประสิฒธิ์จะสืบเท้าไปยังส่วนรับประทานอาหาร ร่างคุดคู้ดูอึดอัดของฌานที่ฝังอยู่ในโซฟาก็เตะตาพวกเขาเข้าเสียก่อน

“เมื่อคืนอาฌานกลับดึก อาฌานเลยต้องนอนโซฟาค่ะ”

“น้องเพลินรู้ได้ยังไงคะว่าอาฌานกลับดึก?” อริยะตรัยผู้พี่อดถามลูกสาวไม่ได้

“เมื่อคืนน้องเพลินไปนอนกับเล็กค่ะ เล็กบอกว่าอาฌานจะกลับดึก น้องเพลินสงสาร น้องเพลินเลยไปนอนเป็นเพื่อนเล็ก”

“ไม่ใช่ว่าน้องเพลินไม่อยากนอนคนเดียวใช่ไหมลูก?” คำตอบของบุตรีที่ผิดไปจากความจริงคือเหตุผลที่ด้วงต้องกึ่งถามกึ่งติงเจ้าตัวเล็กอยู่ในที

“ก็... นิดนึงค่ะ” เมื่อเห็นเด็กหญิงไปรยาอมยิ้มทำท่าเขิน บรรดาพ่อ ๆ ก็อดยิ้มตามไม่ได้ ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าลูกสาวยังติดนอนกับผู้ใหญ่อยู่ล่ะ ดีเท่าไรแล้วที่เจ้าตัวเล็กชอบแอบไปนอนกับฝาแฝดคนสุดท้องเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้น พวกเขานั่นแหละที่จะไม่ได้ใช้เวลาช่วงกลางคืนเพียงลำพังอย่างใจ

“แต่น้องเพลินสัญญาว่าถ้าน้องเพลินขึ้นป.สองเมื่อไร น้องเพลินจะนอนคนเดียวให้ได้เลยค่ะ” ทายาทคนสุดท้องยืนกรานความตั้งใจด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

“ไม่เป็นไรลูก ค่อย ๆ ฝึกไป เดี๋ยวหนูก็นอนคนเดียวได้เองแหละครับ” เต๋อปลอบใจลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยไม่อยากให้ไปรยากดดันตัวเองจนเครียดเกินไป

“แด๊ด เดี๋ยวแด๊ดปลุกฌานให้ลุกไปล้างหน้าล้างตานะ เดี๋ยวฟูจะไปเตรียมอาหารเช้า พวกเราจะได้กินข้าวกัน” ทันทีที่พูดจบ กรกฏก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มลูกสาวกับคนรักทั้งสองแล้วเดินเข้าครัวไปทันที ฝ่ายวิญญูก็ทำหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บัญชาการสูงสุดทันทีเช่นกัน

“ฌาน สายมากแล้ว ตื่นเถอะ”

“พี่ด้วง!” ตากล้องหนุ่มสะดุ้งตัวโยนหลังหัวไหล่ถูกรุ่นพี่ต่างคณะแตะเบา ๆ  

“ทำไมถึงมานอนนี่ล่ะ เมื่อคืนกลับดึกเหรอ?”

“ครับ เมื่อคืนกว่าจะถึงบ้านก็ตีสองกว่า ผมไม่อยากให้พลับตื่นเลยนอนที่นี่” ฌานอธิบายพลางลูบหน้าลูบตาคล้ายกำลังกระตุ้นให้ตัวเองตื่นเต็มที่

“งั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะ จะได้ลงมากินข้าวกัน”

“ครับพี่”

“พี่ฝากปลุกฝาแฝดด้วยนะ บอกว่าอีกเดี๋ยวเดียวสำรับก็จะตั้งแล้ว” ฌานพยักหน้าแล้วเดินโผเผขึ้นบันไดไปอย่างว่าง่าย ด้วงจึงอาศัยจังหวะดังกล่าวพูดให้เครดิตลูกเขยทันที “นี่ไงป๋าที่ด้วงกับฟูเคยบอกป๋าน่ะ ขนาดป๋ายอมให้ฌานคบกับลูกเราแล้วนะ ฌานมันยังยอมนอนโซฟาอยู่เลย”

“ป๋าเห็นแล้วครับหนู ไม่ต้องอวยมันนักก็ได้” ตรินตวัดหางตามองตามแผ่นหลังของรุ่นน้องอย่างฉุน ๆ ที่หงุดหงิดนี่ไม่ใช่เพราะหมั่นไส้ไอ้ตัวบอสหรอก แต่เป็นเพราะทนฟังคนรักชื่นชมชายอื่นต่อหน้าไม่ได้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีเพียงด้วงเท่านั้นที่เข้าใจสารอย่างถ่องแท้ ในขณะที่เด็กหญิงไปรยากลับทำหน้าที่เป็นทนายหน้าหอให้คนรักของพี่ชายอย่างเต็มอกเต็มใจ  

“ป๊ะป๋าอย่าดุอาฌานมากสิคะ น้องเพลินสงสารอาฌาน อาฌานกลัวป๊ะป๋าม้ากมากเลยนะคะ”

“จริงเหรอลูก? ไหนลองเล่าให้ป๋าฟังซิครับว่าทำไมน้องเพลินถึงคิดว่าอาฌานกลัวป๋า?” ตรินถามพลางอุ้มลูกไปนั่งยังตำแหน่งประจำตรงหัวโต๊ะ ส่วนวิญญูก็ปลีกตัวไปช่วยกำกับเด็กในบ้านให้ทยอยยกอุปกรณ์ทำแพนเค้กกับเครื่องเคราต่าง ๆ มาวางไว้ใกล้ ๆ มือ

“ก็เวลาที่อาฌานพูดถึงป๊ะป๋าให้น้องเพลินฟัง อาฌานจะทำหน้าแบบนี้ตลอดเลยอ่ะค่ะ” เพลินนิ่วหน้าพลางขมวดหัวคิ้วเข้าหากันเพื่อเลียนแบบฌานให้พ่อดู “อ้อ ๆ ! แล้วก็แบบนี้ด้วยค่ะ” ทันทีที่นึกออก เด็กหญิงก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าซึมพลางห่อไหล่ลู่จนตัวลีบ “ป๊ะป๋ามองแล้วไม่รู้สึกว่าน่าสงสารหรอกเหรอคะ ขนาดน้องเพลินแค่ทำท่าให้ป๊ะป๋าดู น้องเพลินยังสงสารตัวเองเลยค่ะ”

ตรินระเบิดหัวเราะเสียงดังเมื่อชมการสาธิตอันยิ่งใหญ่ของลูกสาวจนจบ “น่าสงสารค่ะ น่าสงสารมาก ๆ เลย”

“ถ้าอย่างนั้นป๊ะป๋าก็ต้องเลิกดุอาฌานได้แล้วนะคะ ถ้าป๊ะป๋าดุอาฌานมาก ๆ เล็กก็จะเสียใจค่ะ ป๊ะป๋าอยากให้เล็กเสียใจเหรอคะ?” ไปรยาฉอเลาะพลางเอนหัวซบอกกว้างของป๊ะป๋าร่างหมี

“ไม่ครับ ป๋าไม่อยากให้ลูกป๋าคนไหน ๆ เสียใจทั้งนั้นแหละ”

“ดีมากค่ะ!

“จิ๋วอ้อนอะไรป๋าแต่เช้าฮึเรา?” เด็กหญิงละสายตาจากบิดาเพื่อหันไปมองเจ้าของเสียงที่เดินลงบันไดเคียงคู่มาพร้อมกับฝาแฝดคนรอง “มานี่มะ มาให้พี่พลายกอดหน่อยเร้ว!

“ใหญ่! กลาง! กู๊ดมอร์นิ่ง!” ไปรยาตะโกนด้วยน้ำเสียงเริงร่าก่อนจะลงจากตักบิดาแล้ววิ่งเข้าไปกระโดดโถมตัวใส่พี่ชายคนโต

“อรุณสวัสดิ์ครับป๋า” พลุเป็นตัวแทนทักทายตรินด้วยภาษาที่สองตามธรรมเนียมพิเศษของครอบครัว

“วันนี้มีโปรแกรมทำอะไรกัน?”

“พี่พลายว่าจะชวนทุกคนไปกินปิ้งย่างกลางวันนี้อ่ะครับ ได้ยินเด็กแถวนี้บ่นว่าอยากกินชีสย่างมาหลายวันแล้ว” ปภพตอบคำถามพ่อหากแต่กลับชำเลืองสายตามองหน้าน้องสาวสลัดเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใยเพื่อเข้าไปกอดพลุหนุบหนับราวกับเป็นลูกโคอาล่า

“ชีสย่างงง!!

“ใช่ ชีสย่างยาวยืด ใครบอกอยากกินน้า?”

“น้องเพลินค่ะ น้องเพลินอยากกิน!” เด็กหญิงยกมือระบุความต้องการพลางระบายยิ้มจนหน้าแป้น

“ถ้างั้นเช้านี้น้องเพลินกินปิกาจูได้แค่ตัวเดียวนะคะลูก ไม่งั้นหนูกินข้าวกลางวันไม่ลงกันพอดี” กังฟูที่เดินออกมาพร้อมกับด้วงแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงขอร้องแกมบังคับอยู่ในที ได้ยินเช่นนั้น บุตรีก็พร้อมจะให้ความร่วมมือโดยไม่บิดพลิ้วแต่ก็ไม่วายจะวาดลวดลายทิ้งท้าย

“ได้ค่ะ งั้นน้องเพลินขอปิกาจูตัวใหญ่ ๆ นะคะแดดดี๊”

จังหวะที่เจ้าตัวเล็กประจบประแจงคุณพ่อหน้าหยกอยู่นั้น ลูกชายคนเล็กของบ้านกับฌานก็ลงมาร่วมโต๊ะอาหารพอดิบพอดี ประมุขร่างหมีจึงกวักมือเรียกสมาชิกทั้งหมดมารวมตัว “มา ๆ นั่ง ๆ ใครจะกินแพนเค้กรูปไหนก็วาดเอา หรือใครจะกินอย่างอื่นก็บอกพี่ออย” ก่อนที่ใครจะพูดอะไร เต๋อก็หันไปสั่งเด็กในบ้านเป็นกรณีพิเศษ “ออย ผมขอกาแฟดำให้คุณฌานแก้วนึงนะ”

การเอาใจใส่เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตรินไม่ค่อยจะแสดงออกต่อลูกเขยสามารถเรียกรอยยิ้มของทุก ๆ คนที่เหลือได้เป็นอย่างดี ใครล่ะจะทำเฉยอยู่ได้... ก็ไม่ใช่ทุกวันเสียหน่อยที่ป๋าจะใจดีกับตากล้องหนุ่มแบบออกนอกหน้าอย่างวันนี้


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“...ก๊อบลินพาพวกเขาไปยังห้องนิรภัยชั้นใต้ดิน โดยนั่งรถรางขนาดเล็กแล่นด้วยความเร็วสูง ผ่านทางคดเคี้ยวราวกับเขาวงกต แล้วมาหยุดกึกที่ตู้เซฟหมายเล...”

“ฟู เก็กโทรมาน่ะ” วิญญูที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องนอนทาสีฟ้าอ่อนประดับด้วยเครื่องเรือนกระจุ๋มกระจิ๋มสมกับเป็นห้องนอนของเด็กผู้หญิงยื่นโทรศัพท์มือถือนำหน้าแทนคำอธิบายที่ต้องขัดจังหวะกิจกรรมเล่านิทานก่อนนอนกล่อมทายาทหมายเลขสี่ ฝ่ายตรินที่เดินตามหลังมาห่าง ๆ ก็อ้อมเตียงไปอีกฝั่ง ก่อนจะทอดตัวลงนอนกอดลูกสาวเอาไว้

“มีเรื่องด่วนเหรอ?” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเลิกคิ้วมองหน้าขณะคั่นหน้าหนังสือแปลเล่มหนาก่อนวางลงบนหน้าตัก

“เปล่า คนที่เก็กจะคุยด้วยน่ะไม่ใช่ฟูหรอก” ด้วงตอบพลางบุ้ยใบ้ไปที่ลูกสาว

“หืม?!

“น้องเพลินลูก มีคนอยากคุยโทรศัพท์ด้วยแน่ะครับ” คุณพ่อหน้าหยกยื่นจอโทรศัพท์ที่มีใบหน้าของคนปลายสายปรากฏเด่นหราส่งให้ลูกสาวก่อนทิ้งตัวลงนอนแล้วสวมกอดคนรักร่างเล็ก ทายาทหมายเลขสี่ชันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพลางโบกมือให้เด็กหญิงอีกคนในจอด้วยอาการตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด  

“พี่บง ๆ น้องเพลินคิดถึงพี่บง ๆ จังเลย!

“พี่ก็คิดถึงเพลิน!” หากสมาชิกในบ้านคุณะประสิฒธิ์จะตั้งใจฟังสักนิด คงได้ยินเสียงกระซิบกระซาบบอกบทดังแว่ว ๆ ก่อนที่เด็กหญิงบง ๆ ผู้เป็นหลานสาวคนเล็กสุดของบ๊วยจะเอื้อนเอ่ยประโยคถัดไป “เพลิน พี่สอบได้ที่หนึ่ง น้าเก็กกับน้าบ๊วยเลยจะพาพี่ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงแหละ!

ไปรยาปรบมือยินดีให้กับความสำเร็จของพี่สาวต่างบิดาก่อนที่สีหน้าเริงรื่นจะหมองลงเล็กน้อย “โห! พี่บง ๆ จะไปดิสนีย์แลนด์เหรอ? ดีจังเลย”

“เพลินไปด้วยกันไหม? น้าเก็กให้พี่โทรมาชวนน่ะ” 

“น้องเพลินก็อยากไป แต่น้องเพลินสอบได้ที่เจ็ด น้องเพลินคงไปไม่ได้หรอกพี่บง ๆ ” เมื่อเปรียบเทียบตัวเองกับพี่สาวเสร็จสรรพ หางเสียงเล็ก ๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยก็พลอยดังแผ่วเสียจนคุณพ่อทั้งสามอดสะท้อนใจไม่ได้ ทว่าคนปลายสายกลับไม่ถอดใจง่าย ๆ   

“ทำไมเพลินไม่ลองถามคุณพ่อดูล่ะ เผื่อคุณพ่อจะยอมให้เพลินไปเที่ยวกับพี่ไง พี่ไม่อยากไปคนเดียว อยากให้เพลินไปด้วยกัน”

“พ่อฟูขา แดดดี๊ขา Pappy ขา ถ้าน้องเพลินสอบได้ที่เจ็ด น้องเพลินจะไปดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงกับพี่บง ๆ ได้ไหมคะ?” แม้จะไม่รู้ว่าคำตอบของบิดาจะเป็นเช่นไร ทว่าทายาทหมายเลขสี่ก็ไม่ลังเลที่จะทำตามคำแนะนำของบง ๆ 

กังฟูคลี่ยิ้มบาง ๆ พลางกวาดสายตาพินิจใบหน้าเว้าวอนของลูกสาวสลับกับคนรัก จากนั้นจึงบิดหน้าจอมือถือในมือลูกสาวเข้าตัวเอง “แล้งพี่บิ๊งล่ะคะบง ๆ พี่บิ๊งไม่ว่างไปดิสนีย์แลนด์เป็นเพื่อนหนูเหรอลูก?”

“พี่บิ๊งไปซัมเมอร์แคมป์กับโรงเรียนค่ะน้าฟู หนูเลยอยากชวนน้องเพลินไปเที่ยวด้วยกัน น้าเก็กกับน้าบ๊วยบอกว่าจะดูน้องเพลินแทนน้าฟูเองค่ะ” แม้จะร่ายยาวถึงกิจกรรมของพี่ชายร่วมสายเลือดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ทว่าสายตาของเด็กหญิงในหน้าจอกลับเหลือบมองไปข้าง ๆ คล้ายกับกำลังหารือกับผู้สนับสนุนหลักฝั่งตน เห็นดังนั้น กรกฏจึงไม่ปล่อยให้น้องชายกับน้องสะใภ้ลอยนวล

“งั้นขอน้าคุยกับ น้าเก็กหรือน้าบ๊วยหน่อยได้ไหมคะ?”

“ได้ค่ะ” ไม่ทันขาดคำ หน้าจอก็หมุนไปอีกทางหนึ่งจนกังฟูได้เห็นหน้าค่าตาของอดีตเดือนมหาลัยกับคนรักกำลังนั่งยิ้มรออยู่ข้าง ๆ กัน

“เฮียฟู อนุญาตให้น้องเพลินไปเที่ยวกับบง ๆ เถอะนะครับ” บ๊วยเกริ่นนำตามด้วยการเสริมความของน้องชายร่วมสายเลือดกับกังฟู

“ใช่เฮีย ถึงเก็กกับบูบู้จะไปกับหลานด้วยก็จริง แต่บง ๆ คงไม่สนุกเท่ากับมีน้องไปด้วยแน่ ๆ ”

“แล้วนี่จะไปกันเมื่อไร หืมไอ้หล่อ?” ตรินถามแทรกขึ้นด้วยอยากรู้รายละเอียดที่แน่ชัด

“ก็วันศุกร์ที่จะถึงนี่แหละครับ ไปสี่วันสามคืนจะได้เที่ยวไม่เหนื่อยมาก ถ้าพี่เต๋อโอเค ผมจะได้รีบจองตั๋วเครื่องบินเพิ่มพรุ่งนี้เช้าเลย”

“อืม ขอพวกพี่คุยกันก่อนนะเก็ก เดี๋ยวยังไงพรุ่งนี้เช้าพี่จะโทรไปบอกอีกที” วิญญูตัดบทด้วยไม่อยากให้บทสนทนายืดเยื้อจนบุตรีต้องนอนดึก ที่สำคัญ เขาอยากจะคุยกับคนรักทั้งสองรวมทั้งไปรยาให้รู้เรื่องก่อน

“ได้ครับพี่ แต่ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร ผมขอคอนเฟิร์มก่อนพรุ่งนี้เที่ยงนะครับ ผมกลัวจองตั๋วเพิ่มให้เพลินไม่ได้”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่โทรไป” ด้วงรับคำน้องเมียเสียงเฉียบ ก่อนจะปรับช่องเสียงให้อ่อนลงในชั่วพริบตาเพื่อคุยกับไปรยาโดยเฉพาะ “น้องเพลินลาน้า ๆ กับพี่บง ๆ ก่อนลูก”

“อาเจ็ก อาบ๊วย ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พี่บง ๆ น้องเพลินไปนอนก่อนนะคะ”

หลังจากวางสายจากบ้านไร่ เหล่าคุณพ่อก็เบนความสนใจทั้งหมดกลับมาที่เด็กหญิงตัวน้อยผู้เป็นสุดที่รักของทั้งบ้าน ไปรยาเองก็รู้ทัน เด็กหญิงจึงเปิดฉากออดอ้อนบิดาโดยงัดกลเม็ดเด็ดพรายทั้งหลาขึ้นมาใช้ทั้งหมด “ป๊ะป๋าขา แดดดี๊ขา พ่อฟูขา น้องเพลินอยากไปหาพี่มินนี่กับพี่บง ๆ ค่ะ”

“น้องเพลินรู้ใช่ไหมลูกว่าดิสนีย์แลนด์อยู่ไหน?” แดดดี๊หน้าหยกลองหยั่งเชิง

“ดิสนีย์แลนด์อยู่ฮ่องกงค่ะ พี่บง ๆ บอก” 

“ฮ่องกงไกลนะคะลูก เราต้องนั่งเครื่องบินแล้วก็ต่อรถไปอีกหลายชั่วโมงเลย น้องเพลินจะไม่บ่น ไม่งอแงใช่ไหมคะ?” กังฟูอดเป็นห่วงทายาทหมายเลขสี่ไม่ได้

“ตอนไปญี่ปุ่นรอบที่แล้ว น้องเพลินก็อดทนไม่ร้องไห้ค่ะ พ่อฟูจำได้ใช่ไหมคะ?”

“ค่ะ รอบนั้นน้องเพลินเก่งมากลูก พ่อฟูจำได้” กรกฏอมยิ้มด้วยรู้ทันบุตรสาวเป็นอย่างดี ลองไปรยามาไม้นี้ก็แสดงว่าเจ้าตัวอยากให้พวกเขาตระหนักถึงวุฒิภาวะที่มากขึ้นจากแต่ก่อนนั่นเอง แต่ใครบอกล่ะว่าขอบเขตของความเป็นห่วงของเขาจะครอบคลุมเพียงแค่สวัสดิภาพของลูกสาว... ความสงบสุขเรียบร้อยของน้องชาย น้องสะใภ้ กับหลานสาวก็ไม่ใช่เรื่องที่อริยะตรัยผู้พี่ละเลย  

“แล้วไหนบอกพ่อฟูซิคะว่าถ้าพ่อฟูอนุญาตให้น้องเพลินไปดิสนีย์แลนด์กับพี่บง ๆ น้องเพลินจะทำตัวยังไง?”

“น้องเพลินจะเป็นเด็กดี จะเชื่อฟังอาเจ็กอาบ๊วย ไม่ดื้อ ไม่ซน ยอมกินข้าว ยอมไม่ร้องไห้ ยอมไม่ตื่นสายค่ะ” คำตอบเอาใจคนฟังทำเอาพวกพ่อกลั้นยิ้ม

“แล้วตอนอาบน้ำแต่งตัวล่ะคะ น้องเพลินจะทำยังไง? ไปที่โน่นไม่มีพี่ออย ไม่มีพ่อฟู ไม่มีแดดดี๊คอยช่วยน้องเพลินนะลูก”
ยิ่งเห็นสีหน้าลังเลจนน่าเอ็นดูของลูกสาว วิญญูก็แทบจะหลุดขำ 

“น้องเพลินจะอาบน้ำ จะสระผม จะแปรงฟัน จะแต่งตัวเองค่ะ น้องเพลินทำได้ค่ะ พ่อฟูให้น้องเพลินไปดิสนีย์แลนด์กับพี่บง ๆ เถอะนะคะ น้องเพลินอยากไป”

แววตาแน่วแน่กับน้ำเสียงหนักแน่นของลูกสาวทำให้ด้วงกับกังฟูยกภาระในการตัดสินใจให้ประมุขใหญ่ของบ้านทันที “ป๋าว่าไงครับ?”

“น้องเพลินลูก น้องเพลินคุยกับป๋าก่อนนะครับ” เจ้าของชื่อจับจ้องใบหน้าบิดาร่างหมีอย่างตั้งใจ “ถ้าในอนาคตมีใครชวนน้องเพลินให้ไปไหนด้วย ก็ไม่ได้แปลว่าป๊ะป๋า พ่อฟู และแดดดี๊จะอนุญาตให้น้องเพลินไปได้เหมือนคราวนี้ เพราะอะไรรู้ไหมลูก?”

“เพราะถ้าไม่มีใช่ป๊ะป๋า พ่อฟู แดดดี๊ พี่ ๆ พวกคุณอา หรือคุณปู่คุณย่าเป็นคนพาไป น้องเพลินก็ห้ามไปไหนกับคนอื่นใช่ไหมคะ?” เด็กหญิงทวนในสิ่งที่ทุก ๆ คนในบ้านหมั่นพร่ำบอกหล่อนมาตั้งแต่ก่อนจะจำความได้

“ใช่ครับ” ตรินตอกย้ำความเข้าใจของเจ้าตัวเล็กด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นจึงเตือนสติบุตรีไม่ให้หลงระเริงจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจจนเกินไป “และที่สำคัญ ต่อไปถ้าน้องเพลินโตขึ้น น้องเพลินต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ถึงจะมาขออนุญาตป๊ะป๋า พ่อฟู หรือแดดดี๊ไปเที่ยวได้ ไม่ใช่เอะอะเราจะไปที่ไหน ๆ ตามใจตลอดเวลาหรอกนะลูก”

“ค่ะ” ไปรยาพยักหน้าหงึกหงัก

“ถ้าเราเข้าใจตรงกันแล้ว ป๊ะป๋าก็จะอนุญาตให้น้องเพลินไปเที่ยวกับพี่บง ๆ ได้ครับ”

“เย่!” ทายาทหมายเลขสี่ชูสุดแขนพลางขย่มตัวอย่างเริงร่าโดยที่ไม่รู้เลยว่า นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความสุขในครั้งนี้เท่านั้น

“โดยที่ป๊ะป๋า พ่อฟู กับแดดดี๊จะไปด้วยนะครับ” การตัดสินใจกะทันหันของป๊ะป๋าร่างหมีทำให้กรกฏกับวิญญูประหลาดใจไม่น้อย เพราะนับตั้งแต่มีลูก พวกเขาก็ไม่เคยไปพักผ่อนที่ไหนอย่างฉุกละหุกเช่นคราวนี้

“เย่!!! น้องเพลินรักป๊ะป๋า รักแดดดี๊ รักพ่อฟูที่สุดเลยค่ะ” เจ้าตัวเล็กหอมแก้มสากของป๊ะป๋าเป็นพัลวันจนเต๋อต้องประคองร่างของเลือดเนื้อเชื้อไขให้นั่งนิ่ง ๆ ก่อนจะยื่นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนตามประสานักธุรกิจตัวเอ้

“อย่าเพิ่งดีใจไปครับ น้องเพลินต้องสัญญากับป๋าก่อนว่า นับตั้งแต่คืนนี้ น้องเพลินจะหัดเข้านอนคนเดียวให้สำเร็จ น้องเพลินทำให้ป๋าได้ไหมครับ?”

“น้องเพลินทำได้ค่ะ น้องเพลินนอนคนเดียวได้”

“น้องเพลินจะไม่แอบพาพี่ผ้าห่มไปนอนห้องพี่ ๆ เขากลางดึกใช่ไหมลูก?” วิญญูถามดักคอบุตรีเสียแต่เนิ่น ๆ เพราะไม่อยากให้เด็กหญิงแอบลักไก่ในภายหลัง

“ไม่ค่ะ น้องเพลินให้สัญญาว่าน้องเพลินจะนอนคนเดียวค่ะ”

“งั้นก็นอนได้แล้วค่ะคนเก่งของพ่อฟู ถึงเวลานอนแล้วนะคะ” ไปรยาสอดตัวลงใต้ผ้าห่มที่กรกฏเตรียมไว้ให้ก่อนจะจัดท่านอนให้สบายพร้อมกับถามทิ้งท้ายด้วยความสงสัย

“แล้วพวกพี่ ๆ ล่ะคะป๋า ป๋าจะพาพวกพี่ ๆ ไปดิสนีย์แลนด์ด้วยกันไหมคะ?”

เต๋อนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะลอบสบสายตากับคู่ชีวิตทั้งสองพลางชั่งใจ แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็สามารถให้คำตอบที่ดีที่สุดแก่ลูกคนเล็กรวมถึงสมาชิกที่เหลือได้ในคราวเดียว “เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้ป๋าจะถามพวกพี่ ๆ เขาก็แล้วกันครับ ถ้าพวกพี่ ๆ อยากอยู่อ่านหนังสือเตรียมสอบที่นี่ พวกเราก็ไปกันแค่สี่คนดีไหมลูก?"

“โอเคค่ะ!” เด็กหญิงรับคำแข็งขันก่อนจะหลับตานอนโดยไม่มีข้อแม้ ดูเหมือนว่าการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งนี้จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายภายในบ้านคุณะประสิฒธิ์ อาทิ การที่ลูกสาวคนเล็กของบ้าน สามารถเปลี่ยนนิสัยการนอนได้อย่างถาวร หรือการที่ทายาทหมายเลขสามจะได้สมหวังกับสิ่งที่ตั้งตารอมานานหลายปีเสียที เป็นต้น





“ป๋าแน่ใจนะว่าป๋าโอเคถ้าพี่พลาย พลุ พลับจะอยู่บ้านกันเอง?” กรกฏเลิกคิ้วมองหน้าอดีตเด็กสถาปัตย์โดยไม่ละสายตาไปไหน ชายหนุ่มเดินไปปิดสวิตช์ไฟก่อนจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงในห้องของพวกเขาหลังจากส่งลูกสาวเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย

“ป๋าก็ต้องแน่ใจสิหนู ไม่งั้นป๋าไม่รับปากลูกไปแบบนั้นหรอก” ตรินว่าพลางกวาดแขนดึงตัวคนรักทั้งสองมากอดเอาไว้แน่น

“ป๋ารับได้ใช่ไหมถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น?” วิญญูยังอดเป็นห่วงความรู้สึกของคนรักหน้าหนวดไม่ได้

“หึ! อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดเถอะหนู ขืนป๋าขวางไอ้ฌานมันนาน ๆ  คนที่น่าสงสารที่สุดก็ลูกเรานี่แหละ”

“หึ หึ หึ! จริง ๆ ป๋าใจอ่อนตั้งแต่เห็นฌานมันหลับคอพับคออ่อนบนโซฟาเมื่อตอนเช้าแล้วใช่ไหมล่ะ?” ด้วงเอ่ยแซวนิ่ม ๆ ทันทีที่สบโอกาส

“หึ! เบื่อคนรู้ทัน สงสัยป๋าต้องให้รางวัลคนเก่งของป๋าเสียหน่อยแล้วล่ะ!” ตรินยิ้มกรุ่มกริ่มก่อนจะกระเซ้าคนรักทั้งสองอย่างสมน้ำสมเนื้อ “ถ้าคืนนี้ใครเผลอสลบไปก่อน ป๋าไม่แต่งตัวให้นะ ตอนน้องเพลินเข้ามาปลุกตอนเช้า คนนอนโป๊จะได้รีบตื่น ลูกจะได้ไม่ต้องเสียงแหบเสียงแห้งอีก” หมีใหญ่ไม่รอช้า ทันทีที่พูดจบเจ้าตัวก็ฝังใบหน้าพร้อมเลื่อนฝ่ามือครอบครองพื้นที่อ่อนไหวของคู่ชีวิตทั้งสองเอาไว้ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงรักสุดหฤหรรษ์อย่างถึงพริกถึงขิงทันที




 «»------------------------------------ จบภาค ------------------------------------ «»




No comments:

Post a Comment