The 8th Glance
สัตยาในสภาพพร้อมนอนเดินเช็ดผมออกจากห้องน้ำพลางเหลือบมองเรือนร่างกะทัดรัดที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าห่มนวมจนกลายเป็นก้อนขยุยขนาดใหญ่บนเตียงด้วยความสับสนว้าวุ่นใจ...
เพราะคำถามของคนเป็น รวมถึงการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของคนตายแท้ ๆ เชียวที่ทำให้ผู้กองหนุ่มฟุ้งซ่านจนไม่อาจข่มตาแม้เข็มนาฬิกาจะบอกเวลาของเช้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม
“ทำไมผู้กองต้องคอยดูแลเขาด้วยล่ะ?
เขาเด็กกว่าผมอีกเหรอ?”
ภายหลังจากรับกระบี่และเริ่มลงพื้นที่ในฐานะเจ้าพนักงานสืบสวนคดียาเสพติดได้ไม่นาน
สัตยาผู้หมายมั่นกับการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มาตั้งแต่จำความได้ก็ทุ่มเทกายใจเดินหน้าทลายแก๊งค้ายาอย่างเต็มความสามารถ
แน่นอนว่ากว่าจะโค่นล้มอาณาจักรยาเสพติดขนาดใหญ่แต่ละรายลงได้ เหล่าวีรบุรุษในชุดสีกากีดังเช่นตัวเขาและผองเพื่อนร่วมทีมต่างล้วนต้องผ่านคดีล่อซื้อเบ็ดเตล็ดมานักต่อนัก
เพราะหากไม่มีการจับกุมผู้ค้าปลาซิวปลาสร้อย ขั้นตอนการรีดเค้นหาเส้นสายเพื่อขยายผลรวบตัวผู้บงการในภายหลังคงแทบเป็นไปไม่ได้
ทว่าในบรรดาคดีล่อซื้อที่ผ่านเข้ามาในสารบบ
กลับปรากฏคดีหนึ่งซึ่งเปลี่ยนชีวิตส่วนตัวของตำรวจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงไปโดยสิ้นเชิง...
แม้แอมเฟตามีนเพียงยี่สิบเม็ดที่ล่อซื้อได้ในครั้งนั้น
จะถือเป็นของกลางปริมาณเล็กน้อยเกินกว่าจะเสียเวลาตั้งโต๊ะแถลงข่าว
หากแต่ปูมหลังสุดรันทดของผู้ต้องหาวัยไม้ใกล้ฝั่งกลับปลุกกระแสให้เหล่านักเลงคีย์บอร์ดตั้งคำถามถึงการผดุงกฏหมายและความถูกต้องของเหล่าวีรบุรุษในชุดสีกากีที่ทำลายมนุษยธรรมจนย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี
กับอีแค่ยาบ้าไม่กี่เม็ด
ถึงกับต้องจับคนแก่เค้าคุกเข้าตารางเพื่อสร้างผลงานเชียวเหรอ?
กลัวไม่ได้สองขั้นกันหรือไงถึงได้ขยันจับแต่คนจนไม่มีทางสู้?
พวกรวย ๆ เล่นยามีเยอะแยะ ทำไมถึงไม่ไปจับ?
ตาเขาเพิ่งขายครั้งแรกเองนะ
จะไม่ให้โอกาสเขาแก้ตัวหน่อยเหรอ? ไม่สงสารที่เขาจน ก็ช่วยสงสารคนแก่หน่อยสิคุณตำรวจ
ไม่รู้หรือไงว่าตาแกต้องขาย
ไม่งั้นหลานแกจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอม?
ถ้าตาแกไม่ลำบากจนใกล้จะอดตาย
แกก็ไม่ต้องมาขายยาบ้าร้อก... จับแกแบบนี้ แล้วคิดไหมว่าเมียกับหลานแกจะอยู่กันยังไง?!
สมัยยังเป็นแค่นักเรียนนายร้อย
สัตยาเคยคิดกับตัวเองเล่น ๆ ว่า หากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นกับตัวเอง ความยึดมั่นและซื่อตรงกับอุดมการณ์คงจะทำให้ทุก
ๆ คำครหากลายเป็นเพียงสายลมพัดผ่าน
เอาเข้าจริง
เมื่อร้อยตำรวจตรีสัตยาในวันนั้นได้รู้เห็นถึงความเจ็บปวดสูญเสียภายใต้คราบน้ำตาและเสียงสะอื้นไม่ขาดสายของผู้ต้องหาและญาติทั้งสองด้วยสองตา
หัวใจของเขาก็โยกคลอนวูบไหว แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องทั้งหมดยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่
คือ ความตายด้วยอาการตรอมใจของผู้ต้องหาหลังจากถูกฝากขังได้เพียงสัปดาห์เดียว
การรับทราบข่าวชายแก่ตายคาคุกเพราะถูกความรู้สึกผิดกัดกินใจหลังตัดสินใจผิดด้วยการขายยาบ้าเพื่อหาเงินเจือจานครอบครัว
ควบคู่กับการได้อ่านบันทึกการให้ปากคำจากเจ้าพนักงานสอบสวนที่ยืนยันว่า ผู้ตายเพิ่งมีประวัติการกระทำความผิดเป็นครั้งแรก
เนื่องจากตลอดมาแกฝักใฝ่ทำดี หนำซ้ำยังประกอบสัมมาอาชีพสุจริตหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอดห้าสิบกว่าปี
ก่อให้เกิดความรู้สึกเวทนาจนพลอยทำให้สัตยาตั้งตนเป็นเสาหลักในเงามืดให้แก่อีกสองสมาชิกที่เหลือแทนคุณตาผู้ล่วงลับเพื่อปลดเปลื้องความรู้สึกติดค้างแม้เขาจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของเรื่องทั้งหมดก็ตาม
และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตำรวจหนุ่มก้าวเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเพียงออ
หลานชายวัยสิบห้าปีของผู้ต้องหาที่จำใจก้าวเข้าสู่วงการสีเทาเพื่อปากท้องของอีกสองชีวิตอย่างแท้จริง
ถึงอย่างนั้น
ความช่วยเหลือในรูปตัวเงินและสิ่งของเครื่องใช้จากผู้หวังดีแต่ไม่ประสงค์ออกนามกลับไม่อาจเหนี่ยวรั้งที่พึ่งทางใจแหล่งสุดท้ายของเด็กหนุ่มไว้ได้นานนัก
เพราะเพียงไม่ถึงสามปี คู่ชีวิตของตาก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคชราตามไปอีกคน ทว่าก่อนที่หล่อนจะสิ้นใจ
สัตยาก็ยอมเผยตัวต่อหน้ายายของขลุ่ยพร้อม ๆ กับให้สัญญาว่าจะอุปถัมภ์ ดูแลหลานชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยให้ยืนหยัดได้อย่างสง่าผ่าเผย
“...คร่อก... งืม...
แจ๊บ ๆ ...”
“เฮ่อ!” เสียงกรนที่ดังลอดโปงผ้าห่มออกมา
ทำให้คนโตกว่าที่พยายามแทรกตัวลงบนที่ว่างอันจำกัดของเตียงส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
นี่เขามาถึงจุดที่ต้องลักนอนขโมยนอนบนฟูกขนาดคิงส์ไซส์ได้อย่างไรกัน?
ที่สำคัญ แทนที่จะได้ใช้ช่วงลาพักร้อนออกตามหาเพียงออให้สมความตั้งใจ สัตยากลับยอมมาสุมหัวกับเด็กเลี้ยงแกะง่าย
ๆ ทั้ง ๆ ก็รู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายกำลังหลอกใช้กันอยู่แท้ ๆ
“เถิบหน่อยไอ้หนู
ฉันไม่เสียสละนอนพื้นให้ปวดหลังหรอกนะ” สัตยาบ่นพึมพำขณะผลักอังคารจนกลิ้งหลุน ๆ
ไปนอนอีกฟากของเตียง จากนั้นจึงเอนตัวลงนอนหนุนแขนเหม่อมองฝ้าเพดานพลางใคร่ครวญถึงเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับตัวเขาแบบสด
ๆ ร้อน ๆ
“ตอนมีชีวิต
ขลุ่ยเขาเป็นคนแบบไหนเหรอคุณตำรวจ?”
ต่อให้ต้องพูดอีกสักกี่ครั้ง
สัตยาก็มักจะเริ่มต้นบทบรรยายถึงคุณสมบัติของเพียงออด้วยประโยคที่ว่า ขลุ่ยเป็นคนดีไปเสียทุกที...
ใช่... ขลุ่ยดีเสียจนน่าเสียดายที่ต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อย
ยิ่งกับตัวเขาแล้ว
สัตยาก็อดคิดไม่ได้ว่า ความดีแบบเสมอต้นเสมอปลาย ความดีแบบที่ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดตอบแทน
ความดีที่อัดแน่นอยู่ในตัวขลุ่ยนี่แหละที่ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกละอายใจเพราะไม่อาจตอบรับความรู้สึเกินกว่าพี่น้องที่อีกฝ่ายมอบให้ได้เลยสักนิด...
ทั้งที่ตัวเขาอยู่ใกล้กับขลุ่ยที่สุดแท้ ๆ ทำไมถึงรักไม่ได้ก็ไม่รู้
“...ฮ่า ๆๆ
เอิ๊ก!... ง่ำ ๆ แจ๊บ
ๆ ” หลังละเมอหัวเราะเสียงดังจนคนร่วมเตียงยังเผลอสะดุ้ง เด็กนอนดิ้นก็เกาพุงยิก ๆ
แล้วพลิกตัวแล้วเหวี่ยงขาลงก่ายหน้าแข้งของนายตำรวจหนุ่มก่อนจะแน่นิ่งไปอีกครั้ง
“ที่นอนเราอยู่ฝั่งโน้นไอ้หนู
กลับไปเลยไป” ผู้ถูกรุกรานออกแรงงัดข้อกับร่างอ่อนปวกเปียกของอังคารอีกครั้ง จนเมื่อโยกย้ายที่ทางของเจ้าตัวแสบได้ดั่งใจ
สัตยาก็หย่อนตัวจมจ่อมลงในภวังค์แห่งความคิดอีกคำรบ
จริงอยู่ว่าการต้องรับรู้เรื่องการตายของน้องบุญธรรมเมื่อช่วงหัวค่ำจะชวนให้หดหู่และร้าวรานใจ
แต่พอได้ลองทบทวนตัวเองดี ๆ ตำรวจหนุ่มก็ตระหนักได้ว่า สิ่งที่อังคารบอกเล่า ไม่ใช่ข้อมูลแปลกใหม่
เพราะก่อนจะเดินทางมาที่นี่ เขาเองก็สัมผัสได้ว่า เพียงออไม่ได้อยู่บนโลกนี้ในสถานะมนุษย์อีกต่อไป
แล้วก็น่าจะเป็นดวงจิตของเพียงอออีกนั่นแหละที่ชักนำให้สัตยามาพบกับเด็กเลี้ยงแกะอย่างมีนัยยะตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน
แรกเลย
สัตยาเคยเข้าใจว่าการยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนเป็นลมชักหน้าโรงพยาบาลเป็นผลพวงมาจากการเอาแต่พะวงเรื่องของเพียงออจนเที่ยวเห็นใครต่อใครเป็นน้องชายต่างสายเลือดไปทั่ว
แต่เมื่อภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดซ้ำรอยขึ้นอีกครั้ง ณ ใจกลางตลาดสดเมื่อวาน หนำซ้ำคนป่วยยังเป็นคนหน้าเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
ผู้กองหนุ่มก็เริ่มเอะใจถึงความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงอังคารกับน้องบุญธรรมที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเอาไว้ด้วยกัน
ยิ่งเมื่อได้ยินเด็กแสบคุยโวว่าเพียงออชอบโผล่มาเข้าฝันเจ้าตัวเป็นประจำทุกค่ำคืน
สัตยาก็ปักใจเชื่อข้อสรุปของอังคารว่าด้วยการเสียชีวิตของเพียงออโดยไม่คิดโต้แย้ง
เพราะนอกจากจะเจอกับตัวเองในความฝันช่วงรุ่งเช้าเมื่อวานแล้ว อยู่ ๆ เมื่อคืน น้องบุญธรรมก็ฝากเสียงผ่านสายส่งถึงเขาในห้วงนิทราราวกับจงใจบอกใบ้
แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้
สัตยายังคงจดจำเนื้อหาที่เพียงออสั่งความได้ขึ้นใจ แม้ในความเป็นจริง
พวกเขาจะไม่ได้ยกหูคุยกันนานกว่าสองเดือนแล้วก็ตาม
ในฝัน
เพียงออโทรหาผู้กองหนุ่มหนึ่งวันก่อนช่วงหยุดยาวที่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี น้องบุญธรรมของเขาเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการบอกเล่าถึงการมาออกค่ายช่วงปิดเทอมที่จังหวัดเพชรบุรีอันเป็นสาเหตุหลักซึ่งทำให้เจ้าตัวไม่กลับบ้านตลอดสองเดือนที่ผ่านมา
ทว่าในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ชาวค่ายต่างพากันแยกย้ายทางใครทางมัน เพียงออจึงโทรมาอ้อนวอนขอร้องให้เขาขับรถมารับที่ตลาดสดในตัวเมือง
แต่ความที่สัตยาพยายามหาทางเลี่ยงน้องชายต่างสายเลือดอยู่ตลอด
ชายหนุ่มจึงไม่ได้ตกปากรับคำในทีแรก กระนั้นเพียงออกลับคะยั้นคะยอเขาอย่างผิดวิสัยจนสุดท้ายนายตำรวจก็ยอมตามใจอีกฝ่ายเพราะทนฟังประโยครบเร้าด้วยน้ำเสียงออดอ้อนของอีกฝ่ายไม่ไหว
ก็น้องเล่นย้ำกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ‘พรุ่งนี้ตอนห้าโมง พี่เสือต้องมาหาขลุ่ยที่ตลาดเมืองเพชรให้ได้นะครับ
ขลุ่ยจะรอจนกว่าพี่เสือจะมารับขลุ่ย’ แล้วอย่างนี้ มีหรือที่คนเป็นพี่จะขัดความต้องการของน้องชายได้ลงคอ
การฝันถึงคนที่หายตัวไปแบบติด
ๆ กันนับว่าแปลกมากแล้ว แต่ปฏิกิริยาตอบสนองต่อความฝันที่ว่าของสัตยากลับน่าประหลาดยิ่งกว่า
กล่าวคือ ทันทีที่รู้สึกตัวตื่น ชายหนุ่มก็ดันบ้าจี้โทรไปลาพักร้อนกับผู้บังคับบัญชาก่อนจะบึ่งรถมาผลาญน้ำมันอย่างไร้จุดหมายปลายทางรอบ
ๆ ตลาดสดเมืองเพชรบุรีตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน
ชั่วขณะที่ความอดทนของนายตำรวจจวนเจียนจะสิ้นสุด
แผ่นหลังของขลุ่ยที่ผลุบตรงนั้น โผล่ตรงนี้ราวกับจงใจหลอกล่อก็ทำให้สัตยาเริ่มมีความหวัง
จวบจนกระทั่งเมื่อชายหนุ่มได้เจอหน้าเจ้าเด็กเลี้ยงแกะจัง ๆ พร้อมทั้งได้รับมิสคอลจากน้องบุญธรรม
สัตยาก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า อังคารน่าจะเป็นกุญแจเพียงดอกเดียวที่จะไขปริศนาคดีนี้ได้อย่างกระจ่างแจ้ง
ว่าแต่ ทำไมขลุ่ยถึงได้ผูกติดกับไอ้ตัวแสบนี่ได้นะ?
หน้าตามอมแมมกับหุ่นขี้ก้างอย่างกับเด็กมอปลายน่ะไม่เท่าไร
แต่ไอ้สายตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ไหนจะคำพูดคำจามุทะลุเสียดหูไม่มีใครเกินนั่น น้องบุญธรรมของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่?
เมื่อสมองไพล่คิดถึงความดื้อด้านแสบสันไม่มีใครเกินของอังคาร
สัตยาก็ลากกรอบสายตาเลื่อนไปวางยังใบหน้าของคนนอนร่วมเตียงพลางพินิจพิเคราะห์อย่างเอาจริงเอาจัง
หึ! ฝันร้ายหรึอไงไอ้ตัวแสบ นอนหน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว
“เป็นเด็กเป็นเล็ก
มีเรื่องกลุ้มใจอะไรนักหนา” สีหน้ายุ่งเหยิงของเด็กนอนดิ้นทำให้นายตำรวจเผลอยกมุมปากทั้งสองขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เลิกทำหน้าเครียดได้แล้ว สงสารคนนอนข้าง ๆ บ้าง ฉันเห็นแล้วนอนไม่หลับ
รู้ไหมไอ้หนู” สิ้นคำ สัตยาก็ลูบหว่างคิ้วของอังคารให้คลายห่างจากกัน
แต่แทนที่ความปรารถนาดีจะได้รับการชื่นชม อีกคนกลับห่อตัวเป็นก้อนกลมพลางส่งเสียงครางครืดคราดฟังไม่ได้ศัพท์
“...อ่อก...
อึก...อึก...”
“เฮ่ย
เป็นอะไรไอ้หนู?!!”
สัตยาจะไม่ตกใจเลยหากอยู่ ๆ เจ้าของเสียงจะไม่ดิ้นพล่านด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวราวกับคนขาดอากาศหายใจ
“ตื่น! ตื่นซี่!”
ตำรวจหนุ่มเขย่าตัวเพื่อนร่วมเตียงด้วยหวังปลุกอีกฝ่ายให้ได้สติ เพราะขืนอังคารยังดิ้นเป็นปลาขาดน้ำแบบนี้
เขาคงต้องอัปเปหิตัวเองลงไปนอนบนพื้นแน่ ๆ
“ตื่น!” แม้ตามปกติสัตยาจะแข็งแรงและมีพละกำลังเหนือกว่าอังคารอย่างเห็นได้ชัด
หากแต่ในปัจจุบันขณะ คนเกิดก่อนแทบไม่มีแต้มต่อใด ๆ เหนือกว่า เพราะแทนที่จะยอมตื่นนอนแต่โดยดี
เด็กหนุ่มกลับพลิกตัวหนีพร้อมกับฝังปลายศอกเสยใต้คางจนนายตำรวจตาพร่า “โอ๊ย! เป็นบ้าอะไรเนี่ยไอ้หนู!”
“...อึก...อ่อก...อ่อก...”
“หยุดดิ้นเสียที
ขอร้องล่ะ!”
เมื่อเล็งเห็นว่าไอ้เด็กแสบไม่มีทางให้ความร่วมมือง่าย ๆ แถมยังมีแนวโน้มว่าจะออกอาวุธใส่เขาอีกหลายดอก
สัตยาจึงยุติฉากต่อสู้ระหว่างคนนอนหลับกับคนมีสติลงด้วยการสอดวงแขนพันตวัดรอบลำตัวผอมกะหร่อง
ฝ่ายอังคารที่ยังตกอยู่ในห้วงฝันร้ายไม่เลิกรา ก็ดีดดิ้นต่อต้านสัตยาอยู่อีกไม่ถึงอึดใจ
จากนั้นอ้อมกอดที่มาพร้อมความอบอุ่นปลอดภัยก็ช่วยให้เจ้าตัวสงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์
“เฮ่อ!” ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ระบายความอัดอั้นผ่านลมหายใจยืดยาว
ก่อนที่ภาพของต้นคอชื้นเหงื่อกับแผ่นหลังที่กระเพื่อมไหวเป็นจังหวะจะกล่อมให้เขาตกสู่ห้วงนิทราตามเด็กฤทธิ์มากไปอีกคน
***********
“อืมมม” หลังพลิกตัวเปลี่ยนท่า
อังคารก็ส่งเสียงครางในลำคอก่อนจะบิดขี้เกียจด้วยสีหน้าสุขสม กว่าสองเดือนแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัมความรู้สึกสดชื่นหลังตื่นนอนอย่างที่กำลังเป็นอยู่
เสียดาย...
นี่ถ้ารู้แต่แรกว่า การร่วมเตียงเคียงหมอนกับสัตยาจะสามารถขับไล่ฝันร้ายลามไปถึงวิญญาณทั้งหลายได้
เขาคงดอดไปหลอกล่อผู้กองมนุษย์ถ้ำมาทำเป็นหมอนข้างตั้งแต่ถูกปล่อยตัวจากโรงพยาบาลแล้ว
นอนต่ออีกสักหน่อยดีกว่า
อุ่นสบายกำลังดีเลยเว้ยเฮ้ย อังคารหลับตาพริ้มพลางกระถดตัวเข้าหาศูนย์กลางความอบอุ่นที่โอบล้อมรอบตัวอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้
ทว่าความเคลื่อนไหวล่าสุดกลับทำให้คนที่นอนกอดเด็กเลี้ยงแกะเอาไว้ทั้งคืนเกิดรู้สึกตัวขึ้นจนได้
“จำได้ไหมว่าเมื่อคืนทำอะไรไว้บ้าง”
ความรู้สึกอุ่นสบายทำให้กระทั่งสัตยาเองก็ยังไม่อยากลุกขึ้นจากเตียง แถมเจ้าตัวยังเผลอดึงร่างเด็กแสบมากอดเอาไว้เสียแน่น
“นายฟันศอกใส่ฉันจนหน้าหงายเลยนะ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานมีโทษปรับ... รู้ใช่ไหม”
“ผมก็จะแจ้งความคุณข้อหาลวนลามผมเหมือนกัน!” พอได้ยินว่ากำลังจะเสียทรัพย์ อังคารก็ดีดตัวปุบปับก่อนจะลุกขึ้นนั่งชี้หน้าคนโตกว่าด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด
“หึ! เด็กน้อยเอ๊ย!” สัตยาไม่เอาอาการอยากจะเอาชนะจนฉุนเฉียวของเด็กเลี้ยงแกะมาเป็นอารมณ์
นายตำรวจสะบัดแขน บิดเอวขับไล่ความเมื่อยขบ จากนั้นจึงลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่ผึ่งไว้ก่อนจะหมุนตัวเดินลิ่ว
ๆ บ่ายหน้าไปยังห้องน้ำ แต่ก่อนที่ผู้กองหนุ่มจะปลีกตัวไปทำธุระยามเช้า คนที่นั่งส่งสายตาอาฆาตมาให้จากบนที่นอนก็ทิ้งตัวหงายหลังกระแทกฟูกจนขาเตียงส่งเสียงดังลั่น
จากนั้น ทั้งร่างของอังคารก็เริ่มชักกระตุกอย่างรุนแรงจนสัตยายังอดตกใจไม่ได้
“เฮ่ยไอ้หนู!” คนโตกว่าที่เพิ่งกระโจนพรวดพราดข้ามห้องมาจับอังคารพลิกตัวนอนตะแคงข้างพลางจับสังเกตอาการอย่างถี่ถ้วน...
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ไอ้ตัวแสบน่าจะหยุดชักแล้วได้สติภายในสองนาทีเหมือนเมื่อวาน ทว่าหลังจากอดทนจับเวลาได้ราวสามนาที
อาการชักเกร็งของเด็กหนุ่มกลับไม่ดีขึ้น เห็นดังนั้น
สัตยาจึงเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ข้างเตียงมากดต่อสายหาโอเปอเรเตอร์ด้านล่างทันที
“...รับสิ...
รับสิ...”
(มีอะไรให้รับใช้คะ)
“ช่วยเรียกรถพยาบา...”
“พี่เสือ” ยังไม่ทันที่สัตยาจะพูดจบประโยค
จู่ ๆ คนป่วยลมชักก็หยัดตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพลางจับจ้องเขาด้วยสายตาของคนคุ้นเคย
“พี่เสือครับ”
“ขลุ่ย?!!” ตำรวจหนุ่มปล่อยหูโทรศัพท์ตกลงพื้นขณะผินใบหน้ากลับไปมองอังคารด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“ขลุ่ย... ขลุ่ยจริง ๆ ใช่ไหม?”
“พี่เสืออย่าปล่อยเพียรไว้คนเดียวนะครับ”
“หมายความว่าไงขลุ่ย
พี่ไม่เข้าใจ” เมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ สัตยาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“ขลุ่ยอยู่ไหน บอกพี่สิขลุ่ย พี่จะไปช่วยขลุ่ยเอง!”
“อย่าลืมนะครับพี่เสือ
ห้ามทิ้งเพียรให้อยู่คนเดียวเด็ดขาด” เพียงออที่อาศัยร่างของอังคารสื่อสารกับสัตยาชั่วคราวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง ๆ ส่งให้ชายหนุ่มที่ตนเฝ้ารักและบูชามาตลอดหลายปีพร้อมกับเตือนสติอีกครั้ง
“ห้ามทิ้งเพียร” สิ้นเสียง อังคารที่เพิ่งพูดจ้อย
ๆ ก็ปล่อยให้คอห้อยพับจนชิดอก
ฝั่งสัตยาที่แม้จะยังสับสนกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่เลิกรา
หากแต่สัญชาตญาณของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษรฎ์ที่ดีกลับสั่งให้ชายหนุ่มคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นเพื่อบอกความต้องการล่าสุดทันที
“แถวนี้มีคลินิกหรือโรงพยาบาลบ้างไหมครับ”
(มีค่ะ
ซอยข้างหลังโรงแรมมีคลินิกรักษาโรคทั่วไปอยู่แห่งหนึ่ง
ขับรถไม่เกินห้านาทีก็ถึงแล้วล่ะค่ะ) แม้หูของผู้กองจะตั้งใจฟังคำแนะนำจากพนักงานโรงแรมอย่างครบถ้วนทุกถ้อยคำ
หากแต่สายตาคู่นั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าซีดเซียวของคนหมดสติเลยสักวินาที “ไปหาหมอแล้วก็รีบฟื้นเร็ว
ๆ นะไอ้หนู ฉันอยากรู้ว่าเมื่อคืนขลุ่ยบอกอะไรกับนายบ้าง”
*****|| TBC ||*****
สำหรับใครที่อารมณ์ค้างจากตอนที่แล้ว
เรามาค้างร่วมกันอีกทีในตอนนี้ดีไหมคะ?
ฮ่า ๆๆๆ (วิ่งหลบรองเท้าอย่างไม่สำนึก)
เอาเป็นว่าตอนนี้เราก็รู้กันแล้วล่ะนะคะว่าความหลังระหว่างสัตยากับขลุ่ยคืออะไร
หลังจากนี้เราก็มาลุ้นกันดีกว่าค่ะว่าคำเตือนของขลุ่ย
จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร
แล้วพี่เสือจะคลี่คลายคดีได้ไหม
หรือจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นอีก?
ถ้าใครอ่านแล้วอยากจะหวีด
หรือระบายอารมณ์ใด ๆ
แนะนำให้ทิ้งข้อความเอาไว้นะคะ
เราสัญญาว่าเราจะคลานเข่ามารับโทษที่เราก่อไว้แน่นอนค่ะ ฮ่า ๆๆ
รักทุก ๆ คนมากค่ะ
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ คนดีของบ่าว
No comments:
Post a Comment