Monday, October 31, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The Special Bonding Vol.1|| 31.10.2016



และแล้ว ตอนพิเศษตอนแรกก็ปรากฏ (หลังจากเงียบหายไปนาน แฮ่!)
จริง ๆ ตั้งใจจะลงเนื้อหาตอนหลัก แต่พอดูวันที่ลงนิยายในปฏิทินแล้ว
ก็อดเอาตอนนี้มาลงให้อ่านกันไม่ได้
ถึงมันจะสั้น แต่เนื้อหากับเข้ากั้นเข้ากันกับบรรยากาศของวันนี้เป็นอย่างดี
หวังว่าทุกคนจะปรานีเราแล้วทำเป็นลืม ๆ เรื่องความยาวไปเลยเนอะ

ก่อนอ่าน รบกวนย้อนอารมณ์กลับเมื่อหลายสิบปีก่อน (ตามท้องเรื่อง)
ขณะที่เหล่าสมุนเลวและรุ่นพี่ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยกันอยู่
นี่คือการฉลองวันเกิดปีแรกของสกล หลังจากได้ครอบครองหมีโพลาร์อย่างเป็นทางการ
ถึงจะสั้นไปหน่อย แต่หวังว่าจะพอทำให้ใคร ๆ หายคิดถึงเหล่าสมุนเลวยุคบุกเบิกไปได้บ้างนะคะ






«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The Special Bonding Vol.1
Halloween, (Say) Hello (to the) World!!




เนื่องจากพวกท่านคือผู้ได้รับคัดเลือกจากสวรรค์ ดังนั้น เวลาหกโมงเย็นของอีกสองวันข้างหน้า
ขอให้พวกท่านจงเร่งเดินทางไปยังชมรมมิติพิศวงเพื่อร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่นานทีปีหนจะจัดขึ้นสักครั้ง

หากพวกท่านขัดขืน ต่อต้าน หลบเลี่ยง หรือแกล้งหลงลืมหมายกำหนดการดังกล่าว
ชีวิตของพวกท่านนับจากวันนี้ จะอับเฉาและพานพบกับความอัปยศอดสูจนไม่อาจสู้หน้าผู้คน
จิตใจของพวกท่านจะสับสน วิปริตผิดเพศ จนพวกท่านอาจถึงแก่ความตายอย่างน่าอะเฟรดภายในเจ็ดวัน สิบสองเดือน

ป.ล. กรุณาส่งจดหมายนี้ต่อไปให้บุคคลที่ท่านรักอีกอย่างน้อยสามสี่ราย
ไม่เช่นนั้น คอนเซปต์ของจดหมายลูกโซ่นี้จะไม่สมบูรณ์
และโปรดทราบว่า อีกสองวันที่จะถึง คือ วันที่ 31 ตุลาคม 25XX
(อุตส่าห์ระบุชัดเสียขนาดนี้ เย็นวันนั้นก็อย่าเที่ยวไปตกปากรับนัดใครแบบสุ่มสี่สุ่มห้าอีกล่ะ!)




“เต๋อ เต๋อพาพวกเรามาที่นี่ทำไม?” สภาพโกโรโกโส รกชัฏใต้แสงแดดวอมแวมช่วงใกล้ค่ำทำเอากังฟูขาสั่นจนต้องแอบขดตัวอยู่ตรงกลางระหว่างร่างหนาของสองหมีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ... ดู ๆ แล้วจุดประสงค์ของการมาเยี่ยมเยือนสถานที่น่ากลัวตรงหน้าอาจไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงที่สุด ความสงสัยที่มีต่อการดำรงอยู่ของชมรมสุดพังก์ห่างไกลความเจริญนี่ต่างหากที่ทำให้กรกฏอดโพล่งประโยคเมื่อครู่ออกมาไม่ได้

“นี่ไงครับสาเหตุ” ตรินว่าพลางยื่นซองจดหมายสีชมพูช็อกกิ้งพิงค์คล้ายซองแต๊ะเอียส่งให้คนรัก

“หืม?! อะไรเหรอเต๋อ?” สีหน้างุนงงของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยดึงดูดความสนใจของด้วงได้อย่างชะงัด คิวท์บอยหนุ่มโน้มตัวลงแนบแก้มกับอริยะตรัยคนพี่พลางกวาดสายตาผ่านใจความในการ์ดใบน้อยด้วยความสนอกสนใจ แต่ก่อนที่หนึ่งในเด็กวิศวะปีสี่จะได้เปิดปากซักไซ้ถึงที่มาที่ไปของบัตรสนเท่ห์ในมือ กลุ่มคนคุ้นเคยก็พากันยกขโยงมาหยุดยืนเกาหัวพร้อมกับทำหน้าหมางงอยู่ตรงที่ว่างข้าง ๆ พวกเขานั่นเอง

“หึ! พวกมึงก็โดนเหมือนกันสินะ” เต๋อแสยะยิ้มเมื่อเห็นเหล่าสมุนเลวมากันพร้อมหน้าแถมแต่ละคนยังถือซองสีชมพูแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ มาเสียอีก

“ครับพี่เต๋อ” ฌานรับคำด้วยรอยยิ้มบาง ๆ พลางโบกซองในมือเพื่อยืนยันความเข้าใจตรงกันอีกคำรบ

เมื่อตระหนักได้ว่ามีสมาชิกอีกสองหน่อตกสำรวจไป รุ่นพี่ร่างหมีจึงไม่อาจมองข้าม “อ้าว! แล้วไอ้สัดกลกับไอ้รินล่ะ?”

“พี่เต๋อไม่คิดว่าเรื่องนี้มีแว่นอยู่เบื้องหลังเหรอครับ?” แฝดพี่เลิกคิ้วมองพลางคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์  

“หึ หึ!” คนฟังหลุดหัวเราะขื่น ๆ ในลำคอก่อนเสริมความ “มิน่าล่ะ ตอนกินข้าวด้วยกันเมื่อวันก่อนไอ้รินมันถึงได้ดูลับ ๆ ล่อ ๆ นัก ที่แท้แม่งก็แอบเอาจดหมายปัญญาอ่อนของเมียมันมาสอดในสมุดสเก็ตกูนี่เอง”

“ว่าแต่ไอ้แนนมันจะเล่นอะไร? ทำไมพวกเราถึงต้องแห่กันมาถึงที่นี่ด้วย?” อารามไม่ไว้ใจสิ่งแวดล้อมน่าสะพรึงโดยรอบอยู่ทุกขณะจิต ความชัดเจนจึงเป็นสิ่งที่กังฟูถามหา

เฮ่ย!” สิ้นเสียงของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัย ประตูชมรมที่เคยปิดงับไว้ก็เปิดผางออกโดยไม่มีใครแตะต้อง จนหนุ่ม ๆ หลายคนหลุดปากร้องอุทานด้วยความตระหนก

แต่ก่อนที่ใครจะวิ่งหนีป่าราบกลับไปปลุกพระประพรมน้ำมนต์นั้น เสียงประกาศคุ้นหูซึ่งดังลอดลำโพงแตก ๆ ก็ได้ทำลายความเงียบปนหลอนเสียราบคาบ “ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเข้าสู่งานเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ประจำปีของชมรมมิติพิศวงในค่ำคืนนี้ครับ”

“หืม?! งานฉลองเหรอ? ชมรมมิติพิศวงเนี่ยนะ?” ด้วงพึมพำพลางมองหน้าคนรักทั้งสองสลับกับเหล่าสมุนเลวที่ได้แต่ยิ้มแหย ๆ อย่างละเหี่ยใจ

“แว่นมันเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำชมรมนี้น่ะครับ มันคงไปล็อบบี้พวกน้อง ๆ จนได้ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานคืนนี้น่ะครับ” ฌานอธิบายสั้น ๆ พลางเสมองไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงบาลีคล้ายมีส่วนได้ส่วนเสียกับเจ้าภาพก็ไม่ปาน

“เอ้า! มัวยืนทอดหุ่ยอะไรกันอยู่ล่ะครับ? งานฉลองน่ะเขาจัดกันด้านใน ถ้าจะปักหลักอยู่ตรงนั้นทั้งคืน ก็เชิญขุดไส้เดือน จับหอยทากกิ้งกือกินกันตามอัธยาศัยแล้วกันนะครับ แต่สำหรับพี่เต๋อ... หญ้าขนมีบริการอยู่ตรงท้ายสโมฯ สัตวบาล คงต้องลำบากพี่เต๋อขับรถไปเคี้ยวเอื้องไกลหน่อยนะครับ”

ไม่ต้องเดาน้ำเสียงให้ลำบาก ลองว่าฝีปากเผ็ดร้อนขนาดนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างก็รู้ได้ในทันทีว่าโฆษกตัวดีคือผู้ใด “ไอ้สัดกล! เดี๋ยวมึงได้โดนกูแน่!” ตรินถลึงตาพลางพูดจาคาดโทษใส่ลำโพง ก่อนจะกระชับฝ่ามือคนรักทั้งสองพร้อมเอ่ยชักชวนด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ไปครับฟู ไปด้วง!

“สรุปว่าจะเข้าไปใช่ไหม?” วิญญูออกหน้าแทนอริยะตรัยคนพี่ เพราะเมื่อประเมินจากความมืดมนเวิ้งว้างของพื้นที่ว่างด้านหลังบานประตูแล้วล่ะก็ เขาบอกได้เลยว่ากังฟูต้องไม่พอใจกับการตบเท้าก้าวเข้าไปด้านในแน่ ๆ

ครับ ถ้าคืนนี้เต๋อไม่ได้เตะไอ้แว่น เต๋อไม่กลับห้อง! เต๋อลั่นวาจาหนักแน่นจนกรกฏพลอยรู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย 

“หึ หึ หึ... งั้นให้ฟูกับด้วงช่วยด้วยแล้วกัน”

“หึ! อย่างตั่วเฮียจะเข้าไปข้างในได้ด้วยเหรอครับ?” บรรยากาศมืด ๆ ทึม ๆ ของชมรมมิติพิศวงทำให้อิ๊กอดนึกถึงคุณสมบัติกลัวผีจนขี้ขึ้นสมองของพี่ชายอดีตแฟนไม่ได้ ไหน ๆ โอกาสงาม ๆ ในการขี่แพะไล่อีกฝ่ายก็มากองอยู่ตรงหน้า มีหรือที่อคิราจะไม่คว้าไว้ “อยู่จับนกจับหนูท่อแถวนี้กินไม่ดีกว่าเหรอ? เดี๋ยวกลับไปก็กลัวผีจนเดือดร้อนพี่เต๋อพี่ด้วงต้องผลัดกันตบก้นเห่กล่อมจนไม่เป็นอันหลับอันนอนกันหมดพอดี” หนุ่มบริหารยกยิ้มมุมปากพลางยักไหล่เยาะเย้ยรุ่นพี่ต่างคณะอย่างสะใจเหลือคณานับ

ไอ้สัดอิ๊ก เดี๋ยวกูลัดคิวเจิมเหง้าหน้ามึงก่อนไอ้เหี้ยแนนเลยดีไหม?!

โอ๊ย! เหม็นน้ำลาย! อดีตเดือนบริหารปรายตามองเหยียดหยามกรกฏอย่างไม่เห็นหัว “ถ้าทำได้แค่พูดปาว ๆ ก็เอาเวลาไปเห่าใบไม้เล่นไม่ดีกว่าเหรอครับตั่วเฮีย” เจ้าของประโยคบีบจมูกแถมทำหน้าทำตารังเกียจอีกฝ่ายราวกับไม่อาจทนสูดดมอากาศร่วมกันได้อย่างไรอย่างนั้น

หนอย! ไอ้เหี้ยอิ๊ก ปากดีนักนะมึง!” ถ้าไม่ติดว่าตรินกับวิญญูช่วยกันรั้งตัวเอาไว้ ป่านนี้กังฟูคงได้กระโจนเข้าตะกุยหน้าคู่กรณีจนเยินไปแล้วแน่ ๆ ฝ่ายฌอนที่เห็นท่าไม่ดี ก็รีบปิดปากพร้อมกับสวมกอดคนรักเอาไว้แน่น

“พวกเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะเต๋อ” ด้วงรวบรัดพร้อมกับฉุดอริยะตรัยคนพี่ให้เดินตามเขาและหนุ่มร่างหมีเข้าข้างในไปโดยพลัน

“ไป! เข้าข้างในกันเถอะพวกเรา! เดี๋ยวแว่นมันจะไม่เหลือใครให้คอยช่วยโทรเรียกรถพยาบาล”

“อ้าว! แล้วพี่รินล่ะครับพี่ฌาน?” เก็กโพล่งขึ้นด้วยความสับสน... แปลว่าคืนนี้พี่รินจะปล่อยให้สกลถึงแก่ความตายเพราะทนพิษสหบาทาไม่ไหวโดยไม่มาดูดำดูดีเลยน่ะเหรอ?

“หึ! ถ้ารายนั้นออกมาเซอร์ไพรส์แฟนทันก่อนแว่นจะโดนบ้านพี่เต๋อตื้บล่ะก็นะ” ร่างทรงหนุ่มว่ายิ้ม ๆ  พลางเดินนำหน้าทุกคนเข้าสู่ใจกลางความมืดมิดอย่างไม่ลังเล




“ฮี่โธ่ไอ้อิ๊ก มึงเองหรือเปล่าที่ตาขาวไม่กล้าเข้ามา”  พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเปิดฉากแดกดันข้ามฟากโต๊ะทันทีที่ความครึกครื้นของงานเลี้ยงคืนนี้เป็นที่ประจักษ์ “ข้างในนี้ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน เด็กชมรมไอ้แนนออกจะเยอะแยะ” กังฟูพยักเพยิดนำสายตาคู่กรณีไปยังเหล่าสมาชิกชมรมที่เดินว่อนไปมารอบ ๆ โต๊ะจนแทบไม่มีที่ว่าง

“ชิส์!” นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่อคิราจนคำพูด ก็จริงอย่างที่ไอ้ตั่วเฮียมันว่า งานสังสรรค์นี่มีแขกเหรื่อหนาตาเกินกว่าที่เขาประเมินไปมาก แต่ถึงแม้จะมีผู้คนจับจองพื้นที่กันแน่นขนัด ความรู้สึกอึดอัดระคนพะวงแปลก ๆ ก็ทำให้ชายหนุ่มนั่งได้ไม่เต็มก้นสักเท่าไร

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าชมรมพิศวงจะมีสมาชิกเยอะขนาดนี้” คิวท์บอยเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งประหลาดใจ กึ่งชื่นชมในความยิ่งใหญ่ของชมรมที่แทบไม่มีใครพูดถึง

“นั่นสิครับพี่ด้วง ดูข้างนอกออกจะซอมซ่อแท้ ๆ ” ไม่ใช่แค่เออออห่อหมกไปเรื่อยเปื่อย หากแต่ธันวายังออกความเห็นเสนอแนะเสร็จสรรพ “นี่ถ้าเรี่ยไรเงินสมาชิกกันสักคนละร้อยสองร้อย ผมว่าห้องชมรมคงนิ้งกว่านี้เยอะเลยนะครับ”

ยิ่งได้ฟังถ้อยคำสรรเสริญเยินยอของบรรดาเพื่อน ๆ พี่ ๆ นานเท่าไร ฝาแฝดมากบารมีทั้งสองก็ลอบมองหน้ากันด้วยสายตายุ่งยากใจมากขึ้นเท่านั้น แต่แม้จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ฌานกับฌอนกลับทำได้แค่นั่งคลี่ยิ้มบาง ๆ พลางเต๊ะท่าเป็นปกติเพราะไม่อยากพูดอะไรให้ไก่ตื่น... ทว่าอนิจจา คนที่ไม่รู้ หรือดูไม่เห็นฉันใด ย่อมนำพาซึ่งความน่าหนักใจมาสู่ผู้มีดวงตาลึกล้ำฉันนั้น

“พี่ฌาน ฌอน เดี๋ยวผมจะไปตักอาหารตรงโน้น เอาอะไรไหมครับ?” บ๊วยเสนอตัวด้วยความปรารถนาดี แต่แฝดพี่กลับปฏิเสธด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักอย่างทันทีทันใด

“อย่าเลยบ๊วย พี่ฌานว่าพวกเรารอกินโต๊ะจีนทีเดียวจะดีกว่า” แฝดพี่ละล่ำละลักด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ทำไมล่ะพี่ฌาน? อิ๊กเห็นขนมไทยตรงโน้นดูน่ากินออกนะ” อคิราผู้หมายตาขนมทองทั้งตระกูลโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงขัดใจ

“ทุกคนครับ ผมแนะนำว่าให้ทุกคนกินอาหารที่เสิร์ฟบนโต๊ะนี้อย่างเดียวนะครับ อย่าไปตักอาหารบุฟเฟ่ต์กินเป็นอันขาด” เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ร่างทรงหนุ่มจึงรีบประกาศแทรกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดจริงจังเพื่อให้สมาชิกทั้งโต๊ะรับทราบโดยทั่วกัน

“อ้าว! ไหงงั้นล่ะไอ้ตัวบอส?! มึงห้ามพวกกูทำไม?” ตรินเริ่มยั้วกับความไม่มีเหตุผลของรุ่นน้อง ฌอนจึงออกรับแทนพี่ชายด้วยคำอธิบายที่เข้าใจง่ายกว่าความจริง

“ก็พวกเราไม่ได้จ่ายค่าหัวบุฟเฟ่ต์ล่วงหน้านี่ครับพี่เต๋อ เดี๋ยวคนจัดงานเขาจะว่าเอาได้”

“ใช่ครับ อีกอย่าง สำหรับแขกที่นั่งโต๊ะ เขาจะเสิร์ฟอาหารกับเครื่องดื่มให้เป็นพิเศษอยู่แล้วล่ะครับ” จังหวะที่แฝดพี่เสริมความก็พอดีกับที่พนักงานวางออเดิร์ฟจานใหญ่พร้อมด้วยเครื่องดื่มครบชุดลงตรงหน้าพวกเขาทั้งหมด สีสัน ควันกรุ่น กับกลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอ อีกทั้งปริมาณอันมากมายของอาหารกินเล่นในจานทำให้ทุก ๆ คนต่างพากันหลงลืมเรื่องอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์ไปในพริบตา

“เออ ว่าแต่ ใครมันเป็นคนคิดธีมงานวันนี้วะ? อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้แนน” กรกฏตั้งข้อสังเกตขณะเคี้ยวอาหารหนุบหนับ

“ทำไมเหรอครับเฮีย?” ประโยคของพี่ชายคนรักทำเอาลูกแม่บัวกวาดตามองผู้คนรอบห้องอย่างสนอกสนใจ

“ก็ดูแต่ละคนสิ แต่งตัวธรรมดา ๆ เหมือนพวกเราที่ไหน”

“นั่นสิ” บรรยากาศทึม ๆ กับริ้วความเย็นเยียบชวนขนหัวลุกส่งเสริมให้อิ๊กร่วมสุมหัวเม้ากับอีกสองหนุ่มทั้ง ๆ ที่เกลียดอริยะตรัยคนโตยิ่งกว่าอะไร “โน่น ๆ เห็นผู้ชายคนนั้นไหม อย่างกับพวกนักรบในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ เช้าวันเสาร์อาทิตย์ยังไงยังงั้น” อคิราว่าพลางชี้นิ้วนำสายตาเพื่อนร่วมวงสนทนาให้มองตามชายฉกรรจ์หน้าตาดุดัน ผิวสีบ่มแดดที่สวมใส่เพียงเสื้อกั๊กลงอาคมกับโจงกระเบนเท่านั้น

“ไอ้แนนนี่ก็เหลือเกินจริง ๆ จัดงานแฟนซีก็ไม่บอก ดูสิ พวกเราเลยดูเสล่อกันไปหมด” กังฟูบ่นหงุงหงิงด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก แต่อริเก่าแก่กลับไม่ละวางปล่อยผ่าน

“แหม ทำมาเป็นพูดดี ที่แท้ก็อยากแต่งคอสเพลย์” อคิราแซะรุ่นพี่ด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “หึ! ติดใจชุดสาวน้อยเข้าหรือไงครับตั่วเฮีย ผมเห็นนะว่าเมื่อกี๊ตัวเฮียมองเกอิชาคนนั้นไม่วางตาเชียว”

“แดก ๆ เข้าไปเลยมึง ปากจะได้ไม่ว่าง!” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจัดแจงยัดหอยจ้อลูกโตเข้าปากคู่อาฆาตด้วยความไวแสงจนอีกฝ่ายน้ำหูน้ำตาไหลพูดอะไรไม่ออกไปหลายนาที

“ผมขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุก ๆ ท่านเข้าสู่ช่วงพิธีการของงานฉลองคืนนี้อย่างเป็นทางการเลยนะครับ” ที่สุดแล้ว สกลก็ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางแสงไฟสป็อตไลท์ที่ส่องตรงไปยังใจกลางเวทียกพื้นเตี้ย ๆ ด้านหน้าห้อง “หลาย ๆ ท่านอาจสงสัยว่างานในวันนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุผลกลใด กระผม ในฐานะเจ้าภาพขอแจ้งให้ทุกคนทราบว่า งานคืนนี้ คืองานวันเกิดของตัวกระผมเอง โฮะ ๆๆๆ ”

โห่!” เสียงตอบรับดังแซ่ซ้องมาจากโต๊ะของเหล่าสมุนเลวและรุ่นพี่โดยพร้อมเพรียงกันจนผู้ดำเนินรายการพ่วงตำแหน่งเจ้าภาพถึงกับต้องโบกมือโบกไม้ให้แฟน ๆ แทบไม่ทัน  

“ผมรู้ครับผมรู้ว่าผมเป็นคนสำคัญ ไม่ต้องโห่ร้องสรรเสริญผมดังขนาดนั้นก็ได้ ผมเข้าใจดี”

“แล้วนั่นมึงแต่งชุดบ้าอะไรของมึงกันครับ ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงไอ้เจ้าของวันเกิด?” สภาพหนุ่มแว่นในชุดสาวน้อยเซเลอร์มูนคือต้นเหตุของเสียงตะโกนแซวของรุ่นพี่ร่างหมีที่ไม่อาจทนมองอีกฝ่ายติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ได้ ทว่าหลานอาม่าใหญ่กลับมิได้นำพาแม้สักกระผีก

“แหม่ ความอิจฉานี่มันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ แค่เห็นน้องแต่งหญิงนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ตัวซี้ตัวสั่นอยากจะแต่งกันมั่งใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวไว้ปีหน้าผมจะบอกอาเจ็กให้ส่งชุดมาให้พวกพี่ ๆ ได้แต่งเล่นเป็นเพื่อนกันนะครับ” คนเห็นผีพูดคล่องปร๋ออย่างต่อเนื่องและไม่เว้นช่องไฟให้ใครได้เอ่ยแทรก “แน่นอนว่า เมื่องานเฉลิมฉลองสุดอลังการเช่นนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดให้แก่คนไฮโปรไฟล์อย่างผม ผมก็ย่อมต้องมีกิจกรรมน่าสนใจมาให้ท่านผู้มีเกียรติทุก ๆ ท่านได้ร่วมสนุกสนานกันอย่างแน่นอน” สกลขยิบตาพลางทำท่าวาดแขนกางขาเลียนแบบอัศวินจันทราพลางอธิบายหมายกำหนดการของค่ำคืนโดยไม่สนท่าทางคัดค้านของผู้ใด

“ไม่เอาเว่ย! วันนี้พวกกูมาแดก แดกเสร็จแล้วก็จะกลับ!” และแล้ว กรกฏก็ประกาศจุดยืนเป็นคนแรก

“ฮื่อ อย่าพูดจาสามหาวใส่เจ้าภาพแบบนี้สิครับเฮียฟู ไหน ๆ ก็มากินของเขาฟรี ๆ แล้ว เฮียก็ต้องหัดทำตัวมีประโยชน์ตอบแทนเจ้าภาพบ้าง ความกตัญญูน่ะรู้จักไหมเอ่ย?”

ด้วยความที่รักและเทิดทูนเมียยิ่งกว่าสิ่งใด เต๋อจึงไม่อาจปล่อยให้รุ่นน้องหัวไข่ลามปามพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยโดยไม่โต้ตอบ “ไป! งั้นพวกเรากลับกันเถอะ!” ทันทีที่หัวหน้าครอบครัวสละเรือ หนุ่มวิศวะทั้งสองก็ผุดลุกขึ้นยืนตามโดยแทบจะพร้อมเพรียงกัน

เฮ่ย! อย่าเพิ่งดิครับพี่เต๋อ พี่ด้วง เฮียฟู!!” คนเห็นผีตาลีตาเหลือกกระเสือกกระสนลงจากเวทีมายืนดักหน้ารุ่นพี่ทั้งสามพลางอ้อนวอนและสารภาพความในใจด้วยท่าทางน่าเวทนา “อย่างน้อย ๆ ก็อยู่ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้ผมเป่าเค้กก่อนก็ยังดี! นะ ๆ ผมอยากฉลองวันเกิดพร้อมหน้าพร้อมตากับทุกคนน่ะครับ”

“งั้นก็เป่าเค้กเลยแล้วกัน พวกกูจะได้ไม่เสียเวลา!

“โห ทีตอนเฮียยังไม่ได้กับพี่เต๋อพี่ด้วง น้องรึก็อุตส่าห์ช่วยเหลือเป็นกาวใจให้ พอถึงทีน้องมั่ง แค่จะร้องเพลงวันเกิดให้น้องนิด ๆ หน่อย ๆ เฮียก็ดีแต่พูดจาพล่อย ๆ ราวกับคนไม่มีสัมมาคารวะเข้าเสียอีก จุด ๆ นี้ น้องชีช้ำระกำใจมากนะครับบอกเลย!” สกลบ่นใส่หน้ากรกฏผู้โหดร้ายโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอย่างตรินหรือวิญญูเลยสักนิด

ได้ยินดังนั้น เต๋อจึงพูดลอย ๆ กับลมกับฟ้าราวกับรู้ว่ามีใครอีกคนกำลังแอบฟังอยู่อย่างตั้งใจ “เอ้า! ไอ้แนนมันเสียใจแล้ว ใครก็ได้ช่วยออกมาปลอบมันหน่อยดิ้!” ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศของหนุ่มร่างหมี แสงไฟสลัว ๆ  ที่ให้ความสว่างของทั้งห้องก็ดับลงราวกับรู้คิว

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทู้ยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทู้ยู...” ต้นเสียงเพลงสุขสันต์วันเกิดดังขึ้นพร้อม ๆ กับการปรากฏกายของสารินและเค้กวันเกิดขนาดใหญ่ที่จุดเทียนมาแล้วพร้อมสรรพ ไม่ใช่แค่เพราะคนรักที่แต่งตัวเป็นหน้ากากทักซิโด้หอบเค้กออกมาเซอร์ไพรส์อย่างเดียว หากแต่เป็นเพราะทุก ๆ คนที่เขารักต่างพากันร้องเพลงดังกล่าวอย่างเต็มอกเต็มใจ น้ำตาแห่งความตื้นตันของเจ้าของวันเกิดจึงไหลคลอหน่วยอย่างช่วยไม่ได้

“อธิษฐานก่อนนะครับเซเลอร์มูน แล้วค่อยเป่าเทียน” สารินเอ่ยแซวคนรักด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลจนอีกฝ่ายคลี่ยิ้มจนตาเป็นขีด จากนั้นหลานอาม่าใหญ่จึงรีบหลับตาพลางอธิษฐานอย่างตั้งอกตั้งใจเป็นที่สุด

“ขอให้คืนนี้ได้สนทนาธรรมกับหน้ากากทักซิโด้จนถึงเช้า” ด้วยกลัวว่าห้องจะเงียบเกินไป เก็กจึงทำเสียงเล็กเสียงน้อยพากย์ประกอบเพื่อแซวเพื่อนหน้าแว่น

“ขอให้หน้ากากทักซิโด้ยกพลขึ้นบกทั้ง ๆ ที่ยังแต่งตัวเต็มยศ” ฌอนรับช่วงต่อจากสหายสนิทอย่างลื่นไหลจนคนโดนพาดพิงอย่างสกลกับสารินถึงกับหลุดหัวเราะคิก จากนั้นไม่นาน หลานอาม่าใหญ่ก็เป่าเทียนทุกเล่มจนหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อความมืดเข้าปกคลุม บรรยากาศหนาวเหน็บราวกับขั้วโลกก็แผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วทุกตารางนิ้วจนกรกฏอดโพล่งขึ้นไม่ได้

“เฮ้ยพวกมึง ไปเปิดไฟดิ้ แล้วก็เลยไปปรับแอร์ด้วย หนาวฉิบหาย! รอบนี้ไม่ใช่แค่หนุ่มวิศวะร่างเล็กคนเดียวเท่านั้นที่กระถดตัวเข้าอิงแอบคนรักของตน หากแต่คนมีพันธะอีกสองคู่ก็คว้าตัวแฟนมากอดเพื่อเพิ่มความอบอุ่นใจทันที ในที่นี้ หมายถึงอคิรา และธันวาขาลักกินขโมยกินไม่เลือกที่

“เดี๋ยวผมไปเองครับ” ฌานอาสาทันทีก่อนจะหายหน้าไปพักหนึ่ง

ขณะนับถอยหลังรอให้ระบบไฟฟ้ากลับมาทำงานตามปกติอีกครั้งอย่างจดจ่อ เหล่าหนุ่ม ๆ ก็อดรู้สึกตะครั่นตะครอหนาว ๆ ร้อน ๆ ไม่ได้ ทว่าภายหลังจากที่หายหน้าไปเพียงอึดใจเดียว แฝดพี่ก็เดินกลับมาพร้อมกับเสนอทางเลือกอื่นที่น่าสนใจกว่าสำหรับใครหลาย ๆ คน “ท่าทางแอร์กับไฟจะเสียกะทันหันน่ะครับ ผมถามเจ้าหน้าที่ข้างหลังแล้ว ทางนั้นบอกว่าน่าจะใช้เวลาซ่อมอีกพักใหญ่ ๆ ผมว่าพวกเราออกไปหาอะไรกินกันที่อื่นดีกว่าไหมครับ จะได้ฉลองวันเกิดให้แว่นกันแบบจริง ๆ จัง ๆ เสียที” ฌานจำใจพูดปดเนื่องจากเห็นท่าไม่ดี ขืนพวกเขายังคงปักหลักอยู่ที่นี่ ไม่ใครก็ใครเป็นต้องได้เห็นการแสดงแสงสีเสียงสุดตระการตาจากแขกเหรื่อแปลกหน้าจนจับไข้ไปก่อนแน่ ๆ

“เฮ่ย! แต่พวกเรายังกินออเดิร์ฟไม่หมดเลยนะครับพี่ฌาน ผมเสียดายอ่ะ” ธันวาผู้ไม่ดูตาม้าตาเรือทัดทานคำชวนของหัวหน้ากลุ่มด้วยความหิวยังไม่บรรเทา จนฌอนต้องรีบแซะเพื่อดึงสติเพื่อนรัก
“มึงอย่าเพิ่งห่วงแดกดิวะหล่อ!
“ก็มันอร่อยนี่หว่า!
“ไปกินข้างนอกเถอะนะ พี่ฌานขอร้อง” แฝดพี่พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบพลางส่งสายตาอ้อนวอนรุ่นพี่ให้ช่วยปิดการขายก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะบานปลายไปยิ่งกว่านี้

“เออ ๆ ไป ๆ เดี๋ยวกูเลี้ยงหมูกะทะหน้ามอเอง” ประโยคคัดค้านของน้องเมียมีอันต้องตกไปหลังจากเต๋อตัดสินใจรวบตึงสถานการณ์ตรงหน้าด้วยไม่อยากปล่อยให้กรกฏต้องหวาดกลัวไปมากกว่านี้

ทันทีที่สิ้นคำเต๋อ ทุก ๆ คนก็ทำหน้าปีติราวกับเพิ่งประจักษ์ชัดถึงแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์เป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น ทั้งหมดพากันเดินออกจากห้องดังกล่าวโดยไม่ต้องให้พูดซ้ำสอง แต่ก่อนที่สกลจะงับบานประตูชมรมปิดลง ชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มพลางเอ่ยทิ้งท้ายกับความมืดมนอนธการภายในห้องอยู่ในใจ

ขอให้ทุกคนฉลองวันปล่อยผีกันอย่างมีความสุขนะครับ คำอวยพรของหลานอาม่าใหญ่นำพารอยยิ้มมาสู่ใบหน้าโปร่งใสเรืองแสงของบรรดาวิญญาณนับร้อยที่มารวมตัวกันเพื่อร่วมกินดื่ม สังสรรค์ในคืนวันปล่อยผีที่จะจัดขึ้นแค่ปีละครั้ง ณ ชมรมมิติพิศวงของมหาวิทยาลัยภายใต้การสนับสนุนของที่ปรึกษากิตติมศักดิ์อย่างนายสกล คนเห็นผีผู้นี้นี่เอง!




 «»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»




No comments:

Post a Comment