Monday, October 10, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 36th Bonding|| 10.10.2015

เรากลับมาแล้วค่ะทุกคน!
แม้ตอนนี้จะสั้นสักหน่อย แต่อัดแน่นไปด้วยความคิดถึงของเรานะคะ
(ไม่เกี่ยวแต่อยากบอก อิอิ) รักชอบประการใด ฝากข้อความแทนใจเอาไว้หน่อยเน้อ ^^





«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The 36th Bonding
กฏเหล็กสามประการของท่านพ่อตา!!




“แด๊ด” ท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ กับสีหน้าตาตื่นตระหนกของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยที่เพิ่งกลับจากห้องนอนของเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสามทำให้วิญญูที่กำลังจัดเตรียมชุดทำงานให้ทั้งตัวเองและตรินอดประหลาดใจไม่ได้

“หืม?! มีอะไรเหรอครับฟู?”

“มานี่เร็ว!” กังฟูพยักหน้าพร้อมกวักมือเรียกคนรักหน้าหยกโดยไม่ละสายตาจากประตูห้องน้ำสักวินาที ด้วงปราดเข้าไปหาอริยะตรัยผู้พี่ทันทีด้วยไม่สบายใจกับท่าทีละล้าละลังเลิกลั่กระวังหลังของอีกฝ่าย

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

กรกฏไม่เผื่อเวลาให้อดีตคิวท์บอยได้ปริวิตก ชายหนุ่มก้าวฉับ ๆ นำหน้าแดดดี๊ของฝาแฝดออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็วพลางซักไซ้ “ป๋าอาบน้ำอยู่ใช่ไหม?”

แม้จะยังไม่รู้เหนือรู้ใต้ แต่บรรยากาศตึงเครียดรอบ ๆ ตัวกรกฏทำให้วิญญูเร่งฝีเท้าแล้วเดินตีคู่เคียงข้าง “ครับ ฟูถามทำไมเหรอ?”

“เมื่อกี๊ตอนฟูเข้าไปปลุกลูก ๆ ฟูไม่เห็นพลับอยู่ในห้อง”

ทันทีที่ได้ร่วมรับรู้สถานการณ์ปัจจุบันทันด่วน คุณพ่อหน้าหยกก็อดสติแตกไม่ได้  “หืม?! หมายความว่าไงครับฟู? ลูกเราจะหายไปไหนได้... ก็เมื่อคืนฟูส่งลูกเข้านอนพร้อมกันไม่ใช่เหรอ?! แล้วนี่ฟูกำลังจะไปไหน? พวกเราจะไม่ตามหาลูกกันเหรอครับ?” วิญญูยิ่งลุกลี้ลุกลนเมื่อเห็นว่าทิศทางที่คนรักร่างเล็กกำลังมุ่งหน้าไปนั้น คือ อีกปีกหนึ่งของบ้าน... นี่มันอะไรกัน?! เรื่องฌานเมื่อคืนยังไม่ทันคลี่คลายแท้ ๆ !

“ก็นี่ไง! ฟูกำลังจะพาแด๊ดไปหาลูกคนเล็กของพวกเราอยู่นี่ไงล่ะ”

“หืม?!” ยังไม่ทันที่คุณพ่อหน้าหยกจะได้อ้าปากถาม กรกฏก็ตั้งท่าเคาะประตูห้องนอนแขกที่ตนเพิ่งส่งรุ่นน้องต่างคณะเข้านอนไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทว่าจังหวะที่กำปั้นกำลังจะกระทบลงบนบานไม้ ประตูก็ถูกเปิดจากด้านในโดยอาคันตุกะผู้ไม่ได้รับการเชื้อเชิญจากเจ้าบ้านร่างหมี

“เพิ่งตื่นครับเฮีย” ฌานอธิบายขณะอุ้มเด็กน้อยซึ่งนอนอิงพิงซีกหน้าซบแผ่นอกแน่นพลางมองจ้องหน้าบิดาบังเกิดเกล้าทั้งสองด้วยสายตาออดอ้อน “ขอผมอุ้มพลับไปส่งที่ห้องให้แล้วกันครับ” เจ้าตัวเล็กพยักหน้าสนับสนุนคำแฝดพี่พลางคลี่ยิ้มหวานหยดย้อยให้ผู้เป็นพ่อจนกรกฏอดใจอ่อนไม่ได้

“อืม”

สิ้นเสียงผู้บัญชาการสูงสุด ทั้งหมดก็เดินขบวนกลับไปยังห้องนอนฝั่งตรงข้ามห้องนอนเจ้าบ้านทั้งสามทันที วิญญูจึงอาศัยจังหวะนี้สอบสวนชายหนุ่มรุ่นน้องด้วยความร้อนใจ “พลับไปนอนกับฌานได้ยังไง?”

“เรื่องนี้ผมก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันครับพี่ด้วง ผมรู้แค่ว่า หลังจากนอนไปได้สักพัก ผมก็ได้ยินเสียงเคาะประตู พอเปิดออกไป ผมก็เห็นตัวเล็กยืนหลับตารออยู่หน้าห้องแล้ว”

คำตอบของแฝดพี่ทำเอาคิวท์บอยยิ่งสงสัยหนักข้อไปกันใหญ่ หากแต่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยกลับแทรกขึ้นก่อนที่บทสนทนาจะยืดเยื้อจนบานปลาย “แด๊ด”

“ครับฟู?”

“อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับป๋านะ” กรกฏกำชับคนรักหน้าหยกพลางช้อนร่างบุตรชายคนสุดท้องมาอุ้มเอาไว้ ก่อนจะสั่งฌานด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หากแต่เด็ดขาด “ส่วนนาย... รีบไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย มื้อเช้าตั้งโต๊ะตอนเจ็ดโมงตรง ห้ามสายเด็ดขาด ป๋าไม่ชอบพวกอ้อยอิ่ง”

“ครับเฮียฟู” สายตาละห้อยหาของฝาแฝดคนที่สามทำเอาร่างทรงหนุ่มหน้าจ๋อย แต่เมื่อเหลือบไปเห็นคุณพ่อทั้งสองตีหน้ายักษ์พลางจ้องตนด้วยสายตาดุ ๆ อดีตเด็กสถาปัตย์ก็ต้องถอยทัพไปตามคำสั่งของผู้มากอาวุโสกว่าอย่างเสียไม่ได้




“เดี๋ยวหนู!... นี่มันอะไร?!” เต๋อโวยวายทันทีที่เห็นสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมนั่งปะปนอยู่กับสมาชิกในครอบครัว ที่สำคัญ มันยังมีหน้านั่งประกบลูกชายคนเล็กของเขาเสียด้วย

“ป๋านั่งก่อนครับ ลูก ๆ รอกินข้าวอยู่” กรกฏว่าพลางฉุดข้อมือคนรักหน้าคมให้นั่งประจำที่ ทว่าตรินกลับปักหลักยืนจังก้าทำหน้าเป็นจวักใส่ร่างทรงหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย

Good morning Pappy!” เด็กชายพลับทักทายบิดาด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนที่แฝดอีกสองคนจะโก่งคอตะเบ็งประสานแจ้ว ๆ ในอีกชั่วอึดใจ
Morning!

แม้ภายในอกจะร้อนรุ่มดั่งสุมไฟ ทว่าสีหน้าและท่าทางกระตือรือล้นแกมยินดีของลูก ๆ ทำให้ชายหนุ่มร่างหมีไม่อาจละเลยกิจวัตรประจำวันไปได้ “Morning kiddos. How’re you doing?

ฝาแฝดคนโตเชิดหน้าตอบแทนน้อง ๆ อย่างเสียงดังฟังชัด “Super duper great!  ดีคับ ดีฉวดยอด! How about you?

I’m doing just fine, thank you kid. ป๋าก็สบายดีลูก ขอบคุณที่ถามนะครับ”

Why don’t you sit down, Pappy? Come on! Sit! Let’s have breakfast!” ปภพคะยั้นคะยอป๊ะป๋าด้วยภาษาที่สองอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะทอดเสียงออดอ้อนตบท้ายเพราะอยากให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อนเร็ว ๆ “Pappy, please!!

ที่สุดแล้ว ผู้บัญชาการสูงสุดก็ไม่อาจปล่อยปละละเลยสถานการณ์สุดยึกยักตรงหน้าให้กินเวลาต่อเนื่องได้อีก “ป๋า... นั่งเถอะครับ เดี๋ยวลูก ๆ ก็ไปโรงเรียนสายกันพอดี” กังฟูพยักเพยิดนำสายตาเต๋อให้มองใบหน้าเว้าวอนของเหล่าลูก ๆ ที่เอาแต่จับจ้องป๊ะป๋าเป็นตาเดียว

ตรินถอนหายใจหนักขณะลดตัวลงนั่งลงตรงหัวโต๊ะโดยไม่ลืมแขวะแขกไม่ได้รับเชิญซึ่งครองเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตนอย่างโกรธเกรี้ยว “ป๋าจำได้ว่าป๋าไม่ได้ชวนมันกินข้าวด้วยนะหนู”

“เช้านี้มีอเมริกันเบรคฟาสต์ กับข้าวต้ม... ป๋ากินข้าวต้มแล้วกันนะครับ ฟูลุกขึ้นมาเตรียมให้ป๋าเองกับมือเลยนะ” กังฟูฉอเลาะเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดพลางพยักหน้าให้แม่บ้านยกถ้วยข้าวต้มวางลงตรงหน้าท่านรอง ฯ ร่างหมีแทบจะทันควัน

ท่าทีไม่อินังขังขอบของคนรักร่างเล็กกับบรรยากาศแสนสุขของครอบครัวหรรษาทั้งที่มีไอ้โรคจิตนั่งปะปนอยู่ทนโท่ทำให้เต๋อใกล้บ้าเข้าไปทุกที “หนู... ทำไมไม่ไล่มันไปให้พ้น ๆ เสียที? ป๋าไม่อยากเห็นหน้ามัน!

“ป๋า กินข้าวก่อนเถอะครับ เรื่องอื่นไว้คุยกันทีหลัง” กรกฏเอ่ยพลางเลื่อนถ้วยข้าวต้มพร้อมยื่นช้อนให้ประมุขของบ้านด้วยสีหน้าจริงจัง

แม้จะไม่เข้าใจเจตนาของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัย แต่เพราะรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี อดีตเด็กเต็กจึงยอมลงให้คนรักโดยไม่งอแง แต่ก็ใช่ว่าจะยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านเลยไปง่าย ๆ  “ป๋าต้องการฟังเหตุผลของหนู และป๋ารอไม่ได้!

“กลางวันนี้แด๊ดกับป๋าติดอะไรหรือเปล่าล่ะครับ?”

“ไม่” ตรินตอบฉุน ๆ และยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่เมื่อหันไปเห็นแฝดพี่กำลังเป่าข้าวต้มให้ลูกชายคนเล็กของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนด้วงที่เปิดมือถือขึ้นเช็กตารางงานของทั้งวันก็ส่ายหัวให้กรกฏแทนเอ่ยคำ

“ดีครับ งั้นกลางวันนี้ฟูจะแวะไปกินข้าวด้วยนะ... เดี๋ยวฟูไลน์ไปบอกร้านอีกที ป๋ากับแด๊ดโอเคไหม?”

“อืม” หนุ่มร่างหมีรับคำคนรักพลางนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อข่มใจ ฝ่ายกังฟูก็หยอดคำหวานเอาใจคนรักหน้าคมโดยไม่รอช้า

“สรุปว่าข้าวต้มอร่อยไหมครับ?”

ความพยายามของกังฟูถึงคราวเป็นหมันเมื่อภาพของรุ่นน้องขณะป้อนข้าวต้มให้บุตรคนสุดท้องปรากฏขึ้นกลางกรอบสายตาท่านรอง ฯ แบบจัง ๆ “ถ้ามันไม่นั่งอยู่ด้วย ข้าวต้มคงอร่อยกว่านี้มาก” เต๋อเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างดุเดือดโดยภาวนาให้ไอ้แฝดพี่โรคจิตมีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวัน

“ฟูบอกป๋าว่ายังไงครับ?” อริยะตรัยคนโตรีบบีบนวดฝ่ามือคนรักเพื่อห้ามปราม ทว่าความโกรธที่ไต่ระดับขึ้นอย่างบ้าระห่ำทำให้เต๋อโพล่งความในใจถึงฌานอย่างเผ็ดร้อน  

“กินเสร็จแล้วก็รีบ ๆ ไสหัวไป... แล้วถ้ายังคิดไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน!

“ไฉหัวไป ไฉหัวไป!” ค่าที่ไม่รู้ประสา เด็กชายพลายจึงทำท่าเลียนแบบป๊ะป๋าใส่น้องคนรองด้วยความคึกคะนองจนวิญญูต้องออกปากร้องขอคนรักหน้าคมด้วยอีกคน

“ป๋า ระวังคำพูดหน่อยสิครับ”

“ฮึ!” ต่อให้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองมากแค่ไหน แต่ทิฐิกลับบังคับให้ตรินนั่งก้มหน้ากินข้าวเช้าต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าตัวก็คว้ากระเป๋าพลางสั่งความอำลาครอบครัวอย่างรวดเร็ว “See you tonight kiddos, I do love you all. ป๋าไปทำงานก่อนนะ เจอกันกลางวันนี้” เต๋อกดจูบหนัก ๆ ลงบนแก้มนวลของอีกสองหนุ่มหลังจากฝากรอยรักบนหน้าผากของลูก ๆ เป็นที่เรียบร้อย จากนั้นจึงปรายหางตามองฌานหัวจรดเท้าอย่างชังน้ำหน้า แล้วจึงก้าวฉับ ๆ ออกจากบ้านไป

“ออยครับ... วิ่งเอากาแฟกับแซนวิชในถุงที่ผมเตรียมไว้ไปให้คุณเต๋อที บอกว่าผมทำเผื่อเอาไว้ให้เขากินระหว่างรถติด” กรกฏสั่งความกับแม่บ้านเร็วจี๋เพราะรู้ดีว่าข้าวต้มเพียงครึ่งชามไม่น่าจะทำให้เต๋ออิ่มได้ คนฟังพยักหน้ารับคำก่อนจะวิ่งหน้าตั้งตามเจ้านายร่างหมีโดยไม่ลืมหยิบถุงผ้าหนึ่งใบติดมือไปพร้อมกัน

“เฮียฟู พี่ด้วง... ผมขอโทษนะครับ” ร่างทรงหนุ่มอ้อมแอ้มพลางยกมือไหว้ขอโทษรุ่นพี่ทั้งสองด้วยความรู้สึกผิด กระนั้นกังฟูกลับโบกมือไล่พร้อมกับตัดบทอย่างเฉียบขาด

“รีบ ๆ กินเถอะ เดี๋ยวเด็ก ๆ ก็ไปโรงเรียนสายกันพอดี” กรกฏถลึงตาใส่ผู้ใหญ่ซึ่งมีศักดิ์เป็นรุ่นน้องร่วมมหาลัยก่อนจะหันไปยิ้มหวานพลางถามไถ่ลูกชายด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “พี่พลาย พลุ พลับ... กินเสร็จหรือยังลูก? เดี๋ยววันนี้อาฌานจะไปที่โรงเรียนกับพวกเราด้วยนะ”

เย่!” ได้ยินดังนั้น เหล่าฝาแฝดพาก็กันร้องตะโกนและกระโดดดึ๋งดั๋งชูมือชูไม้ด้วยความดีใจทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าการที่อาฌานไปส่งพวกตนพิเศษอย่างไร แต่ไม่เป็นไร ไปโรงเรียนพร้อมหน้ากันเยอะ ๆ ก็น่าจะสนุกดี

“ฟูครับ... ทำแบบนี้จะดีเหรอ? ถ้าป๋ารู้...” วิญญูกระซิบกระซาบกับคนรักเพราะอดห่วงทั้งเต๋อและพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยไม่ได้ ทว่าสายตาแน่วแน่ กับน้ำเสียงหนักแน่นของอีกฝ่ายกลับทำให้ความวิตกกังวลกว่าครึ่งจางหายไปในพริบตา 

“ไม่เป็นไร เรื่องนั้นเดี๋ยวฟูจัดการเอง”


«»------------------------------------------------------------------------------------«»



“ป๋าถามจริง ๆ ทำไมหนูฟูถึงดูไม่เดือดร้อนเรื่องลูกของเราบ้างเลยล่ะครับ?” หนุ่มร่างหมีเปิดประเด็นทันทีที่บริกรเสิร์ฟอาหารทั้งหมดครบถ้วนทั้งสำรับ

“เรื่องไหน แล้วลูกคนไหนเหรอครับป๋า?” กรกฏเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ พลางทยอยตักของโปรดของคนรักใส่จานให้ทั้งสองอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ จนกลายเป็นคู่สนทนาเสียเองที่เริ่มจะดิ้นรนจนเสียอาการ

“โธ่! ก็เรื่องไอ้ฌานกับพลับของเรายังไงล่ะครับหนู” 

“ก็แล้วทำไมป๋าไม่พูดแบบนี้เสียตั้งแต่ทีแรกล่ะครับ” กังฟูแสร้งมองข้ามสายตาวิงวอนแกมอ่อนอกอ่อนใจของชายหนุ่มหน้าคมพลางสบตากับวิญญูซึ่งรับบทผู้ชมกิตติมศักดิ์อย่างรู้กัน

“ฮึ่ย! หนูก็รู้ว่าแค่ชื่อมัน ป๋ายังไม่อยากจะพูดถึง!” ความรู้สึกด้านลบอันหลากหลายทำให้ตรินโพล่งอย่างเหลืออด... เป็นเพราะเผลอหลุดปากพูดจาไม่สมควรออกไป เมื่อเช้าเขาจึงไม่มีหน้าอยู่ไล่ไอ้โรคจิตด้วยตัวเอง

ไม่รู้ป่านนี้มันจะขนข้าวขนของออกไปแล้วหรือยัง...
โธ่เว้ย! เพราะความวู่วามและปากไวแท้ ๆ !


แทนที่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจะรับลูก กังฟูกลับทำเฉไฉไหลไปเรื่อยเสียอย่างนั้น “ไหน ๆ ป๋าก็ไม่อยากพูดถึงเจ้าของชื่อ ถ้างั้นเราก็อย่าคุยเรื่องนี้ให้ต้องเสียอารมณ์กันเลยดีกว่าครับ กินข้าวเถอะครับ เดี๋ยวจะชืดเสียก่อน” สิ้นคำ เจ้าตัวก็ทำสีหน้าเฉยเมยพลางลงมือแกะเนื้อปูใส่จานอย่างขมีขมัน

“โอยหนูฟู ป๋าขอนะครับ คุยกับป๋าดี ๆ เถอะนะ อย่าพูดจายอกย้อนป๋าแบบนี้เลย ใจป๋าจะขาดอยู่แล้วเนี่ย” ถ้าไม่ติดว่าในร้านมีคนพลุกพล่าน ตรินคงได้ลดตัวลงคุกเข่าวิงวอนขอความเห็นใจจากคนรักไปนานแล้ว

“ป๋าอยากให้ฟูพูดกับป๋าดี ๆ แล้วป๋าล่ะครับ... เลิกอคติหรือยัง?” วิญญูอมยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถามจี้ใจดำคนฟังของอริยะตรัยคนโต เขาไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีนี้เรียกสติหนุ่มร่างหมีให้กลับเข้าร่าง แต่ท่าทางคำพูดของกังฟูจะได้ผล เพราะตรินถึงกับนิ่งไปพักใหญ่

“...เฮ่อ!...ก็ได้ครับ” ป๊ะป๋าของบ้านชูสองมืออย่างจำนนเพราะจนแก่เหตุผลของอีกฝ่าย “ไม่ว่าหนูจะพูดอะไร ป๋าจะยอมให้ความร่วมมือทุกอย่างเลยครับ... นะ! คุยกับป๋าดี ๆ เถอะนะ ป๋าจะไม่ดื้อแล้ว”

“ดีมากครับป๋า” กรกฏคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ “จริง ๆ นอกจากเรื่องเซ็กส์ เรื่องความเป็นมาเป็นไปของพวกเขาทั้งสาม แล้วก็เรื่องความสัมพันธ์สุดพิเศษของพวกเราแล้ว ฟูก็แอบคิดอยู่เหมือนกันนะว่านี่คงจะเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่พวกเราจะต้องหาเวลาจับเข่าคุยกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพื่อเตรียมคำอธิบายเอาไว้รอเผื่อต้องตอบคำถามลูก ๆ ” คนพูดถอนหายใจยาวเหยียดพลางนวดหัวคิ้วแล้วรำพึงรำพันด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อย “แต่ต่อให้เตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว พอคิดว่าต้องคุยกับป๋ากับแด๊ดด้วยเรื่องทำนองนี้ทั้ง ๆ ที่พวกแกเพิ่งจะอายุห้าขวบเต็มไปเมื่อวาน ฟูก็อดหนักใจไม่ได้”

“ถ้าฟูยังไม่พร้อม ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันอื่นดีกว่าไหมครับ?” วิญญูคว้ามือนุ่มมากุมกระชับพลางเสนอทางเลือกเพราะไม่อยากทำให้คนรักต้องเครียดหนักไปกว่าที่เป็นอยู่ แต่กังฟูกลับบีบมือคนรักหน้าหยกอย่างหนักแน่นก่อนส่ายหัวพร้อมยิ้มบาง ๆ คืนให้

“ไม่ต้องหรอก... คุยเปิดอกกันแต่เนิ่น ๆ นี่แหละ” สีหน้างุนงงของด้วงทำให้กรกฏเสริมความโดยไม่รอช้า “เพราะไม่ใช่แค่เราจะได้ข้อสรุปในการตอบคำถามยาก ๆ ให้พวกลูก ๆ แต่เราก็จะรู้ว่าควรวางตัวแบบไหนเพื่อไม่ให้พวกแกต้องสับสนโดยไม่จำเป็นน่ะ”

“ก็ได้ครับ”

พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยนิ่งตรึกตรองอยู่ครู่ใหญ่คล้าย ๆ กำลังเรียบเรียงและจัดลำดับความคิด “ป๋า... แด๊ด... คิดยังไงถ้าลูก  ๆ ของพวกเราจะรักชอบเพศเดียวกัน?”

คำถามของกังฟูเรียกรอยยิ้มมุมปากให้ปรากฏบนใบหน้าคมคายของคนฟังร่างหมีได้ในพริบตา “หึ! หนูฟูรู้ไหมว่าทำไมป๋าไม่เคยถามคำถามข้อนี้กับพวกหนู ๆ เลยสักครั้ง?” เต๋อจับจ้องใบหน้าสับสนระคนประหลาดใจของคนรักทั้งสองสลับกันอย่างพินิจพิเคราะห์    

“อ้าว! จริง ๆ ป๋าก็คิดจะคุยเรื่องนี้กับพวกเรามาก่อนเหรอ?”

“ครับ” ตรินรับคำพร้อมกับพูดดักคอเมื่อเห็นกังฟูตั้งท่าจะซักไซ้ลงรายละเอียด “ที่ป๋าไม่เคยถาม เพราะลำพังพวกเราเองก็เป็น แถมยังสร้างครอบครัวแบบสามคนผัวเมียเสียอีก ถ้าพวกพ่อ ๆ ทำตัวแปลกประหลาดกันขนาดนี้ ป๋ายังจะกล้ากะเกณฑ์ว่าลูก ๆ ควร หรือ ไม่ควรเป็นนั่นเป็นนี่ได้อยู่อีกเหรอครับ”

“...” จากท่าทีของเต๋อที่มีต่อการปรากฏตัวของฌานทำให้คำตอบดังกล่าวอยู่เหนือความคาดหมายของอริยะตรัยผู้พี่ไปไกลโพ้น ชายหนุ่มจึงทำได้แค่นั่งฟังพลางประมวลข้อมูลดังกล่าวตาปริบ ๆ 

เมื่อเห็นกรกฏออกอาการนิ่งงัน ด้วงจึงออกความเห็นบ้าง “ส่วนตัวเราโอเคนะ เหตุผลของเราก็คงเหมือนของป๋ามั้ง... ขืนห้ามลูก มีหวังเด็ก ๆ เกลียดเราพอดี เราไม่อยากเป็นแดดดี๊สองมาตรฐานน่ะ”

“โอเค เอาเป็นว่าเรื่องแรกจบไป... ทีนี้ก็มาถึงเรื่องฌาน” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยถอนหายใจหนักหน่วงพลางจ้องหน้าตรินไม่วาง “ป๋า ฟูจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ” อารัมภบทดังกล่าวทำเอาคนฟังลุ้นจนปากคอแห้งผาก ลองว่ากังฟูพูดจาแบบนี้ทีไร ไม่เขาก็ด้วงนี่แหละที่ต้องเป็นฝ่ายหงายเงิบไปตาม ๆ กัน

“ถ้าฌานจะมาเป็นลูกเขยบ้านเรา ป๋าโอเคไหม?”

“...” จริงดังคาด เพราะคำถามล้วงลูกของกรกฏทำเอาคนฟังแทบกระอักเลือดตาย ขนาดด้วงที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยยังเผลอกลั้นหายใจพร้อมกับเอื้อมมืออีกข้างไปบีบมือหนาของหมีหน้าคมอย่างลืมตัว กระนั้น คนถามกลับยังไม่ยอมรามือง่าย ๆ

“งั้นฟูถามใหม่... สมมติว่าถ้าไม่มีปัญหาเรื่องอายุที่ต่างกัน แล้วลูกชายคนเล็กของพวกเราเกิดรักกับฌานจริง ๆ  ป๋าจะยอมรับได้หรือเปล่า?”

“ทำไมทีคำถามยาก ๆ แบบนี้ หนูฟูถึงไม่ถามหนูด้วงก่อนมั่งล่ะ?” เพราะไม่อยากยอมรับความจริงง่าย ๆ  ตรินจึงโยนกลองส่งให้คนรักหน้าหยก ฝ่ายอดีตคิวท์บอยถึงกับออกอาการเหวอด้วยไม่ทันคิดว่าคนรักหน้าคมจะเล่นไม้นี้ แต่กรกฏกลับออกโรงตอบแทนวิญญูอย่างรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี

“ก็เพราะฟูรู้ไงว่าแด๊ดโอเค... ใช่ไหมแด๊ด?”

“ครับ” ด้วงรับคำก่อนให้เหตุผลทันทีที่เห็นแววตาคมกล้าเริ่มอ่อนระโหยโรยแรง “ที่โอเค เพราะถ้าพวกเขารักกัน คนเป็นพ่ออย่างเราก็ไม่ควรกีดกัน เพราะความรักเป็นสิ่งพิเศษที่ช่วยผลักดันให้เราทำสิ่งดี ๆ เพื่อตัวเองและคนที่เรารักได้อย่างไม่น่าเชื่อ” วิญญูตอบโดยใช้ประสบการณ์ของตัวเองเป็นข้อมูลอ้างอิง เพราะหากพ่อกับแม่เขาต่อต้านความต้องการสูงสุดของเขาในวันนั้น ชีวิตของเขาคงไม่เป็นสุขและสมบูรณ์พร้อมสรรพดังเช่นทุกวันนี้ ที่สำคัญ การได้รักกรกฏจนหมดหัวใจโดยไม่มีปัญหากับที่บ้าน ทำให้เขาประสบความสำเร็จด้านการเรียนจนมีผลการเรียนดีเยี่ยมไร้ที่ติมาโดยตลอด

“แล้วป๋าล่ะ ป๋าคิดยังไง?” กังฟูคาดคั้นเต๋อต่อทันที

“หนูฟูบอกป๋าได้ไหมล่ะว่าทำไมหนูฟูถึงถือหางไอ้ตัวบอสมันอยู่ได้?”

“ตั้งแต่เรารู้จักกันมา ป๋าก็รู้ใช่ไหมว่าฟูเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ และสิ่งลี้ลับที่คนมองไม่เห็น?”

“ก็... ครับ” น่าแปลกที่คำถามดังกล่าวดึงเอาภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่ตรินเจอกับวิญญูและกังฟูที่หน้าศาลเจ้าพ่อท้ายมอให้ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์โกลาหลในวันนั้น หนุ่มร่างหมีก็พลันรู้สึกสงสัยขึ้นติดหมัด “หึม? อย่าบอกนะว่าฟูเชื่อเรื่องด้ายแดงที่ไอ้ฌานมันเล่าเมื่อวาน?”

“นั่นก็ด้วย”

หนูฟู!” ท่านรองฯ โพล่งด้วยน้ำเสียงผิดหวัง และนั่นเป็นครั้งแรกที่เต๋อตระหนักถึงอาการคลั่งไสยศาสตร์ของเมียอย่างถ่องแท้ถึงกึ๋น

สีหน้าหมดศรัทธาของป๊ะป๋าหน้าคมทำเอากังฟูร้อนตัวจนต้องรีบให้เหตุผลที่มีน้ำหนักต่อโดยไม่รอช้า “แต่เหตุผลจริง ๆ คือการที่ลูกชายคนเล็กของเรา เอาแต่เรียกหาฌานมาตั้งแต่ยังพูดไม่รู้ความน่ะครับ”

“หืม? หนูว่าไงนะ?”

“ป๋าได้ยินไม่ผิดหรอกครับ... พลับน่ะ มักจะเรียกหาฌานอยู่ตลอด”

กรกฏหวนนึกไปถึงช่วงที่แฝดสามอายุหย่อนขวบได้ไม่กี่สัปดาห์ เวลานั้น พวกเด็ก ๆ ต่างพากันส่งเสียงเลียนแบบถ้อยคำต่าง ๆ นา ๆ ที่เคยได้ยินผ่านหู นั่นจึงทำให้พวกเขาเฝ้ารอคำ ๆ แรกที่ทายาทจะเอื้อนเอ่ยกันด้วยใจจดจ่อ ซึ่งแม้ในภายหลังทุก ๆ คนจะพากันเข้าใจไปว่า คำ ๆ แรกที่ฝาแฝดคนสุดท้องเอ่ยเรียก คือ สรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเขา ทว่ากลับไม่เคยมีใครล่วงรู้เลยว่า คำ ๆ แรกที่เด็กชายเปล่งเสียงเรียกหา แท้จริงแล้ว คือ ชื่อของคุณอาที่เจ้าตัวไม่เคยแม้แต่จะได้พบเลยสักครั้ง

แรกเลย กังฟูปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองรู้สึกแปลกใจกับความบังเอิญดังกล่าว แต่ยิ่งนานวัน ชายหนุ่มกลับไม่อาจกล่อมให้ตัวเองเชื่อได้อีกต่อไปว่า ชื่อของฌานเป็นเพียงการส่งเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อยวัยไม่ประสา ยิ่งเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าของรุ่นน้องเมื่อคืน จิ๊กซอว์ที่ขาดหายก็ได้เติมเต็มภาพใหญ่ที่ยังเว้าแหว่งให้สมบูรณ์เด่นชัด 


“ป๋ารู้ไหมว่าเวลาลูกหลับ แกจะพึมพำและหัวเราะกับฌานในฝันเป็นประจำจนฟูเข้าใจว่าเป็นคำสร้อยติดปากลูกเท่านั้น แต่วินาที่ที่ลูกเห็นฌานเป็นครั้งแรก... ฟูบอกได้เลยว่า สีหน้า แววตาแกตอนที่เห็นฌานเมื่อวานนี้ เหมือนกับตอนที่พวกเรามองกันไม่มีผิดเพี้ยน ฟูเลยเข้าใจได้ทันทีว่า บางทีความรักก็ช่างไม่มีกาละเทศะ และไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย”

“เฮ่อ” คำอธิบายของกังฟูพร้อมเหตุผลประกอบดังกล่าวทำเอาป๊ะป๋าของบ้านทอดถอนใจเสียยกใหญ่

ทีท่าโอนอ่อนของป๋าหมีทำให้หมีหน้าหยกรีบยกประเด็นน่าสนใจขึ้นเสริมเพื่อเพิ่มน้ำหนักของคำพูดกรกฏแบบทันควัน “ป๋ารู้ไหมครับว่าเมื่อเช้าพวกเราไปเจออะไรมา?”

“หืม? อะไรอีกล่ะหนู?”

“พวกเราเพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เองว่า ลูกชายคนเล็กอายุห้าขวบแอบหนีออกจากห้องไปนอนกับผู้ชายอายุสามสิบน่ะครับ”

ห๊ะ?! หนูว่าไงนะ?!” ตรินอุทานพลางเบิกตาโพลงด้วยความตกใจอย่างที่สุด... ทำไมถึงเกิดเรื่องไม่ถูกไม่ควรแบบนี้ขึ้นในบ้านของเขาได้?!!

“เมื่อคืนพลับไปเคาะห้องฌานแล้วนอนที่นั่นจนถึงเช้าครับป๋า” กังฟูขยี้ซ้ำเพื่อปิดการขาย ซึ่งใบหน้าซีดเผือดของเต๋อก็ฟ้องถึงความสำเร็จของการเจรจาทั้งหมดได้เป็นอย่างดี

ท่านรอง ฯ ไม่ตอบโต้คำใดหากแต่ต่อสายตรงถึงเลขาส่วนตัวเร็วรี่ “คุณเร... บ่ายนี้ผมออกเร็วนะ ผมจะไปรับลูก ๆ ที่โรงเรียน”


 «»------------------------------------------------------------------------------------«»


“มึงจะทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ให้พ่อแม่บ้านอื่นเขากลัวมึงอีกนานไหม?!” ท่าทางเหมือนโจรขโมยเด็กของรุ่นน้องขณะยืนเกาะรั้วสอดสายตามองลอดช่องว่างของพุ่มโมกข้าง ๆ โรงเรียนอนุบาลทำให้เต๋ออดแซะขึ้นไม่ได้

พี่เต๋อ?!
“หยุด! มึงไม่ต้องพูด ไม่ต้องถามอะไรทั้งสิ้น!
“...” ร่างทรงหนุ่มกระพุ่มมือไหว้ป๊ะป๋าผู้กุมชะตามรักอย่างไม่มีทางสู้ เมื่อเห็นอาการหงอหงอยของอีกฝ่าย เต๋อจึงใส่ต่ออย่างเฉียบขาด
“เดี๋ยวมึงตามกูกลับบ้าน! วันนี้ถ้ากูกับมึงยังไม่เคลียร์กัน มึงก็อย่าหวังว่าจะได้ไปไหนเลย!” ว่าแล้ว ตรินก็เดินนำหน้าพาฌานไปสมทบกับด้วงและกังฟูที่กำลังบอกให้เด็ก ๆ ทำความเคารพเพื่อร่ำลาคุณครูอย่างเป็นทางการ  

“อ้าวคุณเต๋อ! สวัสดีค่ะ... ครูนึกว่าวันนี้จะมีแค่คุณฟูกับคุณด้วงที่มารับน้อง ๆ เสียอีกค่ะ”

“สวัสดีครับครู พอดีผมเพิ่งไปรับอาของเด็ก ๆ มาน่ะครับ” คนพูดชำเลืองมองฌาน ก่อนจะหันไปคุยกับครูประจำชั้นของฝาแฝดทั้งสามด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน “ครูครับ... นี่ฌาน อาของเด็ก ๆ “

“ฌาน!” สิ้นเสียงเรียกอย่างยินดี เด็กชายพลับตัวน้อยก็วิ่งถลาเข้าไปกอดขาเจ้าของชื่ออย่างกระตือรือล้นจนคนโตกว่าต้องช้อนเนื้อตัวนุ่มนิ่มขึ้นอุ้มอย่างหักห้ามใจตัวเองไม่ได้

“สวัสดีค่ะ ดิฉันครูกรกนกค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณฌาน” ท่าทางสนิทสนมของฝาแฝดคนสุดท้องกับชายหนุ่มตรงหน้าทำให้คุณครูประจำชั้นของบรรดาเด็ก ๆ ปักใจเชื่อคำบอกเล่าของคุณพ่อหน้าคมโดยไร้ข้อกังขา

“สวัสดีครับ”

“ที่ผมแนะนำฌานให้คุณครูรู้จักหน้าค่าตา เพราะผมจะทำเรื่องแจ้งทางโรงเรียนอีกทีนะครับว่าฌานจะเป็นผู้ปกครองอีกคนที่มารับพวกลูก ๆ ของผมได้” ดูเหมือนคุณครูจะเป็นคนเดียวที่ไม่ประหลาดใจกับถ้อยคำประกาศิตของเต๋อ ผิดกับผู้รู้เห็นเหตุการณ์ที่เหลือ โดยเฉพาะเหล่าผู้ใหญ่ต่างพากันเหวอไปพักใหญ่เพราะไม่คิดว่าพ่อหมีจะใจป้ำล้ำหน้าถึงเพียงนี้




“เอ้าเด็ก ๆ ขึ้นไปนอนกันได้แล้วครับ” ด้วงประกาศเสียงดังเพื่อเรียกเหล่าลิงทะโมนตัวน้อย ๆ ที่วิ่งไล่จับกันจนหน้าแดงให้หยุดการละเล่นลงในชั่วพริบตา

แทนที่เด็ก ๆ จะห่วงเล่นจนงอแงไม่ยอมขึ้นห้องนอน หัวโจกอย่างพลายกลับออกอาการดีใจพลางตะโกนโหวกเหวกเนื่องจากช่วงเวลาสุดโปรดของเจ้าตัวกำลังจะมาถึง “นิทานนน!

แน่นอนว่าเมื่อคนพี่วิ่งนำ มีหรือที่ฝาแฝดคนรองผู้หัวอ่อนและติดพี่ชายยิ่งกว่าอะไรจะไม่ทำตาม ก่อนที่ผู้ใหญ่จะไหวตัวทัน ทั้งสองแฝดก็พากันวิ่งขึ้นบันไดเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็วจนวิญญูอดเป็นห่วงไม่ได้ “พี่พลาย พลุไม่วิ่งขึ้นบันไดนะลูก!” คิวท์บอยร้องห้ามเสียงหลงพร้อมวิ่งตามเด็กชายทั้งสองขึ้นไปติด ๆ จะเหลือก็เพียงพลับที่เกาะขาฌานแน่นโดยไม่ยอมผละไปไหน

“ไปครับพลับ ไปนอนกัน เดี๋ยวพ่อฟูจะเล่านิทานให้ฟังนะครับ” กรกฏผู้ที่อยู่รั้งท้ายเพื่อรอจัดการกับลูกชายคนเล็กเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่อีกฝ่ายกลับเริ่มเบะปากพร้อมรัดวงแขนรอบขาเด็กเต็กรุ่นน้องอย่างแนบแน่นจนสังเกตได้

“ฮือ”

“พลับ ขึ้นไปนอนได้แล้วลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไปโรงเรียนไม่ไหวนะครับ”

“ให้ฌานไปด้วยนะครับพ่อฟู!” เด็กน้อยพยายามต่อรองด้วยน้ำเสียงงอแง ยิ่งเมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อเริ่มจะแงะมือของตัวเองออกจากท่อนขาของร่างทรงหนุ่มด้วยแล้วล่ะก็

“อาฌานต้องอยู่คุยกับป๋าน่ะลูก เดี๋ยวพลับขึ้นนอนกับพ่อฟูก่อนนะครับ” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยพยายามให้เหตุผลกับลูกชายโดยไม่ยอมปล่อยมือจากทายาทสักวินาที

ฌาน!” เด็กชายปวรขอความช่วยเหลือจากคนรักเป็นอันดับสุดท้าย... ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะไม่ยอมพรากจากอีกฝ่ายเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว

ฝ่ายแฝดพี่ที่ทั้งเกรงใจว่าที่พ่อตา ทั้งสงสารคนรักจับหัวใจก็ได้แต่เลือกหนทางประนีประนอมเพื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าไปพลาง ๆ “ไม่ทำแบบนี้สิครับตัวเล็ก... เดี๋ยวคืนนี้ตัวเล็กขึ้นไปนอนกับคุณพ่อก่อนนะครับ ไว้เราค่อยเจอกันใหม่วันหลังก็ได้”

“ฮื่อออ! ไม่เอา ฌานนน!” ทันทีที่ได้ยินคำว่า วันหลัง น้ำใส ๆ ก็ไหลคลอหน่วยของผู้ด้อยอาวุโสราวกับตาน้ำผุด เวลานี้ เด็กชายไม่ได้แค่เกาะขาร่างทรงหนุ่มอีกต่อไป หากแต่พลับกลับเริ่มปีนป่ายหนีผู้เป็นพ่อเสียจ้าละหวั่นจนกังฟูต้องยื่นคำขาดแบบที่เอื้อประโยชน์กับรุ่นน้องอย่างที่สุด

“ถ้าพลับขึ้นนอนช้าแล้วพรุ่งนี้ตื่นสาย พลับก็จะไม่เจออาฌานที่โต๊ะอาหารนะครับ... เมื่อเช้าอาฌานตื่นเช้า พลับจำไม่ได้เหรอลูก?”

“หืม?” ฌานมีสีหน้าประหลาดใจพอ ๆ กับป๊ะป๋าร่างหมี ทว่าเต๋อกลับไม่ได้ทักท้วงใด ๆ ด้วยรู้ดีว่า คำสั่งสุดท้ายของภรรยาคือสัจธรรมอันเที่ยงแท้แน่นอนของห่วงโซ่อาหารเล็ก ๆ แห่งนี้  

“ฮึก!” พลับกลั้นสะอื้นก่อนจะยอมผละจากหน้าขาของฌานแล้วอ้าแขนให้พ่ออุ้มในท้ายที่สุด กรกฏจึงส่งสายตากำชับเต๋อให้รับช่วงพูดคุยกับว่าที่ลูกเขยให้เข้าใจในธรรมเนียมปฏิบัติที่เหล่าพ่อ ๆ ตกลงกันเป็นการภายในไปเมื่อช่วงบ่ายของวัน

“ไอ้ตัวบอส” ตรินเปิดฉากทันทีที่ลูก ๆ และคนรักทั้งสองคล้อยหลังไปแล้ว

“ครับพี่เต๋อ”

“มึงรักลูกกูเหรอ?”

“ครับ ผมรักพลับครับ!” แม้ลึก ๆ แฝดพี่จะรู้สึกหวาดหวั่นกับการตอบสนองของอีกฝ่าย ทว่าชายหนุ่มกลับเลือกที่จะยืนหยัดเพื่อแสดงความรู้สึกของตัวเองอย่างหนักแน่น ตรงไปตรงมา

“มึงเอาเวลาที่ไหนไปรักลูกกู? นิสัยใจคอลูกกูมึงยังไม่รู้จักเลยสักนิด!” รุ่นพี่ร่างหมีแหวอย่างเหลืออด

“กับพลับ... ผมว่าเรื่องอื่นไม่สำคัญเลยครับ แค่ผมกับเขารักกัน มันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอครับพี่เต๋อ?”

“ฮึ่ย!... มึงนี่นะ!” คนพูดว่าพลางเกาหัวตัวเองยิก ๆ อย่างขัดอกขัดใจ ไม่ใช่ว่าเขาแก่จนหลง ๆ ลืม ๆ ความรู้สึกที่อีกฝ่ายเพิ่งบรรยายให้ฟัง กลับกัน เต๋อเข้าใจสิ่งที่ฌานพูดดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ นั่นจึงทำให้เขาชีช้ำหนักหนาจนแทบไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายให้ยิ่งเจ็บใจ “โว้ยยย! กูล่ะอยากจะฆ่ามึงให้ตายเสียจริง ๆ !”  

“ผมขอโทษครับพี่เต๋อ... ถ้าเลือกได้ ผมคงไม่ทำให้พวกพี่ ๆ ต้องลำบากใจแบบนี้หรอกครับ” จริงดังคำว่า เพราะถ้าเขากำหนดชะตาชีวิตได้ หนุ่มรุ่นน้องคงอยากให้พวกเขามีช่วงเวลาที่ผาสุกร่วมกัน ไม่ใช่ต้องคอยมายกมือไหว้ขอโทษอีกฝ่ายปลก ๆ ทุก ๆ ชั่วโมงดังเช่นในตอนนี้

ตรินถอนหายใจหนัก ๆ พลางซักไซ้ด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ไหนมึงบอกมาซิว่าเมื่อคืนลูกกูไปนอนกับมึงได้ยังไง?”

“ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ ผมรู้แค่ว่าพอเปิดประตูไปก็เจอพลับรออยู่ตรงนั้น จะให้ผมไล่เขากลับห้อง... ผมก็ทำใจร้ายกับเด็กห้าขวบไม่ลงหรอกครับพี่เต๋อ”

“แล้วเมื่อคืนมึงทำอะไรลูกกูหรือเปล่า?”

“โหพี่เต๋อ! นี่พี่เต๋อเห็นผมเป็นคนยังไงครับ?” ฌานจ้องหน้ารุ่นพี่แบบไม่เชื่อสายตาตัวเองก่อนจะอธิบายตามตรง “ถึงผมจะรักพลับแบบคนรัก แต่ผมก็ไม่ได้โรคจิตถึงขั้นมีอารมณ์กับเด็กอนุบาลหรอกนะครับ” อันที่จริง หากจะพูดว่าเขาไม่มีอารมณ์กับใครอีกเลยนับตั้งแต่คืนสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกันกับฝาแฝดหัวแดงเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วก็น่าจะไม่ผิดนัก

“กูล่ะไม่อยากจะเชื่อน้ำหน้า!” เต๋อเบะปากพลางมองปรามาสรุ่นน้องด้วยสีหน้าหมั่นไส้เสียเต็มประดา แน่นอนว่าไอ้รุ่นน้องตรงหน้าย่อมต้องได้รับการยัดเยียดข้อหาไอ้เฒ่าตัณหากลับไปแล้วเต็ม ๆ รู้ดังนั้น ฌานจึงรีบกอบกู้ชื่อเสียงของตนอย่างเต็มความสามารถ

“ผมจะโกหกพี่ไปทำไมล่ะครับ? ขืนตอนนี้ผมทำให้พี่ไม่พอใจขึ้นมาก็เท่ากับผมทำร้ายทั้งพลับและทั้งตัวเองทางอ้อม สู้ผมแสดงความจริงใจให้พี่เห็นตั้งแต่ต้นเลยดีกว่า พี่จะได้รู้ว่า พี่ฝากลูกไว้กับคนไม่ผิด” 

ราวกับได้ยินในสิ่งที่ปรารถนา เพราะหน้าตาของหนุ่มร่างหมีในตอนนี้ไม่อาจซ่อนเค้าลางของความปีติเอาไว้ได้อีกต่อไป “เออดี! ถ้ามึงพูดมาแบบนี้แต่แรกเลยก็ดี! กูจะได้บอกเงื่อนไขของการเป็นแฟนกับลูกชายวัยห้าขวบหนึ่งวันของพวกกูให้มึงรู้เอาไว้เสียเลย!

แม้สายตาเจ้าเล่ห์ของรุ่นพี่จะทำให้ขนอ่อนตรงต้นคอของแฝดพี่ลุกชัน แต่นั่นกลับไม่อาจเทียบเทียมความรู้สึกยินดีสุดติ่งกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินได้เลยสักนิด “พี่เต๋อยอมให้ผมคบกับพลับแล้วเหรอครับ?!

“เดี๋ยวไอ้แฝด! มึงอย่าผยองไป! รอฟังเงื่อนไขทุก ๆ ข้อของกูให้ครบก่อน ถ้ามึงพร้อมจะทำตามคำสั่งของกูโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ถึงตอนนั้นมึงค่อยดีใจก็ยังไม่สาย” ตรินกดบ่ารุ่นน้องลงเพื่อไม่ให้แสดงอาการฮึกเหิมแบบเกินหน้าเกินตา แต่ชะรอยว่า ต่อให้เอาช้างมาฉุด ฌานก็คงไม่อาจหยุดความรู้สึกปลาบปลื้มจนลืมตายในตอนนี้ได้อีกแล้ว

“ครับ ๆ !” น้ำเสียงเข้มแข็งฉะฉานของร่างทรงหนุ่มเรียกรอยยิ้มของคนเป็นพ่อได้อย่างน่าประหลาด... หึ ๆ ตีปีกเสียให้พอนะมึง เพราะอีกเดี๋ยวมึงต้องซีดแน่ ๆ ไอ้ตัวบอส!

“กฏข้อที่หนึ่งของการเป็นแฟนลูกชายกู คือ... มึงห้ามพรากผู้เยาว์เป็นอันขาด” สิ้นคำของป๊ะป๋าหน้าคม คนฟังก็ถึงกับถลึงตาโพลงด้วยท่าทางตกใจ “มึงอย่าถาม หรือขอให้กูต้องอธิบายรายละเอียดเชียวนะ! กูอยากให้มึงรู้แค่ว่า มึงต้องอดใจรอจนกว่าลูกกูจะอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์เสียก่อน ไม่งั้น กูนี่แหละที่จะบริการเรียกตำรวจมาลากคอมึงเข้าคุกด้วยตัวเอง! ตรินชี้หน้าพลางตั้งท่าร่ายยาวอีกคำรบ ฝ่ายว่าที่ลูกเขยก็นั่งสงบปากสงบคำราวกับทำปากหล่นหาย

“...”

“กฏข้อที่สอง  จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ กูขอสั่งห้ามไม่ให้มึงประกาศตัวว่าคบหาดูใจกับลูกกูเป็นอันขาด!

เงื่อนไขดังกล่าวทำเอาฌานนั่งไม่ติดที่ เนื่องจากบรรดามิตรสหายและครอบครัวที่อยู่รอบกายชายหนุ่มล้วนแล้วแต่มีความสำคัญกับเขาทั้งสิ้น ซึ่งการเก็บงำความสัมพันธ์จากทุกคนจึงเกินไปจากขอบเขตที่เจ้าตัวจะทำใจยอมรับได้ไปมากโข “ทำไมล่ะครับพี่เต๋อ? ทำไมผมถึงจะบอกคนอื่นไม่ได้ว่าผมกับพลับเป็นอะไรกัน?”

“ก็ถ้าเกิดสุดท้าย มึงเปลี่ยนใจไปรักไปชอบคนอื่นกะทันหัน หรือเกิดมึงทนหงี่ทนงุ่นง่านไม่ไหวแล้วนอกใจลูกกูก่อนกำหนดเวลาที่เราตกลงกันเอาไว้ พลับจะได้ไม่ต้องแบกรับสถานะเกย์ไปตลอดชีวิตยังไงล่ะวะ”

“...” เหตุผลของเต๋อเอาชนะความต้องการของรุ่นน้องได้ราบคาบ สังเกตได้จากความเงียบที่โรยตัวลงปกคลุมห้องรับแขกเอาไว้ทั้งหมดภายในชั่วอึดใจ ก่อนที่ประมุขรุ่นสองของตระกูลคุณะประสิฒธิ์จะทำลายดุษณีภาพลงอีกครั้งอย่างผาดผยอง

“และกฏข้อสุดท้าย... ถ้าในวันเกิดครบรอบสิบแปดปี ลูกชายกูเกิดตัดสินใจว่าไม่อยากจะคบหากับมึงประสาคนรักแล้วล่ะก็ วันนั้น มึงต้องเดินออกจากชีวิตลูกชายกูแล้วหายหัวไปตลอดกาล!

“โหพี่เต๋อ! พี่เต๋อจะไม่ใจร้ายกับผมไปหน่อยเหรอครับ?”

“เฮอะ! มึงรู้ไหมว่าพอมึงพูดแบบนี้ กูตีความได้อย่างเดียวเลยนะว่า มึงน่ะรักแต่ตัวเอง... ไม่ได้รักลูกกูอย่างปากว่าเลยสักนิด” รุ่นพี่ร่างหมีสวนกลับทันควัน

“แต่พี่เต๋อครับ ผมว...” ฌานแย้งด้วยน้ำเสียงลังเลด้วยเพราะหัวสมองยังคงประมวลผลข้อมูลทั้งหมดอยู่ กระนั้นว่าที่พ่อตากลับไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ไตร่ตรองอย่างใจหวัง

“ถ้ามึงรักลูกกูจริง ๆ มึงก็ต้องหัดนึกถึงหัวอกคนเป็นพ่ออย่างพวกกูด้วยซี่” เต๋อเอ่ยด้วยท่าทีของผู้ที่มีอำนาจต่อรองเหนือกว่า “ไหนมึงลองบอกกูซิว่า ในโลกนี้ มีพ่อคนไหนบ้างที่อยากเห็นลูกเบี่ยงเบนตั้งแต่อายุแค่ห้าขวบ?...ที่กูทำไปทั้งหมดนี่ ก็เพราะกูอยากให้ทั้งมึงและลูกกูแน่ใจว่าไอ้ความรู้สึกวูบวาบที่มันเกิดขึ้นตอนนี้ เวลานี้ เป็นของจริง... ไม่ใช่ความรู้สึกฉาบฉวยจับต้องไม่ได้”

“...”

“มึงอาจจะเถียงกูในใจว่ามึงรักลูกกูแบบยอมตายถวายหัว แต่ทุกวันนี้ ลูกกูยังท่องกอไก่ถึงฮอนกฮูกไม่ได้เลย แล้วมึงจะหวังให้พลับเข้าใจความรู้สึกตัวเองได้ยังไงกัน?”

“...”  

สีหน้าสับสน กับท่าทางดูจนแต้มของคู่สนทนาคือสิ่งที่ชายหนุ่มร่างหมีปรารถนาจะชื่นชม เพราะนั่นหมายความว่า เป้าหมายที่เขาวาดหวังกำลังจะเป็นจริงในอีกไม่ช้า ถ้าเพียงแต่เขาสามารถหว่านล้อมอีกฝ่ายให้ยอมตกปากรับคำได้ล่ะก็...  

“ไอ้ฌาน... กูบอกเลยนะว่า ถ้ากูเป็นมึง... ต่อให้ต้องตั้งตารอนาน หรือต้องผ่านความลำบากยากเย็นแค่ไหน แต่เพื่อความสุขของคนรักและตัวกูเอง กูว่ากูก็น่าจะทนไหวว่ะ”

“...”

“จะว่าไป มึงน่ะโชคดีมากนะที่กูสร้างฏพวกนี้ขึ้นมา อย่างน้อย ๆ มึงก็จะได้รู้ตัวเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังไงล่ะว่า ลึก ๆ แล้ว มึงก็ไม่ได้คิดอะไรกับลูกกูมากไปกว่าอากับหลาน” ตรินประเมินหนุ่มรุ่นน้องด้วยสายตาจริงจังและหวังดีกับอีกฝ่ายอย่างที่สุด

“...” วินาทีนี้ กฏเหล็กทั้งสามไม่ได้เป็นเพียงเหตุผลที่ทำให้ฌานพูดไม่ออกบอกไม่ถูก หากแต่ยังมีคำพูดโน้มน้าวที่ก่อกวน ปลุกปั่นจนชายหนุ่มไม่อาจคิดใคร่ครวญได้อย่างเป็นระบบดังเช่นทุกที

“ถ้ามันยุ่งยากนักก็เลิกล้มความตั้งใจเสียเหอะวะฌาน” ออร่าของผู้ปราชัยที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างสูงใหญ่ที่นั่งคุดคู้อยู่ฝั่งตรงข้ามทำให้คุณป๊ะป๋าร่างหมีย่ามใจถึงขั้นยอมผุดลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือไปตบบ่าของชายหนุ่มรุ่นน้องหนัก ๆ อย่างลำพองใจ “นะ! แล้วกูจะคิดเสียว่า เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ตกลงไหม?”     

ประโยคล่าสุดของเต๋อกระชากสติของฌานให้หวนกลับเข้าร่างได้อย่างน่าอัศจรรย์ ยังจะมีอะไรร้ายแรงไปกว่าการต้องพาตัวไปให้ห่างจากหัวใจที่ฝากเอาไว้ในร่างน้อย ๆ ของอีกคนเหมือนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วอีกล่ะ? แค่กฏเหล็กไม่กี่ข้อข้อเนี่ยนะ? หึ! จิ๊บจ๊อย!

“ไม่ครับ! ไม่ว่ายังไง ผมก็จะคบกับพลับให้ได้ เพราะพลับคือคน ๆ เดียวที่ผมต้องการ” ร่างทรงหนุ่มยืนยันความตั้งใจหนึ่งเดียวของตัวเองอย่างไม่ไหวเอนจนคนเป็นพ่อเริ่มจะฝ่อนิด ๆ

“มึงจะทำตามกฏทั้งสามข้อของกูได้แน่ ๆ เร้อ?” เต๋อแย็บถามเพื่อลองใจรุ่นน้องอีกครั้ง ซึ่งฌานเองก็ไม่ได้ทำให้ทั้งตัวเองและคนรักต้องผิดหวังแต่อย่างใด

“ครับ! ผมจะทำตามกฏของพี่เต๋ออย่างเคร่งครัดครับ!

“เฮ่ย! มึงอย่าเที่ยวรับปากพล่อย ๆ ดิวะ! นี่เรื่องจริงจัง แถมกูยังมีเงื่อนไขยิบย่อยที่มึงต้องทำตามอีกเยอะนะเว่ย”

“แค่พี่ยอมให้ผมได้คบกับลูกพี่ ต่อให้มีกฏอีกเป็นล้านข้อ ผมก็ไม่ท้อหรอกครับ” คำขู่ของว่าที่พ่อตาดูจะไม่มีผลใด ๆ กับฌานเวอร์ชันรู้ใจตัวเองอย่างแท้จริง แถมไป ๆ มา ๆ คุณป๊ะป๋าหน้าคมกลับเป็นฝ่ายต้องเพลี่ยงพล้ำถูกแฝดพี่ต่อรองเข้าให้เสียอีก “แต่ผมขออย่างเดียว... ผมขอเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับพลับกับทุก ๆ คนในครอบครัวทั้งสองฝ่าย รวมถึงพวกเพื่อน ๆ ในกลุ่มของพวกเราทั้งหมด เพราะผมไม่อยากโกหกคนที่ผมแคร์ด้วยเรื่องสำคัญแบบนี้... นะครับพี่เต๋อ”

“หนอย ได้คืบจะเอาศอกนะไอ้ห่า”

“นะครับพี่เต๋อ ผมขอร้อง”

“อุ๊วะ! แล้วมึงคิดว่าถ้ากูไม่ยอมรับ กูจะมาเสียเวลากล่อมมึงให้เลิกคิดเรื่องลูกกูอยู่แบบนี้ไหม?!” ตรินแหวใส่รุ่นน้องผู้พ่วงตำแหน่งลูกเขยหมาด ๆ ด้วยความหมั่นไส้เต็มพิกัด

แต่ต่อให้วินาทีนี้ว่าที่พ่อตาจะประเคนหมัดใส่จนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้ม ก็ไม่มีอะไรทำลายความสุขที่เอ่อล้นหัวใจของฌานลงได้อีกแล้ว “ขอบคุณครับพี่เต๋อ! ผมสัญญาว่าผมจะดูแลพลับให้ดีที่สุดครับ!”  

“หึ! ทำให้ได้อย่างที่มึงพูดไว้ก็แล้วกัน เพราะกูนี่แหละ ที่จะคอยจับตาดูมึงทุกฝีก้าว!” รุ่นพี่ร่างหมีชี้นิ้วคาดโทษอีกฝ่ายเอาไว้ล่วงหน้าโดยไม่ลืมให้สัญญากับตัวเองว่าจะหาทางเฝ้าระวัง และตั้งมาตรการเสริมต่าง ๆ นา ๆ มาสกัดดาวรุ่งว่าที่ลูกเขยอย่างขยันขันแข็ง









“เฮ่อ! ให้มันได้อย่างนี้สิลูกเรา” ตรินปรารภเสียงดังเมื่อเห็นภาพของลูกคนเล็กที่ถ่ายด้วยกล้องวงจรปิดในมุมต่าง ๆ ของบ้านขณะที่เจ้าตัวน้อยค่อย ๆ แอบย่องออกจากห้องตัวเองไปเคาะประตูห้องรับรองแขกซึ่งกลายเป็นห้องพักของฌานไปเสียแล้ว ลองว่าลูกชายเขาเล่นหอบตุ๊กตา หอบผ้าเน่าไปนอนกับฌานทุกคืน ๆ แบบนี้ เห็นทีเขาคงต้องยกประโยชน์ให้จำเลยทั้งสองไปแบบช่วยไม่ได้เสียแล้วสิ

“ป๋าเห็นแล้วใช่ไหมครับ?” กังฟูถามยิ้ม ๆ พลางหย่อนตัวลงนั่งบนตักอุ่น ๆ ของพ่อหมีหน้าคมอย่างรู้หน้าที่

“ฮื่อ! เห็นแล้วก็ปวดหัวตึ๊บเลยครับ!

“หึ หึ หึ... ป๋าจะกลุ้มไปทำไม ก็ป๋าเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนอนุญาตให้ฌานคบหากับลูกเราแล้วน่ะ” วิญญูที่ยืนดูหน้าจออยู่ข้าง ๆ กันเอ่ยเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน

“ป๋ากลุ้มที่ลูกเราดันติดไอ้ฌานแจจนไม่เอาใครแล้วน่ะสิครับ” เต๋อตีโพยตีพายด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดขั้นสูงสุด ก็จะให้เขาไม่บ่นเลยได้อย่างไร ในเมื่อลูกชายคนเล็กไม่เอาใครหน้าไหนอีกเลยนับตั้งแต่วันที่ไอ้ตัวบอสปรากฏตัว

“อ้าว! แล้วมันไม่ดีเหรอป๋า?... มีฌานเพิ่มมาดูพลับให้อีกคน ฟูจะได้เหนื่อยน้อยลงไง” อดีตคิวท์บอยเย้าพลางยักคิ้วให้กรกฏที่นั่งอมยิ้มราวกับกำลังสนุกเสียเต็มประดา

ท่าทางเหมือนทองไม่รู้ร้อนของคนรักหน้าหยกทำเอาพ่อหมีสะดุ้งโหยง “เฮ่ย! ที่พูดถึงอยู่น่ะลูกหนูทั้งคนนะด้วง! ใจคอไม่คิดจะห่วงจะหวงหน่อยเลยเรอะ?”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... เราล้อป๋าเล่นหรอก คิดเป็นจริงเป็นจังไปได้!
“หึ! หน้าป๋าตอนเหวอนี่ก็ตลกดีเนอะแด๊ด” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเอ่ยผสมโรงด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“นั่นสิ! แล้วเมื่อกี๊ฟูได้ทันถ่ายเก็บไว้ไหม?”
“หึ หึ! จะเหลือเรอะ” กังฟูตอบด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มจนเหยื่อร่างหมีอดรนทนไม่ได้  
“หนอยยย! เดี๋ยวนี้กล้ารวมหัวกันแกล้งผัวเหรอครับ? สงสัยคืนนี้ผัวต้องจับบรรดาเมีย ๆ มาลงโทษให้เข็ดหลาบเสียแล้วสิ!” สิ้นคำ พ่อหมีร่างใหญ่ก็คว้าตัวชายหนุ่มทั้งสองเข้ามาคลุกวงในทันที

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ป๋าปล่อย!
“ฮื่อ ป๋า ไม่เอา!
“ไม่ ถ้าไม่สำนึกก็ไม่ต้องนอน! หลังจากนั้นก็มีเพียงเสียงกรีดร้องแห่งความสุขสมดังแว่วออกมาจากห้องนอนห้องใหญ่ที่ทั้งสามหนุ่มใช้ต่างพื้นที่พักผ่อนจนเวลาล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมง







«»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»

No comments:

Post a Comment