Monday, October 17, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 37th Bonding|| 17.10.2015



หากนิยายเรื่องนี้ทำให้ทุก ๆ คนผ่านพ้นช่วงเวลาอันเศร้าสร้อยไปได้
หรือแม้แต่สร้างรอยยิ้มน้อย ๆ ให้เกิดขึ้นในวันอันอ้างว้างหนาวเหน็บเช่นนี้
ก็ถือว่ามันทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีแล้วล่ะค่ะ

พวกเราจะผ่านเหตุการณ์สูญเสียครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างเข้มแข็งค่ะ
(ยื่นมือให้จับ)



«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The 37th Bonding
บททดสอบแรกของคนรอ  




“อาฌาน!” พี่พลายกับพลุในชุดเสื้อลายดอกกับกางเกงขากระบอกผ้าฝ้ายสีสดใสวิ่งตื๋อนำหน้าป๊ะป๋าลงจากบันไดมายังโต๊ะกินข้าวพลางส่งเสียงทักทายแขกคนใหม่ของบ้านอย่างคึกคัก

Watch out kiddos! It’s not fun hurting yourselves before going to school, you know?” เต๋อปรามเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสองด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เพราะหากเด็ก ๆ หกล้มจริง ๆ ไม่ใช่แค่เจ้าตัวจะหมดสนุก แต่เหล่าผู้ใหญ่อย่างพวกเขานี่แหละที่จะเจ็บปวดทุรนทุรายตามลูก ๆ ไปติด ๆ

Roger that!!” ปภพหยุดยืนตะเบ๊ะพลางยิ้มร่ารับคำบิดาร่างหมีก่อนออกวิ่งไล่กวดน้องชายคนรองอย่างคล่องแคล่วอีกครั้ง

อาการดีอกดีใจจนคล้าย ๆ ไฮเปอร์ของเด็กแฝดทั้งสองคงเป็นผลมาจากการที่บ้านนี้ไม่ค่อยได้รับรองแขกเหรื่อแปลกหน้าบ่อยนัก หลัก ๆ แล้วเห็นจะมีเพียงครอบครัวของคุณยายบัวกับตาเขียวที่มักจะลงมาเยี่ยมกังฟูทุก ๆ ครึ่งปีเท่านั้น จึงไม่แปลกหากเจ้าตัวน้อยจะตื่นเต้นและยินดีที่เห็นคุณอาสุดหล่อนั่งรอร่วมโต๊ะอาหารเช้าด้วยกันอีกวันหนึ่ง


“เด็ก ๆ อย่าวิ่งเร็วนักสิครับ ระวังล้มนะ” ร่างทรงหนุ่มร้องเตือนเจ้าตัวเล็กทั้งสองอย่างพอหอมปากหอมคอก่อนจะหันไปส่งสายตาหวานเชื่อมทิ้งท้ายให้กับเด็กชายปวรที่เดินจูงมือคุณพ่อหน้าหวานตามหลังพี่ชายมาอย่างระมัดระวัง “ตัวเล็ก”  

“ฌาน” เด็กชายคลี่ยิ้มละไมพลางปราดเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล ฌานจึงอุ้มทายาทคนสุดท้องของบ้านขึ้นนั่งเก้าอี้ตัวข้าง ๆ กันทันที

“พี่พลาย พลุนั่งประจำที่ได้แล้วครับ... ได้เวลากินข้าวแล้วลูก” กรกฏดุบุตรชายทั้งสองที่วิ่งไล่จับกันไปรอบ ๆ โต๊ะ จากนั้นจึงหันไปจัดการพ่อหมีที่ยืนกอดอกทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตำแหน่งเดิมเหมือนกับมื้อเช้าของเมื่อวานไม่มีผิดเพี้ยน “นั่งสิครับป๋า ยืนนาน ๆ เดี๋ยวก็เป็นตะคริวหรอก”

แม้จะพยายามสู้สายตากับอริยะตรัยผู้พี่อยู่นานหลายนาที ทว่าระดับความยำเกรงที่มีต่อผู้เป็นภรรยาก็ทำให้อดีตเด็กสถาปัตย์ทรุดตัวลงนั่งอย่างจำยอม “ที่รัก เช้านี้มีอะไรกินบ้าง?” ตรินแสร้งเสไปถามคนรักหน้าหยกด้วยภาษาที่สองเพื่อปกปิดอาการเสียหน้าของตน

“ข้าวต้มกุ๊ยกับเกี๊ยวทรงเครื่องน้ำใส ป๋าอยากกินอะไร?” ด้วงตอบด้วยรอยยิ้มมุมปากเพราะทันเห็นเหตุการณ์น่าขันทั้งหมด

“เอาเกี๊ยวมาก็ได้ ที่รักทำเองใช่ไหมครับ?”

“อืม” วิญญูตอบพลางคลี่ยิ้มล้อเลียนป๊ะป๋าหน้าคม ก่อนจะหันไปถามไถ่อาคันตุกะตามประสาเจ้าบ้านผู้อารี “ฌานกินเกี๊ยวได้ใช่ไหม? หรือจะเอาข้าวต้มดี?”  

“เกี๊ยวก็ได้ครับพี่ด้วง ขอบคุณครับ”

“ฌานจะกลับบ้านอีกทีเมื่อไร?” กรกฏถามขึ้นเมื่อจับลูกลิงเบอร์หนึ่งและสองนั่งประจำที่ได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าการที่ใครต่อใครพากันให้ความสนใจกับรุ่นน้องร่วมคณะโดยพร้อมเพรียงกันจะทำให้ประมุขของบ้านหมั่นไส้จนอดส่งเสียงฮึดฮัดไม่ได้

ฮึ!

ป๋า! กังฟูถลึงตาดุป๊ะป๋าร่างหมี จากนั้นจึงคลี่ยิ้มเป็นมิตรให้แฝดพี่ “ว่าไงฌาน?”  

“เดี๋ยวพอไปส่งเด็ก ๆ เช้านี้เสร็จ ผมจะเลยไปเก็บกระเป๋าที่บ้านแล้วค่อยแวะไปเจอเฮียที่โรงเรียนตอนบ่ายทีเดียวเลยครับ” หนุ่มรุ่นน้องตอบพลางค้อมหัวขอบคุณแม่บ้านที่วางเกี๊ยวน้ำชามโตส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอลงตรงหน้า

“อืม ถ้ามีของใช้ส่วนตัวจำเป็นอะไรที่โน่นก็เอามาไว้ที่นี่เสียเลยนะ ระหว่างนี้ฌานก็ใช้ห้องรับรองแขกไปก่อน จะได้ไม่ต้องย้ายของในห้องให้วุ่นวาย เดี๋ยวเฮียบอกเด็กให้เข้าไปทำสะอาดห้องให้อีกที”

“ขอบคุณครับเฮียฟู” ฌานกระพุ่มมือไหว้รุ่นพี่อย่างซาบซึ้ง ลองว่ากรกฏส่งเทียบเชื้อเชิญชัดเจนแบบนี้ แปลว่าอนาคตของว่าที่ลูกเขยของบ้านอย่างเขาก็สดใสขึ้นกว่าเมื่อไม่กี่สิบชั่วโมงที่แล้วเยอะทีเดียว

“แล้วงานการมึงล่ะ จะไม่ทำแล้วหรือไง? หรือมึงจะทำตัวล่องลอยเป็นพ่อพวงมาลัยสิงอยู่ตามรั้วโรงเรียนลูกกูไปเรื่อย ๆ ?” สีหน้าระรื่นชื่นบานของรุ่นน้องทำเอาคุณป๋าอดแขวะไม่ได้  

“ผมก็กำลังรอให้รุ่นพี่ที่รู้จักกลับมาจากแฟชันวีคที่มิลานอยู่น่ะครับ แกบอกว่า หลังแกกลับเมืองไทยรอบนี้แกจะนัดผมไปคุยอีกทีว่าผมควรไปเริ่มงานกับแกเมื่อไร” 

“เฮอะ! ดูจะสโลวไลฟ์แถมยังมีกินมีใช้เหลือเกินนะไอ้อาชีพตากล้องเนี่ย!” ตรินปรายหางตามองว่าที่ลูกเขยพลางพูดแดกดันอย่างลื่นไหลคล้ายกับเผลอเปิดโหมดหมั่นไส้อัตโนมัติค้างอยู่อย่างไรอย่างนั้น

แต่ฌานหาใช่ไก่อ่อนแปลกหน้าที่ไหน ครั้นจะปล่อยให้รุ่นพี่หน้าคมข่มอยู่ฝ่ายเดียว คงจะผิดคอนเซปต์ส่วนตัวไปมากโข “ก็น่าจะพอเลี้ยงดูตัวเองกับคนรักได้สบาย ๆ อยู่นะครับ”

“ไอ้เห...”
“ป๋า... ป๋าบอกลูกเรื่องฌานหรือยัง?” วิญญูรีบถามแทรกเมื่อเห็นเต๋อตั้งท่าจะกระซวกร่างทรงหนุ่มอยู่รอมร่อ
“ป๋าว่าเรื่องจุกจิกไม่สำคัญแบบนี้ ไว้พวกเราค่อยบอกเด็ก ๆ อีกทีวันหลังก็ได้นะหนู” ตรินตอบคนรักพลางแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ชายหนุ่มที่นั่งประจันหน้ากับตนเองอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะกินข้าว เพื่อป้องกันความร้าวฉานภายในบ้าน ผู้บัญชาการสูงสุดจึงชิงตัดหน้า ประกาศเรื่องความเปลี่ยนแปลงล่าสุดให้สมาชิกทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกัน

“เด็ก ๆ ครับ” กังฟูเกริ่นกับบุตรชายทั้งสามด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดจนฝาแฝดพากันหันไปจับจ้องชายหนุ่มเป็นตาเดียว “ฟังพ่อนะลูก... นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาฌานจะย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเรานะครับ”

เย่!” แม้จะไม่รู้ชัดว่าการมาของอาฌานจะดีอย่างไร แต่ข่าวการเข้าพักอาศัยของอีกหนึ่งชีวิตก็ทำให้เด็ก ๆ ชอบอกชอบใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนั่นจะหมายความว่า พวกเขาจะมีเพื่อนเล่น และคนคอยตามใจเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว  ถึงอย่างนั้น กลับมีอยู่หนึ่งหน่อที่ออกอาการไม่พอใจอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

ฟู!

เจ้าของชื่อเลื่อนกรอบสายตาเย็นเยียบหันไปมองสยบป๊ะป๋าร่างหมีอย่างเฉียบขาดพร้อมกับอธิบายเสริมเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันของทุกคน โดยเฉพาะทายาทคนเล็กที่ควรรับรู้ถึงเงื่อนไขเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ เสียแต่เนิ่น ๆ “แต่ถึงส่วนใหญ่อาฌานจะอยู่ที่นี่ แต่อาจจะมีบางวันที่อาฌานไม่อยู่ เพราะอาฌานเองก็ต้องกลับบ้าน หรือไปทำงานต่างจังหวัดบ้างนะลูก... พวกเราจะไม่งอแงเวลาอาฌานไม่อยู่ใช่ไหมครับ?”

คับ!

เสียงรับคำโดยพร้อมเพรียงของฝาแฝดทั้งสามเรียกรอยยิ้มของคุณพ่อหน้าหวานได้ทันตา “เก่งมากลูก!

“พ่อฟูครับ งั้นคืนนี้ให้ฌานเล่านิทานให้พวกเราฟังได้ไหมครับ?” เด็กชายพลับต่อรองเมื่อเข้าใจคำบอกเล่าของบิดาอย่างถ่องแท้

“ได้สิครับ แต่ขอพ่อฟูเข้าไปฟังอาฌานเล่านิทานด้วยได้ไหมลูก?” จริงอยู่ที่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจะทำใจเรื่องฌานได้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าชายหนุ่มจะยอมปล่อยให้รุ่นน้องได้ใช้เวลาอยู่กับลูก ๆ ของเขาเพียงลำพังเสียหน่อย

“ได้ครับ” ปวรยิ้มหวานให้ทั้งพ่อและคนรักไปพร้อม ๆ กัน

ภาพบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยความรักตรงหน้าทำให้ว่าที่พ่อตาหน้าคมขัดอกขัดใจเป็นที่สุด “จิ๊!

“ป๋าเป็นอะไรครับ? เกี๊ยวไม่อร่อยเหรอ?” วิญญูแซวคนรักอย่างห้ามปากไม่ได้ เพราะไม่บ่อยที่จะมีใครกล้ากระตุกหนวดพ่อหมีหน้าคมแล้วจะไม่โดนตะปบดังเช่นในเวลานี้

เปล่า!” ตรินกระเง้ากระงอดจนดูตลก

“ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ ครับ” กังฟูยิ้มจิกพลางคาดโทษด้วยน้ำเสียงจริงจังจนขนอ่อนหลังต้นคอของเต๋อลุกพรึ่บพรั่บโดยพร้อมเพรียง “เพราะถ้าป๋ากินไม่หมดเหมือนเมื่อวาน เช้านี้ฟูไม่ปล่อยให้ป๋าไปทำงานแน่ ๆ ครับ” 


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“พี่ฌานเรียกพวกเรามากินข้าวกลางวันถึงที่นี่เพราะมีอะไรอยากจะบอกใช่ไหมครับ?” อคิรายิงคำถามตรงเข้าประเด็น ทันทีที่หย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องทำงานด้านหลังส่วนคาเฟ่ของสกลเป็นที่เรียบร้อย

“ใช่ พี่ฌานมีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนรับรู้พร้อม ๆ กัน”

“เรื่องอะไรเหรอครับ? ยิ่งถ้าเป็นความลับ... พี่ฌานยิ่งไม่ต้องห่วงไปนะครับ เพราะน้องนี่แหละที่จะช่วยเก็บงำทุก ๆ เรื่อง ทุก ๆ ประเด็นที่พี่ฌานอยากจะปกปิดเอาไว้จนวันตาย” ขาเสือกหน้าแว่นจีบปากจีบคอพลางแอบส่งสายตาเหล่หมีโพล่าร์รูปหล่อที่ย้ายออกไปเฝ้าหน้าร้านให้ในขณะที่เหล่าสมุนเลวรุ่นบุกเบิกเข้าร่วมประชุมฉุกเฉินตามคำร้องขอของแฝดพี่

หรา?!
พี่หมี!” ถ้าเก็กอดแซะหลานอาม่าใหญ่ไม่ได้ฉันใด บ๊วยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันก็ไม่อาจปล่อยปละละเลยคนรักให้ทำตัวไม่น่ารักโดยไม่ตักเตือนได้ฉันนั้น
“พอ ๆ พี่ฌานจะบอกอะไรพวกเราเหรอครับ?” อดีตเดือนมหาลัยซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของแฝดน้องผู้ลางานไม่ได้ยกมือขึ้นห้ามขั้วอำนาจทั้งหลายทันทีด้วยเพราะตัวเขาเองมีเวลาจำกัด

“พี่รักอยู่กับลูกชายคนเล็กของพี่เต๋อ” ท่าทางเร่งรีบของแฟนน้องชายทำให้ร่างทรงหนุ่มไม่อ้อมค้อม แต่ดูเหมือนการค่อย ๆ เท้าความบอกเล่าถึงที่มาที่ไป คือ ข้อควรกระทำที่ผู้ฟังทั้งหลายปรารถนา

ห๊ะ?!
จริงดิ?!!
พี่ฌานว่าไงนะครับ?!” โชคดีที่ห้องทำงานของสกลเก็บเสียง ไม่อย่างนั้นแขกทั้งร้านคงมีอันตกอกตกใจเพราะเสียงอุทานอย่างเสียอาการของเหล่าผู้ฟังทั้งสี่

“พี่ฌานกับพลับ... เรารักกัน”

“ถามจริง ๆ พี่ฌาน? พี่ฌานไม่ได้อำพวกผมเล่นใช่ไหมครับ?”

“หึ! เรื่องจริงว่ะเก็ก โทษทีที่พี่ฌานทำให้เก็กผิดหวังนะ”

พี่ฌานกับหลานผมเนี่ยนะครับ?!” ธันวายังคลางแคลงใจ มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ? ก็พี่ฌานเพิ่งกลับมาเมืองไทยไม่กี่วันนี้เองนี่หว่า?!! แถมอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ ... พลับเป็นถึงหลาน เป็นถึงลูกของพี่ชายเขาเลยนะเว่ย!!!

“อืม... พี่กับหลานห้าขวบของเก็กคนนั้นน่ะแหละ”

“แล้วนี่พี่ฌานได้คุยกับพวกเฮียหรือยังครับ?” แม้จะยังประหลาดใจไม่วางวาย แต่เพราะรู้จักอีกฝ่ายรวมถึงครอบครัวของกรกฏเป็นอย่างดี อดีตเดือนมหาลัยจึงอดเป็นห่วงเพื่อนและผู้นำกลุ่มไม่ได้

“ก็คุยแล้ว... คุยตั้งแต่วันแรกที่พี่ฌานกลับมานั่นแหละ”

คนเห็นผีตบโต๊ะพลางพึมพำอย่างออกรส “ว่าแล้วเชียว! ไม่งั้นคืนนั้นพวกพี่เต๋อคงไม่รวบตึงไล่พวกเรากลับบ้านทั้ง ๆ ที่เป็นคืนวันเกิดของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแบบนั้นหรอก!

“พวกพี่เต๋อโอเคหรือเปล่าครับพี่ฌาน?” ลูกแม่บัวไม่กล้าคาดเดาสถานการณ์เพราะไม่ใช่แค่เพิ่งรู้ความแบบกะทันหัน หากแต่การประกาศความรู้สึกลึกซึ้งกับเด็กอนุบาลที่บรรดาพ่อ ๆ หวงแหนราวไข่ในหินก็ยิ่งส่งเสริมให้เรื่องทั้งหมดยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ “พวกแกว่ายังไงบ้างครับ?”

“ตอนแรกพี่เต๋อก็ไม่โอเคหรอก... แกรับไม่ได้ที่รู้ว่าแฟนของลูกชายคนเล็กจะโผล่หัวมาให้เห็นหน้าตั้งแต่ตอนที่ลูกชายแกมีอายุแค่ห้าขวบน่ะ”

“เป็นผมผมก็ช็อกว่ะพี่ หลานผมเพิ่งเข้าอนุบาลมาปีเดียวเองนะครับ” ค่าที่รักและเอ็นดูหลาน ๆ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร อริยะตรัยคนน้องจึงถือหางพี่เขยอย่างไม่ยากเย็นนัก

“นั่นสิครับพี่ฌาน... แล้วพี่ฌานไปรักกับพลับเอาตอนไหน? จริง ๆ แล้วที่พี่ฌานรักหลานผมไม่ใช่เพราะเผลอไปเข้ารีตนิยมมีอะไรกับเด็กแบบพวกฝรั่งแก่ ๆ ที่มีรสนิยมแปลก ๆ ใช่ไหมครับ?” จินตนาการอันพลุ่งพล่านทำเอาคนเห็นผีโพล่งอย่างลืมตัว คู่รักปากช่องจึงอดแหวห้ามปรามไม่ได้

สกล!
ไอ้หนูแนน!
โธ่! ถามนิดถามหน่อยจะเป็นไรไป ผมก็แค่สงสัย ไม่ได้จะว่าพี่ฌานว่าเป็นอะไรแบบนั้นเสียหน่อยหนิ!
“ช่างแนนซี่ก่อนเถอะ เรื่องของพี่ฌานสำคัญกว่าอีกนะ!” อคิราผู้งานรัดตัวยิ่งกว่าใคร ๆ รับหน้าที่เป็นกรรมการห้ามมวยของวันนี้ไปโดยปริยาย “สรุปว่าพี่ฌานกับหลานคนเล็กของพวกเราไปรักกันตอนไหนเหรอครับ?”

“ถ้าทุกคนยังจำได้ สมัยเรียน... ฌอนมีกุมารคู่ใจชื่อพี่พลาย นึกออกกันหรือเปล่า?” คำถามของฌานเรียกความทรงจำของทุกคนให้หวนกลับคืนได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอดีตเดือนบริหารที่ใกล้ชิดกับเด็กวิเศษยิ่งกว่าใครทั้งหมด

อ๋อ!” ทุกคนพยักหน้ารับเพราะคงไม่มีใครลืมเรื่องน่าอัศจรรย์สมัยเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษามหาลัยได้ลงคอ หากแต่เป็นหนุ่มแว่นที่ไม่อาจเก็บกักความสงสัยเอาไว้กับตัวได้

“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวกับพี่พลายตรงไหนเหรอครับพี่ฌาน?”   

“วิญญาณของพี่พลายมาเกิดใหม่เป็นลูก ๆ ของเฮียฟู โดยที่ดวงจิตแตกออกเป็นสามส่วน และหนึ่งในนั้น คือดวงจิตที่พี่ฌานผูกใจรักมั่นสัญญามาแต่ชาติปางก่อนน่ะ” ร่างทรงหนุ่มอธิบายด้วยถ้อยคำง่าย ๆ เพื่อช่วยให้คนฟังสามารถทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันได้อย่างรวดเร็ว

ตู้วหูว! เรื่องนี้ช่างมีเงี่ยนงำล้ำหน้ากว่าพิษสวาทฟีทเจอริ่งกับบ่วงอภิษฐานเสียอีกนะครับ!!! เล่าต่อเลยครับพี่ฌาน ผมรอฟังอยู่!

เก็กถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายให้กับความเผือกของมนุษย์เชษหน้าแว่นก่อนจะชิงปาดหน้าเค้กอย่างถือวิสาสะ “พลับคือจิตที่ดวงที่เจ้าพ่อให้แปลงร่างเป็นคนเล็กหัวแดงเมื่อตอนช่วยให้เฮียกับพวกพี่เต๋อพี่ด้วงตกลงคบกันใช่ไหมครับพี่ฌาน?”

“ใช่ พลับกับคนเล็กคือดวงจิตของคนรักเก่าพี่ฌานเอง”

อย่าบอกนะครับว่าพี่ฌานเล่าเรื่องนี้ให้พวกพี่เต๋อฟัง?!!” อิ๊กถามแทรกขึ้นด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ไม่มีทางที่คนบ้านนั้นจะเชื่อสิ่งที่แฝดพี่เพิ่งเล่าให้พวกเขาฟังหรอก... แต่ถ้าแค่กับไอ้เฮียจอมงมงายก็ไม่แน่นะ หึ!

“พี่ฌานจะไปเล่าเรื่องแบบนี้ให้พวกพี่ ๆ ฟังได้ยังไงล่ะ ขืนพวกแกหาว่าพี่ฌานบ้าขึ้นมา... พี่ฌานก็ไม่ได้เจอหน้าพลับกันพอดีน่ะสิ"”

“โอเค... สรุปว่า พี่ฌานกับหลานคนเล็กของพวกผมรักกัน แล้วภาคต่อของเรื่องนี้จะดำเนินไปในทิศทางไหนกันล่ะครับพี่ฌาน?” ที่สุดแล้ว เจ้าของคาเฟ่หน้าแว่นก็อดเป็นห่วงเพื่อนรักไม่ได้อยู่ดี

“หลังจากนี้ก็ไม่ยังไงหรอก... แค่ความสัมพันธ์ของพี่ฌานกับพลับได้รับการยอมรับจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย รวมถึงพวกเราทุกคน พี่ฌานก็พอใจแล้ว ต่อให้พี่ฌานต้องยอมทำตามกฏเหล็กทั้งหลายที่พี่เต๋อแกสรรหามาสั่งไปจนกว่าพลับจะอายุครบสิบแปดปี พี่ฌานก็ทนได้”

ห๊ะ?! นี่พี่ฌานต้องรอติ๊ดชึ่งกับหลานคนเล็กของพวกผมไปอีกสิบกว่าปีเลยเหรอครับ?! คำบอกเล่าของหัวหน้ากลุ่มคือสาเหตุของใบหน้าโศกสลดราวกับโลกกำลังจะแตกดับในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าของหลานอาม่าใหญ่ พี่ฌานของพวกเขาจะต้องสงวนความบริสุทธิ์เอาไว้อีกตั้งสิบห้าปีเชียวหรือ?! ถ้าต้องอดใจรอนานถึงป่านนั้น พี่ฌานจะยังเตะปี๊บดังอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้?!!

“มันก็ถูกแล้วหรือเปล่าวะไอ้หนูแนน?  หลานพี่หมียังไม่บรรลุนิติภาวะ จะให้มามีความสัมพันธ์เกินเลยกับคนโตกว่าสองรอบตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ก็จะเกินไปหน่อยหรือเปล่า?” ธันวาเตือนสติหนุ่มแว่นทันควัน

“แหม่พี่หมีครับ เรื่องนั้นผมก็เข้าใจ แต่ผมก็อดหนักใจแทนพี่ฌานไม่ได้นี่ครับ... พี่หมีลองคิดดูดิ ขนาดพี่หมีเองยังได้เสียซิงก่อนอายุสิบแปดเลย ถ้าพี่เต๋อไม่สั่งห้าม พี่ฌานก็น่าจะได้ลิ้มลองรสชาติของความสุขประสาคู่รักเร็วกว่ากำหนดสิบสามปีนรกนั่นจะมาถึงนะครับ”

“เออว่ะ! ถ้ามองมุมพี่ฌาน พี่หมีก็อดสงสารพี่ฌานไม่ได้เหมือนกัน” อารามเห็นอกเห็นใจสายรุกผู้ร่วมชะตากรรม อดีตเดือนมหาลัยจึงเปลี่ยนฝั่งแปรพักตร์ด้วยความไวแสง “พี่ฌานจะไหวเหรอครับเนี่ย ตั้งสิบกว่าปีเชียวนะครับ?”

“ไหวสิ... ต้องไหว ขนาดอดทนไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งสิบปี พี่ฌานยังรอดมาได้เลย... แค่ต้องรอต่ออีกสิบห้าปี จะหนักหนาสาหัสแค่ไหนกัน” ร่างทรงหนุ่มประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับจะตอกย้ำให้คนฟัง รวมถึงตัวเองเชื่อมั่นและศรัทธากับความรักหลากเงื่อนไขในครั้งนี้อีกคำรบ


«»------------------------------------------------------------------------------------«»



ช่วงบ่ายแก่ ๆ วันหนึ่ง เสียงถกเถียงโหวกเหวกที่ดังตรงมาจากพื้นที่ส่วนนั่งเล่นทำเอาคุณพ่อหน้าหวานหุนหันจ้ำนำหน้าแม่บ้านเพื่อรีบไปห้ามทัพเหล่าฝาแฝดอย่างร้อนรน “เล่นอะไรกันครับเด็ก ๆ ? ขอพ่อฟูเล่นด้วยคนได้ไหมเอ่ย?” กรกฏตะล่อมถามลูกชายทั้งสามด้วยน้ำเสียงรื่นหูพลางพยักหน้าให้แม่บ้านวางถาดของว่างไว้ตรงโต๊ะข้าง ๆ

“พี่พายพุพับกำลังเล่นคอบคัวกันคับ” ทายาทคนโตตอบอย่างฉะฉาน

“เล่นครอบครัวเหรอลูก? แล้วมันเล่นยังไงเหรอครับ?... ไหนพี่พลายลองสอนพ่อหน่อยซิ ถ้าพ่อเล่นเป็น วันหลังพ่อจะได้เล่นกับลูก ๆ ได้” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยหลอกล่อบุตรชายคนโตอย่างใจเย็น

“นี่ไงคับ... พี่พายเล่นเป็นพ่อ ส่วนพุก็เล่นเป็นแม่ แล้วพับก็เล่นเป็นลูก” พลายว่าพลางวาดมือแตะตัวน้อง ๆ แต่ละคนตามลำดับ

“เหรอลูก น่าสนุกจังเลยครับ” แต่แทนที่บทสนทนาจะดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น ลูกชายคนเล็กกลับแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“แต่คุณครูบอกว่าแม่เป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย... พะ-ลุเป็นผู้ชาย พะ-ลุก็ต้องเป็นพ่อสิ!” เด็กน้อยผู้คงแก่เรียนเถียงหัวชนฝา ไม่ว่าจะอย่างไร แม่ก็ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น!

“ก็แล้วทำไมแม่จะเป็นผู้ชายไม่ได้ล่ะ? พี่พายบอกว่าพุเป็นแม่ พุก็ต้องเป็นแม่สิ!” จริงอยู่ที่ฝาแฝดคนสุดท้องจะเป็นเด็กเอาแต่ใจ หากแต่เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กชายคนโตสุดผู้ได้รับการถ่ายโอนอุปนิสัยเด่น ๆ ของบรรดาพ่อ ๆ ติดตัวมามากกว่าใคร ๆ แล้วล่ะก็ ความเอาแต่ใจและอัตตาของพลับกลับเป็นรองพี่พลายอยู่หลายช่วงตัว

“แต่พะ-ลุเป็นผู้ชาย!
  
“ก็พี่พายจะให้พุเป็นแม่นี่!

“ไม่เอานะลูก... ไม่ทะเลาะกันครับ” หลังจากเฝ้าดูท่าทีของบุตรชายอยู่นานสองนาน เพื่อรอให้การทะเลาะกันของเด็กยุติลงได้เอง แต่ทันทีที่เห็นเด็กชายปภพเริ่มกำหมัด อริยะตรัยคนโตก็ตัดไฟแต่ต้นลมโดยพลัน

พุต้องเป็นแม่ พี่พายจะให้พุเป็นแม่!” พลายตะเบ็งสุดเสียงพลางตีหน้ายักษ์ใส่น้องจนกังฟูต้องคว้าตัวบุตรชายคนโตมากอดไว้พร้อมกับห้ามปรามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหากแต่เฉียบขาด

“ชู่ว์! เงียบก่อนนะลูก ฟังพ่อก่อนนะครับ!”  

“เอาล่ะ ทุกคนมานั่งนี่ครับ... มานั่งตรงหน้าพ่อฟูนี่” กรกฏกวักมือเรียกให้ลูกชายอีกสองคนให้มานั่งเรียงหน้ากระดานตรงหน้าตนเอง “ไหนพี่พลายลองบอกพ่อฟูซิครับว่าทำไมพี่พลายถึงอยากให้พลุเล่นเป็นแม่?”

“ก็... ก็... ก็พี่พายจะเป็นพ่อ ส่วนพับเป็นลูก พุก็ต้องเป็นแม่สิคับ ไม่งั้นจะเล่นคอบคัวกันได้ยังไง?”

“แต่พะ-ลุเป็นแม่ไม่ได้!” เจ้าของหัวเห็ดดอกเล็กที่สุดโก่งคอแย้งแบบไม่ยอมน้อยหน้าพี่

“ฮื่อพลับ! พลับตั้งใจฟังที่พ่อจะบอกพี่พลายก่อนนะครับ” คุณพ่อหน้าหวานกวาดแขนไปลูบหลังลูกชายคนเล็กเบา ๆ พร้อมกับร้องขออย่างนุ่มนวลพลางเหลือบมองบุตรคนรองที่นั่งพับเพียบรอฟังตนอย่างเงียบเชียบเรียบร้อย จากนั้นจึงก้มหน้าลงสบตากับทายาทคนแรกในอ้อมอกแล้วจึงถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจของตนอย่างชัดถ้อยชัดคำ “พี่พลายครับ ในโลกนี้ยังมีครอบครัวอีกเยอะแยะเลยนะที่อาจไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ หรือไม่มีลูก”

ชายหนุ่มเว้นวรรคพักใหญ่ ๆ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้คิดตาม “แต่พี่พลายรู้ไหมลูกว่า ถ้าคนในครอบครัวรัก เข้าใจ และคอยดูแลซึ่งกันและกัน ต่อให้ขาดใครไปสักคน พวกเขาก็จะอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวได้อย่างมีความสุข”

“...” เด็กชายปภพนิ่งฟังพลางค่อย ๆ ประมวลผลอย่างตั้งอกตั้งใจ

“พี่พลายดูอย่างครอบครัวเราก็ได้ลูก ครอบครัวเราก็ไม่มีแม่ มีแค่พ่อ ป๊ะป๋า แดดดี๊ แล้วก็พวกลูก ๆ สามคน”

แล้วก็ฌาน!” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กร้องแทรกขึ้นเพื่อแก้ไขข้อมูลสำมะโนประชากรของบ้านตามความเปลี่ยนแปลงล่าสุด

“ครับ แล้วก็อาฌาน เก่งมากครับพลับ” แม้วาจาจะชื่นชม แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกหมั่นเขี้ยวบุตรชายคนเล็กขึ้นมาติดหมัด ทว่าเรื่องสำคัญกว่ากลับทำให้กังฟูยังไม่อาจกอดรัดฟัดเหวี่ยงทายาทคนสุดท้องได้ดังใจอยาก “ถึงครอบครัวของเราจะมีกันอยู่แค่นี้ แต่พวกเราก็ยังเป็นครอบครัวที่มีความสุขได้เลย ใช่ไหมครับพี่พลาย?”

“คับ”

“ส่วนคำว่าแม่ โดยปกติแล้ว คำ ๆ นี้เป็นคำที่ใช้เรียกผู้หญิงที่อุ้มท้อง ให้กำเนิด และเลี้ยงดูพวกเราทุกคนจนโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้น ก็คงจะจริงอย่างที่คุณครูบอกพวกลูก ๆ นั่นแหละครับว่า แม่เป็นคำที่ใช้กับเฉพาะผู้หญิงเป็นหลัก”
“แต่ในความเป็นจริง ในบางครอบครัวหรือบางครั้ง เราสามารถเรียกใครก็ตามว่าแม่ได้ หากคน ๆ นั้นให้ความรักและคอยดูแลเราหรือคนอื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ต่างจากสิ่งที่คุณแม่ส่วนใหญ่ทำกัน”

“ผู้ชายก็เป็นแม่ได้เหรอครับ?”

คำถามซื่อ ๆ ของเด็กชายปวรเรียกรอยยิ้มของคนเป็นพ่อได้อีกครั้ง “เป็นได้สิลูก”

“ใช่ ๆ ปูเป้บอกพุว่า พ่อของปูเป้เป็นทั้งพ่อและแม่ในคนเดียวกัน ปูเป้เลยไม่ต้องมีแม่ก็ได้” สุดท้าย เด็กน้อยผู้ไม่มีปากเสียงใด ๆ มาโดยตลอดก็ออกความเห็นเป็นครั้งแรก ได้ยินดังนั้น กังฟูจึงลูบหัวบุตรชายคนกลางอย่างรักใคร่

“จริง ๆ พ่อว่า การที่เราจะเรียกใครด้วยคำใดคำหนึ่ง น่าจะขึ้นอยู่กับความสบายใจของทั้งสองฝ่ายมากกว่า” กรกฏเว้นวรรคชั่วอึดใจเพื่อเรียกร้องความสนใจจากฝาแฝด “ยกตัวอย่างง่าย ๆ นะครับ ถ้าเกิดวันหนึ่งลูก ๆ อยากเรียกพ่อฟูว่าแม่ แล้วถ้านั่นทำให้ลูก ๆ กับพ่อมีความสุข พ่อก็จะเป็นแม่ของลูก ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าพวกเราอยากจะเรียกพ่อด้วยคำอื่น เช่น ปลาโลมา กระต่าย หรืออะไรก็ตามที่พี่พลายกับน้อง ๆ และพ่อชอบใจ... พี่พลายเข้าใจที่พ่อพูดไหมครับ? อยากให้พ่ออธิบายอะไรเพิ่มหรือเปล่า?”   

“แล้วแม่ของพวกเลาอยู่ไหนเหลอคับพ่อฟู?” เด็กชายพลุถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ๆ หากแต่ไม่ละสายตาจากผู้เป็นบิดาเลยสักวินาที กังฟูจึงรวบตัวลูก ๆ อีกสองคนขึ้นมานั่งเหนือตักตนเองอย่างพร้อมหน้า

“พลุลูก... ครอบครัวของเราเกิดขึ้นจากความรักของพ่อ ป๊ะป๋า แล้วก็แดดดี๊... พวกเราสามคนรักกันมากจนอยากสร้างครอบครัวและมีลูกด้วยกัน แต่เพราะพ่อ ป๋า และแด๊ดเป็นผู้ชาย พวกเราเลยอุ้มท้องพวกลูก ๆ ไม่ได้” 

“ท้องป่อง ๆ เพาะมีน้องเหมือนพี่เตยคนฉวยใช่ไหมคับ?” ถึงคราวเด็กชายหัวโจกของบ้านอวดภูมิโดยอ้างอิงถึงเพื่อนบ้านที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน อริยะตรัยคนโตพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจแล้วเสริมความทันท่วงที

“ใช่ครับ เพราะพวกพ่อเป็นผู้ชาย เราเลยอุ้มท้องเหมือนพี่เตยคนสวยไม่ได้ พ่อเลยไปหาคุณหมอเพื่อขอให้คุณหมอช่วยพาลูก ๆ มาเกิดในท้องของป้าบิวแทน พอถึงวันเกิดของพี่พลาย พลุ พลับป้าบิวก็มอบลูก ๆ เป็นของขวัญให้พวกพ่อ ๆ ได้ดูแลและอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวมาจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะครับ”

“โอ้โห! ฉวดยวด! พี่พายพุพับฉวดยวด!” ดวงตาของเด็กชายพลายส่งประกายแวววาวราวกับเพิ่งได้ฟังเรื่องอัศจรรย์ไปหมาด ๆ

“ถึงทุกวันนี้ครอบครัวเราจะไม่มีแม่ แต่พวกลูก ๆ ก็มีป๊ะป๋า แดดดี๊ และพ่อฟูตั้งสามคนเลยเชียวนะ... ครอบครัวเราเท่ออก มีคุณพ่อตั้งสามคน แถมยังมีพี่พลาย พลุ พลับสุดยอด ๆ อยู่อีกด้วย! จริงไหมครับพี่พลาย พลับ?”

“จิงคับ!
“ครับ!” ทายาทคนโตและคนสุดท้องของตระกูลคุณะประสิฒธิ์แข่งกันพยักหน้ารับคำบิดาจนเห็ดบนหัวผิดรูปเสียทรง

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะเล่นครอบครัวกันได้หรือยังเอ่ย?”

“ได้แล้วคับ!

“ไหนบอกพ่อซิว่าพี่พลายจะเล่นครอบครัวกับน้องยังไง?” กรกฏหลอกถามเพื่อเช็กความเข้าใจของเด็ก ๆ อย่างแนบเนียน ฝ่ายเด็กชายก็ตอบเสียงดังด้วยความมั่นอกมั่นใจไม่ต่างจากทุกที

“พี่พายกับพุจะเป็นพ่อเหมือนป๋า แด๊ด แล้วก็พ่อฟู ส่วนพับจะเป็นลูกคับ!

“แล้วพ่อฟูล่ะครับ พี่พลายจะไม่ให้พ่อฟูเล่นด้วยเหรอลูก?”

“งั้นพ่อฟูก็เป็นลูกกับพับแล้วกันคับ เพาะคอบคัวพี่พายมีพ่อแค่สองคน” เด็กชายปภพจัดแจงเสร็จสรรพพลางควงแขนน้องชายคนรองแล้วลากอีกฝ่ายมายืนเคียงข้างคล้ายแบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายจนคนเป็นพ่อไม่กล้ามีปากเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น

“ครับ ๆ ได้ครับ... แล้วถ้าจะเล่นเป็นลูก พ่อฟูต้องทำอะไรบ้างครับ?”

“เดี๋ยวพะ- ลับสอนพ่อฟูเองครับ พ่อฟูเล่นตามพะ-ลับก็ได้” ทายาทคนสุดท้องเสนอตัวพลางคลี่ยิ้มหวานพร้อมกอดบิดาซึ่งกลายเป็นพวกเดียวกันในชั่วพริบตาเดียวอย่างแนบแน่น

“หึ หึ หึ... ได้ครับลูก” ท่าทางเอาจริงเอาจังของบุตรชายทั้งสามทำเอากังฟูหลุดขำด้วยความเอ็นดูอย่างที่สุด


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“พี่พะ-ลาย วันนี้พวกเรามาระบายสีกันเถอะ” ประโยคชักชวนนี้ดังขึ้นตามความต้องการของเด็กชายพลับด้วยเจ้าตัวอยากหากิจกรรมสนุก ๆ ทำร่วมกันกับพี่ชายฝาแฝดทั้งสองขณะรอกินข้าวร่วมโต๊ะกับบิดาทั้งสาม ทว่าพี่คนโตกลับส่ายหัวดิกพลางบอกปัดเสียงแข็ง

“ไม่! พี่พายจะเล่นคอบคัว!” แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปหลายอาทิตย์นับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อคราวนั้น แต่ปภพกลับยังติดใจกับการละเล่นดังกล่าวไม่หายผิดกับน้องชายลิบลับ  

“แต่พะ-ลับไม่อยากเล่นครอบครัวแล้วหนิ” ปวรตัดพ้อพลางวางสมุดระบายสีหลายเล่มพร้อมด้วยกล่องสีไม้ที่เจ้าตัวหอบหิ้วมาจากลิ้นชักลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก ๆ ตรงมุมห้องนอน

“งั้นพับก็เล่นเป็นลูกที่นั่งละบายสีสิ เดี๋ยวพี่พายกับพุจะเล่นเป็นพ่อกับพ่อเอง” ฝาแฝดคนโตผู้สมองใสชี้นำทางออกให้น้องคนสุดท้องอย่างว่องไวแถมยังเอื้อประโยชน์ให้ทั้งสองฝ่ายไปเสียอีก

“ก็ได้”

“ลูกนั่งละบายสีไปนะ เดี๋ยวพ่อขึ้นไปนอนพักก่อน... วันนี้ทำงานมาเหนื่อยเหลือเกิน!” พลายทำท่าทำทางเลียนแบบป๊ะป๋ากับแดดดี๊ที่เห็นจนชินตาพลางหันไปมองหน้าแฝดคนรองที่ยืนกระมิดกระเมี้ยนอยู่ข้าง ๆ คล้าย ๆ กับกังฟูตอนกำลังเขิน

“งั้นเดี๋ยวพ่อไปช่วยนวดให้แล้วกัน” เด็กชายปพนขันอาสาก่อนจะหันไปสั่งความลูกชายในบทบาทอย่างแข็งขันไม่ผิดจากกรกฏเลยสักนิด “ลูกละบายสีดี ๆ นะ เดี๋ยวพ่อลงมา”

สิ้นคำ เด็กชายทั้งสองก็พากันไปนั่งหลบมุมอยู่บนพื้นอีกฟากหนึ่งของเตียง ทว่าเสียงกระซิบกระซาบของพี่ชายฝาแฝดที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ทำให้แฝดคนสุดท้องต้องละสายตาจากสมุดระบายสีตรงหน้า เพื่อกวาดตามองหาที่มาของเสียงอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะได้เห็นภาพของพี่ชายคนโตและคนกลางกำลังสุมหัวกันทำอะไรบางอย่างผ่านเงาสะท้อนในกระจกตู้เสื้อผ้าตรงข้าง ๆ เตียง








เสียงเคาะประตูหน้าห้องปลุกฌานให้ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายกับเจ้าตัวกำลังเฝ้ารอเวลานี้ด้วยใจจดจ่อก็ไม่ปาน “ตัวเล็ก”

และก็เหมือนกับทุกทีที่ผู้มาเยือนยามวิกาลจะไม่เอื้อนเอ่ยคำใดขณะค่อย ๆ ลากฝ่าเท้าเล็ก ๆ ก้าวเข้าสู่ด้านในห้องนอนแขกที่มืดสลัวด้วยความสงบก่อนจะพยายามปีนป่ายขึ้นไปนอนบนฟูกอย่างรู้หน้าที่ และเมื่อฌานสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม เด็กชายก็จะคลานเข้าไปนอนใกล้ ๆ ให้คนโตกว่าคว้าตัวไปกอดได้สะดวก ๆ ก่อนที่ทั้งสองจะพักผ่อนนอนหลับไปพร้อม ๆ กัน

กระนั้น ค่ำคืนนี้กลับมีบางสิ่งผิดแผกแตกต่างไปจากปกติวิสัย กล่าวคือ หลังจากแอบอิงอ้อมกอดของร่างทรงหนุ่มนิ่ง ๆ ได้เพียงอึดใจ เด็กชายกลับชักนำให้ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวของตัวเอง พร้อมกับบดเบียดท่อนล่างเข้าแนบชิดจนอีกคนแตกตื่น

“ตัวเล็ก! ตัวเล็กทำอะไรครับ?!” ฌานถามพลางรวบกอดพลับเอาไว้ทั้งตัวจนไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้

“วันนี้พลับเห็นพี่พลายกับพลุทำแบบนี้กันตอนเล่นครอบครัว” ปวรตอบอย่างพาซื่อด้วยภาพเพื่อตอนบ่ายยังคงค้างคาใจเจ้าตัวมาจนถึงเดี๋ยวนี้ แต่ครั้นจะถามบิดา เด็กชายก็กลัวว่าพ่อจะซักไซ้ถึงที่มาจนพี่ชายทั้งสองพลอยเดือดร้อนไปด้วย

“หืม?! พี่พลายกับพลุเล่นแบบนี้กันเหรอครับ?” ร่างทรงหนุ่มอ้าปากค้างเพราะอดตระหนกไม่ได้

“ฮื่อ! พลับเห็นสองคนนั้นเล่นกันแล้วพลับก็เลยอยากรู้ว่าทำไมพี่พลายกับพลุชอบเล่นแบบนี้... เล่น ๆ อยู่ก็ฉี่แตก ฉี่แตกมันสนุกตรงไหนเหรอฌาน?”

“...เอ่อ...” คำถามของฝาแฝดคนสุดท้องทำเอาแฝดพี่ไปไม่เป็น ก็จะให้เขาตอบอีกฝ่ายได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่การละเล่นธรรมดา ๆ อย่างที่เด็กชายหลงเข้าใจเลยสักนิด

“ว่าไงฌาน ฉี่แตกมันสนุกตรงไหนเหรอ?” น้ำเสียงคาดคั้นกับประกายสุกใสแวววาวที่เห็นได้แม้ในที่มืดสลัวทำให้ฌานไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้นานนัก หากแต่พูดเลี่ยงเพื่อเอาตัวรอดไปจนกว่าเวลาเหมาะสมจะมาถึงก็น่าจะพอไหว

“ไม่สนุกครับ ฉี่แตกไม่สนุกเลยสักนิด เพราะฉะนั้น ตัวเล็กก็ไม่ควรเล่นแบบพี่พลายกับพลุนะครับ เดี๋ยวพ่อฟูจะว่าเอาได้นะว่าโตป่านนี้แล้วยังฉี่รดกางเกงอยู่อีก”

“อื้อ ๆ พลับไม่เล่นแล้ว พลับไม่อยากโดนพ่อฟูว่า!

“นอนนะครับคนดี พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปโรงเรียนอย่างสดใสนะ”

“กู๊ดไนท์ฌาน” เด็กชายรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะยื่นหน้าขึ้นมอบคิส ๆ แบบเด็ก ๆ ให้กับคนรักอย่างไม่ประสีประสาเป็นการปิดท้ายดังเช่นที่เจ้าตัวชอบทำเป็นปกติวิสัยนับตั้งแต่คืนแรกที่ทั้งคู่นอนร่วมเตียง

“กู๊ดไนท์ครับตัวเล็ก” ฌานรับคำอย่างว่องไวพลางตั้งใจกับตัวเองเป็นแม่นมั่นว่า จากนี้เป็นต้นไป เขาจะหมั่นหากิจกรรมเสริมมาชักชวนเหล่าเด็กชายให้ร่วมเล่นจนอ่อนเพลียหมดเรี่ยวแรงและเลิกสนใจในร่างกายของกันและกันไปเอง จนกว่าวันที่ความอยากรู้อยากเห็นและแรงขับตามสัญชาตญาณจะเอาชนะทุกสิ่งจะมาถึง แต่ก็นั่นแหละ ฌานจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ ในเมื่อคนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกำหนัดเป็นรายแรก ๆ ไม่ใช่ฝาแฝดคนสุดท้องที่เขาเฝ้าทะนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหินสักหน่อย  




 «»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»




No comments:

Post a Comment