Tuesday, July 7, 2015

Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ 17th Blessing || 08.07.2015



ตอนนี้ก็ยังยาวผิดปกติอยู่เหมือนเดิมค่ะ
และเราก็ปั่นเพลินจนเกินเที่ยงคืนมาแล้ว กร๊ากกกก
รบกวนคิดเสียว่าวันนี้ยังเป็นวันอังคารอยู่แล้วกันนะคะ... อย่าว่ากันเน้ออออ

รักคนอ่านทุกท่านเหมือนเดิมค่ะ ^^



Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ



The 17th Blessing
เพื่อน..กูรักมึงว่ะ แต่กังฟูน่ะ...กูขอเหอะ!!




หลังตัวแทนกองกำลังไม่ทราบฝ่ายสนธิกำลังกับยานแม่ออกเดินหน้าบ่อนทำลายเสถียรภาพของคู่รักบังหน้าให้ล่มสลาย
เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดประมาณสงครามเก้าทัพไม่ให้ลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สามไปเสียก่อน
แฝดน้องเจ้าของใบหน้าไร้อารมณ์ก็ผุดลุกขึ้นไปหยิบเก้าอี้มาเสริม แล้วจึงขยับลงนั่งเติมเก้าอี้ว่างข้างอิ๊กโดยไม่รอคำอนุญาต

การโยกย้ายทำเลทองของฌอน ทำให้เก็กและบ๊วยสังเกตเห็นผู้มาใหม่ที่เร้นกายอยู่ในกลุ่มของพวกเขาได้ทันที...  
เมื่อรายแรกไม่ออกอาการอิ๊อ๊ะใดๆ บ๊วยจึงก้มหน้าก้มตาเดินตามอดีตเดือนมหาลัยไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่เหลือ
ร่างสูงชิงจับจองที่นั่งติดกับแฝดน้องเอาไว้เสียก่อน เพื่อลดทอนแรงเสียดทาน และป้องกันไม่ให้แฟนใหม่ในนามลำบากใจ
ซึ่งพอหย่อนก้นลงนั่งได้สักพัก พ่อรูปงามก็เบี่ยงตัวเข้าหาชายกลางผู้น่ารักโดยไม่สนใครหน้าไหนอีกเลย

ถึงคลื่นลมจะสงบ เพราะไม่มีมวยคู่ใดลุกขึ้นมาตะปบหน้ากัน...
แต่บรรยากาศมาคุดุดันหลังจากแขกไม่ได้รับเชิญให้เกียรติร่วมโต๊ะกับพวกเขาทั้งหลาย ทำให้เหล่าสมุนเลวนั่งอมขี้ฟันจ้องกันไปมาโดยไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว... ช่างเป็นความเงียบที่ชวนให้ห่อเหี่ยวดีเสียจริง


<< พวกเจ้าทั้งหลาย...อย่าปล่อยให้บรรยากาศเงียบเหงาเจ่าจุกแบบนี้สิ <<

<< เจ้าแว่น  นี่อย่างไรล่ะ...โอกาสที่ใครๆต่างรอให้เจ้าเอื้อนเอ่ยเปรยวาจา <<

<< เจ้าอย่ารอช้า ปล่อยเวลาให้ล่วงไปกว่านี้อีกเลยนะ อย่าทำให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้าสิสกล <<



โป๊ะเชะ!.. ป้ายไฟของเจ้าพ่อทั้งสองเล่นตลกกับสกลเข้าเสียแล้ว
เพราะเกลอแก้วอีกสี่ชีวิต ต่างบิดหน้ามาจับจ้องพ่อมหาฯด้วยสายตาขอร้องแกมบังคับรับกันเป็นทอดๆ

หนุ่มหน้าแว่นอดโมโหตัวเองไม่ได้... คนอะไรจะเกิดมาเพียบพร้อมด้วยหน้าตา และอุปนิสัยร่าเริงเบิกบาน แถมยังเป็นคนสนุกสนานโดดเด่นเป็นที่จับตาของคนหมู่มากจนบางครั้งเขายังแอบอิจฉาตัวเองอยู่ในใจ  นี่ถ้ารู้ว่าทำตัวเป็นธรรมชาติอย่างที่ป๊าบอกแล้วจะต้องเจอเรื่องน่าหนักใจไม่เว้นแต่ละวัน เขาคงยึดมั่นกับการวางตัวให้สุขุมนุ่มลึกกว่านี้เป็นแน่

ชายหนุ่มผู้กุมชะตาชีวิตของสหายทั้งสี่เอาไว้ในกำมือ หลับตาลงเพื่อรวบรวมสติและความกล้าอยู่พักใหญ่
เมื่อทำใจกับภาระบนไหล่อันหนักหนาอมาเกดอนได้แล้ว  เขาจึงใช้เด็กวิเศษเป็นสะพานในการกู้โลกจากวิกฤตโดยไม่รอรี


“น้องหนูชื่ออะไรนะครับ?...
.
...เมื่อกี๊พี่สกลมัวแต่ดูเมนูเลยไม่ทันได้ฟังที่คุณกรกฏแนะนำ...
...ไหนคนเก่งลองบอกชื่อกับพี่สกลหน่อยได้ไหมเอ่ย?” สกลยังไม่บังอาจละลาบละล้วงล่วงเกินกุมารพลายกลายร่างด้วยวาจาสักเท่าไร...


นี่ขนาดไม่นับริ้วหวายใต้ร่มผ้า กับรอยเชือกรอบคอจางๆที่ทิ่มตาทุกคราวที่ส่องกระจกเลยด้วยซ้ำ
แต่ความทรงจำอันโหดร้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์เมาเรี่ยราดเมื่อคราวก่อน ก็ยังคงติดตามมาหลอกหลอนจนเขานอนฝันร้าย  
นี่ถ้าพนมมือไหว้ไปคุยไปแล้วดูไม่ประดักประเดิด เข้าใจว่าหนุ่มหน้าแว่นคงทำแต่เริ่มเปิดปากไปแล้ว


“พลับ...น้องชื่อพลับ” กังฟูตอบแทนเจ้าตัวเล็กที่ยังนั่งนิ่งราวกับตุ๊กตาหมดลาน

“แล้วน้องพลับอายุเท่าไรครับ?” สกลยังไม่ละความพยายามหากแต่ถามด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนน้อมยิ่งกว่าเดิม

“........” พลายในร่างพลับน้อยไม่โต้ตอบกับหนุ่มหน้าแว่น เด็กน้อยยืดตัวขึ้นป้องปากกระซิบเบาๆข้างหูกังฟู... หาใช่เพราะหวาดกลัวคนแปลกหน้า ทว่าสายตาของเจ้าตัวเล็กกลับบอกว่าไม่อยากลดตัวลงเกลือกกลั้วด้วยต่างหาก ซึ่งประโยคของรุ่นพี่ร่างเล็กที่เอ่ยแทนเด็กชายพลับ ก็สำทับความด้อยค่ายิ่งกว่ากลากเกลื้อนเรื้อนไรของสกลได้เป็นอย่างดี

“น้องพลับบอกว่าไม่อยากคุยกับพี่แว่น  น้องบอกว่าพี่แว่นพูดมาก” ...ป๊าด! คนฟังทั้งวงเกือบจะหลุดขำ ส่วนผู้ถูกกระทำกลับได้แต่ยิ้มแห้ง แล้วจึงแสดงสปิริตปิดท้ายด้วยการหยอดเบาๆเพื่อไม่ให้วงสนทนาเงียบเหงาจนเกินไป

“แหม่...เด็กอะไรก็ไม่รู้ ดูพูดจาเข้าสิ...
.
...น่ารักน่าหยิกจริงๆนะครับคุณกรกฏ อะเหอ เหอ เหอ”  หนุ่มหน้าแว่นแอบใช้ศอกกระทุ้งสีข้างแฝดพี่เพื่อส่งสัญญาณเรียกกองหนุน  ถ้าไม่ติดว่าเด็กน้อยเป็นตัวท็อปของรุ่น สกลคงไม่ต้องมอบไม้ต่อให้ฌานเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์แบบนี้หรอก

“พลับครับ พลับมาหาพี่ฌานไหมครับ...พี่ฌานมีของเล่นเยอะแยะเลยนะ” ฌานเอ่ยเสียงนุ่มชุ่มหูแถมด้วยสายตาเอ็นดูพลับน้อยยิ่งกว่าใครๆ


กับพลาย...ถึงเขาจะให้การดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มากเท่าเด็กคนนี้...
เด็กที่แค่เห็นหน้า...แค่สบตากันเป็นครั้งแรก ก็พาลทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆในอกไม่ได้ 

สกลสะบัดเบ้าหน้าหันไปมองเพื่อนรักเต็มสองตาเมื่อได้ยินคารมผสมคำลวงของแฝดพี่ที่พลิ้วไหวราวสายน้ำ...
อย่ามาอำกันเสียให้ยาก! อุปกรณ์การเรียนยังฝากยัดลงเป้เขากับกระเป๋าแฝดน้อง ของเขิงอะไรก็ไม่เคยถือเองสักอย่าง 
เกิดเด็กวิเศษมันหลงเชื่อแล้วจะเอาของเล่นที่ไหนมาใช้ล่อ...จะถอดข้อพับมาให้มันงับเล่นหรือยังไง?!!


“พลับขออยู่กับแก้มนิ่มนิ่มก่อน เดี๋ยวพลับค่อยไปหาฌานนะ” พลับน้อยยิ้มหวานพลางให้สัญญากับชายหนุ่ม จากนั้นจึงหันไปออดอ้อนเจ้าของตักนุ่มที่ตนนั่งทับอยู่อีกครั้งให้สมความตั้งใจ... นานเท่าไรแล้ว ที่วิญญาณของเขาไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากเรือนกายของบุคคลอันเป็นที่รักอย่างเช่นในตอนนี้

“นิ่มนิ่ม...(ฟอด ฟอด ฟอดดดด!!)” เด็กชายฝังจมูกลงบนแก้มนุ่มของกังฟูซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่สนสายตาอาฆาตจากว่าที่บิดาร่างใหญ่ทั้งสองซึ่งนั่งกระหนาบซ้ายขวาคุณพ่อตัวเล็กของตัวเอง

แม้ต่อไปในภายภาคหน้า...สัญญาที่ร้อยรัดกุมารน้อยไว้กับภพชาตินี้จะหมดลงจนไม่เขาไม่หลงเหลือความทรงจำใดๆ
แต่พลายกลับแน่ใจว่า ศึกชิงผู้เป็นมารดาทางพฤตินัยของครอบครัวในอนาคต จะดำเนินไปอย่างดุเดือดเลือดพล่านโดยไม่มีฝ่ายไหนลดราวาศอกให้กันแม้แต่วันเดียว

“หึ หึ...น้อพลับหอมพี่ฟูอยู่คนเดียวได้ไง... ไหน! มาให้พี่ฟูหอมหน่อยซิครับ” พูดจบ...กังฟูก็เอาคืนเจ้าตัวเล็กอย่างสมน้ำสมเนื้อ ท่าทางเปี่ยมสุขของกังฟูกับเด็กชายแปลกหน้าพาให้ด้วงกับเต๋อจิตตกได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“อื้อหือ...แม่ลูกเขาหยอกเอินกันด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง...
.
...เห็นคุณกรกฏกับน้องพลายแล้วสกลนึกถึงหม่าม้าขึ้นมาเลย...
...สกลอยากกลับบ้านจังครับพี่ฌาน” สกลเปรยถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในยามนี้กับแฝดพี่โดยไม่คิดปิดบัง...

นั่นเพราะสถานการณ์ตรงหน้าส่อเค้าความพังพินาศจนไม่อาจทนอยู่ร่วมเป็นสักขีพยานได้...
ฝั่งนึงก็ครอบครัวสุขสันต์ซึ่งรุ่นพี่ร่างหมีกำลังตกที่นั่งลำบากเพราะว่าที่ภรรยาเอาแต่เล่นกับลูกจนลืมเหลียวแล
หันไปอีกฟากก็แย่ เพราะคู่รักปักขี้เลนที่เล่นบทแฟนกันหม้อข้าวยังไม่ทันดำ ดันเจออุปสรรคเป็นคนรักเก่ากลับเข้ามาทำให้ระส่ำระสายวุ่นวายใจ  


“แว่น...พี่ฌานบอกว่ายังไง? เราจะปล่อยเพื่อนทิ้งไว้แล้วแอบหนีกลับไปก่อนไม่ได้หรอกนะ” แฝดพี่ปราม

“แต่ถ้าอยู่เพื่อช่วยเพื่อนจนโดนผีซ้ำด้ำพลอยลอยคอไปปะจระเข้นี่ก็ไม่เท่ห์เลยนะครับ...
.
...พี่ฌานดูนั่นสิครับ ขนาดฌอนนั่งขวางอยู่ทั้งคน พ่อหน้ามนยังนั่งจ้องแผ่นหลังคุณธันวาจนตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว น่ะ...พี่ฌาน...เห็นไหมครับน่ะ?” สกลบุ้ยใบ้ให้แฝดพี่สังเกตความเคลื่อนไหวของกลุ่มชายสี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  พูดยังไม่ขาดคำเท่าไร...ชายหนุ่มหน้าหวานอดีตเดือนบริหารก็หาเรื่องคุยกับอดีตเดือนมหาลัยเข้าจนได้

“เก็ก...ไม่โกรธอิ๊กใช่ไหมที่อิ๊กขอมานั่งกินไอติมด้วย?” อิ๊กผู้ไม่อาจควบคุมตัวเองได้เต็มร้อย คอยลุ้นในใจให้คำถามของเขาช่วยทำให้อีกฝ่ายหันกลับมาสนใจตัวเองบ้างสักหน...

ทว่าในใจกลับรู้สึกรังเกียจตัวเองที่ทำตัวสนิมสร้อย อดรนทนนั่งเรียบร้อยให้คนทั้งโต๊ะเหม็นหน้า
ที่สำคัญ...เขาล่ะอยากตะโกนตอกหน้าด่าแฟนเก่าให้หายบ้า ค่าที่ตั้งท่ารังเกียจกันราวกับเห็นเขาเป็นปฏิกูลมูลฝอย...
หนอย! ทำมาเป็นเก็กสมชื่อ!! ต่อให้เปิดผ้าโชว์ต่ำกว่าสะดือไปถึงไหนๆ จ้างให้เขาก็ไม่อยากจะแลสักนิด


“อืม...ตามใจเถอะ” เก็กตอบแกนๆโดยไม่ได้ละสายตาไปจากเด็กเต็กร่างผอมกะหร่อง

ถึงจะหล่อจนต้องร้องขอชีวิต...แต่เขาก็ไม่ได้ติดหญ้าไว้ในกระเป๋าเพื่อเอามาเคี้ยวเล่นเป็นอาหารว่างระหว่างวัน
ครั้นจะไม่ระแวดระวังคนรักเก่าที่กลับเข้ามาในชีวิต ก็ดูผิดวิสัยหนุ่มอนาคตไกลผู้ใช้หัวใจควบคู่มันสมองอย่างนายธันวา  
อดีตเดือนมหาลัยจึงเทความสนใจไปให้ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาๆที่นั่งจ๋องอยู่ข้างๆเขาทันที  

“บูบู้...ไว้คราวหน้าเรามากินพื้นระทวยกันสองคนดีไหมครับ? บูบู้จะได้ลองกินไอติมให้ครบทุกรสเลยไง” เก็กหยอดแฟนในนามตามความต้องการของหัวใจผ่านน้ำเสียงและสายตาเว้าวอนประหนึ่งสายตาพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ตอนขอเมียแต่งงาน...


ไปๆมาๆ...สมุนเลวทั้งหลายชักจะแยกแยะไม่ได้เสียแล้วว่า คำพูดไหนจริง คำพูดไหนคือการด้นสดไปตามบทที่วางไว้กันแน่
ส่วนฝ่ายที่หวาดกลัวว่าหัวใจจะพ่ายแพ้ต่อลูกหยอดตลอดเวลาของอดีตเดือนมหาลัยอย่างชายกลาง 
ก็เฝ้าเตือนตัวเองโดยไม่ว่างเว้นว่า หนุ่มรูปงามกำลังสวมบทบาทแฟนที่ดีบังหน้าไปจนกว่าแผนการจะสำเร็จเท่านั้น

นั่นจึงทำให้ทุกๆครั้งที่บ๊วยได้ยินถ้อยคำหวานๆ หรือได้เห็นสายตาหยาดเยิ้มหยดย้อยของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มจึงสามารถรับมือได้ง่ายๆ โดยเลือดกำเดาไม่พุ่งกระฉูดจนร่างสลายไปเสียก่อน


“ครับ...ก็ได้ครับ” บ๊วยรับคำตามหน้าที่ แต่สุดหล่อเจ้าของดีกรีเดือนมหาลัยกลับไม่วางใจจนต้องเผลอย้ำ

“สัญญาแล้วนะ...มากันสองคนจริงๆนะครับ”

“ครับ เอาไว้มากันสองคนแล้วค่อยมาลองกันนะครับ”  บ๊วยอดยิ้มหวานให้เก็กไม่ได้หลังจากอีกฝ่ายทำหน้าลุ้นตัวโก่งระหว่างเฝ้ารอคำตอบของเขา ซึ่งรอยยิ้มกระแทกตาเมื่อครู่นั้นทำให้อดีตเดือนมหาลัยรวบรวมกำลังภายในไล่กดจุดตด จุดเรอ จุดคลื่นไส้ในร่างแทบไม่ทัน  


ภาพสวีทหวานของคู่รักคู่ใหม่ทำให้อดีตเดือนบริหารชักสีหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่ในหัวกลับสาปแช่งคนรักเก่าอย่างเมามัน...
หึ! นั่งตัวติดกันจนจะกลายเป็นแฝดสยามอินจันอยู่แล้ว ทำไมไม่ห่อเด็กหน้าจืดคนนั้นใส่แก้วกลับไปดูดที่ห้องเสียล่ะ?!!

ทว่าคนนอกที่แอบมองชายหนุ่มหน้าหวานอยู่เกือบตลอดเวลาต่างแสดงอาการเป็นห่วงออกมาอย่างเห็นได้ชัด...
อย่างน้อยๆก็กุมารพลายตนหนึ่งล่ะที่ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้


“แก้มนิ่มนิ่ม... พลับจะไปหาคนน่ารัก” พลายในร่างพลับน้อยยิ้มจนแก้มบุ๋มพลางส่งสายตาวิ้งๆไปให้กังฟูเพื่อขออนุญาตกลายๆ

“ไหน? คนไหนครับ?” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยถึงกับสงสัยในสรรพนามที่เด็กชายใช้เรียกแทนใครคนหนึ่ง... คนน่ารักนี่มันใครวะ?...ก็ไอ้ที่นั่งกันพรึ่บอยู่ที่นี่ ก็มีแต่ตัวผู้ขนยึ่บทั้งนั้นเลยนี่หว่า?!

“นั่นไง” นิ้วป้อมของเด็กชายชี้ตรงไปที่อดีตเดือนมหาลัย ก่อนเจ้าตัวเล็กจะไต่ลงจากหน้าขาของกังฟูเพื่อวิ่งดุ๊กๆไปหาเป้าหมาย “คนน่ารัก...อุ้ม อุ้ม!” พลับน้อยชูแขนทั้งสองขึ้นแล้วกระโดดดึ๋งๆ เพื่อกดดันให้ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในวิถีแห่งการเปย์เด็กอย่างอิ๊กต้องยอมทำตามใจ

“คร..ครับ อุ้มก็ได้ครับ” อดีตเดือนบริหารตอบรับงงๆ


<< อ่าวเฮ่ย! แล้วนั่นเจ้ากุมารคิดจะทำอะไรน่ะ?! <<

<< สงสัยจะนอกบทแล้วล่ะคุณ ถึงจะเก่งกาจเชื่อถือได้มากแค่ไหน...แต่เจ้ากุมารก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยที่สนใจเฉพาะเรื่องของตัวเองอยู่วันยันค่ำนั่นแหละ <<



ไม่ต้องคุณ เดี๋ยวผมอุ้มเอง แฝดน้องบอกปัดพลางเข้ามาอุ้มเจ้าตัวเล็กก่อนที่มือขาวละเอียดนวลเนียนนั่นจะเอื้อมไปถึงร่างตุ้ยนุ้ยของเด็กชาย  พลายในร่างพลับน้อยถึงกับทำหน้างอเพราะถูกพ่อฌอนของตนสกัดดาวรุ่งทันควัน...
ไม่น่าเลย! เกือบจะได้แตะขอบสวรรค์อยู่แล้วเชียว!!


จังหวะที่แฝดน้องโน้มตัวลงเพื่ออุ้มเด็กชายขึ้นนั้น พอดีกับช่วงที่พนักงานยกออเดอร์ไอติมของทั้งโต๊ะมาเสิร์ฟ
ฌอนจึงหันไปกระซิบตำหนิชายหนุ่มผู้ที่ไม่มีใครต้องการพบหน้าด้วยความไวแสง

“ทำหน้างอเรียกร้องความสนใจหรือไงคุณ?...
.
...หึ! คงจะได้ผลหรอก ผมไม่เห็นเก็กจะสนใจคุณตรงไหน... เจ็บใจมากสินะ”

“มันก็เรื่องของผม ใครจะทำไม?” อิ๊กกระซิบตอกกลับด้วยใบหน้าขัดเคือง

อารมณ์ขุ่นมัวของคนพูดทำให้ฌอนรู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายกรีดหัวใจที่เขาแอบฝากเอาไว้จนเลือดไหลนอง
แต่แล้วเมื่อยานแม่เรียกร้องความสนใจจากหนุ่มหน้าหวาน ทั้งสองจึงต้องหยุดบทสนทนาลับๆเอาไว้แค่นั้น


“กินไอติมเสร็จแล้วจะไปไหนต่อเหรอน้องอิ๊ก?” ชายหนุ่มรุ่นพี่ประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำ กับน้ำเสียงที่ใช้เรียกเบี้ยตัวใหม่ในกระดานเสียสวยหรู ทั้งที่จริงแล้ว...สำหรับกังฟู  อิ๊กคู่ควรกับตำแหน่งคนรู้จักเพียงผิวเผินของน้องชายเขาเท่านั้น

“เอ่อ” แววตาของอิ๊กฉายความกังวลปนลังเลออกมาอย่างเห็นได้ชัด  เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่พี่ชายของอดีตแฟนหนุ่มยอมพูดคุยกับเขาดีๆ หลังจากที่ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ฝากความหลังอันยากจะลืมเลือนเอาไว้ในซอกหลืบของหัวใจ...หึ! ใครมันจะไปลืมลง!!

ทันทีที่กังฟูรู้เรื่องความสัมพันธ์ลักกินขโมยกินอันยาวนานราวกับพงศาวดารของเขากับน้องชายตัวเอง
นักเลงในคราบเทวดาหน้าสวยก็จวกอิ๊กยับด้วยคำด่านับไม่ถ้วน... ชีวิตช่วงนั้นนับว่ารวนเรซวนเซชวนให้ไขว้เขวแบบสุดๆ

หลังจากอดีตคนรักบอกลา เขาก็ถูกผู้เป็นพี่เฉดหัวส่งเหมือนหมูหมาโดยไม่ไว้หน้าแต่อย่างใด
หนำซ้ำยังตอกย้ำให้เจ็บใจด้วยการตราหน้าเขาเป็นตัววิปริตที่คิดแต่จะถ่วงความเจริญของน้องชายบังเกิดเกล้า จากนั้นเขาก็ถูกตัดออกจากสารบบชีวิตพี่น้องคู่นี้โดยไม่มีวันหวนกลับ   

แม้เรื่องครั้งนั้นจะฝังใจ แต่ด้วยความกริ่งเกรงอำนาจที่ควบแน่นอยู่ในร่างกะทัดรัดของกังฟู
ชายหนุ่มหน้าหวานจึงไม่อาจละเลยคำถามเมื่อครู่ได้ 


อิ๊กว่าจะกลับห้องเลยครับ

“ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็ไปดูเก็กเตะบอลกับเฮียสิ ไปกันหลายๆคนสนุกดีนะ” กังฟูเอ่ยชักชวนด้วยน้ำเสียงร่าเริง สมุนเลวทั้งหน้ายิ่งทำหน้าไม่ถูกไปกันใหญ่หลังจากที่เด็กชายตัวน้อยดันปากพล่อยไหลตามน้ำไปอีกคน

“ไป ไป...คนน่ารักไปกับพลับ กับนิ่มนิ่มนะ” พลับน้อยสะบัดหน้าออกจากช้อนไอติมที่แฝดน้องป้อนให้แล้วเอนร่างป้อมไปกระตุกแขนเสื้อของอิ๊กยิกๆเพื่อดำเนินมาตรการกดดันอีกครั้ง...

ฝ่ายคนป้อนไอติมเด็กที่ยังนิ่ง เพราะเลือกไม่ได้จริงๆว่าอยากให้อิ๊กไปด้วยดีหรือไม่...
ใจนึงก็หวังอวดฝีไม้ลายมือในการเตะบอลให้อีกฝ่ายชื่นชม  เนื่องจากวันแข่งนัดจริง เขา พี่ชาย และสกลคงไม่พ้นนั่งเฝ้าเก้าอี้ในตำแหน่งตัวสำรองจนหมดเวลา ทว่าอีกใจก็สงสารบ๊วยอยู่ไม่น้อย...เพราะนอกจากกังฟู ก็ดูจะมีอิ๊กนี่แหละที่ทำให้เพื่อนตัวน้อยของเขาสะเทือนใจได้ตลอดศก


<< เจ้ากังฟูคิดจะใช้เจ้าหนุ่มหน้าหวานมาเป็นเครื่องมือทำให้บ๊วยกับธันวาแตกคอกัน <<

<< บ๊วย...ธันวา  อย่าหวั่นไหวเป็นอันขาดนะ!! <<


“อูยยยยยย! คุณกรกฏผนึกกำลังกับขั้วอำนาจเก่าเข้าให้แล้ว...
.
...เพื่อนบูบู้ของพวกเราต้องแย่ๆแน่ๆเลยครับพี่ฌาน” สกลหันไปหารือกับแฝดพี่ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง เกรงว่าศึกครั้งนี้จะยากเย็นเข็ญใจมากกว่าที่คิด

“นั่นน่ะสิ ท่าทางพี่ไอ้เก็กจะลากแฟนเก่ามันมาขัดขวางความรักของเพื่อนเราอย่างเต็มที่แล้วสินะ...
.
...เรื่องจะกีดกันตัวแปรใหม่ที่เพิ่งเข้ามานี่ท่าจะไม่ง่ายเสียแล้วล่ะ...
...แต่สถานการณ์ที่เฮียฟูเป็นใจกับอีกฝ่ายแบบนี้ พวกเราคงทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก...
...คงต้องปล่อยให้บ๊วยช่วยตัวเองไปก่อน” ฌานประเมินสถานการณ์ตามความเป็นจริง ถึงแม้พวกเขาจะขัดขวางทั้งกังฟูและอิ๊กได้ แต่ใครจะรู้ว่าพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่บ๊วยหลังจากตัวช่วยทั้งหมดวิ่งไล่ลูกกลมๆอยู่ในสนาม

“ไปช่วยเชียร์พี่หมีด้วยกันสิครับคุณอิ๊ก พี่หมีจะได้มีกำลังใจเตะบอล” หลังจากได้ฟังประโยคที่เพิ่งจบไปของชายกลาง กังฟูถึงกับปรายหางตามองใบหน้าจืดๆของบ๊วยด้วยไม่เชื่อหูตัวเอง... นี่ดีจริง หรือเก็งบทนางเอกหนังดราม่า...คนบ้าอะไรจะนิสัยน่าเชิดชูบูชาได้มากขนาดนี้?!!

เทวบุตรทั้งสองกับเหล่าสมุนเลวผู้เดือดร้อนกับความดีไม่เป็นที่เป็นทางของบ๊วยต่างอยู่ไม่สุข
แต่ไม่ต้องรอให้ใครลุกขึ้นมาทำหน้าที่อัศวินขี่ม้าขาว เนื่องจากอดีตเดือนมหาลัย ใช้สถานะสุดที่รักถลาเข้ามาช่วยบัดเดี๋ยวนั้น

“จริงๆไม่ต้องชวน  คนอื่นไปก็ได้นะครับบูบู้...
.
...แค่เค้าเห็นบูบู้นั่งยิ้มเป็นกำลังใจให้อยู่ข้างสนาม เค้าก็มีแรงเตะบอลได้ถึงตีสามเลยน้า” เก็กอ้อนแฟนด้วยใบหน้ายิ้มพราย  ให้มันรู้กันไปสิว่าระหว่างเขากับพี่ชาย...ใครจะดื้อด้านทานทนเหนือกาลเวลาจนคว้าชัยชนะไปครองในท้ายที่สุด  

“หึ! จะเกินไปแล้วนะเก็ก ใจคอจะไม่เกรงใจทีมถาปัตย์ของพี่หน่อยเหรอ?...
.
...บ๊วยก็เถอะ เชียร์แฟนจนออกนอกหน้าแบบนี้ เดี๋ยวพี่ตัดสายเสียเลยหนิ” เต๋อตั้งใจแทรกเมื่อเห็นสีหน้าบ๊วยที่ดูจะหนักใจมากเป็นพิเศษ  ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็หวั่นใจแทนน้องรหัสซึ่งถูกมัดมือชกให้ตกอยู่ในสถานะหนังหน้าไฟผู้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างในขณะนี้   

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันนะน้องอิ๊ก ไปนั่งกับเฮียกับน้องพลับ จะได้ระลึกความหลังตามประสาคนในครอบครัวยังไงล่ะ” กังฟูเว้นช่องไฟพลางส่งสายตาท้าทายพร้อมใบหน้าสาแก่ใจมาให้บ๊วย “ปล่อยคนนอกให้หลงระเริงไปอีกสักวันสองวัน เดี๋ยวก็โดนเฮียดันจนตกกระป๋องไปแบบไม่รู้ตัวเองนั่นแหละ”

“ขอบคุณครับเฮียฟู” อิ๊กรับคำอย่างว่าง่าย... ใช่ว่าไม่รู้ว่าพี่ชายอดีตคนรักคิดร้ายอะไรอยู่ แต่ปัญหาก็คือ...เขาดันไม่มีแรงขัดขืนคำชวนของอีกฝ่ายได้สักนิด

“หึ หึ...ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงเราก็คนกันเอง...อะไรที่เฮียสนับสนุนได้ เฮียก็จะทำเต็มที่” กังฟูตอบด้วยสีหน้าสุขสม  ในที่สุดชายหนุ่มร่างเล็กก็ได้ในสิ่งที่ปรารถนา  หึ หึ...เย็นนี้เขาจะฆ่าไอ้เด็กบูบู้หน้าจืดให้ตายทั้งเป็นเลยคอยดู!!

“ฟู... เราว่าฟูควรจะทำความรู้จักกับน้องบ๊วยไปพร้อมๆกันนะ น้องบ๊วยก็ดูน่ารักดีออก” สุดท้าย...ชายหนุ่มผู้รู้นิสัยของเพื่อนรักเหมือนกับที่รู้จักตัวเอง ก็โพล่งออกมาเพื่อหาทางช่วยบ๊วยตามที่ตกลงกับเต๋อเอาไว้ดิบดี  ขืนปล่อยให้กังฟูหาเรื่องน้องชายกับน้องรหัสของหนุ่มร่างหมีไปเรื่อยเปื่อย ด้วงนั่นแหละที่จะเหนื่อยกับการตามประกบกังฟูไม่ให้อยู่ใกล้เต๋อจนไม่อาจข่มตานอนได้อีกเลย

“ไม่ล่ะด้วง...เราคงไม่เสียเวลากับคนไร้เกรดแบบนั้นหรอก จริงไหมน้องอิ๊ก” กังฟูกระหยิ่ม แม้การจิกด่าคนอื่นด้วยภาษาสุภาพจะไม่เข้าปากสักเท่าไร แต่สีหน้าปั้นยากอยากร้องไห้ของไอ้เด็กบูบู้ก็ทำให้เขาเบิกบานหัวใจได้มากโข   

“หึ! ไม่ต้องกังวลนะบ๊วย เดี๋ยวพี่ช่วยคุยกับฟูให้เอง รับรอง...ฟูจะต้องเอ็นดูบ๊วยมากกว่าเดิมแน่ๆ...ใช่ไหมครับฟู” เต๋อรีบสอดเข้ามาโอ๋น้องรหัสผู้แสนดีที่ใบหน้าหดเล็กลงไม่ถึงสองนิ้ว

“เราไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นหรอกนะเต๋อ เต๋อก็รู้หนิว่าถ้าเราไม่ชอบอะไรแล้ว...เราจะฝังใจมาก...
.
...เหมือนอย่างที่เราเป็นกับเต๋อยังไงล่ะ” กังฟูทิ้งท้ายได้อย่างเจ็บแสบจนคนฟังปวดแปลบแสบคัน

ชายหนุ่มร่างเล็กอาศัยว่าจังหวะเป็นใจ เอาคืนเต๋อให้สมกับที่กล้าปากหมารื้อฟื้นเรื่องคืนนั้น
จริงๆถ้าเลือกได้...เขาอยากจะคิดบัญชีกับไอ้ร่างหมีให้รู้แล้วรู้รอด แต่ตอนนี้...ขอสนุกกับการเอาเรื่องน้องรหัสมันให้ฉิบหายวายวอดก่อนดีกว่า


ถึงอย่างนั้น...วาจาถากถางเบาๆเท่านี้ของกังฟู ดูจะไม่ระคายผิวหนังเต๋อสักเท่าไร
เพราะหนุ่มร่างหมีก็หน้าด้านไม่เป็นสองรองใครในยุทธจักร  

“เหรอ? เต๋อไม่คิดอย่างนั้นนะครับฟู...เพราะคนเราน่ะ เปลี่ยนใจได้เสมอแหละ”

“ถ้าเต๋อจะเชื่ออย่างนั้น...ก็สุดแล้วแต่เต๋อเถอะ...
...เราก็จะเชื่อในแบบของเราเหมือนกัน...
.
...แต่ตอนนี้ ถ้าไม่อยากปากเจ่อก่อนจะได้เตะบอล เต๋อช่วยหุบปากลงหน่อยจะได้ไหม” กังฟูเชือดนิ่มๆทว่าสายตาทิ่มแทงนั้นทำให้ผู้ร่วมโต๊ะหวาดหวั่นกันไปเป็นแถบ... ไปๆมาๆ ประโยคธรรมดาๆไร้ซึ่งคำหยาบคาย ดูจะเจ็บแสบและอันตรายกว่าคำพูดตามปกติของชายร่างเล็กอยู่หลายเท่านัก   

“อ่า...พวกเรากินไอติมกันเถอะนะครับ เดี๋ยวไอติมจะละลายเสียก่อน” สกลยอมเอาตัวเข้าแลกด้วยการแหวกดงกระสุนของกังฟูเพื่อกู้โลกเล็กๆที่หมุนรอบร้านไอติมอีกครั้ง และเพื่อจะไม่พังไปคนเดียว...หนุ่มหน้าแว่นก็หันไปขอกำลังเสริมจากแฝดพี่ให้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์อย่างทันควัน   

“กินไอติมกันนะครับพลับ...ไอติมละลายหมดแล้ว” การหยิบยกชื่อของเด็กน้อยขึ้นมาน่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย เพราะเมื่อสายตาบ้องแบ้วเหมือนลูกแมวตัวน้อยของเจ้าตัวเล็กมองผ่านเพื่อนร่วมโต๊ะไอติมจนครบทุกคน หนุ่มๆก็หันมาสนใจกับถ้วยไอติมตรงหน้า มากกว่าจะห้ำหั่นกันให้ล้มหายตายจาก

“กิน กิน...กินติมกันเถอะ!” และแล้ว...กุมารพลายก็กลายเป็นคนตัดริบบิ้นเปิดเทศกาลกินไอติมของคนทั้งโต๊ะไปในที่สุด

ซึ่งหากจะถามพวกเขาว่าไอติมในวันนี้รสชาติเป็นอย่างไร
คำตอบของหนุ่มๆส่วนใหญ่คงไม่หนีไปจากคำว่า...ก็ดี ก่อนจะหลบลี้หนีหน้าเสตาไปมองทางอื่น
คงจะมีแต่พื้นระทวยถ้วยใหญ่เบิ้มของรุ่นพี่ทั้งสามเท่านั้น ที่ขื่นขมเหนือชั้นเกินกว่าไอติมถ้วยไหนๆในความรู้สึกของกังฟู...  
เพราะนอกจากจะต้องเห็นใบหน้าของคนร่างหมีที่เกลียดขี้หน้าลอยอยู่ใกล้ๆ  กินไปกินไป...ก็ไม่รู้ว่าไอ้หมีร่างควายจะแอบถ่มน้ำลายปนลงไปในถ้วยบ้างหรือเปล่า

ดังสุภาษิตบิดเบี้ยวที่สกลผู้ปราดเปรื่องเคยกล่าวเอาไว้ว่า...
เกลียดตัว...ได้กินไข่ เกลียดคนไหน...ได้เลียไอติม 
คำแปล : ตรงตัวตามนั้น อย่าได้ผันเป็นเรื่องอย่างว่าโดยเด็ดขาด
.
.
.
.
(“แหน่ะ! แอบคิดแล้วใช่ไหม... ไม่ต้องอาย เพราะผมก็คิดครับ อะเหอ เหอ เหอ”)


Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ



“บูบู้...บูบู้ไหวไหมครับ?” อดีตเดือนมหาลัยถามแฟนกำมะลอของตนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงหลังจากที่ทั้งหมดยกขบวนกันมาที่สนามบอลเพื่อรอซ้อมนัดอุ่นเครื่องระหว่างสองคณะเป็นครั้งสุดท้าย

“ไม่ต้องห่วงครับพี่หมี...
.
...อย่าลืมสิ เค้ามีเจ้าพ่อคอยช่วยอยู่ตั้งสององค์เชียวนะ” ชายกลางผู้ยึดหน้าที่เหนือกว่าหัวใจตอบอย่างไม่มั่นใจตามพื้นนิสัยเดิม  

ถึงจะต้องเจอคำพูดกระทบกระแทกแดกดัน หรือการแบ่งชั้น...เลือกปฏิบัติของกังฟูหนักหนาสักเพียงไหน    
เขาก็ต้องล้างพรของเจ้าพ่อไทรทองให้สำเร็จให้จงได้...เพื่อที่สุดท้าย เจ้าของร่างสูงสมส่วนที่เดินอยู่ข้างๆ จะได้ยิ้มกว้างอีกครั้งหลังจากได้ความรักกลับคืน   


“สู้สู้นะ ไม่ว่าใครจะว่าอะไรบูบู้...บูบู้ต้องอย่าลืมนะว่าบูบู้ยังมีเค้าอยู่” เก็กบีบมือเล็กๆที่กุมเอาไว้เพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย


เขาไม่ค่อยสบายใจ เมื่อรู้ว่าพี่ชายจงใจดึงอิ๊กเข้ามาทำร้ายจิตใจของคนตัวเล็กให้เจ็บปวดรวดร้าว
แต่ถ้าบ๊วยมีเขา... ถึงจะมีเฮียฟูกับอิ๊กอีกสักกี่ร้อยกี่พันคน  เขาก็มั่นใจว่าจะจับมืออีกฝ่ายผ่านพ้นวิกฤตการณ์เฮียฟูไม่ปลื้มไปได้อย่างแน่นอน


“พี่หมีก็สู้สู้นะครับ เค้าจะคอยเชียร์” บ๊วยยิ้มพลางบีบมือตอบหนุ่มรูปงามเพื่อให้กำลังใจนักกีฬาก่อนจะลงสนาม

“เดี๋ยวตอนพักเจอกันนะครับบูบู้...เค้าจะรอกินน้ำนะ”

หลังจากคนฟังพยักหน้าและส่งยิ้มหวานให้อีกครั้ง อดีตเดือนมหาลัยก็วิ่งอย่างมั่นใจไปอบอุ่นร่างกายในสนามพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนตีรวนกันอยู่ข้างใน... ดีว่าตอนอยู่ร้านไอติมสถานการณ์ไม่ค่อยเป็นใจให้ได้ล่วงเกินชายกลางสักเท่าไร ไม่อย่างนั้นบอลอุ่นเครื่องครั้งสุดท้ายนัดนี้...อาจจะไม่มีศูนย์หน้าชื่อธันวาร่วมลงฟาดแข้งแน่ๆ


“น้องอิ๊กไปนั่งกับเฮียนะ” รุ่นพี่ที่แบกพลับน้อยขึ้นหลังจัดแจงจูงข้อมืออิ๊กให้เดินไปนั่งข้างๆกันกับบ๊วยที่นำหน้าไปก่อนแล้ว
แม้จะลำบากใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่กังฟูไม่อาจปล่อยให้เครื่องมือบั่นทอนความรู้สึกของไอ้เด็กบูบู้หลุดมือไปได้  
ส่วนอีกฝ่ายที่ดูจะมึนงงสงสัยในอาการว่าง่ายอย่างแปลกประหลาดของตัวเอง ก็เดินต้วมเตี้ยมตามพี่ชายของอดีตคนรักไปคล้ายกับโดนป้ายยา  








“เดี๋ยวเต๋อ...ขอคุยด้วยหน่อย” ด้วงรั้งชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้เป็นเจ้าของชื่อเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะวิ่งลงสนามไปวอร์มร่างกาย

“มึงมีอะไร?” พอพ้นสายตาของเด็กชาย...เต๋อก็กลับเป็นตัวตนที่เขาสร้างขึ้นอีกครั้ง ทั้งที่การพูดจาแบบสุภาพเหมือนที่ใช้คุยกับพลับน้อยคือภาษาที่เขาถนัดกว่าแท้ๆ  

“ตามมาเถอะน่า” หนุ่มผมยาวไม่รอช้า เขาออกเดินนำหน้าอีกฝ่ายไปยังหลืบด้านหลัง จนเมื่อเจอมุมลับสายตาคนส่วนใหญ่ ด้วงก็ยิงคำถามคาใจใส่หนุ่มต่างคณะทันที “สรุปว่านายต้องการอะไรจากฟูกันแน่?”

“หึ! มึงอยากรู้จริงๆเหรอ?” ลีลายียวนกวนประสาทของเต๋อหาใช่ความพลั้งเผลอหรือเพื่อความพอใจ ทว่าชายหนุ่มก็ต้องการคำอธิบายจากอดีตเพื่อนในวัยเด็กเช่นกัน เพราะฉะนั้น...เขาจึงจำเป็นต้องอ่อยเหยื่อเพื่อดูลาดเลาเสียหน่อย  

“ก็เออน่ะสิ ไม่อย่างนั้นเราจะมาถามนายไปเพื่ออะไรล่ะ” หางเสียงของด้วงตวัดขึ้น ถึงจะทำหน้ามึน...แต่เต๋อก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายชักจะหงุดหงิดได้ที่  ดี!.. เขาจะได้ลองลักไก่ถามอีกฝ่าย เพื่อจะโพล่งความลับที่แอบซ่อนไว้ออกมาง่ายกว่าที่คิด

“งั้นก็บอกกูมาก่อนว่า คืนที่มึงเมา...มึงยังไม่ได้ล่วงเกินฟูใช่ไหม?”

“เราไม่จำเป็นต้องบอกนาย” ด้วงปฏิเสธทันควันด้วยยังมีสติครบถ้วน 

“ถ้ามึงไม่บอกกูเรื่องนี้....กูก็จะไม่บอกมึงเหมือนกัน... กูไปล่ะ”  เต๋อไหวไหล่ก่อนจะหมุนตัวแล้วก้าวเดินจากไปอย่างช้าๆ  ท่าทีไม่ยี่หระของหนุ่มสถาปัตย์ทำให้สถานะผู้ถือไพ่เหนือกว่าของด้วงสั่นคลอน...รวมถึงความมั่นใจในตัวเองด้วยเช่นกัน  

จากที่เคยเข้าใจว่าตนเองจะได้รับความร่วมมือง่ายๆจากชายหนุ่มร่างหนา
เนื่องจากเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่คิดอะไรกับกังฟูอย่างที่เคยให้คำมั่นไว้...เขาก็ชักจะไม่แน่ใจเสียแล้ว
แต่ก่อนหน้าที่ด้วงจะต้องกลับตัวไปตั้งต้นใหม่ เพราะต้องหมายหัวเต๋อเอาไว้ในรายการศัตรูหัวใจอันดับต้นๆ...
ด้วงอยากได้ยินคำยืนยันออกจากปากของคนจริงอย่างเต๋อดูสักครั้ง


“เดี๋ยว!!” นี่เป็นครั้งที่สองที่หนุ่มผมยาวต้องออกปากรั้งหนุ่มสถาปัตย์เอาไว้

“ว่าไง? คืนนั้นมึงทำอะไรฟู?” พอได้ที...หนุ่มร่างหมีก็คาดคั้นอีกฝ่ายเสียยกใหญ่

“เรากับฟูจูบกัน” อาการลอยหน้าลอยตาตอบของด้วงทำให้เต๋อเผลอกำหมัดแน่น...เขาคิดเอาไว้แล้วเชียวว่า ถ้าสบโอกาสนัวเนียกังฟูอย่างคืนนั้น ไอ้หน้าหล่อมันจะต้องล่วงเกินคนของเขาแน่ๆ แต่ก็ยังดี ที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำ อะไรอะไรไปไกลเกินกว่าที่เขาจะไล่ตามทัน

“งั้นมึงก็เตรียมใจได้เลย เพราะนั่นจะเป็นจูบสุดท้ายของมึงกับฟู...
.
...หลังจากนี้ กูจะไม่ยอมให้มึงได้แตะต้องฟูอีกแล้ว”

“นายจะทำอะไร?” ถ้อยคำที่สะท้อนถึงความมั่นอกมั่นใจของเต๋อทำเอาด้วงตระหนกจนโพล่งคำถามแจ็คพ็อตออกไป

“กูจะจีบฟู...กูจะทำให้ฟูเป็นของกูคนเดียว” เต๋อเอ่ยด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังเพราะหวังจะทำให้ได้อย่างที่ว่าไว้ทุกประการ และมันไม่สำคัญเลยหากหนุ่มผมยาวจะตั้งป้อมขัดขวาง...เพราะเขามั่นใจว่า หลังจากนี้...กังฟูจะหนีหัวใจตัวเองไปไม่พ้นอย่างแน่นอน แต่ท่าทางมั่นใจจนน่าหมั่นไส้ของเต๋อ กลับกลายเป็นเชื้อไฟเติมให้หัวใจนักสู้ของด้วงฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง

“หึ! ถ้าคิดว่าทำได้ก็เอาเลย!! อย่าลืมสิว่าฟูเคยหายไปจากชีวิตนายมาครั้งนึงแล้ว...
.
...คราวนี้...เราก็จะทำให้ฟูไม่อยากเจอหน้านายไปอีกตลอดชีวิตเลย คอยดู!!” หนุ่มผมยาวรู้ดีว่าประโยคข่มขู่นี้น่าจะทำให้อีกฝ่ายตาสว่างจนไม่อาจล้ำเส้นที่เขาขีดเอาไว้  ดีไม่ดีอาจถึงขั้นหวาดหวั่นกับการสูญเสียกังฟูจนยอมถอดใจไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็เป็นได้...


หากด้วงไม่หลงระเริงกับอำนาจต่อรองในมือของตัวเองจนเกินไปนัก
เขาคงจะระวังสถานการณ์ที่รวบความหมายเอาไว้ในสำนวนไทยสั้นๆ ที่กล่าวว่า ไก่เห็นตีนงู...งูเห็นนมไก่มากกว่านี้
ซึ่งแน่นอนว่า การตกเป็นไก่อ่อนที่เผลอยืนส่ายนมให้งูคู่แข่งหัวใจได้ลอบมองไปโดยไม่รู้ตัวนั้นย่อมจะหลีกเลี่ยงได้


“ก็เอาซี่ ถ้ามึงจะใช้วิธีชั่วๆแบบนั้น...มึงก็อย่าฝันว่ากูจะเล่นซื่อๆอีกต่อไป... 
...กูก็อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าฟูมันรู้เรื่องที่มึงปลอมตัวเป็นกะเทยเพื่อเต๊าะมันตลอดเวลา มันจะทนเห็นหน้ามึงได้อีกไหม...
.
...ในเมื่อกูไม่ได้ ก็จะไม่มีใครได้กังฟูไปครองเหมือนกัน!!” ถ้อยคำพาดพิงถึงชนักอันใหญ่ที่ปักแน่นอยู่กลางแผ่นหลังของเขาดังที่เต๋อว่ามา เหมือนใครเอาทิงเจอร์มาราดลงบนแผลสดที่เพิ่งโดนเกลือสาดใส่ของเขา... บอกไม่ถูกว่าชา หรือเจ็บที่หนักหนาสาหัสกว่ากัน  กระนั้น...หมัดฮุคจังจังหน้าผ่านวาจาของเต๋อกลับทำให้ชายหนุ่มผมยาวได้สติและตั้งตัวได้อีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์


“เราว่าแล้วว่านายจะต้องพูดแบบนี้...
.
...ก็ได้...ถ้างั้นเรามาแข่งกันแบบแฟร์ๆ...
...ถ้านายแพ้ นายก็ถอนตัวไปเสียดีๆ แต่ถ้าผลออกมาตรงกันข้าม เราจะไม่ห้ามนายอีกต่อไป”


ด้วงสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ประเมินคู่แข่งหัวใจคนนี้ต่ำเกินกว่าที่ควรจะเป็น
และต่อจากนี้ เขาจะไม่เหลิงจนลืมไปว่า...เขาเองก็มีจุดอ่อนที่บ่อนทำลายตัวเองให้วินาศได้ในพริบตาด้วยชีวิตเช่นกัน
ซึ่งการจะกำจัดเต๋อได้นั้น เขาต้องอาศัยสิ่งที่เขาถนัดที่สุดมาเป็นตัวช่วย


“แข่งอะไร?” หนุ่มร่างหมีเอ่ยถามด้วยความสนอกสนใจ... เขาไม่รู้ว่าไอ้หน้าหล่อจะมาไม่ไหน  แต่ถึงอย่างไร...เขาก็จะไม่เผลอตัวไว้ใจด้วงเป็นอันขาด เพราะคนที่น่ากลัวยิ่งกว่ากังฟู...คือคุณหนูพดด้วงจอมวางแผนคนนี้นี่แหละ

“เตะบอล...ผลนัดแข่งวาสนา...
.
...ถ้าถาปัตย์แพ้วิดวะเกินหนึ่งลูก โดยที่นายทำประตูไม่ได้เลย...ถือว่านายหมดสิทธิจีบฟู” ด้วงพูดเรียบๆ แม้ลึกๆจะลุ้นให้เต๋อหน้ามืดตามัวตกลงรับปากทำตามข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเขาเป็นที่สุดโดยไม่หยุดคิดระแวงเลยก็เถอะ แต่อีกฝ่ายกลับเบรคเอาไว้ได้ทันท่วงที  

“จะไม่เอาเปรียบกันไปหน่อยเหรอวะ?...
...ก็รู้ๆกันอยู่ว่าทีมมึงมันเทพ แถมยังมีไอ้เก็กอยู่ทั้งคน...
.
...ตั้งแต่เริ่มแข่งกันมาสมัยบรรพบุรุษสายรหัสพวกกูยังตั้งไข่...
...นับๆมานับๆไปสถาปัตย์ยังชนะวิดวะไม่ถึงสิบครั้งเลยมั้ง” แม้จะแอบชื่นชมในสติสตังของอีกฝ่ายอยู่ในใจ ทว่าด้วงยังเหลือหมัดเด็ดหมัดสุดท้ายที่จะใช้เกลี้ยกล่อมให้เต๋อเชื่องจนยอมรับเงื่อนไขของเขาอย่างไม่ลำบากนัก

“ริจะเด็ดดอกฟ้า...ก็ต้องทุ่มทุนตะเกียกตะกายไขว่คว้ามากกว่าการจีบคนรธรรมดาๆ นายว่าไหม?” หนุ่มผมยาวเอ่ยเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ส่งหมัดขวาตรงสั่งตายเข้าชายโครงของเต๋อเข้าอย่างจัง


“หรือว่านายเห็นว่าฟูง่าย?” หลังจากประโยคคำถามสั้นๆประโยคนี้ เต๋อก็ยอมร่วมมือลงนามในสนธิสัญญาค้าทาสของหนุ่มผมยาวอย่างง่ายดาย

“ก็ได้! แต่ถ้ากูชนะ กูจะได้จีบฟูโดยที่มึงไม่มาคอยเป็นก้าง...
.
...อย่างนั้นใช่ไหม?”

“ใช่! ถ้านายชนะ...เราจะไม่เป็นก้างขวางทางนาย” ด้วงแอบหัวเราะกับตัวเองในใจ... หึ! นึกหรือว่าทุกอย่างมันจะง่ายอย่างที่นายคิด?!

“ดี! งั้นก็ตกลงตามนี้!!” เต๋อสรุปด้วยความมั่นใจ... ไม่ถึงสามสิบเปอร์เซนต์








“อ้าวเฮ้ย! แล้วนั่นคุณพี่ด้วงจะลงมาในสนามบอลเพื่ออะไรกันล่ะครับ?” สกลโหวกเหวกถามเพื่อนแฝดทั้งสองที่ตั้งป้อมเป็นกองหลังด้วยอารามตกใจที่เห็นรุ่นพี่ผมยาวเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดนักบอลพร้อมกับวิ่งอบอุ่นร่างกายไปทั่วสนาม

ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าปกติแล้วฝ่ายที่ถูกพาดพิงเป็นพวกตุ้งติ้งเกินชาย
พ่อมหาฯหน้าแว่นต้องเข้าใจไปว่าด้วงเป็นผู้ชายแมนๆที่ชอบไว้ผมยาวคนหนึ่งเท่านั้น

“สงสัยคุณพี่ด้วงจะคันไม้คันมือว่ะ” ฌานตอบเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ แม้เขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายแท้ๆที่ปลอมตัวในคราบกะเทยเพื่อหาโอกาสเชยชมสมฤดีกับพี่ชายอดีตเดือนมหาลัย แต่เรื่องนิสัยเบ็ดเตล็ด รวมทั้งความถนัดด้านกีฬา...เขาก็ไม่อาจหยั่งรู้ถึงรายละเอียดแบบคมชัดลึกเหมือนหนังสือกอสซิปดาราเสียหน่อย


“สกล...ไอ้แฝด รักษาแดนหลังยิ่งชีพ... พวกมึงอย่าประมาทเด็ดขาด...
.
...เพราะก่อนด้วงมันจะผันตัวเป็นกะเทย มันเคยเป็นกัปตันทีมฟุตบอลโรงเรียนอยู่หลายปี!!” เมื่อสิ้นเสียงตะโกนสั่งที่มาพร้อมกับคำอธิบายจากหัวเรี่ยวหัวแรงของทีมอย่างเต๋อ ก็ทำให้ทั้งสามหนุ่มถึงกับตาตั้งร้องเสียงดังออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน

ห๊ะ?!!! ว่าไงนะ?”  

“พวกมึงได้ยินแล้วจะยืนไข่สั่นหาพระแสงอะไรกันอยู่... ไป! รีบไปรักษากล่องดวงใจของทีมเราเอาไว้ให้ดี!!” เต๋อตะโกนสั่งท้ายก่อนที่เสียงนกหวีดให้สัญญาณการเริ่มเขี่ยลูกจะดังขึ้น









“น้องอิ๊ก...พรุ่งนี้เย็นว่างไหม?” กังฟูจงใจใช้เสียงดังกว่าปกติในการถามอิ๊กซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ... เขาอยากให้ไอ้เด็กบูบู้ที่นั่งอยู่ถัดไปอีกฝั่งได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ๋ว  

“ว่างครับ พรุ่งนี้ลอยกระทง...คณะอิ๊กปีสองไม่ต้องเฝ้าซุ้มครับ” อดีตเดือนบริหารที่ผลัดมาอุ้มพลายในร่างพลับน้อยซึ่งกำลังหลับด้วยสีหน้ามีความสุขหลายเด้งตอบพลางเขี่ยแก้มกลมดึ๋งดั๋งของเด็กชายเล่นเบาๆอย่างสนุกมือ

“ดีเลย ถ้างั้นพรุ่งนี้น้องอิ๊กมาเที่ยวงานลอยกระทงกับเฮียนะ” กังฟูยังคงโอ่เสียงดัง นี่ถ้าตั้งโต๊ะแถลงข่าวออกไมค์เปิดลำโพงตัวใหญ่ให้เสียงก้องไปทั้งมหาลัยได้ เข้าใจว่ากังฟูคงจะทำไปแล้ว

“เดี๋ยวเฮียจะพาเก็กกับน้องอิ๊กเดินเที่ยวซุ้มวิดวะให้ทั่วเลย” รุ่นพี่ร่างเล็กแสยะยิ้มด้วยความสะใจหลังจากได้แสดงฤทธาอภินิหารย์ประมาณมาหยารัศมีตีสองหน้าใส่ดาวพระศุกร์  ซึ่งมันยิ่งสนุกเมื่อเบี้ยตัวใหม่รับมุกได้เข้าทางตำแหน่งเพื่อนนางโกงเป็นอย่างยิ่ง

“เอ่อ...ถ้าทำแบบนั้น แล้วแฟนเก็กจะไม่ว่าเอาเหรอครับ?” อิ๊กไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำหน้าลอกเลียนสีหน้าของกังฟูเมื่อครู่ได้เหมือนเด๊ะ...เป๊ะปังอย่างกับทำสำเนาตามต้นฉบับมา

แต่ถ้าให้อดีตเดือนบริหารยามควบคุมตัวเองได้ร้อยเปอร์เซนต์เป็นผู้ให้ความเห็นกับแอคติ้งเมื่อครู่...
อิ๊กคงไม่อาจสู้หน้าใครได้อีกต่อไป... อะไรจะตอแหลลงตับน่าจับตบด้วยเปลือกทุเรียนขนาดนั้นก็ไม่รู้!!


“หึ! ก็ลองว่าดูสิ เฮียฟูจะจัดการกำราบด้วยตัวเองเลยล่ะ” แต่ยานแม่ผู้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ยังคงเล่นใหญ่โตมโหฬารด้วยสีหน้าหนักหนายิ่งไปกว่านั้นเป็นการตอบแทน


<< บ๊วย! เจ้าต้องสู้เพื่อผัวนะ...อย่าลืม!! <<

<< เบ๊บครับ...ใจเย็นก่อนครับ  อย่าอินครับ  ที่สำคัญ...สองคนนั่นยังไม่ถึงขั้นสามีภรรยากันนะครับเบ๊บ <<

<< ไม่ได้หรอกคุณ...แฟนของใคร ของใครก็ห่วง!! <<

<< แล้วเบ๊บห่วงบันยันไหมครับ?<<

<< ห่วงสิ!! <<

<< แล้วหวงมากไหม? <<

<< อือ!! <<

<< เอ๊ย! ไม่ใช่!!! ช่วยบ๊วยก่อนสิคุณ ตอนนี้ใช่เวลาเล่นเสียที่ไหนกัน?! <<

<< หึ หึ...ครับ ครับ <<

<< เจ้าบ๊วย... เจ้าบอกกับพวกนั้นไปเลยว่า เก็กคงไม่ว่างไปเที่ยวกับสองคนนั่น เพราะเก็กสัญญาว่าจะพาเจ้าไปลอยกระทงคู่กัน <<

<< ใช่บ๊วย พูดตามนี้เลยนะ <<


“ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ เพราะผมต้องช่วยงานที่คณะ...ผมบอกพี่หมีแล้ว พี่หมีเข้าใจครับ” บ๊วยอ่านข้อความของเจ้าพ่อทั้งสองแล้วมองเลยผ่านไป ก่อนจะหันไปตอบกังฟูตามความรู้สึกข้างใน...

ชายกลางรู้ดีว่า ตัวเขาไม่มีสิทธิจะรั้งอดีตเดือนมหาลัยเอาไว้กับตัวได้ตามต้องการ
อีกอย่าง...งานออกร้านที่สำคัญไม่แพ้กิจกรรมไหนๆของคณะก็ขาดคนเอานาทีสุดท้ายจริงๆ  


“เห็นไหมล่ะว่าไม่มีปัญหา ตกลงนะน้องอิ๊ก เดินเที่ยวงาน...แล้วก็ลอยกระทงพร้อมเก็ก เฮียอนุญาต” กังฟูรวบรัดตัดความอย่างย่ามใจ...

ไอ้เด็กบูบู้มันก็ว่าง่ายแปลกๆแฮะ ใจคอจะไม่หือไม่อือ ไม่หวงน้องชายของเขาสักแอะเลยหรือไง?
ลองเป็นเขาหน่อยไม่ได้...ถ้าแฟนไปเที่ยวงานลอยกระทงกับคนอื่นเมื่อไร  ไอ้คนนั้นคงได้ตื่นไปทักทายยมบาลแน่ๆ
พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยมัวแต่ครุ่นคิดติดใจถึงอุปนิสัยที่แท้จริงของบ๊วยจนไม่ได้ใส่ใจท่าทางกระมิดกระเมี้ยน กับใบหน้าเนียนๆที่ส่งยิ้มหวานของอิ๊กระหว่างตอบรับคำเชิญชวนสักเท่าไร


 << โธ่บ๊วย!! ไปบอกสองคนนั้นแบบนั้นได้ยังไงกันฮึ? แทนที่จะรักษาผลประโยชน์ตัวเอง กลับเตะหมูเข้าปากหมาไปเสียนี่ <<

 << อูยยย! เบ๊บครับ...ทุบเบาๆครับ บันยันเจ็บ <<


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


“เก็ก...นี่น้ำที่เก็กชอบไง ดื่มสิ...สดชื่นดีนะ” อิ๊กเอ่ยขณะยื่นขวดน้ำดื่มเกลือแร่ยี่ห้อหนึ่งให้อดีตเดือนมหาลัยที่ยืนคุยกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นหลังแข่งเสร็จ  

“ขอบใจนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก อิ๊กเก็บเอาไว้กินเองเถอะ” คนพูดเบือนหน้าหลบไปมองหาร่างผอมๆของชายกลางขณะตอบตามมารยาทของคนรู้จักห่างๆเท่านั้น  เมื่อสายตาล็อคเข้ากับเป้าหมายที่ต้องการ เก็กก็ออกเดินโดยไม่สนใจอดีตเดือนบริหารที่ยืนถือขวดน้ำค้างอยู่กลางอากาศ

“บูบู้...เช็ดเหงื่อให้เค้าหน่อยสิครับ วันนี้เนื้อยเหนื่อย...พี่ด้วงสั่งให้วิ่งตลอดเลย” ร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงมาหาบ๊วยเพื่อออดอ้อนขอให้อีกฝ่ายเอาอกเอาใจไม่ต่างจากทุกที แต่ชายกลางผู้แสนดีกลับไม่สบายใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ จนอดถามอดีตเดือนมหาลัยออกมาไม่ได้

“...เอ่อ...พี่หมี ไม่รับน้ำของคุณอิ๊กไว้หน่อยเหรอ? คุณอิ๊กอุตส่าห์ไปซื้อมาให้” ประโยคของบ๊วยทำให้เก็กถึงกับเลิกคิ้วพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความตั้งใจอีกครั้ง...

ประชด? หึง? หรือเห็นใจ? มันยังไงกันนะ?
ใครล่ะจะอยากให้แฟนตัวเองเที่ยวไปรับของกำนัลจากแฟนเก่าโดยไม่คิดเล็กคิดน้อยกัน?!!!

“บูบู้อยากให้เค้ารับเอาไว้เหรอ?” เก็กหลุดปากถามหนุ่มร่างผอมบางที่กำลังซับหน้าให้เขาอย่างเบามือ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมรับออกมาซื่อๆโดยไม่มีสายตา หรือท่าทางน่าระแวงใดๆแนบท้ายมาทั้งสิ้น

“ฮื่อ” บ๊วยพยักหน้าหงึกหงัก...เขาไม่อยากให้อิ๊กเสียน้ำใจไปโดยเปล่าประโยชน์ ที่สำคัญ...เก็กก็น่าจะอยากดื่มน้ำที่อดีตคนรักเตรียมไว้ให้ไม่ใช่หรือ?

“ก็ได้...เดี๋ยวเค้าไปรับน้ำของอิ๊กมาก็ได้ แต่เค้าไม่กินนะ...เค้าแค่ไปเอามาเพราะเห็นแก่บูบู้เท่านั้น” อดีตเดือนมหาลัยตอบอย่างฉะฉานทว่าฟังระรานและไม่เห็นอกเห็นใจบุคคลที่สามอยู่ในที ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่บ๊วยต้องการแต่อย่างใด  

“ไม่เอาแล้ว!.. ถ้าพี่หมีพูดแบบนี้ ก็ไม่ต้องไปรับของที่คนอื่นให้อีกเลย เพราะถ้าคนๆนั้นรู้เหตุผลที่แท้จริงของพี่หมี...เขาต้องเสียใจแน่ๆ” บ๊วยปรามแฟนในนามของตัวเองเสียงฉิว... ใครสั่งใครสอนให้ทำตัวเอาแต่ใจและไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่นแบบนี้กัน?!  

“นั่นแหละเหตุผลที่เค้าไม่รับน้ำของอิ๊กมาตั้งแต่แรก” เก็กอธิบายเรียบๆอย่างไม่ใส่ใจ... นี่มันใช่เวลาของเรื่องไร้สาระเสียที่ไหน  คนตัวเล็กนี่ยังไงนะ?...ทำไมถึงกล้าใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าของร่างกายเขาได้ล่ะ?!

“พอเถอะ! บูบู้มาเช็ดหน้าให้เค้าดีกว่า...เดี๋ยวพอตัวแห้ง เราจะได้ไปกินข้าวเย็นพร้อมกันยังไงล่ะ” เก็กเปลี่ยนประเด็นกลับเข้าสู่เรื่องที่น่าสนใจที่สุดทันที  เมื่อได้ยินคำขอร้องของชายหนุ่มรูปงาม...เจ้าของมือน้อยที่ขยับผืนผ้าขนหนูไปตามใบหน้าหล่อเหลาก็ตั้งอกตั้งใจซับเหงื่อให้ตามคำขอของเจ้าตัวด้วยความยินดี

“อ้าว วันนี้พี่หมีไม่อาบน้ำก่อนไปกินข้าวเหรอครับ?” ชายกลางสงสัยในอาการลุกลี้ลุกลนผิดปกติของอีกฝ่ายจนต้องถามไถ่ให้รู้เรื่อง

“ไม่เอาอ่ะ อยากไปกินข้าวกับบูบู้สองคนมากกว่า” สายตาแพรวพราวของอดีตเดือนมหาลัยทำให้บ๊วยงงหนักยิ่งไปกว่าเก่า

“เอ๋? ทำไมไม่รอไปกินข้าวพร้อมคนอื่นๆล่ะครับ?” ชายกลางผู้ไม่เข้าใจเจตนาเบื้องหลังของอีกฝ่ายอดถามออกมาไม่ได้ เพราะตามปกติวิสัย สมุนเลวทั้งห้ามักจะรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเพื่อถกปัญหาต่างๆ พร้อมทั้งหาทางรับมือกับเรื่องไม่คาดฝันเอาไว้ล่วงหน้า   

“อ๋อ...เอ้อ!.. ก็มันเป็นกฏของร้านน่ะ” หนุ่มรูปงามแถจนสีข้างเหวิ่ง “ร้านนี้เค้าห้ามไปกันเป็นกลุ่ม เค้าเปิดรับเฉพาะลูกค้าที่มาเป็นคู่เท่านั้น” ซึ่งคงจะฟังไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไร เก็กจึงอธิบายด้วยการโกหกพกลมต่อทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ชายกลางผู้หัวอ่อนสงสัยไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“ร้านนี้น่ะ อาหารอร่อยและบรรยากาศดีเหมาะกับคู่รักมากกกกเลยนะ...
.
...เค้าเลยอยากลองพาบูบู้ไปเซอร์เวย์ดูก่อน เผื่อจะแนะนำต่อให้พี่เต๋อพาเฮียฟูไปลองกินดูบ้างน่ะ” อดีตเดือนมหาลัยได้แต่หวังว่า การแอบอ้างเอาเรื่องงานมาบังหน้าจะใช้ได้ผล

“อย่างนี้นี่เอง... ก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวเช็ดตัวเสร็จแล้วเราไปกันเลยเนอะ” บ๊วยเออออห่อหมกตามอีกฝ่ายไปด้วยเห็นถึงความตั้งใจของชายหนุ่มผู้โดนหางเลขจากพรของเจ้าพ่อไทรทอง  

แม้ท่าทางซื่อๆและยึดถือแต่เรื่องงานเป็นหลักของบ๊วยจะเริ่มทำให้เก็กเริ่มเป็นกังวล  
แต่ความดีใจที่จะได้ใช้เวลากับอีกฝ่ายสองต่อสองทำให้อดีตเดือนมหาลัยรับคำเสียงดังฟังชัด พลางผลัดเอาเรื่องรบกวนจิตใจนั้นไปคิดหวั่นเอาวันหลัง

“ครับพ้ม!!








“ส่งเด็กคนนั้นมาให้ผม” แฝดน้องเอ่ยเสียงเรียบๆใส่อิ๊กที่กลับมารับช่วงอุ้มพลับน้อยต่อจากกังฟูที่ปลีกตัวไปตามหาด้วง ณ ห้องอาบน้ำเมื่อครู่

“อ้าว! นายอีกแล้วเหรอนายขอรับ?!” อดีตเดือนบริหารทักทายอีกฝ่ายด้วยสีหน้าร่าเริงหลังจากได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง แต่เขากลับได้รับเพียงเสียงถอนหายใจพรืดของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แทนคำตอบ

“นี่! ฉันถามนาย...ไม่ได้ยินหรือไง?” ฌอนที่ย่อตัวลงเพื่ออุ้มกุมารพลายถอนหายใจยาวอีกครั้งอย่างอดทนอดกลั้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าเบิกบานสำราญอุราของคนหน้าหวานตรงหน้า เขาก็อดเหน็บออกมาไม่ได้  

“ทำแบบนี้ไม่กลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดีหรือไง?”

“ฉันทำอะไร?” อิ๊กหรี่ตามองหนุ่มรูปงามที่เพิ่งคว้าเด็กชายไปอุ้มเอาไว้ง่ายๆราวร่างป้อมๆตันๆนั้นไม่มีน้ำหนัก

“ทำไมคุณถึงต้องตามตอแยคนที่ไม่สนใจคุณด้วย? รู้หรือเปล่าว่าวันนี้คุณดูแย่แค่ไหน?” ด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่ายจนเกินไป  สุดท้าย...ชายหนุ่มผู้เฝ้ามองอิ๊กอยู่ไกลๆมาได้เป็นปีก็เบรคแตกในที่สุด...ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่เดือดร้อนแล้วเชียว ถึงอย่างนั้น คนฟังกลับทำหน้าระรื่นเหมือนคนเพิ่งฟื้นจากโลกแห่งความตาย

“เออใช่...ว่าจะทักตั้งแต่อยู่ในร้านไอติมแล้ว... 
...จริงๆนายก็พูดจาเหมือนคนปกติได้เหมือนกันนี่...
.
...แล้วเมื่อสองครั้งก่อนที่เจอกัน นายเป็นอะไร? ทำไมต้องพูดขอรับ ขอรับแล้วก็ใช้ภาษาแปลกๆ...
...ตกลงนายซ้อมบทละครอยู่เหรอ? ทำไมถึงพูดจาเหมือนคนสมัยก่อนเปี๊ยบเลยล่ะ?” เพื่อไขปริศนาดำมืดที่ค้างคาใจเขามาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากับพ่อหนุ่มตามคมคนตรงหน้า อิ๊กจึงหยัดกายขึ้นตามร่างใหญ่ผู้ชิงอุ้มเด็กชายแล้วลุกยืนเต็มความสูงไปเมื่อครู่  โดยอดีตเดือนบริหารไม่มีทีท่าว่าจะตอบปัญหาไร้สาระของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย   

“นี่คุณ... ผมถามเรื่องคุณอยู่นะ!” ไม่บ่อยนักที่แฝดผู้น้องจะหงุดหงิดแบบนี้... ให้ตายเถอะ! คนน่ารักของพลาย ไม่เห็นจะน่ารักสักเท่าไรเลยพับผ่า!!

“เออ...นี่นาย นายชอบไอ้น้ำนี่หรือเปล่า? อ่ะ...ฉันให้” อิ๊กยื่นเครื่องดื่มเกลือแร่เจ้าปัญหาให้กับชายหนุ่มต่างคณะผู้ที่เขาไม่รู้จักชื่อแซ่เป็นการตอบแทนน้ำใจของอีกฝ่ายเมื่อคืนวันนั้น

จริงๆแล้วเขาตั้งใจจะซื้อมันมาให้กับนายขอรับตาคมหลังเตะบอลเสร็จ...
แต่เมื่อเหลือบไปเห็นแฟนเก่ากับแฟนใหม่อยู่ร่วมเฟรมสายตา เขาก็คว้าน้ำขวดนี้ดิ่งเข้าไปหาอดีตเดือนมหาลัย
เพื่อทำท่าประจบประแจงใส่อย่างไร้สติเป็นครั้งที่เท่าไรของวันก็ไม่รู้
สุดท้าย เขาก็ถูกไอ้รูปหล่อพ่อตายเชิดใส่จนต้องเดินคอตกอย่างไม่เต็มใจกลับมานั่งอุ้มเด็กอ้วนอยู่ตรงนี้นี่แหละ


“ผมไม่คุยกับคุณแล้ว  คนอะไร...ไม่รักตัวเองเอาเสียเลย!!” นอกจากจะไม่รับน้ำใจจากอดีตเดือนบริหาร... ชายหนุ่มหน้าคมยังจะพาลจนเดินงุ่นง่านหนีเขาไปอีก

“อะไรของเขาวะ?...
... ประหลาดคนดีแฮะ!!...หรือจะไม่ชอบเกลือแร่ยี่ห้อนี้?!...ไม่ชอบก็บอกกันดีๆสิ...
.
.
...อ้าว! แล้วนั่นจะพาน้องพลับไปไหน?...
...หรือนายขอรับจะเป็นแกงค์ลักเด็กปลอมตัวมา?...
...แย่แล้ว?! นี่เราต้องโทรหาตำรวจหรือเปล่า?...ทำยังไงดีล่ะ?...
...โธ่น้องพลับของพี่อิ๊ก ยังหยิกแก้มไม่หนำใจเลย!!” อดีตเดือนบริหารบ่นกับตัวเองอย่างขำๆ  แล้วจึงเดินกลับไปที่รถเพื่อมุ่งหน้ากลับหอ... เขาปล่อยให้เกลือแร่ขวดนั้นนั่งรอคนใจดีหยิบติดมือกลับไปกินต่อโดยไม่ใคร่จะอาดูรเท่าไรนัก








“หึ! ไงล่ะ... แค่นัดอุ่นเครื่องยังโดนยิงประตูเละเลยนะ...
.
...ด้วยความหวังดี  เราว่านายทำใจเสียตั้งแต่เนิ่นๆจะดีกว่า...
...เพราะไม่มีทางที่วิดวะจะแพ้ถาปัตย์หลุดรุ่ยอย่างที่นายหวังเอาไว้หรอก” ด้วงที่เพิ่งตามหลังเต๋อเข้าไปในห้องอาบน้ำกล่าวซ้ำเติมหัวหน้าทีมตรงข้ามด้วยน้ำเสียงลำพอง ขนาดร้างสนามไปหลายปี...สมาชิกคนอื่นๆในทีมเต๋อที่คัดมา ยังไม่คณามือเขาสักคน

“จิ๊ จิ๊ จิ๊ จิ๊...โธ่กะเทย  จะเอาอะไรกับลูกกลมๆ...
...จริงอยู่ที่วันนี้มึงอาจจะชูคอองอาจ แต่วันเตะนัดวาสนา ทีมมึงอาจจะพลาดจนแพ้ให้กูก็ได้...
.
...เอาไว้ให้เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลาเมื่อไร ถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากันอีกทีว่าใครจะมีสิทธิได้อยู่ใกล้ๆฟูก็ยังไม่สาย” เต๋อไม่ได้แค่เตือนสติอีกฝ่าย ทว่าคำพูดเพิ่งเอ่ยไปคือการให้กำลังใจตัวเองอีกทางหนึ่ง... จริงอยู่ที่เดิมพันครั้งนี้ทำให้เขาหนักใจมาก แต่ยิ่งยาก...เขาก็ยิ่งแน่ใจว่า ความรู้สึกที่เขามีให้กับกังฟูเป็นของจริง 

“เราไม่มีทางยอมยกฟูให้นายหรอก” ด้วงประกาศกร้าวด้วยดวงตาวาวโรจน์ ซึ่งหนุ่มร่างหมีหน้าโหดก็ไม่ยอมน้อยหน้า

“กูก็ไม่ยอมปล่อยฟูไปง่ายๆเหมือนกัน” เต๋อสวนกลับด้วยเสียงคำราม ซึ่งข้อความอันชัดเจนของทั้งสองหนุ่มลอยเข้าหูของกังฟูที่เดินเข้ามาตามเพื่อนรักโดยไม่มีตกหล่นสักประโยค

“เหรอ?!.. ไม่ยักรู้มาก่อนว่ากูเป็นสมบัติส่วนตัวของใคร พวกมึงถึงได้ย่ามใจอยากจะเอากูไปวางตรงไหนก็ได้...
.
...มีความสุขนักใช่ไหมถึงได้เอากูไปเป็นเดิมพันเรื่องปัญญาอ่อนของพวกมึงแบบนี้?” น้ำเสียงไม่พอใจของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยทำให้ชายหนุ่มร่างใหญ่ทั้งสองลนลานด้วยความหวั่นเกรงบทลงโทษที่รออยู่

“ฟู!!!/ เตี้ย!!

“ฟู! ฟังเราก่อนนะ เราอธิบายได้ / อย่าไปฟังไอ้กะเทยมันเตี้ย  มันเนี่ยะแหละที่เป็นคนต้นคิด!” สองหนุ่มร่างใหญ่ในชุดบอลต่างอ้อนวอนขอความเห็นใจจากกังฟูที่ถอยไปยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าประตู

“หุบปาก!!! กูไม่อยากรู้ว่าพวกมึงตกลงห่าอะไรกันเอาไว้ แล้วทำไมกูถึงถูกลากเข้าไปเกี่ยวด้วย” ร่างเล็กตวาดเสียงดัง... เรื่องที่ร้านไอติมยังไม่ได้เคลียร์  ไอ้ยักษ์สองตัวที่ยืนทำหน้าเป็นลูกหมาเพลียแดดนี่ก็ขยันหาเรื่องใหม่มาให้เขาดีเสียจริง

“ฟู...เราขอโทษ เราแค่อยากปกป้องฟูจากคนอื่นเท่านั้นเอง” หนุ่มผมยาวละล่ำละลัก ดีเท่าไรแล้วที่เต๋อไม่รื้อฟื้นเรื่องกะเทยปลอมๆของเขาออกมาเมื่อครู่ ไม่อย่างนั้นกังฟูคงไม่ปล่อยให้เขามีลมหายใจอยู่จนถึงตอนนี้แน่ๆ

“ด้วง! รู้ไว้ด้วยว่า กูโกรธมึงมาก  มึงไม่ต้องบากหน้ากลับมาที่ห้องจนกว่ากูจะพร้อมให้อภัย” เมื่อสั่งด้วงเสร็จ กังฟูก็หันไปสำเร็จโทษเต๋อต่อทันที  “ส่วนมึง...ไอ้ควายเต๋อ!  รีบไปตายไกลๆตีนกูเลยนะ...อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก!” พูดจบ ร่างเล็กก็ผละจากห้องอาบน้ำนักกีฬาไปทันที ปล่อยให้สองหนุ่มร่างสูงใหญ่คล้ายๆหมีคร่ำครวญอย่างหมดอาลัยตายอยากใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยอารมณ์คุกรุ่น 

“ฟู! เดี๋ยวก่อนสิฟู  แล้วเราจะรู้ได้ไงล่ะว่าฟูยอมให้อภัยเราแล้วน่ะ / เฮ้ยไอ้เหี้ยเตี้ย!! มึงจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ทำไมไม่ฟังเหตุผลให้เข้าใจก่อนวะ?...โธ่เว้ย!!!


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


“อะไรของมึง? มึงตามกูกลับห้องมาทำห่าอะไร?” เจ้าของห้องชุดหรูนอกมอกระชากเสียงใส่หนุ่มผมยาวหน้าหยกที่เกาะติดเขาเป็นหมากฝรั่งฝังพื้นรองเท้า

“ก็ฟูยังไม่อยากเจอหน้าเรานี่หว่า” ด้วงที่เดินตามเจ้าของห้องเข้ามาอย่างถือวิสาสะตอบโดยไม่สะท้าน... เขาปลดปล่อยตัวตนเดิมๆให้ออกมาเป็นอิสระอีกครั้งหลังจากอยู่นอกสายตาของกังฟู  

“มึงก็เลยมานอนกับกูง่ายๆงั้นเลย?” เต๋อยังไม่หยุดกระแนะกระแหนค่าที่หมั่นไส้ในท่าทางสบายๆของอีกฝ่ายเหลือเกิน

“อือ...ก็เราไม่มีที่อื่นให้ไปนี่” คนพูดยังพอมีมารยาทที่ไม่พาดร่างชุ่มเหงื่อลงบนโซฟาหนังตัวยาว ทว่าการนั่งขัดสมาธิกับพื้นพลางเปิดทีวีโดยไม่มีคำขออนุญาตนี่ก็ชวนให้เจ้าของห้องโมโหได้ไม่ยาก

“นี่ไอ้หล่อ...ห้องกูไม่ใช่โรงแรมจิ้งหรีดนะสัด!!” เต๋อหลุดปากด่าตามที่ใจคิด

“อ้าว ไม่เรียกกะเทยแล้วเหรอ?” สรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกตน ทำให้ด้วงเลิกคิ้วถามกลับด้วยความสนอกสนใจเป็นพิเศษ

“ไม่อ่ะ...กระดากปาก เพราะมึงมันหมาป่าในคราบลูกแกะชัดๆ” เต๋อยอมรับตามความจริง ในขณะที่ยืนดูไอ้หน้าหล่อผมยาวกดไล่ล่าหาช่องเคเบิ้ลที่มันต้องการอยู่จนเริ่มจะปวดตา

“ขอล่ะ  เรียกเหมือนเดิมเหอะ...อย่างน้อยก็ต่อหน้าฟู” แม้สายตาจะไม่วางจากจอทีวี แต่ด้วงยังมีแก่ใจขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“งั้นมึงก็ลดเงื่อนไขแข่งบอลลงมาให้กูข้อนึงก่อน...
.
...สัญญาเลยว่ากูจะเรียกมึงว่ากะเทยไปทั้งชาติ” เต๋อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแบบทันทีทันใด ซึ่งด้วงก็ใจถึงไม่น้อย

“หึ! ก็ได้... แลกกับนอนที่นี่ไปจนกว่าเราจะง้อฟูสำเร็จ” จากที่เจ้าของห้องประเมินแล้ว....ดูท่าว่าที่ด้วงรับปาก น่าจะเป็นเพราะติดอกติดใจห้องใหญ่ๆของชายร่างหมีเสียล่ะมั้ง แล้วน้ำเสียงที่ฟังไม่เดือดร้อนเรื่องกังฟูนั่น...หมายความว่ามั่นใจว่าจะได้กลับไปหาคนตัวเล็กแน่ๆใช่ไหมไอ้หล่อ?

“ไอ้สัด!! มึงนี่ยังจะหวังสูงอยู่อีกนะด้วง” เต๋อเดินหัวเสียไปยังตู้เย็นหลังใหญ่ในครัว พลางเงี่ยหูฟังคำตอบของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

“แหง...เราไม่ปล่อยมือฟูอยู่แล้ว” ด้วงยืนยันคำมั่น... น่าแปลกที่เมื่อเปิดใจคุยกันแบบนี้ เต๋อกลับไม่รู้สึกหึงหวงหรืออิจฉาอีกฝ่ายที่ได้ใช้เวลา ได้คอยอยู่ข้างๆกังฟูมาก่อนเขาหลายปีดีดักอีกต่อไป  และนั่นทำให้เขาตอบอีกฝ่ายไปด้วยถ้อยคำที่ขึงขังไม่ต่างกัน...แม้เขาจะหวั่นใจกับกังฟูอยู่ไม่น้อย

“กูก็เหมือนกัน”

“นายจะกลัวอะไร  กับนาย...ฟูก็แค่ขู่เท่านั้นเอง” ด้วงเผยความลับของกังฟูให้ศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งล่วงรู้...หากเป็นคนอื่น เขาอาจจะไม่ให้ความช่วยเหลือเรื่องกังฟูเท่ากับที่เขาชี้ทางสว่างให้เต๋ออยู่ในตอนนี้แน่ๆ   

“เหรอ?...จริงเด่ะ?” เจ้าของห้องที่มุดหน้าหายไปในตู้เย็นอยู่พักใหญ่ถึงกับชะโงกหน้าตื่นๆเพื่อสบตาอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจในความถูกต้องของข้อมูลสำคัญที่เพิ่งได้ยินไปอีกครั้ง

“ก็เออดิ... 
.
...แต่ถึงฟูจะโกรธนาย แต่ฟูก็ต้องเจอนายอยู่ดี...
...ก็นายเป็นพี่รหัสน้องบ๊วยแฟนเก็กไม่ใช่เหรอ?” คำตอบของด้วงช่วยยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอกเต๋อได้อย่างง่ายดาย... เขาไม่น่ามัวแต่เสียใจจนลืมนึกถึงความจริงข้อนี้ไปเสียสนิท  

“เออใช่! หัวเสเหมือนกันนี่หว่าไอ้สัด...
.
...จะว่าไป ใจมึงก็ถึงใช้ได้เลยนะไอ้หล่อ...
...ถ้าไม่ติดว่าจ้องจะงาบฟู กูว่านิสัยมึงก็น่าคบเลยแหละ” เจ้าของห้องชมเชยอดีตเพื่อนอย่างจริงใจ เพราะด้วงมีนิสัยใจกว้าง ยุติธรรม และมีน้ำใจนักกีฬาแบบนี้อย่างไรล่ะ เขาถึงได้หวาดหวั่น และยำเกรงอีกฝ่ายในฐานะคนที่ควรค่ากับการเป็นเจ้าของกังฟูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

“หึ! เพิ่งรู้เหรอ?” ด้วงแสยะยิ้มชั่วร้ายชวนให้หนุ่มสถาปัตย์หมั่นไส้ได้ไม่ยาก เจ้าของห้องจึงโยนเบียร์กระป๋องใส่หน้าให้อีกฝ่ายเป็นการตอบแทน

“โห่! โคตรหลงตัวเองเลยว่ะ” เต๋อด่าไปขำไปพลางก็เปิดเบียร์ในมือก่อนจะยกกระป๋องส่งสัญญาณการร่ำสุราให้กับหนุ่มผมยาวที่นั่งอยู่หน้าโซฟา  

“เปล่า...เราหลงฟู” ชายหนุ่มหน้าหยกสัพยอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง กระทั่งเรื่องเล่นๆ...เขาก็ไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ

“ไอ้สัดด้วง!!” เต๋อเผลอตวาดไอ้หน้าหยกที่กระดกเบียร์เป็นว่าเล่น  ก่อนจะลดเสียงลงแล้วยอมรับออกมาหน้าด้านๆไม่แพ้อีกฝ่าย “เออ! กูก็หลง...โคตรหลงแม่งเลย ไม่รู้ว่าหลวมตัวหลงผิดไปได้ยังไงเหมือนกัน”

“งั้นนายก็เลือกใหม่ดิ จะได้ไม่ต้องมาหลงผิดแบบนี้”

“มึงก็เลือกใหม่ก่อนดี้ กูจะได้ไม่ต้องแข่งกับมึงไง” แผนการหลอกล่อของหนุ่มผมยาวไม่เคยได้ผลกับเต๋อเลยสักครั้ง ทว่าความตั้งใจของหนุ่มเจ้าบ้านเองก็ไม่ทำให้ด้วงหวั่นไหวเช่นกัน

“ฝันไปเหอะ!

“เออ...มึงก็รอชาติหน้าตอนบ่ายๆแล้วกัน”



อาจเป็นเพราะบรรยากาศของการร่ำสุรา และบทสนทนาพาไป...
ที่ทำให้ทั้งสองหนุ่มได้มีโอกาสเปิดอกพูดคุย แบ่งปันเรื่องราวมากมายที่อีกฝ่ายไม่เคยล่วงรู้หลังจากห่างหายกันไปหลายปี

หากชะตาชีวิตของทั้งสองถูกกำหนดให้เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เยาว์วัย...
นั่นก็เท่ากับว่าหนทางที่ถูกขีดไว้ด้วยฝีมือคนบนฟ้า ได้มาบรรจบกันเป็นครั้งแรกในคืนนี้  


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ




GEG
                                                                                                                                                             


 พี่หมี...  READ 10.50 PM

GEG:
ว่าไงครับบูบู้?  10.50 PM READ

 หายมวนท้องหรือยังครับ?  READ 10.51 PM

GEG:
หายแล้วครับ...สบายมาก!!  10.52 PM READ

 เอ่อ...พี่หมีครับ   READ 10.52 PM  
GEG:
ครับบูบู้...ว่าไงเอ่ย?  10.53 PM READ

 ร้านที่เราไปกินข้าวกัน...  READ 10.53 PM  
 รับลูกค้าเป็นกลุ่มด้วยนี่ครับ  READ 10.53 PM  

GEG:
ตอนแรกเค้าก็สงสัยอยู่เหมือนกัน   10.55 PM READ
GEG:
ตอนบูบู้ไปเข้าห้องน้ำ
เลยลองถามพนักงานดู
ถึงรู้ว่านี่เป็นนโยบายใหม่น่ะ  10.55 PM READ

 จริงเหรอครับ?  READ 10.56 PM  

GEG:
ก็จริงน่ะสิ  10.56 PM READ
GEG:
บูบู้ไม่รู้อะไรซะแล้ว
ตอนที่เค้าไปกินใหม่ๆ...
ไปเป็นกลุ่มนี่เข้าไม่ได้เลยนะ...
การ์ดหน้าร้านถึงกับขับไล่  10.57 PM READ

 โห! ทำไมดุจัง?  READ 10.57 PM  

GEG:
นึกถึงขึ้นมาแล้วยังกลัวไม่หาย  10.58 PM READ

 โธ่! ขวัญเอ๊ยขวัญมานะครับพี่หมี  READ 10.58 PM   

GEG:
ถ้าอยากให้เค้าหายดี...
ไว้เราไปกินไอติมกันสองคนได้ไหมครับ?  10.59 PM READ

 ที่พี่หมีพูดตอนนั้น...
เอาจริงเหรอครับ?  READ 10.59 PM   
GEG:
ก็ใช่น่ะสิ  11.00 PM READ
 GEG:
นะ...ไปนะครับบูบู้  11.01 PM READ

 ไปก็ได้ครับ  READ 11.02 PM   
GEG:
ตอบเหมือนไม่อยากไปงั้นแหละ  11.03 PM READ

 อยากไปสิครับ  READ 11.02 PM
 ได้ไปกินไอติมกับพี่หมีทั้งคน  READ 11.02 PM   
 ใครล่ะจะไม่อยากไป  READ 11.02 PM  


GEG:
สัญญานะครับ?  11.03 PM READ

 ครับ...สัญญา  READ 11.04 PM  
 เค้าไปนอนก่อนนะ  READ 11.05PM  

GEG:
ราตรีสวัสดิ์นะครับบูบู้  11.05 PM READ
 ฝันดีนะครับพี่หมี  READ 11.06 PM

GEG:
ฝันถึงพี่หมีด้วยนะครับ  11.06 PM
GEG:
ไม่ต้องสนใจข้อความข้างบนนะบูบู้!!!  11.06 PM
GEG:
เมื่อกี๊มือเค้าลั่น!!!  11.06 PM





Ħ------------------------------------  TBC  ------------------------------------Ħ

No comments:

Post a Comment