อา...ดีใจ
ใกล้จะจบแล้ว!!!
เรื่องนี้เขียนด้วยความโล่งอกแท้ๆ
เพราะแรกวางพล็อตวางเอาไว้ว่าจะให้จบภายในสิบสองตอน
และพอเขียนจริงๆ ก็น่าจะจบภายในตอนหน้าแน่ๆค่ะ
(หวังว่านะคะ หึ หึ)
และในเมื่อตอนนี้เป็นตอนก่อนจบ
อะไรที่หลบซ่อนเอาไว้ ย่อมจะมาคลี่คลายกันในยามนี้แล้วล่ะค่ะ
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ...
อย่าคิดอะไรมาก
เพราะมันเป็นแค่นิยายจิตๆเรื่องหนึ่งเท่านั้นเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
#12
ณ
สถานที่ๆเวลาไม่มีความหมาย...
กายหนายืนมองร่างที่ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงด้วยความสมเพช
ไม่น่าเชื่อ...เวลาแค่สองเดือนจะทำให้เด็กหนุ่มผู้เคยแข็งแรงล่ำสัน
ผอมแห้งจนดูเหมือนซากที่ยังคงหายใจเข้าไปทุกทีๆ...
อีกฝ่ายดูผิดไปจากที่เคยในช่วงสุดท้ายที่ต่างฝ่ายได้เผชิญหน้ากันราวฟ้ากับดิน
เด็กหนุ่มที่อยู่ในความดูแล
แต่ไม่เคยโผล่มาให้เห็นใบหน้า แม้เขาจะพยายามเรียกหาหลายต่อหลายครั้ง
กระนั้น อยู่มาวันหนึ่ง...
หนุ่มลูกครึ่งในชุดนักศึกษาผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ลูกศิษย์ผู้ที่เขาเคยเห็นผ่านตานานทีปีหน
กลับถือวิสาสะเดินอย่างไม่ยี่หระเข้ามาในห้องทำงานของเขาโดยไร้การนัดหมายล่วงหน้า...
ช่างกร่างกล้าเสียนี่กระไร
แม้นั่นจะเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายเข้าใจไปคนเดียว
ทว่าในความเป็นจริง...
กลับเป็นตัวเขาเองต่างหาก
ที่กำลังตั้งตารออีกฝ่ายด้วยความลิงโลดใจอยู่ทุกชั่วขณะจิต
‘ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร
แล้ววันนี้ที่เข้ามาพบผมนี่ คุณมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าครับ?’
‘ผมมีเรื่องอยากจะตกลงกับคุณ’
‘เอ...
ผมจำไม่ได้ว่าเคยทำข้อตกลงอะไรเอาไว้กับนิสิตคนไหนมาก่อนนะครับ’
‘ผมรู้ว่าคุณเป็นอะไร’
‘หึ
หึ หึ...ผมว่าใครๆก็รู้ว่าผมเป็นอะไร ป้ายหน้าห้องก็ระบุตำแหน่งอย่างชัดเจนแล้วนี่ครับ...คุณว่าจริงไหม?’
‘อย่ามาทำเป็นไก๋ดีกว่า...
หรือคุณอยากให้ผมเอาเรื่องที่ผมเห็นมาไปป่าวประกาศให้ทุกคนรับรู้โดยทั่วกัน
เสียหายหลายแสนนะคุณ โดยเฉพาะคนที่ทำงานเป็นครูบาอาจารย์แบบคุณน่ะ’
‘คุณไปรู้อะไรมา?’
‘ผมจะบอกคุณก็ได้...
แต่คุณต้องจ่ายค่ารักษาข้อมูลให้ผมเป็นการแลกเปลี่ยน’
‘อ่า...คุณตั้งใจมาแบล็คเมล์ผมนี่เอง’
‘สรุปว่าตกลงหรือไม่ตกลง?’
‘เอาเป็นว่า
เราไปคุยกันเรื่องนี้ที่อื่นดีไหม?
ผมไม่ค่อยสะดวกใจที่จะพูดเรื่องแบบนี้ที่มหาลัยเลยครับ’
‘อย่าเล่นตุกติกเชียวนะคุณ’
‘ผมเป็นฝ่ายเสียเปรียบคุณทุกอย่างนะครับ
ผมจะเอาลูกเล่นที่ไหนมาใช้ได้อีกล่ะ’
‘ก็ดี...
ผมขี้เกียจมีปัญหาเหมือนกัน’
‘ครับๆ
ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยไหมครับ’
“เธอคงเสียใจมากสินะ
ที่วันนั้น...เธอยอมตามฉันออกมาง่ายๆ” ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งข้างๆกับซากที่มีเพียงลมหายใจแผ่วที่บ่งบอกว่าเจ้าของร่างยังมีชีวิตอยู่
เขาเอ่ยเรื่อยๆพลางลูบเรือนผมสากที่จับตัวเป็นก้อนอย่างเบามือ
“ถ้าเธอรู้ว่าจะเจอกับอะไร...เธอคงไม่ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำสติเธอจนไม่ระแวดระวังภัยอย่างวันนั้นใช่ไหมเด็กดื้อ”
“แต่ถึงเธอจะเป็นเด็กดีกว่านี้
ถึงเธอจะไม่เป็นฝ่ายรี่มาข่มขู่ฉันก่อน...
.
...สุดท้าย
ฉันก็จะไปหาเธออยู่ดี เพราะเธอมีสิ่งสวยงามที่สุดอยู่ในมือ”
“และฉันก็รู้ว่า...เธอคงไม่ยอมยกสิ่งๆนั้นให้กับฉันง่ายๆ...
.
...ฉันเลยจำใจต้องทำกับเธอแบบนี้...
...ทั้งที่เธอไม่ใช่เหยื่อแบบที่ฉันชอบแม้แต่นิดเดียว...
ไม่เลย”
“แต่ฉันต้องขอบคุณด้านมืดของเธอเป็นที่สุด
เพราะมันทำให้ฉันไม่ลังเลที่จะทำร้ายเธอเลยสักนิด...
.
...เธอรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
“เพราะเด็กดีของฉัน
ไม่ควรจะเกลือกกลั้วกับคนชั่วๆอย่างเธออีกต่อไปยังไงล่ะ”
“...อา... ยา...
อยากได้ยา.....” น้ำเสียงแห้งผากถูกเปล่งออกมาด้วยความยากลำบากเพื่อบ่งบอกความต้องการสูงสุดในยามนี้ของร่างผอมโซที่เคยนอนนิ่งประหนึ่งท่อนไม้
“ไม่ต้องห่วงเด็กน้อย
ฉันเตรียมของดีไว้ให้เธอแล้ว รับรองว่าเธอจะสุขสมใจ”
ชายหนุ่มฉีดไล่ฟองอากาศออกจากภายในเข็มฉีดยา
พลางลูบเรือนผมเหนียวหนับติดมือนั่นเบาๆอีกหลายครั้ง
“ขอบคุณจริงๆที่เธออดทนอยู่กับฉันจนถึงวันนี้ วันที่เด็กดีของฉัน กลับมาอยู่กับฉันด้วยความสมัครใจ”
“ถ้าไม่ได้เธอช่วยเอาไว้...
...ไม่รู้อีกกี่คนที่ต้องตายเพื่อให้ฉันได้ครอบครองหัวใจของฉันอีกครั้งหนึ่ง”
“...ยา...ขอยา...ได้โปรด...”
เด็กหนุ่มอ้อนวอน
“เอาล่ะ...
...ในฐานะที่เธอทำงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จได้อย่างงดงาม...
...ฉันขอตอบแทนความดีของเธอด้วยความอิ่มเอมขั้นสูงสุด...
.
...หลังจากนี้
เธอจะไม่บ่นหิวยาอีกต่อไปแล้วนะ” ทันทีที่พูดจบ มือหนาก็ฉีดสารละลายที่เข้มข้นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ตรงเข้าสู่เส้นเลือดให้กับฝ่ายที่กำลังดีดดิ้นด้วยความทุรนทุรายด้วยความกระหายรสซาบซ่านของน้ำใสภายในหลอดไซริงค์
“หลับให้สบายนะ...
ฉันสัญญา ฉันจะดูแลเด็กดีแทนเธอเอง” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาทว่าเรียบเฉยกล่าวพลางทอดสายตามองอีกฝ่าย
เขาเฝ้ารอให้ประกายสะท้อนแสงในดวงเนตรโหลคู่นั้น ค่อยๆมอดดับหายไปอย่างช้าๆ...
และแล้ว ก็สมควรแก่เวลาที่เขาต้องลงมือเก็บกวาดร่องรอยทั้งหมดให้สะอาดสะอ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มต้องคอยสะบัดไล่ความหงุดหงิดให้พ้นไปจากจิตใจ
ระหว่างจัดเตรียมสถานที่ชำแหละศพให้พร้อมสรรพ
ถึงอย่างนั้น เมื่อไรก็ตามที่พลั้งเผลอ...
ชายหนุ่มก็มักจะตำหนิตัวเองซ้ำๆว่าไม่ควรปลิดชีวิตเหยื่อคนล่าสุดภายในบ้านของตัวเองเลยจริงๆ
ไหนจะกำจัดยาก
ไหนจะลำบากในการลบร่องรอย ไหนจะเครื่องมือน้อยและไม่ครบครัน
แต่พอคิดอีกที...ครั้นจะให้ออกไปทำลายหลักฐานที่สนามเด็กเล่นดังปกติวิสัย
รุ่งรวีก็อาจจะระแคะระคายได้
เมื่อไม่เหลือทางเลือกอื่น...
ชายหนุ่มก็พร้อมจะเสี่ยง เพราะมันถึงเวลาที่เขาต้องทำลายเสี้ยนหนามให้หมดไปจากเส้นทางความรักในอุดมคติของตนเองเสียที
“วุ่นวาย...
.
...ขนาดตายแล้ว
เธอยังก่อความวุ่นวายให้กับฉันได้ไม่ต่างจากตอนยังมีชีวิตอยู่เลยนะมานะ”
ชายหนุ่มรำพึงรำพันกับตนเองเบาๆ
ระหว่างงมหาเลื่อยไฟฟ้าขนาดเหมาะมือที่ต้องถืออีกนาน
จนกว่าการตัดแบ่งร่างไร้วิญญาณของอดีตเด็กหนุ่มลูกครึ่งจะสำเร็จลุล่วง
หลังจากคืนนี้...จะไม่มีโทรศัพท์หลอนวิญญาณตอนเที่ยงคืนอีกต่อไปแล้ว
เพราะเจ้าของเบอร์ดังกล่าว...กำลังจะกลายเป็นอาหารอันโอชะให้กับบรรดาลูกๆสุดที่รักของเขาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
“พี่กัลป์ครับ...
พี่กัลป์จะพาจ้าไปไหนครับ?” เด็กหนุ่มไม่อาจสะกดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นได้อีกต่อไป
เมื่อแฟนหนุ่มไม่ยอมแย้มพรายถึงที่หมายของการออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่วันอาทิตย์แบบนี้
“พี่จะพาจ้าไปหาลุงด้วยกันครับ...
.
...พี่อยากบอกเรื่องของเราให้ลุงของจ้ารับทราบ
ท่านจะได้รับรู้ถึงความจริงใจของพี่...
...อีกอย่าง
จะให้พี่เอาเปรียบจ้าโดยไม่เข้าหาผู้ใหญ่
พี่คงจะเป็นแฟนที่ใช้ไม่ได้ที่สุดในโลกเลยล่ะ” กัลป์ตอบตุ๊กตาหน้ารถด้วยน้ำเสียงร่าเริง
ทั้งที่ภายในกลับคำณวนหาวิธีพูดคุยกับลุงของอีกฝ่ายให้เบ็ดเสร็จเรียบร้อยโดยเกิดการเพลี่ยงพล้ำน้อยที่สุด
“แต่มันจะดีเหรอครับ?” สีหน้าของรุ่งรวีหมองลงอย่างเห็นได้ชัดจนแฟนหนุ่มต้องพูดจาปลุกปลอบในทันใด
“ดีสิครับ
อย่างน้อยๆ...ถ้าท่านได้รู้ว่าจ้ามาอยู่กับพี่ในฐานะอะไร
ท่านจะได้เบาใจว่าพี่จะดูแลจ้าเป็นอย่างดี” หากการพบกันครั้งนี้ไม่ประสบผลตามที่ชายหนุ่มตั้งความหวังเอาไว้
เห็นทีเขาคงได้ใช้มาตรการสำรองขั้นเด็ดขาดเข้าจัดการกับอีกฝ่ายโดยเร็วที่สุด
“แต่ลุงจอมต้องออกไปทำงาน
ลุงไม่ค่อยอยู่ติดบ้านสักเท่าไรหรอกครับพี่กัลป์...
.
...จ้ากลัวว่า
วันนี้...พี่กัลป์จะคว้าน้ำเหลวเสียเปล่าๆ...
...จ้าว่า...ทางที่ดี
เรากลับบ้านแล้วรอให้ลุงกลับมาที่บ้านจ้าก่อนดีไหมครับ?” จ้าซึ่งกำลังเป็นเดือดเป็นร้อนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกไม่ช้าพยายามหว่านล้อมให้กัลปพฤกษ์เปลี่ยนใจ กระนั้น...คนโตกว่ากลับดักทางเอาไว้ได้ทัน
“เมื่อวานพี่โทรไปนัดลุงของจ้ามาแล้วล่ะ” เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของจ้า
ชายหนุ่มจึงต้องรีบให้ข้อมูลเพิ่มเติม “พี่ขอเบอร์ลุงมาตั้งแต่คืนนั้นแล้ว...จ้าไม่ต้องห่วงนะ
ยังไงวันนี้เราสองคนก็จะได้เจอหน้าลุงของจ้าแน่ๆ”
กัลป์เสแสร้งอธิบายด้วยเหตุผลจอมปลอม...
เปล่าหรอก ที่กัลป์ล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับลุงและชีวิตของจ้าในทุกๆเรื่องมาตั้งแต่ก่อนจะเจอหน้าอีกฝ่าย
เป็นผลงานจากฝีมือลูกน้องคนสนิทของบิดาที่เขาสามารถเรียกใช้ได้ตลอดเวลา
ตามค่าเหนื่อยที่ผกผันล้อไปกับความยากง่ายของการว่าจ้างนั่นต่างหาก
“.........”
เมื่อกัลป์ไม่รอมชอม เด็กหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆพลางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างของรถยนต์คันหรู
“ไม่ต้องกลัวนะ
รับรองว่าลุงจ้าต้องยอมรับเรื่องของเราแน่ๆ” กัลป์ปลอบใจเด็กหนุ่ม...
ไม่ว่าอย่างไร
ภายในวันนี้...ความสัมพันธ์อันน่ารำคาญของลุงหลาน
จอม – จ้า ควรถึงคราสิ้นสุดลงเสียที
เพราะกัลป์ไม่มีทางวางใจได้ร้อยเปอร์เซนต์
หากเด็กหนุ่มยังคงเป็นห่วงผีพนันในร่างของญาติเพียงคนเดียวผู้นี้อยู่เนืองๆ
เมื่อนึกถึงจอม...
ชายหนุ่มก็อดนึกไปถึงอีกคนที่รุ่งรวีเคยเชื่อมโยงให้ฟังว่าเป็นผู้มีพระคุณกับลุงของตนขึ้นมาไม่ได้...
และเพื่อความแน่ใจ
เขาต้องรู้ให้ได้ว่า รักษ์เป็นอะไรในสายตาของจ้ากันแน่
“จ้าครับ...
พี่ถามอะไรหน่อยสิ” กระทั่งเรื่องไม่ชอบใจอย่างเรื่องของผู้ชายคนอื่น ก็ไม่อาจทำให้กัลป์แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาได้
“ครับ
พี่กัลป์อยากรู้เรื่องอะไรเหรอครับ?”
“จ้าเจอกับรักษ์น้องชายพี่ได้ยังไง?...
.
...รักษ์ไม่ได้เข้ามาช่วยลุงของจ้าอย่างที่จ้าบอกพี่ใช่ไหม?”
กัลป์ยิงคำถามเข้าตรงกลางเป้าเผง และเขากำลังรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายว่าจะมีทีท่าอย่างไร
“พี่รักษ์บอกพี่กัลป์เหรอครับ?”
สีหน้าซีดเผือดกับอาการเบิกตากว้างกว่าปกติของรุ่งรวีผู้ไม่ประสีประสาทำให้ชายหนุ่มซักต่อทันทีโดยอาศัยพื้นนิสัยขี้เกรงใจและไว้ตัวของจ้า
กับความเป็นสุภาพบุรุษของลูกพี่ลูกน้องให้เป็นประโยชน์
“อืม
ก็ทำนองนั้น.....แต่พี่ขอล่ะ จ้าอย่าโกรธเจ้ารักษ์มันเลยนะ” ท่าทางออกรับผิดแทนน้องชายและน้ำเสียงอ่อยอ่อนที่กัลป์จงใจใช้นั้นค่อนข้างจะให้ผลตอบรับที่ดี
คนโตกว่าจึงรีบเล่านิยายขยายความต่อ
“พอดีเมื่อวานตอนจ้าหลับ
พี่ก็จับเจ้าตัวมานั่งซักฟอกจนขาวสะอาดอยู่นานสองนาน...
.
...พี่แค่อยากแน่ใจว่า
ไอ้รักษ์มันจะไม่คิดตีท้ายครัวของพี่เอาทีหลังน่ะ” แม้ใจความส่วนแรกจะไม่มีมูล
แต่ประโยคล่าสุดคือสิ่งที่เขาตั้งตาจะพิสูจน์ในอีกไม่ช้านี้ทั้งกับคนรักของตน
และน้องชายต่างพ่อแม่
“พี่กัลป์ไม่ต้องห่วงหรอกครับ
คนที่จ้ายอมมอบทุกอย่างให้ด้วยความเต็มใจ...คือพี่กัลป์คนเดียว” เจ้าของนัยน์ตาโศกปลอบพร้อมๆกับยืนยันให้กัลป์วางใจ
เพราะหากเด็กหนุ่มไม่รู้สึกอะไรกับอีกฝ่าย...คงไม่ยอมย้ายมาร่วมชายคา
และทำตัวเป็นภรรยายามร่วมใช้เตียงนอนโดยง่ายดายเช่นนี้
“ครับ...
พี่รู้ รู้ซึ้งดีเลยล่ะ” ชายหนุ่มส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปหยอกล้ออีกฝ่ายจนดวงหน้านวลขึ้นสีแดงจัด
ก่อนจะวกเข้าประเด็นที่ยังค้างคาใจ...เขาให้เวลารุ่งรวีหายใจหายคอมามากเกินพอแล้ว
“ทีนี้จะเล่าให้พี่ฟังได้หรือยังว่าจ้าไปเจอกับรักษ์ได้ยังไง?”
คนฟังทำหน้าบอกบุญไม่รับทันทีที่รู้ว่าเลี่ยงคำถามข้อนี้ไม่ได้ แต่สิ่งที่พัฒนาไปมากหลังจากทั้งสองตกลงเป็นแฟนกันเห็นจะเป็นการที่รุ่งรวีพยายามให้คำตอบทั้งที่ไม่เต็มใจสักเท่าไร
“พี่รักษ์ช่วยจ้าหลังจากเกิดเรื่อง...
เอ่อ...เรื่อง...
ในที่สุด...
จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายก็ถูกต่อลงในพื้นที่ว่างกลางใจชายหนุ่ม
รักษ์คือคนที่เข้ามาสอดแทรกในช่วงเวลาที่เขายอมปล่อยมือจากสุดที่รักชั่วคราวนี่เอง
ดีจริงที่เขาไม่ปล่อยให้เด็กดีอยู่ห่างสายตานานเกินไป...
ไม่อย่างนั้น น้องชายคนสนิทคงได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตจ้ามากกว่าทุกวันนี้แน่ๆ
“จ้าไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้ พี่เข้าใจ” กัลป์ตัดบทด้วยไม่อยากทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดยิ่งไปกว่านี้ คนรักที่ดีอย่างเขาไม่ควรทำให้จ้าต้องหนักใจด้วยเรื่องเก่าๆ...
เรื่องที่เขาเป็นตัวการชักใยอยู่เบื้องหลัง
“ขอโทษนะครับที่ถามเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งๆที่พี่เป็นฝ่ายบอกกับจ้าเองว่า
พี่จะไม่รื้อฟื้นเรื่องในอดีตของจ้าแท้ๆ” ชายหนุ่มเสหลบตา อาการไม่กล้าสู้หน้าของกัลป์ทำให้รุ่งรวีร้อนรน
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่กัลป์
จ้าไม่ได้คิออะไรแล้ว”
“ว่าแต่
จ้าไม่ได้คิดอะไรกับรักษ์จริงๆใช่ไหม?” กัลป์หลอกล่อให้เด็กหนุ่มเปิดปากด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย
ซึ่งเจ้าของนัยน์ตาโศกก็ตกหลุมพรางอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ไม่ครับ...
จ้ารักพี่กัลป์คนเดียว”
“ได้ยินอย่างนั้นพี่ก็สบายใจ...
.
...พี่ก็รักจ้าคนเดียวเหมือนกันครับ”
คนขับเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มนิ่มของรุ่งรวีอย่างอ่อนโยนและรักใคร่เป็นที่สุด หากไม่ติดว่าวันนี้เขามีธุระที่ต้องเร่งจัดการมากมายหลายอย่าง
ชายหนุ่มคงใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อบอกรักจ้าด้วยร่างกายให้สมกับความโหยหารสสัมผัสของอีกฝ่ายไปแล้ว
“เอ่อ...
พี่กัลป์ครับ” อยู่ๆเด็กหนุ่มก็โพล่งชื่อของคนขับขึ้นมาราวกับเพิ่งตัดสินใจบางอย่างได้
“ว่าไงครับเด็กดี?”
ฝ่ามือซ้ายที่ก่อนหน้านี้สัมผัสเรือนผมนุ่มนิ่ม ค่อยๆเลื่อนลงมากุมมือเล็กๆข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มเอาไว้
“จ้ามีเรื่องจะบอกครับ...
แต่พี่กัลป์ต้องสัญญาก่อนนะครับ ว่าจะไม่โกรธและไม่ตัดสินจ้า” ด้วยความกังวลเกินพิกัดทำให้รุ่งรวีเอ่ยรัวเร็ว
ท่าทางเหมือนโจรกลับใจทำให้กัลป์ไม่ชอบใจนัก แต่ด้วยความอยากรู้...ชายหนุ่มจึงเลือกปกปิดด้วยท่าทางพร้อมรับฟังไม่ต่างไปจากทุกที
“ครับ
พี่สัญญา” กัลป์รับปาก
“คือ...
.
...คนที่ทำร้ายจ้า...
...บอกให้จ้าไปเจอกับเขาอีกครั้งครับ”
หลังจากแบกรับความเครียดเพียงลำพังอยู่นานโดยหาทางออกไม่ได้ รุ่งรวีจึงตัดสินใจเปิดเผยเรื่องกวนใจให้กับแฟนหนุ่มที่ตนเชื่อมั่นได้รับทราบ
“ห๊ะ?!! ว่าไงนะ?
ไหนจ้าบอกว่า...ไม่มีอะไรแล้วยังไงล่ะ?” แม้จะสับสนกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
แต่การคาดคั้นให้รุ่งรวียอมคายเรื่องดังกล่าวให้ฟัง ช่วยทำให้กัลป์ไม่วอกแวกจนเผลอหลุดธาตุแท้ออกมา
“อย่าบอกนะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มันยังติดต่อจ้าอยู่?” ...ใครอีกที่กล้าเข้าหารุ่งรวีทั้งๆที่ไม่ใช่ฝีมือของเขา?!!
“ใจเย็นๆก่อนครับพี่กัลป์
จ้าว่าเวลานี้...เรื่องที่มันติดต่อจ้าอยู่ไม่สำคัญเท่ากับเรื่องวันพรุ่งนี้หรอกนะครับ”
“พรุ่งนี้งั้นเหรอ?...
มันนัดจ้าพรุ่งนี้เหรอ? แล้วมันเป็นใคร?” แววตาหวาดหวั่นของกัลป์ทำให้จ้ารู้สึกใจชื้น
อย่างน้อยๆ...ก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่วิตกกับเรื่องนี้ และคนที่นั่งกุมพวงมาลัยอยู่ข้างๆย่อมต้องหาทางออกให้เขาได้แน่ๆ
“ครับ...
ตอนเที่ยง ที่โรงอาหารคณะจ้า.. คนของมันเป็นเด็กวิศวะที่จ้าไม่รู้จัก
แต่จ้าเคยเห็นหน้าบ่อยๆ” เด็กหนุ่มให้ข้อมูลตามความเป็นจริง ความไม่รู้เท่าทันทำให้จ้าไม่อาจรู้ได้ว่า...สิ่งที่ตนเอื้อนเอ่ย
ได้ตัดสินชะตาชีวิตของใครอีกหลายคนไปเป็นที่เรียบร้อย
“ถ้างั้น
พรุ่งนี้จ้าหยุดอยู่บ้านแล้วกัน... ไม่ต้องออกไปไหน
พี่กลัวว่าจ้าจะตกอยู่ในอันตราย” กัลป์สั่งอย่างจริงจัง... เขาพอจะรู้แล้วว่าคนที่กล้าเอาชีวิตเข้ามาทิ้งเป็นใคร
และการจัดการมันผู้นั้นย่อมจะเป็นเรื่องง่ายหากไร้เงาของจ้าป้วนเปี้ยนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ
“ไม่ได้หรอกครับ
พรุ่งนี้จ้ามีควิซทั้งเช้าทั้งบ่าย โดดเรียนไม่ได้สักวิชา” ...น่าหงุดหงิดจริงๆที่เด็กหนุ่มไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเท่าที่ควร
แต่การไปดักเจอหน้าบุคคลไม่พึงประสงค์กลางโรงอาหารคณะครุฯก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนัก...
“งั้นเอาอย่างนี้ พรุ่งนี้กลางวัน พี่จะไปรับจ้ามากินข้าวด้วยกัน
จ้าจะได้ไม่ต้องเจอมัน...
.
...แล้วพอเรียนเสร็จก็รีบมาหาพี่ที่ห้องทำงาน...
...พรุ่งนี้พี่จะขอเลิกงานเร็วๆดีไหมครับ?” กัลป์เสนอทางออกที่ดีที่สุดให้กับคนรัก
ซึ่งเด็กหนุ่มดูจะพอใจมากทีเดียว
“ครับ
ก็ได้ครับ”
“ไม่ต้องกังวลนะจ้า
พี่จะไม่ปล่อยมือจ้าแน่ๆ” ชายหนุ่มตอกย้ำความตั้งใจของตนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นใบหน้าสวยหวานปนตระหนกของอีกฝ่ายในภาพจากกล้องวงจรปิดในคืนนั้น...
กัลป์ก็บอกกับตัวเองซ้ำๆว่า
เขาจะไม่มีวันปล่อยจ้าไปไหน...เขาจะไม่ยอมให้ใครอยู่ใกล้จ้านอกจากตัวเขาแต่เพียงผู้เดียว
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
“สวัสดีครับคุณลุง
คุณลุงจำผมได้ไหมครับ?” อาจารย์หนุ่มกล่าวทักทายพร้อมยกมือไหว้คนสูงวัยกว่าที่เพิ่งเดินเข้ามายังคอฟฟี่ช็อปของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งอันเป็นสถานที่นัดหมายของพวกเขาทั้งหมด
“ไหนคุณบอกว่าจะเอามันไปอยู่ด้วยไง...
ไม่ทันไรก็จะเอามาคืนแล้วเหรอ?” จอมแหวใส่ทันทีที่เห็นว่าข้างๆกายกัลป์
คือหลานชายหน้าหวานของตนเอง “มึงไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้อีกล่ะไอ้จ้า?...
งามหน้านักนะมึงเนี่ยะ!!” ผู้เป็นลุงด่ากราด...
แม้จอมจะขาดแหล่งรายได้ประจำอย่างจ้าไป
แต่นั่นกลับไม่ใช่เรื่องใหญ่
เพราะอะไรบางอย่างบอกเขาว่า...วันนี้เขาจะได้แหล่งเงินแหล่งใหม่ที่ให้เงินแก่นักเลงบ่อนอย่างเขาได้อย่างไม่จำกัด
“เปล่าหรอกครับ
จ้าไม่ได้ทำอะไรให้ผมไม่พอใจ...
.
...แต่ที่ผมนัดคุณลุงออกมาวันนี้
เพราะผมอยากจะเรียนให้คุณลุงทราบว่า...
....ผมกับจ้า
เรารักกัน และเราคบกันอยู่” กัลป์เอ่ยอย่างนอบน้อมพลางประเมินท่าทีของอีกฝ่ายอยู่ในใจ
ขณะเดียวกันนั้นเอง...ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของคนรัก
ก็กำลังบวกลบคูณหารสถานการณ์ทั้งหมดด้วยความรวดเร็ว
หลังจากลอบสำรวจหน้าตา
รูปพรรณสัณฐานและการแต่งกายของกัลป์อย่างถี่ถ้วน
จอมก็บอกได้ทันทีว่า
หนุ่มรูปงามตรงหน้ามีฐานะไม่ใช่เล่น
จากเดิมที่รู้สึกขยะแขยงจนไม่อยากร่วมโต๊ะเสวนา
ทว่ากลิ่นเงินที่โชยออกมาจากตัวกัลป์ ยั่วยวนให้จอมทำใจยอมรับ
อีกทั้งยังไม่คิดถือสาความรักอันวิปริตผิดธรรมชาติของชายหนุ่มกับหลายชายตัวถ่วงได้อย่างง่ายดาย
เพราะต่อให้ใครหน้าไหนจะตั้งป้อมนินทาว่าหลานชายของเขาเป็นเกย์
หรือเป็นเมียผู้ชาย
แต่พวกอ้ายอีปากพล่อยทั้งหลายเหล่านั้น
มันก็พร้อมใจถวายตัวเป็นทาสให้กับเงินฟ่อนโตกันทุกคนนั่นแหละ
“การที่อยู่ๆคุณมาบอกว่ารักหลานชายผม
ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมให้คุณพาตัวไอ้จ้าไปอยู่กินกันง่ายๆหรอกนะ” ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของจอมทำให้กัลป์เริ่มจะตัดสินใจได้...
กระทั่งหลานชาย นายจอมคนนี้ ก็คิดจะขายเพื่อแลกกับเงินไปเล่นพนันอย่างนั้นหรือ?!
“แต่คุณลุงครับ...คุณลุงบอกเองว่าคุณลุงอนุญาตให้จ้าไปอยู่กับผมได้”
“ก็นั่นมันก่อนที่ผมจะรู้ว่าคุณเป็นอะไรกับไอ้จ้ามันนี่”
จอมส่งสายตาท้าทายไปให้เจ้าของร่างภูมิฐาน “แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่แล้วล่ะ”
จังหวะที่กัลป์เสยผมด้วยท่าทางหนักใจ...หน้าปัดนาฬิกาข้อมือที่น่าจะแพงหูฉี่ก็เตะตาชายวัยกลางคนที่นั่งดูเชิงอยู่...
อาการหิวเงินของเขาทำให้จอมวัดระดับความรวยของคนอื่นได้อย่างแม่นยำเสมอ...
ครั้งนี้เขาตั้งใจจะขูดรีดว่าที่หลานเขยให้สมน้ำสมเนื้อกับราคาของนาฬิกาเรือนนั้นเลยเชียว
“คุณลุงต้องการให้ผมพิสูจน์ตัวเองหรือครับ?...
.
...ขอแค่คุณลุงบอกมาคำเดียว
ผมจะทำให้คุณลุงมั่นใจว่า ผมดูแลหลานชายของคุณลุงได้แน่ๆ” ชายหนุ่มทักท้วงอีกครั้งก่อนจะลงดาบ
แต่ดูท่าว่าจอมจะใช้โอกาสของตนอย่างมือเติบจนเกินไป
“โอ๊ย! ไม่ต้องวุ่นวายไปหรอกคู๊ณณณ! แค่มองตาคุณ...ผมก็บอกได้ว่าคุณน่ะรักหลานผมหัวปักหัวปำ...
.
...ไหนๆเรื่องทั้งหมดมันก็ออกมาในรูปนี้แล้ว...
...ไอ้ผมมันก็ไม่ใช่คนหัวเก่า
หรือใจไม้ไส้ระกำอะไร...
...เรื่องหลานจะมีแฟน
หรือรักกับใคร ผมไม่ห้ามหรอก
ขออย่างเดียว...ขอให้ผมได้ค่าตอบแทนสำหรับการเลี้ยงดูไอ้จ้ามาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยสักนิดสักหน่อย
คนรวยๆอย่างคุณ...คงจะพอให้ผมได้ใช่ไหมล่ะ?”
“ลุง!! ลุงพูดแบบนั้นได้ยังไง?!!” ผู้ฟังที่นั่งตัวลีบมาเป็นเวลานานถึงกับเอ็ดอึงด้วยความลืมตัว...
นี่ลุงเห็นเขาเป็นอะไร?!!
“ไม่เป็นไรจ้า...
พี่ตั้งใจจะสู่ขอจ้าจากคุณลุงให้เป็นเรื่องเป็นราวอยู่แล้วล่ะ” ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจได้
เขาล้วงซองสีขาวในกระเป๋าเสื้อเบลเซอร์สีสดใส
พร้อมกับกระดาษแผ่นเล็กอีกหนึ่งใบออกมาวางตรงหน้าจอม
“นี่ครับเงินสดสามหมื่น
กับเชคไม่กรอกตัวเลขอีกหนึ่งใบ... ผมหวังว่าคุณลุงจะพอใจกับสินสอดของผมนะครับ” ผู้เป็นลุงของรุ่งรวีกวาดเอาสิ่งของบนโต๊ะมาสำรวจดูด้วยมืออันสั่นเทา
แรกเลย...จำนวนเงินในซองนั้นไม่ได้ทำให้จอมอยากจะเผยยิ้มเท่าไรนัก
แต่เมื่อตระหนักว่า กระดาษแผ่นเล็กๆที่แนบติดมาคืออะไร ชายวัยกลางคนก็หลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปในพริบตา
แต่เมื่อตระหนักว่า กระดาษแผ่นเล็กๆที่แนบติดมาคืออะไร ชายวัยกลางคนก็หลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปในพริบตา
จอมไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่า
ในท้ายที่สุด...ขุมทรัพย์กลางทะเลทรายที่พร้อมจะบันดาลเงินมหาศาลให้เขาใช้แบบไม่มีวันหมดจะโผล่ขึ้นตรงหน้า
“พี่กัลป์!
พี่กัลป์อย่าทำแบบนี้เลยครับจ้าขอร้อง” เมื่อเห็นสายตาละโมบของลุง รุ่งรวีจึงเบนเข็มไปเกลี้ยกล่อมแฟนหนุ่มแทน...
คงไม่ผิดอะไร หากคนกลางอย่างเขาจะรู้สึกว่าตนเองเป็นสินค้าที่แลกมาด้วยเงินตราก้อนใหญ่ดังเช่นในยามนี้
“ไอ้จ้า...
มึงจะอะไรกับคุณเขานักหนา?...
.
...คุณเขาอยากตอบแทนกูให้สมกับที่กูลำบากเลี้ยงมึงมาตั้งหลายปี
แค่นี้ไม่เห็นจะต้องโวยวาย” จอมหันไปตวาดหลานชาย ไอ้จ้ามันกำลังใช้ความสิเนห่าเป็นเครื่องมือบังคับให้ไอ้หนุ่มนั่นพรากของกำนัลไปจากเขา
“แต่ลุง...
“ไม่ต้องมาต่งมาแต่แล้ว
คุณจะพาไอ้จ้าไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกที่ไหนก็ตามใจคุณเลยแล้วกัน
ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...ผมไปนะ” จอมบอกลาทั้งสองไปด้วยท่าทางรีบร้อนจึงไม่ทันได้สังเกตว่า
มีชายสองคนลอบติดตามเขาไปอยู่ห่างๆ
“ลุง! ลุง!!!” ร่างบางที่ผุดลุกขึ้นอย่างกะทันหันของจ้าถูกอ้อมกอดของกัลป์รั้งเอาไว้
ชายหนุ่มกระซิบห้ามคนรักของตนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไม่ผิดไปจากทุกที
“ปล่อยลุงไปเถอะจ้า”
“แต่พี่กัลป์
อย่างนี้ไม่เท่ากับว่าลุงขายจ้าให้พี่กัลป์หรอกเหรอครับ? แล้วเชคนั่น...ลุงจะเอาเงินของพี่กัลป์ไปเท่าไรก็ไม่รู้”
ความวิตกกังวลทำให้ลิ้นของรุ่งรวีแทบจะพันกัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับจ้า
เพื่อคนที่พี่รักสุดหัวใจอย่างจ้า...
.
...เสียเงิน
ไม่ใช่เรื่องใหญ่แม้แต่นิดเดียว” กัลป์โอ่ด้วยคำลวง...
เพราะนอกเหนือไปจากเงินสามหมื่นและเชคปลอมๆฉบับนั้น
เมื่อครู่...จอมเพิ่งบีบบังคับเขาให้หยิบยื่นจุดจบของผีพนันไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือกมากนัก
ต่อไปคนรักของเขาก็ไม่ต้องเศร้าใจ
หรือต้องเป็นห่วงลุงผู้ไม่มีอนาคตผู้นี้อีกแล้ว
เพราะในอีกไม่กีชั่วโมง
คนที่เขาสั่งเอาไว้...คงจะเปลี่ยนสถานะของจอมให้กลายเป็น ‘ผี’ พนันไปจริงๆ
“แต่จ้าก็ยังไม่สบายใจอยู่ดีนั่นแหละครับ
จ้าไม่อยากให้ลุงเอาเปรียบพี่กัลป์อยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้เลย” คำพูดน่าเอ็นดูของจ้าทำให้กัลป์กอดร่างผอมบางแน่นยิ่งไปกว่าเดิมพลางกระซิบเบาๆทำนองหยอกเย้าให้อีกฝ่ายได้ยินแต่เพียงผู้เดียว
“ใครบอกจ้ากันว่าลุงเอาเปรียบพี่ฝ่ายเดียว...
พี่ก็เอาเปรียบลุงจ้าเหมือนกันนะ”
“ยังไงครับ?”
“เดี๋ยวกลับถึงห้องของเราเมื่อไร
จ้าก็รู้เองนั่นแหละครับ” คนพูดส่งสายตามกรุ้มกริ่มไปให้อีกฝ่ายด้วยหมายความตามนั้น
พลันฝ่ามือเล็กๆของจ้าก็ฟาดลงมาเบาๆตรงหน้าอกของเขาคล้ายกับการลงโทษอันแสนหวาน
“พี่กัลป์!!!” เด็กหนุ่มขืนตัวออกจากวงแขนของกัลป์
แล้วจึงเดินก้มมองพื้นเพื่อซ่อนใบหน้าแดงจัดของตนเอาไว้ไปยังลานจอดรถของโรงแรม พลางข่มใจไม่รับฟังประโยคสัพยอกที่ลอยลมมาจากคนที่เร่งฝีเท้าตามอยู่ด้านหลังด้วยไม่ต้องการรู้สึกประดักประเดิดยิ่งไปกว่าที่เป็นอยู่
“ฮะ
ฮะ ฮะ ฮะ... เขินเหรอครับเด็กดีของพี่ ไม่เห็นจะต้องเขินพี่เลย เรื่องธรรมดาออก”
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
“พี่รักษ์...
พี่รักษ์มาที่นี่ได้ยังไงครับ?” จ้าที่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินลงบันไดมาด้วยสีหน้างุนงง
หลังจากที่นมปิ่นขึ้นไปแจ้งว่ามีแขกมารอพบตน ซึ่งแขกคนดังกล่าว...คือคนที่เด็กหนุ่มหลงลืมไปเสียสนิทใจ
“พี่แค่คิดถึง
อยากมาเห็นหน้า อยากมาดูอาการจ้าเท่านั้นแหละ” ผู้กองหนุ่มที่ดูเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวันเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่ว
“เป็นไงบ้างครับ?
หายป่วยหรือยัง?” แม้จะไม่สมหวังในตัวจ้าอย่างที่คิดไว้ ทว่ารักษ์ก็ยังเป็นห่วงเป็นใยเจ้าของนัยน์ตาโศกคนนี้อยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย
กลายเป็นรุ่งรวีเสียอีกที่จับต้นชนปลายไม่ถูก...
เด็กหนุ่มกำลังตั้งสติหวนนึกย้อนถึงการล้มหมอนนอนเสื่อครั้งล่าสุดของตน
สุดท้ายจึงระลึกได้ว่า...
แฟนหนุ่มออกหน้าอาสาไปไล่ทั้งรักษ์และเพื่อนให้ตอนเช้าเมื่อวาน
ซึ่งหากกัลป์จะบอกรักษ์ว่า
เขาล้มป่วย ด้วยอาการเจ็บร้าวไปทั้งร่างกายหลังกรำศึกบนเตียงมาตลอดทั้งคืน ก็คงจะไม่ผิด
“เอ่อ
หายแล้วครับ” จังหวะที่จ้าหย่อนตัวลงนั่ง สายตาว่องไวของรักษ์ดันเหลือบไปเห็นร่องรอยสีกุหลาบตรงใต้ไหปลาร้าของอีกฝ่ายเข้าพอดี
แค่เท่านี้...ก็ทำให้หนุ่มรุ่นพี่รู้สึกเจ็บหน่วงในทรวงอกได้อย่างชะงัดนัก
“ได้ยินแบบนั้นพี่ก็สบายใจ”
รักษ์เบือนหน้าไปมองตู้ปลาขนาดใหญ่ด้านหลังโซฟาฝั่งที่จ้านั่งอยู่เพื่อปกปิดอาการช้ำชอกกับความรักที่เป็นหมัน
“เอ่อ
พี่กัลป์ล่ะครับ? พี่กัลป์ไปไหน?” ตำรวจหนุ่มเอ่ยถามตามมารยาท แม้จะเดาได้ลางๆหลังจากไม่เห็นรถคู่ใจของพี่ชายจอดอยู่ตรงหน้าบ้าน
เพราะแท้ที่จริง...รักษ์เองก็ไม่อยากให้พี่ชายนั่งเป็นก้างขัดขวางการพูดคุยในครั้งนี้สักเท่าไร
“พี่กัลป์ออกไปทำธุระข้างนอกครับ
เย็นๆถึงจะกลับ” จ้าตอบซื่อๆ ...เพราะหลังจากเสร็จธุระกับลุงของตนเมื่อเช้า
แฟนหนุ่มก็ขับรถพาเขาไปกินข้าวกลางวัน ก่อนจะแวะมาส่งที่บ้าน แล้วจึงออกไปพบผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งนัดหมายกันไว้นานแล้ว
“จ้า...
จ้าคบกับพี่กัลป์เหรอครับ?” ในที่สุดคำถามที่รักษ์อยากได้ยินคำตอบมากที่สุดก็หลุดออกจากริมฝีปากของเจ้าตัว...
ใช่ว่าเขาดื้นด้าน
หรือบื้อใบ้
ทว่าชายหนุ่มแค่อยากได้ยินการยอมรับจากรุ่งรวีมากกว่าใครหน้าไหนในโลก
ซึ่งอีกฝ่ายก็ใช้เวลาไม่เพียงไม่นานในการรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยวาจาทำร้ายจิตใจออกมาให้รักษ์ได้รับฟัง
“ครับ”
“นานแล้วเหรอ?”
อาจเป็นเพราะติดนิสัยจากหน้าที่การงาน
รักษ์จึงหลุดปากซักไซ้เรื่องทำร้ายหัวใจตัวเองโดยละเอียดราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่พี่ชายได้บอกกล่าวเมื่อวานตอนเช้าอย่างนั้นแหละ
“ก็...สักพักแล้วล่ะครับ”
จ้าอ้อมแอ้ม...
หากยอมรับไปตามตรงว่า
ตนเองเพิ่งตกลงปลงใจกับกัลป์เมื่อไม่กี่วันก่อน
จากนั้นก็ย้ายข้าวของเข้ามาอยู่กินกับพี่ชายของรักษ์แถมยังชูหน้าเป็นนายอีกคนในบ้าน
อีกฝ่ายอาจจะพาลตัดสินไปว่า
เขาใจง่าย และคลั่งไคล้ความสบายกันพอดีน่ะสิ
“ทำไมตลอดเวลาที่เราคุยกัน
จ้าถึงไม่เคยบอกพี่เลยล่ะครับ?” ท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ของจ้าเมื่อครู่ทำให้รักษ์ไม่อาจปักใจเชื่อ
ทั้งที่ช่วงเวลาที่ทั้งสองคบกัน
ไม่ได้สำคัญเท่ากับความจริงที่ว่า...จ้ามีเจ้าของหัวใจแล้วแท้ๆ
“คือ...มันค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะครับพี่รักษ์”
เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างระมัดระวังแม้จะตั้งใจเลือกใช้คำว่า ‘เรื่องส่วนตัว’ เพื่อแบ่งแยกความสำคัญของอีกคนก็ตาม และเพื่อให้รักษ์ยุติการพาดพิงหัวข้อสนทนานี้
รุ่งรวีจึงอาศัยข้อเสียของความสัมพันธ์ของตนมาใช้เป็นเหตุผลอ้างอิงเสียเลย
“อีกอย่าง...ผู้ชายสองคนคบกัน ไม่ใช่เรื่องที่น่าป่าวประกาศให้คนอื่นรู้สักเท่าไร”
“ทั้งๆที่พี่น่าจะแสดงความยินดีกับจ้าและพี่กัลป์ได้แท้ๆ
แต่พี่กลับทำไม่ได้...
.
...ที่ผ่านมาพี่คงจะชะล่าใจเกินไป
ถึงได้ปล่อยให้จ้ากลายเป็นของคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา”
“พี่รักษ์?!!” จ้าเผลอร้องด้วยความตกใจด้วยไม่เคยตระหนักถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
“ใช่ครับ...
พี่รักจ้า
แต่มันคงไม่มีความหมายอะไรแล้วล่ะ” รักษ์สารภาพอย่างหมดรูป...ถึงคราวที่เขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้แล้วจริงๆ
“จ้าไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ
พี่แค่จะมาบอกว่า พี่อาจจะหายหน้าไป หรือไม่ติดต่อจ้าเหมือนเคย...
.
...แต่มันไม่ได้เป็นเพราะพี่ละเลย
หรือไม่อยากดูแลจ้าอีกต่อไป...
...พี่แค่จะหลบไปทำใจ
เพื่อที่จะกลับมาเป็นพี่ชายที่ดีให้จ้าได้เหมือนเดิม” ผู้กองหนุ่มเอ่ยตามความรู้สึกจากก้นบึ้งของจิตใจ
และนั่นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“จ้าขอโทษที่จ้าไม่เคยรู้เลยว่าพี่รักษ์คิดอะไรกับจ้า
ขอโทษจริงๆนะครับ” รุ่งรวีกล่าวด้วยน้ำเสียงสลดหดหู่... หรือแท้ที่จริงแล้ว
รักษ์ไม่เคยเป็นคนที่ ‘ใช่’ สำหรับเขามาตั้งแต่แรกก็ไม่รู้
“อย่าโทษตัวเองไปเลยนะจ้า
พี่เองนั่นแหละที่ไม่พูดจาให้ชัดเจนเสียตั้งแต่ทีแรก” รักษ์ยังไม่วายปลอบ “แต่จ้าครับ...พี่ขออะไรจากจ้าสักอย่างได้ไหม?”
“อะไรเหรอครับ?”
“ถ้าสุดท้ายแล้ว
พี่กัลป์ไม่ใช่คนที่จ้ามองหา...
.
...จ้าช่วยเมตตารับพี่เอาไว้พิจารณาในฐานะคนรักในอนาคตข้างหน้าได้ไหมครับ?”
รักษ์อ้อนวอนเด็กหนุ่มโดยละไว้ซึ่งเกียรติยศของลูกผู้ชายในเครื่องแบบอย่างที่พึงกระทำ
จะหาว่าเขาถลำลึกเสียจนไม่ลืมหูลืมตาก็ได้...
แต่กับเจ้าของนัยน์ตาโศกผู้นี้
คือคนๆเดียวที่สามารถทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความยินดี หรือปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่งได้ในชั่วพริบตาเสมอ
“เอ่อ...
จ้าไม่อยากให้พี่รักษ์เสียเวลากับคนอย่างจ้าเลยครับ” ได้ฟังดังนั้น รุ่งรวีก็ยิ่งรู้สึกผิดกับรักษ์ไปกันใหญ่...
และการปล่อยให้อีกฝ่ายเฝ้ารอตัวเขา คงจะเอาเปรียบชายหนุ่มจนเกินพอดี
เพราะเขาไม่มั่นใจเลยว่า เขาจะเลิกราหรือตัดใจจากกัลป์ได้จริงๆ
“ไม่เป็นไร
พี่เต็มใจจะรอจ้าครับ...
.
...ไม่แน่หรอก
อีกสามสี่เดือน พี่อาจจะเป็นฝ่ายกลับมาบอกจ้าว่าพี่มีแฟนแล้วก็ได้...
...ถึงตอนนั้น
จ้าจะมาร้องไห้ขี้มูกโป่งด้วยความเสียดายพี่ก็สายไปแล้วนะ” ผู้กองหนุ่มเอ่ยติดตลก...
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...
รักษ์ก็ยังจะเป็นชายหนุ่มผู้อ่อนโยน
และใจดีกับจ้าไม่มีวันเปลี่ยน แม้ตัวเขาจะเจ็บเจียนตายก็ตามที
“ครับ
จ้าจะรอวันนั้นนะครับ” เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างส่งไปให้หลังจากได้ยินคำปลอบใจในแบบของรักษ์เมื่อครู่
รอยยิ้มหวานที่หนุ่มรุ่นพี่ไม่ค่อยได้เห็น
เป็นสัญญาณบ่งบอกให้เขากล้าพอที่จะขอฟังคำยืนยันจากร่างบางซึ่งนั่งตรงข้าม
“เอาเป็นว่าจ้ายินดีจะให้พี่รอจ้าใช่ไหมครับ?”
“แล้วจ้าเคยขัดพี่รักษ์ได้ที่ไหนกันล่ะ”
เด็กหนุ่มตัดพ้อด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
ทว่าหนักแน่นในความรู้สึกของคนฟังเป็นที่สุด
“ก็จริงแฮะ
หึ หึ... งั้นจ้าขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ ไม่ต้องอยู่ส่งพี่หรอก...
.
...พี่ว่า
เดี๋ยวจะแวะไปคุยกับนมปิ่นเสียหน่อยแล้วค่อยกลับ” รักษ์เอ่ยสบายๆแม้แผลสดตรงหัวใจจะถูกสะกิดจนเลือดไหลออกมาอีกครั้งก็ตาม
“จะดีเหรอครับ”
รุ่งรวีมีสีหน้าลังเล... แม้จะยังเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากบทรักเมื่อวานและเมื่อคืนอยู่ไม่น้อย
แต่เขากลับไม่สะดวกใจนักหากเผลอทำตัวให้เคยชินกับการเป็นนายของบ้านหลังนี้มากเกินไป
แล้วการปล่อยให้แขกของตนเดินร่อนไปร่อนมาโดยไม่ดูแล คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
“น่า
ไม่ต้องเป็นห่วง บ้านนี้ก็เหมือนบ้านพี่นั่นแหละ” รักษ์ว่าพลางลุกขึ้นจูงมือจ้าเดินไปส่งยังขั้นบันได
โดยไม่ลืมกำชับกับอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย
“เอ่อ
แต่จ้า... จ้าอย่าลืมนะ ไม่ว่ายังไงจ้าก็จะยังมีพี่...
...ถ้าเกิดพี่กัลป์ทำตัวไม่ดี
หรือทำให้จ้าเสียใจ...ขอให้นึกถึงพี่เป็นคนแรกนะครับ” พูดจบ... ฝ่ามืออุ่นของรักษ์ก็รุนแผ่นหลังบางของจ้าให้ก้าวขึ้นบันไดไปช้าๆ
จนคนเด็กกว่าต้องเบือนหน้าหันกลับมามองพลางตบปากรับคำก่อนจะกลับขึ้นไปพักผ่อนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก
“ครับ
ก็ได้ครับ... สวัสดีครับพี่รักษ์”
สายตาของผู้กองหนุ่มจับจ้องตามร่างบางที่ก้าวเดินหายขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านด้วยความเสียใจ
ทว่ารักษ์ก็เก็บซ่อนความซึมเศร้านั้นเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนในชั่วพริบตาก่อนที่ขาทั้งสองจะก้าวเข้าสู่ครัวไทยหลังบ้าน...
พื้นที่อันเป็นสถานที่ปฏิบัติงานหลักของนมปิ่น
หญิงอาวุโสที่เขาเคารพไม่ต่างไปจากพี่ชาย และลุงกร...พ่อของกัลป์ผู้ดำรงตำแหน่งใหญ่โตในองค์กรที่เขาสังกัด
พอได้เจอหน้านมปิ่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
นอกจากอีกฝ่ายจะถามไถ่เรื่องชีวิตโดยทั่วไปของเขาแล้ว
หญิงสูงวัยก็วกย้อนไปเล่าเรื่องเก่าๆเกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้องแสนดีของเขาอีกจนได้
หลังจากป้ามัทรีผู้เป็นมารดาของกัลป์เสียชีวิตลงได้สองปี
ซึ่งนับเป็นช่วงเดียวกันกับที่คุณโสภิตา...มารดาใหม่ของลุงกรย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน
พี่กัลป์ของเขาก็เปลี่ยนนิสัยไปเป็นคนละคน
จากที่เคยเป็นเด็กร่าเริงสดใส
เด็กชายกัลป์ในวันนั้นกลับกลายเป็นเด็กพูดน้อย และเคร่งขรึมในชั่วข้ามคืน
นอกจากนั้น
พี่กัลป์ยังขอเปลี่ยนไปเรียนยังโรงเรียนมัธยมชายล้วนชื่อดังซึ่งเป็นโรงเรียนแบบอยู่ประจำ
โดยไม่ฟังคำทัดทานของแม่ใหม่ที่ดูจะเสียอกเสียใจเป็นพิเศษ
จะมีใครห้ามไหวกัน...ก็เหตุผลของพี่กัลป์หนักแน่นเสียขนาดนั้นนี่นา
เจ้าตัวบอกกับทุกคนว่า
อยากฝึกฝนความรับผิดชอบ และอยากเติบใหญ่โดยเร็ว
เพื่อจะนำความภูมิใจมาให้บิดาดั่งที่ท่านมุ่งหวังเอาไว้ตั้งแต่พี่กัลป์ยังเล็ก
ซึ่งดูเหมือนว่า
ทางเลือกของพี่กัลป์ในวันนั้น จะเป็นหนทางที่นำมาซึ่งความภูมิใจสูงสุดให้กับลุงกรได้จริงๆ
เพราะพี่กัลป์ของเขาสอบชิงทุนไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีและโทในต่างประเทศได้สำเร็จ
ทันทีที่กลับเมืองไทยเมื่อสามปีก่อน
พี่ชายสุดเพอร์เฟคผู้นี้ ก็ปลีกตัวออกมาอยู่ที่บ้านหลังเก่าของมารดา
พร้อมๆกับพานมปิ่นและนุจากบ้านใหญ่ของลุงกรติดสอยห้อยตามมาอยู่ด้วยกัน
รักษ์รู้ดีว่า
เหตุผลของพี่ชายในการปลีกตัวมาอาศัยอยู่ยังบ้านหลังนี้เกี่ยวพันกับรสนิยมทางเพศของพี่ชาย
ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหาใดๆต่อความรู้สึกของลุงกร
ทว่าพี่กัลป์คงอยากสร้างครอบครัวของตัวเอง
จึงได้ยืนกรานว่าจะย้ายออกเสียให้ได้
และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
เขาก็กลายเป็นขาประจำของที่นี่ไปโดยปริยาย...
ซึ่งตัวเขาเองก็เพิ่งจะห่างหายจากการสังสรรค์ที่บ้านพี่ชายไปเมื่อราวๆครึ่งปีก่อน
จนเป็นสาเหตุให้รักษ์พลาดเรื่องของจ้าไปอย่างไม่น่าให้อภัย
เมื่อได้พูดคุยกันกับนมปิ่นจนหายคิดถึง
รักษ์ก็ขอตัวเดินสำรวจบ้านของพี่ชายอีกครั้งดังกิจวัตรที่มักจะทำเวลามาค้างคืน
เขาไม่ได้จะหาร่องรอยผิดปกติของบ้านเหมือนกับตอนออกหาหลักฐานในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด
ทว่าตู้ปลาที่เขาชอบใจนักหนานั่นต่างหาก
ที่รักษ์อยากจะไปยืนทอดอารมณ์เฝ้ามองฝูงปลาแหวกว่ายไปมาในระยะใกล้ๆก่อนกลับบ้านสักครั้ง
ถึงอย่างนั้น...สิ่งที่ดึงดูดสายตาของผู้กองหนุ่มได้เป็นอย่างดีกลับไม่ใช่ปลานำเข้าสีเงินยวงที่ว่ายไปมาเป็นฝูง
หากแต่เป็นซากของอะไรบางอย่างที่นอนก้นอยู่ตรงด้านล่างของตู้ปลานั่นต่างหาก...
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านคดีฆาตกรรมมาอย่างโชกโชนของรักษ์
เขาจึงระบุได้ทันทีว่า
ซากสีขาวที่เห็นนั้น...คือซี่ฟันของมนุษย์อย่างแน่นอน
จากที่คิดว่าจะมาดูปลาเพื่อหย่อนใจให้ลืมความเจ็บปวดเพราะอกหัก
รักษ์กลับต้องมาหนักใจว่า...ฟันซี่นี้เป็นของผู้ใด
ลางสังหรณ์สั่งให้ชายหนุ่มเปิดตู้บิวท์อินที่สั่งทำเป็นพิเศษด้านบนของตู้ปลาซึ่งเป็นที่เก็บอุปกรณ์ในการดูแลตู้ปลาทั้งสอง
แล้วหยิบเอากระชอนขนาดใหญ่ออกมาช้อนเอาฟันซี่นั้น ติดออกจากตู้มาพร้อมกันกับปลาอีกหนึ่งตัว
รักษ์รอให้ปลาโชคร้ายหนึ่งในสายพันธุ์ปลาที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายที่สุดในโลกตัวนั้นขาดใจตายไปเสียก่อน
แล้วจึงหย่อนซากปลาปิรันย่าตัวเท่าฝ่ามือพร้อมกับฟันซี่นั้นลงในถุงซิปล็อกอย่างดีที่พกติดตัวอยู่เสมอ
ผู้กองหนุ่มรีบหลบออกจากบ้านหลังงามของพี่ชายไปอย่างเงียบเชียบด้วยท่าทางปกติ
ราวกับไม่มีอะไรผิดแผกเกิดขึ้นมาก่อน
◘------------------------------------ TBC ------------------------------------◘
No comments:
Post a Comment