Saturday, July 4, 2015

Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ 16th Blessing || 05.07.2015



อย่าว่าเราเลยนะคะ หากเราต้องแบ่งตอนนี้ออกเป็นสองท่อนอีกแล้ว
เพราะแม้จะร่างเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้ด้วยกัน แต่มันกลับควบคุมความยาวเอาไว้ไม่อยู่ เหอ เหอ เหอ
เอาเป็นว่าตอนต่อจะกลับมาให้อ่านวันอังคารแน่ๆค่ะ...อดใจรอนิดนึงนะคนดีของเค้า

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาก่อนงานลอยกระทงค่ะ...
หนุ่มๆหาเรื่องออกมาเจอหน้ากัน แล้วมันก็ดันเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
เอาใจช่วยครอบครัวของกังฟูในอนาคตด้วยนะคะ
(อ่านตอนนี้จะรู้เลยว่าบ้านกังฟู เต๋อ ด้วงนี่จะเป็นอย่างไรในอีกหลายปีข้างหน้า)

ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ & รักคนอ่านทุกท่านมากนะคะ
หากเจอคำผิด หรือเรื่องที่ต้องติติง...บอกเราหน้าไมค์ได้เลยค่ะ ^^


Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ



The 16th Blessing         
Back to the Future : พลับน้อย คือ สับเซ็ตย่อยของพี่พลาย




GEG
                                                                                                                                                             


GEG:
บูบู้...คุยได้ไหมเอ่ย?  01.43 PM READ 

 ครับ...อาจารย์เพิ่งปล่อยเบรค  READ 01.43 PM   
 แล้วพี่หมีคุยได้เหรอครับ?  READ 01.43 PM   

GEG:
ได้สิ...มือชั้นนี้แล้ว   01.43 PM READ 
GEG:
เรียนห้องใหญ่...
มือถืออยู่ใต้โต๊ะ ^3^   01.44 PM READ 

 ระวังอาจารย์ด้วยนะครับ  READ 01.44 PM   

GEG:
ครับพ๊ม!!!  01.44 PM READ 
GEG:
บูบู้...วันนี้เรียนเสร็จสามโมงใช่ไหมครับ?  01.44 PM READ 

 ครับ...พี่หมีมีอะไรหรือเปล่า?
นัดเจอที่สนามบอลหกโมงไม่ใช่เหรอ?  READ 01.45 PM   
GEG:
คืองี้...  01.46 PM READ 
GEG:
เฮียฟูไม่มีเรียนบ่ายพอดี...
เค้าไม่อยากให้เฮียสงสัย
ว่าทำไมไม่ไปอยู่กับบูบู้  01.46 PM READ 
GEG:
เลยจะชวนไปกินไอติม  01.47 PM READ 
GEG:
ร้านตรงคลองหลอดน่ะ  01.47 PM READ 

 อ๋อ อย่างนี้นี่เอง...
งั้นเข้าคุยกันในกรุ๊ปดีกว่าเนอะ  READ 01.47 PM   

GEG:
เดี๋ยวบูบู้!!!  01.48 PM   



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



กริฟฟินดอร์พ่อทุกถาบัน

นี่ทุกคน...
เลิกเรียนแล้วไปกินไอติมกันไหม?  READ 01.48 PM    

Sakol:
นายโอเคป่าวบ๊วย? นึกไงชวนเรากินติม?...
เสียใจด้วยนะ...เพราะพอเรียนเสร็จ
เราต้องไปงานอีเวนท์ต่อ...รู้ยัง?  01.48 PM READ   

Charles:
เก็กชวนเหรอ?  01.49 PM READ   

GEG:
ใช่พี่ฌาน  01.49 PM READ   

Shaun:
ร้านไอติมคลองหลอด?  01.49 PM READ   

GEG:
ตามนั้น  01.50 PM READ   

Shaun:
โอเค...ไป น้องพลายชอบ  01.50 PM READ   

Charles:
งั้นเลิกเรียนเจอกัน...
บ๊วยชวนพี่เต๋อด้วยนะ
เจ้าพ่อบอกพี่เต๋อทำงานอยู่สตู  01.50 PM READ   

ครับ  READ 01.51 PM    

Sakol:
ผมไปด้วย!! กำลังอยากไข่แข็งอยู่พอดี  01.51 PM READ   

Charles:
อ้าว...ไม่มีอีเวนท์ให้ไปแล้วเหรอ?  01.52 PM READ   

Sakol:
แหม่...อีไม่เว้นผมก็ไปนะครับพี่ฌาน! 01.53 PM READ   


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


P’Arthur
               

พี่เต๋อครับ...
หลังสามโมงว่างเปล่าครับ?  READ 01.57 PM    

P’Arthur:
มีไรน้อง?  01.59 PM READ   

 ไปกินไอติมคลองหลอดกันไหมครับ?  READ 01.59 PM    

P’Arthur:
ไปกับเก็กเหรอ?  01.59 PM READ   

ครับ  READ 01.59 PM    
P’Arthur:
เดี๋ยวนะ...ขอพี่ดูงานก่อน  01.59 PM READ   


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Kung Fu
                                                                                                                                                             

เตี้ย  READ 01.59 PM    
เตี้ย  READ 01.59 PM    
เตี้ย  READ 02.00 PM    
เตี้ย  READ 02.00 PM    
เตี้ย  READ 02.00 PM    
เตี้ย  READ 02.00 PM    

Kung Fu:
ไอ้เหี้ย!!! แผ่นเสียงตกร่องหาพ่อง?!!  02.00 PM READ   

เปล่า แค่ย้ำว่ากูสูง  READ 02.01 PM    

Kung Fu:
ว่างนักนะไอ้เปรต!!  02.01 PM READ   

ก็ไม่เชิง  READ 02.01 PM    
แค่จะบอกว่ากูจะไปแดกไอติม  READ 02.01 PM    

Kung Fu:
กูบอกยังว่าอยากรู้?  02.02 PM READ   

กูไม่สน เพราะกูจะ
ไปแดกไอติมกับน้องรหัสกู  READ 02.02 PM    

Kung Fu:
ใช่เรื่องของกูไหมเนี่ย?...
จะไปไหนก็เรื่องของมึงสิ
ไอ้ห่าราก!!!  02.03 PM READ   

ถามจริง นี่โง่หรือไม่รู้อะไรเลย?  READ 02.03 PM    
น้องรหัสกูไม่ได้ไปกินไอติมกับกูหรอกนะ  READ 02.04 PM    
มันแค่เหน็บกูไปเป็นไม้กันหมากระเป๋าเมายาบ้าแถวๆนี้น่ะ  READ 02.04 PM    

Kung Fu:
หนอย!! ไอ้เหี้ยบูบู้...ไอ้มารยา!  02.05 PM READ   
Kung Fu:
ร้านไหน? กี่โมง? บอกมา!!!  02.05 PM READ   

คลองหลอด บ่ายสาม  READ 02.06 PM    

Kung Fu:
หึ หึ หึ ไอ้เหี้ยบูบู้เจอกูแน่!!!!  02.06 PM READ   

ข้ามศพกูไปก่อนเถอะ  READ 02.07 PM    

Kung Fu:
มึงนอนซ้อมเป็นศพรอกูได้เลยไอ้เหี้ยเต๋อ!  02.07 PM READ   

หราาาาาาาาาาา  READ 02.08 PM    

Kung Fu:
ไอ้สัดหมา! ไอ้หน้าแก่!!  02.09 PM READ   

 อุ๊ย! กลัวแล้วครับพี่ฟู
ไว้ชีวิตผมเถอะ!!   02.09 PM    


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


P’Arthur
                                                                                                                                                             


P’Arthur:
โอเคน้อง...งานพี่น่าจะเสร็จทัน
เดี๋ยวเจอกันน้อง  02.11 PM READ   

ครับ เดี๋ยวเจอกันครับพี่เต๋อ  READ 02.13 PM    


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Big Bro
                                                                                                                                                             


Big Bro:
ไอ้เก็ก...บ่ายสามมึงไปไหน?  02.09 PM READ   

อ่อ...เก็กไปซื้อของแถวคลองหลอดอ่ะเฮีย  READ 02.12 PM    
 เฮียเฮียมีไรเหรอ?  READ 02.12 PM    

Big Bro:
ดี! กูกับไอ้ด้วงไปด้วย  02.13 PM READ   

อย่าไปเลยเฮีย น่าเบื่อจะตาย READ 02.14 PM    
เก็กซื้อหลายอย่าง
เฮียกับพี่ด้วงรอเงกแน่   READ 02.15 PM    

Big Bro:
ความสุขกู...กูจะไป  02.15 PM READ   

เอ่อ...เฮีย...คือ...
จะดีเหรอเฮีย?  READ 02.17 PM    
เฮียอย่าไปเลยนะ...
เก็กขอล่ะ  READ 02.19 PM    

Big Bro:
มึงเป็นอะไร?  02.19 PM READ   
Big Bro:
ทำไม...ไม่อยากให้กูไปงะ?  02.20 PM READ   
Big Bro:
หัดหมกเม็ดเหรอไอ้สัด?  02.20 PM READ   

เปล่าเฮีย  READ 02.21 PM    
เก็กอยากไปกับบูบู้สองคนอ่ะครับ  READ 02.21 PM    

Big Bro:
แล้วไง? ก็กูจะไป  02.22 PM READ   

ครับๆ...ตามใจเฮียแล้วกันครับ  READ 02.24 PM    

Big Bro:
หึ หึ...ดีมากไอ้น้อง!  02.24 PM READ   


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


GEG
                                                                                                                                                             

 เมื่อกี๊เรียกเค้า?  READ 02.12 PM   

GEG:
อ๋อ..เปล่า ไม่มีไรหรอก
แค่จะบอกว่าเดี๋ยวเค้าไปรับน่ะ  02.15 PM READ 
 อ่อ...ครับ  READ 02.15 PM   

GEG:
นี่บูบู้...  02.15 PM READ 
 ครับพี่หมี?  READ 02.16 PM   

GEG:
บูบู้...ไม่รำคาญเฮียฟูเลยเหรอ?  02.16 PM READ 
 ก็ไม่นะครับ...เพราะถ้าเฮียฟูไม่มา
แล้วเราจะหาโอกาสให้พี่เต๋อใช้เวลากับ
เฮียฟูได้ยังไงกัน  READ 02.17 PM   
GEG:
อืม...ก็จริง แต่บางทีเฮียก็วุ่นวายไปนะ  02.17 PM READ 
GEG:
พี่เต๋อกับเพื่อนๆบูบู้ก็เหมือนกัน....  02.17 PM READ 

 เหรอครับ?  READ 02.18 PM   
 แค่นี้ก่อนนะครับพี่หมี
จารย์มองแล้ว
 READ 02.19 PM   

GEG:
อ้อ! โทษที  02.19 PM   
GEG:
งั้น...เดี๋ยวเจอกันนะครับบูบู้  02.20 PM   
GEG:
ตั้งใจเรียนล่ะ  02.22 PM   
GEG:
เดี๋ยวเค้าไปนั่งรอนะ  02.25 PM   
GEG:
รีบๆลงมา...รู้ไหม?  02.28 PM   
GEG:
ไว้คุยกันครับ  02.29 PM   
GEG:
เค้าเรียนเสร็จแล้วนะ...
เดี๋ยวอีกสิบนาทีคงถึงโรงอาหารถาปัตย์ 02.31 PM
GEG:
ถึงแล้วครับ... รอบูบู้อยู่ข้างล่างนะ 02.39 PM
GEG:
วันนี้เรียนเหนื่อยมากเลย 02.41 PM
GEG:
ควิซต้นชั่วโมงปวดหัวชะมัด 02.42 PM
GEG:
ใต้คณะบูบู้เงี๊ยบเงียบ...เค้าหลับรอแล้วกัน 02.45 PM
GEG:
เดี๋ยวจะฝันเผื่อนะครับ ^ _ ^ 02.47 PM



Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


เสียงกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงหูจับด้านในของประตู
เรียกความสนใจของชายหนุ่มทั้งหกชีวิตที่นั่งสุมหัวกันให้พร้อมใจหันไปมองผู้มาใหม่
ซึ่งสองหนุ่มต่างไซส์ที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านไอติมแห่งนั้น ก็จับจ้องพวกเขาทั้งหลายไม่วางตาเช่นเดียวกัน


“อ้าว! ไหนมึงบอกว่ามากับไอ้บูบู้สองคนไง?” กังฟูฉะน้องชายทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหนุงหนิงจนแทบจะสิงสู่ไอ้เด็กบูบู้หน้าจืดที่ทนยิ่งกว่าพยาธิตัวตืดในร่างกาย...


หนอย! ปล่อยให้เจอกันเป็นไม่ได้ ต้องออกลายอยากได้น้องชายเขาจนตัวซี้ตัวสั่น... ไอ้เด็กนี่มันรนหาที่ตายดีจริงๆ!!

แต่จะว่าไป...ไอ้เด็กบูบู้นี่ก็เข้าใจเล่นนะ...
สู้ด้วยตัวเองไม่เป็น ก็พกเอาไม้กันหมามาเต็มพิกัด ทั้งไอ้เด็กยักษ์สามตัวนั่น กับไอ้หมีควายร่างตันนี่ด้วย...
ไม่ได้การล่ะ ถ้าต้องการชนะศึกนี้...เห็นทีเขาต้องรีบหากองหนุนเสียแล้วสิ


“อ๋อ...เก็กเจอเพื่อนบูบู้ที่ใต้คณะ เลยชวนมาพร้อมกันน่ะครับเฮียฟู” อดีตเดือนมหาลัยตอบแบบไม่ต้องคิด ทั้งที่ข้างในนั้นหงุดหงิดเป็นกำลัง...

เดิมทีเขาตั้งใจจะชวนบ๊วยออกมากินไอติมกันสองต่อสองแท้ๆ สุดท้ายก็แห่กันมาครบองค์ประชุม
แต่ที่สุด...เมื่อทุกอย่างเกินควบคุม ชายหนุ่มรูปงามจึงจำใจดำเนินตามแผนการหลักอย่างไม่มีทางเลือก


“เก็กเห็นว่า เฮียฟูกับพี่ด้วงอุตส่าห์มาเป็นเพื่อนเก็กทั้งที...
.
...ถ้ามีคนอยู่คุยเป็นเพื่อนด้วยเยอะๆ คงสนุกกว่ามานั่งเหงารอเก็กซื้อของกันอยู่แค่สองคนน่ะครับ” ธันวาแจกสตรอเบอรี่ทั้งไร่ให้พี่ชายอย่างเป็นธรรมชาติ

"ช่างคิดนักนะมึงเนี่ยะ...แล้วไอ้ห่าเต๋อนี่เกี่ยวอะไร? ใครใช้ให้มันมา?” เป็นเพราะเต๋อนั่งกอดอกทอดสายตาสงบมองชายหนุ่มร่างเล็กไม่วางนับตั้งแต่เดินเข้าประตูร้าน...นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตกประหม่าจนต้องจิกด่าอีกฝ่ายออกหน้าไมค์...กังฟูไม่รู้จะทักทายอีกฝ่ายแบบใด ถึงจะดูไม่ พิเศษ กว่าใครๆจนผิดสังเกต

“ทำบุญบูชาโทษ โปรดสัตว์เตี้ยทรพีจริงจริ๊งงงงง!!“ เต๋อแดกดันกังฟูโดยไม่เจาะจงที่มาที่ไป...

ใช่สิ... ใครจะอยากให้ไอ้รุ่นน้องบังเกิดเกล้าทั้งห้ามาถอนหงอกเอาง่ายๆ  
ขืนเผยไต๋ให้พวกมันรู้ว่า เขานี่แหละที่ล่อกังฟูออกมาร้านไอติม... เต๋อคงได้อิ่มคำกระแนะกระแหนของไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก่อนแหงๆ  ที่แน่ๆ...ก็ไอ้เด็กแว่นคนหนึ่งล่ะที่จะไม่ไว้ชีวิตเขา


“ไอ้ควายเต๋อ! ไอ้เสนอหน้า! ไอ้ปัญญาอ่อน!!!” กังฟูเห่าดังแต่กลับฟังไม่ระคายหูผู้ใด เพราะใบหน้าขึ้นสีแดงแป๊ดของผู้พูด...ดูน่ารักน่าชังบดบังชุดคำด่าห่าใหญ่เมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น 

“อู้หู...เจ็บจนขนลุกซู่เลยเนอะ” พี่รหัสบ๊วยผู้เป็นตัวต้นเหตุของใบหน้าขึ้นสีชาด ตอบสนองถ้อยคำผรุสวาทด้วยท่าทางเสแสร้งแกลังหวาดกลัวเพื่อยั่วยุอารมณ์ของกังฟูให้ยิ่งพุ่งกระฉูด  จนชายหนุ่มผมยาวที่ยืนประกบร่างเล็กไม่ห่าง ต้องอ้างโน่นอ้างนี่เพื่อแยกกังฟูออกจากเต๋อโดยเร็วที่สุด

“ฟู... ไหนบอกว่าจะให้เราเลี้ยงไอติมยังไงล่ะ ไปนั่งตรงโน้นกันเถอะ...นะ เราเมื่อยแล้ว”


แต่ช้าไปแล้วด้วง!...
เวลาวารีไม่มีคอยใคร...ความไวของปากสกลก็ไม่รั้งรอให้ผู้ใดมาทำลายแผนการของเหล่าสมุนเลวเช่นกัน


“จะไปนั่งโต๊ะอื่นกันทำไมล่ะครับ...นั่งตรงนี้ก็ได้ครับคุณกรกฏ...
...คุณกรกฏไม่ต้องห่วงนะครับ... ถึงพี่เต๋อกับพี่ฌานจะหน้าตาเถื่อนโฉดจนโคตรมหาโจรยอมก้มหัวสักการะ...
...แต่ทั้งคู่ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมปศุสัตว์เมื่อหลายเดือนก่อนเป็นที่เรียบร้อย...
.
...รับรองว่าทั้งสองไม่ใช่พาหะนำโรคปากและเท้าเปื่อย และเดือยไก่อักเสบตามที่ใครๆพูดกัน...
...เพราะฉะนั้น...ขอให้คุณกรกฏโปรดไว้ใจ และนั่งร่วมโต๊ะรับประทานไอศกรีมไปพร้อมๆกับพวกเราเถอะครับ”

“แว่นครับ...ไว้วันไหนว่างพี่ฌานจะพาไปเที่ยวเล่นแถวแปลงเกษตรนะครับ” วาจาส่งเดชของสกลทำแฝดพี่ลืมตัวเต้นตามไปอีกคน

“ทำไมครับพี่ฌาน? ที่นั่นมีอะไรพิเศษเหรอ?” หนุ่มหน้าแว่นผู้ไม่ยี่หระต่อสิ่งใดถามไถ่ฌานด้วยความสนใจใคร่รู้

“ไม่มีอะไรพิเศษทั้งนั้นแหละครับ...
.
...พี่ฌานแค่อยากจะพาแว่นไปฝังกลบ เผื่อว่าสกลเวอร์ชันศพจะเป็นประโยชน์กับสังคมมากกว่าตอนมีชีวิต”

“อุ๊ย! พี่ฌานนี่ล่ะก็ ปากหวานจริง” คำตอบกับท่าทางใสๆไม่มีพิษภัยต่อโลกของสกล ทำให้แฝดพี่ชายถอนหายใจพรูอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะปรายตาไปดูหน้าเพื่อนรักปากไม่มีหูรูดด้วยความละเหี่ยเพลียใจเป็นที่สุด

“เพ้อเจ้อแล้วพวกมึง...สรุปมึงจะยืนหัวโด่อยู่อีกนานไหม?” เต๋อชิงพื้นที่สื่อด้วยความรวดเร็ว ชายหนุ่มร้อนใจที่พี่ชายของอดีตเดือนมหาลัยยังไม่นั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาเสียที... หรือวันนี้กังฟูจะมากินไอติมกับด้วงสองคนจริงๆ?!  

“เรื่องของกู มึงอย่าสู่รู้ไอ้ขี้เสือก!!” กังฟูยังไม่ทันได้ออกท่ามากนัก เพื่อนรักผมยาวก็ยื้อหัวไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้เสียก่อน

“ฟู เราไปนั่งตรงมุมโน้นกันเถอะนะ อย่ามีเรื่องเลย” ด้วงเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งไล่ต่ำไปตามท่อนแขนของร่างเล็ก ก่อนจะประกบฝ่ามือประสานเรียวนิ้วกับอีกฝ่าย ชายหนุ่มผมยาวออกแรงรั้งเบาๆให้เจ้าของฝ่ามือเล็กก้าวเท้าตามไปยังโต๊ะที่ตนหมายตา...


ท่าทางที่สื่อถึงความสนิทสนมกลมเกลียวกันไม่น้อยของสองหนุ่ม ทำเต๋อรุ่มร้อนอ่อนไหว...
ชายหนุ่มร่างหมีอดไม่ได้ที่จะหวนคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์คืนนั้น...
คืนที่กังฟูหันหลังให้เขา เพราะมัวแต่เอาใจใส่คนเมาไม่รู้เรื่อง...
เกือบจะลืมแผลนี้ได้อยู่แล้วเชียว ไอ้หน้าหล่อยังจะเที่ยวมาทำรุ่มร่ามใส่กังฟูให้หดหู่อยู่ได้



“หึ! หรือว่าไปแอบโดนใครลักหลับทะลวงถ้ำมาจนขาสั่นนั่งไม่ไหว?” เต๋อปรายตาเหยียด พร้อมส่งยิ้มมุมปากเย้ยหยัน

“หรือว่าอาย...ไม่อยากบอกใครว่า เสียซิงให้ไอ้ตุ๊ดนี่ไปแล้ว?...
.
...ไม่น่าเชื่อนะว่าคนที่คอยตามกีดกันความรักของน้องชายอยู่ทุกเมื่อชื่อวัน  สุดท้ายจะถูกฟันเสียเอง” อารามน้อยใจ ปากรูปกระจับของหนุ่มผิวเข้มตาคมจึงไม่อาจยับยั้งถ้อยคำไม่สมควรเอาไว้กับตัวได้

“...ไอ้เหี้ย!!!...” ทว่าปฏิกิริยาของกังฟูกลับไม่ใช่สิ่งที่ใครๆคาดคิด...

แทนที่จะฟาดงวงฟาดงาคว้าสิ่งของใกล้มือเพื่อปาใส่เต๋อ เจ้าของร่างเล็กกะทัดรัดกลับทิ้งท้ายด้วยคำด่าสั้นๆ...
จากนั้นกังฟูก็วิ่งก้มหน้าหลบสายตาของทุกคนออกจากร้านไปทันที

นอกจากคำพูดเหล่านี้จะจี้ใจคนฟังจนแทบหงายหลังล้มตึง
เขายังนึกไม่ถึงว่าถ้อยคำทำร้ายจิตใจ จะพรั่งพรูออกมาจากปากของผู้ชายที่ทำเขาใจสั่นหวั่นไหวได้เกือบตลอดเวลา

ที่หนักหนายิ่งไปกว่านั้น... คือ บางส่วนที่เต๋อว่ามา...ดันเป็นความจริง
และยิ่งนานวัน... รสสัมผัสของจูบที่ด้วงมอบให้ ก็ตามไปก่อกวนให้เขาว้าวุ่นใจถึงในความฝันเลยทีเดียว


“ฟู!!! ฟู!!!!...รอเราด้วย” หนุ่มผมยาววิ่งตามเพื่อนรักออกไปโดยไม่ต้องให้ใครกดดัน... ผิดกับร่างหมีปักหลั่นที่ยังไม่สำนึก

“พี่เต๋อ!! ทำไมพี่เต๋อพูดกับเฮียฟูอย่างนี้ล่ะครับ?” บ๊วยดุพี่รหัสที่ยังนั่งคอแข็ง “พี่เต๋อรีบตามไปขอโทษเฮียฟูเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“เรื่องอะไรที่พี่ต้องไปขอโทษไอ้เตี้ยมัน?!” เต๋อรวนด้วยท่าทางไม่แยแส

แม้ปากจะว่าอย่าง...ทว่าข้างในเต้นผางอยากจะวิ่งตามร่างเล็กไปใจแทบขาด
ทำไมเขาถึงทำเรื่องผิดพลาดด้วยลมปากอย่างไม่น่าให้อภัยลงไปง่ายๆ?   
ถึงอย่างนั้น อาการปากดีกลับไม่สำคัญเท่าไรในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้...
ไอ้ที่เล่นใหญ่ไปเมื่อครู่นั่นต่างหาก ที่ทำให้การวิ่งตามไปง้อกังฟูกลายเป็นเรื่องยากในชั่วพริบตา

กระนั้น...ชายหนุ่มร่างหมีต้องไม่ลืมว่า ตนเองมีน้องรหัสหัวใจเทวดาอยู่ข้างๆ  

“อย่าทำแบบนี้สิครับพี่เต๋อ...
...พี่เต๋อพี่รหัสผมน่ะ ออกจะจิตใจดี แถมยังไม่เคยพูดจาร้ายกาจแบบนั้นกับใคร...
.
...โดยเฉพาะคนที่พี่เต๋อสนใจและให้ความสำคัญ... จริงไหมครับ?” น้ำเสียงนุ่มนวลของบ๊วยเอ่ยตบท้ายด้วยประโยคที่เต๋ออยากฟังมากที่สุด “พี่เต๋อรีบไปเถอะครับ เดี๋ยวเฮียฟูจะยิ่งโกรธไปกันใหญ่”

“เออ!.. พวกมึงแดกกันไปก่อนเลย มื้อนี้กูเลี้ยงเอง!!!” เสียงตะโกนของรุ่นพี่ฟังไม่ชัดเจนนักเมื่อเจ้าตัวออกปากสั่งทั้งที่สองขาวิ่งหันหลังให้ชายหนุ่มทั้งห้า  


ทันทีที่ร่างหนาๆของเต๋อลับสายตา...ก็ถึงเวลาปรากฏกายขององค์เทวดาทั้งสองที่แฝดพี่ขอร้องให้มาช่วยแก้ไขสถานการณ์คับขันที่ทั้งหมดกำลังประสบอยู่

https://www.youtube.com/watch?v=cDZPTiDpc5Yป็อบ!’  / https://www.youtube.com/watch?v=bLCVeLnAUFIเฮ่ลโหล่ว โหม่วโต๊ว!!!’


“พวกเจ้าทั้งหลายนี่ใช้ไม่ได้เลยนะ!!” เจ้าพ่อห่อไหล่เปิดฉากตำหนิสมุนทั้งห้าราวกับตั้งท่าอยากจะด่ามาเป็นแรมปี

“อยากจะรู้นักว่าพวกเจ้าเห็นข้าเป็นอะไร?...
...พอใจอยากใช้งานก็เรียกหา ทั้งที่ตกลงกันไว้ดิบดีว่าเวลางานของวันนี้เริ่มหกโมงไม่ใช่หรือ?...
.
...ถามหน่อยเถอะ ใจคอพวกเจ้าไม่คิดจะให้ข้าได้ปลีกตัวไปทำงานอื่นบ้างหรืออย่างไร?” เจ้าพ่อห่อไหล่ฟึดฟัดด้วยไม่ชอบใจในความผันผวนปรวนแปรเอาแน่เอานอนไม่ได้ของเหล่าสมุนเลวทั้งห้า  เขากับเจ้าพ่อไทรทองเป็นเทวดา...หาใช่เซเว่น อีเลฟเว่น หรือเพื่อนเล่นที่ไหน

“ใจเย็นๆนะครับเบ๊บ  บันยันรู้ว่าเบ๊บไม่พอใจ...แต่ไม่เอานะ ไม่หงุดหงิด เดี๋ยวผิวหน้าจะหมองคล้ำไปเปล่าๆนะครับ” เทวบุตรสุดชิคลอยปราดเข้าไปประคองใบหน้างดงามของเจ้าพ่อห่อไหล่เอาไว้อย่างแผ่วเบา แล้วจึงนวดคลายปมคิ้วเหนือหัวตาให้กลับราบเรียบอีกครั้ง  

“ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้หรอกคุณ ผู้คนส่วนใหญ่บูชากราบไหว้พวกเรา...
.
...แต่เจ้ามนุษย์พวกนี้กลับเรียกใช้เราประหนึ่งทาสีทาสาโดยไม่หารือถามไถ่ความสมัครใจของเราสองตนสักคำ” โฮลี่ฮิปสเตอร์บ่นกับองค์เทพที่ลอยอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด  เทพผู้รับฟังถ้อยคำร่ำระบายของอีกฝ่ายยิ้มบางๆอย่างเห็นอกเห็นใจ แล้วจึงรวบเอวเจ้าพ่อห่อไหล่มากอดไว่ก่อนจะพูดจาประจบเอาใจทันที

“โอ๋ โอ๋...อย่าเครียดไปสิครับคนดีของบันยัน... 
.
...เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวบันยันอยู่ช่วยสะสางงานของเบ๊บดีไหมครับ?...
...บันยันปิดจ็อบของไตรมาสนี้จบไปนานแล้ว อยู่ว่างๆไปวันๆ บันยันก็ไม่รู้จะทำอะไร...สู้มาช่วยเบ๊บเคลียร์งานก็ไม่ได้ได้เนอะ” เจ้าพ่อไทรทองหยอดคำหวานพลางลูบไล้เนื้อตัวของเทวบุตรในอ้อมกอดอย่างถือวิสาสะ

ซึ่งนั่นคงเป็นเรื่องปกติ...
หากสถานการณ์หวานหวามเช่นนี้ จะเกิดขึ้นในที่รโหฐาน หาใช่ต่อหน้าธารกำนัลตาดำๆอย่างตอนนี้ไม่
เหล่าสมุนเลวทั้งห้าก็เป็นใจกับบุตรแห่งองค์มหาเทพสายบู๊ดีเหลือเกิน
เพราะต่างก็ทำมองเมินโดยไม่มีใครปากเปราะเอ่ยเซาะความสุขของเจ้าพ่อไทรทองออกมาให้รำคาญใจเลยสักคน
ทว่าความสงบเงียบเป็นป่าช้า กลับไม่ใช่สิ่งที่เทวบุตรสุดชิคใฝ่ฝันหาในครานี้


“แล้วนี่พวกเจ้ามัวรออะไรอยู่ล่ะ?...มาขอโทษเจ้าพ่อห่อไหล่สุดที่รักของข้าเสียที...   
.
...เร็วๆสิ!...
...หรือพวกเจ้าอยากให้ข้าจะอารมณ์ไม่ดีตามเบ๊บไปอีกตน?!” สุดท้ายเจ้าพ่อไทรทองก็ต้องเป็นฝ่ายบอกใบ้ให้สัญญาณแก่สมุนผู้ไม่รู้งานทั้งห้า 

“เจ้าพ่อครับ พวกผมขอโทษเจ้าพ่อด้วยครับกับเรื่องที่เกิดขึ้น” บ๊วยออกหน้าขอโทษแทนสมุนที่เหลือ...ชายกลางรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ปฏิเสธนัดของอดีตเดือนมหาลัยให้เด็ดขาด  “หากไม่จำเป็นจริงๆ...พวกผมคงไม่รบกวนเวลางานอันมีค่าของเจ้าพ่อโดยพลการหรอกครับ” คนพูดยกมือพนมขึ้นไหว้เจ้าพ่อทั้งสองแทนความรู้สึกผิดในใจ พวกเขาไม่ควรปรับเปลี่ยนแผนใหม่โดยพละการดังที่เจ้าพ่อต่อว่า

“เจ้าพ่ออย่าถือสาพวกผมเลยนะครับ เอาเป็นว่า...ครั้งหน้าหากจะเกิดเหตุการณ์ฉุกละหุกแบบนี้อีก...
...พวกผมจะพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน จนกว่าเจ้าพ่อจะสะดวกมาปรากฏกายเพื่อให้ความช่วยเหลือ...
.
...เอาตามแบบนี้ดีไหมครับเจ้าพ่อห่อไหล่?” ถึงฌานจะเสนอแนะทางออกให้กับปัญหาทำนองนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต แต่สุดท้าย สีหน้าสลดด้วยสำนึกผิดอย่างที่สุด กับท่าทางหงอยเหงาเศร้าซึมของบ๊วยก็เอาชนะหัวใจเจ้าพ่อห่อไหล่จนได้

“เอาล่ะ เอาละ...ครั้งนี้ข้าจะไม่ถือโทษโกรธเคืองพวกเจ้าก็แล้วกัน...
.
...แต่อย่าทำอะไรฉุกละหุกแบบนี้จนติดเป็นนิสัย เพราะมันไม่ยุติธรรมกับผู้อื่น...
...ที่สำคัญ ข้ากับเจ้าพ่อไทรทองไม่สามารถอยู่โยง คอยให้ความช่วยเหลือแก่พวกเจ้าจนหัวไม่วางหางไม่เว้นได้ทุกเมื่อหรอกนะ

ครับ...พวกเราสำนึกผิดแล้วครับ!! เหล่าสมุนเลวทั้งห้ารับปากเจ้าพ่อห่อไหล่โดยพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียว

“สรุปว่า...ปัญหาที่ทำให้พวกเจ้าเรียกข้ากับเจ้าพ่อห่อไหล่มาอย่างเร่งด่วนคือเรื่องอะไร?” พอเจ้าพ่อไทรทองถามเสร็จ สกลก็รับหน้าที่สรุปประเด็นร้อนแบบเบ็ดเสร็จให้เจ้าพ่อทั้งสองได้รับฟังโดยไม่รอช้า

“คืออย่างนี้ครับเจ้าพ่อ...พอดีพวกเราทั้งหมดชวนกันมากินไอติม...
...แต่ยังไม่ทันได้นั่ง  พี่เต๋อก็พูดจาเถื่อนถ่อยใส่คุณกรกฏจนวงแตก...
.
...คุณกรกฏที่เสียใจและเสียหน้า ก็วิ่งหนีไปแอบร้องไห้ตามขื่อคาประสานางเอกหนังไทย...
...ส่วนคุณพี่ด้วงก็รีบวิ่งตามไปปลอบประโลมหัวใจคุณกรกฏ ไม่หลุดบทเพื่อนรักของนางเอกผู้แสนดี แต่ไม่มีใครเอา...
...และที่จะดูเบาไปไม่ได้ก็คือ  บ๊วย...คนธรรมดาหน้าตาปานกลาง ผู้เป็นน้องชายบุญธรรมต่างสายเลือดของพระเอก...
...ชายผู้มีวาจาแหลมคมไม่สมกับหน้าตา ซึ่งเข้าฉากมาเพื่อพูดจาให้สติจนพี่เต๋อสว่างก่อนจะถูกกำจัดทิ้งไป...
.
.
...สุดท้าย พระเอกที่ตาสว่าง...ก็ออกวิ่งส่ายอกกว้างๆไปตามงอนง้อขอนางเอกคืนดีเป็นที่เรียบร้อย...
...นั่นแหละครับคือสิ่งที่เกิดขึ้น ช่วงนี้กลับไปที่หัวข้อข่าวอื่นที่น่าสนใจในสถานีครับคุณกิตติ... 
...สกล คนเห็นผี...รายงาน” หนุ่มหน้าแว่นยิ้มจนตาหยีหลังจากได้เล่นจนสมใจ แต่กลับไม่มีใครยินดียินร้ายกับเขามากนักหลังจากได้ฟังคำตอบของเจ้าพ่อไทรทองเป็นที่เรียบร้อย

“แต่จะให้ข้าย้อนเวลาเพื่อแก้ไขสิ่งที่เจ้าเต๋อกระทำ หรือจะให้เสกมนตราเพื่อล้างความจำให้แก่เจ้ากังฟู...
...ดูจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” เจ้าพ่อไทรทองยอมรับตามตรงถึงข้อจำกัดในการใช้พลังของเจ้าพ่อทั้งหลาย

“อ้าว! แล้วอย่างนี้พี่เต๋อ เฮียฟู กับพี่ด้วงจะไม่ตีกันตายไปก่อนเหรอครับเจ้าพ่อ?” อดีตเดือนมหาลัยถามด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพของทั้งสามหนุ่มรุ่นพี่...เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ละเอียดอ่อนต่อหัวใจและความรู้สึก เฮียฟูคงไม่ยอมยกโทษให้พี่เต๋อง่ายๆแน่  

“พวกเจ้าฟังให้ดีนะ...
.
.
...การจะอำนวยพร หรือ ล้างพรเกี่ยวกับความรักน่ะ...
...เป็นศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ห้ามไม่ให้เทวดาองค์ไหนๆ ใช้เวทย์มนตร์บังคับหัวจิตหัวใจของผู้ใดเป็นอันขาด...
...ยิ่งเวทย์ต้องห้ามจำพวกย้อนเวลา หรือกำจัดความทรงจำไม่พึงประสงค์ให้หายไป นั่นยิ่งทำไม่ได้ไปกันใหญ่เลยล่ะ”

“แล้วที่เจ้าพ่อทำกับผมล่ะครับ?...นั่นไม่ใช่การบังคับใจหรอกเหรอ?” ถ้อยแถลงของเจ้าพ่อไทรทองเมื่อครู่ ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างเก็กเดือดร้อนจนไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เรื่องระหว่างตัวเขากับอิ๊กที่จบลงไปนั้น... ยังพอรับได้ แต่มันใช่เรื่องไหม ที่เขายังไม่อาจเริ่มต้นกับคนใหม่ได้สักที?!


“เฮ้ยไอ้เก็ก! เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคุยกับเจ้าพ่อไทรทองทีหลังได้ไหม?...
.
...พี่ฌานว่าเราควรหาทางทำให้สามคนนั่นกลับมานั่งรวมกันที่นี่ให้ได้ก่อนดีกว่า” แฝดพี่พยายามให้เหตุผล  จนคนถูกทัดทานคล้อยตามด้วยความเข้าใจ...แต่เขาจะไม่ลืมว่าต้องหมั่นหาโอกาสถามไถ่เจ้าพ่อไทรทองนอกรอบดูสักครั้ง

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะครับ? ป่านนี้คุณกรกฏไม่ย่างสดพี่เต๋อกลางทุ่งนาไปแล้วเหรอครับเนี่ย?” สกลถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง... ใครจะรู้ว่ากังฟูจะทำอะไรกับเต๋อบ้างหากเจ้าของร่างเล็กโกรธจนขาดสติ  

“ผมคิดออกแล้วล่ะครับว่าเราควรทำอย่างไร...หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป เจ้าพ่อได้โปรดช่วยอะไรพวกเราบางอย่างได้ไหมครับ?” แฝดน้องที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านเมนูไอศกรีมมาสักพักเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไรก็ว่ามาสิเจ้าแฝดน้อง”

“เรื่องในครอบครัว...ก็ต้องให้คนในครอบครัวช่วยจัดการน่ะครับ” ฌอนตอบพอเป็นสังเขป พลางอมยิ้มให้กับน้องพลายผู้ไม่ปรากฏกายอวดสายตาผู้ใดหากผู้นั้นไม่ใช่เจ้าของ หรือสิ่งไม่มีชีวิตจากมิติเดียวกัน

“ฌอนหมายถึงเราเหรอ?” คำถามซื่อซื่อของเก็กเรียกรอยยิ้มของฌอนได้เป็นอย่างดี  แต่ผู้ที่ให้คำตอบแก่หนุ่มรูปงามกลับกลายเป็นแฝดพี่ซึ่งเริ่มอธิบายรายละเอียดทั้งหมดของแผนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในครั้งนี้ให้อดีตเดือนมหาลัยและสมุนทั้งหลายฟังแทน

“เปล่าหรอกเก็ก... น้องชายกำลังพูดถึงคนสำคัญของเฮียฟูอีกคนนึงอยู่น่ะ........


Ħ------------------------------------------------------------------------Ħ


หากครั้งนี้ กังฟูจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก...
ด้วงเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เพราะคงไม่มีใครทนให้คนอื่นพูดจี้ใจดำโดยไม่อนาทรร้อนใจได้หรอก...

แต่นอกเหนือไปจากความเห็นใจแล้ว ด้วงยังหนักใจไปพร้อมๆกันอีกด้วย
เพราะตลอดมา...กังฟูรังเกียจที่ตนเองต้องด่างพร้อยด้วยประเด็นชู้สาว โดยเฉพาะเมื่อคู่กรณีเป็นผู้ชายเหมือนกัน
และนั่น...เพียงพอจะทำให้ด้วงยอกในอก เพราะสิ่งที่เต๋อพาดพิงกล่าวหา คือ การฉกฉวยโอกาสก่อเรื่องทำนองชู้สาวกับกังฟูด้วยความตั้งใจจริงๆของเขาเอง


เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องคืนนั้น...
อันที่จริง ด้วงไม่ได้เผื่อใจให้ใครโผล่เข้ามาพอดีจังหวะที่เขาระบายอารมณ์ใส่เด็กคณะอื่นแม้แต่น้อย
เนื่องจากตั้งใจอยากได้รอยช้ำจ้ำใหญ่ๆติดตัวกลับห้อง...กะว่าให้เจ็บถึงขั้นไม่ต้องเข้าเรียนหลายวันเลยยิ่งดี 
เพื่อจะได้อาศัยจังหวะนี้เบนความสนใจกังฟูให้กลับมาอยู่ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว

ถึงท้ายที่สุดแล้ว แผนการของเขาจะผิดพลาดทางเทคนิคไปสักหน่อย...
แต่การไม่ปล่อยให้ตัวเขานอนเมาอยู่ลานจอดรถ กับสีหน้าท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของกังฟูที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ก็ทำให้ชายหนุ่มหน้าหยกย่ามใจถึงขั้นล่วงเกินคนตัวเล็กทั้งที่อีกฝ่ายมีสติครบถ้วนทุกประการ

ซึ่งความหวานชื่นที่เคยลักลอบครอบครองยามกังฟูตกอยู่ในนิทรา...
เทียบไม่ได้กับรสสัมผัสสุดยอดปรารถนาซึ่งตราตรึงไม่เสื่อมคลาย เมื่ออีกฝ่ายตอบสนองจูบของเขาด้วยความเต็มใจ
แม้ปลายทาง...กังฟูจะตบรางวัลด้วยการส่งฝ่าเท้าเล็กๆประเคนลูกถีบเข้ากลางลำตัว จนเขาต้องครางเป็นลูกหมาก็ตามที

ชายหนุ่มยังจำบรรยากาศของเช้าวันถัดมาได้เป็นอย่างดี...
เพราะคนตัวเล็กของเขานั่งตาลอยสลับกับหน้าแดงทุกครั้งที่สายตาทั้งคู่บังเอิญสบกัน
และที่น่าดีใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ตลอดทั้งวัน...กังฟูไม่แตะโทรศัพท์ของตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว



“ฟู...รอเราด้วย!!!” ก่อนจะสวมบทเป็นกะเทยบังหน้า สมัยเรียนมัธยม...ด้วงเคยเป็นนักกีฬาตัวจริงของกีฬาหลายประเภทมาก่อน ชายหนุ่มผมยาวจึงใช้เวลาเพียงไม่นานในการวิ่งไล่ตามร่างเล็ก ที่วิ่งเตลิดออกจากร้านไอติมโดยไม่บอกไม่กล่าวตั้งแต่เมื่อครู่ก่อน   ฝ่ามือของเขายื่นไปยุดหัวไหล่บางของอีกฝ่ายเพื่อให้หยุดอยู่กับที่

“ถ้ามันไม่ใช่ความจริง ก็อย่าเอาคำพูดพล่อยๆของคนพรรค์นั้นมาใส่ใจเลย” ระหว่างปลอบกังฟู ด้วงก็พยายามมองข้ามความรู้สึกผิดในฐานะตัวต้นคิดที่ก่อให้เกิดเรื่องน่ากระอักกระอ่วนใจในครั้งนี้  คนฟังที่กำลังเสียใจจึงกระแทกเสียงเหวี่ยงใส่ทันควัน

“แต่กูไม่ชอบ!!...มึงก็รู้หนิว่ากูไม่ชอบให้ใครมาพูดเหมือนว่ากูเป็.../ เตี้ย กูขอโทษ!!” เสียงตะโกนแทรกโดยไม่ดูตาม้าตาเรือของบุรุษที่สามผู้วิ่งลืมตายตามสองหนุ่มมาจนทัน ทำให้ทั้งด้วงเอาตัวเข้าบังกังฟูเอาไว้เดี๋ยวนั้น  

“เต๋อ! นายจะตามมาอีกทำไม? เมื่อกี๊นายยังพูดไม่พออีกเหรอ?” ด้วงไม่มีวันให้กังฟูได้เจอหน้าคนที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องระเห็จออกมาทะเลาะกันกลางแดดเปรี้ยงๆยามบ่ายแบบนี้แน่

“ถอยไปด้วง...เรื่องนี้มึงไม่เกี่ยว” เต๋อพยายามข่มโทสะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  เขาจะไม่ยอมน็อตหลุดเพียงเพราะเห็นท่าทางสนิทสนมเกินเพื่อนที่ด้วงปฏิบัติกับกังฟูอีกเป็นอันขาด  

“ทำไมจะไม่เกี่ยว เรื่องของฟู..ก็เหมือนเรื่องของเรานั่นแหละ” คำยืนกรานที่แสดงสิทธิขาดในตัวกังฟูของชายหนุ่มผมยาว ราวกับน้ำมันก๊าดที่ราดลงบนกองไฟในใจเต๋อ...

จากที่จะเป็นแค่การปรับความเข้าใจกันของคนสองคน...
ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงของสองหนุ่มร่างใหญ่ไปเสียได้

กู บอก ให้ ถอย!”  ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้ความอดทนของหนุ่มร่างหมีมีจำกัด หลายสิบเท่า เขาก้าวเท้าเข้าประชิดหุ่นนักกีฬาที่บางกว่าของด้วงเพื่อทวงโอกาสในการพูดคุยกับกังฟูที่นิ่งไปตั้งแต่เมื่อกี๊ ทว่าค่าที่ขนาดตัวไม่หนีกันเท่าไร...การออกแรงผลักร่างของด้วงให้พ้นทางไป จึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก

ไม่!!!” สีหน้าจริงจังของหนุ่มหน้าหยกบอกให้เต๋อรู้ว่า การเผชิญหน้าคือตัวเลือกเดียวที่ด้วงใช้เพื่อตัดสินปัญหาในครั้งนี้...ก็ดี จะได้ตั๊นหน้าไอ้หล่อให้หงาย เผื่อความรู้สึกงุ่นง่านวุ่นวายจะบรรเทาลงบ้าง

“ได้! มึงแส่หาเรื่องเองนะด้วง” เต๋อไม่คิดขัดศรัทธาของคนตรงหน้าแม้แต่น้อย  เขาถอยหลังไปดูเชิงอีกฝ่ายโดยไม่ลืมตั้งการ์ด

“เข้ามาสิ... ถ้าคิดว่าทำอะไรเราได้ก็เข้ามาเลย!” ด้วงที่อยู่ในท่วงท่าไม่ต่างกันพูดจาท้าทาย

“หึ! ปากดีนักนะไอ้กะเทย!!” ได้ยินดังนั้น...ชายหนุ่มร่างหมีก็พร้อมจะจัดงานรับขวัญให้อดีตเพื่อนสมัยอนุบาลอย่างเต็มที่ แต่แล้วกลับมีเสียงปริศนาดังผ่าขึ้นกลางวง

 (แงงงงงงงงงงงง!!!)


“เสียงเด็กที่ไหนร้องวะ?” จากที่ขยับปลายเท้าตามแบบแผนที่ร่ำเรียนมาจากโคชมวยส่วนตัว เต๋อถึงกับเปลี่ยนมายืนเกาหัวเพราะยังมองหาต้นเสียงกรีดร้องที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่ไม่เจอ  

“นายอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ถ้าจะลงมือก็เข้ามาเลย แต่ถ้าไม่...ก็ไปให้พ้นๆ!” ด้วงผู้อยู่ในโหมดโหดเลวดียังไม่หยุดท้าตีท้าต่อย   ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นกับการพิสูจน์ตัวเองให้กังฟูเห็นถึงความเป็นชายที่ซ่อนเร้นอยู่ลึกๆภายใน ไม่เหลือแก่ใจจะกระดิกใบหูไปฟังเสียงรบกวนรอบกายใดๆทั้งสิ้น  

 (โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!)


ทันทีที่เสียงร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจเหมือนโดนมือดีแอบดีดหนอนใบไม้ส่วนตัวของต้นเสียงสงบลง
ร่างป้อมๆสูงเพียงต้นขาผู้ใหญ่ของเด็กชายวัยไม่เกินสิบปี ก็ปรากฏกายขึ้นมาตรงหน้าเต๋อเสียอย่างนั้น


“เฮ่ย!” สุ้มเสียงตกอกตกใจของเต๋อมาพร้อมกับท่าผงะไปด้านหลัง   หนุ่มร่างหมียังหาคำอธิบายให้แก่การปรากฏกายของเด็กผู้ชายที่หลับตาแหกปากแผดเสียงจ้าโดยไม่ดูตามม้าตาเรือผู้นี้ไม่ได้...
ไอ้หนูตัวน้อยนี่โผล่มาได้อย่างไร? แล้วมาจากที่ไหนกัน? 

“โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”

“เด็กที่ไหนเนี่ย?” ด้วงที่งงเป็นไก่ตาแตกถึงกับเปรยออกมาลอยๆ นั่นจึงพลอยทำให้เต๋อหลุดปากถามในสิ่งที่ตนสงสัยออกมาติดๆ

“ลูกใครวะ? ทำไมมาเดินเพ่นพ่านอยู่แถวนี้?”

“ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออ” อยู่ดีๆ เจ้าของร่างป้อมผู้ที่ไม่มีใครรู้จักก็วิ่งดุ๊กๆเข้าไปซุกหว่างขาของกังฟูที่ยืนสะกดอารมณ์อยู่เงียบๆด้านหลังของด้วงเป็นนานสองนาน  


เมื่อได้พิจารณาดวงหน้ากลมของเด็กน้อยที่กอดขาคว้าเข่าตัวเองเอาไว้แน่นอยู่ครู่ใหญ่  
ชายหนุ่มร่างเล็กก็ถึงกับตกใจที่เด็กชายตัวน้อยมีหน้าตาละม้ายกับลูกชายในอนาคตของตัวเองมากเหลือเกิน


“พี่พลาย?...พี่พลายเหรอลูก?” กังฟูโพล่งคำถามคาใจออกมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดูและถูกชะตาอีกฝ่ายเหลือประมาณ ทว่าเจ้าตัวเล็กที่น่ารักน่าใคร่เกินต้านทานกลับส่ายหน้าป้อยๆแทนคำตอบ

“ว้า!...หนูไม่ได้ชื่อพี่พลายหรอกเหรอครับ?” น้ำเสียงเสียดมเสียดายสูงๆต่ำๆทำเอาชายหนุ่มร่างหมีทั้งสองเลิกตั้งการ์ด แล้วเปลี่ยนมาตั้งหน้าตั้งตาจ้องอากัปกิริยาแปลกตาทว่าน่าเอ็นดูของกังฟูกันเต็มที่  ส่วนเด็กน้อยนิรนามยังคงส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กไม่เลิก

“แล้วหนูชื่ออะไรครับ...บอกพี่ฟูได้ไหม?” กังฟูนั่งยองๆเพื่อคุยกับเด็กชายอย่างเป็นจริงเป็นจัง ดูเหมือนว่าหลังจากเห็นเด็กคนนี้เต็มๆตา ความรู้สึกขุ่นเคืองใจที่สะสมมาก่อนหน้า ได้หายวับไปกับสายลม

“...ฮึก....ชื่อพลับ...” เสียงเล็กๆที่ฟังคล้ายกับพี่พลายลูกรักขโมยหัวใจของกังฟูได้สำเร็จอีกครั้งอย่างสวยงาม...

ชายหนุ่มไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้หลงใหลในความน่ารักของเจ้าตัวน้อยตรงหน้าได้เลย...
เขาจึงเอ่ยขอโทษขอโพยลูกชายในอนาคตอยู่ในใจหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน...
พี่พลายครับ อย่าว่าพ่อฟูนะ  พ่อฟูเจอน้องพลับก่อนพี่พลายนะลูก  


“มึงรู้จักไอ้เด็กนี่เหรอ?” พลันสิ้นเสียงกระโชกโฮกฮากของหนุ่มร่างหมี เจ้าตัวน้อยที่หยุดร้องไห้มาหลายนาทีก็เป่าปี่เสียงดังอีกครั้ง

“แงงงงงงงงงงงงงงงง!!” กังฟูโอบร่างป้อมของพลับเข้ามากอดปลอบให้เด็กโยเยหายตกใจ แต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งต่อไป ร่างเล็กจึงกระชากเสียงจิกด่าเต๋อต่อหน้าพลับน้อยเพื่อเป็นการสั่งสอนให้หลาบจำ

“มึงเงียบไปเลยไอ้เหี้ยเต๋อ! ดูซิเนี่ยะ...เด็กกลัวมึงจนร้องไห้เลย!!!

“โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!” สิ้นเสียงก่นด่าของกังฟู เจ้าหนูก็แหกปากเสียงดังยิ่งกว่าเมื่อครู่ จนกังฟูเริ่มจะงง...ส่วนเต๋อก็ล่กจนเผลอโก่งคอต่อว่ากังฟูเข้าให้อีกคำรบ

“มึงนั่นแหละที่ต้องเงียบ เห็นไหมน้องร้องใหญ่แล้ว”

ระหว่างพลับน้อยกับกังฟู...ยากจะดูออกแล้วว่า คนไหนหน้ายับยิ่งกว่ากัน...
แต่ก่อนที่ใครจะได้แผดเสียงแข่งกับเด็กชายที่ไม่มีใครรู้จักในรอบถัดไป
ด้วงก็อาศัยความเป็นคนกลางระหว่างสองหนุ่มมาตลอดหลายปี ปรี่เข้าห้ามมวยด้วยเสียงปรามที่น่าเกรงขามไม่แพ้ทั้งสองหนุ่ม

“หยุดทั้งสองคนนั่นแหละ! มัวแต่เถียงกันเสียงดัง เด็กคนไหนๆก็ตกใจทั้งนั้นน่ะแหละ!


และแล้วทุกอย่างก็หยุดนิ่ง...
แค่ชั่ววินาที

ก่อนที่จะตู้ม!...
ระเบิดตัวเป็นพลับน้อยคลั่ง ที่โด่งดังเสียยิ่งกว่าโกโก้ครันช์


“โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!” กังฟูที่ตกใจกับการตะเบ็งเสียงร้องสุดคอหอยของพลับน้อยที่เปลี่ยนสีเจ้าตัวจ้อยให้แดงปลั่งตั้งแต่หัวจรดเท้าได้ในชั่วพริบตา ก็คว้าเอาเด็กชายขึ้นมาอุ้มเอาไว้แนบอกแล้วจึงลูบแผ่นหลังของเจ้าหนูเบาๆเพื่อกล่อมให้คลายตระหนก

“กูว่าเราทั้งสามคนนี่แหละที่ทำน้องร้องไห้” กังฟูสรุป

“โอเคกะเทย......กูขอสงบศึกกับมึงชั่วคราว แค้นวันนี้...อีกสิบปีค่อยชำระก็ยังไม่สาย” เต๋อยอมถอยร่นเพราะทนเห็นน้ำใสๆไหลอาบพวงแก้มยุ้ยๆของเจ้าตัวเล็กไม่ได้ ยิ่งเห็นตากลมๆสองคู่ของคนอุ้มกับคนถูกอุ้มมองจ้องมาทีไร ใจเขาจะพาลอ่อนให้ได้ทุกที  อาห์...สายตาสองคู่นี้ช่างมีดาเมจรุนแรงต่อความรู้สึกเสียนี่กระไร

“หึ!” ด้วงที่ยังไม่หลุดจากมาดจาพนมในองค์บาก เหยียดริมฝีปากแสยะยิ้มให้เต๋อเป็นการตอบแทน จนคนมองนึกอยากจะถวายแหวนให้สักครั้ง...แต่เต๋อกลับยั้งใจเอาไว้ได้หลังจากได้ยินเสียงถามอย่างอ่อนหวานของกังฟู

“น้องพลับครับ...แม่หนูอยู่ไหนลูก?” เจ้าตัวเล็กยังคงส่ายหัวระรัวเมื่อได้ยินคำถามทำนองนี้  คนเป็นพี่ทั้งสามต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง...ตกลงเจ้าหนูตัวน้อยนี่หลุดออกมาจากขั้วของต้นไม้โดยไม่ต้องอาศัยพ่อและแม่หรืออย่างไรกันนะ?!

“เหี้ยเตี้ย...มึงลองดูกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงน้องเด๊ะว่ามีนามบัตรพ่อแม่ติดเอาไว้บ้างหรือเปล่า?” เต๋อแนะนำตามความเข้าใจ เพราะเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็ก ก่อนจะออกไปไหน...ที่บ้านต้องติดป้ายชื่อสำหรับติดต่อคุณพ่อคุณแม่เอาไว้ในกระเป๋าให้เขาเสมอ แต่สุดท้ายชายร่างหมีผู้หวังดีกลับต้องเหวอเมื่อเหลือบไปเห็นพลับน้อยตั้งท่าจะเบ่งน้ำตาออกมาให้ชื่นชมอีกแล้ว

“ฮึก....ฮึก......ฮึก....ฮื่อออออออออออ!” เจ้าตัวเล็กเบะจนหน้ายู่ไปทั้งแถบ จนคนโตกว่าทั้งสามชักจะใจไม่ดี... รายที่มีปฏิกิริยาหนักหน่อยคงไม่หนีพี่หมีร่างใหญ่ที่พูดอะไร พลับน้อยก็พร้อมจะเบะให้ไปเสียทุกครั้ง

“อ่าวเฮ่ย! ทำไมถึงยังร้องไห้อยู่ล่ะวะ กูยังไม่ได้ทะเลาะกับไอ้เหี้ยเตี้ยเลยนะ?!! เต๋อบ่นจนชักจะเหมือนหมีเข้าไปทุกที ผิดตรงที่ว่า...หมีตัวนี้บ่นหงุงหงิงเพราะไม่อยากให้สิ่งมีชีวิตตัวน้อยต้องตกอกตกใจจนร้องไห้เสียน้ำตา

“เด็กคงไม่ชอบคนเสียงดังล่ะมั้ง” ชายหนุ่มผมยาวสรุป จากนั้นจึงหันไปหาเจ้าตัวเล็กที่กังฟูอุ้มอยู่แล้วใช้เสียงนุ่มๆหลอกล่อ “ใช่ไหมครับ? ไม่ชอบคนเสียงดังใช่ไหม? อยากให้พี่ด้วงไล่ไปไกลๆดีไหมครับน้องพลับ?” ด้วงตีเนียนด้วยกะจะเอาเด็กน้อยมาเป็นพวกให้จงได้  

ถึงอย่างนั้น...เจ้าตัวเล็กกลับไม่ให้ความร่วมมือกับแผนขับไล่ชายร่างหมีอันแยบคายของเขาเท่าใดนัก
เพราะพลับน้อยส่ายหัวรัวๆอีกครั้งหลังจากได้ยินคำถามชี้นำของด้วง

“พลับไม่ชอบคนพูดไม่เพราะ...ป๊ะป๋าบอกว่าคนพูดไม่เพราะไม่ดี” เสียงปนสะอื้นของเด็กชายแก้มยุ้ยเอ่ยอย่างฉะฉาน

ซึ่งคำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มทั้งสามโล่งอกทันทีที่รู้ว่าเด็กชายไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่อย่างที่เผลอเข้าใจ 
ทว่าในขณะเดียวกัน...สิ่งที่เพิ่งได้ฟัง ทำให้ทั้งเต๋อ ด้วง และกังฟูระมัดระวังคำพูดมากขึ้นกว่าปกติหลายเท่าตัว...
น่าหนักใจ...เห็นทีพวกเขาจะพูดจาชั่วร้ายหยาบคายตามปกติไม่ได้ไปครู่ใหญ่ๆเลยสินะ

“หึ หึ หึ...ป๊ะป๋าหนูฉลาดจังครับ แล้วป๊ะป๋าของหนูอยู่ไหนลูก พี่ฟูจะได้พาหนูไปหาป๊ะป๋ายังไงล่ะ” กังฟูหวังว่าเด็กชายจะให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการส่งตัวพลับน้อยกลับไปหาครอบครัวก่อนที่ฝั่งโน้นจะกังวลไปกันใหญ่ แต่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยกลับได้การส่ายหัวดิกสุดคลาสสิคของพลับน้อยแทนคำตอบ

“แล้วกัน! ไม่รู้เหรอครับว่าป๊ะป๋าอยู่ไหน?” ด้วงรำพึงอย่างผิดหวัง...เขาไม่ได้เกลียดเด็ก แต่เขาไม่ชอบให้ใครอยู่ใกล้กังฟู  กระทั่งไอ้หนูหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูอย่างรายนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น  แต่เพื่อนรักของเขา...กลับไม่เห็นตามนั้น  

“ถ้างั้นอยู่กับพี่ฟูก่อนดีไหมครับ? เดี๋ยวพี่ฟูพาไปกินไอติมนะ” กังฟูเสนอแนะตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเด็กวัยนี้... ยังไม่เจอพ่อแม่ของเจ้าตัวน้อยก็ดี เขาจะได้มีเวลาอยู่กับพลับน้อยนานขึ้นอีกนิด

“ติม ติม...พลับชอบกินติม” ใบหน้าน่ารักแต้มคราบน้ำตายิ้มร่าเมื่อได้ยินข้อเสนอที่น่าสนใจเป็นที่สุด

“ชอบกินไอติมเหรอครับ? ดีเลย...ถ้างั้นให้พี่ฟูพาไปกินไอติมระหว่างรอป๊ะป๋ามารับดีไหมครับ?” พลับพยักหงึกหงักหน้ารับคำของชายหนุ่มร่างเล็ก จนกังฟูเกือบจะพลีกายถวายหัวให้กับตุ๊กตามีชีวิตที่ขยันส่ายหัวดุกดิกเสียเหลือเกิน

“ไปด้วยกันนะ” พูดจบ เจ้าตัวเล็กก็หันไปหาด้วงกับเต๋อแล้วกวักมือป้อมๆเรียกทั้งสองหนุ่ม “กินติมหลายคนหย่อยๆ” ท่าทางน่ามองของเจ้าตัวเล็กทำสามหนุ่มหลุดยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู

“เหรอ? น้องพลับชอบกินติมหลายคนเหรอครับ?”  เต๋อถามเจ้าตัวเล็กที่อารมณ์ดีจนฉุดไม่อยู่ระหว่างทั้งหมดออกเดินเคียงกันกลับไปยังสถานที่ๆเพิ่งจากมา

“พลับชอบกินติม กับพลาย กับพลุ...กินเยอะๆ อาหย่อย” เจ้าหนูอธิบายเป็นฉากๆ ซึ่งชื่อที่เพิ่งหลุดออกจากริมฝีปากรูปกระจับย่อส่วนชวนให้กังฟูใจกระตุก... ไม่ใช่หรอก คงไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง!!

“พลายกับพลุเป็นใครเอ่ย?” ด้วงชวนเจ้าตัวเล็กคุยบ้าง  

“พลายกับพลุเป็นพี่...พลับเป็นน้อง” เจ้าหนูแก้มกลมคุยโอ่ด้วยความภูมิใจ...การมีพี่ชายถึงสองคน นับเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเด็กน้อยอย่างเขา

“น้องพลับมีพี่น้องสามคนเหรอครับ?” กังฟูอดใจไม่ไหว...จึงต้องแอบไล่ถาม  แม้ความฝันจะเป็นสิ่งจับต้องไม่ได้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาจึงรู้สึกคล้ายกับกำลังต่อจิ๊กซอว์เพื่อแง้มดูภาพอนาคตของตัวเองอยู่อย่างไรอย่างนั้น

“เปล่า” พลับน้อยทำท่านึกแล้วนิ่งไปครู่ใหญ่ ทันทีที่หัวคิ้วคลายปม เด็กน้อยผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนก็เฉลยข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวเป็นครั้งแรก “พลับมีพ่อ มีป๊ะป๋า แล้วก็มีแดดดี๊ด้วย”

ร่างของกังฟูชาดิกทันทีที่ได้ยินคำตอบอย่างเต็มปากเต็มคำของเด็กชาย...
อะไรจะเหมือนกับที่เคยฝันครั้งที่เจอพี่พลายได้มากขนาดนี้?!!...
พี่พลายเองก็เคยบอกว่าตัวเองมีพ่อ มีป๊ะป๋า และมีแดดดี๊อยู่อีกคน


“โอ้โห!! ครอบครัวใหญ่จังเลยครับ มีคุณพ่อตั้งสามคน แถมยังมีพี่ชายอีกตั้งสองคนแหน่ะ” เต๋ออดชื่นชมไม่ได้... เพราะสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปนั้น คือ ครอบครัวในฝันที่เขาวาดหวังเอาไว้ไม่ผิดทีเดียว

“แล้วคุณแม่ไปไหนล่ะครับ?” ชายหนุ่มผมยาวชักจะสนใจกับครอบครัวของพลับน้อยไม่แพ้ชายหนุ่มอีกสองคน... เขาเอะใจถึงการไม่เอ่ยถึงมารดาของเด็กน้อยแม้สักครั้ง ทั้งๆที่แม่...ควรจะเป็นบุคคลแรกๆที่เด็กชายควรพูดถึงแท้ๆ  แต่เจ้าหนูกลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด  มือป้อมๆทั้งสองข้างนั้น คว้าแก้มเนียนใสของกังฟูเอาไว้ไม่ยอมปล่อยจนเจ้าของแก้มเอ่ยเสียงอู้อี้

“...อ๋า...จับแก้มพี่ฟูทำไมครับ?”

“นิ่ม นิ่ม...พลับชอบ...(จุ๊บ!!!!)....เอิ๊กกกกก...เหอะ เหอะ! / เฮ่ย!!!” เต๋อกับด้วงพร้อมใจกันประสานเสียงอุทานด้วยความตกใจ... เจ้าตัวเล็กทำอย่างนั้ันได้อย่างไร แก้มใสนั่นเป็นของ(พวก)เขานะ!!! แต่มีหรือที่เจ้าของแก้มจะสน... เพราะกังฟูเทใจให้เด็กชายไปเกือบทั้งดวงแล้ว  

“ฮะ ฮะ ฮะ...ไหน ขอพี่ฟูหอมแก้มพลับบ้างได้ไหมเอ่ย?” เด็กน้อยเอียงแก้มกลมๆมาให้กังฟูจูบฟัดอย่างง่ายดายไร้ลีลาหรืออัพค่าตัว “(ฟอดดดด!!)...อื้อหือ แก้มน้องพลับหอมจังเลยลูก พี่ฟูช๊อบชอบ!” กังฟูส่งยิ้มหวานสะท้านหัวใจไปให้เจ้าตัวป้อมในอ้อมอก จนสองหนุ่มแอบน้ำตาตกในที่ปล่อยให้เด็กน้อยปาดหน้าเค้กกินเชอรี่ด้านบนไปจนหมด

“พลับก็ชอบแก้มนิ่มนิ่ม” เด็กชายตัวน้อยออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน ซึ่งมันชักจะมากเกินไปแล้ว!!!

“พอ! พอเลย...มึง  เอ๊ย! ฟูไมต้องอุ้มพลับแล้ว” เต๋อเสนอตัวผลัดเวรอุ้มพลับน้อยแทนกังฟู  “เดี๋ยวพี่เต๋อพาเล่นเครื่องบินบรื้นๆดีไหมครับคนเก่ง?” หนุ่มร่างหมีปราดเข้าหาเด็กชายในวงแขนของพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยด้วยหวังจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะที่ควร...  

ต้องรีบป้องกันไม่ให้หนุ่มร่างเล็กตกเป็นอาหารของพลับน้อยไปเสียก่อน
เพราะเขานี่แหละ ที่จะได้สิทธิกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวกังฟูเป็นคนแรก!!


“เอา เอา...พลับชอบเล่นเครื่องบิน ป๊ะป๋าชอบเป็นเครื่องบินให้พลับเล่น” เจ้าตัวเล็กที่หลงกลกับดักลวงของเต๋อตบมือเปาะแปะด้วยความชอบอกชอบใจเสียยกใหญ่

“มา! งั้นมาหาพี่เต๋อเร๊ว เดี๋ยวพี่เต๋อพาเล่นเครื่องบินนะครับ” หนุ่มร่างหมียื่นมือทั้งสองข้างไปหาร่างป้อมๆในอ้อมกอดของกังฟู เจ้าหนูเริ่มจะยุกยิกเหมือนอยากโผเข้าหาชายหนุ่มตัวหนามากขึ้นเรื่อยๆ

“อย่าเพิ่งเลย...ให้น้องกินก่อนเถอะ ถึงร้านพอดี” แขนของเต๋อค้างอยู่กลางอากาศทันทีที่ประโยคเตือนสติของด้วงจบลง








“อ่ะโห! แผนการใช้น้องพลายเป็นตัวล่อนี่เวิร์คสุดๆไปเลยครับ...
.
...ไม่น่าเชื่อเลยว่าน้องพลายจะพาพี่ๆทั้งหมดกลับมาได้ในสภาพครบสามสิบสอง...
...แถมยังมีบรรยากาศอบอุ่นประหนึ่งครอบครัวตัวอย่างยังไงก็ไม่รู้” ภาพของสามหนุ่มกับเด็กน้อยตัวกลมที่เห็นผ่านบานกระจกใสที่ใช้แทนผนังด้านหน้าร้าน ทำให้สกลเอ่ยชื่นชมการแก้ปัญหาล่าสุดของแฝดทั้งสองออกมาด้วยความจริงใจ

ลำพังแค่ได้รู้ว่าน้องพลายจะกลายเป็นสมาชิกของครอบครัวกังฟูและเต๋อในอนาคต เขาก็อึ้งกิมกี่ไปรอบหนึ่ง...
แต่เขากลับยิ่งต้องทึ่งไปกันใหญ่ เมื่อเจ้าพ่อทั้งสองต่างบันดาลให้กุมารที่ไร้กายเนื้อ...มีรูปร่างและจับต้องร่างกายได้จริงๆ


“เอาล่ะพวกเรา... อย่าลืมนะว่าต้องทำให้เจ้าเต๋อกับเจ้าฟูเลิกตั้งแง่ใส่กันให้ได้” เจ้าพ่อห่อไหล่เตือนสติสมุนเลวทั้งหลายไม่ให้ตื่นเต้นกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่กำลังประสบอยู่...เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า จะได้เห็นเด็กในอนาคตข้างหน้ามาปรากฏกายให้เห็นกันตั้งแต่ตอนนี้

“สมุนเลวทั้งห้า...สู้เต็มที่นะ!!“ฌานให้กำลังใจเหล่าสหายผู้ร่วมฝ่าฟันเรื่องไม่คาดฝันทั้งหลายเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันตามประสาหัวหน้าทีมที่ดี ซึ่งลูกทีมที่ดูจะมีความสุขกับช่วงเวลานี้ที่สุด ก็กู่ร้องก้องรับนโยบายของแฝดพี่ด้วยน้ำเสียงแข็งขันไม่ต่างกันสักคน

เฮ่ย์!! / เฮ่ออออออออ!!” คงไม่ต้องบอกว่าเสียงแรกเป็นของใคร แต่ใบ้ให้ว่า...เสียงท้าย เป็นเสียงถอนหายใจของทุกคน ซึ่งแน่นอนว่า...ไม่ได้ออกมาจากปากของสกล คนเห็นผีแต่อย่างใด








“เฮีย! เฮียกลับมาแล้วเหรอ นี่เก็กกำลังจะชวนบูบู้ออกไปตามหาเฮียพอดี...แล้วเด็กนี่ใครอ่ะครับ?”  อดีตเดือนมหาลัยทำหน้าเป็นห่วงเป็นใยใส่พี่ชายทันทีที่อีกฝ่ายเดินกลับเข้าร้านมายังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่

“น้องชื่อพลับ... น้องคงพลัดหลงกับพ่อแม่...
.
...กู เอ๊ย! เฮียเลยพามาอยู่ด้วยจนกว่าพ่อแม่เค้าจะมาตาม” กังฟูอึกอัก เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาพูดจาสุภาพผิดปกติ ต่อหน้าคนที่ไม่สนิททั้งหลาย รวมทั้งน้องชายตนเอง

“อ่อ...งั้นเหรอเฮีย หน้าตาน่ารักดีเนอะ...ดูไปดูมาน้องหน้าเหมือนเฮียเลยอ่ะ” หลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ของพี่ชาย เก็กที่แอบเงิบไปวูบใหญ่ ก็สามารถกลับลำทำเฉไฉราวกับไม่ได้ยินน้ำเสียงและถ้อยคำวิเศษทั้งหลายได้อย่างรวดเร็ว  “นั่งก่อนเฮีย...เดี๋ยวเก็กไปเอาเก้าอี้เด็กมาให้” คนเป็นน้องกุลีกุจอจัดเก้าอี้ให้พี่ชายและรุ่นพี่อีกสองคน ทว่ากังฟูกลับห้ามเอาไว้เสียก่อน

“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวให้น้องนั่งตักเฮียก็ได้ เฮียจะได้ป้อนไอติมถนัดๆ” ประโยคสั้นๆเมื่อครู่ ทำให้เหล่าสมุนเลวทุกผู้...ล้วนแต่อ้าปากค้างไปพักใหญ่ๆ ฟากสกลที่ทนไม่ไหวก็เบี่ยงตัวก้มหัวต่ำเพื่อกระซิบกระซาบความในใจให้เพื่อนๆได้ยินโดยทั่วกัน

“ผมว่าถ้าไม่อยากให้ฟุตบอลนัดอุ่นเครื่องรอบสุดท้ายวันนี้ถูกยกเลิก...
.
...ทางที่ดี พวกเราควรรีบหาสาวบริสุทธิ์มาเตรียมปักตะไคร้เอาไว้แต่เนิ่นๆจะดีกว่านะครับ...
...ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ฝนคงตกลงมาห่าใหญ่ให้สมกับมุมอ่อนโยนประหนึ่งมารดาผู้อารีของคุณกรกฏที่คงจะไม่มีใครได้เห็นบ่อยนักอย่างเช่นในเวลานี้  ผมนี่อยากจะอัดคลิปเก็บเอาไว้ให้ลูกหลานได้ชื่นชมเป็นบุญตาเสียจริงๆ” สมุนทั้งห้าต่างพยักหน้าให้กันและกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนชายร่างหมีอดรนทนไม่ได้ จำต้องทลายแกงค์เถื่อนของรุ่นน้องทั้งห้าลงบัดเดี๋ยวนั้น      

“นั่นพวกนายซุบซิบอะไรกัน?” เต๋อถามอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงและวิธีพูดจาไม่ต่างจากที่ใช้พูดคุยกับเด็กชายเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา

“เช้ดดดดดด!! พี่เต๋อพูดเพราะทั้งที่ผีเจาะปากแกมาพูดตั้งแต่เกิดแท้ๆ...
...วันนี้วันสิ้นโลกแหงๆเลยครับสหาย!!!...
.
...เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมรับอาสาปักตะไคร้แทนเลยแล้วกันครับ เพราะดูท่าแล้ว...วาตภัย อุทกภัย อัคคีภัย และไม่น่าให้อภัยต้องไหลบ่ามารวมตัวกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งดั่งการเฉลิมฉลองให้เหตุการณ์อันน่าจดจำทั้งสองเอย่างในวันนี้แน่นอนครับ” สกลยังคงเมาท์น้ำไหลไฟดับตับปลิ้น

แฝดพี่เห็นท่าไม่ดีด้วยการนินทาระยะเผาขนในครั้งนี้ อาจมีผลกระทบต่อแผนฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเต๋อกับกังฟูได้  
ชายหนุ่มจึงปรายตามองสกลดุๆ ตามด้วยประโยคเตือนสติ

“ชู่ว์! สกล...อย่าเล่นจนลืมหน้าที่สิ!!” คนฟังผู้ถูกพาดพิงทำท่าตะเบ๊ะเพื่อรับคำสั่งล่าสุด ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉยไร้อารมณ์เพื่อหันกลับไปคุยกับหนุ่มรุ่นพี่ร่างหมีที่กำลังรอคำตอบอย่างจดจ่อ

“เปล่าครับพี่เต๋อ คือพวกผมกำลังปรึกษากันว่าจะสั่งไอติมอะไรมากินกันดีน่ะครับ...
.
...พื้นระทวย กล้วยแยกกัน หรือวันอาทิตย์...
...โอย แค่ดูเมนูผมก็ตาลาย ไม่รู้จะกินอะไรดีอะครับ อะเหอ เหอ เหอ” หนุ่มหน้าแว่นแสร้งอ่านชื่อเมนูเด็ดดวงของร้านประกอบการแสดงบังหน้าเมื่อครู่   ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเชื่อไหม...ไม่ใช่อะไร ก็เมนูไอติมของร้านนี้ มีอยู่แค่ไม่กี่บรรทัดเท่านั้น

“พี่เต๋อจะกินอะไรครับ เดี๋ยวผมจดให้” บ๊วยถามพี่รหัสอย่างรวดเร็วเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่าย ซึ่งชายร่างหมีก็หันไปหาหนุ่มรุ่นพี่อีกสองคนที่นั่งดูเมนูมาได้สักพัก

“ฟู...ด้วง จะกินอะไร? น้องมันจะได้สั่งทีเดียว”

“พี่เอากล้วยแยกกันแล้วกันนะครับ... ฟู กินด้วยกันนะ ฟูชอบกินกล้วยใช่ไหม?” ด้วงตอบด้วยการข่มหนุ่มร่างหมีที่ไม่รู้ข้อมูลเบ็ดเตล็ดของกังฟูดีเท่าตัวเขา และการยั่วเย้าของด้วงก็ทำให้หมีตกบ่วงได้ไม่ยากนัก

“บ๊วย! พี่เอาเหมือนด้วง แต่บอกเขาให้เพิ่มกล้วยกับวิปครีมให้พี่หน่อยนะ” เต๋อสั่งเสียงดังฟังชัด...ในเมื่อวัดกันด้วยกำลังกายไม่ได้ ใช้การสั่งไอติมเข้าสู้ก็ดูจะเป็นการแข่งขันที่ไม่เลวเท่าไร

“อ่อ...เอ้อ ครับ ได้ครับพี่เต๋อ” ชายกลางจดออร์เดอร์ของรุ่นพี่ทั้งสองด้วยความงุนงงสงกา ด้วยไม่รู้ว่าสีหน้าแปลกประหลาดที่พี่รหัสตนเองกำลังทำอยู่นั้น เกิดจากความรู้สึกนึกคิดแบบใดกันหนอ?!

“น้องพลับล่ะครับ อยากกินติมไรเอ่ย...ชี้เลย ชี้เลย” กังฟูเลื่อนเมนูที่มีรูปภาพไปให้เจ้าตัวป้อมที่นั่งนิ่งๆอยู่บนตักเลือกสิ่งที่ต้องการ

“นี่ นี่..พลับจะกินนี่... พลายกับพลุก็ชอบ” เจ้าตัวเล็กวางนิ้วลงบนรูปที่ใหญ่ที่สุดในเมนูทันทีไม่มีลังเล แต่ชายหนุ่มร่างเล็กกลับตกใจใช่ย่อยเมื่อเห็นความต้องการของพลับน้อย

“โอ้โห! ไอติมตั้งเก้าลูก...น้องพลับจะกินไหวเหรอครับ?”

“ก็กินกันหมดนี่เลยไง...คนนี้  คนนี้...แก้มนิ่มนิ่ม แล้วก็พลับ...กินกันหมดนี่แหละ” เจ้าตัวเล็กชี้นิ้วผ่านด้วง เต๋อ และกังฟู ก่อนจะวกกลับมาที่ตัวเองแทนคำสั่งกลายๆ ซึ่งท่าทางน่ารักเมื่อครู่ถือเป็นท่าไม้ตายที่ทำให้กังฟูยอมศิโรราบให้กับพลับน้อยโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

“เอ่อ...ได้ครับ เดี๋ยวพี่ฟูสั่งให้นะ” กังฟูรับคำกับเจ้าตัวเล็กด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวาน แต่เมื่อหันไปสั่งไอติมที่ต้องการกับชายกลาง แม้จะไม่ได้ใช้คำหยาบคายอย่างที่ทำเป็นประจำ ทว่าชายหนุ่มร่างเล็กก็ไม่ลืมวางเสียงกระด้างใส่อีกฝ่ายให้ต้องชอกช้ำกับการเลือกปฏิบัติอย่างออกนอกหน้าของเจ้าตัว  “บูบู้! เฮียเอาพื้นระทวย  แล้วก็ออเดอร์ของสองคนเนี่ยะ ไม่เอาแล้วนะ...เดี๋ยวกินไม่หมด เสียดายของ”

“บ๊ะ!! อะไรจะมีคุณสมบัติของศรีภรรยาผู้เห็นค่าของกินขนาดนี้...
.
...พี่ฌานมีตะไคร้แห้งติดย่ามมาด้วยเปล่าครับ? เห็นทีว่าต้องใช้แน่ๆแล้วล่ะ” สกลยังคงเมาท์แบบไม่แตะเบรค จนแฝดทั้งสองต้องร้องห้าม

“สกล!!!

“เดี๋ยวผมไปสั่งไอติมให้ก่อนนะครับ” พูดจบบ๊วยก็ลุกออกจากโต๊ะไป... แต่ต้องไม่ลืมว่า มีผู้รอคอยโอกาสจะได้ใช้เวลากับชายกลางผู้นี้อย่างขมักเขม้น

“บูบู้ครับ...เค้าไปด้วย” เก็กดีดตัวลุกขึ้นเดินตามร่างผอมของบ๊วยไปที่เคาน์เตอร์ทันที ทำให้คนเป็นพี่จำต้องนั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เงียบๆเพราะไม่อยากให้พลับน้อยต้องร้องไห้อีกครั้ง  แต่หลังจากที่สองหนุ่มหายไปคุยกับเจ้าของร้านได้ครู่เดียว ทัพหนุนที่กังฟูมองหา ก็มาปรากฏกายอยู่ด้านหลังราวกับสั่งได้   

“พี่ด้วง...ขอผมนั่งกินไอติมด้วยคนได้ไหมครับ?” อิ๊กที่ไม่รู้โผล่มาจากหลืบไหนเดินเข้ามาถามไถ่ความสมัครใจของหนึ่งในสมาชิกบนโต๊ะใหญ่โต๊ะนี้  แต่ก่อนที่จะถูกปฏิเสธ...ชายหนุ่มก็รีบอธิบายเหตุผลของตนออกมาอย่างเร็วรี่ “พอดี...เพื่อนผมกลับกันไปหมดแล้ว ผมไม่อยากนั่งกินไอติมคนเดียวน่ะครับ”

“หึ! ก็เอาสิ...นั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวเก็กมันก็กลับมาแล้วล่ะ” กังฟูชิงตอบแทนด้วงที่ยังจับต้นชนปลายเดาความหมายที่ซ่อนอยู่ของคำชวนเมื่อครู่ไม่ออก... ส่วนคนที่เดาเรื่องทั้งหมดได้กระจ่างตั้งแต่เห็นสายตาแวววาวของกังฟู ก็ป้องปากเข้าที่ข้างหูของเพื่อนสนิทเพื่อขออนุญาตทันที

“อูย! งานเข้าบูบู้จังเบ้อเร่อเลยครับ...
.
...พี่ฌาน ผมขอส่งใบลาไปหาซื้อตะไคร้มาปักกันพายุหึงหวงห่าใหญ่เลยได้ไหมครับ?” สกลอ้อนวอนด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนจนฌานอ่อนใจ

“แว่นนนน! อย่าชิ่ง!!!

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะครับ?...
...จะรอให้ถ่านไฟเก่าสปาร์คใส่คุณธันวาอีกรอบ แล้วเขี่ยเพื่อนบูบู้ของเราตกขอบไปก่อนหรือไงล่ะครับพี่ฌาน?” สกลถามเพื่อนจอมวางแผนด้วยสีหน้าตระหนก ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าพ่อทั้งสองที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านสายตาเป็นห่วงเป็นใย  ทว่าคำตอบที่องค์เทวบุตรมอบให้...ทำสมุนเลวที่เหลืออยู่ทั้งหลาย ต่างกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหนืดและฝืดเคืองดีแท้


<< พวกเจ้าอย่ามองข้าสองตนด้วยสายตาอ้อนวอนแบบนั้นสิ <<

<< ลำพังแค่ช่วยเนรมิตรให้เจ้ากุมารคงกายเนื้ออยู่ได้จนถึงตอนนี้ พลังวัตรของข้ากับเบ๊บก็แทบจะหมดสิ้น <<

<< สำหรับเจ้าหนุ่มหน้าหวานนี่...พวกเจ้าต้องหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันเอาเองแล้วล่ะ <<





Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ



No comments:

Post a Comment