ไม่อยากจะบอกเลยว่า
เรื่องนี้ดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว...
อีกไม่เกินสามตอน...นิยายประหลาดและชวนงงจนบิดไส้คนอ่านไปหลายต่อหลายรอบเรื่องนี้
ก็จะดำเนินมาถึงจุดจบแล้วล่ะค่ะ
วะฮ่า ฮ่า
ตอนนี้มีฉากวาบหวามเบาๆ
เพราะเราไม่เน้นอารมณ์ใดๆนอกจากหน่วงหัวใจในนิยายเรื่องนี้
(นี่มันดีแล้วใช่ไหม?
แล้วจะเหลือคนอ่านที่ไหนอยู่เป็นกำลังใจให้เราบ้างล่ะนี่?!)
อย่างไรก็ดี หากพบคำผิดหรือประโยคไม่เข้าท่าใดๆ
ได้โปรดชี้แนะและด่าได้ตามแต่ใจเลยนะคะ
ขออภัยเป็นอย่างสูงล่วงหน้าค่ะ
& รักคนอ่านทุกท่านอย่างแรงเลยค่ะ
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
#11
“...อ๊ะ!.. พี่กัลป์?!”
เสียงอุทานด้วยความตกใจของจ้าถูกเปล่งออกจากริมฝีปากบางทันทีที่เจ้าของรู้สึกตัว
เด็กหนุ่มไม่ทันได้เตรียมใจกับการตื่นขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าหล่อเหลาของกัลป์อยู่ใกล้ๆ...
ทำไมทั้งอีกฝ่ายถึงได้มานอนกอดเขาเอาไว้แบบนี้?
ซึ่งน้ำเสียงเมื่อครู่
พร้อมกับการขยับพลิกตัวอย่างกะทันหันของเด็กหนุ่ม
ปลุกให้กัลปพฤกษ์จำต้องตื่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“...ฮื่มมมม...
ตื่นแล้วเหรอ?”
ชายหนุ่มรุ่นพี่ครางด้วยน้ำเสียงงัวเงียหากแต่ไม่คลายวงแขนที่โอบรอบเรือนร่างแบบบางของอีกฝ่าย
แต่เมื่อเห็นหน้าตาเหรอหราของจ้า
อาจารย์หนุ่มก็รีบอธิบายเบื้องหลังของสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนชวนให้หวามใจที่เกิดขึ้นในตอนนี้ออกมาโดยไม่รอช้า
“ขอโทษทีครับที่พี่ถือวิสาสะเข้ามานอนด้วย...
.
...เมื่อคืนจ้าคงฝันร้าย...
...พี่ได้ยินเสียงจ้าละเมอเลยรีบเข้ามาดู
ใจนึงก็คิดจะปลุก...แต่กลัวว่าจ้าจะนอนไม่หลับไปทั้งคืน...
...ครั้นจะปล่อยให้นอนคนเดียว...ก็ไม่วางใจ
สุดท้ายพอพี่กอดจ้าเอาไว้ จ้าก็ไม่ละเมออีกเลย” ตัวการก่อเรื่องวุ่นวายทั้งหมดมีสีหน้าลำบากใจหลังจากได้รับฟังคำอธิบายยาวยืดของกัลป์
“ขอโทษครับพี่กัลป์ที่ทำให้พี่กัลป์ต้องลำบาก”
รุ่งรวีเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่อยู่ในใจออกมาด้วยเสียงแผ่ว
ทว่าท่าทาง คำพูด กอปรกับน้ำเสียงที่ร่างบางใช้ กลับทำให้เจ้าของวงแขนอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อถึงกับอมยิ้ม
“พี่ลำบากที่ไหนกันจ้า...
พี่ดีใจเสียอีก ที่ได้นอนกอดจ้าทั้งคืนน่ะ”
“........” จ้าเผลอเบิกตาโตกับประโยคเมื่อครู่ของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนหมาดๆของตัวเอง
ด้วยไม่นึกว่า...อีกฝ่ายจะกล้าเปิดเผยความต้องการในใจออกมาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
“หึ
หึ...ขอโทษที่ทำให้เขินนะ พอดีพี่ชอบพูดตรงๆน่ะ โดยเฉพาะกับคนที่พี่ ‘รัก’”
กัลป์จงใจเน้นย้ำความรู้สึกของตนราวกับต้องการให้ความหมายของมันฝังลึกเข้าไปในหัวใจของอีกฝ่าย
ทันทีที่เห็นใบหน้าขาวนวลหวานซึ้งของจ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
ชายหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่องเพื่อบรรเทาอาการเอียงอายของอีกฝ่ายให้ทุเลาลงก่อนที่ความเงียบจะทำให้บรรยากาศอึดอัดไปมากกว่านี้
“ไหนคนเก่ง
ขอพี่ดูแผลหน่อยสิครับ ต้องไปหาหมอหรือเปล่า?” อาจารย์หนุ่มจับปลายคางของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาเพื่อบังคับให้ดวงหน้าอีกฝั่งของจ้าเบือนกลับมาให้พิจารณาได้อย่างเต็มตา
“ไม่ต้องไปหาหมอหรอกครับ
แค่ทายาเหมือนเมื่อคืนกับกินยาแก้อักเสบสักสามสี่วัน เดี่ยวก็หายแล้ว” จ้าบอกปัดเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายลำบาก
“ถ้างั้น
รอดูอาการเย็นนี้ก่อนแล้วกัน ถ้าจ้ายังไม่ดีขึ้น ...พี่จะพาจ้าไปหาหมอนะครับ” กัลป์ยอมตามใจเพราะรอยแผลเมื่อวานเริ่มจะจางจนแทบมองไม่เห็น
แถมยังไม่มีไข้พ่วงมาทำให้หนักใจอย่างที่กังวลเอาไว้สักนิด
“ครับ
เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มรับปากด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ เขาเพิ่งตระหนักว่า
ตลอดเวลาที่คุยกับกัลป์
อีกฝ่ายไม่ได้คลายวงแขนปล่อยให้ร่างกายของเขาเป็นอิสระแม้แต่น้อย
“เอ่อ..พี่กัลป์ปล่อยจ้าเถอะครับ จ้าจะได้ไปอาบน้ำ” จ้าส่งสายตาวิงวอนเพื่อขอความร่วมมือ
“ปล่อยก็ได้ครับ
แต่ขอพี่ชื่นใจสักครั้งนะ” คนพูดอาศัยจังหวะที่คนฟังกำลังตั้งสติและคิดตาม
ทำรุ่มร่ามด้วยการกดจมูกลงดอมดมกลิ่นหอมของปรางใสโดยไม่ได้รอคำอนุญาต
“...ฮื่อออ...
พี่กัลป์ ปล่อยได้แล้วครับ” นอกจากการฉวยโอกาสของชายหนุ่มจะเรียกเสียงตัดพ้ออย่างน่ารักของรุ่งรวีได้เป็นอย่างดีแล้ว
ยังพาลทำให้เขายิ้มกว้างยิ่งไปกว่าเช้าวันไหนได้อีกด้วย
“จ้า...
เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ?” อาจารย์หนุ่มผู้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยระหว่างทางไปมหาวิทยาลัยของทั้งคู่เอ่ยถามเจ้าของนัยน์ตาโศกที่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างๆอย่างใจลอย
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกครับพี่กัลป์
จ้าแค่กำลังคิดอะไรนิดหน่อย” เด็กหนุ่มพยายามตัดบท แต่อีกฝ่ายกลับใคร่ครวญถึงสาเหตุของความวิตกกังวลของจ้าโดยละเอียด
จะต้องมีบางอย่างที่ค้างคาใจรุ่งรวีอยู่แน่ๆ...
และขืนเขารอให้ร่างบางปริปาก
เรื่องเล็กๆ อาจบานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ในภายหลัง
“กังวลเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่าคนดีของพี่?”
กัลป์ละสายตาจากท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถยนต์เพื่อเหลือบมองใบหน้านวลของตุ๊กตาหน้ารถคนข้างๆ
“เรื่องลุงเหรอ?”
“นั่นก็นิดหน่อยครับ”
ความเรียบเฉยของน้ำเสียง
และอารมณ์ที่จ้าแสดงออกมาหลังได้ยินการเดาสุ่มของเขา
ยืนยันว่า
ญาติผู้ใหญ่ ไม่ใช่หัวข้อหลักตามที่อีกฝ่ายเฉลย...
หน้าตาไม่สบอารมณ์เหมือนเด็กโดนพ่อแม่บังคับให้ไปโรงเรียนเพราะไม่อยากโดนแกล้งแบบนี้
จะต้องเป็นเรื่องอื่นแน่ๆ...
เดี๋ยวนะ...
โดนเพื่อนแกล้งเหรอ?
“ถ้าไม่ใช่เรื่องลุง
ก็ต้องเป็นเรื่องข่าวลือนั่นใช่ไหม?” อาการผงะโดยไม่เอื้อนเอ่ยประโยคใดๆของเด็กหนุ่มทำให้กัลป์ยิ่งแน่ใจ
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นจริงล่ะก็
ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เดี๋ยวพี่จะจัดการให้เอง...
.
...อย่าลืมสิว่า
แฟนจ้าน่ะเป็นถึงอาจารย์สอนภาควิชาคอมพิวเตอร์เลยเชียวน้า” กัลป์เย้ายิ้มๆ แต่คนฟังกลับนิ่วหน้า
“ลำบากพี่กัลป์หรือเปล่าครับ?”
รุ่งรวีถามอีกฝ่ายด้วยความเกรงใจจนชายหนุ่มต้องละมือซ้ายจะพวงมาลัยชั่วคราว
เพื่อเอื้อมมายีผมนุ่มนิ่มของร่างบางด้วยความเอ็นดู
“หึ
หึ...อย่าห่วงไปเลยจ้า เรื่องนี้แก้ง่ายมาก เผลอๆใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ” คนอาสาให้ความช่วยเหลือรับรองหนักแน่น
กัลป์นิ่งไปครู่หนึ่งเนื่องจากนึกขึ้นได้ว่า
ปัญหาของจ้ายังไม่หมดเพียงเท่านี้
ชายหนุ่มจึงปรับน้ำเสียงและท่าทีให้ดูจริงจังก่อนจะเปิดประเด็นที่เขาเป็นห่วงเกี่ยวกับรุ่งรวีไม่น้อยไปกว่าเรื่องของลุง
หรือเรื่องคาวๆที่มหาวิทยาลัย
“จ้าครับ...พี่มีเรื่องจะแนะนำ”
“อะไรเหรอครับพี่กัลป์?”
เด็กหนุ่มถามซื่อๆ
“พี่ว่าจ้าเปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่ดีไหม?”
สีหน้างุนงงของจ้าทำให้กัลป์รีบออกตัว “อย่าโกรธพี่นะ...
คือ...เมื่อคืนพี่รับสายตอนเที่ยงคืนให้จ้าน่ะ”
“พี่กัลป์รับสายพี่หรั่งเหรอครับ?”
รุ่งรวีถามคนขับด้วยน้ำเสียงตระหนก
ซึ่งรอยยิ้มเจื่อนๆของกัลป์ก็ตอบคำถามของเขาได้อย่างจะแจ้ง
“ไม่ต้องห่วงนะจ้า
ปลายสายไม่ได้พูดอะไรกับพี่หรอก” กัลป์เสริมเพื่อปลอบให้อีกฝ่ายสบายใจ
ทว่าคนฟังได้แต่นั่งอึ้งเมื่อหวนระลึกได้ว่า พักนี้ชีวิตของเขามีแต่ปัญหาประดังประเดเข้ามาร้อยแปด
“พี่อยากให้จ้าลองเปลี่ยนเบอร์ดูน่ะ
เผื่อว่าเรื่องทั้งหมดมันจะได้จบๆไปเสียที...
.
...หรือถ้ามานะยังจะโทรหาจ้าได้อยู่อีก
พี่ก็จะยอมรับเหตุผลตามหลักไสยศาสตร์ที่จ้าบอกพี่ได้ไม่ยากนักยังไงล่ะ” กัลป์อธิบาย
ชายหนุ่มพยายามหว่านล้อมให้อีกฝ่ายแก้ปัญหาเรื้อรังข้อนี้ให้เด็ดขาด
แน่นอนว่า...หากจ้าเปลี่ยนหมายเลขติดต่อเป็นเบอร์ใหม่
ใครก็ตามที่ประสงค์ร้ายกับเจ้าตัว
ย่อมไม่อาจข่มขวัญของจ้าได้อีกต่อไป
ทว่าท่าทีลังเลของรุ่งรวีกลับทำให้กัลป์ไม่มั่นใจว่า
คำแนะนำของเขาจะได้รับการตอบสนอง
“...เอ่อ...
คือ...” เด็กหนุ่มลอบกลืนน้ำลายก่อนจะแย้มพรายข้อมูลสำคัญให้อีกฝ่ายรับฟัง “จ้าเป็นห่วงลุงน่ะครับ
ถ้าจ้าเปลี่ยนเบอร์กะทันหัน ลุงอาจจะติดต่อจ้าไม่ได้ก็ได้”
“อืม ถ้างั้นปิดโทรศัพท์หลังจากเข้านอนเป็นไง?...
.
...แค่ไม่รับสาย จ้าก็ไม่ต้องคิดมากให้เสียสุขภาพจิต
แถมยังไม่ต้องกังวลจนนอนไม่หลับอีก...
...ดีไหมครับ?”
กัลป์ยังไม่ย่นย่อท้อใจ ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่ลดราให้เช่นกัน
“ขอจ้าคิดดูก่อนนะครับว่าจะเป็นไปได้ไหม...
.
...คือ...บางทีลุงอาจจะอยากให้จ้าไปหาตอนกลางดึกน่ะครับ”
ร่างบางสองใจ...
เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้
จริงอยู่ว่าคำแนะนำของกัลป์ที่สะท้อนให้เขาเล็งเห็นความห่วงใยและเอาใจใส่ในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ตัวเขาหลงลืมไปชั่วครั้งคราว
น่าจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ...
แม้จะรู้ดีว่า
การปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังต่อไป จะก่อให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพกาย
สุขภาพจิตของเขามากเพียงใด
ถึงอย่างนั้น...ถ้าให้ตัดมานะออกไปจากสารบบโดยไม่ได้เตรียมใจ
เขาก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
“ก็ได้ครับ...เพราะไม่ว่ายังไง
พี่ก็ตามใจจ้าอยู่ดีแหละ...
.
...ที่พี่แนะนำเพราะว่าเป็นห่วง
พี่ไม่อยากให้จ้านอนไม่หลับอีก...
...แต่ถ้าทำแล้วจ้าไม่สะดวกใจ...จ้าก็ทำตามแต่ที่สบายใจเถอะครับ” กัลป์พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
เขาไม่คิดจะคาดคั้นให้จ้าทำตามใจตัวเองอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มนั่งนิ่งไปชั่วอึดใจหลังจากรับฟังบทสรุปของแฟนหมาดๆของตน...
จากนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับประเด็นล่าสุดที่เขาอดเป็นห่วงไม่ได้
“เอ่อ...พี่กัลป์ครับ
หลังจากนี้พี่กัลป์จะยังจ้างจ้าทำความสะอาดบ้านอยู่หรือเปล่าครับ?” จริงอยู่
แม้เขาจะเป็นแฟนกับกัลป์ แต่เรื่อปากท้องก็ยังคงเป็นเรื่องต้องกังวลอันดับต้นๆอยู่ดี
และดูท่าทีว่าอีกฝ่ายน่าจะอยากเข้ามาให้การช่วยเหลือเขาเต็มแก่...ซึ่งนั่นไม่ดีแน่
“หึ หึ
หึ...โธ่ เด็กหนอเด็ก...
.
...คิดว่าพอเป็นแฟนพี่แล้วพี่จะปลดออกจากงานังั้นเหรอ?”
เมื่อชายหนุ่มเหลือบมองใบหน้าของอีกฝ่าย สายตาของจ้าก็ฟ้องชัดว่า
เด็กหนุ่มคาดการณ์ไปแบบที่เขาเอ่ยอย่างติดตลกไปเมื่อครู่
“เอาจริงๆพี่ก็ไม่อยากให้จ้าทำงานงกๆจนไม่ได้ทบทวนหนังสือหนังหาสักเท่าไรหรอก”
กัลป์เอ่ยเสียงอ่อนด้วยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
ใช่...เขาไม่ได้อยากให้จ้าต้องมาลำบากทำอะไรเกินตัวแบบนี้อยู่เป็นทุนเดิม
แต่การงอมืองอเท้าเสวยสุขคงไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการ
“แต่พี่มาลองคิดๆดู...
...ถ้าพี่ขอให้จ้าอยู่เฉยๆ
แล้วรับเงินจากพี่อย่างเดียว จ้าก็คงจะไม่สบายใจแน่ๆ...
...แต่ถ้าให้พี่ทำใจปล่อยให้จ้าไปทำงานกับคนอื่น
แล้วต้องมารู้ทีหลังว่าจ้าถูกคนอื่นเอาเปรียบ...
...สู้พี่จ้างจ้าให้ทำงานกับพี่เหมือนเดิม...แต่อู้บ้างตามความพอใจของเจ้านายและแฟนอย่างพี่ไม่ดีกว่าเหรอ?”
สภาพการจราจรที่สาหัสจนน่าหงุดหงิดไม่อาจลบรอยยิ้มกว้างอัดแน่นไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนที่ระบายอยู่บนใบหน้าของกัลป์ในยามนี้ได้
ซึ่งผลของรอยยิ้มพิมพ์ใจนั้น
ทำให้คนฟังบ่นหงุงหงิงแค่พอเป็นพิธีผิดจากที่ตั้งใจเอาไว้ไปหลายโยชน์
“พี่กัลป์ก็อย่าชวนจ้าอู้บ่อยๆสิครับ
จ้าไม่อยากเอาเปรียบพี่กัลป์สักหน่อย”
“เอาเปรียบพี่เถอะนะจ้า
เอาเปรียบพี่ให้หนักๆเลย...
...พี่จะได้ขอรางวัลให้ชื่นใจเป็นการตอบแทนค่าที่จ้าหยุดงานบ่อยๆไง...
.
...จ้าว่าดีไหมครับ?”
อาจารย์หนุ่มว่าพลางยื่นใบหน้าเจ้าชู้เข้ามาใกล้กับหน้านวลของคนฟังที่แก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงปลั่งแบบทันใจ
เด็กหนุ่มผู้วางหน้าไม่ถูกกลับไพล่ไปตอบในสิ่งที่กัลป์ไม่อยากได้ยินที่สุด
“ไม่ดีหรอกครับ...จ้ายอมทำงานให้คุ้มค่าจ้างของพี่กัลป์ดีกว่า”
“โธ่จ้า! จ้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?
ถ้าจ้าใจแข็งกับพี่จริงๆ พี่จะไม่เหี่ยวแห้งตายกันพอดีเหรอครับ?...
.
...ไม่เห็นใจพี่หน่อยหรือครับคนดี?...
...พี่แอบรักจ้าข้างเดียวมาตั้งนาน
พอได้เป็นแฟนกัน พี่ก็อยากจะชื่นชมเด็กดีของพี่ให้ชื่นใจสักที”
ชายหนุ่มหยอดรุ่งรวีด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานที่ชวนให้คนฟังร้อยทั้งร้อยใจสั่นเคลิ้มตามไปได้ง่ายๆ...
นับประสาอะไรกับหัวใจอ่อนๆของจ้าที่หวั่นไหวกับการกระทำทุกๆอย่างที่ผ่านมาของกัลป์อยู่ไม่น้อย
ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้เอื้อนเอ่ยประโยคใดๆตอบกลับไป
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือของจ้าก็ทำให้บทสนทนาของทั้งคู่สะดุดลงทันที
สายตาที่กวาดมองชื่อของคนปลายสายทำให้จ้าออกอาการลังเลอย่างเห็นได้ชัด...
เขาไม่อยากเสียมารยาทด้วยการคุยโทรศัพท์กับรักษ์ต่อหน้ากัลป์
ที่สำคัญ...คงไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองต้องมาเห็นว่า
ตัวเขาโกหกพกลมได้เก่งกาจขนาดไหน
ท่าทางสองจิตสองใจระคนเกรงๆของจ้าทำให้กัลป์อดขำไม่ได้...
ดูทำหน้าทำตาเข้าสิ
อย่างกับว่าคนที่โทรมาเป็นเจ้าหนี้อย่างนั้นแหละ
“จ้ารับสายเถอะครับ
ไม่ต้องเกรงใจพี่... เผื่อว่าคนโทรมาจะมีเรื่องด่วน”
“ครับ ครับ” พอกัลป์กระตุ้น
เด็กหนุ่มจึงกดรับสายของรักษ์ทันที “ครับพี่รักษ์”
((จ้า!! จ้าอยู่ที่ไหนครับ? พี่มารออยู่นานแล้วนะ...
ยังไม่ตื่นเหรอ?))
สุ้มเสียงตกอกตกใจและเป็นห่วงอย่างออกนอกหน้าของคนปลายสายดังก้องไปทั้งรถ
แม้ไม่ได้ตั้งใจฟัง
แต่กัลป์กลับได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน...
หรือเขาจะคิดผิดที่สนับสนุนให้เด็กหนุ่มพูดสายกับใครคนนั้น?!
“ปละ...ปละ
เปล่าครับ” ใบหน้าซีดเผือด และน้ำเสียงตะกุกตะกักของรุ่งรวีช่วยยืนยันความกังวลของกัลป์ได้ดียิ่งไปกว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ของคนปลายสาย
((แล้วจ้าอยู่ที่ไหนครับ?
อยากให้พี่ไปรับไหม?)) ข้อเสนอของรักษ์ทำให้จ้าจำเป็นต้องโกหกต่อหน้าต่อตากัลป์อย่างช่วยไม่ได้
“เอ่อ
คือ...จ้าอยู่กับเพื่อนน่ะครับ พอดีเมื่อคืนจ้ามีเรื่องผิดใจกับลุงนิดหน่อย
จ้าเลยออกมานอนข้างนอก” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อยพลางเสหลบสายตาคมของกัลป์ที่ชำเลืองมองมาเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว
((แล้วนี่ปลอดภัยดีหรือเปล่า?
ลุงทำอะไรจ้าไหมครับ?)) ปลายสายดูจะเป็นห่วงจ้าไปกันใหญ่หลังจากได้ยินคำลุงหลุดออกจากปากเด็กหนุ่ม
ทว่าจ้ากลับไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายฟุ้งซ่านจนบานปลาย
“จ้าโอเคครับพี่รักษ์
พี่รักษ์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
((ได้ยินอย่างนั้นพี่ก็สบายใจครับ))
“งั้นจ้าวางสายก่อนนะครับ” รุ่งรวีพยายามตัดบท...
ยิ่งบทสนทนายืดเยื้อมากเท่าไร เขาก็อาจเผลอแสดงธาตุแท้ที่ไม่พึงประสงค์ออกมาให้กัลป์ได้เห็นมากเท่านั้น
แต่ดูเหมือนคนปลายสายจะไม่คิดเช่นกัน
((เดี๋ยวก่อนสิจ้า...
จ้ายังไม่ลืมว่าเสาร์อาทิตย์นี้จ้ามีนัดกับพี่โอ๊ตใช่ไหมครับ?)) รักษ์ทวงถามด้วยน้ำเสียงเว้าวอนจนจ้าต้องยอมอ่อนให้อีกครั้ง
“...ครับ....ไม่ลืมครับ”
((ถ้าจ้าตัดสินใจได้ว่าจะไปวันไหน
แล้วจะให้พี่ไปรับกี่โมง...รับที่ไหน จ้าอย่าลืมโทรหาพี่นะครับ)) ปลายสายย้ำความประสงค์ของตัวเองอย่างชัดแจ้ง
ซึ่งคนฟังทั้งสองกลับมีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป
เมื่อได้ยินดังนั้น...คนขับรถก็เผลอกำพวงมาลัยรถยนต์คันหรูของตนแน่นจนข้อนิ้วมือขึ้นสีขาว
ในขณะที่แววตาของเด็กหนุ่มฉายให้เห็นความวุ่นวายใจเป็นที่สุด
“แป๊บนึงนะครับพี่รักษ์
เดี๋ยวจ้าโทรกลับ”
((ก็ได้ครับ))
รักษ์จำใจยอมทำตามความต้องการของจ้าอย่างเสียไม่ได้
ตำรวจหนุ่มปลุกปลอบกำลังใจของตัวเองว่า...จ้าคงต้องรับสายด่วนสายอื่น
หารู้ไม่...คนตัดสายเพียงแค่ต้องการคำอนุญาตจากเจ้านายและแฟนหนุ่มเกี่ยวกับนัดที่เลี่ยงไม่ได้ครั้งนี้ก่อนที่จะตบปากรับคำกับรักษ์ในรายละเอียดต่างหาก
“เอ่อ...
พี่กัลป์ครับ”
“หืมมมม
ว่าไงครับคนดี?” อาจารย์หนุ่มรูปหล่อรีบปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติก่อนที่จะกล่าวประโยคเมื่อครู่
พลางลอบถอนหายใจระบายความขุ่นข้องหมองใจให้เหือดหายไปโดยเร็ว
“ถ้าจ้าจะขอลางานวันพรุ่งนี้จะได้ไหมครับ?”
จ้าอ้อมแอ้ม
“จ้ามีธุระเหรอ?”
กัลป์ถามเสียงนุ่ม... ถึงเขาจะไม่พอใจ แต่ครั้นจะให้แสดงอาการหึงหวงจนเกินพอดี
คงทำให้คนกลางอย่างรุ่งรวีกระอักกระอ่วนได้ไม่น้อย
“คืออย่างนี้ครับ...
.
...พี่รักษ์...
...เอ่อ...คนที่จ้าเคยเล่าให้พี่กัลป์ฟังว่าสนิทกับลุงน่ะครับ...
.
...พอดีเพื่อนพี่เขาที่เป็นจิตแพทย์อยากจะคุยกับจ้านิดหน่อย
จ้าก็เลยจะขอลางานไปหาพี่เขาน่ะครับ” เจ้าของนัยน์ตาโศกอธิบายกระท่อนกระแท่น ทว่าคนฟังกลับตาเป็นประกาย
“ถ้างั้นก็ชวนมาที่บ้านเราสิ
จ้าจะได้ไม่ต้องเดินทางออกไปหาคุณหมอให้เหนื่อย...
.
...อีกอย่าง พี่จะได้ทำความรู้จักเอาไว้ด้วย...
...พี่อยากเห็นหน้าคนใจดีที่ช่วยเหลือลุงกับแฟนพี่มานานแล้วล่ะ”
เรื่องอะไรที่กัลป์จะปล่อยโอกาสในการทำความรู้จักกับผู้ชายคนเมื่อครู่ที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็บอกได้ว่า
ฝั่งนั้นดูจะห่วงใยจ้าเกินกว่ารุ่นพี่ใจดีผู้มีน้ำใจกับลุงของเด็กหนุ่มไปมากโข
“จะดีเหรอครับ?...จ้าเกรงใจพี่กัลป์จัง”
รุ่งรวืทำหน้ายุ่งยากใจ...
ความไม่ประสีประสาในเรื่องความรักทำให้เด็กหนุ่มดีใจ
แต่ก็ไม่วายสับสน
ทำไมกัลป์ถึงได้ดีกับเขาได้ มากขนาดนี้ทั้งที่เพิ่งเป็นแฟนกันได้ไม่นาน?
หรือว่าทั้งหมดนี่
คือเรื่องธรรมดาที่คนเป็นแฟนมักจะทำให้อีกฝ่ายกันหนอ?!
“บ้านพี่ก็เหมือนบ้านจ้านั่นแหละครับ
ให้พี่เขามาหาที่บ้านนี่แหละ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” น่าแปลกที่คำพูดรับรองของกัลป์ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นได้ขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน...
นี่ตัวเขามีความสำคัญกับชายหนุ่มมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!
“ครับ...ก็ได้ครับ”
เจ้าของนัยน์ตาโศกรับคำ ก่อนจะหยุดคิดนิดหนึ่งแล้วจึงต่อสายหาชายหนุ่มที่ตนเพิ่งสนทนาด้วย
“ฮัลโหล...พี่รักษ์ครับ...
.
...เอาอย่างนี้ดีกว่า...
...จ้าขอเบอร์พี่โอ๊ตได้ไหมครับ
จ้าจะได้โทรไปบอกพี่โอ๊ตเรื่องเวลา และสถานที่นัดพบอีกที” รุ่งรวีเปลี่ยนใจที่จะไม่ให้รักษ์ได้รับรู้เรื่องราวของเขากับกัลป์อย่างเจาะลึกเกินไปนัก
ไม่แน่ว่า การที่เขาติดต่อกับจิตแพทย์หนุ่มโดยตรงอาจจะเป็นเรื่องน่าลำบากใจน้อยกว่าคุยผ่านคนกลางอย่างรักษ์
((เอาอย่างนั้นเหรอจ้า?)) น้ำเสียงหดหู่ของรักษ์ในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้จ้าใจอ่อน
เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“ครับ
ก็พี่รักษ์บอกว่า พี่โอ๊ตอยากเจอจ้า ถ้างั้น...ให้จ้าโทรไปคุยกับพี่โอ๊ตเองดีกว่าครับ
จะได้ไม่ลำบากพี่รักษ์ด้วย”
((ครับ
ก็ได้ครับ...ถ้างั้น เดี๋ยวพี่ส่งเบอร์โอ๊ตไปให้นะ))
เพราะสวัสดิภาพของจ้าย่อมจะสำคัญกว่าความต้องการส่วนตัวของเขาเป็นไหนๆ
ปลายสายจึงต้องจำยอมกับข้อสรุปของรุ่งรวีอย่างไม่มีทางเลือก...
ถึงอย่างนั้น ความดื้อรั้นของตำรวจหนุ่มกลับสั่งให้เขาลองแย็บถามอีกฝ่ายดูอีกครั้ง
ถึงจะไม่ได้อย่างที่ต้องการก็ไม่เห็นเป็นไร
แต่ถ้าร่างบางยอมให้เขาทำตามใจขึ้นมาจริงๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องดี
((แต่จ้า...
ขอพี่ตามไปด้วยได้ไหมครับ พี่อยากเจอจ้าน่ะ)) รักษ์ทอดเสียงให้ฟังน่าสงสารจนคนฟังอดรู้สึกแปลกๆขึ้นมาไม่ได้
“เอ่อ” จ้าเหลือบไปมองหน้ากัลป์เหมือนกับจะขอความเห็น
รอยยิ้มที่คนขับมอบให้ต่างคำอนุญาตทำให้เด็กหนุ่มตอบรับคำขอของตำรวจหนุ่มในท้ายที่สุด
“ก็ได้ครับ”
((งั้นเอาไว้เราเจอกันนะครับ...
.
...คืนนี้พี่โทรหานะครับจ้า))
รักษ์รวบรัดตัดความด้วยน้ำเสียงลิงโลด
ก่อนจะวางสายไปโดยไม่รอฟังคำปฏิเสธ หรือการบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบของเด็กหนุ่ม
ส่วนคนนอกอย่างกัลป์
กลับเลือกที่จะเก็บความสงสัยเกี่ยวกับคนปลายสายเอาไว้กับตัว พลางเฝ้ารอเวลาที่จะได้เจอหน้าอีกฝ่ายในอีกไม่ช้าโดยไม่เซ้าซี้ซอกแซกให้คนรักของตนต้องลำบากใจ
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
หลังจากอาหารมื้อเย็น
งานบ้าน การทบทวนตำราเรียนประจำวัน และการคุยโทรศัพท์สั้นๆกับรักษ์สิ้นสุดลง
ร่างบางที่ชำระร่างกายและอยู่ในสภาพพร้อมนอนก็ข่มตาให้หลับด้วยความลำบากลำบนยิ่งกว่าคืนไหนๆ
การจะหักห้ามใจไม่คิดถึงเหตุการณ์คุกคามหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างวัน...
ช่างหนักหนาเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ง่ายๆ
แม้ข่าวคราวซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องเสื่อมเสียของตนจะหลุดโผประเด็นร้อนแรงจนไม่ลอยมาเข้าหูอย่างเมื่อสองวันก่อน
รวมทั้งกระทู้เจ้าปัญหาถูกอุ้มหายไปจากเว็บบอร์ดเป็นที่เรียบร้อยตามที่กัลป์การันตีเอาไว้
แต่การเผชิญหน้ากันระหว่างจ้า
กับเด็กวิศวะคนหนึ่งหน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์ที่ดูเหมือนเป็นการจัดฉากของอีกฝ่าย
ทำให้เขาหวาดผวาไปครู่ใหญ่...
เพราะตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับมาเรียน
ถ้าเจ้าของนัยน์ตาโศกจำไม่ผิด...
เด็กวิศวะคนนี้มักจะวนเวียนปรากฏกายอยู่ในกรอบๆสายตาของเขามาโดยตลอด
ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายสบโอกาสที่ทั้งสองได้อยู่ลำพังไม่มีผู้ใดรบกวนอย่างเมื่อบ่ายแก่ๆวันนี้
เด็กหนุ่มผู้นั้นก็เข้ามาประชิดตัวแล้วกระซิบบอกกับเขาสั้นๆว่า...
‘...มื้อเที่ยง วันจันทร์ที่จะถึง...เจอกันที่โรงอาหารคณะครุฯ...
.
...อย่าหลบหน้า
และห้ามบอกใคร...
...ไม่อย่างนั้นนายจะตกอยู่ในอันตราย’
ทันทีที่พูดจบ
อีกฝ่ายก็เดินหายลับไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่อยากให้มีใครผ่านมาเห็น
เท่าที่สรุปจากคำพูด
น้ำเสียง และความไม่ชอบมาพากลของเด็กวิศวะคนดังกล่าว
จ้ามั่นใจร้อยเปอร์เซนต์ว่า
เด็กหนุ่มคนั้น...จะต้องเป็นคนที่ ‘มัน’ ส่งมาแน่ๆ
และย่อมต้องเป็นคนเดียวกันที่ส่งจดหมายจาก
‘มัน’ เพื่อคุกคามให้เขาเสียขวัญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ซึ่งเมื่อจ้าคิดวนเวียนถึงกำหนดการวันจันทร์ตามที่อีกฝ่ายบอก
ก็ทำให้จิตใจของเด็กหนุ่มกระวนกระวายไม่เป็นสุข
แม้ตัวแทนของ ‘มัน’ จะตบเท้าเข้ามาส่งสาสน์ให้เขารับทราบอย่างเป็นทางการ
กระนั้น ซองจดหมายไร้ที่มา
ไม่มีการจ่าหน้า...ที่ยังคงถูกผ่านมาถึงมือเขาอย่างสม่ำเสมอ
การรับมอบจดหมายจากมือของเจ้าหน้าที่ประจำภาควิชาของกัลป์พร้อมๆกับกุญแจเข้าห้องทำงานแฟนหนุ่ม
ฉุดคร่าให้อารมณ์ของเขาดิ่งลงสู่ซอกหลืบมืดมิดของอารมณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ภาพร่างกายเปลือยเปล่าของตนที่ชัดราวกับภาพถ่ายในปฏิทินปลุกใจเสือป่าที่เคยเห็นตอนเด็กๆที่แนบมาในซองของวันนี้
รูปที่มาพร้อมกับข้อความข่มขู่ว่า
จะเผยแพร่ภาพนิ่งบางส่วนซึ่งคัดสรรจากคลิปที่ ‘มัน’ สะสมเอาไว้เป็นคอลเลกชันสู่สายตาของทุกๆชีวิตในมหาวิทยาลัย
หากรุ่งรวีคิดตีจากเพื่อไปมีคนใหม่ทำให้เด็กหนุ่มกลัดกลุ้มจนแทบเสียสติ
จะบ้าหรือไง...
ทำไมเขาถึงจะคบใครไม่ได้?
เขาไม่ใช่สมบัติของ
‘มัน’ เสียหน่อย!!
นัดของ ‘มัน’ คือวันจันทร์อย่างนั้นเหรอ?...
.
.
วันจันทร์...
ก็อีกสองวันนับจากวันนี้แล้วสิ
แล้วอย่างนี้ เขาจะหนีจากเงื้อมมือของ ‘มัน’ พ้นได้อย่างไร?
‘มัน’ ยังจะต้องการอะไรจากเขาอีก?
ลำพังศักดิ์ศรี
และร่างกายเท่าที่ตัวเขาสูญ‘ เสียให้กับ
มัน’ ไป... ยังไม่สาสมใจของ
‘มัน’ อีกหรือ?
จะยังพอมีใครที่ช่วยเหลือเขาให้หลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้บ้าง?
ทำอย่างไร ‘มัน’ ถึงจะหายไปจากชีวิตของเขาเสียที?
ถ้าเขาตัดสินใจบอกเรื่องนี้แก่คนรัก...
กัลป์จะช่วยเขาออกมาจากนรกขุมนั้นได้ไหม?
กัลป์จะช่วยปกป้องเขาจากมารร้ายอย่าง
‘มัน’ ได้หรือเปล่า?
“อย่าเข้ามา!! อย่า!!... ปล่อยผมไปเถอะ ผมขอร้อง!!”
เสียงร้องโหยหวนด้วยความหวาดหวั่นของร่างบางที่ยังตกอยู่ภายใต้อำนาจของนิทรารมณ์
ปลุกให้เจ้าของบ้านที่นอนอยู่ห้องข้างๆผวาตื่นขึ้นทันที...
‘จ้าคงกำลังฝันร้าย’
เมื่อคิดได้ดังนั้น
ขาทั้งสองข้างก็พาร่างสูงสมส่วนของกัลป์มายังห้องรับรองแขกที่เจ้าของบ้านจัดเตรียมไว้ให้เด็กหนุ่มต่างห้องส่วนตัวโดยพลัน
ดีเท่าไรแล้วที่อีกฝ่ายไม่ได้ลงกลอนจากด้านใน... ไม่อย่างนั้นเขาคงร้อนใจยิ่งไปกว่านี้
ทันทีที่เห็นเรือนร่างบางๆของรุ่งรวีดิ้นขลุกขลักคล้ายจะขัดขืน
อาจารย์หนุ่มก็ปรี่เข้าไปประคองกอดเด็กหนุ่มเอาไว้ในอ้อมอกไม่ผิดไปจากเมื่อวาน
“จ้า! จ้า...ชู่วววว์
ไม่ต้องร้องนะครับ พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำอะไรจ้าได้แล้วนะ” กัลป์ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ชายหนุ่มแค่ต้องการให้เสียงกระซิบของเขา
ผ่านโสตประสาทเข้าไปขับไล่สิ่งชั่วร้ายในความฝันของเด็กหนุ่มให้หายไปเท่านั้น ทว่าคืนนี้มันกลับเป็นเสียงกริ่งที่ช่วยปลุกให้เจ้าของนัยน์ตาโศกฟื้นจากนิทราอันไม่พึงปรารถนาไปเสียได้
“พี่กัลป์!!... พี่กัลป์!” จ้าร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจระคนโล่งอก
ดวงแก้วใสซึ่งมีน้ำตาคลอหน่วยเงยสบเข้ากับดวงตาคมกล้าของกัลป์ราวกับต้องการพิสูจน์ให้แน่ใจว่า
เจ้าของอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนี้...อยู่ในความเป็นจริง หาใช่ความฝันอย่างที่เข้าใจ
“ครับ พี่เองครับจ้า...
จ้าฝันร้ายอีกแล้วเหรอ? ฝันถึงมานะเหรอครับ?”
กัลป์เริ่มจับจุดได้ว่า
เมื่อใดที่ต้องการสอบถามเด็กหนุ่มถึงเรื่องส่วนตัว หรือประเด็นต่างๆที่อีกฝ่ายกังวล
เขาควรเริ่มด้วยการเดาสุ่มถึงสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้
เพื่อตะล่อมถามให้อีกฝ่ายลดกำแพงที่กั้นรายละเอียดเหล่านั้นเอาไว้
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้
คือการส่ายหน้าน้อยๆของร่างบาง...
เมื่อรู้ว่าไม่ใช่เรื่องของพี่ชายที่เพิ่งเสียชีวิตไป...
กัลป์ก็จนใจเหลือจะเดา
อาจารย์หนุ่มจึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะคาดคั้นเอาคำอธิบายถึงความฝันที่คุกคามคนรักของตนเมื่อสักครู่ไปโดยไม่ต้องเสียเวลาครุ่นคิด
“ขวัญเอ๊ยขวัญมานะครับเด็กดีของพี่ มีพี่อยู่ด้วย...จ้าก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะ...
.
...นอนเถอะนะครับ...
...พี่จะอยู่ด้วยจนกว่าจ้าจะหลับ”
หนุ่มรุ่นพี่ค่อยๆเอนตัวลงนอนราบ
ทำให้ร่างบางในอ้อมกอดทอดตัวลงนอนไปด้วย
มือหนาเกลี่ยเช็ดหยาดเหงื่อที่ผุดล้อมกรอบหน้าให้พ้นไปด้วยความอ่อนโยน
พลางจัดลูบผมนุ่มของจ้าอย่างเบามือด้วยหวังว่า
ภาษากายที่เขาใช้แทนถ้อยคำทั้งหลายในเวลานี้
จะช่วยขับกล่อมให้รุ่งรวีหลับตาลงได้อีกครั้ง...
ทว่าความคิด
ความต้องการของอีกฝ่ายกลับสวนทางกับความตั้งใจของเขาอย่างสิ้นเชิง
“พี่กัลป์นอนที่นี่กับจ้าได้ไหมครับ?”
น้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวาน กับแววตาอ้อนวอนของจ้าทำให้หัวใจของกัลป์ทำงานหนัก
“เอ่อ”
ชายหนุ่มอึกอัก หากจะบอกว่าเขาประหม่า...ก็คงจะไม่ผิดนัก
“พี่ว่า
มันคงไม่ดีเท่าไรหรอกนะจ้า...
...คือ...
.
...พี่..พี่ว่าอย่าดีกว่า”
กัลป์กลืนน้ำลายด้วยความยากเย็น เพราะสิ่งที่จ้าร้องขอ ช่างปฏิบัติได้อยางยากเย็นยิ่งกว่าที่อีกฝ่ายเข้าใจเป็นไหนๆ
“พี่กัลป์นอนกับจ้าเถอะนะครับ
จ้าขอร้อง”
แม้ความลำบากใจของแฟนหนุ่มจะเปิดเผยและสังเกตได้ง่าย
ทว่าเด็กหนุ่มกลับยืนยันคำพูดเดิม
ไม่เท่านั้น...รุ่งรวียังเพิ่มน้ำหนักของคำพูดด้วยการโผเข้าซุกแผ่นอกแน่นๆของกัลป์เอาไว้โดยไม่คิดจะห่างไปไหน
ลมหายใจร้อนๆของร่างบางที่ราดรดลงบนหน้าอกชื้นเหงื่อ
ทำให้อารมณ์ด้านมืดของอาจารย์หนุ่มพลุ่งพล่านไปกันใหญ่
“พี่ขอเปลี่ยนเป็นกล่อมจ้าจนหลับไปก่อน
แล้วพี่กลับไปนอนที่ห้องพี่ได้ไหมครับ...
.
...นะจ้า
เห็นใจพี่เถอะ...
...พี่ก็มีขีดจำกัดของพี่เหมือนกัน...
พี่ไม่อยากจะบังคับฝืนใจจ้า พี่ไม่อยากทำร้ายจ้าแบบนั้น” ชายหนุ่มพยายามต่อรองอย่างไม่อ้อมค้อม
วินาทีนั้น...เขาภาวนาให้อีกฝ่ายยินยอมร่วมมือกับเขาโดยเร็วที่สุด
“อยู่กับจ้า พี่กัลป์ต้องอดทนมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
กิเลสหน้าหวานของกัลป์เอ่ยถามพลางทอดสายตามองเขาด้วยสายตาหนักใจ ซึ่งท่าทางดังกล่าว
ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่า อีกฝ่ายจงใจจะยั่วยวนให้เขาตบะแตกอยู่ทุกขณะจิต
“จ้านอนเถอะนะครับ
นี่ก็ดึกมากแล้ว...พรุ่งนี้ยังต้องรับแขกอีกไม่ใช่เหรอ?” กัลป์พยายามหว่านล้อมโดยยกเอาเหตุการณ์สำคัญของวันพรุ่งนี้มาใช้เตือนสติ ถึงอย่างนั้น... ความกลัว
ความกังวลซึ่งไม่มีจุดสิ้นสุดของรุ่งรวี กลับทำให้เด็กหนุ่มไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ
“ไหนพี่กัลป์บอกว่าพี่กัลป์ชอบพูดตรงๆกับคนที่พี่กัลป์
‘ชอบ’ ไม่ใช่เหรอครับ?” น้ำเสียงที่ใช้เอื้อนเอ่ยคำถามเมื่อครู่คล้ายจะเยาะให้ชายหนุ่มเหลืออด
“ทำไมคราวนี้พี่กัลป์ถึงไม่ตอบจ้าตรงๆเหมือนตอนที่เราคุยกันเมื่อเช้าล่ะครับ?”
กัลป์นิ่วหน้าทันทีที่ได้ยินประโยคยอกย้อนอย่างเจ็บแสบที่อีกฝ่ายเลือกใช้...
กิเลสหน้าหวานผู้นี้ชักจะใจร้ายกับเขาเกินไปเสียแล้ว
“...เอ่อ...”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอาจารย์หนุ่มผู้แพรวพราวกำลังจนแต้มอย่างที่สุด
รุ่งรวีจึงไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยไป...
เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เขาก็ไม่อยากจะสู้รบตบมือกับความกลัวที่คอยหลอกหลอนเขาไปทุกที่ไม่เว้นแม้กระทั่งความฝันเพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว
“บอกจ้าเถอะครับว่า
เวลาพี่อยู่กับจ้า... พี่ต้องอดทนอดกลั้นตลอดเวลาเลยเหรอครับ?” ร่างบางถามพลางซุกไซ้ใบหน้ากดลงบนแผ่นอกที่สะท้อนขึ้นลงด้วยความรวดเร็วพอๆกับเสียงตึกตักดังก้องของหัวใจกัลป์
ซึ่งนั่นทำให้ชายหนุ่มต้องหักห้ามใจไม่ให้ฟุ้งซ่านเป็นการใหญ่
“มันก็ไม่ได้ตลอดเวลาขนาดนั้นหรอกจ้า”
กัลป์ต้องเสียเวลากระแอมเบาๆเพื่อเรียกเสียงที่ขาดหายไปดื้อๆเพื่อจะเอ่ยประโยคถัดไปอย่างกระท่อนกระแท่นผิดไปจากการพูดตามปกติของเจ้าตัว
“จ้าต้องเข้าใจพี่นะ
เวลาที่อยู่กับคนที่เรารัก คนที่เรารู้สึกดีด้วยมากๆ...
...เราก็ต้องอยากสัมผัสร่างกายของเขาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว...
.
...และยิ่งคนๆนั้นเป็นจ้า...
...คนที่พี่คลั่งไคล้ยิ่งกว่าใครๆ
พี่จะอดใจไหวได้อย่างไรล่ะครับ?” หมูในอวยอย่างกัลป์ยอมรับอย่างหมดรูป...
จากนี้เขาคงไม่เหลือมาด หรือกลเม็ดใดๆที่จะงัดมาใช้โปรยเสน่ห์ให้ร่างบางในอ้อมกอดหลงใหลเขาได้อีกต่อไปแล้ว
“พี่กัลป์รักจ้ามากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
เด็กหนุ่มช้อนสายตาหวานเชื่อมประสานเข้ากับสายตาของเขา มือนุ่มนิ่มของจ้าเขี่ยวนเบาๆไปทั่วอกคล้ายกับจะยั่วให้เขาขาดใจตายเสียให้ได้...
ดูเหมือนว่า กิเลสหน้าหวานกำลังทดสอบความเป็นสุภาพบุรุษของกัลป์อย่างหนักหน่วง
“ครับ...
พี่รักจ้า รักมาก...รักจนไม่อยากปล่อยให้อยู่ห่างสายตาแม้สักวินาที” ในเมื่อไม่เหลืออะไรต่างหมัดเด็ดในการเจรจา
กับอีกฝ่าย กัลป์จึงหวังว่าการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง
จะกลายเป็นเกราะคุ้มภัยซึ่งจะช่วยให้เขารอดพ้นจากกิเลสอันยั่วยวนในร่างของจ้าได้ในที่สุด
“ถ้าอย่างนั้น
พี่กัลป์ก็อยู่กับจ้าทั้งคืนได้ไหมครับ?” เด็กหนุ่มออดอ้อนเสียงกระเส่าโดยไม่เพลาสัมผัสจากปลายนิ้วสักอึดใจ
“จ้า!..
จ้ารู้ตัวใช่ไหมว่าจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?” กัลป์ร้องถามด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ...
เขาไม่เคยจะนึกว่า เมื่อตกอยู่ในห้วงราคะ อีกฝ่ายจะร้อนแรงและทรงเสน่ห์ได้ถึงเพียงนี้
“ครับ...
.
...อยู่กับจ้าเถอะนะครับพี่กัลป์...
...รักจ้า...
...รักจ้าให้มากๆ
จ้าไม่อยากจมปลักอยู่กับความหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว”
แรกเริ่มเดิมที
จ้ายอมรับว่า
ความกลัวคือสิ่งเร้าที่ขับให้เด็กหนุ่มกล้าทำในสิ่งที่ตนเองไม่มีวันทำได้อย่างที่เป็นอยู่
แต่หลังจากบดเบียดร่างกายเข้ากับเรือนร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายได้ระยะหนึ่ง...
ฤทธิ์ของดำกฤษณาอันแรงกล้าจากภายใน
กลับทำให้ร่างกายของเขารุ่มร้อนราวกับโดนไฟเผา...
ซึ่งรุ่งรวีที่ผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้ว
ก็กระจ่างแก่ใจเป็นอย่างดีว่า หนทางที่จะดับไฟกำหนัดให้มอดลงได้นั้น
หนีไม่พ้นสัมผัสของระหว่างกายของเขาและอีกฝ่ายที่น่าปรารถนาเช่นเจ้าของร่างใหญ่ที่กอดเขาไว้ในตอนนี้
“จ้า...
พี่ว่าอย่าดีกว่าครับ...
...จ้ากำลังกลัวจนสับสน
เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลยดีไหม...
.
...อีกอย่าง พี่ไม่อยากให้จ้าเสียใจภายหลัง
หากปล่อยให้พี่เอาเปรียบจ้าในเวลาที่จ้าไม่เป็นตัวเองแบบนี้”
สิ้นคำทัดทานของอาจารย์หนุ่ม
รุ่งรวีก็เลื่อนใบหน้าขึ้นประทับกลีบปากงามลงบนริมฝีปากของกัลป์ด้วยความสิเน่หา
ทว่าอีกฝ่ายกลับผลักไสด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเฮือกสุดท้ายที่ร้องท้วง...
ด้วยเห็นแก่ความสุขของจ้าเป็นสำคัญ
“จ้า...อย่าทำแบบนี้เลยนะครับพี่ขอร้อง”
น้ำเสียงอ้อนวอนของกัลป์ทำให้เขากลายเป็นไก่อ่อนไปในชั่วพริบตา ทั้งที่ตลอดมาชายหนุ่มเป็นผู้ล่าซึ่งโชกโชนและช่ำชองเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์แท้ๆ
แต่กิเลสหน้าหวานกลับไม่ให้ความร่วมมือแต่อย่างใด
ฝ่ามือเล็กๆของจ้าประคองใบหน้าชายหนุ่มเอาไว้เพื่อมอบจุมพิตหวานๆให้อีกฝ่ายอย่างไม่คิดรามือ
ระหว่างนั้น เจ้าตัวก็ปล่อยให้ร่างกายทำหน้าที่ปลุกปั่นความต้องการของกัลป์ให้ปะทุขึ้นจนเกินควบคุม
รุ่งรวีป่ายขึ้นมานอนอยู่บนร่างหนาของแฟนหนุ่มพลางส่ายไปมาอย่างเนิบนาบเพื่อให้เนื้อนุ่มๆภายใต้ชุดนอนบางเบาของตน
แนบไหวกระตุ้นอีกฝ่ายปล่อยตัวปล่อยใจยอมให้เปลวไฟแห่งตัณหาพร่าผลาญสติของกัลป์ให้หลุดลอย
“จ้าครับ
พอเถอะนะ” กัลป์เบือนหน้าหลบรสาติหวานล้ำเกินห้ามใจที่ถูกป้อนตรงสู่ปากของเขาด้วยความยินยอมของอีกฝ่ายร้องขอความเห็นใจราวกับคนจนตรอก
ตราบใดที่ความอดทนของเขายังไม่สะบั้นลง
เขาจะไม่ยอมเอาเปรียบจ้าที่ไม่เป็นตัวของตัวเองดังเช่นในเวลานี้อย่างแน่นอน กระนั้น...ดูเหมือนมารตัวน้อยของเขาจะตกอยู่ภายในอำนาจของอารมณ์ไปเป็นที่เรียบร้อย
“อืมมมมม” กัลป์ไม่อาจห้ามเสียงครางต่ำเอาไว้ได้อีกต่อไป
เมื่อฝ่ามือนุ่มเนียนของอีกฝ่ายล่วงล้ำเข้าด้านในของขอบกางเกงยางยืดผ้าฝ้ายของเขา เจ้าตัวเล็กกำลังเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับความเป็นชายที่ผงาดขยายอย่างไม่คิดปรานี อาจารย์หนุ่มขอร้องจ้าดีๆอีกครั้ง
“เด็กดีของพี่
หยุดเถอะ หยุดก่อนที่พี่จะห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่... อาาาาา”
และนั่นคือประโยคสุดท้ายเท่าที่ความอดทนของชายหนุ่มจะทันทานไหว
ก่อนที่เขาจะกระโจนตามร่างบางลงสู่กองไฟด้วยความสุขสมเหนือคำบรรยายซ้ำแล้วซ้ำเล่า...จนกว่าราตรีจะกลับกลายเป็นทิวาอีกครั้ง
◘------------------------------------------------------------------------------------◘
“โอ๊ต...
มึงแน่ใจนะว่าที่อยู่ที่มึงได้จากจ้ามาถูกต้อง?” รักษ์ยิงคำถามห้วนๆผ่านสายเพื่อขอคำยืนยันจากจิตแพทย์หนุ่มที่ออกเดินทางไปยังสถานที่นัดซึ่งรุ่งรวีบอกเอาไว้อีกครั้ง
((ก็เออสิวะ...
กูอยู่หน้าบ้านหลังที่จ้าบอกแล้วเนี่ยะ)) หมอหนุ่มตอบด้วยหางเสียงติดโมโห ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆที่เกี่ยวกับจ้า...รักษ์ก็บ้าคลั่งจนน่ารำคาญได้ตลอด
“เออๆ
งั้นเดี๋ยวกูรีบขับตามไป” ผู้กองรีบวางสายก่อนที่อีกฝ่ายจะสวดชุดใหญ่ให้เขาหูชาไปเสียก่อน
หลังจากวางสายกับจ้าเช้าเมื่อวาน
ตำรวจหนุ่มก็โทรจิกเพื่อนรักเพื่อไต่ถามถึงสถานที่นัด และเวลาทุกๆชั่วโมง
เมื่อโอ๊ตได้ข้อสรุปเมื่อช่วงหัวค่ำ
รักษ์ก็ตั้งใจแน่วแน่ว่า ทันทีที่ออกเวรในเช้าวันนี้...เขาจะรีบบึ่งรถตามมาเพื่อเจอหน้าร่างบางให้ชื่นใจ
ทว่าเมื่อได้ยินรายละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่อันเป็นปลายทางของวัน
รักษ์ก็อดแปลกใจไม่ได้
เพราะย่านที่เพื่อนรักบอกมานั้น คือละแวกบ้านของลูกพี่ลูกน้องที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายเดือน
อย่างไรก็ดี
ตำรวจหนุ่มกลับปัดความคิดดังกล่าวให้ตกไปโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง
เนื่องจากเลขที่บ้านของพี่ชายไม่เคยอยู่ในสารบบความคิด
ความสนใจของเขามาก่อน
และเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า...บ้านของเพื่อนที่จ้าไปอาศัยพักพิงอยู่ด้วยนั้น
อาจจะเป็นนิวาสถานหลังใดหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากบ้านพี่ชายของเขาสักเท่าไร
เมื่อรถเทียบจอดยังหน้าบ้านหลังที่มีตัวเลขตามที่เพื่อนรักบอก
รักษ์ก็รู้สึกอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง
แต่กลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาอย่างที่ใจคิด
เพราะบ้านหลังหลังงามที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเขาในยามนี้
คือบ้านของกัลป์...พี่ชายผู้เป็นลูกคนเดียวของลุงซึ่งผู้มีศักดิ์เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของเขาคนนั้นไม่ผิดแน่
แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ
ไม่มีร่องรอยใดๆของหมอโอ๊ตที่เดินทางล่วงหน้ามาก่อนเขาเพียงไม่นานเลยสักนิด
หลังจากกดกริ่งหน้าบ้านกัลป์พอเป็นพิธีเพื่อรอให้เด็กในบ้านของพี่ชายมาเปิดประตูรั้ว
ผู้กองหนุ่มก็ต่อสายหาเพื่อนรักทันที
ทว่าแทนที่จะเป็นเด็กรับใช้ในบ้านมาเปิดประตูให้ตามความเคยชิน
กลายเป็นว่า เจ้าของบ้านกลับเดินออกมาต้อนรับตำรวจหนุ่มผู้เป็นน้องถึงหน้าบ้าน
“พี่กัลป์?! จ้าอยู่กับพี่กัลป์เองเหรอครับ?...
ผมนึกว่าจ้าอยู่กับเพื่อนเสียอีก” ด้วยความรีบร้อน
รักษ์จึงเอ่ยถามพี่ชายโดยไม่ได้สนใจว่า อีกฝ่ายไม่เดือดร้อนกับการเปิดประตูรั้วให้เขาเข้าด้านในตัวบ้านอย่างที่เคยทำ
“จ้าอยู่กับพี่
พี่ไปรับจ้ามาจากบ้านตั้งแต่เมื่อสองคืนก่อนแล้ว... จ้าโดนลุงทำร้ายน่ะ” เจ้าของบ้านผู้มีสีหน้าอิดโรยราวกับคนอดนอนตอบเรียบๆ
ตามวิสัยที่อาจารย์หนุ่มมักจะทำเวลาอยู่ต่อหน้าญาติทุกคน... ไม่เว้นกระทั่งน้องชายที่ตนสนิทสนมด้วยอย่างผู้กองรักษ์
“แล้วโอ๊ตล่ะครับพี่กัลป์?
ผมไม่เห็นรถโอ๊ตเลย” รักษ์ทวงถามถึงเพื่อนสนิทผู้ไม่เคยเหลวไหล...ยิ่งด้วยเรื่องสำคัญกับหัวใจเขาอย่างเรื่องของจ้าด้วยแล้ว
หมอโอ๊ตไม่น่าจะลอยชายเที่ยวพักรถที่โน่นที่นี่ไปเรื่อยๆอย่างที่เขามักจะทำในวันพักผ่อน
“วันนี้จ้าไม่ค่อยสบาย
เมื่อเช้าตัวร้อนจี๋ แถมยังมีไข้สูง พี่เลยส่งโอ๊ตกลับบ้านไปก่อนน่ะ” กัลป์อธิบายโดยละสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มล้มป่วยเอาไว้
“ไม่คิดเหมือนกันว่าแขกของจ้าจะเป็นคนกันเองแบบนี้ หึ หึ” อาจารย์หนุ่มเอ่ยนิ่มๆ
“จ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับพี่กัลป์?...
.
...ขอรักษ์เข้าไปดูน้องหน่อยได้ไหม?”
รักษ์พยายามอ้อนวอนพลางเลื่อนประตูรั้วให้เปิดกว้างกระนั้นกลับไร้ผล คนเป็นพี่ที่เห็นอาการเป็นห่วงเป็นใยคนรักของตนอย่างออกนอกหน้าของน้องชายต่างพ่อแม่ก็ขัดขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องหรอก
เดี๋ยวถ้าอาการไม่ทุเลา...พี่ค่อยพาจ้าไปหาหมออีกที”
“ขอผมเจอหน้าจ้าสักห้านาที
หรือสิบนาทีได้ไหมครับพี่กัลป์...
.
...ผมเป็นห่วง...
...อยากเจอหน้าเขาสักหน่อย”
รักษ์ผู้ที่มีความอุตสาหะเป็นเลิศยังไม่คิดถอดใจง่ายๆ ซึ่งท่าทางอยู่ไม่สุขของน้องชายทำให้กัลป์ไม่พอใจจนไม่คิดจะปิดบังสถานะของตนกับจ้าจากรักษ์อีกต่อไป
เขาหวังว่าความโปร่งใสในเรื่องนี้จะทำให้ตำรวจหนุ่มตาสว่างเสียที
“รักษ์ไม่ต้องเป็นห่วงจ้าหรอก
จ้าเป็นแฟนพี่...พี่จะดูแลเขาให้ดีที่สุด” ประโยคของกัลป์เปรียบเสมือนสายฟ้าที่ฟาดลงตรงกลางหัวใจของผู้กองรักษ์
“แฟน?!! จ้าคบกับพี่กัลป์เหรอครับ?
ตั้งแต่เมื่อไรครับพี่กัลป์?” ต่อให้ได้ยินทุกสิ่งอย่างแจ่มแจ้ง รักษ์ก็ยังอดสงสัยไม่ได้
หลังจากปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดจนได้ข้อสรุปว่า
คนปลายสายที่เพียรโทรหาคนรักของเขามาโดยตลอด
คือ น้องชายของเขาคนนี้นี่เอง
และเท่าที่ประเมินจากสายตา
และท่าทางเป็นห่วงเป็นใยจ้าจนน่าหมั่นไส้
กัลป์ยิ่งมั่นใจว่า
รักษ์น่าจะมีจิตปฏิพัทธ์ต่อรุ่งรวีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวเขา อาจารย์หนุ่มจึงโกหกอีกฝ่ายหน้าตายโดยไม่ลังเล
“ราวๆสองสามอาทิตย์ได้แล้วล่ะ
มีอะไรเหรอรักษ์?”
“อ๋อ...
ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ รักษ์แค่ไม่เคยได้ยินจ้าเล่าเรื่องแฟนให้ฟังบ้างเลย” ตำรวจหนุ่มยังไม่คลายใจ
เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะหาโอกาสถามจ้าให้รู้เรื่องในภายหลัง
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจ้าคุยกับรักษ์อยู่...
.
...ส่วนเรื่องแฟนนี่...พี่ไม่รู้หรอกนะว่าจ้าบอกอะไรรักษ์มากแค่ไหน”
กัลป์ไม่นึกว่า เมื่อถึงวันหนึ่ง เขาจะต้องลงเล่นเกมหักเหลี่ยมเฉือนคมกับน้องชายตัวเองแบบนี้
แต่ถ้าต้องแลกกับการปล่อยจ้าให้หลุดมือไป...
ต่อให้ต้องพูดจาทำร้ายจิตใจใครหน้าไหน เขาก็พร้อมจะทำอย่างเต็มที่
“อย่าหาว่าพี่ไล่เลยนะ...แต่วันนี้
รักษ์กลับไปก่อนได้หรือเปล่า?” คำพูดที่ฟังเผินๆคล้ายกับการร้องขออย่างมีมารยาท
กลับกลายเป็นการตบหน้ารักษ์ให้ตื่นกลายๆ... เขากลายเป็นคนมาที่หลังในความสัมพันธ์ของจ้ากับพี่ชายไปตั้งแต่เมื่อไรกัน?!
“เอ่อ... ครับ
ได้ครับ” ผู้กองหนุ่มรับคำอย่างงุนงง... เพราะจนถึงตอนนี้ รักษ์ก็ยังไม่อาจปลงใจยอมรับในสิ่งที่พี่ชายเพิ่งประกาศให้รับรู้ได้ร้อยเปอร์เซนต์
“โทษทีนะ พอดีพี่ไม่อยากปล่อยจ้าเอาไว้คนเดียวน่ะ” ก่อนที่กัลป์จะหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป
น้องชายก็ร้องถามความเห็นของผู้เป็นพี่ออกมาเสียก่อน
“พี่กัลป์ครับ...
ขอผมมาเยี่ยมจ้าที่นี่บ้างได้ไหมครับ?” เขายังยืนยันความตั้งใจเดิมที่จะพูดคุยกับจ้าเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
จากนั้นค่อยจัดการกับหัวใจตัวเองให้เด็ดขาดอีกครั้ง
“ได้สิ
เอาไว้จ้าอาการดีขึ้นเมื่อไร
รักษ์ก็มาเยี่ยมจ้าที่นี่ได้ทุกเวลาที่เจ้าตัวสะดวกนั่นแหละ” เจ้าของบ้านเชิญชวนด้วยรอยยิ้มอ่อน
“จำได้ใช่ไหมว่าพี่เคยบอกอะไรกับรักษ์... บ้านพี่ก็เหมือนบ้านของรักษ์นั่นแหละ”
กัลป์ไม่ลืมย้ำให้ผู้ฟังสบายใจแม้ว่าสิ่งที่เพิ่งเอ่ยออกไปจะทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อยก็ตาม
“พี่ขอตัวก่อนนะน้องชาย”
กัลป์ทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไปโดยไม่คิดจะส่งน้องชายจนลับสายตาอย่างที่เจ้าของบ้านพึงกระทำ
“ครับ”
เสียงรับคำของรักษ์แผ่วเบาจนคล้ายกับเสียงสะอื้น เมื่อกลไกป้องกันตัวเองพร่ำบอกให้เขาเตรียมใจล่วงหน้าว่าเขากับเจ้าของนัยน์ตาโศก
อาจจะไม่มีอนาคตร่วมกันดังที่เขาเคยวาดฝันเอาไว้อย่างสวยหรูอีกต่อไปแล้ว
◘------------------------------------ TBC ------------------------------------◘
No comments:
Post a Comment