Monday, August 22, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 32nd Bonding || 22.08.201



ตอนนี้ก็ยังเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ อยู่เหมือนเดิมค่ะ
(แถมยังสั้นเหมือนเดิมอีกต่างหาก แหะ ๆ )

เด็กแฝดก็ยังทำหน้าที่เป็นแค่เด็กน้อยกิน ๆ นอน ๆ ต่อไป ปล่อยให้ผู้ใหญ่ได้ครองพื้นที่สื่อกันไปก่อน
แต่! ใครที่คิดถึงเหล่าสมุนเลว... ตอนนี้พวกเขากลับมาแล้วนะคะ แท็กทีมกันมาเกือบครบองค์เลย
(จะเว้นก็แต่พี่ฌาน... โฮว! ไป ๆ มา ๆ ก็เริ่มจะสงสารแฝดพี่เหมือนกันแฮะ)

ส่วนใครที่กำลังรอน้องแฝดควงกันมาวาดลวดลายความน่ารักสดใส...
รออ่านตอนหน้าเลยค่ะ มาแน่ๆ และมาเต็ม ๆ อีกตังหาก
อดใจรอกันหน่อยนะคะ ^ ^ - ขอให้อ่านตอนนี้อย่างมีความสุขค่ะ







«»------------------------------------------------------------------------------------«»



The 32nd Bonding
เฉลิมวัย ฉลองรัก




หลังปล่อยให้สกลลงมือประดับประดาพื้นที่ทั่วทุกตารางนิ้วของโถงชั้นล่างด้วยสารพันอุปกรณ์ตกแต่งอย่างสำเริงรำราญอยู่นานนับชั่วโมงหากแต่ยังไม่เห็นเค้าลางความสำเร็จ ความอดทนของเจ้าบ้านร่างหมีก็ถึงทีสิ้นสุด “แว่น! มึงจะขนเหี้ยอะไรมานักหนา? อีกนิดนึงห้องรับแขกบ้านกูก็จะกลายเป็นซุ้มลูกโป่งรับปริญญาอยู่แล้วเนี่ย!

“อ้าว! ก็วันนี้วันครบรอบหนึ่งปีของลูก ๆ พี่เต๋อนี่ครับ พวกเราก็ต้องประโคมตกแต่งสถานที่ให้สมกับความยิ่งใหญ่ของหลาน ๆ ผู้มีบุญญาธิการทั้งสามของพวกเรากันหน่อยสิ!” คู่กรณีเอ่ยพลางปล่อยเชือกผูกในมือเพื่อให้ลูกโป่งอัดแก๊สฮีเลียมสีหวานลอยขึ้นชนเพดานลูกแล้ว ลูกเล่า ก่อนจะปะเหลาะเอาใจสปอนเซอร์ใหญ่เสียหน่อย “งานนี้เราจะกระเบียดกระเสียรไม่ได้ครับ! ผมจะไม่ยอมให้คนอื่นเอาไปเม้าต่อได้เชียวว่า ปาร์ตี้วันเกิดลูกชายสายเปย์จัดได้กระจอกงอกง่อยค้านสายตา ทั้ง ๆ ที่พี่เต๋อก็ออกจะป๋าเสียขนาดนี้... เนอะ ๆ ”  

เต๋อกวาดตามองไปรอบ ๆ อดีตห้องรับแขกอย่างถี่ถ้วนพลางตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ไหน?! ไอ้ที่มึงจัด ๆ อยู่เนี่ยมันดูเป็นงานวันเกิดลูกกูตรงไหน? ลูกโป่งหัวใจสีม่วงกับสีชมพูเนี่ยนะ? หลานมึงน่ะผู้ชายทั้งก๊กนะไอ้แว่น!

ราวกับคำพูดดังกล่าวเป็นวาจาลบหลู่ เพราะอยู่ ๆ หลานอาม่าใหญ่ก็ตวัดเหง้าหน้าพร้อมแนบสายตาอาฆาตไปมองจิกรุ่นพี่ร่วมคณะ ก่อนจะลอยหน้าตอกกลับอย่างแสบสันไม่สะทกสะท้านต่อหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ “แหม่ พี่เต๋อก็ต้องเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองกันนิดนึงสิครับ! นี่มันวันแห่งความรักที่สากลโลกรู้จักกันอย่างแพร่หลาย...
...ไหน ๆ พวกผมก็ต้องมาจมปลักฉลองวันเกิดควบวันแห่งความรักให้ลูก ๆ พี่อย่างไม่มีทางเลือกแล้ว...
...ขอให้พวกผมได้ซึมซับบรรยากาศความรักอันหอมหวานฉันท์หนุ่มสาวบ้างไม่ได้หรือไง...
.
.
...อย่าทำตัวเป็นพวกจิตใจคับแคบไปหน่อยเลยครับพี่ เดี๋ยวก็กลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูก ๆ หรอก!

ไอ้สัดกล!” เป็นไปได้ว่า หากบรรดาลูกน้องในอาณัติได้มีโอกาสเห็นเต๋อในสภาพสติหลุดเช่นนี้ ความน่าเชื่อถือ และน่าเคารพยำเกรงที่เคยมีต่อหัวหน้าทีมหน้าคมคงไม่มีเหลือ  ฝ่ายสกลที่ยั่วโทสะของตรินจนสาสมใจ ก็หันกลับไปหนุงหนิงกับนายสัตวแพทย์หนุ่มคล้ายกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

“อุ๊ยพี่ริน! พี่รินติดอันนี้ให้น้องหน่อย น้องเอื้อมไม่ถึง”
“ครับ ๆ ”

ก่อนที่หนุ่มร่างหมีจะฟาดงวงฟาดงาทำลายงานปาร์ตี้ที่รุ่นน้องหน้าแว่นและแฟนหมอหมาอุตส่าห์ทุ่มทุนตกแต่งจนย่อยยับ แขกรับเชิญพ่วงตำแหน่งน้องเมียก็เดินหอบของขวัญกองโตเข้ามาพร้อม ๆ กับน้องรหัสแสนดีของเขา ทั้งสองเอ่ยทักทายรุ่นพี่สถาปัตย์ทันทีที่เห็นหน้า


“พี่เต๋อ พี่ริน... หวัดดีครับ” บ๊วยผู้เดินตัวเปล่ายกมือไหว้ผู้มีอาวุโสมากกว่าอย่างทั่วถึง ก่อนจะหันไปคลี่ยิ้มให้กับเพื่อนสนิทที่ยืนอิงแอบแนบชิดหมีขาวรุ่นพี่ประหนึ่งสิ่งมีชีวิตไร้ซึ่งกระดูกสันหลัง  

“พี่เต๋อครับ ให้ผมเอาของขวัญวันเกิดหลานไว้ไหนดีพี่?”  

โหเฮ่ย! แล้วนั่นทำไมมันเยอะแยะขนาดนั้นล่ะวะ?!... เอา ๆ เอามาวางตรงนี้ก็ได้”

“ของทุก ๆ คนที่ไร่ฝากมาน่ะครับ” หลังจัดวางของขวัญกองโตลงบนโต๊ะจนพอใจ อดีตเดือนมหาลัยก็ผายมือนำเสนอสิ่งที่ตนเป็นตัวแทนนำมาส่งถึงบ้านผู้รับอย่างแคล่วคล่องว่องไวคล้ายพนักงานฝ่ายขายผู้ช่ำชอง “กล่องนี้ของแม่กับพ่อครับ ส่วนกล่องสีแดงนี่ของบ้านพี่บิว กล่องสีฟ้าของบ้านพี่บ็อบ กล่องสีเหลือของพี่โบ๊ทกับแฟน ส่วนกล่องสีม่วงใหญ่เบิ้มนี่ของผมกับบูบู้... ก็รู้ ๆ กันแหละเนอะพี่เนอะ เป็นเจ็กทั้งทีก็ต้องให้ของดี ๆ รับวันเกิดปีแรกของหลานอยู่แล้ว!

แรกที่เห็นธันวาออกอาการมะงุมมะงาหราหน้าชื้นเหงื่อขณะหอบข้าวของแทนใจกองพะเนินเข้ามาในบ้าน เต๋อก็ตั้งใจมั่นว่าจะแสดงความซาบซึ้งใจให้น้องเมียได้ประจักษ์ดูเสียบ้าง แต่พอเห็นสีหน้าอวดเบ่งจนน่าหมั่นไส้ของรุ่นน้องรูปงาม ชายหนุ่มก็เปลี่ยนใจเอาดื้อ ๆ “เออ ๆ ขอบใจมึงมาก” เต๋อโบกมือไล่พลางรับคำแบบขอไปทีก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองหน้าน้องรหัสอย่างพินิจพิเคราะห์ด้วยอารมณ์อันหลากหลาย

ผู้มีศักดิ์เป็นพี่รหัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ “บ๊วย พี่ฝากขอบคุณพ่อแม่แล้วก็พวกพี่ ๆ ด้วยนะ จริง ๆ ทุก ๆ คนไม่ต้องลำบากให้ของอะไรพลายพลุพลับเลยก็ได้ แค่พี่บิวให้ลูก ๆ พี่มา พี่ก็ไม่รู้จะทนแทนบุญคุณที่บ้านบ๊วยยังไงหมดแล้ว”...คน ๆ นี้ต่างหากล่ะที่คู่ควรกับคำว่าขอบคุณจากใจจริงของหนุ่มร่างหมีและครอบครัวมากกว่าไอ้หน้าหล่อเมื่อครู่หลายเท่านัก

“โธ่พี่เต๋อ! พี่เต๋อพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกหรอกครับ ลูกพี่เต๋อก็หลานผม... พี่เต๋อ พี่ด้วง เฮียฟูมีความสุข พวกเราทุกคนที่ไร่ก็มีความสุขตามไปด้วยเหมือนกัน” ลูกแม่บัวสื่อความนัยอย่างจริงใจจนคนฟังสัมผัสความปรารถนาดีดังคำบอกเล่าได้อย่างทั่วถึง

“ขอบใจมากนะบ๊วย พี่ขอบใจบ๊วยมากจริง ๆ ”

“น้องบ๊วย... เก็ก นั่งก่อน ๆ ... แล้วนี่จะดื่มน้ำอะไรกัน มา! เดี๋ยวพี่ทำให้” วิญญูที่เพิ่งเดินนำเด็กในบ้านถือถาดของว่างต่าง ๆ นา ๆ ออกมาวางยังโต๊ะอาหารตัวยาวขันอาสาดูแลแขกคนสำคัญประสาเจ้าบ้านที่ดี

“ไม่เป็นไรครับพี่ด้วง เดี๋ยวพวกผมจัดการเอง” เม็ดเหงื่อที่ผุดล้อมกรอบหน้าจนผิวมันเลื่อม กับสภาพไม่พร้อมรับแขกของด้วงทำให้ธันวาบอกปัดอย่างสุภาพ เขาเดาว่าพี่เขยคิวท์บอยคงสาละวนอยู่ในครัวตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะมาถึงที่นี่เสียด้วยซ้ำ... แค่หาน้ำกินสักแก้วสองแก้ว คงไม่น่ายากเกินความสามารถของอาคันตุกะขาประจำของบ้านหลังนี้อย่างเขากับคนรักแน่ ๆ    

“งั้นก็ได้... ตามสบายนะ ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกพวกพี่ ๆ ล่ะ” วิญญูสั่งความสั้นกระชับก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบกระซาบหารือบางอย่างกับเต๋ออยู่ครู่ใหญ่จากนั้นจึงหันไปเอ่ยชักชวนบ๊วยด้วยรอยยิ้ม “เอ้อน้องบ๊วย... สนใจจะไปช่วยพี่อุ้มหลาน ๆ ลงมาเล่นข้างล่างไหม?”

“ครับ! ได้ครับ”

“ไป! งั้นไปกับพี่” สิ้นคำ ชายหนุ่มทั้งสองก็ไต่บันไดขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน พร้อมกันนั้นเอง เสียงของบุคคลที่หนุ่มร่างหมีคุ้นเคยเป็นอย่างดีก็ดังขึ้น ๆ พร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของเขาและชายคนรัก

“พี่เต๋อหวัดดีครับ”

“เออ ๆ นั่งก่อนมึง อยากแดกไรก็หาเอา” ตรินเอ่ยกับแฝดน้องห้วน ๆ ก่อนจะปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์กับบริษัทจัดส่งของด้วยท่าทางมีพิรุธ

ฌอนพยักหน้ารับคำอดีตรุ่นพี่ผู้ควบตำแหน่งเจ้านายคนปัจจุบันอย่างว่าง่าย จากนั้นจึงปรี่เข้าไปทักทายเพื่อนสนิทด้วยความคิดถึง “ไงไอ้หล่อ”

อาจเป็นเพราะห่างหายกันไปหลายเดือน แฝดน้องจึงลืมเลือนไปว่า เพื่อนรักรูปงามเป็นถึงขาอำซึ่งถนัดใส่สี เต้าข่าวที่ไม่มีมูล แถมยังโปรดปรานการยุแยงจนครอบครัวคนอื่นร้าวฉานเป็นงานอดิเรกอีกต่างหาก “ไงไอ้เหี้ยแฝด จิ๊ จิ๊ จิ๊ จิ๊! กูไม่เจอมึงแค่ไม่กี่เดือน ไหงมึงถึงได้โทรมเป็นผีแบบนี้ล่ะ... ซาวน่าบ่อยหรือไงวะ เก็บกด อัดอั้นอะไรนักหนาเหรอมึง?” ธันวาส่ายหน้าด้วยความระอาขณะเอ่ยแสร้งถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

เสียงเล่าลือที่เพิ่งลอยกระแทกหูทำเอาอคิรายุติพิธีกรรมกระหน่ำเซลฟี่กับหลานอาม่าใหญ่แล้วปรี่เข้ามากระแอมใส่หน้าสองหนุ่มตรงอีกมุมห้องด้วยจิตสังหารขั้นสูงสุด “อะแฮ่ม!

ไอ้สัดหล่อ! ให้มันน้อย ๆ หน่อย! เดี๋ยวเหอะ! เดี๋ยวมึงจะโดน!” แฝดน้องยกนิ้วชี้หน้าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดด้วยท่าทางร้อนรนไม่เหลือเค้าสุขุมนุ่มลึกตามปกติวิสัยอีกต่อไป ฝ่ายอดีตเดือนบริหารก็แยกเขี้ยวกางกรงเล็บเตรียมกระซวกวิญญาณคนรักพร้อมกับซักไซ้พยานปากมอมอย่างถึงพริกถึงขิง

เรื่องมันเป็นยังไงห๊ะเก็ก? ยังไง? ไหนขยายมาซิ!

“นั่นสิครับพี่หมี... ซาวน่าอะไรยังไง ทำไมขาเผือกเจ้าประจำอย่างผมถึงไม่รู้เรื่อง?” เมื่อเห็นช่องเอาคืนฌอนแบบจะ ๆ สกลก็กระโดดเข้าร่วมวงอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังด้วยหวังบดขยี้คู่แค้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาไม่ให้เหลือซาก

เดชะบุญที่ฌอนตั้งสติได้ทันท่วงที ชายหนุ่มจึงจ้องอริยะตรัยคนน้องตาเขม็งเพื่อส่งคำขู่ไปให้อีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน จากนั้นจึงเปรยเสียงเรียบเฉียบขาด “...ดี ๆ หล่อ...”

จริงอยู่ที่แม้สายตาเกรี้ยวกราดของแฝดน้องจะทำให้ธันวาเสียวสันหลังได้เป็นระยะ ๆ แต่ครั้นจะให้เขายอมล่าถอยโดยไม่ทิ้งท้าย ก็ดูจะผิดคอนเซปต์บ่างช่างยุเกินไปนิด  “เฮ่ย! ไม่มีไร ๆ เมื่อกี๊เราแค่แหย่ไอ้แฝดมันเฉย ๆ เห็นมันหน้าเครียด ๆ เลยอยากให้มันยิ้มบ้าง” เก็กแสร้งเออออห่อหมกตามน้ำเพื่อเอาใจเพื่อนรักต่างคณะ ก่อนจะวางยาซ้ำด้วยการเอ่ยประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มแกล้มท่าทางหลุกหลิกไม่น่าเชื่อถือ “เอาน่า! อย่าคิดมากไปเลยอิ๊ก ไอ้แฝดมันก็ไปทำงานกับพี่เต๋อตามปกตินั่นแหละ ไม่ได้มีแว่บไปไหนเลยจริงจริ้งงง!” ปะเหมาะเคราะห์ดีที่หางตาเหลือยไปเห็นเต๋อเดินกลับเข้าห้องมาพอดี ชายหนุ่มจึงใช้รุ่นพี่เป็นไม้ตายในการเสี้ยมสถานการณ์มันเสียเลย “ใช่ไหมครับพี่เต๋อ?”  

อะไรของมึง? ใช่เหี้ยอะไร?! ตรินแหวใส่เพราะไม่อยากกลายเป็นตัวตลกในวงสนทนาที่ตนไม่รู้เหนือรู้ใต้มาก่อน
“ก็เรื่อ...”
“พักนี้งานเยอะหรือเปล่าครับพี่เต๋อ? แล้วนี่มีกินเลี้ยงกับลูกค้าบ่อยไหม? เวลากินเลี้ยง ไปกันหมดทั้งแผนกหรือเปล่า?” อิ๊กจี้ถามรุ่นพี่ร่างหมีโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวติด

เต๋อยกมือขึ้นปรามพลางจี้ถามถึงสาเหตุของท่าทีสุดประหลาดที่รุ่นน้องหน้าหวานเป็นอยู่โดยไม่รอช้า “เดี๋ยว ๆ ไอ้อิ๊ก มึงใจเย็นก่อน... มึงไปโดนใครเป่าหูมาเนี่ย?”

ไอ้นั่น!

“หึ หึ!” แม้จะโดนอคิราซัดทอดความผิดให้อย่างจัง แต่เก็กกลับหลุดหัวเราะเสียงดังด้วยสุดจะกลั้น จากนั้นเจ้าตัวก็ส่งสายตาท้าทายให้เพื่อนรักผู้ตกเป็นจำเลยซ้ำซ้อนอย่างไม่ยี่หระผู้ใด...

เมื่อหวนคิดถึงสาเหตุของความวุ่นวายในครั้งนี้ ความรู้สึกกรุ่น ๆ ก็ตีรวนขึ้นมาในอกอีกครั้ง ล่าสุดที่เหล่าสมุนเลวนัดเจอกัน ฝ่ายนั้นแกล้งอำจนคนรักตัวน้อยของอดีตเดือนมหาลัยเข้าใจผิดไปว่า ผิวอ่อนรอบ ๆ ริมฝีปากที่แตกแห้งเป็นขุย คือ อาการเบื้องต้นของโรคเริม ทั้ง ๆ ที่สภาวะน่าสงสัยดังกล่าว แท้จริงแล้วเกิดจากการที่พักหลัง ๆ หนุ่มรูปงามมักจะเผลอเลียริมฝีปากจนติดเป็นนิสัย กลายเป็นว่ากว่าจะได้ไปหาหมอเพื่อยืนยันว่าตัวเขาปลอดภัยไร้โรคติดต่อ บ๊วยก็สั่งงดชั่วโมงทำการบ้านเพื่อรอดูอาการอยู่เกือบอาทิตย์...

หึ! เมื่อกี๊ก็ถือว่าเจ๊ากันไปแล้วกันนะไอ้เกลอสนิทมิตรรัก! 


รุ่นพี่ร่างหมีถอนหายใจใส่หน้าน้องเมียอย่างเหลืออด “มึงนี่ก็เหลือเกินจริงจริ้งงงนะไอ้เหี้ยหล่อ! นับวันยิ่งแก่กะโหลกกะลา! น่าจับมึงไปนอนให้หมาเยี่ยวใส่ฉิบหาย!” จบจากธันวา เต๋อก็หันกลับไปมองหน้าอคิราด้วยสายตาอ่อนอกอ่อนใจไม่แพ้กัน “ส่วนมึงนี่ก็... เฮ่อ!...”

จากที่ไม่คิดว่าจะต้องปากเปียกปากแฉะรายงานความเป็นไปของไอ้ลูกน้องกิตติมศักดิ์ให้อดีตเดือนบริหารได้รับฟัง ใบหน้าหวานซึ้งทว่าหมองเศร้าซึ่งดูไม่เข้ากับสายตามีความหวังตรงหน้าก็บังคับให้หนุ่มหน้าคมจำต้องกล้ำกลืนอธิบายที่มาที่ไปแทนลูกน้องอย่างเสียไม่ได้ “ไอ้ฌอนมันทำงานตัวติดกันกับกูตลอดนี่แหละ กูไปไหน มันก็ไปด้วย เพราะมันเป็นผู้ช่วยกู... ส่วนเรื่องกินเลี้ยง มันก็เลี่ยงไม่ได้หรือเปล่าวะ?”

แต่มันจะไม่บ่อยไปหน่อยเหรอครับพี่เต๋อ?!

ปีละสี่ครั้งนี่บ่อยเหี้ยอะไร?! มึงรู้ไหมว่า ทีมกูเนี่ยเมาหยำเปน้อยที่สุดในบริษัทแล้วนะเว่ย!” พอโดนอิ๊กขึ้นเสียงใส่ เจ้าบ้านร่างใหญ่ก็โก่งคอตวาดกลับอย่างไม่ยอมน้อยหน้า  

ที่มพี่เต๋อจะเมากันกี่ครั้งผมก็ไม่แคร์!... ก็ผมรักผมหวงของผมหนิ!

“โว้ยยย! มึงจะคิดเล็กคิดน้อยอะไรนักหนา... หือไอ้อิ๊ก? กูเห็นเวลาไอ้ฌอนมันต้องกลับเลยเวลาทีไร มันก็คอยโทรรายงานมึงแทบจะทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงจนจะเป็นลูกแหง่ติดแม่เข้าไปทุกทีอยู่แล้ว หรือมึงจะให้กูติดกล้องถ่ายทอดชีวิตมันตั้งแต่เช้าจรดเย็นไม่เว้นวันหยุดราชการแข่งกับหลินห้อย... กูต้องทำแบบนั้นใช่ไหมมึงถึงจะพอใจน่ะห๊ะ?!

ก็แล้วมันได้ไหมล่ะครับ? ถ้าได้ พี่เต๋อก็จัดการให้ผมเสียวันนี้พรุ่งนี้เลยสิ!” ลูกประชดของเต๋อทำอะไรหนุ่มรุ่นน้องเวอร์ชั่นหวงผัวจนตัวตายไม่ได้เลยสักนิด

“จิ๊ จิ๊ จิ๊... ให้มันน้อย ๆ หน่อย มัวแต่หึงไม่ลืมหูลืมตา เดี๋ยวแฝดมันจะตกงานเอานะ” กังฟูส่งเสียงแทรกขึ้นทันใดจนทั้งหมดหันไปมองเจ้าบ้านร่างเล็กบนชานบันไดชั้นสองเป็นตาเดียว

กรกฏอุ้มลูกชายคนโตเดินลงมาชั้นล่างพลางส่งสายตาห้ามปรามอดีตเดือนบริหารไม่ให้ลามปามคนรักร่างหมีของตนอีกต่อไป ด้านหลังที่เดินตามลงมาติด ๆ คือ ด้วงในสภาพเรี่ยมเร้เรไรกับลูกชายคนกลางในวงแขน และบ๊วยกับหลานชายคนเล็กที่ก้าวลงบันได้ปิดท้ายขบวน  

แม้จะคันปากอยากสวนกลับอริเก่าให้กระอัก แต่เมื่อเหลือบไปเห็นเจ้าแก้มย้อยทั้งสามในชุดมินเนี่ยนสุดน่ารักเต็ม ๆ สองตา หัวจิตหัวใจของอคิราก็อ่อนยวบลงเดี๋ยวนั้น “ผมก็แค่ลองขอพี่เต๋อไปงั้นแหละครับ ได้ก็ดี... ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงผมก็เชื่อใจฌอนที่สุดอยู่แล้ว... เนอะ!

“หึ หึ... ครับ”

หึ!” ตรินกับธันวาฮึ่มฮ่ำด้วยความหมั่นไส้พลางกลอกตาใส่สองหนุ่มคู่รักสุดดราม่าอย่างระอาเต็มแก่ ก่อนที่รายแรกจะสลัดอารมณ์ขุ่นมัวทิ้งไป แล้วจึงส่งยิ้มให้คนรักทั้งสอง น้องรหัส รวมถึงเจ้าของวันเกิดทั้งสามหน่อด้วยความรักและเอ็นดูอย่างที่สุด

“ว่ายังไงครับเด็ก ๆ  ไหน... คนไหนชื่อเรียงเสียงไรกันเอ่ย?” สกลบีบเสียงเล็กเสียงน้อยเพื่อฝอยกับหลานแฝดทั้งสามทันทีที่ทั้งหมดถูกอุ้มเข้ามาในวงสนทนา ฝ่ายหมีโพลาร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็สืบเท้าเข้าไปกอดเอวหลานอาม่าใหญ่เอาไว้พลางคุยกับเด็กน้อยบังหน้าแบบเนียน ๆ

“โอ้โห... อารินไม่ได้มาหาพวกหนูแป๊บเดียว ทำไมโตเป็นหนุ่มไวกันจังครับ?”

“เอาไว้ค่อยถามตอนกินข้าวก็ได้ เดี๋ยวกูจะเล่าให้มึงฟังอย่างละเอียดเลย โอเคไหมริน?” เจ้าบ้านหน้าคมต่อรองพลางกวักมือเรียกเหล่ามิตรสหายให้เดินตามไปยังโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้พรั่งพร้อม








“หึ หึ หึ พอมีแรงก็เริ่มอยู่ไม่นิ่งกันแล้วเหรอ?” ทันทีที่รวบช้อนส้อมลงกลางจาน นายสัตวแพทย์หนุ่มก็ถามคนเป็นป๊ะป๋าหลังเห็นหลานแฝดคนเล็กเริ่มส่ายหน้าใส่ผลไม้ที่ทั้งบ๊วย อิ๊ก และสกลพยายามหลอกล่อให้กินอยู่อีกมุม

“อือ แบบนี้ประจำแหละ กินยังไม่ทันเสร็จก็จะพากันคลานไปเล่นแล้ว แต่วันนี้เรียบร้อยผิดปกตินะ สงสัยจะรู้ว่ามีผู้ใหญ่อยู่เยอะ” เมื่อไขข้อข้องใจของสารินจบ กรกรฏก็ก้มลงไปคุยกับลูกชายคนโตที่ตนกอดประคองอยู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานระคนเอ็นดูสุดชีวิต “ใช่ไหมครับพี่พลายสุดหล่อของพ่อฟู?!” สิ้นคำ ชายหนุ่มก็ฝังปลายจมูกปล้ำหอมเด็กน้อย จนมินเนี่ยนพลายส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดสลับกับหัวเราะคิกคักชอบใจ

“แล้วในสามคนนี่ คนไหนเอาเรื่องสุด?” พ่อหมีขาวยังคงเพลิดเพลินกับการรับฟังเรื่องของหลาน ๆ อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่ายเพราะทางฝั่งเขากับหนุ่มแว่น ไม่มีหลาน ๆ ให้คอยเห่อ คอยหวงดังเช่นบ้านบ๊วยผู้เป็นเพื่อนสนิทคนรักเลยสักคน  

“พวกมึงลองเดาดูดิ” ตรินหยั่งเชิงเพื่อนร่วมวงสนทนาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์  

“ผมว่าไม่น่าจะใช่พลุนะ... ดูดิ ขนาดกินผลไม้ยังนิ่งเลยอ่ะพี่” เก็กเดาจากท่าทางของหลานชายคนกลางที่เอนซบวิญญูอย่างเรียบร้อยราวกับเป็นลูกโคอาล่าตัวน้อยในกระเป๋าหน้าท้องแม่หมีอย่างไรอย่างนั้น  

“หึ!” เจ้าบ้านหน้าคมถึงกับหลุดหัวเราะกับคำตอบที่ได้ยิน กระนั้นตรินกลับไม่ได้เอ่ยคำใด หากแต่หันไปสบตาด้วงคล้ายจะส่งต่อหน้าที่ในการอธิบายให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลลูกชายคนที่สองยิ่งกว่าใคร ๆ ในโลกหล้า

“หลานคนกลางของเก็กนี่แหละที่ทำพวกพี่ ๆ หัวหมุนที่สุด”

“อ้าว! ไหงงั้นอ่ะพี่ด้วง?!” ไม่ใช่แค่อดีตเดือนมหาลัยที่แปลกใจกับคำตอบของวิญญู สารินและฌอนเองก็ดูจะเซอร์ไพรส์กับสิ่งที่เพิ่งได้ยินอยู่ไม่น้อย

“ถ้าเทียบกันระหว่างสามคน พี่บอกได้เลยว่า ลูกพี่คนนี้เป็นตัวของตัวเองสุด ๆ ” หนุ่มหน้าหยกเอ่ยพลางก้มมองเด็กน้อยที่นั่งแทะแอปเปิ้ลหั่นเป็นแท่งคล้ายเฟรนช์ฟรายอย่างสงบเสงี่ยมบนตักแล้วก็คลี่ยิ้มละไมให้ “เหมือนพี่พลายจะรู้ตัวว่าเขาเป็นพี่คนโต เพราะถึงจะชอบพาน้องเล่นเย้ว ๆ  แต่พอพวกพี่ ๆ คุยด้วยดี ๆ ขอให้เขาเลิก บอกให้เขานอน.... พูดกับเขาด้วยเหตุด้วยผล สุดท้ายพี่พลายเขาก็จะยอมเข้าใจและให้ความร่วมมือ ไม่งองแง...
.
.
...ส่วนคนเล็กนั่นก็หัวอ่อน ขี้อ้อน แถมยังว่าง่ายจนใครเจอก็รักก็หลงกันแทบทุกคน” จริงดังคำด้วงว่า เพราะเมื่อทั้งหมดหันไปตรวจสอบสถานการณ์ล่าสุดตรงอีกมุมห้อง เหล่าชายหนุ่มทั้งสามต่างพากันทำหน้าทำตาฟินสุดติ่ง หลังเด็กชายพลับยอมกินแอปเปิ้ลแท่งจนหมดจาน   

“ในขณะที่พลุก็พลุสมชื่อมาก” เต๋อเปรยเรื่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงขบขัน “วันไหนอารมณ์ดีพวกกูก็สบายตาสบายใจเหมือนั่งดูเทศกาลดอกไม้ไฟที่ญี่ปุ่น แต่วันไหนนึกจะหวีดเป็นปะทัดตรุษจีน กูกับด้วงนี่ต้องสลับกันหยุดงานมาอยู่ดูลูกเป็นเพื่อนฟูกันเลยทีเดียว... แล้วไอ้ส่วนที่ยากที่สุดคืออะไรรู้ไหม?” เมื่อบรรดาผู้ฟังส่ายหัวกันป้อย ๆ  คนเป็นป๊ะป๋าจึงไม่ปล่อยให้ทั้งหมดคอยเก้อ “พวกกูไม่รู้ไงว่าวันไหนจะไฟเย็น หรือจะประทัดทั้งพวงน่ะสิ หึ หึ!

“โห... สมกับเป็นลูกคนกลางเลยเนอะพลุเนอะ” อริยะตรัยคนน้องชวนหลานชายคนกลางคุยอย่างออกรสโดยไม่ทันสังเกตว่ามินเนี่ยนน้อยค่อย ๆ เอนตัวซบคุณพ่อหน้าหยกแถมยังหดคอหลบอาเจ็กที่ยื่นหน้าเข้าใกล้คล้ายกับรังเกียจ “อ้าว! แล้วนั่นจะหนีเจ็กทำไมอ่ะคร๊าบ? ทำแบบนี้เจ็กเสียใจน้า”

“เก็กก็มาให้หลานเห็นหน้าบ่อย ๆ สิ หลานจะได้ไม่กลัว” ด้วงอธิบายด้วยสีหน้าระบายยิ้ม  

“เดี๋ยวเดือนหน้าผมกับบูบู้ก็จะลงมาดูร้านที่กรุงเทพฯ แล้วล่ะครับ... ไว้ผมจะพาบูบู้มาช่วยเฮียเลี้ยงหลานบ่อย ๆ ก็แล้วกันนะพี่ด้วง” เมื่อได้ยินคำสัญญาเป็นมั่นเหมาะของน้องเมีย วิญญูก็พยักหน้ารับพลางคลี่ยิ้มน่ามองให้เป็นการตอบแทน  

เอ้าเด็ก ๆ กินเสร็จแล้วก็มาแกะของขวัญกันดีกว่า พวกหลาน ๆ จะได้รู้ว่าคุณอาคนไหนสายเปย์ที่สุด!!” หลานอาม่าใหญ่พูดเสียงดังอย่างภาคภูมิใจขณะเดินส่ายอาด ๆ กลับมาร่วมโต๊ะกับทุกคนพร้อม ๆ กับบ๊วยที่อุ้มหลานคนเล็กกลับมานั่ง ก่อนจะยกมินเนี่ยนตัวจิ๋วส่งให้อาอิ๊กไปอุ้มต่ออีกทอด  

“ดี!... งั้นเอาของอาแนนก่อนเลย! อยากรู้เหมือนกันว่าอาแนนจะเปย์หลาน ๆ หนักแค่ไหน” กรกฏปรายหางตามองหนุ่มสี่ตาอย่างท้าทาย อีกฝ่ายจึงรับคำท้าพลางส่งสัญญาณให้หมีโพลาร์ออกหน้านำเสนอแทนตน

“พี่รินจัดเลยครับ!

“เนื่องในโอกาสวันเกิดปีแรกของพวกหลาน ๆ อารินกับอาแนนขออวยพรให้หลาน ๆ เป็นเด็กดี แข็งแรง สดใส และฉลาดเฉลียวสมวัยนะครับ... อาฝากของขวัญให้ป๊ะป๋ารับแทนพวกหนูนะลูก” ว่าแล้วชายหนุ่มทั้งสองก็ประคองซองอั่งเปาส่งให้เต๋อโดยพร้อมเพรียงกัน ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ผู้ร่วมงานคนอื่น ๆ รวมทั้งเหล่าบิดาทั้งสามอดงงงวยไม่ได้... บรรยากาศกากี่นั้งเมื่อกี๊นี้มันอะไร? งานเลี้ยงวันเกิดหรือวันเที่ยวช่วงตรุษจีน?!

หลังจากติดนิ่งไปหลายวินาที ตรินก็ตั้งสติได้ “บาง ๆ แบบนี้ สงสัยอารินกับอาแนนจะให้เช็กรับขวัญเสียล่ะมั้งลูก ๆ ” เจ้าของประโยคเอ่ยติดตลกพลางมองหน้าเพื่อนรักต่างคณะและคนรักด้วยสายตาฉงนฉงาย

หืม?!” ท่าทางแปลกใจหลังฉีกซองแดงของเต๋อทำเอาด้วงกับกังฟูพลอยสงสัยไปตาม ๆ กัน ป๊ะป๋าหน้าคมจึงยื่นกระดาษแข็งเลี่ยมขอบทองขนาดไม่หนีไปจากนามบัตรสักเท่าไรส่งให้คนรักทั้งสองทัศนาด้วยตัวเอง

“บัตรสมนาคุณแลกรับลูกหมาพันธุ์แท้พันธุ์ใดก็ได้จากฟาร์มทริปเปิ้ลเอสจำนวนหนึ่งตัว หมายเหตุ...บัตรใบนี้เป็นเอกสิทธิ์ที่มอบให้หลานแฝดทั้งสามของอาแนนและอารินในโอกาสเกิดมาดูโลกครบสามร้อยหกสิบห้าวันโดยเฉพาะ” วิญญูรับหน้าที่อ่านเนื้อความบนการ์ดในมือของกรกฏให้ทั้งหมดฟัง  

โห! อะไรเนี่ย?! โคตรไม่ลงทุนเลยว่ะไอ้หนูแนน! ให้การ์ดแค่นี้ยังกล้าอวดตัวเองอีกเหรอว่าเป็นคุณอาสายเปย์? สายโม้ทั้งเพล่ะสิไม่ว่า! ” อดีตเดือนมหาลัยประนามเพื่อนหัวไข่อย่างไม่ไว้หน้าจนสกลไม่อาจสงวนท่าทีได้อีกต่อไป

“พี่หมีครับ... ก่อนพี่หมีจะกระแนะกระแหนแซะซ้ำคนอื่น ได้โปรดช่วยแง้มกะลาออกมารับรู้สักนิดเถอะครับว่า ลูก ๆ ที่ฟาร์มผมนี่ตัวละเกินครึ่งแสนนะครับ”

เอาจริงดิ?!” ความที่ไม่มีเรื่องสุนัขสายพันธุ์ยอดเยี่ยมอยู่ในหัวเลยสักนิด ธันวาจึงอดช็อกกับราคาที่อีกฝ่ายเปิดเผยไม่ได้ ซึ่งท่าทางเหวอจนไปไม่เป็นของชายหนุ่มรูปงามจัดว่าสาสมใจของหลานอาม่าใหญ่อย่างที่สุด
.
.
.
.
“คืองี้นะเต๋อ ด้วง ฟู... พอดีเราสองคนคุยกันแล้วและเห็นตรงกันว่า สัตว์เลี้ยงมีข้อดีต่อการพัฒนาของเด็ก ๆ อยู่มาก อย่างน้อย ๆ หากพวกเขาอยากเลี้ยงสัตว์สักตัว เด็ก ๆ ก็จะรู้จักการรับผิดชอบดูแลอีกหนึ่งชีวิตไปโดยปริยาย แถมจะได้นิสัยอ่อนโยน และมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกต่างสายพันธุ์ติดตัวไปจนโตอีกด้วย... เอาเป็นว่า ถ้าวันใดวันนึงข้างหน้าเกิดพลาย พลุ หรือพลับอยากเลี้ยงน้องหมาขึ้นมา ก็ให้หลานมาเลือกตัวที่อยากได้ที่ฟาร์มของพวกเราได้เลย” ที่สุดแล้ว สารินก็พาทุกคนวกกลับเข้าสู่เจตนาเบื้องหลังของขวัญสุดประหลาดชิ้นดังกล่าวจนได้ 

“แล้วถ้าลูก ๆ กูเกิดไม่ชอบสัตว์ล่ะ?”

“ฮึ! พี่เต๋อแอบคิดว่าพวกเราจะเลินเล่อมองข้ามประเด็นนี้ไปใช่ไหมล่ะ?!” หนุ่มแว่นกอดอกพลางเอ่ยอย่างถือดี “หึ! ขอโทษด้วยนะครับที่ผมต้องทำให้พี่เต๋อต้องผิดหวัง เพราะในจุด ๆ นี้ พวกเราก็ได้เตรียมการเผื่อเอาไว้แล้วเช่นกัน!” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยื่นมือเข้าไปล้วงกระเป๋าด้านในเสื้อคลุมของพ่อหมีขาวอย่างถือวิสาสะก่อนจะชักการ์ดเล็ก ๆ อีกสองใบออกมาส่งให้คุณป๊ะป๋าของสามฝาแฝด “นั่นคือบัตรสมนาคุณสำหรับเบิกเครื่องดนตรีตามใจชอบมูลค่าไม่เกินสามหมื่นบาทต่อชิ้น  ส่วนนี่ก็บัตรเบิกอุปกรณ์กีฬาอย่างละชุดต่อคน”

“...”  พอเห็นข้อความในกระดาษอีกสองใบเต็มตา บรรดาพ่อ ๆ ต่างลอบมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม

“ก็ให้มันรู้กันไปสิว่าจะไม่มีหลาน ๆ คนไหนชอบทั้งกีฬา หรือดนตรีทั้ง ๆ ที่พวกพ่อ ๆ ก็ออกจะครบเครื่องกันเสียขนาดนี้น่ะ!” เมื่อพูดจบ คนเห็นผีก็พักสูดลมหายใจเข้าเสียงดังหลังพล่ามคนเดียวเสียยืดยาวอยู่นานสองนาน
.
.
.
.
“ขอบใจมากนะ พี่เชื่อว่าพวกเด็ก ๆ ต้องชอบของขวัญของแนนกับรินมากแน่ ๆ ” หนุ่มหน้าหยกเป็นคุณพ่อคนแรกที่เอ่ยกับคู่รักทั้งสองอย่างซาบซึ้ง ก่อนที่อริยะตรัยคนพี่จะสำทับตามหลังมาติด ๆ

“แต่คงต้องรอให้โตกว่านี้อีกนิดนั่นแหละ”

“จะเมื่อไรก็ย่อมได้ครับ เพราะบัตรสมนาคุณของผม ไม่มีวันหมดอายุ!” ว่าจบแล้ว หนุ่มแว่นก็ยื่นหน้าไปมองเยาะธันวาอย่างหาเรื่อง “หึ หึ... ไงล่ะครับพี่หมี เจอของขวัญเทพ ๆ ของพวกผมเข้าไปถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยเหรอ?”

“หึ! เดี๋ยวก็รู้ไอ้หนูแนน!” เก็กตอบพลางยักคิ้วท้าทายสมุนเลวหัวไข่ก่อนจะหันไปเร่งเร้าพี่เขยร่างหมีในท้ายที่สุด “พี่เต๋อแกะของขวัญของพวกผมเลยครับ หลาน ๆ จะได้ประจักษ์ถึงสุดยอดของขวัญที่แท้จริง!

“...เฮ่อ!...” คำขอของอดีตเดือนมหาลัยทำให้เต๋อส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย ชายหนุ่มที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอยากเอาชนะเป็นเด็ก ๆ ผู้นี้น่ะหรือ ที่ลูก ๆ เขาต้องนับถือเป็นอาเจ็ก?!

กระนั้น ก่อนที่เจ้าบ้านร่างหมีจะเริ่มแกะของขวัญกล่องสีม่วงที่ชาวไร่รูปหล่อภูมิใจนำเสนอ มินเนี่ยนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนหน้าขาของอิ๊กก็ส่งเสียงเรียกความสนใจของเหล่าอา ๆ ขึ้นกลางคัน


“ป๊ะป๊ะ! ป๊ะ... ป๊ะ!

“หนูครับ... หนูช่วยป๋าแกะของขวัญต่อที” เต๋อหันไปบอกกับกังฟูและด้วง จากนั้นจึงลุกขึ้นไปอุ้มแฝดคนเล็กในสภาพตาโรยแล้วพากลับมานอนพาดบ่าพลางตบก้นเด็กน้อยเบา ๆ เพื่อกล่อมให้หลับ  

“หลานพูดได้แล้วเหรอครับพี่?” ฌอนอดสงสัยไม่ได้ เพราะตั้งแต่มินเนี่ยนทั้งสามถูกอุ้มลงมาข้างล่างจนถึงหลังกินข้าว พวกเขาก็ยังไม่ได้ยินเด็ก ๆ ส่งเสียงอื่นใดนอกเหนือไปจากเสียงหัวเราะและกรีดร้องยามชอบใจหรือหงุดหงิดเลยสักครั้ง

“นั่นสิ! ผมนึกว่าพลับเข้าใจแต่ยังพูดไม่ได้เสียอีก” อคิราเสริมความตามที่ตนเข้าใจ

แม้ว่าภายหลังจากที่มีลูก กรกฏจะลดดีกรีความเปรี้ยวซ่าลงจากเดิมจนแทบจะกลายเป็นคนละคน แต่ชายหนุ่มกลับยังให้ความสนใจแก่ทุก ๆ ความเคลื่อนไหวของคู่ปรับเก่าอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย จึงไม่น่าแปลกใจหากประโยคเมื่อสักครู่ของอิ๊กจะได้รับการตอบสนองทันควันจากพี่ชายของธันวา “เออ! พวกเด็ก ๆ พูดได้สักพักแล้ว... ถามทำไม?”

“เมื่อกี๊ที่พวกผมช่วยกันป้อนข้าวหลานน่ะครับ ตาพลับจะดูดปากทุกครั้งที่ได้ยินพวกเราพูดว่าหม่ำ ๆ กับ อั้ม ๆ ตลอด พวกเราเลยอดสงสัยไม่ได้น่ะครับเฮียฟู” ลูกแม่บัวออกหน้าอธิบายเพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุระหว่างสองขั้วอำนาจดั้งเดิมซึ่งต่อให้นานแค่ไหน ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะลงรอยกันได้สักที

“หืม?!... หลานทำยังไงเหรอครับบูบู้?” เก็กอดถามแทรกขึ้นไม่ได้  

“ก็แบบนี้ไงครับพี่หมี” ฝ่ายบ๊วยก็พาซื่อ เพราะเมื่อพูดจบ เจ้าตัวก็ห่อปากจู๋ทำท่าเลียนแบบหลาน ๆ อย่างตั้งอกตั้งใจ ทว่าความตั้งใจดีของชายกลางกลับถูกคนเจ้าเล่ห์ข้าง ๆ ทำลายด้วยกระบวนท่าฉกจูบสายฟ้าแลบเข้าเสียก่อน

โห่!! ไอ้หล่อแม่ง!” เหยื่อผู้เห็นเหตุการณ์เกือบทั้งโต๊ะถึงกับโห่สดุดีความหน้าด้านหน้าทนของอดีตเดือนมหาลัยกันอยู่พักใหญ่ ๆ ดีว่าจังหวะเมื่อกี๊ มินเนี่ยนพลายกับพลับเอาแต่สนใจช่วยบรรดาพ่อ ๆ ทั้งสองแกะของขวัญจึงไม่ต้องเห็นภาพบาดตา ฝ่ายพวกผู้ใหญ่ที่เหลือก็เหลือบมองบนด้วยความละเหี่ยอุราไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  

เห็นดังนั้น อริยะตรัยผู้น้องก็นั่งกุมท้องหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจพลางกอดลูกแม่บัวให้ซุกหน้าหลบสายตาคนอื่นไปตามระเบียบ “เออ ผมก็ว่าจะถามพวกพี่ตั้งนานแต่ก็ลืมทุกที... สรุปแล้วคำแรกของหลานผมแต่ละคนนี่พูดอะไรกันอ่ะครับพี่เต๋อ?” ธันวาชิงเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้คนรักต้องรู้สึกประดักประเดิดหนักข้อไปกว่านี้  

มึงนี่พลิ้วจนกูอายเลยว่ะหล่อ!” เจ้าบ้านหน้าคมชี้นิ้วคาดโทษพลางลูบหลังลูกชายคนเล็กที่หลับไปได้สักพัก ฝ่ายคนโดนด่ากลับลอยหน้าลอยตาพลางหัวเราะแห้ง ๆ อย่างไม่ได้รู้สำนึก

“สรุปว่าหลาน ๆ พูดอะไรเป็นคำแรกกันบ้างอ่ะครับ?” เก็กยังคงหน้ามึนไม่ลดละ ตรินเลยไพล่ไปตอบคำถามของอีกฝ่ายแทนที่จะถือสาสุดยอดบุคคลหน้าหนาอย่างน้องเมียให้เสียอารมณ์

“อืม... คำแรกของพี่พลายน่ะเหรอ” ป๊ะป๋าร่างหมีครุ่นคิดระหว่างชำเลืองมองลูกชายคนโตที่กำลังนั่งเขย่าของเล่นชิ้นใหม่อยู่ในอ้อมกอดอันปลอดภัยของอริยะตรัยผู้พี่ “หึ!... รายนั้นเขารู้งาน เพราะพูดคำว่า ย่า เป็นคำแรก แถมยังพูดต่อหน้าคุณย่าทั้งสองคนเสียอีก วันนั้นพี่พลายเลยได้เงินขวัญถุงจากแม่กูกับแม่ด้วงมาอื้อซ่าด้วยเหตุที่ทำให้พวกคุณย่าดีใจกันมาก”

เมื่อพูดถึงมินเนี่ยนคนโตจบ ตรินก็ลากสายตาเลื่อนไปจับจ้องลูกคนกลางซึ่งครองหน้าตักของวิญญูไว้กับตัวก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงภูมิใจปิดไม่มิด “พลุนั่นก็สปอยล์แด๊ดเขาเต็มที่ เพราะตั้งแต่พูดคำว่า ดี๊ได้ก็เรียกหาแต่ดี๊ ๆ ทั้งวัน ส่วนคนนี้... ก็ได้สมใจพ่อเขาล่ะ เพราะเรียกพ่อ ก่อนคำไหน ๆ เลย... ใช่ไหมหนู?” คนพูดละสายตาจากเสี้ยวหน้ายามหลับของลูกชายคนเล็กเพื่อหันไปขอคำยืนยันจากกังฟู

“ฮื่อ” คนเป็นพ่อรับคำด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ และนั่นเป็นครั้งแรกที่เหล่าสมุนเลวตระหนักได้ถึงสรรพนามแปลกใหม่ที่สามรุ่นพี่ใช้เรียกกันอย่างหวานหยดจนพวกเขาทั้งหมดอดทำหน้าเขินแทนไม่ได้ 

ส่วนกรกฏก็กำลังนึกย้อนไปถึงตอนที่ได้ยินลูกชายคนเล็กเรียกหาตัวเองเป็นครั้งแรก จนกระทั่งบัดนี้ ชายหนุ่มยังคงไม่สามารถบรรยายความรู้สึกดีใจ ณ ห้วงขณะดังกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้ดีนัก เพราะมันช่างพิเศษและทำให้หัวใจพองโตดีเหลือเกิน แต่เหนืออื่นใด คือ ความรู้สึกโล่งอกที่รู้ว่าลูกชายคนเล็กซึ่งพูดช้ากว่าพี่ ๆ อยู่หลายสัปดาห์ เป็นเด็กปกติที่ไม่มีอาการผิดปกติทางการได้ยิน หรือเป็นโรคร้ายแรงอื่น ๆ


“เอ้อ แล้วนั่นของขวัญใคร?” ตรินหันไปยิงคำถามใส่แขกผู้มีเกียรติโดยไม่ละมือที่ลูบแผ่นหลังกระจ้อยร่อยของเด็กน้อยเลยสักวินาที

“สองกล่องนั้นของพี่ชายฝากมาครับ” ฌอนเฉลยที่มาของของขวัญที่เจ้านายถามถึง

“อ้าว! ทำไมถึงมีสองกล่องล่ะ?” วิญญูอดสงสัยไม่ได้

“อ๋อ พี่ชายบอกว่ากล่องนึงให้น้องพลาย อีกกล่องให้น้องพลุครับ”

“หืม?!” ด้วงเลิกคิ้วพลางจ้องหน้าแฝดน้องโดยไม่ละสายตาระหว่างรอฟังคำตอบ  

“คืองี้ครับพี่ด้วง พี่ฌานบอกพวกผมว่า ถ้าพี่ฌานกลับมาอยู่เมืองไทยเมื่อไร พี่ฌานจะเอาของขวัญวันเกิดของน้องพลับทุก ๆ ชิ้นมาให้น้องพลับด้วยตัวเองครับ” อคิราเอ่ยแทรกขึ้นเพื่อรับหน้าแทนคนรัก  

“ทำไมวะ?” รอบนี้เป็นเต๋อที่แสดงอาการติดอกติดใจกับจุดประสงค์ของร่างทรงหนุ่มที่หายไปจากสารบบของพวกเขาส่วนใหญ่ด้วยเหตุผลเรื่องงานเป็นสำคัญ    

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่เต๋อ พอดีพี่ฌานไม่ได้อธิบายอะไร” อดีตเดือนบริหารตอบแกน ๆ  เพราะลำพังเขากับฌอนก็แทบไม่รู้อะไรมากไปกว่าคนอื่น ๆ  จะเว้นก็แต่รายการของขวัญที่พี่ฌานส่งอีเมลมาฝากพวกเขาให้ช่วยเตรียมให้หลานชายคนโตและคนกลางเมื่อสองอาทิตย์ก่อนเท่านั้น

“เออ ๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูเมลไปถามมันเองก็ได้” รุ่นพี่หน้าคมตัดบทอย่างไม่ใส่ใจอะไรนักเพราะปักใจแล้วว่าจะหาทางซักไซ้แฝดพี่ผ่านจดหมายอิเล็กโทรนิคด้วยตัวเองในภายหลัง  

“แล้วนี่พี่เต๋อเริ่มดูโรงเรียนให้พวกเด็ก ๆ แล้วหรือยังครับ?” อนิจจา เมื่อหัวข้อสนทนาว่าด้วยแผนการในอนาคตของเด็ก ๆ เริ่มดำเนินไปเรื่อย ๆ  สุดท้ายตรินก็หลงลืมเรื่องของขวัญของลูกชายคนเล็กไปเสียถนัดใจ

แน่นอน... กว่าป๊ะป๋าร่างหมีจะได้คำตอบ ก็ต้องรอให้ถึงวันเกิดปีที่ห้าของลูกชายทั้งสามนั่นแหละ แต่สิ่งเดียวที่เต๋อไม่ได้เตรียมใจ... นั่นคือ ของขวัญทั้งห้ากล่องที่หายไป จะมาพร้อมกับชายหนุ่มผู้ที่จะทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจต่อเนื่องไปอีกหลายต่อหลายปี


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“ทำไมป่านนี้ป๋าถึงยังไม่ขึ้นมานอนอีกล่ะ?” ทันทีที่กวาดตามองจนทั่วห้องนอนแล้วพบว่าคนสำคัญหายไป กังฟูในสภาพหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ก็อดเอ่ยถามคนรักหน้าหยกที่เพิ่งกลับจากห้อนอนของลูก ๆ  ไม่ได้     

“อืม เดี๋ยวเราลงไปดูให้แล้วกัน ฟูนอนไปก่อนเลย” วิญญูเอ่ยอย่างสมัครใจด้วยรู้ดีว่า วัน ๆ นึง กรกฏเหน็ดเหนื่อยกับการดูแลเด็กน้อยทั้งสามมากขนาดไหน ขนาดแค่เขารับช่วงดูแลลูกชายคนกลางแค่วันเสาร์อาทิตย์  เขายังเหนื่อยแทบตาย นับประสาอะไรกับอีกฝ่ายที่รับหน้าที่เลี้ยงลูก ๆ ทุกคนตลอดเจ็ดวันไม่มีหยุดพัก แถมยังไม่เคยปริปากบ่นเลยสักครั้ง    

“ลงไปตามป๋าด้วยกันนี่ล่ะ จะได้ขึ้นมานอนพร้อม ๆ กัน” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยรวบตึงตามที่ตนพอใจ ซึ่งเมื่อชายหนุ่มร่างเล็กให้โอวาท หมีหน้าหยกก็พร้อมจะทำตามโดยไม่บิดพลิ้ว

“ไปครับ!” รับคำเสร็จ ทั้งสองก็เดินกอดเอวกันลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อตามหาคนรักร่างหมีอีกหนึ่งโดยไม่รั้งรอ   
.
.
.
.
.
.
.
เมื่อเดินสำรวจไปรอบ ๆ โถงรับแขกชั้นล่างทว่ากลับยังไม่เห็นแม้เงาของตริน ทั้งสองจึงแยกกันเดินตามหาหนุ่มร่างหมีไปรอบภายในตัวบ้านพร้อม ๆ กับตะโกนเรียกคนรักหน้าคมไปด้วย

ป๋า  ป๋าอยู่ไหน?
ป๋า! ป๋า!

“เดี๋ยวฟู! เมื่อกี๊ฟูได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า?” คำทายทักของด้วงทำให้ทั้งสองตั้งใจเงี่ยหูฟังท่วงทำนองเบา ๆ ที่ดังแว่ว ๆ มาจากทิศทางของสระว่ายน้ำข้างตัวบ้าน

“หืม?! ใครเปิดเพลง?” ทั้งสองเดินตามเสียงเพลงแจ๊ซเบา ๆ ที่นำไปสู่ประตูฝั่งที่ติดกับสระว่ายน้ำ ซึ่งเมื่อผลักบานประตูที่ว่าออกไป กรกฏและวิญญูก็ได้เจอกับคนที่ตามหามาพักใหญ่ ๆ ในสภาพที่ไม่คาดฝัน

ตรงหน้าพวกเขา คือ เต๋อซึ่งนั่งคุกเข่าลงกับพื้นพลางยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ยักษ์สองช่อส่งให้ท่ามกลางฉากหลังเป็นสระว่ายน้ำยามค่ำที่สะท้อนแสงเทียนไขซึ่งจุดเป็นระยะ ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศสุดโรแมนติก
  

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับที่รัก... ขอโทษด้วยที่วาเลนไทน์ที่แล้วป๋ามัวแต่ยุ่งเรื่องลูกจนลืมฉลองวันแห่งความรักของพวกเราไป หวังว่าดอกไม้สองช่อนี้จะชดเชยความผิดทั้งหมดของป๋าได้นะครับ” หนุ่มร่างหมีอดนึกขอบใจสกลไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะหลานอาม่าใหญ่บ่นเรื่องวันแห่งความรักให้ฟังตลอดช่วงบ่าย เขาคงหลงลืมใส่ใจความรู้สึกคนอยู่ร่วมกันในฐานะคนรักไปอีกปีแน่ ๆ  “หนูด้วง หนูฟู อยู่ฉลองวันแห่งความรักกับป๋าไปนาน ๆ นะ... ป๋ารักหนูฟูกับหนูด้วงมากนะครับ” สิ้นวาจาตอกย้ำความรักอย่างออดอ้อนหวานหู คู่คุณพ่อวิศวะก็พุ่งเข้าไปกอดเต๋อเอาไว้แน่นจนชายหนุ่มตัวโตหัวเราะชอบใจเสียงดัง    




 «»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»






No comments:

Post a Comment