แม้ว่าเด็กน้อยจะยอมเข้าฉากแล้วก็ตาม
แต่แฝดสามยังปล่อยให้พวกพ่อ
ๆ ยึดพื้นที่สื่อตักตวงความหวานกันอย่างต่อเนื่อง
(ทำใจหน่อยนะคะที่รัก
เพราะอีกเดี๋ยวพอพี่ฌานมา บรรดาป๋า ๆ จะตกกระป๋องแล้วค่ะ แฮ่!)
และเนื้อหาตอนนี้จะสั้นหน่อยนะคะ...
ตอนหน้า และตอนต่อ ๆ ไปจะชดเชยให้น้า (ยื่นก้อยให้เกี่ยว)
ในส่วนของเนื้อเรื่องตอนที่แล้ว
เราขออธิบายส่วนของการเก็บไข่กรณีทำเด็กหลอดแก้วนิดนึงเนาะ
ช่วงแรกของการทำเด็กหลอดแก้ว
จะมีการตรวจร่างกายแม่(หรือผู้อุ้มท้อง)โดยละเอียด
หลังจากนั้น คุณหมอจะให้ยาแก่ผู้เป็นแม่หลายขนานตามแต่ดุลยพินิจ
หนึ่งในนั้น คือ
ยาที่จะทำหน้าที่กระตุ้นไข่ให้ไข่ตกในช่วงเวลาเดียวกันเยอะกว่าปกติ
เพราะถ้าไข่ตกมาก แน่นอนว่า
อัตราของการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนย่อมสูงตามไปโดยปริยาย
ส่วนที่มาของจำนวนไข่
(สามสิบ) ที่เราอ้างอิงว่าเก็บได้จากท้องพี่บิวนั้น
มาจากตัวเลขของจำนวนไข่โดยเฉลี่ยในกระทู้แชร์ประสบการณ์การทำเด็กหลอดแก้วของคุณแม่ทั้งหลาย
บวกกับการแต่งตัวเลขให้เยอะกว่าปกติ
เนื่องจากมีส่วนของพรจากเจ้าพ่อฯเข้ามาเอี่ยวด้วย
(อย่างไรก็ดี
เราอ่านเจออยู่หลายเคสที่คุณหมอเก็บไข่ได้จำนวนเท่ากันหรือมากกว่า)
หวังว่าคำอธิบายนี้จะทำให้หลาย
ๆ คนหายข้องใจได้บ้างนะคะ
«♥»------------------------------------------------------------------------------------«♥»
The 31st
Bonding
ห้วงขณะที่หน่วยบอกเวลาหมดความหมาย
“แง้!!!” สิ้นเสียงกรีดร้องลั่นห้องของสิ่งมีชีวิตวัยอาทิตย์กว่า
พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็ดีดตัวขึ้นจากเตียงราวกับโดนสั่ง ในขณะที่โลกยังโคลงเคลง
ชายหนุ่มก็เร่งตั้งสติประมวลเหตุการณ์รอบตัวอย่างว่องไว ก่อนจะกระโดดสไลด์ตัวลงจากเตียงไปยังต้นเสียงทันที
สัมผัสอบอุ่นคุ้นเคยของเรือนร่างในอ้อมกอดทั้งสองฝั่งที่ผละห่างกะทันหันทำให้หนุ่มร่างหมีค่อย
ๆ ยันตัวลุกขึ้น แล้วลากเท้าเดินโสลเสลตามหลังกรกฏอย่างเสียไม่ได้ “...หนูมา!
เดี๋ยวป๋าช่วย...”
เต๋อครางเสียงอ่อนขณะพยายามง้างเปลือกตาออกจากกัน แต่ยังไม่ทันจะคลำทางไปถึงไหน
ร่างสูงใหญ่กำยำกลับโดนกระแทกจนเกือบล้มหน้าคะมำอยู่รอมร่อ
“เฮ่ย!
ละเมอหรือไง?!”การเดินหลับตาตรงดิ่งเข้าหาเตียงไม้ทั้งสามราวกับตั้งพิกัดนำร่องเอาไว้บอกให้เต๋อรู้ว่า
เสียงเอ็ดอึงเมื่อครู่ของตนไม่มีผลกับวิญญูโหมดครึ่งหลับครึ่งตื่นแต่อย่างใด
เมื่อประจักษ์ถึงสภาพย่ำแย่ของอีกฝ่าย นอกจากจะไม่คิดติดใจ
ตรินยังนึกเอ็นดูคนรักทั้งสองเพิ่มเติมเข้าให้เสียอีก
“ไหนใครร้องครับฟู?”
หมีหน้าหยกถามกรกฏด้วยน้ำเสียงงัวเงีย อีกฝ่ายที่โน้มตัวลงอุ้มเจ้าของเสียงแปดหลอดเอ่ยตอบด้วยความเนือยพอกัน
“พลับตื่นแล้ว...
แต่ถ้ายังร้องอยู่แบบนี้ ! เดี๋ยวอีกสองคนก็คงจะตื่น”
เมื่อพูดกับคนเป็นพ่อจบ กังฟูก็หันมาคุยกับเจ้าตัวเล็กที่ตนอุ้มพาดบ่าด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานน่าฟัง
“ชู่ว์โอ๋ ๆ
พลับลูกพ่อ ไม่ร้องน้า... ไหน ขอพ่อดูหน่อยสิว่าผ้าอ้อมหนูยังดีอยู่ไหม?”
สิ้นคำ
ชายหนุ่มก็เดินอุ้มลูกน้อยไปยังโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม ค่อย ๆ วางเจ้าตัวเล็กลงบนผ้ายางผืนยาวเหนือเบาะหลังตู้อย่างทะนุถนอม
ก่อนจะแกะกระดุมแป๊กใต้ส่วนเป้าบอดี้สูทเนื้อนุ่มนิ่มออก แล้วจึงจัดแจงตรวจสอบความปลอดภัยของผ้าอ้อมลูกชายทันที
“นั่นไง พ่อว่าแล้วว่าหนูต้องปุ๋ง ๆ ”
ทันทีที่ได้ยินโค้ดลับ
‘ปุ๋ง ๆ
’ ดังขึ้น
บรรดาพ่อหมีทั้งสองที่ยืนนวดหัวคิ้วคลายความง่วงอยู่กลางห้องก็ปราดเข้าไปยืนประกบคุณพ่อร่างเล็กอย่างรู้หน้าที่
คนหนึ่งยืนหมุนไปหมุนมาเพื่อมองหาน้ำและอุปกรณ์ทำความสะอาดครบครัน ส่วนอีกคนก็เอื้อมหยิบผ้าอ้อมผืนใหม่พร้อมกับใช้ปลายเท้าหนีบถังขยะให้มาอยู่ใกล้
ๆ มือคนรัก
ชายหนุ่มผู้เรียกแทนตัวเองว่าพ่อใช้สำลีเปียกปาดคราบสกปรกแล้วรวบตึงเป้าหมายม้วนเก็บอย่างมิดชิดและรวดเร็ว
จากนั้นจึงบีบสำลีก้อนจุ่มน้ำต้มสุก(อุณหภูมิห้อง)พอหมาดเพื่อใช้เช็ดร่างกายส่วนล่างอย่างหมดจดอีกครั้ง
เมื่อพอใจกับความสะอาดโดยรวม กังฟูก็รวบข้อเท้ากระจิ๋วหลิวทั้งสองข้างพลางดึงขึ้น
ยังผลให้ก้นน้อย ๆ ผละห่างจากผืนผ้ายางก่อนจะเก็บงานอย่างพิถีพิถันด้วยสำลีหมาดตามซอกมุมลับตาเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจะปล่อยให้เด็กชายพลับวัยเก้าวันนอนเปลือยท่อนล่างอล่างฉ่างพลางทอดสายตามองบรรดาพ่อ
ๆ ทั้งสามสลับกับคลี่ยิ้มละไมระหว่างรอให้ผิวกายแห้งสนิท
“พอแล้วแด๊ด
เดี๋ยวลูกหนาว” หลังดุคนรักหน้าหยกด้วยข้อหากระพือผ้าอ้อมสำเร็จรูปผืนใหม่พัดไล่ความชื้นให้ลูกนานเกินเหตุ
กังฟูก็ทาครีมป้องกันผื่นผ้าอ้อมให้ลูกพร้อมยื่นมือไปฉกของในมือด้วงมาใส่ให้ลูกคนเล็กอย่างชำนิชำนาญ
“โหฟู!
ฟูคล่องจังเลยครับ”
เดิมทีวิญญูอาจแค่ลุ่มหลงในความเป็นกรกฏอย่างไม่ลืมหูลืมตา
แต่เมื่อประจักษ์ถึงความเก่งกล้าสามารถของอีกฝ่ายในยามนี้ ชายหนุ่มก็อยากจะเทินอริยะตรัยผู้พี่ขึ้นบนหิ้งแล้วกราบไหว้ใจแทบขาด
“ก็ตอนแด๊ดกับป๋าไปทำงาน
ฟูช่วยพี่บิวพี่บ็อบเลี้ยงโบเต้กับบุ้งกี๋จนเริ่มชินแล้วน่ะสิ” ไม่ทันขาดคำ
เจ้าของเตียงไม้อีกสองหลังก็แผดเสียงเรียกร้องความสนใจขึ้นเสียก่อน “เอาล่ะครับคุณป๋า
คุณแด๊ด การสาธิตได้จบลงแล้ว... ถึงเวลาทดลองเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกด้วยตัวเองกันเสียที!”
สายตาขึงขังกับใบหน้าเรียบเฉยของกรกฏทำให้หมีพ่อสองหน่อกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากด้วยเพราะรู้ดีว่า
นั่นคือคำสั่งที่จะบิดพลิ้วไม่ได้ ทั้งคู่จึงค่อย ๆ บรรจงช้อนตัวเด็กน้อยในเปลขึ้นตามเคล็ดวิชาที่ร่ำเรียนจากคุณพยาบาลมาอย่างดิบดี
เพื่อพาสองหนุ่มน้อยไปที่โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมพร้อม ๆ กัน
“เย่ส!” ตรินสแยะยิ้มเมื่อผ้าอ้อมสำเร็จรูปของลูกชายคนโตไร้ซึ่งคราบโหดร้ายใด
ๆ ในขณะที่พอจะเดาได้ว่า ลูกคนรองที่กำลังร้องไห้จ้า น่าจะไม่สบายตัวเพราะสาเหตุเดียวกันกับลูกคนสุดท้องที่เพิ่งได้เปลี่ยนผ้าอ้อมใหม่ไปหมาด
ๆ
“โอยพลุลูก! หมดไส้หมดพุงเลยใช่ไหมครับเนี่ย?!!” เสียงบ่นอุบหลังเปิดป้ายเจอแจ็กพ็อตของด้วงทำเอาคนยืนข้าง
ๆ อดยื่นหน้ามาสอดส่องเหตุการณ์ไม่ได้
“อื้อหือ! รับน้องใหม่สุด ๆ ไปเลยลูก!... ใจคอพลุของป๋าจะฝึกให้แด๊ดเปลี่ยนผ้าอ้อมเก่ง
ๆ ให้ได้วันนี้เลยใช่ไหมครับ?” เต๋อหยอกคนรักหน้าหยกที่เริ่มหน้าหงิกอย่างลิงโลดใจ
“ป๊ะป๋า!
อย่าวอกแวกสิครับ!” อริยะตรัยผู้พี่ถลึงตาดุเต๋อที่เอาแต่แหย่ด้วงจนไม่เป็นอันเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกก่อนจะหันไปปลอบวิญญูให้คลายวิตก
“ไม่ต้องตกใจไปนะด้วง เดี๋ยวฟูช่วยเอง”
“อือ” ด้วงรับคำพลางลงมือทำตามคำแนะนำของกังฟูอย่างเงอะ
ๆ งะ ๆ โดยมีคุณพ่อร่างหมีหน้าคมยืนเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กชายพลายพร้อมกับแอบเอาใจช่วยอยู่ข้าง
ๆ
“หล่อแล้ว...
ลูกป๋าเปลี่ยนผ้าอ้อมหล่อ ๆ แล้วนะครับ” ตรินคุยหนุงหนิงกับเด็กน้อยในอ้อมแขน “หล่อแล้วก็ลงไปนอนเล่นต่อเนอะ
ป๋ากับแฟนจะได้กลับไปนอนอีกสักงีบสองงีบ” เจ้าตัวพูดไปก็หาวอวดลูกไป แต่ความฝันที่จะได้กลับไปนอนกกด้วงและกังฟูของตรินกลับพังทลายสลายล่มเมื่อได้ยินคำสั่งสายฟ้าแล่บของกรกฏดังแทรกขึ้น
“อย่าเพิ่งครับป๋า...
เดี๋ยวพอเปลี่ยนผ้าอ้อมพลุเสร็จ ฟูว่าพวกเราพาลูก ๆ ออกไปรับแดดเช้าเลยดีกว่าครับ
ไหน ๆ พวกแกก็ตื่นแล้ว”
“ก็ได้ครับ” เพราะเห็นลูกจ้องตนตาแป๋ว
เต๋อจึงเบะปากคว่ำพลางรับคำด้วยสีหน้าเศร้าสลดเพื่อขอความร่วมมือจากพลายน้อย “งั้นก็ลงไปนอนจ้องตาน้องเงียบ
ๆ รอแด๊ดเปลี่ยนผ้าอ้อมให้พลุก่อนก็แล้วกันนะพี่พลายของป๋า”
“มานี่เลยป๋า...
มาครับ” พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยกวักมือเรียกหนุ่มร่างหมีป้อย ๆ ทันทีที่เห็นคนรักมือว่าง
และเมื่อตรินย้ายมวลกายมายืนใกล้ ๆ ดั่งใจ เจ้าตัวก็ยัดผ้าอ้อมสองปึกให้ถือแล้วจึงแสดงฝีมือในการห่อตัวลูก
ๆ อย่างมืออาชีพให้พ่อหมีคู่ได้ชื่นชมเป็นบุญตาอีกครั้ง
จากนั้นทั้งหมดก็อุ้มเด็กชายสามพ. ออกไปยืนรับวิตามินดีในแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าตรงระเบียงกว้างข้างห้องนอนกันอยู่พักใหญ่
ๆ ...
แม้จะอ่อนเพลียเหนื่อยล้าจากการอดตาหลับขับตานอนกว่าค่อนคืน
แต่ทั้งหมดกลับปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงเวลาที่ได้เห็นคนรักและลูก ๆ อยู่เคียงข้างพร้อมหน้าใต้เงาร่มไม้ในพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขานั้น
เรียกความรู้สึกกระชุ่มกระชวยและเรี่ยวแรงให้กลับคืนมาได้อย่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน
“ฟูนั่งพักกินข้าวก่อนครับ”
วิญญูเอ่ยเสียงเข้มเมื่อกลับเข้าห้องมาแล้วพบว่าคนรักร่างเล็กยังคงยืนพิงเตียงไม้พลางงอตัวโน้มเข้าหาลูก
ๆ เหมือนเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนไม่มีผิดเพี้ยน
เจ้าของชื่อมือตบก้นบุตรชายคนกลางเบา
ๆ ส่งท้ายก่อนตอบรับคำของอีกฝ่ายด้วยการผละห่างจากเตียงอย่างเสียไม่ได้ “อือ มื้อนี้มีไรกินบ้าง?”
“สปาเก็ตตี้ทะเลต้มยำแห้ง
เดี๋ยวฟูรอน้ำแกงกับสลัดแป๊บนึงนะครับ” คนพูดวางจานผลไม้กับโถน้ำเย็นลงพร้อม ๆ กับที่ตรินเดินนำพี่เลี้ยงซึ่งยกถาดอาหารผู้ใหญ่เข้าห้องมาพอดี
หนุ่มร่างหมีเดินฉีกเข้าห้องน้ำไปล้างมือคล้ายกับไม่อยากเสียเวลา
ขณะที่รายหลังเมื่อวางถาดเรียบร้อยก็แวะไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่เข้าทางตามแบบที่เจ้านายเคยสอน
“เดี๋ยวผมรบกวนพี่จิ๊บเอาขวดนมกับผ้าในตะกร้าลงไปทำความสะอาดด้วยนะครับ”
กรกฏไหว้วานพี่เลี้ยงผู้ควบตำแหน่งแม่บ้านที่กำลังจะเดินออกจากห้องหลังหมดหน้าที่
“ถ้าผมมีอะไรผมจะกดอินเตอร์คอมไปเรียกนะครับ”
“ค่ะคุณฟู”
“อ้าว... ลูก
ๆ นอนกันหมดแล้วเหรอ?” หนุ่มร่างหมีที่เพิ่งเดินเช็ดมือออกจากห้องน้ำมาถามด้วยน้ำเสียงผิดหวังหลังเห็นเด็ก
ๆ นอนหลับอยู่ข้าง ๆ กัน...
เขารึอุตส่าห์รีบไปล้างมือเพราะหวังว่าจะได้กลับมาอุ้มลูกให้หายคิดถึงสักหน่อย
“อืม เพิ่งนอนไปเมื่อกี๊
จับนั่งเรอเสร็จก็ผล็อยหลับคามือเลย มีแต่ตาพลุคนเดียวนี่แหละที่ต้องอุ้มรอหลับ”
พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเอ่ยเสียงอ่อนพลางจิบน้ำด้วยความกระหาย
“ขอโทษนะครับฟู
ทั้ง ๆ ที่เต๋อลางานแล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังไม่วายโดนโทรตามอีกจนได้” ความละอายทำให้เต๋อไม่กล้าเอ่ยขอโทษอย่างเต็มปากเต็มคำ
เพราะแม้ตรินกับวิญญูจะตัดสินใจทำเรื่องขอลางานโดยไม่รับค่าตอบแทนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของกังฟูในช่วงเดือนแรกอย่างเป็นกิจลักษณะแล้วก็ตาม
แต่จนแล้วจนรอด เมื่อลูกน้องโทรมาขอคำแนะนำ ชายหนุ่มหน้าคมก็ดันติดลมเผลอตามงาน
ทวนงาน รวมถึงสั่งงานอยู่นานสองนานทีเดียว
“ไม่เป็นไร
เมื่อกี๊ตอนแด๊ดไปทำกับข้าวพี่จิ๊บกับออยก็อยู่... เพิ่งเปิดงานมาไม่กี่วัน
ถ้าเขาไม่โทรมาหาป๋าบ้างก็แปลกเกินไปแล้วล่ะ หัวหน้าทีมหายไปทั้งคนเลยนะ”
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ!” พูดจบ อดีตเด็กเต็กก็ตั้งท่าจะโผข้ามโต๊ะไปมาหอมแก้มของอริยะตรัยคนพี่แต่ติดที่โดนวิญญูสกัดดาวรุ่งขึ้นทันควัน
“ฮื่อป๋า! กินข้าวก่อน! นี่เลยมื้อเที่ยงมาจะสองชั่วโมงแล้วนะ” คนพูดเอ่ยพลางตักแบ่งสปาเก็ตตี้ให้กังฟูอย่างขมีขมัน
“เออว่ะ!
พูดขึ้นมาก็หิวเลย”
ฟังเผิน ๆ เหมือนคนพูดจะเข้าใจทว่าคล้อยหลังไปแค่เพียงอึดใจ ใบหน้าเข้มไปด้วยเคราก็ยื่นเข้าไปดอมดมกลิ่นแก้มเนียนของกรกฏอยู่ดี
แถมยังมีหน้าเผื่อแผ่ความรักลามไปถึงแก้มของคนตักข้าวด้วยเสียอีก “ฮ่า! ชื่นใจ! ไหนข้าวป๋าล่ะครับหนูด้วง?... โห! ปลาหมึกน่ากินชะมัด!” ไวเท่าความคิด หมีหนุ่มพูดพลางยื่นมือไปหวังจะหยิบเนื้อปลาหมึกขาว
ๆ เข้าปากอย่างลืมตัว
“เดี๋ยว!
รอก่อนสิป๋า!” สิ้นเสียงห้าม
ฝ่ามือพิฆาตของวิญญูก็ลงทัณฑ์มือฉกเสียสิ้นลาย
“โอ๊ย! ตีป๋าไม?!” หนุ่มร่างหมีชิงอุทธรณ์ออกสื่อหลังโดนชำระความจนหลังมือแดงเป็นปื้น
“หนูฟูดูดิ... มือป๋าแดงแจ๋เลยคับ!!”
“หึ หึ หึ!”
“เอ้าเอาไป!”
เมื่ออีกฝ่ายพูดจบ
สปาเก็ตตี้จานใหญ่โปะเครื่องเคราแน่นขนัดก็ถูกเลื่อนมาวางตรงหน้า
ชายหนุ่มหน้าคมคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่า ครอบครัวปลาหมึกพากันอพยพมาเกยตื้นอยู่เหนือเส้นของเขามากกว่าจานไหน
ๆ ... เพราะด้วงขยันเอาใจใส่ดูแลทุก ๆ
คนเป็นอย่างดีทั้งที่ชอบทำปากไม่ตรงกับใจอย่างนี้นี่อย่างไร ตรินถึงชอบกระเซ้าเย้าแหย่วิญญูไม่เว้นแต่ละวัน
“ดุจังวุ้ย แฟนใครวะ!”
“กินเข้าไปป๋า
อย่าบ่น!” หนุ่มหน้าหยกถลึงตาดุ ในขณะที่อีกฝ่ายกลับทำลอยหน้าลอยตาล้อเลียนสู้โดยไม่ยี่หระ
ท่าทางตลก ๆ ของหมีทั้งสองเรียกเสียงหัวเราะของผู้สังเกตการณ์อย่างกรกฏได้เป็นอย่างดี
.
.
.
.
.
.
“จะว่าไป
มือใหม่อย่างพวกเราก็ทำได้ไม่เลวนะ” หลังจากมื้อกลางวันดำเนินไปได้สักพัก ป๊ะป๋ามือใหม่ก็โพล่งขึ้นระหว่างจรดสายตามองเตียงไม้สำหรับเด็กทั้งสามหลังที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากที่นอนคิงไซส์ของเหล่าพ่อ
ๆ เท่าไรนัก
“อย่าเพิ่งได้ใจไป
มันอาจจะดีแค่ช่วงสองสามวันแรกก็ได้นะป๋า? เราอ่านเจอมาว่า เดี๋ยวพอโตกว่านี้อีกหน่อยก็จะเริ่มแผลงฤทธิ์กันจนพ่อแม่ไม่ได้หลับได้นอนกันเลยนะ”
วิญญูท้วงติงเพราะไม่อยากให้คนรักเหลิงจนเลินเล่อเพราะจากประสบการณ์ในกระทู้และบล็อกต่าง
ๆ บรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ มือใหม่ต่างต้องผจญกับสถานการณ์ยากคาดเดาต่างๆ
นา ๆ เกินกว่าพรรณนาได้กันทั้งนั้น
“เหรอ?
ไม่นะ... ป๋าว่าพวกเราเก่งออก แถมลูกเรายังเลี้ยงง่ายอีกต่างหาก”
มุมมองโลกสวยของตรินกระตุกหนวดหมีหน้าหยกจอมวิตกกังวลเข้าอย่างจัง
“ตรงไหน?! เมื่อคืนนี่ทั้งอุ้ม ทั้งโอ๋กันจนเกือบจะไม่ได้นอน!”
แม้วิญญูจะโต้เถียงด้วยการยกข้อเท็จจริงมาพูด
แต่นั่นกลับทำให้ใจคนเป็นพ่อสะท้านไหวอย่างไม่อาจต้านทาน “อดทนหน่อยนะแด๊ด ช่วงแรกปรับตัวเข้าหากันก็แบบนี้แหละ”
พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยอ้อมแอ้มด้วยรู้แก่ใจว่า ตนคือสาเหตุที่แท้จริงของความทุกข์ทรมานที่ด้วงเพิ่งพูดถึงไปเมื่อสักครู่
“พี่บิวกับพี่บ็อบบอกว่า พวกเราต้องคอยสังเกตและปรับทุกอย่างไปตามลูกก่อน
พอจับจังหวะได้ว่าเขาทำอะไรช่วงไหน หรือเริ่มรู้แล้วว่าเขาร้องทำไม... ร้องเพราะอะไร
เราก็น่าจะจัดการอะไร ๆ ได้อย่างใจกว่านี้มาก”
อาการสลดน้อย
ๆ ของอริยะตรัยคนพี่ทำให้วิญญูตั้งสติได้ ชายหนุ่มจึงไพล่ไปถามเรื่องอื่นเสีย “แล้วฟูตั้งใจจะขอให้พี่บิวปั๊มนมให้พวกเด็ก
ๆ ไปถึงเมื่อไร?”
“ก็จนกว่าพี่บิวจะไม่มีน้ำนมนั่นแหละ”
สีหน้าตกอกตกใจของพ่อหมีคู่ทำให้กังฟูต้องเร่งอธิบายจนลิ้นแทบจะพันกัน “อันนี้ฟูไม่ได้เป็นคนต้นคิดนะ
พี่บิวแกเสนอเอง เพราะแกรู้ว่านมแม่สำคัญและมีประโยชน์กับเด็ก ๆ มาก”
“แล้วมันจะพอเหรอฟู?
ลูกเราตั้งสามคน สามปากท้องเลยนะ!” ไม่ว่าจะอย่างไร...วิญญูก็ยังคงเป็นวิญญูผู้เป็นห่วงล่วงหน้าไปร้อยแปดอยู่วันยันค่ำ
“พอไม่พอก็ต้องดูกันไปล่ะ
ยังไงฟูก็จะให้ลูกกินนมพี่บิวให้ได้นานที่สุดนั่นแหละ” กรกฏยืนกรานหนักแน่น
“แต...”
“เอาน่า... อย่าเพิ่งกังวลไปเลยหนูด้วง
ไว้รอให้น้ำนมพี่บิวใกล้หมดเมื่อไร เราก็ค่อยเริ่มหัดให้ลูกกินนมผงเอาตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
เต๋อขัดขึ้นก่อนที่ความหวังดีของอดีตคิวท์บอยจะกัดกินใจพวกเขาไปมากกว่านี้
เพราะคงไม่ดีแน่หากกังฟูจะเริ่มคิดหยุมหยิมตามด้วงไปอีกคน
“เออ
แล้วนี่เอาถุงนมของพรุ่งนี้ออกมาแช่ตู้ธรรมดาหรือยัง?” คุณพ่อร่างเล็กหันไปถามสองหมี
แดดดี๊จึงรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ละลายน้ำนมก่อนจำแนกแจกจ่ายอย่างว่องไวปานวอก
“เรียบร้อยครับ”
“ใช่ถุงวันที่สิบห้าหรือเปล่า?”
“ครับ... ต้องใช้นมถุงเก่าให้หมดก่อน
ใช่ไหมครับฟู?” วิญญูรอฟังคำตอบด้วยสายตาวาดหวังแวววาวราวกับลูกหมาที่คาบลูกบอลกลับมาคืนเจ้าของได้สำเร็จ
“เก่งมากครับแด๊ด!” กรกฏเอ่ยชมคนรักทั้งที่ในใจแอบนึกเล่น ๆ
ว่าอีกฝ่ายคงกระดิกหางอย่างสุขสมใจหากตนเอื้อมมือไปเกาเหนียงใต้คางให้ไม่ใช่แค่พูดป้อยอ
.
.
.
.
“เอ้อ!
เดี๋ยวยังไงถ้าพรุ่งนี้ป๋าหรือแด๊ดว่าง
ช่วยออกไปร้านขายยาให้ทีสิ... ใครก็ได้” อริยะตรัยคนพี่โพล่งขึ้นเมื่อหันไปเห็นโหลใส่สำลีก้อนที่พร่องลงไปกว่าครึ่ง
“หืม? ไปทำไมเหรอหนู?”
“ฟูอยากได้น้ำเกลือเช็ดแผลเอาไว้เช็ดทำความสะอาดเนื้อตัวลูกเพิ่มอ่ะ
สำลีก้อน สำลีแผ่นกับทิชชูเปียกก็ใกล้จะหมดแล้ว แล้วก็... แผ่นแปะกันยุง
เห็นเขาบอกว่าลองใช้ก็ดี ยิ่งห้องใหญ่ ๆ เปิดโล่งทั้งวันแบบนี้ ฟูว่าคงต้องซื้อมาเผื่อเอาไว้
อ้อ!... แล้วก็...
ช่างเถอะ ๆ มีอีกเยอะแหละที่ฟูอยากได้ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จฟูจะจดรายการที่จะซื้อให้อีกทีนะ”
หัวคิ้วขมวดเป็นปมที่ปรากฏอยู่บนใบหน้ายุ่งเหยิงของแฟนตัวเล็กขณะร่ายรายการข้าวของเครื่องใช้ที่อยากได้ทำให้ตรินพลอยร้อนรนตามไปด้วย
“ได้ครับ จริง ๆ ถ้าลูกหลับยาวแบบนี้เดี๋ยวบ่ายแก่ ๆ ป๋าออกไปให้เลยก็ได้นะ”
“ป๋าไปพรุ่งนี้เหอะ
เราจะได้ติดรถไปซื้อของสดเข้าบ้านด้วย... เห็นบ่นอยากกินสเต็กกันมาตั้งหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
วิญญูหว่านล้อมเพราะไม่อยากให้พ่อหมีเทียวไปเทียวมาหลายรอบ
ยิ่งรายนี้เป็นพวกชอบบริการแฟนด้วยแล้ว
ชายหนุ่มก็ยิ่งกลัวอีกฝ่ายจะฝืนทำเพื่อพวกเขาจนเหน็ดเหนื่อยเกินไปเสียก่อน... เมื่อคืนก็แทบไม่ค่อยได้นอน
แล้วยังจะเที่ยวตะลอน ๆ ออกไปซื้อของให้พวกเขากับลูก ๆ อีกเนี่ยนะ?!
“หนูด้วงอยากได้อะไรก็จดมาดีกว่า
เดี๋ยวป๋าแวะซื้อให้ทีเดียว... ไม่งั้นหนูก็ช็อปออนไลน์เอา ป๋าไม่อยากปล่อยให้หนูฟูอยู่ดูลูกคนเดียว”
เต๋อต่อรองด้วยคำนึงถึงลูก รวมทั้งความความสะดวกสบายของคนรักทั้งสองเป็นสำคัญ
แต่นั่นกลับไม่ใช่วิถีที่พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยเห็นชอบ
“กว่าพวกเราจะกินข้าวเสร็จก็น่าจะบ่ายสามกว่า
อีกเดี๋ยวเดียวก็ต้องปลุกตัวเล็กขึ้นมาอาบน้ำป้อนนม... ไปซื้อของพรุ่งนี้เถอะป๋า บ่ายนี้ฟูจะได้สอนป๋ากับแด๊ดอาบน้ำลูกด้วยไง”
“ก็ได้ครับ
พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้” วิญญูยักคิ้วพลางทำหน้าเยาะเย้ยตรินอย่างสาแก่ใจ... ความทุ่มเททุ่มทุนของป๋าไหนเลยจะต่อกรกับวาจาศักดิ์สิทธิ์ของกังฟูได้
“แปลกดีนะ” อยู่
ๆ แดดดี๊หน้าหยกที่พักสายตาจากหนังสือคู่มือเลี้ยงเด็กอ่อนเพื่อหันไปมองเตียงไม้อยู่เนิ่นนานก็เปรยขึ้น
คำพูดลอย ๆ
ดังกล่าวทำให้เจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งเอนหลังพิงหัวนอนขณะกวาดสายตาอ่านหนังสือเล่มในมือแฟนร่างเล็กที่กึ่งนอนกึ่งนั่งพิงแผ่นอกแน่นของตนอยู่อดส่งเสียงถามไม่ได้
“หืม? อะไรแปลกเหรอที่รัก?”
“นั่นสิ”
กังฟูผสมโรงโดยไม่ละสายตาจากหนังสือสักวินาที
“ก็พอได้เห็นลูกนอนอยู่ในห้องเราแบบนี้มันก็แปลก
ๆ ดีไง... คือแบบ... อืม...”
แม้การบอกเล่าความรู้สึกละเอียดอ่อนภายในใจจะไม่ใช่งานที่เจ้าตัวถนัด แต่อดีตคิวท์บอยกลับไม่ละความพยายามง่าย
ๆ เหมือนในอดีต “เมื่ออาทิตย์ก่อนพวกเรายังมีกันแค่สามคนแท้ ๆ แต่วันนี้กลับมีเบ่บี๋ตัวเล็ก
ๆ เพิ่มมาอีกตั้งสามชีวิตให้ต้องดูแลเสียอย่างนั้น”
“แล้วหนูไม่ชอบเหรอ?”
เต๋อเหยียดแขนไปเหนี่ยวคอคนรักหน้าหยกให้เอนลงซบอกตนข้างที่ยังว่างอยู่พลางซักไซ้ด้วยความสงสัยติดหมัด
เพราะหากเทียบกับเขาและกังฟูแล้ว... ด้วงเป็นคนเดียวที่มักจะสงวนความคิดเห็นเกี่ยวกับลูก
ๆ มาโดยตลอด
“ไม่ใช่ไม่ชอบ
แค่รู้สึกว่าเหมือนฝัน... มันแปลก ๆ แบบ... คงยังไม่ชินล่ะมั้ง”
“อืม... ฟูว่าฟูก็ยังไม่ชินเหมือนกัน
เวลาหางตาเหลือบไปเห็นเตียงลูกทีไร เป็นต้องเดินไปนั่งเฝ้า นั่งจ้องพวกลูก ๆ ตอนหลับทุกที”
พูดพลาง คุณพ่อตัวเล็กก็ใคร่ครวญความรู้สึกไปพลาง “ไม่รู้ดิ... มันเหมือนลึก ๆ
ก็แอบกลัวว่า ถ้าปล่อยพวกเขาให้คลาดสายตา อยู่ ๆ ลูก ๆ ก็จะหายไป ไม่ก็จะเกิดเรื่องแย่
ๆ ที่พวกเราไม่คาดฝันขึ้นได้น่ะ”
“ฮื่อหนูฟู คิดอะไรแบบนั้นครับ”
หนุ่มร่างหมีดึงเล่มหนังสือในมือเรียวลงวางข้างหัวเตียงก่อนจะลูบผมอีกฝ่ายพร้อมปลอบประโลมเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ไม่มีทางที่เรื่องร้าย ๆ จะเกิดขึ้นได้หรอกนะ ป๋าสัญญา... ป๋าจะปกป้องครอบครัวของเราอย่างสุดความสามารถ หัวเด็ดตีนขาดยังไง
ป๋าก็จะไม่ปล่อยให้อันตรายใด ๆ ทำร้ายคนที่เต๋อรักได้แน่นอน!”
กังฟูหัวเราะกิ๊กทันทีที่ได้ยินถ้อยคำสุดเลี่ยนของพ่อหมีใหญ่
“เว่อร์ละป๋า!”
“นั่นดิ!
ตอนแรก ๆ เปิดมาก็เหมือนจะดีนะ
ที่ไหนได้... ตอนจบเว่อร์จนไอ้ที่พูดมาทั้งหมดกลายเป็นเชื่อไม่ได้ไปเลย” พอสบโอกาสเหมาะ
คิวท์บอยก็ร่วมผสมโรงข่มอดีตหนุ่มสถาปัตย์อย่างย่ามใจ ทว่าเต๋อกลับคิดไปอีกทาง
“เอาดี ๆ ป๋าเว่อร์หรือพวกหนู
ๆ ฟังแล้วเขิน? หื๊มมม?!”
กว่าเด็กวิศวะทั้งสองจะไหวตัวว่าเสียรู้พ่อหมีเข้าให้ ก็เมื่อเห็นใบหน้าเจ้าชู้ของอีกฝ่ายโน้มเข้าใกล้
พร้อม ๆ กับพื้นที่อ่อนไหวใต้ขอบกางเกงนอนถูกฝ่ามือใหญ่รุกรานลูบไล้ถึงไหนต่อไหนไปแล้วนั่นแหละ
“ฮื่อป๋า!” วิญญูกลั้นเสียงครางอย่างยากลำบาก
เพราะเมื่อความ ‘อยาก’ ถูกกระตุ้น
เขามักหน้ามืดจนพร้อมจะผันตัวไปเป็นฝ่ายสนับสนุนที่ดีอยู่เสมอ
“ป๋าไม่เอา! ฟูตัวเหม็น” กังฟูอ้างเหตุผลร้อยแปดเพื่อทัดทานหมีตรินอย่างเต็มที่
เพราะเขาไม่อยากให้ลูก ๆ สัมผัสประสบการณ์สิบแปดบวกก่อนวัยอันควร
“เอาหน่อยเถอะน่า
นะครับ... ป๋าอดมาหลายวันแล้ว”
น้ำเสียงกระเส่ากระซิบความอย่างออดอ้อนวอนเว้าอยู่ไม่ห่าง
ครั้นจะสวนกลับไปว่า ไอ้หลายวันที่อีกฝ่ายเอ่ยอ้าง คือ ช่วงเวลาย้อนหลังกลับไปแค่เพียงสี่สิบแปดชั่วโมงก่อน
สัมผัสชื้น ๆ ร้อน ๆ ในร่มผ้าและใบหน้าที่ซุกไซ้ดอมดมไปตามซอกคอก็ทำให้ชายหนุ่มร่างเล็กเสียวสะท้านจนพาลไขว้เขวในท้ายที่สุด
“ก็ได้ แต่ในห้องน้ำ... อาห์ แล้วก็... รอบเดียวนะ”
“แง้!!!”
“งืมมม” ริงโทนช่วยปลุกรุ่นล่าสุดของคุณพ่อมือใหม่จัดว่าทรงอานุภาพเหลือล้ำ
เพราะกังฟูลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยี้ตาอยู่สักพัก แล้วจึงเดินกระย่องกระแย่งไปหรี่ตามองหาเปลต้นเสียงพลางเอ่ยถามอีกสองคนที่ลุกตามหลัง
“ป๋า... กี่โมงแล้ว?”
“...อืม... ตีสาม
เหมือนเมื่อวานเป๊ะ...” เมื่อขานเวลาเสร็จสรรพ อดีตหนุ่มสถาปัตย์ก็บ่นพลางเดินตบแก้มปลุกตัวเองอีกครั้งก่อนเข้ากะอีกคำรบ
“ตื่นเป็นเวลามากลูกเอ๋ย... เฮ่ย!?!” ตรินหลุดปากโวยวายเมื่อแกะผ้าอ้อมสำเร็จรูปแล้วพบว่าลูกชายคนโตฝากความรักให้ดูต่างหน้าเสียเต็มสูบ...
ไม่ตื่นเต็มตาตอนนี้ ก็ไม่รู้จะไปตื่นอีกทีตอนไหนแล้วไอ้เต๋อเอ๋ย!
ฝ่ายด้วงที่ใช้ทักษะการเดินหลับตาคลำทางมาที่เตียงลูกก็โดนกังฟูเอ็ดเข้าให้
“แด๊ดตื่น! ลืมตาดูลูกก่อน!”
คนโดนดุอ้าปากหาวหวอด
ๆ ก่อนจะยอมหยีเปลือกตาเผยอเปิดอย่างเสียไม่ได้ เมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร
เจ้าตัวก็จัดการช้อนตัวเด็กชายปพนขึ้นมาอุ้มไว้
ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปเช็กความอับชื้นด้านในสมรภูมิผืนผ้าอ้อมอย่างไม่เกรงกลัวกับระเบิดเลยสักนิด
“...โอ๋ ๆ พลุพลุของแดดดี๊
ว่าไงครับ... แดดดี๊มาแล้วนะ คนเก่งของแดดดี๊ไม่ร้องนะครับ” อำนาจแห่งความง่วงงันทำให้ทันทีที่แหย่ปลายนิ้วตรวจตราผ้าอ้อมสำเร็จเสร็จสรรพ
คุณพ่อหน้าหยกก็เปลี่ยนเป็นจับลูกชายคนกลางขึ้นอุ้มพาดบ่า แล้วพากันเดินวนไปมารอบ
ๆ ห้องพร้อมกับร้องเพลงกล่อมเจ้าตัวเล็กด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
ทางด้านอริยะตรัยคนพี่ที่หลังจากเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกคนเล็กเป็นที่เรียบร้อย
ก็เดินเอาขวดนมไปแจกจ่ายให้แก่หมี ๆ ทั้งสองอย่างทั่วถึง โดยไม่ลืมกำชับวิญญูผู้เชี่ยวชาญด้านการหลับตาเดินเป็นกรณีพิเศษ
“แดดดี๊ ดูขวดนมด้วยนะ หมุนขวดให้ถูกด้าน”
“ครับ ๆ ”
“เดี๋ยวรอกินนมรอบนี้เสร็จแล้วค่อยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้พลุทีเดียวเลยก็ได้”
กรกฏย้ำกับด้วงเป็นการส่งท้ายก่อนหันมาใส่ใจกับลูกชายคนเล็กในอ้อมกอดตน
“กินเยอะ ๆ
นะลูก จะได้โตมาเล่นกับป๋าไว ๆ ” เต๋อคุยหนุงหนิงกับบุตรชายคนโตที่ตนป้อนนมอยู่ และดูเหมือนว่า
เด็กชายปภพก็อยากจะเอาใจคุณป๊ะป๋า เพราะทารกน้อยตั้งหน้าตั้งตาดูดนมในขวดจนหมดอย่างรวดเร็ว
เห็นดังนั้น คนเป็นพ่อจึงช้อนท้ายทอยพร้อมกับยกตัวอุ้มร่างกระจิดริดขึ้นพาดไหล่ ประคองคอเอาไว้อย่างระมัดระวัง
พลางตบหลังเบา ๆ ก่อนจะพากันออกเดินเพื่อรอเวลาให้เรอนม
ทันทีที่ตรินสาวเท้าไปจรดมุมห้อง
ชายหนุ่มก็หมุนตัวกลับหมายจะทำระยะซ้ำอีกรอบ ทว่าภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากลับทำให้พ่อหมีหน้าคมอดหัวเราะไม่ได้...
จะให้เขากลั้นขำเอาไว้ได้อย่างไร ในเมื่อทั้งข้าง ๆ เตียงผู้ใหญ่ และตรงโซฟาใกล้ ๆ
กับเตียงเด็ก ๆ มีชายหนุ่มอีกสองคนกำลังผจญชะตากรรมเดียวกันกับตัวเขา หากแต่ทั้งคู่ดูหมดสภาพหนักข้อกว่าเป็นไหน
ๆ
“คืนที่สามแล้วที่ต้องตื่นตอนกลางดึก...
ยังไหวกันอยู่หรือเปล่าครับที่รัก?” เต๋อจงใจเดินผ่าเข้าไปกลางวงเพื่อเอ่ยกระเซ้าคนรัก
ยังดีที่คู่สนทนาร่างเล็กพอมีแก่ใจพยักหน้าให้เขาแทนตอบคำแม้สุดสายตาจะลอยล้ำหลุดวงโคจรไปแล้วก็ตาม
ต่างกับอีกคนที่เดินร้องเพลงงึมงำตัวตรงแหน็วหากแต่ไม่สะเทิ้นสะเทือนกับคำแซวแต่อย่างใด...
ทว่ากลายเป็นเต๋อที่เข้าใจอีกฝ่ายผิดถนัด
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“อือ ไหว”
ที่สุดอดีตเด็กสถาปัตย์ก็ประจักษ์แจ้งแก่ใจว่า
การนอนน้อยทำให้สมองวิญญูสั่งการช้ากว่าปกติไปหลายนาที “พลุดูแด๊ดสิครับ ปากบอกไหว
แต่ตอบป๋าช้ามากกก แล้วนั่น... ดูนั่น แด๊ดตาจะปิดอยู่แล้วครับ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ฮื่อออ!
บอกว่าไหวก็ไหวสิ!” คุณพ่อหน้าหยกเถียงสู้ด้วยน้ำเสียงยานคางพลางฝืนลืมตาถลึงจ้องคุณป๊ะป๋าจอมกวน
แต่วิญญูกลับเปลี่ยนใจกะทันหันทันทีที่ได้ยินเสียงเด็กชายระบายลมในท้องออกมาเสียก่อน
ชายหนุ่มจัดแจงอุ้มเจ้าตัวน้อยในท่านอนหงาย จากนั้นจึงเดินไปรอบ ๆ ห้องพร้อมกับร้องเพลงกล่อมเพราะรู้ว่าวิธีนี้ช่วยให้เด็กชายพลุหลับได้เร็วขึ้น
“หนูไปนอนก่อนก็ได้นะ
เดี๋ยวป๋ากล่อมพลับให้” ถึงคราวที่ตรินหันไปโน้มน้าวกังฟูบ้าง แต่กรกฏกลับปฏิเสธทันควัน
“ป๋าคนเดียวไม่ไหวหรอก
ช่วย ๆ กันนี่แหละ จะได้นอนเร็ว ๆ ”
“แต่เมื่อกี๊หนูเข้าโหมดออโต้ไพล็อตไปแล้วนะ!”
“เปล่าเสียหน่อยป๋า
เมื่อกี๊แค่นั่งเหม่อเฉย ๆ เอง!”
“ง่วงแล้วขี้เถียงนะครับที่รัก!
จะดื้อไปถึงไหน
หืม?... เอาลูกมาแล้วก็ขึ้นเตียงไปนอนเสีย! เดี๋ยวป๋าจัดการต่อเอง” ตรินลูบไหล่บางพลางเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็นเพราะรู้ดีว่า
ในบรรดาพวกเขาทั้งสาม กรกฏคือคนที่เสียสละและอุทิศกายใจให้กับการดูแลเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขาเป็นอย่างดีโดยที่แทบไม่ได้หยุดพักหายใจ
“ไม่เอา ฟูจะกล่อมพลับนอน!” ว่าแล้วพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยก็ชำเลืองมองคนรักร่างหมีตั้งแต่หัวจรดเท้า
จากนั้นจึงโต้กลับด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง “ว่าแต่คนอื่น หน้าป๋าน่ะง่วงมากเลยนะรู้ไหม?!”
“หึ หึ หึ... ง่วงก็ง่วงครับ
ป๋ายอมรับอยู่แล้ว” ศิษย์เก่าสถาปัตย์ยักไหล่สบาย ๆ พลางเหลือบมองสารรูปอันยับเยินของคนรักทั้งสองสลับกันพลันกลั้นขำอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะเอื้อนเอ่ย
“แต่จะว่าไป ป๋าว่าอารมณ์ง่วง ๆ แบบนี้ก็ดีนะ”
“ยังไง?!!” คนพูดถามเหวี่ยง ๆ ... แม้จะสงสัย
แต่กังฟูก็ยังไม่หายนอยด์ร้อยเปอร์เซนต์
“ก็เป็นอารมณ์ง่วงเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อม
ๆ กันไง ง่วงแบบไม่มีใครต้องเหนื่อยกว่าใคร แถมยังทำให้พวกเราเข้าใจหัวอกกันและกันดีขึ้นอีกต่างหาก
หลังจากนี้ จะได้ไม่มีใครเผลอทำร้ายจิตใจใครคนใดคนหนึ่งด้วยเรื่องที่มันจิ๊บจ๊อย หรือไร้สาระยิ่งกว่านี้ยังไงล่ะครับ”
“...” เนื้อความที่เอ่ยผ่านน้ำเสียงอารมณ์ดีทำให้คู่สนทนาหน้าหวานรู้สึกตื้นตันขึ้นมาถนัดใจ
“ถึงมันจะง่วง
จะเหนื่อย จะนอนไม่พอ แต่ป๋าก็ชอบนะ” ตรินยิ่งยิ้มกว้างไปกันใหญ่เมื่อลูกชายคนโตร้อง
‘แอ๊ะ’ แทรกได้ถูกที่ถูกจังหวะราวกับช่วยตอบรับคำพูดของเขาแทนกังฟูอย่างไรอย่างนั้น
“เวลาได้เห็นหนูฟูยิ้มทุกครั้งที่ลูกยิ้ม หรือเวลาที่เห็นหนูด้วงบ่นแต่กลับเป็นคนสุดท้ายที่ปล่อยลูกลงเตียง
ป๋าก็อดมีความสุขไม่ได้ทุกที... ไม่รู้สิ มันเหมือนอยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตป๋าสมบูรณ์พร้อมอย่างที่เคยฝันไว้น่ะ”
“...” เป็นอีกครั้งที่อริยะตรัยคนพี่นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเขาเปิดใจให้กับผู้ชายหน้าคมที่ยืนอยู่ตรงหน้า...
ถ้าไม่ใช่เพราะเต๋อ ชีวิตของเขาคงไม่เป็นสุขได้มากขนาดนี้
“จากคนที่ไม่เอาใคร
กลายเป็นมีคนที่ให้รักมาก ๆ ถึงสองคน... ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ได้แต่งงาน
ได้สร้างรากฐานชีวิต สร้างครอบครัว แล้ววันนี้ ก็ได้มีลูกที่น่ารักด้วยกันอีกตั้งสามคน”
เด็กเต็กยิ้มร่าพลางทรุดตัวลงนั่งบนที่วางแขนของโซฟาตัวที่พี่ชายของธันวานั่งอยู่
“ป๋าขอบคุณหนูฟูมากนะครับที่ทำให้ความฝันของป๋ากลายเป็นความจริง...
ป๋ารักหนูนะ” สิ้นคำหวาน ป๊ะป๋าของลูกชายทั้งสามก็ก้มลงหอมแก้มคนรักหนัก ๆ
ก่อนจะหันไปพูดกับลูกอย่างรักใคร่ไม่ปิดบัง “ป๋ารักพลับนะลูก” แน่นอนว่าเมื่อพูดจบ
ชายหนุ่มก็กดปลายจมูกลงดอมดมกลิ่นหอมรัญจวนของแก้มนวลอีกครา
“ฮื่อ
บอกลูกแล้วทำไมไม่หอมลูกล่ะ?!” กรกฏทำทีประท้วงแทนลูกค่าที่แก้มตนถูกอีกฝ่ายลวนลามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ท่าทางไม่จริงจังดังกล่าวกลับทำให้พ่อหมีหน้าคมได้ใจไปกันใหญ่
“พลับอย่าเพิ่งน้อยใจป๋าไปนะลูก
พอดีป๋ายังไม่ได้โกนหนวดน่ะครับ... ยังไงตอนนี้ ขอป๋าชื่นใจกับแก้มพ่อฟูไปพลาง ๆ
ก่อนนะครับ” คุณป๊ะป๋าบดขยี้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นปรางอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง
อีกครั้ง และอีกครั้งจนคุณพ่อร่างเล็กต้องใช้มือดันใบหน้าคมออกห่างเพราะไม่อยากให้พวงแก้มจะหลุดหายเข้าปอดอีกฝ่ายไปเสียก่อน
“ฮื่อ!
แล้วแด๊ดล่ะป๋า...
ป๋าจะไม่ไปหอม ไม่ไปบอกรักแด๊ดหน่อยเหรอ?” ตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกัน ทำให้กรกฏเรียนรู้อะไรหลายอย่าง
หนึ่งในนั้น คือ การอยู่ร่วมกันฉันท์คนรักอย่างสันติ
ชายหนุ่มรู้ดีว่า
ขืนตนปรนเปรอเต๋อมากด้วงก็จะน้อยใจ แต่หากปล่อยให้เต๋อเล่นสนุกกับด้วงบ่อยเกินไป
ตัวเขาเองก็จะอิจฉาจนไม่เป็นอันทำอะไรเสียเอง เพราะฉะนั้น...
เมื่อไรก็ตามที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าตรินจู๋จี๋กับตัวเองมากหรือน้อยไป
อริยะตรัยคนพี่จะพยายามกระจายการแสดงออกทางความรักของเต๋อให้แผ่ไปถึงด้วง
ไม่ก็เรียกร้องความสนใจของพ่อหมีใหญ่ให้เบนกลับมาที่ตัวเองยามที่เห็นหมีคู่สาดความหวานใส่กันโดยไม่ปล่อยให้เวลาเนิ่นนานทิ้งช่วง
“อีกเดี๋ยว...
รอให้เดินวนกลับมาทางนี้แล้วป๋าจะบอก แต่ตอนนี้ขอจุ๊บพ่อฟูหน่อยได้ไหมครับ?” ตรินก็เป็นเสียแบบนี้...
เวลาเห็นกังฟูทำตัวน่ารักทีไร เขามักจะอดใจทำตัวสงบเสงี่ยมไม่ไหวไปเสียทุกที...
และการที่อีกฝ่ายนึกถึงใจด้วงอยู่ตลอด
ก็เป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ศิษย์เก่าสถาปัตย์รักและบูชาพี่ชายอดีตเดือนมหาลัยมากขึ้นทุกที
ๆ
“อื้อ!” สิ้นเสียงตอบรับอย่างเต็มอกเต็มใจของคุณพ่อ
ป๊ะป๋าก็บรรจงประกบปากลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของอีกฝ่าย
ทั้งสองช่วงชิงลมหายใจกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่ตรินจะผละไปฉุดหมีหน้าหยกให้ย้ายมาปักหลังอยู่บนเตียงเพื่อจูบหอมอวดลูกชายคนกลางอย่างสำราญใจ
คงไม่ต้องถามว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นจบลงเช่นไร...
.
.
.
.
บอกใบ้นิดนึงว่านี่ไม่ใช่เทพนิยายที่พระ
– นายจะได้ครองรักกันอย่างมีความสุข
เพราะทันทีที่ความพยายามในการหย่อนลูกน้อยกลับลงเตียงอีกครั้งของบรรดาพ่อ ๆ
ทั้งสามพังพินาศด้วยเสียงว้ากนำร่องของเด็กชายผู้พี่ วงจรของการถ่างตางัดไม้ตายก้นกุฏิทั้งหลายมากล่อมบุตรบังเกิดเกล้าจนถึงตีสี่ก็หมุนวนไปอีกครั้งอย่างทุกข์ทรมานแสนสาหัส
ก่อนที่เด็ก ๆ จะนัดกันโก่งคอส่งเสียงคำรามอีกครั้งเมื่อฟ้าใกล้สางทั้ง ๆ ที่ผู้เป็นพ่อทั้งสามยังทิ้งตัวลงบนฟูกได้ไม่ถึงสองชั่วโมงดี...
เฮ่อ! เหนื่อยกว่านี้มีอีกไหม?
«♥»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «♥»
No comments:
Post a Comment