Monday, January 4, 2016

«♥» บน บานฯ สาน รัก «♥» The 04th Bonding|| 04.01.2016



ยินดีต้อนรับทุก ๆ คนสู่วันทำงานแรกของปี 2559 นะคะ
ขอให้ผู้อ่านทุกท่านเริ่มต้นงานและชั้นเรียนด้วยความสุขสนุกสนาน
และขอให้ทุก ๆ วันหลังจากนี้ราบรื่นและดีงามไม่น้อยไปกว่ากันเลยค่ะ

เนื้อหาตอนนี้อาจจะเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ และไม่มีอะไรหวือหวานะคะ
เราเขียนตอนนี้ขึ้นมาเพราะอยากให้ทุก ๆ ท่านนึกภาพวันแต่ละวันของเหล่าสมุนเลวได้
และเพื่อคลายความคิดถึงฌอนศรีและงูเห่าของเหล่าสาวกลงบ้างไม่มากก็น้อย
เพราะอีกนานเลยกว่าที่ทั้งสองจะมีตอนเป็นของตัวเองแบบนี้อีกค่ะ

ตอนหน้า ใครที่คิดถึงสารินและสกล พวกเขากลับมาจับจองพื้นที่แล้วนะคะ
เจอกันวันจันทร์หน้าค่ะ... รักคนอ่านทุกคนมากจริง ๆ ค่ะ จุ๊บ ๆ
อ้อ! เรามีแฟนเพจเอาไว้ให้ติดตามนิยายแล้วนะคะ ลิงค์อยู่ด้านล่างของทุก ๆ กระทู้เลยค่ะ ^^



«»------------------------------------------------------------------------------------«»







The 04th Bonding        
 ใครหนอ... ลวงใจหลอกเราเรื่อยมา?




“อิ๊ก... อิ๊กครับ ตื่นได้แล้ว... สายแล้วนะ”  กว่าอดีตเดือนบริหารจะรู้สึกตัว ริมฝีปากเจ้าของเสียงปลุกก็แทบจะแนบกับใบหูคนขี้เซาอยู่รอมร่อ  ร่างบางซึ่งกำลังบิดขี้เกียจอย่างต่อเนื่องคลี่ยิ้มเอื่อยเฉื่อยพลางยันตัวขึ้นนั่ง กวาดตาที่ยังไม่ลืมดีมองไปรอบ ๆ คล้ายกำลังมองหาสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ภายในห้องแล้วตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงป้อแป้

“ฮื่อ... ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจัง?” หลังจากโดนฤทธิ์ของขาไพ่สายป๊อบแองเจิ้ลเล่นงานจนบักโกรก สองหนุ่มจึงรีบลากสังขารประมาณซอมบี้กลับมาหลับลืมโลกตั้งแต่เช้ายันค่ำกันที่ห้องของฝาแฝดสถาปัตย์  อิ๊กจึงแปลกใจไม่น้อยที่เห็นแฟนหนุ่มมาทำหน้าหล่อยิ้มย่องผ่องใสใส่หน้าตั้งแต่แรกขยี้ตาแบบนี้   

“ก็กะว่าจะไปคุยกับพี่ชายเรื่องย้ายออกไปยังไงล่ะ” ทันทีที่คนรักพาดพิงถึงบุคคลที่สามผู้ที่อยู่ ๆ ก็รวบตึงอำนาจในการตัดสินใจย้ายออกภายในเวลาชั่วข้ามคืน  อคิราก็ตื่นเต็มตาแล้วตวัดสายตากลับไปจ้องหน้าคนรักอีกครั้งด้วยความหวังผลิบานล้นปรี่

แล้วได้คุยไหม? พี่ฌานว่าไงมั่ง?!!”  

เหตุที่หนุ่มบริหารหน้าหวานซักไซ้ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเป็นเพราะคนเกิดก่อนฌอนเพียงไม่กี่วินาทีตั้งตนคัดค้านการปลีกตัวออกไปอยู่หอนอกของน้องชายอย่างเต็มรูปแบบทั้งที่แฝดน้องรับรองแข็งขันว่าจะไม่มีปัญหาใด ๆ ให้ต้องกังวล  แต่หนุ่มหัวจุกกลับจุดยิ้มมุมปากก่อนจะส่ายหัวน้อย ๆ ด้วยรู้สึกเอ็นดูคนรักอยู่เป็นทุน


“ลุกไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวก็ได้เข้าเรียนสายหรอก” เด็กเต็กตัดบทพลางบุ้ยใบ้นำสายตาอีกฝ่ายให้มองตามไปยังทิศห้องน้ำ แต่ดูเหมือนคนรักร่างบางจะไม่ถูกใจกับคำหวังดีที่เพิ่งได้ยิน

“ฮื่อออออออ เจ้าชายอคิรายังตื่นไม่ได้ เจ้าชายต้องได้จุมพิตจากองค์รัชทายาทฌอนปอนโกติเย่ก่อน” เจ๊าะแจ๊ะยังไม่ทันจบประโยค  อิ๊กก็ทอดตัวลงนอนในระนาบเดียวกับเบาะจะเว้นก็แต่กลีบปากบางจ๋อยสีแดงแจ๋ที่เจ้าตัวห่อกลมเป็นรูปขนมจีบแล้วยืด ๆ หุบ ๆ เป็นจังหวะทำเอาคนมองอดจั๊กจี้หัวใจไม่ได้   

ทว่าหลังจากเวลาล่วงเลยไปครู่ใหญ่ ๆ อาการโก่งปากรอโดยไร้ซึ่งสัมผัสที่เพรียกหาก็สั่งให้เปลือกตาของอดีตเดือนบริหารแอบเบิกขึ้นหรี่ดูลาดเลา พอเห็นว่าแฟนหนุ่มยื่นหน้าเข้าหาแต่ยั้งท่าไม่ยอมจูบกันแต่โดยดี  แถมสุดหล่อยังแอบทำจมูกฟุดฟิดไม่ผิดไปจากเจ้าสี่ขาหน้าขน อคิราก็จวกแฝดน้องด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดค่าที่เล่นท่าจนน่าหมั่นไส้

ทำไมไม่จุมพิตหม่อมฉันสักทีล่ะเพคะ?” แต่เมื่อสติสตังที่เริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ร่างบางก็เริ่มจะสำเหนียกถึงเรื่องสำคัญได้  “อย่าบอกนะ?!
.
.
.
.
.
.
.
“อืม... ก็ไม่หอมเท่าเมื่อคืน”

จริงเหรอ?!!!” ดวงตาโตเหมือนไข่ห่านถลึงกว้างจนเกือบถลนออกจากเบ้าเมื่อคนรักพยักหน้าหงึกหงักสำทับให้ยิ่งแน่ใจในความพังของช่องปากยามเช้า

เมื่อรู้ดังนั้น... อดีตเดือนบริหารผู้ไม่ได้ใช้ยาสีฟันระงับกลิ่นข้ามคืนก็สไลด์ตัวลื่นปรื้ดลงจากเตียงก่อนจะวิ่งหน้าตั้งไปคว้าผ้าขนหนูแล้วแว่บหายหลบเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ทันได้สังเกตเห็นว่า หนุ่มสถาปัตย์ยืนถอนหายใจยาวคล้ายกับกำลังโล่งอกเสียเหลือเกิน








“นึกยังไงถึงเอารถพี่ฌานมา แล้วอย่างนี้พี่ฌานจะไม่ว่าเอาเหรอ?” ในที่สุด อคิราผู้ใช้เวลาทำความสะอาดช่องปากจนคอฟันแทบทรุดก็กล้าเปิดปากถามแฟนหนุ่มออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์ระทึกขวัญผ่านพ้นไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดี... 

ครั้นจะไม่ถามก็ดันตงิดใจ เพราะทุกทีฌอนมักจะขี่เวสป้าคันงามพาเขาแว๊นอย่างแน่นแฟ้นไปโน่นมานี่แทบทุกที่ในมหาลัย
ไม่ใช่รถเก๋งคันใหญ่ของแฝดพี่ที่เขาก็เพิ่งจะรู้ไม่นานนี้ว่า เจ้าของรถมักจะใช้เพื่อขับไป กลับบ้านที่กรุงเทพฯโดยเฉพาะคันที่พวกเขากำลังนั่งอยู่นี่เสียหน่อย


“ไม่หรอก ก่อนออกมาฌอนบอกพี่ชายแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นก็กลับด้วยกันสี่คนไง มีสกลด้วย... ไม่ดีเหรอ?” เด็กเต็กยิ้มละมุนพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มเพียงเสี้ยววินาทีให้ตุ๊กตาหน้ารถ แล้วจึงหันไปสนใจกับท้องถนนช่วงก่อนเข้าเรียนที่แสนจะวุ่นวายภายในวิทยาเขต คนฟังสะบัดหัวพร้อมส่งให้ประโยคปฏิเสธอย่างทรงพลัง ตามด้วยการจาระไนถึงความต้องการของตัวเองอย่างจะแจ้ง

“หึ! ไม่ดีอ่ะ... อิ๊กอยากกลับกับฌอนแค่สองคน จะได้จี๋จู๋กันได้ถนัด ๆ ไง คึ คึ” อาการลามกขึ้นหน้าของอดีตเดือนบริหารทำให้คนขับผงะจนรถเกือบจะเสียหลัก

“เดี๋ยวเถอะ! ท้าทายฌอนอีกแล้วนะอิ๊ก... เดี๋ยวก็โดนจนได้หรอก” หนุ่มหัวจุกขู่เสียงเข้ม... ดีเท่าไรแล้วที่เขายังพอประคองสติเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นทั้งคู่อาจจะกลายเป็นผีเฝ้าต้นไทรข้างทางไปแล้วแหง ๆ  แต่ดูเหมือนคนนั่งข้าง ๆ จะไม่ได้ตระหนักถึงช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาด ๆ เลยสักนิด

“ไม่นะ! คนพาล!! อย่ารังแกฉันนะ!” อิ๊กสวมวิญญาณนางเอกหนังขายยาเพื่อสะดีดสะดิ้งให้พอเป็นพิธี ก่อนจะปรับเสียงพูดให้กลับเป็นปกติแล้วสื่อประเด็นที่ต้องการอย่างความจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ

“ถ้าฌอนจะทำจริง ๆ ครั้งแรกขอที่เตียงได้ไหม อิ๊กอยากให้เรารวมร่างกันแบบสมัยนิยมก่อนแล้วค่อย ๆ ไต่ระดับไปเล่นท่ากายกรรมกันทีหลัง” ขาดคำร่างบางก็กดหน้าต่ำด้วยความเอียงอายโดยไม่ได้สนใจเลยว่าคนข้าง ๆ กำลังจะตายด้วยอาการสำลักน้ำลายจนหายใจไม่ออก

“อิ๊กครับ... รักนวลสงวนตัวหน่อยดีไหม? พูดแบบนี้ไม่กลัวฌอนสยองจนหมดอารมณ์ไปก่อนหรือไง หืม?” แฝดน้องทักท้วงแกมเตือนสติอีกฝ่ายทันทีที่รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด  

กระนั้น...
ความกระเหี้ยนกระหือรือด้านอย่างว่าของอคิรากลับเข้มข้นเกินกว่าที่เขาจะยับยั้งได้


หมดอารมณ์ก็บิวท์สิ!  ไม่งั้นฌอนจะนอนเฉย ๆ ก็ได้นะ เดี๋ยวที่เหลืออิ๊กโซโลเอง!” อิ๊กชูกำปั้นขึ้นพลางเอ่ยอย่างฮึกเหิมจนแฝดน้องเริ่มจะหวาดหวั่น... จุด ๆ นี้ บอกเลยว่าอิ๊กสตรองจนเมนเทอร์ลูกเกดยังต้องหมอบกราบด้วยน้ำตานองหน้า หนุ่มสถาปัตย์จึงต้องยอมใจไหลตามน้ำอย่างไม่มีทางเลือก

“โห! หัวก้าวหน้ามากครับแฟนฌอน  ทีนี้ฌอนก็นอนเป็นอัมพาตได้อย่างสบายใจแล้วสิ”

“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าจะนอนง่อยจริง ๆ อย่างน้อย ๆ ฌอนต้องเคารพธงชาติทุกเช้านะ ไม่งั้นอิ๊กคงเซ็งมากกกกกก” อดีตเดือนบริหารว่าด้วยน้ำเสียงกระเส่าพลางกัดริมฝีปากล่างของตัวเองทุก ๆ การเว้นช่องไฟพร้อมกับส่งสายตายั่วยวนกระอักกระอ่วนหัวใจไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ

แฝดน้องหัวจุกถึงกับผินหน้ามองเหม่อไปไกล ๆ คล้ายต้องการจะใช้วิวทิวทัศน์ช่วยดึงสติอยู่สักพัก ก่อนจะหันกลับมาลอบมองประเมินคนรักแล้วจึงเอ่ยถามเรื่องค้างคาด้วยน้ำเสียงหนักใจ


“ฌอนถามหน่อยเถอะ อิ๊กอัดอั้นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงชอบพูดแต่เรื่องพรรค์นี้ตลอดเวลาเลยล่ะ?...
.
.
...เป็นเพราะฌอนยังไม่ทำอะไรอิ๊กสักทีใช่ไหม?...
...ฌอนขอโทษนะ... อดใจรอจนกว่าเราย้ายห้องดีไหมครับอิ๊ก?”


แล้วฌอนคุยกับพี่ฌานได้เรื่องยังไงล่ะ? ย้ายพรุ่งนี้เลยได้ไหม อิ๊กจะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ!” อคิราระเบิดอารมณ์ใส่หน้าคนฟังด้วยความอัดอั้นเหลือกำลัง...

ยิ่งคุยกับอีกฝ่ายด้วยเรื่องอย่างว่าแบบลึกซึ้งถึงกึ๋นมากเท่าไร แฝดน้องก็ยิ่งสงสัยติดหมัดหนักข้อขึ้นเท่านั้น...
ถ้าต่อมเหนียมอายของอิ๊กไม่ฝ่อไปตั้งแต่เจ้าตัวยังเล็ก ก็คงเป็นเพราะระบบความคิดว่าด้วยเรื่องสืบพันธุ์ผิดเพี้ยนไปจากคนทั่วไปอยู่หลายขุม  เพราะแม้จะโดนหนุ่มสถาปัตย์ล้วงลูกแบบตีแสกหน้า แทนที่จะออกท่าขัดเขินหรือทำตัวไม่ถูก คนรักหน้าหวานกลับตัดพ้อต่อว่าแถมยังชักสีหน้าใส่เขาราวกับกลัวว่าร่างกายจะหมดอายุใช้การไม่ได้กันวันนี้พรุ่งนี้


“พี่ชายบอกว่าจะกลับมาคุยด้วยเย็นนี้น่ะ อดใจเอาไว้หน่อยนะ... เดี๋ยวถ้าได้ย้ายเมื่อไหร่ ฌอนจะจัดให้จนเดินไม่ไหวเลยทีเดียว” คนขับพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบด้วยการให้ความหวังแต่เนิ่น ๆ ซึ่งดูจะได้ผลเป็นอย่างดี

คนบ้า!” อดีตเดือนบริหารทุบไหล่คนหลังพวงมาลัยดังบั้กเมื่อเผลอจินตนาการตามคำโฆษณาของคนรักจนเห็นภาพชัดเจนทั่วทุกอณูขน  จากนั้นคนสัปดนจึงคลี่ยิ้มหวานแล้วเอ่ยด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มอย่างชอบอกชอบใจ “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฌอนต้องอุ้มอิ๊กไปเรียนด้วย อิ๊กไม่อยากขาดเรียน... อิ๊กขยัน คึ คึ” ร่างบางยักคิ้วหลิ่วตาจนหน้ายับไปทั้งแถบปิดท้ายประโยคยกยอตนเอง

“ขยันหรืออยากโชว์ฌอนกับเพื่อน ๆ กันแน่ หืมมมม?” หนุ่มหัวจุกขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจระหว่างตีไฟเลี้ยวเพื่อจอดเทียบบริเวณด้านหน้าคณะบริหารด้วยความนุ่มนวล

“แฟนใครก็ไม่รู้ ฉล้าด ฉลาด! รู้ทันตลอดเลยอ้ะ!”  อดีตเดือนบริหารจีบปากจีบคอฉอเลาะแล้วผลักหัวไหล่ของอีกฝ่ายจนบ่ากว้างเอนไปกระแทกกับกระจกอย่างจังจนเด็กต่างคณะนิ่วหน้า โชคดีที่รถจอดสนิทไปตั้งแต่เมื่อกี๊ ไม่อย่างนั้นทั้งสองคงได้ไปสวีทกันต่อที่ยมโลกเป็นแน่ “จะแวะกินข้าวเช้าด้วยกันก่อนไหม?”

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวต้องไปวนหาที่จอดรถที่ตึกอีก วิชานี้ไม่อยากเข้าสาย” หนุ่มผมยาวหัวจุกบอกปัดพร้อมให้เหตุผล ซึ่งแม้คนฟังจะไม่เซ้าซี้แต่กลับตั้งเงื่อนไขก่อนจะยอมปล่อยตัวแฝดน้องไปเข้าเรียนตามคำขอ

“งั้นจุ๊บก่อน ... เดี๋ยวอิ๊กไม่มีแรงไปเรียนน้า” พูดจบอิ๊กก็ยื่นแก้มเข้าหาคนรักอย่างไม่นึกหวง

“ก็เอาสิ... ถ้าอิ๊กไม่อายคนอื่นน่ะนะ หึ หึ” ฌอนเอนตัวพาดหัวพิงพวงมาลัยพลางกวาดสายตามองคนหน้าหวานแก้มใสพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะในลำคอประหนึ่งกำลังท้าทายอีกฝ่ายอยู่ในที...

ที่หนุ่มสถาปัตย์กล้าทำแบบนี้เพราะนอกจากทำเลที่รถจอดจะมีผู้คนเดินผ่านกันขวักไขว่แถมกระจกรอบคันยังใสแจ๋วแล้ว คนรักร่างบางยังเป็นพวกไม่ชอบตกเป็นขี้ปากของใครเป็นที่หนึ่ง การทำตัวรุ่มร่ามแสดงความรักอย่างตะกละตะกรามในที่สาธารณะจึงไม่ใช่แนวทางของอคิราแต่อย่างใด


งั้นทดเอาไว้ก่อนก็ได้  แต่เย็นนี้อิ๊กต้องได้ทั้งต้นและดอกนะ!” หนุ่มบริหารที่ยอมจำนนแก่สถานที่ยกนิ้วชี้หน้าแฟนหนุ่มแล้วส่งสายตามุ่งมาดปราถนาอย่างแรงกล้ามาสำทับ

“หึ หึ หึ... ไว้ใจฌอนได้เลยครับ เดี๋ยวแถมดูดให้อีกสิบทีเลยก็ได้”

ลามกจกเปรตทุเรศชีกอ!” ถึงปากจะด่าแต่สีหน้าคนพูดกลับดูจะชอบใจในวาจาทะลึ่งทะเล้นเป็นที่สุดของหนุ่มสถาปัตย์สุดที่รัก ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายระยิบระยับแวววาวจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาราวชีคแห่งดินแดนอาระเบียอยู่นานสองนานจนคนฟังที่นั่งหัวเราะอย่างต่อเนื่องมาสักพักต้องตัดบท

“หึ หึ หึ... ไปเรียนเถอะ เดี๋ยวฌอนไลน์หาตอนพักนะครับ” ร่างบางรวบข้าวของจำเป็นขึ้นแนบอกแล้วก้าวลงไปยืนยิ้มหวานจนตาปิดก่อนเอ่ยคำอำลาตามประสาพวกท่าเยอะเป็นทุน

“บ๊าย บายที่รัก เดินทางไกลอย่าปล่อยตัวให้ป่วยนะ อิ๊กเป็นห่วง” อดีตเดือนบริหารอวยชัยให้พรคนรักพร้อมพลิกฝ่ามือโบกเบา ๆ ราวทายาทของดยุคแห่งยอร์คเชียร์ก็ไม่ปาน ซึ่งภาพที่เห็นตำตานั้นก็ทำให้เจ้าของรถหรูคันใหญ่ยิ้มน้อย ๆ แล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจในความเยอะของอีกคน  








“ไหนวันก่อนบอกว่าจะไม่มาเฝ้ายังไงล่ะ? ทำไมอยู่ดีๆถึงยอมมานั่งกินข้าวด้วยถึงที่นี่? รักเค้า หลงเค้า หวงเค้ามากอ่ะดี้?!” อิ๊กที่เพิ่งเดินลงจากชั้นสามของตึกคณะยิ้มกริ่มขณะก้าวเข้าไปหาคนรักที่โผล่มาเซอร์ไพรส์ถึงถิ่น...

แค่แฝดน้องไลน์ส่งความคิดถึงมาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงเขาก็หน้าบานจนกวินทร์กับดนัยสลับกันเบ้ปากทำตาคว่ำใส่เป็นระยะ ๆ แต่กับข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาบอกว่าวันนี้จะขอมานั่งกินข้าวกลางวันด้วยเมื่อสิบนาทีก่อนหน้าทั้งที่ไม่เคยสละเวลาพักสั้น ๆ ถ่อมากินข้าวกลางวันด้วยกัน ย่อมต้องมีดาเมจรุนแรงยิ่งกว่าคำหวานเป็นไหน ๆ  


“หึ หึ... ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็คิดไปเถอะ เดี๋ยวฌอนไปซื้อข้าวก่อนนะ... อิ๊กเอาอะไรครับ?” นอกจากจะไม่เพลี่ยงพล้ำถลำตัวไปกับคำพูดหยอกเอินของอดีตเดือนบริหารจนพากันออกทะเล หนุ่มหล่อผมยาวหัวทรงน้ำพุยังสามารถเบี่ยงประเด็นได้อย่างเหนือชั้นอีกต่างหาก

“ยังอ่ะ เดี๋ยวรอไปซื้อพร้อมกวินทร์ เดี๋ยวมันก็ลงมาแล้ว”  

“งั้นฌอนรออิ๊กก่อนดีกว่า อยากไปซื้อพร้อมกัน... คนอื่นจะได้ไม่กล้าเข้ามาเกาะแกะแฟนฌอน”

“หืย... รู้สึกว่าบรรยากาศดีขึ้นมาทันตาเลยอ่ะ แฟนใครก็ไม่รู้ปากหวานชะมัดเลย!” มือเนียนขาวละออยื่นขึ้นไปหยิกแก้มทั้งสองข้างของแฝดหัวจุกแล้วยื้อไปทางซ้ายทีขวาทีด้วยความหมั่นเขี้ยว คนโดนประทุษร้ายจึงต้องรีบหยอดเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์กระชากหนังหน้าด้วยความอารีโดยเร็วที่สุด

“ก็อิ๊กน่ารักออกอย่างนี้จะไม่ให้ฌอนหวงได้ยังไงล่ะครับ”

“เฮ้ยยยยย! เมื่อเช้าแอบไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า  หยอดเอา หยอดเอาจนเค้าจะเพ้อตายอยู่แล้วเนี่ย...
.
.
...นี่แฟนนะ ไม่ใช่หนมครก!!...
...บ้ะ บ้ะ บ้ะ บ้ะ บ้ะ บ้า! คนบ้า!” แม้ประโยคหยอกเอินเมื่อครู่จะทำให้ใบหน้าของหนุ่มสถาปัตย์เป็นอิสระตามต้องการ ทว่าคนตัวเล็กกว่ากลับเปลี่ยนทรงมือเป็นกำปั้นแล้วตะบันทุบยอดอกฌอนรัว ๆ ระหว่างกรีดร้องและส่ายหัวอย่างเสียสติ ทว่าแฝดน้องผู้ว่องไวก็อาศัยทักษะทางกีฬาที่เหนือกว่ากระถดเท้าถอยจนพ้นจากกระสุนฝ่ามือของอีกฝ่ายได้หลังจากที่โดนสกรัมหน้าอกอยู่เพียงอึดใจ

“ก่อนจะเล่นใหญ่ เดินไปนั่งให้เป็นที่เป็นทางก่อนดีไหมครับอิ๊ก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะตื่นตกใจเอานะ” ฌอนเอ่ยชวนพร้อมเตือนสติ

“ก็ไปสิ... ไปพร้อมกันเนอะ / นั่นไง... โต๊ะตัวนั้นว่างพอดี ไปนั่งกันเถอะครับ!” ฝ่ามือเนียนที่อคิรายื่นออกไปด้วยหวังจะให้คนรักเกาะกุมระหว่างก้าวเดินเคียงคู่กันไปยังแคนทีนประจำคณะกลับต้องลอยคว้างค้างเติ่งกลางอากาศเพราะร่างสูงใหญ่ออกตัวทิ้งห่างไปตั้งแต่ยังไม่ทันตกลงกันได้ด้วยซ้ำ...

ทำไมล่ะ... ทำไมถึงไม่ยอมจับมือกันเดินหนุงหนิงมิ้งมุ้งให้คนอื่นอิจฉา?
หรือว่าเมื่อกี๊จะมองไม่เห็น?!








“ไหน ๆ พวกเราทุกคนก็มากันพร้อมหน้าแล้ว อิ๊กก็จะแนะนำเพื่อน ๆ ในกลุ่มให้ฌอนได้รู้จักหน้าค่าตาเอาไว้เลยนะ” อดีตเดือนบริหารเอ่ยกับแฝดน้องทันทีที่สมาชิกผู้ร่วมโต๊ะทั้งหมดจัดการอาหารกลางวันของตนไปได้สักพัก ปลายนิ้วอิ๊กเลื่อนไปหยุดที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่หนีไปจากเต๋อทว่าหน้าตาไม่รับแขกหนักกว่าหลายเบอร์ ก่อนจะพูดแนะนำบุคคลที่สามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

“คงไม่ต้องแนะนำกวินทร์หรอกเนอะ เพราะคุ้นหน้ากันดีอยู่แล้ว” กวินทร์ตวัดหางตาค้อนรูมเมทเต็มแรง ก่อนจะหันไปแอ๊วแฝดน้องอย่างที่ชอบทำยามเจ้าของตัวจริงไม่ทันระแวดระวัง

“ฌอน อย่าลืมที่เราตกลงกันเอาไว้นะ... เมทเผลอแล้วเจอเกวน...
...อ้อ! แล้วต้องเรียกเกวนนะไม่เรียกกวินทร์...
.
.
...เพื่อนเมทนางอิจชอบหาจังหวะแฉชื่อทางวิทยาศาสตร์ทำลายความแซ่บซี๊ดซ๊าดของเกวนเรื่อยแหละ!

“ครับ ๆ “ เด็กเต็กแค่นยิ้มพร้อมรับคำอย่างขอไปที ก่อนที่เสียงห้าว ๆ ของชายหนุ่มที่ล่ำพอกันแต่ดำมันกว่ารายแรกมากจะพูดแทรกขึ้นเสียก่อน

“ถึงเราจะเคยได้เสียกันเมื่อสองคืนก่อนไปหลายรอบแล้ว แต่เราจะแนะนำตัวให้นายรู้จักอีกทีก็ได้” ดนัยขยิบตาให้หนุ่มต่างคณะพลางย่นคอยิ้มเอียงอาย ก่อนจะกรีดนิ้วมือข้างซ้ายที่ยกขึ้นเพื่อดึงปอยผมในจินตนาการไปทัดหูให้เรียบร้อยแล้วจึงประดิษฐ์ประดอยค่อย ๆ หนีบเสียงพูด 

“เราชื่อไดอาน่า ห้องสองหนึ่งห้าตึกยี่สิบสองบี พี่ห้องกับรูมเมทวิศวะไม่ค่อยอยู่ ชอบใส่ชุดนอนซีทรูสั้นเสมอหู ตอนนอนไม่ชอบห่มผ้าและไม่เคยล็อคประตูหน้าห้อง แถมยังชอบอ้าประตูหลังผึ่งต้องลมตลอด ๆ / อีแรดแอฟริกา! อย่ามา! นั่นผัวเพื่อน!! หลังสิ้นเสียงแปร๋แปร๋นของหนุ่มบริหารล่ำผู้ถูกแนะนำเป็นรายแรก กวินทร์กับดนัยก็แทบจะโผเข้าไฝว้กับอีกฝ่ายจนเกือบจะได้เสียกัน  แต่แล้วน้ำเสียงหวานหูของผู้ชมที่นั่งปรายตามองความพินาศอย่างมหันต์ของเพื่อนสาวทั้งสองมาโดยตลอดกลับพูดเรียกความสนใจของดนัยได้อย่างชะงัด

“ฌอนเรียกมันว่าดนัยเหมือนเดิมเถอะ ฌอนจะได้ไม่กระดากปาก เนอะ เนอะ”

“จ้า พ่อเดือนฟั่นฟอ พ่อมหาจำเริญ! / หึ หึ หึ” อิ๊กหัวเราะใส่หน้าเพื่อนผู้กล่าวสรรเสริญตนเองผ่านน้ำเสียงแดกดันด้วยท่าทางประหนึ่งนางพญา ทว่ามุมปากกลับจุดยิ้มร้ายคล้ายนางโกงเพื่อเยาะเย้ยให้ดนัยย่อยยับ จากนั้นปลายนิ้วมือก็ขยับไปชี้ยังหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราอีกสองนางที่นั่งตรงข้ามกับทั้งคู่

“นี่แก้มกับเนมพวกมันเบี้ยนกัน เพราะฉะนั้น... ฌอนไม่ต้องหึงอิ๊กกับเพื่อนนะ อิ๊กไม่เล่นดนตรีไทย... สบายใจได้เลย” คำพูดรับรองของอดีตเดือนบริหารที่เพิ่งจบไปกระตุกต่อมสาวหน้าใสผมบ็อบประบ่าเข้าเต็มเปา

“คิรา คิราแนะนำคนึงและอรจิแบบหมา ๆ อย่างเมื่อกี๊มันใช้ได้ที่ไหนคะ? คนึงไม่เล่นเพื่อนค่ะ ที่สำคัญ... คนึงยังชอบผู้อยู่นะคะ ถึงคนึงจะแย่งผู้หลายต่อหลายคนจากคิราไม่ค่อยทันเลยก็เถอะ!” ดนัยถึงกับแอบส่งยิ้มชมเชยคนึงนิจค่าที่หล่อนใช้วาจาหั่นขาเตียงของเพื่อนกับชายหนุ่มรูปหล่อเพื่อแก้แค้นให้กับความพ่ายแพ้ยกเมื่อครู่

“ก็คิราเห็นคนึงชอบไปไหนมาไหนกับอรจิตลอด ๆ  คิราเลยเข้าใจผิดไปว่าคนึงกับอรจิมีซัมติงรองกันน่ะสิคุณเพื่อน” หนุ่มหน้าหวานผู้ครองตำแหน่งเดือนบริหารด้วยความจำเป็นเมื่อปีก่อนโชว์สเต็ปแถได้อย่างมีชั้นเชิง ทว่าอีกหนึ่งสาวกลับพูดขัดด้วยน้ำเสียงห้าวห้วนที่ฟังอย่างไรก็ไม่เข้ากับใบหน้างามพิศของเจ้าหล่อนแต่อย่างใด

“ดูฮอร์โมนจนเพ้อเกินไปแล้วนะคิรา กูไม่ได้จะก้อยดาวกับคนึงอย่างที่มึงชอบมโนเลยอีหญิงงามเมือง!

“อย่ามาก้อยดาวให้คิราปลอบใจทีหลังก็แล้วกัน!” อิ๊กถลึงตาใส่เพื่อนสาวทั้งสองก่อนจะเปลี่ยนโทนเสียงและปรับท่าทางให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในชั่วพริบตาแล้วหันกลับไปออเซาะร่างสูงข้าง ๆ  อย่างน่ารักน่าใคร่

“แต่ตอนนี้... คิราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ทำความรู้จักกับแฟนหนุ่มคนล่าสุดของคิราเอ... / เดี๋ยวค่ะเพื่อนเมท เพื่อนเมทจะไม่รอพ่อเดือนดับมาก่อนเหรอคะ จะได้แนะนำให้ฌอนได้รู้จักพ่อเดือนมฤตยูไปพร้อม ๆ กันเลย?” กวินทร์เหลือบมองไปรอบ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนถึง เดือนมฤตยูผู้ที่แฝดน้องเดาว่าน่าจะเป็นสมาชิกอีกคนของกลุ่ม

“ไม่ล่ะ ปล่อยมันไปเถอะ ไม่รู้ป่านนี้ไปอ้อยแฟนคนอื่นถึงไหน รอไปก็เท่านั้นแหละ” อคิราบอกปัดอย่างไม่ยี่หระ กระนั้นเสียงห้าว ๆ ของเนมกลับถามย้ำขึ้นอีกคน

“คิรา... จะไม่รอเหนือมันจริง ๆ หรือไง?”

“เรื่องอะไร?! ทำไมฉันต้องรอมันด้วยวะอรจิ?”

“กูก็แค่อยากให้แฟนมึงได้เห็นหน้าค่าตาไอ้เหนือมันก่อน  ต่อไปแฟนมึงจะได้ไม่เข้าใจผิดไง” หญิงสาวผมยาวหน้าตาสวยหวานทว่าเสียงและท่าทางห้าวหาญผิดกับชายหนุ่มทั้งโต๊ะอธิบายด้วยสีหน้าไม่สู้ดี จนฌอนเริ่มจะเอะใจถึงใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเขาในเวลานี้
.
.
.
.
ทว่าก่อนที่ใคร ๆ ในโต๊ะจะได้ต่อบทสนทนาเมื่อครู่
เสียงทุ้ม ๆ ที่ทอดยาวอย่างหวานฉ่ำเพื่อออดอ้อนอดีตเดือนบริหารโดยเฉพาะก็สอดขึ้น

“ว่าไงครับอิ๊ก!  ตอนเหนือไปต่อแถวซื้อข้าว อิ๊กคิดถึงเหนือไหมเอ่ย?”  ไม่ต้องให้ใครร้องขอ... เจ้าของคำถามก็วางจานข้าวลงตรงหน้าอคิราแล้วพาดฝ่ามือทั้งสองลงลูบบ่าบาง ๆ ของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมส่งยิ้มกว้างแจกจ่ายให้แก่สมาชิกทั้งหลายในโต๊ะอาหาร

“เหนือสมุทร เอามือสกปรก ๆ  ของนายออกไปจากไหล่ฉันเดี๋ยวนี้!” ในขณะที่อคิรากำลังวุ่นวายกับการปัดฝ่ามือหนาของคนมาใหม่ออกจากตัวด้วยสีหน้ารังเกียจอยู่นั้น บรรดาเพื่อนสนิททั้งหลายที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่แต่เดิมก็ต่างมองหน้ากันด้วยสายตาเลิ่กลั่กและเป็นกังวล

“ทำไม? พอมีคนใหม่แล้วหวงเนื้อหวงตัวเหรอ?” แทนที่จะสลด คนสร้างเรื่องรูปหล่อไร้ที่ติกลับจะยิ่งกระดี๊กระด๊าที่ได้แหย่จนอดีตเดือนคณะออกอาการไม่พอใจออกนอกหน้าได้สำเร็จ... แต่นั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่เหนือสมุทรตั้งใจจะทำเสียทีเดียว   

“สวัสดีครับ... ผมเหนือสมุทร เพื่อนสนิทอิ๊กครับ”

ไม่ต้องให้ใครบอกฌอนก็ดูออกว่าคน ๆ นี้มาไม้ไหน...
เพื่อนสนิทคนดังกล่าวจงใจลูบแผ่นหลังแบบบางของคนรักตนเพื่อแสดงสถานะที่แน่นแฟ้นกว่าโดยไม่สนใจว่าอคิราใกล้จะฟาดงวงฟาดงาเต็มที  แฝดหัวจุกจึงขบกรามแน่นแล้วสูดลมหายใจเข้ายาว ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อบรรเทาความไม่พอใจ ก่อนจะขอความร่วมมือจากอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท


“สวัสดีครับ ผมฌอน แฟนอิ๊กครับ... ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป กรุณาเอามือออกจากไหล่แฟนผมด้วยครับ” บอกเลยว่าที่ยังทำตัวสุภาพอยู่ได้ เป็นเพราะฌอนไม่อยากก่อเรื่องจนคนรักลำบากใจ  คนกลางคงรู้สึกไม่ดีเท่าไรหากเพื่อนสนิทและแฟนใหม่ตีกันตายทั้ง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายเพิ่งจะได้เห็นหน้าค่าตากันเป็นครั้งแรก

“หึ หึ ก็ได้ครับ” ที่สุด... เหนือสมุทรผู้ปฏิเสธตำแหน่งเดือนคณะเมื่อปีก่อนด้วยการไม่เข้ารับน้องและไม่สุงสิงกับใครหน้าไหนยอมรามือให้คนทั้งโต๊ะได้สบายใจเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหันไปหว่านล้อมรูมเมทและเพื่อนสนิทอิ๊กเพื่อรับน้อง แฟนใหม่ของเพื่อนในกลุ่มอย่างไม่ลดละ “เกวน เกวนเขยิบไปหน่อยสิ เหนืออยากนั่งข้าง ๆ อิ๊กน่ะ”

ไม่ต้องหรอกกวินทร์! / เถอะครับเกวน” หนุ่มหล่อร้ายผู้สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อนแทรกตัวลงนั่งเบียดกับร่างบางทันทีโดยไม่รอรีให้กวินทร์เขยื้อนมวลร่างกายหนีได้ทันเวลา  “เอาล่ะครับทุกคน พวกเรากินข้าวกันเถอะครับ”

คำชักชวนที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงของเหนือสมุทรผู้ไม่รู้สึกรู้สาทำให้บรรดาเพื่อน ๆ วางตัวไม่ถูกไปตาม ๆ กัน  เด็กบริหารทั้งหมดรู้ดีว่า พ่อรูปหล่อชอบเกี้ยวพาคนที่มีพันธะแล้วเป็นพิเศษ  แต่ไอ้ที่ทำให้บรรยากาศมื้อกลางวันยิ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออกหนักไปกว่านั้นเห็นจะเป็นอาการโกรธจนไม่ปริปากของอคิรา และใบหน้าเรียบเฉยของหนุ่มสถาปัตย์ผู้โดนลูบคมนั่นเอง


«»------------------------------------------------------------------------------------«»


“อะไรยังไงครับเพื่อนบูบู้... ทำไมวันนี้ถึงเอาแต่นั่งหน้าบูด  พี่หมีทำอะไรขัดใจเข้าให้อีกเหรอ?” หลังจากได้อาหารกลางวันติดมือกลับมาที่โต๊ะเป็นที่เรียบร้อย ความยับยั้งชั่งใจจะไม่เผือกของสกลก็ถดถอยลงไปทุกที ๆ ...

ก่อนบ่ายวันนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่า ต้นเหตุของอาการเศร้าหมองไม่ยิ้มย่องของเพื่อนรักร่างผอมคือสิ่งใด  
แต่แทนที่จะได้คำตอบอย่างที่หวังเอาไว้ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดขาประจำกลับแขวะหนุ่มแว่นจนหน้าเสีย


“นั่งเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เช้าก็ไม่เห็นถาม  ที่พูดเสียงดังนี่คิดจะเต้าข่าวอะไรอีกล่ะ?” ฌอนตั้งข้อสังเกต

“ถ้าจะไม่ช่วยเป็นลูกคู่  ก็นั่งกินข้าวเงียบ ๆ ไปเถอะครับฌอนศรี” เด็กเต็กหัวไข่เห่าใส่แฝดน้องอย่างไม่คิดปรานี จากนั้นจึงหันไปจี้ชายกลางที่นั่งหน้าบึ้งมาตั้งแต่เช้าเข้าอีกหน “ว่ายังไงบูบู้?... ทำไมถึงทำหน้าหงิกแบบนี้  ไม่มีเพื่อนคบเหรอ?”

“มึงแหย่อะไรน้องรหัสกูฮึแว่น? เดี๋ยวเหอะนะ!” เต๋อที่เดินถือถาดอาหารที่บรรจุสำรับกับข้าวอันหลากหลายสำหรับครอบครัวใหญ่ของตนกลับมาที่โต๊ะโพล่งถามเสียงเข้มขัดจังหวะการซักไซ้ไล่เลียงของสกลได้ทันเวลาพอดี มหาตาตี่จึงเบนความสนใจไปเต๊าะรุ่นพี่ร่างใหญ่ในบัดดล  

“แหม่ พี่เต๋อก็! มองน้องเป็นตัวร้ายตลอด ๆ ! ใจคอจะไม่เหลียวแลหัวใจดวงน้อย ๆ ของหนุ่มแว่นสุดโมเอ้อย่างน้องหน่อยเหรอครับ?”

“หึ! ไม่อ่ะ... เท่าที่กูมีนี่ก็ดีมากพอแล้ว”  หนุ่มร่างหมีว่าพลางหันไปส่งยิ้มอบอุ่นให้กับกังฟูและด้วงอย่างเท่าเทียม ก่อนจะสงเคราะห์แนวทางแก้ปัญหาให้แก่น้องร่วมคณะโดยไม่ปรายตามองหน้าแว่น ๆ นั่นเลยสักนิด “ถ้าอยากได้ความรักความใส่ใจมาก ๆ ทำไมมึงไม่กลับไปอยู่เขาดินเหมือนเมื่อก่อนล่ะ อย่างน้อย ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่คอยเอาอาหารมาให้ตามเวลานะ”

พี่เต๋อออออ! / หนูแนน! เมื่อกี๊ล้ออะไรบูบู้?!”  ดูท่าว่า กลางวันนี้สกลคงไม่มีบุญได้ถากถางหรือตอดใครให้สาสมใจ เพราะอดีตเดือนมหาลัยที่เพิ่งกลับมาทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ชายกลางพร้อมข้าวสองจานได้เปิดประเด็นเฉ่งหนุ่มหัวไข่ค่าที่ทำให้แฟนตัวน้อยของตนต้องนั่งก้มหน้าไม่กล้าสู้โลก

“อู๊ยยยย! ล้อเล้อที่ไหนกันครับพี่หมี? อย่าเที่ยวไปฟังเรื่องไม่เป็นเรื่องจากปากผู้ไม่ประสงค์ดีเลยครับพี่หมีของบ่าว” สกลทำประจบประแจงแกล้งเอาใจเก็กพลางค้อนปาปารัสซีฌอนศรีที่คาบข่าวไปบอกหนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาลัยเสียตาแทบหลุด

กระนั้น... หางตาตี่ ๆ กลับจับสังเกตใบหน้าที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีลูกตำลึงสุกของบ๊วยขณะถูกหนุ่มวิศวะกระเถิบชิดใกล้ก่อนจะพาดแขนโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของแบบออกนอกหน้า ซึ่งสีหน้าเคอะเขินเกินพอดีของเพื่อนรักส่อพิรุธจนเส้นเผือกของหนุ่มหัวไข่เต้นริก ๆ


เอ๊ะ! หรือว่า?!! พี่หมี! พี่หมีทำอะไรเพื่อนบูบู้ของผมหรือเปล่าครับ? ทำไมพอพี่หมีมานั่ง เพื่อนบูบู้ของผมถึงหน้าแดงเป็นตูดลิงไปได้ล่ะครับ?

เฮ่ย! ห้ามมอง!! หันไปมองทางอื่นเดี๋ยวนี้เลยนะแนน!” ธันวาร้อนรนเป็นหมีโดนน้ำร้อนลวกด้วยไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้... เพราะตั้งแต่ค่ำคืนนั้น ชายกลางก็ไม่ขยันยิ้มเหมือนแต่ก่อนเสียแล้ว  คิดได้ดังนั้น หนุ่มรูปงามจึงตวัดปลายแขนรวบร่างผอมของคนรักให้เข้ามาซบแผ่นอกของตน

“มานี่ครับ ซุกหน้าไว้นะ เค้าไม่อยากให้ใครเห็นตอนบูบู้เขิน / พี่หมี!!! / ชู่ว์ววววววว ไม่เอา ไม่ดื้อสิ” อริยะตรัยคนน้องทั้งขู่ทั้งปลอบแฟนตัวน้อยที่ฝังหน้าหลบสายตาจับผิดของหัวหน้าขาเผือกอย่างสกล  พอเห็นเพื่อนรักต่างคณะกำลังลนลาน แฝดน้องจึงเบี่ยงความสนใจของสหายหัวไข่มาที่เรื่องของตัวเองแทน

“พี่เต๋อครับ ที่ตึกพี่เต๋อมีห้องดูเพล็กซ์ว่างเหลือบ้างไหมครับ?”

“มึงจะเอาหรือไง? ห้องดูเพล็กซ์กูขายขาดนะเว่ย ไม่ได้ให้เช่า!” ตรินละสายตาจากอีกสองหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกันเพื่อหันมาให้ข้อมูลที่รุ่นน้องต้องการ

“แล้วถ้าผมจะซื้อ พี่เต๋อมีห้องพร้อมเข้าอยู่เลยหรือเปล่าครับ? และถ้าเรียนจบผมปล่อยให้รุ่นน้องเช่าต่อได้ไหม? พี่เต๋อจะว่าอะไรหรือเปล่า?”

“ถ้ามึงจะเอาเองก็มีแหละ ของกูมีบริการดูแลห้องกับคนเช่าใหม่ให้เจ้าของเดิมด้วย มึงโอเคไหมล่ะ?” รุ่นพี่ตอบอย่างฉะฉานสมกับเป็นลูกชายเจ้าของตึก

“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้พี่เต๋อว่างหรือเปล่าครับ ผมกับพี่ชายจะได้ขอคุยเรื่องสัญญากับรายละเอียดการจ่ายเงินให้เรียบร้อย”

“เดี๋ยว! นี่มึงไม่ใช่ไอ้ฌานเหรอ?” กังฟูชะโงกหน้าผ่ากลางวงด้วยวันนี้รุ่นน้องต่างคณะไม่ได้ผูกผมดังเช่นทุกวัน เขาจึงเข้าใจว่าวันนี้แฝดคนเล็กไม่ได้นั่งร่วมมื้ออาหารด้วยกัน ฝั่งฌอนก็ส่งยิ้มบาง ๆ คืนให้พี่ชายธันวาพร้อมกับส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะยืนยันตัวตนอย่างสุภาพ

“ผมฌอนครับเฮียฟู” คำตอบของรุ่นน้องกับสีหน้าไม่ผิดปกติของบรรดาสมุนเลวรับรองได้ว่าสิ่งที่เพิ่งได้ยินไม่ใช่การแหกตาแต่อย่างใด พี่ชายอดีตเดือนมหาลัยจึงหันกลับไปหาชายหนุ่มร่างหมีเพื่อขอตัวช่วย

“เต๋อ... เต๋อแยกฝาแฝดคู่นี้ออกจากกันได้ยังไงอ่ะ?” ตรินเงยหน้าจากจอมือถือแล้วส่งยิ้มให้ด้วงเพื่อรับช่วงต่อด้วยตนยังติดพันกับเรื่องการซื้อขายห้องตามคำขอของแฝดน้องเมื่อสักครู่   

“คงเป็นความรู้สึกล่ะมั้งครับฟู บรรยากาศเวลาอยู่กับฌอนน่ะไม่เหมือนกับเวลาที่มีแฝดพี่อยู่ด้วยหรอก”

“เหรอ? ยังไงอ่ะ?” พอเห็นว่ากรกฏหันไปคุยกับวิญญูด้วยความสนอกสนใจ  เต๋อจึงพยักหน้าให้สัญญาณแก่ฌอนก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่าย

“มึงไม่ต้องคุยกับกูหรอก กูส่งไลน์ไปบอกหัวหน้าแผนกเซลล์ให้แล้ว อีกสักพักพี่ต้องคงจะติดต่อมึงเองแหละ” คนพูดชำเลืองดูข้อความคอนเฟิร์มการดำเนินงานจากลูกน้องพ่อ แล้วจึงอธิบายถึงว่าที่นิวาสถานแห่งใหม่ของน้องร่วมคณะอย่างคร่าว ๆ  ราวกับเซลล์ประจำโครงการก็ไม่ปาน

“ไหน ๆ พวกมึงก็จะมาเป็นลูกค้ากูแล้ว ถ้ามึงไม่ติดขัดเรื่องราคาหรืออะไร กูขอแนะนำห้องว่างชั้นถัดจากชั้นที่กูอยู่ให้เลยก็แล้วกัน ห้องนี้สงบ วิวดีเห็นบึงกับสวนด้านหลังแต่หันทิศเหนือ ช่วงกลางวันก็อาจจะร้อนหน่อย  ส่วนห้องเห็นวิวตัวเมืองที่หันทิศใต้ เด็กสัตว์แพทย์ปีเดียวกับกูซื้อไปตั้งแต่เปิดโครงการแล้ว”

“ฌอนศรีจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเหรอ? ดีจังเลย! ถ้างั้นขอผมไปอยู่ด้วยนะ ผมโหยหาแอร์กับทีวีเต็มแก่แล้ว!”  คำพูดของรุ่นพี่ร่างหมีนำพารอยยิ้มมาประดับวงหน้าที่มาพร้อมแว่นทรงม้อดได้อย่างน่าอัศจรรย์...

จากที่เคยตั้งท่าเขม่นกับว่าที่เจ้าของห้องชุดสุดหรูจนไม่อยากจะใช้อากาศหายใจร่วมกัน
แต่พอนึกถึงห้องพักกว้าง ๆ เพียบพร้อมไปด้วยความสุขสบายอยู่รำไร สกลผู้หัวไวไม่มีใครเกินก็พร้อมจะเมินวาจาร้ายกาจทั้งหลายเพื่อลดตัวลงเลียแข้งเลียขาอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจในบัดดล


“เออ! นั่นสิ! แล้วมึงจะย้ายออกมาอยู่ข้างนอกทำไม?  มึงมีห้องอยู่หอในแล้วไม่ใช่เหรอ?” เต๋อถามแทรกขึ้นด้วยความสงสัย  ซึ่งท่าทีอึกที่แฝดน้องแสดงออกก็ทำให้อดีตเดือนมหาลัยจับไต๋ได้ไม่ยากนัก

“อย่าบอกนะว่าที่ย้ายออกไปอยู่หอนอกเพราะมึงอยากเอาใจฮอบบิท?” พอเก็กนำเทรนด์ด้วยการหรี่ตามองเพื่อนสนิทต่างคณะ คนอื่น ๆ ที่เหลือก็เริ่มจะตั้งใจรอฟังคำตอบของแฝดน้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
.
.
.
.
.
“...ก็เออ!... กูก็แค่อยากให้เขาได้มีพื้นที่ส่วนตัวบ้างน่ะ”

“หั่นน่อวววว...” ทั้งที่เดิมทีก็ตั้งใจเต็มที่ว่าจะแซะเจ้าของสีหน้าเขินอายเมื่ออึดใจก่อนให้เสียอาการดูสักครั้ง แต่สายตาดุดันกับสีหน้าจริงจังกว่าปกติของฌอนทำเพื่อนสนิทหน้าแว่นกลืนหางเสียงกวนประสาทลงคอแทบไม่ทัน  “ชะอุ๊ย! ไม่แซวแล้วก็ได้ เดี๋ยวไม่ได้ย้ายไปอยู่ด้วย อิอิ“

“แล้วนี่ไอ้ตัวบอสมันรู้หรือยัง?  อยู่ ๆ น้องชายมันก็จะมาทิ้งไปอยู่กับแฟนแล้วปล่อยมันให้อยู่หอในคนเดียวเนี่ยะ มันไม่น้อยใจเหรอ?” หนุ่มร่างหมียังคงไม่เลิกเป็นห่วง เขาไม่อยากให้พี่น้องต้องผิดใจกันเพราะความต้องการอยากจะเอาใจแฟนของใครคนใดคนหนึ่ง  

“หึ หึ หึ... ผมไม่น้อยใจหรอกครับพี่เต๋อ เพราะผมก็จะย้ายไปอยู่กับน้องด้วย” ร่างทรงหนุ่มที่เพิ่งตามมาสบทบได้อย่างถูกกลายเป็นผู้ไขความกระจ่างให้แก่ทุกคนเสียเอง

“พี่ฌาน!!... พี่ฌานไปไหนมาครับ? ทำไมพี่ฌานถึงยอมปล่อยน้องให้เฟ้งฟ้างเหมือนหลงทางกลางหมู่มนุษย์ป้าอย่างนี้ล่ะครับ?!!” สกลผู้เล่นใหญ่ได้ตลอดศกตัดพ้อพลางแสร้งหาวเรียกน้ำตาให้ไหลคลอเบ้าราวกับออยฮอร์โมนตอนโดนแฉ... โชคยังดีที่หนุ่มหน้าแว่นไม่ต้องตั้งท่าชักตาตั้งตบท้ายเพื่อเรียกร้องความสนใจแบบครบสูตร เพราะเสียงสั่งของอดีตเดือนบริหารดังเรียกแขกขึ้นเสียก่อน

หยุด! เลิกคร่ำครวญกันเสียที ฉันมีเรื่องด่วนต้องสะสางกับไอ้ฝาแฝดคู่นี้ ณ บัดนาว!”  อิ๊กผลักหลังฌานให้หลบไปยืนข้าง ๆ แล้วเดินหน้าตึงเข้าไปยืนซ้อนหลังค้ำหัวคนรักด้วยสายตาจองเวร “ว่ายังไง? ไหนลองอธิบายมาหน่อยสิว่านายทำแบบนี้ไปทำไม หือ... นาย ขอ รับ? 

“ฌอนไม่ใช่คนต้นคิดนะอิ๊ก... โน่น ถ้าจะถาม อิ๊กถามพี่ชายเลยว่าทำไมถึงอยากสลับตัวกับฌอน” ดีกรีความเผ็ดร้อนของอคิราในยามนี้ทำให้แฝดน้องนั่งไม่ติด แต่แทนที่อิ๊กจะได้สืบสวนความเป็นมาเป็นไป เสียงอุทานด้วยความตกใจของชายหนุ่มเกือบทั้งโต๊ะก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อน

ห๊ะ?!” ... มิน่า ทำไมวันนี้แฝดคนพี่ถึงได้ผลุบ ๆ โผล่ ๆ จนเพื่อน ๆ แทบไม่ได้เห็นหน้าค่าตา ในทางกลับกัน... ฌอนก็นั่งหน้าหงิกอย่างไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่เช้าราวกับโดนลอบเผาบ้าน

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิอิ๊ก พี่ฌานอธิบายได้นะ” ร่างทรงหนุ่มค่อย ๆ ดึงยางรัดผมออกจากหัว ใช้มือสางผมด้านหน้าให้เข้าที่พลางให้เหตุผลโดยจงใจเล่นบทโศกเพื่อเรียกคะแนนสงสาร “ตอนแรกที่พี่ฌานได้ยินน้องชายเดินมาบอกว่าอยากออกไปอยู่ข้างนอกกับอิ๊ก พี่ฌานก็อดใจหายไม่ได้ที่ต้องอยู่ห่างจากน้องชายสุดที่รัก...
.
.
...แน่ละ ตามประสาพี่ชายที่ดี พี่ฌานก็ต้องคาดคั้นถึงสาเหตุที่ทำให้อยู่ ๆ น้องชายก็คิดจะตีจาก...
...พอรู้ว่าเป็นเพราะน้องชายอยากจะใช้เวลาสองต่อสองกับอิ๊ก พี่ฌานก็ยิ่งงงหนัก เพราะพี่ฌานออกจะแฮปปี้ หากน้องชายกับอิ๊กจะแสดงออกทางความรักโดยมีพี่ฌานร่วมเป็นสักขีพยานด้วย”

พี่ฌานจะบ้าเหรอครับ? ใครมันจะไปมีอารมณ์อยู่ได้ถ้าพี่ฌานมานั่งมองอยู่ด้วยน่ะ!” หนุ่มหน้าหวานแทบจะปีนขึ้นม้านั่งยาวแล้วตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายเพื่อให้ได้อารมณ์ข่มขู่ขั้นสูงสุดเสียจริง ๆ  แต่สิ่งที่ได้รับตอบแทนจากแฝดพี่กลับกลายเป็นรอยยิ้มเอ็นดูกับคำพูดหยอกเอินที่คนฟังไม่มีอารมณ์บันเทิงร่วมด้วยเลยสักนิด

“หึ หึ หึ... อิ๊กรู้ไหม  อิ๊กกับน้องชายพูดเหมือนกันเปี๊ยบเลยนะ” ...แม้จะยอมรับว่าคำตอบของอิ๊กไม่ผิดไปจากคำพูดของฌอนสักเท่าไร ทว่าฌานกลับไม่ได้แบไต๋หรอกว่า จังหวะที่เขาใช้เหตุผลเดียวกันนี้หว่านล้อมน้องชาย... ปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่ายกลับโหดร้ายและน่ากลัวกว่าอาการของอคิราเป็นร้อยเท่าพันเท่า

“ไม่ต้องเป็นอิ๊กหรือฌอนหรอกครับพี่ฌาน คนอื่น ๆ ที่สติยังดีก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ!” หนุ่มบริหารแดกดันชุดใหญ่ แต่ฌานกลับทำหูทวนลมแล้วกวนตีนต่อไปไม่หยุดหย่อน  

“แต่เพราะไม่มีใครรู้ว่า อิ๊กจะรักน้องชายของพี่ฌานไปอีกนานเท่าไร พี่ฌานเลยไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับความคิดนี้เท่าไรนัก...
.
.
...เกิดอิ๊กไม่รักฌอนจริง พอได้ฌอนสมใจ ก็ทิ้งน้องพี่ฌานไว้กลาง  แล้วภาระเรื่องห้องล่ะ ใครจะรับผิดชอบ?...
...เพราะฉะนั้น การย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเพราะอยากจู๋จี๋กันทั้งเช้า กลางวัน เย็นมันเลยไม่เมคเซนส์ยังไงล่ะ”

พี่ฌานจะบ้าเหรอครับ? คนที่ควรจะกลัวว่าจะโดนทิ้งน่าจะเป็นอิ๊กมากกว่านะ!” อิ๊กด่ากราด ก่อนจะปรายตามองจิกฌอนอย่างไม่ไว้ชีวิต “คนดี ๆ ที่ไหนจะยอมให้พี่ชายตัวเองรับสมอ้างทำหน้าที่แฟนให้อิ๊กได้ทั้งวันโดยที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย!

“จริง ๆ ประโยคนั้นน้องชายก็ด่าพี่ฌานไปแล้วรอบนึงครับ”  ประโยคดังกล่าวทำเอาอคิราตวัดสายตาเดือดดาลกลับไปมองหน้าแฝดพี่จนแสกผมเป๋ไปอีกข้าง ฝั่งร่างทรงหนุ่มก็กดหน้าชิดอกรัว ๆ รับคำพร้อมรอยยิ้มเจื่อน  จังหวะที่หนุ่มบริหารร่างบางซึ่งโกรธจนแทบจะเฉือนเนื้ออีกฝ่ายออกมาแล้วเทเกลือราดแผลให้แดดิ้นกำลังจะอ้าปากสวดภาณยักษ์เพื่อให้พรแก่แฝดพี่แบบน็อนสต็อปนั้นเอง ฌานผู้ตีหน้าตายไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็ชิงพูดแทรกขึ้นเสียก่อน

“นั่นเลยเป็นเหตุผลที่พี่ฌานขอพิสูจน์ความรักที่แท้จริงของอิ๊กที่มีต่อน้องชายเป็นเวลาหนึ่งวันยังไงล่ะครับ”

ห๊ะ?!! / ด้วยการปลอมตัวมาเป็นฌอนเนี่ยนะ?! พี่ฌานบ้าไปแล้วหรือไง?!!” เหล่าผู้ร่วมโต๊ะอาหารที่นั่งมองหน้าสามหนุ่มไปมาอยู่นานส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจพร้อม ๆ กับที่ชายหนุ่มหน้าหวานรั้งตำแหน่งเดือนบริหารโปรเจ็คเสียงตวาดฌานอย่างไม่ไว้หน้า

“แหม ไม่ต้องพิสูจน์ความรักด้วยการก็อปคำพูดกันมาหมดก็ได้อิ๊ก แค่เมื่อกี๊พี่ฌานก็เชื่อหมดใจแล้วล่ะว่าอิ๊กน่ะรักน้องชายพี่ฌานจริง ๆ ” แฝดพี่เสมองหลบสายตาพยาบาทมาดร้ายของแฟนน้องชายระหว่างพยายามทำขำกลบเกลื่อน ส่วนฌอนซึ่งสัมผัสได้ถึงออร่าพร้อมฆ่าคนตายที่สื่อผ่านสายตากินเลือดกินเนื้อของคนรักก็รีบหยัดลุกขึ้นโอบร่างบางเอาไว้แล้วใช้ฝ่ามือปิดปากเพื่อหาช่องถามถึงบทสรุปของการละเล่นแผลง ๆ ที่พี่ชายเป็นคนต้นคิด

“สรุปว่าพี่ชายยอมย้ายแล้วใช่ไหมครับ?”

“อืม... ย้ายก็ย้าย” ท่าทางยอมรับโดยดุษณีของพี่ชายฝาแฝดทำให้ฌอนอยากจะรู้รายละเอียดของเหตุการณ์อีกฝั่งขึ้นมาทันที

“อิ๊กรู้ตอนไหนว่าพี่ชายไม่ใช่ฌอนน่ะครับ?”

“แล้วสรุปว่าได้ห้องหรือยังล่ะ?” ถึงอย่างนั้น... แฝดพี่กลับทำเฉไฉตีหน้าตายแล้วถามถึงเรื่องอื่นแทนจนแฝดน้องต้องรัดร่างในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นด้วยกลัวคนรักจะกระโดดตะกุยหน้าฌานให้สาแก่ใจไปเสียก่อน

“ครับ เดี๋ยวเย็นนี้เราคงต้องจัดการเรื่องซื้อขายกันอีกที”

“ยินดีด้วยนะน้องชาย แฟนน้องชายผ่านบททดสอบแล้ว”

“แต่พี่ชายยังไม่ได้บอกเลยว่าไปทำอีท่าไหน  อิ๊กถึงรู้ความจริง” แม้ฝ่ามือจะโดนอดีตเดือนบริหารกัดแย็บ ๆ จนเจ็บจี๊ดเป็นระยะ ๆ แต่ฌอนกลับยังไม่เลิกซักไซ้พี่ชาย

“ก็เรื่องนั้นที่น้องชายเตือนเอาไว้นั่นแหละ” สุดท้าย ร่างทรงหนุ่มก็จำต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้ และนั่นทำให้แฝดน้องถึงกับหลุดขำออกมาเบา ๆ  อย่างถูกใจเพราะสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้เป็นไปตามนั้นจริง ๆ  

“หึ หึ... ฌอนบอกแล้วว่าพี่ชายต้องแพ้ อิ๊กต้องแยกเราสองคนจากกันได้แน่ ๆ ครับ” คำพูดท้าทายของน้องชายทำเอาอีกฝ่ายเอ่ยอย่างมาดหมายด้วยไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ที่มีเยอะเป็นทุน

“หึ!... เอาไว้คราวหน้าพี่ฌานจะลองใหม่ ขอเวลาทำใจให้ไม่แขยงเวลาโดนตัวอิ๊กก่อนก็แล้วกันนะ” ทันทีที่ได้ยินคำเฉลยของร่างทรงหนุ่ม ร่างบางที่ยอมสงบศึกชั่วคราวเพื่อแอบฟังเหตุผลเบื้องหลังแผนการสุดประหลาดของแฝดพี่ก็กลับบ้างคลั่งอย่างไร้สติขึ้นมาอีกคำรบ

ไอ้พี่ฌาน!! ไอ้...อื้อออ...อ่อยยย!!”  ยังไม่ทันที่อคิราจะได้แผดเสียงด่าฌานให้หนำใจ แฝดน้องก็รีบเลื่อนมือไปกั้นเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ถูกปล่อยออกจากริมฝีปากน่าจูบของชายหนุ่มผู้เป็นที่รักได้ทันการพอดี


«»------------------------------------------------------------------------ «»


“พี่ชายครับ... ทำไมอยู่ ๆ พี่ชายถึงยอมเปลี่ยนใจย้ายไปอยู่ข้างนอกแล้วล่ะครับ?” แฝดน้องยังไม่คลายความสงสัยจากการตัดสินใจของแฝดพี่ที่เปลี่ยนมาให้ประโยชน์แก่ตัวเองแบบเต็ม ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนโตกว่าเพียงไม่กี่วินาทีดูจะคัดค้านหัวชนฝาเสียด้วยซ้ำ

“น้องชายอยากรู้จริง ๆ เหรอ?” พอเห็นแฝดน้องพยักหน้ารับ ฌานจึงให้คำตอบตามความจริงที่ตนเพิ่งประจักษ์เมื่อช่วงครึ่งเช้าของวัน “พี่ชายเชื่อแล้วล่ะว่าอิ๊กมันหื่นจริง ๆ ... มีห้องหับพรางหูพรางตาแบบเป็นเรื่องเป็นราว น่าจะดีกับสุขภาพจิตของพี่ชายมากกว่าอยู่หอในแน่ ๆ ว่ะ”

“หึ หึ หึ... ครับ ขอบคุณที่ยอมเข้าใจครับ” ฌอนต้องกลั้นขำอย่างแรงก่อนจะเอ่ยประโยคดังกล่าวออกจากปากได้ด้วยไม่นึกว่าความบ้า ๆ บอ ๆ ของคนรักจะช่วยให้แผนการโน้มน้าวพี่ชายสำเร็จง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วย

“ไม่ต้องขอบคุณพี่ชายหรอก จริง ๆ เป็นเพราะอิ๊กมันไฟแรงเกินไปอย่างที่น้องชายบอกนั่นแหละ... ระวังนะเว่ย เดี๋ยวจะโดนสูบวิญญาณจนแห้งเหี่ยวไปเสียก่อน  คนหรือผีแม่ม่ายก็ไม่รู้ โคตรน่ากลัวอ่ะ” พูดพลางสองมือของฌานก็ถูขนที่แขนไปพลางพร้อมออกอาการเข็ดหลาบจนน่าขัน  

“อ้อ เกือบลืม!... พี่ชายสแกนเพื่อน ๆ อิ๊กครบหมดแล้วนะ / แล้ว?” นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ฌอนยอมรับแผนการสับเปลี่ยนตัวกันกับพี่ชายได้อย่างไม่ลำบากใจนัก

“เพื่อนอิ๊กทุกคนนิสัยโอเค และดูจะไว้ใจได้ ไม่น่าสร้างปัญหายกเว้น... / ยกเว้นใครเหรอครับพี่ชาย?” แฝดน้องตวัดคิ้วฉับด้วยความไม่พอใจเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายเพิ่งรายงาน

“เหนือสมุทร / เหนือสมุทร?!” สีหน้างุนงงราวกับไม่เคยได้ยินชื่อนี้ผ่านหูมาก่อนทำให้คนเป็นพี่ต้องรีบปลอบให้น้องชายใจเย็นลงสักนิด

“เดี๋ยว! ยังไม่ต้องรีบไปตามหาหรอกว่ามันเป็นใคร...
...หลังจากนี้น้องชายคงจะได้เจอหน้ามันบ่อย ๆ เองนั่นแหละ...
.
...ดูจากท่าทางเผิน ๆ  ส่วนที่น่าเป็นห่วงคงจะเป็น การที่มันน่าจะเป็นพวกชอบแย่งแฟนคนอื่นจนติดเป็นนิสัยน่ะ” ฌานกดไหล่น้องชายเพื่อไม่ให้ผลีผลามตามไปเอาเรื่องคนที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันเลยสักครั้ง “แต่ไม่ต้องกังวลไป... ฝั่งคนของเราไม่มีทางเล่นด้วย และดูเหมือนอีกฝ่ายจะคิดกับอิ๊กแค่เพื่อนจริง ๆ ”

“ใจเย็น ๆ น้องชาย... คนแบบนี้ชอบยั่วโมโหคนอื่นไปวัน ๆ  อย่าไปต่อยมันให้เสียเวลาเลยว่ะ เปลืองแรง เสียมือเปล่า ๆ ” ร่างทรงหนุ่มวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความวิตกกังวลของน้องชาย ทว่าคนเป็นน้องกลับยังหงุดหงิดไม่หาย

“แล้วถ้าฌอนโดนมันหยามล่ะครับ?”

“น้องชายไม่ต้องออกโรงเองหรอก เพราะอิ๊กไม่อยู่เฉยแน่ พี่ฌานรับรองได้” ลองว่าแฝดพี่ออกรับหนักแน่นแทนแฟนหนุ่มหน้าหวาน ก็ปักใจเชื่อได้พันเปอร์เซนต์เลยว่า ต่อให้มือที่สามยังจะดื้อด้านทำตัวหน้าไม่อายสักแค่ไหน แต่อคิราย่อมจะหาทางกำจัดบุคคลไม่พึงประสงค์ให้พ้นหูพ้นตาไปได้จริง ๆ

“การที่อิ๊กเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ ฌอนจะได้สบายใจเวลาที่ไม่ว่างไปคอยอยู่เฝ้า”

“เหอะ! พี่ชายว่าอิ๊กน่ากลัวออก” ความเห็นตรงกันข้ามที่หลุดออกจากปากพี่ชายแบบทันควันทำให้ฌอนถึงกับออกอาการไปไม่เป็น ฌานเลยไม่ปล่อยให้น้องชายต้องเงี่ยหูคอยฟังคำตอบนานจนเกินไป

“รายนั้นหื่นจนน่ากลัวน่ะ... สงสัยก่อนย้ายเข้าคงต้องจ้างช่างให้เข้ามาบุผนังกันเสียงให้ห้องน้องชายเป็นพิเศษเสียล่ะมั้ง”  ทันทีที่คนโตกว่าพูดจบ แฝดพี่ก็ตบบ่าน้องชายหนัก ๆ อย่างเห็นอกเห็นใจ ก่อนที่ทั้งสองจะระเบิดหัวเราะเสียงดังเพราะเห็นพ้องต้องกันอย่างที่สุด




 «»------------------------------------ TBC ------------------------------------ «»


No comments:

Post a Comment